xs
xsm
sm
md
lg

พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 16

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 16

ขณะที่โสภิตเดินเข้าคุ้มตรงมาในห้องโถง เจอแม่นั่งกุมขมับอยู่ในมือกำเช็คใบหนึ่งแน่น จึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“เป็นอะไรรึเปล่า”
แม่เลี้ยงอมราเหวี่ยงเช็คให้ดู “แกก็ดูให้เต็มตาแล้วกันว่า โรคหัวใจชั้นควรจะกำเริบมั้ย”
โสภิตดูเช็คงงๆ “ห้าแสน ค่าอะไรคะ”
“เงินชดเชยจากพรรคที่พ่อพงษ์เอามาให้...แกก็รู้ว่าชั้นหมดไปเป็นล้านๆ ได้มาแค่ห้าแสนจะไปพอยาไส้อะไร หรือพ่อพงษ์จะเล่นตุกติกอย่างที่ไอ้จีมันพูดจริงๆ”
“แล้วคุณพงษ์เค้าว่าไงคะ”
“เขาก็บอกว่าทางพรรคกำลังสืบหาอยู่ว่าใครเป็นแบคให้ไอ้สัญญา แต่แม่ไม่รอแล้ว”
แม่เลี้ยงลุกพรวดขึ้น โสภิตแปลกใจ “แม่จะไปไหนคะ”
“ก็ไอ้ลูกหนี้รายที่แกไปตามมันบนดอยไง มันไหวตัวจากปอยเปตมาอยู่สามเหลี่ยมทองคำแล้ว มันขายที่ขายทางในเมืองไปหลายแปลง ชั้นถึงต้องรีบไปทวงหนี้มัน ใช้แกก็ไม่ได้เรื่อง ยิ่งไอ้ชีพยิ่งแล้วใหญ่ ชั้นลุยเองดีกว่า”
กาบเข้ามา “รถพร้อมแล้วครับแม่เลี้ยง”
แม่เลี้ยงลุกขึ้นคว้ากระเป๋า โสภิตตัดสินใจ “แม่คะ เดี๋ยวค่ะ คุยกับภิตแป๊บได้มั้ยคะ ภิตมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจบ้านน็อคดาวน์ของพี่ยศ”
“แกก็จัดการไปเลย แม่ไว้ใจแก ไปกาบ”
แม่เลี้ยงไม่สนเดินฉับๆ ออกไป โสภิตเรียกไว้ก็ไม่ฟัง
“แม่คะ คือมันไม่ใช่...” โสภิตถอนใจอย่างหนักหน่วง

ฟากจิตราเดินลงมาที่ใต้ถุนบ้าน เจอเกียรติก้องเดินมาจากข้างบ้านมือถือหนังสือเรียนที่มีรอยไหม้
“อาโป เอาเสื้อผ้าไปด้วยบางส่วนค่ะ สงสัยจะกลับขึ้นดอย” จิตราพูดถึงเด็กสาวชาวดอย
เกียรติก้องยกหนังสือให้ดู “พี่เจอนี่”
จิตราหยิบดู จำได้ “นี่มันหนังสือเรียนอาโปนี่”
จีรณะเดินยิ้มเข้ามา “ไง เจ้าบ่าว เจ้าสาว นั่นอะไร ใครเผาหนังสือ”
“คงเป็นฝีมืออาโป ชั้นเจอกองอยู่ในปิ๊บข้างบ้าน”
“เด็กบ้า ใครสั่งใครสอนให้เผาหนังสือ ชักจะเอาใหญ่แล้วเจอเมื่อไหร่จะทำโทษให้เข็ด” จีรณะฉุน
“ชั้นจะขึ้นไปดูอาโปดีกว่า”
จีรณะโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องๆ จะแต่งงานอยู่แล้ว ยัยเด็กนั่นก็งอนไปงั้นแหละเดี๋ยวก็หาย”
“แต่จิตว่าคราวนี้ อาโปเสียใจแล้วก็ผิดหวังมาก อีกอย่างอาโปก็เป็นสาวแล้ว พี่จีอย่าดูถูกความรู้สึกผู้หญิงนะคะ โดยเฉพาะความรักครั้งแรก”
เกียรติก้องชะงักมองจิตราที่พูดออกมาโดยไม่ตั้งใจ
จีรณะตัดบท “ผู้ชายอย่างพี่มันไม่โรแมนติกซะด้วย มาไอ้ก้อง คืนนี้ฉลองสละโสดกันดีกว่า”
จีรณะกอดคอเกียรติก้อง

จิตราได้แต่ถอนใจ สับสนไปหมด

ฟากอาโปเดินหมดอาลัยตายอยากมาในสตลาดชุมชน ผ่านหน้าร้านสายพิณ

“อาโป เป็นยังไง นี่มาดูวันนี้มีกิ๊บสวยๆ เยอะเลย เดี๋ยวลดราคาให้จะได้ติดไปงานแต่งหนูจิต”
อาโป เดินเลยไปเฉย สายพิณงง
ต่อมาอาโปไปยืนอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าสายเดี่ยวกางเกงขาสั้น สีสันฉูดฉาดสไตล์วัยรุ่น แขวนโชว์อยู่
อาโปมองจ้องแล้วชี้ชุดหนึ่ง “เอาชุดนี้”

ในเวลาต่อมาโสภิตแวะมาที่โรงไม้ของพีรพงษ์ หล่อนวางแผนมาอย่างดี โดยใส่เสื้อยืดคอกว้างพอสำหรับยัดโทรศัพท์ซ่อน ใส่แจ๊กเก็ตยีนส์ทับตัวนอก เดินเข้ามากับพีรพงษ์ สมุน 1 สมุน 2 คน เดินประกบตามหลัง
“น้องภิตไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ เรื่องเงินเรื่องเล็ก”
โสภิตถือโทรศัพท์แอบกดอัดเสียงพีรพงษ์ที่กำลังคุยฟุ้ง
“คราวนี้ไม้พะยูงล็อตใหญ่ จะพักที่นี่คืนหนึ่ง ดูลาดเลาแล้วค่อยเอาขึ้นเขา รอข้ามแม่น้ำส่งไปฝั่งโน้นมูลค่าไม่ต้องพูดถึง”
โสภิตทำเป็นตื่นเต้น “เยอะมากเลยหรือคะ”
“เท่าที่จะขนมาทางรถไฟได้ เพราะเราเหลือจดหมายลายเซ็นท่านผู้ว่าแค่ฉบับเดียว”
โสภิตจงใจถาม “แล้วทำไมไม่ให้ท่านเซ็นไว้ให้เราหลายๆ ฉบับละคะ”
“ถ้าพี่ชายคุณกล่อมคุณนิตได้ ผมก็ยินดี แต่ผมกลัวว่าจะไม่ จนป่านนี้ผมยังไม่เห็นหน้าเลย”
โสภิตทวนคำพูดพีรพงษ์
“อ๋อ ภิตเข้าใจแล้ว ให้ลูกสาวปลอมลายเซ็นพ่อ ความผิดก็อยู่ในครอบครัวนั้น ไม่แปดเปื้อนถึงเรา”
“เก่งมากที่รัก”
พีรพงษ์จับคางโสภิตบิดเบาๆ อย่างเอ็นดู โทรศัพท์ของโสภิตยังอัดเสียงอยู่
สมุน 3 สมุน 4 ลากสมุนที่เป็นหัวขโมยมาที่กองไม้พะยูง 10 ท่อนที่กองอยู่อีกมุม
โสภิตฉวยจังหวะชุลมุนกดปิดการอัดเสียง ชีพตามเข้ามาเตะข้อพับขโมยให้คุกเข่า กลุ่มพีรพงษ์ โสภิต และสมุน 1 สมุน 2 รีบเดินไปดู
ชีพยืนชี้หน้าขโมยพลางอธิบายให้พีรพงษ์ฟัง
“ไอ้นี่มันเร่ร่อนอยู่สถานีรถไฟ มันแอบถีบไม้พะยูงเราเอาไปซ่อน”
ขโมยเลือดกบปากแล้ว โสภิตยืนกอดอกแอบถ่าย
“เพิ่งได้ตัวพร้อมของกลางมานี่ครับ”
สมุนขี้ขโมยกราบ ไหว้พีรพงษ์ปลกๆ “ปล่อยผมไปเถอะครับ ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ”
ชีพปลดเซฟปืน โสภิตขอร้องพีรพงษ์ “อย่าทำอะไรเค้าเลยนะคะ ปล่อยเค้าไปเถอะ เค้าเจ็บมากแล้ว”
พีรพงษ์ไม่ตอบยิ้มมีเลศนัยให้ชีพ สมุน ขโมยคนนั้น วิ่งหนีโซซัดโซเซออกไป
“อย่าไปทรมาน บาป เรากลับกันเถอะครับ”
พีรพงษ์เดินนำโสภิตออกไป

