อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 26
สาขับรถราวกับจะบินมาหยุดกดแตรเสียงดังสนั่นหน้าบ้าน ตุ่นวิ่งมาเปิดประตู ทันที่ที่เปิด รถก็พุ่งเข้ามาด้วยอารมณ์แรงของคนขับ
สาจอดรถพรืดที่หน้าตึก โสภิตพิไลเปิดประตูลงมาทันที แล้วพุ่งเข้าบ้านไป สาตวาดเกรี้ยวกราดตามหลัง
“โสภิต! หยุดนะ โสภิต”
โสภิตพิไลเดินลิ่วไม่สน หน้าตาบึ้งตึง สาวิ่งตาม
“ป้าบอกให้หยุด ได้ยินไหม!”
โสภิตพิไลวิ่งขึ้นชั้นบน สาวิ่งตามไปทัน คว้าตัวเอาไว้
“หยุดนะ โสภิต มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”
โสภิตพิไลหันมาเผชิญหน้า “คุณป้าจะพูดอะไรอีกคะ นอกจากห้ามๆๆๆ”
“ที่ป้าห้ามก็เพราะเป็นห่วงหนู...หนูยังเด็ก หนูไม่รู้หรอกว่าหนูกำลังเล่นกับไฟ”
โสภิตพิไลย้อน “คุณประธานน่ะหรือคะ…ไฟ”
“ใช่”
โสภิตพิไลหัวเราะเยาะทันที “คุณป้าหึงคุณประธานใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่นะ โสภิต หนูเข้าใจผิด”
โสภิตพิไลส่ายหน้าไม่เชื่อ “คุณป้ากลัวคุณประธานมาชอบหนู คุณป้าหึงหวง ก็เลยไม่อยากให้หนูไปที่คลับ ไม่อยากให้หนูพบกับเขาคุณป้าหวงคุณประธาน ทำไมไม่พูดออกมาตรงๆ ล่ะคะ ทำไมต้องอ้างว่าเป็นห่วงหนูด้วย หนูไม่เข้าใจ”
สาฟังแล้วเสียใจ “หนูคิดว่าป้าเห็นประธานสำคัญกว่าหนูหรือไง โสภิต”
โสภิตพิไลไม่ตอบ สะบัดหน้าเดินเข้าห้องนอนไปพร้อมกับปิดประตูปังใส่หน้า สายืนนิ่งเป็นหิน เจ็บปวด และเสียใจเป็นที่สุด
ที่ตำหนักขาวตอนบ่ายๆ ในวันต่อมา หม่อมพริ้มเดินวนเวียน รอลุ้น ด้วยความตื่นเต้น หญิงจ้อยกลับมาจากทำงาน เดินเข้ามาหา
“มาหรือยังคะ หม่อมแม่”
“ยังเลยจ้ะแม่ก็รออยู่”
พุดเดินนำอนุกรเข้ามาพอดี “คุณอนุกรค่ะ หม่อม”
หม่อมพริ้มดีใจ “เข้ามาเลยจ้ะ กำลังรออยู่เชียว”
อนุกรไหว้ทักสองคน “กราบสวัสดีหม่อมครับ สวัสดีครับ พี่หญิงจ้อย”
“ไหนล่ะจ๊ะ อนุกร ของที่ว่า...”
อนุกรหยิบเอาซองกระดาษออกมา “นี่ครับ” วางลงตรงหน้าหม่อมพริ้ม “รูปที่ผมจ้างคนไปถ่ายมาให้”
หม่อมพริ้มหยิบขึ้นมา เปิดซอง จะเอารูปออกมาดู แล้วชะงัก เหมือนกลัวความจริงจะเป็นดั่งที่คิด
“หม่อมแม่คะ?”
หม่อมพริ้มรวบรวมกำลังใจ ดึงรูปออกมาดู เป็นรูปสากำลังร้องเพลง แม้เสื้อผ้าทรงผมจะเปลี่ยนไป แต่รอยยิ้ม อาการทอดแขน กรายมือ เหมือนอีสาคนเดิมตอนร่ายรำไม่มีผิดเพี้ยน
หม่อมพริ้มหวนคิดถึง อีสา ในวันที่รำรจนาเสี่ยงพวงมาลัย ชายตายั่วยวนท่านชาย
“หม่อมแม่คะ” หญิงจ้อยเรียกสติ หม่อมพริ้มสะดุ้ง “ใช่ไหมคะ”
หม่อมพริ้มพยักหน้าช้าๆ มั่นใจ
รูปสาถูกส่งต่อให้ยังมือเจิมในเวลานี้ เจิมคลี่รูปดูด้วยมือที่สั่นระริก ทีละรูป ทีละรูป เจิมเห็นสาในเสื้อผ้าชุดล่อแหลม ท่าทางเย้ายวน ยิ่งดู ยิ่งนึกเกลียดชัง
“นี่หรือเจ้าคะหม่อม นางคนที่ชื่ออุษาวดี”
“ดูกี่ทีกี่ที มันก็อีสานั่นแหละ ข้าจำได้”
เจิมวางรูปลงกับพื้นเหมือนรังเกียจ จวนหยิบเอาไปดูต่อ
“ไหนว่ามันร่ำรวยเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี แต่งตัวอย่างกับอีพวกช้อกการี” เจิมด่า
“สมัยนี้ อีพวกช้อกการีมันรวยกว่าคนดีๆ อย่างเราเสียอีก พี่เจิมเอ๊ย ญี่ปุ่นไปฝรั่งมา แค่มีที่นาก็เอาออกมาขาย นอนรับทรัพย์กันสบายอุรา”
หวนเอารูปมาคลี่ดูอีก นึกเสียใจ “สาเอ๊ย ใครจะนึกว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้”
“คนเรา ถ้าหักห้ามกิเลสในใจไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์ วิ่งพล่านทะยานอยากไปตามแต่กิเลสตัณหาจะบัญชา คนอย่างอีสา มันก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ตัวนึง” หม่อมพริ้มบอก
“สัตว์มันยังรู้จัก ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสายเลือดเดียวกัน...แต่อีสามัน...กับคุณชาย” จวนพูดไม่ถูก
“มันรู้อยู่ว่าชายรวีเป็นใคร ต่อให้เลว มันก็คงไม่เลวขนาดยุ่งกับลูกตัวเองหรอกจวนเอ๊ย”
“อีสารู้ แต่คุณชายเธอไม่รู้นี่คะ หม่อม ว่าอีสาเป็นแม่ ถ้าหากวันนึงเธอเกิดเผลอไผล...”
