หางเครื่อง ตอนที่ 7
รวิเดินถือปึกเนื้อเพลงเข้ามาที่บ้านศิริพร ขณะนั้นศิริพรกำลังช่วยแต่งหน้ากลบร่องรอยจากการตบตีกันให้กับนภากาศอยู่
“ศิริพร ชั้นเอาเนื้อเพลงที่เธอให้ช่วยหามาให้แน่ะ อ้าว พี่นภา เอ่อ หน้าไปโดนอะไรมาเหรอครับ”
นภากาศสีหน้าบึ้งตึง กำลังจะอ้าปากตอบ แต่ศิริพรพูดแทรกขึ้นซะก่อน
“ก็ยัยแก้วน่ะสิ มาหาเรื่องพี่เค้า เนี่ยพอดีชั้นไปเจอพี่เค้าพอดี เลยพามาทำแผลแล้วก็ช่วยกลบรอยให้ ดูสิหน้าสวยๆ ของพี่เค้ามีรอยหมดเลย”
“แก้วน่ะเหรอครับ เฮ้อ รายนี้เค้าก็หาเรื่องไปทั่วเลย”
“ที่แย่ไปกว่านั้น เอ่อ เดือนน่ะดันมาช่วยแก้วซะอีก”
รวิมองหน้าอย่างไม่เชื่อ
“อะไรนะ เดือนน่ะเหรอจะช่วยแก้ว เป็นไปไม่ได้เพราะเดือนเองเค้าก็รู้อยู่แล้วว่าแก้วเป็นคนยังไง”
นภากาศปัดมือศิริพรออก ก่อนจะหันมาโวยวายรวิ
“แล้วไอ้รอยบนหน้าพี่นี่มันอะไรล่ะ หูตาสว่างหน่อยรวิ เดี๋ยวนี้เดือนกับแก้วเค้ากับมาสนิทกันแล้ว เพราะเค้าจะไปดังด้วยกันแล้วนี่”
“แต่...”
“รวิหาว่าพี่นภาเค้าตอแหล เอ้ย โกหกงั้นเหรอ”
รวิหน้าเสียรีบปฏิเสธ
“เปล่า ชั้นไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่..”
“เอาเหอะ ไม่เชื่อก็ตามใจ เดี๋ยวก็รู้เองว่าอะไรเป็นอะไร”
รวินิ่งไป ไม่รู้จะเถียงอะไร ศิริพรกับนภาแอบหันไปส่งสายตารู้กัน
“มาพี่นภา เดี๋ยวชั้นเติมแป้งตรงนี้ให้อีกนิดจะได้ปิดรอยแก่ เอ้ย รอยแผลให้นะจ๊ะ”
รวิทำหน้าสับสนไม่รู้จะยังไงดี
รถของชูเกียรติแล่นเข้ามาจอดแถวท่ารถ ชูเกียรติเปิดประตูรถเดินลงมา ยืนสอดส่ายเหมือนหาใครบางคน
แก้วเดินเข้ามาหาในชุดกางเกงสั้น เสื้อสายเดี่ยวคอลึกๆ แกล้งทำหน้าเศร้าๆ
“แก้วมีอะไรเหรอ นัดพี่ออกมาตอนเนี้ย”
“แก้วมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยน่ะค่ะ อยากจะรบกวนพี่ชูเกียรติ”
แก้วแกล้งตีหน้าเศร้าพยายามส่งสายตาออดอ้อนชูเกียรติไปด้วย ชูเกียรติเอื้อมมือไปจับดูรอยที่หน้าของแก้ว แก้วแกล้งทำเป็นสำออย
“แล้วหน้าไปโดนอะไรมาล่ะเนี่ย”
“เรื่องมันยาวน่ะค่ะ”
“โอเค งั้นขึ้นรถก่อน แล้วเดี๋ยวเราไปหาที่เงียบๆ คุยกัน”
แก้วแอบยิ้ม เหมือนเข้าทาง เดินตามชูเกียรติขึ้นรถไป
ชูเกียรติกำลังขับรถอยู่ ทำหน้าแปลกใจ
“จริงเหรอ นี่แก้วโดนเดือนกับนักร้องที่วงเก่ารุมเอางั้นเหรอ”
แก้วแกล้งทำเป็นบีบน้ำตา
“จริงสิคะ แก้วจะหลอกพี่เกียรติทำไม ทีแรกก็มีแค่พี่นภาหรอก แต่ตอนหลังนี่สิ เดือนมาจากไหนก็ไม่รู้ มาถึงก็..ฮือ” แก้วแกล้งร้องไห้
“ไม่น่าเชื่อเลย เดือนเนี่ยนะ”
“ใช่สิ เดือนน่ะ ใครๆ ก็เชื่อไปหมด เพราะเค้าสวยเค้าเก่งนี่ ส่วนแก้วมันก็เป็นแค่ตัวอิจฉา”
“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่เอาน่ายังไงๆ เดี๋ยวก็ต้องทำงานร่วมกัน มีอะไรก็ค่อยๆ เคลียร์กันเถอะ”
“พูดถึงเรื่องทำงาน พี่เกียรติช่วยดันแก้วด้วยสิคะ”
“เอ่อ เรื่องนั้น”
“แก้วเชื่อว่าระดับบิ๊กๆ อย่างพี่เกียรติต้องทำได้อยู่แล้ว” แก้วแกล้งพูดยกยอชูเกียรติ แต่ก็ได้ผล ชูเกียรติทำหน้าฮึกเหิมขึ้นมาทันที “แล้วถ้าพี่เกียรติช่วยดันแก้ว แก้วก็จะยอมให้พี่เกียรติดัน หรือมากกว่านั้นก็ยังไหว”
แก้วส่งสายตายั่วยวนชูเกียรติ ยกขานั่งไขว้ห้าง เขยิบหน้าอกเข้ามาใกล้ ก่อนจะเอื้อมมือไปใช้นิ้วมือไล่ไปที่แขนไล่ไปเรื่อยๆ ลูบขึ้นลูบลง
ชูเกียรติหันมามองแก้วแล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ รู้ความหมายของแก้วดี
เดือนกับช้อยช่วยกันจัดสำรับกับข้าวมาวางเรียงที่พื้นก่อนจะนั่งลง เดือนช่วยคดข้าวให้ช้อยก่อนจะคดให้ตัวเอง หันมาพยายามทำหน้ารื่นเริง ช้อยคอยสังเกตอยู่
“วันนี้เอ็งไม่ต้องไปซ้อมร้องเพลงเหรอวะ”
เดือนหน้าสลดลง แต่แกล้งยิ้มออกมา
“เดือนลาออกแล้วล่ะจ้ะ ก็เดือนจะไปเซ็นสัญญากับพี่ชูเกียรติแล้วนี่จ๊ะ”
“เอ็งแน่ใจแล้วเหรอวะ ไม่ใช่พวก 18 มงกุฎแน่นะ”
“โธ่ แม่ เดือนเล่าให้ฟังแล้วไง เดือนไปที่ค่ายเพลงมาแล้ว แล้วเค้าก็ชอบกันมากด้วย ที่เหลือก็แค่ไปเซ็นสัญญาก็แค่นั้นเอง”
“แล้วที่วงเก่าเอ็ง เค้าไม่ว่าอะไรเหรอวะ”
เดือนหน้าสลดลง แกล้งตอบเลี่ยงๆ ไป
“ไม่หรอกจ้ะ เค้ามีนักร้องใหม่มาแล้ว ไม่มีชั้นซักคนก็ไม่เป็นไรหรอก”
เสียงโทรศัพท์เดือนดังขึ้น เดือนลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมารับสาย
“สวัสดีค่ะพี่ชูเกียรติ ตกลงพรุ่งนี้ใช่มั้ยคะ ได้ค่ะ เดี๋ยวเดือนไปรอที่เดิม เอ่อ แล้วแก้วล่ะคะ อ๋อ ค่ะ ได้ค่ะ สวัสดีค่ะ” เดือนวางโทรศัพท์แล้วกลับไปนั่งกินข้าวกับช้อยเหมือนเดิม “พี่ชูเกียรติน่ะจ้ะแม่ พรุ่งนี้เค้าจะพาชั้นไปถ่ายรูปแล้วฟิตติ้งอะไรเนี่ยล่ะจ้ะ”
“ยังไงเอ็งก็ระวังตัวด้วยนะ”
“แม่ไม่ต้องห่วงหรอก แก้วเค้าก็ไปด้วย กินข้าวเถอะจ้ะ”
เดือนรีบเปลี่ยนเรื่อง กลัวช้อยกังวล รีบตักกับข้าวใส่จานช้อย ช้อยมองเดือนด้วยความรักและความเป็นห่วงก่อนจะลงมือกินข้าวกับเดือน
ชูเกียรติกดวางสายจากเดือนก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ค่อยๆ เลื่อนตัวลงนอนในสภาพเปลือยท่อนบน โดยมีแก้วนอนหลับอยู่ข้างๆ
“หึๆ อีกไม่นานหรอก เธอก็จะได้มานอนข้างๆ พี่แบบนี้ล่ะ เดือน”
เช้าวันรุ่งขึ้นที่ค่ายเพลง ชูเกียรติพาแก้วกับเดือนไปที่ห้องแต่งตัว ระหว่างทางเดือนมองสำรวจอย่างสนใจ
ส่วนแก้วเดินเกาะติดชูเกียรติทำหน้าเย่อหยิ่ง ชูเกียรติพูดทักทายกับช่างแต่งหน้าก่อนจะฝากให้จัดการแก้วกับเดือน
“เดี๋ยวช่วยจัดการเรื่องหน้าผมให้สองสาวด้วยนะ เสร็จแล้วเดี๋ยวให้ไปถ่ายรูปทำโปรไฟล์เลยนะ”
ชูเกียรติพูดเสร็จก็เดินออกไปเดือนยกมือไหว้ช่างแต่งหน้าทำผม ส่วนแก้วเดินเชิดไปนั่ง ช่างหันมามองหน้าพยักพเยิดให้ดูแก้วกัน
“มาเป็นนักร้องใหม่เหรอจ๊ะ สวยจังเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
แก้วหันมาเบะปากใส่เดือน
“อ้าว จะแต่งก็แต่งเร็วๆ สิ รออะไรกันเหรอ”
แก้วบอก ช่างหันมามองหน้าแก้ว ก่อนจะพูดอย่างเหยียดๆ
“น้องก็มาเป็นนักร้องเหรอ อืม ดูท่าไม่ค่อยให้เลยนะ”
แก้วหันมาค้อนขวับ ก่อนจะหันไปทำปากขมุบขมิบ
เดือนแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้ว
“เสร็จแล้วค่ะ ตายแล้วคุณน้อง สวยมากเลยค่ะ ไม่ทันไรเลยออร่าจับเชียว”
เดือนยกมือไหว้ขอบคุณช่างก่อนจะยิ้มกับตัวเองในกระจก แก้วหันมามองทำเบะปากไม่สนใจ
“เอ้า เสร็จแล้ว” ช่างพูดลอยหน้าลอยตาไม่สนใจแก้ว
“เดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ถ่ายรูปทำโปรไฟล์กันเลยนะคะ”
“เอ่อ เดี๋ยวเดือนเอาไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำละกันค่ะ”
“อุ๊ย เดี๋ยวเปลี่ยนที่ห้องเปลี่ยนตรงนี้ค่ะ ไม่ต้องไปถึงห้องน้ำหรอก”
“นั่นน่ะสิ ไม่รู้จะหน้าบางไปถึงไหน”
เดือนหันมามองแก้ว แต่ไม่พูดอะไร เดินไปเอาเสื้อผ้ามาเตรียมเปลี่ยน แก้วหยิบชุดเดินตามไปติดๆ
“มาค่ะ เดี๋ยวพวกพี่ช่วย”
ช่างบอกแก้วรีบหันมากันท่า
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวชั้นเปลี่ยนกันเอง ไปรอข้างนอกเถอะ”
ช่างทำท่าชะงักหันไปมองเดือนเหมือนจะถาม
“เดี๋ยว เดือนเปลี่ยนกันเองก็ได้ค่ะ”
แก้วรีบปิดประตูห้องแต่งตัว ทิ้งให้ช่างยืนทำหน้างงอยู่
เดือนหยิบเสื้อผ้ามาลองทาบดูที่กระจก ก่อนจะทำท่าเหมือนจะถอดเสื้อผ้าตัวเอง แต่เหลือบมาเห็นแก้วที่มองอยู่
“อ้าว แล้วเธอไม่เปลี่ยนหรือไงแก้ว”
แก้วยักไหล่ทำเป็นหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมา เดือนส่ายหน้า ก่อนจะหันไปจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองต่อ
แก้วค่อยๆ ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะ เลื่อนมือไปทางเดือนเพื่อแอบถ่ายรูป
เดือนที่ยังคงเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองต่ออย่างไม่รู้อะไร
แก้วยิ้มอย่างพอใจ ลอบมองเดือนด้วยสายตาที่แสนสะใจ
พิมุกเดินเก็บดอกเบี้ยในตลาดเหมือนเคย เตี้ยกับบ่างคอยเดินตาม พ่อค้าแม่ค้าต่างก้มหน้าก้มตาหลบวูบกันเป็นแถว ช้อยเหลือบไปเห็นพิมุกก็ส่ายหน้า ก่อนจะล้วงมือหยิบเงินออกมาเตรียมส่งให้
“ไงจ๊ะ คุณแม่ยาย วันนี้ขายดีมั้ยล่ะจ๊ะ” ช้อยไม่พูดอะไร ยื่นเงินส่งให้พิมุก แต่พิมุกดันมือของช้อยกลับมา ช้อยทำหน้าสงสัย “เก็บไว้เถอะจ้ะ ชั้นไม่เอาหรอก”
“อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ ก็ดอกเบี้ยของงวดนี้ไง”
พิมุกหัวเราะ เตี้ยกับบ่างช่วยหัวเราะตามจนพิมุกต้องยกมือห้าม พิมุกผลักกระจาดของไปด้านหลังแล้วนั่งต่อหน้าช้อย
“แหม ใครจะเก็บเงินแม่ยายตัวเองได้ลงคอล่ะจ๊ะ” ช้อยยิ้มเจื่อนๆ พูดอะไรไม่ออก “เอาล่ะ มาพูดกันจริงๆ จังๆดีกว่านะ นี่แม่ช้อย ชั้นน่ะหลงร๊ากกกเดือนมาตั้งนานแล้ว แม่ช้อยเองก็รู้แล้วตอนนี้ ไอ้ชูเกียรติญาติชั้นก็กำลังจะพาเดือนไป โด่งไปดัง ถ้าชั้นไม่รีบทำอะไรซะก่อนเกรงว่าเดือนอาจจะหลุดลอยไปไกลเกินเอื้อม”
“อะไรนะ คุณเกียรติอะไรนั่นเป็นญาติของพ่อพิมุกเหรอ”
พิมุกพยักหน้ารับแล้วจ้องหน้าช้อย เตี้ยกับบ่างมานั่งข้างๆ ช่วยล้อมช้อยไว้ด้วย ช้อยมองหน้าพิมุกอย่างหวั่นๆ แต่พิมุกก็แสยะยิ้มแล้วพูดต่อ
“ชั้นอยากจะขอเดือนไปเป็นเมีย เรื่องสินสอดไม่ต้องห่วง แม่ช้อยอยากได้เท่าไหร่ก็เรียกมา”
“โอย เรื่องนี้ชั้นบังคับเดือนมันไม่ได้หรอกจ้ะ มันจะรักใครชอบใครก็แล้วแต่มัน อยู่ๆ จะให้ยกให้ใคร ชั้นทำไม่ได้หรอก”
พิมุกพยายามทำหน้าให้ใจเย็นลง
“แม่ช้อย แม่ช้อยคิดดูดีๆ นะ หนี้สินที่ติดชั้นอยู่ชั้นก็จะยกให้ แถมเป็นแม่ยายชั้นน่ะสบายไปตลอดชาติเลยนะ”
“เรื่องนี้ชั้นทำให้ไม่ได้จริงจ้ะ เอ่อ หนี้สินที่ติดอยู่เดี๋ยวชั้นจะรีบหามาใช้นะจ๊ะ”
พิมุกยืนขึ้น ถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว
“ไม่ได้งั้นเหรอ อืม ไม่เป็นไร ไอ้เตี้ย ไอ้บ่าง”
“จ้ะ ลูกพี่”
พิมุกพยักหน้าให้สัญญาณ เตี้ยกับบ่างเดินย่างสามขุมเข้าไปหาช้อย ช้อยมีสีหน้าหวาดกลัว
ศิริพรกับรวิเดินซื้อของอยู่ในตลาด
“นี่จริงๆ เธอไม่ต้องตามชั้นมาซื้อของก็ได้นะ” รวิบอก
“ทำไมล่ะ เดี๋ยวนี้ชั้นเดินกับเธอไม่ได้แล้วเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“อ๋อ กลัวเดือนเข้าใจผิดล่ะสิ งั้นชั้นกลับก็ได้”
“ไม่เป็นไร ไหนๆ ก็มาแล้ว เดี๋ยวเดินไปหาเดือนพร้อมกันเลยก็ได้”
ศิริพรแอบยิ้มก่อนจะเดินตามรวิไป
เตี้ยยกกระจาดของช้อย ที่พยายามเอื้อมมือมาดึงกลับไป
“โธ่ ขอล่ะจ้ะ ของเอาไว้ขายทั้งนั้น”
ช้อยพยายามยื้อยุดกระจาดกับเตี้ย บ่างเข้ามาช่วยอีกแรงจนช้อยสู้แรงไม่ไหวปล่อยกระจาดหลุดมือ เตี้ยกับบ่างหงายหลังไปตามแรงที่ดึง ข้าวของในกระจาดกระจัดกระจาย
“โธ่ หมดกัน ทำไมใจร้ายกันแบบนี้”
รวิกับศิริพรที่เดินมาถึงพอดี รีบวิ่งเข้ามาช่วยช้อย
“ไอ้พวกนี้อีกแล้ว เตะหมาหาเรื่องคนแก่ พวกแกมีปัญญาทำได้แค่นี้เองเหรอวะไอ้พิมุก”
พิมุกหันมาจ้องหน้ารวิ ยิ้มออกมาเหมือนดีใจที่ได้เจอ
“โอ้โห จุ๊ๆๆ พระเอกมาตามคาด ดีใจจริงๆ เลยว่ะที่ได้เจอ”
“แต่ชั้นรู้สึกเสียใจทุกครั้งเลยที่ต้องเห็นหน้าทุเรศๆ ของแก”
เตี้ยกับบ่างลุกขึ้นยืน ชี้หน้ารวิ
“อ้าว มันว่าลูกพี่หน้าตาทุเรศ อุบาทว์ ขี้เหร่แบบนี้ ยอมไม่ได้ เตี้ยจะไม่ทน”
“ใช่ๆ บ่างก็จะไม่ทน”
เตี้ยกับบ่างทำท่าจะใส่รวิ แต่พิมุกยื่นมือมากันไว้
“ไม่เอ๊า ไม่เอา ไม่ใช่ที่นี่”
พิมุกจ้องหน้ารวิก่อนจะเดินยิ้มเจ้าเล่ห์เข้าไปใกล้
“ถ้าแกแน่จริง ถ้าแกไม่ได้ดีแต่ปาก วันที่ 15 เดือนหน้านี้ ที่งานเวทีมวยของชั้น ชั้นขอท้าแกขึ้นชกกับชั้น ตกลงมั้ย” รวิอึ้งไปนิดนึง ศิริพรมองหน้าพิมุกอย่างสงสัย “ขี้ขลาดแบบเนี๊ยะ จะไปปกป้องเดือนได้ไง คงตั้งใจเกาะชายกระโปรงเดือนกิน”
คำพูดเหมือนดูถูกของพิมุกทำให้รวิฟิวส์ขาดรับคำท้าทันที
“ก็ได้ ถ้าแกอยากได้แบบนั้น ชั้นก็จะทำให้คนเห็นว่าเวลาเจ้าของค่ายมวยโดนน็อคมันจะเป็นยังไง”
“ไม่ได้นะรวิ” ศิริพรรีบบอก รวิกับพิมุกหันมามองหน้าศิริพรอย่างสงสัย “ชั้นว่าเค้าต้องมีแผนขี้โกงอะไรอีกแน่!”
พิมุกหันมายิ้มและเดินตรงเข้ามาหาศิริพร
“แหม่ เธอนี่ยังแอ๊บเป็นคนดีได้เนียนสุดๆ เหมือนเดิมเลย สมกับเป็นนางเอกงิ้วจริงๆ”
ศิริพรหันไปคว้ามีดที่วางอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะยกขึ้นชี้หน้าพิมุก
“หยุดอยู่แค่ตรงนั้นล่ะพิมุก ไม่ต้องก้าวเข้ามาอีก คงไม่อยากเสียเลือดตอนนี้ใช่มั้ย อย่าลืมนะ เธอน่ะ รับเลือดของใครไม่ได้ซักคนนอกจาก...”
พิมุกชะงักก่อนจะเดินถอยไป แต่ยังคงชี้มาที่ศิริพรกับรวิอยู่
“โอเค งั้นวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน ส่วนแก...” พิมุกชี้หน้ารวิ “รับปากชั้นแล้ว อย่าปอดแหกหนีไปซะก่อนล่ะ อย่าลืมนะ”
พิมุกหันหลังเดินไปสองสามก้าว แล้วหันกลับมาทำท่ายิงปืนใส่รวิอีก ก่อนจะเดินไปโดยมีเตี้ยกับบ่างวิ่งตาม
อ่านต่อหน้า 2 / 17.00 น.
