คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 26
ทุกคนมาพร้อมหน้าที่ห้องอาหารยังไม่ทันจะลงมือกิน จุ๋มเดินหน้าตื่นนำเมขลาเข้ามา
“คุณหญิงเจ้าขาคือ...เอ้อ...”
พูดไม่ทันจบ เมขลาส่งเสียงมาก่อน
“นายแม่ขา...เมขลามากราบค่ะ เมขลาเป็นดอกเตอร์เมขลากลับมาแล้วค่ะ”
ทุกคนอึ้งนิ่งเงียบ เมขลาทำไม่เห็นศีลที่นั่งแทบไม่ติดแล้ว ศีลอุทานเบาๆ
“เมขลา”
พราวพิลาสนั่งกลั้นน้ำตา คุณหญิงสะบันงาอึ้ง แล้วรีบฝืนยิ้มรับไหว้
“ยินดีด้วยเมขลา”
“เชิญจ้ะเมขลา มากินข้าวด้วยกันสิ” พริ้มเพราสีหน้าสงบ
แพรวพรรณรายพูดขึ้น
“เชิญมานั่งที่ของฉันนี่สิ ฉันกับพอลจะไปกินที่โรงแรมโทรคาเดโร ไปเถิดพอล”
“WHY ทำไม” พอลงงๆ
“เพราะถ้าหากกินที่นี่ฉันอาจไม่มีมารยาท เอาจานข้าวตบปากใครบางคน”
แพรวพรรณรายลุกฉุดพอลที่กระซิบ
“who is she”
แพรวพรรณรายกระซิบตอบ
“she is from Hell” (นังนี่มาจากนรก)
แพรวพรรณรายกระซิบให้เมขลาได้ยินเพราะเฉียดเข้าไปใกล้ๆ ทุกคนมองแพรวพรรณรายแต่ไม่พูดว่าอะไร รู้ว่าเป็นเช่นนี้ เมขลาทำยิ้มไม่รู้ไม่ชี้
“คุณหน้ามะ…”
เมี้ยนยังพูดไม่จบ เดือนขัดขึ้น
“พี่เมี้ยนคะ”
เมี้ยนมองเมขลา
“เอ้อ...คุณเมขลาคะ คุณท่านนั่งตรงนั้น คุณคงไม่ทันเห็น หรือเปล่าคะ”
เมขลาจำใจยกมือไหว้คุณหญิงศรีที่พยักหน้ารับทำเฉยๆ
“ไม่จำเป็นต้องเห็นฉันหรอกนะ เพราะบางทีฉันก็ไม่อยากให้คนบางคนเห็น สำหรับบางคนฉันอยากแปลงกายให้เป็นหัวหลักหัวตอ จะได้ไม่ต้องมาทักทายรับไหว้กัน”
เมขลาทำเพิ่งเป็นเห็นศีลทำตาโต
“ตายจริง ที่แท้ศีลก็อยู่ที่นี่เอง แหมเมื่อคืนเราสองคนฉลองกันที่โรงแรมแล้วยังกลับมาต่อที่บ้านจนใกล้เช้าจึงตื่นสาย ไม่ทันถามว่าคุณจะไปไหน”
คุณหญิงศรีตัดบท
“ได้เวลาลงมือรับประทานอาหารกันเสียทีกินกินกัน จบแล้วก็จะได้แยกย้ายกันไป ตัวใครตัวมัน”
“พราวพิลาสคืนนี้จะไปร้องเพลงไหม จะได้ตามไปฟังอีก” เมขลาทำเป็นชวน
“แล้วแต่อารมณ์ความพอใจของเธอเถิดแม่คุณ อย่าไปจุดจิกจำจี้จ้ำไชไต่ถาม” คุณหญิงศรีแทรกขึ้น
“เอ้อ...ขอโทษนะพราวพิลาศฉันแค่อยากไปฟังเธอร้องเพลง มีแต่คนหลงเสียงของเธอดีใจด้วยจัง”
“ขอบใจ” พราวพิลาศพูดเรียบๆ
“เอ้อ...แหมไม่ยักทราบว่าแพรวพรรณรายมีสามีฝรั่ง” เมขลาน้ำเสียงเหยียดๆ
“ย่ะ...มีผัวฝรั่งน่ะบางทีก็ดีกว่ามีผัวไทยนะยะ ผัวฝรั่งมักรู้ทันมารยาหญิงมากกว่าผัวไทยย่ะ รู้ว่าใครชอบแย่งคนรักของใคร” คุณหญิงศรีสวน
“ขอประทานโทษที่ต้องเสียมารยาท กระผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่านัดหุ้นส่วนเอาไว้จะคุยกันเรื่องงานขอรับ คุณท่านคุณหญิงผมกราบลา คุณพริ้มครับผมขอบคุณมากในความกรุณา” ศีลหน้าเสีย
“พริ้มเพราเธอกรุณาอะไรคุณศีล” เมขลามองพริ้มเพรา
“แบ่งหุ้นส่วนของห้างให้อย่างไรเล่า” คุณหญิงศรีมองเมขลาเหยียดๆ
“ต๊าย” เมขลาตาโตดีใจมาก
ศีลเดินตรงไปที่เมขลากระซิบดุ
“หยุดเสียมารยาทแล้วไปกับผมเดี๋ยวนี้”
เมขลายิ้มให้พราวพิลาสแบบนี่ไงผัวฉันไม่ใช่คนของเธอ
“ขอบใจแทนคุณศีลด้วยนะพริ้มเพรา แหมดูสิคุณศีลช่างใจร้อน ไปไหนก็จ้องจะควงชั้นเอาไปอวดไปโชว์ว่ามีภรรยาเป็นดอกเตอร์”
คุณหญิงศรีหมั่นไส้
“ขอให้เจริญๆเถิดแม่คุณ เชิญสิศีลรีบพาไปกันหาที่เจริญๆเสียให้ไวไวเถิด”
เมี้ยนกระซิบเดือน
“คุณหญิงเธอหมายความว่าพาไปหาที่ชอบๆน่ะ”
“แหมเธอคนนี้ช่างน่ากลัวมากนะคะ ทำปากหวานแต่ก้นเปรี้ยว”
“ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ จิตใจหยาบกระด้างไร้ความเมตตาน่ารังเกียจ” ดาบอกเบาๆ “เขาพยายามทำร้ายจิตใจคุณพราว”
เมขลายิ้มให้ทุกคน
“ไปนะจ้ะพริ้มเพรา สามีฉันใจร้อน แล้วจะแวะมาคุยด้วย”
พริ้มเพราหน้านิ่ง
“คงไม่มีเวลาคุยหรอกจ้ะฉันกำลังจะกลับไปบวชชี เว้นเสียแต่ว่าเธอจะมาคุยเรื่องธรรมะ”
เมขลาทำเป็นตกใจ
“ตายจริง”
ดาสวนทันที
“ไม่ตายหรอกค่ะ ถึงถ้าตายจริงคนอย่างคุณพริ้มเธอมีสวรรค์รอรับค่ะ”
“แต่บางคนตายไปนรกยังขอย้ายหนี ทนความเลวไม่ไหวค่ะ” เมี้ยนเสริม
เมขลาชะงัก ศีลสะกิดแล้วดึงแขนออกไปกระซิบ
“หยุดได้แล้ว”
ศีลดึงเมขาลาออกไปไม่พอใจ
ศีลดึงแขนเมขลาออกมาหน้าตึก เมขลายิ้มหยันอย่างชนะสุดๆ
“พวกมันอิจฉาเม”
“ไม่มีใครสนใจอยากอิจฉาคุณหรอก เมคุณทำน่าเกลียดมาก”
“แล้วอีนังพราวพิลาสที่มันลักกินขโมยกินสามีของเมที่เผลอแบบจงใจผู้คนทั้งโรงแรมเขาติฉินนินทมา นั่นมันน่ารักมากนักหรือ ทำไมมันไม่น่าเกลียดน่าสมเพชมากกว่าเมคะ มันเล่นชู้กับคุณต่อหน้าต่อคนที่มาฟังเพลง คนที่มาโรงแรมรวมทั้งพนักงานมันหัวเราะเยาะเมกันทั้งนั้น พวกคุณไม่อายแต่เมอายแทบแทรกแผ่นดิน”
“สมควรที่คุณจะอายหรอกนะ เพราะคุณแย่งผมไปจากเธอด้วยเล่ห์กลไร้ยางอายนั่น มันเลวร้ายกว่าเธออีก”
“แหม นังผู้ดีบ้านนั้นมันแตะต้องไม่ได้เลยหรือคะ นังลูกสาวคนโตจู่ๆก็จะไปบวชชี นังคนกลางไปคว้าเอาฝรั่งมาเป็นผัว นังคนเล็กหนังสือหนังหาไม่ชอบเรียน ชอบไปเป็นชู้กันสามีคนอื่น อย่ามาเถียงว่ามันมาก่อนพูดกันตามกฎหมาย มันเสียหายหลายแสน”
“หยุดนะ” ศีลโกรธ
“เชอะนังนายแม่กับนังป้าหน้าผีนั่นอย่านึกว่าเมไม่รู้ เขาลือกันให้ทั่วว่ามันมีผัวฝรั่งคนเดียวกัน คนบ้านนี้มันชอบแบ่งผัวกันใช้”
“บอกให้หยุด”
ศีลหมดความอดทนเหวี่ยงเมขลาใส่รถโดยแรง แล้วอ้อมไปขับรถพุ่งออกไป
ในห้องนั่งเล่นเจ้าคุณ...ทุกคนในบ้านมานั่งคุยเรื่องเมขลากันต่อ
“ผีนักปั้นตนใดหนอช่างปั้นหน้าตาให้สวยงาม แต่เหตุใดจึงลืมปั้นนิสัยให้สวยงามเหมือนหน้าตา หรือว่าผีที่ปั้นมันนิสัยเลวทรามต่ำช้า” เมี้ยนประชดประชัน
“กรรมของคุณศีล” พริ้มเพราถอนใจ
“แม่เห็นด้วย กรรมที่น่าสงสารของศีล” คุณหญิงสะบันงาหนักใจ
คุณหญิงศรีถอนใจแล้วกระซิบคุณหญิงสะบันงา
“เฮ้อ...กินบนเรือนขี้รดบนหลังคายังมีคนว่าน่าสงสาร” คุณหญิงศรีหันมาบอกพริ้มเพรา “ปลงเสียเถิดใช่คุณไหมคุณพริ้ม”
“ค่ะ หนักนักก็ให้ปล่อยวาง ถ้าตัดสินใจวางแล้วก็ว่างค่ะ”
พริ้มเพรามองไปที่พราวพิลาสอย่างพยายามจะให้เข้าใจ
เมขลานั่งร้องไห้กระซิกๆอยู่ในรถ ศีลไม่พอใจมาก
“จำไว้อย่าแตะต้องนายแม่ และคุณท่านผู้มีพระคุณของผม กับครอบครัวของพวกท่าน”
“เมทราบดีค่ะ ว่าแม้แต่ขี้ข้าบ้านนั้นมันก็ใหญ่กว่าเม แตะต้องมันไม่ได้”
“ทำไมชอบจิกหัวเรียกคนรับใช้ว่าขี้ข้า สมัยนี้เขาต้องคิดกันเสียใหม่ว่าถ้าไม่มีคนรับใช้พวกเราก็คงเหนื่อยมาก เมไปอยู่ต่างประเทศมาสองครั้งแล้วเป็นประเทศที่คนเราเท่าเทียมกันทำไมจึงมองคนอื่นต่ำต้อยกว่าไม่จบสิ้นเสียที และขอเสียทีอย่าไปที่นั่นอีก”
“เมเป็นภรรยาคุณนะคะ คุณไปได้ทำไมเมไปไม่ได้”
“เพราะคุณไปหาเรื่องพวกเขา แต่ผมไปเรื่องงาน คุณตามมาก็ดีแล้ว อำเภอยังไม่ปิดเราจะไปหย่ากัน”
“ไม่นะ” เมขลากรีดร้องดังลั่นออกมา
“คุณสัญญากับผมแล้วว่ากลับมาเราจะหย่ากันทันที ผมต้องการอิสระคุณ มาคืนเดียวไประรานคนบ้านนั้นจนเขาตั้งตัวไม่ทัน คุณได้ดอกเตอร์สาขาไหนมานะเมขลา ความเป็นดอกเตอร์ไม่ได้ขัดเกลาให้มีเมตตาบ้างหรืออย่างไร”
เมขลาอึกอักแล้วตัดสินใจอ่อนข้อ
“เมขอโทษ เมยอมรับผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น เมไม่ได้ลืมสัญญา แต่เมขอเวลาหนึ่งเดือนนะคะ เมขอเวลาทำใจปรับตัว เมกำลังจะไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เมไม่อยากให้ใครหัวเราะเยาะเมตอนนี้ว่าดอกเตอร์เมขลาถูกสามีตีจากไปแต่งงานใหม่กับนักร้องห้องอาหารของตัวเอง คุณเองก็พาลเสียชื่อว่าเป็นสมภารกินไก่วัด เมตตาเมบ้างสัดนิดสิคะ เมสัญญาว่าจะไม่ไปที่ร้านอาหารอีก เมจะต่างคนต่างอยู่กับคุณ คุณจะไปพักที่โรงแรมเมก็ไม่ว่า เมจะอยู่ที่บ้านดูแลลูกหนูเองนะคะ เมก็รักแกมากนะคะ ขอร้องได้โปรดยกโทษให้เม”
