พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 7
เวลานั้น แม่เลี้ยงอมราเดินพล่านทั่วคุ้มห่วงโสภิต พิมพรนั่งกดโทรศัพท์เล่น ยศแต่งตัวหล่อ เดินทำท่าจะออกไปจากบ้าน แม่เลี้ยงถามเสียงเขียว
“นั่นแกจะไปไหน”
“ไปธุระ”
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น น้องแกหายไปทั้งคน แกออกไปตามหายัยภิตเดี๋ยวนี้เลย”
“ก็ชีพมันไปตามอยู่แล้ว ผมต้องไปคุยธุรกิจตัวใหม่กับเพื่อน”
“อย่างแกเนี่ยนะ จะทำอะไรได้ ต่อให้ขายกล้วยแขกก็ขาดทุน”
“ก็แม่ไม่เคยให้ทุนผมทำอะไรเลย ลองให้มาซิ ผมอาจจะกลายเป็นนักธุรกิจพันล้านก็ได้”
“อย่าไปพูดให้เมื่อยปากเลย นายยศ แม่เค้ามีลูกคนเดียวคือยัยภิต พวกเรามันแค่ลูกเลี้ยง” พิมพรแดกดัน
“ใช่ ยัยภิตคนเดียวที่สมควรเป็นลูกฉัน เพราะมันไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง เสียใจ เหมือนแกสองคน”
ชีพเข้ามาพอดี อมราถามทันที “ว่าไงชีพ ได้ข่าวยัยภิตมั้ย”
“ยังไม่ได้ข่าวครับ”
“แล้วแกกลับมาทำไม ทำไมไม่ตามให้เจอ”
“ผมไปหาคุณพงษ์จะให้ช่วยตามคุณภิตก็เลยได้ข่าวไม่ค่อยดีมา”
“ข่าวอะไร” อมรางง รอฟัง
ที่โรงพักหมู่ทอง ดาบม้วน ป้องกัน ผู้จัดการแชร์ชาย หญิงเป็นที่วุ่นวาย พยายามเอาตัวเข้าห้องขัง บัวหอม สายพิณ ตีหัว ทึ้งหัวสองผู้จัดการวุ่นวาย ชาวบ้านแอบถีบ ต่อย เตะ ขวดน้ำพลาสติกถูกขว้างปาวุ่นวาย
“ไอ้ชั่ว ไอ้เลว มึงทำกูหมดเนื้อหมดตัว มึงตาย” สายพิณด่า
สายพิณ “ เอาเงินเฮาคืนมา ไอ้สิบแปดมงกุฎ”
ดาบม้วนเป่านกหวีด ทำเป็นห้ามปรามไปมา
“ใจเย็นๆ พ่อแม่พี่น้อง ให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายเน้อ”
หมู่ทองร้องขึ้น “อย่า อย่าหยุด เอ๊ย อย่าทำร้ายผู้ต้องหา ขอเถอะ ลุงป้าน้าอา”
กำพลนารี ถูกหมัด ถูกเข่ากันหลายทีเพราะ ดาบกะจ่าห้ามไม่จริง เพราะแค้นที่โดนตุ๋นด้วยสองผู้จัดการถูกดันเข้าห้องขังสำเร็จอย่างทุลักทุเล ตำรวจ หมู่ทอง ดาบม้วน ดันชาวบ้านออกห่างห้องขัง
พอจีรณะเดินเข้าบ้าน อาโป เห็นดีใจ
“นายๆหายไปไหนมา ทำไมนายไม่โทรมาบอก นายเป็นอะไร บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้เป็นไร แค่ไปทำงานแล้วก็ค้างบ้านเพื่อน ตกใจไปได้”
“จะไม่ให้ตกใจได้ไง ก็วันนี้ตำรวจโทร.มาหานายตั้งหลายหน”
จีรณะงง “ตำรวจโทร.มาเรื่องอะไร”
ส่วนแม่เลี้ยงอมราหิ้วกระเป๋าเดินลงมาจากชั้นบน ชีพหิ้วกระเป๋าใบย่อมตาม
“เดี๋ยวฉันจะไปกบดานที่เพชรบูรณ์ซักพัก แกกับทนายอยู่รับหน้าทางนี้ ตำรวจถามบอกว่าฉันไปพักฟื้น”
“แล้วคุณภิตล่ะครับ”
“ถามฉันแล้วฉันจะไปถามใคร คอขาดบาดตายแบบนี้ไม่รู้หายหัวไปไหน”
“คุณภิตอาจจะรู้ระแคะระคายเลยหนีไปแล้ว”
“แกอย่ามากล่าวหาลูกฉันยัยภิตไม่มีทางทำแบบนั้น”
แม่เลี้ยงเดินมาที่ห้องรับแขก พิมพร บ็อบบี้ และยศ อยู่กันพร้อมหน้า
“คุณยายจะไปไหนครับ” บ็อบบี้งง
“ยายจะไปทำงาน บ็อบบี้อยู่บ้านห้าม ดื้อห้ามซนนะ”
แม่เลี้ยงจะเดินออก “แม่ไปนานมั้ยครับ แล้วเงินเดือนผมล่ะ” ยศบอก
“ของพิมด้วยนะคะ”
แม่เลี้ยงอ้าปากจะด่า
พวงเดินเข้ามา “แม่เลี้ยงเจ้า ตำรวจเปิ้นจะขอป๊ะแม่เลี้ยง”
แม่เลี้ยงตกใจ “แกไปบอกว่าฉันไม่อยู่”
“พวงอู้ไปแล้วว่าแม่เลี้ยงอยู่เจ้า”
แม่เลี้ยงโมโห “นังง่าวเอ๊ย”
ตำรวจเข้ามา เป็นสารวัตรนำทีมเข้ามา “สวัสดีครับ ผมนำหมายเรียกมาเชิญแม่เลี้ยงกับคุณอัปสรโสภิตไปให้ปากคำคดีหุ้นยางพาราที่โรงพักครับ”
“คือ ฉัน ฉัน...” แม่เลี้ยงอมราแกล้งแน่นหน้าอก ทำท่าสูดหายใจสามเฮือก ตาเหลือก ล้มลง ทุกคนตกใจอึ้ง
พวงร้องเสียงดัง “ว้าย แม่เลี้ยง แม่เลี้ยงเจ้าแม่เลี้ยงตายแล้ว”
แม่เลี้ยงแน่นิ่งไปบ็อบบี้ถลาเข้ามา “คุณยาย เดี๋ยวบ็อบบี้ไปเอายามาให้”
แม่เลี้ยงขยิบตาเอามือจิกชีพให้สัญญาณ ชีพรับลูกทันที
“แม่เลี้ยงโรคหัวใจกำเริบ ต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
สารวัตรวอเรียกรถพยาบาล ยศ และพิมพร ตกใจทำอะไรไม่ถูก
หมู่ทองยืนอธิบายเหตุการณ์ให้จีรณะฟังอยู่หน้าห้องขังบนโรงพัก
“เราได้รูปสองคนนี้จากนักข่าวท้องถิ่นเลยขอหมายจับได้ กบดานอยู่ในเกสเฮาส์ หลักฐานแน่นหนาครับ ในคอมพิวเตอร์มีทั้งรายชื่อลูกค้าบัญชีรับจ่าย”
“แล้วเงินจากการฉ้อโกงประชาชนล่ะหมู่”
หมู่ทองบอก “เงินหลายสิบล้าน ถูกถอนเป็นเงินสดออกไปจนหมดภายในสองเดือนกว่าๆ เค้าให้การว่า เอาไปให้แม่เลี้ยงอมรา”
จีรณะมองหน้าสองผู้ต้องหา ภาพตอนจีรณะขี่รถออกจากบ้านพีรพงษ์ สวนกับสองผู้จัดการที่ขับรถเข้าบ้านมาผุดขึ้นแว้บๆ
จีรณะหันไปหาหมู่ทอง “ผมนึกออกแล้วว่าเคยเจอสองคนนี้ที่ไหน”
สองคนสบตากัน นัยน์ตาจีรณะมุ่งมั่นมาดหมาย
พีรพงษ์อยู่ที่บ้าน รู้ข่าวจากลูกน้องก็โมโหมาก
“โอ้โง่เอ๊ย เซ่อซ่าให้โดนรวบจนได้ รู้อย่างงี้เก็บมันซะก็ดีแน่ใจนะว่ามันไม่ซัดทอดฉัน”
“มันไม่กล้าหรอกครับ แต่แม่เลี้ยงอมราโดนเต็มๆ เห็นว่าเป็นลมเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว” ลูกน้องบอก
พีรพงษ์เครียด ลูกน้อง เสนอ “เราเก็บแม่เลี้ยงซะดีมั้ยครับ เผื่อมันปากโป้ง”
“เฮ้ย อย่าเพิ่ง แค่นี้มันก็อ่วมอรทัยแล้ว เพราะเงินอยู่กับมันทั้งหมด ถึงมันซัดทอดฉัน ก็ไม่มีหลักฐาน ตรงกันข้าม มันต้องรอให้ฉันช่วยมากกว่า หึ คราวนี้ยัยโสภิตคงจะหายยะโสซะที”
รถจากป่าไม้ มาส่งโสภิตหน้าคุ้มอมราโสภิตลงแล้วไหว้ของคุณพจน์
“ขอบคุณนะคะ”
พจน์อึ้ง “คุณอยู่ที่คุ้มนี่เหรอครับ”
“ค่ะ นี่บ้านฉัน”
“งั้นคุณก็…”
“ลูกสาวแม่เลี้ยงอมราค่ะ”
“โห งั้นผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณจีต้องแอบคบกับคุณ”
“ไม่ใช่นะคะ คุณเข้าใจผิด”
“ครับๆ ไม่ต้องห่วง ผมจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับครับ”
พจน์ยิ้มขำแล้วออกรถไป
“เดี๋ยวค่ะ คุณ...” โสภิตเรียกจะอธิบาย แต่ไม่ทัน
โสภิตเดินเข้าบ้าน เจอพวงร้องไห้กอดบ็อบบี้อยู่ก็งง
“ป้าพวง ร้องไห้ทำไม”
“แม่เลี้ยงเจ้า แม่เลี้ยงแย่แล้ว”
“แม่เป็นอะไร คุณยายเป็นอะไร บ็อบบี้”
“มีตำรวจมา แล้วคุณยายก็หายใจไม่ออก ล้มลงไปเลยครับ”
แม่เลี้ยงทำท่าจะแย่ หมออยู่ข้างดูผลในแฟ้ม
“ผลตรวจคลื่นหัวใจก็ปกตินะครับ ความดันสูงเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นอันตราย”
“แต่ฉันหายใจไม่ออก มองอะไรพร่าไปหมด” อมราว่า
“อาจเป็นเพราะพักผ่อนไม่พอ เดี๋ยวผมจะฉีดยาบำรุงให้ แล้วก็ลองดูอาการซักพัก” หมอบอก
พิมพรโวย “อะไรกัน คนไข้หายใจไม่ออก ทำไมไม่ให้ออกซิเจน ต้องดูอาการอะไรอีก”
“หมอรู้มั้ย แม่ผมเป็นใครระดับไหน รักษางูๆปลาๆ แบบนี้ใช้ได้เหรอ” ยศกร่าง
แม่เลี้ยงบอกหมอ “ให้มันสองคนออกไปได้มั้ยคะ”
“ออกไปก่อนเถอะครับ ให้คนไข้ได้พักผ่อน”
“หนูอยากกตัญญูแต่แม่ไม่อนุญาตเอง แล้วอย่ามาด่าทีหลังแล้วกัน” พิมพรเดินออก แม่เลี้ยงจะด่า แต่นึกได้ทำเป็นจับหน้าอกไอแค่กๆ
“งั้นผมกลับนะ แม่”
พิมพรกับยศออกไป หมอเอ่ยขึ้น “แบบนี้ คงต้องทำซีทีแสกน”
แม่เลี้ยงอมราหยุดไอ “ไม่ต้องค่ะ แพง เอ่อ ฉันค่อยยังชั่วแล้ว ฉีดแต่ยาบำรุงเถอะค่ะ”
หมองงๆ
สารวัตรกับลูกน้อง เตร่พูดวออยู่บริเวณทางเดินหน้าห้องอมรา พิมพรกับยศออกมา เห็นหมอเดินออกไปอีกทางไกลๆ
สารวัตรหันมาทางสองคน “ขอโทษนะครับ ผมขอถามข้อมูลคุณสองคนซักนิดได้มั้ย”
พิมพรปัดทันที “โอ๊ย ฉันเพิ่งมาจากเมืองนอกไม่รู้เรื่องธุรกิจอะไรของแม่หรอกค่ะ”
“ผมก็เหมือนกัน ผมทำธุรกิจส่วนตัว ไม่รู้เรื่องงานของแม่เลย” โสภิตเดินมา “นั่นไงครับ น้องสาวผม คนนี้แหละ มือขวาของแม่ ถามเขาเลย”
“มาได้จังหวะเลย ทำหน้าที่ลูกกตัญญูไปก็แล้วกัน ยัยภิต”
พิมพรกับยศเดินออกไป “พี่พิม พี่ยศ แม่เป็นยังไงบ้างคะ”
สองคนไม่ตอบ สารวัตรอึกอัก “คือว่า…”
โสภิตบอก “ฉันขอเข้าไปดูแม่ก่อนนะคะ แล้วจะไปพบสารวัตรที่สถานีตำรวจเอง ขอโทษค่ะ”
โสภิตขอตัว เปิดประตูเข้าไปทันที
แม่เลี้ยงลุกขึ้นนั่งแล้วถามชีพ
“ตำรวจมันไปรึยัง”
“รู้สึกจะยังครับ” ชีพบอก
“แกออกไปบอกมันว่าฉันอาการหนัก ให้การอะไรไม่ได้”
“แล้วถ้าตำรวจมันไปถามหมอละครับ”
“บริจาคให้โรงพยาบาลมันไปซักล้านนึง ให้เอาฟิล์มเอ็กซเรย์คนที่มันใกล้ตายมาให้ฉัน”
ประตูเปิด แม่เลี้ยงนึกว่าตำรวจรีบล้มตัวลงนอนครางโอดโอย ไอค้อกแค้ก
“โอย หายใจไม่ออก”
โสภิตตรงดิ่งเข้ามา “แม่ เป็นยังไงบ้างคะ หมอว่ายังไงบ้าง”
“ยายภิต”
แม่เลี้ยงอมราเด้งตัวขึ้นมา “แกหายไปไหนมา หา ไอ้ชีพ ล็อคประตู”
“นี่ แม่ไม่ได้เป็นอะไรเหรอคะ”
ขณะเดียวกันหมู่ทองกะจีรณะอยู่ที่บ้าน หมู่ทองมองพีรพงษ์ แล้ว ส่งรูปผู้จัดการแชร์เป็นรูปเดี่ยวสองรูปให้พีรพงษ์ดู
“ผมไม่รู้จักทั้งคู่ ใครเหรอครับ” พีรพงษ์บอกทันที
“คุณจีรณะยืนยันว่าเคยเห็นสองคนนี้เคยเข้าออกบ้านคุณ” หมู่ทองว่า
“อ้าว...พวกคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ครับว่าผมเป็นลูกใคร พ่อผมทำงานการเมือง ชาวบ้านคนไหนเดือดเนื้อร้อนใจอะไรก็มาหาคุณพ่อ บ้านเราต้อนรับทุกคนครับ”
“อืมม แต่ผมจำได้ว่า วันที่ผมมาที่นี่ ไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีซักเท่าไหร่” จีรณะประชด
“อ้าว เอ๊ะ คุณจีรณะมาที่นี่เหรอครับ แย่จริง ทำไมไม่มีใครบอกผมเลย”
“ผมเห็นว่า คุณมีกล้องวงจรปิด เราขอดูหน่อยได้มั้ยครับ”
“เรามีกล้องด้วยเหรอวะ” พีพงษ์หันมาทางลูกน้อง
ลูกน้องรับลูก “มีครับ แต่มันเสีย ยังไม่ได้ซ่อม”