หางเครื่อง ตอนที่ 7 (ต่อ)
รวิกับศิริพรช่วยกันเก็บของให้ช้อย ที่นั่งดมยาดมอยู่
“เป็นยังไงมั่ง ป้าช้อย”
“นั่นสิจ๊ะ ไหวมั้ย ถ้าไงเดี๋ยวชั้นพาไปหาหมอนะ”
ช้อยโบกมือปฏิเสธ
“อย่าลำบากเลยจ้ะคุณศิริพร ป้าไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”
“เอ่อ แล้ววันนี้เดือนไม่มาเหรอจ๊ะ”
“เดือนมันไปค่ายเพลงกับคุณเกียรติ อะไรนั่นน่ะ”
“ชั้นเองก็อยากเตือนเดือนเรื่องนี้เหมือนกัน” รวิบอกอย่างหนักใจ
“เฮ้อ พูดแล้วก็กลุ้ม นี่เดือนมันรู้มั้ยว่าคุณเกียรติอะไรของมันนั่นน่ะเป็นญาติกับพิมุก”
“อะไรนะ 2 คนนั้นเป็นญาติกันเหรอ”
ช้อยพยักหน้ารับ ศิริพรพอได้ยินก็แอบยิ้มเหมือนนึกอะไรได้
“งั้นวันนี้ชั้นว่าป้าช้อยกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะนะจ๊ะ ของที่เหลือนี่เดี๋ยวชั้นเหมาเอง”
“อู๊ย ไม่ต้องหรอกจ้ะคุณศิริพร ช่วยป้าแค่นี้ก็พอแล้วจ้ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ รวิเดี๋ยวเราเอาไปให้ที่วงด้วยกันเนอะ”
รวิพยักหน้า ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง
“โถ แม่คุณ สวยแล้วยังใจดีอีก ขอบใจมากนะจ๊ะ เฮ้อ อยากให้นังเดือนมันเป็นแบบคุณจัง”
ที่ค่ายเพลง เดือนยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปในท่าต่างๆ ชูเกียรติกับพวกช่างแต่งหน้ายืนมองอย่างพออกพอใจ
“น้องเค้าสวยจังเลยนะคะ แบบนี้รับรองดังแน่”
ชูเกียรติยิ้มอย่างพอใจ มองเดือนด้วยสายตาหื่นๆ แก้วหันมามองเห็นชูเกียรติมองเดือนตาไม่กะพริบก็ไม่พอใจ มองเดือนเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“โอเค เดี๋ยวเปลี่ยนชุดต่อเลยนะครับ เอ้า น้องอีกคนมาเลยครับ”
“เอ่อ เดี๋ยวแป๊บนึงนะคะ ชั้นลืมของไว้ที่ห้องแต่งตัว เดี๋ยวขอไปเอาก่อน”
“ลืมอะไรน่ะแก้ว ถ่ายก่อนก็ได้เดี๋ยวค่อยไปเอา”
“เอ่อ เอ่อ แก้วลืมปิดโทรศัพท์น่ะค่ะ เดี๋ยวเสียงมันเข้า แหะๆ แป๊บเดียวค่ะ”
แก้วรีบวิ่งตามเดือนที่ตรงไปห้องแต่งตัว ก่อนจะรีบเดินแซงเดือนเข้าไป
ในห้องแต่งตัว แก้วทำท่าค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋าของตัวเอง เดือนเดินเข้ามาในห้อง เหลือบตามองดูแก้วเล็กน้อยก่อนจะไม่สนใจ หันไปเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดต่อไป แก้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาก่อนจะเลือกถ่ายวิดีโอ แล้วค่อยวางโทรศัพท์ลงในกระเป๋าหันกล้องไปฝั่งที่เดือนเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ก่อนจะแกล้งเอาอะไรมาปิดๆ ไม่ให้สังเกตเห็น แก้วจัดแจงซ่อนกล้องเสร็จก็แกล้งทำเป็นเดินออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รวิเดินคุยกับศิริพรหลังจากไปส่งช้อยที่บ้าน
“นี่ เปลี่ยนใจยังทันนะ”
รวิทำหน้างงๆ
“หืม เปลี่ยนใจ เรื่องอะไรเหรอ”
“ก็เรื่องที่เธอจะขึ้นชกกับพิมุกไง ไม่เปลี่ยนใจเหรอ”
“อ๋อ ไม่หรอก” รวิหนักใจ
“ลูกผู้ชาย ฆ่าได้หยามไม่ได้?” ศิริพรบอก รวินิ่ง ถอนใจ “เธออย่าลืมสิ ว่าอีกฝ่ายน่ะ ยังไงเค้าก็เป็นนักมวยนะ”
“แล้วไงล่ะ ชั้นก็ไม่ได้ว่าเขาเป็นนักข่าวซะหน่อย”
ศิริพรเอามือตีไหล่รวิ
“ยังจะมามัวพูดเล่นอยู่อีก ชั้นขี้เกียจไปโยนผ้าขาวข้างเวทีนะ”
“อย่าเชียวนะ ถ้าชั้นจะน็อกก็ให้มันน็อกไป แต่ชั้นไม่มีทางยอมแพ้มันแน่”
“เฮ้อ เธอนี่มันจริงๆ เลยนะ ทำไมต้องยอมไปเจ็บตัวแบบนั้นด้วยนะ”
“ไม่มีผู้ชายคนไหนทนเห็นตัวเองปกป้องผู้หญิงที่ตัวเองรักไม่ได้หรอก”
ศิริพรหน้าเสีย ทั้งหึงหวงทั้งเสียใจ มองรวิน้ำตาคลอเบ้ากำหมัดแน่น ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่เป็นอะไร
“เดือนนี่น่าอิจฉาจังนะ แล้วเจ้าตัวเค้าจะรู้มั่งหรือเปล่าเนี่ย ป่านนี้คงเริงร่าอยู่ที่ค่ายเพลงแล้วมั้ง”
รวิถอนหายใจ ก่อนจะเดินนำศิริพรไป
“ช่างเหอะ เห็นเค้ามีอนาคต มีความสุขอยู่กับสิ่งที่เค้ารัก ชั้นก็ดีใจแล้ว”
ชูเกียรติยืนคุยกับคนของค่ายเพลงอยู่ เดือนกับแก้วยืนรออยู่ใกล้ๆ กัน แก้วแอบมองและส่งสายตาโบกไม้โบกมือให้กับผู้ชายที่เดินผ่านไปมา เดือนหันไปมองแล้วก็ส่ายหน้า ชูเกียรติเดินมาหาเดือนกับแก้ว
“เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่อาทิตย์หน้าเดือนจะต้องเข้ามาฝึกร้องเพลงที่นี่ทุกวันนะ จะมีครูคอยสอนให้ แล้วก็อาจจะต้องยุ่งหน่อย เพราะพี่ต้องพาไปเยี่ยมเยียนทักทายสื่อด้วย”
“อุ๊ย แบบนี้แก้วก็ต้องเตรียมตัวแล้วสิ แต่เอ...แก้วจะไปๆ มาๆ เองได้ยังไงล่ะคะ”
“เอ่อ แก้ว แก้วไม่ต้องไปทุกที่ก็ได้จ้ะ ก็มาแค่ช่วงที่มีซ้อมน่ะจ้ะ”
“อ้าว แล้วที่ต้องมาเรียนร้องเพลง ไหนจะต้องไปพบสื่ออีกล่ะคะ”
“อ๋อ อันนั้นเดือนคนเดียวน่ะจ้ะ คือตอนนี้เสี่ยเค้าขอปั้นเดือนก่อนน่ะ ของแก้วนี่ยังไงเดี๋ยวพี่จะช่วยดูให้อีกทีนะ”
“อะไรกัน ก็ไหนเมื่อคืน”
ชูเกียรติหันมาจ้องหน้าแก้วทำหน้าดุ ไม่ให้แก้วพูด แก้วได้แต่กระฟัดกระเฟียด
“แล้วอย่างนี้ใช้เวลานานมั้ยคะ กว่าจะได้ออกจริงๆ”
“ไม่หรอก เพราะทางเสี่ยเค้าทำเพลงไปแล้ว เหลือแค่รอนักร้องก็เท่านั้นเอง”
“เสี่ยที่ว่านี่คือใครเหรอคะ”
ชูเกียรติหันมามองแก้วอย่างสงสัย
“เสี่ยวาทิน เจ้าของค่ายเพลงคนนี้ไง”
ชูเกียรติชี้มือไปที่รูปที่ติดอยู่ข้างฝา เป็นรูปเสี่ยวาทินกับผู้หญิงดูมีอายุหน่อยยืนอยู่ข้างๆ คู่กันถ่ายคู่กับนักร้องที่เคยเห็นในทีวีหลายคนกับบรรดาแดนเซอร์
“ทำไมเหรอ”
“เอ่อ เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
เดือนยืนมองรูปอยู่ซักพักก็หันมาถามชูเกียรติบ้าง
“แล้วผู้หญิงที่ยืนข้างๆ นี่คือ...”