เมขลาไหว้ศีลน้ำตานองหน้า
“ผมจะกลับมานอนที่บ้าน เพราะผมห่วงลูก ผมจะนอนกับลูก เราจะแยกห้องกันนอน เราจะไม่เกี่ยวข้องกัน”
“ตกลงค่ะ เราจะเป็นสามีภรรยากันในนามตามกฎหมายเท่านั้น ขอบคุณมากที่เมตตาเม”
“ขอบคุณเช่นกันเมขลา”
“เอ้อ...พริ้มเพราแบ่งหุ้นส่วนให้คุณมากไหมคะ”
“พอสมควร ถ้าเมอยากได้ส่วนแบ่งนี้บ้างผมจะให้”
เมขลารำพึงในใจ…ฉันไม่ต้องการบ้าง ฉันต้องการทั้งหมด
เมขลาหันไปส่ายหน้า
“เมไม่ต้องการหรอกค่ะ”
ศีลถอนใจ ใจอ่อนอีกตามเคย เมขลาแอบยิ้มร้าย
พริ้มเพราพาพราวพิลาสมานั่งพูดคุยกันเรื่องศีลที่มุมหนึ่ง แต่พูดกันโดยทั่วไปไม่เจาะจง พราวพิลาสนั่งร้องไห้เงียบๆพริ้มเพรากุมมือน้องสาวไว้
“มนุษย์ถือกำเนิดมาแต่ละคนย่อมมีกรรมชี้นำ ผู้มีปัญญาย่อมหาทางหลีกทุกข์”
“พราวทำไม่ได้ค่ะ พราวทุกข์ระทมจิตใจมันร้าวรานเจ็บปวดเหลือเกินค่ะ”
“จิตใจที่ไร้ความสงบพาให้ร่างกายเจ็บปวดสาหัสได้ แต่จิตใจที่สงบยึดศีลสมาธิช่วยรักษาจิตใจให้พ้นจากความทุกข์นั้นได้ ลองหัดทำบ้างสิคะ น้องรักของพี่”
“พราวอยากจะพยายามค่ะ แต่พราวคิดว่าไม่อาจทำได้อย่างคุณพริ้ม”
“ทำไปทีละเล็กละน้อย ทำบางเรื่องอย่ายึดติด กิเลสทำให้เราทุกข์ เราต้องฝืนกิเลสให้ได้แม้จะลำบากเพียงใด ถ้าเราทำได้ใจก็จะหลุดพ้นจากกิเลส คือ รัก โลภ โกรธ หลง ทั้งปวงนั้น แล้วเราจะมีอิสระเพราะปราศจากการยึดติด”
“ถ้าพราวทำได้อย่างที่คุณพริ้มว่า พราวก็คงจะตามไปบวชชีตามคุณพริ้มอีกคน”
“การบวชไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์ แต่การทำใจให้ปล่อยวางได้นั่นแหละคือทางพ้นทุกข์ เชื่อพี่เถิดนะคะ”
“ค่ะ พราวเชื่อ แต่มันคงทำยากมากนะคะ”
“ความดีทำยาก ความไม่ดีทำง่าย แต่ผลร้ายมันช่างต่างกันมากมาย ผลพวงของความดีมันงดงาม แต่ผลพวงของทำความไม่ดีแม้มันอาจมาช้าแต่มันก็มา และอาจเลวร้ายจนสุดประมาณ จงยอมรับความจริงอย่าหลบหน้าหนีความจริงว่าเมขลาเป็นเจ้าของร่างกายคุณศีล แต่ถึงอย่างไรหัวใจของเขามีคุณพราวเป็นเจ้าของ ภูมิใจในสิ่งที่เขามอบให้สิคะ”
“ค่ะ พราวยอมรับความจริง แต่พราวไม่อยากเผชิญหน้ากับเมขลาและคุณศีลอีกต่อไป”
“แต่ถ้าใจคุณพราวนิ่งและสงบ คุณพราวจะเผชิญกับทุกสิ่งได้โดยไม่หวั่นไหวต่อความกลัวทั้งหลาย ไปเถิดค่ะไปเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง แต่ถ้าคุณพราวไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป แต่มิใช่ไม่ไปเพราะกลัวการเผชิญหน้า”
พริ้มเพราดึงน้องสาวมากอดเช็ดน้ำตาให้
ในห้องโถงบ้านเจ้าคุณยามค่ำ...ทุกคนนั่งจิบกาแฟ และทานผลไม้ แพรวพรรณรายหันมาถามพริ้มเพรา
“สรุปว่าคุณพราวจะไปร้องเพลงไหมคะคุณพริ้ม”
“พี่ไม่อาจคาดเดาใจเธอได้”
คุณหญิงสะบันงาชะงักแปลกใจ
“คุณพราวยังจะไปร้องเพลงอีกหรือคะ แม่คิดว่า...”
“ปล่อยให้เธอไปเถิด ไปทำในสิ่งที่เธอรักเธอชอบ เรื่องอะไรจะต้องหยุด ทำเพียงเพราะมีคนต้องการให้หยุด เราต้องชนะ” คุณหญิงศรีแนะ
“อ้าวคุณท่านยุคุณพราวเสียแล้ว” เมี้ยนหน้าเหวอ
“ชัยชนะบางที่ไม่จำเป็นต้องได้มาด้วยการต่อสู้ ก็แค่ทำให้คู่ต่อสู้กระอักเลือดเพราะความอิจฉา”
“คุณพี่คะ คุณพราวไม่สมควรไปทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนนะคะ” คุณหญิงสะบันงาปราม
แพรวพรรณรายแทรกขึ้น
“นายแม่ขา แรงมาก็แรงไปสิคะ เกลือจิ้มเกลือค่ะ”
“อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือสิคะ” คุณหญิงสะบันงาปราม
พราวพิลาสเดินออกมาแต่งสวยงามมาก พอลเอ่ยชม
“คุณพราว ซวยๆมากครับ”
“สวยไม่ใช่ชวย ซวยแปลว่า black luck” แพรวพรรณรายขำ
“พราวไปทำงานนะคะนายแม่ คุณป้า ทุกๆคน”
พราวพิลาสสบตาพริ้มเพรา
“ไปสิคะ แม่เดือนจะไปเรียกรถให้ค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะแม่เดือน”
พราวพิลาสเดินออกไปกับเดือนทำตัวนิ่งๆ แพรวพรรณรายมองอย่างชื่นชม
“คุณพราวเธอเก่งนะ นึกว่าเธอจะไม่กล้า”
คุณหญิงศรีมองตาม
“เด็กนี่เหมือนจะกลัวแต่ไม่กลัวใครหรอกกล้าแปลกๆ เหมือนเธอนั่นแหละสะบันงาดื้อเงียบหัวชนฝา แต่ทำเสงี่ยมหงิมกลบเกลื่อนสายตาผู้คน”
คุณหญิงศรีรับพริสซี่น้อยจากดามาอุ้มกอดจูบ
เมขลาทำตัวน่ารัก อุ้มลูกหนูมาทำท่ารักใคร่มากมาย
“ลูกหนูของคุณแม่ ไปส่งคุณพ่อขึ้นรถไปทำงานกันนะคะ”
“ขอบใจมากไม่ต้องไปหรอกเมขลา ลูกหนูขาพ่อไปทำงานนะคะ คืนนี้พ่อกลับมานอนด้วยนะคะ”
ศีลหอมลูกแล้วเดินออกไป มีความหวังมากว่าอีกหนึ่งเดือนจะได้หย่ากับเมขลาตามสัญญาที่ให้กันไว้เมื่อตอนกลางวัน เมขลาเก็บความไม่พอใจอัดแน่นใกล้ระเบิด
“หวังกันเข้าไปเถิดว่าอีกหนึ่งเดือนแกจะได้ผัวฉันไปครอบครอง พริ้มเพราหุ้นส่วนนั่นอย่าหวังว่าเรือจะกลับไปล่มในหนองของตัวเอง นังพราวพิลาส”
“หาคุณพ่อ” ลูกหนูร้องไห้แงๆ
เมขลาดุใส่
“ร้องไห้ทำไม...ไปอยู่กับพี่เลี้ยงได้แล้ว แม่จะไปทำวิทยานิพนธ์ไม่มีเวลามาอุ้มมาหอมตลอดเวลาหรอกนะ”
“คิดถึงคุณน้าพราว”
เมขลาตาลุกโชน
“ต๊าย เด็กบ้า รักคนอื่นคิดถึงคนอื่นมากกว่าแม่ตัวเอง ไปเลย ไปหามัน”
เมขลากระชากลูกหนูแรงๆ พยาบาลรีบมารับไป
ในห้องอาหาร...พราวพิลาสร้องเพลงสุดท้ายจบ เดินลงมาจากเวทีปรายตาไปมองเห็นธรรม์ที่วันนี้ไม่มีคิวเล่นดนตรีมานั่งรอด้านหนึ่ง จิรศักดิ์นั่งมองมาอีกมุมหนึ่ง ศีลนั่งสงบรออีกด้านหนึ่ง จิรศักดิ์ทำท่าจะลุกแต่ไม่ทัน ธรรม์ที่ลุกไปก่อน จิรศักดิ์จึงถอย
“เมียของไอ้คุณศีลบอกให้เรารอโอกาส เอาวะรอก็รอ อยากจะรู้นักว่าดอกฟ้าจะโน้มกิ่งไปหาใครกันแน่ ระหว่างไอ้ดนตรีกับไอ้เจ้าของร้านนั่น”
พราวพิลาสในใจมีเสียงของพริ้มเพราบอกให้เผชิญหน้ากับความจริง ธรรม์เข้ามาหาพราวพิลาสเพราะรู้เรื่องเมขลากลับมาแล้ว
“คุณพราวครับพี่มารอรับ กลับกับพี่นะครับ”
ศีลได้ยินเต็มสองหู แต่พราวพิลาสกลับปฏิเสธ
“ขอบคุณมากค่ะ แต่พราวสั่งรถที่บ้านมารับค่ะ ตอนนี้นายบุญคงมารอพราวแล้ว เชิญพี่ธรรม์กลับก่อนเถิดค่ะ”
ธรรม์หน้าเสียถอยออกไปแบบน้อยใจ จิรศักดิ์ยิ้มเยาะธรรม์แล้วแปลกใจเพราะเห็นพราวพิลาสกลับเดินไปหาศีลทำหน้าตาสงบเฉยเมยมาก
“ผู้หญิงคนนี่แปลก สงบเสงี่ยมสูงส่งแต่เหตุใดจึงกล้าเสียศักดิ์ศรีไปแย่งสามีคนอื่นได้”
ศีลแอบดีใจเพราะรอจะบอกพราวพิลาสเรื่องเมขลาให้รอหนึ่งเดือน พราวพิลาสพูดสงบนิ่งทำให้เหมือนปกติ
“ทำไมคุณศีลยังไม่กลับบ้านไปหา...เอ้อ...ลูกหนูอีกคะ”
“ผมมารอรับคุณพราวกลับเหมือนเดิมอย่างไรเล่าครับ”
“ยังรับส่งพราวได้เหมือนเดิมอีกหรือคะ เมขลากลับมาแล้วนะคะ”
“ครับ เพราเขากลับมาแล้วจึงเป็นเหตุให้ผมต้องขอเวลาคุณพราวไปคุยกับผม ผมมีอะไรสำคัญมากอยากจะบอก ได้โปรดนะครับ”
ศีลส่งสายตารักใคร่วิงวอน และเศร้าโศก พราวพิลาสส่งสายตาเช่นเดียวกันตอบกลับ กลั้นน้ำตาเอาไว้ จิรศักดิ์มองท่าทีของสองคนแล้วมีแผนร้าย
“เมียของไอ้ศีลมันต้องเกลียดชังพราวพิลาสจับจิต ดีละจะยืมผู้หญิงคนนั่นจัดการให้ได้พราวพิลาสให้จงได้”
จิรศักดิ์คิดแล้วยิ้มในแผนอันแยบยลของตนเอง
ศีลจูงมือพราวพิลาสมาที่น้ำตกจำลอง หันหน้าเข้าหาพราวพิลาสประคองหน้าเธอที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตามองเข้าไปในดวงตาของเธอ
“คุณพราวครับผมขอโทษเรื่องเมื่อกลางวันที่บ้านคุณ”
