xs
xsm
sm
md
lg

คุ้มนางครวญ ตอนที่ 19**แก้ไข

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คุ้มนางครวญ ตอนที่ 19

ยอดหล้าจุมพิตตรีภพดูดดื่มเนิ่นนาน พิมพ์ดาวยืนอึ้ง แก้วดวงตาหมองมองอย่างขมขื่น และยอกแสลงใจเป็นที่สุด ยอดหล้าลืมตาขึ้นดวงตาเรืองแสง
 
“จงจำได้ จงจำได้ ณ บัดนี้”
ตรีภพตาสว่างวูบ รำลึกจดจำแทบทุกเรื่องราว ตั้งแต่ตอนยอดหล้าพบหลวงเทพภักดีที่ริมธารน้ำ ยอดหล้าเล่นซึงให้หลวงเทพฟังในคุ้มหลวง หลวงเทพเอ่ยคำกลอน ยอดหล้าเอียงอายอยู่บนเรือล่องแม่ปิง
สุดท้ายเป็นภาพหลวงเทพและยอดหล้าพูดเปรียบเปรยถึงตะวันและจันทราที่ศาลาท่าน้ำ

ตรีภพยืนนิ่งคล้ายตะลึงกับเรื่องราวในอดีตชาติที่ระลึกได้ ยอดหล้าผละออกขยับมายืนเคียงตรีภพ มองพิมพ์ดาวอย่างเยาะหยัน
“เจ้าพี่”
“เจ้าพ่ายแพ้แล้วดาราราย”
ยอดหล้าเอียงศีรษะซบตรีภพ วางมือลูบไล้อกแกร่งของยอดดวงใจ
“พี่เทพจำความรักความหลังที่มีต่อข้าได้แล้ว”
พิมพ์ดาวเบิกตากว้าง เรียกเสียงสั่นพร่า “เจ้าภักดิ์”
ยอดหล้าขมวดคิ้ว ตรีภพมองจ้องพิมพ์ดาว
พิมพ์ดาวเรียกซ้ำ “เจ้าภักดิ์”
ตรีภพขยับถอยจากยอดหล้า มองพิมพ์ดาว พูดแผ่วเบา “แสงดาว”
พิมพ์ดาวตะลึงไม่อยากเชื่อหู เบิกตากว้าง ยอดหล้างุนงง
“เจ้าราย แสงดาว เพลงนี้ ข้าแต่งให้เจ้า” ตรีภพเอื้อนเอ่ย

ยอดหล้าตกใจ เหตุการณ์ตาลปัตร ผิดคาด และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่เทพ พี่พูดอะไร นี่คือเพลงของเรา”
ตรีภพโต้ “ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่เพลงของเรา”
แก้วพูดไม่ออก มองยอดหล้า สงสารจับใจ ยอดหล้าชะงัก ส่ายหน้า ผงะถอย
ทันใดนั้นสายซึงก็พลันขาดสะบั้น ผึง ผึง เส้นแล้ว เส้นเล่า
รอบบริเวณภาพมายาดวงดาวอันสวยงามสลายวูบ ไฟในผางประทีปสว่างขึ้นดุจเดิม แขกที่ถูกสะกดนิ่งแข็งเป็นหินผวาตื่น มองกันเลิกลัก แล้วทุกคู่สายตามาหยุดมองดู ยอดหล้า ตรีภพ พิมพ์ดาว และแก้วที่ยังยืนเด่นอยู่
ตฤณ พิมพ์เดือน แพท งงหนักพากันลุกขึ้นดู มาลาริน บีบี ฐาปกรณ์ สุชาดา ลุกขึ้นมาอยู่ห่างๆ
กลุ่มมีมี่ มูมู่ เก้ง ลูกกบ รัก เบิ้ม พ่อเลี้ยงธาดา และกลุ่มไฮโซก็ชะเง้อพลางกระซิบกันให้แซด
ยอดหล้ามองตรีภพอย่างฉงนฉงาย ตรีภพรู้สึกขัดแย้งในใจ ยอดหล้าเหลียวขวับไปหาพิมพ์ดาว
“ฝีมือเจ้า ใช่ไหม ดาราราย”
“ฝีมือท่านต่างหากเจ้าพี่”
พิมพ์ดาวหมายถึงการสะกดให้ตรีภพจำอดีต ทำให้ตรีภพจำอดีตที่แท้จริงได้ แต่ยอดหล้าไม่อาจเข้าใจ จึงยิ่งโกรธ
“เจ้า...เจ้า...เจ้า”
ยอดหล้ายืดกาย ดวงตาเรืองจนเกิดแสงแผ่ไป 2 ข้างใบหน้า
ตรีภพก้าวมาหาพิมพ์ดาวโอบไว้อย่างปกป้อง พิมพ์เดือนผงะกอดตฤณโดยอัตโนมัติ ตฤณอ้าปากค้าง
ฐาปกรณ์ มาดามสุ บีบี ธาดา ไฮโซตาเหลือก ไม่ต่างจากพวก มีมี่ มูมู่ เก้ง ลูกกบ รัก เบิ้ม กลุ่มสายใจ ระริน เฟื่องฟ้า ตาเหลือก แทบร้องกรี๊ด
แก้วขยับมา
“เจ้านาง อย่า”
ยอดหล้าตัวสั่นสะท้านโบกมือปัดแก้วออกไปอย่างแผ่วเบา แต่ทว่าร่างแก้วกลับกระเด็นลอยไปตกลงโครมกลางวงดนตรี นักดนตรี ช่างขับนางรำ ลุกพรวด เครื่องดนตรีพังโครมคราม
บีบีร้องลั่น “แม่มึงแหก”
ยอดหล้าหันขวับมามองพิมพ์ดาวตาขวาง
ทันทีทันใดผางประทีป และเทียนอันจุดตามไว้ที่ต่างๆ ก็ระเบิดเป็นลูกไฟราวพลุ ลูกไฟกระจายออกรอบทิศ
มาลาริน บีบี ฐาปกรณ์ มาดามสุ ธาดา ไฮโซ หวีดร้องระงม ป้องหน้า ตัวและหัวหู ลูกไฟตกพรูลงโดนตัว
ผางประทีปใกล้ทิ่มงานระเบิด มีมี่ มูมู่ เก้ง ลูกกบ รัก เบิ้ม หกล้มหกคว่ำหลบสะเก็ดไฟอลเวง
พิมพ์ดาวร้องห้าม “เจ้าพี่...อย่า”
ยอดหล้าหันขวับมามองพิมพ์ดาว ตรีภพขยับขวาง ยอดหล้ายิ่งโกรธเกรี้ยว
นางผัน นางเผื่อนก้าวมา แล้วเหลียวขวับไปทางคุ้มหลวง
“เจ้านาง”
“ไปเร็ว”
ทันใดนั้น มีร่างเด็กหัวจุก 2 คนขวางไว้ นางผัน นางเผื่อนชะงัก

ตรีภพก้าวขวางพิมพ์ดาวไว้ มองยอดหล้าอย่างวิงวอน
“เจ้านาง อย่า”
“พี่เทพ หลีกไป” ยอดหล้าโบกมือแผ่วเบา
ร่างตรีภพคล้ายถูกมือยักษ์กระชาก กระเด็นลอยไปใส่กลุ่มตฤณ พิมพ์เดือน และแพท ที่พยายามรับไว้ จนล้มกลิ้งกันทั้ง 4 คน
ฐาปกรณ์ มาดามสุ บีบี ร้องกรี๊ด มาลารินถลามาหายอดหล้ายิ้มชี้นิ้ว
“จับน้องสาวแพศยาของข้าไว้”
มาลารินพยักหน้ารับคำก้าวเดินทื่อๆ เข้าหาพิมพ์ดาวคล้ายปองร้าย ยอดหล้ายิ้มสมใจ มาลารินก้าวมาหน้าพิมพ์ดาว จ้องตากัน ยอดหล้าก้าวมาหลังมาลาริน
แต่แล้วมาลารินกลับหันขวับมาฟาดคดพญานกเหยี่ยวใส่หน้ายอดหล้าเต็มแรง
เกิดแสงเจิดจ้าเป็นสายหงิกงอรอบทิศคล้ายฟ้าผ่า ยอดหล้าผงะหงาย เซถอยหลังไป ผมลุ่ยหลุดมองมาลารินอย่างไม่เชื่อสายตา
“เจ้า”
มาลารินตะโกนก้อง “นังผีเจ้านาง ฉันไม่ใช่บริวารแก”
ยอดหล้ายิ้มเย้ย เงยหน้าเปล่งวาจา “นกน้อยๆ จงมา”
จู่ๆ มีเสียงนกร้องจอกแจกจอแจ ทุกคนในงานเหลียวมองเลิกลัก ยอดหล้ายิ้มร้ายสมใจ
ฝูงกาปีศาจบินมาอื้ออึง ราวหมอกควันสีดำ พุ่งเข้าจิกตีทุกคนในงาน
ตรีภพขยับมากันพิมพ์ดาวไว้ จับกดลงตวัดผ้าคลุมไว้ มาลารินโดนนกผีจิกล้มคว่ำ คดพญานกเหยี่ยวกระเด็นไป
ตฤณยังคงงวยงง โดนนกเข้าจิกตี พิมพ์เดือนคว้าถาดฟาดนกให้
ฐาปกรณ์ มาดามสุ บีบี ธาดา ไฮโซล้านนาถูกนกจิกหกล้มจมคว่ำ
มีมี่ มูมู่ ถูกนกจิกผมปลอมหลุดไปจากหัวโกรธสุดขีดถอดซิ่นออกฟาดนก เก้ง รัก ลูกกบ เบิ้ม คลานลงไปใต้ตั่งเตี้ย แต่ไม่รอด นกตามไปจิกก้น
นกจิกพิมพ์เดือน ตฤณฟาดนกโดนพิมพ์เดือนล้มโครมไป แต่เจอคดพญานกตกอยู่ตรงหน้า
อีกาปิศาจตัวหัวหน้า พุ่งเข้าหาพิมพ์ดาว และ ตรีภพ ใกล้เข้ามาทุกที พิมพ์เดือนถลาเข้าขวาง ฟาดคดพญานกเหยี่ยว เกิดแสงจ้าแผ่ออก แสงนั้นเผาอีกาปิศาจเป็นผงร่วงพรูลงพื้น
แสงนั้นยังแผ่ไปเป็นเส้นสายฟ้าเข้าร้อยรัดร่างนกผีตัวแล้วตัวเล่า นกปิศาจพลันสลายเป็นผงไปทุกตัว เถ้าผงสีดำตกพรูใส่ทุกคน สภาพมอมแมมคล้ายถูกหมาฟัด
ยอดหล้าโกรธตาลุกวาว มองพิมพ์เดือนอย่างเคียดแค้น พิมพ์เดือนหน้าซีดแต่ทำใจกล้าชูคดพญานกเหยี่ยวก้าวไป
“เจ้า”
ยอดหล้าเหยียดยิ้ม “เจ้าคิดว่าของวิเศษของเจ้า มีอำนาจล้นฟ้าซีนะ”
พิมพ์ดาว และตรีภพก้าวมาขนาบสองข้างพิมพ์เดือน
พิมพ์ดาวบอก “ระวัง”
“จงดู”
ยอดหล้าพลันชูมือ เป็นกรงเล็บยื่นยาวในอากาศ คดพญานกเหยี่ยวลอยหวือสู่มือยอดหล้า
ยอดหล้าแบมือออก คดพญานกแดงฉานเหมือนไฟถ่าน แผดเผามือยอดหล้า
พิมพ์ดาว พิมพ์เดือน ตฤณ ตรีภพตะลึงมองจ้อง ยอดหล้าเจ็บปวดขบกราม มือสั่นระริก ไฟไหม้จนเกิดควันขึ้น
ทุกคนลุ้นระทึก
ยอดหล้าขบกราม กำมือบีบคดพญานกมีเสียงดังเปรี๊ยะ ยอดหล้าแบบมือออกคดพญานก แตกร้าวแล้วสลายลงในมือ ทุกคนผงะถอย
ยอดหล้าโปรยปรายมันลง แล้วมองดู ตรีภพ พิมพ์ดาว พิมพ์เดือน ตฤณ อย่างเยาะเย้ย
“เจ้ายังมีของวิเศษอะไร มาต่อกรกับข้าอีก”
ทุกคนหน้าซีด
ยอดหล้าพลันชูมือขึ้นข้างหนึ่ง เกิดแสงจ้าขึ้นบนมือคล้ายจะเป็นลำแสงทำลาย
ตรีภพก้าวมาบังพิมพ์ดาว ยอดหล้ายิ่งโกรธดวงตาวาวโรจน์
เสียงมหจรวยดังขึ้น “เจ้านางยอดหล้า หยุดเสียที”