“คุณนันทนา เมียของเสี่ยแกน่ะ” เดือนพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมามองชูเกียรติกับแก้ว “ถ้างั้นไปกันเหอะ เดี๋ยวไปทานข้าวกัน แล้วพี่จะได้พาไปส่ง”
วงดนตรีของเทพ ศิริพรกับนภากาศยืนโพสต์ท่ากันอยู่ ดนตรีขึ้น ศิริพรกับนภากาศสลับกันโพสต์ท่า ขยับตามจังหวะ ก่อนจะร้องร่วมกันสลับไปมาอย่างลงตัว จบเพลงทั้งคู่โพสต์ท่า เสียงดนตรีเงียบลงก่อนทุกคนจะตบมือส่งเสียงกันอย่างดีใจ
“โว๊วว สุดยอดๆ มันจริงๆ”
“ใช่ๆ นักร้อง 2 สาวของเราวันนี้ก็เจ๋งจริงๆ ไม่แพ้เดือนเลยนะนั่น”
ทุกคนเงียบลงหันไปมองหน้ารวิที่สลดลง ก้องรู้สึกตัวรีบเอามือปิดปาก เทพรีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“เออ นี่มีงานอีกแล้วนะ วันที่ 15 เดือนหน้าน่ะ” ได้ยินวันที่ รวิกับศิริพรหันมามองหน้ากันทันที “พอดีเป็นงานการแข่งชกมวยของค่าย พ.อะไรนั้นล่ะ เค้าอยากให้มีพวกดนตรีไปเล่นในงานด้วย”
“ค่ายพ.อะไรอ่ะคุณเทพ”
“นั่นสิ พ. อะไรน้า ติดอยู่ที่ปากเนี่ย”
“พ.พิมุก”
รวิตอบแทนให้ เทพชี้มือมาที่รวิอย่างเห็นด้วย
“เออ ใช่ๆ พ.พิมุก รวิรู้จักเหรอ”
รวิพยักหน้าอย่างเนือยๆ
“รู้จักดีเลยล่ะ ว่าแต่ผมอาจจะเล่นได้ไม่เต็มที่น่ะ”
ทุกคนหันมามองรวิอย่างสงสัย
“ทำไมล่ะ รวิ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ศิริพรเดินมายืนข้างรวิ ก่อนจะบอกกับทุกคน
“เพราะงานนี้ รวิเค้าต้องขึ้นชกด้วยน่ะสิ”
“อะไรนะ”
ทุกคนหันมาจ้องรวิ
“นึกยังไงนะรวิ อยากเปลี่ยนอาชีพเหรอ”
“จะให้เตรียมเรียกรถพยาบาลไว้มั้ยล่ะ”
“ทำประกันหรือยัง ทำกับชั้นก็ได้นะ”
รวิหันไปมองแต่ละคนก่อนจะทำหน้าอึ้งๆ
“แหม ขอบคุณทุกคนจริงๆ ผมซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหลอยู่แล้ว”
เทพหัวเราะก่อนจะเดินมาตบไหล่รวิ
“ล้อเล่นน่า ว่าแต่เรื่องมันเป็นไงมาไงแน่”
รวิอ้าปากจะตอบ แต่ศิริพรเดินลอยหน้าลอยตาชิงพูดขึ้นซะก่อน
“ศึกชิงนาง”
“หา อย่าบอกนะว่าเพราะ เดือน” เทพพูดชื่อเดือนเบาๆ รวิพยักหน้ารับ ทุกคนอึ้งกันไปพักหนึ่งก่อนที่เทพจะแกล้งเปลี่ยนเรื่องไล่ให้ทุกคนไปซ้อม “เอ้า ซ้อมๆ กันต่อ เพลงต่อไปเลย ไปๆ ประจำที่”
รวิถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นเดินไปประจำที่
รถของชูเกียรติขับมาจอดที่หน้าบ้านแก้ว แก้วเดินลงมาอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะกระฟัดกระเฟียดเดินเข้าบ้านไป พร้อมกับชูเกียรติที่ขับรถออกไป ชูเกียรติหันมายิ้มให้ เดือนยิ้มตอบแหยๆ เริ่มรู้สึกกลัวเมื่ออยู่กันลำพังสองคน
“เออ นี่เดือน พี่ว่าเดือนต้องหาที่อยู่ใกล้ๆ ออฟฟิศแล้วล่ะ ไปๆ มาๆแบบนี้ไม่ไหวหรอก”
“คะ ให้เดือนหาที่อยู่งั้นเหรอ”
“จ้ะ ทำไมเหรอ เดี๋ยวพี่ช่วยดูให้ก็ได้”
“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ แต่เดือนจะทิ้งแม่ไปได้ยังไงล่ะคะ”
ชูเกียรติแอบทำหน้ารำคาญ
“แม่เค้าคงอยู่ได้มั้ง”
“แม่เดือนไม่ค่อยแข็งแรงค่ะ”
ชูเกียรติถอนหายใจ พยายามเกลี้ยกล่อมเดือน
“เดือน เดือนต้องเข้าใจนะ ตอนนี้เดือนกำลังจะเป็นศิลปินแล้ว เดือนต้องเข้าไปเรียน ไปซ้อม แล้วยังต้องไปทักทายแนะนำตัวกับสื่ออีก จะมามัวนั่งรถไปๆ มาๆ แบบนี้มันไม่ไหวหรอก”
“แต่”
“คิดให้ดีนะเดือน แม่เค้าคงเข้าใจแหล่ะ ถ้าเพื่ออนาคตของเดือน”
เดือนนิ่งอึ้งไป พูดไม่ออก สีหน้ากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด
ช้อยเปิดทีวีทิ้งไว้ขณะที่ตัวเองนอนหลับอยู่
“ช้อย ช้อย”ภาพในความฝันของช้อย ช้อยยืนอยู่บนบ้าน “ช้อย ช้อย”
ช้อยหันมองหาเสียงที่เรียก
“ใครน่ะ พี่เหรอ พี่อยู่ไหนล่ะ”
“ช้อย ช้อย ได้เวลาแล้วนะ อีกไม่นานหรอก”
ช้อยหันไปตามเสียง รีบเดินไปชะโงกดูที่ประตูบ้าน เห็นเงาดำลางๆ แต่ข้างหลังเดินออกจากบ้านไป
“พี่เหรอ เดี๋ยวก่อน รอชั้นก่อน”
เสียงรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ช้อยสะดุ้งตื่นขึ้น มองไปรอบๆ บ้าน ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น เดินไปที่ประตูบ้านเห็นเดือนกำลังเดินขึ้นมา
“อ้าว แม่ ชั้นบอกให้นอนก่อนไงจ๊ะ” เดือนประคองช้อยมานั่ง “แม่มานั่งรอหนูเหรอ โธ่เอ๊ย หนูบอกแม่แล้วไง ว่าวันนี้หนูจะกลับดึกหน่อย”
“ก็ข้าอดห่วงเอ็งไม่ได้นี่หว่า”
“โธ่ แม่จ๋า เดือนโตแล้วนะจ๊ะ”
ช้อยจ้องหน้าเดือน ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัว
“เดือน คนเป็นแม่น่ะ ลูกจะโตแค่ไหนก็ยังห่วงอยู่เสมอล่ะ ข้าเองก็ไม่รู้จะอยู่รอเอ็งกลับบ้านแบบนี้ไปได้อีกถึงเมื่อไหร่นะ”
“แม่พูดอะไรน่ะ ห้ามพูดแบบนี้อีกนะ”
เดือนเข้าไปกอดช้อย ช้อยกอดเดือนเอามือลูบหัวอย่างเอ็นดู
“คนเราน่ะไม่มีใครหนีความตายไปได้หรอก ข้าเองก็อยากจะอยู่จนถึงวันที่เอ็งโด่งดัง ได้เป็นอย่างที่เอ็งตั้งใจไว้ แต่ก็ไม่รู้จะอยู่ได้ถึงวันนั้นหรือเปล่า”
“ไม่ ยังไงๆ แม่ก็ต้องอยู่ แม่อย่าพูดแบบนี้อีกนะ”
เดือนกอดช้อยแน่นขึ้น น้ำตาเริ่มไหล
“เดือน เอ็งฟังแม่นะ ถ้าเผื่อแม่อยู่ไม่ถึงวันนั้น เอ็งจะต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าปล่อยให้ชื่อเสียงเงินทองมานำพาเอ็งไปในทางที่ผิด แค่นี้ข้าก็ตายตาหลับแล้ว”
ช้อยน้ำตาไหลกอดเดือนแน่นขึ้น
อ่านต่อหน้า 3
หางเครื่อง ตอนที่ 7 (ต่อ)
เดือนนอนลืมตากระสับกระส่ายไปมา จนสุดท้ายตัดสินใจลุกขึ้นเดินมายืนที่ริมหน้าต่าง ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ถอนหายใจแล้ว ถอนหายใจอีก หวนคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่ชูเกียรติพยายามเกลี้ยกล่อม
“เดือน เดือนต้องเข้าใจนะ ตอนนี้เดือนกำลังจะเป็นศิลปินแล้ว เดือนต้องเข้าไปเรียน ไปซ้อม แล้วยังต้องไปทักทายแนะนำตัวกับสื่ออีก จะมามัวนั่งรถไปๆ มาๆ แบบนี้มันไม่ไหวหรอก”
“แต่”
“คิดให้ดีนะเดือน แม่เค้าคงเข้าใจแหล่ะ ถ้าเพื่ออนาคตของเดือน”
เดือนยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่
“ชั้นจะทำยังไงดีเนี่ย”
เดือนส่ายหน้าก่อนจะหันกลับเข้าไป
เช้าวันรุ่งขึ้นเดือนเดินถือถุงกับข้าวต่างๆ ที่ไปซื้อจากตลาดมา จะกลับบ้าน เดินไปด้วยร้องเพลงเบาๆ ไปด้วย
รวิเดินตามหลังเดือนมาเรื่อยๆ แต่ไม่พูดอะไร เดือนเริ่มรู้ตัวว่ามีคนเดินตามเลยหันกลับไปมอง รวิก็แกล้งผิวปากหยุดเดินทำเป็นมองนู่นมองนี่ เดือนหันมาเห็นเป็นรวิ ก็หน้าบึ้งเพราะยังงอนอยู่ สะบัดหน้าเดินต่อ รวิก็เดินตามเป็นแบบนี้อยู่ 2-3 รอบ เดือนเริ่มหมดความอดทน หยุดเดินหันไปโวยวายใส่รวิ
“นี่พี่จะเดินตามชั้นทำไมเนี่ย เป็นพวกโรคจิตเหรอไง”
รวิไม่ตอบอะไรแกล้งตีมึนทำไม่รู้เรื่อง แต่แอบมองเป็นระยะ เดือนมองอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินต่อ แต่รวิก็ยังเดินตามต่อ เดือนเลยแกล้งเดินเร็วขึ้นรวิก็เดินเร็วตาม
เดือนเหยียบรองเท้าตัวเองจนหูรองเท้าแตะขาด สะดุดล้มลง
“โอ๊ย”
รวิรีบวิ่งเข้ามาประคองเดือนที่ทั้งอายทั้งโกรธ
“เป็นไงมั่งเดือน โธ่ เมื่อยก็ไม่บอก จะได้หาเสื่อมาปูให้ก่อน”
“บ้า ชั้นไม่ได้เมื่อย พี่เมื่อยพี่ก็นั่งไปคนเดียวสิ”
“อ่ะ นั่งก็นั่ง”
รวิประคองเดือนอยู่เปลี่ยนใจปล่อยมือ ถอดรองเท้าเอารองก้น นั่งลงข้างๆ เดือน
“พี่รวิบ้า จะกวนประสาทแต่เช้าเลยใช่มั้ย”
“เอ๊า เค้านั่งเป็นเพื่อนก็มาว่าเค้าบ้าอีก ยังไงเนี่ย”
เดือนลุกขึ้นเก็บถุงกับข้าว ก่อนจะปัดเสื้อผ้าที่เปื้อนอยู่ แล้วก้าวออกไปโดยที่รองเท้าข้างที่หูขาดยังอยู่ที่เดิม
เดือนก้มลงมองเท้าเปล่าของตัวเองก่อนจะหันไปมองรองเท้าที่ขาด เดือนทั้งโมโหทั้งอายเดินกลับหยิบรองเท้าข้างที่ขาด เดินโขยกเขยกไป รวิรีบลุกขึ้นวิ่งไปหาเดือน
“เดี๋ยวสิเดือน ใจคอจะเดินเป๋แบบนี้ไปจนถึงบ้านเลยหรือไง”
“เรื่องของชั้น ไม่เกี่ยวกับพี่ ไม่ต้องมายุ่ง”
“เอางั้นเหรอ อืม งั้นตามใจ”
เดือนมองอย่างโกรธๆ
“ไม่คิดจะช่วยกันเลยใช่มั้ย”
“จะเอายังไงแน่เนี่ย”
“คนบ้า คนแล้งน้ำใจ ใจดำ อำมหิต โหดเหี้ยม แล้วก็...” เดือนอ้าปากจะด่าต่อ
“โอเคๆ” รวิถอดรองเท้าแตะของตัวเอง ให้เดือนใส่แทน ก่อนดึงถุงกับข้าวในมือเดือนมาช่วยถือแทน “เอ้า ใส่ของพี่ไปก่อนแล้วกัน”
“อะไรเนี่ย นี่รองเท้าหรือไททานิคเนี่ย”
“เอาน่า ใส่ๆ ไปก่อน ดีกว่าเดินเป๋นะ เดี๋ยวใครมาเห็นว่าที่นักร้องชื่อดังเดินแบบนี้เค้าได้เอาไปเมาท์กันแน่ ไปๆ”
รวิดึงมือเดือนให้เดินไป เดือนทำหน้างอเดินกระหย่องกระแหย่งไปเพราะใส่รองเท้าของรวิอยู่
รวิกับเดือนเดินเข้ามาในบ้าน เอาของไปวางไว้ที่แคร่เดือนจัดแจงจะเดินขึ้นบ้าน รวิเดินตามไป
“เดี๋ยวสิเดือน คุยกันก่อน พี่ยังไม่ได้...”
