ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 2
เครื่องบินร่อนลงที่ Run way ของสนามบิน รถลีมูซีนสนามบินแล่นมาจอดหน้าบ้านกำธร ดนัยลงจากรถมาจากด้านข้างคนขับ แม่บ้านกับพี่เลี้ยงเดินออกมามองดนัยแล้วยิ้มต้อนรับ ดนัยยิ้มให้ทั้งสอง
ทิพย์ แม่บ้านทักทาย “สวัสดีค่ะ มาพบคุณกำธรหรือคะ ขอทราบชื่อด้วยนะคะ”
ดนัยไม่ตอบแต่มองไปในรถ ทิพย์กับพี่เลี้ยงมองตาม
ดนัยเปิดประตูรถ วีด้าก้าวลงมาจากรถในชุดเดินทางที่เรียบหรู ทิพย์กับพี่เลี้ยงเพ่งมองแล้วยิ้มดีใจก่อนจะรีบวิ่งมาหาวีด้า
“คุณแพร!”
วีด้าค่อยๆถอดแว่นดำออกอย่างผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“วีด้าค่ะแม่ทิพย์...”
วีด้าโผเข้ากอดทิพย์อย่างสุดคิดถึง
“ค่ะๆคุณวีด้า...ในที่สุดคุณหนูก็กลับมาแล้ว!”
วีด้าผละออกจากทิพย์แล้วพูด
“ค่ะ...หนูกลับมาแล้ว” วีด้าพูดกับดนัย “ไปไหว้คุณอากันนะดนัย”
ดนัยที่กำลังยกกระเป๋าลงพยักหน้ารับ แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าบ้าน ทิพย์กับพี่เลี้ยงเริ่มเม้าท์ทันที
“แฟนคุณวีด้าแน่ๆเลยคุณทิพย์...หล่ออ่ะ”
พี่เลี้ยงกับทิพย์มองตามทั้งสองไปด้วยสายตาชื่นชม
กำธรนั่งดูเอกสารแล้ว Skype คุยที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กำธรปิดหน้าจอแล้วดูเอกสารต่อ วีด้าเคาะประตูเปิดเข้ามา
“คุณอาของวีด้ายังขยันเหมือนเดิมนะคะ”
กำธรรีบเงยหน้าขึ้นมองทันที “วีด้า!”
พอเห็นวีด้ากำธรก็ดีใจจึงรีบลุกไปรับกอดวีด้า
“กลับมาทำไมไม่โทรบอกอา” กำธรว่า
“วีด้าอยากเซอร์ไพรส์ค่ะ”
“แล้วรู้ได้ไงว่าอาอยู่บ้านวันนี้?”
“ไม่เห็นจะยาก วีด้าก็แค่แอบเช็คกับเลขาคุณอาน่ะสิคะ ถึงได้รู้ว่าเรือขนสินค้าลำใหม่ของเราติดพายุ เลยเลื่อนวันส่งมอบ”
“ฉลาด ละเอียด รอบคอบ สมกับเป็นหลานของอา ฮ่าๆ”
กำธรลูบหัวด้วยความเอ็นดูแล้วเลยมองไปที่ดนัยที่ยืนยิ้มอยู่อย่างเรียบร้อย
“นี่คงเป็นดนัย ที่วีด้าเคยเล่า ว่าเป็นเพื่อนสนิทที่โน่นใช่ไหม”
ดนัยยกมือสวัสดี วีด้าหันไปหาดนัยแล้วยิ้มให้กัน กำธรแอบลอบสังเกตสองหนุ่มสาว
วีด้า ดนัย และกำธรนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน
“วีด้าเขาเล่าเรื่องของดนัยให้อาฟังเยอะเลย ยังไงก็ขอบคุณมากนะที่ช่วยดูแลวีด้าแทนอา” กำธรบอก
“ด้วยความยินดีครับ” ดนัยพูด
“แล้วนี่ดนัยมีแผนจะทำงานที่ไหนหรือเปล่า อยากจะทำงานกับอาไหม อาจะช่วยดูให้”
“ขอบคุณมากครับ แต่ผมต้องเข้าทำงานในบริษัทในเครือของคุณพ่อผมครับตามความต้องการของท่าน”
“...อาเข้าใจ แล้วเราละยัยวีด้า จะมาทำงานกับอาหรือเปล่า?” กำธรถาม
“หนูสมัครงานไว้แล้วค่ะคุณอา แต่เขายังไม่เรียกสัมภาษณ์”
ดนัยแปลกใจเพราะวีด้าไม่บอกเรื่องที่เธอสมัครงาน
“บริษัทเราก็มี จะต้องไปสมัครงานที่อื่นทำไมกัน?” กำธรถาม
“แหม...หนูก็อยากไปหาประสบการณ์ให้เก่งๆ ก่อนกลับมาช่วยงานคุณอานี่คะ”
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย สัญญามาก่อนว่า พอได้ประสบการณ์จนพอใจแล้วต้องกลับมาช่วยงานอาเร็วที่สุด”
“แน่นอนค่ะ”
กำธรแซวแล้วยิ้มมีความสุขที่เห็นดนัยสบตาวีด้า วีด้าหลบตาเพราะว่าตัวเองปิดบังเรื่องงาน
ยศสรัลกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะในห้องทำงานของเขา เอกสารกองโตทำให้เขาก้มหน้าก้มตาไม่สนใจสิ่งอื่น สักพักเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
ยศสรัลพูดไม่เงยหน้าขึ้นมอง “เชิญครับ”
ประตูเปิดออกหญิงสาวสวยสง่าคนหนึ่งค่อยๆก้าวเข้ามา ดอกไม้ช่อหนึ่งยื่นเข้ามาใกล้หน้าของยศสรัล ยศสรัลแปลกใจึงเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นมณฑิตาส่งยิ้มสดใสให้
“ยินดีกับ Marketing Director คนใหม่ค่ะ”
“ขอบคุณครับมณ...คุณกลับจากฝรั่งเศสตั้งแต่เมื่อไหร่?” ยศสรัลถาม
“เครื่องแลนด์เมื่อวานซืนค่ะ ยังพักไม่ทันหายเหนื่อยเลย พอรู้ข่าวจากคุณอาสินี ก็รีบมายินดีกับคุณเลย”
ยศสรัลอึดอัด “ขอบคุณครับ...ที่จริงคุณแม่ไม่น่ารบกวนมณ”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณ เป็นไปดินเนอร์กับมณคืนนี้ได้มั้ยคะ?”
ยศสรัลยิ้มอย่างลำบากใจ
ยศสรัลกับมณฑิตาในชุดราตรีหรูยืนถือเครื่องดื่มอยู่ ตรงเทอเรซโรงแรมริมน้ำ
“เป็นยังไงบ้างคะอาหารค่ำสำหรับการเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ของสรัล มณจัดให้ถูกใจคุณไหม” มณฑิตาถาม
“ดีครับ” ยศสรัลยิ้ม “ขอบคุณ...”