ยอดหล้าหันขวับไปดูทางเสียง

มหาจรวยก้าวมาในสวน ชุดขาวที่สวมปลิวไสว สร้อยประคำบนคอดูวาววับเข้มขลัง มหาก้าวช้าๆ ขึ้นบนศาลา ยอดหล้ามองดู มหาจรวยที่ยืนเด่นอยู่ปลายศาลาอีกฟาก

“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน เจ้าวางแผนไว้กับดารารายซีนะ”
“เจ้านาง พอเสียทีเถิด”
ยอดหล้าขยับก้าวไปหามหาจรวย วงขันโตกมากมายนับสิบที่ขวางทั้งสองอยู่ก็เลื่อนกราดแยกออกไป 2 ข้าง เปิดทางให้ยอดหล้าก้าวไป
ทุกคนขยับตามมองดู ยอดหล้าพลันเป่าลมจากปากแผ่วเบา เกิดเป็นลมแรงราวมหาพายุ หอบโต๊ะขันโตกนับสิบลอยหวือขึ้น พุ่งใส่มหาจรวยราวอาวุธ
มหาจรวยถอดประคำออกยื่นมา เกิดเป็นม่านแสงคล้ายผลึกใสแผ่ออกเป็นกำแพง ขันโตกพลันลอยมาค้างอยู่บนอากาศ ยอดหล้ามอง ขมวดคิ้ว เพิ่มพลัง
ขันโตกทำท่าราวจะชำแรกม่านแสงไปได้ แต่แล้วจู่ๆ ก็ตกโครมลงพื้นพร้อมกัน ยอดหล้าเซมีอาการหมดแรง
“เจ้านาง ท่านทุ่มเทพลังทำลายคดพญานก จนแทบไม่เหลือพลังใดๆ ไว้คุ้มตัวแล้ว”
“เจ้า” แทบคลั่งยอดหล้ารวมพลังสุดท้ายชู 2 มือยื่นมา มือ 2 ข้างเรืองแสงจ้า ทุกคนผงะรู้ว่ายอดหล้าสู้ตาย
มหาจรวยพลันขว้างสร้อยประคำพุ่งไปในอากาศ กลายเป็นวงแสงพุ่งมายอดหล้าผงะ วงแสงนั้นคลี่ออกราวงูพันร่างยอดหล้าขวับๆ หลายทบ จากอกไปถึงเท้า ทุกคนร้องฮือฮา
ยอดหล้าล้มกลิ้งลงกับพื้น แสงนั้นยังขยับไหวรัดตัว มหาจรวยก้าวมาใกล้ ยอดหล้าชันกายขึ้นคุกเข่า มองมหาจรวยอย่างไม่ยอมแพ้
ตรีภพ พิมพ์ดาวก้าวมา ฐาปกรณ์ มาดามสุ ธาดา บีบี อ้าปากค้าง แพท ลูกกบ รัก เก้ง มีมี่ มูมู่ เบิ้ม มีสภาพเหมือนผ่านสงครามมา เกาะกันเป็นกลุ่ม
พิมพ์ดาวมองยอดหล้าอยากช่วยพี่สาว “เจ้าพี่”
“ข้าไม่นับว่าเจ้าเป็นน้อง”
“แต่ข้ายังถือท่านเป็นพี่”
“มายาสาไถยแบบนี้ซีนะ เจ้าถึงชิงพี่เทพไปจากข้าได้”
“เจ้าพี่ ท่านเข้าใจผิดหมด เถรกระอ่ำ”
ยอดหล้าตวาดลั่น “หุบปาก อย่ากล้าดี พูดชื่อท่านอาจารย์ของข้า”
ยอดหล้าตาวาว พิมพ์ดาวรู้สึกโกรธวูบขึ้น
“งั้นท่านก็จงจมอยู่กับความแค้นโง่ๆ ของท่านต่อไปเถอะ”
ยอดหล้าผวาขึ้น ดวงหน้ากลายเป็นอสูรกาย
ฐาปกรณ์ มาดามสุ ธาดา บีบี ไฮโซ แหกปากร้องกรี๊ดพร้อมกัน อสูรกายแสยะเขี้ยว
ตฤณถอยกรูดๆ มาชนพิมพ์เดือน อสูรกายยื่นหน้าใส่พิมพ์ดาวราวจะกัดกิน
มีมี่ มูมู่ ถือผ้าซิ่นค้าง เก้ง กับเบิ้ม สาวแตกร้องสุดเสียง รักเป็นลม ลูกกบจิกหัวไว้
พิมพ์ดาวไม่หวั่นไหว ตรีภพมองยอดหล้าอย่างเวทนา มหาจรวยยื่นมือจับบ่วงแสงรั้งยอดหล้ามา
ทันใดมีกลุ่มควันสีดำเข้มข้นพุ่งมาในอากาศ ชนด้านหลังมหาจรวยทะลุออกด้านหน้า
มหาจรวยผวากุมอกเซไปเกาะเสา ทุกคนมองดูตกใจสุดขีด
ควันดำนั้นพุ่งลงหน้าอสูรกายยอดหล้า กลายเป็นเถรกระอ่ำ พัสตราภรณ์ขาวระยิบระยับใบหน้ายิ้มละไม ดวงตาชั่วร้าย
“เถรกระอ่ำ”
อสูรกายคืนร่างเป็นยอดหล้า เถรกระอ่ำเกิดลังเลนิดหนึ่งแล้วยื่นมาไปกระชากบ่วงแสงเกิดเป็นแสงฟ้าผ่าออกรอบทิศ เถรกระอ่ำโดนแสงฟ้าผ่าหน้า แต่ขบกรามแน่นทนดเอา
มหาจรวยทรงกายได้มั่นคงใหม่ เถรกระอ่ำรวบรวมแรง กระชากแสงนั้น แสงพลันขาดกระจายกลายเป็นประคำหล่นพรู ทุกคนตกใจ ประคำกระจายกลิ้งมาแทบเท้ามหาจรวย
เถรกระอ่ำกุมหน้าข้างหนึ่ง ดึงยอดหล้าขึ้น หมุนกาย ชายผ้าสยายกลายเป็นกลุ่มควันดำเข้มข้นหนีไปยังทิศของคุ้มร้าง
พิมพ์ดาวกุมมือตรีภพ ตฤณนั่งแปะลง พิมพ์เดือนสะใจ มาดามสุเป็นลม ฐาปกรณ์ไม่รับ มาดามสุล้มแผละไปกองคาพื้น บีบี ดึงมาลารินมาเขย่า มาลารินได้สติ
ตาทอง สายใจประคองแก้วที่ยังสลบขึ้น ระริน เฟื่องฟ้ายืนกอดกัน
ไฮโซผ้าหลุดลุ่ยคลานอยู่กับพื้น พ่อเลี้ยงธาดาเซซังไปเกาะเสามองทิศคุ้มร้าง มหาจรวยขยับกายปากร้องก้อง
“ตาม”

คุ้มร้างดำทะมึนในเวลากลางคืน
มีควันดำพุ่งลงยังพื้นห้องใต้ดิน กลายเป็นเถรกระอ่ำที่ประคองยอดหล้าไว้ เถรชั่วทรุดลงบนแท่น ส่วนยอดหล้าทรุดลงกับพื้นมีอาการบาดเจ็บสาหัส
นางผัน นางเผื่อน มีอาการคล้ายคนเป็นง่อยคลานมา
“เจ้านาง เจ้า ไอ้เด็กผีมันทำร้ายข้าเจ้า”
“เจ้านาง ช่วยข้าเจ้า ว้าย”
สองผีนางข้าไทเปิดตากว้างเมื่อเห็นสภาพยอดหล้า
“เจ้านาง ใครทำเจ้านางเจ้า”
“ท่านอาจารย์ ว้าย”
เถรกระอ่ำหันมาเห็นหน้าซีกหนึ่งไหม้จนพุพองอัปลักษณ์ เถรกระอ่ำเงยหน้าขึ้นมองเบื้องบน
“มันตามมาแล้ว”

มหาจรวยก้าวมาช้าๆ ดวงตาแน่วแน่ ตาทองตามหลังถือผอบทองเหลือง ตรีภพ พิมพ์ดาว พิมพ์เดือน ตฤณตามมาด้วย มหาจรวยสำรวมจิต แล้วกำทรายในผอบไว้
“จงเกิดกำแพงแก้วล้อมคุ้มไว้ ณ บัดนี้”
ทุกคนมองดู มหาจรวยปาทรายไป ทรายนั้นพุ่งไปราวมีชีวิต พุ่งวนโปรยปรายละอองทรายสีน้ำเงินลงตลอดทาง ตรีภพ พิมพ์ดาว พิมพ์เดือน มองอย่างเลื่อมใสอัศจรรย์ใจ ตฤณตื่นเต้นสุดขีด
ทรายนั้นวนอ้อมจนกลับมาบรรจบล้อมรอบคุ้มไว้ ทุกคนมอง
ทันใดก็เกิดเพลิงสีน้ำเงินลุกขึ้นท่วมท้นราวกำแพงไฟล้อมคุ้มร้าง แล้วดับลง
“อ้าว ทำไมดับแล้ว” ตฤณแปลกใจ
“ไม่หรอกกำแพงแก้วยังอยู่ แต่สายตามนุษย์ย่อมมองไม่เห็น” มหาว่า
พิมพ์เดือนหมั่นไส้ “ถ้าอยากเห็น คุณก็ต้องลองตายเป็นผีดู”

เถรกระอ่ำผงะถอยไป 2-3 ก้าว ยอดหล้ายังคงกุมอกอยู่ที่พื้น นางผัน นางเผื่อน ประคอง
“ท่านอาจารย์”
“มันลงอาถรรพ์ ขังเราไว้ในที่นี่”
เถรกระอ่ำชี้มือไป ทุกคนมองไปที่ประตูทางเข้าห้องใต้ดิน กลายเป็นเพลิงสีน้ำเงินท่วมอยู่

ตรงประตูทางเข้า โซ่อาคมถูกล่ามไว้ มหาจรวยเขียนยันต์ด้วยแท่งดินสอขาว ตัวอักษรธรรมและลวดลายนั้นเป็นสีขาวแกมทองสว่างวาบ ตรีภพ พิมพ์ดาว พิมพ์เดือน ตฤณ และตาทอง ดูอยู่ทางด้านหลัง
ส่วนในห้องใต้ดิน เถรกระอ่ำสงบนิ่ง ยอดหล้าขมขื่นเจ็บแค้น นางผัน นางเผื่อน ร้องไห้
“ทำไม ทำไม”
“เจ้านางน้อย ระงับใจไว้ ตอนนี้ มิใช่เวลาของเรา”
“เจ้า”
“แต่ถ้ามันบุกเข้ามาละเจ้า”
“เราจะทำอะไรได้”
เถรกระอ่ำเหยียดยิ้ม “มันไม่กล้าเข้ามาดอก...เพราะมิใช่เราเท่านั้นที่บาดเจ็บสาหัส”

ตรงกำแพงคุ้มร้างอันเต็มไปด้วยไม้เลื้อยรกเรื้อ มหาจรวยซัดทรายเสกอีกคำรบหนึ่ง ตรีภพ พิมพ์ดาวไม่ยินดีนัก พิมพ์เดือน ตฤณ และตาทองกลับดีใจ
“ทีนี้มันจะออกมาไม่ได้แล้วใช่ไหมครับ”
พิมพ์เดือนรำคาญ
มหาจรวยยืนสำรวมจิต พยักหน้า ทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมา
พิมพ์เดือนตกใจ “ว้าย คุณน้า”

มหาจรวยกุมอกทรุดลง ดูอาการออกว่าเจ็บสาหัส ตฤณคว้าไว้ทัน

อ่านต่อหน้า 2

คุ้มนางครวญ ตอนที่ 19 (ต่อ)

บรรดาคนที่บาดเจ็บเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัด ฟื้นตื่นกันมาในตอนกลางวัน วันต่อมา