เจิมตวาดสวน “อีจวน อีปากเสีย”
หม่อมพริ้มยกมือห้ามทัพ
“จวนมันก็พูดถูก เจิม ข้ามัวแต่กลัวอีสามันบอกชายรวี ว่ามันเป็นแม่...ถ้ามันบอก ชายรวีก็จะเสียใจ แต่ถ้ามันไม่บอก ชายรวีไม่รู้ว่ามันเป็นแม่...” หม่อมคิดแล้ว ยอกแสลงใจ “คิดแล้วก็น่ากลัว เห็นทีข้าจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้แล้ว”
เจิมเห็นด้วย “จัดการเสียเถอะเจ้าค่ะ หม่อม จัดการให้มันหายไปจากชีวิตของคุณชายได้ยิ่งดีอีตัวกาลกิณี โผล่มาคราวนี้ จะทำให้ใครเดือดร้อนอีกก็ไม่รู้”
ทางด้านประธานเดินเข้ามาในบ้าน สารออยู่
“มาเร็วทันใจดีนี่”
ประธานพอดีผมก็มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณเหมือนกัน
ต่อมาสองคนอยู่ในห้องนั่งเล่น สาพูดกับประธาน
“ฉันไม่อ้อมค้อมนะ ประธาน ฉันไม่ชอบที่เธอมายุ่งกับโสภิต”
“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกน่ะ”
“โสภิตเป็นเด็ก แกไม่เดียงสา เลยหลงเล่ห์กลจิ้งจอกเฒ่าอย่างเธอ”
ประธานร้อง “โอ้โห พูดซะเสียหายหมด พูดอย่างกับผมจะมาหลอกต้มตุ๋นโสภิตงั้นแหละ”
“ก็จริงไหมล่ะ”
ประธานมองสา พูดจริงจัง “ถ้าหากไม่จริงล่ะ ถ้าหากผมบอกว่า ผมชอบโสภิตพิไลจริงๆ”
สาตกใจ “อะไรนะ!”
“ผมชอบโสภิตพิไลจริงๆ นี่แหละ คือเรื่องที่ผมจะมาคุยกับคุณ”
สาโกรธจัด สั่นไปทั้งตัว
จังหวะนี้ โสภิตพิไลเดินลงมาจากชั้นบน ได้ยินเสียงสาดังลั่นออกมาจากห้องนั่งเล่น เพิ่งได้ยินประโยคหลังนี้
“เลว! บัดซบ! คุณพูดคำนี้ออกมาได้ยังไง ทั้งๆ ที่คุณกับฉัน...”
ประธานสวนออกมา “ใช่ ผมเคยนอนกับคุณ แต่มันก็เป็นแค่ความสนุกร่วมกันเท่านั้นนี่ คุณเป็นคนบอกเอง ว่าไม่เคยคิดจะแต่งงานกับผม”
“แต่ไม่ได้แปลว่า ฉันจะยอมให้คุณไปยุ่งกับโสภิต”
สาแผดเสียงใส่อย่างรุนแรง
อ่านต่อหน้า 2
อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 26 (ต่อ)
โสภิตพิไลแอบฟังอยู่ ออกอาการตกใจมากที่เห็นสากราดเกรี้ยวมากขนาดนี้
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับโสภิต คุณให้เธอตัดสินใจเองได้ไหม”
“เรื่องนี้โสภิตไม่มีสิทธิ์ ฉันบอกว่าไม่ได้ ก็คือไม่ได้”
โสภิตพิไลได้ยิน เกิดทิฐิอย่างรุนแรง เลยเดินเข้าไปหาเอาเรื่อง
“ทำไมล่ะคะ คุณป้า” ประธานกับสาหันไปมอง “ทำไมหนูถึงไม่มีสิทธิ์เลือกว่าจะคบใครหรือไม่คบใคร”
สาสวนแรง “หนูจะเลือกคบใครหรือไม่คบใครก็ได้ทั้งนั้น ป้าไม่ว่า ยกเว้นไว้คนเดียวคือประธาน”
“เหตุผลคืออะไรคะ”
“เพราะหนูเป็นหลานของป้า! หนูจะยุ่งเกี่ยว มีผู้ชายคนเดียวกับป้าไม่ได้”
โสภิตพิไลตอกกลับในท่าทีเย้ยหยัน “ถ้าอย่างนั้น คุณป้าคงต้องจาระไนให้หนูฟังแล้วล่ะค่ะ ว่าคุณป้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนไว้บ้าง ไม่อย่างนั้น หนูคงคบกับใครไม่ได้เลยทั้งเมือง”
สาสุดทน ด้วยความลืมตัว ตบปากโสภิตพิไลไปหนึ่งฉาด!
โสภิตพิไลโกรธ “คุณป้า”
สาได้สติว่าทำรุนแรงเกินไป “หนู”
“อย่ามาแตะต้องตัวหนู!”
โสภิตพิไลปัดมือสาออก แล้วหันไปหาประธาน
“ช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่ที่เถอะค่ะ”
ประธานพาโสภิตพิไลออกไป
สาได้แต่ยืนร่ำไห้ มองมือตัวเอง ด้วยความเสียใจ
ตุ่นนั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ในครัว หน้าเศร้า ละมัยถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ เข้ามา
“คุณสาเป็นไงมั่ง”
“เรียกหาสก็อตช์โซดาแต่หัววันเลย ฉันบอกว่าโซดาหมดเท่านั้น เอาของขว้างออกมา หลบแทบไม่ทัน”
“เฮ้อ...เอาน้ำเหล้าดับทุกข์ มันจะดับได้ยังไง้” ละมัยถอนใจ “เอ็งก็คอยดูๆ ไว้หน่อยแล้วกัน เวลาคุณสาแกกินเหล้าทีไร แกเมาจนหมดรูปทุกที”
ตุ่นมองที่กระเป๋า “นี่ป้าจะไปไหน”
“ไปบวชหลานที่อุทัยไง ลาคุณสาเธอเอาไว้ตั้งนานแล้ว...อยู่บ้านก็ช่วยดูแลด้วยล่ะ อย่าเอาแต่นอน”
“จ้ะๆ”
สองคนได้ยินเสียงรถ ตุ่นลุกพรวด
ละมัยแปลกใจ “เสียงรถไม่คุ้นเลย ไปดูสิ ใครมา”
สาตาฉ่ำเยิ้ม นั่งระทวยอยู่ที่โซฟา ห่างออกไปมีขวดแก้วเจียรนัยใส่เหล้าใสเหมือนน้ำเปล่า แก้ว และโถน้ำแข็ง สารินของเหลวใสนั้นลงในแก้ว ยกดื่มหมดรวดเดียวพูดกับตัวเอง
“ป้าขอโทษ โสภิต ป้าขอโทษ”
ละมัยย่องเข้ามา “คุณสาคะ”
สาดื่มเหล้าต่อ ครวญคร่ำ ไม่สนใจ “ไม่น่าเลย ทำไม”
“คุณสาขา”
สากินเหล้าต่อ “ทำไมๆๆ”
ละมัยเรียกเสียงดัง “คุณสาคะ” สาสะดุ้ง “มีแขกมาหาค่ะ”
สาหันไป ปาหมอนอิงใส่ละมัย “แขกเขิกอะไร ไล่ออกไปให้หมด วันนี้ฉันไม่รับแขก”
“แต่แขกเขาบอกว่า เขามาจากบ้านรวีวารนะคะ” ละมัยบอก
“บ้านรวีวาร!...คุณชาย”
สาดีใจ นึกว่าคุณชายรวีมา รีบลุกถลาออกไปทันที ละมัยเอ้ออ้า เตือนไม่ทัน
