เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 2
บิวตี้เดินโซเซ เคว้งคว้าง อยู่ริมถนน หาทางกลับบ้าน หน้าตาแตกตื่น ตกใจสุดขีด รถของบิวตี้ผ่านมา เห็นเลขา ช่างหน้า ช่างผมนั่งอยู่ในรถ บิวตี้ยังคิดว่าตัวเองเป็นคน พยายามโบกเรียกรถ
“จอดๆ ฉันอยู่นี่ รับฉันไปด้วย” บิ้วตี้วิ่งตาม “บอกให้จอด” แต่รถไม่จอด เลยชักโมโห “ซื่อบื้อไม่มีประโยชน์อะไรเลย” บิวตี้ฮึดฮัด “แล้วฉันจะกลับบ้านยังไงเนี่ย”
รถผ่านไปคันแล้วคันเล่า รวมทั้งแท็กซี่ แต่ไม่มีใครเห็นหรือสนใจบิวตี้เลย
“โอ๊ย จอดซี่ บอกให้จอด” บิวตี้เริ่มท้อแท้ หมดหวัง นั่งแปะบนฟุตบาท “คนอย่างลัลน์ลลิตทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งสงสัย...ทำไมต้องเจอเรื่องบ้าๆอย่างนี้ด้วย” หล่อนเงยหน้ามองหาคนสาป “ยายป้าบ้า เธออยู่ไหนฉันทำผิด ตรงไหน มาสาปฉันทำไม” บิวตี้ตะเบ็งเสียงอย่างแค้นเคือง “ยัยแม่มดใจร้าย”
บิวตี้ฟุบหน้าลงกับเข่าด้วยความท้อแท้
ทว่าเมื่อมองจากมุมสูงลงมา จะเห็นเป็นนกหงส์หยกยืนงงๆ อยู่บนฟุตบาธอย่างเดียวดาย
ธีภพ ภาวินี ธนา อยู่บ้านแล้ว ธนาปรารภขึ้น
“น่าสงสารหนูบิวตี้ ถ้าบวรมันมองลงมาเห็น มันคงโกรธที่ชั้นช่วยอะไรลูกของเพื่อนรักไม่ได้”
“ที่จริงมันก็แค่อุบัติเหตุเล็กๆ แต่พอมาเกิดในงานที่มีคนดูเยอะแบบนี้ แกก็คงจะขายหน้ามาก”
“เรื่องของเรื่องมันก็เป็นเพราะ หนูบิวตี้แกชอบทำตัวเย่อหยิ่งเป็นเจ้าหญิงแบบนั้น พอทำอะไรพลาดไปนิดเดียวก็มีแต่คนหัวเราะเยาะ...ธี ชวนหนูบิวตี้มาทำงานที่บริษัทเราดีกว่า ยังไงน้องเค้าก็เป็นประธานบริษัทร่วมกับแกเหมือนๆ กับที่พ่อเคยเป็นประธานร่วมกับพ่อของเค้าเมื่อก่อน”
ธีภพค่อนขอด ท่าทีหมั่นไส้ “โอ๊ย อากรชวนเค้าเป็นล้านครั้งแล้วครับพ่อ แต่ยายนั่นไม่ใส่ใจ คนแบบนั้นน่ะทำอะไรไม่เป็นหรอกครับ ให้อยู่เฉยๆเป็นประธานร่วมแต่ในนาม คอยรับเงินปันผลแบบทุกวันนี้ก็ดีแล้ว ขืนเข้ามาบริษัทป่วนแน่”
ธนาบ่น “เฮ้อ...เสียดายความสามารถแกจบดีไซเนอร์จากอังกฤษเลยนะ บวรเองก็เคยหวังให้ลูกสาวคนเดียวมาพัฒนาบริษัทแทนตัวเอง”
ธีภพทำหน้าเบะอย่างดูถูก
“เลิกโกรธน้องเขาได้แล้วธี เรื่องสมัยเด็กๆ มันก็ผ่านมานานมากแล้วนะ”
โดนมารดาจี้จุดธีภพจี๊ด “ผมไม่ได้โกรธครับแม่ แต่ไม่อยากให้คนนิสัยเสียแบบนั้นมายุ่งกับบริษัท มันจะพากันวุ่นวายกันไปใหญ่”
ภาวินีมองโลกสวย “น้องเขาอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้นะลูก...เราก็ไม่ได้ เจอกับเค้ามานานแล้วนะ”
“แม่ไม่เห็นในงานเหรอครับ คนแบบนั้นไม่มีทางเปลี่ยนหรอก แล้วอีกอย่าง...ที่เราไม่เจอเค้าทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้ ก็เพราะเค้าเองไม่ใช่เหรอ...เค้าไม่สนใจที่จะคบหากับใครทั้งนั้น” ผู้เป็นลูกชายลุกขึ้นยืน “บอกตรงๆน่ะครับแม่....ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหน งี่เง่า สมองกลวงแถมยังไร้สาระขนาดนี้มาก่อน เลยใจชีวิต...อย่าให้เค้ามายุ่งกับผมเลยครับ...ผมขอร้อง”
ธีภพเดินออกไปทางบ้านตัวเอง ธนากับภาวินีพูดไม่ออก อึ้งๆ
ทางด้านนกบิวตี้บินเข้ามาในบ้าน โผลงที่ประตูหน้าบ้าน บิวตี้คนหมดแรงพิงประตู หอบฮัก ด้วยความเหนื่อยที่บินมาไกล
“โอยเหนื่อย” บิวตี้พยายามเอามือตบประตู แต่กลับทำได้แค่ลูบด้วยแรงนก “เปิดประตู เปิดประตูด้วย”
เสียงบิวตี้กลายเป็นเสียงนก
ส่วนด้านในยามที่กำลังสัปปะหงก สะดุ้งเฮือก ผวาลุกพรวดพราด
“เสียงนก! ไปนะ ไปให้พ้น” ยามคว้าไม้ไล่นกออกมาเปิดประตู บิวตี้ที่อุตส่าห์ดีใจเมื่อเห็นประตูเปิดออก แต่ยามกลับไล่ตี ต้องบินหนีเตลิด มียามไล่ไปทางโน้นที ทางนี้ที แต่ก็บินเข้าประตูมาจนได้ ตกใจตาเหลือกอยู่
บิวตี้มองผ่านหน้าต่างเข้าไปเห็นพรกับป้าจันนั่งหาว รอบิวตี้กลับนั่นเอง
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมคุณหนูยังไม่กลับอีกนะ”
“ลองโทร.ถามคุณเลขาดีมั้ยคะ”
พรลุกไปหยิบโทรศัพท์ข้างหน้าต่าง
บิวตี้พยายามเคาะกระจก “เปิด ด้วย บอกให้เปิด เปิดซี้”
แต่ที่คนอื่นเห็นคือ บิวตี้นกบินชนกระจกหน้าต่างอย่างแรง จนงง หงายผลึ่งลงไปบนพื้น
พรได้ยินเสียงแก๊ก ที่หน้าต่างเหมือนมีกรวดลอยมาโดน พอเดินมาดูแต่ไม่เห็นอะไร จึงเดินไปโทร.หาเลขา
บิวตี้ทรุดตัวอยู่ใต้หน้าต่าง กุมหัวที่โหม่งกระจก ทั้งเจ็บ ทั้งเหนื่อย เริ่มหงุดหงิด
“โอย... อุตส่าห์มาถึงแล้ว เข้าบ้านก็ไม่ได้ ฮึ่ย บ้า” นึกบางอย่างได้ “มันต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ ตื่นสิ ลัลน์ลลิต ตื่นได้แล้ว ตื่นๆ” ตบหน้าตัวเองแรงๆ “โอ๊ย เจ็บ” ถีบขาอย่างขัดใจ “ไม่จริง มันต้องไม่จริง”
พอหันไปด้านหลัง ก็พบยามยืนแสยะยิ้มแล้วเอาสวิงเหวี่ยงลงมาอย่างแรง บิวตี้หลบได้หวุดหวิดแล้วบินหนี ยามวิ่งตามมา
บิวตี้นก บินวนหาทางเข้ารอบๆ บ้าน จน วนกลับมาที่หน้าบ้านอีกครั้ง
บิวตี้ทรุดนั่งด้วยความเหนื่อย ท้อแท้ ตะเบ็งเสียง “ยัยแม่มด อยู่ไหน เลิกอิจฉาฉันเสียที ออกมานะ ถอนคำสาปเดี๋ยวนี้”
รอบกายเงียบสงัด บิวตี้เริ่มหวาดหวั่น
“ฉันต้องเป็นไอ้ตัวน่าเกลียดนี่ไปถึงเมื่อไหร่ จะแก้คำสาปได้ยังไงทำไมไม่บอก” บิวตี้ตะโกนอย่างแค้นคลั่ง “ฉันไม่ยอมหรอก ฉันทำผิดอะไร บอกมาซิ บอกมา”
มีแสงไฟจากหน้ารถสาดเข้ามา บิวตี้ชะงัก มองอย่างมีความหวัง รถเคลื่อนมาจอดในโรงรถ เลขา ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพ ลงมา
เลขาคุยโทรศัพท์อยู่กับพร “ไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปไหน จะไปไหนก็ไม่บอก นี่ฉันอยู่หน้าบ้านนี่แหละ”
บิวตี้ชะเง้อมอง สีหน้าดีใจ “มากันแล้ว” ส่งเสียงดุคิดว่าตัวเองเป็นคน “ทำไมกลับช้านัก”
เลขา ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพ ไม่สังเกตเห็นนกบิวตี้ พรเปิดประตูรับ ป้าจันตามมาถามทันที
“คุณบิวตี้ล่ะคะ”
“คุณบิวตี้ไม่ได้โทร.กลับมาเลยเหรอ” เลขาถามกลับ
“ไม่ค่ะ” พรว่า
ป้าจันกังวลหนัก “คุณบิวตี้หายไปได้ยังไง พวกคุณไม่ดูแลเธอเลยเหรอคะ”
เลขาเหน็บ “แหมป้า พวกเราไม่ใช่แม่เขานะ ทำยังกะไม่เคยกลับดึก กลับสว่างงั้นแหละ”
ช่างภาพบอก “สงสัยคงจะไปเที่ยวลั้นลาตามเคย แบบนี้ไม่กลับง่ายๆหรอก ป้าจันจ๋ามีอะไรให้พวกเรากินก่อนกลับบ้านมั้ยจ๊ะ”
ป้าจันค้อนโกรธๆ แล้วเดินนำเข้าบ้านไป
“รายงานคุณกรก่อนดีกว่า แต่เอ๊ะ ไม่ใช่ว่ากลับมาแล้วแต่พวกเธอไม่รู้หรอกนะ”
ทุกคนเห็นด้วยกับเลขา นกบิวตี้ได้ทีเห็นประตูเปิดบินตามเข้าไป โดยไม่มีใครสังเกต เลขาเอาโทรศัพท์มากด คนอื่นๆ เดินเข้าบ้านด้านในครัว เลขาตามไป
พักตร์พิมล เปลี่ยนชุดแล้ว ใส่แว่นตาหนาเตอะ นั่งทำงานอยู่ในห้องโถง กรเทพพูดโทรศัพท์กับเลขาบิวตี้ ขณะเดินเข้ามาในห้อง
“ลองเข้าไปดูในห้องนอนนะ เผื่อเค้าจะแอบกลับมาเงียบๆ แล้วไม่ว่ายังไงคุณก็เฝ้าโทรศัพท์ไว้นะ ทั้งโทรศัพท์ที่บ้านแล้วก็มือถือ ถ้าคุณบิวตี้โทรหรือกลับมาตอนไหนก็ให้รีบบอกผมทันทีไม่ว่าจะดึกขนาดไหน” กรเทพกดวางสาย เห็นพักตร์พิมล “อ้าว ยังไม่นอนอีกหรือลูก”
“ดูข่าวค่ะ” หญิงสาวยิ้มเยาะ “เผื่อจะมีข่าวด่วนเรื่องหลานรักพ่อตกเวที” พักตร์พิมลหัวเราะขำ “ทำเป็นเชิดๆ เริดๆ แต่ตอนหัวทิ่มลงมาจากเวทีนี่ดูไม่ได้เลย”
กรเทพดุ “แกควรจะเห็นใจ มากกว่าไปหัวเราะเยาะ บิวตี้เขาเป็นน้องสาวของแกนะ”
พักตร์พิมลไม่แคร์ “ไม่ได้คลอดจากท้องพ่อท้องแม่เดียวกันซะหน่อย”
กรเทพโกรธ “แต่คุณลุงบวร กับพ่อเป็นพี่น้องกันแท้ๆ นะ แพ็ต”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมไม่ทำพินัยกรรมให้พ่อเป็นประธานบริษัทล่ะคะ แทนที่จะเป็นยายเด็กปัญญาอ่อนนั้นเป็นประธานร่วมกับพี่ธี”
กรเทพนิ่งขึงไปแล้วตอบเสียงขรึมๆ “บริษัทเป็นของลุงเขา ไม่ใช่ของพ่อ”
“ทั้งๆ ที่พ่อทุ่มเททำงานจนไม่เคยมีเวลาเป็นของตัวเองงั้นหรือคะ ไม่ยุติธรรมเลย”
“ถ้าอยากยุติธรรมแก ก็ต้องตั้งบริษัทเอง จะได้ทำอะไรตามใจชอบ”
กรเทพพูดโดยตั้งใจทิ้งความหมายให้มี 2 นัย เหมือนว่าอยากตั้งบริษัทเอง แต่จริงๆ แล้วคือประชดลูกสาว
“ค่ะ ซักวันนึงแพ็ตจะทำให้ได้ และจะไม่เหลวไหล เป็นประธานแต่ชื่อ อย่างยัยบิวตี้ด้วย” พักตร์พิมลลุกเดินกระแทกออกไปอย่างฉุนเฉียว
กรเทพส่ายหน้าระอาใจ
ฟากพร เปิดประตูห้องนอนบิวตี้เข้ามาพร้อมป้าจัน เลขาตามมาดู เปิดไฟ
“ยังไม่กลับแน่ๆ ค่ะ พรเฝ้าอยู่ตลอด”
บิวตี้คนแทรกเข้าประตูมาแล้วไปยืนแอบข้างผ้าม่านเงียบๆ โดยที่พรกับเลขาไม่เห็น
“โอเค จะได้รายงานคุณกรว่าคุณบิวตี้ยังไม่กลับชัวร์”
พรห่วง “คุณบิวตี้ไปไหนเนี่ย”
“นั่นสิ ปกติถ้าไม่กลับก็จะโทร.มาสั่งไว้นะ” ป้าจันกังวลมาก
เลขาส่งกระเป๋าให้