มาดามสุหัวปูดเท่าลูกมะนาวนั่งอยู่บนเตียงคนไข้กำลังนั่งแต่งหน้าไปด้วย ฐาปกรณ์ยืนมองเซ็งๆ ลูกกบกับรักอยู่ด้วยมีท่าทางตระหนกอยู่
“นี่เมื่อคืนนี้มีใครเอากล้องเอามือถือถ่ายไว้บ้างหรือเปล่า”
ลูกกบกับรักมองหน้ากันแล้วสั่นหัว
“โธ่ มาดาม เมื่อคืนนี้ไม่มีใครตายก็บุญแล้ว” รักเซ็ง
ลูกกบเสริม “ฮื่อ นึกแล้วยังสยองขวัญ ยายเจ้าแสงหล้านั่นเป็นซุปเปอร์ผีเลยนะคะ”
มาดามสุที่เห็นคาตาเช่นกัน ทำหน้าปั้นยาก
“ฉันก็มีแต่แสงเพชรเข้าตา ไม่ได้สังเกตเลยว่าไม่ใช่คน แต่ก็ดีแล้วฉันจะได้เอาเรื่องผีอาละวาดมาทำข่าวโปรโมท”
ฐาปกรณ์แหวขึ้น “ไม่เอาแล้วโว๊ย ขืนออกข่าวไปคนได้คิดว่าบ้า”
นางเมียขี้งกโต้ทันควัน “พยานมีเป็นร้อย เห็นผีแผลงฤทธิ์อยู่กะตา ทำไมจะออกข่าวไม่ได้”
“ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก นี่ผมก็กำชับทุกคนแล้วว่าอย่าพูดไปเด็ดขาด”
ลูกกบเสริมอีก “จริงด้วยค่ะมาดาม ไม่มีใครเชื่อ แถมเขาจะว่าเราแต่งเรื่องตอแหลโปรโมทละคร”
รักแทรก “หรือไม่พูดไป เขาคงจับส่งโรงพยาบาลบ้า”
แม้จะถูกรุม แต่มาดามสุไม่ยอม “เรื่องอะไรฉันจะพูด ฉันจะออกข่าว”
“ก็ดี ผมจะได้ให้หมอส่งคุณไปศรีธัญญา” ตาผัวผู้กำกับบอกอย่างจริงจัง
มาดามสุหน้างอหงิก

ส่วนอีกห้องมาลารินบาดเจ็บพอควร นั่งอยู่บนเตียงคนไข้ บีบีมีรอยฟกช้ำดำเขียวและรอยเล็บนกจิกข่วน นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนโซฟา
“ไม่รู้จะขังนังผีนั้นไว้ทำไม ทำไมคุณมหานั่นถึงไม่ฆ่ามันไปเลย”
“ก็มันตายอยู่แล้ว จะไปฆ่ามันอีกได้ยังไงล่ะ หล่อนไม่เห็นเหรออย่างผีแม่นากเขาก็จับถ่วงลงหม้อ ขังไว้น่ะดีแล้ว พุทโธ ธัมโม”
มาลารินมองบีบีอย่างสะใจนิดๆ
“แล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะไม่หลุดออกมาอีก”
“ว้าย ไม่เอาแล้ว ฉันกะหล่อนกลับกรุงเทพฯ เย็นนี้เลย ดีนะยะไม่โดนอีผีเจ้านางนั่น มันหักคอเอา ฮือ ถ้าเชื่อหล่อน ฉันก็ไม่ไปมัวหลงขนเพชรมันหรอก”
มาลารินทำตาปริบๆ

ฝ่ายแก้วหน้าซีดเผือดนั่งพิงพนักเตียงในห้องพักฟื้น ตรีภพ และตฤณยืนมองอย่างเป็นห่วง
“เจ้านางยอดหล้าใช้พี่เป็นเครื่องมือดึงทุกคนมาที่นี่”
ดวงตาแก้วมีแววขมขื่นอับอาย
“ตลอดเวลาที่พี่แก้วถูกสะกด พี่รู้สึกยังไง”
“ความจริงฉันรู้ตัวอยู่ตลอด แต่ฉันฝืนไม่ได้...ต้องทำตามคำสั่งทุกคำ ต้องร่วมมือฆ่าคน ต้องหลอกลวงเพื่อน หลอกลวงแก” แก้วระบดระบาย
“แต่พี่ก็เป็นคนช่วยมหาจรวยไว้ จนมหาจรวยกลับมาจัดการทุกอย่างได้” ตรีภพปลอบ
“เพราะฉันเป็นคนทำให้มหาจรวยเกือบตายต่างหาก”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว แกเลิกคิดมากเถอะ”
“แล้วนี่มหาจรวยเป็นยังไงบ้าง”
“คุณมหาไม่ยอมแอดมิท บอกว่าขอกลับไปใช้ธรรมะรักษาตัวที่บ้าน”
แก้วพยักหน้า
“พี่แก้วเองพออาการดีขึ้น ผมขอแนะนำให้พี่กลับไปกรุงเทพฯพร้อมผม ผมว่าตอนนี้พี่อยู่ห่างๆ คุ้มนี่ก่อนจะดีกว่า”
แก้วนิ่งงันอัดอั้นตันทรวง

คุ้มร้างตั้งอยู่กลางแสงแดดจ้า แต่กลับดูมืดมนราวกับมีความทุกข์ ความชั่วร้ายมากมายสุมอยู่ที่นั่น พิมพ์ดาวแต่งตัวรัดกุมเตรียมกลับบ้าน เดินมาหยุดมองดู
“เจ้าพี่ ข้าคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ได้โปรด ได้โปรด อโหสิกรรม ยกโทษให้ข้าด้วยเถิด”
พิมพ์ดาวหลับตาลงส่งกระแสจิตแผ่เมตตาไปในนั้น

ณ ห้องใต้ดินคุ้มร้าง บัดนี้ได้กลายเป็นมิติของโลกวิญญาณโดยสิ้นเชิง แสงสีเขียวอาบตามจุดต่างๆ บนตั่งเตี้ยยอดหล้านั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ หน้าซูบซีด เขียวคล้ำ ทุกข์ทน แลเห็นภาพความรักความหลังของสองพี่น้อง

เวลานั้นดารารายเอาไม้เรียวตีหมอนที่นอนแล้วร้อง ยอดหล้ามองอย่างขบขัน ยอดหล้าเสียบดอกไม้คำให้ที่มวยผมดาราราย
ดารารายจูงม้าวายุพายอดหล้าไปเที่ยว ดารารายนอนหนุนตักยอดหล้า พูดคุยกันอย่างเพลินเพริด
มีแสงสีทองเป็นละอองโปรยมาจากเบื้องบน ยอดหล้าลืมตายิ้มเศร้า ดวงตาอ่อนลง รำพันออกมา
“ดารา...ข้ากับเจ้า เคยรักกันยิ่งกว่าผู้ใด”
ละอองทาบลงบนกายยอดหล้า ทันใดความซูบซีด ชั่วร้ายก็จางลง ยอดหล้าพลันเปล่งปลั่งสดใส
“ทำไม ทำไมจึงต้องเป็นเช่นนี้”
เถรกระอ่ำก้าวมาจากหลังม่านหนึ่ง ใบหน้าเละไปข้างหนึ่ง มองดูยอดหล้าอย่างชั่วร้ายแล้วพลันยิ้มละมุน ดวงตาเปลี่ยนเป็นการุณย์ได้ในทันควัน
“เพราะเจ้าเลิศเลอเกินไปไง เจ้านางน้อย”
“อย่างไร ท่านอาจารย์”
ยอดหล้าหันมาหา เถรกระอ่ำก้าวมาพูดใกล้ๆ หู แสงสีทองจางหายไป
“เจ้างดงาม ชาญฉลาด เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน”
ยอดหล้ายิ้มนิดๆ ทั้งภาคภูมิและขมขื่น “นั่นคืออดีตอันมิอาจหวนคืนแล้วเจ้า”
“ไม่จริง แม้แต่บัดนี้ เจ้าก็ยังวิเศษสุดอยู่” เถรชั่วหยอดคำหวานลวงล่อ
“เป็นนักโทษในคุกใต้ดินเช่นนี้นะเจ้า”
“คุกนี้มิอาจขังเจ้าไว้ได้หรอก ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าเจ้ามีสมาธิบารมีเหนือผู้ใด หากฝึกฝนต่อไป เจ้าจักเอาชนะได้แม้แต่ข้า”
“อย่าพูดเช่นนั้นเจ้า ท่านอาจารย์คือผู้มีคุณยิ่งกว่าพ่อแท้ๆ ของข้า แค่เพียงคิดเช่นนั้น ก็ผิดแล้วเจ้า”
ยอดหล้ายิ่งภาคภูมิในตัวเอง
“เพราะเช่นนี้ เจ้าคือจันทราท่ามกลางดาวอับแสง ดารารายริษยาเจ้ามาเนิ่นนานนับสิบปี ตลอดเวลาที่เจ้ารักน้องนัก เจ้ามิได้ล่วงรู้เลยว่าใจนางคิดร้ายต่อเจ้าพี่เพียงใด”
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ยอดหล้ารู้อยู่ตลอดเวลา เถรกระอ่ำเพียงย้ำเตือนเท่านั้น ยอดหล้าพลันดวงตาวาวดุดันขึ้นใหม่
“ข้าโง่งมนัก จึงเชื่อความลวงนี้”
“เจ้าคิดว่านางแย่งชิงคนรักของเจ้าไป...เพราะพิศวาสหลวงเทพหรือมิใช่ดอก นางแย่งชิงไปก็เพื่อทำร้ายจิตใจเจ้าต่างหาก” เถรชั่วเติมเพลิงริษยาไม่หยุด
“เจ้าชั่วช้านัก ดาราราย” ยอดหล้าลุกขึ้น “ข้ารักเจ้าดังรักตนเอง ข้ารักแม่เจ้าดังแม่ตนเอง แต่แม่เจ้ากลับฆ่าเจ้าแม่ข้าอย่างเลือดเย็น”
เถรกระอ่ำเหล่มอง พลางยิ้มลึกล้ำเร้นลับ
“ข้าเคยรักเจ้าเท่าใด ข้าก็แค้นเจ้าเท่านั้น และความแค้นนี้จักทบทวีขึ้นไม่รู้จบ”
ยอดหล้าแหงนมองไป “ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไป ไม่มีวัน”
พลันมีพลังงานสีดำเปล่งออกไปจากร่างยอดหล้า

เวลานั้นพิมพ์ดาวยืนอยู่หน้าคุ้มร้างรำลึกเหตุการณ์อยู่ ด้วยสีหน้าหมอง มีลมหนาวประหลาดกรรโชกมาวูบหนึ่งต้องร่างแบบบาง พิมพ์ดาวผงะเบิกตากว้าง หนาวจับขั้วหัวใจ จนต้องกอดอกไว้
“เจ้าพี่” พิมพ์ดาวถอนใจ มองคุ้มร้างที่ดูมืดมนยิ่งกว่าเดิม

