สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 26 อวสาน
ประตูห้องขังเปิดออก สมคิดในชุดผู้ต้องหาเดินสองมือยกประสานที่ท้ายทอยออกมา
ณัฐเดชกับวรวรรธมายืนรออยู่หน้าห้อง สมคิดมองณัฐเดชกับวรวรรธด้วยสายตานิ่งหยิ่งยะโสเช่นเคยไม่ได้กลัวเกรงใดๆสมคิดใส่เสื้อกันกระสุน ตามกฎเวลาเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ยืนให้ณัฐเดชเข้าไปทำหน้าที่ค้นตัวหาอาวุธอีกครั้ง ก่อนณัฐเดชจะใส่กุญแจมือสมคิดอย่างแน่นหนา
บริเวณทางเดินยาวๆนอกสำนักงานตำรวจกำลังตำรวจอาวุธครบมือยืนตั้งแถวรอกันอยู่ณัฐเดชเดินนำสมคิดที่ถูกใส่กุญแจมือเดินออกมาพร้อมกำลังตำรวจอีกชุดคุ้มกัน โดยมีวรวรรธติดตามไปด้วยสมคิดกวาดตามองกำลังตำรวจแล้วแอบยิ้มขบวนควบคุมตัวสมคิดไปอย่างแน่นหนามาก
ภายในโรงพยาบาลติณห์ญาณิน ไตรรัตน์ สุคนธรสรู้ว่าสมคิดจะมาเยี่ยมเบญจาก็มารอ กันอยู่
“แกว่าไอ้หมอสมคิดจะสำนึกหรือยังวะ”ไตรรัตน์หันไปถามติณห์
“ถึงขนาดนี้แล้ว ถ้ายังไม่สำนึกก็ไม่ใช่คนแล้ว”
“เป็นพ่อประสาอะไร เห็นลูกกำลังถูกของเข้าตัว ถูกผีรุมกินโต๊ะยังไม่สนใจ ทิ้งไปได้ลงคอ” สุคนธรสพูดอย่างมีอารมณ์
“ก็เพราะยังงี้ไง ฉันถึงได้สงสารเบญจา ฉันถึงต้องช่วย เพราะเขาเหมือนตัวคนเดียว” ญาณินบอก
ติณห์พยักหน้า
“เยส ถ้าไม่มีพวกเราคอยดูแล เบญจาก็ไม่มีใครอีกแล้ว”
ไตรรัตน์เสริม
“ก็นี่ไง พ่อกำลังจะมาเยี่ยมลูกแล้ว เบญจาที่กำลังอาการร่อแร่ อาจจะดีขึ้นก็ได้นะ”
สุคนธรสยิ้มหยัน
“จ้า ฉันก็หวังว่าหมอสมคิดจะมาด้วยเจตนาคิดถึงลูก อยากจะเยี่ยมลูกจริงๆเหอะ”
ไตรรัตน์มองหน้า
“เดี๋ยวๆ ที่รัก คุณพูดงี้ แปลว่าหมอสมคิดอาจจะมาแบบมีแผนงั้นเหรอ แบบว่าจะมีพวกมารอชิงตัว มาถล่มโรงพยาบาล มาล้างแค้นพวกเรา โฮ่ว...ผมไม่ไหวแล้วนะ ถ้าต้องไปวิ่งไล่ยิงกับมันอีก”
สุคนธรสต้องรีบปิดปากไตรรัตน์
“หยุดโวยวายได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นก็แตกตื่นไปด้วย”
ติณห์หันมองไปเห็นณัฐเดชกับวรวรรธเดินเข้ามาก่อน
“เฮ้ๆทุกคน”
ติณห์เรียกทุกคนมองไปเห็นสมคิดเดินตามมาโดยมีกำลังตำรวจตามคุ้มกันหลัง
ณัฐเดชยกมือขึ้นเบรกทุกคน
“เอาล่ะทุกคน เฝ้าระวังอยู่นอกห้อง ทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้คนจำนวนมากเข้าไปในห้องปลอดเชื้อ ทุกคนวางกำลังระวังอยู่ข้างนอกนี่ ห้ามให้คนแปลกหน้าผ่านเข้ามาได้เด็ดขาด ผมกับหมอจะคุมตัวผู้ต้องหาเข้าไปในห้องเอง”
“ครับผม”
ณัฐเดชพยักหน้าให้วรวรรธ...ทั้งคู่เข้ามาคล้องแขนสมคิดคนละข้าง พาเดินตรงมาที่ด้านหน้าทางเข้าห้องICU ที่ทั้งสี่คนยืนอยู่สมคิดหันไปถามด้วยสีหน้าไม่สำนึกใดๆ
“ลูกสาวฉันเป็นยังไงบ้าง”
ไตรรัตน์ยิ้มกวน
“คนอาการดีๆคงไม่มานอนใช้เครื่องช่วยหายใจมั้ง”
“ที่ลูกสาวฉันอาการหนัก ก็เพราะไอ้พวกหน้าไหนล่ะ”
ติณห์สวน
“ก็เพราะหน้าอย่างยูไง”
ติณห์ชี้หน้าสมคิดอย่างฟิวส์ขาดทั้งสองมองจ้องตากัน ญาณินดึงติณห์ไว้
“ติณห์คะ อย่าให้ความโกรธแค้นเป็นบาปติดตัวพวกเราไปอีกเลย วางเถอะค่ะ”
สมคิดยิ้มหยัน
“โอ้...ปล่อยวางอโหสิสินะอือ หึๆฟังดูช่างเป็นคำยิ่งใหญ่เสียจริงๆ”
“ใช่ มันยิ่งใหญ่มาก คุณก็ควรจะลองพิจารณาดูนะไม่คิดจะตัดวงจรกรรมหนักของตัวเอง ให้จบสิ้นลง ภายในชาตินี้มั่งเหรอ” สุคนธรสประชด
สมคิดเงียบมองจ้องหน้าสุคนธรสเขม็งวรวรรธรีบตัดบท
“ทางศาลอนุญาตให้คุณมาเยี่ยมลูกสาวได้แค่ชั่วโมงเดียวนะครับผมว่าคุณควรจะใช้เวลาที่มีค่าของคุณ เข้าไปหาลูกดีกว่านะครับ”
สมคิดยกมือที่ใส่กุญแจมือขึ้น
“จะให้เข้าไปทั้งใส่กุญแจมืออย่างงี้น่ะเหรอถอดให้ก่อนซิ”
ณัฐเดชยิ้มอย่างไม่ยอมหลงกลเล่ห์เหลี่ยม
“ศาลสั่งให้ผมพาคุณมาเยี่ยม แต่ไม่ได้สั่งให้ถอดกุญแจมือคุณด้วย”
“ผมไม่อยากให้ลูกผมเห็น”
“ถ้าคุณเป็นห่วงจิตใจลูกคุณจริงๆ ก็กดมือต่ำไว้ๆ ซ่อนไว้ใต้เสื้อ ไม่ยากหรอกไป...เข้าไป”
ณัฐเดชกับวรวรรธพาสมคิดเดินเข้าไปด้านใน
เบญจานอนให้ออกซิเจนอยู่บนเตียงนอนหลับอยู่ณัฐเดชเปิดประตูให้สมคิดเข้ามาในห้องเพียงคนเดียวแล้วณัฐเดชกับวรรธก็ไปยืนมองจับตาอยู่ที่ช่องกระจก พร้อมพยาบาลที่คอยดูอาการของเบญจาสมคิดเดินมาใกล้เตียง หยุดมองดูเบญจาด้วยแววตาของพ่อที่ชอบออกคำสั่งเช่นเดิมแม้ในใจจะรู้สึกสงสารลูกก็ตามพูดด้วยเสียงเบาๆรอดไรฟันที่เต็มไปด้วยอำนาจ
“เบญจา...เบญจา...ได้ยินที่ฉันเรียกไหมแกจะมามั่วนอนเป็นอีนังขี้แพ้แบบนี้ไม่ได้ ลุกขึ้นมาสู้...ได้ยินไหมเบญจา ลุกขึ้นมา”
เบญจารู้สึกตัวตื่น ค่อยๆลืมตาขึ้นมอง เห็นเป็นสมคิด
“พ่อ หนูฝันไปใช่ไหม ฝันว่าพ่อมาเยี่ยม”
“ฝันบ้าอะไร ฉันหลอกให้ตำรวจมันพาออกจากคุกมาเยี่ยมแก”
ณัฐเดชกับวรวรรธขมวดคิ้วมอง แต่ไม่ได้ยินเสียงวรวรรธจ้องมอง
“อยากรู้จริงๆครับ ว่าหมอสมคิดกำลังพูดอะไรกับเบญจา”
เบญจามองสมคิดเต็มตา มั่นใจแล้วว่าพ่อมาจริงๆ
“พ่อเป็นห่วงหนู...พ่อมาเยี่ยมหนู...หนูดีใจที่สุดเลย”
เบญจาร้องไห้ออกมาอย่างตื้นตันขณะที่สมคิดเหลือบมองไปเห็นกรรไกรปากแหลมที่พยาบาลวางทิ้งไว้กับสำลีเช็ดแผล ก็ทำเป็นหันหลังโอบกอดเบญจาที่เตียง ถือโอกาสบังไม่ให้ณัฐเดชกับวรวรรธเห็น แล้วคว้ากรรไกรมาอย่างรวดเร็วเบญจาชะงัก
“พ่อ...พ่อจะทำอะไรน่ะ”
“แกคิดว่าฉันจะยอมติดคุกงั้นเหรอ ”
“พ่อคิดจะหนีอีกเหรอ”
“ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว แกก็ต้องไปกับฉันด้วยเราจะออกไปสร้างอาณาจักรมนต์ดำของเราอีกครั้ง ให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม”
สมคิดพูดพลางแทงปลายกรรไกรลงรูกุญแจมือ บิดคลิกเดียวกุญแจก็หลุดออกอย่างง่ายดาย แต่เบญจาจับมือพ่อไว้
“พอเถอะพ่อ อย่าสร้างกรรมให้ใครอีกเลย ยอมรับโทษที่เราก่อกันไว้เถอะ”
สมคิดชะงัก
“ว่าไงนะ...รับโทษงั้นเหรอ ฉันอยากบีบแกให้ตายคามือเดี๋ยวนี้เลยนังเบญจา แกไม่รู้จักคนอย่างพ่อแกเหรอหมอสมคิดยิ่งใหญ่กว่าจะติดคุกได้”
เบญจาจับแขนพ่อไว้
“พ่อจ๋า...ฟังหนูสักครั้งเถอะ พ่อหยุดเถอะ หนูอยากมีพ่อมีชีวิตปกติเหมือนพ่อคนอื่นๆเขาบ้าง หนูอยากเห็นพ่อมีความสุข ไม่ต้องมานั่งคิดแก้แค้นใคร”
“นังลูกเนรคุณ นี่แกคงถูกพวกไอ้ติณห์ไอ้ญาณินมันล้างสมองซะแล้ว งั้นแกก็นอนรอติดคุกไปเถอะ ฉันจะไปของฉันคนเดียว สู้คนเดียว แล้วกลับมาล้างแค้นมันทุกคนอีกครั้ง”
สมคิดใช้สองมือกำกุญแจมือไว้ ปิดไม่ให้เห็นไว้ไขออกแล้ว หันเดิน แต่เบญจาโผกอดหลังสมคิดไว้
“พ่อ เบญจาหนูกราบล่ะ พ่ออย่าทำ พ่ออย่า...”
“ปล่อยกู ไม่มีใครห้ามกูได้หรอก”
สมคิดสะบัดตัวเบญจาออกอย่างแรง เบญจาที่อ่อนแรงล้มหงายลงไปบนเตียงสมคิดรีบเดินออกจากประตูไป
ทันทีที่สมคิดออกมาจากห้อง วรวรรธกับณัฐเดชก็รอบคอบเดินเข้ามาตรวจดู
“ล่ำลาลูกสาวเรียบร้อยแล้วนะผมจะพาคุณกลับเข้าเรือนจำ คงไม่ได้เจอหน้าลูกสาวอีกนาน”
“แต่ก่อนจะไป ขอผมเช็คดูกุญแจมือให้เรียบร้อยซะก่อน”
วรวรรธเดินเข้าไปหาแต่แล้วต้องตะลึงกุญแจมือร่วงลงที่พื้น
“ห่ะ”
แต่สมคิดไวกว่ากำกรรไกรที่ติดมือขึ้นมา ปรี่เข้าล็อคคอพยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“หยุดนะหมอสมคิด จะทำอะไร”
ณัฐเดชกับวรวรรธต่างชักปืนออกมาพร้อมกัน
“แกนั่นแหละหยุด ไม่งั้นนางพยาบาลนี่ตาย หลีกไป”
สมคิดล็อคคอพยาบาลใช้กรรไกรจี้คอพาเดินถอยออกจากหน้าICUไปอย่างช้าๆณัฐเดชกับวรวรรธถือปืนค่อยๆตามไป...เบญจาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
“พ่อ...อย่า”
เบญจาตัดสินใจพยายามฝืนร่างกายตัวเองลุกขึ้นจากเตียง แล้วร่วงจากเตียงๆทั้งๆที่เสียบสายออกซิเจนและน้ำเกลืออยู่
“โอ๊ย”
เบญจาฟุบอยู่กับพื้น
ติณห์ญาณิน ไตรรัตน์ สุคนธรสตกใจเมื่อเห็นสมคิดจี้พยาบาลเดินมาโดยมีณัฐเดชและวรวรรธตามสมคิดขู่
“พวกแกหลีกไปให้พ้น ไม่งั้นนังพยาบาลนี่คอทะลุ”
“คุณจะทำอะไรอีก”ญาณินถาม
“ที่แล้วมาคุณยังทำผิดไม่พออีกเหรอ” สุคนธรสเตือนๆ
สมคิดตวาด
“หุบปากทั้งคู่เลยนังแม่มด คิดจะจับกูขังเดี่ยวงั้นเหรอฮ่ะๆ ฝันไปแล้วมึง”
ไตรรัตน์ส่ายหน้า
“ว่าแล้วไงไอ้หมอสมคิด แกมาเพราะมีแผนไม่ได้รัก ไม่ได้ห่วงลูกจริงๆหรอก”
สมคิดตะคอก
“กูบอกให้ถอย อยากเห็นนังนี่ตายใช่ไหม”
ติณห์เดินทื่อเข้าไปหาสมคิดทันที มั่นใจว่าสมคิดไม่กล้าแทงตัวประกันแน่สมคิดทำเงื้อเหมือนจะแทง ติณห์ตัดสินใจเข้าจับแขนข้างที่ถือกรรไกรของสมคิดไว้ญาณินตกใจ
“ติณห์”
สมคิดสะบัด
“ปล่อยกู”
ณัฐเดชเลยเข้าชาร์ตดึงพยาบาลออกจากมือสมคิดไปได้ ไตรรัตน์เข้าช่วยจับล็อคสมคิด
ขณะที่กำลังตำรวจก็ชักปืนพร้อมจะยิงวรวรรธรีบห้าม
“อย่ายิง...อย่ายิง...อย่า”
สมคิดต่อสู้ดิ้นรนสุดกำลัง จนติณห์ ไตรรัตน์ วรวรรธณัฐเดชเจ็บตัวไปตามๆกันเบญจาออกมาจากห้อง
“พ่อ...หยุดเถอะพ่อ”
ญาณินหันไปตกใจ
“เบญจา ออกมาทำไม”
“พ่อ...หนูเกิดมา ทำให้แม่ตาย แล้วพ่อก็เอาหนูไปให้คนอื่นเลี้ยง ทุกที ที่พบกัน ก็คือ พ่อมา รับหนู จากอาจารย์ไศยเวทคนนึงเอาไปฝาก ให้เรียนต่อ กับอาจารย์อีกคน หมอผีในประเทศต่างๆ บอกว่าหนูมีพรสวรรค์ หนูต้องยิ่งใหญ่ แล้วนี่หรือสิ่งที่หนูได้รับ”
สมคิดหันมาตะโกนบอก
“เบญจาแกต้องยิ่งใหญ่ เดี๋ยวแกก็หาย ฉันจะไปตามพวกอาจารย์ของแกมาช่วยแก”
“พวกอาจารย์ของหนูถูกหนูฆ่าตายไปหมดแล้ว ไม่เหลือใครจะมาช่วยหนูแล้ว”
สมคิดอึ้ง
“อะไรนะ”
“เพราะหนูต้องการจะยิ่งใหญ่ที่สุดหนูก็เลย ฆ่าทุกคนที่จะมาปราบหนูได้จนไม่เหลือสักคน ไม่มีใครอีกแล้ว พ่อ”
“ไม่จริง”
“จริงสิหนูไม่เคยรักใคร ไม่เคยนับถือเคารพใครไม่เคยไว้ใจใคร จิตใจหนู มีแต่ไฟ แล้วก็ความเกลียดชังหนูต้องการใหญ่ที่สุด มีอำนาจมากที่สุด บังคับพวกปีศาจได้ ด้วยอาคมที่เหนือกว่า พวกมัน จึงหาโอกาสจะฆ่าหนูมันคงรอเวลา ให้หนูพลาดแล้วนี่ไงจ๊ะพ่อสิ่งที่หนูได้รับ”
“ไม่”
“เวรกรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากกระกระทำของพ่อ หนูขอรับไว้เองคนเดียวทั้งหมด...เอิ้ก...พ่อ...ขอให้หนู...เป็นคนสุดท้ายที่ต้อง...รับ...กรรม”
แล้วเบญจาก็แน่นิ่งไปสุคนธรสตกใจ
“เบญจา”
สุคนธรสกับญาณินรีบเข้ามาดูเบญจาญาณินเข้าไปดูอาการ
“เบญจา...ไม่หายใจแล้ว...เบญจาตื่นซี...ตอบฉัน”
สุคนธรสหน้าเครียด
“ไม่มีประโยชน์หรอกญิน เบญจาจากไปแล้ว หมอสมคิดลูกสาวคุณตายแล้ว”
“เบญจา...ไม่...ไม่...เบญจา พ่อรักลูก...ลูกคือความหวังเดียวของพ่อ ไม่มีลูกแล้ว พ่อจะกลับมายิ่งใหญ่ได้ยังไง”
สมคิดจะวิ่งเข้ามาหาเบญจา แต่ถูกตำรวจจับล็อคไว้สมคิดได้แต่มองร่ำร้องเรียกหาเบญจา
“หมดแล้ว หมดแล้ว ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...ลูก...ลูก...อย่าทิ้งพ่อ”
ติณห์ ไตรรัตน์ วรวรรธอึ้งมองมาที่ร่างแน่นิ่งของเบญจาในอ้อมกอดของญาณินพยาบาลกับหมอวิ่งกันวุ่นหาทางช่วยเบญจาให้ฟื้นแต่ไร้หนทางญาณินร้องไห้สงสารเบญจาที่ต้องมาพบจุดจบแบบนี้
เช้าวันใหม่...สุคนธรสถือธูปกำมือหนึ่งยกจรดหน้าผาก ทำพิธีอัญเชิญเจ้าที่องค์ใหม่ มีส้มที่เอามาเซ่นไหว้หน้าศาลคนอื่นๆกำลังรอลุ้นโกลเดนเบบี๋พนมมือภาวนา
“ขอให้เจ้าที่คนใหม่ นิสัยดีๆด้วยเถอะ สาธุ”
สุคนธรสกราบไหว้ทุกทิศทาง
“ขออัญเชิญเทพยดา เทพาอารักษ์ ผีปู่ผีย่า ผู้ปกปักษ์รักษา หากเมตตาบริษัทซิกส์เซ็นส์...ขอเชิญมาอยู่ร่วมกันมาคุ้มครองบริษัทของเราให้สุขสงบและปลอดภัยด้วยเถอะค่ะ”
สุคนธรสเอาธูปไปปักทันใด เกิดลมพัดมาวูบหนึ่ง ที่ด้านหน้าบริษัทเจ้าที่ที่ถูกส่งมาประจำที่บริษัทซิกส์เซ้นส์ เดินมาท่ามกลางกระดาษเงินกระดาษทองที่โปรยมาจากฟ้า สวยงาม ระยิบระยับประตูรั้วบริษัทถูกเปิดออกเพื่อต้อนรับ เจ้าที่เดินเข้ามาทุกคนตะลึง ทึ่งใบหน้าของเจ้าที่คนใหม่ ซึ่งหน้าตาเหมือนเจ้าที่คนเดิมเป๊ะๆ แต่แต่งชุดจิ๊กโก๋ๆทุกคนโพล่งออกมาพร้อมกัน
“เจ้าที่”
เจ้าที่สำเนียงจิ๊กโก๋มากๆ
“พวกนาย เห็นเราด้วยหรอ”
โกลเดนเบบี๋เข้ากอด
“ดีใจจังเลยที่เจ้าที่ไม่เป็นอะไร เย้ๆ”
เจ้าที่แกะโกลเดนเบบี๋ออก
“เดี๋ยวๆ เราไม่ได้รู้จักกันกรุณาอย่าตีสนิทเรียกลงเรียกลุงพวกนายต้องเรียกเราว่าลูกเพ่”
กรรัมภาแปลกใจ
“ลูกเพ่...ที่แปลว่าลูกพี่ของพวกจิ๊กโก๋น่ะเหรอ”
“ท่านเจ้าที่...”