“จะไปโทร.ได้ไง เธอทิ้งกระเป๋าไว้ในห้องแต่งตัวทั้งใบ...โทรศัพท์อะไรก็อยู่ในนั้น...แต่ผ้าอย่าห่วงเลยเธอกำลังโกรธน่ะ พอหายก็กลับมาเองแหละ”
เลขา พร กับป้าจันออกไป ปิดไฟลง บิวตี้นกพยายามเปิดสวิชท์ไฟ ใช้หัวชน ใช้ปากชน จนเจ็บไปหมด สุดท้ายไฟเปิดสำเร็จ บิวตี้คนถลาไปที่กระจก เห็นภาพนกหงส์หยก ชัดๆ ตกใจมากถึงกับผงะหงายหลัง ออกมาให้พ้นกระจก
บิวตี้คลั่งขึ้นมาอีก “อี๋ย...น่าเกลียด ไม่นะ ฉันไม่เป็นนก ไม่เป็น” หล่อนทึ้งตัวเองเพื่อดึงขน ดึงความเป็นนกออก “ออกไป ออกไปจากตัวฉัน....แกจะทำอย่างนี้กับชั้นไม่ได้นะ ชั้นเป็นคนสวยนะ เข้าใจมั้ย ยายป้าโรคจิต”
เสียงปรมะเทวีแว่วมา “ยังจะเป็นห่วงความงามอยู่อีกรึ”
บิวตี้หันขวับ สอดตามองหา สีหน้าโกรธขึ้ง “ยัยแม่มดใจร้ายแกอยู่ที่ไหน”
แลเห็นแสงสีทองสว่างระยิบระยับขึ้นที่กลางห้อง
อีกฟากหนึ่ง ที่บ้านหลังใหญ่โต กว้างขวาง โอ่อ่า แต่ดูออกว่าไม่ค่อยอบอุ่น เจตน์ชาญนั่งเงียบๆ อยู่คนเดียว มีแก้วบรั่นดีตั้งอยู่ใกล้ๆ ในมือมีโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปในงาน เขาเลื่อนดูไปเรื่อยๆ เห็นรูปบิวตี้บนเวทีตอนเดินแบบ
“เนี่ยเหรอ ประธานร่วมของอณาจักรธนบวร อันยิ่งใหญ่”
เจตน์ชาญเงยหน้าครุ่นคิด ภาพเหตุการณ์ตอนตัวเองดึงบิวตี้ขึ้นมาจากพื้น บิวตี้ลืมตา สบตาเจตน์ชาญ ท่าทางตกใจกลัว ช่วยตัวเองไม่ได้ผุดขึ้นมาในห้วงคิด
เจตน์ชาญยิ้มกับตัวเอง ประทับใจบิวตี้เป็นอย่างมาก พึมพำเบาๆ
“ทั้งสวยทั้งรวยขนาดนี้ นางฟ้าชัดๆ”
คนสนิทเดินเข้ามาหา พร้อมโทรศัพท์บ้าน “นายครับ...ท่านรัฐมนตรีโทร.มาครับ”
เจตน์ชาญรีบรับโทรศัพท์กันที
“ครับท่าน...ว่างครับ...ได้ครับ”
ส่วนธีภพเดินออกจากห้องน้ำ เปลี่ยนชุดลำลองเตรียมนอนแล้ว ลงนั่งบนโต๊ะทำงาน แล้วหยิบงานมาทำ...ดึงหนังสือบนหิ้งออกมา รูปใบหนึ่งตกลงมาจากหนังสือ ธีภพชะงักก้มมอง เป็นรูปสมัยวัยเด็กของธีภพ พักตร์พิมล และลัลน์ลลิต ที่ยืนหน้าสลอนถ่ายรูปกัน ดูห่างๆ ท่าทางไม่ค่อยสนิทสนมนัก
ธีภพเงยหน้าจากรูปนั้น ดวงตาครุ่นคิด จดจำรำลึก เหตุการณ์เมื่อ 20 ปี ก่อน เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่บ้านบิวตี้
เด็กชายธีภพวัย 10 ขวบ รูปร่างอ้วนตุ้ยนุ้ย สวมแว่นท่าทางคงแก่เรียน นั่งสอนการบ้านเลขคณิตให้ เด็กหญิงพักตร์พิมล วัย 6 ขวบ อยู่ ท่าทางเคร่งครึมทั้งคู่ บิวตี้ในวัย 6 ขวบวิ่งแจ่มใสเข้ามา
“พวกเรามาเล่นกันเถอะ พี่ธี แพ็ต”
พักตร์พิมลแจ่มใสขึ้นมาทันที “เอาสิเล่นอะไรกันละ”
“เล่นเจ้าหญิงกัน บิวตี้จะเป็นเจ้าหญิงเอง แล้วแพ็ตเป็นแม่มดใจร้ายนะ”
“ไม่เอา เราไม่เป็นแม่มดใจร้าย” พักตร์พิมลบอก
“งั้นเป็นที่นอนก็ได้ นอนเฉยๆไม่ต้องทำอะไร แล้วให้ธีเป็นม้าของเจ้าหญิง”
“เราไม่เป็นม้า” ธีภพว่า
“อ๋อ อ้วนแบบนี้ อยากเป็นฮิปโปใช่มั้ย” บิ้วตี้เยาะ
ธีภพโกรธ “เราไม่เล่นแล้ว เราจะกลับบ้าน”
บิวตี้งอนใส่ “เราก็ไม่อยากให้ธีเล่นเหมือนกันอ้วนแล้วยังใส่แว่นอีก ไม่เห็นหล่อเลย อ้วนแว่น อ้วนแว่นๆ แพ็ตพูดด้วยกันสิ”
“อ้วนแว่น” พักตร์พิมลล้อตาม
“อ้วนแว่นๆๆ” ทั้งคู่ประสานเสียงล้อ เป็นที่สนุกสนาน
ธีภพโกรธจนน้ำตาไหล
ธีรภพดึงความคิดกลับมายังปัจจุบัน ขยำรูปจนเป็นก้อนกลม
“ยายตัวแสบ!”
ธีภพทิ้งรูปนั้นลงในถังขยะ แล้วข่มใจทำงานต่อไป พยายามลืมอดีตที่เคยอ้วนและขี้เหร่นั้น
ฝ่ายบิวตี้มองไปรอบๆ ห้องอย่างโมโหฉุนเฉียว “ออกมาเลยยัยแม่มด แน่จริงออกมา”
ปรมะเทวีปรากฏดายขึ้น “ข้าพเจ้าไม่ใช่แม่มด”
“ถอนคำสาปให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ” บิ้วตี้โผนเข้าหาด้วยความโกรธ “บอกให้ถอน”
ปรมะเทวีชี้นิ้วมีลำแสงออกจาปลายนิ้ว “หยุดนะ มิฉะนั้นเจ้าต้องเป็นนกตลอดไป”
บิวตี้โดนรังสีของนางฟ้า ตัวแข็งกระดุกกระดิกไม่ได้
“ฟังให้ดี ข้าพเจ้าจะบอกเป็นหนสุดท้าย ขณะนี้เจ้ากำลังได้รับบทเรียนสำคัญที่สุดในชีวิต...ทุกวันเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน เจ้าต้องกลายร่างเป็นนก และจะกลับเป็นคนอีกครั้ง เมื่อแสงอาทิตย์ส่องฟ้าในเวลาเช้า”
บิวตี้ยังพอเถียงได้ “ถามบ้างไหม ว่าฉันอยากได้บทเรียนบ้าๆ นี่หรือเปล่า...ชั้นไม่ต้องการ!”
“เจ้าจะพ้นจากคำสาปนี้ได้ ก็เมื่อเจ้าทำสิ่งที่ข้าพเจ้าบอกไปเท่านั้น”
“ทำอะไรล่ะ ใครจะไปรู้”
“เจ้าไม่เคยฟังสิ่งที่คนอื่นพูดเลย...เอาเถิด...ข้าจะย้ำอีกครั้ง ข้อ 1 เจ้าต้องคิดเรื่องที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่นมากกว่าเรื่องความงาม”
บิวตี้หงุดหงิด “แล้วคิดเรื่องความงาม มันผิดตรงไหน”
“ข้อ 2 ต้องประกอบคุณความดีให้มากกว่าความไม่ดีอย่างน้อยสองเท่า”
บิวตี้เถียง “ทุกวันนี้ฉันก็ไม่ได้ทำความเลวอะไรนี่”
“ข้อสุดท้าย เจ้าต้องได้รับจุมพิตจากชายที่เจ้ารัก ยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง”
บิวตี้ “โถ แค่เนี้ยะ ถ้าทำได้ครบสามข้อ ก็พ้นคำสาปเลยใช่ไหม”
ปรมะเทวียิ้ม “เจ้ามีเวลาเพียงสามเดือน ถ้าทำไม่สำเร็จ เจ้าจะกลายเป็นนกตลอดไป” ขาดคำร่างปรมะหายไปกลายเป็นแสงสว่าง
บิวตี้ขยับได้ “โธ่เอ๊ย ปีศาจหิ่งห้อย คำสาปไร้สาระมาก แค่ทำประโยชน์ทำความดี ไม่เห็นจะยาก เรื่องจูบยิ่งง่ายใหญ่ ไม่รู้หรือไงว่ามีคนเครซี่ฉันขนาดไหน อินสตาแกรม ฉันมีคนฟอลโล่เป็นแสนๆ”
เสียงปรมะเทวีดังมาจากแสง น้ำเสียงดุ “ฟังให้ดี จุมพิตจากชายที่เจ้ารักยิ่งกว่าชีวิต ไม่ใช่ชายที่รักเจ้า”
“ชายที่ฉันรัก ยิ่งกว่าชีวิต” บิวตี้อึ้ง “ใครล่ะ คุณพ่อก็ไม่อยู่แล้ว”
เสียงปรมะเทวีดังขึ้นอีก “เอามาตรวัดผลสัมฤทธิ์นี้ไป”
เกิดแสงสว่างวาบที่ด้านหน้าบิวตี้ มีจี้ห้อยคอเป็นวงแก้วแบนๆ เรียบๆ ทอแสงทองวางอยู่โต๊ะ บิวตี้จ้องมองจี้อย่างงุนงง
ที่ร้านขายขนมเค้กในโรงแรมที่จัดงาน อรวิภานั่งซึม รู้สึกผิดเรื่องบิวตี้เต็มที่ คอตก คนขับรถเดินเข้ามาหา
“คุณอรครับ นายท่านให้ผมมาตามคุณอรกลับบ้านครับ”
“ชั้นยังไม่อยากกลับ...ขอนั่งต่ออีกแป๊บนึงนะ”
“แต่นายเป็นห่วง”
อรวิภาตัดบท “อย่าห่วงเลย เดี๋ยวชั้นโทร.บอกคุณพ่อเอง ชาญไปรอก่อนเถอะนะจะ”
อรวิภามองคนขับรถอย่างอ้อนวอน คนขับรถอึ้ง ใจอ่อน แล้วเดินกลับไป อรถอนใจ หันไปทางคนชาย
“ขอน้ำส้มอีกแก้วค่ะ”
คนขายของรับคำ อรวิภานั่งซึมต่อ
ที่ด้านนอกเวลานั้น เจตน์ชาญเดินผ่านร้านไป แล้วชะงักเมื่อเห็นอรวิภารนั่งซึมอยู่ เจตน์ชาญลังเลก่อนยิ้มขำๆ แล้วเดินเข้ามาในร้าน
“ผมประทับใจกับแฟชั่นโชว์วันนี้มากจริงๆ”
อรวิภาสะดุ้งสุดตัว เงยหน้ามองงง “คุณ...เป็นใคร”
เจตน์ชาญยิ้มๆ “คุณไปหันเดินแบบมาจากไหน ผมชอบมากเลย..ว่างๆ ไปเดินแบบเสื้อให้บริษัทผมบ้างก็ดีนะครับ ลูกค้าคงจะเฮฮาดี”
อรวิภาโกรธจัดลุกขึ้นยืนจะเดินหนี
“แต่อย่าห่วงนะครับ ผมจะเตารียม RUN WAY เตี้ย เผื่อใครเดินกับคุณแล้วตกลงมาอีกจะได้ไม่เจ็บไง”
อรวิภามองตาคว่ำ อย่างโกรธแค้น แต่ไม่ตอบอะไรวิ่งหนีพรวดพราดออกไปทันที คนขายพร้อมแก้วน้ำส้มเข้ามาพอดี
“คุณอรคะ...น้ำส้มล่ะคะ คุณอร”
เจตน์ชาญมองตามอรวิภาอย่างขำๆ บอกตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงอยากยั่งโมโหผู้หญิงโลกสวยคนนี้นัก
บิวตี้คนเดินกระสับกระส่าย พยายามล้มตัวลงจะนอนก็นอนไม่ได้ ด้วยเป็นนกนอนอย่างคนไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องนอนคว่ำโก้งโค้ง สุดท้ายลุกนั่ง
“โอ๊ย จะบ้าตาย นอนก็นอนไม่ได้ ฉันจะต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ไปอีกตั้งสามเดือนเชียวเหรอไม่เอาหรอก วันเดียวก็ขยะแขยงตัวเองจะแย่แล้ว” บิวตี้มองตัวเองแล้วกรี๊ดรีบไม่ได้ “น่าเกลียดอ่ะ”
บิวตี้เดินไปหน้ากระจก เห็นเงาเป็นนก พูดด้วยเสียงบิวตี้ในหน้านกหงส์หยกออกมา
“ฉันต้องกลับเป็นคนให้ได้ พรุ่งนี้เลย” หันกลับมาเดินห่างกระจก กลับเป็นคน “คอยดูฝีมือฉันนะนังปีศาจหิ่งห้อย แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก คอยดู” เสียงท้องร้อง “โอ๊ยหิว”
บิวตี้จะกินน้ำจากเหยือกน้ำ น้ำหกเลอะเทอะ
“จะกินยังไงล่ะเนี่ย? อยากอาบน้ำ อยากฉี่ อยากพอกหน้า อยากโทรศัพท์ อยากเล่นเฟสบุ๊ค อยาก...อ๊าย!!! เพราะแกคนเดียว นังปีศาจหิ่งห้อย”
นกบิวตี้แตกตื่นวุ่นวายไม่หยุด น่าเหนื่อยแทน
บนแดนสรวง นางฟ้าลลิตากับปรมะเทวี ดูภาพฉายติดตามบิวตี้
“นี่เรากลายเป็นปีศาจหิ่งห้อยไปแล้วรึนี่”
นางฟ้าลลิตาหวาดหวั่น กังวล “ยกโทษให้นางเถิดนางพูดไปเพราะไม่รู้ ข้าพเจ้าผิดเอง เป็นความผิดของข้าพเจ้าที่ไม่อบรมลูกให้ดี ตอนก่อนที่จะตาย”
“อย่ามัวโทษตนเองอยู่เลย เจ้าจากเค้ามาตั้งแต่ยังเด็กมาก”
“ข้าพเจ้าอยากเจ็บปวดแทนลูกได้เหลือเกิน”
“การจะเรียนรู้อะไร มันต้องลำบากยากเข็ญเป็นธรรมดานางฟ้าลลิตา ขอท่านโปรดตั้งมั่นในอุเบกขา อย่ากระทำผิดกฏ มิฉะนั้น...”
