xs
xsm
sm
md
lg

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 14

ในร้านอาหารหรู เวลากลางคืน ณัฏฐาลินีนั่งตรงหน้าพิภพ ช้างและมาร์กยืนประกบอยู่ข้างหลัง เธอเหลือบมองบอดี้การ์ดข แล้วนึกสงสัย

“คุณพิภพต้องมีบอดี้การ์ดประกบอยู่ตลอดเวลาเลยเหรอคะ”
“ปกติก็ไม่หรอกนะครับ แต่ช่วงนี้ผมต้องคอยระวังตัว เพราะ...มีบางคนจ้องทำร้ายผมอยู่”
“บางคน ใครคะ”
พิภพยิ้มเศร้า เครียด เธอเห็นท่าทางพิภพไม่ได้มีพิษสงอะไรเลย วายุบุตรยืนมองเข้ามาในร้าน เห็นเธอนั่งคุยอยู่กับพิภพ นึกเป็นห่วงข้อมูลที่เธอจะได้รับ เขายืนรอต่อไปที่หน้าร้าน พยายามทำใจเย็น
“เพราะเรื่องนี้ผมถึงขอนัดเจอคุณ คุณไม่ได้บอกคุณวายุบุตรเรื่องที่มาพบผมใช่มั้ย”
“คิดว่าคงไม่เหมาะถ้าจะบอกเค้าว่า....ฉันนัดคุณมาเพื่อคุยเรื่องของเค้า”
"ผมตกใจมากเมื่อทราบว่า คุณกับคุณวายุบุตรคบหาดูใจกัน"
"คุณทราบได้ยังไง"
"คุณสิริมาเธอเล่าให้ผมฟัง"
เธออึ้งไป
"สิริมากับผมเราเคยรักกัน...จนกระทั่งคุณวายุบุตรเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ของเรา เพื่อจะแย่งเธอไปจากผม"
"เค้าทำแบบนั้นทำไม"
"ต้องการเอาชนะผมครับ แย่งไปเพื่อจะทำลาย ทำลายหัวใจของสิริมา ก็เหมือนทำลายหัวใจผมด้วย"
"ทำลายคุณ เพื่ออะไร"
"ไม่มีเหตุผล แค่อยากเอาชนะ เค้าเป็นแบบนั้นตั้งแต่ไหนแต่เรา ผมเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย รู้จักเค้าดี เค้าไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง เมื่อผมรู้ข่าว ผมจึงเป็นห่วงคุณ ไม่อยากให้คนดีๆอย่างคุณเสียใจ"
เธออึ้งเก็บข้อมูล แต่ยังไม่ปักใจเชื่อ ยิ้มรักษามารยาท
"ขอบคุณค่ะที่ปรารถนาดีกับดิฉัน"
พิภพยิ้มจริงใจให้ เธอรู้สึกสับสน อึดอัด
"ขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ"
"เชิญครับ"
เธอลุกไป แต่ลืมกระเป๋าถือไว้บนโต๊ะ พิภพมองตามยิ้มกริ่มมองจนเธอลับไป พิภพมองซ้ายมองขวา แล้วส่งสัญญาณให้ลูกน้อง ช้างพยักหน้า รีบหยิบยานอนหลับในซองมาใส่ลงในแก้วน้ำของเธอ วายุบุตรที่มองจับตาอยู่ด้านนอกหันมาเห็นพอดี ก็ตกใจ

เธอเดินเครียดมาจะเข้าห้องน้ำ
"โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เมาท์ ฉันต้องการเมาท์เดี๋ยวนี้... อ้าวมือถือ"
เธอนึกขึ้นได้ว่า ไม่ได้เอากระเป๋าถือมา จึงเดินกลับเข้าไปใหม่

วายุบุตรเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะ ซึ่งพิภพนั่งสบายใจรออยู่ เธอกำลังเดินมาที่โต๊ะ เห็นวายุบุตร ก็ตกใจ
"คุณวายุ...มาได้ยังไง"
วายุบุตรถึงโต๊ะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงปัดแก้วน้ำของเธอซึ่งถูกหยอดยาล้มทันที พิภพ ช้าง มาร์กตกใจ พิภพลุกขึ้นเผชิญหน้าวายุบุตร แต่วายุบุตรไม่กลัวเกรง ช้าง มาร์กระวังตัว คนในร้านตกใจกันหมด เธอเองก็ตกใจ วิ่งไปที่โต๊ะทันที
"คุณวายุ! ทำอะไรของคุณ"
วายุบุตรชี้ไปที่พิภพ
"ถามมันสิ"
เธอมองหน้าพิภพ
"เสียงดังลั่นร้าน ไม่อายคนเค้าหรือไง คุณวายุ" พิภพถาม
วายุบุตรได้สติ กลัวสิ่งที่พูดไปจะทำให้เธอได้รับความอับอาย เขาชี้หน้าพิภพ
"ผมรู้ผมเห็นทุกอย่าง! จำไว้!"
"คุณรู้ คุณเห็นอะไร"
วายุบุตรคว้ามือเธอออกไปทันที เพื่อไปคุยกันข้างนอก เธอรีบคว้ากระเป๋าถือ
พิภพมองตามวายุบุตรอย่างเคียดแค้น เจ็บใจ
"มันตามมาได้ยังไงวะ!"
"มันอาจจะทำลายแผนของเสี่ย" ช้างบอก
พิภพมองตาม แล้วคิดแก้ปัญหา

วายุบุตรพาเธอเดินมาทางมุมหนึ่งของร้านอาหาร เธอพยายามสะบัด
"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้"
"คุณต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้ แล้วห้ามมาเจอนายพิภพอีก"
เธอสะบัดจนหลุด
"คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน"
"ยังจะมาทำเก่ง ตัวเองกำลังอยู่ในอันตราย ยังไม่รู้ตัวอีก"
"คุณนั่นแหละตัวอันตราย ปล่อยฉัน"
"ผมปล่อยคุณก็ได้ แต่จำไว้ คนที่อันตรายคือนายพิภพ ไม่ใช่ผม"
"แล้วคุณอันตรายน้อยกว่าเค้าตรงไหน"
"ผมไม่มีทางทำร้ายคุณ อย่างที่เค้ากำลังทำ รู้มั้ย ว่าเค้าวางยาคุณ"
เธออึ้ง
"ทำไมถึงได้ตามรังควานผมนักหนา...หือ คุณวายุบุตร"
วายุบุตรและเธอหันไป พิภพและ ลูกน้องเดินเข้ามา
"คุณวายุบุตรบอกฉันว่าคุณวางยาฉัน!"
พิภพหัวเราะขบขัน
"ฮ่ะๆๆ ผมเนี่ยนะทำอย่างนั้นในที่สาธารณะ แล้วไหนหลักฐาน วางยา ยาอะไร วางลงในอะไร อาหารหรือเครื่องดื่ม"
เธอมอง เขาอึ้ง
"ในแก้วน้ำที่ผมปัดมันทิ้ง"
"คุณอายุเท่าไหร่แล้วคุณวายุบุตร แต่ทำตัวเป็นเด็ก พาลหาเรื่องผมไปทุกที่ เล่าความเท็จ กุเรื่องมาปรักปรำผมต่อหน้าคนทั้งร้านทำให้คุณลินีและผมต้องอับอายในที่สาธารณะ!"
วายุบุตรมองไปรอบๆ เห็นคนออกมามุงดูพลางซุบซิบ ส่วนเธอใช้ความคิดอย่างหนัก
"แต่ถ้าคุณลินีเชื่อเค้า และสงสงสัยในตัวผม ผมพร้อมให้พิสูจน์ ช้าง!"
"ครับ"
"ไปขอผ้าปูโต๊ะและแก้วน้ำแก้วนั้น เอาไป..."
" ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้องเสียเวลา เพราะฉันเสียเวลากับพฤติกรรมของคุณวายุบุตรมากพอแล้ว ขอโทษนะคะคุณพิภพ วันนี้การสนทนาของเราไม่ราบรื่นซะแล้ว ไว้คุยกันค่ะ"
เธอยกมือไหว้พิภพ เดินหนีออกไปทันที วายุบุตรจ้องมองพิภพอย่างเจ็บใจ พิภพยิ้มเย้ย วายุบุตรอยากเคลียร์ แต่เห็นเธอไปไกล จึงรีบตามไป
พิภพยิ้มกริ่ม สมใจ