ชีพชะงัก มองมือถือในมือโสภิตที่เห็นชัดว่ามันถูกแพนถ่ายไปมา ขณะเดินตามพีรพงษ์ไป

พอออกมานอกโกดัง โสภิตเตรียมตั้งรับชีพ ยัดโทรศัพท์ใส่อก หยิบอีกเครื่องจากกระเป๋ากางเกงมาถือ รีบเดินคู่กับพงษ์
“เดี๋ยวครับคุณพงษ์
ชีพวิ่งเข้ามาหน้าเครียด ถามเสียงเข้ม “คุณภิตถ่ายรูปพวกผมทำไมครับ”
โสภิตมองจ้องสู้ด้วยสายตากล้าแกร่ง จนชีพหลบตา “กล้ากล่าวหาฉันหรือนายชีพ”
พีรพงษ์สบตาชีพแวบหนึ่ง แล้วรีบกลบเกลื่อนแก้ให้ชีพ
“ไอ้ชีพมันคิดมาก เดี๋ยวเส้นเลือดในสมองมันจะแตกเอา สงเคราะห์มันหน่อยนะน้องภิต”
พีรพงษ์สบตาโสภิตแล้วดึงโทรศัพท์จากในมือของหล่อน เอามาเปิดหมวดภาพและคลิป ชูให้ชีพเห็นด้วย
ภาพในจอโทรศัพท์มีแต่ภาพบ็อบบี้ ตอนเล่นฟุตบอล วิวทิวทัศน์อื่นๆ บ้าง
สุดท้ายเป็นภาพพีรพงษ์ ถ่ายตอนเผลอ มาดหล่อ 3 - 4 ภาพ
พีรพงษ์เขินอาย เลยแอ๊บดุ “ไอ้ชีพ ไอ้โรคจิตหวาดระแวง น้องภิตเค้าจะไปถ่ายพวกเอ็งทำไม”
พีรพงษ์คืนกล้องโสภิต ท่าทีอายๆ โสภิตกระชากกล้องไปค้อนตาดุ แล้วรีบนำไป พรพงษ์ตามติด

ยศเดินเข้าคุ้มมา สภาพบักโกรก ทรุดโทรมสุดขีด พวงตกใจมาก
“คุณยศทำไมถึงเป็นจะอี้ ต๊าย จวนผู้ว่าทำไมดูแลคุณยศซะผอมโทรมอย่างนี้ล่ะเจ้า”
พิมพรได้ยินเสียงโหวกเหวกรีบวิ่งมาชะโงกถาม
“คุณจีกลับมาแล้วเหรอ อ้าว แกเองเหรอตายศ อี๊เหม็นเหล้าหึ่งเลย”
“แม่อยู่ไหน ชั้นมีเรื่องอยากปรึกษา”
พิมพรเดินตรงเข้ามา เยาะเย้ยถางถาง “อยากปรึกษาหรือจะมาไถเงิน พูดมาตรงๆเถอะ”
“ผมไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนไร้สาระ ไร้ค่าอย่างพี่หรอก”
“ไอ้ยศ แกว่าใครไร้สาระ ไร้ค่า” พิมพรผลักตียศ
ยศผลักกลับ มีเสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน
พวงห้าม “อย่าทะเลาะกันค่ะ” แล้วชะเง้อไปที่หน้าประตู “เสียงรถใคร อ้อ คุณพงษ์กับคุณภิต”
“พี่พงษ์เหรอ”
ยศตกใจไม่อยากเจอ รีบหลบเข้าด้านใน ชนพี่สาวจนกระเด็น พิมพรโกรธสุดขีด

“ไอ้น้องบ้า”

รถพีรพงษ์เข้ามาจอดหน้าเรือนหลังใหญ่ โสภิตทำเป็นงอนจะเดินเข้าบ้าน พีรพงษ์ตามติดดักหน้า

“โถน้องภิตครับ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไอ้ชีพมันยุใครจะไปเชื่อมัน”
โสภิตฉอเลาะ “รู้อย่างนี้ ไม่ให้เปิดดูหรอก รู้หมดเห็นหมด ว่าภิตเป็นยังไง”
พีรพงษ์อดใจไม่ไหว ดันโสภิตเข้าไปติดข้างฝา ระดมจูบไปมาโสภิตตกใจ ปัดป้องเต็มที่
“อย่าค่ะคุณยศ เดี๋ยวใครเห็นเข้า อย่า”
“ยังไงเราก็ต้องเป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว จะต้องไปอายใครอีก”
มือถือพีรพงษ์ดังขัดจังหวะ จอมวายร้ายรับเสียงแข็ง แล้วโวยวายลั่น
“อะไรวะ...เปลี่ยนเวลา ทำไม ได้โอเค ชั้นรีบไป”
โสภิตแกล้งถาม “มีงานเหรอคะ”
“ทีมส่งมอบสินค้าขอเปลี่ยนเวลาให้เร็วขึ้น เดี๋ยวผมต้องรีบไป”
“กี่โมงเหรอคะ”
พีรพงษ์มองหน้า “น้องภิต ถามทำไมครับ”
“เอ่อ ภิตอยากไปด้วยน่ะค่ะ”
“แต่อาจต้องคุมงานกันทั้งคืนนะครับ เพราะนัดกันตอนเช้าตรู่”
“ไม่เป็นไรค่ะ แม่ไม่อยู่ ทางสะดวก คุณพงษ์รอภิตเก็บเสื้อผ้าแป๊บนะคะ”
พีรพงษ์ยิ้มกริ่ม คิดว่าสาวหลงเสน่ห์ตน
“ผมรอที่หน้าบ้านนี่นะครับ”

โสภิตเดินกลับเข้ามา ร้องถามพวง โดยไม่ทันเห็นว่าพิมพรอยู่ข้างหลัง
“ป้าพวง คุณจีอยู่หรือเปล่า”
“มาถึงก็ถามหาพี่เขยเลย มีธุระอะไรไม่ทราบ”
“ภิตแค่อยากถามอะไรเค้านิดหน่อย” โสภิตตอบเสียงเรียบ
“ก็ฝากชั้นถามได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“เป็นความลับที่ต้องคุยกันแค่สองคนหรือไง”
โสภิตติติงพี่สาว “พี่พิมอย่าพูดแบบนี้ต่อหน้าคุณพงษ์นะคะ ภิตไม่อยากให้เค้าเข้าใจผิด...ป้าพวง ภิตจะไปต่างจังหวัดกับคุณพงษ์นะคะ”
“พอคุณยศมา คุณภิตก็จะไป”
“พี่ยศมา แล้วเค้าอยู่ไหนคะ”
 
โสภิตถามอย่างตื่นเต้น
 
อ่านต่อหน้า 2

พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 16 (ต่อ)