นางฟ้าลลิตาหวาดหวั่น “ลัลน์ลลิตจักต้องเป็นนกตลอดไปใช่มั้ยคะ”
“ถูกแล้ว อย่ากังวลไปเลย เมื่อได้เวลาอันสมควรและหากนางไม่ดื้อรั้นถือมั่นในตนเองเกินไป นางก็จะได้สำนึก”
ฟังแล้วสีหน้านางฟ้าลลิตายิ่งสลดลง
“ดื้อรั้น ถือมั่นในตนเอง ข้อนั้นแหละที่ข้าพเจ้าหนักใจ”
อ่านต่อหน้า 2
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 2 (ต่อ)
พรเดินตรวจดูความเรียบร้อยชั้นบน ผ่านมาหน้าห้องนอนบิวตี้ แปลกใจที่เห็นไฟในห้องเปิดอยู่
“เมื่อกี้ปิดไฟแล้วนี่นา หรือคุณหนูจะกลับมาแล้ว”
พรเปิดประตูเข้าไป นกบิวตี้เกาะหลบอยู่หลังม่าน พรไม่เห็น
“ไม่มีใครนิ แล้วไฟเปิดได้ไง”
“อย่าปิดไฟนะ”
พรไม่ได้ยินปิดไฟ ปิดประตู
“บ้าที่สุด ไม่เปิดก็ได้ เปิดอีกก็เจ็บหัว เจ็บปาก โอ๊ย...ทำไมมันทรมานอย่างนี้นะ”
บิวตี้คนขึ้นมานอนบนเตียง พยายามซุกตัวในผ้าห่ม
ป้าจันออกมาหน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ รีบมาถามยามด้วยความเป็นห่วงบิวตี้
“นี่ คุณบิวตี้กลับมาตอนดึกๆ หรือเปล่า”
“ยังไม่เห็นเลยครับป้าจัน”
“เผลอหลับไปมั่งหรือเปล่า”
“โห ประตูล็อค ยังไงก็เข้าไม่ได้” ยามว่า
ป้าจันพึมพำ เป็นห่วง “สงสัยจะไปค้างบ้านเพื่อน แต่ทุกทีก็สั่งไว้นี่นา เฮ้อ! คุณหนูจะเป็นอะไรรึเปล่านะ”
ป้าจันครุ่นคิดอย่างกังวลใจ
ขณะเดียวกัน แลเห็นบิวตี้แค่ช่วงศีรษะถึงบ่า นอนกองอยู่บนผ้าห่ม กำลังออกอาการกระสับกระส่ายคล้ายคนละเมอยามฝันร้าย
“ไม่จริง ไม่จริง อย่า...”
บิวตี้กรี๊ด ตื่นจากฝันร้าย ผุดลุกขึ้น ค่อยๆได้สติ โล่งอก “เฮ้อ ฝันร้ายนี่เอง” หล่อนเอามือทาบอกอย่างโล่งใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสัมผัสเปล่าเปลือยไม่มีเสื้อผ้า จึงก้มมองตัวเองตาเบิกโพลง
“ว้าย”
พรได้ยินเสียงเปิดประตูวิ่งเข้ามา
“คุณบิวตี้! คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
บิวตี้รีบเอาผ้าห่มพันตัว “ว้าย ใครให้เข้ามา ออกไป”
“แต่คุณหนูคะ คุณหนูเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ฉันบอกให้ออกไปไง ออกไป๊” บิวตี้คว้าหมอนขว้างปาใส่
พรออกไป บิวตี้วิ่งไปส่องกระจก พบว่าตัวเองกลายเป็นคนจริงๆ แต่มีร่องรอยฟกช้ำตามตัว
บิวตี้โล่งอก “เฮ้อ... ฝันร้ายจริงๆ ด้วยฝันว่าตัวเองกลายเป็นนก น่ากลัวเป็นบ้า” แต่เฉลียวใจเห็นรอยช้ำ “แต่ รอยช้ำพวกนี้”
บิวตี้สำรวจตัวเองอย่างละเอียด เห็นรอยขีดข่วนทั่วไปหมด ก็ตกใจ
“ไม่จริงๆๆๆ ต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ” บิวตี้หวั่นใจ ทรุดตัวลงนั่งที่เตียง “หรือว่า มีคนแอบเอายาให้ฉันกิน” นึกโกรธขึ้นมาฟาดแขน แต่แล้วกลับปวดแขน “โอ๊ย...ทำไมแขนปวดขนาดนี้ เมื่อยจังเลย”
บิวตี้ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พึมพำ “ทำไมถึงฝันได้วุ่นวายขนาดนี้นะ” แต่ต้องชะงักตาเหลือบไปเห็น จี้ มาตรวัดผลสัมฤทธิ์ จี้ส่องประกาย พร้อมเสียง วิ๊งๆๆ
เสียงปรมะเทวีดังก้องขึ้น “เอามาตรวัดผลสัมฤทธิ์นี้ไป”
แสงสว่างวาบที่ด้านหน้าบิวตี้ มีจี้ห้อยคอเป็นวงแก้วแบนๆ เรียบๆ ทอแสงทองวางอยู่
บิวตี้หยิบจี้มาจ้องมอง ยอมรับอย่างหดหู่ “ไม่จริงอ่ะ” แล้วหวีดร้องสุดเสียง “ไม่จิ๊งง....”
บิวตี้ขว้างจี้ไปตกที่ซอกตู้ จี้มีประกาย พร้อมเสียง วิ๊งๆๆ แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำประมาณ 1 ใน 4
จี้มาตรวัดผลสัมฤทธิ์นี้ มีเกณฑ์คือ สีดำ แสดงว่า เลว สีทองแปลว่า ดีมาก ความดีที่ค่อยๆ สะสมจะเป็นเหมือนพระจันทร์ จากเสี้ยวน้อยๆ ค่อยๆ เต็มดวง ไล่ที่สีดำจนหมดไป
ขณะนั้นภายในห้องนั่งเล่นบ้านบิวตี้ ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพอ่านหนังสือพิมพ์ อ่านอีนิวส์ เฟสบุ๊ค มีแต่ข่าวบิวตี้เมื่อคืน ตั้งวงเม้าท์กันสนุกปาก
ช่างหน้าหัวเราะ “นี่ๆ อันนี้เด็ด ไฮโซเสียศูนย์” เอารูปบิวตี้กำลังเซให้คนอื่นดู
“เฟสบุ๊คเอาไปยำต่อซะเละเลย” ช่างภาพเอารูปต่อเติมภาพบิวตี้ตลกๆ ให้คนอื่นดู
ช่างผมร้อง “ว้าย ฮะฮะฮะ อยากกดไลค์ไม่กล้า นี่ถ้าเจ้าตัวมาเห็นมีหวังวี้ดบึ้มแน่”
เลขาเข้ามา “เม้าท์เพลินเชียวนะ ไม่ทำงานทำการหรือไงยะ”
ช่างหน้าบอก “เจ้านายไม่อยู่จะให้ทำอะไรคะ แล้วทีคุณพี่ล่ะ มาทำงาน” พลางดูนาฬิกา “เกือบสิบโมง”
“รีบมาก็ไม่มีประโยชน์อะไรนี่ เจ้านายคนสวยของพวกเราเค้าเคยตื่นก่อนเที่ยงซะที่ไหน”
พรเดินผ่านมา ตะโกนสั่ง “พรขอกาแฟด้วย” แล้วทิ้งตัวลงนอนสบายๆ “เฮ้อ สบายใจ สบายหูไปได้อีกหลายชั่วโมงไม่ต้องเครียดว่าจะโดนแดกดันขนาดไหน”
ช่างหน้าเห็นงาม “นั่นสิ เพี้ยง ขอให้นางหนีไปกบดานไกลๆ ซักเดือนนึง ซะทีเถิ๊ด”
“หรือไม่ก็โดนลักตัวไปเรียกค่าไถ่” ช่างภาพบอก
เลขาเสริม “ทางที่ดีให้หายตัวไปเลยดีกว่า ไม่ต้องกลับมา”
ทุกคนฮาครืนทันที
น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกแหวกอากาศเข้ามา หลังฟังบริวารนินทาอยู่นานสองนาน
“พวกเธอต่างหากที่ต้องหายไป”
ทุกคนหันกลับไป เจอบิวตี้ยืนหน้าตึงเปรี๊ยะ พร้อมระเบิด ทุกคนตะลึงมือเท้าเย็น ขนแขนตั้งชัน
ทุกคนตกใจสุดขีด “คุณบิวตี้”
เลขายิ้มสู้ “คุณบิวตี้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
ทุกคนมองหน้ากัน หน้าตื่นตกใจ
“คุณบิวตี้ขา คือ เมื่อตะกี้พวกเราพูดเล่น น่ะค่ะ จริงมั้ยพวกเรา”
ทุกคนพยักพเยิด
“พวกเธอไม่จริงใจกับฉันซักคน ต่อหน้าทำเป็นดี ลับหลังนินทาฉันเสียๆ หายๆ ตลอดเวลา”
เลขา ช่างผม ช่างหน้า ช่างภาพ หน้าเสีย ปฏิเสธ วิงวอน อ้อนวอน ดังขรม
“ไม่จริงค่ะ” / “เราไม่ได้ตั้งใจ” / “ยกโทษให้เราด้วย” / “ผมไม่ได้พูดอะไรเลยครับ”
บิวตี้แผดเสียงขึ้น “หยุด! แล้วออกไป! ชั้นไล่ทุกคนออก”
ทุกคนอึ้ง เงียบ คอตก เลขาขยับตัวจะเดนออก
“เดี๋ยว” บิวตี้บอกกับเลขา “โทร.เชิญเพื่อนฉันทั้งหมดมาปาร์ตี้ เย็นนี้เลย”
เลขาดีใจ “แปลว่าไม่ไล่ออกแล้วใช่ไหมคะ”
“ทำก่อนออก แลกกับเงินเดือนก้อนสุดท้าย”
เลขาทัดทาน “แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ให้ทุกคนมาให้ได้ แล้วโทร.ไปสั่งอาหารเครื่องดื่มให้พร้อมด้วย”
“ค่ะ” เลขารับคำ
“ส่วนที่เหลือ ไปจัดเสื้อผ้าที่ฉันไม่ใช้แล้ว ลงมาวางเตรียมไว้ฉันจะบริจาค”
ทุกคนแปลกใจร้องประสานเสียง “บริจาค”
“ใช่ ฉันจะทำบุญ มีอะไรมั้ย” บิวตี้มองมาตรวัดความสัมฤทธิ์ในมือ จงใจพูดดังๆ กับจี้ “ชั้นจะทำบุญ!”
ทุกคนลนลาน แยกย้ายไปตามที่บิวตี้สั่ง พรนำทุกคนไปที่ห้องเสื้อผ้า ป้าจันแอบมองบิวตี้อย่างห่วงใย
“หิวรึยังคะ คุณบิวตี้”
บิวตี้พยักหน้าไม่ใส่ใจ ตาจ้องอยู่ที่จี้ ป้าจันค่อยๆ เดินออกไป
ฟากพักตร์พิมลเอง อ่านทั้งข่าวจากหนังสือพิมพ์ และไล่ดูโลกโชเชียลมีเดียที่ประโคมข่าว เม้าท์แตกเรื่องบิวตี้จากงานแฟชั่นเมื่อคืน แล้วหัวเราะสะใจ
“ไงล่ะ คุณหนูบิวตี้ผู้สูงส่ง ถูกคนหัวเราะเยาะกันทั้งเมือง สม!”
