xs
xsm
sm
md
lg

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 13

เช้าวันใหม่ เมธาวลัยหลบหน้าแสนสุข กำลังย่องจะออกจากบ้าน

“หลบหน้าย่าอยู่เหรอ เมเปิ้ล”
เธอยังไม่รู้ตัว “ค่ะ คุณย่า...” แล้วก็อึ้ง สะดุ้งสุดตัว หันไป “คุณย่า”
แสนสุขมองดุ หลานสาวหน้าเสียและอึดอัดใจ
อีกมุมหนึ่งบ้านเมเปิ้ล
“ยังไงก็จะไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ย่าเลือกให้ใช่มั้ย”
เธอตอบหนักแน่น
“ค่ะ”
“แม้ว่าอาจจะต้องเสียใจในภายหลัง”
“การที่หนูต้องแต่งงานกับเกย์คือสิ่งที่จะทำให้หนูเสียใจในภายหลังต่างหากค่ะ คุณย่า”
“ย่าไม่เชื่อว่าตาตรัยคุณเป็นเกย์ หัวหงอกจนป่านนี้แล้ว ย่าไม่มีทางดูคนไม่ออก”
“ แต่...”
“ไม่มีคำว่าแต่อีก”
“ต่อให้หนูต้องเลิกกับแฟนหนู แต่หนูก็จะไม่มีแต่งงานกับคนที่หนูไม่ได้รัก”
“อายุสามสิบกว่า จวนจะสี่สิบอย่างเธอ มีผู้ชายมาให้เลือกนักหรือไง”
“ไม่มีให้เลือก ก็ไม่เลือก หนูไม่จำเป็นต้องแต่งงาน แต่งเพื่ออะไร ทุกวันนี้หนูก็มีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว มีงาน มีเงิน มีอิสระ ไม่มีพันธะ ไม่ต้องมีปัญหาเมีย น้อยเมียหลวง ตามตบกิ๊ก หรือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเพราะหย่าผัว ไม่มีลูกที่อาจจะโตขึ้นแล้วกลายเป็นปัญหาสังคม หนูตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่แต่ง จบ”
“มันไม่จบอย่างที่เธอคิดหรอก เมเปิ้ล อย่ามั่นใจในความโสดของตัวเองนัก ธรรมชาติไม่ได้สร้างเราให้อยู่คนเดียว คนเราต้องมีคู่ชีวิต วันที่เธอต้องเผชิญปัญหา และต้องการกำลังใจจากใครสักคนเพราะเธออ่อนแอ หรือเวลาที่เธอมีความสุข จนอยากแบ่งปันให้ใครอีกคนรับรู้ เธอจะคิดถึงสิ่งที่ย่าพูด”
“คุณย่า....ไม่บังคับให้หนูแต่งงานกับพี่ตรัยคุณแล้วใช่มั้ยคะ”
“ย่าจะไม่บังคับ ถ้าเธอทำตามเงื่อนไขของย่าได้”
“เงื่อนไขอะไรบ้างคะ”
“ย่าดึงเวลาให้คำตอบกับทางเจ้าสัวเอาไว้เรื่องงานหมั้น เพราะฉะนั้น ภายในเวลาไม่ถึงเดือนนับจากนี้ เธอต้องพาแฟนเด็กคนนั้นมาให้ย่ารู้จัก และต้องทำให้ย่ายอมรับให้ได้ว่าเป็นคนดีและเหมาะสมกับเราจริงๆ”
“สบายมากค่ะ ใครได้ใกล้ชิดเด็กคนนั้น รับรองต้องหลงรักเค้าทุกคน!” เธอเพ้อโดยไม่รู้ตัว “ เป็นเด็กน่ารัก ขี้เล่น ร่าเริง อยู่ใกล้แล้วทำให้เรากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แต่บางทีก็มีความเป็นผู้ใหญ่ มีมุมมองที่ทำให้เรารู้สึกทึ่ง”
“น่าเกลียด เก็บอาการหน่อย นี่แสดงว่าทั้งรักทั้งหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วล่ะสิ”
เธอลืมตัว รีบปฏิเสธ
“อุ๊ย...ไม่จริงหรอกค่ะ หนูไม่ได้...”
“ตกลงยังไงของเธอ จะรักหรือไม่รัก เอาให้แน่”
“อุ๊ย...รักค่ะ รักมาก แต่ไม่ได้หลง หนูมีสติ รักอย่างมีเหตุผลค่ะคุณย่า หนูไปบอกข่าวดีกับกฤษฎาก่อนนะคะ ว่าคุณย่าเปิดโอกาสให้เราสองคนแล้ว”
เธอลุกไป แสนสุขพูดขัด)
“ยังมีเงื่อนไขอีกข้อ”
“อีกข้อเหรอคะ?”
“ใช่! ฟังให้ดี...ถ้ายายจิลลากับตาดรณ์เลิกกัน ย่าก็จะถือว่าเรื่องของเรา จบด้วยเหมือนกัน”
“โอ๊ย! สบายมากค่ะ... หา! จิลกับดรณ์เลิกกัน...แล้วมาเกี่ยวอะไรกับคู่ของหนูล่ะคะคุณย่า”
แสนสุขลุกขึ้นยืน ประกาศปักธง
“ถ้าสองคนนั้นพิสูจน์ให้ย่าเห็น ว่าผู้หญิงอายุมากกว่าไม่ใช่ปัญหาในการใช้ชีวิตคู่ ย่าก็จะยอมเปิดใจยอมรับคู่ของเรา แต่ถ้าทำไม่ได้ ย่าก็จะเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองต่อไปว่า ผู้หญิงกินเด็ก ยังไงก็ไม่รอด”
“คุณย่า!”
“ถ้าทำไม่ได้ทั้งสองข้อ ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนเดิม เธอต้องแต่งงานกับตาตรัยคุณ คนที่ย่ามองแล้วว่าดีที่สุด เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอ ถ้าไม่แต่ง ถือว่าเธออกตัญญูกับย่า”
แสนสุขเดินออกไปทันที ทิ้งให้เธอยืนมึนอยู่

ตมิสากำลังชงกาแฟ เหลือบมองเพทายที่ชงกาแฟอยู่ข้างๆและส่งสายตาเจ้าชู้ให้ตมิสาตลอดเวลา
“ถอยไปห่างๆได้มั้ย! อย่ามาอยู่ใกล้ กาแฟไม่อร่อย”
โตโต้เข้ามาสีเพทาย
“แต่ถ้าอยู่ใกล้โต้ บอกเลย กาแฟโต้จะอร่อยขึ้นมาก หวานเข้มมันเว่อร์”
“ขอให้กาแฟติดคอพวกแกตายทุกคน”
ทุกคนสะดุ้งหันไป ปินัทธายืนหน้าเครียด เตรียมเอาเรื่อง
“ป้า!!” ทุกคนร้องทัก
“ตัวไหน บอกที่อยู่ของฉันกับแม่คุณพีศ!”
ทุกคนหน้าซีด ตมิสาร้อนตัว เลิ่กลั่ก
เธอไล่มองเรียงตัว เพทายหลบตา
“ผมไม่รู้เรื่อง”
“คนโกหกไม่กล้าสบตา”
“ก็ป้าน่ากลัวมาก”
น้ำผึ้งมองหน้าโตโต้ ที่ยืนสู้หน้า
“ฉันไม่น่ากลัวเหรอ”
“ที่สุดค่ะ! แต่หนูควรเอาความจริงเข้าสู้ ว่าหนูไม่รู้เรื่อง จริงๆ”
เธอเดินมามองหน้าตมิสา อีกฝ่ายหลบแล้วสู้ สู้แล้วหลบ หลบแล้วสู้
“ตกลงจะเอาไง จะสู้หรือจะหลบ”
“คือ...หนู...คือ...”
“หล่อนใช่มั้ย”
ตมิสาตกใจรีบรับ
“ใช่ค่ะ”
เธอเข่นเขี้ยว เตรียมระเบิด ทุกคนตกใจ เกิดเรื่องแน่นอน แต่ผิดคาด น้ำผึ้งกลับใช้น้ำเย็น
“ไม่ต้องกลัวจนตัวสั่น ฉันใจเย็นและเป็นผู้ใหญ่พอ เรามาคุยกันด้วยเหตุผลนะ”
“แน่ใจเหรอคะ ว่าป้าทำได้”
“ได้สิ...ฉันเชื่ออย่างนั้น พวกเธอไม่เชื่อเหรอ”
ทุกคนส่ายหน้าบอก “ไม่เชื่ออ่ะ”
เธอถอนใจ
“ไม่เป็นไร...เอาเป็นว่า ฉันเชื่อตัวฉันเอง ตมิสาจ๊ะ ขุ่นแม่ถามอะไรเกี่ยวกับฉันจากเธออีกหรือเปล่า นอกจากที่อยู่”
ตมิสาเห็นปินัทธาใจเย็น เลยเชิด วางท่าเหนือ
“ก็ไม่นี่ แกก็ถามแค่นั้นแหละ”
“เอาความจริง อย่าให้ป้าเปลี่ยนใจกลับไปเป็นคนเดิม”
“ป้าจะมาคาดคั้นอะไรกับหนูนักหนา คิดว่าแม่บอสพิศวาสจนอยากรู้จักป้าทุกรูขุมขนเลยหรือไง ได้ข่าวว่า...ถูกรังเกียจไม่ใช่เหรอ! จะบอกให้นะ แม้แต่ชื่อป้า แม่บอสก็ไม่อยากจะได้ยินหนูพูดถึงถ้าไม่จำเป็น”
เธออึ้ง โตโต้และเพทายผงะ กลัวเธอของขึ้นมาก
“ฉันปกติดี ไม่ต้องผงะ”
โตโต้ เพทายโล่งอก
“คุณตมิสาครับ...ที่พูดไป แรงไปมั้ยครับ”
“ฉันพูดความจริง! ซึ่งป้าต้องยอมรับ ว่าแต่ว่า...แม่บอสไปคุยอะไรกับป้าอ่ะ”
พีศทรรตเดินเข้ามา
“มีอะไรกัน”