พีรพงษ์ทำเป็นโมโห “อะไรวะ ทำไมชุ่ยแบบนี้ หา แล้วถ้าเกิดมีคนร้ายเข้ามาข่มขู่รีดไถ ฉันกับพ่อจะทำไง สมัยนี้ไอ้พวกใช้เครื่องแบบ อำนาจหน้าที่มาเบ่งกับพลเมืองดีนี่ยิ่งเยอะๆอยู่”
หมู่ทองซีด จีรณะเหน็บ “ใช่ โดยเฉพาะพวกที่ใช้อำนาจเงินปกปิดความชั่วความเลวของตัวเอง”
สองคนมองหน้ากันหมู่ทองบอก “เอ่อ ผมแค่มาถามข้อมูลเท่านั้น ขอบคุณนะครับที่ให้ความร่วมมือ กลับก่อนเถอะคุณจี”
พีรพงษ์บอก “ผมยินดีให้ความร่วมมือเสมอ แต่คราวหน้าติดต่อผ่านทนายนะครับ”
หมู่ทองรีบมาที่มอเตอรไซค์ตัวเอง “ซวยแล้ว คุณจี ถ้าคุณพงษ์รายงานเบื้องบน ผมถูกย้ายแน่”
“เราไม่ได้ทำผิด หมู่จะกลัวอะไร”
“ผู้น้อยอย่างผม ทำอะไรก็ผิดหมดแหละ”
“แต่ถ้าผู้น้อยรวมตัวกัน มันก็อาจเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่นะหมู่”
“ฟังคุณจีพูดมันก็ดูดี แต่ถ้าคุณพงษ์ร่วมมือกับแม่เลี้ยงจริง ใครหน้าไหนจะกล้าเอาผิด ชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะ”
จีรณะฟังแล้วเซ็งขึ้นซ้อนท้ายหมู่ทอง ขับออกไป
โสภิตตกใจ “แปลว่าเงินที่แม่โอนเข้าบัญชีภิตเป็นเงินจากหุ้นยางพาราใช่มั้ยคะ ทำไม ทำไมแม่ต้องทำเรื่องผิดกฎหมายแบบนี้”
“แม่ไม่รู้ว่ามันผิดนี่ ก็ ก็เพื่อนเค้าแนะนำให้ทำ แม่ก็ลองดู”
โสภิตจ้องหน้าแม่ “ใครคะ คุณพงษ์เหรอ”
“จะใครก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ภิตต้องช่วยแม่ทำหลักฐานชี้แจงกับตำรวจว่าเงินนี้เป็นเงินถูกกฎหมาย”
“ภิตทำไม่ได้ค่ะ”
แม่เลี้ยงโมโห “นี่แกจะยอมให้แม่ติดคุกเหรอ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กนะครับคุณภิต นอกจากติดคุก แม่เลี้ยงต้องโดนยึดทรัพย์หมดเนื้อหมดตัว” ชีพว่า
“แม่ลำบากคนเดียวไม่เป็นไร แต่ยัยพิม ตายศ แล้วยังมีบ็อบบี้อีก บ็อบบี้จะรับได้ยังไง ที่ยายต้องติดคุก” แม่เลี้ยงเล่นบทเศร้า “ภิตช่วยแม่อีกซักครั้งเถอะนะลูก แล้วแม่จะไม่ขออะไรภิตอีกนะลูก ตอนนี้มีภิตคนเดียวที่จะช่วยให้ครอบครัวเราพ้นวิกฤติไปได้
โสภิตเครียดหนัก
ขณะเดียวกันที่ห้องพักในโรงแรม จิตราตกใจพอฟังที่ยศบอกจบ
“แม่เลี้ยงไม่สบายเหรอคะ เป็นอะไรมากมั้ย”
“ก็โรคหัวใจธรรมดา”
“แล้วทำไมพี่ยศไม่ไปเฝ้าท่าน”
“ไปให้โดนไล่น่ะซิ แม่เค้ารักแต่ยัยภิตกับไอ้หลานฝรั่ง พี่น่ะไม่อยู่ในสายตาหรอก”
“แต่ยังไง พี่ยศก็น่าจะไปดูอาการท่านหน่อยนะคะ โรคหัวใจอันตรายมาก จิตรู้ดี”
“พี่ก็เป็นโรคหัวใจเหมือนกัน ถ้าจิตไม่รักษาให้พี่ตอนนี้พี่ตายแน่”
“พี่ยศ”
ยศฉุดจิตราล้มไปบนเตียงด้วยกัน
จิตราเปิดประตูเข้ามา ในความมืด โดยไม่เห็นว่าจีรณะนอนอยู่ที่โซฟา กระทั่งจีรณะถามขึ้น
“ทำไม่กลับดึกนัก”
“พี่จี ยังไม่นอนอีกเหรอคะ” จิตราเดินไปเปิดไฟ
“ก็รอเราน่ะซิ อาโปรอไม่ไหวเลยขึ้นนอนไปแล้ว”
“วันนี้มีคนไข้เยอะค่ะ คนไม่พอ จิตต้องอยู่ช่วย งานเยอะเหรอคะพี่จี ดูท่าทางเหนื่อยๆ”
“ตำรวจจับคนที่หลอกให้ชาวบ้านซื้อหุ้นยางพาราได้แล้ว มันทำงานให้แม่เลี้ยงอมราจริงๆ”
“อะไร อะไรนะคะ”
“นายพงษ์ลูกเขยในอนาคตก็มีส่วนร่วมด้วย ทำกันเป็นขบวนการ”
“แม่เลี้ยงโรคหัวใจกำเริบ อยู่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอคะ”
“จิตรู้ได้ยังไง”
จิตราอึกอัก พิรุธ “ตอนกลับมาจิตแวะซื้อของที่ตลาด ได้ยินเค้าพูดกัน”
“แกล้งป่วยการเมืองชัดๆอยู่แล้ว คนเล่ห์เหลี่ยมจัดอย่างแม่เลี้ยง ไม่ยอมจนมุมง่ายๆ แน่”
จิตรานั่งอึ้ง จีรณะพิงโซฟาเหนื่อยอ่อน “พี่เคยคิดว่าจะเป็นฮีโร่ที่สู้กับอำนาจเงินได้ แต่ตอนนี้พี่เริ่มไม่แน่ใจแล้ว”
“พี่จี”
“ต่อไปนี้พี่จะไม่ว่ากล่าวอะไรเธออีกแล้ว ตอนนี้จิตโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พี่เชื่อว่าจิตจะดูแลตัวเอง เลือกทางชีวิตได้ถูกต้อง”
จิตราหลบตา ก้มหน้า “พี่จี...จิตมีเรื่องบางอย่างที่ตัดสินใจทำลงไปแล้ว เป็นเรื่องที่อาจจะทำให้พี่จีผิดหวัง ถ้าการตัดสินใจของจิตครั้งนี้มันเกิดผิดพลาดขึ้นมาอีก จิตขอรับผลของมันเอง จิตจะไม่ทำอะไรให้พี่จีต้องเดือดเนื้อร้อนใจเหมือนครั้งก่อน จิตจะเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเอง” สาวโลกสวยสูดหายใจรวบรวมความกล้า “พี่จีคะ จิตคืนดีกับพี่ยศแล้วค่ะ”
เงียบ จิตรามอง ปรากฏว่าจีรณะหลับคอพับไปแล้ว จิตราถอนใจ
ที่ห้องสอบสวนบนโรงพัก เช้าวันต่อมา กำพลและนารีนั่งไม่ยอมสบตา โสภิตยืนมองหน้า สารวัตร และหมู่ทองอยู่ด้วย
“ฉันไม่รู้จักสองคนนี่ ไม่เคยพบมาก่อน”
“แน่ใจนะครับ”
“แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ”
สารวัตรนำโสภิตเข้ามานั่งสอบปากคำ
“เราอยากให้คุณชี้แจงที่มาของเงินห้าสิบล้านบาทที่แม่เลี้ยงจำหน่ายจ่ายโอนมาเข้าบัญชีของคุณ”
โสภิตสบตาแล้วนิ่งคิด “อ๋อ...ธุรกิจของแม่มีหลายอย่างในจังหวัดนี้และที่อื่นๆ โดยเฉพาะการให้กู้เงิน ลูกหนี้ชำระหนี้ด้วยการโอนเงินบ้างจ่ายเป็นเงินสดบ้าง ล่าสุดพี่สาวของชั้นเลิกลากับสามีชาวต่างชาติมีลูกติดมา ดิชั้นมีหน้าที่ดูแลหลานชื่อบ็อบบี้ แม่เลยเอาเงินมาใส่บัญชีชั้น เพื่อให้ไปหาซื้อที่ปลูกบ้าน แล้วก็เก็บไว้เป็นค่าดูแลหลาน”
สารวัตรซัก “แต่ผู้ต้องหาทั้งสองให้การว่า เค้าทำงานให้แม่เลี้ยงอมรา เงินสดค่าหุ้นยางทั้งหมดที่เอามาจากชาวบ้าน เค้าเอามาให้แม่คุณ”
“ฉันเป็นเลขา ทำงานใกล้ชิด ดูแลบัญชีทั้งหมดให้แม่ รายรับทั้งหมด มีหลักฐานที่มา”
โสภิตเปิดกระเป๋า หยิบสมุดบัญชี สามสี่เล่ม และซองเอกสาร ซองใหญ่
“เชิญคุณตรวจสอบได้”
จีรณะเข้ามาในโรงพักดาบม้วนกับหมู่ทองทำงานอยู่
“ดาบ จ่า ตกลงแม่เลี้ยงส่งทนายมาหรือเปล่า
หมู่ทองตอบ “เปล่าครับ”
“อ้าว หรือว่ามาเอง”
โสภิตเดินออกมาพอดี เห็นจีรณะก็ชะงัก ดาบม้วนถาม “เรียบร้อยแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ”
โสภิตไม่พูดจาเดินออกไป สารวัตรเดินออกมาจากห้อง
“สารวัตร อัปสรโสภิตเค้าว่ายังไงครับ”
สารวัตรท่าทีหนักใจ
โสภิตขับรถมาจอดฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย ก่อนจะเงยขึ้น มองออกไปข้างนอก เปิดประตูเดินไปยืนมองน้ำ
เสียงมอเตอร์ไซค์มาจอด จีรณะเคลื่อนไปด้านหลังโสภิต
โสภิตพูดโดยไม่มอง รู้ว่าจีรณะต้องตามมา “ถ้าคุณอยากผลักฉันตกลงไปข้างล่างก็เชิญ”
“ผมเกือบหลงเชื่อไปแล้วว่า คุณไม่มีส่วนรู้เห็นในความใจดำอำมหิตของแม่คุณ” จีรณะกระชากโสภิตให้หันมา “ทำไม บอกผมมาว่าทำไมคุณต้องช่วยแม่คุณสร้างหลักฐานเท็จด้วย”
โสภิตตอบเรียบๆ “หลักฐานพวกนั้นเป็นของจริง”
จีรณะมือตกผิดหวังอย่างรุนแรง “ชื่อของคุณแปลว่านางฟ้า แต่จริงๆแล้ว มันตรงกันข้าม คุณมันคือแม่มด”
จีรณะเดินกลับไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับออกไป ทิ้งโสภิตให้ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง
อ่านต่อหน้า 2
พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 7 (ต่อ)
สายวันนี้พีรพงษ์กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดพลิกแฟ้มเอกสารอยู่ในห้องทำงาน ส่วนลูกน้องก็ก้มหน้าก้มตาเลือกเอกสารมากองกันไว้ ประตูเปิดออก ส.ส.คุณวุฒิหน้าตาซีเรียส ก้าวอาดๆ ตรงมาที่โต๊ะ พีรพงษ์เงยหน้ามองพ่ออย่างแปลกใจ
“วันนี้ประชุมสภาไม่ใช่หรือครับ ทำไมอยู่ที่นี่”
คุณวุฒิเขวี้ยงหนังสือพิมพ์ไปตรงหน้าลูกชาย ข้าวของบนโต๊ะกระจาย พีรพงษ์พยักหน้าไปทางประตู ลูกน้องรีบปลีกตัวออกไป
“ปล่อยให้เรื่องอย่างนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง”
“ถ้าพ่อหมายถึงเรื่องแชร์ ผมจัดการได้”
คุณวุฒิระเบิดใส่ “จัดการได้ของแก มันระดับไหนวะ ตำแหน่งฉัน แค่มีข่าวออกมานิดเดียว ไอ้พวกนั้นมันก็พร้อมจะขยี้ฉันเป็นผงแล้ว”
“สองคนนั้นมันไม่กล้าซัดทอดแน่”
“ฉันไม่อยากเสี่ยง เอาไอ้สองคนนั่นออกมาจัดการให้เร็วที่สุด
“ครับพ่อ”
“แล้วยัยลูกสาวแม่เลี้ยงล่ะ เมื่อไหร่แกจะเอามาเป็นเมียได้ซักที”
พีรพงษ์หงุดหงิดฉุนเฉียวทันที “ผมก็ตามจีบอยู่ แต่บอกตรงๆ ผมรำคาญ ทั้งหยิ่ง ทั้งเล่นตัว”
คุณวุฒิโมโห “หยิ่งนักก็เอาคืนตอนเป็นเมียให้เต็มที่ไปเลย ไอ้ผู้หญิงที่มันจะมาเติมเงินในเซฟของเรากลับไม่มีปัญญา ทำไมแกห่วยอย่างนี้”
พีรพงษ์ร้อนตัว “ผมไม่ได้ห่วยนะพ่อ”
เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะ พีรพงษ์ตาโตรีบรับ คุณวุฒิมองอยู่
“ว่าไงครับคุณโสภิต” พีรพงษ์ฟังทางโสภิต “ได้สิครับ ทันทีเลยครับ”
พีรพงษ์วางสาย หันมาบอกพ่อคุยเขื่อง “โสภิตโทร.มาเชิญผมกับพ่อไปทานข้าวครับ ไงล่ะพ่อคงจะให้ผมช่วยเรื่องแม่เค้า หึหึ นึกว่าจะแน่ซักแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องมาง้อ”
ฟากโสภิตวางสายจากพีรพงษ์ หันมายังชีพที่มองอย่างงวยงง สงสัย โสภิตมองโฉนด สัญญาเงินกู้วางซ้อนกันสูงครึ่งศอก
“มีครบทุกรายใช่มั้ย”
“ครับ คุณภิตจะเอาโฉนดพวกนี้ไปทำไมครับ”
โสภิตหน้านิ่งไม่ตอบ ออกคำสั่ง “พรุ่งนี้ตามพวกลูกหนี้มาพบชั้นให้ครบทุกคน”
ชีพงงหนัก “ลูกหนี้ ลูกหนี้อะไรครับ”
โสภิตเอามือตบบนกองโฉนดๆ เบาๆ จ้องตาชีพ
“ก็พวกลูกหนี้เจ้าของโฉนดกับพวกกู้เงินของเราน่ะสิ พวกที่เป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่ยางพาราบ้าบอพวกนี้ อย่าบอกนะว่านายไม่รู้เรื่อง”
“แม่เลี้ยงไม่เห็นพูดอะไรนี่ครับ”
“แม่ให้ชั้นจัดการเรื่องยุ่งๆพวกนี้ ทำตามที่ชั้นสั่งก็พอรีบไปจัดการซะ ที่ร้านเดิมตอนเที่ยง”
ชีพอ้ำอึ้งจำยอมออกไป