ทีมงานนักแสดงเดินทางกลับกรุงเทพมหานครแล้ว
พิมพ์ดาว และ พิมพ์เดือน กลับเครื่องบินมาถึงที่บ้าน ตอนบ่ายๆ
จันทรานั่งอยู่กับพิมพ์เดือนที่โซฟาในโถง บนโต๊ะเตี้ยมีรายงานนักศึกษากองอยู่เป็นตั้งสูง ถัดไปมีหนังสือตำนานเมืองเหนือตั้งเป็นกองสูงเช่นกัน จันทราเขียนเกรดหน้ารายงานลูกศิษย์อยู่ ส่วนพิมพ์เดือนปิดหนังสือครุ่นคิดพลางถอนใจ
“อะไรกันจ๊ะ ถอนใจเฮือกๆ”
“หนูอ่านพงศาวดารเมืองเหนือมาเป็นสิบเล่มแล้วค่ะ มีเล่าแต่เรื่องเวียงแก้วเป็นเมืองขึ้นพม่า เจ้าหลวงเป็นทรราช ขุนนางจึงลุกฮือขึ้นชิงบัลลังก์ ขุนนางผู้ก่อการตั้งราชวงศ์ใหม่”
“ที่เป็นเจ้าปู่ของเจ้ายอดหล้าน่ะหรือจ๊ะ”
“ค่ะ ในพงศาวดารเล่าเรื่องสมัยนี้ไว้อย่างละเอียด อย่างเรื่องการเป็นพันธมิตรกับเมืองเชียงใหม่ การสวามิภักดิ์กับสยาม”
“ยุค เก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมืองตรงกับสมัย ร.1 น่ะซี”
พิมพ์เดือนทึ่ง “แม่นี่รู้มากนะคะ”
“รู้เยอะย่ะ ไม่ใช่รู้มาก”
พิมพ์เดือนตั้งข้อสังเกต “แต่พอถึงสมัยเจ้าหลวงแสงอินทร...กลับเล่าข้ามๆ ไม่เห็นมีบันทึกไว้เลย”
จันทรานิ่งคิดตรึกตรอง “ถ้าให้แม่เดาก็คือคนบันทึกพงศาวดารไม่อยากสาวไส้ให้กากิน”
พิมพ์เดือนเห็นด้วย “ก็คงใช่น่ะค่ะ”
“แต่บางทีเรื่องแบบนี้อาจถูกบันทึกไว้ในพงศาวดารของเมืองอื่นนะลูก”
พิมพ์เดือนตาโตเมื่อนึกตาม “จริงด้วยค่ะ เฮ้อ นี่หนูอ่านจนปวดตาแล้วนะคะ”
ใบเฟิร์นที่กำลังเช็ดถูป้วนเปี้ยนอยู่แถวหน้าต่างหันมายิ้มกระหยิ่ม
“คุณเดือนขา มาพักสายตาตรงนี้ไหมคะ”
“อะไรเหรอ ใบเฟิร์น”
พิมพ์เดือนลุกไปดู จันทราก็ลุกตามไปด้วยมองออกไป แล้วอมยิ้มกัน

ในสวนสวยหน้าบ้านพิมพ์ดาว มีศาลาทรงกลมจัดต้นไม้ไว้แน่นราวป่ากลางเมือง ตรีภพนั่งคุยกับพิมพ์ดาว ตรงหน้ามีขนมและเครื่องดื่มวาง
“คุณแก้วเป็นไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นไรแล้วละครับ แต่มันก็ยังดูซึมๆ อยู่”
“น่าสงสารคุณแก้ว”
“แกเป็นอภิมหาเศรษฐีหลายพันล้านนะครับ ไปสงสารทำไม” ตรีภพสัพยอก
“ถ้าต้องแลกกับเรื่องที่เกิดขึ้น มันคงไม่คุ้มหรอกค่ะ”
ตรีภพทำตาซึ้งๆ ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ “ถ้าจะสงสารละก็ สงสารผมดีกว่า”
พิมพ์ดาวเขินเลยทำทีเชิดใส่กลบเกลื่อน
“อย่างคุณน่าสงสารตายละ”
ตรีภพขยับใกล้ พิมพ์ดาว กระถดถอยห่าง

จันทรารู้เรื่องสองคนแล้วจากลูกสาว ถึงกับทำตาโต พิมพ์เดือนยิ้มแป้น ใบเฟิร์นฟินสุดๆ
“ยังไงกันลูก ไปถ่ายละครแค่ 5 อาทิตย์ ตกลงปลงใจกันแล้วหรือ”
พิมพ์เดือนแหย่เย้า “แหม ถ้าเป็นหนูไม่ต้องถึงห้าอาทิตย์หรอกค่ะ”
จันทราค้อน ใบเฟิร์นบิดไปบิดมา
“ย่ะ แค่อาทิตย์เดียว เขาก็เปิดไปแล้ว”
พิมพ์เดือนค้อนแม่บ้าง
ใบเฟิร์นสอด “สมัยนี้เขาเจอในเฟสห้านาที ก็เป็นแฟนกันแล้วค่ะ”

จันทรากับพิมพ์เดือนเอือม ทำตาปริบๆ

ในสวนสวย พิมพ์ดาวลุกขึ้นหนีไปนั่งตรงข้ามตรีภพ ตรีภพทำท่าเซ็งสุดๆ

“คุณยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังเลย ว่าตอนที่เจ้าพี่ เจ้ายอดหล้า สะกดคุณให้เห็นอดีต คุณเห็นอะไรบ้าง”
ตรีภพยิ้ม หายใจเข้าปอดยาว ราวกับดื่มด่ำเรื่องราวหนหลัง
“เห็นภาพอดีตของดารารายกับหลวงเทพ ที่ต่างจากในบทละครนะซีครับ”
พิมพ์ดาวแม้รู้อยู่แล้ว แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ “หรือคะ”
“เห็นเจ้าภักดิ์กับเจ้าราย เห็นเจ้ารายช่วยชีวิตหลวงเทพครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นหลวงเทพตามหาแสงดาวแทบพลิกแผ่นดิน”
ตรีภพพูดเนิบช้า ทว่าน้ำคำหนักแน่น ดวงตาวามวาว พิมพ์ดาวเองตื่นเต้นขึ้นอีก
“เห็นหลวงเทพได้แต่งงานกับเจ้านางดารารายในที่สุด”
พิมพ์ดาวซาบซึ้งแล้วสีหน้าพลันหม่นลง “และทำลายจิตใจเจ้าพี่อย่างโหดร้ายที่สุด”
“ถ้าผมคือหลวงเทพจริง และจะต้องเลือกอีกครั้ง ผมก็จะเลือกเหมือนเดิม”
“แม้ว่ามันจะก่อให้เกิดเรื่องร้ายขนาดนี้น่ะหรือคะ”
“ครับ”
พิมพ์ดาวซาบซึ้งแล้วเหม่อมองไป
“เจ้าพี่ เจ้านางยอดหล้าเคยสะกดฉันให้จำอดีตได้เพื่อให้ฉันสำนึกเสียใจแต่ฉันกลับเห็นอดีตที่ต่างกับที่เธอรับรู้”
“เธอต้องการให้ผมจำความรักที่หลวงเทพมีต่อเธอให้ได้ แต่ผมกลับจำได้แต่ความรักของหลวงเทพกับดาราราย”
“ฉันคิดว่า เธอต้องถูกเถรกระอ่ำหลอกลวงเธอ” นางร้ายในจอบอกอย่างมั่นใจ
“เถรกระอ่ำคือนักบวชประหลาดที่สร้างกองทัพผีขาเดียวขึ้นมา แล้วตอนนี้ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้วด้วย”
“เถรกระอ่ำมีแผนร้ายอะไรที่เราไม่รู้ และเจ้าพี่เท่ากับเลี้ยงงูพิษไว้ใกล้ตัว”
“แต่ตอนนี้ เราคงทำอะไรไม่ได้แล้ว”
พิมพ์ดาวพยักหน้า “เจ้าพี่ทำให้ฉันจำอดีตได้ถึงตอนที่เจ้าพี่ถูกจับตัวส่งคืนเวียงแก้ว”
“มากกว่าผมอีก ผมจำได้แค่งานแต่งงานของเราเท่านั้น”
พิมพ์ดาวค้อนนิดๆ ตรีภพทำไม่รู้ไม่ชี้
“เรื่องต่อจากนั้นยังคงมีอะไรซ่อนอยู่อีกแน่”
พิมพ์ดาวครุ่นคิดตริตรอง ตรีภพมองมา “แต่เท่าที่ผมจำได้ แค่นั้นก็ดีมากแล้ว”
“ทำไมคะ”
“เพราะผมไม่ได้จำแค่เรื่องราว แต่ผมจำได้ถึงความรู้สึกทั้งหมดที่เจ้าภักดิ์มีต่อแสงดาว หรือหลวงเทพมีต่อดาราราย”
ตรีภพพูดอย่างจริงจังอ่อนหวาน ด้วยความรู้สึกทั้งมวล พิมพ์ดาวรู้สึกวูบวาบไปหมด
“ซึ่งไม่ต่างอะไรกับที่ผม มีต่อคุณในชีวิตนี้”
ตรีภพเอามือพิมพ์ดาวมาจูบเบาๆ จ้องมองลึกซึ้งเข้าไปในดวงตาคู่งาม พิมพ์ดาวมองตอบราวกับเชื่อมใจเป็นดวงเดียว

จันทรามองนิ่งๆ พิมพ์เดือนลุ้นสุดขีด ไม่ต่างจากใบเฟิร์นที่ตาวาว เอาหมอนอิงมาจิกทึ้ง
“จูบเลย จูบเลย”
“ว้าย จิกหมอนจริงๆ”
จันทราหมั่นไส้สองสาว ปิดม่านฉับ
“พอย่ะ ฉันไปให้เกรดต่อ เธอไปค้นตำนานเวียงแก้ว ส่วนแม่ใบเฟิร์น หล่อนน่ะตั้งข้าวหรือยัง”
ใบเฟิร์นค้อนควัก ที่ถูกขัดอารมณ์ฟิน

อีกด้านหนึ่ง ที่คอนโดตรีภพ สภาพดูเวิ้งว้างเงียบเหงา ตรีภพและตฤณไม่อยู่ บนโซฟาเบด มีเพียงแก้วนั่งจิบเหล้าอยู่ลำพัง แล้วลุกขึ้นเดินไปเกาะผนังกระจกมองไปยังขอบฟ้าไกลแสนไกล

ส่วนที่หน้าคุ้มหลวง ตาทองยืนสั่งงาน 2 คนงาน
“เมื่อคืนนี้มีพวกเด็กนรกแอบเข้าไปในคุ้มฮ้างอีกแล้ว”
“ก็ตั้งแต่วันงานนั่นแหละตา...ให้ปิดเรื่องยังไง คนก็เอาไปพูดกัน” คนงาน 1 บอก
คนงาน 2 เสริม “ยิ่งพูดก็ยิ่งใส่ไข่”
คนงาน 1 อินเทรนด์ “นี่มีคนเอาเรื่องไปลงเฟสด้วยนะตา”
ตาทองงงเต๊ก “เฟสอะไรของมึงวะ”
“ก็เฟสซะบุ๊คน่ะซี ตานี่โครตเอ้าท์เลย”
“เอ้าท์พ่อมึงแน่ะ”
คนงาน 2 เม้าท์ต่อ “ในเฟซนะตา มันเล่าเรื่องผีเจ้าแสงหล้าเสกพญานาคมาไล่กัดท่านมหา ท่านมหา
เลยเสกควายธนูมาสู้”
ตาทองเซ็งทำตาปริบๆ “เออ ดี”
คนงาน 1 ว่าอีก “คุ้มฮ้างก็เลยดังโครตๆ พวกล่าท้าผีทุกคนก็เลยอยากมาลองของ”
“คุณแก้วว่าเดือนหน้าจะจ้างบริษัทเคียวส่งรปภ.มาเฝ้า”
คนงาน 1ท้วงขำๆ “เขาเรียกเซกเคียวริตี้ ตา”
“เออ นั่นแหละ”
คนงาน 2 ตั้งคำถาม “นี่อีกตั้งหลายวันกว่าจะสิ้นเดือน แล้วจะทำยังไงละตา”
ตาทองบอก “ก็เอ็ง 2 คนไง”
2 หนุ่มร้อง “หา”
“เอ็ง 2 คนก็ไปเป็นยามเฝ้าคุ้มฮ้างไปพลางๆ ก่อน”
2 คนงานมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายเอื้อก