โสภิตเดินถือกระเป๋าเข้ามาในห้องนอนพี่ชาย ยศที่หวาดผวาอยู่หันมาเห็นถึงกับสะดุ้ง

“ยัยภิต”
“พี่ยศหายไปไหนมาทำไม ไม่กลับไปที่จวน”
ยศหน้าหมองจัด “พี่กลับไปไม่ได้ ตอนนี้พี่ไม่มีที่ยืนในโลกนี้ไปแล้ว”
“ภิตรู้เรื่องค้าไม้เถื่อนทั้งหมดแล้ว”
ยศตกใจ เลิกลักใหญ่ “พี่ พี่ไม่รู้เรื่องนะ นั่นเป็นฝีมือพี่พงษ์ทั้งหมด”
“แต่พี่เป็นกรรมการผู้จัดการ ยังไงพี่ก็ไม่รอด” โสภิตบอก
ยศตาเหลือก “แล้วทำไง ทำไงดี”
“คุณนิตยา สารภาพแล้วว่าเธอเป็นคนปลอมลายเซ็นท่านผู้ว่าในใบผ่านทาง แต่พี่ยศเป็นคนเอาไปให้เธอเซ็น”
ยศโมโห “นี่ยัยนิตมาโยนความผิดให้พี่เหรอแสบนัก ยัยนั่นเอาค่าเซ็นเท่าไหร่รู้รึเปล่า”
โสภิตจ้องหน้าพี่ชาย “แล้วเงินทำให้พวกพี่ความสุขกันมั้ยละคะ”
ยศหน้าสลดลง โสภิตควักโทรศัพท์มือถือจากหน้าอกใส่มือยศ
“นี่คือหลักฐานส่วนแรก เอาไปให้ท่านผู้ว่า ท่านรับรู้แล้วว่าครอบครัวของเราถูกหลอก เราจะถูกกันเป็นพยานแทน”
ยศลำดับเรื่องราวแล้วนึกออก “ที่แท้แกเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศชั้นเพื่อรวบรวมหลักฐานเหรอ”
“แค่นี้ยังไม่พอ เดี๋ยวภิตจะไปหาหลักฐานเพิ่ม”
ยศแปลกใจ “แกจะไปไหน”
“ทุกอย่าง ภิตเขียนไว้ในซองนี่หมดแล้ว”
โสภิตยื่นซองจดหมายให้พี่ชายอีกซอง กำชับหนักแน่น “อย่าให้ใครเห็นเด็ดขาดนะคะ”
ยศมองของในมือ อึ้งๆ โสภิตรีบออกไป

ยศเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว กระวีกระวาด ถือซองเอกสาร กับมือถือที่ได้มาจากโสภิต เดินออกจากคุ้ม
ชีพเดินเข้ามาชนกัน มือถือตกลงที่พื้น ชีพหยิบมามอง จำได้ว่าเหมือนของโสภิตที่มันเห็นที่โรงไม้
ตอนนั้นพีรพงษ์เดินนำโสภิตออกไป ชีพชะงัก มองมือถือในมือโสภิตที่เห็นชัดว่ามันถูกแพนถ่ายไปมา ขณะเดินตามพีรพงษ์ไป
ยศแย่งคืนมายัดใส่กระเป๋าเสื้ออย่างรีบร้อน
“จะรีบไปไหนครับคุณยศ”
“จะไปไหนก็ไม่เห็นเกี่ยวกับแก”

ยศรีบขึ้นรถออกไป ชีพมองตามสีหน้าใคร่ครวญ

ยศขับรถมาตามทางสายเปลี่ยวนอกเมือง มุ่งหน้าไปหาผู้ว่านิยมที่จวน แต่พอขับมาถึงกลางทาง ชีพสวมหมวกกันน็อคซ้อนมอเตอร์ไซค์ลูกน้องซิ่งตามมา ยกปืนเล็งยิงล้อรถเปรี้ยง ยศสะดุ้ง

ชีพยิงอีกที รถยศเป๋ แถเข้าจอดข้างทาง ชีพลงจากมอเตอไซค์เดินกร่างเข้ามา ยศหลับตาปี๋คืดว่าเป็นตำรวจแหงๆ ไม่รู้ว่าเป็นชีพ จึงยกมือ ตะโกนออกไป
“อย่ายิง มอบตัวแล้ว”
ยศเปิดประตู หลับตาปี๋ ก้าวออกไป พอลืมตาอีกที เห็นเป็นชีพกับพวก ก้าวเท้ามาหา
“ไม่ต้องกลัว พวกผมไม่ใช่ตำรวจ
ชีพเปิดหมวกกันน็อค
พอเห็นว่าเป็นชีพยศโมโหสุดขีด
“ไอ้บ้า เล่นไม่ดูตาไม้ตาเรือ ทำไมแกล้งฉันอย่างนี้”
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมอยากขอดูของบางอย่าง”
“ของอะไร”
ชีพพยักหน้าให้สมุนล็อคตัวยศ ชีพเข้าไปค้นมือถือในกระเป๋า
ยศยิ่งโมโหด่าอย่างรุนแรง “ไอ้ชีพ ไอ้ขี้ข้า ชั้นเป็นใครแกเป็นใคร กล้ามาทำอย่างงี้กับชั้น ไอ้หมาขี้เรื้อน”
ชีพเหลืออด เลือดขึ้นหน้า ด่าไม่ไว้หน้า
“เออ ชั้นมันเป็นหมา แต่แกมันก็ไอ้เห็บหมาดีๆ นี่เองดูดเลือดทาสที่มันจงรักภักดีมาบำรุงความไร้สาระของแกเคยดูตัวเองบ้างมั้ย ว่ามีดีอะไร ทำอะไรเป็นบ้าง นอกจากก่อแต่ปัญหา สร้างแต่เรื่อง มีดีที่เป็นลูกแม่เลี้ยงเท่านั้นเอง”
ชีพพยักหน้า ลูกน้องสองคนมาจับยศไว้ แต่ยศก็สู้สุดตัว สูสีกับลูกน้องสองคน แต่พอชีพลงมือรุมยศก็ทรุดลูกน้องถาม “เอาไงพี่”
“ปลดของมีค่า ทำให้ดูเป็นชิงทรัพย์”
ลูกน้องแย่งกันปลดนาฬิกา ค้นตัว ส่วนชีพเดินไปเปิดประตูรถ ไปรื้อหาซองจดหมาย จนเจอ และหยิบออกมา
ยศฉวยจังหวะนั้นถีบลูกน้อง แล้ววิ่งหนีลงป่าข้างทาง
“พี่ชีพ” ลูกน้องตะโกนเรียก
ชีพหันมาเห็นยศวิ่งหนี สั่งลูกน้องตามทันที 
“ตามซิวะ”

พวกชีพเดินตามไล่ล่า ยศวิ่งสุดชีวิต ชีพยิงใส่ ยศถูกกระสุนสะดุ้งเฮือก ทรุดลง แต่ยังพยายามวิ่งต่อ จนสะดุดล้มกลิ้งลงเนินไป แล้วคลานไปแอบในพุ่มไม้ พวกชีพแหวกหา

“อั๊วต้องไปทำงานใหญ่ ลื้อเอาลูกน้องมาอีกคน หามันให้เจอ กำจัดศพอย่าให้เหลือ”
ยศฟังด้วยใจระทึก ชีพกับลูกน้องเดินออก