ที่วัดของหมู่บ้าน ลุงคำปันกับหลานอีก 3 คน กำลังล้อมวงกันกินข้าวก้นบาตร ภาชนะเป็นฝาบาตร หลานๆ แย่งกันกิน ลุงคำปันเอาข้าวเหนียวจิ้มพริกป่นน้ำปลากินเปล่าๆ เหลือกับให้หลานๆกิน
กาบมาตะโกนเรียก “ลุงคำปัน อยู่มั้ยโว้ย”
หลานๆ กลัว มาหลบอีกด้าน ลุงคำปันทิ้งช้อน
“แกยึดบ้านข้า จนต้องมาอาศัยข้าวก้นบาตรที่วัด แกยังจะเอาอะไรอีก”
กาบเดินเข้ามา หลานๆ คำปันเข้าไปรุม กัดมือกาบ ทุบๆๆๆๆ
“นี่แน่ะ ไอ้คนใจร้าย”
“โว้ย ไอ้เด็กบ้า”
กาบเหวี่ยงเด็กไป คำปันคว้าไม้กวาดวิ่งเข้าจะตีกาบจับไว้แล้วเงื้อมือจะต่อย
“หยุดนะ นายกาบ ฉันสั่งให้มารับนายคำปัน ไม่ได้มาทำร้ายเค้า”
หลานๆ วิ่งมากอดลุงคำปัน โสภิตบอก “ให้หลานๆ รอที่นี่ แล้วลุงไปกับฉัน”
“ไม่ ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าในวัดนี่แหละ ให้มันรู้เลยว่าบาปกรรมมันไม่มี”
“ฉันไม่ได้มาฆ่าใครทั้งนั้น แต่ถ้าลุงคำปันอยากตายนักละก็ ไปกับฉันก่อน แล้วค่อยตายก็ยังไม่สาย”
คำปันงง
พอคำปันเข้ามายังสถานที่นัดเห็นชาวบ้านนั่งกันหน้าเครียด มองไปที่เวที เห็นชีพและเส่งหอบกองโฉนด สัญญาเงินกู้ สมุดบัญชีมาวาง
บัวหอม สายพิณ อยู่กันพร้อมหน้า คำปันงง “นี่มันเรื่องอะไรกันวะ”
บัวหอมบอก “เฮาก็อยากรู้เหมือนกัน”
โสภิตกับกาบขึ้นไปบนเวที ชีพ เส่ง ยืนเครียดอยู่มุมหนึ่ง “พ่อแม่พี่น้องชาวบ้านทุ่งทองที่เคารพทุกท่าน ดิชั้นในฐานะตัวแทนแม่เลี้ยงอมรา ขอประกาศให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับเรื่องสัญญาเงินกู้ที่ทุกคนทำไว้กับแม่เลี้ยง”
บุญมี ดุ่ย ไทร เข้ามา บุญมีงง สงสัย ตะโกนกวนๆ “อะไรกันอีกล่ะ จะมาไม้ไหนอีก ยังไม่เข็ดเหรอคุณอัปสรโสภิต”
“ฉันว่านายบุญมีนั่งลงแล้วก็ฟังฉันพูดต่อให้จบดีกว่าแม่เลี้ยงขอ...ยกเลิกหนี้สินทั้งหมด ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย”
บรรยากาศเงียบ ทุกคนเหมือนตะลึง ปนความไม่เชื่อ โสภิตก็งงที่ทุกคนเงียบหมด ไม่แสดงความดีใจ จึงพูดย้ำอีกครั้ง
“และเราจะคืนโฉนดให้กับทุกคนค่ะ”
บุญมีลุกขึ้น “ข้าไม่เชื่อ แม่เลี้ยงต้องมีแผนอีกแน่ ตั้งใจจะมาหลอกลวงอะไรเพิ่มอีก มาทำใจดี จะได้ตลบหลังอีกรอบใช่มั้ย”
ชาวบ้านฮือฮาเห็นด้วยกับบุญมี โสภิตฉุน “ก็ตามใจ แม่เลี้ยงตั้งใจทำบุญ หลังจากฟื้นจากอาการป่วย และก็ยังจะมอบเงินให้ทุกคนไปทำทุนค้าขาย ลงทุนอีกจำนวนหนึ่งด้วย”
ชีพตกใจ “คุณภิต ทำอย่างงี้ไม่ได้นะครับ”
“ฉันไม่ได้ถามความเห็นนาย”
บุญมีไม่เชื่อ
“อย่า อย่าหลงกล นังแม่มดอีกเป็นอันขาด”
อีกมุม คุณวุฒิเดินเข้ามากับพีรพงษ์สมุนในชุดซาฟารีประกบ โสภิตเห็นจึงเข้ามาไหว้คุณวุฒิ พีรพงษ์ยิ้มกริ่มประกบโสภิต แนะนำเป็นทางการ
“น้องอัปสรโสภิต ลูกสาวแม่เลี้ยงอมราครับพ่อ”
“อืม...สวยสมคำร่ำลือ แล้วนี่เชิญผมมางานอะไรเหรอหนู”
“ผมนึกว่ามากินเลี้ยงกันในครอบครัว”
“เชิญท่านมาเป็นประธานและพยานในการที่คุณแม่แบ่งปันทรัพย์สินคืนให้กับชาวบ้านค่ะ”
พีรพงษ์งง โสภิตบอกต่อ “เชิญคุณอานั่งตรงนี้ค่ะ คุณพงษ์ด้วย”
โสภิตส่งโพยให้คุณวุฒิดู คุณวุฒิคลี่กระดาษดูผ่านๆมอง
“สุนทรพจน์ค่ะ” โสภิตบอกกับชาวบ้าน “เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ฉันจึงได้ขอให้ท่านคุณวุฒิ กับลูกชายกรุณามาเป็นพยานด้วย”
คุณวุฒิลุกขึ้นไหว้กราด พีรพงษ์ต้องไหว้ตาม โสภิตตบมือ ชาวบ้านส่วนหนึ่งตบตามเปาะแปะ
“ถ้าเข้าใจกันแล้ว ก็เชิญเข้าแถวรับเงินและเอกสารได้เลย”
ชาวบ้านมองหน้ากัน แล้วคนแรกก็ลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะ
“ชื่ออะไรคะ”
ชาวบ้าน 1 บอกนอบน้อม “วัน เอี่ยมอ่องจ้ะ”
“นายวัน เอี่ยมอ่อง” โสภิตหันไปทางชีพ “ขอสัญญาเงินกู้”
ชีพไม่ยอมส่งสัญญาเงินกู้ โสภิตค้นเองแล้วฉีกต่อหน้า ชีพตกใจมองหน้ากับเส่ง
ทุกคนฮือฮา พีรพงษ์อึ้งๆๆๆ ชีพกระซิบเส่ง เส่งรีบไป
ปิ่นโตใส่อาหารชาวเหนือ น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหมุ่ม แกงฮังเล แคบหมูวางเรียงอยู่ตรงหน้า แม่เลี้ยงอมรากลับมาอยู่ที่คุ้มแล้ว มองด้วยความอยากกิน มือกำลังจะคว้าแคบหมู แต่พวงเอามือมาจับไว้เสียก่อน แม่เลี้ยงเอามีอีกข้างจะจก พวงก็เอามือมาจับอีก
แม่เลี้ยงยัวะ “นังพวง”
“แม่เลี้ยงสั่งอาหารพวกนี้ พวงก็นึกว่าซื้อมาหื้อคุณหมอคุณพยาบาล แต่แม่เลี้ยงจะกินเอง พวงบ่ยอม”
“ทำไม เงินที่ซื้อก็เงินชั้นทั้งนั้น ฉันจะกิน” แม่เลี้ยงแย่งอีก พวงก็รวบมากอดไว้
“บ่ได้ คนป่วยกินบ่ได้ค่ะ ของแสลง”
แม่เลี้ยงพูดเสียงแหบๆ เบาๆ เน้นๆ “ฉัน ไม่ ได้ เป็น อะ ไร”
พวงงง
“ฉันไม่ได้ป่วย แต่แกห้ามบอกใคร โดยเฉพาะตำรวจเอาน้ำพริกมาเดี๋ยวนี้”
พวงอึ้งๆ ที่แม่เลี้ยงกล้าหลอกใครใครขนาดนี้
แม่เลี้ยงอมรายิ้มร่ากำลังจกข้าวเหนียว เข้าปากทำหน้าสุดฟิน มืออีกข้างกำลังปั้นข้าวเหนียวก้อนใหญ่ เส่งเปิดประตูผลัวะเข้ามา แม่เลี้ยงตกใจ เผลอยัดข้าวเหนียวก้อนใหญ่เข้าปาก แล้วสำลักข้าวเหนียวติดคอตาเหลือก มือคว้าอากาศ พวงกับเส่งตกใจ ช่วยกันทุบหลังแม่เลี้ยง จนข้าวหลุดออกมา พวงเอาน้ำให้
“น้ำเจ้า”
แม่เลี้ยงโกรธเป็นไฟ เข้าไปขยุ้มคอเส่งโมโหจัด “แก ไอ้เส่ง แกจะฆ่าฉันหรือไง หา ฉันก็นึกว่าตำรวจ”
เส่งพนมมือท่วมหัว “พี่ชีพให้มาบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
ชาวบ้านลุกพรึ่บพรั่บ ไปเข้าแถว โสภิตฉีกเอกสารเงินกู้ มอบโฉนดและซองเงินให้
ชาวบ้านไหว้ท่วมหัว หันมาชูโฉนด เฮกัน บัวหอมลุกขึ้น
“เอาวะเป็นไงเป็นกัน” บัวหอมถาม
“เอาแน่เหรอ ถ้าเปิ้นขี้จุ๊หลอกลวงเฮาอีกล่ะ” สายพิณลังเล
“บ่หันเหรอว่าลูกสาวแม่เลี้ยงฉีกสัญญาเงินกู้ต่อหน้าหมู่เฮาเลย”
บัวหอมวิ่งไปเข้าคิว สายพิณไปด้วย
“เอาก็เอาวะ”
บุญมี ดุ่ย ไทร ทำเหมือนไม่เชื่อจะเกิดขึ้น
“พี่ มีพยานแบบนี้ ยัยอัปสรคงไม่กล้าหลอกเรามั้ง” ดุ่ยบอก
“อาจจะกลัวเราฉุดไปอีกก็ได้” ไทรว่า
บุญมีดีดนิ้วนึกขึ้นได้ “จริงซิ ข้ารู้แล้ว ทำไมลูกสาวแม่เลี้ยงถึงได้ใจดีกับพวกเราทำไมข้านึกไม่ถึง ก็มันเสร็จไอ้จีไปแล้ว มันก็ต้องเป็นพวกเราซิวะ ฮ่า ฮ่า”
บุญมีหัวเราะชอบใจ
ฟากแม่เลี้ยงซ้อนมอเตอร์ไซค์เส่ง ผมฟูกระจายมาในชุดผู้ป่วยมีเสื้อคลุมคลุมอีกที
แม่เลี้ยงอมราเดินหัวฟูเข้ามาในห้อง อาหารเริ่มเสิร์ฟ คำปันเพิ่งรับโฉนดเสร็จ หันมาเจอ
“แม่เลี้ยง”
ชาวบ้านหันไปมองแม่เลี้ยงเป็นตาเดียวกัน คำปันเข้าไปไหว้ด้วยความซาบซึ้ง
“แม่เลี้ยงครับ ผมขอบคุณจริงๆ ขอให้ผลบุญที่เมตตาผมกับหลานดลบันดาลให้แม่เลี้ยงหายจากโรคภัยไข้เจ็บนะครับ”
แม่เลี้ยงอึกอัก “คือฉัน”
ชาวบ้านค่อยๆ ทยอยลุกขึ้น ตบมือ น้ำตาไหลพราก บัวหอมเดินรี่เข้าไปหาแม่เลี้ยงพับเพียบจับขา สายพิณคุกเข่าจับมือแม่เลี้ยงร้องไห้
“โถ ใจบุญกับคนยาก คืนทั้งต้นทั้งดอก แถมโฉนดที่ดิน จะหาผู้ใดน้ำใจงามจะอี้บ่มีอีกแล้ว” บัวหอมสรรเสริญ
สายพิณเสริม “งามทั้งใจทั้งกาย งามแต๊ทั้งแม่ทั้งลูก งามปะล้ำปะเหลือ”
แม่เลี้ยงอมรางง “เดี๋ยวก่อน พูดอะไรกัน ชั้น...ชั้นไม่เข้าใจ”
ชีพเข้ามารายงาน “คุณภิตคืนโฉนด ให้ชาวบ้านแล้วก็แถมเงินทำทุนให้ด้วยครับ”
“หา” แม่เลี้ยงตาเหลือก ตกใจสุดขีด
แม่เลี้ยงรีบไปหาลูกสาว โสภิตรีบประคอง “แม่ แม่ยังไม่หายดีมาทำไมคะ ภิตบอกแล้วว่าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแม่ไม่ต้องห่วง”
“แกทำอะไรของแก”
คุณวุฒิทักอย่างแปลกใจ “สวัสดีครับแม่เลี้ยง จัดงานใหญ่ระดับนี้ก็ไม่กระซิบบอกกันก่อน”
“สวัสดีค่ะท่านคุณวุฒิ พ่อพงษ์” อมรามองเป็นคำถาม งงกันทั้งคู่
โสภิตรีบตัดบท “ท่านคุณวุฒิคะ เชิญท่านให้เกียรติกล่าวกับชาวบ้านซักเล็กน้อยค่ะ” โสภิตประคองแม่มา “แม่ยืนข้างๆท่านคุณวุฒินะคะ จะได้ถ่ายรูป”
แม่เลี้ยงอมราอึกอักแต่ไม่กล้าทำอะไรมาก คุณวุฒิเปิดโพยดูแล้วไหว้กราดรอบห้อง คว้าไมค์
“สวัสดีพ่อแม่พี่น้องที่รักเคารพทุกท่าน ผม คุณวุฒิ” ส.ส.คุณวุฒิพูดไปดูโพยไป “มีความยินดีที่ได้มาเป็นประธานและพยานงานแบ่งปันทรัพย์สินคืนชาวบ้าน ของแม่เลี้ยงอมรา ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรคเราที่ว่าเราจะแปลงหนี้สินให้เป็นทุนแก่ราษฎรมูลค่าของทรัพย์สินที่แม่เลี้ยงอมราให้แก่พี่น้องในวันนี้ โอ้โห...กว่าห้าสิบล้านบาทครับขนาดป่วยก็ยังมา ขอขอบคุณแทนชาวบ้านครับ”
ชาวบ้านตบมือกันเกรียวกราว แม่เลี้ยงท้วง “เดี๋ยว ฉันไม่...”
แสงแฟลชจากช่างภาพที่โสภิตจ้างมา ส่องวูบวาบ แม่เลี้ยงอมรายกมือป้องแสงแฟลช
ชาวบ้านตะโกน “แม่เลี้ยงจงเจริญๆๆ”
พีรพงษ์กระซิบถามอมรา หน้าเครียด “ผมคิดไม่ถึง ว่าแม่เลี้ยงจะใจปล้ำใช้วิธีนี้แก้ปัญหา”
แม่เลี้ยงจะตอบ แต่นักข่าวมาถ่ายรูปช่างภาพบอก “ยิ้มหน่อยคร้าบ”
แม่เลี้ยงยิ้มเหมือนร้องไห้พูดไป “ป้าไม่รู้เรื่องเลย ทำไมพ่อพงษ์ไม่ห้ามน้อง”
“หมายความว่า.....น้องภิตทำเองเหรอครับ”
พีรพงษ์หันไปมองโสภิตที่ยิ้มแย้มกับช่างกล้องไม่รู้ไม่ชี้
ฟากจีรณะอยู่ที่สำนักงานสมัชชา รู้เรื่องจากบุญมีแล้วไม่อยากเชื่อ
“อะไรนะ แม่เลี้ยงน่ะเหรอครับยกหนี้ให้ลูกหนี้ทุกคน เป็นไปไม่ได้”
“มันเป็นไปแล้ว ไอ้จีเอ๊ย...แล้วนี่ เงินทุนอีกก้อน ลูกสาวแม่เลี้ยงแถมให้ลูกหนี้ทุกคน มันเป็นฝีมือเอ็งล้วนๆ”
จีรณะงง “ฝีมือผม”
“เอ๊า ก็คืนนั้นที่กระท่อมกลางป่า ฮ่าๆๆๆ เอ็งคงจะแก้แค้นลูกสาวแม่เลี้ยงจนติดใจ เลยเปลี่ยนข้างมาเป็นพวกเราแล้ว”
จีรณะจะปฏิเสธ “ผมไม่ได้...” บุญมีมองมา “ผมไม่ได้ขอให้เค้ายกหนี้ให้...”