มณฑิตาพูดซ้อนขึ้นทันที “ขอบคุณมากนะครับมณ”
ยศสรัลยิ้มเก้อๆ
“ถามจริงๆเถอะค่ะ คุณพูดประโยคอื่นไม่เป็นเหรอคะสรัล?”
“แล้วคุณอยากให้ผมพูดอะไรละครับ?”
มณฑิตาเกาะแขนยศสรัล
“รู้ไหมคะเวลามณทำอะไรให้สรัล มณมีความสุขมากทุกครั้งเลย”
ยศสรัลไม่ตอบแต่ยิ้มให้มณฑิตา
มณฑิตาพูดต่อ “แต่ที่มณอยากรู้คือ คุณมีความสุขเหมือนมณหรือเปล่า?”
ยศสรัลยืนนิ่งเพราะตอบไม่ถูก
วีด้ากำลังดูเมนูอาหารอยู่ ดนัยมองวีด้าไม่วางตาจนวีด้ารู้สึกได้จึงเงยหน้าขึ้นมาถาม
“หน้าวีด้านะไม่ใช่เมนูอาหาร มองอยู่ได้”
“ผมแค่แปลกใจ” ดนัยว่า
“แปลกใจ? เรื่อง?”
“ทำไมวีด้าไม่บอกผมเรื่องสมัครงาน?”
วีด้าอึกอัก “ก็ไม่ทำไม วีด้าแค่ลืมบอก”
ดนัยมีสีหน้าสงสัย วีด้าจึงรีบหาเหตุผลมาอธิบายต่อ
“แหม...ตอนใกล้จบมีเรื่องวุ่นๆให้ทำตั้งเยอะแยะ ทั้งเอกสารโน่นนี่ วีด้าก็ต้องมีหลงลืมบ้างเป็นธรรมดา หรือว่าดนัยไม่เคยเป็น?”
“โอเค...แต่ต่อไปวีด้าห้ามทำแบบนี้นะ มีอะไรต้องบอกผม แล้วนี่สมัครงานบริษัทอะไร?”
“โอ้ย...จำไม่ได้อ่ะ วีด้าก็ร่อนอีเมล์ไปทั่วนั่นแหละ ถามเยอะจังนี่เป็นเพื่อนหรือเป็นพ่อกันแน่เนี่ย?”
ดนัยอึ้ง “อ้าว เราไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอ?”
วีด้าตีสีหน้าไม่ถูกจึงเสหยิบเมนูขึ้นมาดูต่อ
“มื้อนี้จะกินอาหารไทยให้ฉ่ำท้องเลย...คิดถึงเมืองไทยที่สุด ดนัยคิดเหมือนกันมั้ย?”
ดนัยแกล้ง “ไม่รู้สิ ปรกติผมคิดถึงแต่วีด้า”
วีด้าหัวเราะขำ ดนัยก็ขำ
“เดี๋ยวส่งกลับไปอังกฤษเลย” วีด้าว่า
“ไม่มีทาง ไล่ยังไงก็ไม่ไป” ดนัยบอก
วีด้ากับดนัยหันหน้าเข้าหากันแล้วหัวเราะขำ
“ไม่คุยด้วยแล้ว ดนัยสั่งก่อนเลยนะ วีด้าไปเข้าห้องน้ำดีกว่า”
วีด้าเดินออกไป ดนัยมองตามยิ้มๆ ด้วยความสับสนว่าเมื่อไหร่วีด้าจะรับเขาเป็นคนรักเสียที
มณฑิตาโอบรอบคอยศสรัล ยศสรัลอึดอัดจึงพยายามแกะมือมณฑิตาออก
“มณ...ผมว่าเรากลับกันเถอะครับ นี่มันดึกมากแล้ว”
“บ่ายเบี่ยง คุณไม่เคยตอบมณเลยนะคะสรัล”
“คือว่า...”
มณฑิตาแทรก “มณรู้ว่าเราสองคนคบกัน เพราะความต้องการของผู้ใหญ่ แต่สรัลก็รู้ว่าถ้ามณไม่รักคุณ ต่อให้คุณพ่อคุณแม่ต้องการแค่ไหนก็บังคับมณให้คบกับคุณไม่ได้! มาถึงวันนี้แล้วทำไมคุณไม่เปิดใจให้มณบ้าง?”
“ผมอยากคิดเรื่องงานก่อน”
“คุณก็ยังตอบไม่ตรงคำถามอยู่ดีค่ะสรัล...มณรู้ค่ะว่าคุณไม่ได้รักมณ แต่มณจะก็ยังไม่ยอมแพ้ มณจะทำให้คุณรักมณให้ได้”
มณฑิตาเดินมาจ้องหน้ายศสรัลจริงจัง
“และในอนาคต มณจะเป็นภรรยาของคุณ”
ยศสรัลอึดอัดมาก มณฑิตาจ้องหน้ายศสรัลจนพอใจแล้วก็เดินออกไป
มณฑิตากับยศสรัลเดินกลับมาตามทางเดินจนถึงหน้าทางเข้าห้องน้ำ
“มณขอตัวเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะคะ” มณฑิตาว่า
“ได้ครับ...ผมรอตรงนี้นะ” ยศสรัลบอก
มณฑิตาพยักหน้าแล้วเดินเปิดประตูเข้าห้องน้ำไป จังหวะนั้นเป็นช่วงที่วีด้าเข้าห้องน้ำเสร็จพอดี มณฑิตาจึงเดินสวนกับวีด้า วีด้าเปิดประตูห้องน้ำก้าวออกมาก็ต้องชะงักเพราะเห็นยศสรัลยืนกดโทรศัพท์อยู่ตรงทางเดินพอดี
วีด้ารำพึงเบาๆกับตัวเอง “พี่สรัล...”
ทันใดนั้น ยศสรัลที่รู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ก็หันมาทางวีด้า วีด้าหลบหวืดที่หลังกำแพงทันที ยศสรัลเห็นแว๊บๆ ก็รู้สึกสงสัยจึงเดินตามมาดู วีด้าหลบลุ้นตัวโก่งเพราะอีกข้างเป็นทางตัน ยศสรัลเดินใกล้เข้ามาทุกที วีด้าลุ้น ยศสรัลเดินมาถึงจุดที่วีด้าซ่อนอยู่และกำลังจะชะโงกหน้าเข้าไปดู ทันใดนั้น มณฑิตาก็โผล่ออกมาพอดี
“สรัล!”
ยศสรัลชะงัก แล้วกวาดสายตามองหาแต่ก็ไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น นอกจากมณฑิตา
“คุณมองหาใครเหรอคะ?”