ค่ำวันเดียวกันนี้ จิตราทำแก้วน้ำที่เก็บจะไปล้าง หลุดมือหล่นแตก
บรรดาหมู่มวลซึ่งจัดกลุ่มกินเลี้ยงสละโสดอยู่ตรงสนามหน้าบ้าน จีรณะเล่นกีต้าร์ ผู้กองเกียรติก้อง จ่าตุ๋ย บุญมี ดุ่ย ไทร ร้องเพลงบัวลอย เคาะจานกันอย่างสนุกสนาน
จ่าตุ๋ยหันมาดูจิตรา และเข้ามาช่วย
“คุณจิตไม่ต้องครับ เดี๋ยวพวกผมจัดการเอง คุณจิตไปนอนเถอะ”
“จ่าบอกพี่ก้องนะคะ อย่าดึกมาก พรุ่งนี้ต้องตื่นกันแต่เช้ามืด”
“ครับ”
เกียรติก้องร้องเสียงสุดเพี้ยนจีรณะหัวร่อ “ฮ่าๆๆ ไอ้ก้อง แกยังร้องเพลงเพี้ยนเหมือนเดิม”
“ชั้นมันเป็นคนมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงโว้ย”
“คนแบบนี้ เค้าเรียกว่า รักเดียวใจเดียว” บุญมีบอก
จีรณะแซว “มิน่า แกถึงรักยัยจิตคนเดียวตั้งแต่เด็กจนโต น้ามีรู้มั้ยไอ้นี่มันแอบรักน้องผมตั้งแต่อยู่ประถม”
บุญมีชอบใจใหญ่ “บ๊ะ สุดยอด อย่างนี้มันต้องฉลองสามวันสามคืน”
ทุกคนหันไปร้องเพลงกันต่อ จิตราฟังแล้วนึกสะท้อนใจ ทั้งละอาย และสับสน รู้ดีว่าในใจตนไม่มีผู้กองอยู่ในนั้นเลย

จิตราเดินเข้ามาในห้องพระ นั่งลงหน้ารูปครูเจือผู้เป็นพ่อ
“พ่อคะ จิตตัดสินใจถูกแล้วใช่มั้ยคะที่แต่งงานกับคนที่เค้ารัก พ่อเป็นกำลังใจให้จิตด้วยนะคะ”
 
พยาบาลสาวสับสนหนัก

อ่านต่อตอนต่อไป / 17.00 น.

เช้ามืดวันแต่งงานของผู้กองเกียรติก้องและจิตรามาถึง พวกบุญมีที่กินเหล้ากันเมื่อคืน ยังนอนระเกะระกะอยู่ที่เก่า จ่าตุ๋ยแต่งตัวเสร็จเข้ามาเขย่าปลุกพรรคพวก

“ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวเราต้องไปตั้งขบวนตรงปากทาง”
บุญมี ดุ่ย ไทร งัวเงียตื่น แล้วลุกแยกย้ายไปล้างหน้าล้างตา
เกียรติก้องอยู่ในชุดเจ้าบ่าว นุ่งโจงกระเบนเต็มยศ ดูหล่อเหลา นั่งตื่นเต้นอยู่
จีรณะแต่งตัวแล้วเข้ามาสมทบ
“ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ กว่าจะถึงฤกษ์ พวกบนดอยยังไม่มาเลย”
“ครูแหวน ครูลัดดา บอกต้องรอแกถือขันหมากด้วย” จ่าบอก
เกียรติก้องมองไปยังบันไดข้างบน เห็นสายพิณเดินลงมา
“ผู้กอง คอยาวเป็นยีราฟแล้ว หนูจิตแกแต่งตัวเสร็จตั้งนานแล้วขอพักผ่อนอยู่ข้างบน กับคุณจ๋า”
รถสามล้อ ที่เป็นรถพื้นถิ่นแล่นมาจอดเอี๊ยดที่หน้าบ้าน
โดยมีอาโปแต่งตัวทันสมัยหนักไปทางโป๊ แต่งหน้าเข้มเหมือนพวกพริตตี้งานมอเตอร์โชว์ ก้าวลงมา ทุกคนตะลึง ยังไม่รู้ว่าใคร
สายพิณมองๆ “อุ๊ย เพื่อนกรุงเทพฯของจิตมามั้งจ๊ะ”
หมู่ทองตะลึงแล “สวยอย่างกะนางฟ้า”
จีรณะจ้องมอง แล้วร้องเสียงดัง “อาโป”
หมู่มวลประสานเสียงกันพร้อมกัน “อาโป”
อาโปเชิดยิ้มรับด้วยความดีใจ
จีรณะเดินตรงเข้าไปคว้าแขนอาโป แล้วลากเดินลิ่วๆ ไปข้างบ้าน ไม่มีใครกล้าตามไป

จีรณะดึงแขนอาโปมาถึงในสวนข้างบ้านแล้วจึงปล่อย
“ทำไมทำตัวอย่างนี้ หายออกไปจากบ้าน จะไปไหนก็ไม่บอก รู้มั้ยทุกคนเค้าเป็นห่วงกันแค่ไหน”
อาโปรั้น หน้าเชิด “ห่วงตรงไหน ก็เห็นมีงานเลี้ยงกันสนุกดี”
จีรณะขึ้นเสียง “อย่ามาเถียงข้างๆ คูๆ แล้วนึกยังไงถึงแต่งตัวน่าเกลียดอย่างงี้”
“ก็นี่มันงานเลี้ยง ก็ต้องแต่งให้มันทันสมัย เซ็กซี่ เผื่อจะมีคนรวยๆ มาขอเอาไปเป็นเมีย” อาโปประชดส่ง
“อาโป พูดบ้าอะไร”
“อาโปพูดจริงต่างหาก ขนาดนายยังแต่งงานกับผู้หญิงรวยๆ เลย จะชั่วจะดี นายไม่เห็นสนใจ ขอให้มีเงิน”
จีรณะโมโห พยายามสะกดใจสุดขีด ก่อนจะบอกออกไป “ฟังนะ ชั้นกับคุณพิมเราไม่ได้...”
แต่มีเสียงบ็อบบี้โห่ขัดจังหวะขึ้นก่อน “โห่ฮี้โฮ ฮี้โฮ ฮิ้ววววว”
ทั้งคู่หันไป เห็นบ็อบบี้กับพิมพร ยืนห่างออกมาไม่ไกล บ็อบบี้ป้องปากโห่ วิ่งมาถามจีรณะ
“ใช่มั้ยครับ งานแต่งงานเราต้องโห่ฮิ้วใช่มั้ยครับ ป้าพวงบอก”
จีรณะอิหลักอีเหลื่อ อัดอั้นตันทรวง อาโปถอยออกมา มองจีรณะตาขวาง
พิมพรเดินเข้ามาเกาะแขนจีรณะ แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
“น้องจิตเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว พิมยินดีด้วยนะคะ คุณจีจะได้มีเวลาสร้างครอบครัวของตัวเองได้เต็มที่”
บ็อบบี้มองอาโป ตะลึงแลลุคส์เกิร์ลแก๊งสุดแปลกตา
“ว้าว พี่อาโปเหรอเนี่ย บ็อบบี้จำไม่ได้เลย”
อาโปมองจีรณะอย่างผิดหวัง เจ็บใจ สะบัดหน้าเดินออกไป จีรณะจะตาม แต่ถูกพิมพรดึงไว้ ถามหน้าตาย“พิมพูดอะไรผิดไปหรือคะ”
จีรณะขรึมไป ไม่ยอมตอบ บ็อบบี้วิ่งตามอาโปไป
“พี่สาวคร๊าบบ รอผมด้วยคร๊าบ...”