“เฮ้ย ของอย่างงี้มันไม่ต้องขอหรอกวะ ไอ้จีเอ๊ย...นี่ถ้าพวกชาวบ้านรู้เรื่องคงสะใจเป็นบ้า”
“น้ามี นี่น้ามีคงไม่ได้บอกอะไรชาวบ้านเรื่องที่จับตัวคุณภิตไปใช่มั้ย”
บุญมียิ้มแซว “ยัง หรือว่าอยากให้บอก”
“อย่านะน้า เรื่องที่เราทำมันผิดกฎหมาย คุณภิตเค้าไม่แจ้งความก็บุญแล้ว”
บุญมีฮึดฮัด “เออ ไม่บอกก็ไม่บอกซิวะ ไป ไปฉลองกันดีกว่า ต่อไปนี้ชาวทุ่งทองพ้นทุกข์พ้นโศกแล้วโว้ย”
บุญมีเดินออกไป อย่างรื่นเริง จีรณะเรียกไว้ก็ไม่สน “น้ามีๆ”
โสภิตเดินจะหนีเข้ามาแม่เลี้ยงอมรารีบตาม
“เดี๋ยวยัยภิตอย่ามาทำบื้อใบ้กับชั้น คุยกันให้รู้เรื่องก่อนคิดยังไงถึงเอาเงินไปคืนพวกลูกหนี้ ชั้นลำบากแค่ไหนกว่าจะหาเงินพวกนั้นมาได้”
โสภิตยืนนิ่งรวบรวมสติ “ลำบากแค่ไหนก็ยังดีกว่าไปลำบากในคุก เรายังมีโอกาสหาเงินด้วยวิธีสุจริต ไม่ต้องไปเอาเปรียบคดโกงใครได้อีก”
“ก็ไม่เห็นพวกมันจะมีหลักฐานอะไรเอาผิดเราได้จะต้องร้อนตัวไปทำไม แกเป็นคนฉลาดน่าจะหาวิธีที่ดีกว่านี้สิ”
“คนทำความผิดไม่มีทางปกปิดหลักฐานได้ทั้งหมดหรอกค่ะถ้าธนาคารแจ้ง ปปง. เมื่อไหร่เป็นคดีความขึ้นมานอกจากจะติดคุกแล้ว เราจะถูกยึดทรัพย์สินในธนาคารด้วย ที่ภิตคืนเงินคืนทรัพย์สินให้ชาวบ้าน เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้วค่ะ อย่างน้อยศาลท่านอาจจะเมตตาเราบ้าง”
โสภิตเข้าเรือนไป
แม่เลี้ยงมองตามขัดใจ “ยัยนี่เพี้ยนไปแล้วจริงๆ”
พวงถือโทรศัพท์บ้านเข้ามาถาม “แม่เลี้ยงเจ้า รถพยาบาลเปิ้นจะมารับกลับไปโรงพยาบาลเจ้า กี่โมงดีเจ้า”
อมราอารมณ์เสียตวาดลั่น “บอกมันว่าไม่ต้องมา จะให้ฉันกลับไปให้มันสิ้นเปลืองทำไมแค่นี้ฉันก็หมดตัวแล้ว”
พิมพรเดินเข้ามาจากนอกบ้าน “แม่ แม่ออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”
“ทำไม ผิดหวังมากเหรอที่ชั้นยังไม่ตาย”
“งั้นที่ชาวบ้านบอกว่าแม่ไปแจกเงินพวกเค้าก็จริงซิคะเมื่อกี๊พิมไปตลาด พวกชาวบ้านเข้ามาขอบคุณกันใหญ่”
แม่เลี้ยงจี๊ด “แกมันก็ดีแต่แต่งตัวออกไปผลาญเงิน ไม่เห็นจะช่วยงานการอะไร ต่อไปนี้ ฉันจะตัดเงินแกเหลือแค่ครึ่งเดียว”
พิมพรอึ้ง “อะไรกันคะแม่ ทีชาวบ้านแจกได้ ทีหนูมาคิดเล็กคิดน้อย หนูเป็นลูกนะ หนูไม่เอาเงินเดือนก็ได้ แม่ให้หนูมาห้าล้าน หนูจะเอาไปทำธุรกิจ”
แม่เลี้ยงอมราของขึ้น “หนอยแน่ห้าล้าน น้ำหน้าอย่างแก จะมีปัญญาทำธุรกิจอะไรได้ ไปเลย อย่ามาพูดเรื่องเงินกับชั้นอีก”
แม่เลี้ยงพูดเสร็จก็ก้าวฉับๆ ขึ้นบ้านไป พิมพรโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้ ฟาดนั่นฟาดนี่ระบายอารมณ์
บ็อบบี้แอบมองอยู่ที่ประตู เด็กน้อยคิดหนัก
เย็นนั้นยศกับจิตรามากินอาหารพออิ่มจิตราชวนกลับ
“กลับกันเถอะค่ะวันนี้จิตเหนื่อยมากเลย” จิตรากวักมือเรียกบริกร “เช็คบิลด้วยค่ะ”
ยศควักกระเป๋าตังค์มาดู ปรากฎว่ามีตังค์อยู่ไม่กี่ร้อย
“จิต พี่หยิบกระเป๋าสตางค์มาผิดใบ ทั้งเงินทั้งการ์ดอยู่ในอีกใบหนึ่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ วันนี้จิตเลี้ยงได้ จิตเพิ่งได้ทิปมา”
“พี่นี่มันใช้ไม่ได้จริงๆ เป็นที่พึ่งให้จิตไม่ได้เลย”
“ไม่หรอกค่ะ พี่ยศช่วยจิตมากแล้ว อย่าคิดมากซิคะ”
จิตราจับมือยศ ยศกุมมือจิตอย่างซาบซึ้งจริงๆ “วันนี้จิตเลี้ยงข้าวพี่ ต่อไปพี่จะเลี้ยงจิตตลอดชีวิต”
จิตรากังวล “มันจะเป็นไปได้เหรอคะ ในเมื่อ แม่เลี้ยงไม่ยอมรับจิต”
“พี่หาทางคุยกับแม่ให้ได้”
“แล้วถ้าท่านไม่ยอมรับ”
“คราวนี้ พี่จะไม่ฟังแม่อีก เราจะหนีไปด้วยกัน”
สาวโลกสวยจิตราซาบซึ้ง
คืนนั้นโสภิตอยู่ในชุดนอน เสื้อ กางเกง เอาผ้าเช็ดตัวซับผมไปมา เสียงโทรศัพท์ดัง โสภิตกดรับสาย แนบหู
“ผมอยากคุยกับคุณ” เป็นเสียงจีรณะ
“เอาไว้วันหลังได้มั้ยคะ ชั้นกำลังจะเข้านอนแล้ว”
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้น ผมจะปีนขึ้นไปหาคุณเอง”
โสภิตตกใจตาโต โผไปที่หน้าต่าง พบว่าจีรณะยืนถือโทรศัพท์กอดอกพิงต้นไม้มองสบตาดุๆขึ้นมา
ไม่นานต่อมา โสภิตเดินระแวดระวังเหลียวหน้าแลหลังเข้ามา จีรณะโผล่มาดักหน้า โสภิตชะงัก จีรณะหน้าเข้มดุใส่
“คุณมีอะไรจะคุยกับชั้นก็ว่ามา”
“วันนี้คุณทำได้ดีนี่ ฟอกตัวเป็นนางเอกทั้งแม่ทั้งลูก มีนักการเมืองใหญ่มาเป็นตัวประกอบ ยืนยันความดีพร้อมลูกชาย เจ้าบ่าวในอนาคตของคุณ”
โสภิตเชิดหน้า “ชาวบ้านไม่ได้บอกคุณเหรอว่าแม่ฉันป่วยเลยอยากทำบุญ”
“ผมไม่ใช่เด็กปัญญาอ่อนจะได้เชื่อเหตุผลของคุณ”
“ทำไมคุณจะต้องโมโหด้วย คุณด่าแม่ฉันว่าใจยักษ์ใจมาร พอแม่ฉันใจบุญ คุณก็ไม่พอใจอีก”
“ถ้าคุณเชื่อในกฎแห่งกรรม คุณก็ควรจะรู้ว่า บุญกับบาปมันแยกกัน บาปที่แม่คุณกับนายพงษ์ก่อกรรมทำเข็ญกับชาวบ้าน เงินแค่นี้มันล้างไม่หมดหรอก”
“งั้นคุณก็ไม่ต้องเดือดร้อนซิ ยังไงกรรมมันก็ต้องสนองพวกฉันอยู่แล้ว”
จีรณะกระชากโสภิตเข้าไปหา “แต่ผมอยากจะเป็นยมทูตลากคุณลงนรกให้เร็วขึ้น”
“จะทำอะไร ปล่อย”
“เก่งจริงก็ร้องเลย ตอนนี้ชาวบ้านเค้าก็คิดว่าผมเป็นลูกเขยแม่เลี้ยงอยู่แล้ว”
โสภิตงง “จะบ้าเหรอ ฉันไปมีอะไรกับนายตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็คืนนั้นไงในกระท่อม ถ้ารู้ว่าเราติดอยู่ด้วยกันทั้งคืน ใครจะเชื่อว่าคุณจะรอดปลอดภัย”
“ที่แท้คุณก็ตั้งใจมาแบลคเมล์ฉัน เลว”
โสภิตโมโหดิ้นหนี จีรณะดันโสภิตติดกำแพง
ยศเพิ่งกลับบ้านจอดรถรอ แล้วเอากุญแจไขประตู ได้ยินเสียง เดินมา
“เฮ้ย ใครอยู่ตรงนั้น”
“พี่ยศ” โสภิตดิ้นอกจากอ้อมกอดได้ “รีบไปซะ ก่อนจะเกิดเรื่อง ไปซิ”
“อย่าลืมว่าผมยังมีพยานสองผัวเมียนั่นอยู่ ผมไม่ปล่อยให้คนอย่างแม่เลี้ยงลอยนวลไปได้ง่ายๆหรอก ขอให้โชคดีตอนขึ้น ศาลก็แล้วกัน”
จีรณะเดินดุ่มๆหายไปในความมืด โสภิตชะเง้อชะแง้ตามไป ยศเดินเข้าไปหา
“ยายภิต แกออกมาทำอะไร”
โสภิตมีพิรุธ “เอาของมาให้หมาจรจัดแถวนี้กิน ไม่มีอะไร”
โสภิตเดินหนีเข้าบ้านไป
ยศตามโสภิตเข้ามา พูดขู่ “ไม่ต้องมาทำเนียนยายภิต หมาอะไร เดินสองขาหนีไปจะจะ ฉันจะไปบอกแม่ ว่าลูกสาวคนโปรด นัดพบกับผู้ชาย
“อย่านะพี่ยศ แม่ป่วยอยู่ อย่าหาเรื่องได้มั้ย
“งั้น เอามาให้ชั้น 5 แสน”
โสภิตตกใจ “ห้าแสน พี่ยศจะเอาไปทำอะไร ภิตไม่มีให้หรอก”
“งั้น แสนนึงก็ได้ ชั้นไม่รู้นี่ว่าของมันราคาเท่าไหร่”
“พี่ยศจะซื้ออะไร ที่ไม่รู้ราคา”
“อย่ามายุ่งกับฉันเลย ตกลงแกจะให้หรือไม่ให้ ถ้าไม่ถึงแสน ฉันไม่ยอม”
โสภิตถอนใจ “รวมกับเงินเดือนเดือนนี้ด้วย ภิตจะโอนเข้าบัญชีพี่ยศพรุ่งนี้”
ยศยิ้ม “ก็ยังดี ตกลงผู้ชายคนนั้นมันแฟนแกเหรอ ถึงยอมจ่ายเงินง่ายๆอย่างนี้ หืม”
โสภิตไม่ตอบ หันหลังเดินเข้าบ้านไป
ด้านสองพ่อลูกอยู่ที่บ้าน พีรพงษ์ อธิบายให้คุณวุฒิฟัง
“ตกลงชีพ มันบอกว่ายัยแม่เลี้ยงไม่รู้เรื่องอะไร อัปสรโสภิตจัดการเองทั้งหมด”
“ลูกสาวแม่เลี้ยงคนนี้ฉลาดใช้ได้ ใจถึงด้วย ยอมเสียเงินล้างผิด คนนี้แหละที่เหมาะเป็นเมียแก คราวนี้ก็เหลือแค่พยานบุคคล”
“พรุ่งนี้ผมให้มืออาชีพไปจัดการแล้วครับ พ่อไม่ต้องห่วง”
ตอนเช้าจีรณะเดินแกมวิ่งขึ้นไปที่โรงพัก เจอหมู่ทองกะดาบม้วน ท่าทางของเขาทั้งร้อนใจปนกลุ้ม
“เป็นไงบ้างครับ ตกลงใครเป็นคนประกันสองผัวเมียนั่น”
จ่าทองบอก “เป็นทนายนอกพื้นที่ หลักประกันก็เป็นเงินสด ตามต่อไม่ได้เลย”
“บ้าจริง ทำไมถึงให้ประกัน”
“พวกผมก็ไม่รู้ มัวแต่ไปเป็นเพื่อนนังบัวหอม เอารถเข็นที่แม่เลี้ยงยึดไปคืน” ดาบม้วนว่า
“ผมก็ไปติดต่อเรื่องหนี้เหมือนกัน กำลังดีใจแท้ๆ กลับเจอเรื่องแย่ๆจนได้”
“นี่มันก็ชัดอยู่แล้วว่า แม่เลี้ยงกะทำลายหลักฐานทั้งหมด ทั้งเรื่องเงินในบัญชีกับพยานบุคคล จ่ากับดาบมองไม่ออกเหรอครับ”
“มันก็สงสัยอยู่อ่ะนะ แต่นังบัวหอมมันดันไปรับเค้าแล้วทำไงได้” ดาบม้วนว่า
“ที่อยู่ที่สองคนนี้ให้ไว้อยู่ที่ไหนครับ”
จีรณะเครียด สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องร้าย
อ่านต่อหน้า 3
พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ต่อมาไม่นานจีรณะถือปืนยืนหน้าประตูเกสต์เฮ้าส์ หมู่ทองถีบประตูเข้าไป สองคนส่ายปืนไปมา แต่ไม่มีใครอยู่ข้างใน
กำพล และ นารี สองผัวเมียคุกเข่าอยู่ในหลุมลึกฟุตครึ่งกลางป่าลึก อ้อนวอนขอชีวิต
“เราทำอะไรผิดๆ”
“ปล่อยเราไปเถอะนาย เราไม่พูดอะไรหรอก”
“สาบานๆได้ เรา...”
พีรพงษ์ยืนข้างหลังสองผัวเมีย เหนี่ยวไกสองนัด
กำพล กะ นารี ฟุบคว่ำหน้า สมุนทั้งสามกระชับพลั่วในมือกลบหลุม คนละจ้วงสองจ้วง
ที่จวนผู้ว่า คุณนายนลินีเดินมาหน้าห้องนิตยา เงื้อมือจะเคาะประตู เปลี่ยนใจหยิบพวงกุญแจออกมาจากกระเป๋า ไขประตูเปิดเข้าไป พบว่าเตียงว่างเปล่า หน้าต่างเปิดอ้าอยู่ คุณนายเครียด
ที่แท้นิตยาใส่ชุดนอน นอนกอดมนัสบนเตียงในห้องพักของเขา มนัสงัวเงียตื่นเอามือควานหานาฬิกามาดู ตกใจ รีบจับแขนนิตยาเขย่าเบาๆ
“คุณนิดๆ ตื่นครับ สายแล้ว”
นิตยาเห็นนาฬิกาตกใจ “ว้าย ตายแล้ว”
นิตยาลุกขึ้นคว้าเสื้อผ้าที่พาดๆไว้
พอประตูห้องนอนเปิดนิตยาก้มหน้าก้มตาติดกระดุมเดินออกมา มนัสตามแล้วต้องชะงัก เงยหน้า เห็นคุณนายนลินียืนโกรธตัวสั่นอยู่ คุณนายเข้าไปจิกตีนิตยาพัลวัน
“ยัยนิต ยัยลูกใฝ่ต่ำ ทำไมแกทำแบบนี้”
มนัสรีบคุกเข่ามากราบเท้าคุณนาย “ผม ผมกราบขอโทษครับ ผมผิดเอง ผมขอรับผิดชอบทุกอย่าง”
คุณนายตบมนัส“หน้าอย่างแกจะเอาอะไรมารับผิดชอบ ก็ไอ้แค่ลูกคนขายข้าวแกง อย่ามาสะเออะ”
คุณนายนลินีลากแขนนิตยาเข้ามาในสวนจวนผู้ว่า ผ่านโต๊ะม้าหิน
“ทำอะไรไม่รู้จักคิด ต่อไปนี้พ่อกับแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
นิตยาสะบัดแกะมือคุณนายจนหลุด แล้วไปนั่งที่เก้าอี้
“ก็หนูกับพี่มนัสรักกัน แม่ก็ได้ยินเค้าจะรับผิดชอบหนู เค้าเป็นข้าราชการไม่ใช่คนกระจอกๆ อย่างที่แม่ดูถูกเค้า”
“ก็คอยดู ชั้นจะฟ้องพ่อแกให้เอามันออกจากราชการ ถ้าแกไม่ยอมเลิกกับมัน”
“สายไปแล้วค่ะแม่ หนูท้องกับพี่มนัสได้เกือบสองเดือนแล้ว”
คุณนายตาค้าง เข้าไปทรุดนั่งใกล้ๆ ลูก “แกปล่อยให้ท้องกับมันได้ยังไง นี่แกบ้าหรือว่าโง่กันแน่ยัยนิต”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าเรารักกัน เราจะแต่งงานกัน”
คุณนายลูบแขนลูก “เงินเดือนข้าราชการอย่างมันจะมาเลี้ยงดูอะไรแกได้เดือนๆ แค่ค่าช็อปปิ้งแต่งตัวของแกก็ปาเข้าไปตั้งกี่หมื่นแล้ว”
“จะยากจนเข็ญใจยังไงหนูก็จะทนอย่างน้อยหนูก็ได้เลือกคนที่หนูรัก ด้วยตัวเอง”
คุณนายนลินีมองลูกหน้าตาเยือกเย็น “ชั้นชอบนักพวกบูชาความรักอย่างแก”
ขณะเดียวกันที่บ้านไม้หลังซอมซ่อ พ่อแม่ของมนัส
แม่รูปร่างอ้วนปุ๊กนั่งเมาที่แคร่หน้าบ้าน จานชามคว่ำ ส่วนพ่อมีผ้าขาวพาดไหล่ เข็นรถขายข้าวแกง 4 หม้อ มีกระจาดใส่ขนมจีน เข็นจะไปขาย
นลินีและนิตยาลงจากรถเดินเลียบรั้วมาคุณนายถือถุงใส่ผ้าเช็ดตัว ผ้าถุง ผ้าขะม้า
“เฮ้ย ไอ้แก่ เอากับมาจาน เหล้าก็หมด อีนิด” แม่ตะโกน “ไอ้น้อยซื้อเหล้าให้แม่หน่อย ฮู้...”
