xs
xsm
sm
md
lg

ตัดกรรม..แต่กรรมกำลังตามสนอง"เหลี่ยม"(ตอนจบ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สอดแนมการเมือง
โดย...ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

เหนือกฏหมายและเหนือสิ่งอื่นใด-คือ-มนุษย์ต้องรู้ผิดรู้ชอบรู้ชั่วรู้ดีรู้ควรรู้มิควร!

กฏหมายและกฏต่างๆจะไร้ความจำเป็นทันที ถ้ามนุษย์ทุกคนรู้และทำ ในสิ่งควรทำ-ไม่ทำในสิ่งไม่ควรทำ รู้ที่จะแยกผิดแยกถูกและทำในสิ่งที่ถูก ไม่ทำในสิ่งที่ผิดต่อคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อสังคมมนุษย์ทุกหนแห่งจะได้สงบศานติ..น่าอยู่..

แต่เพราะมนุษย์มีคนดีมีคนชั่ว กฏหมายแพ่ง-อาญา-รัฐธรรมนูญ ฯลฯ จึงถูกตราขึ้นเพื่อเป็กติการ่วมของคนในสังคม หรือความเป็นนิติรัฐที่มีนิติธรรม ส่วนตำรวจ อัยการ ศาล คุก ฯลฯ ก็ถูกตั้งขึ้นเพื่อลงโทษคนชั่ว ปกป้องคนดีให้อยู่กันอย่างปลอดภัยนั่นเอง

ดังนั้น ภาระกิจสำคัญสุดๆของคนดี จึงมีเพียงแค่ 2 “ต้อง”เท่านั้น นั่นคือ หนึ่ง-“ต้อง”ทำให้คนดีขึ้นปกครองบ้านเมือง สอง-“ต้อง”กีดกันทุกวิถีทางไม่ให้คนชั่วมีอำนาจโดยเด็ดขาด!

ทว่า..ในชาติไทยถูกคนโคตรชั่วแบบเหลี่ยม เข้ายึดอำนาจรัฐด้วยเงินตรามากว่า 10 ปี ทำให้ความยุติธรรมถูกทำลาย นิติรัฐจึงไร้นิติธรรม อีกทั้งตำรวจ อัยการ ถูกเงินและยศศักดิ์ซื้อจิตวิญญาณที่ดีไป ความยุติธรรมของต้นน้ำ-กลางน้ำจึงแทบสูญสลายหายไป ส่วนความยุติธรรมที่ปลายน้ำของศาล ก็มีผู้พิพากษาบางคนละทิ้งเกียรติ์ หันไปลุ่มหลงในเงินทองและยศศักดิ์เช่นกัน

โชคดี..ที่ผู้พิพากษาอันทรงเกียรติ์ส่วนใหญ่ ในวงการตุลาการยังหยัดยืนอย่างทรนง “ฝ่าพายุฝนแห่งลาภยศเงินทอง”อันรุนแรงได้ ศาลทุกศาลจึงเป็น”ขุนเขาแห่งความยุติธรรมที่ปลายน้ำ” จึงยังเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน และชาติไทยได้ตราบทุกวันนี้

ศาสนา-ที่พึ่งแห่งจิตวิญญาณมนุษย์ ที่ซึ่งพระพุทธเจ้าให้ภิกษุแพร่ธรรม ให้มนุษย์ได้รับรู้ในผิดชอบชั่วดี พร่ำสอนให้มนุษย์ทำกรรมดี ลดละเลิกในการทำกรรมชั่ว ที่สำคัญให้รู้ซึ้งถึงการ”ทำดีได้ดี-ทำชั่วได้ชั่ว” แต่มนุษย์จำนวนไม่น้อยกลับรักที่จะทำชั่วมากขึ้นเรื่อยๆ

ทางสวรรค์ คือ ทางธรรม-ทำดี ทางนรก คือ ทางกรรม-ทำชั่ว! เพราะมนุษย์ไม่น้อยมี”อวิชชา”บดบังหนทางธรรม มนุษย์ที่ทำความชั่วทั้งหลายจึงเชื่ออย่างผิดๆว่า

ทำชั่วก่อนแล้วค่อยมาแก้ด้วยการ “ตัดกรรม-ทำบุญสะเคราะห์-ต่ออายุในการทำชั่ว” ด้วยการบริจาคเงินสกปรกไปทำการกุศล สร้างพระ สร้างวัด ฯลฯ