คุ้มร้างในเวลากลางคืนบรรยากาศดูมืดทะมึน เงียบสงัดและวังเวง บริเวณสวนของคุ้มร้างที่มีต้นไม้สูงใหญ่ มีไม้เถาและวัชพืชขึ้นรกจนเหมือนป่ากลายๆ 2 คนงานแต่งตัวรัดกุมถือไฟฉายและปืนยาวคนละกระบอก สวมพระเครื่องตะกรุดพวงโตชนิดเดินแทบไม่ไหว กำลังมองซ้ายมองขวาอย่างระแวงระวัง ปากพ่นบ่นบ้าตามประสา
“โอทีอะไรก็ไม่มีซักบาท”
“เฮ่ย พอเช้าก็ได้นอนแล้ว”
“คงหรอก กูรับรองยังไม่ทันเที่ยง ตาต้องมาปลุกให้ไปกวาดใบไม้แหงแซะ”
“เฮ้อ เป็นขี้ข้านี่ห่วยแตกจัง”
มีเสียงดังโครมขึ้นใกล้ๆ 2 คนงานสะดุ้งสุดตัวร้องเฮ้ย หน้าซีดขาว 2 คนงานเดินส่องไฟฉายไปมา ดวงตาลอกแลก แสงไฟฉายจับไปที่กิ่งมะม่วงใหญ่ พอควรแห้งหักหลุดมาจากต้นกองอยู่บนดิน 2 คนงานโล่งอก
“อีกิ่งมะม่วงห่า เสือกมาหล่นตอนนี้”
คนงาน 1 หันมา ในจังหวะที่คนงาน 2 เอาไฟฉายส่องใต้คาง คนงาน 1 แหกปากร้องสุดเสียง คนงาน 2 หัวเราะก๊ากเอาไฟฉายออก
“กูเอง ไอ้ซึ่งตึ้ง”
ทว่าคนงาน 1 ยังคงมองไปแล้วตาเหลือก คนงาน 2 หน้าซีดหันไปบ้าง ตรงหน้าสองหนุ่ม มีชายฉกรรจ์ 4 คนในมือถือปืนยาวคล้ายอาวุธสงครามจ้องมา
2 คนงานตัวอ่อนปวกเปียกสลบไปในที่สุด มี 2 ชายฉกรรจ์เอาเชือกมัดอย่างแน่นหนา อีก 2 ชายยืนมองซ้ายขวาอยู่ ชายคนที่ 5 ก้าวเข้ามาถือปืนสั้นในมือ หน้าตาดูสดใสเปี่ยมบุญ
มันคือพ่อเลี้ยงธาดาผู้ละโมบนั่นเอง “ไป”

สี่สมุนฉายไฟฉายวูบวาบส่องดูตามจุดต่างๆ ของชั้นบนคุ้มร้าง บางคนเคาะเสา บางคนดูตามผนัง บางคนงัดพื้นดู ทุกคนมีชะแลง ค้อนติดมาด้วย
ธาดายืนเอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกเพราะรังเกียจฝุ่นอยู่ สมุนคนหนึ่งก้าวมาส่ายหัว ธาดาหน้าหงิก

ส่วนที่ห้องใต้ดินคุ้มร้าง เถรกระอ่ำหลับตาอยู่ จู่ๆ ลืมตาโพลงขึ้น
เถรชั่วนั่งขัดสมาธิบนตั่งเตี้ย ยอดหล้ากับนางผัน นางเผื่อนอยู่อีกมุมหนึ่ง เถรกระอ่ำผุดลุกขึ้นก้าวมา
“มีอันใดเจ้า ท่านอาจารย์”
“มีคนมา”
ยอดหล้าแหงนเงยมองไปยังทิศเบื้องบน เห็นภาพใบหน้าธาดายังคงถือผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก
“เจ้าพ่อเลี้ยงคดโกงนั่น”
นางผัน ยิ้มเอาศอกกระทุ้งนางเผื่อน “ผัวเจ้ามา อีเผื่อน”
นางเผื่อนค้อนควักแต่ตาวาวคิดถึง วันไนท์ สแตนด์ กับธาดา เถรกระอ่ำพลันดวงตาเรืองแสง
“ธาดา...เจ้าจงลงมา”

ขณะเดียวกันพ่อเลี้ยงธาดาผวาเยือกเอาผ้าปิดจมูกออก “กูนึกออกแล้ว เงินอยู่ในห้องใต้ดินต่างหาก”
ใต้ถุนคุ้มร้างยังคงมืดทะมึน เสาไม้สักนับร้อยดูสลับซับซ้อนเป็นเขาวงกต แสงไฟฉายสี่ลำ ส่องวูบวาบไปมา 4 สมุนเดินมาอย่างระวังตัวกว่าเดิม ธาดาเดินตามกวาดตามองหา สมุน 2 คนแบบถุงทะเลใส่จอบ เสียม ค้อนปอนด์ ชะแลง มาด้วย

เถรกระอ่ำยิ้มละไม ดวงหน้าการุณย์ ยอดหล้าก้าวมาอย่างเอาใจช่วย นางผัน นางเผื่อน ลุ้นไปด้วย

แสงไฟฉายส่องไปยังแนวกำแพงอิฐขวางอยู่ใต้ถุนระหว่างเสา
ชาย 1บ่นบอก “ไม่มีห้องใต้ดินตรงไหน พ่อเลี้ยง”
ธาดาขบกราม “ไอ้โง่ มึงดูให้ดีๆ”
“ครับ”
สี่สมุนมองดูเกาหัว เอาไฟฉายส่องกันวุ่นวายอีกคำรบ แล้วหันมาหาพ่อเลี้ยงธาดา
“ดูแล้ว ไม่เห็นมีครับ”
ชาย 2 ก็ว่า “ผมก็ไม่เห็นครับ”
ธาดาตาขวาง สีหน้าชั่วช้า “ไอ้เอี้ย มึงแหกตาดู กำแพงอิฐนี่เพิ่งก่อใหม่”
“ใช่ครับ พ่อเลี้ยง ปูนยังแห้งไม่สนิทเลย”
4 สมุนยังคงจมอยู่กับความโง่ของพวกมัน
“นี่มึงยังไม่รู้เรื่องอีกหรือ กำแพงอิฐนี่พวกคุ้มคงเพิ่งก่อขึ้นปิดทางเข้าห้องใต้ดิน ไอ้โครตง่าว”
4 สมุนสบตากัน

ไม่นานนัก กำแพงอิฐ ค้อนปอนด์ถูกทุบโครม 2 สมุนกำลังทุบอยู่ ธาดายืนมอง 2 สมุนยืนระวังหลังใกล้เงามืดของเสา ไฟฉายทั้ง 4 กระบอกถูกกวางส่องตรงไปที่กำแพงอิฐที่เดียว กำแพงอิฐทะลายลงจนเกือบราบ เผยให้เห็นประตูโซ่เหล็กคล้อง 2 คนงานวางค้อนเอาเท้าเขี่ยๆ อิฐให้แหวกๆ เป็นทางเดิน ธาดาก้าวมามองตาลุกวาว

เถรกระอ่ำยิ้มการุณย์ ดวงตาเรืองแสง “จงเปิด เปิดเดี๋ยวนี้”

พ่อเลี้ยงธาดาก้าวมาในใต้ถุนพร้อมสมุน 4 ราย พ่อเลี้ยงมองตาเป็นประกาย
“ห้องใต้ดินจริงๆ”
สมุน 1 เอ่ยขึ้น “แต่ท่านมหาขังผีไว้ในนี้ไม่ใช่หรือครับ”
สมุน 2 ผสมโรง “มีทั้งโซ่อาคม ทั้งยันต์ ทั้งกำแพง จัดเต็มขนาดนี้”
2 สมุนมีท่าทีลังเล ธาดาตาเขียว “ผีกับเงิน 50 ล้าน มึงเลือกเอา”
2 สมุนเลิกลังเลทันควัน
“กูไม่กลัวผีที่ไหนทั้งนั้น” ธาดาคำราม
สมุน 3 สมุน 4 ที่ยืนคุมเชิงด้านหลังก็เห็นด้วย จู่ๆ มีมือมาคว้าคอทั้งสองหายวูบไปในความมืด ธาดากับ 2 สมุนยังไม่รู้
สมุน 1 เรียกเพื่อนขี้ข้า “เฮ้ย กู 2 คนเหนื่อยแล้ว มึง 2 คนมาจัดการโซ่”
สมุน 2 กวาดตาหาไม่เจอ หันมาถาม “พ่อเลี้ยง ไอ้ 2 ตัวหายไปไหน”
ธาดาสะดุ้งชักรู้สึกทะแม่งๆ หันมาดู 2 สมุนก้าวมาขนาบ มองไปเห็นเงาตะคุ่ม
สมุน 1 ร้องขึ้น “มึงอย่าอู้ ออกมา”
ร่างตะคุ่มนั้นขยับออกมา ธาดากับ 2 สมุนมอง
ร่างนั้นก้าวสู่แสงสว่าง พบว่าคือ ราเชนทร์ ที่สวมชุดหนังดำ สีหน้าเผือด ดวงตาเย็นนิ่ง
“ไอ้เชน มึงมาได้ยังไง”
ราเชนทร์ก้าวพรวดมาอย่างคุกคาม สมุน 1 เข้าขวาง ราเชนทร์ยื่นมือขวาบีบคอ มือซ้ายจับหัวบิด
ธาดาอ้าปากค้าง ราเชนทร์พลันดึงหัวสมุน 1 หลุดจากคอหิ้วไว้ ร่างไร้หัวล้มฟาดลง
ธาดาตาเหลือกสมุน 2 คว้าปืนที่ยิงช้างได้ ตวัดขึ้นลั่นไกเปรี้ยง เล็งบริเวณอกซ้ายกระสุนเข้าบริเวณหัวใจ ทะลุออกหลัง ราเชนทร์หงายผลึ่งไป
ธาดาโล่งใจ “มันเป็นตัวอะไรวะ”
สมุน 2 คอซีรีส์นอก บอก “เหมือนเรื่องวอล์คกิ้ง เดด พ่อเลี้ยง”
ทันใดราเชนทร์ก็ลุกขึ้นยืดกายตรง บริเวณหัวใจโป๋ทะลุ ธาดาผงะถอยหลัง สมุน 2 ตกใจประทับปืนอีก ราเชนทร์ก้าวพรวดมาดันปืนโครม พานท้ายปืนกดทะลุอก สมุน 2 ล้มลงตาย
ราเชนทร์หันมาหาธาดา มองจากหลังราเชนทร์เห็นหน้าธาดาอยู่ตรงรูโป๋หัวใจพอดี
“ไอ้เชน กูเอง”
ราเชนทร์มีอาการคล้ายจำได้เอียงคอมอง ธาดายิ้มออก
ทันใดราเชนทร์ก็สะอึกเข้าประชิดตัวธาดา เถรกระอ่ำผิดแผน ร้องห้ามดังลั่น
“อย่า หยุดมือ”
ราเชนทร์ชะงักมือหยุดนิ่ง ธาดาก้มลงดู มือราเชนทร์ทะลวงจมอยู่ในอกเลือดกำลังทะลักออก มือราเชนทร์กำหัวใจธาดาอยู่ มือนั้นทะลุออกมาข้างหลัง เถรกระอ่ำแผดร้องสุดเสียง อย่างขัดใจที่ผิดแผน ดวงตาวาวโรจน์ หน้าถมึงทึง
ยอดหล้า นางผัน นางเผื่อน มองอย่างแปลกใจและตกใจ ด้วยไม่เคยเห็นเถรกระอ่ำเป็นเช่นนี้มาก่อน
“ท่านอาจารย์ เจ้า” ยอดหล้าเรียกอย่างปลอบประโลม นางผัน นางเผื่อนสบตากัน
เถรกระอ่ำชะงัก สีหน้าคั่งแค้นยุติ แล้วหันไป
เถรกระอ่ำหันมาหายอดหล้า ยังคงงดงาม การุณย์เช่นเดิม
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร นี่ยังไม่ใช่เวลาเท่านั้น”
“เจ้า แต่ข้าเชื่อว่าอีกไม่นาน เวลาของเราย่อมมาถึง”
“ใช่แล้วเจ้านางน้อย อีกไม่นานย่อมเป็นเวลาของเรา”
ยอดหล้ามุ่งมั่น เถรกระอ่ำให้กำลังใจ เคลื่อนกล้องเข้าหาเถรกระอ่ำ ใบหน้านั้นยิ้มละไม ดวงตามุ่งร้าย
“อีกไม่นาน ย่อมเป็นเวลาของข้า”

เสียงเถรชั่วดังกึกก้องกัมปนาทไปทั่วอาณาบริเวณห้องใต้ดินนั้น

คุ้มนางครวญ ตอนที่ 19 (ต่อ)

บ่ายวันนี้ พิมพ์ดาว พิมพ์เดือน และจันทรานั่งอยู่บนโซฟา สามแม่ลูกกำลังเพลิดเพลินกับการคุย