ทุกคนสะดุ้ง อึ้งกันหมด เอาไงดี

ภายในห้องผู้อำนวยการ ณัฏฐาลินีไม่พอใจ

“ให้หนูทำเคสอื่นแทนเคสแก๊งค้าผู้หญิงข้ามชาติ! ทำไมคะ”
“มีเคสใหม่อีกหลายเคสที่อยากให้ลินีไปช่วยดูแล เราขาดมือกฎหมายเก่งๆ อย่างลินี เคสนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของพี่กับกุ๊งกิ๊งเอง”
“แต่พี่ลินีตามเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกนะคะ ผ.อ.” กุ๊งกิ๊งบอก
“เพราะลินีอินกับมันมากเกินไปจนอาจทำให้มีอคติ ขาดความเป็นกลาง ทำให้พี่เป็นห่วง”
“อคติเหรอคะ ความทุ่มเทของหนู กลายเป็นอคติตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เชื่อพี่เถอะ ลินี วางมือจากเรื่องนี้ แล้วไปทำเรื่องอื่น”
เธอเงียบ อึดอัดและไม่พอใจ และสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

มุมหนึ่งออฟฟิศมูลนิธิฯ ณัฏฐาลินีเดินหงุดหงิดมากับกุ๊งกิ๊ง
“พี่ไม่เข้าใจ ทำไมผ.อทำแบบนี้”
เธอชะงัก เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่วายุบุตรมาหาที่ออฟฟิศและคุยกับผ.อ. เธอสงสัยว่า วายุบุตรอาจจะมีส่วนกับเรื่องนี้
“คุณวายุบุตร”
“พี่กำลังสงสัยว่าแฟนพี่มีส่วนกับเรื่องนี้เหรอคะ”
“บอกแล้วไง ว่าเค้าไม่ใช่แฟนพี่”
“แต่พี่ยอมรับนัด ไปไหนมาไหนกับเค้า พี่ไม่ได้เปิดใจชอบเค้าแล้วเหรอคะ”
ผ.อ. เดินมา ยืนฟังอยู่อย่างเงียบๆ ณัฎฐาลินีปากแข็ง ไม่ยอมรับว่าตัวเองใจอ่อน
“คิดว่าการที่เค้ามาบริหารเสน่ห์ใส่พี่แค่ไม่กี่ครั้ง มันจะทำให้พี่ใจอ่อนยอมทำลายกำแพงที่พี่สร้างขึ้นมาป้องกันตัวเองได้เหรอ”
กุ๊งกิ๊งแปลกใจ

เมธาวลัยเดินเข้ามาในออฟฟิศ เห็นทุกคนกำลังนั่งทำงานของตัวเองอยู่ ทว่าโต๊ะทำงานของกฤษฎา ว่างเปล่า
“หยาด! กฤษฎาอยู่ไหน”
หยาดทิพย์หน้าจ๋อย ค่อยๆหยิบซองของยื่นให้เธอ
“ยังไม่ใช่เวลาทำบุญใส่ซอง! ฉันถามหากฤษฎา”
“ไม่ใช่ซองทำบุญค่ะ แต่เป็นจดหมายขอลาออกของกฤษ”
“ลาออก”
ทุกคนหันขวับ ต่อมสาระแนโตทันที เธอช็อก ร้อนใจ เครียด
“ทำไมไม่คุยกับฉัน เค้าบอกหรือเปล่าว่าลาออกทำไม ยังไง จะไปไหน ทำอะไร โอ๊ย”
ทั้งออฟฟิศเงียบกริบ เธออึ้ง.ก่อนเย็นลง
“เอิ่ม...คือ เค้าก็เปรยๆกับฉันอ่ะนะ ว่า เบื่องานที่ทำอยู่ แล้ว ตอนที่เค้าฝากจดหมายลาออก พูดอะไรอีกหรือเปล่า”
เธอมองหน้าหยาดทิพย์อย่างคาดคั้น ชาโน อิ๋ว เจ๊ฟูและพนักงานคนอื่นๆ ค่อยๆย่องมาข้างหลังเพื่อแอบฟังด้วย

เมื่อกฤษฎามายื่นซองขาวให้หยาดทิพย์
“ฝากยื่นใบลาออกให้คุณเมเปิ้ลด้วย”
“ทำไมล่ะกฤษ...เกิดอะไรขึ้น”
“ก็ลาออกไง”
“อึดอัดเรื่องอะไรเหรือเปล่า ทะเลาะกับบ.ก.ใช่มั้ย ฉันว่าแล้ว นี่ ทำใจหน่อยสิ บ.ก ก็เป็นของเค้าอย่างนั้น ปากร้ายแต่ใจดี ด่าๆ แต่ก็สอนงานให้เราเก่ง ดูอย่างฉันสิ ยังทนทำมาได้ตั้งหลายปี”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
หยาดทิพย์จัดของไปคุยไป จนไม่ได้สังเกตว่า กฤษฎาเบื่อจะฟังมาก เดินออกไปอย่างเงียบๆ “หรือทะเลาะกันเรื่องส่วนตัว เค้าชอบทำตัวเป็นแม่เธอใช่มั้ย เอาแต่สั่งๆๆใช่มั้ย ก็งี้แหละ มีแฟนอายุมากกว่า เค้าก็ชอบเห็นเราเป็นลูกเป็นหลาน”
หยาดทิพย์เงยหน้าขึ้นมาอีกที กฤษฎาหายไปแล้ว
“อ้าว”

หน้าห้องทำงาน ทุกคนมองหน้าหยาดทิพย์อย่างเซ็ง
“สรุป...มีแต่คุณน้องที่พูด แต่ผู้ชายไม่ได้พูดอะไรเลย” เจ๊ฟูว่า
“ค่ะ”
อิ๋วบอก
“แต่ชอบอ่ะ กัดบ.ก.เนียนๆ ฮ่ะๆๆ แต่โดน ฮ่ะๆๆ เห็นเป็นลูกเป็นหลาน ฮ่ะๆๆ”
ชาโนสะกิดอิ๋ว
“อะไร! แอบสะกิดแบบนี้...แกไม่คิด เจ๊คิดนะโน”
ชาโนชี้ไปทางเมธาวลัยที่ยืนมองตาเขียวอยู่
“อุย! รู้สึกขึ้นมาได้ว่า...ต้องรีบปิดต้นฉบับค่ะ”
อิ๋วรีบแยกไป
เธอดึงจดหมายมาจากหยาดทิพย์
“เอาจดหมายมานี่”
เธอเดินเข้าห้อง ปิดประตูดังโครม จ๊ฟู รีบเกาะติดสถานการณ์กับหยาดทิพย์ ชาโนยืนอยู่ห่างๆ
“อัลลัย ยังไง มีอะไรมากกว่าที่เล่าให้บ.ก.ฟังหรือเปล่า เหลามาเลย”
“เหลาอะไร ไม่มีแล้วเจ๊...หนูเป็นคนตรงๆ ยังไงก็ยังงั้น”
ชาโนพูดเบาๆกับตัวเอง ชมหยาดทิพย์พลางตบมือฉาด ฟันธง
“ไม่ตรงนะ มีเว้ามีโค้ง สมส่วนดี”
ชาโนเสียงดัง “น่ารัก”
หยาดทิพย์ เจ๊ฟูหันมองชาโนขวับอย่างงงๆ เขาเขิน รีบออกไปเลย

ภายในห้อง เธอพยายามกดมือถือโทร.หากฤษฎา แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกทุกครั้ง

“โอย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย กฤษฎา เธออยู่ที่ไหน”
 
อ่านต่อหน้า 2

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 13 (ต่อ)