“ปล่ะ...เปล่าครับ ตอนแรกคิดว่า...เจอคนรู้จัก”
“คนรู้จัก...เป็นผู้หญิงเหรอคะ คุณถึงมามองหาหน้าห้องน้ำหญิง?”
ยศสรัลตัดบท “ผมว่าเรากลับกันเถอะ”
ยศสรัลพามณฑิตาเดินออกไป วีด้าที่ยืนพิงบานประตูในห้องน้ำแอบฟังแล้วเป่าปากด้วยความโล่งใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 2 (ต่อ)
ยศสรัลเดินเข้าบ้านมาก็เจอสินียืนรออยู่ด้วยสีหน้าเครียด
“มณฑิตาโทรมารายงานอะไรคุณแม่อีกละครับ?” ยศสรัลถาม
สินีเดินมาจับแขนแล้วพูดปลอบ “สรัล ลูกก็รู้นี่ว่าคุณพ่อคุณแม่ของหนูมณจะช่วยต่อยอดธุรกิจของเราได้อีกมากขนาดไหน?”
“ผมทราบครับ”
“แต่มันไม่ใช่แค่ทราบนะลูก มันต้องมากกว่านั้น เพื่อครอบครัวเรา...เพื่อคุณพ่อ”
“ผมจะพยายามครับ”
ยศสรัลจะเดินขึ้นข้างบนแต่สินีเรียกไว้อีก
“สรัล” สินีเดินไปหายศสรัล “ลูกไม่มีใครอยู่ในใจใช่ไหม”
ยศสรัลมองหน้าสินีก็เห็นสายตาคาดคั้นรอคำตอบ
“ไม่มีครับ” ยศสรัลตอบ
ยศสรัลเดินขึ้นข้างบน สินีมองตามแล้วยิ้มอย่างโล่งอก
“ดีจ๊ะ เพราะถึงมีผู้หญิงพวกนั้นก็ต้องหลีกทางให้หนูมณอยู่ดี”
ยศสรัลเดินเข้าห้องมาแล้วทรุดตัวนั่งที่โซฟาในห้องนอนอย่างอ่อนแรง
เสียงสินีที่ถามเขาย้อนกลับมา “ลูกไม่มีใครอยู่ในใจใช่ไหม”
ยศสรัลถอนใจเพราะคิดถึงแพร
ภาพอดีตย้อนกลับมา ตอนที่เจอแพร ตอนที่เดินคุยกับแพรที่ชายหาด ตอนที่เขาห่มผ้าให้
เมื่อคิดถึงวันวาน ยศสรัลก็ลุกขึ้นเดินออกไปมองที่หน้าต่างยืนเหม่อคิดถึงแพร
สิรีก้าวเข้ามาในห้องนอนก็เห็นบัญชายังไม่นอน สิรีเดินเข้าไปนวดไหล่ให้อย่างเอาใจ
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะคุณ?”
“ผมรอคุณอยู่”
สินีงง “รอฉัน...”
บัญชาเสียงเข้ม “อย่าให้ผมรู้อีก ว่าคุณเอาผมไปอ้างเรื่องที่จะตาสรับคบหากับหนูมณ ครอบครัวหนูมณอาจให้ผลประโยชน์ที่ดีกับเราก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ต้องยัดเยียดตาสรัลให้ อย่างกับเราจนตรอกมากอย่างนั้น!”
“ฉันก็แค่อยากจะทำเพื่อคุณ”
“ไม่...คุณทำเพื่อตัวคุณเองต่างหาก คุณคิดว่าทำอย่างนี้แล้วผมจะรักคุณมากขึ้นไง สินี...ไม่มีใครรู้จักคุณดีเท่าผมหรอก”
สินีอึ้งจนน้ำตาเอ่อ บัญชาลุกขึ้นแล้วพูด
“คืนนี้ผมจะนอนที่ห้องทำงาน ไม่ต้องรอ”
บัญชาเดินออกไป สินีมองตามน้ำตาไหลและกำหมัดแน่น
วีด้ากลับเข้าห้องมาด้วยความสับสนเพราะยังคิดถึงภาพของยสสรัลที่เธอบังเอิญเจอวันนี้ไม่หาย วีด้านั่งลงหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วเปิดเมล์บ๊อกซ์เพื่อเช็คดู กล่องข้อความไ่ม่มีข้อความใหม่เข้ามา
เสียงดนัยดังในหัวของเธอ “โอเค...แต่ต่อไปวีด้าห้ามทำแบบนี้นะ มีอะไรต้องบอกผม แล้วนี่สมัครงานบริษัทอะไร?”
วีด้าคลิกเข้าไปในกล่องจดหมายที่ส่งแล้วก็เห็นข้อความที่ส่งแล้วล่าสุดเป็น Resume ของนางสาว สุทธิดา ที่ส่งถึง humanresorce@primeenterprise.co.th วีด้ามีแววตาแข็งกร้าว
ณ ร้าน Grace’s nails เกรซ กำลังจัดร้าน และดูลูกน้องให้จัดสีทำเล็บและอุปกรณ์ต่างๆ วีด้ากับดนัยเปิดประตูร้านเข้ามา
“ร้านเปิดหรือยังคะ?” วีด้าถาม
“เปิดแล้วค่ะ...”
เกรซตอบ พอเห็นว่าเป็นวีด้าเธอก็ตาโตดีใจวิ่งเข้าไปกอดวีด้าทันที
“แพร!! กลับมาแล้วเหรอ? ดีใจจังเลย ฉันคิดถึงแกจะตายอยู่แล้วรู้ป่าว” เกรซหอมแก้มเพื่อน
วีด้ามองหน้า “ทำมาเป็นประจบเลย เรียกชื่อชั้นให้ถูกซะก่อนเถอะ”
“เออ ลืม ขอโทษที มันติดปาก ว่าไงจ๊ะ แม่วีด้าสาวเปรี้ยวสาวสวย”
วีด้าหัวเราะชอบใจ “อย่างงี๊ค่อยน่าฟังหน่อย แล้วไอ้เมย์ละเป็นไงบ้าง?”
“ไอ้เมย์หลังแต่งงาน มันก็ย้ายไปอยู่เมืองนอกแล้ว”
“ลืมไปเมย์มันได้แฟนฝรั่งนี่นา อิๆๆ”
ทั้งสองหัวเราะ พลันสายตาของวีด้าก็มองเห็นนิตยสารเล่มหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ วีด้าผละจากเกรซแล้วเดินไปหยิบนิตยสารฉบับนั้นขึ้นมาดูก็เห็นว่าคัชพล บัญชา และยศสรัลขึ้นปก พร้อมคำโปรยว่า “ครอบครัวผู้ชายพายเรือ ที่ครองอาณาจักรมหาสมุทรของไทย Prime Enterprise”
เกรซรีบเข้ามาคว้านิตยสารฉบับนั้นจากมือวีด้า
“ขอโทษที ฉันไม่ควรให้มันอยู่ตรงนี้เลย” เกรซว่า
“นิตยสารใครก็มีสิทธิ์อ่านทั้งนั้น อย่าคิดมากเลย”
ดนัยเปิดประตูร้านเข้ามา
“ขอโทษที่ช้านะวีด้า ผมเพิ่งได้ที่จอดรถน่ะ”
เกรซงง “ใครอ่ะ?”