ญาณินยังพูดไม่ทันจบเจ้าที่รีบแทรก
“ลูกเพ่...”
ญาณินจำใจต้องเรียกมาสเตอร์
“ค่ะ ลูกเพ่จำพวกเราไม่ได้จริงๆเหรอ”
“เราพอจะเข้าใจพวกนายเจ้าที่ที่เคยอยู่ที่นี่ ก็รูปร่างหน้าตายังงี้ช้ะ”
ทุกคนพยักหน้า
“ไม่แปลกเทพอารักษ์ที่บำเพ็ญบุญมาได้มากระดับหนึ่งจะมีกายทิพย์เนี่ยคือกายทิพย์ ที่เรียกให้เข้าใจง่ายๆว่าคุณลักษณะของรูปร่างหน้าตาอันประเสริฐสุดยอด”
สุคนธรสอึ้งๆ
“รูปร่างหน้าตาอันประเสริฐสุดยอด”
เจ้าที่ยิ้ม
“ถั่วต้ม”
ทุกคนมองเจ้าที่หัวจรดเท้าเจ้าที่พรีเซ็นตัวเองอย่างมั่นใจว่าเป็นเทพบุตรทุกคนทึ่ง
บริษัทซิกส์เซ้นส์ มีงานปาร์ตี้เล็กๆห้าสาวกลับมา อรวรรณกับพวกผู้ชายห้าคน คือ ติณห์ ไตรรัตน์วรวรรธ ก้องฟ้ากำลังตีจังหวะจากหม้อ ถาด กระถาง ร้องเพลงให้อรวรรณและณัฐเดชเต้นคู่กัน บรรยากาศสนุกสนาน อรวรรณเป็นดาวเด่นท่ามกลางหนุ่มๆ
“คุณหนูมาค่ะๆ มาสนุกกัน”
ญาณิน สุคนธรส เนตรกำลังจะเข้าไปร่วมด้วย แต่ต้องชะงัก เพราะเห็นกรรณากับกรรัมภาต่างหามุมลงนั่งของตัวเอง
“ยัยกรรณ แก้มจะนั่งทำไม ลุกๆ”ญาณินรีบบอก
“ตั้งแต่เปิดบริษัทมาเราก็ทำแต่คดี เจอผีมาทุกรูปแบบ เราไม่ได้ฉลองกันอย่างนี้นานมากเพราะฉะนั้น วันนี้ต้องสนุกสุดเหวี่ยงไปเลย”สุคนธรสบอก
“เออๆ ก็ได้”
กรรณากับกรรัมภายอมลุกขึ้นมา
“ดีมาก วันนี้พวกเราห้าคน จะเต้นให้ลืมผู้ชายไปเลย..เย้” เนตรสิตางศุ์ตะโกน
แต่ไม่มีใครเย้ด้วยกับเนตรสิตางศุ์ บรรยากาศตึงไป
“ฉันหมายถึงผู้ชายไม่สำคัญเลยเพื่อนต่างหาก คือที่สุดเย้”
สุคนธรสห้าม
“เนตร หยุดเถอะ”
กรรณาฝืนยิ้ม ทำตัวปกติ ไม่ได้แคร์อะไร
“เฮ้ย พวกแกสนุกกันไปดิฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยทำไมคิดว่าฉันจะเสียใจที่นายพงอินทร์หนีไปเข้าป่าหรือไงไร้สาระ”
ก้องเบ้หน้าเบ้หน้า
“หรา...”
“เออ”
“แล้วถ้าพี่โจ้มีแฟนใหม่...ไร้สาระป่ะ” ก้องฟ้าแหย่
“ไร้สาระมาก...มาๆสนุกกัน”กรรณากระโดดโลดเต้นสุดเหวี่ยง “วู้วมันส์ที่สุดเลย”
ทุกคนงงวรวรรธกระซิบกับติณห์และไตรรัตน์
“เขารู้ตัวมั้ยว่าไม่มีเพลงอ่ะ”
ญาณิน สุคนธรส เนตรยังคงห่วงกรรัมภาญาณินหันมาถาม
“ยัยแก้ม แล้วแก...โอเคมั้ย”
กรรัมภาฝืนยิ้ม
“โอเคสิสบายจะตาย”
“เยี่ยมเลย”ไตรรัตน์ตะโกน “งั้นคุณแก้มครับ เพลงนี้พวกเราขอจัดให้คุณ”
เพลงขึ้น เป็นเพลงตื๊ดของจุนจี
“ไม่มีปาร์คจุนจี แต่เรามี ปาร์คไตร” ไตรรัตน์ร้องลิปซิ้ง ทำท่าเลียนแบบจุนจี
“ขอเสียงกรี๊ดให้ปาร์คอุนจิหน่อยคร้าบ”
ติณห์ดึงคนอื่นๆมาประกอบร่างเป็นด๊านเซอร์จุนจีขนาบรอบไตรรัตน์พวกผู้ชายร้องเต้นกันอย่างสนุกสนานกรรัมภายืนผงะญาณินตะโกนขึ้น
“พอหยุดร้อง...หยุด”
เนตรสิตางศุ์ต้องวิ่งไปกดหยุดเพลงที่เล่นอยู่ ทุกอย่างจึงหยุดบรรยากาศเงียบสงบลงไปทันทีกรรัมภาเหลือจะทน น้ำตาไหล หันหน้าหนี แล้วเดินแยกกลับเข้าไปในบ้าน
“ยัยแก้ม”
ญาณิน สุคนธรส เนตรหันไปจ้องพวกผู้ชายไตรรัตน์กับติณห์ต่างชี้โบ้ยกันและกัน คนที่ไม่เกี่ยวก็ผละออกห่าง โกลเดนเบบี๋รีบบอก
“รีบตามไปดูพี่แก้มเร็วๆเข้าเถอะ เดี๋ยวคิดสั้นทำอะไรโง่ๆขึ้นมาจะยุ่ง”
พวกญาณินรีบตามไปเจ้าที่มองเหตุการณ์อยู่ งงๆก้องฟ้าหันมาบอก
“ไม่ต้องงงหรอกลุงยามคนอกหักก็งี้แล้วนี่หายหน้าไปนานเลยนะ ผมนึกว่าลุงตายไปแล้วซะอีก”
“ใครตาย นายน่ะสิจะตาย นายเจ๋งเหรอ อยากจะไฝ้ว์ชันช้ะรู้ไหมว่าใครใหญ่ แถวนี้น่ะใครใหญ่” เจ้าที่ผลักอก
ก้องฟ้าไหว้ท่วมหัว
“กลัวแล้วค้าบ...ลูกเพ่”
“แล้วไป”
“ก๊อง...คุยกับใครอ่ะ” อรวรรณถามงงๆ
“กับลุงยามไง”
อรวรรณสยอง ถอยไปรวมกับพวกผู้ชาย
“พวกคุณๆไม่น่าจะไปสะกิดจุดอ่อนคุณแก้มเลย น่าจะช่วยๆกันกลบฝังให้เค้าลืมๆไปซะ”
วรวรรธขัดขึ้น
“การเอาสิ่งอื่นมาบดบังอำพรางอาการจริงจะทำให้แผลอักเสบกลัดหนองนะครับ หมอที่ดี ควรจะผ่าเอาหนองออก แล้วทำความสะอาดแผลซะ”
ไตรรัตน์เสริม
“ใช่...เก็บอยู่คนเดียวไม่ระบายออกมา ก็เหมือนท้องผูก เป็นอันตรายแก่สุขภาพ พวกเราทำหน้าที่เป็นยาถ่ายไงครับถ่ายแบบสวนลำไส้ ล้างพิษไปเลย”
อรวรรณเบ้หน้า
“อึ๋ย...”
“โป้งหรือก้อย จะได้รู้กันไปเลย” ติณห์บอกอย่างมั่นใจ
วรวรรธกับไตรรัตน์ถามพร้อมกัน
“หัวหรือก้อย”
ติณห์ยิ้มๆ
“ตามนั้น...”
สามสาวตามเข้ามาด้านใน เห็นกรรัมภายืนสงบสติอารมณ์หันหลังให้ทุกคนอยู่
“ยัยแก้ม”ญาณินเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นไรฉันโอเค”
ญาณินรู้ว่ากรรัมภาไม่ไหว เข้าไปกอดปลอบ
“แก้ม...แกยังมีพวกฉันนะ”
กรรัมภากอดตอบ
“มันยากมากเลยแก มันยากที่สุดเลยมองไปทางไหนก็มีรูปเขา มีเพลงเขา ใครๆก็พูดถึงเขาแล้วฉันจะลืมเขาได้ยังไง”
“ลืมไม่ได้ก็ไม่ต้องลืม อยู่กับมัน ให้มันเป็นเรื่องดีๆในชีวิตของแก” สุคนธรสแนะ
“เรื่องดีๆทำไมถึงทำฉันเจ็บได้ขนาดนี้”
กรรณาเดินเข้ามาท้ายสุด ไม่ได้พูดอะไร เข้าไปกอดด้วยอีกคน
“แกไม่ได้เจ็บคนเดียวนะ”
เนตรสิตางศุ์ปลอบ
“ยัยแก้มแกเจ็บพวกชั้นก็เจ็บนะ”
ทุกคนกอดปลอบเพื่อน แต่แล้วอยู่ๆณัฐเดชวิ่งเข้ามา
“ยัยแก้ม...มาดูทีวีเร็ว”
ทุกคนวิ่งตามเข้ามาสมทบดูทีวีณัฐเดชและห้าสาวรีบเปิดทีวีดูในทีวี นักข่าวบันเทิงกำลังรายงาน ที่บริเวณหน้าสตูดิโออัดรายการ ท่ามกลางบรรดาแฟนคลับเกาหลีที่ต่างก็ร้องไห้กันจ้าละหวั่นที่จุนจีหายตัวไป บางคนก็วุ่นกับการโทรศัพท์
“เมื่อวานนี้เหตุเกิดขณะที่กำลังรออัดรายการรันนิ่งแมนอยู่จุนจีมาถึงสตูดิโอตามนัดหมายค่ะแต่พอถึงเวลาอัดรายการทีมงานรายการกลับไม่มีใครเห็นจุนจีอีกเลยเรียกว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหน ก็ไม่ทราบส่วนต้นสังกัดของเขา ยังปฏิเสธที่จะให้ข่าวเรื่องนี้”
ณัฐเดชพูดขึ้น
“ส่วนข่าวลือของบรรดาแฟนคลับที่ส่งต่อมาทางสายตำรวจเขาเป็นห่วงกลัวว่าจุนจีจะมีปัญหากับมาเฟียท้องถิ่น จนถูกอุ้มเอาตัวไป”
กรรัมภาอึ้งวรวรรธปลอบ
“แต่อย่าเพิ่งคิดมากนะครับ เรื่องจริงจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวคงมีข่าวออก”
“จุนจีหายตัวไปไปไหนเกิดอะไรขึ้นกับจุนจีฉันจะไปเกาหลี” กรรัมภาจะวิ่งไป แล้วชะงัก “ไม่ๆ ฉันต้องจบฉันไม่ไป”
ญาณินเห็นด้วย
“ดีแล้วแก้ม ใจเย็นๆ มีสติ ค่อยๆคิด”
“ใช่ ใครจะอยู่จะตาย ฉันก็ไม่แคร์ไม่แคร์เลยสักนิดเดียว”กรรัมภาพูดไปร้องไห้ไป
ทันใดนั้นมือถือของกรรัมภาดังขึ้น เธอหยิบมารับโดยไม่ได้ดูเบอร์
“ฮัลโหล”
แล้วกรรัมภาก็ตะลึง อึ้ง ตาโต ช็อก
“จุนจี”
ทุกคนอึ้ง
จุนจีพูดโทรศัพท์อยู่ในรถแท็กซี่
“คุณแก้ม..ผมกลับมาแล้วผมกลับมาหาคุณแล้วคุณแก้ม”
กรรัมภาถามอย่างร้อนใจ
“จุนจีคุณพูดเล่นใช่มั้ย”
“ผมพูดจริง ตอนนี้ผมอยู่เมืองไทยแล้ว กำลังนั่งแท็กซี่ไปหาคุณคุณอยู่บริษัทใช่มั้ยตอนนี้”
“คุณจะมาที่นี่ไม่อย่ามาฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอย่ามา”
“ทำไม”
“ถ้าฉันต้องล่ำลาคุณอีกครั้งเห็นคุณจากไปอีกเป็นครั้งที่สองฉันไม่ไหว”
“ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้วผมทิ้งทุกอย่างเพื่อคุณชีวิตผม ถูกคนอื่นกำหนดให้ทำนั่นทำนี่มา ตลอดแต่ครั้งนี้ผมจะขอกำหนดชีวิตตัวเองผมทิ้งทุกอย่างในวงการบันเทิงเพื่อมาอยู่กับคุณที่เมืองไทยคุณแก้ม... ผมรักคุณ”
จุนจีวางสาย ยิ้มอย่างมีความสุขมากๆ
“พี่ครับไปให้เร็วที่สุดเลยนะครับผมคิดถึงแฟนใจจะขาดแล้วครับ”
กรรัมภาถือสายฟังนิ่ง ไม่อยากเชื่อหู ช็อกๆ
“คุณบอกว่า รักฉัน...คุณบอกว่ารักฉันทำไม”
เพื่อนๆรีบเข้ามาด้วยความเป็นห่วงกรรัมภากรี๊ด
“อ๊ายๆ”
เนตรสิตางศุ์ตกใจ
“ยัยแก้มบ้าไปแล้ว”
กรรัมภาละล่ำละลักบอก
“จุนจีจะทิ้งทุกอย่างเพื่อฉันเขา-รัก-ฉันแบบนี้มันไม่ใช่รักธรรมดาๆนะ แต่แบบนี้ต้องโคตรรักเลยแหละ อ๊ายๆ”
ญาณินงงๆ
“นี่แกดีใจหรือเสียใจ”
“ดีใจสิ แฟนฉันกลับมาแล้ว และเขาเลือกฉันโดยที่ฉันไม่ได้แย่งเขามาจากแฟนๆนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเพื่อการยื้อเลย ฉันอยู่ของฉันเงียบๆ ไม่มีปากเสียง จริงมั้ย”
ทุกคนดีใจไปกับกรรัมภาหมด
“จริงที่สุด...อ๊ายๆ”
พวกผู้ชายอุดหูทุกคนยินดีกับกรรัมภากรรณายินดีด้วย แต่แล้วก็หน้าสลดลงไปติณห์สังเกตเห็นหน้ากรรณา รีบสะกิดญาณิน
“คุณณิน”
กรรณาเดินแยกออกมามุมหนึ่ง กรรัมภาตามมา
“กรรณ...ฉัน...ขอโทษ”
“เรื่องอะไร”
“ฉันดีใจมากเกินไป ฉันลืมไปว่าแก...”