อีกฟากหนึ่ง ตรงบริเวณอาคารร้างใกล้ป่าข้างทาง ยศตะเกียกตะกายหนีตายเข้ามาในนี้ คลานกระดึ๊บมาพยายามหลบในอาคาร หยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา
 
กดเบอร์โทร.ออกรอสายอย่างเหนื่อยล้า

อ่านต่อหน้า 3

พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 16 (ต่อ)

จิตรานั่งโต๊ะเครื่องแป้ง จ๋า เพื่อนพยาบาลที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวใส่สร้อยให้

“วันนี้เพื่อนเรา สวยสุดๆ”
“ขอบใจมากนะจ๋า” เจ้าสาวบอกหน้าหมอง
“แต่ต้องยิ้มมากกว่านี้ หน้าตาเธอเหมือนเสียดายชีวิตโสดเลย”
“ไม่ใช่ซะหน่อย”
“เดี๋ยวชั้นไปเข้าห้องน้ำก่อน” จ๋าออกไป
โทรศัพท์ดังขึ้น หน้าจอเป็นเบอร์ไม่ระบุผู้โทร.เข้า จิตราปล่อยไม่รับ จนเสียงเงียบไป แล้วดังขึ้นใหม่ จิตราตัดสินใจรับสาย

ยศอยู่ในตึกร้างดีใจที่จิตรารับสาย พูดเสียงเบา เหนื่อย หอบ
“พี่เอง ช่วยพี่ด้วย”

จิตราจำเสียงได้ “พี่ยศ”
“พี่ถูกยิง พี่กำลังจะตาย”
จิตราตกใจ แต่ทำเป็นไม่สน “พอเถอะค่ะ วันนี้วันสำคัญของจิตอย่ามาเล่นตลกเลย”
“พี่พูดจริงๆ พี่ถูกคนร้ายมันตามฆ่า โอย”
“จิตจะบอกให้ตำรวจไปช่วยพี่นะคะ...พี่ยศอยู่ที่ไหน” จิตรานิ่งฟัง
“พี่จะรออยู่ตรงนี้ พี่อยากเห็นหน้าจิตก่อนที่พี่จะตาย”
“พี่ยศ” จิตราใจหล่นวูบ
“พี่ขอโทษ พี่...” พูดได้เท่านั้นยศก็หมดแรง มือตก มือถือร่วงลงข้างตัว
“ฮัลโหลๆๆๆ”
จิตราพยายามกดโทร.กลับ ทว่าไม่ติดแล้ว
จิตราวางสาย ด้วยความสับสน ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร มองนาฬิกา เห็นเป็นเวลา 6.30 น. แล้ว

ในที่สุดจิตราก็เปลี่ยนเสื้อผ้า สะพายกระเป๋าลงมาใต้ถุนบ้าน มองไปเห็นจีรณะยืนคุยกับบุญมี ดุ่ย ไทร โดยมีพิมพรเกาะแขนแจ
บ็อบบี้กำลังกินขนม น้ำอัดลม สายพิณกับเพื่อนพยาบาลของจิต กำลังเตรียมของกั้นประตู ไม่มีใครมองมา

จิตราเดินไปทางด้านหลังบ้าน

ด้านอาโปมายืนหน้าบึ้งอารมณ์เสียอยู่หลังบ้าน สักพักบ็อบบี้วิ่งตามมากระตุกมืออาโป อาโปหันขวับมาตวาดแว้ด

“ตามมาทำไม ไปอยู่กับแม่ ไป๊”
บ็อบบี้ส่ายหัว “แม่อยากอยู่กับครูจีมากกว่าอยู่กับผม”
อาโปยิ่งโกรธ ตะเพิดบ็อบบี้ไป “ไปให้พ้น ชั้นอยากอยู่คนเดียว”
“อยู่คนเดียวไม่ดีหรอก ผมอยู่เป็นเพื่อนเอง”
บ็อบบี้มองๆ อาโป “แต่งตัวแบบบี้ไม่เห็นสวยเลย ผมชอบเมื่อก่อนมากกว่า”
“เป็นเด็กอย่ามายุ่ง ไปเลยไป๊”
อาโปพาล เดินหนีไปอีกทาง บ็อบบี้มองตาละห้อย ถอนใจ
จิตราแอบที่ต้นไม้ ก่อนจะวิ่งออกประตูหลังบ้านไป บ็อบบี้ได้ยินหันมาเห็นหลังจิตราวิ่งออกไปแวบๆ

พอได้ฤกษ์ ขบวนแห่ขันหมาก ตั้งขบวนเดินมาจากปากซอย ดาบม้วน หมู่ทอง รำป้อตามจังหวะเพลงขันหมากกันมาสนุกสนาน
ครูแหวนกับครูลัดดา ถือพานขันหมาก เดินตามหลังเจ้าบ่าว เกียรติก้องเดินมากับจ่าตุ๋ย มีสารวัตรหรือหนานเทืองเป็นเถ้าแก่ บุญมี ดุ่ย ไทร ตีกลองยาว
ดาบม้วนร้อง “ใครมีมะกรูด”
หมู่มวลรับ “มาแลกมะนาว”
ดาบม้วนร้องอีก “ใครมีลูกสาว”
หมู่ทองแหลมขึ้นแปลงเพลงซะงั้น “มาแลกตุ๊ดเอ๋ย”
หมู่มวลรับ “เอาวะเอาเหวย ได้สะใภ้ก็ยังดี”
ทุกคนยิ้มแย้มเฮฮากัน
ส่วนที่หน้าประตู สายพิณ บัวหอม เพื่อนพยาบาลของจิตรามากั้นประตูเงินประตูทองรอ จีรณะรอรับ
พิมพรยืนประกบอยู่ข้างๆ เหมือนเป็นเจ้าภาพ อาโปมองภาพทั้งคู่แค้นๆ
เกียรติก้องยิ้มแย้มมีความสุขเดินมาถึง
สายพิณบอก “ประตูเงิน”
บัวหอมว่า “ประตูทอง”
สองคนประสานเสียงพร้อมกัน “ประตูละห้าร้อย”
สารวัตรโอดต่อรอง “แหมตอนนี้ผู้กอง ถูกพักราชการอยู่ ลดให้หน่อยเถอะน่า”
ดาบม้วนอาสา “เดี๋ยวผมคุยเอง เมียผมอยู่ในโอวาทอยู่แล้ว ยัยหอม สองประตูห้าร้อยก็พอ”
“เห็นแก่พี่ม้วน เอาประตูละพันเลยแล้วกัน” บัวหอมบอก
ดาบม้วนโมโห “อ้าว นังนี่กวนซะแล้ว”
ผัวเมียคู่กัด ทำท่าจะตีกัน
หมู่ทองเอามือกัดปาก ทำท่าสยองแทนบอกเกียรติก้อง
“ผู้กอง เปลี่ยนคนปูที่นอนทันมั้ย คู่นี้ปูให้ เปลี่ยนสนามรักเป็นสนามมวยเลยนะ”
“ลดให้เค้าหน่อยเถอะครับ” จีรณะขำ
บัวหอมยอม “ก็ได้ๆ เห็นแก่ความรักของผู้กองนะนี่”
ผู้กองแจกซองให้สองคน
จ๋าวิ่งหน้าตื่นลงมา “เดี๋ยวค่ะ...มีใครเห็นจิตราบ้าง”
จีรณะงวยงง “หมายความว่าไง”
“จิตไม่อยู่ในห้องค่ะ ชุดแต่งงานก็แขวนไว้ กระเป๋ามือถือ เอาไปหมด”
คำพูดทั้งหมดกระแทกเข้าเข้าหน้าเกียรติก้อง มองทุกอย่างตรงหน้าเห็นเป็นภาพช้าๆ หูอื้อไปหมดไม่ได้ยินเสียงใครต่อใครสนทนากันให้แซด
จีรณะวิ่งขึ้นไปบนบ้าน ทุกคนวิจารณ์กันอื้ออึง หน้าตาตื่น

เกียรติก้องได้แต่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น สิ่งที่ตชด.คนจน อย่างเขากลัวมาตลอด เป็นจริงแล้ว