“พราวปล่อยวางแล้วค่ะ พราวยอมรับความจริงค่ะว่าเราคงไม่อาจทำได้ดังใจปรารถนา”
“ทำได้สิครับ เรารักกัน เราจะได้แต่งงานกันภายในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านะครับเชื่อผม เมขลาบอกกับผมตกลงกันดีแล้ว”
“ตกลงกันดีแน่หรือคะ เมขลาอนุญาตแล้วหรือคะ เมื่อกลางวันเขาไม่ได้มีทีท่าเช่นนั้นสักนิด”
“อย่าไปสนใจท่าทีของเขา จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นผิดไปจากที่เราพูดกัน ผมขอแสดงความเป็นลูกผู้ชายกับเขาอีกหนึ่งเดือน เพื่อไม่ให้เขาอับอายขายหน้าที่มหาวิทยาลัยว่าโดนผมขอเลิกทั้งที่ยังไม่ทันตั้งตัว” ศีลมองหน้าพราวพิลาส วิงวอน
“เขาช่างมีน้ำใจมาก จนไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยอมหย่าเพราะเห็นแกความรักของเรา”
“เขาอยากหย่าเพราะไม่ต้องการรับผิดชอบครอบครัว อย่างที่ผมเคยบอก เขารักความเป็นดอกเตอร์ของเขามากกว่าผม และลูกหนู เขาอยากเป็นอิสระมากเพื่อที่จะได้มีเวลาทุ่มเทกับงาน เขาต้องการมีหน้ามีตาในสังคม เขาไม่เคยรักผม”
“แน่ใจนะคะว่าเมขลาไม่ได้รักคุณศีล พราวไม่ต้องการแย่งของรักของใคร พราวไม่ต้องการทำให้ใครเจ็บปวดเพิ่มขึ้นอีก”
“ยอดรักคนดีของผมช่างจิตใจงดงามเหลือเกิน”
ศีลดึงพราวพิลาสมาแนบอก
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 26 (ต่อ)
พราวพิลาสดวงตามีความหวังเดินจูงมือกับศีลมาถึงประตูเข้าตึก สองคนยิ้มแย้มให้กัน ศีลจับสองมือพราวพิลาสมาจูบ
“ยอดรักความรักของเรากำลังจะสมหวัง อย่ากังวลนะทูนหัวคนดีของผม”
“ค่ะ พราวจะไม่กังวลอีกต่อไป พราวจะรอวันนั้น กู๊ดไนท์ค่ะ”
ศีลจูบหน้าผากพราวพิลาสอีกครั้ง
ในห้องของพราวพิลาส...พริ้มเพรากับแพรวพรรณรายกอดพราวพิลาสยิ้มยินดี
“พี่ดีใจด้วยที่ความรักของคุณพราวกำลังจะสมหวังในอีกหนึ่งเดือน” แพรวพรรณรายดีใจกับน้อง
“พี่ก็เช่นกันค่ะ พรุ่งนี้พี่จะกลับไปโกนหัวบวชเป็นชีแบบจริงจัง”
“พราวก็ยินดีกับคุณแพรวที่มีครอบครัวน่ารัก ยินดีกับคุณพริ้มที่พบความสงบสุขแท้จริงดังที่ต้องการ พราวรักคุณพริ้มคุณแพรวมากนะคะ”
“พี่ก็รักคุณพราวกับคุณพริ้มมาก”
“พี่ก็เช่นกันค่ะ พี่รักน้องๆ รักนายแม่ คุณป้า ป้าเมี้ยน แม่เดือนแม่ดาและคนรับใช้ในบ้านทุกคน พี่มองทุกคนในโลกนี้คือพี่น้องกันค่ะ”
สามพี่น้องกอดกัน
คุณหญิงสะบันงายืนอยู่หน้าห้องพราวพิลาสได้ยินทั้งหมด ยิ้มอย่างมีความสุขตามลูกทั้งสามไปด้วย
“สาธุกับจิตอันแสนประเสริฐของคุณพริ้ม ลูกรักทั้งสามแม่ก็รักลูกยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจและชีวิตของแม่”
คุณหญิงสะบันงายืนมองรูปเจ้าคุณ สายตาเจ้าคุณเหมือนมองมาที่คุณหญิงสะบันงาราวกับจะรับฟัง
“ท่านเจ้าคุณคะ ความทุกข์ทั้งหลายกำลังจะผ่านพ้นบ้านหลังนี้จนหมดสิ้นแล้วค่ะ ลูกสาวทั้งสามโตพอที่จะเลือกหาความสุขใจในแบบที่ตัวเขาต้องการ ส่วนคุณพจน์อีกไม่นานก็คงจะกลับมาพร้อมกับความสุขความสำเร็จของตนเองเช่นกัน สบายใจเถิดนะคะ รอนะคะสักวันสะบันงาคนนี้จะบอกรักท่านตลอดไป ฉันรักท่านนะคะ”
คุณหญิงสะบันงาลูบไล้ภาพนั้นยิ้มน้ำตาคลอ
วันใหม่...พริ้มเพราโอบกอดคุณหญิงสะบันงาและคุณหญิงศรี พริ้มเพราก้มลงกราบ
“กราบลาค่ะ นายแม่ คุณป้า”
คุณหญิงสะบันงายิ้มให้ลูกสาว
“แม่ไม่ได้ตามไปส่งลูกบวช แต่แม่ก็ชื่นใจยินดีในสิ่งที่คุณพริ้มเลือกจ้ะ”
“ป้าก็ยินดีนักหนา เพราะจะหาใครที่เรียนสูงร่ำรวยสวยงามปานนางฟ้าแล้วสละทุกสิ่งไปแสวงหาความสงบเช่นหนูไม่มี ไปเถิดจ้ะไม่ต้องห่วงทางนี้ ป้ากับแม่ดูแลกันได้”
“ยังมีศีลอีกคน เขาดูแลพวกเราดีมาก และอีกไม่นานคุณพจน์จะกลับมาเป็นหัวหน้าครอบครัวของเรา แม่มั่นใจว่าเขาจะทำได้ดีมากด้วย”
พริ้มเพราหันมาไหว้เดือน ดา เมี้ยน และกอดทั้งสามทีละคน
“แม่เดือนสัญญาค่ะว่าจะดูแลนายแม่คุณป้า และคุณพราวไม่ให้ขาดตกบกพร่องค่ะ”
“แม่ดาก็เช่นกันค่ะ กลับมาเยี่ยมพวกบ้านครั้งใดกรุณาเอาธรรมะมาเผยแพร่แก่พวกเราด้วยนะคะ”
“ป้าเมี้ยนเป็นบัวปริ่มน้ำอยากจะโผล่พ้นเบ่งบานกับเขาบ้างนะคะ”
แพรวพรรณรายแทรกขึ้น
“ป้าเมี้ยนเป็นบัวปริ่มน้ำที่กำลังโรยรา จะสามารถโผล่พ้นน้ำเบ่งบานทันเวลาหรือคะ”
พริ้มเพราหันไปปรามน้อง
“คุณแพรวละก็ ไม่มีใครเบ่งบานไม่ทันรับธรรมมะหรอกค่ะ ถ้าหากใจปรารถนา”
พราวพิลาสกอดพี่สาว
“เดินทางปลอดภัยนะคะคุณพริ้ม หมออุดรขาฝากดูแลการเดินทางของคุณพริ้มนะคะ”
อุดรยิ้มรับ
“ครับคุณพราว ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมรับรองความปลอดภัยของคุณพริ้ม”
อุดรยิ้มสงบรอพาพริ้มไปบวช คุณหญิงสะบันงายิ้มทั้งน้ำตาเช่นเดียวกับคุณหญิงศรี เมี้ยน ดา เดือน พราวพาสมองพี่สาวด้วยความชื่นชม พอลยิ้มให้
“กู๊ดลัค คุณพริ้ม”
พริ้มเพรารับพริสซี่มาอุ้มโอบกอด
“เป็นเด็กดีนะพริสซิลล่าน้อย”
พริ้มเพราพยักหน้าให้อุดร อุดรไหว้ลาผู้ใหญ่ สองคนพากันเดินออกไป ปราศจากกระเป๋าใส่ข้าวของ
ที่วัดในป่าสกลนคร...พริ้มเพรานั่งสมาธิแต่งตัวขาวโกนหัวอยู่กับแม่ชีหน้าสงบนิ่งมาก
ศีลจูงลูกหนูเดินเตาะแตะมาเจอเมขลาที่นั่งหน้าบึงตึง
“ไปรับไปส่งกันทุกวันทุกวัน ไม่เคยเห็นหัวคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมีย รอให้ครบเดือนก่อนเถิดจะได้เห็นดีกัน นังพราวพิลาส”
ศีลเดินใกล้เข้ามา
“เมครับวันนี้วันหยุด แต่ที่ห้างไม่ได้หยุดมีประชุม ผมอยากขอให้เมพาลูกหนูไปเที่ยวเล่นสักหน่อย”
เมขลาชักสีหน้าแล้วคลายลงกลัวเขาจับได้ฝืนยิ้มให้ศีล
“เมอยากพาแกไปมากค่ะ แต่เมมีนัดประชุมอาจารย์กลุ่มย่อยเหมือนกันให้พี่เลี้ยงพาไปสิคะ”
ศีลหน้าเสียนิดหนึ่งไม่พูดว่าอะไร อุ้มลูกหนูออกไป เมขลามองตามยิ้มแค้นๆ
“รำคาญจะตายจะให้พาเด็กไปเดินเที่ยว หวังว่าคงไม่ไปบอกให้นังพราวพิลาสให้มันพาไปหรอกนะ”
เมขลาคิดแค้นๆ
ในสวนสาธารณะ...พราวพิลาสกำลังเล่นกับลูกหนูวิ่งบ้างจูงบ้างวิ่งเล่นไปมาโยนลูกบอล
“สนุกจังค่ะ”
“ดีค่ะที่หนูสนุก”
“หนูรักคุณน้า”
“คุณน้าก็รักหนูค่ะ”
ศีลเดินมาหาสองคนอุ้มลูกหนูไว้ โอบบ่าพราวพิลาส สามคนมีความสุขสดชื่นมาก
“พ่อก็รักหนูและคุณน้ามากค่ะ” ศิลกระซิบพราวพิลาส “ขอบคุณที่รักลูกผมอีกไม่กี่วันแล้วครับคนดีของผม”
“ค่ะ อีกไม่กี่วัน พราวกำลังรอวันนั้น”
“วันที่ผมคุณพราวลูกหนูจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
พราวพิลาสยิ้มสมหวังอย่างมีความหวัง...จิรศักดิ์ขับรถสปอร์ตผ่านมาชะงักจอด
“อะไรกันนี่ นายศีลกับพราวพิลาสและเด็กลูกของใครกัน ที่แน่ๆไม่ใช่ลูกของพราวพิลาส หรือว่า...ลูกนายศีลกับเมียดอกเตอร์คนนั้น ฮึ...ได้การละ”
จิรศักดิ์ยิ้มพอใจ
เมขลาอยู่ที่มหาวิทยาลัยที่เธอสอน เมขลาแปลกใจมากที่เห็นจิรศักดิ์มาพบ ไม่พอใจนิดหนึ่งในความออกแนวกร่างโอ้อวดของเขา
“คุณทราบได้อย่างไรว่าฉันสอนที่นี่”
“หูตาของผมมากมายยิ่งกว่าตาสับปะรด มีรึจะไม่ทราบว่าดอกเตอร์เมขลาสอนที่ไหน”
“คุณมาพบฉันถึงมหาวิทยาลัยทำไมไม่ทราบ ไม่เหมาะเลยนะคะ”
“อาจไม่เหมาะ แต่ถ้าคุณทราบเรื่องบางอย่างที่คุณน่าจะอยากทราบโดยเร็วเพราะว่ามันเหมาะไหมที่สามีคุณพาลูกสาวไปเที่ยวเล่นในสวนลุมกับคุณพราวพิลาส”
เมขลาไม่พอใจมากแต่พยายามทำสงบ กระนั้นจิรศักดิ์ก็สังเกตเห็นว่าเมขลาฝืนยิ้ม เมขลารำพึงในใจ...นึกแล้วไม่มีพลาดมันพากันไปจนได้....
“ทราบค่ะ” เมขลาพูดออกมา
“ทราบถึงขนาดว่าเขาโอบกอดกันราวกับรักใคร่กันมากมายด้วยเช่นนั้นหรือเปล่าครับ”
เมขลารำพึง...พราวพิลาสแกหยามฉัน...