กรรณาสวน
“เฮ้ย ฉันไม่ได้เป็นอะไรฉันเห็นแกดีใจ ฉันก็ดีใจด้วยจะมาขอทงขอโทษอะไร”
“แล้วแกเดินหนีมาทำไม”
“ฉัน...จะไปเข้าห้องน้ำ” กรรณาเห็นเพื่อนๆทุกคนตามเข้ามาหมด “เฮ้ย นี่พวกแกนอยด์นะเนี่ย คนปวดฉี่เฉยๆ ไปๆ”
ทันใด ก้องฟ้าโวยวายดังมาจากด้านนอก
“ช่วยด้วยๆ”
“ก๊อง”กรรณาตกใจ
ทุกคนรีบออกไป
ก้องฟ้าถูกชายฉกรรจ์แปลกหน้าจับตัวล็อกเอาไว้ ที่บริเวณหน้าบ้าน โดยมีสมุนล่ำอีกสามคนยืนกันไม่ให้พวกผู้ชายเข้าถึงตัวก้องฟ้าเอาไว้ พงอินทร์คือหัวหน้าของพวกชายฉกรรจ์นั่งรถเข็นที่บังคับด้วยรีโมท แต่งตัวด้วยเสื้อโค้ท สวมหมวก แว่น อำพรางใบหน้า ติณห์ ไตรรัตน์ วรวรรธ ณัฐเดชพยายามหว่านล้อมจะเอาตัวก้องฟ้าคืนมาให้ได้
“พวกแกต้องการอะไร บอกมาดีๆ อย่าใช้กำลัง...ที่นี่มีตำรวจสารวัตรอยู่นะ” ติณห์ขู่ๆ
เจ้าที่ท้าทาย
“แน่จริงพวกเอ็งเข้ามาในบ้านสิเว้ย ข้าจะเล่นให้หลาบจำเชียว”
ห้าสาววิ่งตามออกมา
“ก๊อง”กรรณาตกใจ
“ช่วยด้วย...พี่กรรณ...ช่วยด้วย” ก้องฟ้าร้องลั่น
กรรณาเข้าไปโวยวาย
“พวกแกจะทำอะไรน้องชายฉันปล่อยก๊องเดี๋ยวนี้”
พงอินทร์ ใช้เครื่องช่วยพูดจ่อใต้คางจนเสียงฟังดูไม่รู้ว่าเขา
“น้องชายแกเหรอ...ดี...งั้นรู้ไว้ด้วยนะว่าน้องชายแกติดหนี้พนันบอลเจ้านายฉันถ้าอยากให้ปล่อยก็เอาเงินมา”
“หนี้เท่าไหร่ บอกมา”
“สิบห้าล้าน”
“ห๊า”กรรณาตะลึง
“ถ้าไม่มีจ่ายน้องแกก็ต้องไปชดใช้”
พงอินทร์เคลื่อนรถเข็นนำกลับไปพวกนักเลงจะเอาก้องฟ้าตามไปพวกติณห์จะตาม แต่พวกสมุนก็ขยับมาขวางเอาไว้ ทั้งหมดประจันหน้าพร้อมมีเรื่องกัน
“กรรณ...ตามไปช่วยก๊องไม่ต้องห่วงทางนี้...ไป”ณัฐเดชรีบบอก
กรรณาจะไป พวกสมุนล่ำจะขวาง แต่ณัฐเดชเข้าไปกระชากออกมา บู๊กันพวกผู้ชายบู๊กับพวกสมุนร่างล่ำไตรรัตน์วิ่งเข้าไปจะชก แต่กระเด็นกลับออกมาจากทีแรกที่เหมือนจะสู้กันอย่างจริงจัง ก็ค่อยๆกลายเป็นสู้กันแบบแสดงละคร เน้นส่งเสียงโอเว่อร์ๆเข้าไว้ ไม่ได้ชกจริงจนกระทั่งกรรณาและสี่สาวรีบวิ่งตามก้องฟ้าไป
พวกผู้ชายจึงหยุดบู๊อรวรรณวิ่งตามออกมา
“คุณๆคะ...แผนนี้จะสำเร็จใช่มั้ยคะ”
“ต้องสำเร็จสิ ต้องสำเร็จ”โกลเดนเบบี๋มั่นใจ
พงอินทร์ที่นั่งรถเข็นเคลื่อนที่นำมาจนถึงรถกระบะที่จอดรออีกด้านสมุนล็อกคอลากก้องฟ้าตามมา กำลังจะเปิดประตูโยนก้องฟ้าขึ้นไปแต่กรรณาวิ่งเข้ามาก่อน
“ปล่อยน้องชายฉัน”
สมุนหันมาประจันหน้าไม่แคร์
“ผู้หญิงอย่างพวกเธอ จะทำอะไรฉันได้”
“ถ้าด้วยแรง เราสู้แกไม่ได้แน่ แต่ถ้าด้วยอาคมล่ะก็ แกเตรียมตัวตายฉันจะเสกควายธนูใส่แกเดี๋ยวนี้แหละ”
ขาดคำสุคนธรสทำเป็นท่องคาถาจริงจังมากๆแล้วทำท่าปล่อยไปแต่กลับไม่เกิดอะไรขึ้นเลยญาณินสงสัย
“ยัยรส เป็นอะไร”
“ทำไม...ทำไมคาถาอาคมถึงทำอะไรมันไม่ได้ฮ้าหรือว่ามันจะมีอาคมตัดสัญญาณเพื่อสลายอาคม”
พงอินทร์หัวเราะ แล้วยื่นมือออกมาอยู่ๆกรรัมภาก็หมุนๆ แล้วกระเด็นถอยซวนเซออกไปประมาณว่าถูกอาคมของพงอินทร์จัดการ จนไปกระแทกต้นไม้ทรุดไป
“โอ๊ย”
เนตรสิตางศุ์มีอาการปวดท้อง ทรุดลงไปอีกคน
“โอ๊ยปวดๆ”
“โอ๊ยแกทำอะไรกับฉัน” ญาณินยืนตัวเกร็ง ขยับไม่ได้
สุคนธรสเจ็บปวด
“มันต้องใช้พยาธิอาคม แทรกซึมทำลายอวัยวะภายใน...โอ๊ย...คาถาอาคมของมันไม่ธรรมดาเลย”
“อ๊าก...พยาธิตัวจี๊ดขึ้นตาแล้ว” ญาณินร้องลั่น
สี่สาวครวญครางมากๆกรรณาหน้าตื่น
“แก...แกถอนอาคมจากเพื่อนๆของฉันเดี๋ยวนี้”
“พวกอวดดี...เอาตัวไอ้เด็กนี่ขึ้นรถมันจะต้องไปทำงานหาเงินสิบห้าล้านมาคืนฉัน” พงอินทร์สั่งการ
“อย่าเอาตัวก๊องไป”
กรรณาจะเข้าช่วยก้องฟ้า แต่สมุนจับแขนเอาไว้บิด
“ถ้าแกอยากทำอะไร ทำฉัน แต่ปล่อยน้องชายฉัน”
“แน่ใจเหรอว่าเธอจะยอมรับผิดแทนน้องชาย”
ก้องฟ้าตัวสั่น
อ่านต่อหน้า 2
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 26 อวสาน (ต่อ)
ก้องฟ้าตัวสั่น
“พี่กรรณ ก๊องกลัว”
“ได้ ฉันยอม”
พงอินทร์โยนเชือกออกมาให้ก้องฟ้า
“แก ไปมัดมือมัดเท้ามันให้แน่น”
ก้องฟ้าเข้าไปรีบมัดกรรณา
“ผมขอโทษนะพี่กรรณ ที่ทำอย่างนี้เพราะผมอยากให้พี่มีความสุขนะ”
“แกควรคิดได้ก่อนจะสร้างความเดือดร้อน”
“พี่ยังดูไม่ออกอีกเหรอ”
“อะไร”
หัวหน้าชายฉกรรจ์ที่นั่งรถเข็นถอดหมวกถอดแว่น ลุกยืนขึ้นมาดื้อๆ เผยตัวจริงว่าคือพงอินทร์นั่นเอง
“พร้อมจะไปกันหรือยัง”
กรรณาตะลึง
“นายจิงโจ้”
ก้องฟ้ายิ้ม
“เพิ่งจะดูออกเหรอพี่”
กรรณางงๆ
“นี่มันอะไรนายหลอกฉันเหรอ...ไอ้ก๊อง แกรวมหัวกับมันหลอกพี่สาวตัวเองงั้นเหรอ”
“พี่กรรณ ให้อภัยน้องนะก็พี่โจ้เอาตั่วเครื่องบินสำหรับบินไปตัวชมลิเวอร์พูลรอบชิงชนะเลิศมาล่อผมผมปล่อยโอกาสหลุดไปก็บ้าแล้ว”
“แกเอาฉันแลกกับตั๋วดูบอลใบเดียว”
“2ใบ...”ก๊องชูสองนิ้ว
พวกญาณินก็หายจากอาการปวดท้อง โดนทำของเป็นปลิดทิ้งกรรณามองเพื่อนแค้นๆ
“พวกแกก็รู้เห็นเป็นใจด้วยพวกแกทำกับเพื่อนแบบนี้ได้ไง”
ญาณินยิ้ม
“อย่าถือสาพวกเราเลยเราทำเพราะอยากให้แกมีความสุขนะกรรณ”
เนตรสิตางศุ์ขำๆ
“คนปากแข็ง ก็ต้องเจอไม้แข็งอย่างนี้”
พงอินทร์มองหน้ากรรณา
“เอาล่ะ เธอบอกว่าจะรับผิดชอบแทนน้องชายทุกอย่างไม่ใช่เหรอ...ไป”
กรรณาโวย
“ฉันไม่ไป”
“เธอมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยเหรอ...ขึ้นรถ”
พงอินทร์จับกรรณาผลักให้ไปขึ้นรถ พวกสมุนมาช่วยจับยัดเข้าไป พงอินทร์รีบไปทำหน้าที่ขับ พากรรณาขับออกไปอย่างรวดเร็วทุกคนมองตาม หวังว่าจะลงเอยด้วยดี
“พวกเราทุ่มเทแอคติ้งกันขนาดนี้ ขอให้มันสำเร็จด้วยเถอะ” ญาณินภาวนา
พงอินทร์ขับรถอย่างสบายใจ อารมณ์ดี ผิวปากกรรณาที่ถูกมัดมือและเท้าอยู่ กระฟัดกระเฟียด โวยวาย
“นายจะพาฉันไปไหนปล่อยฉัน”
พงอินทร์หันมายิ้ม กวนๆ แต่ไม่ปล่อย
“ได้ยินมั้ย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นายกำลังทำให้ฉันมีน้ำโหนะ”
“มีน้ำโหแล้วไง จะทำอะไรผมได้”
“ไอ้จิงโจ้”
กรรณาฉุน เลยพลิกตัว ยกเท้าที่ถูกมัดขึ้นมาแล้วเอาเท้าคู่ถีบ
“เอ้ยๆ ถีบเลยเหรอ”
“ปล่อยฉันๆ”
“ไม่ปล่อย...เบาๆ เดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุ”
กรรณาไม่หยุด พงอินทร์เอามือข้างหนึ่งจับขากรรณาไว้เอามาล็อกที่บริเวณรักแร้หนีบเอาไว้แล้วขับรถด้วยมืออีกข้างหนึ่งนำรถเข้าจอดข้างทางพอรถจอด พงอินทร์หันมาเอาเรื่อง
“แสบมากเลยนะ”
“นายจะพาฉันไปไหน”
“ฉันจะเอาเธอไปขังไว้ในป่า...ให้เธอมีลิงเป็นเพื่อนมันจะได้สาสมกับที่เธอกล้าปฏิเสธความรักของฉัน”
“นายมันเลวมากๆ”
กรรณายกเท้าถีบไม่หยุดพงอินทร์คว้าเท้าเอาไว้เหลืออดแล้ว
“ทนไม่ไหวแล้วนะ”
พงอินทร์ขับรถสบายอารมณ์กรรณาถูกจับมัด โดยขายื่นไปที่นั่งด้านหลัง หัวพักอยู่ที่คอนโซลที่ขามีเชือกอีกเส้นมัดเอาไว้โดยที่ปลายเชือกอ้อมออกไปทางหน้าต่างด้านหลังฝั่งคนขับพันรอบหลังขา แล้วมาเข้าที่หน้าต่างอีกด้าน มัดกรรณาติดรถไปเลยกรรณาดิ้นไม่หลุดสายตาอาฆาต
“อย่าให้ฉันหลุดไปได้นะนายตายแน่ไอ้จิงโจ้ไอ้แมลงทับ”
พงอินทร์ไม่แคร์
ก้องฟ้ายกมือไหว้ท่วมหัว
“สาธุ...ขอให้พี่โจ้ทำสำเร็จด้วยเถอะก๊องจะได้มีพี่เขยเป็นเศรษฐีสบาย”
“แก...พวกเราไม่ได้ใจร้ายกับยัยกรรณมากไปใช่มั้ย” เนตรสิตางศุ์กังวล
สุคนธรสพยักหน้า
“ก็ใจร้ายนะแต่ถ้ามองถึงผลที่จะเกิดขึ้นยัยกรรณจะต้องมาขอบคุณพวกเราด้วยซ้ำ”
“ยัยกรรณน่ะรักนายโจ้มากแต่ปากแข็งก็ต้องเอาแชลงงัด” ญาณินบอก
วรวรรธตัดบท
“อย่าคิดมากเลยครับเราทำดีที่สุดแล้วที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของคุณพงษ์อินทร์แล้วว่าจะกำราบพยศคุณกรรณยังไง”
“ถ้าขนาดนี้แล้วยังกำราบไม่อยู่ก็ไม่สมควรมาร่วมใช้นามสกุลเขยบ้านซิกส์เซ้นส์จริงมั้ย” ไตรรัตน์บอก
“เยส ดู้ด” ติณห์แท็กมือกับไตรรัตน์ “วีอาร์แฟมิลี่”
“เยสด้วย”
วรวรรธจะแท็กมือด้วยณัฐเดชจับมือวรวรรธกดลง ไม่ให้แท็กกับใคร
“อะแฮ่ม นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะได้ใช้นามสกุลเขยซิกส์เซ้นส์...ใครอนุญาต”
เนตรสิตางศุ์หน้าเหวอ
“อ้าว...”
วรวรรธจ๋อย ณัฐเดชทำท่าหวงก้างอรวรรณหันมามองกรรัมภากำลังนั่งเติมหน้าอยู่
“คุณ.แก้มคะจะแต่งไปอัพคลิปลงยูทู้ปสอนการแต่งหน้าเอ็ฟเฟ็คท์เหรอคะ”
“โหย...ป้าออแรงอ่ะค่ะก็จุนจีกำลังจะมาขอนิดนึงเขาอุตส่าห์หนีจากเกาหลีเพื่อกลับมาหาแก้มเลยนะคะป้าออคิดดูสิพอเขามาถึงหน้าบ้านเจอหน้าแก้มอะไรจะเกิดขึ้น”
กรรัมภาเคลิ้มฝันมโนภาพไป...จุนจีวิ่งมาถึงถนนหน้าบ้านซิกส์เซ้นส์กรรัมภาวิ่งออกมาเจอ ผงะ ดีใจต่างคนต่างมองกัน แล้วเรียกชื่อกันและกันพร้อมกัน
“คุณแก้ม”
“จุนจี”
กรรัมภากับจุนจีต่างวิ่งเข้าหากัน แล้วกรรัมภาก็กระโดดเข้าอ้อมกอดจุนจีกอดแล้วหมุนไปรอบๆ สองคนหัวเราะใกล้ชิด สบตาหวานซึ้งจุนจีโน้มหน้ามาจะจูบ...กรรัมภาเพ้อมากๆ
“แล้วเมื่อไหร่จะมาถึงตอนที่เขาโทรหาแก จนถึงตอนนี้จะชั่วโมงนึงแล้วมั้ง” ญาณินถาม
กรรัมภาชะงัก
“นั่นสิ ทำไมยังไม่มาอีก”
รีสอร์ทติณห์...มิรันตีเห็นข่าวสมคิดในหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งเขียนว่า “อดีตหมอผี-มือวางระเบิด-หนีไม่รอด คุกตลอดชีวิต”ติณห์ ญาณิน คุณหลวงอยู่ตรงนั้นด้วยมิรันตีหน้าสลด
“แม่ไม่อยากจะเชื่อ...แม่หลงเชื่อคำพูดของมิสเตอร์ร็อบไอ้หมอสมคิดกับลูกสาวได้ยังไง”
“มันรู้ว่าจุดอ่อนของมัมคืออะไร มันก็เข้ามาทางนั้น” ติณห์บอก
มิรันตีไม่ยอมรับ
“จุดอ่อนอะไร”
คุณหลวงสวนทันที
“จุดอ่อนที่แกบ้าผู้ชายน่ะสิ”
มิรันตีแถไป
“พวกมันเป็นหมอผี มีไสยศาสตร์มันต้องทำเสน่ห์ให้แม่ไร้สติ เห็นผิดเป็นชอบแน่ๆ”
คุณหลวงเบ้หน้า
“แหม ทีอย่างนี้ล่ะเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ขึ้นมาเชียวนะ”
“มัม...มัมน่าจะขอบคุณญาณินหน่อยนะครับ” ติณห์พูดขึ้น
มิรันตีตาโต
“อะไร”
“คุณณินช่วยมัมให้ตาสว่างนะครับ และที่สำคัญ คุณณินไม่เคยถือโทษโกรธเคืองมัมเลย ทั้งๆที่มัมจัดหนักจัดเต็มกับคุณณินตลอด”
“ก็มัมโดนของไม่ใช่ตัวตนจริงๆของมัมซะหน่อยจริงๆมันออกจะมีเมตตา”
“มัม...”ติณห์เสียงเข้ม
มิรันตีอึกอัก ไม่อยากเสียฟอร์มญาณินรีบบอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะติณห์ แค่คุณแม่เข้าใจว่าณินไม่เคยคิดร้ายกับท่านหรือกับคุณก็พอแล้ว”
ติณห์เหล่มองแม่
“มัม...”
“โอเคๆ...แทงกิ้วขอบคุณที่ช่วยแต่เธอห้ามถือสาฉันนะ ก็ฉันเป็นคนซื่อเป็นฝรั่งไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ก็เลยถูกหลอกง่ายๆคนไม่รู้คือไม่ผิดถูกมั้ย”
คุณหลวงหมั่นไส้
“แหม นังนี่จะไม่ยอมรับผิดเลยใช่มั้ย”
“แล้วถ้าจะให้ดีอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะ ฉันอาย”
ญาณินยิ้มรับ
“ค่ะคุณแม่”
“เป็นอันว่า เราเข้าใจกันแล้วนะพอใจหรือยังลูก”
คุณหลวงโผล่มายืนจ้องมิรันตี เอาเรื่อง
“แล้วข้าล่ะนังมิรันตี”
ติณห์ยิ้ม
“ผมพอใจ แต่รู้สึกจะมีใครไม่พอใจมาก และรอให้มัมพูดขอโทษอยู่นะครับ”
“แกรนด์ปาของลูกใช่มั้ยแม่ก็มีเรื่องอยากพูดกับเขาเหมือนกัน”
คุณหลวงแปลกใจติณห์กับญาณินงง
อีกด้านของรีสอร์ท...ติณห์กับญาณินยื่นมือออกมาเพื่อให้มิรันตีจับมิรันตีเข้ามาจับมือติณห์กับญาณินเอาไว้ แล้วหลับตาทุกคนอยู่ในสมาธิมิรันตีที่หลับตาอยู่ สักพัก เสียงคุณหลวงดังเข้ามา
“ลืมตาได้แล้วนังมิรันตี”
มิรันตีลืมตา พบว่าคุณหลวงยืนอยู่ตรงหน้าส่วนติณห์กับญาณินหายไปแล้ว
“คุณพ่อ”
คุณหลวงยื่นมือออกมา มีไม้เรียวโผล่มาที่มือ
“นังลูกไม่รักดี เอ็งจะต้องโดนเฆี่ยน”
มิรันตีตกใจ
“คุณพ่อขา”
มิรันตีน้ำตาไหลโผกอดคุณหลวงด้วยความคิดถึงพ่อคุณหลวงชะงัก
“หนู...ขอโทษ...หนูขอโทษนะคะ คุณพ่อ”
“เอ็งจะกอดข้าทำไม”
คุณหลวงผลักออกมิรันตีทรุดลง กราบเท้า
“หนูขอโทษที่หนู...หนูอกตัญญูหนูเชื่อคนอื่นมากกว่าพ่อตัวเอง”
“เอ็งไม่ต้องมารยา บีบน้ำตาเลย”
“หนูเข้าใจคุณพ่อผิด แล้วยังมาเกลียดคุณพ่อ อับอายที่ต้องใช้นามสกุลพิชัยภักดี ทั้งๆที่หนูควรจะภูมิใจและยืนหยัดต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความดีของคุณพ่อ”
“ใช่...เอ็งมันโง่นังหูเบาเชื่อคนอื่นมากกว่าคนในสายเลือดไม่ใช่แค่กับพ่อแต่กับไอ้ติณห์ ลูกเอ็ง เอ็งก็ไม่เชื่อ”
“หนูผิดไปแล้วค่ะ คุณพ่อ คุณพ่อให้อภัยหนูนะคะ”
“ยังมีหน้ามาขอให้ข้าอภัยอีกเหรอทำบุญก็ไม่เคยทำให้ข้าแถมสะเออะจะมาฮุบเรือนไทยข้าเอาไปทำสปาสกปรก เอ็งย่ำยีข้าขนาดนี้ คิดว่าข้าจะให้อภัยเอ็งเหรอ”
“คุณพ่อขา...”