ทางด้านจิตราเดินลุยไปในป่า ตามคำบอกทางของยศ สอดสายตาพลางร้องหา

“พี่ยศ พี่ยศคะ”
เดินมาสักครู่จิตราชะงักเมื่อเห็นรอยเลือดหยดทาง ตกใจสุดขีด เหลียวมองไปรอบๆ
“พี่ยศ ได้ยินจิตมั้ยคะ จิตมาแล้ว”
ต่อมาจิตราเข้าไปในอาคาร มือยศจับขาจิตราหมับ จิตราสะดุ้ง “ว้าย”
จิตราพบว่ายศเลือดโทรมเต็มหลัง เลือดยังไหลไม่หยุด
“พี่ยศ”
“จิตมาจริงๆด้วย พี่ไม่ได้ฝันไป” ยศดีใจมาก แต่อ่อนแรงเต็มทน
จิตราตั้งสติ มองสำรวจรอบตัวยศ “นิ่งๆ ค่ะพี่ยศ ใครทำพี่ยศคะ”
“พวกไอ้ชีพ มันเอาหลักฐานไปหมด พี่มันไม่เอาไหน”
“อย่าเพิ่งพูดเลยค่ะ ตอนนี้เลือดพี่ยศออกมาก จิตต้องห้ามเลือดก่อน”
จิตราเปิดกระเป๋าหยิบของ
“พี่ขอแค่ได้ตายอยู่ใกล้ๆ จิต พี่ก็ดีใจแล้ว”
จิราตที่หยิบของอยู่ชะงัก สบตากับยศ
“จิตไม่ยอมปล่อยให้พี่ยศตายค่ะ”
จิตราเริ่มต้นพยาบาลให้ยศ

สายแล้ว ที่บ้านจีรณะโกหลยกใหญ่ต่อการหายตัวไปของเจ้าสาว โดยจีรณะพยายามโทร.ถึงจิตราตลอด แต่ติดต่อไม่ได้

“จิตไม่เปิดโทรศัพท์”
บัวหอมออกความเห็น “หรือเปิ้นจะไปซื้อของปากซอย”
ดาบม้วนโมโห “อีง่าวเอ๊ย คนอยู่เต็มบ้าน คุณจิตจะเดินไปเองทำไม”
สารวัตรแนะ “ลองนึกดูซิว่า เมื่อเช้ามีใครเจอคุณจิตบ้าง นอกจากคุณจ๋า”
บ็อบบี้คิดทบทวน “บ็อบบี้เห็นมีผู้หญิงคนหนึ่ง วิ่งออกประตูหลังบ้านไปครับ”
พิมพรแปลกใจ “บ็อบบี้ พูดจริงหรือเปล่า ผู้ใหญ่เค้ากำลังซีเรียสกันอยู่”
บ็อบบี้ยืนยัน “จริงๆ ครับ แต่บ็อบบี้เห็นหน้าไม่ชัดว่าเป็นพี่จิตหรือเปล่า”
สายพิณออกความเห็นมั่ง “เอ๊ะ หรือจะไปเป็นลมอยู่ที่ไหน”
“พี่จิตหนีไปแล้วมากกว่า” อาโปโพล่งขึ้นกลางวง
“อาโป” จีรณะชักโกรธ
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ พวกนายก็ไปหลงเสน่ห์พวกแม่เลี้ยงกันหมดนั่นแหละ ทั้งลูกสาว ลูกชาย”
พิมพรอ้าปากจะด่า จีรณะชิงพูด
“ถ้าจะมาพูดจาอะไรแบบนี้ก็กลับไปเลย”
“บ่ต้องไล่หรอก...อาโปก็ไม่จะมาอยู่บ้านคนใจร้าย ชอบทำร้ายจิตใจคนที่เค้ารักตัวเอง อาโปเกลียดๆๆๆ”
เด็กสาวชาวดอยเดินปังๆ ออกไป เกียรติก้องหน้าซีดลงๆ ทุกคนมองเห็นใจ
ดาบม้วนปลอบ “ใจเย็นๆ ครับผู้กอง คงไม่ใช่อย่างงั้นหรอก”
ทุกคนแยกย้าย จีรณะตบไหล่ปลอบ “ใช่ ก้อง จิตไม่ทำอย่างที่อาโปบอกแน่”
ผู้กองฝืนยิ้มให้ทุกคน “จิตคงจะไปซื้อของจริงๆ ไม่เป็นไร ชั้นรอได้ ชั้นรอจิตได้เสมอละ”

ในชุดเจ้าบ่าวอันแสนหล่อเหลา เกียรติก้องทรุดตัวนั่งลงเหมือนคนหมดแรง จีรณะสงสารเพื่อนสุดๆ

อ่านต่อหน้า 4

พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 16 (ต่อ)

จิตราจัดแจงทำแผลห้ามเลือด แต่ยังไม่ได้ผ่ากระสุนให้ยศ เพราะไม่มีอุปกรณ์ ยศร้องโอดโอยเป็นระยะ หน้าตาบ่งบอกว่าเจ็บปวดทรมานมาก จิตราทำแผลไปมองไปอย่างสงสาร

ที่สุดจิตราปิดแผลให้ยศหันมาเช็ดเหงื่อ “พี่ยศอยู่ตรงนี้ จิตจะไปตามคนมาช่วย”
ยศไม่ยอม “อย่า...อย่าทิ้งพี่ พวกไอ้ชีพ มันอาจจะอยู่แถวนี้ มันต้องตามมาฆ่าปิดปากพี่แน่”
“แต่พี่ยศต้องไปโรงพยาบาลนะคะ”
“จิตบอกพี่ได้มั้ยว่า จิตรักพี่หรือเปล่า”
“นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้นะคะ”
“ตอบพี่เถอะจิต เพราะถ้าจิตไม่ตอบพี่ตอนนี้ พี่อาจจะไม่มีโอกาสได้ยินอะไรอีกแล้ว”
ยศอ้อนวอนขอร้อง หน้าซีดขาวเป็นกระดาษ ด้วยเสียเลือดมาก และนึกว่าตัวเองจะตายจริงๆ ไม่ได้สำออยอย่างที่ผ่านมา
“ไม่ค่ะ จิตจะไม่ตอบพี่ยศตอนนี้ ถ้าพี่ยศอยากฟังก็ต้องอดทน ห้ามถอดใจ”
ยศพยายามพูดแต่เสียงเริ่มแผ่วลงๆ
“ยัยภิตเขียนจดหมายให้พี่ไปส่งท่านผู้ว่า ในจดหมายบอกไว้ว่า พงษ์มันมีกำหนดส่งมอบไม้เถื่อน ล็อตสุดท้ายที่ท่าแม่สามแลบ แม่น้ำสาละวิน แต่ไอ้ชีพมันเอาจดหมายไปได้ ยัยภิตอยู่กับไอ้พงษ์ อันตราย ช่วย...ภิต...ด้วย”
“พี่ยศ อย่าหลับนะคะ พี่ยศ”
ยศเอามือที่เปื้อนเลือด ยกขึ้นลูบหน้าจิตราอย่างรักใคร่ เสียงที่ลอดออกมากระท่อนกระแท่น
“พี่...รัก...จิต”
พูดเท่านั้นยศสลบไปอีก จิตราตกใจ “พี่ยศๆ”
จิตราร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก แล้วตัดสินใจเอาโทรศัพท์ตัวเองมาจากกระเป๋า กดมือไม้สั่น
“ฮัลโหล พี่จี”

ขณะนั้นเกียรติก้องนั่งปลีกวิเวกอยู่คนเดียวตรงลานหลังบ้าน จมอยู่กับความเศร้า จ่าตุ๋ยวิ่งมารายงาน
“ผู้กองครับ คุณจิตติดต่อมาแล้วครับ”
ผู้กองลุกพรวด “เค้าอยู่ที่ไหน”
“คือเค้าโทร.มาหาคุณจีน่ะครับ บอกว่ากำลังถูกคนร้ายตามล่าให้ไปช่วยด้วย คุณจีเลยให้ผมไปกับผู้กอง”
เกียรติก้องงง “แล้วไอ้จีล่ะ”

จีรณะอยุ่กับบุญมี ที่ขับรถมาตามทาง จีรณะนั่งหน้าคู่กัน ดุ่ย และไทรอยู่บนกะบะหลัง
“เราไปกันแค่นี้มันจะไหวเหรอ ไอ้จี ไอ้พวกนั้นมันมีกี่มากน้อยก็ไม่รู้” บุญมีออกอาการกังวลเอาการ
“ผมให้หมู่ทองไปประสานป่าไม้ให้เอากำลังไปสมทบแล้วแต่ตอนนี้เมียผมอยู่กับไอ้พงษ์ ผมรอไม่ได้”
“เมียเอ็ง คุณพิมน่ะเหรอ ก็เห็นที่งานแต่งเมื่อกี๊” บุญมีเง็ง
“ไม่ใช่ เมียผมมีคนเดียว คืออัปสรโสภิต”