ตั้งแต่เมื่อคืน กฤษฎากำลังขับรถน้ำฟ้ากลับภูเก็ตพร้อมข้าวของที่โยกย้ายไปอย่างถาวร
 
น้ำฟ้านั่งมาเป็นเพื่อนหลับอยู่ข้างๆคนขับ เขาดื่มน้ำ เปิดเพลงฟัง แก้ง่วง เป็นเพลงที่เปิดในงาน after party งานแต่งงานของภัทรวลัย อิริยาบถของเมธาวลัยแวบเข้ามา แล้วคำพูดของเธอก็หยุดความรู้สึกทั้งมวลของเขาไว้แค่นั้น
“ไม่ต้องมาเสนอหน้าออกรับผิดแทนฉัน มันคือความรับผิดชอบของฉัน เธอควรจะอยู่เฉยๆ! ถ้าไม่อยากให้ฉันซวยมากไปกว่านี้”
กฤษฎารู้สึกน้อยใจกับคำพูดนั้น
“ผมคงเป็นได้แค่เด็กน้อยที่ทำให้คุณรำคาญใจ ลาก่อนครับ คุณเมเปิ้ล”
เขาน้ำตาซึม อกหักท น้ำฟ้าหันมองไปทางกระจก ค่อยๆลืมตาขึ้น ยิ้มอย่างสมใจ ค่อยๆพลิกตัวตื่น วางมือไปบนแขนของเขา จับเอาไว้เบาๆ
“ขอบใจนะน้ำฟ้า ที่อยู่เป็นเพื่อนเราทุกครั้งเวลาที่เรามีปัญหา”
“และเราก็จะพูดเหมือนที่เคยพูดทุกครั้งว่า กฤษจะมีเราอยู่ข้างๆเสมอนะ”
เขาแตะแขนเธอเบาๆ เป็นการขอบคุณ น้ำฟ้ายิ้มมีความสุขมากที่เขาตัดใจจากเมเปิ้ล
รถน้ำฟ้าวิ่งมุ่งหน้าสู่ภูเก็ต

ภายในในห้องทำงานพีศทรรต เมธาวลัยพูดกลบเกลื่อน ในขณะที่ตมิสา โตโต้ และเพทายอยู่ด้วย
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่...เม้ามอยยามเช้าตามประสาคนทำงานด้วยกัน เนอะๆ... ถ้าบอสรู้เรื่องนี้ พวกแกตาย”
ตมิสา โตโต้ เพทายรีบพยักหน้าทันที
“ใช่แล้วค่ะ ไม่มีอะไร”
“ก็แค่คุยเรื่องดินฟ้าอากาศ” โตโต้บอก
“กับกลางวันนี้เราจะกินอะไรกันดี” เพทายว่า
“งั้นมาคุยเรื่องงาน เพทาย ผมจะให้คุณเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้เมอร์ดี้ด้วย”
“แต่โต้ก็ดูแลอยู่นะคะบอส หรือโต้ทำงานได้ไม่ดี ไม่โอคะ โอ๊ย...เสียเซลฟ์มากค่ะบอส”
“อย่าเพิ่งดราม่า....ไม่ใช่คุณทำงานไม่ดี แต่ที่ให้เพทายเข้ามาช่วยดูแล เพราะผมอยากให้ช่วยประกบดูแอ็กติ้งน้องเค้าด้วย น้องยังใหม่ แต่ก็อยากให้เป็นมืออาชีพ รับงานได้หลากหลาย”
“รายได้ออฟฟิศจะได้มากขึ้น เพราะมีบางคนทำให้รายได้ออฟฟิศตกต่ำ เฮ้อ สงสารน้องเมอร์ดี้จริงๆ”
ตมิมาปรายตาไปที่ปินัทธา ที่อึ้งสบตาพีศทรรต
“มันหมายถึงฉันเหรอ”
เขาไม่ตอบ เธอมองตมิสาขวับอบย่างไม่พอใจ ตมิสาเอาแฟ้มปิดหน้า เธอกดตัวเองไว้ เดินออกไปจากห้องทันทีแ โตโต้ ชี้หน้าฝากแค้นตมิสา รีบวิ่งตามปินัทธาไป
เขากุมขมับ ก็นึกเห็นใจเธอ

มุมหนึ่งออฟฟิศมูลนิธิ กุ๊งกิ๊งถามณัฎฐาลินีด้วยความแปลกใจ
“พี่ลินีกำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่คะ”
“เค้าเข้ามาตีสนิทกับพี่เพราะมีแผน...ความรักทำให้คนตาบอด มองไม่เห็นว่าเค้าทำผิดคิดชั่วยังไง ซึ่งพี่ไม่มีทางหลงกล พี่จะทำให้เค้าตายใจ โดยที่เค้าจะไม่รู้ตัวเลยว่า พี่คือหอกข้างแคร่ ไม่ใช่คนรัก”
“หนูเข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมผ.อถึงถอดพี่ออกจากเคสนี้”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“หนูอาจจะประสบการณ์ชีวิตน้อยกว่าพี่ แต่หนูก็มั่นใจว่าหนูดูคนไม่ผิด พี่ลินีอคติกับคุณวายุบุตรมากเกินไปจริงๆ”
“งั้นฉันจะสอนประสบการณ์ชีวิตเธออีกอย่าง อย่าได้มั่นใจว่าใครเป็นคนดี เราไม่มีทางไว้ใจใครได้เลยบนโลกใบนี้ แม้แต่พ่อหรือแม่ของเราเอง”
ปมในอดีตของเธอถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีกครั้ง

ในอดีต ณัฎฐาลินีในชุดนักศึกษาปีหนึ่ง ยืนรออยู่หน้าบ้าน จรินทร์พรกระหืดกระหอบกลับมาจากข้างนอกพอดี
“เรียบร้อยแล้วลูก ไปเร็ว เดี๋ยวไม่ทันมอบตัว”
“แม่ไปไหนมา”
“แม่...เอ่อ”
“ไปขอยืมเงินใครมาอีก”
“ไม่ได้ยืม แม่เอาทองที่ยายให้แม่ไปขาย”
“เส้นสุดท้ายแล้วนะแม่”
“ช่างมันเถอะ...ก็ลูกต้องเรียนหนังสือ ต้องกินต้องใช้”
เธอน้ำตารื้น
“หนูจะขอทุน”
“แล้วแต่หนูนะ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แม่ไปหางานทำแล้ว เค้ารับแม่แล้ว เงินเดือนไม่มาก...แต่ก็เลี้ยงหนู ส่งหนูได้”
ทันใดนั้น จู่ๆ พ่อก็เข้ามากระชากกระเป๋าของจรินทร์พรไป รื้อค้นเอาเงิน แม่เข้าไปแย่งคืน
“พ่อ เอาคืนมานะ จะเอาอะไร เอาคืนมา”
“เอาเงินมาก่อน ยืมก่อน”
“ค่าเทอมหนูนะพ่อ”
“เฮ้ย! ให้แม่แกไปยืมข้างบ้านก่อน ฉันต้องเอาเงินไปจ่ายไฟแนนซ์ เดี๋ยวมันมายึดรถ”
“เอารถไปให้เมียน้อยใช้ ก็ไปเอาเงินมันผ่อนสิ อย่ามายุ่งกับเงินแม่”
“ไม่รู้อะไร อย่าพูด”
“เห็นแก่ตัว! ไม่เลี้ยงไม่ว่า แต่อย่ามาทำให้แม่ให้หนูเดือดร้อน เอาคืนมา”
พ่อปัดลูกสาวไปอย่างแรง จนแขนหรือมือฟาดไปถูกหน้า จนเธอกระเด็น
“อย่ามายุ่ง”
จรินทร์พรเข้าไปดูแลลูกสาว
“ทำลูกทำไม! พ่อบ้าไปแล้วเหรอ หา”
พ่ออึ้ง นึกเสียใจที่ลืมตัว แต่ก็ได้ไม่นาน รีบหยิบเงินไปแล้วเขวี้ยงกระเป๋าแม่ทิ้ง รีบออกไป
เธอมองตามพ่ออย่างเจ็บปวด
“ลินี ไม่เป็นไรนะลูก อย่าโกรธพ่อนะ พ่อเค้าไม่มีสติ รอแม่ตรงนี้นะ เดี๋ยวแม่ไปหายืมเงินก่อนนะ ยังไงลูกก็ต้องได้เรียน”
จรินทร์พรรีบเดินออกไป ตะโกนเรียกป้าข้างบ้าน
“พี่วรรณ พี่วรรณจ๊ะ”
เธอน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บใจ แค้นใจ

บนโต๊ะอาหาร ณัฎฐาลินีกำลังกินข้าวกับพ่อและแม่
“พ่อ...ทำไมเมื่อคืนกลับดึกนักล่ะ” จรินทร์พรถาม
พ่อฉุนเลย
“จะถามทำไม จับผิดหรือไง กลับก็บุญแล้ว ยังจะอะไรอีก”
“แม่ไม่ได้จับผิด...แม่แค่เป็นห่วง”
“นั่นแหละ จับผิด พูดทำไม กินข้าวไม่ลง ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว”

พ่อกวาดกับข้าวบนโต๊ะกระจายเกลื่อนทันทีด้วยความฉุนเฉียว เธอนั่งนิ่ง

มุมหนึ่งบ้านลินี เธอเห็นพ่อตบแม่ฉาด

“ทีหลังอย่ายั่วโมโหกู กูจะใช้เงินทำอะไรก็เรื่องของกู”

ณัฎฐาลินีกลับมาจากเรียนหนังสือ เห็นแม่รีดผ้าอยู่ พ่อยืนรอไม่ทันใจ
“มัวทำอะไรนักหนา ผ้าไม่ได้รีด หา”
“แม่ทำงานทุกวัน กลับดึกนะพ่อ เลยไม่ได้รีด ใจเย็นๆนะ รอเดี๋ยว”
“กลับดึก แอบไปหาชู้มาล่ะสิ อีพร หา”
พ่อตบแม่โครมด้วยความโมโห
“แม่ทำงาน แม่ไม่ได้มีชู้”
“กูไม่เชื่อ! มึงจับผิดกู เพราะมึงมันวัวสันหลังหวะ”
เธอยืนอึ้ง น้ำตานองหน้า ตัวสั่นด้วยความโกรธ