“ไปเลย เอ็งรีบไสหัวไปเปลี่ยนนามสกุลพิชัยภักดีของข้าคืนมาก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน”
“แล้วคุณพ่อจะให้อภัยหนูใช่มั้ยคะ”
“คิดดูก่อน”
“ขอบคุณนะคะ คุณพ่อ”
มิรันตีกอดคุณหลวงที่ฟอร์มๆทำฮึดฮัด แต่สุดท้ายก็อดที่จะลูบหัวเมตตาลูกไม่ได้
ญาณินกับติณห์เดินคุยกันอย่างสบายใจ
“คุณแม่คุณสำนึกแล้วคุณหลวงก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงอีกความผิดที่เคยถูกใส่ร้ายก็คลี่คลายลูกหลานก็เข้าใจท่านจะได้ไปเกิดใหม่ซะที”
“แกรนด์ปาจะไปเกิดใหม่เป็นลูกใคร”
“ใครจะไปรู้ ท่านอาจเกิดมาเป็นลูกคุณก็ได้”
“ลูกผม ก็ลูกคุณด้วยเหมือนกัน”
ญาณินเขิน อึกอัก
“อะไร”
ญาณินเดินแยก ติณห์รีบตามมาประกบ
“รีสอร์ทก็สร้างเสร็จแล้ว มัมก็ยอมรับในตัวคุณแล้ว ผมว่าก็น่าจะถึงเวลาของเราสักที”
“เวลาอะไรคะ”
“แน่ะ อย่ามาทำกระสือ”
ญาณินขำๆ
“ไขสือค่ะ กระสือมันคือผี”
“นั่นแหละๆ” ติณห์ดึงญาณินโอบเข้ามาใกล้ชิด “คุณเคยรับปากว่าจะแต่งงานกับผมแล้วห้ามเปลี่ยนใจไม่อย่างนั้นผมจะจะจูบคุณไม่หยุดเลย”
“อื้ม”
ญาณินทำเป็นลังเล
“คิดเหรอ” ติณห์หอม “ลังเลเหรอ” เขาหอมอีก “ยังจะคิดอีกใช่มั้ย นี่ๆ”
ติณห์พยายามจะหอมซ้ำๆแต่ญาณินเอามือกันเอาไว้ดันไว้ปกป้องตัวเองไม่ให้เสียจูบแบบเล่นๆกัน หัวเราะสนุกสนาน
“โอเคค่ะๆ ฉันจะแต่งงานกับคุณ”
“เกรทคุณรักผมมั้ยครับ”
“รักสิคะ รักมากด้วย”
“ฝรั่งคนนี้จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อคุณนะ”
สองคนกอดกัน หวานชื่น
รถแท็กซี่ของจุนจีเลี้ยวเข้ามาในซอย ปากทางเข้าบริษัทซิกส์เซ้นส์
“เข้าไปเลยพี่ ในสุดเลย”
แต่แล้วอยู่ๆมีมอเตอร์ไซค์พุ่งแซงมาปาดหน้า แล้วจอดขวางถนนรถแท็กซี่จอดเอี๊ยดจุนจีหัวแทบคะมำ มองไปข้างหน้า พบว่าลีจองกุ๊กนั่งมอเตอร์ไซค์วินมาขวางนั่นเอง
“จุนจี...ฉันว่าแล้วว่านายต้องมาที่นี่นายจะทิ้งทุกอย่างเพื่อผู้หญิงไทยคนเดียวเนี่ยนะ นายโง่หรือว่าบ้า หรือทั้งโง่ทั้งบ้า”ลีจองกุ๊กโวยวาย
“นายจะว่าฉันโง่ก็ได้ บ้าก็ได้ แต่ฉันรู้ว่าฉันต้องการอะไร”
“ทุกวันนี้นายมีทุกอย่างอยู่แล้วจะเอาอะไรล่ะ ชื่อเสียง เงินทอง สังคมหรูหรากังนัมสไตล์ หรือถ้าอยากได้ผู้หญิง ก็บอกสิ จะจัดให้ไม่อั้นเลย”
“ฉันจะเอาชีวิตของฉันคืน”
จุนจีจะไปลีจองกุ๊กขยับขวาง
“ไม่ได้”
“แกเลิกยุ่งกับฉันซะที งานที่ค้างคาอยู่ ฉันก็รับผิดชอบให้หมดแล้ว จะเอาอะไรอีก”
จุนจีผลักออก จะเดินฝ่าไปลีจองกุ๊กกระชากไหล่ไว้
“นายมันเห็นแก่ตัว”
จุนจีชะงัก
“อะไรนะ”
“กว่าบริษัทจะปั้นนายมาขนาดนี้ บริษัทต้องลงทุนไปเท่าไหร่ทีมงานกี่สิบกี่ร้อยคนที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อนายแล้วอยู่ๆนายก็จะล้มโต๊ะ ฉีกสัญญาทิ้ง ไม่เคยคิดถึงคนอื่นเลย”
“ไอ้กุ๊ก ฉันคิดมาตลอดว่าแกเป็นเพื่อน แต่สุดท้าย แกก็ทำทุกอย่างเพื่อบริษัทและตัวแกเอง”
“แล้วที่แกกำลังทำไม่ใช่เพื่อตัวเองเหรอ”
“เออ ฉันจะเห็นแก่ตัว แกจะทำไม”
จุนจีผลักลีจองกุ๊ก แล้วเดินไปเลย
“จุนจีอย่าบังคับให้กุ๊กต้องใช้กำลัง”
จุนจีหันกลับมาขำๆ
“ฮะๆ แกจะชกฉันเหรอ แกแน่ใจแล้วเหรอ ไอ้กุ๊กไก่”
จุนจีหัวเราะเดินไปลีจองกุ๊กอึ้ง
“จุนจี”
ลีจองกุ๊กเดินตามจุนจีมา
“จุนจีจะทิ้งกุ๊กแล้ว ฮือๆ” ลีจองกุ๊กร้องไห้โฮ
จุนจีชะงัก หันกลับมา สงสาร
“แกเป็นบ้าอะไร”
“กุ๊กรู้ว่ากุ๊กห้ามจุนจีไม่ได้ ถึงห้ามได้ กุ๊กก็คงไม่ห้าม กุ๊กเข้าใจจุนจีทุกอย่าง แต่ว่ากุ๊ก...กุ๊กดูแลจุนจีมาตั้งแต่จุนจีเป็นศิลปินฝึกหัด ร้องก็ไม่ได้ เต้นก็ไม่เป็น มันตั้งสิบกว่าปี ห้าพันกว่าวัน ที่กุ๊กอยู่กับจุนจีตลอด แล้วอยู่ๆจุนจีจะเลิกเป็นศิลปิน กุ๊กทำใจไม่ได้”
“ไอ้กุ๊ก เดี๋ยวแกก็ไปเจอเด็กปั้นคนใหม่แกก็จะลืมฉัน”
“ไม่ลืม กุ๊กรักจุนจีเหมือนพี่เหมือนน้อง จุนจีจะอยู่ในใจกุ๊กตลอดไป”
“อย่าเกาหลีให้มากไอ้กุ๊ก...ไทย-เกาหลีใกล้กันแค่นี้แกจะมาหรือฉันจะไปหาแก มันง่ายจะตาย”
“จุนจีก็เหมือนงานศิลปะกุ๊กได้ทุ่มเทพลังในการสร้างสรรค์ไปอย่างเต็มเปี่ยม จนมันเสร็จสมบูรณ์ เป็นงานที่ได้รับการยกย่องระดับโลกแล้ว มันก็ถึงเวลาที่กุ๊กจะต้องเลิกยึดติดกับงานความสำเร็จเก่าๆ แล้วไปสร้างงานใหม่ ที่ไฉไลกว่ากุ๊กเข้าใจแล้วจุนจี”
“บอกแล้วว่าอย่าเกาหลีมาก”
“ก็กุ๊กเป็นเกาหลีอ่ะ”
จุนจีจะไป ลีจองกุ๊กเรียกไว้
“จุนจี...งั้นจุนจีจะว่าอะไรมั้ยถ้ากุ๊กจะขอลบรอยสักชื่อจุนจีออก”
“ตามสบาย”
จุนจีจะไป ลีจองกุ๊กเรียกเอาไว้อีก
“จุนจี...กุ๊กขอกอดจุนจีเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม”
จุนจีตวาด
“ไม่ได้เว้ย”
กรรัมภาวิ่งเข้ามาอย่างรีบเร่งสุดขีด
“จุนจีจะทำอะไรจุนจี...ออกไป”
กรรัมภามาถึงก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมพุ่งเข้าผลักลีจองกุ๊กเต็มแรงจนกระเด็นไป
“กุ๊กยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
กรรัมภาจ้องหน้า
“โกหก”
“หนอย ขโมยงานศิลปะของกุ๊ก แล้วยังมาทำร้ายกุ๊กอีกเหรอ อยากให้กุ๊กยึดคืนไปใช่มั้ย”
คจุนจีตัดบท
“คุณแก้ม ไปเถอะ ไอ้กุ๊กบ้าไปแล้ว”
“เออ กุ๊กบ้าไปแล้ว จะไปไหนก็ไป แฮ่ๆ” ลีจองกุ๊กแยกเขี้ยวใส่
จุนจีคว้ามือกรรัมภาวิ่ง ลีจองกุ๊กโวยวาย
“ไปเลย ไป”
ไตรรัตน์กับสุคนธรสกลับเข้ามาในบ้านเจ๊หญิงกับเสี่ยวิ่งเข้ามา
“อาตี๋น้อย กลับมาแล้ว”เจ๊หญิงดีใจ
อาม่ายิ้มแย้ม
“อาหนูรส”
เสี่ยเข้ามาเรียก
“ตี๋น้อย...มานี่ๆ ป๊ากับม้ามีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย”
อาอี๊เรียกสุคนธรส
“หนูรส มาทางนี้ อี๊กับอาม่าก็มีเรื่องอยากจะคุยกับหนูเหมือนกัน”
เจ๊หญิงกับเสี่ยลากไตรรัตน์แยกออกมาอีกด้านเสี่ยยัดชามยาจีนให้ดื่ม
“เอ้า ดื่มให้หมด”
“ตี๋น้อย...คือ...ม้ากับป๊าไปดูฤกษ์มาเขาบอกว่าสองทุ่มคืนนี้เป็นคืนมหาเฮงเหมาะแก่การปฏิสนธิ”
ไตรรัตน์ยาแทบพุ่ง
“อะไรนะครับ”
“เด็กที่จะมาเกิดวันนี้จะเป็นมหาบุรุษอภิชาตบุตร ยิ่งกว่าวันเฉลิมอีก”
อีกด้าน...อาอี๊กับอาม่ากำลังเทรนด์สุคนธรสอยู่
“ห๊า”สุคนธรสตาโต
อาอี๊อ้อนวอน
“ทำเพื่อครอบครัวเรา เพื่ออาม่านะ...ร้อยปีจะมีฤกษ์มหาเฮงนี้สักครั้งหนูคงไม่อยากปล่อยให้โอกาสที่จะมีลูกที่ประเสริฐเป็นทองเนื้อเก้าหรอกนะ”
อาม่าเสริม
“คืนนี้...เที่ยงคืน...นะ”
ไตรรัตน์เดินหนีเจ๊หญิงพยายามอ้อนวอน
“ตี๋น้อย สองทุ่มนะ ตี๋น้อยต้องทำให้สำเร็จเพื่อป๊าเพื่อม้าม้าเสียลูกสาวไป ก็ขอให้ม้าได้มีหลานสาวแทนเถอะนะ”
เสี่ยตามมา
“แล้วถ้าจะให้ได้หลานสาวเคล็ดลับคือลื้อต้องคุมเกม”
ไตรรัตน์อึ้ง
“ป๊า...”
สุคนธรสผงะ
“หนูต้องคุมเกม”
อาอี๊พยักหน้า
“ใช่ ถ้าฝ่ายชายคุมเกมจะได้ลูกสาว แต่ถ้าฝ่ายหญิงคุมเกม จะได้ลูกชาย”
อาม่ารีบขวาง
“อาม่าอยากมีเหลนสืบสกุลหนูไม่สงสารอาม่า อยากเห็นอาม่าร้องไห้เหรอ”
สุคนธรสอึ้ง
“อาม่า...”
ไตรรัตน์เดินหนีมา เสี่ยกับเจ๊หญิงไล่ตามตื๊อ
“แต่งงานกันมาตั้งนานแล้วทำไม...อะไร...ยังไงกันนักหนาฮะ”เจ๊หญิงสงสัย
ไตรรัตน์สลดลง
“ป๊าม้าไม่เข้าใจ”
“ไม่เข้าใจยังไง บอกมาสิ”เสี่ยถามเสียงเข้ม
สุคนธรสก็เดินหนีมาจากอีกด้าน อาม่ากับอาอี๊ตามมา
“หรือว่าหนูไม่ได้รักอาตี๋น้อย” อาม่าถาม
สุคนธรสกับไตรรัตน์มาเจอะกันพอดี ต่างทำหน้าเฝื่อนๆเจื่อนๆ ทำตัวไม่ถูกอาอี๊มองทั้งสอง
“ถามจริงๆพวกเธอรักกันหรือเปล่า”
ทั้งสองตอบพร้อมกัน
“รัก...รักสิ”
“ถ้าพวกลื้อไม่สงสาร อยากเห็นคนแก่ๆแถวนี้เป็นวิญญาณเร่ร่อนไม่ได้ไปผุดไปเกิดเพราะอยากอุ้มหลานก็ตามใจ ฮือๆ” เจ๊หญิงอ้อนวอนก่อนจะปล่อยโฮออกมา
ทุกคนเศร้า ดราม่าแกล้งแอคติ้งไตรรัตน์กับสุคนธรสมองกัน เอาไงดี
เวลา19.30 น.ไตรรัตน์กับสุคนธรสนั่งพิงหัวเตียงอยู่ใต้ผ้าห่มกันคนละมุมของเตียง
...นาฬิกาเดินมาที่ 19.45 น.ไตรรัตน์กับสุคนธรสยังนั่งที่เดิม เริ่มตื่นเต้น เหงื่อแตก ไตรรัตน์ส่งเสียงซื้ดจมูก สุคนธรสถึงกับหันขวับมามอง แล้วทั้งคู่ก็มองกัน ยิ้มแหะๆ กลบเกลื่อนๆ...เวลา 19.55 น.ไตรรัตน์กับสุคนธรสเริ่มตื่นเต้นมาก สุคนธรสไม่รู้ตัวว่ามือตัวเองที่กอดผ้าห่มอยู่ มันอยู่นิ่งๆไม่ได้ กระดิกๆไปมา แล้วไตรรัตน์ก็พุดขึ้นทำลายความเงียบ
“ที่รัก”
สุคนธรสสะดุ้ง
“ห๊า...อะไร...เรียกทำไม...คะ”
“คุณ...โอเคมั้ย”
“สะ...สบ๊าย”
“แน่ใจเหรอ”
ไตรรัตน์ชี้ที่มือของเธอ สุคนธรสรู้ตัวว่าออกอาการ รีบสะกดๆตัวเองให้นิ่ง
“ผมว่า...เราไม่ต้องสนใจเรื่องฤกษ์มหาเฮงอะไรนี่หรอก”
“นายไตวาย...ฉันโอเค”
ไตรรัตน์พลิกตัวหันมามอง
“คุณแน่ใจนะว่า...โอเค”
“อื้อ...โอ...เค”
ไตรรัตน์เอื้อมมือมาปูไต่ที่ต้นแขน
“โอเคมั้ย”
“โอ...โอเค”
ไตรรัตน์ขยับเข้ามาใกล้ ประชิดตัว
“โอเคอยู่ป่าว”
“มากๆ”
“งั้นผมไม่ปรานีล่ะนะ”ไตรรัตน์กระชากผ้าห่มทิ้ง พลิกตัวมาคร่อมสุคนธรสอย่างเร็ว “เตรียมตัว”
สุคนธรสตกใจ ยกเท้าถีบเปรี้ยง
“จ๊าก”
ไตรรัตน์กระเด็นตกเตียง
ไตรรัตน์ลุกเดินจุกมานั่งโซฟาสุคนธรสเข้ามา
“นายไตวาย ฉันขอโทษนะ”
ไตรรัตน์หันมามอง ไม่ได้คิดโกรธอะไร มองอย่างเข้าใจ แล้วเอื้อมมือกางรอ สุคนธรสเดินเข้าไปนั่งข้างๆในอ้อมแขนของเขา
“นายอย่าโกรธฉันนะ”
“ผมจะโกรธคุณทำไม ผมรักคุณจะตาย”
“ฉันก็รักนายนะ”
“ผมรู้”
“แต่ฉัน...”
ไตรรัตน์รีบตัดบทห้ามไม่ให้พูด
“ไม่เป็นไร ผมรักคุณ คุณรักผม แค่นี้ก็พอแล้ว...ไอ้เรื่องอย่างว่าผมไม่สนใจหรอก”
สุคนธรสชะงัก
“ไม่สนใจจริงอ้ะ”
“ก็คุณเป็นแม่หมอสุคนธรสมีภารกิจต้องช่วยเหลือผู้คนและวิญญาณให้พ้นทุกข์ผมเป็นสามีคุณก็ควรจะสนับสนุนไม่ควรทำอะไรที่จะทำให้ของๆคุณเสื่อมคุณรส ผมตั้งใจจะถือศีลแบบคุณด้วยนะผมจะเป็นมือขวาให้คุณทำทุกอย่างเพื่อให้คุณพร้อมไปช่วยคนอื่นได้อย่างเต็มที่ คุณว่าดีมั้ย”
“นายไตวาย นายยิ่งพูดยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิด”
“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องป๊าม้าพวกท่านคงเข้าใจผมอาจจะบอกว่าผมเป็นหมัน แล้วเราก็ไปรับเด็กมาเลี้ยงสักคนก็ได้อะไรที่ทำแล้วคุณสบายใจ มีความสุข ผมโอเคทุกอย่างขออย่างเดียว ขอแค่มีคุณอยู่ข้างๆ แชร์เวลาในชีวิตทุกวินาทีด้วยกันกับผม ไปจนแก่เฒ่า แค่นี้พอแล้ว...ผมรักคุณมากนะ”
“นายไตรรัตน์ ฉันก็รักนาย”
สุคนธรสกอดไตรรัตน์ แล้วผละออกมามอง
“ขึ้นเตียงกันเถอะ”
ไตรรัตน์อึ้ง
“หือ”
“ของจะเสื่อมก็ให้เสื่อมไป”
“คุณพูดจริง”
“เดี๋ยวนี้ ตอนนี้...เร็ว”
ไตรรัตน์รีบอุ้มสุคนธรสทันที ไม่รอช้า
ไตรรัตน์โยนสุคนธรสลงไปบนเตียง
“คุณพร้อม ผมก็พร้อม ผมมาแล้ว”
ไตรรัตน์จะโถมเข้าใส่
“เดี๋ยว...ไปจัดการ นั่นก่อน”
สุคนธรสชี้ไปที่กล้องไตรรัตน์หันมามองที่กล้อง ฉุนๆ รีบเข้ามาจัดการ ใช้มือแพนกล้องให้หันไปทางอื่น
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ มามะๆ”
แต่แล้วกล้องแพนกลับมาจับภาพที่ไตรรัตน์กับสุคนธรสอีกทีสุคนธรสรีบดึงผ้าห่มมาปิดตัว
“ว้าย”
ไตรรัตน์หันมาฉุน เข้ามาพูดที่หน้ากล้อง
“คนรักจะกุ๊กกิ๊กกัน มีมารยาทหน่อย”
ไตรรัตน์โยนผ้าแถวนั้นคลุมหน้ากล้องเสียงไตรรัตน์กับสุคนธรสดังคิกคัก
“ที่รักจ๊ะ ได้เวลาส่วนตัวของเราแล้ว”
หน้าห้อง พวกเจ๊หญิง เสี่ย อาม่า อาอี๊วิ่งตามมาเสี่ยยิ้มพอใจ
“ได้ลูกสาวแน่ๆ”
อาอี๊หันไปบอกอาม่า
“สงสัยเราจะได้หลานฝาแฝดนะอาม่า”
พวกเจ๊หญิงดีใจกัน สมหวังเสียที
กรรัมภาและจุนจีเดินกุมมือกันมาที่สวนริมน้ำ ทั้งคู่เดินไปหยุดที่ริมแม่น้ำ
“ผมว่าแค่มีคุณกับผม ที่ไหนๆก็โรแมนติกทั้งนั้น”
“จุนจี...”