บุญมีงงเต้ก สักครู่หนึ่งเห็นรถบุญมีพุ่งทะยานไป

รถของพีรพงษ์มาจอดที่ลานท่าน้ำ โสภิตกับพีรพงษลงจากรถ มองไปรอบๆ ที่ท่าน้ำมีเรือติดเครื่องยนต์จอดอยู่ 2 ลำ ก่อนจะมีรถบรรทุก แล่นตามเข้ามาจอดใกล้ๆ ท่าน้ำ ลูกน้อง 4 คนกระโดดลงมา 2 คนถือปืนกลคุ้มกันรถ

ลูกน้อง 1 ชื่อ นิกร ตรงมารายงาน
“แพขนานยนต์จะมาเทียบท่าเมื่อเราสั่งครับ”
พีรพงษ์มีท่าทีพอใจ “ดี เตรียมพร้อม แต่ยังไม่ต้องลำเลียง ชั้นให้สัญญาณเมื่อไหร่ เราค่อยลำเลียง”
นิกรรับคำว่า “ครับ” แล้วออกไป
โสภิตสะดุดหู จึงซักถาม “ให้สัญญาณ ยังไงหรือคะ”
“อยากรู้ไปหมด จะมาแย่งผมทำงานเหรอ” พีรพงษ์อารมณ์ดี
โสภิตทำงอนใส่ “แล้วแต่คุณพงษ์เถอะค่ะ จะอนุญาติให้ภิตรู้หรือไม่รู้อะไรภิตเชื่อใจคุณพงษ์ ว่าทำเงินให้ภิตได้ก็พอ”
“ไม่ต้องใจร้อนคุณได้ช่วยงานผมแน่ สัญญาณการลำเลียงจะเริ่มขึ้นก็ต่อเมื่อ ผลการโอนเงินเรียบร้อยแล้วไงครับเข้าใจหรือยัง”
โสภิตพยักหน้า พีรพงษ์ดูอากาศรอบๆ ตัว “ตรงนี้ร้อน เราไปพักรอที่นั่นดีกว่า”
พลางพีรพงษ์ มองไปที่กระท่อมชั้นเดียว ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 30 เมตร
โสภิตยิ้มให้ พบว่าเลนส์เล็กๆ จากกล้องโทรศัพท์มือถือที่โสภิตใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ บันทึกเรื่องราวทั้งหมดอยู่

กระท่อมไม้ไผ่ชั้นเดียวอยู่ติดริมน้ำ ฝาผนังทำจากไม้แฝด ขนาด 15x12 ฟุต มีหน้าต่างระบายอากาศ มีเตียงไม้ไผ่ โต๊ะ และ ชั้นวางหนังสือขนาดย่อม พีรพงษ์พาโสภิตเดินเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ โสภิตมองไปรอบๆอย่างไม่ไว้ใจ
“นี่ก็เป็นที่เก็บไม้หรือคะ”
“เป็นที่เก็บคนรักของผมต่างหาก คืนนี้มีการขนส่งของล็อตใหญ่ เรายังมีเวลามาหาความสุขกันก่อน” พีรพงษ์บอกตาหวานฉ่ำ
โสภิตตกใจ แต่หาทางบ่ายเบี่ยง “พูดตรงๆอย่างนี้ ภิตตั้งตัวไม่ถูกเลย”
พีรพงษ์ชอบใจ “ไม่รู้ตัวแหละดีแล้ว ผมชอบ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
สองคนเดินเข้ามาถึงในบ้านแล้ว พีรพงษ์พยายามกอดหอมโสภิตอย่างหื่นหิว โสภิตพยายามเบี่ยงตัวหนี หลบ โทรศัพท์มือถือของพีรพงษ์ดังขัด แต่พีรพงษ์ไม่รับ เสียงมือถือดังไม่หยุด
“รับสายก่อนเถอะค่ะ”
พีรพงษ์ไม่สนปล้ำจูบต่อ “ช่างมัน ผมรอเวลานี้มานานแล้ว”
แต่โสภิตดิ้นจนหลุด “อาจเป็นโทรศัพท์แจ้งเรื่องการโอนเงินก็ได้ค่ะ”
โสภิตเดินไปกดรับสายเปิดสปีกเกอร์โฟน เป็นเสียงชีพ
“คุณพงษ์ครับ เรามีปัญหาแล้วหละครับ”
พีรพงษ์หายจากอาการหน้ามืด “ปัญหาอะไร ฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้”
โสภิตขอไปด้วย “ให้ภิตไปด้วยนะคะ”
“คุณรอที่นี่ดีกว่า”
“แต่ภิตอยากไป”
“อย่าดื้อ ทำตามที่ผมสั่ง”
พีรพงษ์รีบออกไป โสภิตมองตามหลังไป
จากนั้นโสภิตรีบกดโทรศัพท์หายศ แต่ไม่ติด โสภิตโทร.อีกอย่างร้อนใจ
“พี่ยศ รับสิ”

โสภิตยังคงกดโทรศัพท์อีกไม่หยุด

ส่วนจิตรานั่งเครียด ใจเสียอยู่ มียศนอนตัก เสียงฝีเท้าคนย่ำใบไม้มา จิตราดีใจคิดว่าเป็นพี่ชาย

“พี่จี”
จิตราเอาหัวยศออกจากตัก แล้ววิ่งออกไป แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นเป็นสมุนพีรพงษ์ ลูกมือชีพที่ตามล่ายศด้วยกัน ถือปืนในทั้งสองคน เดินเข้ามา
จิตราตะลึง ถดตัวถอย สมุนเดินไล่เข้าไป จิตรารีบวิ่งไปขวางยศไว้
“อย่า อย่าทำอะไรเค้าเลยนะ”
สมุน 1 สั่ง “ถอยไป”
จังหวะนี้สมุน 2 เข้าไปลากจิตรา ล็อคไว้ จิตราดิ้นรนขัดขืนสุดแรงสุดชีวิต สมุน 1 เข้าไปตรวจดูลมหายใจยศ
“ยังไม่ตาย แต่ก็จวนแล้ว ปล่อยมันไว้เดี๋ยวก็หมดลม”
สมุน 2 ไม่เห็นด้วย “ไม่ได้ พี่ชีพสั่งว่า ถ้าเจอต้องซ้ำให้ตายสนิท จัดการเลย”
สมุน 1 เล็งปืนไปที่ยศ จิตราใจจะขาด กรีดร้องตะโกนสุดเสียง
“ไม่นะ อย่าฆ่าเค้า อย่า...”
จิตราสะบัดตัวเต็มแรง วิ่งไปกอดยศเอาตัวบังไว้ เสียงปืนดังเปรี้ยง
สมุน 1 ล้มลง ฝีมือเกียรติก้องที่ยืนเล็งปืนอยู่ สมุน 2 หันไปจะยิง เกียรติก้องยิงที่มือ โดนปืนกระเด็น
จ่าตุ๋ยที่มาด้วยกระโดดเข้าล็อคกดไว้ที่พื้น
“จิต จิต ไม่เป็นไรใช่มั้ย” เกียรติก้องตรงเข้าไปหา
“จิตไม่เป็นไรค่ะ พี่ก้อง แต่พี่ยศบาดเจ็บสาหัส”
“พี่ยศ”
เกียรติก้องเพิ่งเห็นว่า ยศนอนอยู่ ผู้กองตะลึงตัวชา
“นี่จิต ออกมาจากงานแต่งเพื่อช่วยนายยศ”
จิตราตัดบท “เดี๋ยวจิตจะอธิบายให้ฟัง แต่ตอนนี้พาพี่ยศส่งโรงพยาบาลก่อนนะคะ จิตขอร้อง”
เกียรติก้องอึ้ง ตะลึงสุดๆ จ่าตุ๋ยกดคนร้ายไว้ มองมาอย่างเห็นใจ