กรเทพอยู่ในห้องรับแขกด้วย ขยับจะอ้าปากดุลูกสาว เลขา ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพ วิ่งเข้ามาสีหน้าทุกข์ตรม
“คุณกรคะช่วยพวกเราด้วยค่ะ” เลขานำทีม
กรเทพงง “มีอะไรกันเหรอ บิวตี้เป็นอะไร”
“คุณบิวตี้ไล่พวกเราออกหมดทุกคนเลยค่ะ แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ” เลขาบอก
พักตร์พิมลซึ่งฟังอยู่ หัวเราะสะใจ
“บิวตี้ไล่ออก ใครจะไปช่วยได้ ยังไม่ชินอีกเหรอ เขาไม่ได้ไล่พวกเธอออกเป็นชุดแรกหรอกนะ”
กรเทพไม่พอใจ แต่ขอจัดการเรื่องเลขากับพนักงานของบิวตี้ก่อน
บอกลูกสาวเสียงเครียด “เดี๋ยวก่อน...เอา ทีละเรื่อง คุณบิวตี้บอกหรือเปล่าว่าเมื่อคืนไปไหนมา”
“ไม่ทราบค่ะ ไม่บอกอะไรเลยค่ะ เข้าบ้านมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อยู่ๆก็โผล่ลงมาจากชั้นบน แล้วก็ไล่พวกเราออกค่ะ” เลขาบอก
ทุกคนร้องบอกเซ็งแซ่ “ใช่ค่ะ” / “ใช่ครับ”
“แล้วเขาไล่พวกเธอออกด้วยเหตุผลอะไร”
“ไม่มีเหตุผลเลยค่ะ พวกเรามานั่งรอตั้งแต่เช้า เพราะเป็นห่วง รอว่าเมื่อไหร่เธอจะกลับ พอเธอเดินลงมาจากชั้นบนก็ไล่พวกเราออกเลย” เลขาว่า
ช่างหน้าบอก “แถมยังไม่ได้ไล่ธรรมดาด้วยนะคะ ยังให้ทำงานต่ออีกงานนึงค่อยไปด้วยค่ะ”
“งานอะไร” กรเทพฉงน
“จัดปาร์ตี้ค่ะ” เลขาตอบ
“ปาร์ตี้ ปาร์ตี้อะไร”
พักตร์พิมลสอดขึ้น “แหม จัดปาร์ตี้ที่บ้าน มันเรื่องธรรมดาของแม่นั้นไม่ใช่เหรอคะ คุณพ่อจะถารายละเอียดให้มันวุ่นวายทำไม ยัยนั้นเขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ...ปกติคุณพ่อก็ชอบตามใจเค้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
กรเทพเสียงดุ “แพ็ต”
พักตร์พิมลทำท่าล้อเลียนด้วยความหมั่นไส้ “บิวตี้ บิวตี้ ฮึอะไรๆ ก็บิวตี้ ทีลูกตัวเองไม่เห็นหัวเลยซักนิด พูดดีๆ ด้วยซักคำนึงมีมั้ยคะ”
พักตร์พิมลทั้งโมโห ทั้งน้อยใจเดินออกไป
กรเทพหันบอกกับเลขา “ก็จัดการให้คุณบิวตี้เค้า ดูแลให้เรียบร้อยก็แล้วกัน ส่วนพวกคุณก็ใจเย็นๆ แล้วผมจะหาทางคุยกับบิวตี้ให้”
ทุกคนไหว้ขอบคุณกรเทพปลกๆ
ฟากบิวตี้นั่งให้พรนวดไหล่อยู่ในห้องรับแขก เพราะเมื่อยแขน คุยสายมือถือกับกรเทพไปด้วย
“ว่าไงค่ะ อากร”
“หนูปลอดภัยดีรึเปล่า อาได้ยินว่าเมื่อคืนหนูไม่ได้กลับบ้าน”
บิวตี้ปลดมือพรให้หยุดนวด
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ บิวตี้แค่เจอเพื่อนเก่าก็เลยไปหาเค้า แต่คนอื่นตกใจเกินไปเท่านั้นเองค่ะ”
“ทีหลังก็ควรบอกคนของหนูไว้นะ อาเป็นห่วง ว่าแต่ ทำไมหนูถึงไล่พวกเค้าออกล่ะ”
บิวตี้ของขึ้น ควันออกหู โกรธจัด “นี่พวกนั้นไปฟ้องอากรเหรอคะ”
“พวกเขาเป็นคนที่อาหามาให้ดูแลหนู ก็เป็นธรรมดาที่ต้องรายงานอา พวกเขาทำผิดอะไรร้ายแรงงั้นหรือ”
“บิวตี้เกลียดคนประจบสอพลอ หน้าไหว้หลังหลอกค่ะ แค่ไล่ออกก็ดีถมไปแล้ว น่าจะโดนมากกว่านี้ด้วยซ้ำ”
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ คุยกันนะลูก ไว้ปาร์ตี้กับเพื่อนเสร็จแล้วอาจะแวะไปหานะ”
กรเทพวางหูโทรศัพท์ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
บ่ายวันนี้ อรวิภาแวะมาปรึกษาธีภพที่บ้าน สีหน้าวิตกกังวลไม่หาย สองคนนั่งที่โต๊ะสนามในสวนสวย มีชุดน้ำชาและจานอาหารว่างวางอยู่
“น้องอรนอนไม่หลับเลยค่ะพี่ธีโทรหาพี่บิวตี้ คนรับก็บอกว่ายังไม่กลับ น้องอรกลุ้มใจจังเลย เค้าคงโกรธน้องอร แล้วก็อายคนมาก ก็เลยหนีเตลิดไปไหนๆ”
“อย่าห่วงเลยครับ คุณบิวตี้เค้าไม่น่าจะเซ็นสิทีฟขนาดนั้นหรอก”
“แต่ทั้งหมดมันเป็นความผิดของน้องอร”
ภาวินีเดินถือจานใส่อาหารว่างมาอีกอย่าง บอกชื่อร้านขนมแล้วพูดสำทับ
“เจ้าอร่อยจ้ะ เพิ่งมาส่งร้อนๆ เลย” มองเห็นจานอรวิภาที่ยังไม่แตะต้อง “อ้าวหนูอร ไม่เห็นทานอะไรเลย ไม่ถูกปากหรือจ๊ะ”
“น้องอรกำลังกลุ้มใจเรื่อบิวตี้น่ะครับแม่” ธีภพบอก
“น้องอรอยากไปขอโทษพี่บิวตี้ค่ะ” หญิงสาวกลั้นน้ำตา
ภาวินีสงสารโอบ ปลอบใจ “โถๆๆ เอางี้ พรุ่งนี้ธีพาน้องไปสิลูก”
ธีทำท่าจะปฎิเสธ แต่อรจับแขนไว้
“นะคะ...พี่ธี...นะคะๆ ไม่อย่างนั้น น้องอรคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”
อรวิภามองหน้าธีภพอย่างวิงวอน ธีภพจำใจต้องพยักหน้ารับปาก “ก็ได้ครับ”
บ่ายคล้อย เพื่อนๆ ของบิวตี้ ทั้ง 6 คน มานั่งปาร์ตี้ จิบชา กินขนมอย่างรื่นรมย์อยู่ในห้องรับแขก ทุกคนมองหน้าบิวตี้ที่ค่อนข้างเครียดอยู่ ทุกคนล้วนเป็นหนุ่มสาวไฮโซตระกูลดัง ช่างปาร์ตี้ แต่งตัวจัด
วาวาถามนำ “ไหนบอกพวกเรามาซิ ว่าอยู่ดีๆ ทำไมเธอถึงได้จัดปาร์ตี้กะทันหันขนาดนี้”
แอนซัก “แถมยังจัดกลางวันแสกๆ แทนที่จะเป็นกลางคืนอย่างทุกที”
“ก็ไม่มีอะไรมาก...ชั้นแค่อยากจะทำบุญ”
ทุกคนประหลาดใจ ร้องขึ้น “ทำบุญ!”
มาร์คงง “แปลว่า บิวตี้อยากจะชวนพวกเราไปวัดอย่างนั้นเหรอจ๊ะ...นี่มันบ่ายโมงแล้วนะ”
“ไม่ใช่ทำบุญอย่างนั้นหรอกจ้ะ” บิวตี้กดออด
ครู่หนึ่งเลขาและพรหอบเสื้อผ้ากองใหญ่เข้ามาพะรุงพะรัง เพื่อนๆมอง งงๆ
“เสื้อผ้าพวกนี้ ชั้นใส่ไปครั้ง 2 ครั้งเอง บางตัวยังไม่ได้ใส่เลย ใครอยากได้ตัวไหนก็เอาไปเลยนะ”
สาวๆ ร้องวี้ดว้าย “ว้าย...จริงเหรอ”
บิวตี้พยักหน้าทำหน้าอิ่มบุญ ใจดี
เกรซถาม “แล้วทำไม เธอเกิดใจดี เอ่อ ...ทำไมถึงเอามาให้พวกเราล่ะจ๊ะ”
บิวตี้บอกอย่างจริงใจ “ฉันอยากทำบุญน่ะ...แต่จะเอาไปให้เด็กจนๆ ก็ไม่รู้จะเอาไปให้ที่ไหน...ชั้นก็เลยให้พวกเธอนี่แหละจ้ะ”
เพื่อนๆสะอึก อึ้งกับคำพูดของบิวตี้ไปชั่วขณะ
“ในเมื่อทำบุญกับเพื่อนผู้หญิงแล้ว แล้วเพื่อนผู้ชายล่ะจ๊ะ บิวตี้จะให้อะไรบ้าง” มาร์คถาม
บิวตี้ยิ้มกริ่ม ไม่ตอบ มองทั้งมาร์คและ ริวอย่างมีความหมาย
ธีภพพาอรวิภามาส่งที่บ้าน อดิศักดิ์และเครือวรรณยืนคุยกับธีภพอยู่
“ขอบใจมากธีภพที่มาส่งยายหนูอร”
“ไม่เป็นไรครับคุณอา ยังไงผมก็ต้องดูแลคุณอรอยู่แล้ว”
เครือวรรณปลื้ม “น่ารักจริงพ่อคุณ...น้องอร..แม่ได้ยินว่าคุณธีภพทำงานเก่งมากนะ หนูไม่อยากลองไปให้พี่เค้าสอนงานให้บ้างรึจ๊ะ”
“น้องอรจะทำอะไรได้ล่ะคะ บริษัทพี่ธีเค้าทำผ้า ทำเสื้อผ้าสำเร็จรูป อรไม่รู้เรื่องอะไรพวกนั้นเลย”
“ถ้าจะทำจริงๆ ก็ทำได้นะครับ ธนบวรรมีแบรนด์วัยรุ่นเพิ่งเปิดใหม่ คุณอรไปช่วยดูแลก็เหมาะสม”
อรวิภาปฏิเสธ “ไม่ล่ะค่ะ อรดีไซด์อะไรไม่เป็นเลยซักนิด ถ้าทำอาหาร จัดดอกไม้อะไรพวกนี้ละพอจะถนัดบ้าง”
“ยายอรเอ๊ย....เรานี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ อย่างนี้ถ้าวันนึงป๊าให้คุมกิจการของเราแทนป๊านี่ หนูจะทำได้มั้ย”
อรทำหน้าเบะ ภาระแสนใหญ่หลวง
“ถ้าถึงวันนั้นจริงๆ น้องอรคงต้องรีบแจ้นไปให้พี่ธีสอนอรก่อนแน่ๆ ค่ะป๊า”
อดิศักดิ์กับเครือวรรณหัวเราะอรวิภาอย่างเอ็นดูรักใคร่ ธีภพยิ้มๆ เอ็นดู
ไม่นาต่อมา ธีภพเดินกลับเข้าบ้านมา ธนากับภาวินีเงยหน้าขึ้นมอง
“กลับมาแล้วเหรอธี”
“ไปส่งหนูอรเรียบร้อยใช่มั้ย”
“ครับพ่อ”
“หนูอรเป็นเด็กน่ารักนะ ขนาดเป็นลูกสาวคนเดียวของธุรกิจใหญ่โตขนาดนั้น ก็ยังน่าเอ็นดู...ธีไม่สนใจจริงๆ เหรอลูก”
“คุณนี่ยังไงนะ ทำไมชอบคิดแต่เรื่องธุรกิจ...ถ้าลูกจะรักจะชอบใครสักคนก็น่าจะเกิดจากความรักนะคะ”
ธนาหัวเราะ “คุณนี่เพ้อฝันจริงๆ เดี๋ยงนี้ความรักจริงๆ มันหาได้จากไหน มันไม่ใช่สมัยเราแล้วนะครับ คุณภาวินี”
ภาวินีค้อน
“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ผมก็เห็นเหมือนพ่อ ผมว่าครอบครัวของน้องก็เหมาะสมกับธุรกิจของเราดี...แล้วอีกอย่าง น้องอรเค้าก็น่ารักดี ไม่น่ามีปัญหาอะไร”
ธนาชอบใจ “นั่นไง โป๊ะเชะ แกนี่มันได้ดั่งใจพ่อจริงๆ ธีภพ”
ภาวินีมองธนาอย่างขวางๆ แต่ก็พอใจ
เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว บิวตี้จับมือเดินเล่นกับริวอยู่ในสวน แดดร่มแล้ว เพลงรักหวานแว่วมาจากลำโพงที่ติดตั้งในสวน ช่วยสร้างอารมณ์โรแมนติก
“บิวตี้ยังไม่บอกเลยว่ามีอะไรจะให้เรา...”
บิวตี้ทำเสียงเซ็กซี่ กระเส่า “ริว ถ้าบิวตี้ขออะไรอย่าง ริวจะให้ได้มั้ยจ๊ะ”
“ขออะไรครับ..คนอย่างบิวตี้จะต้องขออะไรใครด้วยเหรอ”
“สมมุตินะ สมมุติว่า ริวต้องตายแทนบิวตี้ ริวทำได้มั้ย”
ริวหัวเราะ “บอกมาเลย ให้ตายเดี๋ยวนี้ ริวก็ทำได้....เพื่อบิวตี้คนสวย” ริวทำตาเจ้าชู้ใส่
“ถ้างั้นก็ บอกสิว่าริวรักบิวตี้ยิ่งกว่าชีวิต”
“คือริวไม่พูดบิวตี้ก็น่าจะรู้ว่า ริวรักบิวตี้ยิ่งกว่าชีวิต”
บิวตี้ตัดสินใจตอบเหมือนสั่งให้ตัวเองเชื่อ “ถ้าอย่างนั้น.. บิวตี้ก็รักริวยิ่งกว่าชีวิตของบิวตี้เอง”
ริวดึงตัวบิวตี้เข้ามากอด ใบหน้าโน้มมาหากันบิวตี้แอบหยิบสร้อยคอมาถือไว้
ที่แดนสรวง นางฟ้าลลิตา กับปรมะเทวี จ้องจอฉายภาพบิวตี้กับริว อย่างตื่นตกใจ
“ไม่นะลูก อย่าทำอย่างนั้น” นางฟ้าลลิตาจะเสกให้หยุด เพื่อขัดขวาง
ปรมะเทวีบังรังสีไว้ “อย่าห้าม นางต้องได้รับบทเรียน”
“แต่ลูก...”
“นางไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาแล้วนะ ลลิตา”
“แต่มันไม่สมควร”
“หน้าที่ของเราคือให้บทเรียนกับเด็กคนนั้น ไม่ใช่ชี้นำหรือบิดเบือนชีวิตของมนุษย์”
นางฟ้าลลิตาจำใจยอมรับด้วยความทุกข์ “ข้าพเจ้าขอน้อมรับ” แล้วเบือนหน้าหนีจากจอภาพในขณะที่ ภาพในจอฉาย เห็นบิวตี้กำลังจุมพิตกับริว
บิวตี้ถอยจากอ้อมแขนริวเอามือเช็ดปากทันทีโดยอัตโนมัติ เพราะไม่ได้ใส่ใจในความรัก แล้วหยิบมาตรวัดความสัมฤทธิ์ออกมาดู ไม่มีเส้นสีทองขึ้นสักนิด มีแต่สีดำใหญ่ขึ้น
“อ๊า ไม่ขึ้นเลย ทำไมไม่ขึ้นล่ะ” บิวตี้เขย่าๆ บ่นอย่างโกรธๆ “เสียรึเปล่าเนี่ย”
“อะไรไม่ขึ้นครับ” ริวเง็งทำหน้าแบบ...ไม่จริงอ่ะ
“ก็ไอ้...“ บิวตี้ชะงักปาก “ช่างเหอะ แต่นายไม่ได้รักฉันจริงๆ หรอกใช่ไหมริว บอกมาสิ”
“ริวรักบิวตี้นะ รักมาก คุณต่างหากที่ไม่รับรักผมสักที” ริวจับมือบิวตี้มากุม “ริวดีใจมากที่สุด วันนี้ก็มาถึง”
บิวตี้ครุ่นคิด พึมพำกับตัวเอง “ถ้างั้นก็คงเป็นที่ตัวฉัน”
ริวงง ได้ยินไม่ถนัด “อะไรนะครับ”
บิวตี้ดึงมือกลับ “ฉันไม่ได้รักนาย เรื่องของเรามันจบแล้ว”
ริวตะลึงก่อนโวย “ง่ายๆแบบนี้นะเหรอ อย่าบอกนะคุณชอบไอ้มาร์คนั่น”
“ไม่รู้สิ แต่... จูบกับริวแล้ว มีผลอะไรเลย จบ ไปได้แล้ว”
ริวงงหนัก “ไปไหน”
“กลับไปกินข้าวต่อ หรือจะกลับบ้านก็ตามใจ”
“หา....อะไรของคุณ”
บิวตี้ดุ “บอกให้ไปก็ไปสิ อ้อ บอกมาร์ค ออกมาหาฉันด้วยเร็วๆ เข้า” พลางแหงนมองฟ้า “จะเย็นแล้ว ไปเร็วๆ สิ”
ริวออกไปงงๆ สับสน แต่ต้องทำตามคำสั่ง
บิวตี้อารมณ์บูด เดินปึงปังเข้าบ้านมา มาร์คตามมาง้องอน ที่หน้ามีรอยโดนตบ แดงเป็นรูปนิ้ว
“บิวตี้ เดี๋ยวก่อนสิบิวตี้” มาร์คจับแขน
บิวตี้สะบัดออก “ไม่ต้องมายุ่ง นายกับฉัน เราจบกันแล้ว”
“แต่ผม รักบิวตี้นะ คุณจะจูบผม แล้วเขี่ยผมทิ้งแบบนี้ไม่ได้นะ”
“แต่นายพยายามลวนลามชั้นมากไปล่ะนั้น...นี่มันไม่ใช่แล้ว...เข้าใจรึเปล่า”
บิวตี้หันกลับมา เห็นเพื่อนๆ และเลขาอ้าปากค้าง ตะลึงพรึงเพริดอยู่ ในมือของเพื่อนๆ มีเสื้อผ้าของบิวตี้ที่เลือกเอาไว้แล้วเต็มมือ
“นี่...มันอะไรกันเหรอบิวตี้...เกิดอะไรขึ้น” วาวาแปลกใจ
บิวตี้ยักไหล่ “ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง พวกเธอมีใครติดต่อ ริกกี้ นนท์ เดวิด แล้วก็...จัสติน ได้ไหม ฉันทิ้งเบอร์พวกนั้นไปหมดแล้ว”
“โหย!! แฟนเก่าทั้งนั้นเลย บิวตี้จะตามมาทำไมเหรอ” วาวายิ่งงง
บิวตี้ดุ “ไม่ต้องถาม ตามมาให้เร็วที่สุด เดี๋ยวฉันจะลิสต์ชื่อเพิ่มเติมมาให้”
หญิงขำๆ “แล้วพวกที่อยู่เมืองนอกไม่มีค่าเครื่องบิน ทำยังไง”
“ถ้าจนขนาดนั้นก็คงไม่ใช่คนที่ชั้นจะรัก...ผ่านไปเลย” จู่ๆ บิวตี้รู้สึกปวดตัว สะดุ้ง ตัวงอ ตกใจ ดูนาฬิกา 5 โมงกว่าแล้ว
เพื่อนๆ งง ร้องถามพร้อมๆ กัน “บิวตี้ เป็นอะไร”
“ปวดท้อง นิดหน่อย” บิวตี้กัดฟันสู้ความเจ็บที่มาเป็นพักๆ “ขอตัวก่อนนะ พวกเธอจะอยู่ต่อก็ได้นะ เอาเสื้อผ้าของฉันไปเลย เอาไปเยอะๆ ไปล่ะ”
บิวตี้รู้ตัวว่าจะแปลงร่าง รีบร้อนจะขึ้นข้างบน เลขากับพร เข้าประคอง ถูกบิวตี้ปัดออก
“ไม่ต้อง แล้วห้ามใครขึ้นมาข้างบนเด็ดขาด ฉันอยากอยู่...คนเดียว”
บิวตี้รีบวิ่งขึ้นห้องไป ทุกคนมองหน้ากันงงๆ เกิดอะไรขึ้น
เย็นย่ำบิวตี้ดิ้นรนเจ็บปวดทรมาน ล็อคประตูห้อง เปิดหน้าต่างไว้
“ไม่นะ ฉันไม่ยอมเป็นนกอีกแล้ว”
บิวตี้พยายามดิ้นรน แล้วเกิดแสงสว่างเรืองรองกลางห้อง
“ถอนคำสาปชั้นเดี๋ยวนี้ ได้ยินมั้ย นังแม่มดใจร้าย ปีศาจหิ่งห้อย”
ปรมะเทวีปรากฎตัวในรัศมีแสงสวยงาม
“เราไม่ใช่แม่มด และยิ่งไม่ใช่ปีศาจ”
“เป็นอะไรก็ช่างเถอะ ถอนคำสาปฉันเดี๋ยวนี้”
“คำสาปจะเสื่อมไปทันที่ถ้าเธอปฏิบัติได้ครบทั้งสามข้อ”
“ก็ทำแล้วไง ทำความดีให้เสื้อผ้าเพื่อนๆ ไปตั้งเยอะ ของดีๆ แพงๆทั้งนั้น”
ปรมะเทวียิ้มเวทนา “เธอไม่ได้ให้จากใจ ถึงจะให้ของแพงก็ยังตระหนี่บุญ ให้แล้วยังหวังผลตอบแทนยังนึกถึงตัวเองอยู่ตลอดเวลา”
บิวตี้เถียง “แต่ข้อสามฉันผ่านแน่ แต่ไอ้จี้ของเธอเนี่ยมันคงเสียแน่ๆ เลย”
“เธอไม่ได้จุมพิตคนพวกนั้นด้วยความรัก”
“รักสิ ทำไมจะไม่รัก รักคนละนิด รวมสองคนก็ไม่ใช่น้อยนะ” บิวตี้แถ
ปรมะเทวีทอดถอนใจ “เธอก็รู้ แต่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ”
บิวตี้โกรธ “แต่ฉันทำแล้ว ควรจะลดโทษบ้างสิ ลดไปข้อละชั่วโมง ตกลงไหม”
“เธอไม่มีทางต่อรองสิ่งใดๆ กับบัญชาของสวรรค์ได้ แต่มีเพียงหน้าที่ที่ต้องทำให้ได้เท่านั้น จำเอาไว้”
“เดี๋ยว กลับมาก่อน” บิวตี้เจ็บมากคล้ายร่างจะแตกป็นเสี่ยงๆ “โอ๊ยยยย ไม่นะ นังปีศาจ”
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว
คำพูดของบิวตี้กลายเป็นเสียงนกหงส์หยกร้อง ร่างกายค่อยเปลี่ยนเป็นนก ดิ้นรนอยู่กับพื้น
ฝ่ายเพื่อนๆ บิวตี้มีถุงใส่เสื้อผ้ากันคนละหอบใหญ่ ทุกคนนั่งอยู่ในห้องรับแขกชะเง้อคอยบิวตี้
แอนเอ่ยขึ้น “เอาไงดีล่ะ จะคอยยายเจ้าหญิงก่อนหรือจะกลับเลย”
“กลับไปเกิดคุณนายบิวตี้เขาไม่พอใจ จะมาโกรธพวกเราอีก” วาวาบอก
นกบิวตี้บินเข้ามาหลบอยู่ที่บังสายตา บิวตี้คนยืนตำแหน่งเดียวกัน
“กลับเถอะเพื่อนรัก ฉันไม่โกรธพวกเธอหรอก ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาให้กำลังใจ พวกเธอเป็นเพื่อนแท้....ขอบใจมากๆนะจ๊ะ”
หญิงลุกยืน “วันนี้โชคดีเป็นบ้า แค่จะมาเอาข่าวไปเม้าท์ ดันได้เสื้อเพียบ”
บิวตี้ชะงัก
“เอาของเขาแล้วยังจะเม้าท์เขาอีกเหรอ ยายหญิง” เกรซว่า
“แหม ไม่ต้องมาทำเป็นดี ใครยะที่โทรชวนฉันให้มาดูว่าป่านนี้แม่คนสวยหน้ากระแทกพื้นบุบไปแค่ไหนแล้ว”
เกรซขำคิกคัก “ก็อยากรู้ว่าฝีมือหมอดีแค่ไหน จะได้ไปทำตาม แต่ก็ยังดีกว่าคนที่มาเพราะจะเอาเรื่องไปขายหนังสือกอสซิปละน่า” เกรซหันไปมองหน้าวาวา
บิวตี้ตกใจ ระคนแค้น “นี่ พวกเธอ...พูดถึงชั้นใช่มั้ย”
“เฮ้ย อย่าพูดสิ ถ้ามีเครื่องดักฟัง แย่เลย” วาวามองหาเครื่องดักฟัง
“ไม่มีหรอก นางมั่นใจว่าใครก็รักนาง” แอนทำท่าล้อเลียนบิวตี้ “เพราะฉันสวยที่สุด เริด หรูหรา ร่ำรวย ฟู่ฟ่า ทุกคนต้องรักชั้น บูชาชั้นประหนึ่งเจ้าหญิง”
เพื่อนสาวทุกคนร้องแหวะออกมาพร้อมๆ กัน บิวตี้ตกใจจนตาถลน
“สะใจเนอะ เรียกมาปาร์ตี้ทั้งที มีแค่เราอยู่สี่คน” วาวาบอกอย่างสะใจ
“ที่จริงควรจะไม่มีเลยต่างหาก หน่อย...พูดออกมาได้ว่าอยากให้เสื้อผ้าเพราะทำบุญกับคนจน” หญิงว่า
ริวกับมาร์คเดินเข้ามาด้วยกัน
แอนถาม “นี่ อย่าบอกนะว่าออกไปต่อยกันมาเพราะแย่งนางน่ะ”
มาร์คหอมแก้มแอน “มีแอนอยู่ทั้งคน จะรักคนอื่นได้ลงเหรอ”
ริวบอก “นิสัยอย่างยายบิวตี้ใครจะเอาลง ดีแต่ความสวยกับความรวยเท่านั้น”
หญิงประชด “น่านละที่มันไม่ได้มีกันทุกคนน๊า...กลับกันเถอะพวกเรา”
ทุกคนหัวเราะครื้นเครง แล้วเดินออกไป บิวตี้อึ้ง น้ำตาคลอ
“เลว เลวที่สุด นังเพื่อนทรยศ”
นกบิวตี้พุ่งเข้าโจมตีเพื่อนจากด้านหลัง ทุกคนกรีดร้องตกใจ
เพื่อนๆ ของบิวตี้ ขึ้นรถไป มองซ้ายมองขวาหวาดๆ กลัวนก ทุกคนถือถุงเสื้อผ้าที่บิวตี้ให้ เต็มสองมือ เลขา พร คอยส่งขึ้นรถ
แลเห็นบิวตี้นกเกาะบนกิ่งไม้ บิวตี้คนนั่งบนกิ่งไม้มองลงมา “ด่าเขาแล้วยังเอาของเขาไปอีก พวกน่าสมเพช” ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น “ดี ต่อไปนี้ฉันจะได้เลิกคบกับพวกเธอ คนไม่จริงใจ” บิวตี้เจ็บใจจนน้ำตาไหล “เกลียดนัก ไอ้พวกไม่จริงใจ”
รถเพื่อนๆ ขับออกไป สวนกับรถกรเทพที่ขับเข้ามา บิวตี้ดีใจ “อากร”
กรเทพลงจากรถเดินเข้าบ้าน เลขาวิ่งมาหา พรเดินตามเข้ามา บิวตี้วิ่งตาม
“เชิญข้างในเลยค่ะ คุณกรเทพ” “อากร อากรช่วยบิวตี้ด้วย”
บิวตี้ชะงัก ประตูปิดปัง บิวตี้หน้ากระแทกประตูเต็มแรง
อ่านต่อหน้า 3
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 2 (ต่อ)
เช้าวันต่อมา บริวารทั้ง 4 คน รวมตัวกันอยู่ที่ห้องทำงานบิวตี้ในคฤหาสน์ ต่างคนต่างสีหน้าตกใจสุดขีด ทุกคนมีซองขาวในมือแล้ว
“คุณบิวตี้ ไม่เปลี่ยนใจจริงๆ เหรอคะ” เลขาถามย้ำ
“ไม่มีวัน ฉันเกลียด คนไม่จริงใจที่สุด” ช่างผมอุทรณ์ “แต่เราทำงานแก้ตัวให้แล้วนี่คะ เมื่อวานหนูทำผมให้คุณบิวตี้อย่างสุดฝีมือเลยนะคะ”
“จบแล้ว ไปได้แล้ว” ช่างหน้ากรี๊ด “แอร๊ย…ไม่ได้นะคะ ลูกหนูจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยง” “ฉันจ่ายล่วงหน้าพวกเธอสามเดือนเต็ม เชิญไปหางานกันเอง” บิวตี้ไม่แยแส
เลขา ช่างทุกคน ร้องกระจองอแง “ไม่นะคะคุณบิวตี้” / “เราอยากทำงานกับคุณ” / “อย่าไล่เราออกเลย” / “เราจริงใจนะคะ” บิวตี้เสียงแข็ง “ออกไป ถ้าไม่ออกฉันจะตามรปภ.มาลากตัวพวกเธอ”
ธีภพขับรถมาส่งอรวิภาที่ถือกระเช้าดอกไม้ จะเอามาขอโทษบิวตี้ มองจากประตูบ้านโปร่งๆ เข้าไป เห็นบิวตี้เดินหน้าถมึงทึงมาอย่างขุ่นเคืองสุดขีด ตรงมาสั่งการ์ดที่หน้าประตู เลขา ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพ เดินร้องไห้ตามตื๊อบิวตี้เป็นพรวน
บิวตี้สั่งการ์ด “ไล่คนพวกนี้ออกไป”
บริวารทั้ง 4 ร้องไห้ระงม “คุณบิวตี้ขาเราผิดไปแล้ว” / “ขอโทษเถอะนะคะ” / “ตกงานแล้วจะเอาอะไรกิน” / “ผมพูดนิดเดียว”
“ออกไป” บิวตี้สั่งการ์ด “แล้วอย่าให้เข้ามาอีก”
การ์ดเปิดประตูดันตัวลูกน้องบิวตี้ออกจากบ้าน
ธีภพบอก “เรากลับกันก่อนเถอะครับ” แต่พอหันมา ไม่เห็นอรวิภาที่ข้างๆ แล้ว
ด้วยเวลานี้อรวิภาสวนทางทุกคนวิ่งตามบิวตี้ที่หันหลังจะเดินกลับไปที่ตึกใหญ่ ธีภพตกใจเดินตามอรวิภามาด้วยความเป็นห่วง
“พี่บิวตี้ขา เดี๋ยวค่ะ”
บิวตี้หันกลับมา ไม่พอใจ “กลับไปซะ ฉันไม่อยากพบใครทั้งนั้น”
“พี่บิวตี้อย่าโกรธน้องอรเลยนะคะ น้องอรเสียใจมาก” อรวิภาจะร้องไห้
บิวตี้ยืนนิ่งสะกดอารมณ์อยากระเบิดเต็มที
“น้องอรตั้งใจจัดกระเช้ามา แทนคำว่าขอโทษ” อรวิภายัดเยียดดอกไม้ใส่มือ “พี่บิวตี้รับไว้นะคะ”
บิวตี้ทุ่มกระเช้าทิ้ง ปรี๊ดแตก “บอกว่าไม่เอา ไม่อยากพูด ไม่อยากเจอใครทั้งนั้น”
อรวิภาตกใจ ร้องไห้โฮ “พี่บิวตี้”
ธีภพเหลืออด “คนเขามาขอโทษดีๆ หัดมีมรรยาทบ้างสิ”
บิวตี้เผลอจ้องมองธีภพอีกนิดหนึ่ง โกรธขึ้นมาจนพาล “นี่มันบ้านของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้ จะพา
แฟนคุณออกไปดีๆ หรือจะให้คนของฉันมาลากตัวออกไป”
ธีภพจ้องบิวตี้สายตาตำหนิแล้วประคองอรวิภาออกไป
ขณะเดียวกัน จี้มาตรวัดผลสัมฤทธิ์ตรงซอกตู้ มีประกายวิ้ง สีดำเพิ่มขึ้นมาเป็น ครึ่งหนึ่ง
นางฟ้าลลิตากับปรมะเทวี ดูภาพฉายติดตามบิวตี้ อยู่ในแดนสรวง
นางฟ้าลลิตาหวาดหวั่น และกังวลหนัก “ข้าพเจ้าผิดเอง เป็นความผิดของข้าพเจ้า”
“อย่ามัวโทษตนเองอยู่เลย บุตรีของท่านกำลังจะได้รับบทเรียนสำคัญ ในไม่ช้า”
“ข้าพเจ้าอยากเจ็บปวดแทนลูกได้เหลือเกิน”
“ขอได้โปรดตั้งมั่นในอุเบกขา อย่ากระทำผิดกฏ มิฉะนั้น...”