“คุณแก้มคุณไม่ได้ช่วยแค่คุณย่าผม แต่คุณช่วยผมด้วยคุณทำให้ผมกลับมารักเมืองไทย มองเห็นความงามของประเทศของเรา และอยากอยู่ที่นี่ไปตลอดขอบคุณนะขอบคุณที่ทำให้ผมมีความสุขผมสัญญานะว่า ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด”
กรรัมภาเคลิ้ม
“จุนจี...”
กรรัมภาเคลิ้ม มองหน้าจุนจีแววตาระริกแล้วทันใด ภาพผ่านสายตาของเธอบริเวณนั้นก็สว่างไสว สวยงาม แสงไฟติดสว่างขึ้นมา มีพลุยิ่ง มีประกายดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า
“ไม่ใช่อย่างนั้นมันไม่ได้อลังการอย่างที่คุณคิด” จุนจีขัดขึ้น
กรรัมภางง แผ่นสะดุด ภาพทุกอย่างกลับมาปกติกรรัมภากลบเกลื่อน
“คุณรู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไร”
“เห็นคุณทำตาลอยผมก็รู้แล้วคุณแก้มผมไม่ใช่ซุปตาร์แล้วผมคงทำให้คุณมีภาพที่สวย งามหวานเว่อร์มีพลุมีประกายดาววิบวับแบบในซี่รี่ส์เกาหลีไม่ได้แต่ผมจะทำให้คุณมีความสุขเป็นความสุขที่ธรรมดาที่สุด มีแค่คุณกับนายจักร เท่านั้น”
“ฉันไม่เอาพลุหรืออะไรวิบวับแล้วที่คุณพูดออกมาโรแมนติกที่สุดเลยรู้ตัวหรือเปล่า”
จุนจีคว้ามือกรรัมภาขึ้นมา ถอดถุงมือออก
“ผมอยากให้คุณสัมผัสผมแต่คุณอย่าโกรธผมนะ ถ้าคุณจะมองเห็นแต่ภาพของคุณคนเดียว”
“จุนจี”
“นา เอ ซา รัง ฮา นึน คือ เด”
“แปลว่าอะไรคะ”
“คุณ คือ ความรัก ของ ผม...ชอ-รัง คยอ-โร-แน ชู-เซ-โย”
“แปลว่า”
“ไม่ต้องสนใจคำแปล...คุณแค่ตอบว่าแต่งค่ะ”
กรรัมภาทึ่ง ตะลึง
“จุนจี”
อยู่ๆมีพลุ สว่างไสวขึ้นมา โรแมนติกซะงั้นกรรัมภายิ้ม
“อันนี้ของจริง ฉันไม่ได้เพ้อนะคะ”
ทั้งคู่ขำๆ โอบกัน รักใคร่ ชื่นชมบรรยากาศ มีความสุขกรรัมภากระซิบ
“แต่งค่ะ”
อ่านต่อหน้า 3
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 26 อวสาน (ต่อ)
รถพงอินทร์จอดเอี๊ยดที่บริเวณชายป่ากรรณามองรอบๆแล้วโวยวาย
“นี่ที่ไหน พาฉันมาทำอะไรที่นี่”
“หึๆ เดี๋ยวก็ได้รู้”
พงอินทร์หยิบผ้าออกมา แล้วจัดการมัดปิดตากรรณาลากตัวเธอที่ถูกปิดตาเข้ามาในป่า
“นายจะทำอะไรฉันนายพงษ์อินทร์ปล่อยฉันไหนนายบอกว่าจะเข้าป่าแล้วไม่กลับมาอีกไง กลับมายุ่งกับฉันอีกทำไม ปล่อย”
พงอินทร์ตวาด
“เงียบ”
กรรณาดิ้น
“ปล่อยฉัน”
“ทำไมถึงฤทธิ์เดชมากมายขนาดนี้คิดว่าสวย คิดว่าฉันจะต้องง้อเธอไปจนตายเหรอถ้าอยากให้ปล่อยก็พูดออกมาสิว่าเธอรักฉัน”
“ฝันไปเถอะ”
“ดี...งั้นคืนนี้ฉันจะทำให้เธอรักฉันให้ได้”
“นายจะทำอะไร”
“อยู่กันสองต่อสอง ในป่า...แล้วฉันก็ว้อนท์เธอมากคิดว่าฉันควรทำอะไรดีล่ะเล่นตี่จับมั้ย”
พงอินทร์กระชากกรรณาให้เดินตามเข้าไปอีก
พงอินทร์ลากกรรณาเข้ามาถึงบริเวณหนึ่งก็ปล่อยมือกรรณารีบแก้มัดที่ตาออก
“นาย...ไอ้คนบ้า”
กรรณาเข้าไปตีแต่พงอินทร์จับมือเอาไว้ แล้วดึงมาใกล้ชิด
“แหม มาถึงก็ประชิดตัวเลย ใจร้อนจริงๆ”
“ไอ้บ้า”
กรรณาดึงมือออก แล้วจะเดินหนีออกจากป่าพงอินทร์คว้ามือไว้
“จะไปไหน”
“ฉันจะออกไปจากที่นี่ ไปให้ห่างนาย”
“รู้ทางเหรอ อย่างเธอคงได้เดินซุ่มซ่ามตกเหวตายแน่ ไม่ก็เจอเสือคาบไปรับประทาน”
“ฉันไม่กลัว”
พงอินทร์คว้าหูฟังอาคมของกรรณาดึงมา
“แล้วถ้าต้องได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยินอีกล่ะ”
กรรณาตกใจ มีเสียงหวีดหวิวผ่านไปมา
“เอาคืนมา”
กรรณาพุ่งเข้าไปจะแย่งคืน แต่พงอินทร์ยกหูฟังสุดแขน ไม่ให้แย่งไปได้
“ถ้าอยากได้คืน ก็ยอมรับมาว่าเธอรักฉัน เธอติดใจรสเคราของฉัน แล้วฉันจะคืนให้และพาเธอกลับบ้าน”
“นายมันตลก”
กรรณาไม่สนใจ หันเดินออกไป
“เฮ้ย นี่เธอยอมได้ยินเสียงผี ดีกว่าต้องขอร้องฉันอีกเหรอ”
กรรณาเดินไปตะโกนตอบไป
“ใช่ ฉันยอมได้ยินเสียงผีเป็นล้านๆตัว ดีกว่าได้ยินเสียงของนายแค่คำเดียว”
ทันใดนั้นเสียงพงอินทร์ดังมา
“ช่วยด้วย”
กรรณาเอะใจ ชะงัก หันกลับไปมอง พบว่าพงอินทร์หายไป ไม่ได้เดินตามมา แต่เสียงร้องของเขายังคงดังมา กรรณามองหา ไปตามเสียงพบว่าพงอินทร์ลื่นลงไปที่เหวระหว่างทาง มือเกาะกิ่งไม้เอาไว้ ทำท่าว่าจะหล่นลงไปอยู่แล้วกรรณาตกใจ
“นายโจ้”
กรรณารีบวิ่งไถลมา คว้ามือเขาช่วยดึงขึ้นมาแต่พงอินทร์กลับยิ้ม
“ไหนบอกไม่อยากได้ยินเสียงฉัน”
กรรณาชะงักพงอินทร์กระโดดขึ้นมาจากตรงนั้นได้เอง เพราะไม่ได้ลื่น แต่มีแง่งหินให้ยืนเหยียบเอาไว้
“นายหลอกฉัน...อีกแล้วเหรอ”
กรรณาจะเดินหนี พงอินทร์ดึงตัวไว้
“ทำไม...ทำไมถึงไม่ยอมรับว่าเธอรักฉัน”
“นายก็ดีแต่แกล้งฉันตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ ไม่เคยมีสักครั้งที่นายจะพูดหรือทำดีๆกับฉันนายมีความสุขที่ได้เห็นฉันหงุดหงิดอารมณ์เสียนายสะใจที่ได้เห็นฉันเสียใจร้องไห้แล้วนายจะให้ฉันไว้ใจอะไรนายได้อีกนายก็แค่จะรักฉันเพื่อแกล้งให้ฉันเสียใจเหมือนที่นายชอบทำ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น ฉันรักเธอจริงๆ”
กรรณาไม่เชื่อ เดินหนี ผิดหวังพงอินทร์อึ้ง
พงอินทร์วิ่งตามมาขวางหน้ากรรณา
“ฉันแกล้งเธอ เพราะฉันรักเธอ”
กรรณาชะงัก จ้องหน้า รอฟัง
“ฉันรักเธอตั้งแต่เด็กแต่ไม่รู้จะพูดดีๆกับเธอยังไงมันเขินและฉันก็กลัวด้วยกลัวว่าเธอจะรู้หรือเพื่อนๆอาจจะแซวจนเธอไม่กล้าคุยกับฉันอีกฉันก็เลยต้องคอยแกล้งฉันอยากจะพูดดีๆเพราะๆกับเธอแต่ฉันไม่กล้าทำไม่เป็นมันไม่ถนัดกรรณา เธอเข้าใจมั้ยว่าเด็กผู้ชายบางคน ก็มีปัญหาเรื่องการแสดงออกกับเพศตรงข้าม”
กรรณาฟังจนจบ ไม่ตอบโต้อะไร เดินหนีต่อไป
“ทำไมไม่พูด...” พงอินทร์รีบวิ่งไปขวางหน้า “อย่า...อย่าทำเหมือนตอนนั้นที่ฉันเอาความลับเรื่องที่เธอได้ยินเสียงผีไปเล่าให้คนอื่นฟัง แล้วเธอก็เลิกพูดกับฉันไปเลยอย่าทำให้ฉันรู้สึกผิดมากไปกว่านี้ กรรณา”
กรรณายังคงไม่พูด
“ยัยกรรณาเธอรู้มั้ยว่าเสียงร้องไห้ของเธอตอนเด็กๆมันยังดังอยู่ในหัวฉันจนทุกวันนี้ฉันขอโทษ...ฉันจะไม่แกล้งเธออีกแล้วฉันรักเธอนะกรรณา”
กรรณานิ่ง เดินหนีไปพงอินทร์อึ้ง คอตก จนปัญญา สิ้นหวัง แต่แล้วอยู่ๆเสียงหัวเราะของกรรณาดังเข้ามาพงอินทร์เงยหน้ามองอีกทีพบกรรณายืนหัวเราะสะใจอยู่
“ชอบแกล้งคนอื่นดีนัก สมน้ำหน้า”
“ยัยกรรณ”
“ร้องไห้เลยหราหว๋ายๆ”
“ใครร้อง นี่มัน...เหงื่อ”
“หรา”
“เธอไม่โกรธฉันแล้วใช่มั้ย”
“ก็ว่าจะโกรธต่อไปนะ แต่เห็นน้ำตานาย แล้วมันอดขำไม่ได้”
“ก็บอกว่าเหงื่อไง”
กรรณายิ้มกวนๆ
“ตอนฉันเดินไป ใจแป้วเลยดิ อกหักเลยดิ โถๆ น่าสงสาร ฮ่าๆ”
“ยัยตัวแสบ”
พงอินทร์ดึงมากอดกรรณาตกใจ
“เฮ้ย จะทำอะไร”
“บอกรักฉันมาเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่ได้รักนาย”
“ยังจะปากแข็งอีกถ้าเธอไม่พูดเธอจะโดน”
“ชู้ว”
กรรณาทำท่าจุ๊ปากให้พงอินทร์เงียบหลับตานิ่ง ฟังเสียงพงอินทร์แปลกใจ
“ทำอะไรอยู่”
“ชู่ว์...ฉันกำลังฟังเสียงของป่าเสียงลมแมลงใบไม้ไหวนกเค้าแมวนกอะไรก็ไม่รู้เพราะจังลองฟังดูสิ”
พงอินทร์หลับตาฟังบ้างเงียบไปสักพักแล้วโพล่งออกมา
“แต่งงานกันมั้ย”
กรรณาผงะ ลืมตา หันมามอง หน้าใกล้กัน
“แต่งงานกันนะ”
“ขอกันง่ายๆยังงี้เหรอ”
“แต่งใช่มั้ย”
“ทำไมฉันถึงต้องแต่ง”
“เพราะฉันรักเธอ เธอก็รักฉัน”
กรรณานิ่ง ยิ้ม พยักหน้าพงอินทร์ดีใจที่ได้คำตอบ หอมกรรณาไปฟอดใหญ่ทันทีกรรณาอึ้ง พงอินทร์กอด
เนตรสิตางศุ์ทำบัวลอยสีๆอยู่ที่ครัว อารมณ์ดี ฮัมเพลงไปด้วย มีความสุข
“ใส่กะทิเยอะๆ หมอจะต้องชอบแน่ๆ”
อยู่ๆมีม้วนทิชชู่กลิ้งมาชนขาเนตรสิตางศุ์มองไปเห็นว่ากระดาษทิชชู่ลากไปกับพื้นเป็นทางยาว เธอยกปลายทิชชู่ตรงนั้นมาดูมีข้อความเขียนว่า
“Story of you & me”
และรูปการ์ตูนชาย-หญิงน่ารักๆแล้วในทุกๆแผ่นของทิชชู่ก็เป็นรูปตัวการ์ตูนชาย-หญิงนั้นกำลังเดินนำให้ตามไปเนตรสิตางศุ์ยิ้ม นึกสนุก เดินตามตัวการ์ตูนในทิชชู่ไป
เนตรสิตางศุ์เดินตามทิชชู่ผ่านไปตามทางในบ้าน ภาพการ์ตูนในทิชชู่ เป็นภาพเหตุการณ์ของวรวรรธกับเนตรสิตางศุ์ เช่นตอนเจอกันครั้งแรก ตอนเจอป้าสุดใจถือไม้เรียว ตอนช่วยใบหม่อน
เนตรสิตางศุ์ตามมาจนทิชชู่สิ้นสุดลงตรงสนามหลังบ้าน
“อ้าว”
มีเสียงกีตาร์ เสียงเพลงดังออกมา วรวรรธนั่งอยู่ที่อาร์มแชร์ด้านหนึ่งเล่นกีตาร์ ร้องเพลงไปเนตรสิตางศุ์ยืนฟัง ขำๆ
“ทำอะไรน่ะ”เสียงณัฐเดชดังขึ้น
ทุกคนเหมือนสะดุด แผ่นเสียงตกร่องณัฐเดชเข้ามา หน้าเข้ม ดุ
“นายคิดจะทำอะไร”
วรวรรธอึกอัก
“เอ่อ ผม...”
“พี่ณัฐ...”
ณัฐเดชรีบปรามน้อง
“อยู่เฉยๆ...เอ้า ไหน คิดจะทำอะไร ทำสิ”
วรวรรธชะงัก
“หา...”
“เตรียมอะไรไว้ ทำออกมาให้หมด” ณัฐเดชมองทิชชู่ “อ้อ ให้ยัยเนตรตามทิชชู่ออกมา แล้วก็มีร้องเพลงแล้วไงต่อไอ้หมอตาหนู เล่นต่อไป”
วรวรรธเหวอๆ จำต้องเล่นกีตาร์ต่อไปตามคำสั่งอย่างสั่นๆกลัวเกรงณัฐเดช
“คือ...พอจบเพลง... ผมก็จะ...เดินเข้ามา...พูด...พูดว่า...ประโยคสุดท้าย...อยู่...นี่ครับ”
วรวรรธยื่นกระดาษทิชชู่แผ่นสุดท้ายณัฐเดชรับทิชชู่มาอ่านข้อความ
“ขอบคุณที่ทำให้ผมมีความสุข...อื้ม แล้วไงต่อ”
“แล้วผมก็จะยื่นอีกแผ่น”
วรวรรธวางกีต้าร์ยื่นให้ณัฐเดชรับมาอ่าน
““รักนะ อื้ม แล้วไงต่อ”
“แล้วผมก็จะพูด...พูด...ความในใจ”
“เยี่ยม...พูดมา”
วรวรรธหันไปมองเนตรสิตางศุ์
“เอ่อ...”
ณัฐเดชดุ
“มองฉัน”
วรวรรธจำต้องหันมามองหน้าณัฐเดช
“หลับตาสิครับคุณเนตร”
“สมมติว่าฉันหลับแล้ว”
“คุณรู้มั้ย...ทุกครั้งที่ผมเห็นคุณต้องหลับตาเพราะบางสิ่งบางอย่างที่คุณไม่อยากมองผมอยากจะช่วย แต่ผมทำอะไรไม่ได้สิ่งเดียวที่ผมทำได้ ก็คือ ผมจะอยู่ข้างๆคุณ...จับมือ...แบ่งเบาความกลัวให้กำลังใจทำให้คุณรู้ว่า คุณไม่ได้เผชิญกับเรื่องเลวร้ายตามลำพัง ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอด”
ณัฐเดชส่ายหน้า
“ฮึ สคริปต์เห่ยมาก...แล้ว”
“แล้ว...เพลงจะหยุด ผมจะคุกเข่าแล้วก็พูดว่า...”
วรวรรธหยิบกล่องแหวนออกมา อึกอักสุดๆ แทบร้องไห้
“แต่ง...แต่งงานกับผมนะครับคุณเนตร”
ณัฐเดชชม
“โรแมนติกมาก”
“ที่เหลือก็คือคำตอบของคุณเนตรแล้วครับ”
เนตรสิตางศุ์พูดขึ้น
“พี่ณัฐคะ ให้เนตรตอบ...”