"ผู้หญิงที่คิดว่าตัวเองเก่ง มีจุดอ่อนเหมือนกันทุกรายคือ มั่นใจในความคิดของตัวเองมากเกินไป แล้วมันก็จะทำให้ทุกอย่าง พัง หึหึหึ"

วายุบุตรตามมาจับมือเธอ

"เดี๋ยวก่อน คุณลินี"
เธอหันไปตบหน้าวายุบุตรเปรี้ยงเลย
"พอกันที!"
วายุบุตรอึ้ง
"ประจานว่าฉันถูกวางยาต่อหน้าคนนับสิบไม่พอ ยังจะมาฉุดกระชากลากถูฉันไม่เลิก เห็นฉันเป็นอะไร หา"
"เป็นคนที่ผมรัก และต้องปกป้อง"
"ฉันไม่เชื่อ คุณก็แค่เข้ามาเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง พอไม่ได้ ก็จะหาทางทำทุกอย่างเพื่อให้ได้"
"เค้าพูดอะไรกับคุณ ลินี"
"ร้อนตัวเหรอ"
"ไม่ได้ร้อนตัว แต่ผมอยากให้คุณบอกผม ผมรู้จักผู้ชายคนนั้นดีกว่าคุณ เค้าบอกอะไรคุณ บอกผมมาสิ"
"หยุดถามฉันสักที ไม่ต้องมาบอกว่าฉันควรเชื่อหรือไม่เชื่อใคร...เพราะฉันไม่เชื่อใครทั้งนั้น ไม่ว่าคุณหรือเค้า ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันยอมแพ้ คุณจะกล่าวหาอะไรฉันที่ยกเลิกเกมระหว่างเรากลางคัน ฉันไม่สนใจมันอีกต่อไปแล้ว พอ!"
เธอวิ่งหนีออกไปทันที
"ทำไมกำแพงในหัวใจคุณถึงได้หนาอย่างนี้ ลินี....คุณเคยเจออะไรมา"
แทนที่เขาจะขึ้งโกรธเธอ กลับรู้สึกแปลกใจและสงสาร

มุมหนึ่งบ้านพีศทรรต เวลากลางคืนต่อเนื่อง กานดาบอก
"ใช่! ฉันใช้ให้แม่เลขานั่นคอยรายงานความเคลื่อนไหวของยัยน้ำผึ้งทุกฝีก้าว"
"คุณแม่คุยอะไรกับน้ำผึ้ง"
"ยัยนั่นฟ้องแกไว้ว่ายังไงล่ะ"
"เค้าบอกว่าคุณแม่ชวนเค้าเล่นแชร์"
กานดาอึ้ง จะขำก็ไม่ใช่เวลา
"แต่ผมรู้ดีว่าไม่ใช่ คุณแม่คุยอะไรกับน้ำผึ้งครับ"
"แกคิดว่าที่ฉันลงทุนไปหาแม่นั่นถึงคอนโด เพื่ออะไรล่ะ"
เขาอึ้ง อ่อนใจ พยายามขอร้อง
"คุณแม่ครับ ผมกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ คุณแม่ช่วยให้กำลังใจผมแทนที่จะคอยบั่นทอนไม่ได้เหรอครับ"
"ไม่ได้!"
"คุณแม่"
"แกทำตามเสียงหัวใจเรียกร้อง ฉันก็กำลังทำสิ่งเดียวกัน ไม่ต้องมาขอร้องอะไรอีก ยังไงฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยนความคิด"
"ผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนความคิดเหมือนกัน"
พีศทรรตจ้องแม่ยืนยันในความคิดของตัวเอง
"ก็เอาสิ....ถ้าแกกับยัยนั่นรักกันจริง ก็ทำให้ฉันเห็น ว่าความรักของพวกแกมั่นคงจนไม่มีใครมาทำอะไรได้"
"ครับ ผมจะทำให้คุณแม่ดู"
"ฉันไม่มีทางออมมือ"
"ตามสบายครับ"
เขาเดินออกไป กานดาเจ็บใจ แต่ก็นึกประหลาดใจในตัวปินัทธา
"ทำไมยัยนั่นไม่บอกความจริงตาพีศ...ว่าฉันใช้เงินฟาดหัวมัน มันจะใช้แผนอะไร"

ปินัทธาคุยมือถือบริเวณระเบียงคอนโดฯ
"ฉันไม่ได้มีแผนอะไรทั้งนั้น แค่ไม่อยากให้คุณพีศไปทะเลาะกับแม่เค้า"
ภัทรวลัยคุยมือถืออยู่บนเตียง
"แกคือน้ำผึ้งตัวปลอม! น้ำผึ้งตัวจริงไม่มีทางเป็นนางฟ้าแบบนี้"
"ไอ้บ้า! นางฟ้งนางฟ้าอะไร ฉันไม่อยากสร้างเวรสร้างกรรมเพิ่ม เท่าที่ซวยอยู่ก็ชดใช้ให้เจ้ากรรมนายเวรไม่ไหวแล้วเนี่ย"
ภัทรวลัยเตรียมตัวพร้อมมาก เห็นเป้ที่เหนื่อยอ่อนมาก เดินผ่านมาเอาผ้าเช็ดตัว
"รอแป๊บนะ น้ำผึ้ง"
ภัทรวลัยยักคิ้วให้สามี ส่งสัญญาณเรื่องบนเตียง
"หั่นโหล้! ที่รัก"
"ขออาบน้ำก่อนนะจ๊ะวลัย"
"ก่อนอัลลัย"
"ก่อนนอนสิจ๊ะ"
เป้เข้าห้องน้ำไป เธอเซ็งระบายกับน้ำผึ้ง
"แก! พี่เป้เปลี่ยนไป ไม่ส่งสัญญาณตอบรับ หมางเมินเย็นชากับฉัน"
"คิดมาก"
"เรื่องผัวคิดน้อยไม่ได้!! ไม่อย่างนั้นเกิดปัญหาผัวมีเมียน้อยทันที"
"โอย วลัย พี่เป้รักแกมากปานจะแหกปากดมขี้ฟัน เค้าไม่มีทางมีเด็ดขาด เค้าอาจจะทำงานมาเหนื่อยๆ ก็ต้องพักบ้างไรบ้าง คนนะไม่ใช่ม้า จะให้คึก ฮี้ ห้า ทุกคืนได้ไง"
"รักได้ก็เบื่อได้"
"อีเยอะ! เพิ่งจะแต่งหม้อยังไม่ทันดำ"
"หม้ออะไร"
"หม้อข้าว! จะรีบคิดมากว่าผัวเบื่อไปไหน ชีวิตรักราบรื่นอยู่แล้วไม่ชอบหรือไง"
"ชอบ"
"เออ! ก็ไม่ต้องคิด มาคิดเรื่องคนยังหาผัวไม่ได้อย่างฉันนี่! น่าห่วงกว่าเรื่องของแกตั้งเยอะ"
"ก็จริง....ขอโทษ แล้วตกลงแกจะเอาไง"
"ฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ ฉันเหงาอ่ะแก เขียนคำว่าเหงาได้ตัวเท่าบ้านเลย"
ปินัทธาปล่อยโฮ กดปิดมือถือเลย
"ฮัลโหล ฮัลโหล น้ำผึ้ง"
เสียงเคาะประตูห้องคอนโดฯดังขึ้น วลัยสะดุ้ง รีบวิ่งออกไป
"ใครเนี่ย มาตอนนี้เนี่ย นี่มันเวลาแฟมิลี่แฮปปี้ทูเก็ตเธอร์"
วลัยเปิดประตู เห็นเมธาวลัยยืนหน้าเครียด ในมือถือถุงขนมปังสังขยา
"เมเปิ้ล"
"ขนมปังสังขยานมสดเจ้าเดิม"
เธอเดินเลยเข้าไปในครัว ภัทรวลัยปิดประตู เซ็งเพื่อน
"ฉันไปบอกแกว่าอยากกินตอนไหน"
"ก็ฉันอยากกิน"