ฟากพีรพงษ์ เดินหัวเสีย เข้ามาหาชีพที่รออยู่ตรงท่าน้ำ ตวาดใส่อย่างรุนแรง
“ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมา งานสำคัญอย่างนี้ทิ้งไปได้ยังไง”
ชีพส่งซองน้ำตาลที่ชิงมาจากยศมาให้
“ผมขอโทษครับ ผมไปตามหาเจ้าสิ่งนี้มาครับ”
พีรพงษ์กระชากมาเปิดดูแล้วตะลึงกับสิ่งที่เห็น “ไอ้ยศ มึง”
“คุณยศถูกผมส่องไปจังๆ ดับไปแล้ว หลักฐานพวกนี้คุณภิตเป็นคนให้คุณยศแน่ๆ โชคดีที่ผมกลับไปเอาเอกสารที่คุ้ม เลยเจอเข้า” ชีพบอกอย่างมั่นใจ
พีรพงษ์อึ้ง ชีพส่งมือถือให้ “นี่เป็นมือถือที่ผมเห็นคุณภิตแอบถ่ายเรา แสดงว่าแกมีสองเครื่อง เครื่องนี้ซ่อนไว้ แล้วเอาอีกเครื่องหนึ่งให้เราตรวจ”
พีรพงษ์กดดูคลิป เห็นภาพเหตุการณ์ในโกดังเก็บไม้ที่โสภิตแอบถ่ายทั้งหมด และมีคลิปเสียงด้วย
พีรพงษ์กดต่อไป ชีพบอกต่อ “ไม่ใช่แค่ถ่ายที่โกดัง แต่ยังมีคลิปที่ท่านคุณวุฒิ อยู่กับนายสัญญาด้วย”
พีรพงษ์เลื่อนดู เห็นภาพคลิปในมือถือตามที่ชีพว่า ก็ยิ่งแค้นหนัก
“รู้จักคนอย่างชั้นน้อยไปซะแล้ว นังงูพิษ”
พีรพงษ์หันมาสั่งชีพ “คุมทางนี้ให้เรียบร้อย ฉันไว้ใจแก”
ชีพพยักหน้ารับ “ครับ คุณพงษ์จะไปไหน”
“ไปให้โบนัสคนที่มันหักหลังชั้นไงล่ะ”
พีรพงษ์เดินพรวดๆ ออกไป ชีพหันไปมองคนงาน 5 คนที่ลำเลียงของอยู่

ด้วยความแค้นพีรพงษ์ถือปืนตามหาโสภิตที่กระท่อม เปิดประตูเข้าไป มองไปรอบๆ จะยิงทิ้ง พบว่าโสภิตหายไปแล้ว พีรพงษ์ยิ่งแค้น ยิงปืนใส่ที่นอนแคร่ไม้ไผ่ไม่ยั้ง ระบายอารมณ์

อีกฟากหนึ่งรถบุญมีวิ่งมาแล้วเบรคเอี๊ยด เห็นว่าถนนข้างหน้า ไปต่อไม่ได้ เพราะมีหินก้อนใหญ่วางไว้ระเกะระกะปิดทาง
“เฮ้ย ทำไมเป็นงี้”
จีรณะวิ่งลงไปดู ดุ่ย กะ ไทร โดดลงมาจากกะบะ บุญมีตาม
“ฝีมือไอ้พวกขนไม้แน่ๆ” จีรณะมั่นใจ
ดุ่ยถาม “แล้วจะทำยังไง”
บุญมีสั่ง “ก็ขนออกไปซิวะ เร็ว”
บุญมี กะ ดุ่ย และ ไทร ช่วยกันยกหิน จีรณะทนไม่ไหว
“น้ามี ผมล่วงหน้าไปก่อนนะ”
ขาดคำจีรณะวิ่งไปเลย
บุญมีตกใจเรียกไว้ “อ้าว เฮ้ย ไอ้จี”
ทว่าจีรณะไม่ฟังเสียง

ขณะเดียวกัน โสภิตหนีเข้าไปในป่าอย่างหวาดกลัว เดินไปมองซ้ายมองขวาไป ยินเสียงปืนแว่วๆ ที่พีรพงษ์ยิงไล่ โสภิตสะดุ้ง
มีเสียงย่ำสวบๆ มาจากอีกด้าน โสภิตรีบมุดหลบอยู่กอต้นไม้
พีรพงษ์กับลูกน้องสะกดรอยตามใกล้เข้ามา โสภิตผวาซุกหลบทำตัวให้ลีบเล็ก
เสียงพีรพงษ์แว่วๆ มา “ไประดมคนมาให้หมด ฉันจะต้องยิงมันกับมือ”
โสภิตซุกตัวหลบ ก้มหน้าแทบลืมหายใจ
อีกด้าน มีเสียงกิ่งไม้หักดังโครม พีรพงษ์หันไปเห็นใบไม้ไหว รีบวิ่งไป จีรณะโผล่พรวดมาข้างๆ โสภิต กระซิบบอกเบาๆ
“คุณภิต ผมมาแล้ว”
โสภิตดีใจสุดขีด โผเข้ากอดเขาแน่น จีรณะกอดตอบ
“ชั้นคิดว่าชั้นต้องตายแล้ว”
“ถ้าเราต้องตาย ผมจะตายก่อนคุณ แต่ผมจะปกป้องคุณให้ถึงที่สุด” จีรณะบอกด้วยท่าทีจริงจัง แววตาเต็มไปด้วยความรัก
โสภิตซาบซึ้ง “ทำไมคุณรู้ว่าชั้นอยู่ที่นี่”
“เพราะเราเป็นเนื้อคู่กัน หนีกันไม่พ้น” จีรณะยังมีอารมณ์ขัน
โสภิตตัดพ้อ “ชั้นนึกว่าคุณโกรธชั้น”
“โกรธซิ ตอนที่ผมรู้ว่าคุณลบคลิปหลักฐานโกงเลือกตั้งของนายสัญญาจากโทรศัพท์ผม ผมแทบจะไปบีบคอคุณเลย”
“ชั้นไม่ได้ลบ ชั้นเก็บคลิปนั่นไว้เอง เพื่อจะรอแฉพร้อมเรื่องไม้เถื่อน”
“ทำไมคุณเสี่ยงทำอะไรบ้าๆ แบบนี้โดยไม่บอกผม ทำให้ผมหึงคุณ จนต้องยอมแต่งกับพี่คุณเพื่อเข้าคุ้มอมรา”
โสภิตตกใจ กับสิ่งที่ได้ฟัง “คุณกับพี่พิมไม่ได้...”
จีรณะดึงโสภิตมาจูบอย่างรวดเร็ว “ผมรักคุณคนเดียว”
โสภิตอึ้งพูดไม่ออก
“ไปเถอะ”
จีรณะจูงโสภิตออกมา แต่ต้องชะงัก เมื่อพบว่าพีรพงษ์และพวก 4 คน อาวุธครบมือ เดินมาล้อมกรอบจีรณะกับโสภิตไว้
“แกนี่มันเก่งจังนะ พลอดรักกันได้ทุกสถานการณ์”
จีรณะเล็งปืนแต่ถูกสมุน 1 เตะจนปืนกระเด็นไป ทุกคนเข้ามารุมอัด จีรณะสู้ยิบตาแต่ไม่ไหว โสภิตจะเข้าช่วย ถูกพีรพงษ์ดึงไว้
โสภิตร้องลั่น “อย่า อย่าทำเค้า”

พีรพงษ์ประกาศก้อง “ลากมันมา”

อ่านต่อตอนที่ 17
กำลังโหลดความคิดเห็น