“ชาติก่อนแม่เป็นคุณหญิงเชียวหรือ แหม...ทำไมชาตินี้ถึงเป็นอาจารย์ต๋อกต๋อยล่ะ”
“แหม แม่ก็รีบทำ ผ.ศ. ร.ศ. อะไรเข้าซีคะ เผื่อลงท้ายจะได้เป็นศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์คุณหญิง จันทรา ไม่แพ้ชาติก่อน” พิมพ์ดาวเย้า
พิมพ์เดือนคิดๆ “แปลกจึงนะคะ ชาติก่อนหนูกับพี่ตรีเป็นลูกแม่ พี่ดาวเป็นสะใภ้ แต่ชาตินี้ หนูกับพี่ดาวเป็นลูกแม่แทน ส่วนพี่ตรีกลายเป็นเขย”
พิมพ์ดาวเขินจนหน้าแดง “ยังย่ะ ใครบอกฉันจะยอมตกลงปลงใจกับนายนี่”
“เฮอะ หนูคิดแล้ว พี่ดาวไม่รอดหรอกค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งทะเลาะกัน แม่อยากรู้ว่าชาตินั้น แม่โดนเจ้ายอดหล้าฆ่าหรือ”
“ไม่รู้ซีคะ หนูไม่แน่ใจ มันอาจเป็นอุบัติเหตุก็ได้”
“พระท่านบอกว่าอดีตมันผ่านไปแล้ว อย่าไปมัวยึดมัวติดอยู่ ให้อยู่กับปัจจุบันเท่านั้น”
“แต่ถ้าใครโดนอย่างที่เจ้ายอดหล้าเจอ ก็คงยึดติด คั่งค้างแบบเดียวกับเธอนี่แหละค่ะ”
“พี่ดาว แล้วพี่ไม่โกรธตอบ ไม่อยากตอบโต้บ้างหรือคะ”
“ไม่รู้ซี...แต่พอรู้ว่า ทุกอย่างนั้นเธอถูกเถรกระอ่ำปั่นหัว ไอ้ความโกรธมันก็จางไป”

ภาพในจอโทรทัศน์คืนนั้น เป็นตรีภพยิ้มแย้มอยู่ในสูทหล่อลาก มาลารินแต่งชุดเกาะอกฟูฟ่อง นมหก เอาอกเบียดแขนตรีภพอยู่ สองคนอยู่หน้าแบ็คดรอปงานอีเวนท์หนึ่ง มือในถุงมือลูกไม้เกาะตรีภพแนบแน่น มีไมค์รวมนักข่าวหลายคนยืนสัมภาษณ์อยู่
“ก็ถ่ายละครอยู่ด้วยกันตั้งเดือนครึ่งน่ะค่ะ ก็เลย...”
มาลารินอายหน้าแดง กัดริมฝีปาก ชม้ายชายตามองตรีภพอยู่นั่น ตรีภพยิ้ม ดวงตามีแววอึ้งๆ อยู่
“ลินซี่เป็นคนน่ารักน่ะครับ”
นักข่าว 1 ถามนำ “เรียกว่าตอนนี้คบหาดูใจกันอยู่ใช่ไหมครับ”
“ฮะ ดูดูกัน”
“แหม...แต่ลินซี่ว่า ตอนนี้มันก็เกินดูดูไปแล้วนะคะ”
มาลารินทำตาพราวสะทกสะท้อน ชวนให้คิดว่าไปถึงไหนถึงไหนแล้ว ตรีภพยิ่งอึ้ง นักข่าวฟิน ร้องฮือกัน มีเสียงแหบห้าวของนักข่าวสาวข้ามเพศดัง
“อ้าว แล้วคุณพิมพ์ดาวละฮะ ตอนแรกเห็นมีข่าวว่าคบหากันอยู่ แล้วก็ถ่ายละครเรื่องนี้ด้วยกันด้วยฮ่ะ”
“ก็สิ่งที่เห็นกับความจริงที่เป็น อาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวกันไงคะ”
มาลารินประกาศธีมเรื่อง ตรีภพยิ้มเรื่อยๆ ดวงตาหนักใจจนเห็นชัด

พิมพ์ดาวดูข่าวนั้นอยู่ ได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่ตกใจนัก แต่ก็อารมณ์เสีย
จันทราหน้าบึ้ง พิมพ์เดือนตาถลึง

ที่ห้องตัดต่อออฟฟิศฐาปกรณ์ ภาพบนจอมอนิเตอร์ มีภาพการแสดงของมาลาริน ตรีภพ พิมพ์ดาวในฉากที่...ดารารายเจอหลวงเทพ
ฐาปกรณ์กับรัก และเจ้าหน้าที่ตัดต่ออยู่ด้วยกัน กำลังดูงานกันอยู่ มีเสียงตรีภพดังเข้ามา
“ไม่มีเรื่องอื่นจะโปรโมทแล้วหรือครับ ถึงต้องมาใช้เรื่องแบบนี้”
“เอ๊ะ...เสียงคุณตรีภพนี่ครับ โวยวายอะไรกัน” รักฉงน
“นั่นอะดิ” ฐาปกรณ์บอกงงไม่ต่างกัน
เสียงสุชาดาจากหน้าห้องตัด ดังลอดเข้ามา “โถ น้องตรีขา เรื่องพระเอกนางเอกอินเลิฟกันในกองถ่ายน่ะ เวิร์กสุดๆค่ะ”
เสียงตรีภพเถียง “แต่พี่ก็น่าจะมาปรึกษาผมก่อน”
“น้องตรีขา...ไม่ใช่เรื่องใหญ่ซะหน่อย เอ๊ะ หรือว่าใหญ่ ฮิฮิฮิ”
ฐาปกรณ์ถอนใจเฮือก ลุกขึ้น

สามคนอยู่ด้วยกันแล้วตรงมุมหนึ่งในโฮมออฟฟิศ
“มาดามไม่มีเรื่องอื่นจะโปรโมทแล้วหรือครับ ถึงต้องมาใช้เรื่องแบบนี้”
“โถ น้องตรีขา เรื่องพระเอกนางเอกอินเลิฟกันในกองถ่ายน่ะ เวิร์กสุดๆค่ะ”
“แต่พี่ก็น่าจะมาปรึกษาผมก่อน พี่ก็รู้ ว่าผมคบกับคุณดาวอยู่”
“น้องตรีจะให้พี่ออกข่าวโปรโมทพระเอกกับนางร้ายหรือ ไม่มีใครสนหรอกค่ะ”
“ผมไม่ได้ให้พี่มาโปรโมทเรื่องผมกับคุณดาว แต่พี่น่าจะรู้ว่าจู่ๆมีข่าวแบบนี้ คุณดาวต้องโกรธและต้องเอาเรื่องผมแน่”
“ดาวไม่ใช่คนงี่เง่า แต่นายน่ะรีบไปเคลียร์ซะ ไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่” ฐาปกรณ์บอก
“ผมรู้ แต่ที่ผมมาบอกมาดามก็คือ ให้บอกลินซี่ด้วยว่านี่มันแค่โปรโมทละคร อย่ามาอินเนอร์กับผมมากนัก ผมขอตัวครับ”
ตรีภพยกมือไหว้สองผัวเมีย ก่อนจะเดินออกไป
ฐาปกรณ์ด่าเมีย “บอกแล้ว...ให้ปรึกษาตรีมันก่อน โดนถอนหงอกจนได้ เห็นมั้ย”

สุชาดาอ้ำอึ้งนิดหน่อย แล้วสะบัดบ๊อบออกไป

ตรีภพเดินอยู่ มาลารินเดินตาม ทั้งคู่ยังอยู่ในชุดจากงานอีเวนท์ มาลารินเดินจ่อติดเรียกตรีภพ ตรีภพหันมา มาลารินทำเบรกไม่ทัน ปากประกบชน ตรีภพอึ้งจะขยับออก แต่มาลารินกลับโอบคอประกบจูบ

ตรีภพอึ้งไปอีกคำรบแล้วผลักมาลารินออก จังหวะนี้มีภาพลักษณะไหวๆ คล้ายภาพถูกแอบถ่าย
บนโซฟาตอนนี้ บีบีกับมาลารินเอาหัวติดกันหัวเราะคิกคักดูคลิปในมือถือ ที่แท้ภาพนั้นเป็นภาพในมือถือบีบี ที่เซตจังหวะแอบถ่ายไว้ล่วงหน้า บีบีลดมือถือลง
“ก็ได้แค่นี้แหละ เฮอะ”
“แหม ของดี๊ดี ขนาดนังผีนั่นยังอยากกิน”
“แล้วหล่อนน่ะ เมื่อไรจะได้กินยะ”
“เร็วๆ นี้แหละค่ะ ถ้าไม่สำเร็จ ลินตายซะดีกว่า”
มาลารินเอามือทาบอกหัวเราะระริก ไม่มีความแบ๊วใดๆ บีบีค้อนรำพึงเบาๆว่า อีปลวก

ขณะเดียวกันภายในร้านกาแฟแต่งดูดี ข้างห้างสรรพสินค้า จันทราเดินเข้ามา มีถุงใส่หนังสือธรรมะ 3 เล่มวางอยู่ใกล้ตัว ส่วนพิมพ์เดือนถือถุงใส่หนังสือที่ตัวเองซื้อมา
“รอนานมั้ยคะแม่”
“ไม่หรอกลูก...ได้ครบทุกเล่มไหมลูก”
“ครบค่ะ เป็นพงศวดารท้องถิ่นทางเหนือนะค่ะ หนังสือหายากหมดเลยนะคะนี่”
เสียงตฤณแหลมเข้ามา “แหม...เหมือนเอาไปทำวิทยานิพนธ์เลยนะครับ”
พิมพ์เดือนจากที่ยิ้มแย้มอ่อนหวาน กลายเป็นชะงักกึก เมื่อได้ยินเสียงคุ้นๆ
ตฤณเดินเข้ามาข้างหลัง
“คุณ...”
ตฤณยิ้มกับพิมพ์เดือน ไหว้จันทรา นอบน้อม งดงาม
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ ใครกันจ๊ะ”
“ผมชื่อตฤณครับ เป็นจิตแพทย์ แล้วก็เป็นเพื่อนของตรีภพครับ
ตฤณแอบยักคิ้วให้อย่างสะใจ

ตรีภพแวะมาหาพิมพ์ดาวที่บ้าน ทำหน้ารับผิดทุกอย่าง พิมพ์ดาวอยู่ห่างออกไป ปั้นปึ่งเล็กน้อย ทีวีจอแบนเปิดช่องบันเทิงค้างไว้แต่ปิดเสียง
“จู่ๆ มาดามสุก็ปล่อยข่าวนี้ ถ้าผมปฏิเสธแกก็เสีย ก็เลยต้องเลยตามเลย”
“หรือคะ”
“มันแย่ตรงที่ไม่มีเวลาบอกคุณก่อน ให้คุณไปเห็นจากข่าว มันไม่ดีเลย”
“ก็ไม่เห็นต้องบอกนี่คะ ชีวิตคุณเป็นของคุณ อยากทำอะไรก็ทำ”
“โธ่ อย่าโกรธผมเลย คุณก็รู้ว่า ผมกับลินซี่ไม่มีอะไรเลยจริงๆ”
“นี่คุณอย่ามามั่ว ฉันไม่ได้โกรธคุณซักหน่อย”
“แต่หึง...”
“อย่ามางี่เง่า คนไม่ได้รักกันจะมาหึงทำไม”
พิมพ์ดาวเชิดแต่ยิ้มนิดๆ ตรีภพกุมมือไว้ พิมพ์ดาวค้อนนิดหนึ่ง ตรีภพค่อยยิ้มออก พิมพ์ดาวยิ้ม สองคนสบตากัน
ใบเฟิร์นเดินเข้ามาคุกเข่า ในมือถือหนังสือบันเทิงฉบับหนึ่ง
“อ้าว ใบเฟิร์น มานั่งทำอะไร”
“อ๋อ...หนูไปตลาดมาค่ะ”
“ฉันไม่ได้ถามว่าเธอไปไหนมา แต่ถามว่า เธอมานั่งทำไมตรงนี้”
“ค่ะ หนูกำลังจะบอกว่า หนูไปตลาดมา แวะร้านหนังสือ แล้วก็...เห็นหนังสือฉบับนี้ค่ะ”
ใบเฟิร์นส่งหนังสือบันเทิงให้พิมพ์ดาว ก่อนจะยันกายลุกขึ้นออกไป พิมพ์ดาวพลิกดูหนังสือ เหลือบมองตรีภพ สีหน้าเปลี่ยนไป
“มีอะไรเหรอ”
พิมพ์ดาวส่งหนังสือฉบับนั้นให้ตรีภพ รับมาดู
ภาพในหนังสือเป็นภาพจากคลิปแอบถ่าย อันที่บีบีถ่าย ตรีภพและมาลาริน แต่ตัดท่อนตอนต้นจึงเห็นแต่ ตรีภพหันมาจูบมาลารินดูดดื่ม
มีบรรยายภาพกำกับ “คลิปลับเฉพาะของคู่รักนอกจอ ตรีภพ ลินซี่ กระจายไปทั้งโลกอินเตอร์เน็ต”
พิมพ์ดาวมองหน้าตรีภพ สีหน้าเรียบ ดวงตาวาว ขณะที่ตรีภพยิ้มแหย