โดยเชื่อว่า..หากเอาเงินสกปรกมาทำบุญฯ กรรมชั่วที่สร้างไว้น้อยใหญ่จะสูญหายไปเลย วิญญาณชั่วที่จะต้องลงสู่ขุมนรก ถูกต้มในกะทะทองแดง ปีนต้นงิ้ว ฯลฯ บุญที่ทำบังหน้าจะทำให้”ยมบาล”ตาถั่ว มองไม่เห็นกรรมชั่วมหันต์ในตอนมีชีวิตอยู่บนโลก

คิดผิดๆ แบบนี้แหละ..เหลี่ยมกับเครือญาติจึงยังทำชั่วกันไม่หยุดหย่อน!

ดังนั้น เหลี่ยมกับเตรือญาติจึงต้องพึ่ง “หมอดู-หมอเดา-หมอต้มตุ๋น”มากมาย ทั้งไทยเทศ

กับพระเก๊ ฯลฯ นอกจาก”ร.ต.สำฤทธิ์ เกลี้ยงเกลา” ที่ทำเหลี่ยมจะได้เป็นนายกฯไว้ล่วงหน้า ก่อนที่เหลี่ยมจะได้เป็นนายกฯคนที่ 23

เหลี่ยมยังมี”พระวิจิตรสุทธิการ” เจ้าอาวาสวัดค้างคาว จ.ลพบุรี ที่ดู”ฤกษ์”ให้เหลี่ยมกลับมาเหยียบชาติไทยครั้งแรก ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551หลังโดนยึดอำนาจในปี 2549 อีกด้วย

ส่วนอีกคนเป็นหญิงชราอยู่เเมืองย่างกุ้งโน่น “หมอดูอีที”ชาวพม่าผู้นี้ ”หญิงเพิงหมาแหงน”

เคยส่งคนไปรับมาดูดวงชะตาถึงบ้าน ค่าดูแต่ละครั้งหลายแสนบาททีเดียว

นั่นยังไม่รวมพวกเอาผ้าเหลืองบังหน้าหาเงิน ที่ชอบจ้อ”สอพลอฆราวาส” พระ”จอมอีเว้นท์”ที่ขยันทำพิธี ทั้ง”สะเดาะเคราะห์-ตัดกรรม-ต่ออายุคนชั่ว” ฯลฯ

เหลี่ยมที่เป็น“ตัวเงินตัวทอง”จึงต้องควักเงิน จ่ายให้พวกทำกิจกรรมทาง”อวิชชา”เสมอมา!

เมื่อเร็วๆนี้ ทักษิณกับเครือญาติและขี้ข้ากลุ่มหนึ่ง แอบบินไปโผล่ที่พม่า เพื่อให้”หมอดูพม่า”ทำพิธี ”สะเดาะเคราะห์-ตัดกรรม” หวังจะต่ออายุรัฐบาลชั่วของตนในไทยเป็นการใหญ่

พิธีใหญ่แบบนี้เหลี่ยมทำมาหลายหนแล้ว แต่ยิ่งทำก็ยิ่งตกต่ำลงๆ แม้แต่รัฐบาลตนเองยังรักษาไว้ไม่ได้ จนเหลี่ยมต้องหนีไปอยู่ต่างแดนในทุกวันนี้

ยุครัฐบาลเหลี่ยม 1 ประเทศไทยเกิดเหตุร้ายใหญ่ๆมากมาย เช่น “โรคซาร์ส”หรือโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน และโรค”ไข้หวัดนก”ระบาดอย่างหนัก แถมเกิดเหตุธรณีพิบัติ”สึนามิ” ฯลฯ จนเกิดกระแสความเชื่อว่า เหตุร้ายทั้งหมดเกิดขึ้น เพราะชาติไทยมีนายกฯ”กาลีบ้านกาลีเมือง”

แต่พวกขี้ข้าเหลี่ยมได้โบ้ยไปที่”ดวงเมืองวิบัติ” ซึ่งต้องแก้ด้วยการ”ทำบุญแผ่นดิน”ครั้งใหญ่ “หมอดู”ของเหลี่ยมทั้งหลายจึงระบุว่า จะต้องทำบุญฯในวันที่ 10 เมษายน 2548 หรือทำบุญฯนี้ก่อนวัน”สงกรานต์”หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย หากทำช้าหรือเร็วกว่านั้น จะแก้ไขอะไรไม่ได้เลย

ที่สำคัญ..ดวงชะตาของเหลี่ยม จะต้องดิ่งลงนรกไปเลย!