เมขลารีบบอกจิรศักดิ์
“ที่นี่ไม่เหมาะที่เราจะมาพูดจากันถึงพฤติกรรมสำส่อนของแม่ดอกฟ้าโน้มกิ่งไม่เลือกที่ทางคนนั้นค่ะ อย่างที่บอกว่าถ้าคุณสนใจให้เธอโน้มกิ่งลงมาหาฉันจะแนะนำให้ แต่ตอนนี้อดทนไว้ก่อนอย่ากระโตกกระตาก เพราะนอกจากสามีฉัน เธอยังมีนายธรรม์นักดนตรีนั่นอีกคน แม่นั่นชอบผู้ชายทุกคนค่ะ แต่ไว้ท่าดอกไว้ตัวไปอย่างนั้นเองค่ะ”
จิรศักดิ์กระหยิ่มดีใจ มองว่าพราวพิลาสชอบผู้ชายหลายคนไว้เผื่อเลือก
พจน์ที่เดินกลับมาจากต่างประเทศ ก้มลงกราบคุณหญิงสะบันงา
“พจน์กราบขอรับนายแม่”
คุณหญิงสะบันงาดึงพจน์มากอดน้ำตาคลอเบ้า
“ดีใจเหลือเกินที่กลับมา ดูสิคะคุณพี่ เดือน ดา เป็นหนุ่มมากแล้ว ไปกราบคุณท่านสิลูก”
พจน์ยังไม่ทันไปกอด คุณหญิงศรีก็ดึงมาแนบอกแล้วน้ำตาซึมเช่นกัน
“ดูสิหน้าตาหมดจดงดงาม ท่านเจ้าคุณยังอยู่ละก้อคงดีใจมาก เอาละรีบไปกราบแม่เราเสียตาพจน์ดีใจจนน้ำตาจะท่วมห้องอยู่แล้ว ป้าเราก็อีกคน อ้อมียายแก่นั่งมองตาละห้อยอีกราย เมี้ยนคงตรอมใจตายถ้าไม่ได้ยินดีกับเรา”
พจน์หันมาทางเดือน ดาและเมี้ยน สามคนรุมกอดพจน์ แล้วพจน์ก็เลยไปเห็นแพรวพรรณรายที่มายืนมองยิ้มให้ พจน์แปลกใจอุทานออกมา
“คุณแพรว”
เดือนสะกิดพจน์กลัวว่าแพรวพรรณรายจะเข้ามาดุด่าเช่นเคย แพรวพรรณรายเดินปรี่เข้ามาใกล้พจน์ ทุกคนหันไปมองทางแพรวพรรณรายใจคอไม่ดี ไม่สบายใจ
“อย่านะคุณแพรวแม่ขอร้อง เห็นแก่แม่เถิด” คุณหญิงสะบันงาปราม
“เห็นแก่ป้าด้วยอีกคนนะยัยแพรว” คุณหญิงศรีกังวล
“คุณแพรวขาโตจนมีลูกแล้วนะคะ เลิกเฮี้ยวเถิดค่ะ” เมี้ยนหวาดๆ
“ตะลึงอะไรลูกพจน์ ยังไม่รีบไปกราบคุณแพรวอีกลูกพจน์” เดือนหันมาบอกพจน์
พจน์ขยับจะลุก แต่แพรวพรรณรายปราดมาเร็วมาก ทรุดตัวลงไปหาพจน์จนทุกคนตกใจ
“คุณแพรว”
แพรวพรรณรายไม่ได้ทำดังทุกคนคิดแต่เธอกลับจับมือพจน์ยิ้มให้ แล้วดึงมากอดโดยแรง
“พี่ดีใจด้วยคุณพจน์”
ทุกคนอุทานออกมาพร้อมกัน
“คุณแพรว”
“ผมกราบขอรับคุณแพรว” พจน์หายตะลึง
แพรวพรรณรายดันพจน์ออกดุเบาๆท่ามกลางการอมยิ้มของทุกคนด้วยความยินดี
“อย่าให้พี่เข้ากลุ่มคนแก่ที่ต้องมากราบไหว้ไปหน่อยเลยน่า ไหว้พี่ปกติก็พอ รอให้พวกคนชราหายเห่อจนน้ำตาไหลพี่จะพาไปรู้จักพี่เขยกับหลานสาวของคุณพจน์”
คุณหญิงศรีหน้าตื่น
“ต๊ายคุณแพรวมาเรียกพวกป้าว่ากลุ่มคนชรา”
ทุกคนหัวเราะขำ แพรวพรรณรายกระซิบบอกพฤกษ์
“ที่ผ่านมาพี่ทำบ้าทำบอดูถูกดูแคลนใส่คุณพจน์มากมาย พี่ขอโทษนะน้องรัก”
พจน์กล้ากอดตอบ แพรวพรรณรายยิ้มให้ตื้นตันใจ
“เช่นกันขอรับคุณแพรว ผมขอบพระคุณที่คุณแพรวยอมรับว่าผมคือน้องชายของคุณแพรว”
“เอ๊ะ ก็เราพี่น้องกันนะคุณพจน์ อีกไม่นานพี่จะกลับบ้านแล้ว ฝากดูแลนายแม่คุณป้ากับพวกคนชราทั้งหลายด้วย ฝากหลานที่พี่จะทิ้งไว้ให้นายแม่เลี้ยงด้วย เอาเป็นว่าฝากกันทั้งบ้านนั่นแหละรวมทั้งคนเก่าคนแก่ทั้งหลาย”
ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุข พจน์กวาดตามองหา
“คุณพราวเล่าครับ”
คุณหญิงสะบันงายิ้มแย้มบอก
“เขาไปเป็นนักร้องประจำร้านอาหารหรูของคุณศีลในโรงแรมหรูราที่ฝรั่งชอบมาพักมากินข้าวฟังเพลง”
คุณหญิงศรีหันไปหาเดือนกับดา
“แม่เดือนจ้ะ แม่ดาด้วยหัวใจของพวกหล่อนจะระเบิดออกมานอกอกแล้ว เอาดวงใจของพวกหล่อนไปชื่นชมโสมนัสกันเถิดย่ะ”
ดากับเดือนยิ้มไหว้คุณหญิงศรี พจน์กุลีกุจอไปกับสองคน คุณหญิงสะบันงาหันมาหาแพรวพรรณราย
“หัวหน้าครอบครัวคนใหม่ของพวกเรากลับมาแล้ว แม่ขอบใจคุณแพรวมากนะค่ะ”
“แม่นั่นกับศีลก็จะหย่ากันแล้ว เฮ้อโล่งอก” คุณหญิงศรีถอนใจโล่ง
คุณหญิงสะบันงา ยิ้มโล่งออกเบาใจ
พราวพิลาสเดินหน้าตาสดใส่ร่าเริงแต่งตัวสวยมาก เดินเฉิดฉายเข้ามาในลอบบี้ในหัวมีเสียงศีลดังก้องในหัว
“วันนี้ครบหนึ่งเดือน เราต้องฉลองก่อนจะมีชีวิตคู่ร่วมกันแล้วทูนหัวคนดีของผม ผมดีใจและมีความสุขมาก”
พราวพิลาสพึมพำ
“ค่ะ พราวก็มีความสุข ในที่สุดวันที่เรารอคอยก็มาถึง”
พราวพิลาสนึกถึงคำพูดของศีล
“พรุ่งนี้หลังจากที่ผมไปหย่าขาดกับเมขลา ผมจะเข้าไปกราบนายแม่กับคุณท่าน ว่าผมมากราบขอคุณพราวไปเป็นคู่ชีวิตของผม”
พราวพิลาสเดินยิ้ม ใบหน้าแต่ราวกับว่ากำลังยิ้มให้ทุกคน
ศีลเดินผิวปากเข้ามาในบ้านอย่างมีความสุข เขารำพึงในใจ
“พรุ่งนี้แล้ว พรุ่งนี้เราจะเป็นอิสระจากเมขลา คุณพราวยอดดวงใจสิ่งที่เราสองคนวาดฝันไว้กำลังจะเป็นจริงในวันพรุ่งนี้แล้ว”
ศีลมองหาเมขลา
พราวพิลาสมาก่อนเวลานั่งกินอาหารเงียบๆโต๊ะที่เคยนั่งกับศีลหลบมุมอยู่ พราวพิลาสนั่งยิ้มตาลอยฝันหวาน นภาเดินเข้ามาแปลกใจ
“วันนี้คุณพราวมาก่อนเวลาร้องเพลง แถมหน้าตาสดใสราวกับว่าอะไรๆในโลกนี้สวยงามไปทุกสิ่ง”
“นภาช่างสังเกตจริง”
“มีอะไรหรือคะ วันเกิดหรือคะ”
พราวพิลาสยิ้มไม่ยอมตอบพึมพำเรียกศีลดวงตาแวววาว
“คุณศีล”
ศีลแต่งตัวใหม่เรียบร้อยหน้าตายิ้มย่องแบบเดียวกับพราวพิลาส กำลังจะเดินออกนอกบ้าน
“คุณพราว”
เมขลาสวนเข้ามาในชุดทำงานมาจากนอกบ้าน มองศีลยิ้มหวานให้เช่นกัน
“ศีล”
ศีลชะงัก แต่ก็ยังสีหน้าสดชื่น
“เมขลา”
“เมื่อสักครู่เมขลาได้ยินคุณเรียกคุณพราว”
“ใช่ ผมเรียกคุณพราวผมกำลังจะไปพบเธอ ไปบอกเธอว่าวันพรุ่งนี้ผมกับ เมถึงเวลาหย่ากันตามกำหนดหนึ่งเดือนแล้ว”
“ข่าวดีของคุณกับพราวพิลาสเลยนะคะ”
“ใช่ข่าวดีของเราสองคน”
“วันนี้ช่างเป็นวันของข่าวดีแท้ๆ ลองมาฟังข่าวดีของเมบ้างนะคะ”
“คุณกำลังจะบินไปรับปริญญาดอกเตอร์ที่อเมริกา”
“ผิดค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นผมคงไม่เดา ผมเดาไม่ถูกหรอกนะ”
“เมท้องค่ะ”
ศีลยืนตะลึง
ในห้องอาหาร...พราวพิลาสกำลังนั่งเพลิน ใจลอยมีเสียงจิรศักดิ์ดังมาใกล้มาก
“ยินดีด้วยครับคุณพราวพิลาสคนสวย”
พราวพิลาสสะดุ้งตกใจมาก
“คุณ...”
“ไม่ต้องตกใจหรอกครับ ผมบังเอิญพบคุณเมขลาเธอบอกผมว่าพรุ่งนี้เธอจะหย่ากับสามี เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับคุณหรือครับ ผมยังทราบอีกว่าคุณกับคุณศีลจะแต่งงานกัน”
พราวพิลาสเริ่มอึดอัดใจ
“เอ้อ…”
“ผมแค่มาแสดงความยินดีด้วยเท่านั้นเองครับ”
จิรศักดิ์หันกลับออกไปเสียงหัวเราะบาดลึกราวกับเสียงเย้ยหยันไม่ใช่การยินดี พราวพิลาสอึ้งๆงงๆ แปลกใจว่าทำไมเมขลาต้องไปบอกจิรศักดิ์
ศีลส่ายหน้า รับไม่ได้
“ไม่จริง”
“จริงสิคะ จำคืนแรกที่เมกลับมาไม่ได้หรือคะ เราสองฉลองกัน คุณกับเม”
“หยุดนะ เราต่างคนต่างอยู่ เป็นไปไม่ได้”
“มันเป็นไปแล้วค่ะ มันเป็นไปได้ครั้งที่สองจนได้ยิ้มสิคะ ดีใจสิคะที่จะมีลูกอีกคนมาเป็นเพื่อนของลูกหนู”
“แต่พรุ่งนี้เราสัญญาว่าจะเราจะไปหย่ากัน”
“เราหย่ากันไม่ได้ คุณต้องรับผิดชอบลูกของเราร่วมกันกับเม”
“ทำไม...ทำไม...”