ภัทรวลัยปิดประตู เสียงเคาะประตูดังรัวๆ ขึ้นอีก
 
อ่านต่อหน้า 2

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 14 (่ต่อ)

ภัทรวลัยปิดประตู เสียงเคาะประตูดังรัวๆ ขึ้นอีก

"ใครอีกเนี่ย ถ้าเป็นนังลินีมาพร้อมถุงส้มตำปลาร้า จะรำรอบศาลพระภูมิคอนโดเลยเอ้า"
ภัทรวลัยเปิดประตู เจอณัฎฐาลินียืนเศร้า ชูถุงส้มตำปลาร้า
"ตำปูปลาร้าเจ้าเดิม"
ณัฎฐาลินีเดินเข้าไปในครัว
"ใครเค้ากินตำปูปลาร้าตอนสี่ทุ่ม หา!"
เป้อาบน้ำสดชื่นแล้ว โผล่ออกมา
"พี่กำลังอยากกินอยู่พอดีเลยค่ะ"
"แคร์คนนอนด้วยบ้างมั้ยเนี่ย!"
เพื่อนทั้งสองเดินออกมา พร้อมจานของกินของตัวเองและอุปกรณ์ เป้รีบเข้าไปแจม
"ขอบคุณนะคะ เมเปิ้ล ลินี"
เพื่อนทั้งสองกับเป้ลงจกส้มตำปลาร้า ทิ้งภัทรวลัยให้ยืนอยู่คนเดียว
"อย่าลืมไปรำรอบศาลพระภูมิด้วยแก ไม่ทำผัวมีเมียน้อย!" เมธาวลัยบอก
เป้ถึงกับสำลักส้มตำ ภัทรวลัยตาโตทันที เก็บความสงสัยเอาไว้

เวลาต่อมา ซากของกินวางอยู่บนโต๊ะ ณัฎฐาลินีกับเมธาวลัยนั่งดูทีวีอยู่คนละมุม ต่างคนต่างเงียบ สองผัวเมียยืนอยู่ด้วยกัน มองสภาพเพื่อนแล้วกลุ้มใจ
"เพื่อนวลัย อาการน่าเป็นห่วงกันทั้งคู่เลยนะคะ เมื่อกี้ก็เอาแต่กินๆ ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ" เป้บอก
ภัทรวลัยตะโกน
"เป็นอะไรกันยะ! พวกแก"
เพื่อนทั้งสองหันมองภัทรวลัย แล้วถอนใจ หันกลับไปดูทีวีเหมือนเดิม
"อย่าบอกนะว่าเหงาตัวเท่าบ้าน"
"กำลังจะบอกว่าอย่างนั้น" เมธาวลัยบอก
"ไม่อยากนอนคนเดียว" ณัฎฐาลินีว่า
"แล้วไง"
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เป้รีบไปเปิด ปินัทธายืนร้องไห้อยู่ที่หน้าประตู
"ขอฉันนอนด้วยคนสิแก!"
สองผัวเมีย เจ้าของห้องต่างอึ้ง มองหน้ากัน

เวลาต่อมา เพื่อนทั้งสามยืนอึ้งอยู่หน้าห้อง แถมถูกภัทรวลัยปิดประตูใส่อีกต่างหาก ทั้งสามสาวหันมามองหน้ากัน
"เราทำอะไรผิดเหรอแก" ณัฎฐาลินีว่า
"เราไม่ใช่เพื่อนมันเหรอแก" เมธาวลัยบอก
"เรามาเป็นก้างขวางคอของมันเหรอแก" ปินัทธาสรุป
ภัทรวลัยเปิดประตูออกมาอธิบายฉอดๆ
"ข้อแรก...ในยามวิกาล ผัวสำคัญกว่าเพื่อน ข้อที่สองฉันรู้ว่าแกกำลังไม่สบายใจ ฉันก็อยากให้บ้านฉันเป็นหลุมหลบภัย แต่ไม่ใช่ตอนนี้เพราะฉันมีเรื่องเคลียร์กับผัว ส่วนพวกแก...ฉันรู้ว่ายังไม่ถึงตาย และควรไปเคลียร์กับคนของตัวเอง หรือไม่ก็เคลียร์กับตัวเองซะให้เสร็จก่อนจะมาหาฉัน จบ"
ภัทรวลัยปิดประตูอีกรอบ ปัง!
"มีผัวแล้วลืมเพื่อน ของจริงมันเป็นอย่างนี้นี่เอง" ณัฎฐาลินีบอก
สามสาวมองหน้ากัน
"เอาไงอ่ะ" ปินัทธาบอก
"มันพูดก็ถูก เราควรแก้ปัญหาของเราเองก่อนที่จะมาโยนภาระให้คนอื่น" เมธาวลัยว่า
"เคยทำได้มาตลอดเลยนะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นไง...อ่อนแอ" ณัฎฐาลินีบอก
"อ่อนไหว" ปินัทธาแย้ง
"อ่อนเยาว์" เมธาวลัยว่า
เพื่อนทั้งสองหันไปมองเมธาวลัยขวับแล้วคราง "หือ?"
เมธาวลัยตกใจตัวเอง
"ฉันกำลังคิดว่า ฉัน ชอบเด็กคนนั้นขึ้นมาแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่คิดถึงเค้าตลอดเวลา หลับตาก็เห็น กินส้มตำ ขนมปังสังขยาเมื่อกี้ก็เห็น"
"ตอนนี้อ่ะ" ปินัทธาถาม
"ตอนนี้ก็ยังเห็น"
"เหย เห็นตรงไหน...พูดเหมือนเห็นผี" ณัฎฐาลินีบอก
"เห็นผีไม่เป็นไร แต่ถ้าผีจับหัว...ยุ่งแน่"
เพื่อนทั้งสองมองหน้าปินัทธานิ่ง ดาราสาวรีบเปลี่ยนเรื่องถาม
"เมเปิ้ล แกชอบเด็กขึ้นมาจริงๆแล้วไง ในเมื่อเค้ามีแฟนแล้ว"
"ฉันจะให้มันอยู่ในใจแบบนี้แหละ ถึงแม้ฉันจะตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่าฉันมีคนที่ฉันรัก...คุณหญิงกีรติพูดไว้ในข้างหลังภาพ...ตอนนี้ฉันอินมาก ฉันจะกลับไปอ่านหนังสืออีกรอบ"
เธอเดินน้ำตาซึมออกไป เพื่อนสองคนมองตาม
"แล้วเราล่ะ" ปินัทธาโพล่ง
"แยกย้าย ให้ความคิดตกตะกอน พรุ่งนี้อาจจะทำให้เราเจอทางออก"
"ใช่! เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว"

ทั้งสองเดินตามเมธาวลัยไปอย่างช้าๆ

เช้าวันใหม่ บนโต๊ะทำงานหยาดทิพย์ มีใครบางคนเอากล่องอาหารเช้า ประมาณไข่ดาว ขนมปัง ไส้กรอกใส่กล่อง กาแฟร้อนวางบนโต๊ะ ตามด้วย post it แปะไว้ “ไม่ทานมื้อเช้า โง่ครับ” มาวางไว้
 