สาหน้าแดงก่ำ ผมสยาย ท่าทางบอกชัดว่ากินเหล้าเข้าไปไม่น้อย วิ่งออกมาด้วยความดีใจ
“คุณชายคะ”
สาหยุดชะงัก เหมือนขาสองข้างถูกตรึงเอาไว้กับพื้น เมื่อเห็นในห้องโถง มีร่างของหญิงกลางคนท่าทางสง่าสมวัยคนหนึ่ง ยืนหันหลังอยู่แม้เห็นแค่ด้านหลัง สาก็ไม่มีวันลืม หญิงคนนั้นค่อยๆ หันหน้ามาอย่างช้าๆ
สาตัวสั่นสะท้าน ขาสั่น ปากสั่น “หม่อม”
“ข้าเอง อีสา” หม่อมพริ้มพูดด้วยเสียงเยียบเย็นทรงอำนาจ
เพียงเท่านั้น ร่างอีสาก็ทรุดลงกับพื้นหมอบนิ่ง เหมือนสมัยเป็นข้ารับใช้ที่วังรวีวารไม่ผิดเพี้ยน
หม่อมพริ้มมองสาที่นั่งหมอบกราบอยู่กับพื้นนิ่งๆ อึดใจหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้น
“ลุกขึ้นมาเถอะ อีสา ที่นี่บ้านเอ็ง ไม่ใช่บ้านข้า”
สามองหม่อมพริ้มอย่างเกรงๆ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
“เชิญหม่อมนั่งก่อนค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก ข้ามีธุระจะพูดกับเอ็งแค่สองสามคำเท่านั้น...เรื่องชายรวี” สาอึ้งๆ “เอ็งพบคุณชายแล้วนี่ ใช่ไหม”
“ค่ะ หม่อม...คุณชายทั้งดี ทั้งงาม...หม่อมเลี้ยงคุณชายมาได้ดีเหลือเกินค่ะ” สาพูดจากหัวใจ
“ใช่! ข้าถึงยอมไม่ได้ถ้าหากเอ็งจะทำลายอนาคตของเขา” สาตกใจ หม่อมใส่ไม่ยั้ง “เอ็งเสนอหน้าออกมาแบบนี้ ถ้าหากใครรู้ว่าชายรวีเป็นอะไรกับเอ็ง อนาคตของเขาก็คงพังพินาศไม่มีเหลือ”
สาเสียใจ “แต่สาก็ไม่เคยคิดจะบอกใครเลยนะคะหม่อม”
“เอ็งแน่ใจนะ” หม่อมพริ้มจ้องตาสาแน่วนิ่งจริงจัง “เอ็งสาบานได้ไหม ว่าเอ็งจะไม่มีวันปริปากบอกใคร ว่าเอ็งเป็นอะไรกับชายรวี”
“ให้สาตกตายไปตรงนี้เลยค่ะหม่อม...สารู้ตัวดี ว่าสาเลวทรามต่ำช้าแค่ไหน สาไม่เคยคิดจะดึงให้คุณชายลงมาแปดเปื้อนแม้แต่น้อย” สารทรุดตัวลงนั่งพนมมือไหว้ “แต่สาขอความกรุณา ให้สาได้เห็น ได้รัก ได้อยู่ใกล้ๆ คุณชายบ้างพอให้ชื่นใจ...ได้ไหมคะหม่อม”
หม่อมพริ้มมองสาอย่างเข้าใจ เห็นใจ แล้วตัดใจตอบอย่างเด็ดขาด
“ถ้าเอ็งรักชายรวีจริงอย่างปากว่า เอ็งควรจะอยู่ให้ห่าง อย่าหาว่าข้าใจดำเลยนะ อีสา แต่ที่ผ่านมามีใครอยู่กับเอ็งแล้วได้ดีมีสุขบ้าง” สาอึ้ง “ผู้หญิงกาลกิณีอย่างเอ็ง มีแต่พาคนอื่นตกต่ำระยำยับไป” พอเห็นว่าอยู่กันสองคน จึงลดเสียงลง พูดอย่างจริงจัง “ถ้ารักลูก ก็อยู่ให้ห่างอย่าไปยุ่งกับเขา...ข้าขอ”
หม่อมพริ้มพูดจบก็หันหลังเดินออกไปทันที สาน้ำตาไหลริน ร้องไห้สะอึกสะอื้นฟุบอยู่ที่พื้นนั่นเอง
ขณะเดียวกัน ที่ถนน นอกเมือง บรรยากาศสวยงามสดใส เป้าที่กระป๋องนมถูกกระสุนปืนยิงกระเด็น เปรี้ยง!
ประธานพาโสภิตพิไลมายิงปืนระบายอารมณ์อีก แต่โสภิตพิไลยิงไปแค่สองนัด ก็วางมือ
“ไม่สนุกแล้ว?”
โสภิตพิไลเอาปืนคืนให้เซ็งๆ ทั้งเสียใจ ทั้งรู้สึกผิดที่พูดกับสาไม่ดี
“ฉันไม่น่าพูดกับคุณป้าอย่างนั้นเลย ท่านคงโกรธฉันมาก”
“คุณอุษารักคุณจะตาย คุณกลับไปขอโทษคำเดียวก็หาย...แต่ผมสิ” ประธานหัวเราะแค่นๆ
“แล้วคุณไปพูดกับคุณป้าแบบนั้นทำไม”
“ก็ผมชอบคุณจริงๆ”
โสภิตพิไลมองหน้าประธาน เห็นสีหน้าเขาจริงจัง ก็รู้สึกตกใจ
“จะบ้าเหรอ ฉันเป็นหลานคุณป้านะ”
“คุณไม่ได้เป็นอะไรกับเขา”
“เขาเลี้ยงฉันมา...ยังไงมันก็ผิดผิดมาก”
ประธานดึงตัวโสภิตพิไลเข้ามาจนชิด จ้องตา
“ผิดถูกลืมมันไปก่อน...มองตาผม แล้วบอกผมซิว่า คุณรู้สึกยังไง”
โสภิตพิไลใจสั่น ประธานจะจูบ โสภิตพิไลรวบรวมกำลังใจผลักประธานสุดแรง แล้ววิ่งหนี
โสภิตพิไลวิ่งหนีประธานลงไปที่ทุ่งหญ้าข้างทาง ประธานวิ่งตาม
“โสภิตพิไล หยุดนะ จะไปไหน”
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
“ผมบอกให้หยุด”
โสภิตพิไลวิ่งไป แล้วสะดุดล้ม ข้อเท้าแพลง
“โอ้ย”
ประธานเดินมาจนทัน โสภิตพิไลทั้งกลัวทั้งหวั่นไหว
“ไปซะ อย่ามายุ่งกับฉัน”
ประธานลงนั่ง เอื้อมมือมาจับข้อเท้าที่เจ็บของโสภิตพิไล แล้วยิ้มอย่างเหนือกว่า
“อย่าหนีผมเลย แม่หนูน้อย”
เย็นจวนค่ำ ไนต์คลับยังไม่เปิดให้บริการ เพ็ญศรียืนคุมพนักงานจัดโต๊ะ ทำความสะอาดร้านอยู่
สาปล่อยผมสยาย แต่งตัวลวกๆ เดินเข้ามาหาเพ็ญศรีด้วยหน้าตาร้อนรน
“อ้าว คุณสามาแต่วัน”
สาตัดบทอย่างคนร้อนใจ “ประธานมาที่นี่หรือเปล่า เพ็ญ”
“เปล่านี่คะ นี่เพิ่งหกโมง”
สายิ่งร้อนใจ แทบจะกรี๊ด “แล้วไปไหนเนี่ย ไปดูที่บ้านก็ไม่อยู่”
เพ็ญศรีเห็นอาการร้อนรนของสา มั่นใจว่ามีเรื่องแน่
“คุณสา .. พี่ประธานก่อเรื่องอะไรหรือคะ”
สองคนอยู่ในห้องทำงานของสาวด้วยกัน สาบอกกับเพ็ญศรีอย่างกลัดกลุ้มสุดขีด
“ประธานเอาตัวโสภิตไป”
เพ็ญศรีตกใจ “ตายจริง!”