“ทำหน้าที่พ่อที่ดีอย่างไรเล่าคะ”
“โธ่ พราวพิลาส”
“โถ พราวพิลาสผู้หน้าสงสาร น่าเสียใจด้วยแท้ๆที่ไม่อาจแย่งสามีคนอื่นได้”
“เราจะไปหย่ากันพรุ่งนี้ ส่วนลูกผมจะรับผิดชอบเองลูก”
“เมจะไม่ให้คุณรับผิดชอบลูกของเมหรอก”
“ทำไม”
“เมจะไม่เอาเด็กไว้...เมจะไม่เอาเด็กไว้”
ศีลตะลึงเอามือปิดหูสองข้าง เมขลาสาวเท้าเข้ามาชี้ที่ท้องตัวเองตะโกนต่อ
“เมจะไม่เอาเด็กไว้...เมจะไม่เอาเด็กไว้”
“พอที พอแล้ว”
“พอได้ แต่พรุ่งนี้คุณกับฉันไปหย่ากันไม่ได้ นอกเสียจากคุณพอใจที่จะเห็นสายเลือดของคุณตายตั้งแต่ยังไม่ทันลืมตาดูโลก ฮะๆ”
ศีลยืนน้ำตาไหลพราก ร้องไห้แบบหมดความอดกลั้นรันทดสะอื้นดังมาก
“ทำไมเมขลา ทำไมคุณจึงไม่ยอมให้ทางเลือกกับผมบ้างสักครั้ง”
“เพราะคุณเลือกนังพราวพิลาสเองไม่ใช่ฉัน ผลมันก็ต้องเป็นเช่นนี้อย่าหวังต่อไปอีกเลยว่าคุณกับมันจะมีทางออกอื่น นอกจากจบกันวันพรุ่งนี้ ไปสิรีบไปบอกมันว่าไม่มีวันที่มันจะได้คุณไปจากฉัน”
เมขลาหัวเราะอย่างสะใจ ศีลเดินร้องไห้กลับออกไปจากบ้าน
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 26 (ต่อ)
พราวพิลาสนั่งรอศีล เริ่มกระสับกระส่าย จิรศักดิ์แอบมองแล้วยิ้มสาใจ นภาเดินมาหาพราวพิลาส
“คุณพราวขาผู้จัดการให้มาเรียนว่า กำลังจะถึงเวลาของคุณพราวขึ้นโชว์แล้วนะคะ”
“ค่ะ เอ้อ...แล้ว...แล้วคุณศีลเขา”
“ยังไม่เห็นมาเลยค่ะ นภาเองก็แปลกใจมากนะคะ เธอสั่งนภาไว้ว่าคืนนี้ คืนสำคัญมากเธอจะรีบมาค่ะ”
พราวพิลาสแอบถอนใจแล้วจำใจลุก พราวพิลาสไม่สบายใจแต่ยังหวังว่าเดี๋ยวยังไงศีลก็มา
ศีลนั่งร้องไห้เงียบๆ น้ำตาไหลพรากอยู่ในที่สงบแห่งหนึ่ง
“คุณพราว โธ่คุณพราว ผมจะบอกคุณพราวว่าอย่างไร นี่ผมทำร้ายคุณพราวซ้ำอีกจนได้ เพราะความโง่ ความประมาทของผม ผมช่างใจอ่อนเชื่อคำวิงวอนของเมขลา ชีวิตผมแทบจบสิ้นวันนี้”
ศีลไม่กล้าไปเผชิญหน้าพราวพิลาส
พราวพิลาสร้องเพลงสุดท้ายจบเป็นเพลงเศร้าสร้อย โค้งรับเสียงปรบมือปรายตาไปที่โต๊ะประจำของศีล โต๊ะยังคงว่างเปล่าไม่มีศีลตรงนั้น พราวพิลาสน้ำตารื้นตัดสินใจเดินลงมาจากเวทีเชิดหน้าจะออกจากห้องกลั้นน้ำตาเดินผ่านแขกที่มาฟังเพลง จิรศักดิ์มองตามแอบหมายมั่นปั้นมือ
“วันนี้กลับเองสินะคุณพราวพิลาส ผมได้ยินมาว่าคุณศีลติดธุระสำคัญมาก”
“ขอบคุณมากค่ะที่บอกกล่าว”
ธรรม์เข้ามา
“พี่มารับ”
พราวพิลาสอึ้งคิดตัดสินใจเกรงว่าศีลอาจมาเห็นเข้าก็ได้
“เอ้อ…”
“ผมเข้าใจว่าคุณศีลยังอยู่ที่บ้านนะครับ” จิรศักดิ์พูดขึ้น
พราวพิลาสไม่สนใจฟังจิรศักดิ์พูดเดินลิ่วออกไป มีธรรม์รีบเดินตาม
ศีลนั่งร้องให้ คิดถึงแต่ใบหน้าของพราวพิลาสที่ยิ้มแย้มดีใจอย่างมีความสุขที่ถึงวันครบหนึ่งเดือน
“คุณพราว...เราต้องเผชิญหน้ากับความจริง เราต้องบอกคุณพราว คุณพราวรอเราอยู่”
ศีลป้ายน้ำตา แล้วรีบออกไปจากที่นั่น
พราวพิลาสเดินหงอยมามีธรรม์เดินตามติดๆ ในใจหวั่นไหวมากว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมศีลจึงผิดคำพูด
“พี่ธรรม์คะ ขอบคุณมากค่ะส่งพราวแค่นี้เถิดค่ะ”
“คุณพราวไม่ยอมอภัยให้พี่”
“พราวไม่ได้คิดว่าพี่ธรรม์มีความผิดที่พราวต้องอภัยให้ เดี๋ยวนี้พราวโตแล้ว ไม่ใช่เด็กเล็กๆอีกต่อไปแล้วค่ะ วันเวลาสอนให้พราวเลิกเรียกร้องจากผู้อื่นค่ะ”
“คุณพราวครับได้โปรดให้โอกาสกับพี่อีกสักครั้ง คุณพราวก็ทราบว่าพี่รักคุณพราว ให้พี่แก้ตัวสักครั้ง”
“ขอบคุณค่ะที่รักพราว ขอบคุณที่ดีกับพราวเสมอมา ได้โปรดเถิดนะคะ พราวอยากไปทำใจให้สงบค่ะ”
ธรรมพยักหน้าแล้วหันกลับแต่โดยดี
ศีลเข้ามาในห้องอาหารเดินรีบร้อนเข้ามาส่ายตาหาพราวพิลาส สบเอาตาของนภาที่เดินหน้าจ๋อยๆมาหา
“คุณพราวกลับไปแล้วค่ะ”
“เธอไม่ได้ให้รถที่บ้านมารับแล้วกลับไปได้อย่างไร”
จิรศักดิ์เข้ามาเงียบๆ
“คุณพราวเธอไปกับคนรักของเธอ นักดนตรีมีสกุลรุนชาติที่ชื่อคุณธรรม์น่ารักเหมาะสมกันแท้ๆ”
จิรศักดิ์แอบมีเยาะๆ ศีลเงียบอึ้งไป
วันรุ่งขึ้น...เมขลาเปิดประตูห้องของศีลที่โรงแรมเข้ามา ในห้องว่างเปล่าไม่มีเงาของศีล
“ไหนพวกพนักงานบอกว่าเขานอนค้างที่นี่แล้วหายไปไหน นังพราวพิลาสแกจะเอาเขาไปจากฉันไม่ได้”
เมขลาสีหน้าขุ่นเคืองมาก
ศีลมานั่งรอพบพราวพิลาสหน้าตาศีลมีความทุกข์แสดงออกมาเห็นชัดเจน พราวพิลาสเดินลงบันไดมาหน้าตาหม่นหมองสายตามีคำถามว่าทำไมศีลไม่มาตามนัดศีลลุกทันที
“คุณพราวผมขอโทษ”
“ขอโทษทำไมคะ ทำไมผิดนัดไม่มาพบพราวตามสัญญาที่เราพูดกันไว้”
ศีลมองหน้าพราวพิลาส น้ำตาลูกผู้ชายร่วงพรูอีกรอบ
“ผม ผมกับเมขลา”
“มีอะไรที่ผิดพลาดไปแน่ๆ บอกพราวมาเถิดค่ะ”
ศีลทรุดตัวลงตรงหน้าพราวพิลาสจับสองมือของพราวพิลาสที่กำลังรอรับฟังสิ่งเลวร้ายที่กำลังจะได้ยิน
“ผมเลิกกับเขาไม่ได้”
พราวพิลาสหน้าซีดขาวมือสั่นใจหวิวลงไปกอง เสียงสั่นถามศีล
“พูดต่อไปสิคะ พราวอยากฟังให้จบ”
“เมขลาท้อง”
“ท้อง”
พราวพิลาสพูดไม่ออก ศีลยังคุกเข่ามองหน้าพราวพิลาสน้ำตาไหล พราวพิลาสกลั้นน้ำตาค่อยๆดึงมือออกมาจากมือศีล
เมขลายืนอยู่กลางห้องทำงานศีล
“พราวพิลาสแกกำลังเอาชนะคะคานฉัน แกไม่มีวันชนะ ผู้ชายคนนั้นคือของฉัน เขาคือของฉันตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน แกมันหน้าด้านไร้ยางอาย แกทำให้ฉันทุกข์ แกก็อย่าได้สุขเลยนังพราวพิลาส ใครๆ ก็อยากจะรักแก แต่ฉันสิอยากจะได้ใครมารักสักคนก็มีแกมาขัดขวาง”
เมขลาแค้นมาก จนน้ำตาคลอ
พราวพิลาสยืนน้ำตาตกใน เพราะในใจไม่เชื่อเต็มร้อยแต่แรกว่าเขากับศีลจะหย่ากัน แต่พยายามหวังเพราะอยากให้ฝันเป็นจริง
“ถ้าผมเลิกกับเขา เขาจะทำลายลูกในท้องเสียลูกของเขาคนเดียวที่ไหน ลูกของผมด้วยแท้ๆ”
พราวพิลาสยืนเงียบแต่สั่นไปทั้งตัว
“ใช่ค่ะลูกของคุณแท้ๆ ลูกที่คุณทำให้แกเกิดมาทำนองเดียวกับลูกหนู พราวเข้าใจค่ะ”
“ผมเลวมาก ผมฉุดชีวิตคุณพราวให้ตกต่ำ ผมโง่บัดซบยอมให้เมขลาหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก”
“พราวก็เช่นกันค่ะ โง่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะคุณบอกว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับเมขลาตั้งแต่เขากลับมาจากนอก คุณหลอกพราวครั้งแรก พราวหลงเชื่อสนิท ไม่คิดว่าจะโดนหลอกซ้ำอีก คุณหลอกพราวเสมอมา ทุกอย่างที่บอกกับพราวล้วนโกหกทั้งสิ้น หัวใจพราวแหลกสลายซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่พราวจะไม่โทษใครทั้งสิ้นนอกจากความโง่ของตัวเอง”
พราวพิลาสหันกลับทันที
“คุณพราว”
พราวพิลาสหันกลับมามองหน้าศีล
“กลับไปเถิดค่ะ คืนนี้พราวจะไม่ไปร้องเพลง”
“คุณพราวจะไม่ไปร้องเพลงตลอดไปหรือเปล่า ได้โปรด”
“ได้โปรดกลับไปเถิดคะ กลับไปดูแลเมขลาและลูกหนูกับลูกในท้องของเธอ”
พราวพิลาสหันกลับอีกครั้ง เดินตัวตั้งตรง ศีลมองตามน้ำตาไหลพราก ค่อยๆลุกขึ้นยื่นมือออกไปน้ำตาไหล
“คุณพราว เรา เรา...”