“นี่ดนัยไง” วีด้าบอก
“อ้อ...ดนัย อิๆๆๆ”
วีด้าหยิกเกรซ เกรซมองล้อวีด้าล้อๆ
ยศสรัลคุยโทรศัพท์
“ผมขอปฏิเสธนะ”
“ไม่ได้ค่ะ งานนี้สำคัญกับมณมาก ลูกค้าเองก็อยากให้เราออกงานด้วยกัน”
มณฑิตาพูดไปใส่ต่างหูไปด้วย
“แต่ผมไม่ชอบออกงานแบบนี้ มณก็รู้” ยศสรัลบอก
“ค่ะ มณทราบ แต่ในฐานะที่เราสองคนคบกัน สรัลควรไปกับมณบ้าง ถ้ามณต้องไปไหนมาไหนคนเดียว มณรู้สึกไม่ดี”
ยศสรัลอึดอัด
“ฟังนะคะสรัล ถ้าสรัลคบกับมณเพราะหน้าที่ คุณก็ควรทำมันให้ดีที่สุด มณจะไปรอคุณ เจอกันที่งานนะคะ หรือไม่เรื่องนี้ก็จะถึงหูคุณอาสินีคุณแม่ของคุณ”
มณฑิตาวางสายแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกไป
ยศสรัลเดินออกมาจากในห้องอย่างไม่สบอารมณ์ คัชพลเดินเข้ามาเจอพอดี
“ยังไงสรัล...หน้าเบี้ยวได้อีกนะแก” คัชพลว่า
“หน้าเบี้ยวจริงก็ดีซิครับพี่ใหญ่ ผมจะได้เบี้ยวนัดมณซะเลย” ยศสรัลบอก
“ที่แท้ก็เพราะยัยมณสุดที่รักของแกอีกแล้ว”
“มณฑิตาไม่ใช่สุดที่รักของผมครับพี่ใหญ่”
“เหรอ..จุ๊ๆๆ ระวังนะ อย่าไปพูดให้คุณแม่ได้ยินเข้า แกจะหูยาน”
คัชพลตบไหล่ยศสรัลแล้วพูด
“เอาน่าสรัล ยัยมณก็สวยสง่ามีราศี น่ารักดีออก เปิดใจให้กว้างๆ แกจะรู้สึกดีขึ้นเอง”
“พี่ใหญ่ลองเปิดใจดูมั้ยละครับ? ผมยกให้”
“ไม่ดีกว่า ยัยมณไม่ใช่ทางพี่อ่ะ”
คัชพลหัวเราะแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ยศสรัลยิ่งหัวเสียมากขึ้นอีก
มณทิตายืนคอยอยู่ที่งานเลี้ยงในโรงแรม ยศสรัลเดินมาหยุดแล้วมองไปไกลๆเห็นความวุ่นวายคนที่เยอะมากแล้วก็ถอนใจเซ็งๆ จึงคิดจะหันหลังกลับแต่ก็ชะงักนิ่งคิดแล้วหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก
“ผมมาถึงแล้วครับ”
มณฑิตาถือโทรศัพท์เดินยิ้มมาหาแล้วเกาะแขนยศสรัลทันที
“ในที่สุด มณก็รู้ว่าสรัลให้สิ่งที่มณต้องการได้เสมอ”
มณฑิตาควงแขนพาสรัลเดินเข้างานอย่างมีความสุข
ดนัยกับเกรซนั่งรับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน
“วีด้าเขาโทรมาเม้าให้ฟังประจำ อย่างเรื่องที่ฝึกงานที่โน่นดนัยก็ช่วยติดต่อให้ ก่อนจะกลับมานี่ดนัยก็จัดการให้ทุกเรื่อง ทั้งเก็บของ ขนย้ายของส่งกลับเมืองไทย” เกรซว่า
“แล้วเรื่องไม่ดีของผมล่ะครับ?” ดนัยถาม
เกรซตอบทันที “ไม่มีเลย สงสัยจะชอบดนัยมาก”
ดนัยเศร้า “เหรอครับ แล้วทำไมวีด้าถึงไม่รับรักผมซะทีละครับคุณเกรซ?”
“อ้าว...ซะงั้น” เกรซพูดกับตัวเอง “ซวยแล้วเกรซเอ้ย....”
วีด้ากลับเข้ามาพร้อมถุงใส่หนังสือ
“คุยอะไรกันอยู่ท่าทางออกรสเชียว? อย่าบอกนะว่าเมาท์ฉัน” วีด้าว่า
“ใครเมาท์แกยะ เราคุยกันตั้งหลายเรื่อง? ทั้งเรื่องแกกับคุณดนัย แล้วก็เรื่องคุณดนัยกับแก” เกรซบอก
“โอเคเลย สรุปก็มีแต่เรื่องฉันนั่นแหละ หมดกัน...”
วีด้าแกล้งส่งสายตาตำหนิ แต่เกรซยักคิ้วกวนๆกลับมา
ขณะนั้นโทรทัศน์ในร้านที่เปิดอยู่ก็ตัดเข้ารายการข่าวสังคมปรากฏภาพของยศสรัลกับมณฑิตายืนให้สัมภาษณ์อยู่หน้า Backdrop
“ควงกันออกงานแล้วค่ะ” พิธีกรพูด “สำหรับคู่รักเซเลบอย่างคุณยศสรัล กับคุณมณฑิตา สองหนุ่มสาวไฮโซที่ดูจะเป็นคู่รักเก็บตัวกลัวสื่อ แต่วันนี้ปาฏิหารย์เกิดแล้วค่ะ เมื่อทั้งคู่ควงกันมา... “
วีด้าอึ้งเหมือนถูกสะกด เกรซกับดนัยมองตาม เกรซเห็นเป็นข่าวยศสรัลก็ตกใจ
เกรซตะโกนบอกพนักงาน “เอ่อ...น้องคะ รบกวนเปลี่ยนช่องทีวีได้มั้ยคะ?”