เมื่อเธอเดินมาที่โต๊ะ อ่านข้อความก็แปลกใจ ก่อนจะมองไปรอบๆ เห็นเจ๊ฟู อิ๋วกำลังจับกลุ่มเมาท์อยู่ ชาโนนั่งทำงานงุดๆ ไม่โงหัว ตั้งใจมากกว่าปกติ
หยาดทิพย์ตะโกนบอก
"นี่! กระเพาะคนนะ ไม่ใช่กระเพาะวัวกระเพาะควาย จะกินเข้าไปหมดได้ยังไง ทีหลังจะทำเซอร์ไพรส์ เช็กด้วย!"
ชาโนปาดเหงื่อ เจ๊ฟู อิ๋วทะลูดเข้ามาสาระแน
"อะไร คุณน้อง วีนใครแต่เช้า"
"อุ๊ตะ! กล่องเบรกฟาดน่าตาดีมากเลยอ่ะ มีโพสต์อิทด้วยอ่ะ"
ชาโนปาดเหงื่ออีกรอบ เจ๊ฟู อิ๋วรุมอ่านโพสต์อิท
อิ๋วตะโกนเสียงดัง
"ไอ้อีคนไหน เสร่อแป๊ะจีบหญิงแบบนี้เนี่ย"
"เขียนแบบนี้ แถวบ้านบอกว่า ทีหลังด่ากูตรงๆเลยเถอะ ว่าที่ผ่านมาน่ะโง่ เพราะคุณน้องหยาดเค้าไม่เคยกินมื้อเช้า!" เจ๊ฟูบอก
ชาโนลุกขึ้น ตามน้ำ
"เออ ใครวะ โผล่หัวมาเลยมา มาเคลียร์!"
หยาดทิพย์ เจ๊ฟู อิ๋วจ้องชาโนเป็นตาเดียว
เจ๊ฟู อิ๋วร้องเรียก "ไอ้โน!"
"เฮ้ย! ไม่ใช่ผม! ผมไม่ลงทุน ใช้ใจอย่างเดียว"
"ถ้าอย่างแกมาจีบฉัน พูดเลย....ชาติหน้า" หยาดทิพย์บอก
ชาโนแอบจ๋อย แต่ฟอร์ม
"หืม พูดไม่รู้จักดูหนังหน้าตัวเอง"
"ไอ้โน อยากหัวโนใช่มั้ย!"
"โอ๊ย! หยุด แล้วตกลง คุณน้อง คีบับ แบ่งให้เจ๊ก็ได้นะ ถ้ากินไม่หมด"อิ๋วบอก
"หนูจะกินให้คนที่อยากตายที่มาจีบหนูเห็นค่ะ ว่าหนูไม่โง่ที่กินของแล้วเหลือ เพราะงั้น หนูจะกินให้เรียบ"
"ดี..หวาย! อดอ่ะ อีเจ๊ฟู"
เจ๊ฟูบอก
"ของฟรีไม่มีในโลก แต่ของแปลก... มาแล้วโน่น ทุกคน สร้างภาพ ด่วน!"
เมธาวลัยเดินเข้ามา ในมือถือหนังสือเรื่อง “ข้างหลังภาพ” มาด้วย ทุกคนสลายตัวประจำที่เข้าทำงาน เธอจะเดินเข้าห้อง ทว่าจิลลาลากดรณ์เดินตามเข้ามาอย่างเร่งรีบ
"เร็วๆสิดรณ์ เดินสิเดิน! เดินเร็วๆ"
เธอชะงัก หันไปเห็นจิลลาและดรณ์แล้วถอนใจ มีเรื่องให้วุ่นแต่เช้า

ภายในห้อง ดรณ์นั่งสงบเสงี่ยมอยู่กับจิลลา ถูกเมเปิ้ลสัมภาษณ์
"เรียนจบอะไรมา"
จิลลาแย่งดรณ์พูด
"การตลาด"
"จบมากี่ปีแล้ว"
จิลลาแย่งดรณ์พูดอีก
"ห้าปีแล้ว"
"เอาปากมาด้วยหรือเปล่า"
จิลลาแย่งดรณ์พูดอีกที
"มี...ว้าย! เม ทำไมต้องถามคำถามนี้อ่ะ"
"เพราะเค้าสงสัยไง เค้าถามดรณ์ แต่เจ้าตัวไม่ได้พูด ตกลงใครเป็นคนที่จะทำงานกับเค้ากันแน่"
"เงียบก็ได้ ตอบคำถามดีๆนะดรณ์ อย่าให้เสียชื่อเทรนเนอร์"
"ครับ"
เธอถอนใจ...จะไหวมั้ยหนอ

ห้องนอนในคอนโดฯของภัทรวลัย เธอสะดุ้งลืมตาตื่น ลุกขึ้น มองไปข้างๆ เห็นเป้นอนหลับสนิทอยู่ จู่ๆ เธอก็แหกปากร้องไห้ลั่น สามีลุกขึ้นตื่นด้วยความตกใจ
"วลัย เป็นอะไรไป"
"เป็นเมียเทรนเนอร์ฟิตเนส ที่กำลังมีเมียน้อย"
"วลัย พี่ไม่ได้มีเมียน้อย"
"ก็หนูเห็น"
"เห็นที่ไหน"
"ในฝัน! หนูฝันว่าพี่เป้มีเมียน้อย บอกมา...มีจริงๆหรือเปล่า"
"วลัย"
เป้ถอนใจเฮือก ปวดหัวกับเมีย

ภายในห้องทำงาน พีศทรรตคุยกับเมอร์ดี้ มีตมิสาอยู่ด้วย วันนี้... ตมิสาอยู่ในชุดเสื้อผ้าหน้าผมเต็มมากกว่าปกติ เตรียมจะยกระดับตัวเองขึ้นเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของกานดา เธอมองเมอร์ดี้อย่างหมั่นไส้
"จะรับก็รับได้ ผมไม่ว่า แต่ต้องดูดีๆนะ ว่ามันจะไม่ออกมาทำร้ายตัวเอง"
"ขอบคุณค่ะคุณพีศ เมอร์ดี้รับประกันค่ะ ว่าจะไม่ทำให้ชื่อเสีย เหมือนใครบางคน"
"อุ๊ตะ! คุณน้องหมายถึงใครเหรอคะ เหมือนจะแอบแขวะป้าน้ำผึ้งป่ะคะ"
เมอร์ดี้หันมองตมิสาอย่างไม่พอใจ
"ทำงานของตัวเองไปเถอะ ไม่ต้องพาดพิงถึงคนอื่น"พีศทรรตบอก
"ได้ยินป่ะคะคุณน้อง"
"ได้ยินค่ะ ขอบคุณนะคะที่เตือนหนู"
เมอร์ดี้ยิ้มซื่อใส่ตมิสา...แต่ในใจแอบฝากแค้น
"เมอร์ดี้ ออกไปก่อนไป ผมมีเรื่องจะคุยกับตมิสา ส่วนตัว"
ตมิสาตาโตแอบเขิน
"อุ๊ตะ! ส่วนตัว"
"ค่ะ"
เมอร์ดี้เห็นท่าทางระริกระรี้ของตมิสาแล้วหมั่นไส้ เดินออกไป พอเมอร์ดี้ออกไปปุ๊บ ตมิสาก็รี่เข้ามาหาพีศทรรตทันที
"ค่ะบอส"
"ผมจะให้โตโต้มาเป็นเลขาผม ระหว่างที่ผมหาเลขาคนใหม่ ส่วนคุณ....ไปช่วยเพทายดูแลศิลปินใหม่ที่กำลังจะรับมาเป็นศิลปินฝึกหัด"
ตมิสาอ้าปากค้าง ตกใจ อะไรกันเนี่ย! พีศทรรตยกหูต่อสายภายใน
"โตโต้ เข้ามาพบผมหน่อย เรียกเพทายมาด้วย ... คุณจะได้ไม่ต้องรู้ความเคลื่อนไหวของผมและน้ำผึ้งเพื่อไปรายงานคุณแม่ แต่ถ้าไม่พอใจ จะลาออกก็ได้นะ ผมไม่ว่า"

ตมิสายังอ้าปากค้าง ตกใจ หน้าซีดเผือด อะไรกันเนี่ย!
 