“พาไปตั้งแต่บ่าย ไปไหนก็ไม่รู้ ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะทำอะไรโสภิตหรือเปล่า”
เพ็ญศรีเองก็นึกกลัว แต่ก็พยายามปลอบใจ “แกคงไม่กล้าหรอกค่ะ”
“น้อยไปสิ” ยิ่งคิดสาก็ยิ่งแค้น “มันถึงกับกล้าขอฉันคบกับโสภิต...คนสารเลว ฉันไม่น่าให้โสภิตมาเจอกับคนพรรค์นี้เลย”
“ทำไงได้ล่ะคะ เราก็หากินอยู่กับคนพรรค์นี้ทั้งนั้น”
สาคิดไปคิดมา แล้วพูดขึ้น
“พอกันที...เพ็ญ ไปตามพนักงานทุกคนมา ฉันจะเลิกทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้แล้ว”
สาตัดสินใจเด็ดขาด ในท่าทีอันเด็ดเดี่ยว
อ่านต่อหน้า 3
อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 26 (ต่อ)
ไม่นานต่อมา สายืนเด่นอยู่กลางบันได ประกาศกับทุกคนที่รายล้อมอยู่ เสียงแข็งกร้าวมาดเจ้าแม่
“ฉันจะปิดอุษาวดีไนต์คลับ”
ทุกคนรวมทั้งเพ็ญศรีตกใจกันทั้งแถบ
“อะไรนะ คุณอุษา”
พนักงานบ้างอึ้ง บ้างบ่นกันพึมพำ มีพวกนางโชว์ที่ออกอาการฮึดฮัดไม่พอใจมากกว่าคนอื่น
“ฉันตัดสินใจแล้ว” สาสั่งเฉียบขาด “ปิดวันนี้เลย เพ็ญจ่ายเงินเดือนล่วงหน้าให้ทุกคนสองเดือนแล้วให้กลับบ้านไปได้”
“เดี๋ยว คุณอุษา นึกจะปิดก็ปิดแบบนี้ พี่ประธานรู้หรือยัง” นางโชว์ 1 ท้วง
สาหันขวับไปใส่ ไม่พอใจ “นี่มันคลับของฉัน”
นางโชว์ 1 ขัดขึ้นอีก “พี่ประธานไม่ยอมแน่ๆ”
“เดี๋ยวๆ ทุกคนใจเย็นก่อน”
พวกนางโชว์ไม่ยอม พากันโวยวายเสียงขรม
“ไปตามพี่ประธานมาดีกว่า” / “พี่ประธานไม่ยอมแน่” / “ใช่ๆๆๆ แล้วนี่พี่ประธานไปไหน”
สาตวาดแว้ด “หุบปากนะ” ทุกคนเงียบ ตกใจ “ประธานมันหายหัวไปแล้ว ฉันกำลังตามหามันอยู่ ถ้ามีใครรู้ว่าไอ้คนทรยศมันไปหลบอยู่ที่ไหน ก็ช่วยบอกด้วย…ฉันจะได้ไปฆ่ามัน”
สาพูดไปด้วยความแค้นเพ็ญศรีพยายามปลอบใจ
ค่ำแล้วขณะที่รถประธานแล่นเข้ามาจอดในบ้านตุ่นปิดประตู
ประธานลงไปเปิดประตูให้โสภิตพิไลที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ในรถ เห็นว่าประธานพกปืนอยู่ด้วย
“ถึงบ้านแล้ว”
ประธานทำท่าจะอุ้ม โสภิตพิไลบอกปัดทันที
“ไม่ต้อง! ฉันเดินเองได้”
“อวดเก่ง” ตุ่นเดินมาพอดี ประธานหันไปบอก “ตุ่น คุณหนูหกล้ม ขาแพลงช่วยพาขึ้นไปข้างบนหน่อย”
“ค่ะ”
ตุ่นช่วยประคองโสภิตพิไลที่ขาเจ็บออกจากรถ โสภิตพิไลวางใจขึ้น ประธานเดินตาม ยิ้มๆ
ตุ่นกับประธานพาโสภิตพิไลไปนั่งพักที่เตียง
โสภิตพิไลบอกกับประธาน “คุณออกไปได้”
ประธานยิ้ม แล้วเดินกลับไปที่ประตู
“วันนี้น้ามัยไม่อยู่ คุณหนูจะเอาอะไร เรียกตุ่นนะคะ” ตุ่นบอกโสภิตพิไล ประธานได้ยิน
“จ้ะ” โสภิตพิไลพยักหน้ารับ ตุ่นออกไป
ต่อมาไม่นาน ประธานยืนอยู่ที่ตู้ยาชั้นล่าง หน้าตามีแผนบางอย่าง ตุ่นเดินลงมา ประธานหันไปบอกกับตุ่น
“ยาแก้ปวดแก้ไข้ไม่มีเหรอ ตุ่น”
“คุณไม่สบายเหรอคะ”
“เปล่า แต่คุณหนูโสภิตข้อเท้าแพลง น่าจะต้องกินยากันไว้หน่อย” ประธานควักเงิน “เอางี้ ตุ่นออกไปซื้อไป”
“น้ามัยสั่งให้หนูเฝ้าบ้านค่ะ”
“แค่ปากซอยนี่เอง บ้านไม่ต้องห่วง ฉันเฝ้าให้” ประธานหยิบเงินให้อีก “ฉันให้ค่าเหนื่อย เอ้า”
ตุ่นออกอาการลังเล
สาเข้ามาในห้องทำงาน เดินไปโทรศัพท์ หมุนหมายเลขโทร.ออก เป็นเบอร์บ้าน
โทรศัพท์ที่บ้านสาดัง กริ๊งเดียว ก็เห็นมือประธานยกหูขึ้นมา
สารีบพูด “ตุ่น นี่ฉันเองนะ คุณหนูกลับมาหรือยัง”
ประธานยิ้มร้าย แล้ววางหูลงดังกริ๊ก สาขัดใจ
“ตุ่น...ตุ่น” สาโมโห “รับแล้วไม่พูด เป็นบ้าอะไร”
สากดโทร.อีกที แล้วต้องแปลกใจ ที่ไม่มีสัญญาน
ที่แท้ประธานดึงสายโทรศัพท์ออก ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน
โสภิตพิไลนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง หน้าเครียดหนัก ทั้งกลุ้มใจ สับสน ประตูเปิดออกเห็นประธานเดินเข้ามา โสภิตพิไลตกใจ
“เข้ามาทำไม”
ประธานผมไม่เชื่อ ว่าที่ผ่านมา คุณไม่รู้สึกอะไรกับผม
โสภิตพิไลออกอาการกลัว “ออกไป”
ประธานเดินกรายเข้ามาที่เตียง “คุณปฏิเสธผม เพราะคุณเกรงใจคุณอุษา”
โสภิตพิไลขยับตัวหนีไปอีกด้านของเตียง “ฉันไม่ได้ชอบคุณ”
ประธานฉุนขึ้นเสียง “โกหก!”