วีด้ารีบบอก “ไม่ต้องเปลี่ยนเกรซ ฉันจะดู”
ดนัยมองปฏิกิริยาของวีด้าอย่างสนใจ เกรซมีสีหน้ากังวลใจ
นักข่าวรุมถ่ายรูป ยศสรัลยิ้มเพื่อทำหน้าที่ให้ดีที่สุดผิดกับมณฑิตาที่ยิ้มอย่างมีความสุข หลังจากถ่ายรูปเสร็จนักข่าวทั้งสายธุรกิจและสังคมก็กรูกันเข้ามาถามคำถาม
“ไม่ค่อยเห็นคุณยศสรัลออกงานเลยนะคะ”
“ผมไม่ถนัดน่ะครับ” ยศสรัลตอบ
“ปกติเวลามณมาทำงาน สรัลเขาก็มาด้วยตลอด แต่ชอบเก็บตัวค่ะ” มณฑิตาพูด
“รักกันหวานขนาดนี้ คู่รักไฮโซคู่นี้ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีให้สังคมยินดีครับ”
ยศสรัลอ้าปากตอบ “ตอนนี้เรายังไม่ได้...”
มณฑิตารีบสวนทันที “ไม่ได้กำหนดวันแน่นอนค่ะ”
ยศสรัลอึ้งก่อนจะหันมองมณฑิตาแต่มณฑิตาทำเป็นไม่มอง
“แสดงว่ามีแผนชัดเจนแล้วสิครับ” นักข่าวถามต่อ
มณฑิตามองแล้วยิ้มหวานให้ยศสรัล “สรัลเขาก็มีแผนมาบอกมณตลอดค่ะ มณเลือกไม่ถูกเลย”
ยศสรัลพูดต่อไม่ออกเพราะไปไม่เป็น มณฑิตายิ้มมีความสุข
“เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรคืบหน้าเราจะบอกทุกท่านนะคะ ขอบคุณค่ะ”
มณฑิตายิ้มแล้วพายศสรัลเดินเข้าไปในงาน
อ่านต่อหน้าที่ 3
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 2 (ต่อ)
ยศสรัลกับมณฑิตาเดินมาที่มุมนึง
“มณน่าจะคุยกับผมก่อน ว่าจะให้สัมภาษณ์แบบนี้”
“ขอโทษค่ะ มณก็ไม่รู้มาก่อนว่าเขาจะถามเรื่องนี้” มณฑิตาเห็นยศสรัลหน้าเครียด “ทำไมคะ? สรัลคิดว่าจะไม่แต่งกับมณหรือไง”
“ผมตั้งตัวไม่ทัน”
“งั้นจากวันนี้ไปสรัลก็เตรียมคิดเรื่องแต่งงานสิคะ ยิ่งสังคมคาดหวัง เราสองคนก็คงทำให้ครอบครัวผิดหวังไม่ได้ใช่ไหมคะ”
ยศสรัลอึ้งเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจผิดกับมณฑิตาที่ยิ้มอย่างมีความสุข
รถของดนัยแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านของกำธรยามค่ำคืน วีด้าที่นั่งข้างคนขับเตรียมตัวจะลง
“ขอบคุณมากนะคะดนัยที่มาส่ง ขับกลับดีๆนะ”
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าวีด้า?”
“เปล่านี่คะ วีด้าสบายดี”
“ไม่จริง คุณดูเครียด ซึม ไม่สบายใจ ตั้งแต่ดูข่าวคู่รักไฮโซนั่นที่ร้านอาหาร”
วีด้าเสเปลี่ยนเรื่อง “ขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“คุณรู้จักเค้าสองคนเหรอวีด้า?”
วีด้าอึ้งๆ ก่อนตอบ “เคยรู้จักค่ะ”
ดนัยตั้งท่าจะถามต่อแต่วีด้าตัดบท
“วีด้าเหนื่อยจังดนัย ไปพักก่อนนะ”
วีด้าลงจากรถไปทันที “บ๊าย!..”
แล้ววีด้าก็เดินเข้าบ้านไป ดนัยมองตามอย่างไม่สบายใจ
วีด้าเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วปิดประตูก่อนจะยืนพิงอย่างหมดแรง วีด้ามองของในมือแล้วค่อยๆดึงนิตยสารในถุงขึ้นมา วีด้ามองนิตยสารฉบับเดียวกับที่อยู่ในร้านของเกรซ เธอเอามือลูบรูปของยศสรัลเบาๆ แล้วหายใจเข้าเรียกพลังใจเฮือกใหญ่
ภาพตอนที่ยศสรัลกับมณฑิตาให้สัมภาษณ์ในโทรทัศน์ย้อนกลับมา
“รักกันหวานขนาดนี้ คู่รักไฮโซคู่นี้ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีให้สังคมยินดีครับ”
มณฑิตาสวนทันที “ไม่ได้กำหนดวันแน่นอนค่ะ”
“แสดงว่ามีแผนชัดเจนแล้วสิครับ”
มณฑิตามองแล้วยิ้มหวานให้ยศสรัล “สรัลเขาก็มีแผนมาบอกมณตลอดค่ะ มณเลือกไม่ถูกเลย”
เมื่อนึกถึงภาพในจอโทรทัศน์ วีด้าก็ยิ้มเศร้า
วีด้าพูดกับตัวเอง “...เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ววีด้า...ทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้น”
วันต่อมา วีด้ากับหมอยืนมองเข้าไปในห้องพักของกานดาก็เห็นกานดานั่งเหม่อพูดชี้อะไรอยู่คนเดียว
หมออธิบาย “อาการของคนไข้ดีขึ้นเยอะครับ ไม่ค่อยโวยวายและหลับได้ดีขึ้น คาดว่าคงจะไม่ได้คิดเรื่องเก่าๆแล้ว”
“แล้วคุณแม่จะมีโอกาสหายไหมคะ”
“หมอก็ตอบไม่ได้ครับ ต้องดูพัฒนาการอีกระยะ แต่เชื่อว่าถ้าไม่มีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจ คนไข้ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆครับ”
วีด้ายิ้มเศร้า “ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
หมอเดินจากไป วีด้าเปิดประตูเข้าไปหากานดาในห้อง
วีด้าเดินมานั่งลงตรงหน้ากานดา กานดามองหน้าวีด้าแล้วยิ้ม
“คุณแม่คะ แพรมาเยี่ยม” วีด้าพูด
กานดาหยุดยิ้มทันที วีด้าใจไม่ดี
“คุณแม่จำแพรได้ไหมคะ”
“แพร...” กานดาทวนคำแล้วมองไปนอกหน้าต่าง “ฝนตก เนี่ยฝนตกหนัก”
วีด้ามองตามไปก็เห็นว่าแดดเปรี้ยง
“เดี๋ยวฉันไปทำอาหารเตรียมไว้ให้คุณนะคะชาติ...”
กานดาพูดจบก็นั่งตัวโยกไปมากแล้วบีบมือตัวเองไปทั่วๆ วีด้านั่งมองกานดาแล้วน้ำตาไหลร้องไห้
“แม่คิดถึงพ่อ หนูก็คิดถึงพ่อ...สักวันถ้าแม่หาย หนูจะพาแม่ไปเจอพ่อนะคะ หนูรู้ว่าพ่อก็คงคิดถึงแม่มากเหมือนกัน...”