พ่อบอก “นี่มันเช้าแล้วนะ เมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไปหลับไปนอนเถอะ ลูกๆ มาเห็นมันจะไม่ดี”
ขาดคำ แม่คว้าจานเขวี้ยงเฉี่ยวหัวนลินีนิดเดียว “ไม่ต้องมาสอนข้า ไอ้แก่ เดี๋ยวแม่เยี่ยวใส่หม้อ ไม่ต้องขายต้องเขยกัน”
คุณนายเดินเข้ามา นิตยาหลบหลัง พ่อเห็นรีบไหว้อ่อนน้อม
“สวัสดีครับคุณนาย มีธุระแถวนี้เหรอครับ”
“เปล่า บังเอิญผ่านมา เลยแวะมาเยี่ยมพ่อแม่มนัสซะหน่อยคนกันเองมนัสเป็นถึงอักษรเลข(อัก-สร-ระ-เลข) เป็นเลขาท่านผู้ว่าทั้งที”
คุณนายเอาถุงไปวางที่แคร่ แม่ก้มไหว้เมากลิ้งตกแคร่ไปนั่งกับพื้นไหว้คุณนาย
“ไอ้มนัสได้ชั้นเอกรึยังจ๊ะ ขอเบิกเงินเดือนมันล่วงหน้าซักพันได้มั้ยจ๊ะคุณนาย”
คุณนายหยิบเงินให้แม่มนัส แม่รีบยัดใส่ยกทรง น้องชาย หญิงของมนัสขี่มอเตอร์ไซค์เสียงดังเข้ามาจอดดับเครื่อง แล้วโผเข้าตักข้าวตักแกงกินกันมูมมาม น้องสาวซู้ดเส้นขนมจีน คุณนายสะใจมองนิตยาที่หมดใจหน้าเสีย
น้องสาวมาดสก๊อยชวน “เจ๊คนสวยกินด้วยกันมั้ย รับรองคนทำแขนไม่ด้วน ใช้มือทำโคตรอร่อย”
คุณนายยิ้มพูดเบาๆกับนิตยา “หิวรึยังลูก กินข้าวกินปลาพร้อมหน้าพร้อมตากันหน่อยมั้ยไหนๆ ก็จะดองกันแล้ว”
นิตยาเบ้หน้า
วันเดียวกันรถแล่นมาจอดในสวนสาธารณะจิตราอยู่กับยศในรถคันนั้น “พี่ยศ สายแล้วนะคะ เดี๋ยวจิตไปทำงานไม่ทัน”
“ไม่ จิตไม่ต้องทำงานแล้ว”
จิตราตกใจ “ทำไมคะ มีปัญหาอะไรหรือคะ เค้าไม่พอใจจิตตรงไหน”
ยศลงจากรถ จิตราตามลงมา “พี่ยศ”
“ยื่นมือมา....ข้างซ้าย”
จิตรายื่นมือ ยศสวมแหวนให้ แล้วจูบจิตราตะลึง
“แทนความรักของพี่”
“พี่ยศ”
“ทีนี้รู้รึยังว่าทำไมจิตไม่ต้องไปทำงานแล้ว”
จิตราโผเข้ากอดยศอย่างซาบซึ้ง “ตอนนี้แม่พี่กำลังใจดี ยกหนี้สินให้ชาวบ้าน พี่จะถือโอกาสพูดเรื่องของเรา แม่ต้องยอมแน่ๆ”
ตอนบ่ายๆ จิตราเดินเข้าบ้านมาอย่างมีความสุข ซื้อของสดมาเพียบ อาโปกำลังดูทีวี
“พี่จิต ทำไมวันนี้กลับเร็ว”
“พี่ลาออกแล้วจ้ะ”
อาโปงง “อ้าว”
“เอาของพวกนี้ไปแช่ตู้เย็น เย็นนี้พี่จะทำกับข้าวอร่อยๆให้กิน”
อาโปเห็นแหวน ก็ทัก “อุ๊ย แหวนสวยจัง เพชรปลอมเหรอจ๊ะ เหมือนจริงเลย”
“เพชรจริง”
“ฮ้า แล้วพี่จิตเอาเงินที่ไหนไปซื้อ”
“คนที่พี่รักให้”
“พี่จิตมีแฟนใหม่แล้วเหรอจ๊ะ”
“เดี๋ยวเย็นนี้อาโปก็รู้ว่าเค้าเป็นใคร”
จิตมั่นใจในตัวยศมาก อาโปงงงวย
ด้านแม่เลี้ยงอมรานั่งจิบกาแฟอยู่อีกโต๊ะในร้านกาแฟ คุณนายนลินีโผล่แอบดู เห็นชีพ นั่งกับลูกหนี้อีกโต๊ะ เปิดสมุดบัญชี ชี้ให้กันดู ตรวจสอบไป
ลูกหนี้เซ็นเอกสาร ยื่นให้ชีพ
ชีพยื่นเช็คเงินสดให้ ลูกหนี้เดินไปไหว้แม่เลี้ยง แม่เลี้ยงรับไหว้แกนๆ จิบกาแฟไม่สนใจ นลินีทำเป็นเดินผ่านโต๊ะแม่เลี้ยงอมรา แม่เลี้ยงมองไม่เห็น
นลินีทำเป็นมองหาโต๊ะนั่ง เดินผ่านแม่เลี้ยงใหม่ ชีพเก็บเอกสารเห็นคุณนาย รีบลุกสวัสดีกุลีกุจอ แม่เลี้ยงเห็นคุณนายรีบลุกไหว้
“สวัสดีค่ะคุณนาย”
คุณนายรับไหว้ ทำเป็นมึนตึง “บังเอิญจริงๆ ที่ได้เจอแม่เลี้ยง”
นลินีนั่งอีกโต๊ะ บริกรเข้ามานอบน้อม “ขอน้ำมะนาวก็แล้วกัน”
บริกรออกไป แม่เลี้ยงนั่งตรงข้ามคุณนาย ยกมือไหว้
“ดิชั้นรู้สึกผิดจริงๆ เรื่องความเหลวไหลของตายศที่ทำกับหนูนิด ต้องกราบขออภัยคุณนายอีกครั้ง”
นลินีทำเคร่งขรึม“ตอนแรกฉันก็โกรธมาก อยากให้ยัยนิดตัดขาดจากตายศ แต่พอรู้ความจริง ก็ทำไม่ลง”
อมรางง “ความจริงอะไรคะ”
นลินีมองซ้ายมองขวาแล้วกระซิบบอกอมรา
แม่เลี้ยงตาโต “ฮ้า จริงเหรอคะ”
“เรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ฉันไม่มาพูดเล่นหรอกค่ะ หรือว่าคุณนายไม่เชื่อในเกียรติของยัยนิด”
“ไม่ค่ะไม่ เชื่อซิคะ แล้วยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่างด้วย” อมราดีใจจะได้ดองผู้ว่า
ด้านโสภิตอยู่ในห้องทำงานที่คุ้ม ปิดสมุดบัญชี ถอนใจ ลุกขึ้นจะเดินออก แม่เลี้ยงเดินเข้ามา
“คิดจะหลบหน้าหลบตาฉันอีกนานมั้ย ยัยภิต”
“ภิตไม่ได้หลบค่ะ แต่ภิตคิดว่าแม่คงไม่อยากเห็นหน้าภิต”
“ใช่ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก เพราะแกมันฉันแสบมาก”
“ภิตรู้ค่ะ ภิตก็เลยพยายามทำบัญชีทุกอย่างให้เรียบร้อยนี่ค่ะ แม่ลองตรวจดู ส่วนพวกสมุดบัญชีธนาคาร โฉนดที่ดิน ภิตเอาไว้ในเซฟ แม่ให้ชีพเช็คดูก็ได้”
“แล้วแกเอามาให้ฉันทำไม”
“ภิตคิดว่าภิตคงไม่มีความสามารถที่จะเป็นผู้ช่วยแม่ค่ะ แม่หาคนอื่นมาทำเถอะนะคะ”
“นี่แกทำผิดแล้วคิดจะชิ่งหนีเหรอ แกต้องอยู่รับผิดชอบทำให้เงินชั้นงอกเงยเหมือนเดิมสิ”
“นั่นละค่ะที่ภิตทำไม่ได้ ให้พี่พิมหรือพี่ยศทำเถอะค่ะ”
“โอ๊ยสองคนนั่น ไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะนายยศมันกำลังจะเป็นลูกเขยผู้ว่ามาแตะเรื่องแบบนี้ไม่ได้แล้ว”
โสภิตพิศวง “อะไรนะคะ”
“แกฟังไม่ผิดหรอกยัยภิต วันนี้คุณนายผู้ว่ามาเจรจาเรื่องงานแต่งกับฉันแล้ว”
ยศหาวเข้าบ้านมา พวงกำลังเช็ดบ้าน “คุณยศ ไปแอ่วที่ใดมาเจ้า เมื่อคืนบ่ปิ๊กบ้าน”
“ไปกินข้าวกับเพื่อน ง่วงชะมัด ขอไปนอนก่อนนะ”
แม่เลี้ยงอมราเข้ามาเจอยศพอดี “เจ้ายศ”
ยศสะดุ้งหันไป “หายหัวไปไหนมา ฉันรอแกอยู่”
“แม่มีอะไรครับ”
“ไปก่อเรื่องอะไรไว้ ยังจะมาถาม”
“ผมไม่เข้าใจ”
จู่ๆ แม่เลี้ยงโผเข้ากอด ยศแหยงๆงงๆ “แหม...มีทีเด็ดก็ไม่บอกแม่บอกเชื้อ เรื่องใหญ่ขนาดนี้คิดว่าปิดชั้นได้เหรอ”
ยศอึ้ง “แม่รู้แล้ว”
“ก็เออน่ะซิ ชั้นหาฤกษ์มาเรียบร้อยแล้วด้วย ศุกร์นี้ หมั้นเช้า แต่งเย็นเลย”
ยศยิ้มตื่นเต้น “หมายความว่า แม่ยอมให้ผมแต่งงานแล้ว”
“ก็เออน่ะซิมาถึงขนาดนี้ จะไม่ยอมได้ไง”
ยศดีใจจนช็อค ตาสว่าง เข้าไปคุกเข่ากราบตักแม่
“ขอบคุณครับแม่ แม่ใจดีที่สุดในโลก ผมรักแม่”
ยศหอมซ้ายหอมขวาวิ่งออกไป เจอโสภิตตามมากอดน้องอีกคน
“ยัยภิต ในที่สุดพี่ก็ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่พี่รักแล้ว ไชโยๆๆๆ”
ยศขึ้นห้องไป โสภิตมองตาม
“ดูมันซินังพวง ดีใจเหมือนเด็กๆ นี่คงติดใจหนูนิตยาเข้าแล้ว”
พวงงง “คุณยศจะแต่งงานกับคุณนิตยาเหรอเจ้า”
“ก็ใช่น่ะซิ หนูนิดท้องกับตายศได้เกือบสองเดือนแล้วไปเอาโทรศัพท์ฉันมายัยพวง เดี๋ยวชั้นจะโทร.ไปบอกหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นก่อน”
โสภิตอึ้ง พึมพำ “คุณนิตท้องเหรอ”
คืนนั้นจิตราร่าเริง จูงยศออกมานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน พอได้ฟังว่ายศจะมาขอ
“จิตแน่ใจนะว่าพี่จิตจะฟังพี่ ไม่ใช่ต่อยพี่คว่ำนะ”
“จิตจะไม่ให้พี่จีทำร้ายพี่ยศค่ะ นั่งรอก่อน พี่จีคงมีธุระด่วนติดต่อไม่ได้ เดี๋ยวจิตไปชงกาแฟมาให้”
“ขอบใจจ้ะ”
ยศนั่งดูนิตยสารที่โต๊ะ อาโปถือตะกร้ากับข้าวเข้ามาชะงักมองสายตาอาฆาตมาดร้าย ขณะที่ยศพลิกหนังสือไปมารอจิตราอยู่ จู่ๆ อาโปเอาสายยางฉีดน้ำมาฉีดใส่ยศ
“เฮ้ย อีเด็กบ้า หยุดๆเดี๋ยวนี้”
จิตราถือถ้วยกาแฟออกมารีบวางบนโต๊ะ เข้าห้ามอาโป
“อาโปหยุดเดี๋ยวนี้ มาฉีดน้ำใส่พี่ยศเค้าทำไม”
“ก็ตานี่มีแต่พาเรื่องเดือดร้อนมาให้นาย มาให้บ้านนี้ ต้องไล่มันออกไป ชู้ว์ๆ...ไป ออกไป”
อาโปฉีดน้ำต่อ จิตราโกรธเข้าจับสายยางกระชากจากมืออาโปโยนทิ้ง
“ดื้อจริงๆ อาโป พี่ยศเป็นแขกของพี่ อาโปไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรแบบนี้ เกเร”
“แต่เค้าเป็นคนไม่ดี เป็นศัตรูของเรา นายจีบอก”
ยศโมโห “งั้นก็ไปบอกนายจีของแกว่าต่อไปฉันจะมาเป็นน้อง...”