”หมอดู”ยังย้ำว่า..งานทำบุญฯครั้งนี้ จะช่วยชะตาชีวิตเหลี่ยมให้พ้นวิบัติได้ ต่อเมื่อเหลี่ยมต้องนั่งเป็นประธานการจัดงานฯนี้เท่านั้น!

การจัดงาน”ทำบุญแผ่นดิน”มีรองนายกฯ”บิ๊กจิ๋ว”เป็นประธาน คณะกรรมการมาจากหน่วยงานต่างๆ ผมเป็นหนึ่งในคกก.ชุดนี้ และเข้าร่วมการประชุมที่ทำเนียบฯ 2 ครั้ง

ประชุมครั้งแรก-ที่ประชุมเชื่อกันว่า เหลี่ยมอยากเป็นประธานงาน จึงเสนอให้จัดงานกันที่สนามหลวง แต่มีคนเสนอว่า เพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นงาน”ทำบุญแผ่นดิน” จึงควรขอพระเมตตาจาก พระบรมโอสาธิราชฯ ให้พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จมาเป็นองค์ประธานในงานนี้

ที่ประชุมทั้งหมดเห็นด้วย จึงพิจารณาเรื่องสถานที่จัดงานกันใหม่ จนมีข้อสรุปให้ขอพระบรมราชานุญาต จัดงาน”ทำบุญแผ่นดิน”ที่”วัดพระแก้ว” เพราะมีประธานงานเป็นถึง”องค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์จักรีฯ”นั่นเอง

ส่วนวันจัดงานนั้น “ใครที่รู้ว่าคือใครคนนั้น”ได้ส่งสัญญาณทั้งทางตรงทางอ้อม กำหนดให้จัดงานทำบุญฯฯ ในวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2548 ห้ามจัดช้าหรือเร็วกว่านี้เป็นอันขาด!

ผมไม่ได้เข้าประชุมครั้งที่ 3 และ 4 เพราะมีการเปลี่ยนประธานฯจัดงาน จาก”บิ๊กจิ๋ว”เป็นรองนายกฯ”จาตุรนต์ฯ” ที่สนิทกับคนสนิทของเหลี่ยม การประชุมช่วงนี้มีการเปลี่ยน”ประธาน”จัดงานทำบุญฯ จากพระบรมฯมาเป็น”นายกฯเหลี่ยม” แต่งานยังคงจัดกันที่”วัดพระแก้ว”ดังเดิม ทั้งๆที่การใช้”วัดพระแก้ว”นั้น เกิดขึ้นเพราะพระบรมฯเป็นองค์ประธานงาน มิใช่นายกฯเหลี่ยมที่มาเป็นประธานงานในภายหลัง

งานนี้..เหลี่ยมที่เป็นถึงนายกฯควรจะรู้ว่า อะไรควรมิควร เพื่อตัดปัญหาการ”ตีตนเสมอเจ้า” จึงควรจะเปลี่ยนสถานที่จัดงาน จาก”วัดพระแก้ว”ไปที่ท้องสนามหลวง..จริงไหม?

มีคนบอกกับผมในภายหลังว่า คนสนิทของ“ใครที่รู้ว่าคือใครคนนั้น” ได้ตั้งคำถามอันต่ำช้าว่า ถ้าพระบรมฯเสด็จมาเป็นองค์ประธาน แล้วจะเอานายกฯเหลี่ยมไปไว้ที่ไหนล่ะ?

การ”ทำบุญแผ่นดิน”จอมปลอม ที่มีผลประโยชน์ชั่วช้าซ่อนเร้น จึงกลายเป็นการทำกรรมเพิ่มให้กับตนเองไปโดยปริยาย จึงสมแล้วที่ชะตาชีวิตเหลี่ยมล่มจมแบบนี้

ตัดกรรม-สะเดาะเคราะห์-ต่ออายุ จะทำพิธีกรรมพิศดารอะไรก็ช่วยไม่ได้ เพราะเหลี่ยมยังคงทำความชั่วต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หนักข้อยิ่งขึ้นแบบนี้ จึงมีแต่กรรมที่เร่งตามสนองเหลี่ยมอยู่ในวันนี้ไงล่ะครับ..!


กำลังโหลดความคิดเห็น