นางฟ้าลลิตาหวาดหวั่น “ลัลน์ลลิตจักต้องเป็นนกตลอดไป”
“ถูกแล้ว ขออย่ากังวล เมื่อได้เวลาอันสมควร ข้าพเจ้าจะนำทางบุตรีของเจ้าไปสู่บทเรียนนั้นเอง”
บิวตี้เรียกคนใช้มารวมกันที่โถงกลางบ้าน ทุกคนรอท่าทีสยอง คนใช้ 1เปิดฉากบ่นกับพวก
“จะไล่ใครออกอีกล่ะเนี่ย ฉันไม่อยากตกงานนะ”
คนใช้ 2 ว่า “ไม่มั้ง เราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” คนใช้ 3บอก “ก็ที่ไล่ๆออกไปเนี่ย เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ คนอะไร ใจร้าย ไม่มีเหตุผล” คนใช้ 4 หันมาทางป้าจัน “ป้าๆ ฉันจะโดนไล่ออกมั้ยอ่ะ ฉันเอาใจคุณหนูสุดๆแล้วนะ” “ถ้านินทาลับหลังกันแบบนี้ ป้าว่าก็ไม่แน่นะ” คนใช้ครวญ “โธ่ ป้าอ่ะ”
บิวตี้เดินนวยนาดลงมา
”ที่ฉันเรียกทุกคนมานี่ ก็เพื่อจะแจ้งกฎใหม่ของฉัน ข้อ 1. การไล่นกต้องได้รับคำสั่งจากฉันเท่านั้นข้อ 2. ห้ามรบกวนฉันหลังพระอาทิตย์ตกดิน ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น ใครฝ่าฝืน จะโดนเหมือนแก๊งสอพลอเมื่อเช้า”
บิวตี้เดินออกไป แล้วหันมาทางพรกับป้าจัน
“ป้าจันกับเธอ ตามฉันขึ้นไปบนห้อง”
คล้อยหลัง 3 คน คนใช้ 1 โล่งอก “ตกใจหมดเลย นึกว่าจะโดนซะแล้ว” “แปลกดีเนอะ แต่ก่อนเกลียดนก เดี๋ยวนี้ไม่ให้ไล่นก” การ์ดงง
สองคนตามบิวตี้เข้ามาในห้องนอน ป้าจันกับพรยืนงงๆ กับคำสั่ง
“ไปซื้ออาหารนกมาให้ฉันเดี๋ยวนี้” บิวตี้หยิบเงินส่งให้ “แล้วก็ห้ามปิดหน้าต่างห้องนอนฉัน ฉันต้องการให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เปิดไฟทุกดวงในห้องฉันตอน 5 โมงเย็นของทุกวัน เข้าใจมั้ย แล้วก็...ห้ามเปิดเข้ามาในห้องฉันก่อนได้รับอนุญาต”
บิวตี้แกะอาหารนกใส่ถ้วย และ เทน้ำ วางไว้ในมุมหนึ่งของห้องนอน “เหม็นอ่ะ นกกินเข้าไปได้ไงเนี่ย แต่ก็คงดีกว่าหิวแล้วไม่มีอะไรกิน”
เย็นวันเดียวกันกรเทพ เดินผ่านห้องโถงจะออกไปข้างนอก
“พ่อเพิ่งกลับมา จะไปไหนคะ”
“ไปช่วยเคลียร์ปัญหาที่บ้านบิวตี้หน่อย” ”เรื่องอะไรฉาวโฉ่อีกละคะ” ”บิวตี้เขาไล่ลูกน้องออกหมด”
”ไล่ออกตั้งแต่เมื่อวานแล้วนิคะ ยังจะไปเคลียร์อะไรอีก ยัยบิวตี้ไล่คนออก ธรรมดาจะตาย บอกพวกเขาสิคะว่า ออกน่ะดีแล้ว อย่าไปทนอยู่กับคนอย่างนั้นเลย” กรเทพไม่พอใจ “ไม่ได้รู้เรื่องอะไรก็อย่าพูดมาก”
“แพ็ตพูดจริงนิคะ ใครจะไปทนอยู่กับคนเจ้าอารมณ์ หลงตัวเอง ไม่เคยคิดถึงใจคนอื่นอย่างยัยบิวตี้ได้”
กรเทพขึ้นเสียงใส่ “นี่ พ่อยังไม่เคยได้ยินบิวตี้เขาว่าแพ็ต อย่างที่แพ็ตว่าเขาเลยนะ”
“ใช่สิแพ็ตมันไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ถูก ไม่เหมือนคุณหลานคนโปรด”
พักตร์พิมลเดินปึงปังขึ้นห้องไป
“แพ็ต” กรเทพจะตาม แต่ลังเล สุดท้ายถอนใจ มองรูปแม่พักตร์พิมลวัยยี่สิบปลายๆ สวยเศร้า ที่ตั้งอยู่ พลางส่ายหน้ากับรูปเหมือนเคือง
“คุณทิ้งอะไรไว้ให้ผมเนี่ย”
กรเทพออกไป สีหน้าละเหี่ยใจเหลือกำลัง
พักตร์พิมลกลับเข้าห้องก็อาละวาด ฟาดหมอน ขว้างข้าวของระบายความแค้น
“ไม่เห็นจะน่าเป็นห่วงตรงไหน” ฟาดหมอนตุ๊บ “ทำไมต้องสนใจมันยิ่งกว่าลูกของตัวเอง” คราวนี้ต่อยหมอนแทนหน้าบิวตี้
ความรักความแค้นเมื่อ 20 ปีผุดขึ้นมาในห้วงคิดพักตร์พิมล
เด็กสามคนเล่นด้วยกันที่บ้านกรเทพ บิวตี้รวบอำนาจเป็นคนบงการ ธีภพกับแพ็ตลากเก้าอี้มาต่อกันสองตัวตามคำสั่งบิวตี้
“นี่คือรถฟักทองของซินเดอเรลล่า ธี ไปนั่งหน้าเป็นสารถี”
“เราอิ๊บเป็นเจ้าหญิง”
“ไม่ได้ เธออ้วนเกินไปเป็นเจ้าหญิงไม่ได้ ต้องไปยืนหน้ารถ เป็นม้า”
“ไม่ เราไม่เป็นม้า วันนี้วันเกิดเรา เราต้องเป็นเจ้าหญิง”
“นี่ไม่ใช่เรื่องเจ้าหญิงอึ่งอ่างนะ” บิวตี้หยัน
พักตร์พิมลโมโห ผลักบิวตี้จนเซ บิวตี้ร้องลั่นเรียกความสนใจ
กรเทพ อายุราว 36 ปี เข้ามา “อะไรกัน” เห็นเหตุการณ์รีบเข้าไปปลอบอ่อนโยน “หลานบิวตี้ ร้องไห้ทำไมคะ”
บิวตี้ร้องไปฟ้องไป “แพ็ต เค้ามาผลักบิวตี้”
“แพ็ต ทำไมไปรังแกบิวตี้อย่างงั้น”
“บิวตี้เค้าว่าแพ็ตเป็นเจ้าหญิงอึ่งอ่างก่อนครับ” ธีภพชี้แจง
“บิวตี้เขาแค่ล้อเล่น แพ็ตไปผลักเขาไม่ถูกนะ แบบนี้ต่อไปจะไม่มีคนเล่นด้วย” กรเทพเข้าข้างบิวตี้
“ไม่กัว แพ็ตก็ไม่อยากเล่นกับยัยบิวตี้ ขี้ฟ้อง” พักตร์พิมลแลบลิ้นใส่ “แบร่”
บิวตี้ เพิ่มดีกรี ร้องไห้เสียงดังขึ้น
กรเทพปลอบบิวตี้ “โอ๋ ไม่ต้องร้องลูก” แล้วหันมาดุลูก “เรามันนิสัยไม่ดี เข้าไปอยู่ในห้อง อย่า
ออกอีกมาจนกว่าพ่อจะอนุญาต”
จากนั้นกรเทพก็อุ้มบิวตี้อย่างทะนุถนอม รักใคร่ ดึงมือพักตร์พิมลไปที่ห้อง บิวตี้แอบยิ้มเยาะ แลบลิ้นใส่
กลายเป็นเหตุผลที่พักตร์พิมลไม่กินเส้นบิวตี้ มาจนโต
พักตร์พิมลดึงความตัวเองกลับมาสีหน้าเคืองแค้น
“ฉันไม่ยอมรับคนอย่างเธอเป็นพี่น้องหรอก ยัยบิวตี้”
กรเทพมาถึงก็เปิดฉากอบรมบิวตี้ แต่บิวตี้ มองมาตรวัดความสัมฤทธิ์ที่ดำไปครึ่งหนึ่ง มัวแต่ครุ่นคิดหาทางล้างคำสาปโดยเร็ว เลยไม่ได้ใส่ใจฟัง “บิวตี้จะไล่คนออกโดยสาเหตุแค่คิดว่าเขาไม่จริงใจไม่ได้หรอกนะ” บิวตี้เหม่อลอย ออกเสียงเถียงในความคิด “ไล่คนเลวออก มันผิดตรงไหนคะ”
“ทุกครั้งที่ให้คนออกโดยไม่มีเหตุผล มันเหมือนเป็นการสร้างศัตรู” บิวตี้คิดในใจ “เล่าเรื่องคำสาปให้อาฟัง อาจะเชื่อหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“เรื่องที่หนูอรเขามาขอโทษก็เหมือนกัน เขามาดีบิวตี้ก็น่าจะพูดกับเขาดีๆ บริษัทเรากับห้างฟอลคอนเป็นพันธมิตรกันมาตลอด บิวตี้ฟังอาพูดหรือเปล่า”
บิวตี้มองกรเทพ งงๆ “คะ คุณอามาเพราะเรื่องยัยคุณหนูฟอลคอนเหรอคะ คุยเรื่องอื่นเถอะค่ะ”
บิวตี้ลุกเดินออกไป ใจยังกังวลกับเรื่องที่โดนสาป
กรเทพเดินตามบิวตี้มาตรงมุมหนึ่ง
“คุณอาเชื่อมั้ยคะว่าโลกนี้มีแม่มด”
กรเทพขำๆ “นั่นมันมีในนิทานนะบิวตี้ โตได้แล้ว”
“บิวตี้ถามจริงๆ”
“อาอยากคุยกับหนูเรื่องเสื้อผ้าแบรนด์ใหม่ที่บริษัทเราจะทำ”
“แต่เรามีเสื้อผ้าตั้งหลายสิบแบรนด์แล้วนี่คะ”
“อาอยากตั้งแบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงที่ดูหรูหรา เหมาะจะใส่ไปงานปาร์ตี้เก๋ๆ หรืองานใหญ่ๆ อาจะตั้งชื่อแบรนด์ว่า ลาโบเต้ (la beaute)” กรเทพวางแฟ้มที่ดีไซน์เนอร์ออกแบบลงตรงหน้าบิวตี้
“อาอยากให้หนูออกความเห็นในฐานะประธาน หนูรู้ใช่มั้ยว่าพี่ธนาเพิ่งมอบตำแหน่งประธานบริษัทให้ธีภพคู่กับหนูเมื่อไม่นานนี้”
“ทราบค่ะ”
“ตั้งแต่คุณพ่อหนูเสีย อาก็ดูแลไลน์การผลิตแทนคุณพ่อ แทนหนูมาตลอด อาว่าถึงเวลาแล้วที่หนูน่าจะได้ทำงานในฐานะประธานร่วมอย่างเต็มตัวสักทีนะ”
“คุณอาก็ดูแทนหนูอยู่แล้วนี่คะ คุณอาเป็นถึงรองประธาน ก็เหมือนกันละค่ะไหนจะมีตาอ้วนแว่นอีกคน”
“เลิกเรียกเขาแบบตอนเด็กๆ ได้แล้ว คุณธีเก่งมากนะ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนักธุรกิจดีเด่นแห่งปี ใครๆก็ชื่นชม”
บิวตี้หมั่นไส้ คิดภาพธีภพสมัยเด็กๆที่ทั้งอ้วนทั้งใส่แว่น ว่าเมื่อโตขึ้นจะเป็นผู้ชายอ้วนพุงโลเฉิ่มเชย ขนาดไหน
“บิวตี้ บิวตี้”
บิวตี้สะดุ้ง หลุดออกจากภวังค์
“เป็นอะไรรึเปล่า อาเรียกตั้งนานหนูก็ไม่ได้ยิน”
“ไม่มีอะไรค่ะ บิวตี้คิดถึงแบรนด์ใหม่ของคุณอาอยู่”
สาววีนขาเหวี่ยง หยิบแฟ้มดีไซน์เสื้อผ้าแบรนด์ใหม่มาดู