โสภิตพิไลสวนคำ “ฉันไม่เคยชอบคุณเลย รังเกียจด้วยซ้ำ”
คราวนี้ประธานไม่พอใจ “แล้วที่ผ่านมาแปลว่าอะไร” เขาเดินเข้าหา โสภิตพิไลขยับหนี “คุณหลอกใช้ผมเหรอ ปั่นหัวผมเล่นหรือยังไง”
“ฉันเปล่า” ประธานคว้าตัวได้ โสภิตพิไลกรี๊ด “อ๊าย...ปล่อยฉัน” แล้วตะโกนเรียก “ตุ่น! ตุ่น!”
ประธานเอามือปิดปาก “ตุ่นไม่อยู่ ตอนนี้ มีแค่เราสองคนเท่านั้นแหละ โสภิต”
ขาดคำประธานปล้ำจูบโสภิตพิไลอย่างหื่นหิว โสภิตพิไลดิ้นรนสุดชีวิต มือไปโดนปืนที่เอวประธาน โสภิตพิไลกระชากมา แล้วผลักประธานเต็มแรง พร้อมกับเล็งปืนใส่
“อย่านะ อย่าเข้ามา ฉันยิงจริงๆ ด้วย”
ประธานยิ้มหยันไม่กลัวสักนิด
ตุ่นเดินกลับมาถึงหน้าประตูบ้าน ในจังหวะที่สาขับรถเข้ามาจอดพอดี พอเห็นเป็นตุ่น สารีบลงมาโวยทันที
“ตุ่น ฉันโทรมาทำไมไม่พูด แล้วนี่ไปไหนมา”
“ไปซื้อยาให้คุณหนูค่ะ”
สาดีใจ “โสภิตกลับมาแล้วเหรอ” คว้าถุงยามา เปิดถุงกระดาษน้ำตาลดู “คุณหนูเป็นอะไร”
“ข้อเท้าแพลงค่ะ คุณประธานเลยใช้หนูออกไปซื้อยา”
สาเอะใจในวินาทีนั้น เปิดประตูเล็กวิ่งถลาเข้าไปในบ้านทันที
โสภิตพิไลขาเจ็บ เดินไม่ถนัดนัก ยังคงเล็งปืนไปที่ประธาน
“ออกไป ไม่งั้นฉันจะยิงคุณ”
ประธานเย้ย “กล้าเหรอ”
ประธานมองประเมินค่อยๆ ดูเชิงอย่างระมัดระวัง เพื่อหาทางแย่งปืน
“ยิงคนมันไม่เหมือนยิงกระป๋องนะ หนูน้อย”
โสภิตพิไลมือสั่นเห็นชัด กลัวแต่ฮึดสู้ “ฉันยิงได้ก็แล้วกัน”
ประธานยิ้มข่มขวัญ “จะยิงได้ยังไง ในเมื่อปืนมันไม่มีลูก”
โสภิตพิไลตกใจ เผลอมาสนใจที่ปืนในมือ ประธานฉวยโอกาสพุ่งเข้าใส่ แย่งปืน โยนทิ้งไปอีกทาง แล้วกอดโสภิตพิไลเอาไว้แน่น
“ปล่อยนะ ปล่อย”
“ผมไม่ใช่ผู้ชายแบบที่คุณจะปั่นหัวเล่นได้...” เพลย์บอยคราวพ่อจับคางเด็กสาวเชิดขึ้นมา “คุณเป็นคนจุดไฟ คุณต้องเป็นคนดับมัน!”
ประธานอุ้มโสภิตพิไลโยนลงไปบนเตียง แล้วปล้ำจูบ
ประตูห้องเปิดผางออก สาถลาเข้ามา พร้อมๆ กับเสื้อตัวนอกของโสภิตพิไลลอยหวือมาตกที่ตรงหน้าสา
“ประธาน!” สาแผดเสียงก้อง
ประธานหันขวับมา ตกใจ โสภิตที่อยู่ในเสื้อซับในกรีดร้อง
“คุณสา”
“คุณป้า ช่วยหนูด้วย”
สาพุ่งเข้ามาด้วยความโกรธ ตาวาววับราวกับเสือแม่ลูกอ่อน แล้วเท้าบังเอิญไปเตะปืนที่ตกอยู่ที่พื้น สาก้มดูหยิบขึ้นมา
ประธานตาเหลือก “คุณสา!”
สาหน้ามืด หูอื้อด้วยความโกรธสุดขีด กระหน่ำยิงประธาน ปังๆๆๆๆ จนหมดกระสุน
ร่างประธานหล่นลงไปกองกับพื้น เลือดท่วมตัว ไหลรินรดพื้นอย่างน่ากลัว
โสภิตพิไลตะลึง อยู่บนเตียง สายืนนิ่งขึง
ตุ่นได้ยิยเสียงปืน วิ่งขึ้นมาดูเห็นร่างประธานจมกองเลือด มีสายืนถือปืนอยู่ ตุ่นตกใจ ร้องกรี๊ด แล้ววิ่งหนีไป
โสภติพิไลค่อยๆ ได้สติ
“คุณป้า”
สาทิ้งปืน เดินเข้ามากอดโสภิตพิไล
“ไม่เป็นไรแล้วนะลูกนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
สากอดโสภิตพิไลแน่นอย่างปกป้อง มองไปที่ศพประธาน แทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองเป็นคนทำ
ไม่นานต่อมาเจ้าหน้าที่ขนศพประธานออกจากบ้านเพื่อไปชันสูตร สานั่งนิ่ง ตาแข็งอยู่ในห้อง โสภิตพิไลที่สวมเสื้อเรียบร้อยนั่งอยู่ข้างๆ
ตำรวจเดินมาหา “ผมขอควบคุมตัวคุณอุษาวดีไปดำเนินคดี ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาส่วนคนอื่น ในบ้าน ผมขอเชิญไปให้การ”
สารีบขัดทันที “ไม่มีใครรู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
“คุณป้าคะ”
สามองโสภิตพิไล พูดจริงจังมาก “มันเป็นเรื่องของป้ากับประธาน หนูไม่เกี่ยว ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” แล้วละสายมาทางตุ่น “เด็กในบ้านก็เหมือนกัน เขาไม่อยู่บ้าน ตอนที่เกิดเรื่อง”
โสภิตพิไลกับตุ่นอึกอัก
ตำรวจบอก “ถึงยังไงก็ต้องไปให้การครับ”
สามองหน้าโสภิตพิไลสบตา พูดหนักแน่น
“หนูไม่รู้ ก็บอกว่าไม่รู้...เข้าใจไหม”
โสภิตพิไลเข้าใจความต้องการของสา ว่าต้องการปกป้องตัวเอง ถึงกับน้ำตาคลอ
“ค่ะ คุณป้า”
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ คุณตำรวจ”
ตำรวจจะพาตัวสาไป โสภิตพิไลลุกขึ้น
“คุณป้าขา…”
สาชะงัก โสภิตพิไลวิ่งเข้าไปกอดสา ร้องไห้
“หนูขอโทษ หนูเสียใจ”
สากอดตอบโสภิตพิไล ยิ้มทั้งน้ำตา
เป็นเวลากลางดึก มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความมืดและเงียบสงัด ของตำหนักขาว
ชายรวีอ่านหนังสืออยู่ในชุดนอน ได้ยินเสียงโทรศัพท์ แปลกใจ มองดูนาฬิกาที่โต๊ะ เห็นเป็นเวลา
สี่ทุ่มกว่า
“ใครโทรมาดึกดื่นป่านนี้”
ไฟห้องโถงเปิดสว่างขึ้น เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่ และปลุกให้หม่อมพริ้ม และหญิงจ้อย เดินออกมา
“ใครโทรศัพท์มากลางดึกกลางดื่น หญิงจ้อย มีเรื่องอะไร”
“เดี๋ยวหญิงพูดกับเขาเองค่ะ”
ชายรวีเดินออกมาจากห้องพอดี
“ผมรับเองครับ พี่หญิง” คุณชายรับสาย “บ้านรวีวารครับ”
เป็นโสภิตพิไลที่โทร.มาจากบ้านสา เด็กสาวยังร้องไห้ไม่หยุดขณะพูดสาย
“คุณชายรวีช่วงโชติใช่ไหมคะ”
“ครับ...นั่นใครครับ”
“ฉันโสภิตพิไลค่ะ หลานป้าอุษา” เด็กสาวสะอื้นอีก “ฉันขอโทษที่โทรมารบกวน แต่ฉัน...ฉันไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว”
ชายรวีปลอบ “ใจเย็นๆ ก่อนครับ ค่อยๆ พูด...ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือครับ”
“คุณป้า” โสภิตพิไลอัดอั้นร้องไห้โฮ “คุณป้าฆ่าคนตายค่ะ”
ชายรวีตกใจ “อะไรนะ! คุณอุษาฆ่าคนตาย!”