ลินีพูดอย่างปวดร้าว
“เมื่อคนใกล้ตัวที่เรารักและวางใจที่สุด คือคนที่ทำร้ายเราอย่างเจ็บปวดซะเองแบบนี้...เธอก็ไม่ควรจะไว้ใจใคร”
ผ.อ. เข้ามาพูดกับลินี
“พี่ถามอะไรเธอหน่อยนะ ลินี”
“ผ.อ.?”
“มาทำงานนี้เพราะอะไร”
เธอยืนอึ้ง
“เพื่อช่วยเหลือเพื่อนผู้หญิงด้วยกันให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวดด้วยความเห็นใจและเข้าใจ ใช้กฎหมายลงโทษคนที่ทำผิด อย่างสมเหตุสมผลหรือมาทำเพื่อระบายความรู้สึกเจ็บแค้นจากอดีตของตัวเอง เพราะถ้าเป็นอย่างหลัง พี่ขอแนะนำให้ลินีวางมือจากทุกเคสที่ทำอยู่ แล้วลาออกไปซะ”
“ผ.อ.”
“เพราะพี่ถือว่า ลินีไม่สามารถแยกแยะความรู้สึกส่วนตัวออกจากงานได้ ไม่มีความเป็นมืออาชีพ”
เธออึ้ง ที่ถูกจี้จุดอ่อน เครียด กดดัน สับสน วายุบุตรเข้ามา พร้อมช่อดอกกุหลาบในมือช่อใหญ่
“สวัสดีครับ”
เธอกับกุ๊งกิ๊งรับไหว้ ก่อนที่กุ๊งกิ๊งจะเดินกันออกไป ทิ้งให้เธออยู่กับวายุบุตรสองคน
“มีอะไรกัน ทำไมคุณดูเครียด”
“อย่ามายุ่ง”
เธอเดินออกไป วายุบุตรแปลกใจ

ปินัทธาเดินมา รู้สึกอึดอัด เจ็บ อยากจะกรี๊ด
“ป้า เดี๋ยวก่อน ป้า” โตโต้บอก
“มีอะไร”
“อย่าโกรธบอสนะ แต่โกรธนังเลขาปากปลาร้านั่นได้ หนูไม่ว่า”
“ฉันจะพยายามไม่โกรธใคร นอกจากตัวเอง เพราะมันคือความจริง ฉันต้องยอมรับว่า...ฉันทำตัวของฉันเอง มันถึงได้เป็นแบบนี้”
เธอคอตก ก่อนจะฮึดขึ้นมาใหม่
“วิธีเอาชนะใจแม่ผัวสไตล์ลูกสะใภ้สมัยใหม่หัวใจทองคำ ต้องทำไง”
“จะไปรู้เหรอคะ หนูไม่เคยมีประสบการณ์ตรง”
“แน่ใจ”
“คือหนูเลือกค่ะ ว่าต้องเป็นลูกกำพร้า เพราะไม่อยากมีปัญหาแม่ผัว ลูกสะใภ้ หรือบางโอกาสก็เป็นปัญหาแม่ยายลูกเขย”
“แปลด้วย”
“แปลว่า บางทีหนูก็เป็นสามี บางทีหนูก็เป็นภรรยา...เป็นได้ทั้งสองอย่าง Both”
“งงมะ”
“ไม่งงค่ะ ชัดเจนในทุกบทบาทที่ได้รับ”
“สรุป จะไม่ช่วยอะไรฉันเลย โอ๊ย! แล้วฉันจะผ่าด่านไปเป็นลูกสะใภ้บ้านนั้นได้ยังไงเนี่ย”
“ป้าดูจริงจังกับภารกิจนี้มากเลยนะ”
“ก็ฉันเอาจริง ฉันรู้สึกว่า ฉันเริ่มจะชอบเค้าขึ้นมาแล้วจริงๆ”
“สงสารบอสที่สุด”
“นังอีโต้”
“ป้า...ชอบมันแค่ level ต้นๆ ไม่ได้แปลว่าจะต้องจบที่การมาเป็นสามีป้านะ มันต้องให้ชัวร์ก่อนว่านี่แหละใช่เลย คือคนรักที่เราจะแชร์เอฟเวอรี่ติง ทุกสิ่งอย่างในชีวิตกับเค้าไม่ว่าสุขหรือทุกข์ไปจนกว่าจะตายจากกัน นี่คือความศักดิ์สิทธิ์ของความรัก ไม่ใช่จะลากเค้ามาเจอนรกอีกทั้งๆที่เพิ่งจะหลุดพ้นมาหยกๆจากเมียเก่า”
“ว่าฉันเป็นนรกเหรอ”
“เช็กตัวเองด้วย หนูพูดตรงๆนะ นิสัยป้า ใครจะกล้าเอา”
“โตโต้”
“บอสชอบป้าหรือยัง นี่ก็คือกุญแจสำคัญที่สุดอีกดอก ที่จะไขปัญหาของป้าได้ ถ้ายัง ต่อให้ป้าเอาชนะใจแม่ของบอสได้ มันก็ไม่มีประโยชน์”
น้ำผึ้งอึ้ง
“เช็กตัวเอง เช็กบอสให้แน่ใจก่อน ว่ารู้สึกต่อกันยังไงกันแน่”
“ฉัน...”
“ถ้าแค่จะดีลกันเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ทนเล่นละครกันไปอีกนิด ไม่ต้องลงลึก ไม่ถึงเดือน...ถึงเวลานั้น หนูเชื่อว่าบอสต้องบรรลุวัตถุประสงค์ เพราะฤทธิ์เดชป้า ต้องทำให้แม่บอสยอมล่าถอยโครงการเมียเก่ารีเทิร์นได้ ส่วนป้าก็แค่สารภาพกับเพื่อนสาวและสื่อสวยๆ ว่าเลิกกับบอสแล้วเพราะไปกันไม่ได้ ไม่มีทางหน้าแตก แต่ถ้าเช็กแล้ว หัวใจตรงกัน...เดินหน้าต่อเลย หนูจะชูป้ายไฟเชียร์ป้าเอง โอย...ยาว เหนื่อย! แต่รู้สึกดีมาก”
น้ำผึ้งอึ้ง คิดทบทวนตัวเอง

หยาดทิพย์เข้ามาในห้องทำงานของเมธาวลัย
“ตามหาตัวกฤษฎาให้เจอ ฉันไม่อนุมัติจดหมายลาออกฉบับนี้ ฉันต้องการคำอธิบายจากตัวเค้าเป็นๆ”
“ขนาดบ.ก. ยังติดต่อกฤษไม่ได้ แล้วหนูจะตามหาตัวเจอเหรอคะ”
“ไม่มีคำว่าไม่ได้”
“ได้ค่ะ”
หยาดทิพย์จะออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
“ค่ะ”
“หายอกหักหรือยัง”
“ยังค่ะ แต่พยายามจะไม่เศร้า เลยสนใจแต่เรื่องงาน”
“เศร้าก็เศร้าสิ ถ้ามันอยากจะเศร้าก็ปล่อยมันไป ยิ่งไปเก็บไปกดมันไว้ ไม่ปลดปล่อยออกมา เป็นแผลแต่ไม่ได้ใส่ยา แล้วเมื่อไหร่จะหาย”
หยาดทิพย์น้ำตาไหลเลย
“ค่ะ บ.ก.”
หยาดทิพย์ร้องไห้ออกไป สวนกับจิลลาที่ร้องไห้เข้ามา
“เม!”

เธอถอนใจเฮือก เตรียมตัวปวดประสาท
 
อ่านต่อหน้า 3

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 13 (ต่อ)

ณัฎฐาลินีเดินลิ่วมา อารมณ์เสียมาก วายุบุตรตามมาติดๆ

“เดี๋ยวก่อน ลินี เกิดอะไรขึ้น อารมณ์เสียเพราะอะไร”
เธอหันมาตวาด
“เพราะคุณไง”
เขาอึ้ง เธอเหลือบไปเห็นรถของเขาจอดอยู่ สิริมานั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ลดกระจกลง สวมแว่นตากันแดดเก๋ๆ มองมาที่เธอ เห็นแล้วของขึ้น
“แล้วนั่นตัวอะไร”
“ตัว? ตัวอะไร”
“ตอบให้ก็ได้! วันนี้พาตุ๊กตาหน้ารถมาด้วยหรือไง”
“หมายถึงสิริมา”
“อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ”
“ผมงงกับคุณไปหมดแล้วนะ ผมมากับสิริมา เพราะเราต้องไปประชุมด้วยกันในฐานะหุ้นส่วน คุณอารมณ์เสียกับเรื่องอะไรมาไม่รู้ที่บอกว่าเพราะผมน่ะ แล้วก็มาหงุดหงิดกับการที่ผมต้องทำงานกับสิริมา ใช่เรื่องมั้ยเนี่ย”
“มาหาฉันทำไม”
วายุบุตรยื่นดอกไม้ให้
“ฉันไม่รับ”
“แล้วผมต้องทำยังไง ให้คุณใจเย็นลง แล้วรับดอกไม้ของผม”
“ให้ยัยนั่นลงจากรถ อย่ามานั่งทับที่ฉัน หรือจะให้ดี ก็ขายหุ้นร้านไปเลย ไม่ต้องทำมันอีก ทำได้มั้ยล่ะ”
“สวัสดี”
วายุบุตรเดินออกไปเลย โกรธ แต่พยายามเก็บเอาไว้ เลือกที่จะเลี่ยง ปล่อยให้เธอใจเย็นกว่านี้ แต่กลับยิ่งเป็นการยั่วยุ
“คุณวายุ”
วายุบุตรไม่หันมา เดินไปขึ้นรถ สตาร์ทออกไป เธอเห็นรอยยิ้มมุมปากของสิริมา แล้วยิ่งโกรธ เนื้อเต้น แทบลุกเป็นไฟ