กานดาร้องเพลงโยกตัวคนเดียว ส่วนวีด้าร้องไห้
บัญชานั่งคุยกับคัชพลแล้วก็วางแฟ้มลงอย่างไม่สบอารมณ์
“ลองเสนอแผนไปหรือยัง?”
“เสนอไปแล้วครับ” คัชพลตอบ “แต่เห็นว่าติดอธิบดีทรงพลที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ข่าวว่าคนนี้ตงฉินมาก โดยเฉพาะเรื่องฮั้วประมูล ไม่มีทางยอมเด็ดขาด นี่ผมกำลังหาทางอยู่ครับพ่อ”
“ฮึ! พ่อจัดการเอง อยากรู้ว่า พอมันเห็นจำนวนเงินจะยังตงฉินอยู่หรือเปล่า?”
บัญชายิ้มอย่างรู้สึกเป็นต่อ
วีด้าคุยโทรศัพท์กับดนัย
“วันนี้เลยเหรอ แต่วีด้าไม่ได้เตรียมตัวมานะ”
“ต้องเตรียมตัวทำไม แค่ทานข้าวที่บ้านผมแบบกันเอง” ดนัยบอก
“...แต่เจอผู้ใหญ่วีด้าก็ควรจะดูดีหน่อยนะ”
“วีด้าน่ารักและดูดีเสมอสำหรับผม...” ดนัยหยอด
วีด้าส่ายหน้า “ดนัยนี่ เปิดโอกาสไม่ได้เลยนะ”
“ก็ขนาดผมฉวยทุกโอกาสขนาดนี้วีด้ายังไม่ใจอ่อนเลย ตอนนี้ผมดึงตัวช่วยคือคุณพ่อผมมาแล้ว ดูสิจะใจแข็งได้อีกนานไหม”
วีด้าขำ “ขี้โกงนี่นา”
“คุณพ่อท่านถามถึง อยากเจอคุณ เป็นอันว่าไปวันนี้นะเดี๋ยวผมไปรับ”
“ก็ได้ค่ะ แล้วเจอกัน”
วีด้าวางสาย ดนัยยิ้มกับโทรศัพท์อย่างมีความหวัง
ที่ห้องรับแขกของบ้านดนัย บัญชานั่งยิ้มสุขุมคุยกับทรงพลแต่ทรงพลมีสีหน้าอึดอัด
บัญชาพูด “ผมได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้วครับ ดีใจจริงๆที่จะได้มีโอกาสร่วมงานกับท่านซะที...”
“ถ้าเป็นเรื่องที่ถูกต้องผมร่วมงานได้หมดครับ” ทรงพลถาม
บัญชาอึ้งไปแต่ก็พยามทำดีไว้
“ผมสามารถทำให้มันออกมาถูกต้อง ท่านก็ทราบนี่ครับ?”
“ครับผมทราบ คุณอยากเป็นบริษัทเดียวที่เข้าประมูล คุณเลยจะจัดหาบริษัทคู่แข่งมาเองให้ครบตามจำนวน และอยากจะขอให้ผมให้ความร่วมมือกับคุณไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นเข้าร่วม แล้ว Prime Enterprise ก็จะชนะการประมูลไป”
บัญชายิ้มรับ “ถูกต้องครับ”
ดนัยกับวีด้าเดินขึ้นบันไดโถงบ้านโดยผ่านคนขับรถของบัญชา
“สงสัยคุณพ่อมีแขกอยู่ข้างใน” ดนัยว่า
“เรามารบกวนหรือเปล่า เลื่อนไปก่อนก็ได้นะ” วีด้าบอก
“เข้าไปก่อนดีกว่า คุณพ่อบอกผมเองว่าวันนี้ว่าง แสดงว่าธุระท่านคงไม่นาน”
ดนัยพาวีด้าเดินหลุดเข้าบ้าน
ดนัยเดินนำวีด้าเข้ามาก็เห็นทรงพลยังคุยกับบัญชาอยู่
“เราไปรอที่ห้องนั่งเล่นก่อนดีกว่านะวีด้า” ดนัยบอก
วีด้าพยักหน้ารับแต่ไม่ยอมเดินตามดนัยไป เพราะวีด้ารู้สึกคุ้นๆกับเสียงของบัญชาแม้จะเห็นเพียงด้านหลัง
บัญชาไม่พอใจ “ถ้าท่านเปลี่ยนใจก็ขอให้บอกผมนะครับ รับรองว่าถ้าบริษัทผมได้เซ็นสัญญา เราจะตอบแทนความกรุณาของท่านอย่างเต็มที่เลยครับ!”
ทรงพลยิ้ม “ครับ”
ทรงพลพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มน้อยๆ แล้วลุกยืน บัญชาจึงต้องลุกเดินออกตาม ไม่ค่อยพอใจ ดนัยเดินกลับมาหาวีด้า
“มีอะไรเหรอวีด้า?” ดนัยถาม
จังหวะนั้นทรงพลก็เดินออกมาส่งบัญชาที่หน้าตึงด้วยความไม่พอใจ ทรงพลเห็นดนัยกับวีด้า
“มากันแล้วเหรอ? พ่อเสร็จธุระพอดี” ทรงพลพูดกับบัญชา “ผมส่งแค่นี้นะครับคุณบัญชา”
ชื่อ”บัญชา”สะดุดใจวีด้า วีด้าหันไปมองพ่อดนัย แล้วหันมองบัญชา บัญชาหันมามองวีด้าอึ้งค้าง เธอถอยหลัง หลบกลัว และใจสั่น
บัญชามองวีด้าตากร้าว แต่ที่จริงไม่รู้จักเธอ
“ครับท่าน!”
บัญชาเดินออกไปอย่างหัวเสีย วีด้าเขาอ่อนจะวูบเป็นลมแต่ดนัยรับไว้
“วีด้า!!”
วีด้านั่งหมดแรง เธอจิบชาร้อน ดนัยมองอย่างเป็นห่วง
“วีด้า ดีขึ้นรึยัง? เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
“วีด้าคงแค่เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” วีด้าถามทรงพล “เอ่อ...คุณอาคะ ผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นใครเหรอคะ”
“คุณบัญชา เจ้าของ Prime Enterprise ไง” ทรงพลหน้าเครียด “เขาต้องการให้พ่อช่วยเรื่องสัมปทานท่าเรือใหม่”
“กล้ามาก...นี่เขาไม่รู้หรือไงว่าคุณพ่อตงฉินขนาดไหน?” ดนัยว่า
“รู้...แต่เขาคงคิดว่าเงินเขาจะซื้อพ่อได้” ทรงพลบอก
วีด้าตั้งใจฟังอย่างละเอียด
“แต่คนอย่างพ่อไม่ยอมอยู่แล้วละผมรู้” ดนัยมั่นใจ
“ยอมซิ!” ทรงพลพูด
ดนัยหน้านิ่ว ทรงพลขำ
“พ่อล้อเล่น พ่อไม่มีทางยอมอยู่แล้ว” ทรงพลถอนใจ “ถ้าข้าราชการอดใจไม่ไหว ความเสียหายก็ตกอยู่กับชาติบ้านเมือง จริงมั้ย?”