มาดามสุเห็นข่าวแล้วเต้นเร่าๆอยู่ที่โซฟา ในมือถือหนังสือบันเทิงคนละฉบับกับ ฉาก 10 แต่ลงข่าวเหมือนกัน ฐาปกรณ์เช็คเทปกับทีวีจอใหญ่อยู่ที่โต๊ะทำงาน เป็นรัฟคัทของละคร คุ้มนางครวญ ตอน 1 รัก มีมี่ มูมู่ นั่งอยู่ที่โซฟา ฐาปกรณ์เซ็งเมีย
“ต๊าย นังนั่นแอบไปฟัดน้องตรีตอนไหน ต๊าย นี่เสียท่ามันไปแล้วก็ไม่รู้”
“อ้าว ก็เต้าข่าวเองไม่ใช่หรือ เด็กมันก็ตามน้ำให้แล้ว ยังไม่ดีอีกหรือ”
“ดีได้ยังไง ฉันเสียดายน้องตรี ต๊าย นังลินซี่นะนังลินซี่ นังนี่ได้คืบอะเอาศอก”
มีมี่ มูมู่พูดต่อ
“ได้ฝรั่ง”
“จะเอานิโกร”
มาดามสุค้อน รักหัวเราะกิ๊ก
จู่ๆ มาดามสุก็กุมท้องเดินมานั่งบนโซฟา
“อู้ย...ปวดท้อง”
“เหมือนกันเลยครับ สงสัยยำปลาหมึกเมื่อกลางวัน อีสองตัวนี่ก็แตกมา 2-3 รอบแล้ว” รักว่า
มีมี่ มูมู่พยักหน้ารับอย่างเอียงอาย มาดามสุตวาดแว้ด”
“ไม่ใช่ย่ะ ฉันปวดท้องหน่วงๆ เมนส์ฉันก็ไม่มาเดือนนึงแล้ว”
รักขัดขึ้น “ผมรู้แล้ว”
สุชาดางง “อะไร”
“คงเมนโนพอส วัยทองน่ะครับ”
มีมี่กะมูมู่ประสานเสียง “วัยฮอร์โมนส์...หมด”
มาดามสุตวาดแว้ด เอามือขยับอกให้ดันขึ้น
“ยังย่ะ ฉันเพิ่ง 39”
ฐาปกรณ์กัด “ใช่ สามเก้า สามเก้ามาเจ็ดแปดปีแล้ว”
มาดามสุเชิดใส่ผัว

เย็นวันนั้น ตรีภพกับแก้วนั่งอยู่ที่โซฟา ทีวีจอแบนตรงหน้ากำลังเล่นดีวีดีรอมที่ฐาปกรณ์ร้อยตอน 1 มาให้
ในจอ เป็นฉากยอดหล้ามาลารินเล่นซึงให้หลวงเทพฟังและดาราราย พิมพ์ดาวมาพบหลวงเทพเป็นครั้งแรก ตรีภพกับแก้วมองดูด้วยกัน
ภาพในจอ เป็นมือขาวเรียวกำลังดีดซึงคล่องแคล่ว
แก้วอุทานออกมา “มือเจ้านาง”
“ใช่ฉากนี้แหละที่...ที่เจ้าแสงหล้ามาเล่นซึงเป็นสแตนด์อินมือ”
แก้วขมขื่น แต่ตรีภพเศร้าใจ
มือนั้นยังดีดซึงต่อ แล้วก็ตัดเป็นมาสารินก้มหน้าดีดซึงคล่องแคล่ว
“ตอนแรกพี่ฐาก็ไม่คิดว่าภาพจะใช้ได้นะ แต่พอดูแล้วภาพเป็นปรกติหมด ทั้งๆ ที่เธอ... ไม่ใช่มนุษย์”
“เจ้ายอมทำทุกอย่าง ที่จะกลับมาเป็นคนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อกลับมาครองคู่อยู่กับนายไง”
 
แก้วครวญเสียงเศร้า

คุ้มนางครวญ ตอนที่ 19 (ต่อ)

คอนโดตรีภพเปิดไฟสลัว นาฬิกาบอกเวลาตีสาม ตรีภพนอนบนโซฟาหลับอยู่ ทีวีจอแบนปิดอยู่ จู่ๆมันก็เปิดเองเป็นภาพซ่า

เสียงซ่านั้นทำให้ตรีภพสะดุ้งตื่น มองดูทีวีอย่างแปลกใจ หยิบรีโมทกดปิด แต่ทีวีก็ยังซ่าอยู่อย่างนั้น ตรีภพตบรีโมทแล้วจ่อใหม่ก็ไม่ได้ผล เลยขยับลุกนั่งตัวตรง
ทันใดนั้นเองภาพฉาก ยอดหล้า หลวงเทพ ดารารายก็ปรากฏขึ้น ตรีภพมองทีวีอย่างแปลกใจ
ในทีวี ยอดหล้านั่งหันหลัง ดารารายก้มหน้ามองหลวงเทพ หลวงเทพมองตอบ
ตรีภพเริ่มใจหล่นวูบๆ
ยอดหล้าชะงักมือ ตวาด “นั่นใคร” แล้วหันหน้ามา ตรีภพผงะ
ด้วยภาพในจอไม่ใช่มาลารินแต่กลับเป็นยอดหล้า ยอดหล้ามองนิ่งดูน่าสะพรึงกลัวแล้วขยับก้าว ตรีภพตาเบิกกว้าง เอนตัวผงะ ยอดหล้ากลายเป็นภาพดิจิตอล ขยับก้าวมาใกล้ทุกที แล้วยอดหล้าพลันก้าวออกจากทีวี
เท้างามมีกำไลข้อเท้าทอง ก้าวลงบนพื้นพรม ตรีภพตาเบิกกว้างค่อยๆ เงยดูขึ้นจากเท้าของยอดหล้า เห็นเชิงซิ่นปักวิจิตร สูงขึ้นไปยังเข็มขัด ผ้าคาดอก คอ และดวงหน้าอันงดงามเลอลักษณ์
“พี่เทพ...”
“เจ้านาง...”
ยอดหล้ายิ้มอ่อนหวาน ตรีภพยิ้มตอบอย่างเผลอไผล ยอดหล้ายิ้มอย่างรักหมดใจ แล้วทันใดก็กลายเป็นใบหน้าอสูรกาย ยื่นมาตรงหน้าตรีภพ
ตรีภพผงะ ใบหน้าปีศาจดูราวจะขย้ำกลืนกินตรีภพ

ตรีภพนอนบนโซฟาผวาลุกพรวด รีโมทในมือกระเด็นตกโครมไปที่พื้น ตรีภพมานั่งหอบ รีโมทที่ตกพื้นโดนปุ่ม power พอดี ทีวีเปิดพรึบขึ้น เป็นภาพคลื่นเสียงซ่า
ตรีภพตาเหลือก คว้ารีโมทมากดปิด จอภาพดับวับไป ตรีภพยังคงนั่งอึ้งกับฝันร้าย

คุ้มร้างยังมืดทะมึนอย่างเดิมในยามค่ำคืน
ยอดหล้าเดินเนิบช้าอยู่บริเวณลูกกรงไม้ มือลูบคลำเสาไปทีละต้น โซ่อาคมที่คล้องอยู่รูดลงกองที่พื้น เสียงโลหะกระทบกันก้อง ยอดหล้านึกถึงอดีตที่ดูเหมือนจะซ้ำรอยเดิม ดวงตาขมขื่นปวดร้าว แหงนมองดูเพดานมืดมิด จิตส่งไปถึงชายผู้เป็นที่รัก

ตรีภพย้ายมานอนบนเตียง เริ่มกระสับกระส่าย พลิกไปมาแต่ยังไม่ตื่น

ดวงตาของยอดหล้าที่เวลานี้ถูกจองจำอยู่ใต้คุ้มร้างทุกข์ทน น้ำตาเอ่อขึ้นและไหลริน

ส่วนแก้วนอนหลับบนเตียง กระสับกระส่ายแล้วผวาลุก มองไปไกลใจวูบวับ
“เจ้านาง...เจ้านางอย่าร้องไห้เลยครับ”

ที่แบคดร็อปงานอีเวนท์อีกวัน มาลารินน้ำตาเอ่อ แล้วค่อยๆ รินไหลออกมา ด้านหลังเห็นบีบีซับน้ำตาอยู่ มีไมค์, มือถือ, เทปอัดเสียงของนักข่าวบันเทิงโขยงหนึ่งยื่นมา
มาลารินตอบคำถาม “เป็นแค่การซ้อมบทนะค่ะ ไม่รู้ว่าใครแอบถ่าย...”
บีบีพยักหน้าพูดคนเดียวสนับสนุน “ใช่ ไม่รู้อีเห็ดสดที่ไหน”
“...แล้วก็ปล่อยคลิป”
มาลารินพนมมือไหว้กราดไปทั่ว น้ำตาไหลพรากมา น่าสงสารสุดๆ
“ลินซี่ต้องขอโทษ ทุกๆ คน ผู้ใหญ่ทุกท่าน ทางช่อง แฟนคลับของลินซี่แล้วก็แฟนคลับคุณตรีด้วย ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังค่ะ”
มาลารินสะอื้นตัวโยนแล้วทรุดฮวบ บีบีถลามารับเหมือนรู้คิว

ค่ำคืนนั้น มาลารินหน้าตาใสสดลุกขึ้นจากโซฟา เข้ามาหาบีบีที่ขนโครตเพชรมาขัดอยู่ใกล้ๆ
“นี่...”
“ขา...เอ๊ย อะไรยะ นังลิน”
“ปล่อยคลิปอีกครั้งได้แล้วค่ะ”
มาลารินยิ้มพราย แต่บีบีหน้าหงิกค้อนควัก

วันต่อมาตรงหน้าพิมพ์ดาวมีซองสีน้ำตาล พิมพ์ดาวกำลังอ่านเรื่องย่อละครเรื่องใหม่อยู่ ส่วนพิมพ์เดือนกำลังอ่านพงศาวดารเมืองเหนือที่ซื้อมาใหม่
ทีวีจอแบนแช่ช่องข่าวบันเทิงไว้ ใบเฟิร์นเดินป้วนเปี้ยนเช็ดโน่นเช็ดนี่อยู่
“หมู่นี้พี่ดาวเจอพี่ตรีบ้างไหมคะ”
พิมพ์ดาวปิดเรื่องย่อ หน้าหงิก “ไม่เจอ พี่ยุ่งๆ”
“ยุ่งอะไร ละครเรื่องใหม่ก็ยังไม่เปิด” พิมพ์เดือนมองพี่สาวดูออกว่างอน “แหม...พี่พิมพ์ก็รู้ว่า ยัยลินซี่จ้องจะงาบพี่ตรีอยู่ ยิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งเข้าทางหล่อนซีคะ พี่ตรีน่ะ รักกะพี่พิมพ์ข้ามชาติข้ามภพ อย่ามาระแวงแคลงใจเลยค่ะ”
พิมพ์ดาวอ่อนลง ดวงตาเป็นประกาย
“ยายลินซี่นี่ร้ายจริงๆ ตกลงยายนี่แอบขโมยเขี้ยวเสือไฟพี่พิมพ์ไปใช่ไหมคะ”
“คงไม่ใช่ขโมยหรอก แค่สับเปลี่ยนน่ะ แต่พี่เคยถามเธอก็ทำตาแป๋วบอกว่าเปล่า เธออ้างว่าถ้าเธอมีเขี้ยวเสือไฟอยู่ เจ้ายอดหล้าจะทำร้ายเธอได้ยังไง”
“อ้าว ถ้าไม่ใช่ยายนี่ แล้วจะฝีมือใครละคะ”
ใบเฟิร์นวิ่งถลาออกจากครัว “คุณดาวคะ คุณดาว”
“ยายใบเฟิร์นอะไรของเธอ”
ใบเฟิร์นตื่นเต้นเว่อร์ “เกิดเรื่องใหญ่ค่ะ ใหญ่มาก”
“ไฟไหม้ที่ไหนเหรอ” พิมพ์เดือนประชด
“ใหญ่กว่าไฟไหม้อีกค่ะ”
“ไหน...มีอะไรก็ว่ามา”
“มี...มีคลิปคุณตรีภพกับคุณมาลารินค่ะ ชื่อคลิป คอนโดสวาทค่ะ คุณพิมพ์”
ภาพบนหน้าจอมือถือสาวใช้ไฮเทคเป็นคลิปตรีภพประคองมาลารินที่ซบเกาะแขนลงจากรถ เดินเข้าคอนโด อันเป็นคลิปจากเหตุการณ์หลังจากการรีดทรู ก่อนถ่ายทำที่ออฟฟิศฐาปกรณ์