“แบบเสื้อผ้าเป็นผู้ใหญ่เกินไป ชุดราตรียาวถึงจะสวยจริงแต่ก็ใช้ได้น้อย อาน่าจะให้ดีไซน์เนอร์ออกแบบชุดกึ่งยาวกึ่งสั้น หรือไม่ก็ดูสั้นไปเลยให้ดูเป็นผู้หญิงและไม่เป็นทางการเกินไป หรือไม่ก็เป็นกางเกงเก๋ๆ สวยไปอีกแบบ” บิวตี้อธิบายคล่องแคล่วสมกับที่เรียนมาตรง
กรเทพถอนใจ “อาว่า บิวตี้น่าจะไปทำงานที่บริษัทให้เป็นเรื่องเป็นราวซะทีนะลูก หนูจะคุยกับพวกดีไซน์เนอร์ได้ดีกว่าอาซะอีก”
“อย่าเลยค่ะอา บิวตี้ไม่เหมาะกับงานบริษัทหรอกค่ะ”
“หนูเป็นคนเก่ง ได้รางวัลยังก์ดีไซเนอร์ ระดับประเทศอเมริกาเชียวนะ อาว่าแบรนด์ใหม่ของบริษัทเนี่ย เหมาะกับหนูที่สุด เชื่ออาเถอะนะ มาทำงานที่บริษัทเราเถอะ”
บิวตี้แย้ง “แต่บิวตี้ ไม่ถนัดเรื่องธุรกิจ”
“เราก็มีธีภพดูแลด้านการตลาดอยู่แล้วไง”
“แต่บิวตี้ยังไม่อยากคิดตอนนี้”
กรเทพถอนใจ “งั้นตอนนี้หนูคิดจะทำอะไร... อาอยากให้หนูใช้ความสามารถให้เกิดประโยชน์ คุณพ่อหวังในตัวหนูมากนะ”
บิวตี้พาเข้าเรื่อง “อากรคะ ตั้งแต่แม่กับพ่อตาย บิวตี้เหลือแต่อาคนเดียวเท่านั้น”
“ใช่อาถึงได้เป็นห่วงหนูแทนพ่อยังไงล่ะ”
“ขอบคุณอามากนะคะที่คอยดูแลบิวตี้ มีแต่อาเท่านั้นที่จริงใจกับบิวตี้ตลอดมา”
กรเทพยิ้มกับบิวตี้ลูบหัวอย่างเอ็นดู “อ้อนแบบนี้จะให้อาทำอะไรแน่ๆ”
“อาคะ ..คือ ...บิวตี้” บิวตี้เจ็บแปลบไปทั่วร่าง “โอ๊ย”
กรเทพตกใจ “เป็นอะไรบิวตี้”
บิวตี้รู้ตัวว่ากำลังจะแปลงร่าง “บิวตี้ไม่ค่อยสบายขอตัวค่ะ” พลางผลุนผลัน ขึ้นห้องนอน
“เดี๋ยว...บิวตี้”
บิวตี้รีบไปไม่ฟังเสียง
กรเทพถอนใจส่ายหน้า นั่งรอดูสถานการณ์ เผื่อจะมีปัญหาอะไรอีก
อ่านต่อหน้า 4
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 2 (ต่อ)
บิวตี้ลนลานขึ้นมาที่ห้อง ล็อกประตู ข่มความเจ็บปวด ลากขาไป เปิดหน้าต่างออกด้วยความยากลำบาก ร่างค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นนกหงส์หยก บินออกจากห้องไป
นกหงส์หยกบิวตี้บินมาเห็นกรเทพยืนโทรศัพท์อยู่นอกตัวบ้าน สีหน้าเคร่งเครียด บิวตี้คน นึกห่วงกรเทพ เดินไปหลบหลังต้นไม้ใกล้ๆ
“อากรยังไม่กลับอีก ทำไมหน้าเครียดเชียว มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะอา” กระเถิบเข้าไปใกล้อีกนิด ด้วยความเป็นห่วง
กรเทพคุยสายหน้าเครียด “ผมคิดว่าน่าจะฉวยโอกาสนี้ ลงมือขั้นเด็ดขาดกันเสียที”
บิวตี้ตกใจ “อามีปัญหาจริงๆด้วย”
กรเทพฟังแล้วตอบไป “ผมก็คิดว่าอย่างนั้น เธอไม่สนใจเรื่องของบริษัทจริงๆ ถึงเวลาที่ธนบวรจะต้องเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เราเริ่มแผนสองกันเลยดีกว่า”
เห็นสีหน้าเครียด มุ่งมั่นจะทำอะไรบางอย่างของกรเทพฉายชัด
บิวตี้งงมาก “แผนสอง แผนอะไรอย่างนั้นหรือ”
“ผมไม่ยอมปล่อยให้ตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ไปอยู่ในมือของคนที่ไม่มีความรู้เรื่องงานอย่าง บิวตี้ เป็นอันขาด…อยากรู้จริงๆว่าผู้หญิงที่ห่วงแต่สวยอย่างบิวตี้จะทำยังไง เมื่อรู้ว่าบริษัทที่พ่อเธอสร้างมากับมือ จะไม่ใช่ของเธออีกต่อไป” บิวตี้ช็อก ผิดหวัง มึนงง ซวนเซ น้ำตาไหลพราก “อากร ทรยศ”
เสียงบิวตี้ที่เปล่งออกมาเป็นเสียงนกหงส์หยก เล็กแหลม
กรเทพสะดุ้งตกใจ ยกมือปัดป้อง “อะไรเนี่ย ไป ไป”
นกบิวตี้พุ่งเข้าจิกตีกรเทพด้วยความโกรธ
ยินเสียงบิวตี้คนผสมเสียงนกฟังไม่ศัพท์ “อากร ทรยศ ทรยศ”
กรเทพปัดป้อง รีบวิ่งหลบเข้าบ้าน นกบิวตี้บินตามจิก ด้วยความโกรธไม่ลดละ
บิวตี้เข้าใจผิด โดยไม่รู้ว่ากรเทพมีแต่ความหวังดีกับตน คนที่กรเทพพูดสายด้วยคือธีภพ และแผน 2 ที่กรเทพพูดกับธีภพ นั่นคือทำให้บิวตี้รู้สึกว่าบริษัทกำลังจะแย่ จนต้องให้บิวตี้เข้าไปช่วย แต่ก่อนอื่นต้องยั่วยุให้บิวตี้ได้เรียนรู้งานของบริษัทเสียก่อน ไม่ใช่บริหารทั้งที่ไม่รู้อะไร
กรเทพโทร.เรียกการ์ดมาจับนก พูดโทรศัพท์ขณะเดินมาห้องบิวตี้
“มีนกอยู่แถวพุ่มไม้หน้าบ้าน รีบจับไปให้ได้นะ ถ้าคุณบิวตี้โดนจิกละก็เรื่องใหญ่แน่ ป้าจัน รีบไปจัดการนกตัวนั้นซะ”
ป้าจันกับพร มองหน้ากัน รับคำ แล้วเดินออกไป กรเคาะประตูห้องบิวตี้ด้วยความเป็นห่วง “บิวตี้ เป็นไงบ้าง ไปหาหมอมั้ยลูก” ไม่มีเสียงตอบรับ
กรเทพทอดถอนใจ “งั้นอากลับก่อนนะ มีอะไรก็โทรเรียกอาได้เลยนะลูก” ผู้เป็นอาถอนใจอีกเฮือกก่อนจะหันเดินกลับไป
ค่ำนั้นบิวตี้คน นั่งเศร้าอยู่บนกิ่งไม้ ปาดน้ำตาด้วยความเสียใจ และแค้นใจ “ไม่มีใครจริงใจกับบิวตี้เลย อานะอา เสียแรงบิวตี้ รักอายิ่งกว่าใครๆ” บิวตี้สะอึกสะอื้น “ที่แท้ อาก็เล่นละครมาตลอด อาทำเป็นรักบิวตี้ เพราะอยากฮุบบริษัทของพ่อเท่านั้นเอง” คราวนี้สะอื้นหนัก ยกแขนซึ่งคือปีกนกป้ายน้ำตาแรงๆ “ทุกคนเล่นละคร ทุกคนโกหก ไม่มีใครจริงใจเลย”
บิวตี้สะอื้นหนัก นึกไปถึงเหตุการณ์ในสวนสวยบ้านหลังนี้ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ตอนนั้นบิวตี้นั่งตักบวร อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของพ่ออย่างอบอุ่น แม่รินน้ำชาฝรั่ง จัดขนมปรนนิบัติพ่อ ลูก
“โตขึ้นบิวตี้อยากเป็นอะไรลูก” บวรถาม
“บิวตี้อยากเป็นเจ้าหญิงของคุณพ่อ” บวรหัวเราะ หอมลูกฟอด “ได้ลูก แต่ถ้าเป็นเจ้าหญิงก็ต้องช่วยพ่อดูแลอาณาจักรนะ” ลลิตาติง “คุณก็ อย่าสอนให้ลูกเพ้อฝันอย่างนั้นสิคะ” “ผมพูดจริงนะ บิวตี้ อาณาจักรของพ่อคือบริษัทธนบวร ถ้าบิวตี้อยากเป็นเจ้าหญิงของพ่อ โตขึ้นต้องช่วยพ่อดูแลธนบวรนะลูก” “ได้เลยค่า” บิวตี้กางแขนออก เลยปัดโดนถ้วยชาที่แม่กำลังส่งให้พ่อน้ำร้อนกระเด็นใส่ ร้องแงๆ ลลิตารีบเอาน้ำเย็นประคบ ปลอบ “ไม่เป็นไรแล้วลูก โดนนิดเดียวเอง ไม่ร้องนะคะ” บิวตี้ร้องงอแงไม่หยุด
“ไหน ใครบอกจะเป็นเจ้าหญิงของพ่อ เจ้าหญิงเค้าไม่ร้องไห้กันหรอก เจ้าหญิงต้องเข้มแข็ง”
ณ สรวงสวรรค์ อันไร้กาลเวลา
นางฟ้าลลิตาติดตามดูบิวตี้ทางภาพฉาย เห็นบิวตี้สะอึกสะอื้นเสียใจ ลลิตาร้องไห้สงสารลูก แตะที่ภาพบิวตี้อย่างปลอบโยน “จงเข้มแข็งเถิดลูกรัก อากรเทพ ของลูกเค้า” ปรมะเทวีปรากฏตัวขึ้นอย่างเร็ว “กฎของสวรรค์ ห้ามแสดงอนาคตแก่มนุษย์” “แต่ขณะนี้ลัลน์ลลิตมีแต่ความทุกข์ใจ จะทำเงื่อนไขสามประการสำเร็จได้อย่างไรคะ” “ก็มันเป็นบทเรียน” “หากเป็นบทเรียน ก็ควรต้องมีการแนะแนวทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่หรือคะ” ปรมะเทวีนิ่งคิด แต่ไว้เชิง “ก็คง...ได้บ้าง แต่ต้องไม่ชี้นำจนเกินไป”
นางฟ้าลลิตายิ้มอย่างมีความหวัง
บิวตี้พยายามเข้มแข็งอย่างที่พ่อเคยสอน เช็ดน้ำตาแรงๆ
“ฉันต้องเข้มแข็ง อย่างที่พ่อเคยสอน พอกันที ต่อไปนี้จะไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว แม้แต่อากร” บิวตี้คับแค้นจะร้องไห้อีก ดุตัวเองไว้ “คนอย่างลัลน์ลลิตต้องไม่เสียน้ำตาให้คนทรยศ ลัลน์ลลิตจะดูแลอาณาจักรของพ่อ จะต่อสู้กับคนโกงเอาบริษัทของพ่อคืนมาให้ได้”
บิวตี้ลุกขึ้นยืนหยัดอย่างองอาจมีแสงแวววาว สว่างขึ้น บิวตี้เช็ดน้ำตา มองแสงอย่างสงสัย
แสงกลมๆ เปลี่ยนเป็นเส้นสีทอง ชี้มุ่งไปที่บ้านธีภพ
“หมายความว่าไง”
แสงเปลี่ยนกลับเป็นกลมๆ ลอยรอ นกบิวตี้ บินตามแสงกลมๆ สีทอง ที่นำไปยังบ้านธีภพ
บิวตี้บินตามแสงแวววาวมาถึงบ้านธีภพ แสงแวววาวหายไป บิวตี้มองจากต้นไม้ ลงมาเห็นบ้านธีภพเท่ ทันสมัย น่าประทับใจ ธีภพหันหลังทำงานอยู่ในห้อง
บิวตี้คนหยุดยืนมอง ประทับใจ “บ้านผู้ชาย พามาทำไมเนี่ย หรือว่า...”