อ่านต่อหน้า 3

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 14 (่ต่อ)

เมอร์ดี้เดินมาที่โต๊ะของตมิสา คิดเอาคืน มองซ้ายมองขวา ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น เธอมองไปที่โต๊ะหาบางอย่าง เปิดลิ้นชัก เห็นลิปสติกและเครื่องสำอางอื่นๆ
 
เธอหยิบลิปสติกขึ้นมา แล้วหมุนขึ้นดู สีแดงแปร๊ด แท่งยาว ยิ้มหมายมั่น คิดทำอะไรบางอย่าง

โตโต้และเพทายเดินมา จะเข้าห้องพีศทรรต เมอร์ดี้ยิ้มอารมณ์ดีเดินมา
"สวัสดีจ๊ะ น้องเมอร์ดี้"เพทายทักทาย
"ไฮ้! มอร์นิ่ง" โตโต้ทักเช่นกัน
เมอร์ดี้กลับมองไม่เห็นหัว เดินผ่านไป ฟิ้ว เพทาย โตโต้มองตาม...นึกไม่พอใจ
"ย่ะ! ไม่ใช่อากาศนะยะ มือไม้แข็ง ถือสากมาด้วยหรือไงถึงยกไม่ขึ้น"
"น้องเค้าอาจจะกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ในหัวตอนนี้ เลยมองไม่เห็นพวกเราก็ได้"
"นี่ถ้าไม่ติดว่ามีใจให้กัน จะด่าให้ค่ะ...อย่าโลกสวย! มันเห็น แต่ไม่คิดจะเห็นหัว สอนมันด้วยว่าถ้าอยากเป็นโปรดักส์คุณภาพ ฝีมือต้องมาควบคู่กับมารยาทและการวางตัว ให้รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไปลามาไหว้ รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ โฮ้ย! เหนื่อย แต่รู้สึกดีมาก"
โตโต้สะบัดบ็อบออกไป อารมณ์เสีย ทิ้งเพทายยืนอึ้ง อ้าปากเหวอ โตโต้เข้ามาอีกครั้ง จับมือเพทายออกไป
"รอให้มาจูงอยู่ล่ะสิ ป่ะ!"
เพทายถูกโตโต้ฉุดลากออกไป

ณัฎฐาลินีตื่นแล้ว แต่ยังนอนซึมทอดตัวยาวนิ่ง คิดมากเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับวายุบุตรและข้อมูลที่ได้ยินจากเสี่ยพิภพ เสียงมือถือเธอดังขึ้น เธอดูหน้าจอ เห็นชื่อวายุบุตร
"โอย จะโทรมาทำมาย บอกแล้วว่าเลิก เลิก เลิก เลิก!"
เธอปิดมือถือแล้วซุกไว้ใต้หมอน ไม่อยากได้ยินเสียง นอนซึม อยากพัก อยากอยู่นิ่งๆ

ปินัทธาลดมือถือลง หันไปบอกภัทรวลัยซึ่งนั่งหน้าเครียด แอบดูเป้เทรนลูกค้าอยู่ที่มุมอุปกรณ์
"ลินีมันปิดมือถืออ่ะแก"
"ช่างมันสิ"
"ดูอะไร"
"จับตาดูอยู่ ว่าคนนั้นใช่เมียน้อยผัวฉันมั้ย"
ปินัทธาส่องดูด้วย แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ เป้เทรนลูกค้าให้ใช้อุปกรณ์ไปตามขั้นตอน
เป้แตะตัวเพื่อช่วยพยุงลูกค้าในการใช้เครื่อง
"มีแตะเนื้อต้องตัวด้วยอ่ะ"
เป้ยิ้มให้กำลังใจเชียร์อัพลูกค้า
"ยิ้มหวานให้กันด้วยอ่ะ"
เป้ช่วยฉุดให้ลูกค้าลุกขึ้นจากอุปกรณ์
"มี..."
ภัทรวลัยจะพูดต่อ แต่เธอขัด
"มีตบกันเลยมั้ย!"
"จะให้ฉันไปตบผู้หญิงคนนั้นเหรอ...ไม่แลก!"
"ตบกับฉันเนี่ย! ปัญญาอ่อนมากไปแล้วนะ ฝันว่าผัวมีเมียน้อย แล้วเอามามโนต่อ แกคิดว่าพี่เป้จะอยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือหรือไง แต่ถ้าอยากให้ผัวเบื่อแกขึ้นมาจริงๆล่ะก็ ก็จงทำตัวปัญญาอ่อนแบบนี้ต่อไป เอาเลย"
"ไม่เอา"
"งั้นก็มีสติซะที"
วลัยหน้าจ๋อย
"ก็ได้ ฉันจะไม่คิดมาก ฉันจะไม่อ่อนไหว"
"ต๊าย! วันนี้รู้สึกตัวเองเป็นคนมีเหตุผล และมีสติมากกว่าทุกวัน ฉันเป็นคนดี ไป ไปฟิตแอนด์เฟิร์มต้อนรับ AEC กันดีกว่า"
"อุย!"
วายุบุตรเข้ามา ทั้งคู่ผงะแปลกใจว่า เขามาทำไม

จิลลาและดรณ์ออกมาจากห้องเมธาวลัย เธอเดินตามออกมาด้วย แล้ว พาไปที่โต๊ะหยาดทิพย์
เจ๊ฟู อิ๋วสาระแนโผล่หน้ามาคอยสังเกตการณ์
"ฉันตกลงรับดรณ์เป็นพนักงานของที่นี่แล้วนะหยาด"
"ให้ทำตำแหน่งอะไรคะ บ.ก."
เธออึ้งไป "เป็น..."
ไทเกอร์เดินเข้ามาพอดี ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร เธอจงใจพูดกับไทเกอร์
"เป็นเลขาของไทเกอร์!"
ไทเกอร์และทุกคนตกใจ
"ไหนตัวเองบอกว่าจะให้มาช่วยงานเลขาของตัวเอง แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร"
"เป็นผู้ช่วยบรรณาธิการบริหารครับ ชื่อไทเกอร์ ไม่ใช่แค่ผู้ชายคนนี้ พี่เมเปิ้ล ผมไม่ได้ต้องการเลขา"
"แต่ฉันคิดว่าเธอจำเป็นต้องมี จบ!"
ไทเกอร์อึ้ง มองหน้าเมเปิ้ล แอบเก็บความไม่พอใจ รู้ดีว่าเมเปิ้ลตั้งใจเอาคนใกล้ตัวมาคอยจับผิด
"สวัสดีครับ ผมชื่อดรณ์ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ"
ไทเกอร์รับอย่างเสียไม่ได้
"ครับ"
เจ๊ฟูบอก
"น่าร็อกอ่ะ!"
จิลลารีบกันทันที
"และมีแฟนแล้วค่ะ"
เจ๊ฟู อิ๋วเจอสายตาหึงหวงของจิลลา เลยรีบสลายตัว ชาโนรีบชิ่งด้วย จิลลารีบลากดรณ์ออกไป
เมธาวลัยเดินเข้าห้อง ไทเกอร์ตาม หยาดทิพย์จะตามเข้าไป แต่ถูกไทเกอร์ปิดประตูกระแทกใส่หน้า เธอกระซิกอีก ปากคอสั่น
"ยังเจ็บไม่หาย ก็มาปิดประตูใส่อี๊ก!"
หยาดทิพย์ลงนั่ง เห็นน้ำเปล่าวางอยู่ 1 ขวด พร้อม post it แปะ “เสียน้ำตา ต้องเติมด้วยน้ำเปล่า” เธอตกใจ
"มาตอนไหนเนี่ย"
หยาดทิพย์มองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร ชาโนเดินออกมาจากมุมหนึ่งใกล้ๆ ถือเอกสารเดินผ่านไป ไม่รู้ไม่ชี้ เธอยังคงมองหาที่มาของขวดน้ำ

ตมิสายืนกรี๊ดลั่นอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวเอง พีศทรรต โตโต้ เพทายเข้ามา ตกอกตกใจ
"เป็นอะไรไปตมิสา!"
"อ๊าย!"
"หรือว่าเสียสติไปแล้วที่ถูกให้ออกจากการเป็นนังเลียขาบอส" โตโต้ว่า
"อ๊าย!"
ตมิสายังกรี๊ดไม่เลิก จนทุกคนต้องอุดหู

ณัฏฐาลินีทนนอนฟุ้งซ่านต่อไปไม่ไหว ลุกขึ้น
"โอ๊ย!"