จิลลาร้องไห้ไป เล่าเรื่องเศร้าไป เมธาวลัยไม่ได้ตั้งใจฟังนัก เพราะมัวแต่คิดเรื่องกฤษฎาลาออกและหายตัวไป
“ดรณ์ขอเค้าแต่งงาน เค้าก็เยสแล้ว เค้าก็ชวนดรณ์ไปพูดจาขอพ่อกับแม่ให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ดรณ์ไม่ยอมไป บอกว่าขอทำงานเก็บเงินสักพัก”
“สักพักน่ะแค่ไหน”
“สิบปี”
“ก็ไม่นาน”
“ตอนนั้นเค้าก็สี่สิบหก เหนียงยาน เด็กเรียกยายแล้วนะเม”
“กลัวอะไร ดรณ์ออกจะรักตัวเอง”
“กลัวสิ เค้าอยากมีลูก สี่สิบหกน่ะวัยทองแล้วนะ ไม่ใช่วัยท้อง คอยดูนะ ถ้าไม่แต่งปีนี้ ก็ไม่ต้องแต่งเลย เลิก”
เมธาวลัยสะดุ้งสุดตัว
“เลิกไม่ได้”
“ไมอ่ะ”
“ถ้าตัวเองเลิกกับดรณ์ คุณย่าก็จะบังคับให้เค้าแต่งงานกับพี่ตรัย! ตัวเองห้ามเลิก จนกว่าจะครบหนึ่งเดือน จากนั้น จะเลิกกันวันละสิบหน เค้าก็ไม่สน”
“ทำไมเห็นแก่ตัวอย่างนี้ล่ะ”
“ไม่ได้เห็นแก่ตัว แต่เรียกร้องความรับผิดชอบ เพราะคู่ที่ไม่มีความมั่นคงทางอารมณ์ของตัวเอง ทำให้คุณย่ามองว่าการมีแฟนเด็กเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ห้ามเลิก”
“ไม่เลิกก็ได้ งั้นตัวเองก็หางานให้ดรณ์ทำสิ”
“เฮ้ย! เกี่ยวไรด้วยเนี่ย”
“ถ้าดรณ์มีงานทำเร็วๆ เค้าก็จะรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ จากสิบปีอาจจะลดเหลือแค่ปีเดียว จบ ไม่งั้น เลิก”
เธออึ้ง เมื่อเจอการต่อรองจากจิลลาที่อารมณ์เปลี่ยนเป็นมีความหวังขึ้นมาทันที แตกต่างจากเมื่อเข้ามา
ในเวลาต่อมา เมธะาวลัยสะพายกระเป๋า สวมแว่นตาดำ พร้อมๆกับปินัทธา และณัฎฐาลินี ที่สวมแว่นตาดำ ทั้งสามคนก้าวเดินฉับๆ ภายใต้สภาวะกดดัน มุ่งหน้าออกไปจากสถานที่ที่สร้างปัญหาให้กับตัวเอง

ภายในร้านกาแฟ ของฟิตเนส วลัยนั่งปวดหัวทำงานอยู่ บนโต๊ะมีทั้งโน้ตบุ้ก ไอแพ่ด มือถือสองสามเครื่อง วางอยู่ ทุกคนแย่งกันเล่าปัญหาของตัวเองจนฟังไม่รู้เรื่อง
“หยุด”
ทุกคนหยุด
“มีแค่สองหู หนึ่ง channel ที่รับฟังพวกแกได้ อย่าแย่งกันพูด! เข้าคิว”
ทุกคนบอก “แล้วใครก่อนล่ะ”
“ ไม่เคยยอมกัน เดี๋ยวฉันจิ้มเอง”
ภัทรวลัยโบกมือ เตรียมจิ้มเลือก แต่สามสาวตัดสินใจพูดออกมาพร้อมกันก่อนด้วยความอัดอั้นตันใจ
“ฉันโกหกพวกแก”
ภัทรวลัยชะงัก สามสาวก็ต่างชะงัก แปลกใจ
“เดี๋ยว! ให้ฉันตั้งสติก่อน พวกแกสามคนพร้อมเพรียงกันโกหกงั้นเหรอ โกหกเรื่องอะไร....รอฉันจิ้มเลือก ว่าใครจะสารภาพเรื่องโกหกก่อนเป็นคนแรก”
ภัทรวลัยโบกมือเตรียมเลือกจิ้มแแต่สามสาวก็โพล่งออกมาพร้อมกัน
“ฉันโกหกว่าฉันมีแฟน!”
ทุกคนอึ้งหันมามองหน้ากัน...พูดอะไรไม่ออกไปสามวินาที เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่ธรรมดา....
“น่านไง....ฉันว่าแล้วว่าพวกแกต้องโกหกเรื่องนี้!” ภัทรวลัยหันไปสั่งพนักงาน “น้อง พี่ขอน้ำเปล่าสามขวดใหญ่ แก้คอแห้ง กับทิชชู่สามกล่องใหญ่ไว้ซับน้ำตา”
สามสาวคอตก เซื่อง ซึม บรรยากาศความดราม่าเข้าปกคลุมทั้งร้าน
ภัทรวลัยบอก
“เพราะฉันถูกยัย...จำชื่อไม่ได้แล้ว ช่างเหอะ สบประมาทว่า สวยเก่งซะเปล่า แต่ต้องเหงาอยู่บนคาน เหมือนจะเสียชาติเกิดที่ไม่ได้ใช้ของที่แม่ให้มา เสียหน้ายิ่งกว่าอะไรทั้งหมดที่ต้องมางานแต่งเพื่อน...ขอโทษนะ ที่สวยน้อยที่สุดในกลุ่ม”
“แกรีบนึกชื่อมันให้ออก ใครที่พูด ฉันจะไปตบปากมัน”
“บวกกับดื่มไปหลายแก้ว ความบ้าของฉันก็ถึงขีดสุด ฉันยอมผิดศีลข้อมุสาดีกว่าถูกเพื่อนเยาะเย้ย กฤษฎาเลยตกเป็นเหยื่อความบ้าของฉัน เค้าถูกฉันบังคับให้เป็นแฟนกำมะลอ”

ทุกคนอึ้ง

บริเวณทะเลภูเก็ต ใกล้ท่าเรือเกาะตะวัน ในยเวลาเดียวกัน กฤษฎานั่งซึมเหม่อมองทะเลบนสปีดโบ้ท น้ำฟ้านั่งอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง เขามองไปที่เกาะเบื้องหน้า

เรือค่อยๆเข้าไปใกล้ จนเห็น โสน และเดโชยืนรออยู่ที่ท่าเรือริมหาด
“ทั้งๆที่กฤษฎามีแฟนอยู่แล้ว แต่ฉันก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่สั่งให้แกล้งเป็นแฟนฉันต่อ เพราะ ฉันต้องการใช้กฤษฎาเป็นกันชน ไม่ให้คุณย่าบังคับฉันแต่งงานกับพี่ตรัยคุณ”
ณัฎฐาลินีกับภัทรวลัยตกใจ
“แต่งงานกับเกย์เนี่ยนะ”
เธอพยักหน้า
“คิดดูสิ สวย รวย เก่งอย่างฉันถึงทางตันต้องแต่งกับเกย์เหรอ โอย...ไม่มีทาง”
ปินัทธาไม่เคยเห็นตรัยคุณ
“เกย์ คนไหน ยังไง พวกแกเคยเห็นเหรอ”
“เคย เดี๋ยวค่อยเล่า” ณัฎฐาลนีบอก
“แล้วไงต่อแก เมเปิ้ล”
“อายจัง!”
เธอซบหน้ากับฝ่ามือ หน้าแดงขึ้นมาซะงั้น ทุกคนถาม
“อะไรของแก”
“คือ ฉันไม่แน่ใจ ว่าที่ผ่านมา ฉันชอบ เด็กขึ้นมาจริงๆอ้ะเปล่า”
ปินัทธาบอก
“ก็ดีสิ กินเด็กเป็นอมตะแกรู้ป่ะ งั้นแกก็ จีบเด็กมันมาเป็นแฟนจริงๆเลย”
“เอ๊ะ ! นังนี่ มันเพิ่งบอกไปว่าเด็กมันมีแฟนแล้ว ผิดศีลข้อกาเม” ณัฎฐาลินีบอก
“ขอโทษๆ ช่วงนี้เอ๋อเบลอ”
“ภายในไม่ถึงเดือนนับจากนี้ ฉันต้องพากฤษฎามาทำความรู้จักกับคุณย่า ให้คุณย่ายอมรับให้ได้ ยังไม่พอ ในระหว่างนี้ถ้าพี่สาวฉันกับแฟนเด็กของมันเลิกกัน คุณย่าก็จะบังคับฉันกลับไปแต่งงานกับพี่ตรัยคุณ”
ทุกคนโพล่ง “ซวยที่สุด”
“แล้วฉันควรจะทำไงดีอ่ะ ฉันไม่อยากแต่งงานกับเกย์”
ทุกคนถอนหายใจ
“ทำไง ก็พาเด็กแกไปให้ย่าแกเคี้ยว เอ้ย รู้จักสิ หลอกๆไปก่อนว่าเป็นแฟนแกจริง แล้วก็ประคองคู่พี่สาวของแกให้อยู่รอดปลอดภัย”
“จะทำได้ไง ในเมื่อตอนนี้กฤษฎาหายตัวไปไหน ฉันยังไม่รู้เลย”
ทุกคน “เฮ้ย”