เดือนทำมือขึ้นมาจุ๊ปาก
“เบาๆ พี่รวิ แม่ยังนอนอยู่เลย”
“อ้าว แล้ววันนี้ป้าช้อยไม่ไปขายของเหรอ”
เดือนถอนหายใจเดินลงมาไปนั่งที่แคร่แทน รวิเดินตามมานั่งข้างๆ
“พักนี้แม่ไม่สบายบ่อยน่ะ พี่รวิ เดือนรู้สึกใจคอไม่ดีเลย”
รวิเอื้อมมือมาจับที่แขนเดือนให้กำลังใจ เดือนจับมือรวิมากุมไว้ สีหน้าเดือนเป็นกังวลแต่ก็ยิ้มให้รวิ ซักพักทำหน้าเหมือนนึกอะไรได้ สะบัดมือรวิออก
“เอ๊ย นี่ชั้นโกรธพี่อยู่นะ และนี่อะไร ถือโอกาสแต๊ะอั๋งเหรอ คนลามก”
รวิทำหน้าเหวอ ก่อนจะส่ายหน้า
“ใครลวนลามใคร แล้วใครกันแน่ที่พี่ต้องโกรธ ทำอะไรไม่มีปรึกษากันเลย”
เดือนเอามือกุมหัวป้อยๆ ก่อนจะทำหน้าบึ้งใส่รวิ
“พี่นั่นล่ะ ทำให้ชั้นต้องลาออกจากวง ทำให้ทุกคนคิดว่าชั้นทิ้งวง”
“เดือนคิดว่าพี่อยากให้เดือนออกจากวงงั้นเหรอ เดือนคิดว่าพี่อยากให้เดือนห่างจากพี่งั้นเหรอ”
“ไม่รู้นี่ เห็นพี่ดูจะดีอกดีใจกับนักร้องใหม่”
“คิดเอาเองทั้งนั้น เดือนรู้มั้ยว่าเวลาเดือนไปกับไอ้คนนั้นพี่เป็นห่วงเดือนแค่ไหน”
“เออ พูดถึงเรื่องนี้ คือว่าเดือน...”
“ไม่ต้องมาเถียงเลย เดือนไม่กลัวบ้างเหรอไง มันไว้ใจได้แค่ไหนก็ไม่รู้ แน่ะ ยังจะเถียงอะไรอีก คนวงการนี้มันน่ากลัวนะเดือน แล้วอีกอย่างนะเดือน”
“พี่รวิ! เดือนต้องไปอยู่กรุงเทพฯ”
เดือนพูดแทรกขึ้นมา รวิพูดค้างหันมาจ้องหน้าเดือนพูดไม่ออก
ศิริพรกับแก้วเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านเกมร้านหนึ่งภายในร้านมีคนเล่นอยู่ 2-3 คน เด็กที่ดูแลร้านเดินออกมาหาศิริพร หน้าตายียวน ศิริพรมองอย่างเหยียดๆ ก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบซองใส่เมมโมรี่การ์ดส่งให้
“อ่ะนี่ ที่ชั้นเคยบอกไว้ ทั้งภาพนิ่ง ทั้งคลิป ช่วยจัดการกระจายให้ทั่วๆ ด้วย”
“ได้เลยเจ๊ แล้วจะให้โพสต์ว่าไงดีล่ะ”
ศิริพรหันมามองหน้าแก้วที่ทำหน้างงก่อนจะหันมาเชิดหน้า
“เอาเป็น “หลุดสยิว ว่าที่นักร้องค่ายยักษ์ใหญ่”
“จัดไปเจ๊ แล้ว” เด็กดูแลร้านทำมือเหมือนนับเงิน
ศิริพรยิ้มเหยียดๆ ก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบเงินส่งให้ ก่อนจะสะบัดหันหลังเดินกลับ แก้วเดินตามมาติดๆ
“เธอนี่มันเลวได้โล่จริงๆ เลยนะ”
“เหรอ ชั้นคิดว่าชั้นเป็นคนดีนะเนี่ย”
“เฮอะ” แก้วเบะปากบ่นเบาๆ “ดีมากกก ดีตายเลย”
“เธอว่าอะไรนะ”
“เปล่านี่ ว่าแต่...ชั้นเองก็ทั้งเหนื่อยทั้งเสี่ยงนะ กว่าจะถ่ายมาเนี่ย ไม่คิดจะมีอะไรนิดๆ หน่อยให้ชั้นบ้างเหรอ”
ศิริพรส่ายหน้า ก่อนจะล้วงหยิบเงินส่งให้แก้ว
“แล้วถ้าฉลาดหน่อย พอมีโอกาส ก็ช่วยกระจายๆ ให้พวกสื่อรู้ด้วยก็จะดีนะ”
แก้วกรีดนิ้วรับเงินมานับดู ก่อนจะยักไหล่ทำท่าเย่อหยิ่งแล้วเดินนำไป ศิริพรเบะปากมองตามแก้วอย่างเหยียดๆ ก่อนจะเดินตามไป
ขำแบกหมอนข้างใบใหญ่เดินเข้ามากับป้อม ตรงเข้ามาในบ้านรวิ ก่อนจะเอาไปแขวนไว้ตรงต้นไม้
“โอ๊ย หนักชะมัด รวิ รวิ ยู้ฮู”
“รวิ รวิ อยู่มั้ยเนี่ย”
“เอ๊ะ หรือจะอาบน้ำอยู่”
“เออ งั้นเดี๋ยวข้าขึ้นไปดูเอง”
ขำรีบดึงเสื้อป้อมให้ถอยกลับมา
“แหมๆ พี่ป้อมน้องนุ่งไม่เว้นเลยนะ”
“อะไรของเอ็งวะไอ้ขำ ข้าก็แค่อยากจะดูตอนน้องมันไม่ได้นุ่ง เอ๊ย อยากจะดูว่ามันอยู่หรือเปล่า แค่นั้นเอง”
“ชั้นอยู่นี่จ้ะ”
รวิเดินเข้าบ้านมา หน้าตาห่อเหี่ยว
“ไปไหนมาแต่เช้ารวิ ชั้นเอาหมอนข้างมาทำเป็นกระสอบทรายไว้ให้ซ้อมน่ะ ได้ข่าวว่าจะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นนักมวย”
“แล้วทำไมทำหน้าบูดเป็นตูดลิงแบบนั้นล่ะ”
รวินั่งลงที่โต๊ะอย่างอ่อนแรง มองป้อมที ขำที ก่อนจะถอนหายใจ
“เดือนเค้าต้องไปอยู่กรุงเทพฯ”
“อะไรนะ”
“อะไรยังไงวะเนี่ย แล้วไปเมื่อไหร่”
“เห็นบอกว่าเร็วๆ นี้ เพราะต้องไปเรียนร้องเพลง ไปหาสื่อไปสารพัดสารเพ เค้าจะดังแล้วนี่”
“แล้วจะไปอยู่กับใคร แล้วป้าช้อยล่ะ”
“นั่นล่ะ ที่เป็นปัญหา เรื่องป้าช้อยน่ะ พวกเราดูแลกันได้ แต่เค้าจะไปอยู่ที่ไหนเนี่ยสิ”
“หรือว่า จะไปอยู่บ้านไอ้โมเดลลิ่งนั่น”
รวิมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“ชั้นไม่ยอมหรอก! โธ่”
รวิลุกขึ้น เดินตรงไปที่หมอนข้างที่ขำเอามาแขวนให้ ก่อนจะทำท่ากระฟัดกระเฟียดง้างเท้าเตะ
“เดี๋ยวรวิ ชั้นใส่ทรายกับพวกกรวดลงไปแล้วนะ เอิ่ม ไม่ทันแฮะ”
รวิยืนเตะหมอนข้างค้างอยู่ก่อนจะหน้าค่อยๆ แดงขึ้นๆ
“โอ๊ยยย”
โรจน์เดินสีหน้าเคร่งเครียดเข้ามาในห้องซ้อม
“นี่แก้วมันหายไปไหนของมันตั้งหลายวันเนี่ย”
“ก็คงจะหายไปฟีทเจอริ่งอยู่กับใครล่ะมั้ง ดีๆ ทั้งน้านนน นักร้องวงนี้ ไม่รู้อาถรรพ์อะไร”
“ก็คงอาถรรพ์จากเธอล่ะมั้ง เฮี้ยนอยู่ตลอดนี่”
ลิ้นจี่หน้าแดง โกรธจัด พวกแดนเซอร์คนอื่นๆ ต่างพากันหัวเราะคิกคัก ประทีปเดินถือใบปลิวงานชกมวยของพิมุกเข้ามาส่งให้โรจน์ โรจน์รับไปดูก่อนจะทำหน้าเฉยๆ
“นายได้ข่าวเรื่องนี้ยัง”
“งานชกมวยของไอ้พิมุก รู้แล้วล่ะ ทำไมเหรอ”
“งานนี้นอกจากมีมวยแล้ว เห็นว่าจะมีพวกบันเทิงต่างๆ ไปเล่นด้วยนี่”
“อืม ก็ไม่เห็นแปลก เดี๋ยวมันก็มาเรียกเราเอง”
“มันไม่มาเรียกเราหรอก” โรจน์หันมามองประทีปอย่างสงสัย “ชั้นได้ข่าวมา ไอ้พิมุกมันจ้างวงเทพ ฟ้าประทานไปเล่น”
“อะไรนะ”
โรจน์หันมามองประทีปอย่างตกใจ
“นายฟังไม่ผิดหรอก ไอ้พิมุกมันจ้างวงของไอ้เทพ”
“ได้ยังไงกัน แบบนี้เห็นทีจะต้องลุยไปถามมันให้รู้เรื่อง ไอ้นี่ เดี๋ยวเจอ”
โรจน์เดินออกไปอย่างจะเอาเรื่อง ประทีปมองตามก่อนจะส่ายหน้า
พิมุกนั่งดูทีวี กดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ โรจน์นั่งหงออยู่ที่เก้าอี้
“เอ่อ ตกลงคุณพิมุกพอจะบอกได้หรือยังจ๊ะ ว่าทำไมไม่เอาวงของชั้นมาเล่นในศึกชกมวยอ่ะจ้ะ” พิมุกยังคงกดรีโมทเปลี่ยนช่องต่อ ไม่สนใจโรจน์ “เอ่อ ทำไมคุณพิมุกถึงไปจ้างวงของเทพ ฟ้าประทาน แทนที่จะเป็นวงของชั้นล่ะจ๊ะ”
พิมุกกดปิดทีวีก่อนจะกระแทกรีโมทลงกับโต๊ะ โรจน์สะดุ้งเฮือก
“เดี๋ยวนี้ชั้นจะทำอะไรชั้นต้องรายงานแกงั้นเหรอ”
โรจน์รีบส่ายหน้าโบกมือปฏิเสธ
“ปะ เปล้าจ้ะ ก็แค่อยากรู้ ที่วงทั้งเครื่องเสียง ทั้งแดนเซอร์ ก็ใหญ่กว่า ดีกว่าวงโน้นตั้งเยอะ”
“แต่วงแกไม่มีนักร้องเหลือแล้วนี่”