ณัฐเดชสวน
“เดี๋ยว...ไอ้หมอตอบมานายมีดีอะไรที่น้องสาวฉันจะต้องแต่งงานด้วย”
“ผม...ผมไม่เจ้าชู้”
“แค่นั้น งั้นก็แปลว่าน้องฉันแต่งงานกับใครก็ได้...ที่ไม่เจ้าชู้”
“ผมไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน”
“คนแบบนั้นมีเยอะแยะ”
วรวรรธพยายามหาเหตุผล
“ผม...ผมเรียนเก่งผมเล่นกีฬาได้ทุกอย่างรักบี้ ว่ายน้ำ ฟุตบอล แบตบาส ตะกร้อผมเป็นหมอเก่งมากด้วยฐานะผมก็มั่นคงดูแลคุณเนตรได้และ...และ” วรวรรธเหลืออด ของเริ่มขึ้น “และผมรักคุณเนตรอยากอยู่กับคุณเนตรต่อให้คุณเนตรจะเห็นผีทุกวันทุกวินาที ผมก็ไม่กลัว เพราะอะไรรู้มั้ยเพราะพี่น่ากลัวกว่าผีทุกตัวในโลกผมยังไม่กลัวเลยเพราะฉะนั้นเลิกข่มขู่ผมซะทีผมรักน้องสาวพี่ ให้ผมแต่งงานกับน้องสาวพี่เข้าใจมั้ย” วรวรรธเผลอดุ นึกขึ้นได้ เลยเสียงอ้อน “นะครับ”
ณัฐเดชยิ้ม พอใจ
“เอ้า เนตร ตอบสิ”
วรวรรธตะลึงที่ณัฐเดชเปิดทางให้
“ดูแลน้องฉันไม่ดี แกตาย”
วรวรรธตะโกนลั่น
“เย้”
เนตรสิตางศุ์ขัดขึ้น
“เดี๋ยวค่ะ เนตรยังไม่ได้ตอบตกลงเลย”
วรวรรธชะงัก
“อ้าว...แล้วคุณเนตรจะไม่ตกลงเหรอครับ”
“ตกลงค่ะ”
วรวรรธดีใจ กอดเนตรสิตางศุ์ณัฐเดชเข้ามากอดด้วย มีความสุข
คอนโดติณห์เช้าวันใหม่...นาฬิกาปลุกเครื่องที่1..เครื่องที่2...-3 - 4 - 5-6ดังขึ้น เครื่องเสียงทำงานเองทีวีที่ตั้งเวลาเปิดไว้ ก็เปิดเองมือถือที่วางคนละมุม ต่างก็ทยอยดังกันขึ้นมาที่หน้าจอเห็นเป็นชื่อของ ญาณิน-สุคนธรส-กรรณา-กรรัมภา-เนตรสิตางศุ์ ทุกคนหลับสนิท อย่างหมดสภาพ กองเกยพาดกันไปมาจุนจีสลึมสลือ
“ไอ้กุ๊ก...โทรศัพท์”
ลีจองกุ๊กคว้าเท้าใครสักคนขึ้นมา
“สวัสดีครับ...โหล...ทำไมไม่พูด...ไรวะ” ลีจองกุ๊กนอนต่อ
ไตรรัตน์หยีตา
“ใครเปิดไฟว่ะ แสบตา”
พงศ์อินทร์เด้งขึ้นมา“เฮ้ยๆ เช้าแล้วเว้ย” แล้วล้มนอนต่อ
วรวรรธงัวเงีย
“ทำไม...รู้สึกเหมือนมีอะไรต้องทำ เช้านี้”
ติณห์พูดขึ้น
“แกต้องไปงานแต่งไง แกต้องเข้าพิธีกับคุณเนตร บ่ายโมง...ปาร์ตี้จนลืมเลยนะไอ้หมอ ฮะๆ”
จุนจีมองหน้าติณห์
“แกก็แต่งพร้อมมันไม่ใช่เหรอไอ้ฝรั่ง”
ติณห์นึกได้
“แกก็ด้วยไอ้เกายิกๆ”
ไตรรัตน์หงุดหงิด
“เงียบๆหน่อย”..พวกแกต้องไปแต่งงานทั้งสามตัวนี่แหละไทย ฝรั่ง เกาหลี สามเรื่องควบ”
ทั้งสามคนมองเวลาวรวรรธบ่นเบาๆ
“เวร”
ติณห์ไม่เข้าใจ
“ว็อท”
จุนจีลืมตา
“ออม่อ”(ตายล่ะ)
แล้วทันใด ทั้งสามว่าที่เจ้าบ่าวก็ลุกพรวดขึ้นมา แหกปากซ้ำๆว่า..ว้อทๆ / เวรๆ / ออม่อๆลีจองกุ๊ก พูดขึ้น
“พวกแกมีเวลาอีก...สี่สิบห้านาทีก่อนพิธีจะเริ่ม”
สามว่าที่เจ้าบ่าวเหมือนได้รับสัญญาณสต๊าร์ท แยกย้ายพุ่งกันไปคนละทาง ส่งเสียงบ่นโวยวายไปตลอดเวลา ไม่รู้จะเริ่มต้นจากอะไรก่อนหลัง
ลีจองกุ๊กลุกพรวดขึ้นมา เพราะนึกขึ้นได้
“เฮ้ยบริษัทส่งศิลปินใหม่มาด้วยนี่หว่า ฉันต้องไปดูแล”
ลีจองกุ๊กรีบลุกพรวดไปอีกคนแล้วก็กลับวิ่งมาปลุกพงอินทร์กับไตรรัตน์
“เฮ้ย แฟนพวกแกโทรมา...ไอ้โจ้ ของแก...เจ็ดสิบเจ็ดมิสคอล”
พงอินทร์หน้าตื่น
“หา...”
“ยัยกรรณโคตรจิกเลย ฮะๆ” ไตรรัตน์หัวเราะ
ลีจองกุ๊กหันมาบอกไตรรัตน์
“ของแก...สองร้อยสามสิบเก้ามิสคอล”
ไตรรัตน์ตะลึง
“หา”
พงอินทร์หันมาแซว
“โดนเสกควายเข้าท้องแน่”
สุคนธรสโทรเข้ามาคามือไตรรัตน์ ที่หน้าจอขึ้นรูปสุคนธรสหน้าเหี้ยมๆ ไตรรัตน์ผวา ราวกับเจอผี รีบวิ่งแจ้นไป
เกิดความชุลมุนวุ่นวายในห้อง ติณห์-ปาร์คจุนจี-วรวรรธแย่งกันจะเข้าห้องน้ำ แล้วไปเบียดเสียดคากันที่หน้าห้องน้ำ ผลักกันกระเด็นออกมา สุดท้าย ลีจองกุ๊กพงอินทร์ ไตรรัตน์วิ่งเข้าห้องน้ำไปต่อๆกัน
“ฉันก่อนๆ”
“ฉันด้วยๆ”
“ตายๆ”
สามหนุ่มวิ่งเข้าห้องน้ำไปแล้วปิดประตูล็อคซะงั้นไตรรัตน์ ลีจองกุ๊กพงอินทร์แก้ผ้าอาบน้ำรวมกัน ไม่สนใจกัน ลีจองกุ๊กไปนั่งชักโครกพงอินทร์กับไตรรัตน์ขับไล่ เอาน้ำฉีด ลีจองกุ๊กแย่งฝักบัวไม่ได้ เอาฝักบัวชำระมาใช้อาบแทน
ติณห์ จุนจี วรวรรธทุบประตูห้องน้ำ โวยวาย เพราะพวกตนต้องแต่งงาน
“อีกสี่สิบนาที...ไม่อาบแล้วโว้ย”
ติณห์วิ่งไปแต่งตัวเปิดตู้ หยิบอะไรมาได้ก็เอามาใส่ พยายามใส่กางเกง แต่ฟิตมาก วรวรรธเข้ามา
“นั่นกางเกงฉัน”
วรวรรธจะแย่งกางเกงคืน แต่ติณห์ไม่คืนจุนจีเอาเสื้อมาสวม วรวรรธหันไปโวย
“นั่นเสื้อฉัน”
จุนจีก็ไม่แคร์แล้ว สวมเสื้อต่อไป วรวรรธเลยหันไปคว้า อะไรที่เหลือๆอยู่หยิบมาได้ ใส่ๆเข้าไปพงอินทร์ ไตรรัตน์ ลีจองกุ๊กตามเข้ามาสมทบ รีบร้อนหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก็พบว่าถูกแย่งไปใส่แล้วบ้าง หาของตัวเองไม่เจอบ้าง ส่งเสียงให้ช่วยส่งนั่นส่งนี่มาให้ไตรรัตน์ พงอินทร์ ลีจองกุ๊กรุมวรวรรธ
“นั่นเสื้อฉัน / หูกระต่ายฉัน / กางเกงในฉัน”
สามคนเข้าไปรุมแย่งคืน วรวรรธไม่ยอมคืน
“ก็พวกมันเอาของฉันไป ไปเอาคืนมาก่อนเซ่”
ทั้งหกคนรุมแย่งเสื้อผ้ากันมาไป ชุลมุน อีรุงตุงนังติณห์แหวกตัวเองออกมาจากวงแย่งเสื้อผ้าได้
“ฉันเสร็จแล้ว จะไปแล้วนะ”
ทุกคนมองสภาพติณห์ หัวฟู เสื้อติดกระดุมผิด เอากระดุมเสื้อไปติดกับรูกระดุมกางเกง กางเกงก็ฟิตเปรี๊ยะ ขาเต่อทุกคนที่แต่งตัวค้างๆอยู่ ชะงักหมดพงอินทร์มองๆ
“จะไปเล่นตลกคาเฟ่ไหน”
วรวรรธโวย
“เอาเสื้อกูคืนมา”
งานแต่ง แขกทยอยกันเข้ามามิรันตียืนต้อนรับผู้การ กับณัฐเดชบริกรเดินเสิร์ฟน้ำผู้การเดินเข้ามาแต่งหล่อมากมิรันตีกระซิบ
“ณัฐเดชๆ...นี่ๆ ท่านผู้การของเธอน่ะ ยังไม่มีเมีย ใช่มั้ย”
“ยังครับ”
ณัฐเดชรีบไปรับ
“สวัสดีครับผู้การ ขอบคุณมากเลยครับที่สละเวลามา”
“ไม่มาได้ไงคุณและน้องๆคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตผมต่อให้ตายผมก็จะมาแล้วถ้าเป็นไปได้ ถ้าหมอวรวรรธคุณมีลูก ผมก็อยากจะเป็นพ่อทูนหัวด้วย”
ณัฐเดชอึ้ง ไม่ได้อยากให้มาเป็น
“ดีใจจนพูดไม่ออกเลยเหรอไม่ต้องขอบคุณผมรู้ ฮะๆ” ผู้การหัวเราะขำ
มิรันตีได้จังหวะโผไปทันที
“ไฮ ท่านผู้การคะเชิญค่ะ ดิฉันจะพาไปนั่งเองนะคะ เชิญค่ะ เชิญๆ”
ผู้การชะงัก
“นี่...คุณคือ...”
มิรันตียิ้มหวาน
“มิรันตี มอมมี่ของติณห์ไงคะ”
“โอ๊ว...อ๊า...ผมนึกว่าซิซเตอร์ของคุณติณห์ซะอีก วันนี้คุณดู...สด...มากนะครับ”
มิรันตีชะงัก
“สด”
แม่ญาณินถือดอกไม้สำหรับพวกเจ้าสาว ก้องฟ้าช่วย ท่าทางรีบๆกัน ผ่านไปผู้การหันขวับ
“อุ๊ยโหย๋ว”
มิรันตีหันตามแล้วชะงัก
“ฮะ...นั่น...คือ...”
ผู้การตาเป็นประกาย
“สวย สง่า...ดูดี...มีรสนิยมมาก”
“อ๋อ...ท่านเคยเป็นนางแบบเก่านะครับสมัยไหนผมก็จำไม่ได้” ณัฐเดชบอก
มิรันตีไม่พอใจ
“นางเป็นใคร”
“อ๋อ...คุณแม่ญาณินไงครับ”
มิรันตีอึ้งๆ
“อุ๊ตะ...”
ผู้การชื่นชม
“ทำไมสาวแบบนี้”
มิรันตีทำตากลับ
คุณหลวงกับโกลเดนเบบี๋ เดินมาดูรอบๆ
“เฮ้อ...ในที่สุดก็แต่งงานกันซะที ฉันจะได้ไปเกิด”
“คุณตามาเกิดเร็วๆนะ หนูจะได้มาช่วยพี่ญาณินเลี้ยงคุณตา”
“แล้วแกจะไม่ไปเกิดบ้างหรือไง โกลเดน”
“ไม่รู้สิ คงอีกนานแหละ”
“งั้นแกก็หมั่นทำบุญเยอะๆนะ เผื่อจะได้ขึ้นสวรรค์”
“วนไป ก็วนมา เวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ”
“ใช่...ฉันก็ยังมีกรรม ห่วงใยลูกหลานทรัพย์สมบัติอยู่เนี่ยล่ะชาติหน้า ถ้าได้เกิดมา ก็จะพยายามแก้ไขความผิดพลาดที่เคยเป็นตอนเป็นหลวงพิชัยภักดีที่เคยทำบาปกรรมกับคนไว้ไม่น้อย”
“เหมือนลงเรียนวิชาซ้ำๆเลยนะคะ คุณตา ถ้ายังสอบตกอยู่ ก็ต้องเกิดมาแก้ตัวไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสอบผ่านหมด ถึงจะไม่ต้องเกิดได้ซะที”
คุณหลวงจับหัวโกลเดนเบบี๋โยกไปมา
ป้าสุดใจเดินเข้ามา ยืนมองรอบๆ เด๋อๆก้องฟ้าเดินออกมา
“อ๊าย...คุณป้าสุดใจจำผมได้ไหม ผมเคยไปค้างบ้านคุณป้าไง กับพี่ๆเขาไงครับ”
“อ้าว นายก๊อง ทำไมฉันจะจำเธอไม่ได้ ใส่ตุ้มหูสวยนะ วันนี้ เพชรพราวเชียว ทำไมไม่แต่งหน้าด้วยล่ะ ออกงานออกการ ปัดแก้มอ่อนๆ แล้วกรีดอายเลเน่อร์นิดๆก็ไม่น่าเกลียดนะ สมัยนี้ สังคมเขายอมรับกันแล้ว ไม่ต้องแอ๊บแมนแบบนี้หรอก เราต้องเปิดเผยตัวตนสิ”
“อุ่ย...ไม่ใช่อย่างน้านคร้าบ”
“ไม่ต้องกลัว ที่โรงเรียนฉันก็มีลูกศิษย์แบบเธอหลายคน แต่ละคนก็มีพรสวรรค์ไปในทางต่างๆ เธอต้องไม่คิดว่ามันเป็นปมด้อย แต่ต้องคิดว่า...เธอ...คือคนพิเศษ”
จารุณีมาถึงพอดี ได้ยินช่วงท้ายพอดี
“คนพิเศษเหรอที่จริงน้องก๊องเที่ยวหลอกพวกอาจุมม่าทั้งหลายให้หลงรักงั้นเหรอ”
จารุณีเดินเข้ามา
“น้องก๊องผู้หญิงคนนี้คือ...”
ป้าสุดใจหันมาจารุณีชะงักทั้งสองมองกัน
“สุดใจ”
“จารุณี”
ทั้งสองกรี๊ด เบิดตากว้างจารุณีร้องออกมา
“เขว เขว เขว เสแสร้งแต่งเป็นพม่า”
สุดใจต่อ
“ถือกลองเดินย่องออกมา”
สุดใจกับจารุณีเกี่ยวแขนกัน เต้นเป็นวง
“เอาว่าทุงยา บ่าเล เอาว่าทุงยา บ่าเล เลเล้เลเลเลเหล่”
สองคนหัวเราะ แล้วกอดกันก้องฟ้างงๆ
“หา...ยังไงกันครับ”
จารุณีเอามือกันออกไป
“อย่าเพิ่งมากวนใจ มักเน่ เพื่อนเก่าเขาจะคุยกัน”
สุดใจยิ้มดีใจ
“เธอสวยมาก แล้วก็เด็กมากเลย จารุณี”
“ขอบใจจ้า เธอก็เหมือนกัน ใซ้..ใส...นี่...เธอชอบดูซีรี่ส์เกาหลีไหม”
ทั้งสองจูงกันเข้าไป
ทั้งหกหนุ่มวิ่งออกจากลิฟท์ ไล่ตามกันมาติดๆ แต่ละคนแต่งตัวไม่สมบูรณ์แต่ใส่ของตัวเองถูกต้องแล้วบางคนเสื้อยังไม่ติดกระดุมบางคนกางเกงยังใส่ไม่เสร็จบางคนยังไม่ใส่เสื้อใส่แต่เสื้อกล้ามข้างในบางคนไม่ได้รูดซิปกางเกงทุกคนวิ่งเท้าเปล่าหิ้วรองเท้า หัวฟู
“เฮ้ย ฉันลืมถุงเท้า รอแป๊บนึง” พงอินทร์นึกได้
ไตรรัตน์รีบขัด
“ไม่ต้องเอาแล้ว ไปๆ”
จุนจีวิ่งถือไดร์เป่าผมมาด้วยลีจองกุ๊กหันไปถาม
“จะเอาไดร์มาทำไม”
“มาเซ็ทผมสิไอ้กุ๊ก ซุปตาร์อย่างฉัน พลังอยู่ที่ทรงผมเว้ย”
ลีจองกุ๊กตบหัว
“แล้วมึงจะเอาปลั๊กที่ไหนเสียบไอ้โง่”
“เดี๋ยวนี้ เรียกมึงแล้วเหรอไอ้กุ๊ก”
“ก็ฉันไม่ได้ดูแลนายแล้วนี่หว่า...ไอ้บ๊อง”
ติณห์วิ่งมาที่จอดรถมีรถจอดขวางรถเขาอยู่
“เข็น”
ทุกคนรีบไปเข็น แต่ไม่สำเร็จ ลีจองกุ๊กตะโกนเรียก
“ยาม...ยามอยู่ไหน”
“ไม่ไหวแล้ว ผมไปแล้วโว้ย”
วรวรรธร้อนใจวิ่งนำ คนอื่นๆวิ่งตาม
วรวรรธวิ่งนำมาตามถนน คนอื่นๆวิ่งตามมาทุกคนยังมีปัญหากับการใส่เสื้อผ้า
“ฉันรูดซิปไม่ได้” พงอินทร์โวยวาย
“ทรงผมฉัน ดีรึยัง” จุนจีเอามือตะกุยๆ
ไตรรัตน์หยิบมือถือมามอง
“สุคนธรสโทรมา...ทุกคนเงียบ”
ทุกคนหยุดวิ่งพร้อมใจกันฮึ่บเงียบเสียงแทบไม่หายใจแข็งค้างราวกับก้อนหินเลยทีเดียวไตรรัตน์รับสาย ทำเสียงปกติ
“จ๋าที่รัก...ใกล้ถึงแล้วจ้ะ อีกห้านาทีก็ถึง สบายใจได้เลยแค่นี้ก่อนนะ จุ๊ฟๆ”
ไตรรัตน์วางสาย ทำท่าจะอ้วกแพ้ท้องแทนเมียพงอินทร์หันไปถาม
“ไหวไหม”
“ฉันไม่ได้จะอ้วกเพราะเหนื่อยโว้ย”
ทุกคนงงๆติณห์โพล่งออกมา
“มันอ้วกแทนเมียมัน”
ทุกคนวิ่งต่อ
สุคนธรสในชุดเพื่อนเจ้าสาว วางสาย เดินเข้าไปห้องแต่งตัวเจ้าสาว...
“พวกผู้ชายมาจะถึงแล้ว อีกห้านาที”
สุคนธรสท้องโย้6เดือนแล้ว เดินกินมะขามคลุกในกระปุกตลอดเวลาญาณิน กรรัมภา เนตรสิตางศุ์ อยู่ในชุดเจ้าสาว ยืนส่องสำรวจความเรียบร้อยของชุดเจ้าสาวโดยมีแม่ญาณินช่วยดูแล
“ลูกๆสวยกันมากเลยจ้ะ”
“ขอบคุณคุณแม่มากค่ะ...ถ้าไม่ได้คุณแม่ช่วยดูแลพวกเราคงทำไม่ได้ดีขนาดนี้”
“ไม่ได้สิ ลูกๆทำงานหนักกันมามากแม่ไม่มีโอกาสได้ช่วยเลย”
“ชุดของคุณแม่ ถูกใจพวกเราที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ”ทุกคนมารุมไหว้
แม่ญาณินยิ้มแย้ม
“แม่ขอบใจทุกคนมากที่อยู่เป็นเพื่อนกันไม่เคยทอดทิ้งกัน”
“เพื่อนๆทั้งหมดนี้ของหนูเป็นยิ่งกว่าเพื่อน เป็นยิ่งกว่าพี่น้องยิ่งกว่าญาติถ้าไม่มีพวกเขา ก็จะไม่มีญาณินมีชีวิตอยู่รอดมาจนทุกวันนี้รักพวกแกทุกคนนะ”
กรรัมภายิ้ม
“ฉันก็รักพวกแก”
“แต่งงานไปแล้ว พวกแกก็จะยังเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีชิวตฉันอยู่นะ” เนตรสิตางศุ์พูดซึ้งๆ
“ฉันจะให้ลูกเรียกพวกแกทุกคนว่าน้าจะไม่ให้เรียกป้าเด็ดขาด” สุคนธรสน้ำเสียงจริงจัง
กรรณายิ้ม
“ดีมาก”
ทุกคนตะโกนลั่น
“เย้...”