จิตราห้ามไว้ “พี่ยศ อย่าค่ะ เรื่องนี้ จิตจะบอกพี่จีเอง ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนดีกว่า”
ยศเซ็ง “ก็ได้”
ยศหอมแก้มจิตรา อาโปอ้าปากค้าง งง “อะไรกันเนี่ย”
จีรณะอยู่ที่บ้านพักผู้กองเกียรติก้องบนดอย เขานั่งเซ็งมองพวกผัดผัก ไข่เจียววางอยู่ ผู้กองเอาข้าวมาสองจาน วางให้จีรณะจานหนึ่ง
“กินซะ กองทัพเดินด้วยท้องเว้ย อิ่มแล้วค่อยคิด”
“แต่สงครามคราวนี้ ฉันกลัวว่าเราจะมีแต่แพ้กับแพ้”
“แกไม่เคยท้อถอยแบบนี้นี่หว่า”
“พ่อสอนฉันเสมอว่า ถ้าเราเดินทางที่ถูก ถึงจะช้า ลำบาก แต่ซักวันเราจะไปถึงจุดหมาย”
“ฉันจำได้ ฉันก็ลูกศิษย์ครูเจือ ฉันเชื่อครู”
“แต่ฉันใกล้หมดแรงแล้วว่ะ”
“หมดแรงก็พักซิวะ ถ้าไม่ไหว ฉันจะแบกแกเอง”
จีรณะมอง “ซึ้งไปป่าววะ ฉันว่าวันนี้จะค้างกะแก สงสัยต้องเปลี่ยนใจ”
เกียรติก้องง้างเท้าจะถีบ จีรณะหลบ หัวเราะขำ ผู้กองด่า “ไอ้บ้า”
ส่วนอาโปพยายามกดโทรศัพท์หาจีรณะ “นายปิดโทรศัพท์ทำไมนะ จะฟ้องเรื่องนายยศซะหน่อย”
ฟากจิตรานั่งยิ้มดูแหวนที่มือยิ้มปลื้ม
ตลาดยามเช้าคึกคักเช่นทุกวัน หมู่มวลรวมตัวกันอยู่ที่ร้านของหนานเทือง ซึ่งยืนลวกเส้นทำก๋วยเตี๋ยวให้ลูกค้าควันโขมง ชาวบ้านนั่งกินอาหาร พลางชี้ชวนกันดูหนังสือพิมพ์
ดาบม้วนอ่านข่าวแต่งงาน ยศ และ นิตยา กับบัวหอม สายพิณชะโงกดูด้วย พร้อมเปิดฉากเม้าท์
“งานนี้ งานช้างลูกสาวผู้ว่าแต่งกับลูกชายแม่เลี้ยง”
จิตราเข้ามาตรงมุมรถเข็นบัวหอมเมียงมองจะซื้อกาแฟ นิ่งฟังเครียดๆ บัวหอมเม้าท์สนั่น “คั่วกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ รู้แต่ว่าตะก่อนมีคดีพิศวาสกับหนูจิตรา น้องสาวคุณจี”
ดาบม้วนพับนสพ.วางไว้ แล้วก็หันไปจับกลุ่มคุย หมู่มวลไม่ทันเห็นจิตรา สายพิณเม้าท์ต่อ
“อาโปมันอู้ว่าเดี๋ยวนี้ก็ยังเทียวไปเทียวมาอยู่ เดี๋ยวก็มีข่าวเป็นมือที่สามเหมือนพวกดาราหรอก คุณจีนะคุณจีนิสัยแกดี๊ดี มีน้องสาวทั้งที เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน”
จิตรามองนสพ. เอื้อมมือมาหยิบมือสั่น หนานเทืองกระแอม
“นัตถิ โลเก อันฐิโต ผู้ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก”
ทุกคนหันขวับไปมองหนานเทือง หนานเทืองบุ้ยปากส่งซิก
หมู่มวลมองตามปาก เห็นจิตราเดินเลี่ยงไปอีกทาง เลยจ๋อยทั้งแถบ
ด้านยศแต่งตัวหล่อ เดินยิ้มกริ่มมาลงมาที่โถง แม่เลี้ยงอมรากะโสภิตคอยอยู่
แม่เลี้ยงยื่นรายชื่อที่จดให้ลูกชาย “แกจัดการเชิญแขกตามนี้เลย”
โสภิตรับมาดู ยศยิ้มย่อง “ผมพร้อมแล้วครับแม่”
แม่เลี้ยงเดี๋ยวไปเลือกแหวนด้วยกันก่อน
“ไม่ต้องหรอกครับแม่ ผมซื้อแล้ว”
แม่เลี้ยงงง “แกเอาเงินที่ไหนซื้อ”
ยศมองโสภิต “ผมยังไม่ได้จ่ายหรอกครับ ร้านเพื่อนน่ะ”
“เออ ฉลาด แล้วเพชรกี่กะรัต สำหรับลูกสาวผู้ว่าเชียวนะ”
ยศตกใจ “ห๊ะ ลูกสาวผู้ว่าเหรอครับ”
แม่เลี้ยงก็เออซิ ไป ถ้าไม่ต้องซื้อแหวนก็ไปที่จวนกันลย
แม่เลี้ยงเดินนำออกไป ยศงง “จวนจวนอะไร ยัยภิต”
“ก็จวนผู้ว่าน่ะซิ”
“แม่จะเชิญผู้ว่าเป็นเถ้าแก่เหรอ”
“พี่จะแต่งกับลูกสาวเค้า เค้าจะมาเป็นเถ้าแก่ได้ไง”
คราวนี้ยศตาเหลือก “หะ อะไรนะ”
“ภิตนึกว่าพี่จะเลิกไอ้พฤติกรรมแย่ๆ นี่ซะอีก ทำไมคะถ้าเปลี่ยนใจมารักคุณนิตยาแล้วก็ให้แม่ไปสู่ขอเป็นเรื่องราวซิ นี่ต้องรอให้เค้าท้องตั้งสองเดือน”
ยศอึ้ง “ท้องสองเดือน! บ้า ฉันเคยมีอะไรกับนิตยาที่ไหน ไม่ใช่ปลากัดนะ จะได้จ้องกันแล้วท้อง”
โสภิตงง “อ้าว แล้วที่พี่บอกว่าจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่พี่รักนั่นล่ะ”
“พี่หมายถึงจิตรา พี่กับจิตเป็นผัวเมียกันแล้ว เงินที่เธอให้พี่ก็ซื้อแหวนไปหมั้นเค้า”
โสภิตฉุน “พี่ยศ นี่พี่ยังไม่หยุดพล่าผลาญผู้หญิงอีกเหรอคะ”
“โธ่ ก็บอกแล้วว่าพี่ไม่เคยมีอะไรกับนิตยา เชื่อกันบ้างสิ”
“งั้นพี่ก็ไปพูดกับเค้าเอง ต่อหน้าท่านผู้ว่าเลย”
โสภิตสะบัดมือ เดินออกไป ยศหน้าซีด
ชาวบ้านนั่ง ยืน รอรถประจำทาง จิตรานั่งหลบมุมท้ายศาลาก้มหน้าน้ำตาไหล ป้ายน้ำตา จิตราอ่านหนังสือพิมพ์บนตัก มองรูปยศกับนิตยาในหนังสือพิมพ์ ลงประกอบข่าว มีตัวหนังสือใหญ่บรรยายเหนือรูปว่า “กิ่งทองใบหยก” ป้าแก่เหลือบมองจิตรา
ฟากจีรณะเดินออกมาจากสำนักงานสมัชชา เอ็นจีโอ กำลังจะไปขึ้นมอเตอร์ไซค์
บ็อบบี้นั่งรถมากับพิมพร เห็นพอดี บ็อบบี้ลดกระจก ตะโกนเรียกเต็มเสียงอย่างดีใจ
“ครูจีครับ ครูจี”
พิมพรจอดรถให้ บ็อบบี้เปิดประตูวิ่งเข้าไปกอด จีรณะกอดตอบ
“ผมคิดถึงครูจี อยากเรียนกับครูจี”
จีรณะขยี้หัวบ็อบบี้ด้วยความเอ็นดู “บ๊อบบี้ต้องเข้าโรงเรียน เรียนเป็นเรื่องเป็นราวได้แล้ว”
“แต่บ๊อบบี้อยากทำงานช่วยคุณยายหาเงินมากกว่า คุณยายบอกว่าแจกเงินชาวบ้านหมดตัวแล้ว”
จีรณะยิ้มเยาะ “งั้นเหรอ น่าสงสารจริง”
พิมพรเดินมาหา “พิมบอกแล้วบอกอีก บ๊อบบี้ก็ไม่เชื่อว่ายายมีเงินเหลือแหล่ บ่นสงสารยายอยู่นั่น ที่จริงต้องสงสารตัวเองที่เป็นหลานเศรษฐีแต่ไม่มีอะไรซักอย่าง”
“แต่บ๊อบบี้ก็ไม่ลำบากนี่ครับ ได้อยู่บ้านใหญ่ มีอาหารดีๆกิน มีเสื้อผ้าใส่”
จีรณะประทับใจ “ใช่แล้ว บ๊อบบี้ คนเราถ้ารู้จักพอก็ถือว่ารวยมากแล้ว ที่สำคัญต้องเป็นคนดี ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน”
พิมพรเย้า “พูดประชดถึงแม่พิมรึเปล่าคะ”
“ไม่หรอกครับ แม่เลี้ยงอุตส่าห์ทำบุญใหญ่ ผมก็ได้แต่หวังว่าบุญจะทำให้แม่เลี้ยงมีความสุขแล้วก็...รู้จักให้บ้าง”
“บุญก็คงจะส่งผลจริงๆนั่นแหละค่ะ เพราะแม่กำลังจะได้ดองกับครอบครัวท่านผู้ว่า อีกไม่กี่วันแล้ว”
จีรณะแปลกใจนิดๆ “คุณยศจะแต่งงานกับลูกสาวท่านผู้ว่าเหรอครับ”
ขณะเดียวกันโสภิตขับรถมาตามทาง เหลือบไปมองอีกฝั่งถนน เห็นจิตราก้มหน้า มีนักเรียนยืนรอ รถสองแถวจอด
จิตราเช็ดน้ำตาขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย ป้าแก่หยิบหนังสือพิมพ์ตามเรียก
“หนูๆ ลืมหนังสือ”
รถออกไป ป้าแก่มองตาม โสภิตจอดรถเอี๊ยด
จีรณะจอดรถหน้าบ้านยิ้มสบายใจหายห่วงน้องสาว
“หมดเคราะห์หมดโศกซะทียายจิต”
จีรณะกดกริ่ง แต่ไม่มีใครมาเปิด จึงตะโกนเรียกอาโป
“อาโป ไปไหนของเค้า”
โสภิตขับรถเข้ามาจอดหน้ารั้วบ้าน เดินหน้าเครียดเข้ามาถาม
“คุณจีคะ คุณจิตติดต่อคุณบ้างมั้ย”
จีรณะงง “ทำไม คุณมีธุระอะไรกับจิต”
“ชั้นสังหรณ์ใจว่าคุณจิตจะคิดสั้นอีก”
จีรณะยิ้มเยาะ “อ๋อ...ไอ้เรื่องที่นายยศจะแต่งงานกับลูกสาวผู้ว่าน่ะเหรอจิตเค้าตัดใจทำใจไปได้ตั้งนานแล้ว”
โสภิตบอก “พี่ยศบอกชั้นว่า เค้ากับคุณจิตกลับมาคบกันอีก ฉันไม่รู้ว่าเรื่องจริงมันเป็นไง แต่ชั้นเห็นคุณจิตที่ศาลาริมทาง เหมือนเธอร้องไห้ แล้วเธอก็ทิ้งหนังสือพิมพ์นี่ไว้”
จีรณะรับมาดูงงๆ แล้วกดโทรศัพท์หาผู้กองเกียรติก้อง แต่ไม่รับสายสองครั้ง จีรณะหงุดหงิด
“ไอ้บ้าก้อง ทำไมไม่รับสาย”
จีรณะกดโทรศัพท์หาจ่าตุ๋ย “จ่าตุ๋ย ผมติดต่อผู้กองไม่ได้ จิตราหายไปอีกแล้ว ช่วยประสานกันติดตามด้วยครับ ขอบคุณครับ”
จีรณะโมโหจับไหล่โสภิตเขย่า “ถ้าจิตราเป็นอะไรไป ผมจะฆ่าไอ้ยศพี่ชายคุณ”
จากนั้นจีรณะเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ โสภิต เข้ามาขวาง “จะเอายังไงกับผมอีก”
“เรื่องนี้แม่ชั้น พี่ชั้นมีส่วนก่อเรื่องด้วย ชั้นต้องรับผิดชอบ ชั้นจะช่วยคุณตามหาคุณจิต ไป...ชั้นขับรถให้”
สองคนสบตากัน แววตาโสภิตรู้สึกผิดมากๆ
อีกฟากหนึ่ง ท่านผู้ว่านั่งนิ่ง มองตาดุไปที่ลูกเมีย คุณนายนลินี และนิตยาทำซึม แม่เลี้ยงอมรานั่งเจี๋ยมเจี้ยม ยศคุกเข่าถือธูป เทียนแพเลิ่กลั่ก
“แม่ครับ ผม”
แม่เลี้ยงกระแอม พยักพเยิดกับยศ
“เข้าไปกราบท่านผู้ว่าซิ”
ยศท้วง “แต่ว่า...”
ผู้ว่าฯ ดุ “มีปัญหาอะไร”
ยศอึกอัก กลัวขึ้นสมอง ไม่กล้าพูด คลานเข่าเข้าไปหาผู้ว่า
“ผมขอกราบขอขมาที่ได้ล่วงเกินคุณนิตยา ลูกสาวของท่าน ผมขอรับผิดชอบตามขนมธรรมเนียมประเพณีทุกอย่างครับ”
ยศยกพานธูปแพ เทียนแพให้ผู้ว่า แต่ผู้ว่าเมินไม่รับ
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”
ยศเลิ่กลั่กวางพานบนโต๊ะ สบตากันกับแม่ไปมาหน้าเจื่อนจ๋อย ทั้งคู่ ขณะนิตยานั่งเชิดไม่สบตายศ ยศมองแค้นๆ
หลังจากนั้นคุณนายนลินี กับแม่เลี้ยงอมรา มานั่งดูเครื่องเพชร ทอง พลอยกันที่ระเบียง ขณะนิตยาทำเดินหน้านิ่งชมนก ชมไม้ เรื่อยเปื่อย ยศเดินตามอย่างหงุดหงิด
ยศจับแขนนิตยาหันมาสบตากัน นิตยาตาแป๋ว
“คุณนิต ผมถามจริงๆ ผมกับคุณได้เสียเป็นเมียผัวกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เอ่อ...ที่มันทำให้คุณท้องเกือบสองเดือนเนี่ย”
นิตยาตีหน้าตาย “ถามกันอย่างนี้จะให้นิดตอบยังไงล่ะคะพี่ยศ ต้องบอกลีลาท่าทางเวลาที่ปฏิสนธิด้วยมั้ยคะ”
ยศโมโห “นี่คุณ ผมไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์นะ จะได้จำเรืองแบบนี้ไม่ได้”
“ก็วันนั้นที่พี่ยศนัดนิดไปกินข้าวไงคะ”
ยศนึก “วันไหน”
เหตุการณ์ที่ยศวางยานิตยาที่ร้านอาหารแต่โดนสลับแก้วผุดขึ้นมา และตัวยศเองมึนถึงขนาด
เข้าไปปล้ำผู้หญิงในห้องน้ำ แล้วถูกต่อย จนจิตรามารับ
“แต่ผมไม่ได้มีอะไรกับคุณนิต จิตราพาผมไปที่บ้านเค้าต่างหาก คุณนิตนั่นแหละเป็นคนโทร.บอกจิตให้ไปรับผม”
“ใครไปรับพี่ยศนิดไม่รู้ เอาเป็นว่า มันเกิดขึ้นคืนนั้นแหละ”
“ตรงไหน ตอนไหน ผมจำไม่ได้เลย”
นิตยาตีขลุม “พี่ยศนึกเอาเองเถอะค่ะ อย่าให้นิตพูดเลย นิดอาย” แต่สีหน้าหล่อนไม่อายซักนิด
“ขอร้องละคุณนิด ตอนนี้ผมขอหมั้นกับจิตราแฟนเก่าผมไปแล้ว ผมแต่งงานกับคุณไม่ได้”
นิตยาบอกหน้าตาเฉย “พี่ยศก็ไปบอกพ่อแม่นิดซิคะ”
ยศโมโหจับแขนนิตยาเต็มแรง “มาพูดความจริงกันดีกว่า คุณท้องกับใครกันแน่”
นิตยาแกล้งร้องดัง “โอ๊ย นิตเจ็บนะคะ”
แม่เลี้ยงอมรากับคุณนายนลินีหันขวับมา นิตยาเดินหนีไป ยศอึ้ง มองไปที่แม่กับคุณนาย ไม่กล้าหือ
ผู้กองเกียรติก้องยังไม่รู้เรื่องจิตราแล้ว ยืนเหม่อมองดูท้องฟ้า เสียงเพลง รักเธอเท่าฟ้า ของสายัณห์ สัญญา ดังคลอ
“ฉันรักเธอเท่าฟ้า ปรารถนาเธอยิ่งสิ่งใด แม้นเธอเคยเป็นเดนใคร.....”