โรจน์กลืนน้ำลายดังเอื๊อก ก่อนจะตอบ
“มีสิจ๊ะ แก้ว แก้วไง ตอนนี้ชั้นให้มันขึ้นมาเป็นนักร้องแล้วนะจ๊ะ”
“หึ แก้วน่ะเหรอ นี่แกไม่รู้จริงๆ เหรอ”
“รู้ รู้อะไรเหรอจ๊ะ”
พิมุกส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้น
“แก้วน่ะ มันจะไปเป็นนักร้องกับไอ้เกียรติญาติชั้นแล้ว มันไม่มาอยู่กับวงกระจอกๆ อย่างแกหรอก” พิมุกหันหลังจะเดินเข้าข้างในแต่นึกอะไรได้เลยหันกลับมา “อ้อ จะบอกเหตุผลอีกข้อนะ ที่ชั้นไม่จ้างวงแก เพราะแกไม่มีปัญญาเก็บน้องเดือนไว้ให้ชั้นได้ แค่เหตุผลข้อนี้แกก็หมดประโยชน์แล้วสำหรับชั้น”
พิมุกหันกลับเดินเข้าไปข้างในทิ้งให้โรจน์นั่งเหวออยู่คนเดียว
เทพกับก้องกำลังช่วยขนเครื่องดนตรีที่เอาไปซ่อมลงจากรถตู้ของเทพ ศิริพรเดินมาอยู่ที่ตรงประตูรถ ในมือถือของกินที่นำมาฝากทุกคน
“ศิริพร หอบอะไรมาเยอะแยะน่ะ”
“ขนมน่ะ ซื้อมาเผื่อทุกคนด้วยนะ”
นภากาศเดินถือชุดใหม่ของตัวเองอยู่ ชายตามามองแว่บหนึ่งก่อนจะแอบเบะปาก
“แล้วรวิล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ”
“เดี๋ยวคงมามั้ง”
“อ้าว ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ นึกว่าอยู่บ้านเดียวกันนะเนี่ย” ก้องแกล้งแซว ศิริพรแอบทำหน้าเขิน
“พูดก็พูดเหอะ รวินี่ร้ายจริงๆ ทีแรกนึกว่าคบอยู่กับเดือนซะอีก ไปๆ มาๆ กลายเป็น...”
ก้องแกล้งเดินมาทางศิริพรที่แอบยิ้มทำอายๆ
“ก้องนี่ก็ พูดอะไรก็ไม่รู้”
“แหม จะว่าไปเสียดายนะ ถ้าเดือนไม่ลาออกซะก่อน ชั้นก็จะได้...”
ศิริพรหันมามองหน้าก้อง
“นี่เธอแอบชอบเดือนเค้างั้นเหรอ”
ก้องเอามือเกาหัวทำท่าเขินๆ ศิริพรยิ้มอย่างรู้ทัน เทพเดินเข้ามายิ้มทักทายกับทุกคน
“อ่ะแฮ่ม อู้กันป่าวเนี่ย ไปๆ ช่วยกันขนเข้าไป จะได้ซ้อม”
“รวิยังไม่มาเลยค่ะคุณเทพ”
“ตะกี๊รวิโทรมาลาน่ะ เห็นบอกว่ามีธุระ เอ้า คนอื่นๆ ประจำที่กันได้”
ก้องทำหน้าทะเล้นก่อนจะถือกีต้าร์เดินเข้าไป นภากาศแกล้งเดินมาใกล้ศิริพร แกล้งชนบ่าโดยไม่หลบ
ศิริพรหันขวับมาจ้องหน้านภากาศทันที นภากาศยักไหล่ เดินไปเหมือนไม่มีอะไร ศิริพรมีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที
รวิจ้ำเดินมาที่บ้านของเดือน ป้อมกับขำจ้ำเดินตามรวิ ท่าทางเหนื่อยอ่อน ขำตะโกนถามรวิ
“เจอยังรวิ”
รวิตะโกนกลับมาแต่ยังไม่ยอมหยุดเดิน ขำกับป้อมก็เดินตามต่อ ตะโกนคุยกันไป
“เจออะไร”
“ควาย”
“ควาย ควายที่ไหน”
“ก็ควายแกหายไม่ใช่เหรอถึงเดินจ้ำเอาๆ แบบนี้”
รวิหยุดเดินหันมายิ้มแหยๆ รอป้อมกับขำ
“โอ๊ย พี่ถามแกจริงๆ เถอะรวิ แกจะรีบอะไรนักหนา บ้านเดือนมันก็ไม่ได้หนีไปไหนซะหน่อย โอย จะเป็นลม”
“ก็ใจร้อนนี่”
“แล้วทำไมไม่ขี่มอเตอร์ไซค์มา”
รวิทำหน้าแหยๆ เอามือเกาหัว
“น้ำมันหมด”
ป้อมส่ายหน้า มองรวิอย่างหมั่นไส้
“เออ ใจร้อน ร้อนลุ่ม เอ้าไปๆ เดี๋ยวจะร้อนจนไหม้ซะก่อน”
ทั้ง 3 คนเดินต่อแต่ช้าลงกว่าเดิม
อ่านต่อหน้า 4
หางเครื่อง ตอนที่ 7 (ต่อ)
กิมนั่งถือพัดโบกให้ตัวเองอยู่ที่เก้าอี้ในบ้านแก้ว ข้างๆ มีกระเป๋าใบใหญ่วางอยู่ แก้วลากกระเป๋าอีกใบมาวางไว้ข้างๆ กระเป๋าใบใหญ่นั้น กิมมองตามอย่างสงสัย
“ก็ไหนเอ็งบอกว่าเค้าให้นังเดือนคนเดียวไม่ใช่เหรอ ที่ต้องไปเรียนไปออกสื่ออะไรนั่นน่ะ แล้วเอ็งเก็บเสื้อผ้าไปทำไมวะ”
“โอ๊ยแม่ ยังไงๆ ชั้นก็ต้องไปซ้อมอยู่ดี แล้วอีกอย่างชั้นไม่ยอมเป็นแค่แดนเซอร์ต๊อกต๋อยหรอก ชั้นต้องหาทางให้ตัวเองได้ออกสื่อ ออกกล้องเหมือนกัน”
“แล้วนี่เอ็งจะไปอยู่ที่ไหน ยังไงวะ”
“ชั้นว่าจะไปหาเช่าห้องอยู่น่ะแม่ ไม่ก็จะไปขออยู่กับพี่เกียรติ”
แก้วทำท่าระริกระรี้
“แล้วเอ็งจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเช่า ข้าไม่มีให้นะโว้ย”
แก้วหันมามองค้อนกิม
“ชั้นไม่ขอแม่หรอกน่ะ เดี๋ยวชั้นไปหาคนนู้นทีคนนี้ทีก็ได้แล้ว”
“เอ็งหมายความว่าไงวะ นังแก้ว”
แก้วนึกขึ้นได้ รีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“ชั้นก็พูดไปอย่างนั้นล่ะแม่ ไม่มีอะไรหรอก เอาเป็นว่าตามนั้นแล้วกัน”
“เออ บ้านก็ยังหาไม่ได้เลย ดันเตรียมกระเป๋าซะแล้ว นังลูกเวร”
“ไม่เอา” เดือนบอกเสียงเข้ม ทำหน้าดุๆ สายตามองป้อม ขำ และรวิ เดือนเลื่อนซองสีน้ำตาลที่อยู่ตรงหน้าคืนให้รวิ “จะให้เดือนเอาเงินของพี่มาฟรีๆ ได้ไง อีกอย่างนี่มันเงินเก็บของพี่นะ”
“แต่เดือนต้องใช้มันนะ ไม่งั้นเดือนจะไปอยู่กรุงเทพได้ยังไง ไหนจะต้องจ่ายค่าเช่าไหนจะค่ามัดจำอีก”
“ไปหาเช่าอยู่เองน่ะปลอดภัยกว่าไปอยู่กับไอ้โมโมลิ่งนั่นนะ”
“ใช่ๆ พวกพี่ไม่ยอมให้เดือนไปอยู่กับไอ้หมอนั่นเด็ดขาด”
เดือนถอนหายใจ มองหน้าทุกคน
“เดือนก็ไม่ได้บอกนี่ว่าจะไปอยู่กับพี่ชูเกียรติ แล้วเค้าก็ไม่ได้ชวนให้เดือนไปอยู่กับเค้าซักหน่อย แค่บอกให้เดือนหาที่อยู่ใกล้ๆ บริษัทแค่นั้นเอง”
“หึ เชื่อพี่เหอะ ร้อยทั้งร้อย เดี๋ยวก็ต้องอ้างนู่นอ้างนี่หาเรื่องให้เดือนไปอยู่กับมัน”
ป้อมกับขำพยักหน้าเห็นด้วย เดือนหัวเราะส่ายหน้าไม่เชื่อ
“พวกพี่คิดมากกันไปแล้ว” เสียงโทรศัพท์เดือนดัง เดือนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะรับสาย “ฮัลโหล ค่ะ พี่ชูเกียรติ ว่ายังไงคะ เดือนยังไม่ได้คิดเลย อะไรนะคะ คอนโดของพี่ เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ คะ พี่ดูไว้ให้อีกที่หนึ่ง จะออกค่าเช่าให้เดือน เอ่อ เดี๋ยวขอเวลาเดือนคิดอีกซักนิดนะคะ ค่ะ แล้วเดือนจะรีบบอกค่ะ ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เดือนกดวางโทรศัพท์ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเจอสายตาของทั้ง 3 คนที่จ้องอยู่ ขำแกล้งเลียนแบบเสียงกับท่าของเดือน
“พี่เค้าไม่ได้ชวนเดือนให้ไปอยู่ด้วยซักหน่อย พวกพี่คิดมากกันไปแล้ว”
เดือนยิ้มเจื่อนๆ พูดไม่ออก
“เดือน ทำอย่างที่พี่บอกเถอะ” ป้อมบอก
“ขอเดือนคิดก่อนนะ อีกอย่างเดือนไม่ค่อยอยากไปเลย เดือนเป็นห่วงแม่”
“เอ็งไปเถอะเดือน ไม่ต้องห่วงข้าหรอก”
ช้อยเดินออกมาจากบนบ้าน เดินลงมาหาเดือน ช้อยไอเอาผ้าปิดปาก แล้วรีบเก็บไม่ให้ใครเห็นผ้าเช็ดหน้า
“แม่”
“ข้าไม่ได้เป็นอะไร เอ็งไปเถอะ ไปตามความฝันของเอ็ง”