ดนัยพยักหน้ารับ วีด้านั่งฟังอย่างตั้งใจแต่มือแอบกำแน่น
บัญชาทุบโต๊ะด้วยความโกรธดังปัง
“ไอ้ทรงพลมันไม่ร่วมมือด้วย บ้าชิบ!” บัญชาว่า
“ไม่น่าเชื่อนะว่ามันจะกล้าปฏิเสธเรานะครับพ่อ การประมูลครั้งนี้ของเราคงไม่หมูเหมือนอย่างที่เคยผ่านมา แล้วเราควรทำยังกันดี?” คัชพลบอก
ยศสรัลที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น
“มีอยู่ทางหนึ่งครับพ่อ...พี่ใหญ่?”
“อะไร?” บัญชาถาม
“เราก็แข่งขันให้มันถูกต้องตามกติกาก็เท่านั้น” ยศสรัลบอก
“เล่นถูกกฏมันก็มีแต่แพ้กับแพ้น่ะซิ เราอาจต้องชวดการประมูลครั้งนี้ก็ได้” บัญชาว่า
“ก็ถ้าเราประมูลแพ้ เราก็ต้องยอมรับสิครับ” ยศสรัลพูดต่อ
คัชพลรำคาญ “สรัล พี่ขอร้อง ถ้านายไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องมายุ่ง”
ยศสรัลส่ายหน้าแล้วจะลุกเดินออกไปแต่บัญชาคิดอะไรได้จึงรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน” ยศสรัลหยุด “พ่ออยากให้แกไปเตรียมจัดตั้งบริษัทที่จะแข่งประมูลของเราให้ครบตามที่กำหนด”
“นี่พ่อยังไม่คิดจะเปลี่ยนใจเหรอครับ?” ยศสรัลถาม
“ไม่! และแกมีหน้าที่ต้องทำตามที่ฉันสั่ง เอาชื่อยามชื่อแม่บ้านใส่เข้าไป ทุกอย่างต้องพร้อมก่อนวันประมูลจะมาถึง เข้าใจมั้ย?”
“ครับ...”
ยศสรัลจำต้องรับคำแล้วเงียบก่อนจะเดินออกไป ธัญกรที่ยืนอยู่มุมหนึ่งได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด
ยศสรัลยืนถอนใจอย่างกลุ้มใจ ธัญกรเดินเข้ามาหา
“ถ้าพี่สรัลไม่ลำบากใจ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องยอมทำตามคำสั่งคุณพ่อเลย” ธัญกรว่า
“ทำอย่างนั้นได้ก็ดีน่ะซิตาเล็ก” ยศสรัลบอก
“คุณพ่อลำเอียง รู้ทั้งรู้ว่าพี่สรัลไม่ชอบทำเรื่องตุกติกก็ยังจะบังคับให้พี่ทำอยู่เรื่อย ทีคนทักษะด้านกลิ้งกลอกดีอย่างพี่ใหญ่ไม่ยักจะให้จับงานแบบนี้....คงไม่อยากให้พี่ใหญ่เปลืองตัว พยายามสร้างภาพอนาคตท่านประธานของ Prime Enterprise ที่ใสสะอาด โธ่เอ้ย!! ปลอมชัดๆ”
ธัญกรพูดจบก็ส่ายหน้าเซ็งๆเดินจากไป ทิ้งให้ยศสรัลยืนครุ่นคิดด้วยความหนักใจอยู่คนเดียว
วีด้านอนหลับอยู่บนเตียง สักพักเธอก็เริ่มขมวดคิ้วเครียด หลังจากนั้นก็เริ่มกระสับกระส่าย ประตูห้องเปิดออก ผู้ชายคนหนึ่งเปิดเข้ามาแต่ไม่ได้เปิดไฟ
“คุณอายังไม่นอนเหรอคะ” วีด้าถาม
ชายคนนั้นหันหน้ากลับมาทำให้เห็นว่าเป็นบัญชา วีด้ากรี๊ด
วีด้าสะดุ้งตื่นลุกนั่งมองไปรอบๆ เธอหอบหายใจแรงแล้วมือไม้ก็สั่น วีด้าตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกทั้งๆที่มือสั่น
วีด้าพูดเสียงหอบ “เกรซ....เกรซ”
อ่านต่อหน้าที่ 4
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 2 (ต่อ)
วีด้าคุยโทรศัพท์กับเกรซด้วยความกลัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ส่วนเกรซคุยโทรศัพท์กับวีด้าด้วยความเป็นห่วง
“แกเป็นอะไรน่ะวีด้า?” เกรซถาม
“แกช่วยฉันด้วยเกรซ มันกลับมาอีกแล้ว มันกลับมาอีกแล้ว!!” วีด้าบอก
“ใคร อะไร แกใจเย็นๆนะ ใครกลับมา”
“ฉันเห็นมัน คนที่ทำร้ายพ่อฉัน” วีด้าบอก
“นี่แกฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?” เกรซว่า
“แกต้องช่วยฉันนะเกรซ!!! ต้องช่วยฉันนะ”
“วีด้า แกฟังฉันะ มันเป็นแค่ฝันร้าย แกแค่ฝันไป ไม่มีใครมาทำร้ายแกกับแม่ได้อีก แกต้องตั้งสติ แล้วเอาชนะความกลัวในหัวใจของแกให้ได้ ไม่อย่างนั้นแกก็จะต้องฝันร้ายอยู่อย่างนี้ตลอดไป”
วีด้าหายใจหอบ แต่ค่อยๆผ่อนคลายลงเพราะฟังคำพูดของเกรซ
ที่ดรงพยาบาล กานดานั่งดูโทรทัศน์ โดยมีวีด้านั่งข้างๆ อยู่กับพื้นด้วยสีหน้าเศร้าเพราะคิดถึงคำของเกรซเมื่อคืน
“...แกต้องตั้งสติ แล้วเอาชนะความกลัวในหัวใจของแกให้ได้ ไม่อย่างนั้นแกก็จะต้องฝันร้ายอยู่อย่างนี้ตลอดไป”
“แพรจะไม่ยอมฝันร้ายอย่างนี้ตลอดไป” วีด้าพูด “แม่ค่ะมันถึงเวลาแล้วใช่มั้ยคะ? แม่บอกแพรที”
วีด้าเงยหน้ามองแต่กานดาก็ไม่สนใจ วีด้ามองกานดาด้วยความเศร้าใจก่อนจะเอาหัวพิงขาของกานดา
วีด้าเดินลงตึกมาเจอกับคนขับรถของบัญชา วีด้าเหลือบมองแล้วเดินไปหนึ่งก้าวก่อนจะหยุด แล้วคิดก่อนจะหันไปมองหน้าซ้ำ วีด้าหันกลับมาคิดแล้วมองขึ้นตึกไป สุดท้ายเธอก็เดินกลับไป
บัญชามาหยุดยืนอยู่หน้าห้องแล้วมองเข้าไป เขาเห็นกานดานั่งร้องเพลงโดยไม่ได้ดูทีวีที่เปิดอยู่ พยาบาลเดินเข้ามาหาบัญชา
“ไม่เข้าไปเยี่ยมคนไข้ล่ะคะ เห็นคุณมาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยเข้าไปซะที”
บัญชาอึกอัก “เอ่อ...คือ...ผม...”