หม่อมพริ้มกับหญิงจ้อยได้ยินชัดเจน ตกใจสุดขีด
“คุณพระ!” หม่อมอุทาน
อ่านต่อหน้า 4
อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 26 (ต่อ)
กลางดึกคืนนั้น สานั่งอยู่ในห้องที่โรงพักกับพนักงานสอบสวน เป็นสารวัตรท่าทางใจดี พูดกับสาอย่างสุภาพ
“คุณยิงนายประธานใช่ไหม”
“ค่ะ”
“เพราะอะไร”
“เราทะเลาะกันค่ะ เขาทำให้ฉันโมโห”
“เรื่องอะไร ที่ทำให้คุณโมโหได้ขนาดนั้น” สานิ่ง “เงินทอง...ชู้สาว”
“ฉันจำเป็นต้องบอกด้วยหรือคะ”
“จำเป็นครับ เพราะมันจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสิน ว่าการที่คุณยิงนายประธานจนเสียชีวิต มันมีความจำเป็นแค่ไหน”
สายังคงนิ่งไม่ยอมปริปากใดๆ
การสอบปากคำผู้ต้องหาเสร็จลงไม่นาน ตำรวจคุมตัวสามาส่งที่ห้องขัง สารวัตรสอบสวนตามมาด้วย โสภิตพิไลที่รออยู่เข้ามาหา
“ขอฉันพูดกับคุณป้าสักครู่ได้ไหมคะ”
“เชิญ...แล้วถ้าจะให้ดี ช่วยพูดกับคุณป้าของคุณที ว่าควรจะพูดความจริงให้หมด อย่าปิดบังมันไม่มีประโยชน์อะไร” สารวัตรบอก
โสภิตพิไลหน้าเสีย ตำรวจและสารวัตรเดินออกไป
โสภิตพิไลหันไปหาสา ที่อยู่ในห้องขัง
“คุณป้า...เป็นยังไงบ้างคะ”
“ป้าไม่เป็นไร หนูล่ะ ตำรวจเขาว่ายังไงบ้าง”
“ตำรวจเขาเรียกหนูไปถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น…”
สารีบสวนออกมา “หนูบอกตามที่ป้าสั่งหรือเปล่า บอกเขาไปว่าป้าทะเลาะกับประธานหนูไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
โสภิตพิไลแปลกใจไม่หาย “ทำไมคุณป้าไม่ให้หนูพูดความจริงคะ”
“เพราะถ้าเรื่องนี้แดงออกไป คนจะเก็บเอาไปครหานินทาไม่จบไม่สิ้น...หนูยังเด็ก หนูไม่รู้หรอกว่าคำพูดร้ายๆ มันทำลายชีวิต ทำลายอนาคตของคนได้ขนาดไหน หนูทำตามที่ป้าบอกน่ะดีแล้ว”
“หนูให้คุณป้าลำบากเพราะหนูไม่ได้หรอกค่ะ หนูจะช่วยคุณป้า” เด็กสาวบอกในท่าทีเด็ดเดี่ยว
สาฟังแล้วชื่นใจ “โสภิต...”
“คุณป้ามีบุญคุณกับหนู หนูต้องตอบแทน หนูจะช่วยคุณป้าให้ได้ค่ะ”
โสภิตพิไลพูดอย่างเคร่งขรึมจริงจัง
สายิ้มรับเศร้าๆ ในใจอยากได้ยินว่าโสภิตพิไลทำเพราะรัก มากกว่าตอบแทนบุญคุณ
วันต่อมาทนายอนุกรเดินขึ้นมาบนโรงพักแต่เช้า เข้าพบตำรวจเวร
“ผมขออนุญาตพบคุณอุษาวดี อิสระ ครับผมเป็นทนายของเธอ”
“สักครู่ครับ”
ตำรวจพาสาเดินออกมาหาอนุกร ที่รออยู่ที่ห้องสอบสวน
“คุณอุษาวดี” อนุกรทัก สาทำหน้าฉงนอาการว่าคุ้นๆ แต่นึกไม่ออก “ผมชื่ออนุกรครับ คุณชายรวีให้ผมมาช่วยเป็นทนายให้คุณอุษา”
“คุณชายรู้เรื่องดิฉันแล้วหรือคะ” สาแปลกใจ
อนุกรยิ้ม “ครับ คุณชายฝากบอกว่า ให้ผมช่วยคุณอุษาให้สุดความสามารถเชิญนั่งครับ ผมมีเรื่องอยากจะถามหลายเรื่อง”
สาลงนั่ง อนุกรเปิดสมุดบันทึก เริ่มคุยกัน
ชายรวีถามอนุกรทันทีเมื่อเขากลับมาถึงกระทรวง
“เป็นยังไงบ้างอนุกร”
อนุกรทำสีหน้าหนักใจ “ก็ลำบาก...คุณอุษาแกรับสารภาพไปแล้ว ว่าทำผิดจริง ก็ถือเป็นข้อดีที่รับสารภาพ แต่แม่เจ้าประคุณก็เล่นกระหน่ำยิงนายประธานซะจนพรุน”
ชายรวีพลอยหนักใจไปด้วย “มันก็ออกจะโหดเหี้ยมเอาการอยู่ นอกจากจะมีเหตุผลอันสมควร...แล้วคุณอุษาไม่บอกหรือ ว่าอะไรทำให้แกโกรธได้ขนาดนั้น”
อนุกรส่ายหัว “ไม่บอก ผมแน่ใจนะ ว่าคุณอุษาแกปกปิดอะไรบางอย่างเอาไว้ และเรื่องนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับเด็กที่ชื่อโสภิตพิไล”
ด้านโสภิตพิไลมาเยี่ยมสาที่ห้องฝากขังพร้อมกับปิ่นโตในมือ “หนูเอาอาหารมาให้คุณป้าค่ะ”
“วันหลังไม่ต้องหรอกนะโสภิต ลำบากเปล่าๆ”
“ไม่ลำบากหรอกค่ะ หนูเต็มใจ” โสภิตพิไลมองหน้าสา ออกอาการหนักใจ “คุณทนายบอกหนูว่าคุณป้าไม่ยอมพูดความจริงกับเขา”
“ป้ายอมรับผิดไปแล้ว จะเอาอะไรอีก”
“แต่คุณป้าจะโดนลงโทษหนัก ถ้าหากเขาคิดว่าคุณป้าฆ่านายประธานเพราะหึงหวง”
“ป้าไม่ได้พูดอย่างนั้น”
“ตำรวจเขาคิดเองได้ค่ะ คุณป้ายิงนายประธานในห้องหนู ทุกคนเขาก็รู้กระทั่งหนังสือพิมพ์ยังเอาไปลง ว่าเป็นปมเรื่องชู้สาว”
สาเจ็บใจ “ทุเรศ”
ตำรวจพาเพ็ญศรีเข้ามาพอดี เพ็ญศรีร้องทัก “คุณสา”
“เพ็ญ”
“คุณสาเป็นยังไงบ้างคะ ฉันเพิ่งจัดการเรื่องที่ไนต์คลับเสร็จค่ะ เลยมาช้าไปหน่อย ตำรวจเขาเรียก พนักงานไปสอบสวนเรียงตัวเลย”
สาฉงน “สอบสวนพวกที่คลับ? เรื่องอะไร?”