ทั้งห้ากอดกันกลม อยู่ๆก้องฟ้าวิ่งพรวดเข้ามา
“แย่แล้วพี่...ดูนี่”
ก๊องยื่นมือถือให้ดู ในมือถือ เป็นภาพที่จองกุ๊กถ่ายในถนน ระหว่างวิ่ง เขียนข้อความว่า “แท็กซี่ไม่ยอมรับพวกเรา มันแย่มาก แบบนี้จะไปทันไหม”พวกสาวๆมารุมดู
“พี่จองกุ๊กเพิ่งจะอัพอินสตาแกรม เดี๋ยวนี้เองครับ”
สุคนธรสอ่าน
“แท็กซี่ไม่ยอมรับพวกเรา มันแย่มาก แบบนี้จะไปทันไหม”
กรรณาหน้าตื่น
“หา ดูภาพข้างหลังสิ มันตึกใกล้ๆคอนโดคุณติณห์เองนี่นา”
ญาณินชะงัก
“อะไรนะ”
เนตรสิตางศุ์มองหน้าสุคนธรส
“ไหนว่าอีกห้านาทีไง”
สุคนธรสโกรธ
“ไอ้ไตวายจะเป็นพ่อคนอยู่แล้ว ยังโกหกอีกเหรอ”
พวกว่าที่เจ้าสาวเริ่มใจเสีย กลัวเจ้าบ่าวมาไม่ทัน กลัวงานล่ม กลัวแขกด่ากรรัมภาเครียด
“ถ้ามาไม่ทัน...”
พวกผู้หญิงสยองใจ
ริมถนนหน้าสวนสาธารณะ จองกุ๊กวิ่งพลาง ร่าเริงกับมือถือ
“ไอ้กุ๊ก แกทำอะไร” จุนจีเข้ามาชะโงกดู
“อินสตาแกรม โอ๊ย...คนมารุมให้หัวใจกันเป็นร้อยเลยแป๊บเดียวเอง”
“พวกห้าสาวฟอลโล่แกอยู่หรือเปล่า”
ลีจองกุ๊กชะงัก
“อุ๊บ”
“ไอ้กุ๊ก ถ้าพวกผู้หญิงรู้ ตายหมู่แน่”
จุนจีจะเอาเรื่องลีจองกุ๊ก
“พอๆๆ ทำไงดี ไม่มีรถไหนจอดเลย” พงอินทร์ห้าม
ติณห์มองรอบๆ หาทาง แล้วชะงัก ชี้ที่ประตูสวนสาธารณะ
“สวน...”
ไตรรัตน์มองตาม
“ใช่...สวน”
วรวรรธพูดขึ้น
“วิ่งผ่านสวนนี้ไป”
พงอินทร์เสริม
“ก็จะถึงหน้างานพอดี”
จุนจีกังวล
“สวนใหญ่มากไหม”
ไตรรัตน์กับติณห์ตอบพร้อมกัน
“ใหญ่มาก”
“แต่ก็ดีกว่ารถติดนะครับ” วรวรรธวิ่งนำเข้าไป “ผมไปแล้วโว้ย”
ทุกคนวิ่งตาม
ทุกคนวิ่งผลัดกันแซง ผลัดกันหอบ ผลัดกันฉุดติณห์สะดุด หัวทิ่ม กำลังจะล้มไตรรัตน์โดดมา ดึงไว้
วรวรรธ เข้ามาฉุดมือทุกคน เข้ามาช่วยประคองจนไม่ล้มลงไปทุกคนมองหน้ากัน หัวเราะ ขำไตรรัตน์โล่งใจ
“เกือบไปแล้ว”
ติณห์มองเพื่อนๆ
“เฮ้ย ฉันขอพูดอะไรหน่อยดิฉันขอบใจมากที่พวกแกช่วยเหลือฉันมาทุกเรื่อง ฉันดีใจมากที่ได้รู้จักพวกแกเป็นเพื่อน”
วรวรรธยิ้ม
“เหมือนกัน ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะสนิทกับพวกคุณได้ แต่ก็ดันมาสนิทกัน”
“จะบอกว่า...เหมือนมีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงพวกเราเอาไว้งั้นสิ” พงอินทร์ดักคอ
ไตรรัตน์พยักหน้า
“ก็อาจจะใช่นะพวกห้าสาวเกิดวันเดือนปีเดียวกัน ถูกเชื่อมโยงเอาไว้ด้วยซิกส์เซ้นส์เป็นชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ส่วนพวกเรามาเป็นแฟนของห้าสาวแสดงว่า พวกเราก็ต้องมีชะตากรรมที่เกี่ยวข้องกันเหมือน”
“ฉันรู้ว่าอะไร แต่เราสี่คนเท่านั้นที่มีชะตาเกี่ยวข้องกัน แต่ไอ้นี่ ไม่ใช่” จุนจีชี้วรวรรธ
“ทำไม”วรวรรธถามอย่างไม่เข้าใจ
“เราทุกคนมีผีเป็นของตัวเอง ฉันมีคุณย่าเป็นผี” จุนจีอธิบาย
ติณห์เสริม
“ฉันมีผีแกรนด์ปา”
ไตรรัตน์ต่อ
“ฉันมีผีน้องสาว”
“ฉันมีผีพี่สาว” พงอินทร์บอก
จุนจีมองวรวรรธ
“แกมีผีอะไร”
ทุกคนจ้องวรวรรธตาโต จริงด้วยวรวรรธอึกอัก
“ฉัน...ฉันไม่มี”
ทุกคนรุมล้อ
“หว๋ายๆ ไม่มีผีเป็นของตัวเอง หว๋ายๆ”
วรวรรธครวญครางมากๆที่ไม่มีญาติเป็นผีเป็นของตัวเอง ราวกับเป็นปมด้อย
“นึกได้แล้วฉันมีผีเป็นฝูงเลยในห้องชัณสูตร คุณเนตรก็เคยเห็น ไม่เชื่อถามคุณเนตรได้เลย”
ติณห์นึกได้
“เดี๋ยวนะจะหยุดคุยกันอีกนานมั้ย”
ทุกคนหน้าตื่น
“จ๊าก...”
ทุกคนรีบวิ่งต่อ
ลีจองกุ๊กวิ่งนำมา
“ดูสิ ถึงแล้วๆ”
ทุกคนหยุดหอบ ลีจองกุ๊กเร่ง
“อย่าหยุดๆ ไปต่อ” ลีจองกุ๊กวิ่งไปสองก้าว แล้วเบรก
ทุกคนที่ตามมาชนเอี๊ยดแทบล้มทับกัน
“ไอ้บ้า...เบรกทำไมวะ” จุนจีด่า
“ดูข้างหน้าเด่ะ”
ริมถนนหน้าที่จัดงาน พวกแฟนคลับของจุนจี ยืนถือป้ายก่อม้อบขวางถนนเอาไว้อยู่ ต่างส่งเสียงโห่ร้อง น้ำตานองหน้า จะไม่ยอมให้จุนจีแต่งงาน
“จุนจีจุนจี”
จุนจีอึ้งๆ
“ตั้งหลายเดือนแล้ว เสน่ห์ฉันยังไม่จางเลยเหรอวะความหล่อมันน่าเบื่อจริงๆ”
ติณห์ร้อนใจ
“เหลือเวลาอีกห้านาทีฝ่าไปสิวะไอ้จองกุ๊ก ไปๆ”
ลีจองกุ๊กรีบขัด
“ฝ่าไม่ได้ ขวางเต็มถนนเลย”
“แฟนคลับใคร ก็จัดการเอาเองแล้วกัน ผมไปแล้วโว้ย”
วรวรรธวิ่งไปเลยทุกคนตะลึงจุนจีกลัวโดนทิ้ง
“พวกเรา...ถูกเชื่อมโยงกันไว้ด้วยชะตากรรมใช่มั้ย”
ไตรรัตน์แทรกขึ้น
“เราอาจจะคิดมากกันไปเองก็ได้”
พงอินทร์เห็นด้วย
“ซึ่งฉันว่าจริง”
ติณห์ยิ้มให้
“โชคดีนะจุนจี”
ติณห์ ไตรรัตน์ พงอินทร์วิ่งฝ่าแฟนคลับไปจุนจีตะลึง
“เฮ้ยๆ”
ลีจองกุ๊กมองจุนจี อาลัย บ๊ายบายจุนจีรีบตะครุบตัวไว้
“แกห้ามทิ้งฉัน”
“จุนจี...ท่านประธานบริษัทมาร่วมงานด้วย ถ้าฉันไม่โผล่หัวไปต้อนรับ ฉันตายแน่”
“แล้วฉันล่ะ”
“แกไม่ใช่ศิลปินในบริษัทแล้วเสียใจด้วย”
ลีจองกุ๊กทิ้งจุนจีไป เขาตามเกาะแต่ลีจองกุ๊กสะบัดจนหลุดแล้ววิ่งหนีไป เหลือจุนจีที่จะวิ่งตาม แต่ต้องผงะ เพราะแฟนคลับเผชิญหน้าอยู่
“ออม่อๆ”
แฟนคลับวิ่งไล่จุนจีวิ่งหนีสุดชีวิต
อ่านต่อหน้า 4
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 26 อวสาน (ต่อ)
กรรัมภารับสายโทรศัพท์
“อะไรนะ”
ญาณินกับเนตรสิตางศุ์ตามมาคอยฟังด้วย
“จุนจีถูกแฟนคลับกันเอาไว้ที่สวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามโน้น”
ญาณินกับเนตรสิตางศุ์รีบถาม
“แล้วติณห์ล่ะ / แล้วหมอล่ะ”
กรรัมภาประชด
“ไม่รู้มาก่อนเลยว่าพวกแกจะห่วงจุนจีมากขนาดนี้” กรรัมภาหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ “คุณก็หาทางเข้ามาสิ ต้องเข้ามาให้ได้เข้าใจมั้ย”
ก้องฟ้าโผล่เข้ามา
“แขกเข้างานหมดแล้ว อีกห้านาทีได้เวลา พร้อมยังพี่”
เนตรสิตางศุ์สวนทันที
“เจ้าบ่าวยังไม่มาจะพร้อมได้ยังไง”
ญาณินร้อนใจ
“ฉันออกไปตามติณห์ดีกว่า”
“ไปด้วย”
กรรณารีบขวาง
“เจ้าสาวห้ามออกไปไหนกลับไปนั่งที่”
สุคนธรสมองเพื่อนๆ
“อย่าทำให้คนท้องเป็นห่วง ไม่งั้นฉันคลอดก่อนกำหนดไม่รู้นะ”
ญาณินกับเนตรสิตางศุ์ไปนั่งลง เครียดๆสุคนธรสปราม
“จะทำหน้าเครียดทำไมเดี๋ยวฉันเครียดด้วยหลับตาๆสงบจิตสงบใจหายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ เข้าพุทธ ออกโธ”
“เออดี ทำจิตให้สงบ ว่างเปล่า ผัวไม่มา ผัวไม่มี เรื่องธรรมชาติ” ก้องฟ้าเสริม
สุคนธรสกับกรรณาตวาด
“ก๊อง”
โกลเดนเบบี๋โผล่แว่บเข้ามา
“หนูไปสืบมาแล้วตอนนี้พี่ๆทุกคนกำลังวิ่งข้ามถนนมาแล้วยกเว้นพี่จุนจีคนเดียวที่ติดแฟนคลับมาไม่ได้”
ญาณินกับเนตรสิตางศุ์ดีใจ
“กำลังมา”
กรรัมภาหน้าเครียด
“ไม่ๆฉันต้องได้แต่งงานโลกต้องจารึกชื่อฉันว่า กรรัมภา หญิงผู้สึกซุปตาร์ หัวเด็ดตีนขาด วันนี้ฉันก็จะแต่งงานกับจุนจีให้ได้”
กรรัมภามุ่งมั่น จะเอาให้ได้
ปาร์คจุนจีวิ่งมาแอบมุมหลบซ่อน
“เอาไงดีๆ อีกสามนาที”
พวกแฟนคลับวิ่งผ่านมาเจอพอดี
“จุนจี”
พวกแฟนคลับชี้กันว่าจุนจีอยู่ทางนี้ทั้งหมดรีบวิ่งกรูกันมาอีกจุนจีหนีไปพูดไป
“อย่า...พลีส...ได้โปรด...แฟนคลับจ๋าปล่อยผมไปปล่อยให้จุนจีไปแต่งงานเถอะนะ จุนจีรักคุณแก้มจุนจีสัญญาว่าคุณแก้มจะเป็นภรรยาตามกฎหมายเพียงคนเดียว ส่วนพวกคุณจะได้เป็นเจ้าของหัวใจของจุนจีเท่าๆกันทุกคน”
“จุนจี”
พวกแฟนคลับไม่ยอม วิ่งไล่จะจับตัวให้ได้ แล้วทั้งหมดก็เกือบจะดึงตัวได้แล้ว แต่จุนจีก็ดิ้นๆจนหลุดทันใด มีรถแล่นปราดมาจอด ตรงหน้ากรรัมภาโพล่งหน้ามา
“จุนจี”
จุนจีรีบวิ่งไปโดดขึ้นรถทันที
“พวกหล่อนไม่มีวันหยุดยั้งงานแต่งของฉันได้หรอกย่ะ”
กรรัมภาขับรถพาจุนจีออกไปพวกแฟนคลับวิ่งไล่รถเป็นพรวน กรี๊ดๆ
จุนจีนั่งมาในรถ โล่งอก แทบตาย
“คุณแก้มขอบคุณแล้วคุณจะไปไหน งานอยู่ทางโน้น”
“เข้าไปในงานไม่ได้ ก็ไปแต่งที่อื่น”
กรรัมภาซิ่งจุนจีเหวอ
“เฮ้ยๆ”
กรรัมภาต้องไปให้ทันฤกษ์แต่ง
พวกแขกทยอยเข้าไปในงานหมด นั่งยืนคุยกันคุณหลวงกับโกลเดนเบบี๋อยู่ด้วยกัน
“ในที่สุดก็ใกล้เวลาจะไปเกิดข้ามาทุกทีๆ”
“คุณตาเกิดมา ต้องมองเห็นผีนะ แล้วอย่ากลัวหนูนะ สัญญาสิคะ”
“สัญญา”
มิรันตียืนเผชิญแม่ญาณิน
“ต้องขอบคุณคุณมิรันตีจริงๆนะคะ ที่เอ็นดูยายญาณิน ฝากลูกสาวด้วยนะคะ ถ้าลูกทำอะไรผิดพลาดก็กรุณาแกด้วย”
“อุ๊ย...ญาณินแกเป็นเด็กน่ารักค่ะว่าง้ายว่าง่ายตอนฉันเห็นแกครั้งแรกฉันยังชมกับติณห์เลยค่ะ ว่าลูกสาวใครนะ น่ารักจริง คุณแม่คุณพ่อต้องอบรมมาอย่างดี ลูกสาวถึงได้นิสัยดี น่าเอ็นดูแบบนั้น”
แม่ญาณินยิ้ม
“จริงหรือคะขอบคุณค่ะ ที่จริง ดิฉันไม่ค่อยได้อบรมหรอกค่ะ ดิฉันอยู่ต่างจังหวัดตลอดเวลา บางทีก็ต้องไปต่างประเทศ เจอลูกก็ป๊อบแป๊บๆ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ”
“ไม่เป็นไรคะ ดิฉันรักนายติณห์มาก ตามใจลูกเสมอ ลูกรักใครฉันก็รักด้วยค่ะ”
ก้องฟ้าอยู่ที่ประตูด้านข้าง แอบมองบรรยากาศงานมุมหนึ่งอย่างร้อนใจ รีบหยิบมือถือมากดโทร
“ฮัลโหล พี่โจ้ พวกพี่อยู่ไหนแล้ว”
ณัฐเดชมาได้ยิน
“อะไรนะ อยู่ไหนแล้วงั้นเหรอ...หมายความว่าไง...ก๊อง”
ก้องฟ้าตกใจ
“เง้อ”
ณัฐเดชลากคอก้องฟ้าเข้ามาที่ห้องเจ้าสาว
“หมายความว่าไง เจ้าบ่าวไปไหน”
“ก็ผมกำลังโทอยู่ดีๆ พี่ณัฐก็มาขัดขวาง”
ญาณินกับเนตรสิตางศุ์ตกใจสุคนธรสปราม
“นายก็โทกลับไปใหม่สิ”
ก้องฟ้ากดๆ แล้วเงยมา
“แบ๊ตหมดครับ”
“เย้ย...ได้ไง”กรรณาหน้าตื่น
เนตรสิตางศุ์หวั่นๆ
“แล้วตกลงพวกผู้ชาย จะหนีงานแต่งงานเราเหรอ”
ณัฐเดชแปลกใจ
“แล้วนี่...ยายแก้มล่ะ ไปไหน”
“เขาหนีไปหาจุนจี ไปแต่งงานที่อื่นค่ะ” ญาณินบอก
“แปลว่า...เรามีเจ้าสาวสองคนเหรอ”
ทุกคนพยักหน้าอึ้งๆก้องฟ้าถอนใจ
“แต่มีเจ้าบ่าวศูนย์คน”
หนุ่มๆมาถึงกำลังจะเข้าไปด้านใน แต่อยู่ๆติณห์ชะงัก นึกได้ว่าลืมแหวน
“แหวน...แหวนอยู่ไหน”
ไตรรัตน์อึ้งๆ
“ไม่นะ ไม่ แกอย่าล้อเล่น”
“ของจริงว่ะ”
วรวรรธเซ็ง
“พระเจ้า เป็นลมแล้วความซวยมาเยือนแล้วโว้ย”
ทันใด เสียงดนตรีขึ้นทุกคนผงะ...
วงดนตรีบรรเลง เปียโน เชลโล่สุดใจกับจารุณียิ้มแย้มกัน จับเสื้อผ้า เผ้าผมให้สวยงามพอดีผู้อำนวยการเขตฝึกหัดเดินเข้ามา หน้าตื่นๆ ถือเอกสาร และท่องคำอวยพรมางึมงำๆ ก้มดูโพย
“เนื่องในวารดิถีเอ๊ย ไม่ใช่ ไม่ต้องดิถี เนื่องในวโรกาศ เอ๊ยผิดเอ...เนื่องใน...”