“คนไข้ไม่อาละวาดหรอกค่ะ ตอนนี้แกน่ารักมาก จะร้องเพลงให้คุณฟังด้วยซ้ำ”
พยาบาลเปิดประตูให้ บัญชากล้าๆกลัวๆ แต่ก็เดินเข้าไป พยาบาลเดินตามไปคุม
วีด้าเดินกลับเข้ามาที่เคาน์เตอร์แล้วถามพยาบาล
“ขอโทษนะคะ เมื่อกี้คุณบัญชา โชตินุพงษ์ มาทำอะไรคะ?”
“อ้อ คุณบัญชาเขามาเยี่ยมคนไข้น่ะคะ” พยาบาลบอก
วีด้าพึมพำ “เยี่ยมคนไข้?”
“ค่ะ...เขามาเยี่ยมคุณกานดา คุณแม่ของคุณไงค่ะ”
วีด้าตกใจ “แม่เหรอ?!”
วีด้าใจหายวูบแล้วรีบเดินไปที่ห้องกานดาทันที
วีด้าวิ่งมาหน้าห้องแม่แล้วก็หยุดเพราะตกใจที่ได้ยินเสียงกานดากรีดร้อง
“แม่!”
วีด้าจะวิ่งเข้าไป แต่บัญชาผลักประตูออกมาซะก่อน บัญชาหยุดชะงักที่หน้าห้องแล้วมองเข้าไปในห้องด้วยท่าทีโมโหที่กานดาอาละวาดจนพยาบาลต้องช่วยกันจับตัวไว้ วีด้าตกใจมากที่เห็นบัญชา เธอรีบหันหลังปิดบังใบหน้าของตัวเองทันที บัญชาเดินไปด้วยความหงุดหงิด วีด้าหันกลับมามองตาม แล้วเธอก็นึกได้จึงวิ่งเข้าไปในห้องกานดา
วีด้าจับกานดาไว้ “แม่!!! แม่คะ นี่แพรนะคะ!”
กานดาไม่ฟัง เธอกรี๊ดแล้วผลักวีด้ากระเด็น
“กลัวแล้วๆๆ ออกไป! อย่าเข้ามานะ ออกไป!” กานดาคลุ้มคลั่ง
วีด้าหันไปทางประตูด้วยความโกรธมาก
วีด้าเครียดมาก เธอนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โถงล่าง ใช้มือหนึ่งกุมหัวขณะคิดถึงตอนที่คุยกับพยาบาลเมื่อครู่ที่ผ่านมา
“เค้ามาหาคุณแม่ดิฉันมาบ่อยไหมคะ” วีด้าถาม
“ก็ไม่บ่อยค่ะ” พยาบาลบอก
“แล้วทุกครั้งที่มาคุณแม่เป็นยังไง?”
“จริงๆก็ไม่เคยเค้าเข้าไปหรอกนะคะ ทุกครั้งก็มายืนด้านนอกแล้วก็กลับ ครั้งนี้...เอ่อ...เป็นความผิดของดิฉันเองค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” วีด้าเสียงเข้ม “แต่ต่อไปถ้าไม่ใช่ฉันหรือคุณอากำธรห้ามใครเข้าใกล้แม่ชั้นอีก”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา วีด้าก็ปวดหัวและเครียดมาก เธอเดินคิดคนเดียวอยู่ที่ด้านล่าง แล้ววีด้าก็ตัดสินใจเดินไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์
วีด้านั่งกดเสิร์ชหา บริษัท Prime Enterprise เธอเห็นหน้าจอเป็นรายละเอียดผู้บริหาร พอคลิ๊กเข้า ไปภาพ บัญชา ก็ปรากฏขึ้นมา วีด้าพูดกับรูปบัญชา
“ฉันไม่เข้าใจ ทำไมแกไม่ยอมปล่อยพวกเราไป...ทำไมแกยังตามหลอกหลอนทำร้ายฉันกับแม่อยู่ร่ำไป?” วีด้าหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ “ได้...ในเมื่อแกยังไม่ยอมหยุด ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลังเลอะไรอีก! ...เราจะได้เจอกันแน่ไอ้บัญชา”
วันต่อมา เสียงยิงปืนหนึ่งนัดดัง เป้าถูกกระสุนยิงใส่เข้าเป้าเป็นชุด เมื่อหยุดยิง เป้าก็เลื่อนเข้ามาหาวีด้า วีด้าดึงเป้ามาดูแล้วยิ้มมุมปากนิดเหมือนสะใจและมีสีหน้าเย็นชา แล้วเธอก็ใส่เป้าเข้าไปใหม่ก่อนจะกดปุ่มให้เป้าเลื่อนไปอยู่ที่ตำแหน่ง จากนั้นก็บรรจุกระสุนชุดใหม่อย่างคล่องแคล่ว แล้วเล็งปืนอย่างแน่วแน่
หน้าบัญชาซ้อนขึ้นมาที่เป้า วีด้ายิงออกไปอย่างไม่ยั้ง กระสุนเข้าทุกจุดสำคัญ แล้วหน้าบัญชาก็ค่อยๆ เลือนหาย กลายเป็นเป้ากระสุนที่ถูกยิงจนพรุน
นักบิด 2 คนซ้อมขี่มอเตอร์ไซค์อย่างฉวัดเฉวียนจนทรายฟุ้งกระจายที่สนามแข่งรถวิบาก เมื่อฝุ่นทรายจางลง วีด้าที่ริมสนามในชุดนักบิดซึ่งยืนอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์ของตนก็กำลังใส่ถุงมือ เธอมองไปที่สนามด้วยสีหน้านิ่งเฉย เสร็จแล้วหยิบหมวกกันน็อคมาสวมจากนั้นขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วบิดลงสนามด้วยความรวดเร็ว
วีด้าวาดลวดลายขี่มอเตอร์ไซค์อย่างดุเดือด วีด้าขี่มอเตอร์ไซค์เหินข้ามเนินทรายและสิ่งกีดขวางอย่างเท่ วีด้าขี่มอเตอร์ไซค์มาจอด เธอถอดหมวกและมีแววตาที่แข็งกร้าว
อ่านต่อตอนที่ 3