เธอคว้ามือถือลุกออกไปจากที่นอน

ภายในร้านกาแฟ วายุบุตรร้อนใจนั่งปรึกษาปินัทธาและภัทรวลัยเรื่องณัฎฐาลินี

"คุณลินีไม่รับสายผมเลย"
"ของพวกเรามันก็ไม่รับค่ะ" ปินัทธาบอก
"เค้าขอเลิกกับผม"
"มันบอกพวกเราหมดแล้วค่ะ" ภัทรวลัยว่า
"เสียใจด้วยนะคะ"
"แต่ผมยังไม่ยอมแพ้หรอกครับ"
"อุ๊ตะ!" ปินัทธาอุทาน
"ตกใจอะไรแก"
"นังลินีมีเสน่ห์มัดใจผู้ชายขนาดนี้เลยเหรอ ดูเด่ะ ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ไม่เหมือนของฉันเลยอ่ะ ยังไม่ทันอ้าปาก มันก็บอกลาฉันแล้ว ฉัน..."
ภัทรวลัยรีบตัดบท
"อย่าเพิ่งอินเรื่องตัวเอง..เอาเรื่องเค้าก่อน"
"ขอโทษค่ะ...แล้วคุณมาหาพวกเราทำไมคะ คือ วลัยเองก็แต่งงานแล้ว ส่วนตัวฉันแม้จะเพิ่งอกหักมา แต่ก็ยังไม่พร้อมมีใหม่ ยิ่งเคยเป็นคนที่จีบเพื่อนตัวเอง ยิ่งกดผ่าน...ตกลง เลิกกันหรือเปล่าคะ หรือว่า อยู่ในช่วงระยะทดลองเลิก"
วายุบุตรกุมขมับ น้ำผึ้งพล่ามไม่หยุด

ภายในห้องทำงาน ไทเกอร์เข้าใส่เมธาวลัย
"พี่เมตั้งใจส่งคนมาประกบเข้าใกล้ เพราะคิดจะจับผิดผม"
เธอเก็บของลงกระเป๋า จำพวกสมุดนัด โน้ตบุ๊ก ที่จำเป็นต่อการทำงาน
"เธอมีความผิดอะไรให้ฉันต้องคอยจับ"
ไทเกอร์อึ้ง เลี่ยง
"ไม่มี และผมก็ไม่จำเป็นต้องมีเลขา ผมเอาอยู่"
"เอาอะไร"
"ทำงานในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ"
"งั้นยิ่งต้องมีคนช่วย เพราะฉันกับหยาดทิพย์จะไม่อยู่สองสามวัน เธอต้องดูแลงานแทนฉัน"
"อะไรนะ"
"หรือทำไม่ได้"
"ทำได้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้"
"ฟังนะ กว่าฉันจะทำได้อย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ฉันใช้เวลากว่าสิบปี ไม่เคยได้อะไรมาง่ายๆโดยไม่ต้องใช้ความสามารถเข้าแลก และฉันก็ไม่เคยรีบที่จะเติบโตในอาชีพ อยากนั่งเก้าอี้ตัวนี้มากนัก ก็ทำให้ทุกคนยอมรับในความสามารถด้วยความอดทน ไม่ใช่ด้วยการเลื่อยขาเก้าอี้ฉันอย่างที่เธอทำอยู่! ได้ยินมั้ย"
ไทเกอร์อึ้งอีกครั้งที่เมธาวลัยรู้ทันและสั่งสอน แต่อีโก้ไทเกอร์ก็ยังมีมากกว่าที่จะยอมรับว่าตัวเองเป็นอย่างนั้น

ตมิสายังกรี๊ดลั่นออฟฟิศอยู่
"ไม่หยุดกรี๊ด...จูบ!" เพทายบอก
"กะ..." ตมิสาจะกรี๊ด แต่ยั้งไว้ทัน สีหน้าแย่มาก ชี้ไปที่โต๊ะตัวเอง "ก็ดูสิคะ"
ทุกคนหันมองไปที่โต๊ะทำงานของเธอ แล้วเห็นรูปหัวกะโหลกวาดด้วยสิปสติกสีแดงของตมิสา เต็มโต๊ะ แถมทุกที่ก็เขลอะไปด้วยลิปสติก ดูเหมือนเลือด ทุกคนตกใจ
"หนูควรจะกรี๊ดมั้ยคะบอส อ๊าย! ใครทำ"
พนักงาน 2-3 คนเดินเข้ามาพอดี ตมิสาเข้าไปกรี๊ดใส่หน้า
"ใครทำ"
พนักงานตกใจ หน้าซีด พีศทรรตบอกกับเพทายและโตโต้
"ไปลากมาสงบสติอารมณ์ก่อน ก่อนหาตัวคนเล่นพิเรนทร์แบบนี้ และก่อนที่ผมจะเป็นบ้า"
โตโต้ เพทายต่างรับคำ
"ครับบอส"
ทั้งคู่รีบเข้าไปหิ้วปีกตมิสาที่ยังเป็นบ้า ไม่เลิกโวยออกไป
"ใครทำ! รู้มั้ย ลิปสติกแท่งนั้นมันแพงมาก อ๊าย! ฉันจะไปตบมัน...อ๊าย!"
พีศทรรตส่ายหัวจะเข้าห้อง เหลือบไปเห็นเมอร์ดี้แอบยืนยิ้มอย่างสะใจอยู่ที่มุมหนึ่ง เขานึกสงสัย

ภายในร้านกาแฟ ปินัทธายังเมาน้ำลายไม่หยุด
"ถึงบนคานจะเหงา แต่ชาวเราก็เลือกนะคะ"
ภัทรวลัยทนไม่ไหว
"จะหยุดพูดได้ยัง เห็นหน้าเค้าป่ะ ว่าที่แกพล่ามอยู่น่ะ ไม่ใช่เลย มีสติได้แป๊บเดียว เยอะอีกแระ"
"ผมไม่ได้มาด้วยเหตุผลที่คุณคิดอยู่ครับ"
"ก็แล้วตกลง มาหาพวกเราทำไมล่ะคะ! เข้าเรื่องสิคะ ให้คิดเองเออเองอยู่ ทำไม หรือว่าพูดไม่ทัน..."
"พอแล้ว หยุดพูด!"
"เคร!"
"เชิญคุณวายุบุตรค่ะ"
"ผมอยากรู้ว่าคุณลินี...เคยเจอความรักทำร้ายจนเจ็บปวดแสนสาหัสมาบ้างหรือเปล่าครับ"
ทั้งคู่อึ้ง พูดไม่ออก ไม่กล้าตอบ มองหน้ากัน เอาไงดี
"ช่วยบอกผมที ผมอยากเข้าใจเธอ"

ณัฎฐาลินีเดินมาหยุดที่หน้าสำนักงานนักสืบเอกชน ตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องการสืบหาข้อมูลของพิภพและวายุบุตร ช้างขับรถมาจอดหน้าสำนักงาน ลดกระจก มองเข้าไป คุยมือถือ

"คุณลินีเข้าไปในสำนักงานนักสืบครับเสี่ย"
 
อ่านต่อหน้า 4

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 14 (่ต่อ)