บรรยากาศเศร้า แต่ผู้กองไม่ฟูมฟาย อยู่ๆ เสียงเพลงติดขัด ผู้กองเอื้อมมือไปกดปุ่ม แผ่น CD เลื่อนออกมาจากเครื่องเล่นเก่าๆ มีรอยเต็มแผ่น
เกียรติก้อง หยิบ CD มาเช็ดถูกับชายเสื้อ ใส่เข้าไปเล่นใหม่ เพลงเริ่มใหม่ได้พอซึ้ง แต่ติดขัดอีก ผู้กองโมโหตบเครื่องเล่น CD กด EJECT แผ่นเลื่อนออกมาหักสองท่อน เกียรติก้องหยิบแผ่น CD ออกมาเขวี้ยง แผ่น CD ลอยพุ่งเข้าหาอาโป โดนหน้า
“โอ๊ย อะไรเนี่ย ถ้ามันโดนหน้าโดนตาอาโปเสียโฉม ไม่มีใครอยากเอาไปทำเมียผู้กองจะรับผิดชอบมั้ย”
“ขอโทษ ก็มาเงียบๆ แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่อยู่เป็นเพื่อนจิต”
“ก็เรื่องพี่จิตนี่แหละ อาโปเลยต้องรีบขึ้นมา นายอยู่กับผู้กองรึเปล่า”
“เพิ่งกลับลงไป”
อาโปหงุดหงิด “โอ๊ย สวนกันอีกจนได้ รู้มั้ยพี่จิตไปคืนดีกับลูกชายแม่เลี้ยงอีกแล้ว
ผู้กองร้อง “ห๊ะ”
“นี่ล่ะน้า...เพราะผู้กอง ไม่รีบจีบพี่จิต มัวแต่มานั่งฟังเพลงซึ้งเองคนเดียว ถึงถูกไอ้นั่นมันตัดหน้าไปอีก”
“เธอพูดเว่อร์ไปรึเปล่า เค้าอาจจะแค่คนเคยรู้จักกัน”
“บ้าเหรอ หอมแก้มกันฟอดใหญ่ขนาดนั้น อาโปเห็นกับตา”
ผู้กองอึ้งสุดๆ จ่าตุ๋ยโผล่มา “ผู้กองครับ คุณจิตราหายจากบ้าน คุณจีโทร.ติดต่อผู้กองไม่ได้ ผมเลยมาบอก”
เกียรติก้องรีบเอาโทรศัพท์ตัวเองมาเปิดเครื่อง แล้วกดหาจีรณะอย่างร้อนใจ
“ฮัลโหล ไอ้จีว่าไง”
อ่านต่อหน้า 4
พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 7 (ต่อ)
รถจิ๊ปจอดอยู่หน้าบ้าน ผู้กองวิ่งออกมาจากบ้าน โดดขึ้นรถสตาร์ท อาโปกะจ่าตุ๋ยวิ่งตามออกมา
“ผู้กอง อาโป ไปด้วย”
“ไม่ต้อง เพราะเธอไม่อยู่กับจิต ถึงเกิดเรื่อง”
อาโปจ๋อย ผู้กองเหยียบคันเร่งรถทะยานออกไป
ผู้กองเกียรติก้องขับรถลงเขาอย่างร้อนรนใจเสียงจีรณะดังในหู
“จิตแอบกลับไปคบกับไอ้ยศ มันเอาแหวนเพชรมาหมั้นจนจิตหลงคิดว่ามันแต่งงานด้วยจริงๆ แต่ในที่สุดมันก็หักหลังจิต ไปประกาศแต่งงานกับลูกสาวผู้ว่า”
ผู้กองเป็นห่วงสุด “จิต อย่าเป็นอะไรไปนะจิต”
แล้วจู่ๆ เกียรติก้องก็เบรคตัวโก่ง มองไปข้างหน้า เพราะเห็นจิตรายืนอยู่กลางถนน ขวางทางรถ ผู้กองค่อยๆลงจากรถ
จิตราเดินรี่เข้าไปกอดเกียรติก้อง ร้องไห้กับอกผู้กอง
“พี่ก้อง จิตมันโง่ๆ”
เกียรติก้องเงอะเงิ่นตามประสา กอดโอบจิตรา ตบไหล่หลังเบาๆ ลูบหัวปลอบ
“ไม่เป็นไรๆ โอ๋ๆ...อย่าร้องๆ”
จ่าตุ๋ยขี่รถตามเข้ามาจอดไกลๆ อาโปค่อยๆ ลงจากรถ มองผู้กองกอดกับจิตรา อย่างอิ่มใจซาบซึ้งตาม จ่าตุ๋ยมองนิ่งเช่นกัน
ผู้กองปลอบจิตราที่ร้องไห้สะอึกสอื้นอยู่อย่างนั้น
ส่วนโสภิตกับจีรณะขับรถหาจิตราทั่วเมืองแต่ไม่เจอ โสภิตเข้ามาจอดหน้าบ้าน จีรณะลงจากรถ โสภิตลงมายืนข้างประตูรถ จีรณะหันไปหา
“ขอบใจมาก พรุ่งนี้ผมตามหาจิตราเอง”
“ชั้นเสียใจจริงๆ ขอโทษ...”
ยศขับรถเข้ามาจอดเบรกพรืด ผลุนผลันลงจากรถ โสภิตรีบเข้าไปหา
“พี่ยศ คุณจิตหนีไปแล้ว”
จีรณะเดินเข้าไปหายศอย่างเอาเรื่อง “แกยังมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ”
“ชั้นมาหาจิต ขอเจอจิตหน่อย”
“เจอทำไม”
“ชั้นไม่ได้มีอะไรกับคุณนิต คุณนิตท้องกับคนอื่น แล้วมามั่วบังคับให้ชั้นรับเป็นพ่อ”
“ไอ้หน้าตัวเมีย”
จีรณะกระโดดเข้าต่อยเต็มแรงจนยศล้มไป โสภิตเข้าขวาง จีรณะขยุ้มอกเสื้อยศเอาไว้แน่น
“คุณจี ชั้นขอร้อง”
“หลีกไป...”
ยศมึนๆ ค่อยๆ ลุก จีรณะจะต่อย โสภิตคว้าแขนจี จีเลยถีบยศกระเด็นไปทรุดที่ล้อหน้ารถ โสภิตผลักจีรณะเซไป แล้วเข้าไปประคองยศยืนจ๋อย
“หน้าด้าน อ้างมาได้ ถูกมอมยา คนอย่างแก นี่มันนรกส่งมาเกิดชัดๆ ถ้าน้องสาวชั้นเป็นอะไรไปชั้นจะส่งแกกลับลงนรกเอง”
เสียงโทรศัพท์จีรณะดัง เขาชะงัก กดรับสาย เอาโทรศัพท์แนบหู
“ว่ายังไงก้อง...” จีรณะฟัง ออกอาการดีใจตาโต “จิตราอยู่กับแกเหรอ...
ผู้กองเกียรติก้องอยู่ตรงระเบียงบ้าน พูดโทรศัพท์กับจีณะ ส่วนจิตราใส่ชุดอาโปนั่งให้อาโปแปรงผมอยู่
“ไม่ต้องห่วงนะ ชั้นจะดูแลจิตเอง”
จีรณะกดวางสายมองโสภิตมองยศ แล้วบอก “จิตอยู่กับเกียรติก้องบนดอยแล้ว”
“เห็นมั้ย ชั้นพูดความจริงทุกอย่าง จิตต่างหากที่หนีไปเล่นชู้กับไอ้ผู้กองเพื่อนแก”
จีรณะชะงักจ้องโสภิต “รีบพากันกลับบ้านไปซะ ไม่อย่างนั้นพี่ชายคุณกลายเป็นศพแน่”
จีรณะเดินเข้าบ้าน ยศทำฮึดฮัด โสภิตผลักพี่ชายขึ้นรถ ต่างขับรถกลับไป
คืนนั้นจิตรานั่งมองดาวบนฟ้า มีอาโปใส่ฟืนในกองไฟให้ อาโปเหลียวไปเห็นผู้กองเกียรติก้องเดินเลียบๆ เคียงๆ เข้ามาท่าทีกล้าๆ กลัวๆ
“อาโปไปเก็บฟืนก่อนนะพี่จิต”
อาโปออกไปทางผู้กองพอสวนกัน อาโปหันมาผลักผู้กองไปทางจิตรา ผู้กองเข้ามานั่งข้างจิตรา สบตากัน จิตราเศร้า
“จิตขอโทษ ต้องมารบกวนพี่ก้องอีกแล้ว”
“อย่าพูดอย่างนี้สิ สำหรับพี่ไม่ว่าจิตจะสุข จะทุกข์ จิตมาหาพี่ได้เสมอ พี่มีความสุขที่ได้ดูแลจิต จิตอยากจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ขาดเหลืออะไรก็บอกอาโปได้”
“จิตไม่เอาเปรียบพี่ก้องหรอก บางทีจิตอาจจะมาช่วยสอนหนังสือเด็กๆที่นีก็ได้นะ ไม่รู้ครูใหญ่ผู้กองเกียรติก้องจะรับรึเปล่า”
ผู้กองเย้า “เป็นครูดอย เงินเดือนน้อยนะ”
“จิตสอนฟรี ขอแค่ข้าวสามมือ บ้านให้ซุกหัวนอนก็พอ”
“แบบนี้ค่อยน่าสน เริ่มงานพรุ่งนี้เลยมั้ย”
“ขอบคุณค่ะ พี่ก้อง ขอบคุณมาก”
ผู้กองเกียรติก้องลูบหัวจิตรา พอผู้กองเอามือลง จิตรากระเถิบไปใกล้เอนหัวพิงไหล่ผู้กอง
“จิตเหนื่อยขอหลับซักพักนะคะ”
จิตราหลับตาลง ผู้กองมองด้วยสายตารักและสงสารสุดๆ
ยศไม่ยอมเข้าบ้านแวะมาที่สนุกเกอร์คลับของพีรพงษ์ นั่งกุมหัวเครียดอยู่ พีรพงษ์เข้ามาตบหลังตบไหล่
“คิดมากน่า คุณน่ะ กำไรนะ ได้ทั้งผู้ที่ที่คุณรัก แล้วก็ยังได้เป็นลูกเขยผู้ว่า เป็นผม ฉลองสามวันสามคืนแล้ว”
“แต่ถ้าผมมีอะไรกับนิตยาจริงๆ ทำไม ผมจำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อยเลย แล้วที่สำคัญ ผมไม่ได้อยากมีลูก ยิ่งถ้าไม่ใช่ลูกผม...”
พีรพงษ์ขัด “จะลูกใครคุณก็ไม่ได้เป็นคนอุ้มท้องซะหน่อย ดีซะอีก ถ้าเป็นหลานผู้ชาย แม่คุณอาจจะเลิกเห่อ ไอ้บ๊อบบี้ มายกมรดกให้ลูกคุณหมดก็ได้”
ยศหนุ่มปัญญาอ่อนชักคล้อยตาม “ก็จริง”
“เห็นมั้ย มันไม่น่ากลุ้มซักนิด ผมต่างหากที่ต้องกลุ้ม น้องสาวคุณไม่ใจอ่อนกับผมซักที”
ยศนึกได้ “เออ ผมลืมบอกคุณไป ว่าผมเห็นยัยภิตแอบลงมาพบกับผู้ชายดึกๆ ดื่นๆ ถามว่าใครก็ไม่บอก มันอาจมีแฟนแล้วเลยไม่สนใจคุณ”
พีรพงษ์ฉงน คิดแค้นขึ้นมา
“จริงเหรอ...งั้นคุณช่วยสืบหน่อยได้มั้ย มันเป็นใคร ผมจะได้จัดการซะ”
เช้าวันหนึ่ง หนานเทืองเอาอาหารไปเสิร์ฟให้โต๊ะชาวบ้าน สายพิณ เดินเข้ามากับบัวหอมที่ถือกาแฟเย็นมาให้จีรณะที่นั่งโต๊ะติดถนน
หมู่ทองกับดาบม้วนเดินเข้ามา ดาบม้วนถือซองบัตรเชิญ เข้ามานั่งโต๊ะติดกับจีรณะโยนบัตรเชิญบนโต๊ะ
“เอาซักใบมั้ยคุณจี”
“ซองบัตรอะไรครับ ดาบม้วน”
“บัตรเชิญแต่งงานลูกแม่เลี้ยงกับลูกผู้ว่า เป็นโต๊ะจีน ผู้กำกับถูกบังคับซื้อยี่สิบใบจ่ายเงินไปแล้ว ไม่รู้จะเอาไปให้ใคร”
บัวหอมบ่น “เกิดมาบ่เคยพบเคยหัน ขายบัตรเชิญแต่งงาน”
“ก็แม่เลี้ยงแกเสียให้พวกเราไปเยอะ ก็ต้องถอนทุนหน่อยซิ” หมู่ทองว่า
ดาบม้วนยื่นให้จีรณะ แต่เขาบอกปัด “ผมเป็นคู่กรณีกับบ้านแม่เลี้ยง ไม่ควรไปหรอกครับเดี๋ยวงานเค้าจะกร่อยซะเปล่าๆ”
“อย่าคิดจะอั้นสิคุณจี ถือว่าไปกินล้างแค้น”
สายพิณยัดเยียดใส่มือจีรณะจนได้
พิมพรกับโสภิต มาซื้อชุดให้บ๊อบบี้ใส่ไปงานแต่ง ขณะบ๊อบบี้ลองชุดอยู่ โสภิตยืนเหม่อคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา
เวลานั้นจีรณะยืนถามพวกคนขับรถคิวรถสองแถว โสภิตนั่งรออยู่ในรถ สักครู่จีรณะเดินกลับมา
“เค้าบอกว่า จิตลงกลางทาง ไม่รู้ไปไหนต่อ”
“หรือว่าจะขึ้นดอยอีก”
“ผมบอกให้เกียรติก้องช่วยตามแล้ว” จีรณะมองโสภิต “คุณมาเสียเวลาตามจิตกับผมเพราะอะไร กลัวความชั่วของพี่คุณจะเปิดเผยเหรอ”
“คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ชั้นเป็นลูกผู้หญิงเหมือนคุณจิต ชั้นเห็นใจเธอ”
“ผมก็เป็นผู้ชายเหมือนพี่คุณ แต่ผมไม่เข้าใจว่าพี่คุณทำร้ายเพศแม่แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ไง”
“พี่ยศเค้าบอกชั้นว่าเค้ารักคุณจิตจริงๆ”
“รัก...คนที่เค้ารักกันเค้าทำกันแบบนี้เหรอ”
“พี่ยศกลัวแม่มาก เค้าไม่เคยได้ตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองตั้งแต่เด็ก จริงๆเค้าไม่ใช่คนร้ายกาจ”
“คุณรู้จักแต่ปกป้องครอบครัวตัวเอง แล้วครอบครัวของคนอื่น มันไม่มีความหมายเลยหรือ อัปสรโสภิต”
เห็นน้องสาวเหม่อ พิมพรมาเขย่าเรียก “ยัยภิตๆ”
“คะ”
“ไปจ่ายเงินด้วย บ๊อบบี้ลองชุดแล้ว”
“ค่ะ”
“เป็นอะไรของแกยัยภิต เหม่อทั้งวัน”
“เปล่า...ภิตเหนื่อย วันนี้ต้องวิ่งไปประสานงานหลายที่อาหาร สถานที่ ของชำร่วย”
บ๊อบบี้ถามเสียงใส “น้าภิตครับ งานแต่งงานน้ายศ ครูจีจะมามั้ยครับ”
“คงไม่มาหรอกจ้ะ”
พิมพรยิ้ม “จริงซิ ลืมคุณจีไปได้ไง เดี๋ยวชั้นเชิญเอง”
โสภิตห้าม “เฮ้ย...อย่านะพี่พิม พี่ก็รู้แม่ไม่ชอบหน้าเค้า เดี๋ยวไปตะบันหน้ากันในงานวิวาห์ล่มแน่ อย่าหาเรื่องปวดหัวดีกว่าพี่พิม”
“อย่างงั้นเหรอ ดีเลย พี่จะชวนเค้าในฐานะคู่ควงของพี่ แม่เกลียดอะไร พี่จะทำยังงั้น ในเมื่อเธอมันลูกรัก ได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปจากแม่แล้ว ชั้นก็จะเป็นลูกชัง ชีวิตแม่จะได้สมบูรณ์ไง”