“เรื่องคุณกับพี่ประธานน่ะสิคะ...ตำรวจเขาสันนิษฐานว่าคุณโกรธที่พี่ประธานนอกใจ เลยคิดจะฆ่า อีพวกนั้นมันโกรธที่คุณปิดไนต์คลับ เลยใส่ไฟกันใหญ่มันบอกว่าคุณแค้นที่พี่ประธานไปชอบโสภิต คุณลั่นปากจะฆ่าพี่ประธานให้ได้”
โสภิตพิไลตกใจ “คุณป้าพูดอย่างนั้นจริงๆ หรือคะ”
“มันหลุดปากไปน่ะ” สาบอก
“ก็นั่นล่ะ ตำรวจเขาเลยเอามาผูกเป็นเรื่องเป็นราว ว่าคุณตั้งใจจะฆ่าพี่ประธานอยู่แล้ว...ท่าทางคุณสาจะลำบากแน่ค่ะ”
สาหนักใจ เรื่องดูจะยุ่งยากกว่าที่คิด
เย็นวันเดียวกัน ที่ด้านหน้าตำหนักขาว หญิงจิ๋มเดินลิ่วเข้ามาหน้าตึงเปรี๊ยะด้วยอาการร้อนใจ ในมือมีหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้เจอหวนผ่านมาพอดี
“อ้าว คุณหญิงจิ๋ม”
“หม่อมแม่อยู่ที่ไหน หวน”
หม่อมพริ้มเดินออกมาพอดี “แม่อยู่นี่ มีเรื่องอะไรหรือ หญิง”
หญิงจิ๋มชูหนังสือพิมพ์ “หม่อมแม่เห็นหนังสือพิมพ์ฉบับบ่ายนี้หรือยังคะ อีสามันทำงามหน้าอีกแล้ว!”
หวนกับหม่อมพริ้มตกใจ
หญิงจิ๋มอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ให้หม่อมพริ้มฟัง เสียงเดือดดาลสุดขีด หวนฟังอยู่ด้วย
“กลางดึกเมื่อคืนนี้ เสียงปืนดังขึ้นที่บ้านของนางอุษาวดี อิสระ เจ้าของไนต์คลับอุษาวดี จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ปรากฏว่า นางอุษาวดีได้ใช้ปืนกระหน่ำยิงนายประธาน เทวา ผู้เป็นหุ้นส่วน เข้าที่ทรวงอกและหัวใจหลายนัด จนสิ้นใจคาที่ สาเหตุของการยิงครั้งนี้ นางอุษาวดีให้การว่ามีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จนบันดาลโทสะระงับไม่อยู่ ซึ่งสาเหตุของการทะเลาะวิวาทนั้น น่าจะมาจากการหึงหวงกัน...” คุณหญิงหยุดอ่านเท่านั้น “ดูสิคะ หม่อมแม่ ดูอีสามันทำ”
หม่อมพริ้มถอนใจ “อายุจนป่านนี้แล้ว มันก็ยังหายใจเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆ ทำไมถึงได้ไม่รู้จักอิ่มจักพอเสียทีก็ไม่รู้”
“คนมักมากอย่างมัน หญิงนึกอยู่แล้ว ว่าต้องมีจุดจบไม่ดี แต่นึกไม่ถึง ว่าจะเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั้งเมืองอย่างนี้”
หวนบ่น “กะอีแค่คนยิงกันก็ต้องลงข่าว อีสามันไม่ใช่คนใหญ่คนโตซะทีไหน”
หญิงจิ๋มเยาะหยัน “อุ๊ย ไม่ต้องเป็นคนใหญ่คนโตหรอกหวน ไอ้เรื่องชู้สาวคาวโลกีย์แบบนี้หนังสือพิมพ์ชอบนักล่ะ ตีข่าวกันไม่เลิกแน่” แล้วหันมาพูดกับหม่อมพริ้ม “หญิงละกลัวจริงๆ ค่ะ กลัวจะมีคนสาวประวัติมัน...สาวไปสาวมา คนจะรู้ว่ามันเคยเป็นหม่อมของท่านพ่อ”
หม่อมพริ้มกังวล “ขออย่าให้ไปถึงขั้นนั้นเลย ถ้าราชสกุลรวีวารจะต้องไปแปดเปื้อนกับเรื่องอย่างนี้ แม่คงไปสู้หน้าใครไม่ได้”
“แล้วถ้ารู้ไปถึงคุณชาย ว่าอีสาเคยเป็นหม่อมของท่านพ่อมิยุ่งกันใหญ่หรือคะหม่อม”
หม่อมพริ้มชะงัก มองหน้าหวน เห็นจริงด้วย
หญิงจิ๋มจะกลับ หม่อมพริ้มเดินคุยไปด้วย
“ช่วยหน่อยเถอะหญิง ทำยังไงก็ได้ อย่าให้พระนามของท่านพ่อต้องมาอยู่ในข่าวอื้อฉาวแบบนี้เลย”
“หญิงจะคุยกับคุณปวุติดูค่ะ ลูกเขยของหม่อมแม่เขากว้างขวาง รู้จักกับพวกคนหนังสือพิมพ์อยู่บ้าง คงจะพอพูดกันได้ไม่ให้ขุดคุ้ยพาดพิงมาถึงรวีวารของเราหญิงช่วยได้แค่เรื่องหนังสือพิมพ์เท่านั้น แล้วเรื่องชายรวี หม่อมแม่จะทำยังไงคะ”
“แม่จะหาทางพูดกับเขาเอง ไม่ให้ไปยุ่งกับอีสามัน”
ขณะที่ชายรวีนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องนอน มีเสียงเคาะประตู ตามด้วยเสียงหม่อมพริ้ม
“ชาย แม่เข้าไปได้ไหม”
ชายรวีลุกขึ้นทันที “เชิญครับ หม่อมแม่”
หม่อมพริ้มเปิดประตูเข้ามา
ชายรวีเห็นหม่อมพริ้มสีหน้ากังวล “หม่อมแม่มีอะไรหรือเปล่าครับผมเห็นหน้าตาไม่สู้ดีตั้งแต่เย็นแล้ว”
“แม่มีเรื่องจะขอร้องชาย...เรื่องแม่อุษาวดี”
ชายรวีทำหน้าแปลกใจ
“แม่อยากจะขอร้องไม่ให้ชายไปยุ่งกับเขา...คดีนี้มันไม่สู้ดี มันเป็นคดีชู้สาวชายเองก็เคยสนิทสนมกับเขา แม่ไม่อยากให้ชายติดร่างแห พลอยเสียชื่อเสียงไปด้วย”
“หม่อมแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมแค่ช่วยจัดการให้อนุกรไปดูแลว่าความให้เท่านั้น ส่วนตัวผมเอง ไม่ไปยุ่งกับเขาแน่ๆ”
หม่อมพริ้มยิ้ม โล่งใจ
“แม่ได้ข่าวว่าเขาอยู่ที่โรงพัก ถ้าเป็นไปได้ ชายอย่าไปที่นั่นได้เป็นดี”
“ผมไม่ไปหรอกครับ หม่อมแม่ ผมไม่สมควรจะพบคุณอุษาเลยไม่ว่าที่ไหน...เพราะผมเพิ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พิพากษาคดีนี้”
หม่อมพริ้มได้ยิน ถึงกับอึ้ง อดที่จะใจหายไม่ได้ เมื่อรู้ว่าผู้เป็นลูกชาย อาจจะเป็นคนพิพากษาฆ่าแม่ตัวเองโดยไม่รู้ตัว!