ที่ร้านกาแฟ วายุบุตรบอก "ผมไม่อยากเดินจากไปทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าจริงๆแล้ว...เธอเองก็ไม่ได้รังเกียจผม แต่ทำไมถึงยังมีกำแพงที่มองไม่เห็น แต่ผมรู้สึกได้ว่าเธอพยายามซ่อนตัวอยู่ข้างหลังกำแพงนั่น" 

ผ่านเวลามา วายุบุตรเดินคอตกออกมาจากฟิตเนส ผิดหวัง เพราะไม่ได้ข้อมูลใดๆจากเพื่อนของณัฎฐาลินี เขานึกถึงเรื่องคุยกันที่ผ่านมา

วายุบุตรรอคอยคำตอบ
"บอกผมได้มั้ยครับ ผมขอร้อง"
"บอกไม่ได้ค่ะ" ปินัทธาบอก
วายุบุตรอึ้ง
"เพราะเราไม่แน่ใจว่า....ลินีจะอยากให้พวกเราเล่าเรื่องส่วนตัวของเค้ากับคุณหรือเปล่า"
"เราไม่แน่ใจว่า...จริงๆแล้ว ลินีรู้สึกยังไงกับคุณกันแน่" ภัทรวลัยเสริม
"เพราะฉะนั้น...เราขอวางตัวเป็นกลาง เพราะไม่อยากถูกเพื่อนด่า"
"ในตอนนี้เราช่วยอะไรคุณไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ"
วายุบุตรอึ้ง ผิดหวัง

บริเวณหน้าฟิตเนส ต่อเนื่องมา วายุบุตรถอนหายใจ ทั้งกังวลและคิดถึงณัฎฐาลินีมาก เดินออกไป

ภายในห้องทำงาน พิภพคุยมือถือกับช้าง
"ฉันอยากรู้ว่ายัยนั่นตามสืบเรื่องอะไร ถ้าเข้าใกล้ฉันมากนัก จะได้รีบจัดการมันซะ"
พิภพวางสาย สีหน้าเหี้ยม
"เธอมันไม่ธรรมดาจริงๆ ณัฏฐาลินี"
พิภพยิ้มกรุ้มกริ่ม เริ่มสนใจในตัวผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา

ภายในสำนักงาน นักสืบมองดูรูปๆหนึ่งในมือ แล้วมองหน้าณัฎฐาลินีที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม
"ฉันอยากรู้ว่าเด็กในรูปนี้ ตอนนี้อยู่ที่ไหน"
"ผมเคยเห็นในข่าว เธอหนีรอดมาได้จากพวกแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ แต่ความจำเสื่อม"
"ถ้าฉันไม่ถูกถอดออกจากเคสนี้ คงไม่ต้องมาหาคุณ ฉันต้องการตามเรื่องนี้ต่อ"
"ไม่ยาก แค่นี้เหรอครับ"
เธอหยิบซองอีกซองหนึ่งส่งให้นักสืบ
"ฉันอยากรู้ประวัติของผู้ชายสองคนนี้"
นักสืบหยิบรูปขึ้นมาดู เป็นรูปของวายุบุตรและพิภพ ที่ปริ้นจากภาพข่าว
"อย่างละเอียด ทุกช่วงวัยของชีวิต คงไม่ยากเหมือนกันใช่มั้ยคะ"
"เราทำงานด้วยกันมานาน คำถามของคุณคือคำตอบ..ว่าผมต้องทำให้ได้"
"ขอบคุณค่ะ"
เธอยื่นซองเงินให้
"นี่เงินงวดแรก แล้วติดต่อกันค่ะ"
เธอลุกขึ้นเดินออกไป นักสืบลงนั่ง พิจารณารูปถ่ายแต่ละคน
ทันใดนั้นประตูสำนักงานถูกเปิด ช้างกับมาร์กเข้ามา
"สวัสดีครับ"
"สวัสดีครับ ผมอยากทราบว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้...ให้คุณตามสืบเรื่องอะไร" ช้างถาม
"พวกคุณเป็นใคร"
มาร์กชักมีดออกมา แล้วประชิดตัวนักสืบเอามีดจ่อสีข้าง
"กูให้ตอบไม่ได้ให้ถาม!"
นักสืบตกใจกลัวมาก ช้าง มาร์กรอคอยคำตอบของนักสืบ

ภัทรวลัยกำลังคุยโทรศัพท์เรื่องงาน พลางเปิดโน้ตบุ้ก
"เมื่อไหร่ดีไซน์ฉลากโปรดักส์ของพี่จะเสร็จค้า อยากดูอยากเห็นอยากขายของแล้ว โอเคร พรุ่งนี้คือพรุ่งนี้นะ อย่าบอกต่อ คอขาดแน่แก"
พีศทรรตเข้ามายืน
"คุณวลัยครับ"
เธอพูดกับมือถือ
"แหม ทำเสียงหล่อขึ้นมาเลยเชียวนะ อย่าคิดว่าฉันจะใจอ่อน"
"คุณวลัยครับ"
" ฉันบอกว่า..."
เธอชะงัก เงยหน้าขึ้นมองเห็นพีศทรรต
"ว้าย! ผู้ชายของเพื่อนที่ทำให้เพื่อนอกหักเพราะไม่ยอมรับรัก ใจแข็งเป็นหิน"
"ว่าผมเหรอครับ"
เธอรีบแก้ตัว
"เปล่าค่ะ ว่ามันที่อยู่ในมือถือ แค่นี้ก่อนนะแก"
เธอวางสาย ยิ้มให้พีศทรรต และแปลกใจ
"สวัสดีค่ะ วันนี้หัวกระไดฟิตเนสไม่แห้งเลยให้ตาย พับผ่าค่ะ"
"ผมโทร.หาน้ำผึ้ง ก็ไม่รับสาย ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ เลยคิดว่าอาจจะอยู่ที่นี่"
"ก็ไม่อยากจะบอกเลยค่ะว่าอยู่ เพราะคุณน่ะใจร้ายมาก ถ้ามาง้อก็จะบอก แต่ถ้ามาด่า เชิญ..."
ภัทรวลัยหันมาอีกที พีศทรรตเดินลิ่วเข้าไปข้างใน มองหาปินัทธา ภัทรวลัยรีบตามเข้าไป
"ยังไม่ได้บอกเลยนะคะว่าอยู่"

มุมหนึ่งในฟิตเนส ปินัทธากำลังวิ่งบนลู่ พลางคุยกับคุณเป้เรื่องภัทรวลัย
"พี่เป้ก็ดูแลจิตใจมันหน่อย ช่วงนี้มันพลุ่งพล่านมาก"
"พี่ก็ดูแลวลัยตามปกติเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง"
"แต่เมื่อคืนได้ข่าวว่า ไม่ได้ตอกบัตร ทำให้มันคิดมาก จนเก็บไปฝันว่าพี่เป้มีเมียน้อย แล้วยังคอยตามมาจับผิดถึงที่นี่อีก เอากะมันสิ"
"โหย...พี่ก็มีเหนื่อยมีเพลียบ้าง เครื่องจักรยังต้องพัก นี่คนนะคะ"
"รู้มั้ยว่ามันอยากมีลูกมาก ตอนนี้อายุ 35 แล้ว มันก็อยากจะรีบท้อง เกินกว่านี้ อันตราย หมอไม่แนะนำ เข้าใจมันหน่อยนะ"
"พี่เข้าใจ...เอ๊ะ แปลกแฮะ วันนี้น้ำผึ้งพูดดีมีสติ"
"ความเจ็บปวดทำให้เราโตขึ้นค่ะพี่เป้ หนูกับเค้าจบกันแล้ว"
"ชัวร์?"
"ที่สุด หนูตัดใจจากเค้าได้แล้ว หนูมั่นใจมาก"
พีศทรรตเดินมา ภัทรวลัยวิ่งตะโกนตามมาติดๆ
"น้ำผึ้ง! ผู้ชายมา"
ปินัทธาตกใจ ร่วงหล่นจากลู่วิ่ง ลงไปกอง
"น้ำผึ้ง!"