พิมพ์ดาวเม้มปาก ตาวาว ยิ่งอารมณ์เสียกว่าเดิม

ไม่นานต่อมาตรีภพยืนเคลียร์ คุยโทรศัพท์อยู่ที่ห้องนอนในคอนโด

“โธ่คุณ มันตั้ง 2-3 เดือนมาแล้ว คุณจำไม่ได้เหรอที่เรารีดทรูกัน แล้วคุณลินซี่ไม่สบาย แล้วคุณบอกให้ผมช่วยไปส่งน่ะ”
ตรีภพเองนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น ก็อึกอักนิดหน่อย
พิมพ์ดาวอยู่ในห้องนอน นึกออก สีหน้าดีขึ้นนิดหนึ่ง แต่ฟอร์ม เชิดหน้า
“จำไม่ได้”
“โธ่ ไปขอดูเทปที่อัดรีดทรูก็ได้ฮะ ในคลิปน่ะ ใส่ชุดเดียวกันกับวันนั้นเลย”
“ฉันไม่อยากดู แค่นี้นะ ฉันมีธุระ”
พิมพ์ดาววางหูมีท่าทางอยากแกล้ง ไม่ได้หึงจริงจัง
ตรีภพคิดว่าพิมพ์ดาวโกรธจริง วางหูอย่างอึดอัดขัดใจ

ที่ห้องใต้ดินคุ้มร้างคืนนั้น
เถรกระอ่ำใบหน้ายังไหม้ซีกหนึ่ง ท่าทางอ่อนแรงด้วยบาดเจ็บอยู่ ยืนดูยอดหล้าที่นั่งขัดสมาธิ ดวงตาปิดสนิทอยู่บนตั่ง นางผัน นางเผื่อนนั่งดูอยู่ที่พื้น
“ส่งจิตของเจ้าออกไป ผ่านอาถรรพ์ของครูบาสรี”
ยอดหล้ามีแสงเรืองที่หน้าผาก
“ผ่านกำแพงแก้วของเจ้ามหานั่น”
แสงเรืองนั้นแผ่ออกจากหน้าผาก คล้ายแสง คล้ายคลื่นน้ำ คล้ายควัน
“ผ่านข้ามฟ้าไป...หาผู้ที่จะมาปลดปล่อยเรา” เถรชั่วบอก
แสงเรืองนั้นพุ่งวูบขึ้นไปสู่เพดานห้องใต้ดิน

มาดามสุนอนฟุบอยู่ที่โต๊ะทำงานของฐาปกรณ์ ทีวีจอขาวมีภาพซ่าอยู่ คล้ายกำลังเช็คเทปจนหมดแรง
มาดามฝันว่าตัวเองในห้องใต้ดินคุ้มร้าง ซึ่งบัดนี้ มีม่านบางห้อยอยู่เป็นระยะ มาดามสุยืนอยู่มองดูรอบๆตัวอย่างงุนงง แล้วแหวกม่านเดินเข้าไป เมื่อพ้นจากแนวม่าน มาดามสุก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง
ตรงหน้ามีหีบเหล็กมากมายวางอยู่ ฝาเปิดอยู่เห็นเครื่องเพชร เครื่องทอง เครื่องประดับโบราณ อัดอยู่เต็มทะลักล้นออกมา มาดามจอมงกผวาเข้าไปโกยเครื่องเพชรขึ้นมาดูอย่างคลั่งไคล้ไหลหลง

มาดามสุนั่งพิงพนักเก้าอี้ในห้องทำงานสามี หลับตาปากยิ้มมือโกยอากาศมาชื่นชม แล้วมีอาการเหมือนปล่อยให้เหรียญเงินไหลพรูผ่านร่องนิ้ว
ฐาปกรณ์เข้ามาเห็นอาการเมียก็ชะงักกึก “เฮ้ย อะไร ทำบ้าอะไร ตื่น!”
มาดามสุผวาตื่น ทำหน้าเลิกลัก มีอาการเสียดายเมื่อรู้ว่าเป็นเพียงความฝัน
“คุณ...ฉันจะต้องไปที่คุ้มนั้นอีก”
“ไปทำไม”
มาดามสุนึกปราดหาเหตุผล ก้าวลุกขึ้น
“ก็ไปทำโปรโมทไง เอาทีมงานคนค้นผีไปถ่ายรายการกันที่นั่น เอาทั้งน้องเรียวกับหนูจูน ไปสัมผัสพลังงานที่นั่น”
“จะไปให้ผีมันหลอกเหรอ”
“อุ๊ย ก็อีตามหาอะไรนั่น ปราบผีลงหม้อถ่วงน้ำไปแล้วไม่ใช่หรือ กลัวอะไร”
“ถ้าผีมันหลุดออกมาได้ล่ะ”
“หลุดออกมาฉันก็ไม่กลัว ฉันมีของดี”
ฐาปกรณ์ส่ายหัวดิกเดินบ่นบ้าออกไป
มาดามสุไปนั่งที่โต๊ะ คว้ากระเป๋าถือมาเปิด แล้วหยิบตลับแบนแบบที่ใส่เครื่องประดับออกมา เห็นสำลีขาวห่อของข้างในอยู่ มาดามสุเปิดสำลีออกเห็นเขี้ยวเสือไฟอันจริงวางอยู่ มาดามสุหยิบเขี้ยวเสือไฟมาพิศดู

บ่ายวันนี้ที่หน้าคุ้มหลวง ตาทอง สายใจ ก้าวมาจากคุ้มมองอย่างมึนงง รถทั้งหลายจอดลง ทีมงานลงมาขยับแข้งขยับขา ที่ไม่เคยเห็นคุ้มมาก่อนก็ตื่นเต้น ส่วนที่เคยมาและรู้เรื่องผีก็พยักพเยิดวิจารณ์กันขรม
มาดามสุ เรียวในชุดหนังดำ ผมตั้งกรีดตา กับจูนในชุดดำแต่มีเสื้อยาวพลิ้วทับลงมา
ตาทองกับสายใจก้าวไปหา
“สวัสดีครับ คุณนาย นี่ยังไงกันครับ”
“อ๋อ ก็พาทีมงานรายการทีวีมาพักไง ทีมงานคนค้นผี เขาจะมาช่วยโปรโมทละครให้”
“แล้วคุณแก้วอนุญาตแล้วหรือครับ” ตามทองสงสัย
มาดามสุลอกแลกนิดหนึ่งก็ยิ้มร่าโบกมือ
“อุ๊ย คนกันเอง ต้องอนุญาตอยู่แล้ว”
มาดามสุพูดกำกวม ตาทอง สายใจเลยคิดว่าอนุญาต
“เอ แปลก คุณแก้วน่าจะโทร.มาบอกก่อน ดิฉันจะได้เตรียมห้อง เตรียมหับไว้ให้”
“อุ๊ย เกรงใจ๊ เกรงใจ ไปจัดตอนนี้ก็ทัน ไม่ต้องพิเศษหรอกค่ะ อยู่ยังไงก็อยู่ได้ แต่ขอห้องใหญ่กว่าเดิมก็ดี”
รถตู้ของฐาปกรณ์มีเพียงลูกกบกับรักที่มีอาการหวาดๆ เรียวก้าวมาพร้อมจูน มองดูคุ้มมีท่าทางสุขุมคัมภีรภาพ
“แหม ถ้าโปรดิวเซอร์ไม่สั่ง เรียวก็ไม่อยากยุ่ง”
“ค่ะ ดิฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง”
ลมแรงพัดมา ใบไม้ไหว คล้ายมีเสียงกระซิบกระซาบ เรียวและจูนตาเหลือกเลิกสุขุม

คุ้มหลวงเวลายามเย็น ตาทองอยู่ที่เติ๋นกำลังดูบัญชีอยู่ สายใจหน้าเคร่ง เฟื่องฟ้า ระรินหน้าหงิกเดินมา
“พี่ทอง เกิดเรื่องแล้ว”
“หือม์ อะไร”
“อีมาดามนั่นมันโกหก คุณแก้วไม่รู้เรื่องซักหน่อย”
“อ้าว...”
“คุณแก้วโทร.มาถามเรื่องทั่วๆไป ฉันบอกเรื่องพวกทีมงาน คุณแก้วงงเป็นไก่ตาแตก” สายใจบอก
เฟื่องฟ้าเสริม “มันโป้ปดมดเท็จเจ้า”
“มันกะจะมากินฟรี และจิกหัวพวกเราใช้แน่ๆเจ้า” ระรินว่า
“อ้าว ตาย แล้วคุณแก้วให้ทำยังไง”
“ไม่เห็นว่าอะไร โธ่เอ๋ย คุณแก้วพอหลังเกิดเรื่องวันนั้น ก็ยิ่งเศร้าๆ ซึมๆ ไปกว่าเดิมอีก”

มาดามสุแต่งตัวรัดกุม เป็นกางเกงยีนส์รัดรูปสีเข้ม เสื้อเชิ้ตมีแจกเกต นั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในห้องพัก แล้วหยิบสร้อยเขี้ยวเสือไฟมาสวม พิศดูโฉมตัวเองในกระจก มีเสียงเคาะประตู มาดามสุยิ่งอารมณ์เสีย
“ใครอีกล่ะ มาทำไมตอนนี้”
มาดามสุหันรีหันขวางแล้วถอดแจกเกตเอาแขนเสื้อผูกเอว ไปเปิดประตู
เป็นตาทอง กับสายใจทำหน้าถมึงทึงอยู่ เฟื่องฟ้า ระรินชะเง้อ
“มีอะไร”
“คุ้มร้างนั้นห้ามเข้า ทีมงานเข้าไปได้ยังไง” ตาทองไม่พอใจ
“อุ๊ย ก็ฉันขอคุณแก้วเรียบร้อยแล้ว”
สายใจตาขวาง “เรียบร้อยอะไรคะ คุณแก้วโทร.มาเมื่อกี้บอกไม่รู้อะไรซักอย่าง”
สุชาดาแถสดๆ “อุ๊ยตายจริง คุณแก้วเธอนี่อาการหนักแล้ว ไปอยู่กรุงเทพก็เลื่อนๆลอยๆ ป้ำๆ เป๋อๆ อีผีเจ้านางน่ะมันเล่นงาน เจ้านายเธอไว้หนักเลยล่ะ ฉันน่ะ ไปขออนุญาตกับตัวเลยนะ...ก็บอกครับๆ ต๊ายนี่คงป้ำเป๋อขึ้นมาอีกแล้ว”
ตาทองมองสายใจ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“เอาเถอะๆ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน แต่คุ้มร้างน่ะมหาจรวยลงอาถรรพ์เอาไว้ ทีมงานเข้าไปอาจทำให้เสื่อมได้”
“อุ๊ย ไม่เสื่อมหรอก เขาถ่ายทำแค่รอบๆนอก ฉันน่ะห้ามไม่ให้เข้าไปถึงตัวคุ้มด้วยซ้ำ”
ตาทองคลายใจนิดหนึ่ง สุชาดามองสายใจตาขุ่น ทั้งสองคนออกไปแล้ว
“บ้าบอ เสียเวลาจริง”
สุชาดากระแทกก้นลงแล้วรู้สึกแปลกๆ จึงลุกขึ้น พบว่าที่สตูลเป็นผ้าบุสีอ่อน มีรอยเลือดสีแดงปรากฏ

มาดามสุตาโตคลำก้น “ว้าย เมนส์มา มาทำไมตอนนี้”

อ่านต่อตอนที่ 20
กำลังโหลดความคิดเห็น