สุดใจได้ยินหันไปจารุณีหันไปด้วย
“ขอเชิญท่านผู้มีเกลียดเอ๊ย ผู้มีเกรียน เย้ย...ไม่ช้าย”
สุดใจหันไปถาม
“คุณเป็นใครคะ”
“ผมคือนายอำเภอ เอ๊ย...ผู้อำนวยการเขตที่มาเป็นประธานในงานแต่งงานวันนี้ครับ” ผู้อำนวยการซับเหงื่อ “ทำไงดีๆ”
“อะไรนะคะ”จารุณีถาม
“เอ่อ...คือ...ผมเพิ่งได้เป็นผู้อำนวยการวันแรก ก็ต้องมาเป็นประธานงานแต่งงานสมรสครั้งแรกก็เจองานสมรสหมูงานนี้ ที่เจ้าหน้าที่เขาบอกว่า งานนี้จะแปลกๆหน่อย...ผมงงครับ ยังไม่คุ้น”
“คนเรา...ต้องมีครั้งแรกเสมอค่ะ ไม่ยากหรอกค่ะ” สุดใจให้กำลังใจ
“ใช่ค่ะ ก็แค่กล่าวอวยพรกล่าวสั้นๆนะคะ อย่ายาวยาวคนเบื่อค่ะ” จารุณีแนะ
“เอ่อ...เห็นว่ามีเจ้าบ่าวสาม เจ้าสาวสาม อยู่ไหนกันมั่งล่ะครับ”
สุดใจมองหาเจ้าบ่าวไม่เจอ กระซิบถามจารุณีที่ยืนข้างๆ
“เจ้าบ่าวล่ะ”
จารุณีกระซิบถามต่อ
“เจ้าบ่าวล่ะ”
ในขณะที่กลุ่มผู้หญิงกระซิบถามต่อๆกัน ที่นั่งแถวด้านหลัง ผู้การก็กระซิบถามตำรวจอื่นๆเช่นเดียวกัน อีกแถวหนึ่ง คุณหลวง มิรันตีก็ถามเช่นเดียวกัน คำถามนี้อื้ออึงไปทั่วๆ
ประตูโบสถ์เปิดออกแขกในงานพากันลุกยืน มองไปที่ประตูโกลเดนเบบี๋โปรยดอกไม้นำหน้าขบวนเจ้าสาวญาณินกับเนตรสิตางศุ์เดินมาคู่กัน โดยมีณัฐเดชอยู่ตรงกลาง ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองให้เจ้าสาวควงเดินเข้ามาในงานพิธีที่ด้านหลัง สุคนธรสกับกรรณาเป็นเพื่อนเจ้าสาวญาณินกับเนตรสิตางศุ์ยิ้มแย้ม พยายามมองหาเจ้าบ่าวแต่ไม่มี ที่บริเวณพิธีมีแต่ผู้อำนวยการเขตยืนกางโพย ดูอยู่มุมหนึ่งญาณินกับเนตรสิตางศุ์งง ค่อยๆก้าวไป แอบกระซิบคุยกัน
“แปลว่า...พวกนั้นหนีเราไปงั้นเหรอ” ญาณินกระซิบถามอย่างสงสัย
“เป็นไปไม่ได้ค่ะ”
ณัฐเดชเตือน
“ยิ้มไว้ เดินไป ถ้ามันมาไม่ทัน มันตายแน่”
แขกทุกคนก็งงๆเพราะไม่เห็นเจ้าบ่าวสุคนธรสบ่นๆ
“ถ้าพวกนายไม่มา ฉันจะเสกหนังควายเข้าท้องให้หมด”
แล้วในที่สุด เจ้าสาวสองคนก็เดินไปถึงด้านหน้าทำพิธีณัฐเดชพูดขึ้น
“ท่านผู้อำนวยการเขตครับ นี่คือ...เจ้าสาวทั้งสองครับ ญาณิน และเนตรสิตางศุ์ครับ”
แขกในงานงงๆญาณินกับเนตรสิตางศุ์หน้าเสียจะร้องไห้จับมือกันสุคนธรสแค้นผู้อำนวยการเขตอึ้งๆ
“หา...ที่แท้...นี่คืองานแบบที่กำลังนิยมกันใช่ไหมเจ้าสาวสองคนจะแต่งกันเองโอ...ผมขอแสดงความยินดี แหม ตอนแรก เขาบอกว่างานนี้จะแปลกหน่อย มีคู่สมรสสามคู่อ๋อ ที่แท้ ก็คู่แรก คือคุณทั้งสอง”
ผู้อำนวยการเขตมองไป เห็นมิรันตีกับแม่ญาณิน
“แล้วนั่นคงเป็นอีกคู่สินะครับอายุมากไปหน่อย แต่ก็ยังโอเค แล้วนั่น...”
ผู้อำนวยการเขตหันไปเห็นสุคนธรส กรรณา
“โอ๊ว...เพิ่งเห็นของจริงวันนี้ที่ตั้งท้องจากการผสมเทียม แล้วแต่งงานกับผู้หญิงด้วยกัน”
แขกในงานอึ้งแต่เจ้าสาวขำไม่ออกทุกคนไม่รู้จะเอายังไงดีญาณินทนไม่ได้ที่จะต้องรอแล้วณัฐเดชพยายามอธิบาย
“คือ...ท่านครับท่านเข้าใจผิดครับ”
ญาณินแทรกขึ้น
“ท่านผอ.คะคือเราเป็นสองเจ้าสาวที่กำลังรอสองเจ้าบ่าวค่ะ”
แขกฮือฮากัน อะไรๆแต่แล้วอยู่ๆ ประตูทางเข้าโบสถ์ก็เปิดผลัวะอีกครั้ง พวกแก็งเจ้าบ่าววิ่งพรวดเข้ามา ทั้งหมดอยู่ในสภาพเหงื่อโซมหัวฟูเสื้อผ้าไม่ค่อยเรียบร้อย ยืนอยู่หน้าประตู ท่ามกลางสายตาของแขกทั้งหมดที่มองจ้องมาไตรรัตน์พูดขึ้น
“เอ่อ เจ้าบ่าวเรา...เป็นคนเซอร์ๆ ติดดินน่ะครับ”
ไตรรัตน์ตัดบท
“เอ้าสิครับ เริ่มพิธีเลย เดี๋ยวไม่ทัน”
ผู้อำนวยการเขตหันไปถาม
“คุณสองคนชื่ออะไรนะ”
“พงษ์อินทร์ครับ”
“ไตรรัตน์ครับ”
“โอเค...เชิญเจ้าบ่าวทั้งสองเลยครับ คุณพงษ์อินทร์ กับคุณ” ผู้อำนวยการเขตอ่านโพย “ญาณิน และคุณ...อะไรนะไตรรัตน์กับคุณเนตรศิตางศุ์ ดูสิ ช่างสมกันจริงๆ”
ติณห์ตะโกนมา
“โน่วๆ ไม่ใช่ครับ มันสองคนถอยไป มันคือเพื่อนไอครับ ไอเอง คือเจ้าบ่าว” ติณห์ถอยกลับออกไปนอกประตูแง้มหน้าเข้ามาเตี๊ยมแขกในงาน “นั่งลงก่อนครับนั่งๆเดี๋ยว ดนตรีเริ่มบรรเลงใหม่นะครับแล้วก็ลุกนะครับโอเค้”
แขกงงติณห์ยิ้ม
“แท้งกิ้วมาก”
ติณห์ค่อยๆก้าวออกไปดนตรีบรรเลงใหม่แขกลุกยืนตามคิว งงๆพงอินทร์ ลีจองกุ๊ก ทำหน้าที่โปรยดอกไม้
ติณห์กับวรวรรธเดินเข้ามา ควงแขนไตรรัตน์ที่ทำหน้าที่เป็นคนส่งตัวญาณินกับเนตรสิตางศุ์มึน
“เพี้ยนที่สุด” สุคนธรสบ่นแล้วยัดมะขามเข้าปาก
ติณห์กับญาณินมองกันตลอดทางเดิน ยิ้มกันไปมาวรวรรธกับเนตรสิตางศุ์ก็ยิ้มให้กันไตรรัตน์เดินผ่านสุคนธรส เกิดอาการแพ้ท้องกะทันหัน
“อ๊วก...อ๊วก”
ติณห์กับวรวรรธตกใจ
“เย้ย”
สุคนธรสเข้ามา ยัดมะขามใส่ปาก
“เอ้า...มะขามจี๊ดจ๊าด”
ไตรรัตน์ค่อยยังชั่วเคี้ยวมะขาม พาเจ้าบ่าวเดินต่อไปไตรรัตน์ส่งตัวติณห์กับวรวรรธที่หน้าพิธี ส่งให้เจ้าสาวติณห์รีบเข้าไปอ้อนญาณินทันที
“โซ ซอรี่นะดาลิ้ง”
ญาณินยิ้ม โกรธไม่ลง เข้ามาใกล้ ช่วยจัดคอเสื้อที่เบี้ยวให้เข้าที่
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว”
“เรียบร้อย”
ติณห์มองสภาพตัวเองหัวจรดเท้า
“แค่ติณห์มา...ก็พอแล้ว”
วรวรรธยิ้มเฝื่อนๆขอโทษเนตรสิตางศุ์ยิ้มหวาน ไม่โกรธ เข้าใกล้ เอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้
“วิ่งมาใช่มั้ยคะ เหงื่อแตกเลย เดี๋ยวถ่ายรูปแล้วไม่หล่อ”
วรวรรธยิ้ม
“ขอบคุณนะครับที่ไม่โกรธ”
“จะโกรธทำไม มีคนโกรธแทนเนตรแล้ว”
เนตรสิตางศุ์บุ้ยไปที่ณัฐเดชที่ยืนตาขวาง
“ไอ้หมอ...แกจะเอากี่แผลที่หัว ตัวตังหาก”
วรวรรธหวาดๆ
“คุณเนตร”
เนตรสิตางศุ์ยิ้มๆขำๆที่ได้แกล้ง
ริมทะเล...กรรัมภารีบลงจากรถอย่างเร็วจุนจีตามลงมา
“คุณแก้ม เราจะไม่แต่งงานกันเหรอ”
“แต่งสิ...มาเร็วๆ ก็เราแต่งในงานหรู ท่ามกลางผู้คนไม่ได้ ก็ต้องหาที่เหมาะๆที่จะเป็นสถานที่เห็นความทรงจำครั้งเดียวในชีวิตของเราหรือคุณไม่อยากแต่งงานกับฉันแล้ว”
“อยากสิ อยากใจจะขาดแล้ว”
“งั้นวิ่ง”
จุนจีกับกรรัมภาจับมือวิ่งไปด้วยกัน กรรัมภาถอดส้นสูงแล้วหิ้วไปด้วย จุนจีถอดสูทถอดรองเท้าพับขากางเกง ทั้งคู่วิ่งไปที่ชายหาดสวยงาม
ผู้อำนวยการเขตนำใบทะเบียนสมรสให้เซ็นยื่นให้ติณห์
“เชิญครับ...คุณวรวรรธ”
“ติณห์ครับ”
“อ่อ คุณติณห์ เซ็นต์เลยครับ ตรงนี้”
ติณห์เซ็นต์เสร็จผู้อำนวยการเขตยื่นมาให้เนตรสิตางศุ์
“เชิญครับ คุณญาณิน”
“ญาณินคนนั้นค่ะ”
ณัฐเดชส่ายหัวจารุณีกับสุดใจ กุมขมับ
“โทษทีๆ อ่า คุณญาณิน เซ็นต์ตรงนี้ครับ”
ญาณิน มองติณห์ สบตา ยิ้มปลื้ม แล้วเซ็นต์แม่ญาณินกับมิรันตี จับมือกันตื้นตัน
จุนจีกับกรรัมภาวิ่งมาที่ด้านหนึ่ง ริมทะเล ตรงไปที่ชายหาด ทะเลสวยงาม มีหน้าผาใหญ่ คลื่นซัดกระจาย มีต้นไม้ใหญ่ที่รูปทรงสวย อยู่ริมผา กรรัมภากับจุนจี ไปยืนหน้าต้นไม้ ริมผา แล้วช่วยกันเก็บดอกหญ้ารอบๆบริเวณกันใหญ่คนละมุม ไปรอบๆ
จุนจียืนถือดอกหญ้ารอ กรรัมภาที่ถือช่อดอกหญ้าเช่นกัน เดินเข้ามาในโบสถ์ซึ่งเป็นร่มเงาต้นไม้นั้น
ผู้อำนวยการเขตยืนดู วรวรรธ และเนตรสิตางศ์ เซ็นชื่อในทะเบียนสมรสวรวรรธเซ็นเรียบร้อย ป้าสุดใจตื้นตันณัฐเดชลุ้นสุดๆ พอเห็นน้องเซ็นเสร็จเขาถึงกับน้ำตาซึม
กรรัมภาเดินมาถึงจุนจี แลกดอกไม้กัน ยิ้มๆ จุนจีมองว่าจะเอายังไงต่อกรรัมภาพูดขึ้น
“เยส ไอ ดู”
“เยส ไอ ดู”จุนจียิ้ม
ผู้อำนวยการเขตประกาศ
“ผมขอแสดงความยินดีที่จะประกาศว่า ณบัดนาว เอ๊ย นับแต่นี้เป็นต้นไป”
ผู้อำนวยการเขตหันไปขอกำลังใจจากจารุณีและสุดใจ ทั้งสองพยายามให้กำลังใจแบบละเหี่ยๆ
“ผมขอประกาศว่าคุณติณห์และคุณวรวรรธ ได้เป็นสามี ภรรยา”
ทุกคนสะดุ้งผู้อำนวยการเขตรีบแก้
“เอ๊ย...ไม่ใช่ๆ คุณญาณิน และคุณเนตรสิตางศ์ ได้เป็นสามีภรรยา”
ทุกคนตะโกนพร้อมกัน
“ผิด”
ผู้อำนวยการเขตหน้าเหวอ
“ขออภัยครับ...คุณ...คุณ...คุณ...ญาณิน ได้เป็นสามี และคุณติณห์ ได้เป็นภรรยา”
ทุกคนตะโกนอีก
“ผิด”
ผู้อำนวยการเขตตั้งสติ
“คุณติณห์ และคุณญาณิน ได้เป็นสามีและภรรยากันตามกฎหมายทุกประการและคุณวรวรรธ และคุณ...เนตร...สิ...ตางศุ์ ได้เป็นสามี และภรรยากัน ตามกฎหมายทุกประการ”
พงอินทร์ กับกรรณาตบมือนำ ทุกคนตบมือตาม
“ขอให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว สวมแหวนให้แก่กัน”
ติณห์กับวรวรรธซีด เพราะไม่มีแหวน
จุนจีหยิบแหวนที่เตรียมไว้ขึ้นมา
พงอินทร์ยกมือขึ้นมา ทำเหมือนเล่นมายากลที่ทีแรกนิ้วนางมือซ้ายว่างเปล่า แต่พอเอามืออีกข้างมาปิด แล้วเปิดออก ก็มีแหวนมาอยู่ที่นิ้วนางกรรณาอดไม่ได้ ทำทะเล้นเล่นมุขมายากลแบบเดียวกัน และมีแหวนปรากฏที่นิ้วนางของกรรณาเช่นกันทั้งคู่แอบยิ้มให้กัน อย่างรู้กันสองคน
ในอดีต เมื่อตอนอยู่ในป่า พงอินทร์กับกรรณายืนเคียงข้างกัน ท่ามกลางแสงจันทร์
“ผมขอสาบานต่อพระจันทร์ ดวงดาว ท้องฟ้าผมจะรักและดูแลยัยกรรณาแว่วเสียงผีของผมตลอดไป”
พงอินทร์หยิบแหวนขึ้นมา เป็นแหวนที่ทำจากรากไม้พันๆกันเป็นวง
ญาณินมองหน้าติณห์ก็รู้เลยว่าลืมแน่
“คิดไว้ไม่มีผิด”
เนตรสิตางศุ์ยิ้มๆ
“ดีนะที่เรารอบคอบ”
ญาณินกับเนตรสิตางศุ์ต่างหยิบแหวนสำรองขึ้นมาติณห์กับวรวรรธดีใจลีจอองกุ๊กทึ่งๆที่เจ้าสาวมีแหวนสำรอง
“เตรียมพร้อมไม่มีให้หลุดมือ โปรเฟสชั่นนอลมาก”
ญาณินกับติณห์ พากันไปกอด ไหว้ แม่ของทั้งคู่ และคุณหลวงด้วย
“ขอให้มีความสุขนะลูก”แม่ญาณินอวยพร
มิรันตียิ้มให้ญาณิน
“ญาณิน...ฉันต้องขอบใจเธอขอบใจสำหรับทุกอย่าง แล้วก็ขอโทษ สำหรับทุกอย่าง”
ญาณินไหว้
“คุณแม่ติณห์ ก็เหมือนคุณแม่หนูด้วยค่ะหนูก็ขอบคุณ และขอโทษคุณแม่เหมือนกัน”
แม่ญาณินยิ้มพอใจ
“ลูกเข้ากับคุณแม่สามีได้ดีจริงๆด้วย ญาณิน โชคดีจริงๆ”
ติณห์ยิ้มกว้าง
“พวกเราโชคดีกันมากครับสองคนนี้เจอกันครั้งแรกก็ถูกชะตากันมากๆจริงๆเลยครับ คุณแม่”
ทุกคนหัวเราะคุณหลวงปลื้มใจ
“แล้วรีบๆมีลุกกันเร็วๆล่ะ ฮ่ะๆ”
วรวรรธพาเนตรสิตางศุ์มาไหว้ป้าสุดใจ และณัฐเดช
“ตาหนู ต่อไปนี้ ทำตัวให้ดีนะ ป้ามีบัญญัติสิบประการ สำหรับการครองคู่ที่ดี เอ้า พนมมือ...เตรียมท่องตามข้อหนึ่ง”
วรวรรธกับเนตรสิตางศุ์สบตากัน ซีดๆ แต่พนมมือ
“ข้อหนึ่ง”
สุดใจหัวเราะ
“ป้าล้อเล่นไม่มีบัญญัติอะไรทั้งนั้นมีง่ายๆข้อเดียวขอให้รักกันเสมอ ถ้ารักอะไรๆก็ทนได้หมด แต่เมื่อหมดรัก อะไรๆก็ทนไม่ได้แค่นี้ล่ะ”
ณัฐเดชมองทั้งสอง
“ฝากน้องสาวพี่ด้วย ตาหนู...เมื่อไหร่แกทำให้น้องสาวฉันเสียใจแกจะเสียใจยิ่งกว่า จำไว้”
“จำสุดใจเลยครับพี่”
“รักนะเนตรของพี่น้องเป็นดวงตาดวงใจของพี่จริงๆแล้วแม้ว่าน้องจะแต่งงานไป น้องก็ยังเป็นเช่นนั้นสำหรับพี่เสมอและตลอดไป”
“พี่ณัฐก็เหมือนกันค่ะพี่ณัฐเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ชาย เป็นเพื่อนรักของเนตรตลอดไปค่ะ”
ไตรรัตน์โอบสุคนธรส
“เขาจะเป็นพ่อที่ดีนะเตง เตงสวยมากเลยนะ แม้จะพุงกลมก็ตาม...อ๊วก”
“มะขามจี๊ดจ๊าดๆค่ะ”
พงอินทร์โอบกรรณา เดินเข้ามาหาจารุณี
“ขอให้เธอทั้งคู่มีความรักให้กันเสมอไปชั่วฟ้าดินสลายฉันจะคอยดูแลพวกเธอทั้งสองตลอดไปเหมือนกัน” จารุณีอวยพร
พงอินทร์กับกรรณา ไหว้จารุณี
“ภรรยาเพื่อนรัก เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ”
“ได้เลย สามีเพื่อนรัก ชุบุๆ”
ทั้งสองคนยิ้มให้กัน
ทางด้านจุนจีกับกรรัมภาเอาดอกไม้ดอกหญ้าที่เก็บมาทำมงกุฎให้กัน ทุกคู่ต่างก็มีความสุข หลังผ่านเรื่องร้ายๆ ด้วยกันมา
จบบริบูรณ์ โปรดติดตาม "รักสุดฤทธิ์ เร็วๆ นี้