นกบิวตี้บินเข้าไปใกล้ ไม่ทันระวังว่ามีกระจก
ธีภพได้ยินเสียงแก๊ก ที่กระจก หันมามองอย่างสงสัย
บิวตี้ไม่ทันเห็นหน้าธีภพ กลิ้งอยู่ที่พื้นสนาม
เห็นแมวตัวเบ้อเร่อ ท่าทางดุร้าย เตรียมตัวตะปบ
“เฮ้ย แมว” บิวตี้กรี๊ด “อ๊ายยย...อย่านะ”
นกบิวตี้บนขึ้นไปเกาะที่สูง
นกบิวตี้มองลงมา เห็นแมวเจ้าเสือเตรียมกระโจนใส่ บิวตี้คนร้องลั่น “อย่านะเจ้าแมวบ้า ขืนเข้ามาฉันจะจิกให้ตาบอดเลยฉันไม่มีวันยอมตายเพราะโดนแมวเส็งเคร็งอย่างแกกัดหรอก”
แมวเจ้าเสือกระโจนขึ้นที่สูง ใบหน้ามันยื่นเข้ามาใกล้อย่างน่ากลัว
บิวตี้คนหลับตาปี๋ กรี๊ดลั่น “อย่านะ ไอ้แมวบ้า อ๊ายย”
ธีภพประคองนกหงส์หยกที่กำลังดิ้นอยู่ในมือ
“ใจเย็นๆ เจ้านกน้อย แกปลอดภัยแล้ว”
พลางลูบหัวนกอย่างอ่อนโยน
บิวตี้คน ซุกตัวงอ มีมือธีภพลูบหัวให้อย่างอ่อนโยน บิวตี้ค่อยๆ ลืมตา เห็นหน้าธีภพชัดๆ ก็ตะลึงแล
“อุ๊ย... หล่อ หน้าคุ้นๆ แฮะ เราเคยเจอกันที่ไหนน้า”
ธีภพลูบตัวนกบิวตี้ “ไม่เป็นไรแล้วนะ เจ้านกน่ารัก เจ็บมากมั้ย เดี๋ยวทำแผลให้นะ”
บิวตี้คนถูกธีภพลูบตัว หลบเลี่ยงอย่างจั๊กกระจี้ “อึ๋ย จั๊กจี้ ไม่เอาน่า พอได้แล้ว” แต่อดเคลิ้มไม่ได้ “อุ๊ย เฮ้อ...”
ธีภพทำแผลให้นกหงส์หยกในอุ้งมืออย่างอ่อนโยน
“เจ็บมั้ยนกน้อย ขนกระจุยเลย เดี๋ยวใส่ยาให้”
บิวตี้คนพูดเสียงอ้อน “ไม่เอาอ่ะ แสบนะ” ดึงขาหนี
“อย่าดิ้นสิ ไม่แสบหรอกเดี๋ยวเป่าให้” ธีภพทายาให้นกบิวตี้ที่ขาอย่างเบามือแล้วเป่าให้
บิวตี้คน ถูกธีภพเป่าขาให้ “จั๊กจี้” จะดึงขากลับ
ธีภพพูดดุกับนกบิวตี้ “อยู่นิ่งๆซี่” แต้มยาเบาๆ แล้วเป่าอีก
บิวตี้คนนิ่ง มองธีภพที่เป่าขาอย่างประทับใจ พิจารณาแล้วนึกออก “เอ๊ะนึกออกแล้ว นาย นี่มัน แฟนยัยน้องอรนี่” เลยดึงขาออก
ธีภพกอดนกบิวตี้ไว้ “ดื้อจังแฮะ เจ้าตัวเล็ก เดี๋ยวขาหักนะ” เขาลูบขาลูบตัวอย่างอ่อนโยน “หิวหรือเปล่าเนี่ย”
เวลานี้บิวตี้คนอยู่ในอ้อมกอดของธีภพ “ไม่หิว ปล่อยชั้นนะ อึ๋ยยย” ธีภพลูบหลังให้ บิวตี้สบายเคลิ้มหลับตา ธีภพบิถั่วในขวดบนโต๊ะเป็นคำเล็กๆ ป้อน “กินไหม อ้ำ...” บิวตี้คนหุบปากเบือนหน้าหนี “ไม่เอา ไม่กิน”
“ไม่กินเหรอ ยังตกใจใช่มั้ย งั้นรออยู่นี่ อย่าไปไหนนะ”
ธีภพลูบหัวบิวตี้คน จูบเบาๆที่หัว บิวตี้ดีดดิ้น “อย่า...อุ๊ย...นายมีแฟนแล้วนะ”
ธีภพเข้าไปในห้องน้ำ นึกได้กลัวนกหนีเลยเปิดประตูห้องน้ำไว้คอยมอง บิวตี้คนปิดตา “ว้าย ปิดประตูด้วยสิ หน้าไม่อาย” เหลือบมองแล้วรีบเบือนหน้าหนี “อย่านะ อย่าหันไปลัลน์ลลิต หยุดเลย รู้จักอายบ้างสิ”
บิวตี้คนหันหน้าหนี เดินหลบไปทางชั้นวางของที่มีรูปธีภพตั้งอยู่ บิวตี้คนไล่สายตาดูรูปธีภพทีละรูป รูปแรกจบมหาวิทยาลัยเมืองนอก
“จบยูดังซะด้วย” รูปที่ 2 ถ่ายกับพ่อแม่ “เอ๊ะ คุณอา” รีบดูรูปที่ 3 เป็นธีภพวัยเด็ก อ้วนตุ้ยนุ้ยใส่แว่นอุ้มหมาถ่ายรูป “อ๊ะ”
บิวตี้นึกไปถึงตอนตัวเองเป็นเด็ก เฝ้ามองธีภพวัยเด็กแต่งกายอย่างในรูป และวิ่งเล่นกับหมาในรูป อย่างร่าเริง
บิวตี้คนตกใจตาเบิกโพลง จำได้แล้ว “นายอ้วนแว่น”
อดิศักดิ์อยู่ที่บ้าน กำลังโกรธจัด หลังรู้เรื่อง “มันทำเกินไปแล้ว” “อุ๊ย ป่าป๊าอย่าโกรธสิคะ สัญญาแล้วไง” เครือวรรณทัดทาน “ใจเย็นๆค่ะคุณ ลูกตกใจหมดแล้ว” “แต่ป๊ายอมไม่ได้ ลูกนายบวรเขาไม่รู้หรือไงว่าบริษัทธนบวรต้องพึ่งห้างเรา” “คงไม่รู้หรอกค่ะ ป่าป๊าอย่าโกรธสิคะ” “ไม่รู้ก็ต้องทำให้รู้ ป๊าจะถอดสินค้าของธนบวรออกจากห้างเราให้หมดเลย” “อย่าค่ะป๊า อรไม่ได้โกรธพี่บิวตี้เลยนะคะ” อดิศักดิ์ลูบหัวลูกสาว “ลูกป๊าโกรธใครไม่เป็นอยู่แล้ว ป๊าจัดการเอง ลูกป๊าใครอย่าแตะ” เครือวรรณปลอบ “อย่าเถียงป๊าค่ะลูก ป๊ะต้องมีวิธีจัดการ เชื่อปะป๊านะคะ”
อดิศักดิ์ตาลุกวาว “ต้องจัดการให้สาสม”
อรวิภาตกอกตกใจ รู้สึกผิด “อรไม่น่าเล่าเลย”
เครือวรรณสรุป “ลูกทำถูกแล้วค่ะ คนเก่งของมะม๊า”
โทรศัพท์ธีภพดัง ชายหนุ่มรีบออกมาจากห้องน้ำ มีผ้าเช็ดตัวพันแค่ช่วงล่าง
บิวตี้นั่งอยู่ปลายเตียงถึงกับอ้าปากค้าง “นายอ้วน เอ่อ...ธี…” เสียงหล่อนสั่น “เปลี่ยนไป...มากเลย...” มองตามตาค้างพูดไม่ออก
ธีภพรับโทรศัพท์ “ครับน้องอร” นิ่งฟัง แล้วส่งเสียงปลอบ “อย่าเพิ่งร้องไห้สิครับ มีปัญหาอะไร”
บิวตี้หังแล้วนึกหมั่นไส้ “แฟนโทร.มา พูดเสียงหวานเชียวนะ”
ธีภพจับนกบิวตี้มาวางที่ท้อง ฟังโทรศัพท์ไปลูบตัวนกไป
บิวตี้นอนพาดท้องธีภพ เขาลูบหลัง หล่อนดีดดิ้นขัดขืน “ปล่อยนะ จะคุยกับแฟนก็คุยไปสิ เกี่ยวอะไรกับชั้นด้วย”
ธีภพคุยกับอรวิภาต่อ “คุณพ่อต้องโกรธเป็นธรรมดาครับ ยายบิวตี้ร้ายซะขนาดนั้น”
“นินทาเหรอ นี่แน่ะ” บิวตี้กัดท้องธีภพจนร้อง “โอ๊ย” อรวิภาตกใจ “พี่ธีเป็นอะไรคะ” “นกจิกครับ น้องอรไม่ต้องกังวลใจนะครับ พรุ่งนี้ผมจะไปคุยกับคุณพ่อน้องอรเอง พี่ขอตัวทำแผลก่อนนะครับ” ชายหนุ่มกดวางสาย ดูแผล “โอ้โห เลือดออกเลย เจ้าตัวแสบ ร้ายนักนะเรา” ธีภพกุมตัวนกขึ้นมาจ้องตาดุๆบิวตี้คนถูกจับตัวให้จ้องตากับธีภพ หน้าแทบจะติดกัน จนต้องเบือนหน้าหลบด้วยความอาย
“ปล่อยฉันนะ”
เสียงเคาะประตู ธีภพลุกไปเปิดพร้อมบิวตี้นกในมือ ภาวินีถือถาดใส่ถ้วยเครื่องดื่ม “อานีขา” บิวตี้พยายามไหว้ “ไม่ได้เจออาตั้งนาน” “พ่อซื้อน้ำเต้าหู้มา ธีจะกินก่อนนอนไหมลูก” “เอาไว้ค่อยกินพรุ่งนี้เช้าแล้วกันครับแม่” “ตามใจ” ภาวินีเห็นนกบิวตี้ “เอานกที่ไหนมาเลี้ยงอีกละเนี่ย” “เจ้าเสือตะปบตกลงมาครับ” ภาวินีค้อน “ใจดีกับสัตว์ไปซะหมด ระวังไข้หวัดนกหน่อยนะ”
“ผมไม่เป็นไรหรอกคร้บ ก็แม่สอนเสมอว่าเราต้องเมตตาต่อสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากนี่ครับ”
“แหม เมตตากับสัตว์ ทีกับลูกน้องล่ะก็…” ภาวินีค่อนขอดลูกชาย
“ผมใจดีกับลูกน้องนะครับแม่”
ภาวินีขำๆ ลูก “เอ่อ...ธีรู้เรื่องที่คุณอดิศักดิ์เขาโกรธหนูบิวตี้หรือยัง” “ครับ น้องอรเพิ่งโทรมาบอก” บิวตี้ เซ็ง “จะนินทาอะไรอีกล่ะ”
“แม่ว่าหนูบิวตี้ทำไปเพราะแกไม่รู้เรื่องของบริษัทน่ะลูก แกไม่รู้ว่าห้างของคุณอดิศักดิ์เป็นตลาดใหญ่ของเรา ธีน่าจะชวนน้องมาทำงานบ้างแกจะได้เข้าใจ ยังไงธนบวรก็เป็นของหนูบิวตี้เหมือนกัน” “ถ้าจะให้ทำงานกับยัยบิวตี้ ผมขอเลือกทำงานกับเจ้าตัวเล็กนี่ดีกว่าครับ”
“อย่าไปว่าน้องแบบนั้นสิลูก พ่อของลูกกับพ่อของหนูบิวตี้สนิทกันมาก แม่เองก็เห็นหนูบิวตี้มาตั้งแต่อยู่ในท้อง บิวตี้ก็เหมือนลูกหลานของแม่เหมือนกัน ลูกสัญญากับแม่ได้ไหมว่าจะดูแลน้องให้ดี พาเธอมาสานต่อธุรกิจของพ่อเธอให้ได้” “ได้ครับแม่ ได้คร้าบ ผมจะพยายามพาเธอมาสานต่อธุรกิจของคุณลุงบวรให้ได้”
บิวตี้ได้ความคิดบางอย่างจิกกัดมือธีภพ
“โอ๊ย เห็นมั้ยฮะแม่ แสบพอๆ กันเลย…ฉันควรเรียกแกว่า ยัยบิวตี้ ชื่อนี้เหมาะกับแกที่สุด”
บ้านธีภพทั้งหลัง อยู่ในยามเช้ามืด พระอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นจากของฟ้า แสงสีทองงดงามสาดส่อง ยินเสียงนกร้องยามเช้า บิวตี้คนนอนซุกอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกับธีภพ ลืมตาตื่น มองซ้ายมองขวาเรียกความทรงจำ
โดยเมื่อคืนนี้ธีภพในชุดนอน เปิดหน้าต่างห้อง แล้วพูดกับนกบิวตี้ “เปิดหน้าต่างไว้ให้ ถ้าอยากลับไปหาครอบครัวก็ไปนะ ระวังเจ้าเสือด้วย”
ธีภพลูบตัวนกบิวตี้ “ทำไมตัวสั่นแบบนี้ล่ะ หนาวเหรอ งั้นคืนนี้นอนในผ้าห่มด้วยกันก็ได้” ชายหนุ่มหันกลับมาลงนอน เอานกนอนข้างๆให้ซุกผ้าห่ม บิวตี้คิดว่าตัวเองเป็นคนนอนชิดกับธีภพอย่างเขินๆ ตัวแข็งทื่อ ธีภพลูบไล้ตัวให้อย่างแผ่วเบา
บิวตี้ดึงตัวเองกลับมายังปัจจุบัน บ่นบ้าตามประสา “เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รุ๊ บ้าจัง” บิวตี้ผวาลุกขึ้น ตกใจสุดขีด “ว้าย เช้าแล้ว ทันไหมเนี่ย ตายแล้วๆๆๆ”
นกบิวตี้บินปร๋อออกไปจากห้องนอนธีภพ ผู้เป็นเจ้าของหลับอุตุไม่รู้เรื่อง
ที่บริษัทธนบวร เวลาตอนสาย แลเห็นขาเรียวยาว ในรองเท้าหรูแพงลิบ ก้าวเดินฉับๆ มาตามทางเดินอย่างมั่นใจ ตั้งแต่ปลายเท้า ชายกระโปรง ขึ้นมา จนถึงผมที่ทำอย่างประณีต ทั้งตัวดูหรู แพงเกินกว่าจะเป็นคนมาสมัครงานธรรมดา และเห็นหน้าชัดๆ ว่าเธอคือ บิวตี้ นั่นเอง
บิวตี้เดินผ่านพนักงาน ทั้งชายและหญิง ต่างลืมตัวมองตาม อ้าปากค้างด้วยความทึ่ง บิวตี้เข้ามาที่หน้าห้องเขียนว่า ประธานกรรมการ เข้ามาในห้องที่เลขานั่งอยู่ บอกเสียงดัง
“ดิฉันมาพบคุณธีภพ”
อ่านต่อตอนที่ 3