กฤษฎา น้ำฟ้าเดินคุยมากับพ่อกับแม่ของเขา เดโชเดินตามหลังโสน เพราะเป็นคนกลัวเมีย พนักงานช่วยกันแบกสัมภาระของกฤษฎาผ่านไป
“กลับมาตอนนี้ก็ดีแล้ว ผู้ช่วยพ่อเพิ่งจะตายไป ลูกต้องมาช่วยพ่อดูแลสัมปทานรังนก กับรีสอร์ตที่เกาะแล้วล่ะ แม่ไม่ยอมให้กลับไปอีกแล้วนะ ใช่มั้ยพ่อ เรื่องแมกกาซีนที่ลูกอยากทำน่ะว่าไง” โสนบอก
“เรื่องทำแมกกาซีน ไว้ก่อนเถอะลูก มาช่วยพ่อก่อน หมดจากลุงที่ตายไป พ่อก็ไม่ไว้ใจใครนอกจากลูก” เดโชบอก
“ครับ”
“เป็นอะไร หน้าตาดูไม่ค่อยดี” โสนถาม
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ อาจจะเพลียๆ ผมขอตัวไปพักหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะเริ่มงานเลย”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ลูกพ่อ ขยัน มุ่งมั่น นายหัวเจ้าของเกาะตะวันมันต้องอย่างนี้ ฮ่ะๆๆ ไปๆๆ พ่อไปส่งที่บ้าน จะได้คุยเรื่องงานด้วย ไปก่อนนะจ๊ะ แม่”
“อืม!”
เดโชพากฤษฎาเดินไป โสนกับน้ำฟ้ามองตาม โสนอยากรู้เรื่องกฤษฎามากว่าเป็นอะไร น้ำฟ้ายิ้มรอเลย
“น้ำฟ้า ตากฤษของแม่เป็นอะไร”

น้ำฟ้าเดินเล่าให้โสนฟังมาตามทางเดิน
“ผู้หญิงคนนั้นแผนสูง ใช้ความเป็นเจ้านายบังคับให้กฤษเป็นแฟนด้วย แต่อ้างว่าเป็นตัวช่วยไม่ให้ย่าของเค้าจับแต่งงาน จริงๆแล้วหนูดูออกค่ะ ว่า เค้าน่ะชอบกฤษ”
“ต๊าย ไก่แกแม่ปลาช่อน ทำไมมันร้ายอย่างนี้ล่ะ”
“สาวแก่อยากกินเด็กไงคะคุณป้า สมัยนี้ เห็นใครๆก็นิยมกัน”
“นิยม!จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว ฉันรับไม่ได้ มันไม่มีทางไปรอด ถ้าจะอายุมากกว่าต้องเป็นผู้ชาย เพราะผู้ชายคือผู้นำครอบครัว มีผัวเด็ก ผัวก็ตามตูดเมียต้อยๆ โอ๊ย! นายหัวของเกาะตะวันจะมาเสียเชิงชายแบบนี้ไม่ได้”
“หนูไม่กล้าพูดอะไรมากหรอกค่ะ เพราะดูท่าทางกฤษก็ชอบผู้หญิงคนนั้นมาก หนูพยายามเตือนแล้วนะคะ ว่ามันไม่มีทางรอด แล้วมันก็จริง เค้าเห็นกฤษเป็นแค่ตัวทำเกม กฤษเลยเศร้าอกหักกลับมาอย่างที่เห็น”
“ดี! เพราะต่อให้ยัยสาวแก่นั่นมันชอบตากฤษ ป้าก็ไม่มีทางยอม เพราะป้าเล็งหนูเอาไว้แล้ว ตำแหน่งภรรยานายหัวเกาะตะวันคือหนูคนเดียวเท่านั้น”
น้ำฟ้าตื่นเต้นดีใจ
“คุณป้า”
“ป้าเห็นหนูมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวเราก็ทำธุรกิจมาด้วยกัน รู้จักนิสัยใจคอกันดี หนูกับตากฤษสนิทสนมกันขนาดนี้ มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องพูดกันแล้วว่าเป็นแฟนหรือไม่เป็น...มันใช่”
“แต่...กฤษคิดกับหนูแค่เพื่อนที่โตมาด้วยกัน เท่านั้นเองนะคะ”
“ป้ากับพ่อของกฤษก็โตมาด้วยกัน มันยังเปลี่ยนความคิดจากเพื่อนมาเป็นเมียได้เลย! ไม่ต้องเสียกำลังใจ ตอนนี้ไม่มีผู้หญิงคนนั้น ถือว่าโล่งไปเปลาะ เหลืออีกเปลาะ คือ ความรู้สึกของตากฤษกับเรา ป้าช่วยเอง”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า หนูโชคดีจังที่คุณป้าเมตตาหนู”
“ก็รักเหมือนลูกเหมือนหลานน่ะ”
น้ำฟ้าเข้าไปกอดโสนที่เอ็นดูน้ำฟ้ามาก น้ำฟ้ายิ้มกริ่ม มีกำลังใจที่โสนสนับสนุน

บริเวณหน้าห้องพัก กฤษฎายืนมองมือถือตัวเอง ที่มี missed call ชื่อเมเปิ้ลนับร้อยสาย เขาถอนใจ ไม่โทร.กลับเก็บมือถือ เดโชที่มองอยู่ก่อนแล้ว เดินเข้ามา
“ลูกผู้ชายตัดสินใจแล้วต้องเดินหน้า อย่าถอยหลัง แต่ถ้าข้างหลังมันยังมีเรื่องต้องเคลียร์ ก็ควรจะเคลียร์ให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้น มันจะเป็นตัวถ่วงให้เราเดินไปข้างหน้าไม่ได้”
“ไม่รู้จะเคลียร์ไปทำไมครับ จะยิ่งเจ็บปวดเปล่าๆ”
“แน่ใจเหรอว่าจะทำให้ยิ่งเจ็บปวด”
“ผมกลัวว่าผมจะทำใจ...ตัดใจจากเค้ามาไม่ได้”
“แล้วทำไมต้องตัดใจ”
“เค้าไม่ได้ชอบผมเลย เค้ามีผมเพื่อเล่นเกม”
“แน่ใจเหรอ...ว่าเค้าไม่ได้คิดอะไรกับแกเลย”
“ผมดูจากการกระทำครับ”
“มีบางคนที่การกระทำตรงข้ามกับใจ ดูตัวอย่างแม่แกสิ...ปากร้ายกับพ่อ แต่โคตรรักพ่อเลยว่ะ ฮ่ะๆๆ”

เดโชไม่พูดอะไรต่อ...เดินหัวเราะอย่างอารมณ์ดีออกไป กฤษฎาอึ้ง...คิดต่อ ยังไม่เคยได้ยินจากปากของเมเปิ้ลว่ารู้สึกต่อตัวเองอย่างไร
 
อ่านต่อหน้า 4

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 13 (ต่อ)

ภายในร้านกาแฟ เมธาวลัยคอตก หมดอาลัยตายอยาก

“ฉันควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี”
ทุกคนบอก
“ไม่รู้ว่ะ”
“รู้แต่ว่าตอนนี้....เรื่องของฉันเองก็เศร้าไม่ได้หนีไปจากเรื่องของแกเลย” ปินัทธาบอก
ทุกคนหันมอง เธอเริ่มต้นเล่า
“พวกแกอาจจะไม่ได้จริงจังกับความสัมพันธ์ของแฟนอุปโลกน์ แต่สำหรับฉัน ฉันจริงจังและอยากได้เค้ามาก”
“แกรักเค้ามากใช่มั้ยน้ำผึ้ง” ณัฎฐาลินีถาม
“ไม่รู้”
“อ่าว”
“ตอนแรก ก็แค่แก้ขัดเพราะกลัวเสียหน้าเสียฟอร์ม ตอนหลังก็อยากแต่งงานกับใครก็ได้ที่เลี้ยงฉันให้อยู่สบายได้ หลังจากที่ฉันออกจากวงการ แต่ทำไปทำมา ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันชอบเค้า”
“แล้วเค้าชอบแกบ้างหรือเปล่า”
“เค้าเกลียดฉัน”
“เวร!” ทุกคนโพล่ง
“แม่เค้าก็เกลียดฉัน”
ทุกคนโพล่ง
“กรรม!”
“เมียเก่าเค้าก็เกลียดฉัน”
“ซวย!”
“ลูกสาวเค้าก็เกลียดฉัน”
“จบข่าว!”
เมธาวลัยถาม
“มีใครในบ้านนั้นชอบแกบ้างเนี่ย”
“พี่เลี้ยงเด็ก ชอบฉันแต่มันก็จำฉันเป็นพี่จุ๋ม อุทุมพร”
ทุกคนอึ้ง ภัทรวลัยยกกล่องทิชชู่ให้ น้ำผึ้งน้ำตาแตก หยิบทิชชู่มาซับน้ำตา ทุกคนมองอย่างเห็นใจ
“ทุกคนเกลียดฉัน ไม่เว้นแต่ประชาชนและนักข่าว ฉันกลายเป็นหมาหัวเน่า เป็นคลื่นที่ถูกคลื่นลูกใหม่ไล่หลัง แล้วก็จะกลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง หายไปจากความทรงจำ เป็นจุดอ่อนที่ต้องกำจัดทิ้ง ฮื้อ!”