“ไม่มีเราอีกต่อไป ไม่มีวันไม่มีหวังความสุขใดๆอีกต่อไป ทุกวันของเราจบแล้วค่ะ”
“คุณพราว”
“อย่าเรียกพราวด้วยเสียงเช่นนี้อีกค่ะถ้าไม่ต้องการบดขยี้หัวใจของพราวให้แหลกละเอียด พราวไม่ต้องการได้ยิน”
ทั้งสองคนร้องไห้อย่างน่าสงสาร
เมขลานั่งแค้นผสมเศร้าเพราะศีลไม่กลับมาให้เห็นหน้า พยาบาลจูงลูกหนูเดินเตาะแตะมาหา
“คุณแม่”
“ไปให้พ้น เด็กอะไรไปรักคนอื่นมากกว่าแม่ตัวเอง” เมขลาตวาดไล่
ลูกหนูร้องให้โฮๆพยาบาลตกใจ
“คุณผู้ หญิงทำคุณหนูตกใจนะคะ”
“นั่นลูกของฉันอย่ามาสะเออะ ฉันต้องการอยู่เงียบๆเอาเด็กไปให้พ้น”
พยาบาลจูงลูกหนูกลับไป เมขลามองตามแล้วคิดอะไรขึ้นมาได้
“เดี๋ยว! มานี่สิลูกหนู มาหาแม่สิคะ”
พยาบาลงงแต่ก็พาเด็กเข้าไปหา เมขลาเอาลูกหนูนั่งตักแล้วเริ่มสอน
“ฟังแม่พูดแล้วจำใส่ใจเอาไว้ให้แม่นๆนะคะ หนูเกลียดมัน”
ลูกหนูพูดตาม
“หนู เกลียด มัน”
พยาบาลอึ้ง แต่เมขลายิ้มพอใจ
วันใหม่...แพรวพรรณรายส่งพริสซี่ให้คุณหญิงสะบันงา
“แพรวมอบตัวแทนมาให้นายแม่กับคุณป้า และทุกคนดูแลแทนแพรวแล้วนะคะ รับรองว่าแกซนมากกว่าแพรวแน่นอนค่ะ”
“ย่ะ ทราบแล้ว ตั้งแต่มานี่ได้ยินแม่ดาแม่เดือนรายงานมาว่าแม่หนูปาจานชามลายครามโบราณเล่นจนแตกไปสิบใบแล้วย่ะ” คุณหญิงศรีประชดประชัน
“อยู่ที่โน่นก็เอาแจกันของท่าน เลดี้แอนน์โยนลงพื้นเล่นเสมอ ผมรู้แล้วว่าพริสซี่ซนเหมือนใคร” พอลชี้ไปที่แพรวพรรณราย “ยู”
“คุณป้าบอกว่านี่คือคนเอาตัวรอด แพรวไปนะคะ นายแม่ คุณป้าแล้วแพรวจะส่งข่าวมาหาเป็นระยะ”
เมี้ยนกระซิบ
“ลาคุณพราวหรือยังคะ เมื่อคืนก่อนเห็นคุณธรรม์มาส่ง เมื่อเช้าวันก่อนคุณศีลมาหา ตอนนี้ไม่ไปร้องเพลงเสียอย่างนั้นเธอบอกอะไรแม่เดือนไหม”
เดือนส่ายหน้า
“เธอเงียบๆทำหน้าเฉยไม่ยินดียินร้ายใดๆเลยค่ะ”
“แต่ที่แน่ๆเธอเปลี่ยนไปแน่ค่ะ” ดาบอก
พราวพิลาสเดินลงมาจากบันได มากอดแพรวพรรณราย ยิ้มให้พอล
“พราวมาส่งคุณแพรวค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะคุณแพรว พอลด้วยค่ะ”
“Thank you”
แพรวพรรณรายกอดพราวพิลาสกระซิบถาม
“ทุกอย่างโอเคไหมคะคุณพราว”
“ค่ะ ทุกอย่างโอเค ดีมากค่ะ พราวทำตามที่คุณพริ้มแนะนำค่ะ หนักนักก็ให้วาง ถ้าวางแล้วก็ว่างค่ะ”
พราวพิลาสฝืนยิ้มทำเนียนๆไม่ให้ใครจับสังเกตได้
“แล้วทำไมไม่ไปร้องเพลงคะ”
“คืนนี้พราวจะไปค่ะ”
สองคนกอดกัน
ธรรม์บอกเรื่องราวกับปานวาดให้ช่วยพูดกับคุณหญิงสะบันงาเรื่องพราวพิลาส
“แม่จะลองพูดกับคุณหญิงสะบันงาเขา แต่แม่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม เพราะตอนนี้อะไรอะไรก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม”
“เพราะตัวผมเอง ผมทำตัวเอง แต่ถ้าผมไม่ทำเช่นนั้นโจแอลก็จะกลายเป็นหญิงสำส่อน มีลูกหาพ่อไม่ได้”
“ลูกเป็นคนดีมีน้ำใจมาก แม่ไม่อยากตำหนิ แต่แม่กำลังสงสัยพราวพิลาสกับคุณศีลเขาคิดอย่างไรต่อกันนั่นต่างหากคืออุปสรรคของลูก ถ้าเขามีใจต่อกัน ลูกไม่ควรไปแทรกแซงความรักของพวกเขา”
“ภรรยาเขากลับมาเป็นเดือนแล้วครับคุณแม่ ภรรยาเขาไปแสดงตัวที่ร้านอาหารตั้งแต่วันแรกที่เธอกลับมา ผมจึงคิดว่าผมน่าจะมีโอกาสอีกครั้ง ได้โปรดครับคุณแม่ ผมรักคุณพราวมากจริงๆครับ”
“แม่รู้จ้ะ แม่จะพยายาม”
ธรรม์ยกมือไหว้ขอบคุณแม่มีความหวัง
ศีลรับลูกหนูไว้ในอ้อมกอด
“คิดถึงเหลือเกินลูกรักของพ่อ”
“หนูเกลียดมัน”
ศีลตกใจ มองหน้าพยาบาล
“ลูกหนูเอาอะไรมาพูดค่ะ ไม่น่ารักเลย ทำไมหรือ”
พยาบาลอึกอัก
“เอ้อ...เดี๋ยวนี้เธอสนิทสนมกับคุณเมขลามากค่ะ หายเงียบไปอยู่ในห้องตามลำพังเป็นนานสองนานค่ะ ดิฉันสงสัยว่าเอ้อ...สงสัยว่าเอ้อ...”
ศีลหันมาถามลูกหนู
“ใครสอนให้หนูพูดอย่างนี้คะลูก”
“คุณแม่ค่ะ”
เมขลาเดินออกมา
“เด็กคนนี้โกหกเพราะมีคนมาแอบสอน ใครจะไปสอนให้เด็กพูดจาอย่างนั้นถ้าแกไม่คิดอย่างนั้นจริงๆ”
“ไม่ได้สอนก็ช่างเถิด คุณไปหาหมอมาหรือยัง ผมโทรไปบอกคุณหมอแล้วว่าให้ดูแลลูกในท้องของคุณด้วย”
เมขลาแอบหันไปยิ้มเย้ยๆ
“ห่วงเมหรือห่วงเฉพาะแค่ลูกคะ”
“เลิกพูดจากดดันให้ผมพูดในสิ่งที่คุณไม่อยากฟังเสียทีเถิดผมเหนื่อยที่กลับมานี่ก็แวะมาหาลูก”
“แปลว่าที่แท้อยากจะบอกว่าไม่เคยห่วงเม แต่ห่วงลูกเท่านั้น”
ศีลเดินผ่านเมขลาอุ้มลูกหนูไปด้วย พยาบาลรีบเดินตาม เมขลามองตาม แค้นใจร้องไห้มองตามศีล
“ทำไมคุณจึงรักฉันบ้างสักนิดก็ไม่ได้ ไม่รักแล้วยังเกลียดฉันด้วยซ้ำ ทำไมคะ แต่สำหรับอีนังนั่นเทินทูนมันจะเป็นจะตาย”
คุณหญิงสะบันงากับปานวาดคุยกันในห้องรับแขก
“ฉันมาขอคุณพราวให้ลูกธรรม์ เธอจะว่าอย่างไรสะบันงา”
คุณหญิงสะบันงาตกใจ
“คุณปานวาด”
“ฉันพูดตรงไปตรงมาอย่างนี้เสมอเธอก็รู้ ถึงแม้ว่าธรรม์จะเคยผิดพลาดแต่ก็หาใช่ด้วยเจตนาจะทรยศหักหลังหนูพราวพิลาส แต่เป็นเพราะธรรม์เคยขาดพ่อ จึงสงสารเด็กที่เกิดมาแล้วจะขาดพ่อเช่นตนเอง”
คุณหญิงสะบันงาหนักใจ
“ฉันเข้าใจค่ะ ไม่คิดว่าธรรม์เป็นคนอื่นไกล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นกับคุณพราวด้วยค่ะ คุณพราวเดี่ยวนี้เธอดูไม่ค่อยออกเปลี่ยนไปเป็นฉุนเฉียวง่ายด้วยการส่งสายตา อยากทำสิ่งใดก็ทำไม่ปรึกษากันแล้วค่ะ”
“ลูกธรรม์บอกว่ารักคุณพราวมาก จึงขอฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอด้วยนะสะบันงา”
“ค่ะ ดิฉันจะคุยเรื่องนี้กับเธอค่ะ”
ปานวาดพอใจคำตอบจากคุณหญิงสะบันงา
ศีลแต่งตัวเตรียมจะออกไปที่ร้านอาหาร เมขลาแต่งตัวสวยมาจากอีกทางเดินมาประกบคู่ ศีลชักสีหน้า
“นั่นจะไปไหนไม่ทราบ”
“ก็ไปกับคุณน่ะสิคะ”
“ไปทำไมไม่ทราบ ไหนว่างานยุ่งจนไม่มีเวลาใกล้ชิดลูก แล้วจะออกไปนอกบ้านทำไมดึกๆเสียสุขภาพไปถึงลูกในท้องด้วย ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่คุณควรไปสักหน่อย”
“เพราะว่ามันคือที่ของนังพราวพิลาสหรือคะ เมจะตามไปดูว่ามันยังหน้าไม่อายมาร้องเพลงยั่วคุณอยู่อีกหรือไม่ ไม่เชื่อหรอกว่าเลิกกับมันจริง”
“แปลว่าคำพูดของผมไม่เคยมีค่าให้เมรับฟัง คุณยังจะตามไปรังแกคุณพราวเธอทำไม”
“ใครรังแกใครกันแน่ อีนั่นมันแย่งผัวเมนะคะ”
“ถ้าเธอจะแย่งกันจริงละแย่งได้แน่ ขอเพียงแค่เธอเอ่ยปากคำเดียว ผมก็เลิกกับเมได้ชนิดไม่ดูดำดูดีทันที”
“อ๊าย” เมขลาโกรธ
“ถ้าจะอยู่กันต่อไปเลิกท้าทายเลิกเหน็บแนมเลิกด่าคุณพราว อย่าแตะต้องเธอ เธอไม่เคยอยากแย่งผมจากเม”
“ถ้าเช่นนั้นเมจะไปกราบตีนขอบคุณมันที่กรุณาไม่แย่งผัวเม เมตตาให้เมมีผัวเป็นคุณศีลต่อไป”
“กราบขอบคุณลูกในท้องของคุณนั่นเช้าเย็นไปเถิด ถ้าไม่มีแกเราจบกันตั้งแต่วันครบหนึ่งเดือนไปแล้ว”
เมขลาปราดมาทุบตีศีลรัวใส่สองมือ
“คนใจร้ายๆ”
“ร้ายอย่างไรก็ไม่เท่าเธอหรอกเม เธอนั่นแหละใจร้ายใจดำอำมหิตคิดฆ่าลูกตนเอง นรกกวักมือเรียกหยอยๆแล้ว รู้ไว้เถิดว่าคุณพราวเธอไม่ได้ไปร้องเพลงมาตั้งแต่วันที่ผมบอกเธอว่าคุณท้องแล้ว”
“ไม่เชื่อ เมจะไป ไปประกาศตัวให้ชัดเจนว่าคุณคือผัวของเมไม่ใช่นังนั่นแล้วถ้ามันไปจริง จะได้เห็นดีกัน”
“บอกว่าไม่ให้ไป”
“ค่ะ ไม่ไปร้านอาหาร แต่จะไปหาที่ทำให้เด็กนี่ออกไปจากชีวิตเรา เพราะมันคือตัวปัญหาของชีวิตเม”
ศีลตะคอกใส่หน้า
“ใจดำอำมหิต ใจยักษ์ใจมาร เธอมันบ้า บ้าบัดซบ”
ศีลสะบัดหน้าเดินไป เมขลาผวาไปแล้วทำแสร้งหกล้ม
“ว๊าย ลูกแม่ แท้งแล้ว”
ศีลที่กำลังจะเดินจากพ้นไปชะงัก หันมามองเมขลาที่กำลังทำท่าจะเป็นจะตายลุกไม่ไหวยื่นมือไปให้
“ถ้าอยากให้มันอยู่ มาประคองฉันแล้วพาฉันไปดักรอดูน้ำหน้าอีคนอยากแย่งผัวฉัน”
ศีลอยากจะขย้ำคอเมขลา แต่ทำไม่ได้
พราวพิลาสแต่งตัวสวยแต่งหน้าสวยทำผมสวย เดินหน้านิ่งสงบลงบันไดมาในหัวมีเสียงพริ้มเพราดังก้อง
“หนักนักก็วาง วางแล้วก็ว่าง”
“ค่ะ คุณพริ้ม พราวกำลังจะวาง วางค่อย จะได้ไม่เจ็บปวดค่ะ”
คุณหญิงศรี คุณหญิงสะบันงา เมี้ยน เดือนกำลังมองมาทางพราวพิลาสสบตากัน
“คุณพราวเธอแปลกจริงอย่างที่เดือนบอก เธอทำหน้านิ่งจนดิฉันไม่อยากจะถามไถ่ทุกข์สุข” คุณหญิงสะบันงาบอกอย่างหนักใจ
“เด็กนี้ดื้อรั้นดันทุรัง ดูแววตาสิ อยากเอาเรื่อง แต่ทำหน้าสงบนิ่ง” คุณหญิงศรีเสียงเครียด
“วันนี้คุณพราวแต่ตัวสวยจริงๆลูก” คุณหญิงสะบันงาเอ่ยชม
“สวยกว่าทุกวันเลยนะคะ สีขาวนวลแบบเดียวกับคุณพริ้มเลยนะคะ” เมี้ยนชื่นชม
“แบบเดียวกับคุณพริ้มก็ต้องทำใจให้ว่างเปล่าแบบเดียวกับเธอได้สิ”
“ค่ะ พราวทำได้แน่นอนค่ะ แม่เดือนขาพาพราวไปที่รถด้วยค่ะ วันนี้พราวจะโชว์เต็มที่ค่ะ นายแม่ คุณป้า”
พราวพิลาสเดินไปหาแม่กับคุณหญิงศรีโอบกอด
“บอกให้กำลังใจโชว์เต็มที่ของพราวด้วยสิคะ”
“เป็นกำลังใจให้จ้ะ”
พราวพิลาสยิ้มเดือนจูงมือออกไป
“แม่เดือนก็ขอให้โชว์คุณพราวคนดูชอบจนตะลึงนะคะ”
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา09.30น.