ไม่นานต่อมาหม่อมพริ้มเล่าให้หญิงจ้อยฟัง ทั้งสองคนผุดลุกผุดนั่ง กลุ้มใจ หวนฟังอยู่ด้วย
“อกจะแตก!” หญิงจ้อยอุทาน “ลูกต้องมาพิพากษาตัดสินแม่แล้วนี่เราจะทำยังไงดีคะ หม่อมแม่”
“หญิงก็ช่วยแม่คิดหน่อยซี”
“ฆ่าคนตายนี่มันโทษสถานไหนกันนะ .. ตายละถ้าโทษถึงประหารชายรวีก็สั่งฆ่าแม่ของตัวเองน่ะซี
หวนกับหม่อมพริ้มตกใจ
“อย่างนี้คุณชายมิตกนรกหมกไหม้หรือคะ หม่อม” หวนว่า
หม่อมพริ้มกลุ้มใจ แต่พยายามปฏิเสธ “ไม่หรอก ผู้พิพากษามีหน้าที่ตัดสินลงโทษคนผิด จะตกนรกได้ยังไง”
หวนถามซื่อๆ “ผู้พิพากษาเขาสั่งฆ่าพ่อฆ่าแม่กันได้เลยหรือคะ คุณหญิงจ้อย”
“มีที่ไหน ถ้าบังเอิญเป็นญาติกับผู้ต้องหา ผู้พิพากษาก็ต้องบอกกับศาลแล้วถอนตัวออกไป”
หวนท้วงอีก “แต่คุณชายเธอไม่รู้นี่คะ”
หม่อมพริ้มที่เดินพล่านอย่างกลัดกลุ้ม โพล่งขึ้นมา
“ไม่รู้ก็บอกไม่ได้! ยังไงแม่ก็ไม่ยอมบอกหรอก ว่าชายรวีเป็นอะไรกับอีสา”
“แค่บอกว่าสาเป็นหม่อมของท่านพ่อ มันก็อาจจะเป็นเหตุผลพอที่จะให้ชายรวีถอนตัวก็ได้นะคะ หม่อมแม่”
“แต่ต้องยอมให้พระนามท่านพ่อต้องแปดเปื้อน ว่ามีหม่อมสำส่อนมากชู้หลายผัวอย่างอีสางั้นหรือ...แม่จะทำได้ยังไง” หม่อมบอก
หวนขัดซื่อๆ อีก “แล้วหม่อมจะปล่อยให้คุณชายตัดสินโทษอีสาหรือคะ”
หม่อมพริ้มคิดๆ แล้วตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
“ชายรวีเป็นลูกข้า แค่อาศัยท้องอีสามาเกิด...ถ้าเขาจะต้องทำหน้าที่ผู้พิพากษาข้าก็จะให้เขาทำด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ต้องเห็นแก่อะไรทั้งนั้น”
หวนฟังแล้ว หน้าตายังไม่สบายใจเอาเลย
เช้าวันต่อมา เจิม จวน และหวนคุยกันเรื่องชายรวีอยู่ที่เรือนบ่าว
“คุณชายเธอไม่รู้ ตกลงว่าเธอจะตกนรกไหม” หวนเปิดประเด็น
“ไม่รู้ก็ไม่ผิดซีวะ” จวนว่า
“แล้วพวกเราล่ะ เรารู้ แล้วปล่อยให้ลูกฆ่าแม่ เราจะตกนรกไหม” หวนบอกซื่อๆ อีก
จวนชักกลัว “เฮ่ย...ไม่มั้ง”
“ตกก็ตกซีวะ ข้ายอมตกนรก ดีกว่าให้คุณชายรู้ว่าเธอเป็นลูกอีสา” เจิมบอกจริงจัง
“แต่ถ้าอีสามันบอกเอง เราก็ไม่ตกนรก คุณชายก็ไม่ตกนรก จริงปะ” จวนว่า
“มันสาบานกับหม่อมท่านไว้ ว่ามันจะไม่บอกใคร” เจิมตาเป็นประกาย
“โธ่ พี่เจิม สัญชาติอีสา ถ้ามันรู้ว่าคุณชายรวีเป็นผู้พิพากษา ยามเดือดร้อนจนตรอกขึ้นมา พี่ว่ามันจะไม่ตระบัดสัตย์ อ้างตัวเป็นแม่ให้คุณชายเห็นใจเหรอ”
เจิมเห็นด้วย นึกหวั่นวิตกขึ้นมาทันที
สานั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ในคุก โสภิตพิไลเดินพาแป้นเข้ามา
“คุณสา”
สาดีใจ “พี่แป้นมายังไงคะนี่”
“เมื่อคืนหนูโสภิตไปหารู้เรื่องคุณแล้วใจหายหมด นึกไม่ถึงเลย...นี่ตาสุขก็ว่าจะมาด้วยนะ แต่พอดีไอ้ตัวเล็กมันไม่สบาย”
“หนูทนอยู่บ้านนั้นต่อไปไม่ไหวค่ะ เลยไปขออาศัยอยู่กับป้าแป้น”
“ดีแล้วจ้ะ ป้าจะได้หมดห่วง” สาหันมาพูดกับแป้น “ฉันฝากโสภิตด้วยนะคะ พี่แป้นแกก็ไม่มีใครแล้วตอนนี้”
แป้นบอกพาซื่อ “คุณสาก็ต้องรีบออกไปสิคะ”
สาอึ้งไป “ก็แล้วแต่ศาลจะตัดสินล่ะจ้ะ พรุ่งนี้เขาก็จะส่งฉันไปอยู่ที่เรือนจำแล้ว...ถ้าโชคร้าย” สาบอกกับโสภิตพิไล “ป้าก็อาจจะได้อยู่ในนั้นตลอดไป” พร้อมกับกุมมือลูกสาวไว้ “หนูดูแลตัวเองดีๆ นะลูก อย่าเจ้าอารมณ์ อย่าเอาแต่ใจ จะทำอะไรคิดให้ถ้วนถี่อย่าทำผิดพลาดเหมือนป้า”
สาสะอื้น โสภิตพิไลกับแป้น น้ำตาคลอ สงสารจับใจ
อ่านต่อตอนที่ 27