“แต่แม่จ๊ะ”
ช้อยเอื้อมมือมาจับหน้าเดือน นางเอามือดันผ้าเช็ดหน้าที่ยัดเก็บแล่บออกมาเข้าที่
“เดือน แม่น่ะห้ามเอ็งมาตลอด แต่เอ็งก็หาทางจะเป็นนักร้องมาตลอด จนวันนี้ โอกาสมันมาถึงเอ็งแล้ว อย่าปล่อยให้มันหลุดลอยไปเลยนะเดือน”
เดือนน้ำตาคลอ มองช้อยด้วยสายตาที่ดีใจ
“ทางนี้น่ะ เดี๋ยวพวกพี่จะหมั่นมาดูแลป้าช้อยเอง” รวิบอก
“ใช่ๆ หรือไม่จะให้พี่กับไอ้ขำมาอยู่เป็นเพื่อนป้าช้อยเลยก็ได้นะ”
“โอ๊ย ไม่ต้องหรอก เอ็ง 2 คนน่ะกินจุจะตาย ข้าเลี้ยงไม่ไหวหรอก ถ้าจะอยู่ก็ไปอยู่เป็นเพื่อนเดือนมันโน่น”
เดือนหัวเราะออกมาก่อนจะเข้าไปกอดช้อย รวิมองเดือนยิ้มๆ แต่ก็อดเศร้าไม่ได้ที่จะห่างเดือน
ชูเกียรติกับเดือนนั่งอยู่ที่โต๊ะดูเมนู เดือนทำท่าเหมือนมองหาใครอยู่
“หาใครเหรอเดือน”
“แก้วน่ะค่ะ แก้วไม่มาด้วยเหรอคะวันนี้”
“เปล่าหรอก วันนี้พี่นัดเดือนมาคนเดียว ตกลงเรื่องนั้นว่าไงจ๊ะ”
“คะ เรื่องไหนคะ”
“ก็เรื่องที่อยู่ไง”
“อ๋อ ค่ะ เดือนบอกแม่แล้ว ก็ว่าจะเข้าไปดูประมาณอาทิตย์หน้าน่ะค่ะ”
“ดีเลย เดี๋ยวพี่จะให้คนไปทำความสะอาดไว้ให้”
เดือนทำหน้างง
“ทำความสะอาด ที่ไหนคะ เดือนยังไม่ได้ที่อยู่เลย”
“ก็ที่คอนโดพี่ไง”
เดือนยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะบอกกับชูเกียรติ
“คือ เดือนว่าจะหาเช่าอยู่เองน่ะค่ะ แต่ถ้าพี่เกียรติจะกรุณา ก็รบกวนแนะนำที่ก็พอค่ะ เรื่องค่าเช่าเดี๋ยวเดือนออกเอง”
ชูเกียรติมีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที
“แหม ไม่ยักรู้ว่าเดือนมีเงินขนาดนั้น”
“ของพี่รวิน่ะค่ะ พี่รวิเค้าให้เดือนยืมมา”
“รวิ คนพิเศษของเดือนเหรอ” เดือนทำหน้าเขินๆไม่พูดอะไร เสียงโทรศัพท์ชูเกียรติดัง ชูเกียรติหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะลุกขึ้น “พี่ขอตัวแป๊บนะเดือน”
ชูเกียรติเดินออกไปด้านนอก เดือนพยักหน้ายิ้มๆ
ชูเกียรติเดินออกมาคุยโทรศัพท์นอกร้านอาหาร
“สวัสดีครับเสี่ย ครับ ใช่ครับ เดือนเป็นเด็กใหม่ผมเอง ครับ เป็นนักร้องครับ อะไรนะครับ คลิปหลุด ยัง ยังไม่เห็นเลยครับ ไม่นะครับ ก็เห็นเรียบร้อยดี” ชูเกียรติหันกลับเข้าไปมองในร้านเห็นเดือนนั่งอ่านเมนูอยู่ “ครับๆ เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ชูเกียรติกดวางโทรศัพท์ก่อนจะทำหน้าเคร่งเครียดเดินกลับเข้าไป
ชูเกียรติเดินกลับเข้ามาในร้าน ก่อนจะบอกเดือน
“เดือนพี่มีธุระด่วน ต้องไปก่อน เดี๋ยวไงเดือนสั่งอะไรทานแล้วกลับบ้านเองนะ เอ้านี่ค่าอาหารกับค่ารถ”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ชูเกียรติหันมามองหน้าเดือน ทำท่าเหมือนจะถามอะไร
“เดือน คือ”
“คะ”
“เอ่อ เปล่า ไม่มีอะไร เดี๋ยวพี่ไปก่อนละกัน”
ชูเกียรติเดินออกไป เดือนมองตามอย่างสงสัยนิดๆ
รวินั่งเหม่อลอยอยู่ที่หน้าบ้าน ก่อนจะถอนหายใจลุกขึ้นมาเดินไปที่กระสอบทรายที่ขำทำมาให้ ลงมือซ้อมเตะต่อยไปเรื่อยๆ จนเหงื่อท่วมก่อนจะทิ้งตัวลงนอนที่พื้น สายตาเหม่อมองท้องฟ้า ภาพเดือนในอิริยาบทต่างๆ ลอยเข้ามา รวิค่อยๆ หลับตาลง พูดคนเดียว
“พี่จะอยู่ข้างเดือนเสมอนะ ถึงเดือนจะอยู่เกินเอื้อมของพี่ออกไปทุกที”
ชูเกียรตินั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ตาจ้องมอนิเตอร์ตาไม่กะพริบ รอบๆ ตัวมีพนักงานหลายคนมามุงดู ทำตาโตตื่นเต้น โดยเฉพาะผู้ชายหลายคนแอบกลืนน้ำลายรวมทั้งชูเกียรติด้วย ชูเกียรติเริ่มรู้ตัว สะบัดหน้าก่อนจะพูดขึ้น
“อะไรกันนักหนาพวกนี้ ก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าธรรมดา ไม่ได้โป๊อะไรมากมายซะหน่อย”
“แหม แต่พี่ก็มองตาไม่กะพริบเลยนะ”
“ก็ ก็มองให้รู้เฉยๆว่าใช่เดือนหรือเปล่า”
“แต่สุดยอดเลยนะเด็กพี่เกียรติเนี่ย นักร้องใหม่ใช่ป่ะ ดังก่อนจะโปรโมตซะอีก ไม่รู้ปล่อยเองหรือเปล่า”
“นั่นสิ แต่นี่มันห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของเรานี่ นี่ไงโลโก้เด่นซะขนาดนี้ก็แสดงว่าถ่ายที่นี่จริงๆ”
“แล้วดูที่โพสต์สิ “หลุดสยิว ว่าที่นักร้องค่ายยักษ์ใหญ่” แบบนี้ใครเห็นใครก็รู้”
“ใช่ๆ โปรโมตชัวร์”
พนักงานต่างซุบซิบพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ชูเกียรติส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมา
“มันมาได้ยังไงกันวะ ก็วันนั้นมีแค่เดือนกับแก้ว” สีหน้าชูเกียรติเหมือนนึกขึ้นได้ “แก้ว! โธ่เอ๊ย ยัยนี่เอง ร้ายไม่ใช่เล่น”
พนักงานคนหนึ่งเดินมาหาชูเกียรติ
“พี่เกียรติคะ เมื่อกี๊เสี่ยโทรมาค่ะ บอกว่าถ้าพี่ได้ดูคลิปแล้วให้โทรหาค่ะ”
ชูเกียรติพยักหน้ารับ ก่อนจะถอนหายใจ เดินออกไปด้านนอก
ชูเกียรติยืนคุยโทรศัพท์กับเสี่ยอยู่
“ครับเสี่ย เห็นแล้วครับ คงเป็นการแกล้งกันมากกว่า ก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะครับ ไม่ถึงกับน่าเกลียดอะไร”
“งั้นคุณก็รีบจัดการเลย”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบหาทางลบให้หมดเลยครับ”
“ไม่ใช่ ไม่ได้ให้ลบ”
“อ้าว ยังไงล่ะครับเนี่ย”
“ไม่ต้องลบ ตอนนี้มันกระจายไปหมดแล้ว ที่เราต้องทำก็แค่ ช่วยให้มันกระจายไปอีก”
“นี่เสี่ยล้อผมเล่นหรือเปล่าครับ”
“หึ เรื่องแบบเนี้ยยิ่งมันไปเร็ว คนก็จะยิ่งรู้จักนักร้องคนใหม่ของเราเร็วขึ้น นี่ถ้าถึงสื่อนะ ก็ยิ่งดี จะได้โปรโมตนักร้องโดยไม่ต้องลงทุนไม่ดีเหรอไง”
ชูเกียรติยิ้มพยักหน้าเข้าใจ
“อ๋อ งั้นก็ตามนี้นะครับเสี่ย” ชูเกียรติกดวางสาย ก่อนจะยืนคิดอะไร ชูเกียรติยิ้มออกมา “เจ้าเล่ห์นักนะไอ้แก่”
ชูเกียรติส่ายหัวก่อนจะหันหลังกลับเปิดประตูเดินเข้าไป
ศิริพรเปิดดูคลิปและภาพหลุดของเดือน ศิริพรค่อยๆ ยิ้มกว้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
“ฮะๆๆ แกได้ดังสมใจแล้วนังเดือน”
ศิริพรก้มลงมองดูโทรศัพท์อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋า ลุกขึ้นสะพายกระเป๋า หยิบเนื้อเพลงก่อนจะเดินออกไป
ศิริพรเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องซ้อม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา ยิ้มอย่างสะใจ ศิริพรแกล้งเปลี่ยนสีหน้าเป็นตกใจ ทำท่าลุกลี้ลุกลนผลักประตูเข้าไป