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 26 (ต่อ)
บันไดขึ้นจากลอบบี้ไปสู่ห้องอาหาร...พราวพิลาสเดินคอตั้งตัวตรงทีท่ามั่นใจสูงมาก ไม่มีหวั่นไหวตรงไปยังห้องอาหาร เธอนึกถึงคำพูดของพริ้มเพรา
“ทำใจให้ว่างเปล่าๆ”
นภาโผล่มาดักหน้า
“คุณพราวขา” นภาตกใจกลัวมาก
“นภาเป็นอะไรมีใครลวนลามเอาหรือ”
“ไม่มีค่ะ มีแต่เอ้อ...มีแต่เรื่องที่จะทำให้คุณพราวเสียใจ กลับบ้านเถิดนะคะ”
“ไม่กลับ ฉันจะมาร้องเพลง”
จิรศักดิ์เดินยิ้มมาหาพราวพิลาสทำท่าหวังดีเต็มเปี่ยม
“พนักงานคนนี้พูดถูกนะครับ เพราะในนั้นมีแต่เรื่องที่จะทำให้คุณพราวเสียใจนะครับ”
“แต่ใจฉันมีแต่ความว่างเปล่า ฉันไม่มีเสียใจหรือดีใจกับเรื่องใดๆหรอกค่ะ ขอบใจมากค่ะ ที่หวังดี”
พราวพิลาสเดินต่อไป จิรศักดิ์มองตามนภายังตามติด
“ไปกับผมเถิดครับ ไปเพื่อไม่ให้คุณต้องพบเรื่องบาดตาบาดใจ”
“ฉันจะไม่ไปไหน ฉันจะไปร้องเพลงเท่านั้นค่ะ กรุณาอย่าหวังดีอีกต่อไปค่ะ ถ้าจะให้ดีเข้าไปดูโชว์ของฉันดีกว่าค่ะ”
จิรศักดิ์อึ้ง พึมพำ
“มันไม่หลงกลไปกับเรา”
พราวพิลาสเดินต่อ ธรรม์ออกมาจากห้องอาหาร
“คุณพราวครับ พี่ขอเวลาไปนั่งที่ลอบบี้สักห้านาทีครับ”
“ได้ค่ะ แต่ต้องหลังจากพราวโชว์เสร็จแล้วค่ะ เชิญพี่ธรรม์เข้าไปข้างในรอดูโชว์ของพราวนะคะ”
พราวพิลาสยิ้มหวานให้ธรรม์
“แต่ในนั้นเอ้อ...มี...”
“มีอะไรก็ช่างเถิดค่ะ พราวมีหน้าที่ทำงานของพราวให้ดีที่สุดค่ะ”
พราวพิลาสไม่สนใจใครเดินเชิดเข้าไปทันที
พราวพิลาสเดินผ่านแขกทั้งหลายที่ยกมือบ้าง ยื่นมือบ้างเอ่ยปากบ้างสวัสดีพราวพิลาสอย่างชื่นชมยินดี พราวพิลาสสวัสดีตอบรับทั้งแบบฝรั่งและไทยไม่เคอะเขินวางท่าสง่างามราวเจ้าหญิง ศีลนั่งหน้าหม่นหมองอมทุกข์ เมขลานั่งหน้าระรื่นตรงกันข้ามแถมอิงแอบแนบแก้มโอบกอดศีลเอาไว้ราวกับจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่านี่สามีฉัน สุกิจเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ
“คุณพราวพิลาสมาแล้ว”
“วันนี้พราวพิลาศสวยเหลือเกิน” แขกชื่นชม
เสียงนี้ทำให้ทั้งสองตื่นจากความคิดของตนเอง ศีลหันไปมองตามเสียง เมขลาชักสีหน้ายิ้มเย้ยกะว่าพราวพิลาสผ่านมาคงตะลึง
“คุณพราว” ศีลครางออกมา
เมขลาคำราม
“อีพราว ประเดี๋ยวเถิด แกจะรู้ว่าเขาเลือกฉัน ไม่ใช่แก”
พราวพิลาสกำลังจะเดินผ่านสองคน มีนภาเดินมาใกล้ๆธรรม์ตามมาด้วยความห่วงใย จิรศักดิ์นั่งแล้วแต่มองมาดูว่าพราวพิลาสจะมีปฏิกิริยาเศร้าหรือเสียใจเพียงใด ทุกสายตาล้วนจับตาดูพราวพิลาส เธอรำพึงในใจ
“คนใจร้าย คุณกำลังประกาศให้พราวรู้ว่าคุณเลือกเมขลา คุณเหยียบย่ำพราวเพื่อเชิดชูเมขลา”
พราวพิลาสเดินปกติ ผ่านมาถึงจุดที่เมขลากับศีลนั่งอยู่ เมขลาลุกทันทียิ้มหวานยื่นมือแตะแขนพราวพิลาส
“นึกว่าจะไม่มาร้องเพลงที่นี่เสียอีก”
“เมขลา” ศีลปราม
“คุณศีลยืนยันกับฉันแล้วนี่นาว่าเธอไม่มาร้องเพลงที่นี่แล้ว”
“ฉันไม่เคยพูดว่าจะไม่มาร้องเพลง คุณกำลังเสียมารยาท กรุณาปล่อยแขนฉัน”
พราวพิลาสพูดประมาณออกคำสั่งแต่นิ่มๆเย็นๆดังพอที่ทุกคนจะได้ยิน ทำเอาเมขลาหน้าเจื่อน
“เอ๊ะ”
ศีลลุกมาดึงมือเมขลากลับกระซิบคำรามใส่โกรธมาก
“หยุดนะ”
พราวพิลาสหันมายิ้มให้ศีลดูสนิทใจมาก
“ขอบคุณ”
เสียงแฟนเพลงปรบมือให้พราวพิลาส เมขลาคำราม
“อีหน้าด้าน ยังมีหน้ามาร้องเพลงอีกหรือว่าคุณนัดแนะให้มันมา มิน่าจึงไม่ยอมให้เมมา”
“พอที ถ้าไม่พอผมจะกลับแล้วเชิญอยู่ที่นี่ต่อไปตามลำพัง” ศีลรำคราญ
สองคนเถียงกันไม่มีใครได้ยิน เพราะเสียงปรบมือเชียร์พราวพิลาสดังมาก
บนเวที...พราวพิลาสนั่งที่ม้านั่งกำมะหยี่หันมาทางแขกยิ้มหวาน
“วันนี้อุ่นหนาฝาคั่งเช่นเดิมนะคะ ดิฉันจะขอมอบของขวัญให้ท่านผู้มีเกียรติด้วยเพลงใหม่ที่เพิ่งแต่งและจะเป็นเพลงเดียวของดิฉันในวันนี้ค่ะ”
พราวพิลาสก้มหน้าโค้งให้ให้แขก แล้วหันมาหาเปียโน เริ่มร้องเพลงและดีดเปียโนแบบดื่มด่ำในอารมณ์ก้มหน้าก้มตามีความสุขอย่างเต็มที่ ทั้งที่หัวใจกำลังสะอื้น คนดูการร้องเพลงของพราวพิลาส ทุกคนนิ่งราวกับต้องมนต์เคลิ้มตาม ธรรม์ซาบซึ้งในบทเพลงมาก
“คุณพราวช่างแต่งเนื้อเพลงได้กินใจเหลือเกิน”
“ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาช่างชวนให้ค้นหาน่าหลงใหลเสียจริงๆ” จิรศักดิ์พึงใจ
ศีลกับเมขลาสองคนนิ่งงัน
“โธ่ คุณพราว” ศีลน้ำตาคลอ
“ดูคุณศีลสิ จังงังไปกับมัน อีนังนี่มันแกล้งแต่งเพลงต่อว่าคุณศีล”
เมขลาฮึดฮัดเจ็บใจมาก เพราะทุกคนฟังพราวพิลาสแบบนิ่งมาก รวมทั้งศีล
พราวพิลาสถือไมค์ลุกมาจากเปียโน ร้องเพลงโดยไม่มีเสียงเปียโนจากนั้นเดินลงจากเวทีแบบมีลีลา เสียงผู้คนปรบมือดีใจพราวพิลาสโปรยยิ้มไปทั่ว...พราวพิลาสเดินไปตามโต๊ะต่างๆผู้คนเอื้อมมือมาจับมือพราวพิลาสมีความสุข พราวพิลาสเดินระเรื่อยมาถึงตรงหน้าศีลกับเมขลา พราวพิลาสไม่ได้มองเมขลา แต่มองศีล เมขลาทำอะไรไม่ถูก พราวพิลาสยืนตรงกับหน้าศีลจงใจพูดกับศีลแต่เหมือนบอกกับทุกคนในที่นั่น มีเพียงศีลพราวพิลาสและเมขลาเท่านั้นที่รู้ความหมาย พราวพิลาสร้องเพลงจนจบตรงหน้าศีลกับเมขลา แล้วโค้งให้กับสองคนและทุกคน เสียงปรบมือดังไม่ขาดสาย ศีลตะลึง
“คุณพราว”
เมขลาแค้น
“อีพราว”
พราวพิลาสหันมายิ้มให้ทุกคนแล้วหันกลับเดินตรงออกประตู ทุกคนแปลกใจว่าพราวพิลาสจะเดินไปไหน เดินไปทำอะไร ทุกคนลุกขึ้นมามองตามพราวพิลาสไป เห็นเธอเดินลัดเข้าไปหาอ่างน้ำตกเดินตรงไปยังม่านน้ำตก ผู้คนพากันเดินตามออกมาดู แบบไม่รู้ตัว พราวพิลาสเดินผ่าม่านน้ำตกลุยลงไปยืนเงยหน้ารับน้ำเอามือลูบผมให้ลู่ลงมา เสื้อผ้าเปียกแนบรัดตัว ทั้งผมยาวแนบหัวเงยหน้าพึมพำ
“พราวเป็นอิสระแล้วค่ะคุณพริ้ม พราวล้างพันธนการหัวใจที่หนักอึ้งของพราวจนหมดสิ้นแล้วค่ะ”
พวกตามมาดูต่างนิ่งอึ้งตะลึงกับการกระทำของพราวพิลาส ทุกคนคิดว่านี่คือโชว์ แต่ศีล เมขลา จิรศักดิ์ ธรรม์ เท่านั้นที่รู้ว่านี่คือการจงใจทำ ทุกคนแม้แต่ศีลก็ยังตามไปดูพราวพิลาส
“คุณพราว ผม ผมขอโทษ” ศีลพึมพำ
ในห้องอาหาร มีแต่เมขลาเท่านั้นที่ยืนเดียวดายพ่ายแพ้
“นี่หรือชัยชนะ ชัยชนะคือการเป็นเพียงเจ้าของทะเบียนสมรส มันคือชัยชนะที่เลวร้าย อย่างไรเสียหัวใจของคนที่เรารักยังคงติดตามผู้หญิงคนนั้นไปตลอดเวลา”
เมขลายกสองมือปิดหูส่งเสียงกรีดร้องผสมไปกับเสียงปรบมือไม่มีใครได้ยินหรือหันมามองเมขลา ไม่มีใครสนใจเธอเลย
“อ๊าย”
ทันใดนั้นมีมือมาแตะข้อศอก
“คุณเมขลาครับ”
เมขลาได้สติหันมามอง
“คุณจิรศักดิ์”
“ผู้หญิงคนนั้นครอบครองหัวใจทุกคนในที่นี้ไว้ทั้งหมดแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะรั้งเขาคนนั้นไว้หรอกครับ”
“ไม่ ไม่จริง ทำไม ทำไม”
“ไปหาที่คุยกับผม ปรึกษาผมสิครับ ผมมั่นใจว่าสามารถแก้ปัญหาให้ คุณเมขลาได้ เรื่องผู้หญิงคนนั้น”
เมขลามองจิรศักดิ์ แล้วหันไปมองศีล เขาไม่ได้แม้แต่ปรายตามองเธอแม้แต่น้อย เมขลาตัดสินใจหันมามองหน้าจิรศักดิ์
พราวพิลาสอยู่ในอ่างน้ำตกยังคงยืนลูบผมไปมาให้ลู่ลงเชิดหน้ามองไปด้านบน
“ในที่สุด พราวพิลาสคนนี้ก็ได้พบความสุขจากการหลุดพ้นทั้งปวง พราวเป็นอิสระทางหัวใจจากผู้ชายที่พราวยอมให้ขังหัวใจพราวไว้นานแสนนานคนนั้นตลอดกาลแล้ว”
พราวพิลาสมองผ่านม่านน้ำตกออกมา เห็นศีลมายืนหลังม่านน้ำตกมองมาที่เธอ
“คุณพราว”
เมขลาเดินผ่านมาเฉียดกรายศีลชิดจนน่าจะมองเห็น แต่ศีลกลับไม่มองไม่สนใจ เมขลาน้ำตาไหลเดินจากไปเจ็บแค้นยิ่งนัก
“พราวพิลาสแกชนะฉันอีกแล้ว”
ศีลยังคงมองพราวพิลาสไม่เลิกรา ปากก็พึมพำพูด
“คุณพราว ผมขอโทษ”
พราวพิลาสมองมาที่ศีลสบตาขยับปากบอกพร้อมกับรอยยิ้ม
“ลาก่อนค่ะ”
1 ปีผ่านไป...คุณหญิงศรีกับคุณหญิงสะบันงาเปรยกันถึงพราวพิลาส
“คุณพี่ขา ดิฉันสงสารคุณพราวเหลือเกินค่ะ ถามอะไรก็ไม่ยอมพูดทำหน้าตาเฉย แล้วก็ร้องไห้มาปีเต็มๆแล้วนะคะ”
“เรียกศีลมาถามสิว่ามันอย่างไรกัน ฉันก็ไม่ชอบนะทำกันแบบนี้ ปู้ยี้ปู้ยำลูกเราชัดๆแล้วไม่รับผิดชอบ”
“เขาจะรับผิดชอบได้อย่างไรกันคะ ก็เมียเขายังไม่ได้หย่ากัน แถมจะมีลูกอีกคน”
สองคนนั่งปลงสงสารพราวพิลาส
ศีลมองเมขลาที่แต่งตัวรัดรูป ไม่มีลักษณะของคนท้องทั้งที่ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว
“เมขลา คุณไม่ได้ท้อง”
เมขลาสะดุ้งวาบ
“ฉัน ฉัน”
“หรือแอบไปทำอะไรกับเด็กในท้องมา นี่มันหนึ่งปีผ่านไปแล้วนะ”
เมขลารีบเดินหนี ศีลเดินตามไปดึงแขนให้หันมา
“ปล่อยนะ จะไปสอนหนังสือ”
“ผมต้องการคำตอบ ทำไมต้องโกหกผมว่าท้อง คุณจงใจทำลายชีวิตผมกับคุณพราว”
ศีลจ้องหน้าเมขลาตาขุ่นเขียว เมขลาอึกอักแล้วก็ระเบิดหัวเราะใส่ศีล
“สมน้ำหน้าอยากหน้าโง่กันเอง”
“เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะมีใครเลวร้ายเท่ากับเธอ”
ศีลผลักเมขลาห่างออกไปหันหน้าเดินหนี เมขลาทำล้ม ศีลไม่ใยดี เมขลาทุบพื้นร้องกรี๊ด
ซุ้มดอกไม้บ้านเจ้าคุณ...ธรรม์มาขอเป็นคนรักของพราวพิลาสเหมือนเดิม
“พี่รอคุณพราวมาเป็นปีแล้วนะครับ” พราวพิลาสส่ายหน้า
“พราวเคยผิดหวังเคยเจ็บปวดมาแล้ว พราวปล่อยวางเป็นแล้วค่ะ เลิกรอพราวเถิดค่ะ”
“ทำไมคุณพราวกลายเป็นคนใจแข็งนัก”
“ทำไมพราวต้องรอให้คนอื่นมาใจร้ายกับพราวก่อนเสมอคะ พอกันทีค่ะ”
“พี่ไม่ได้ตั้งใจพี่ก็แค่ต้องการทำบุญกับเด็กหาพ่อไม่ได้”
“พี่ธรรม์ก็ไปเก็บเกี่ยวผลบุญจากเขาสิคะ มายุ่งกับพราวทำไม พราวเบื่อผู้ชายใจโลเลค่ะ พราวขอตัว”
“ถ้าคุณพราวยังไม่หายเสียใจ เรื่องเอ้อ...”