มุมหนึ่งในบ้าน กานดาคุยมือถือกับตมิสา ด้วยสีหน้าสะใจ สบายใจมาก ระหว่างนั้นก็เช็คราคาหุ้นไปด้วยเพลินๆ
“แล้วมันทำหน้ายังไง ตอนที่ตาพีศไม่ตอบคำถามมัน”
ตมิสา รายงานฉอดๆ เป็นชุด
“คุณแม่เคยเห็นไก่ต้มมั้ยคะ หน้ามันก็เหมือนไก่ต้มยังไงยังงั้นเลยค่ะ เถียงไม่ออกเพราะตัวเองคือจุดอ่อนจริงๆ ทำตัวเยอะจนทำให้คนอื่นเดือดร้อน ตอนนี้กรรมเลยตามสนอง โดนซะบ้าง”
“ถ้ามีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับชะตากรรมของแม่นั่น ค่อยโทร.มาอีกที”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณแม่. แล้วที่บอกว่าจะชวนหนูไปทานข้าวเย็นที่บ้านบ่อยๆ ไปเล่นกับน้องญาดาเพื่อกระชับไมตรี เตรียมตัวเข้าบ้านใน ตำแหน่งว่าที่ลูกสะใภ้คุณแม่ล่ะคะ”
“พอดีกำลังต่อเติมบ้าน ไม่สะดวก ไว้ให้เสร็จก่อนแล้วกัน แค่นี้นะ ขอบใจ”
กานดาวางสาย ดูราคาหุ้นต่อ บ้านเงียบสงบ ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีการต่อเติมบ้านแต่อย่างใด ตมิสาวางสาย หน้าม่อย แอบเคือง
“อย่าให้รู้นะว่าหลอกใช้ แม่จะถอนหงอกให้ลืมแก่เลย”
พีศทรรตเข้ามาข้างหลัง
“คุณแม่ใช้ให้คุณทำอะไร”
“ว้าย! บอส”

พีศทรรตเดินลิ่วมา ตมิสาละล่ำละลักรายงาน
“แต่หนูไม่รู้หรอกค่ะว่าคุณแม่ไปทำอะไรที่คอนโดป้า”
“ทำไมน้ำผึ้งไม่บอกความจริงตั้งแต่แรก”
“ไม่ทราบได้ค่ะ”
พีศทรรตตะโกนเรียก
“โตโต้!”
โตโต้โผล่ออกมา
“ค่ะบอส”
“ตอนนี้น้ำผึ้งอยู่ไหน”
“ไม่ทราบได้ค่ะ”
“คนที่นี่พูดเป็นแต่คำนี้หรือไงวะ”
ตมิสา,โตโต้ พร้อมกัน
“ไม่ทราบได้ค่ะ”
ตมิสา โตโต้หยุดชะงัก ตกใจกลัว พีศทรรตหงุดหงิด คิดว่าจะตามหาตัวน้ำผึ้งเจอได้ยังไง

เล่าความจริงแล้ว ดาราสาว ปินัทธาก็ห่อเหี่ยว
“ตอนนี้นะ ถ้าฉันมีเวทมนต์ ฉันจะเสกให้คุณพีศชอบฉัน แล้วขอฉันคบหาศึกษาดูใจเป็นเรื่องเป็นราว คอยดูนะ ฉันจะลบคำสบประมาทของนังโต้ที่บอกว่านิสัยอย่างฉันไม่มีใครเอาให้ดู”
ทุกคนร้อง
“เหรอ”
“ฉันทำได้จริงๆนะ ขอแค่โอกาสให้ฉันสักครั้ง ฉันจะไม่ให้ผิดพลาดเหมือนตอนที่ฉันคบกับไอ้โจ้ ฉันจะเรียนรู้จากอดีต”
ณัฎฐาลินีบอก
“แกอย่าพูดชื่อมันอีกเลย ได้ยินแล้วอยากโทร.หาบริษัทกำจัดปลวก”
“ก็มันเป็นอดีตที่เลวร้ายสำหรับฉันนี่ ยังไงก็ไม่ลืม”
“อดีตของแกไม่ได้เลวร้ายเหมือนของฉัน ของแกลืมได้ไม่ยากหรอก แต่ของฉันมันลืมไม่ได้ จนทำให้ฉันต้องกลายเป็นคนมีปัญหากับปัจจุบัน”
“ลินี แกมีอดีตอะไรที่เลวร้ายขนาดนั้นด้วยเหรอ ที่พวกฉันรู้คือพ่อแกเลิกกับแม่แล้วหายไป” เมธาวลัยถาม
“มันมากกว่านั้น พ่อฉันไม่ได้จากไปเฉยๆอย่างที่พวกแกรับรู้ แต่เค้าทิ้งรอยแผลเป็นไว้กับแม่กับฉัน”
เธอนั่งเล่าเรื่องพ่อของตัวเองด้วยบรรยากาศความเศร้าสะเทือนใจของทุกคน....
“และฉันก็เถียงผ.อ.ไม่ออก ว่าฉันมาทำงานที่มูลนิธิเพื่ออะไรกันแน่”
ทุกคนอึ้งกันไปหมด
“ฉันยอมรับ ว่าฉันเองก็ไม่แน่ใจ ว่าฉันมาทำเพราะอะไร เพราะเห็นใจคนที่เป็นเหยื่อของความรุนแรงเหมือนกัน หรือเพราะฉันต้องการบำบัดจิต และแก้แค้นผู้ชายเลวๆ แต่ที่แน่ใจคือ ฉันไม่กล้าไว้ใจผู้ชายคนไหนอีกแล้ว”

เธอร้องไห้ออกมา ทุกคนสะเทือนใจ แตะตัว จับมือให้กำลังใจลินีอย่างเงียบๆ เมธาวลัยและปินัทธาพร้อมใจกันยกกล่องทิชชู่ของตัวเองให้เพื่อน นอกเหนือจากที่เพื่อนมีของตัวเองอยู่แล้ว

ภายในออฟฟิศ วายุบุตรนั่งมองช่อดอกกุหลาบบนโต๊ะ เครียด คิดถึงณัฎฐาลินี สิริมานั่งคุยงานอยู่ด้วย

“คิดว่าจะนัดคุยเรื่องเปิดเอ็นเตอร์เม้นต์คอมเพล็กซ์ที่ชั้นใต้ดินโรงแรมเค้าได้เมื่อไหร่”
วายุบุตรยังเฉย ไม่ได้ยิน
“วายุคะ วายุคะ”
เขาสะดุ้ง “ครับ”
“ใจลอยไปหาคุณลินีเหรอคะ”
วายุบุตรถอนใจ
“แย่จังเลยนะ มีความรักแต่ไม่ราบรื่น”
“มันก็ต้องมีอุปสรรคกันบ้าง”
“รวมถึงการที่คุณลินีไปสนิทสนมกับเสี่ยพิภพด้วยหรือเปล่า”
วายุบุตรตกใจ
“อะไรนะ?”
“ฉันรู้ข่าวมา ว่าตอนนี้เสี่ยพิภพกำลังตีสนิทกับคุณลินี”
“ผมรู้ว่าเค้าบริจาคเงินให้มูลนิธิฯ แต่ไม่คิดว่า...”
“งั้นก็คิดซะหน่อยนะ ว่าเสี่ยพิภพจะทำอะไรกันแน่ จะเป็นเหตุผลที่ทำให้แฟนคุณหงุดหงิดใส่คุณด้วยหรือเปล่า ก็น่าคิด”
วายุบุตรเครียดขึ้นมาอีก สิริมายิ้มกริ่ม สะใจที่โยนระเบิดได้สำเร็จ

บนโต๊ะในร้านกาแฟเต็มไปด้วยกองทิชชู่ ทุกคนนิ่งงัน พายุดราม่าพัดผ่านไปแล้ว
“เอาล่ะ...ตอนนี้ก็กลับมาตั้งสติ ทำใจให้เย็นกันก่อน”
สามสาวพยักหน้า เห็ฯด้วยกับภัทรวลัย
“ทุกคนกำลังมีปัญหา บางอย่างก็แก้ได้ แต่บางอย่างฉันก็ยังมองไม่เห็นทางแก้ แต่เชื่อฉัน...เราเองก็แก่ๆกันแล้ว”
เมธาวลัยบอก “พูดใหม่”
“อย่าใช้คำว่าแก่” ปินัทธาบอก
“ใช้คำว่าผ่านร้อนผ่านหนาว”
“เราเองก็ผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาเยอะแล้ว ประสบการณ์ ทักษะชีวิตและปัญญาของพวกเราจะช่วยให้ผ่านพ้นมันไปได้”
ทุกคนถาม “ยังไง”
“ยังไม่รู้เว้ย! ให้เวลาก่อนสิ ไม่ใช่อิ๊กคิวซัง แป๊บเดียวปิ๊ง”
ทั้งสี่สาวนั่งถอนใจ ดื่มกาแฟไปเงียบๆ