พีศทรรตวิ่งเข้าไปหาเธอทันที

ปินัทธาเค้เก้อยู่บนพื้น พีศทรรตประคองเอาไว้ ภัทรวลัยจะเข้ามาช่วย แต่ถูกเป้รั้งเอาไว้ ไม่ให้เข้าไปยุ่ง เธอมองเขาย่างตกใจ คาดไม่ถึงว่าเขาจะมาหา

"มาทำไม"
"เอาความจริงมะ"
"ถึงตอนนี้แล้ว จะโกหกทำเพื่อ"
"มาง้อ"
"ไม่จริง"
"พอพูดความจริงก็ไม่เชื่อ จะเอาไง"
เป้ส่งสัญญาณให้เมียออกไปด้วยกันเพื่อให้ทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจกัน เธอผลักเขาออกห่าง แล้วลุกขึ้น
"ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ไปให้พ้น ต่อไปนี้เราต่างคนต่างเดิน"
เธอเดินหนีออกไป พีศทรรตรวบรวมพลังตามไปง้อ
"น้ำผึ้ง หยุด"
"ไม่หยุด!"
พีศทรรตเข้าไปดึงมือ กระชากเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด มองหน้า เธอตกใจ
"จะ...ทำ...อะไร"
เธอมองไปรอบๆ คนมองมาเป็นตาเดียว
"มองหน้าผม"
"ก็มองอยู่นี่ไง"
แต่เธอไม่กล้าสบตา เขาเชยคาง
"สบตา"
"อย่าทำแบบนี้"
"ทำไม"
"อายคน!"
"อายเป็นเหรอ"
"เออสิ!"
"คุณชอบผมจริงๆเหรอ"
"เออสิ! คุณไม่ได้คิดอะไรกับฉันก็ปล่อยฉัน อย่าลงลึก เพราะฉันคิดลึก"
เขาเห็นท่าทางอายจริง เขินจริงของเธอแล้ว...อึ้ง...รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว เธอเองก็อึ้ง...ยิ่งรู้สึกกับเขามากขึ้น ก่อนรีบผละออกทันที
"ที่บอกว่ามาง้อ...จริงเหรอ"
"จริง"
"หมายความว่าคุณ กำลังชอบฉัน คุณมาง้อให้ฉันเป็นแฟนคุณจริงๆ ใช่มั้ย"
"มาง้อให้คุณไปเป็นเลขาของผม"
"หือ?"
"จนกว่าจะกอบกู้ชื่อเสียงของคุณกลับมาได้อีกครั้ง คุณต้องมีงานทำและมีรายได้ ผมจะให้คุณมาเป็นเลขาแทนตมิสา"
" ไอ้คุณพีศ!"
"ไม่ทำ? เงินเหลือในบัญชีเท่าไหร่ เอาเงินที่ไหนผ่อนคอนโด ผ่อนรถ ค่าเครื่องสำอาง ค่าสมาชิกฟิตเนส ค่าเสริมความงาม ค่า..."
"ทำ!"
เขาอมยิ้ม ที่เธฮเดาใจได้ไม่ยาก ผู้หญิงอะไร...ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรเลย ซื่อสัตย์กับความรู้สึก
ของตัวเองมากที่สุด เธอหน้างอ ผิดหวังที่พีศทรรตไม่ได้มาง้อไปเป็นแฟน

บริเวณท่าเรือ บรรยากาศจังหวัดภูเก็ต เมธาวลัยและหยาดทิพย์ยืนรอเรือมารับ กระเป๋าสัมภาระของบ.ก.มีหลายใบมาก ในขณะที่หยาดทิพย์มีใบเดียว
"บ.ก.คะ ได้ข่าวว่า มาแค่สองสามวัน แต่..."
"ฉันเป็นใคร"
"บ.ก.บ.ห. แมกกาซีนแฟชั่นหัวนอกบวกเซเล็บชื่อดังของเมืองไทยค่ะ"
"เพราะฉะนั้น ฉันต้องเป๊ะ อีกอย่าง...มาง้อแฟนก็ควรจะจัดเต็ม"
"ค่ะ" แต่แอบเบือนไปเมาท์เบาๆกับตัวเอง "เต็มเกิ๊น!"
"กฤษเป็นคนเกาะตะวันเหรอ"
"น่าแปลกนะคะ ที่กฤษไม่เคยเล่าว่าตัวเองเป็นคนที่นี่ ให้บ.ก.ทราบ"
เธอแก้เก้อ
"ฉันรำพึงเฉยๆ! ฉันรู้แล้ว แต่ฉันลืม...ช่วงนี้งานเยอะ ลืมง่าย"
"อ๋อค่ะ...หนูเองก็เพิ่งทราบนี่แหละค่ะ ว่าเพื่อนเป็นคนที่นี่ เห็นว่าพ่อแม่มีอาชีพเก็บรังนกขายส่งกฤษมาเรียนที่กรุงเทพ ปิดเทอมทีก็กลับมาช่วยงานพ่อแม่ที เห็นว่า...ตอนนี้ต้องมาช่วยงานพ่อแม่เต็มตัวแล้ว คงลำบากน่าดูเลยนะคะบ.ก."
เธอกับตัวเองเบาๆ
"จน! ซวยล่ะสิ คุณย่าไม่ให้ผ่านแน่ๆ"
"คะ?"
"ฉันร้องเพลง" เธอฮัมเพลงแก้เก้อ
"อ๋อ ค่ะ"
"เมื่อไหร่เรือที่เธอติดต่อเอาไว้ จะมารับ"
"กฤษบอกว่า ไม่เกินห้าโมงเย็นค่ะ"
เธฮดูนาฬิกา
"เหลืออีกห้าวินาที ถ้าไม่มา...เธอกลายเป็นผีทะเลแน่"
"สาม...สอง..หนึ่ง..." ทันใดก็เห็นสปีดโบ้ตมาไกลๆ "โน่นค่ะ มาแล้วค่ะ"
เธฮชะเง้อมอง มุมหนึ่งใกล้ๆ กฤษฎายืนอ่านหนังสือพิมพ์ แอบจับตาดูเธออย่างใกล้ชิด

คนขับเรือนำกระเป๋าลงไปจัดในเรือ หยาดทิพย์ลงเรือไปแล้ว เหลือแต่เมธาวลัยตั้งท่าไม่ได้สักที มัวแต่จดๆ จ้องๆ อยู่
"แล้วฉันจะลงยังไงเนี่ย"
"ก็ลงมาสิคะ"
"ยังไงล่ะ"
กฤษฎาแอบดู ขำท่าทางของเธอ
"โอ๊ย! ทีหลังจ้างเรือที่มีสะพานทอดเทียบท่าได้มะ ให้ก้าวลงอย่างนี้ ฉันตกลงไปจะทำไง"
คนขับเรือแหลงใต้บอก
"ก็เปียกสิครับ"
"ฉันแค่เปรยๆ! เปียกน่ะเปียกแน่"
ทันใดนั้น จู่ๆ กฤษฎาก็กระโดดลงมาในเรือ หันมาหาเธอ
เธอตกใจที่เห็นเขา รูปลักษณ์ของเขาเปลี่ยนไป กลายเป็นหนุ่มเข้ม ลุยงาน
"กฤษฎา"
กฤษฎาชูมือขึ้น เพื่อรออุ้มเธอให้ลงเรือ
"ลงมาสิครับ ไม่ต้องกลัว"
เธอรู้สึกมั่นใจขึ้น กระโดดโผเข้าหากฤษฎาบนเรือ ประชิด เนื้อแนบเนื้อ ใจเต้นแรง
"ยินดีต้อนรับครับ"

เธอมอง กฤษฎา... เด็กหนุ่มดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน
 
อ่านต่อตอนที่ 15
กำลังโหลดความคิดเห็น