พราวพิลาสตัดบท
“พอค่ะ”
“พี่รักคุณพราวนะครับ รักมาคนเดียวทังชีวิต พี่จะรอคุณพราว”
“ไม่ต้องรอพราวค่ะ มันจบแล้วค่ะพี่ธรรม์ พราวไม่ได้รักพี่ธรรม์ ไม่เคยรักแต่อาจหลงละเมอไปชั่วครู่ก็แค่นั้นเองค่ะ”
ธรรม์หน้าสลด พยักหน้ารับรู้เดินจากไป พราวพิลาสมองตามแต่กับไปช้ำใจเรื่องศีล
“พราวรักใครอีกไม่ได้แล้วค่ะแม้ไม่สมหวัง พราวก็ไม่ต้องการเอาใครมาทดแทนมาชดเชย” พราวพิลาสพูดเบาๆกับตนเอง
พราวพิลาสมาร้องเพลงปกติบนเวที จิรศักดิ์นั่งมองยิ้มย่อง ศีลเดินมานั่ง มีนภาตามมาติดๆ
“ขอบใจมากนะนภาที่โทรไปตาม”
“ก็แหม นภาเอ้อ...เห็นว่าคุณไม่ค่อยมาดูแลร้านสักเท่าไหร่นะคะแล้ววันนี้ก็ตรงกับวันที่ เอ้อ...” นภามองไปที่เวที
ศีลมองตามสายตานภา
“ขอบใจมากนภา”
“ก็แหม...เลี่ยงกันไปหลบกันมาเป็นปีไม่เคยพบเจอกันวันนี้ก็สมควรแก่เวลานะคะ เอ้อ...ขอประทานโทษอย่าว่านภาสะเออะ ทำไมคุณศีลไม่หาโอกาสบอกเธอเล่าคะว่าคุณศีลไม่มีลูกคนที่สองสักหน่อย”
ศีลถอนใจเงียบ
“นภาไปเถิด”
นภาออกไป ศีลลงนั่งหลบมุมที่เดิม พราวพิลาสกำลังเล่นเปียโนร้องเพลงไปด้วย สายตาพลันไปเห็นศีลมองมาจากมุมเดิม พราวพิลาสกระตุกนิดหนึ่งแล้วเมินไปทางอื่น ร้องเพลงต่อไปจนจบเพลงเสียงคนปรบมือ พราวพิลาสลุกขึ้น
“ขอบคุณมากค่ะ”
พราวพิลาสเดินลงจากเวที ศีลเดินมาแต่ไม่กล้าที่จะแสดงอะไรออกนอกหน้าเพราะผู้คนจับตามอง
“คุณพราวครับ”
จิระศักดิ์เดินยิ้มมาหาพราวพิลาส
“คุณพราวครับ”
พราวพิลาสเมินไม่มองศีลหันไปยิ้มให้จิรศักดิ์
“คะ คุณจิระศักดิ์”
“ผมขออนุญาตเชิญมานั่งดื่มน้ำส้มที่โต๊ะผมให้เกียรติ นายจิรศักดิ์ แซ่ซุน คนธรรมดาสามัญคนนี้สักครั้งเถิดครับ”
ศีลอึ้งยืนนิ่งพูดไม่ออก
“ยินดีค่ะ คุณจิรศักดิ์”
พราวพิลาสเดินไปนั่งหน้าตาเฉย ไม่มองศีลแม้แต่น้อย ศีลเดินหงอยไปนั่งที่เดิม สุกิจ ส่ายหน้าเดินมาหา
“เสียใจด้วยนะ เฮ้อ...ทำไมนายไม่บอกเธอว่าเมียนายไม่ได้ท้อง ไอ้เสี่ยจิรศักดิ์นั่นมันไม่น่าไว้ใจสักนิด แม้ว่ามันจะดูดีมีการศึกษาแต่ฉันว่ามันไม่ตรงไปตรงมา”
ศีลถอนใจ
“ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้หย่ากับเมขลา ฉันจะมีหน้าเอาอะไรไปขอร้องให้เธอฟังฉันพูด”
“แล้วนายจะรออะไร ในเมื่อเมขลาไม่ได้ท้องตามที่บอก นายจะเอาชีวิตของนายไปวางไว้ใต้ฝ่าเท้าเมขลาไปตลอดชาติหรือ”
ศีลนิ่งคิด พราวพิลาสดื่มน้ำส้มที่จิรศักดิ์ส่งมาให้ยิ้มหวานให้
เดือนรอพราวพิลาสที่หน้าตึกเจ้าคุณ แปลกใจเมื่อเห็นนายบุญเดินมาตามลำพัง
“คุณพราวเล่านายบุญ”
ขาดคำถามเดือน พราวพิลาสเดินมามีจิรศักดิ์ตามหลัง เดือนตกตะลึงมองพูดออกทั้งแปลกใจมากพราวพิลาสทำหน้าเฉยเมย
“คุณจิรศักดิ์ค่ะแม่เดือน”
จิรศักดิ์ยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณแม่”
“คุณแม่ของคุณพราวคือคุณหญิงสะบันงาค่ะ ส่วนดิฉันเป็น เอ้อ…”
พราวพิลาสรีบแทรก
“ก็เป็นแม่ฉันเหมือนกันค่ะ ขอบคุณมากที่มาส่ง”
“ขอบคุณมากที่ให้ผมมาส่ง เชิญครับเข้าบ้านเถิดครับ ผมไม่รบกวน”
เดือนจูงพราวพิลาสเข้าบ้านไป จิรศักดิ์มองตามสุดชื่นชม สายตากวาดมองไปรอบๆ
“ถ้าได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกับคุณหนูดอกฟ้าแม้มีราคีบ้างก็คุ้มค่า สำหรับนายจิรศักดิ์ แซ่ซุ่น”
เช้าวันใหม่...ศีลบอกเมขลาหน้าตาสงบนิ่ง
“ถึงเวลาที่เราต้องหย่ากันเสียที โดยไม่มีข้อแม้ใดๆอีกต่อไป”
เมขลาร้องโฮๆส่ายหน้า
“ไม่ ไม่นะ เมทนไมได้ที่ต้องหย่ากับคุณ เมรักคุณ เมเป็นเมียคุณ”
“ไม่ใช่หรอกไม่ใช่มาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว คุณทำให้ผมจำใจยอมรับคุณมานานมากพอแล้ว จบสิ้นกันที ปล่อยผมไปเถิดนะ ผมมีคนที่ผมรัก และเธอก็รักผม เรารักกัน เรารักกันได้ยินไหม หยุดทำร้ายเราเสียที”
เมขลาร้องกรี๊ด ศีลยืนนิ่งทนฟัง
คุณหญิงศรีกับคุณหญิงสะบันงาซุบซิบกันหลังจากเดือนรายงาน
“ตายจริง เมื่อคืนคุณพราวเอาผู้ชายแปลกหน้ามาส่งถึงบ้าน” คุณหญิงสะบันงาตกใจ
คุณหญิงศรีหันไปถามเดือน
“แต่ดูเขากิริยามารยาทดีอยู่หรือเดือน”
“ค่ะ ดูไม่หลุกหลิกค่ะแต่ท่าทางจะหลงใหลคุณพราวเอามากๆค่ะ”
“แต่คุณพราวของเราเล่า จะไปหลงใหลใครอื่นได้อีก เฮ้อ”
เมี้ยนเอามือกุมหัวสีหน้าไม่ค่อยสบาย คุณหญิงศรีมองเมี้ยน
“เมี้ยนไม่ค่อยสบายก็ไปพัก บอกแล้วทำไมไม่ฟัง หรือว่าอยากให้มันป่วยมากไปกว่านี้” คุณหญิงศรีสายตากังวล
“เอ้อ...เจ้าค่ะ ก็เมี้ยนห่วงคุณท่านนี่คะ”
“แล้วฉันเล่าไม่ได้ห่วงเมี้ยนหรืออย่างไร เด็กดื้อมันก็น่ารัก แก่แล้วดื้อมันน่าโมโห”
เมี้ยนรีบพยักหน้าถอยไปออกไป ดาหน้าตื่นสวนเข้ามามีจิรศักดิ์เดินตามหลัง
“คุณหญิง คุณท่านเจ้าขา คุณจิรศักดิ์ แซ่ซุน มาขอกราบเจ้าค่ะ”
สองคนมองไป จิรศักดิ์ค้อมตัวสุภาพแล้วยกมือไหว้
“คุณจริศักดิ์ เธอมาส่งคุณพราวเมือคืนนี้ค่ะ” เดือนบอก
สองคนยังนิ่ง
“ผมมาขอกราบคารวะ ครับ”
สองคนพยักหน้า คุณหญิงสะบันงาผายมือ
“เชิญนั่งค่ะ”
คุณหญิงศรีมองจิรศักดิ์
“เหตุใดจึงต้องอยากมากราบคารวะ”
จิรศักดิ์นิ่งไปเพราะรู้สึกได้ทันทีว่ายัยหน้าผีนี่ใหญ่ที่สุด
จบตอนที่ 26
โปรดติดตามตอนที่ 27 อวสาน