ผ่านเวลามาถึงกลางคืน... แสนสุขนั่งจ้องหน้าหลานสาว รอคำตอบ
“ตกลงจะทำตามเงื่อนไขของย่าได้มั้ย”
เมธาวลัยทำเป็นเข้มแข็งมาก
“ได้ค่ะ สบายมาก แล้วคุณย่าจะได้เห็นว่า หนูมีความสุขกับสิ่งที่หนูเลือกเองมากแค่ไหน หนูกับพี่สาวจะช่วยกันประคับประคองความรักของเราให้งอกงามเติบโต ความสัมพันธ์ที่ยืนยาวต้องอยู่บนพื้นฐานของความรัก ที่เกิดขึ้นได้ไม่ว่ากับใคร ไม่จำกัดเพศ ชนชั้น วรรณะหรืออายุ”
“อย่าลืม ย่าจับตาดูอยู่”
“ค่ะ”
เมธาวลัยยิ้มอย่างมั่นใจให้กับแสนสุข

ภายในห้องนอน เธอมือไม้สั่น ขาดความมั่นใจ ผิดกับภาพที่สร้างเอาไว้เมื่อกี้ เธอกดเบอร์หากฤษฎา
“ให้มันรู้ไป ว่าจะหนีฉันพ้น ถ้าไม่รับสายคราวนี้อีก ฉันจะเผาพริกเผาเกลือแช่ง...ให้เป็นหมัน”
เธอรอสาย ติด...แต่ยังไม่มีคนรับ
“ฮัลโหล!”
เธออึ้ง ลืมตัว ดีใจ กระโดดสุดตัว
“รับสายแล้ว เธอรับสายฉันแล้ว อ๊าย! ฮ่ะๆๆ”
กฤษฎายืนคุยมือถืออยู่หน้าบ้าน บรรยากาศรอบตัว สวยงามด้วยธรรมชาติ เขาอดยิ้มขำไม่ได้ แต่รีบเก๊กเสียงเข้ม
“ตกลงจะคุยหรือจะกรี๊ดครับ”
“ฉันจะด่า”
“ด่ามาเลยครับ”
“จะไปด่าซึ่งๆหน้า ไม่ด่าผ่านมือถือ นี่...ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ จะยื่นใบลาออกทำไมไม่ยื่นด้วยตัวเอง”
“ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณอีกครับ”
เธออึ้ง แรง
“กฤษ...อยู่นี่เอง”
“นั่นเสียงใคร ทำไมอยู่กับเธอ ดึกขนาดนี้ แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน”
น้ำฟ้าเดินมาหากฤษฎา ยิ้มให้หวานสวยเยิ้มพริ้ม
กฤษฎาบอกกับน้ำฟ้า
“คุยกับคุณเมเปิ้ลก่อน ฟ้าไปทานข้าวกับพ่อแม่ผมก่อนนะ เดี๋ยวผมตามไป”
“จ๊ะ เร็วๆนะ ไม่อยากกินโดยไม่มีกฤษ”
“โอเค”
เธอได้ยินเต็มๆ
“ฟ้า? ทานข้าวกับพ่อแม่ จะกินเธอเข้าไปด้วยหรือไง อะไร ยังไงกฤษฎา!”
“น้ำฟ้า แฟนผม ตอนนี้เราอยู่ที่บ้านผม อยากคุยอะไรกับผมอีกหรือเปล่าครับ”
“ฉัน...”
“อยากบอกอะไรอีกหรือเปล่าครับ”
“ฉัน...”
“ถ้าอย่างนั้นผมวางสายนะครับ”
“ฉันไม่ให้เธอออก!”
“ยังไงผมก็ต้องออกจากงานอยู่ดี...ถึงคุณไม่อนุมัติก็ตาม”
“แล้วเรื่องที่เรา...เป็นแฟนกันล่ะ”
“รวมเรื่องนั้นด้วยครับ ผมขอโทษ...แต่ผม ไม่อยากอยู่ใกล้หรือเห็นหน้าคุณอีกแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว แค่นี้นะครับ ลาก่อน”
กฤษฎาวางสายปิดเครื่อง เธออึ้ง เหวอ ผิดหวัง แต่ไม่อยากยอมรับ
“มันต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ มันต้องไม่เป็นอย่างนี้สิ...ไอ้เด็กบ้า ฉันจะตามไปฆ่าเธอให้ตายคาบ้านเลย คอยดู”

ณัฎฐาลินีกำลังจะเข้าบ้าน ได้ยินเสียงมือถือ เบอร์ไม่คุ้น แต่เธอรับสาย
“ฮัลโหล ลินีพูดสายค่ะ คุณอยู่ที่ไหนคะ ได้ค่ะ ฉันจะไปพบคุณเดี๋ยวนี้”
เธอวางสาย ตัดสินใจ เดินออกจากบ้านไปอีกครั้ง เธอเดินไปที่รถ และขับออกไป วายุบุตรอยู่ในรถอีกคัน แอบดูเธออยู่จากมุมไกลๆ ค่อยๆขับรถตามไป

ปินัทธาเดินเรื่อยเปื่อยเข้าคอนโดฯมา จู่ๆพีศทรรตก็เข้ามาประชิดตัว
“ไปกับผมเดี๋ยวนี้ มีเรื่องจะคุยด้วย”
เธอตกใจ
“ว้าย!จะพาฉันไปไหน ฉันไม่ไปแล้ว ฉันเหนื่อย ฉันจะขึ้นห้องไปนอน”
“งั้นขึ้นไปด้วย”
“นี่! เข้าๆออกๆห้องฉันตามอำเภอใจบ่อยเกินไปแล้วนะ”
“เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอในการรับรู้ของสังคม เพราะฉะนั้นไม่น่าเกลียด”
“น่าเกลียด เพราะยังไม่ได้ตบแต่งเป็นเรื่องเป็นราว ถ้าอยากขึ้นห้องของฉันโดยไม่ให้มีคำครหานินทา แต่งงานกันก่อนสิ”
“แต่งงาน?”
“ใช่! พร้อมป่ะล่ะ”
“ไม่พร้อม”
เธออึ้ง หน้าเสีย ใจเสีย
“เพราะคุณไม่ได้ชอบฉันเลยใช่มั้ย”
“ใช่”
“ไม่มีอนาคตเลยเหรอ”
“ไม่มี จะถามอะไรอีก”
“อีกคำถามเดียว...เมื่อคืนไปหาน้องเอินจริงเหรอ”
พีศทรรต อึ้ง
ทั้งๆที่เขาอยู่กับลูก เห่กล่อมญาดานอน
“ใช่ อยู่ทั้งคืน กลับเช้า”
“ยังไงเด็กก็ดีกว่าป้าอย่างฉันใช่มั้ย”
“เออ! นี่ ถามเกินแล้วนะ”
“จบก็ได้”
“ขึ้นห้อง! เร็วๆ บ้านไกล เวลาน้อย จะได้เสร็จเร็วๆ”
“ไอ้บ้า อะไรเสร็จ”
“คุย”
“ไม่ให้ขึ้น! ต่อไปนี้ เราสองคนอยู่ห่างๆ แค่เล่นเกม ไม่ต้องลงลึก เมื่อเราสองคนไม่มีอนาคต ฉันก็จะถอดใจจากคุณ ฉันจะไม่เสียเวลากับคุณ ฉันจะหาเป้าหมายใหม่ คนที่อยากได้ฉัน ง้อฉัน ไม่ใช่ให้ฉันตามง้อแบบนี้ เหนื่อย”
พีศทรรตอึ้ง
“คราวนี้อยากจะคุยอะไรก็ว่ามา พร้อมตอบตรงนี้ ไม่ไปที่อื่น”
“คุณแม่มาหาคุณทำไม”
“มาชวนเล่นแชร์ กลับไปได้แล้ว”
เธอเดินหนี เขาอึ้งมองตามอย่างไม่เชื่อ เมื่อหันหลัง เธอน้ำตานองหน้า อกหัก คิดจะเล่นตัวแต่พองาม

ณัฎฐาลินีกำลังเดินจะเข้าร้าน เสียงมือถือดังขึ้น เธอหยิบมือถือขึ้นมา เห็นชื่อ วายุบุตร ก็รับสาย
“ฮัลโหล”
วายุบุตรตามและแอบอยู่ข้างหลัง โดยที่เธอไม่เห็น
“ผมอยากคุยกับคุณตอนนี้ เราต้องเคลียร์กัน”
“ไม่สะดวก กำลังจะเข้านอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์”

เธอวางสาย เดินเข้าร้านไป เขาอึ้ง เครียดที่เธอโกหก
 
อ่านต่อตอนที่ 14
กำลังโหลดความคิดเห็น