ศิริพรเปิดประตูพรวดเข้ามา ในมือถือโทรศัพท์ สีหน้าตกใจ
“นี่ทุกคนคะ แย่แล้วค่ะ”
ทุกคนหันมามองที่ศิริพร ต่างลุกขึ้นเดินเข้ามา ยกเว้นนภากาศที่หันมามองอย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอ ศิริพร”
“นั่นสิ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
ศิริพรแกล้งทำเป็นตกใจ ลุกลี้ลุกลน
“คือ ชั้นไม่รู้ว่าจะให้ทุกคนดูดีหรือเปล่าน่ะ”
“ดู ดูอะไรเหรอศิริพร”
“จะให้ดูอะไรก็เอามาสิ จะมามัวทำเป็นลึกลับอยู่ได้”
นภากาศลุกขึ้นเดินมาที่ศิริพร ศิริพรแอบค้อนนภากาศ ก่อนจะแกล้งทำสีหน้าตกใจเหมือนเดิม ค่อยยื่นโทรศัพท์ออกมา
“ทำไม มีอะไรเด็ดๆ ให้ดูเหรอ ว๊าวๆๆ ขอดูๆ”
ศิริพรกดเปิดคลิปให้ดู ทุกคนชะโงกหน้าเข้ามามุงดู ทุกคนมีสีหน้าอึ้งพูดไม่ออกหันมามองหน้ากัน
“แม่เจ้า ใช่ ใช่มั้ย”
ศิริพรพยักหน้ารับก่อนจะแกล้งตีหน้าเศร้า รวิเปิดประตูเข้ามา ทุกคนหันขวับไปมอง
“เอ๊า ทำไมทำหน้าอย่างกับเห็นผีอย่างนั้นล่ะครับ แล้วนั่นกำลังมุงดูอะไรกันอยู่เหรอครับ ไหนศิริพร วันนี้มีอะไรมาอวดเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก รวิอย่าดูเลย”
“ไหงงั้นล่ะครับคุณเทพ จะมาหวงกับผมคนเดียวได้ไง มาศิริพรขอดูหน่อย อ้าวโทรศัพท์ มีอะไรเหรอ”
ศิริพรแกล้งทำเป็นไม่อยากให้ แต่จริงๆ พยายามยัดใส่มือรวิ รวิมองทุกคนอย่างสงสัยก่อนจะดูคลิปในโทรศัพท์
สีหน้ารวิเริ่มหุบยิ้ม เปลี่ยนเป็นตกใจ
“นี่ นี่มันอะไรกันน่ะ ไม่ใช่ใช่มั้ย นี่ไม่ใช่เดือนหรอก คนหน้าเหมือนมากกว่า”
ทุกคนเงียบไม่พูดอะไร มีแต่ก้องที่เผลอปากเสีย
“เพิ่งรู้ว่าเดือนหุ่นขนาดนี้”
รวิหันขวับมามองก้องก่อนจะปรี่เข้าไปชกหน้าจนก้องล้มคว่ำ รวิจะเข้าไปซ้ำแต่เทพกับคนอื่นๆ ช่วยจับไว้
“ไอ้ก้อง ไอ้ปากเสีย เดือนไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น รู้ไว้ซะด้วย”
รวิสะบัดทุกคนหลุดก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไป ก้องพยายามลุกขึ้นเอามือกุมปากที่แตกเลือดอาบ เทพส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
นภากาศมองอย่างสงสัยมาที่ศิริพรที่แอบยิ้มอย่างสะใจอยู่อย่างนั้น
เช้าวันใหม่ เดือน ป้อม ขำ เดินซื้อของกันอยู่ในตลาด จนมาหยุดอยู่หน้าร้านกาแฟที่เปิดทีวีอยู่
“นี่ป้าช้อยแกดีขึ้นหรือยังล่ะเดือน”
“ก็นิดหน่อยจ้ะ วันนี้ก็บ่นๆ จะมาขายของ แต่ชั้นไม่ยอมน่ะ”
ขำหันไปสั่งกาแฟกับอาแปะ
“แปะ กาแฟเย็น 2 ถุง อ่ะ อันนี้อั๊วให้ลื้อ ไว้แก้เคล็ด”
“อะไรของลื้อวะอาขำ แก้เค้กอะไร”
“แก้ปีชงไงแปะ อั๊วเห็นลื้อยืนชงอยู่ทั้งปี จะได้แก้เค้กบั้งไรบั้ง”
“ลื้อน่ะซี้ซั๊วต่าน่า อาขำ”
เดือนกับป้อมยืนหัวเราะขำที่เล่นมุกกับอาแปะ เดือนมองไปที่ทีวีเห็นเป็นช่วงข่าวบันเทิงก็สนใจ
“บันเทิงยามเช้านี้นะคะเราก็มีประเด็นเด็ดมาเมาท์กันอีกแล้วนะคะคุณผู้ชม กำลังเป็นที่พูดถึงและแชร์กันไปทั่วเลยสำหรับคลิปๆ หนึ่ง ที่มีชื่อว่า “หลุดสยิว ว่าที่นักร้องค่ายยักษ์ใหญ่” ซึ่งในคลิปนี้นะคะเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่เค้าบอกว่ากำลังจะมาเปิดตัวเป็นนักร้องลูกทุ่งของค่ายยักษ์ใหญ่ค่ายหนึ่ง”
“ซึ่งนางกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นว่ามีทั้งคลิปทั้งภาพนิ่งเลย งานนี้ก็เลยเป็นที่สงสัยกันว่าเป็นการหลุดโดยบังเอิญหรือเจ้าตัวเป็นคนปล่อยเองกันแน่ เรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ขออนุญาตเซ็นเซ่อร์บางส่วนนะคะ”
ภาพคลิปที่เซ็นเซอร์หน้ากับบางส่วนเห็นหญิงสาวกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า
“คลิปอะไรกัน น่าเกลียดเชียว ผู้หญิงสมัยนี้ก็ช่างกล้ากันจริงๆ สงสัยอยากดังมาก ไอ้ขำตาจะถลนแล้วนั่น”
ป้อมบ่น ชาวบ้านที่มายืนซื้อกาแฟต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกปาก เดือนจ้องไปที่คลิปนั่น ก่อนจะค่อยๆ หน้าถอดสี ตาค้าง มือเริ่มสั่น กำหมัดแน่น เพราะเดือนจำได้ว่าเป็นตัวเอง รวิเดินมาคว้าข้อมือเดือนเดินออกมาจากร้าน
“พี่รวิ”
“ไปกับพี่”
“อ้าว อะไรกันวะ รอด้วย”
รวิจูงมือเดือนเดินออกไปอย่างรวดเร็วป้อมรีบวิ่งตาม ขำสองมือถือถุงกาแฟ ปากคาบปาท่องโก๋ วิ่งตามกันไป
ป้อมกับขำลุกพรวดขึ้น
“อะไรนะ ผู้หญิงในคลิปนั่นคือเดือนงั้นเหรอ”
เดือนนั่งนิ่งน้ำตาอาบแก้ม ตกใจทำอะไรไม่ถูก
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงเดือน”
“เดือนไม่รู้ วันนั้นเดือนก็แค่เปลี่ยนชุด ตามที่เค้าบอก”
“พี่บอกแล้ว ไอ้เลวนั่นมันไว้ใจไม่ได้จริงๆ”
“แต่วันนั้นตอนที่เดือนเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่เกียรติเค้าไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะ”
“มันก็อาจจะตั้งกล้องไว้ก็ได้”
เดือนน้ำตานองหน้ากว่าเดิม ทำอะไรไม่ถูก ป้อมเข้าไปกอดปลอบน้อง
“เดี๋ยวก่อนนะเดือน วันนั้นที่เดือนเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะ ในห้องมีใครบ้าง”
“ไม่มีใครเลย ก็มีแค่เดือนกับแก้วแค่ 2 คน”
“ถ้างั้นทำไมในคลิปมีแต่เดือนล่ะ ถ้าตั้งกล้องไว้ก็ต้องมีทั้ง 2 คนสิ เว้นแต่ว่า...”
ทุกคนหันมามองขำอย่างขอคำตอบ
“เว้นแต่ว่าอะไรหาไอ้ขำ”
“ก็เว้นแต่ว่าอีกคนจะเป็นคนถ่ายไง”
ทุกคนหันมามองหน้ากัน ป้อมกำหมัดแน่นชกลงที่พื้น
“ปัดโธ่เว๊ย อีแก้ว! มึง อีสารเลว! ไม่คิดเลยว่ามันจะเลวได้ขนาดนี้! โธ่ เดือนของพี่”
ป้อมกอดเดือนแน่น เจ็บใจแก้วมากที่ทำกับเดือน รวิลุกขึ้น เดินมาหาเดือน
“ตอนนี้เดือนต้องเข้มแข็งนะ ตั้งสติให้ดี ภาพที่ออกมามันก็ยังไม่ถึงกับน่าเกลียดนัก”
“แล้วถ้าคนอื่นเค้ารู้ว่าเป็นชั้น แล้วชั้นชั้นจะทำยังไงดี พี่รวิ ในทีวีเค้าก็เซ็นเซอร์หน้าได้หรอก แต่ถ้ามันออกมาตามคลิปในเน็ตล่ะหรือตามพวกหนังสือบันเทิงล่ะ คนอื่นเค้าก็ต้องรู้แน่ว่าเป็นชั้น ชั้นจะทำยังไงดี”
เดือนร้องไห้สะอึกสะอื้น โผเข้าหารวิ รวิกอดเดือนแน่น
“ไม่เป็นไรนะเดือน เข้มแข็งไว้ ใครจะเข้าใจยังไงแต่พี่รู้ดีว่าเดือนเป็นคนยังไง”
อ่านต่อตอนที่ 8