พิมพรเดินหน้าค่ว่ำไป บ๊อบบี้งง “ลูกชัง คืออะไรครับน้าภิต”
โสภิตทอดถอนใจ
ฟากนิตยามองชุดแต่งงานเซ็งๆ เหวี่ยงชุดไปแถวหน้าต่าง จังหวะนั้นหน้าต่างเปิดผัวะเข้ามา นิตยาตกใจลุกปิดปาก มนัสปีนเข้ามา หน้าเศร้า สิ้นหวัง มนัสเข้ามากอดนิตยา
“คุณนิต เกิดอะไรขึ้น ทำไมทิ้งผม ทำไมต้องแต่งงานกับคุณยศ”
มนัสจับไหล่นิตยาเขย่าๆ
นิตยาแกะมือมนัสออก เดินไปนั่งที่เตียง “นิตมีเหตุผลที่บอกพี่ไม่ได้”
มนัสเข้าไปคุกเข่า ตรงหน้า “เหตุผลอะไรคุณนิด เพราะผมจนใช่มั้ย อีกหน่อยผมต้องได้ชั้นเอก ชั้นพิเศษเหมือนท่านผู้ว่า ทำไมคุณนิดรอไม่ได้”
“แล้วเมื่อไหร่ละพี่มนัส ปีหนึ่ง สองปี หรือสิบปี”
“ผมสัญญาพี่จะต้องก้าวหน้าให้เร็วที่สุด เพื่อคุณนิต”
เสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงเรียกของนลินี “ยัยนิตๆ”
นิตยาลังเล “พี่กลับไปก่อน”
“ไม่ เป็นไงเป็นกัน ผมจะบอกความจริงทุกอย่างกับคุณนาย ผมไม่ยอมให้คุณนิดแต่งงานกับคนอื่น”
“จะบ้าเหรอ แม่ไม่เอาพี่ไว้หรอก อยากตายรึไง บอกให้กลับไป”
“คุณนิตไม่รักผมเหรอ”
เสียงคุณนายแหวเข้ามา “ยัยนิตเสียงคุยกับใครน่ะ”
“นิดขอโทษจริงๆ ตอนนี้นิตท้องกับพี่ยศแล้ว” มนัสอึ้ง “เพราะฉะนั้น ลืมนิตซะเถอะพี่”
มนัสพูดไม่ออกน้ำตาคลอ รีบปีนหน้าต่างไป นิตยาเองก็สะเทือนใจ เพราะรักมนัสจริงแต่ไม่กล้าไปเผชิญความยากจน รีบปิดหน้าต่าง
คุณนายเรียกอีก “ยัยนิต มาเปิดประตูเดี๋ยวนี้”
“ค่ะแม่”
นิตยาวิ่งไปเปิดวิทยุดังขึ้น เก็บชุดแต่งงานแขวน แล้วก็ไปเปิดประตู คุณนายเข้ามาเมียงมองไปมา
“แกพูดอยู่กับใคร”
“ไม่มี เสียงวิทยุละมั้งคะ”
นลินีเอาซองยาบำรุงครรภ์ให้ “เอ้า นี่ยาบำรุง กินแล้วอย่าเที่ยววางเรี่ยราด เดี๋ยวก็งามหน้าไปกันใหญ่”
“ค่ะ”
“ฉันจะบอกให้ว่า แกตัดสินใจถูกที่สุดแล้ว แค่สินสอด เงิน เพชร ทองที่จะได้จากยัยคุณนาย แกก็กำไรไปทั้งชาติ หลานชั้นก็สบาย ไม่ต้องไปกัดก้อนเกลือกิน”
คุณนายนลินีเดินออกไป นิตยามองชุดแต่งงานอย่างขุ่นเคืองใจ
“ได้ ฉันจะเอาคืนให้คุ้ม ให้สมกับที่ต้องอยู่กับแก ไอ้แหยยศ”
อาโปร่าเริงถือขวดน้ำผึ้งสองขวด จิตราถือตะกร้าใส่ผลไม้ เดินลัดเลาะมาตามไร่พืชผลบนดอย
สักครู่จิตราและอาโป เดินมาเจอสาวชาวเขาวัยรุ่น แบกลูกที่ตะกร้า สะพายหลัง เก็บพืชผลอยู่ จิตราเอ็นดูเขี่ยแก้มเด็กเล่น
“พูดไทยได้มั้ยจ๊ะ”
ชาวเขายิ้มพยักหน้าให้ “กะเตงลูกมาตากแดดตากลมทำไม แล้วพ่อของเด็กล่ะ”
“พ่อเค้าไปทำงานในเมือง”
อาโปซัก “เมืองไหน เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน”
ชาวเขาบอก “ไม่รู้ ไปตั้งแต่ท้องได้สามเดือน”
จิตราอึ้ง อาโปโมโห “อ้าว พ่อมันหนีนี่หว่า ใช้ไม่ได้”
จิตราเห็นใจ “เหนื่อยแย่เลย ต้องทำงาน ต้องเลี้ยงลูกอยู่คนเดียว”
ชาวเขาบอก “ไม่เท่าไหร่ เลี้ยงได้ เดี๋ยวมันก็โต”
จิตราอึ้งไปถนัด ชาวเขาเดินต่อ จิตรามองตาม อาโปบ่น
“ผู้หญิงท้องไม่มีพ่อ มันลำบากเนาะพี่จิต”
จิตรามองชาวเขา ยิ้มน้อยๆ “ใช่ พี่โชคดีกว่าเค้ามาก แม่ลูกอ่อนคนนี้ใจเด็ด น่านับถือจริงๆ อาโป...เรากลับไปหาพี่จีกันเถอะ”
อาโปตาโต นึกไม่ถึง
ขณะที่จีรณะนั่งดูการ์ดเชิญอยู่ แล้วก็ตัดใจโยนทิ้งลงกระป๋องขยะ ผู้กองเกียรติก้องเดินเข้ามาพร้อมจิตรา
“ไอ้จี ดูซิใครมา”
จิตราเดินยิ้มเข้ามาหา “พี่จี”
“อ้าว...ทำไมกลับมาเร็วจังเลย พี่นึกว่า...”
จิตราเข้าไปกอดจีรณะ “น้องสาวของพี่จีคนนี้ โตแล้วนะคะ รับผิดชอบตัวเอง แก้ปัญหาของตัวเอง ไม่ทำให้พี่ชายต้องร้อนใจ เป็นห่วงเป็นใยอีกแล้ว”
ผู้กองยิ้มพยักหน้าสนับสนุน จีรณะคลายกังวล “พี่ดีใจที่ได้ยินแบบนี้”
จิตราถอยไปจีรณะยิ้มให้ อาโปโผล่มาข้างหลังโอบกอดจีรณะหมับ ในมือถือขวดน้ำผึ้ง มือละขวด
“อาโปคนนี้คิดถึงแต่นาย...”
อาโปฟัดจีรณะจนสมใจ แล้วถอยออกมาชูขวดน้ำผึ้ง
“น้ำผึ้งของโปรดของนาย พ่อฝากมาให้”
จีรณะ ลูบหัวอาโป หมู่มวลมีสุข
จิตราอยู่ในห้อง กำลังทำความสะอาดจัดห้อง จีรณะเคาะประตูเปิดเข้ามา
“จิต”
“คะ”
จีรณะมองน้องสาว “จิต โอเค.แล้วจริงๆใช่มั้ย”
“ค่ะ” จิตราไหว้ “ขอโทษพี่จีนะคะที่จิตทำให้พี่ต้องผิดหวังซ้ำซาก จิตจะไม่โง่อีกแล้ว ถ้าจิตผิดคำพูด พี่จีตัดพี่ตัดน้องกับจิตได้เลย” ตอนท้ายจิตราบอกอย่างเด็ดเดี่ยว
“พี่เชื่อ แต่ที่พี่ห่วง ไอ้ยศบอกว่ามันกับจิต…”
จิตรารู้ทันที “จิตเป็นพยาบาลนะคะ จิตอาจโง่เรื่องอื่น แต่เรื่องนี้ จิตไม่เสี่ยง จิตป้องกันค่ะ พี่จีไม่มีเรื่องต้องอับอายแน่นอน”
จีรณะยิ้มออกกอดน้อง ให้แรงใจกัน
“ที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป เรามาเริ่มกันใหม่นะจิต”
เช้าวันแต่งงานมาถึง นิตยานั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มีเพื่อน 3 คน รุมล้อม ดูความสวยงาม
“อ้าวไหนแกบอกว่าเลิกกันไปแล้วไง ไหงอยู่ๆ ประกาศ แต่งงานด่วน เงิบกันทั้งจังหวัด” เพื่อนชื่อปิ๊กถามขึ้น
ดี้เถียงแทนเพื่อน “หรือแกจะให้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว โชว์ทะเบียนสมรสยะ”
นิตยาโบกมือ “อย่าพูดมากได้มั้ย ชั้นเชิญให้มายืนถ่ายรูป ไม่ใช่มาปากยาว ดูซิผมข้างหลังรุ่ยหรือเปล่า”
ปิ๊กแอบเบ้ปาก แต่ก็ตบๆ ผมให้
เพื่อนอีกคนชื่ออ้อมเอ่ยขึ้นว่า “ขนาดแต่งสายฟ้าแล่บแขกยังมาทั้งจังหวัด แค่นี้ก็เหนื่อยตายแล้ว”
เสียงเคาะประตู ทั้งหมดหันไปดู ดี้แซว “เจ้าบ่าวมารับตัวเจ้าสาวแล้วแน่ๆ แกเร้วมากั้นประตู”
อ้อม ดี้ และปิ๊กรีบมากั้นประตู ดี๊ด๊าตื่นเต้น นิตยาบอก “อย่าให้เข้าง่ายๆนะ แม่ผัวฉันรวยมาก เรียกให้หนัก”
แม่เลี้ยงอมราแต่งชุดเต็มยศ กระชากยศมาแอบคุยมุมลับตา
“แกนี่มันปัญญาอ่อนรึไง ฉันสั่งแล้วว่าให้ยื้อไว้ๆ แจกให้มันน้อยๆ นี่ฉันต้องควักเงินให้แกเพิ่ม”
ยศมึนๆ เมาตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่สร่าง ย้อนเอา
“แหม แม่ก็ ลูกชายแม่เลี้ยงแต่งงานทั้งทีมันต้องจ่ายหนักๆ ให้มันลือกันไปทั้งจังหวัด”
“แกนี่มัน” แม่เลี้ยงปิดจมูก “แล้วดูกลิ่นละมุดหึ่ง.....ฉันขายขี้หน้าเค้าไปทั่วแล้ว”
“จะสละโสดทั้งทีเลยฉลองหนักไปหน่อย โอย มวนท้อง”
แม่เลี้ยงกรี๊ด “อ๊ายยยไปเลย รีบไปห้องน้ำ”
แม่เลี้ยงผลักยศออกไป โสภิตเดินเข้ามาแต่งชุดไทยสวยงาม
“แม่คะ พี่ยศล่ะ ข้างนอกเค้ารอถ่ายรูป”
“คงไปอาเจียนในห้องน้ำ ก็มันแฮงค์จนจะยืนไม่อยู่แล้ว ขายหน้าจริงๆ คนในงานพูดกันว่าไง”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ภิตมัวยุ่งๆ”
“เย็นนี้แกกำชับคนที่แจกของชำร่วย ทวงซองแขกที่มานะ เผื่อมีใครลืม ฉันต้องเอาทุนคืนให้ได้”
โสภิตเซ็ง
เช้าเดียวกันนี้จิตราแต่งตัวอย่างสวยเต็มที่ก้าวลงบันไดมา ผู้กองตะลึงแล แล้วหน้าสลดเดินหนีไปอีกทาง จิตราไปจับแขนไว้
“จิตไม่สวยหรือคะ”
เกียรติก้องดูท่าทางไม่มั่นใจจัดผม “ธุระที่จิตบอกพี่ คือชวนมางานแต่งลูกแม่เลี้ยงใช่มั้ย”
จิตรายืดอกบอก “ค่ะ”
ผู้กองรู้สึกผิดหวัง หน้าสลดลงไปถนัด “จิตแต่งตัวสวย เพื่อให้เค้าหึง เพื่อประชดนายยศใช่มั้ยจิตไม่ลืมเขา”
“ลืมใครซักคน มันไม่ใช่ทำได้ง่ายๆในเวลาสั้นๆอย่างนี้หรอกค่ะพี่ก้อง สำหรับคนที่หัวใจฉีกเหวอะหวะอย่างจิต จิตประคองตัวอยู่ได้อย่างนี้ จิตคิดว่าจิตเก่งกว่าเดิมมากแล้วค่ะ”
เกียรติก้องสับสน “แล้วจิตจะไปทำไม”
“เพราะจิตต้องการพิสูจน์ใจตัวเองว่าเข้มแข็งแล้วจริงๆ จิตไม่ได้หลอกตัวเอง จิตชวนพี่ก้องไปด้วย เพราะถ้าจิตประเมินผิด จิตก็ยังมีพี่ก้อง”
เกียรติก้องมองจิตราด้วยความเข้าใจและสงสาร “ตกลง พี่จะอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนจิต เราจะไปงานนี้ด้วยกัน”
จิตราจับมือผู้กองมากุม “ขอบคุณค่ะพี่ก้อง”
ไม่นานต่อมาอาโปลากผู้กองเกีรติก้องออกมาอวดจิตราที่รออยู่นอกบ้าน เกียรติก้องแต่งชุดขาวเต็มยศ ดูหล่อเท่แปลหตาไป
“หล่อมั้ย อาโปรีดเสื้อให้เองเลย”
“โชคดี ที่ฝากชุดนี้ไว้ที่นี่ ไม่งั้นคงไม่รู้จะใส่อะไร”
“ชุดนี้ละค่ะ เท่ห์ที่สุด”
ว่าพลางจิตราเข้ามาจัดยศให้ เกียรติก้องมองซาบซึ้งใจ อาโปหัวเราะคิกคัก ชอบใจใหญ่
“เหมือน เจ้าบ่าว เจ้าสาวเลย”
ผู้กองเขิน “พูดอะไรน่ะ อาโป”
จิตราไม่คิดอะไร “เพิ่งเห็นพี่ก้องเขินวันนี้แหละ”
เกียรติก้องยิ้มเขินๆ ทำตัวไม่ถูก อาโปจัดการดึงมือจิตรามาควงแขนผู้กอง ผลักขึ้นรถ
“จำไว้ อยู่ในงานต้องเดินกันอย่างนี้นะ”
เกียรติก้องเปิดประตูให้จิตราที่ยิ้มมาให้
เสียงจีรณะเรียกไว้ “เดี๋ยวก่อน”
พร้อมกันนั้นจีรณะเดินออกมา ใส่สูทหล่อเหมือนกันอาโปปลื้ม
“นาย โห หล่อยังกะพระเอกช่อง 7 แน่ะ”
“ไม่ได้ เดี๋ยวแพ้ผู้กอง”
“ไหนว่าจะไม่ไปไง”
“เปลี่ยนใจแล้วว่ะ งานใหญ่อย่างงี้ถ้าไม่ได้ไปร่วมก็เสียดายแย่”
จีรณะว่ายิ้มๆ
บรรยากาศงานแต่งงานคึกคักแขกเหรื่อผู้คนมาร่วมเยอะแยะ นิตยา ยืนยิ้มถ่ายภาพกับคนมางานตรงซุ้มหน้างานโดย ไม่มียศ แขกชุดใหม่กำลังเดินเข้ามา
แม่เลี้ยงอมราดึงมือนิตยาไปกระซิบถาม โสภิตเดินตามมาฟัง
“ทำไมหนูรับแขกคนเดียวล่ะลูก เจ้ายศมันไปไหน”
นิตยาตอบท่าทีเฉยชา “ไม่ทราบค่ะ เดินไปไหนก็ไม่รู้”
แม่เลี้ยงงง “อ้าว แล้วให้หนูยืนถ่ายรูปกับแขกคนเดียวได้ยังไง”
นิตยาเสียงแข็ง “แล้วหนูมีทางเลือกหรือคะ”
แม่เลี้ยงจ๋อย โสภิตรีบอาสา “เดี๋ยวภิตไปตามหาพี่ยศให้ค่ะ”
แม่เลี้ยงอรายิ้มแห้งๆ รีบไปกู้หน้า เชิญแขกมาถ่ายรูป เจ้ากี้เจ้าการจัดท่า
“ถ่ายรูปไปก่อนนะคะ เจ้าบ่าวไปห้องน้ำค่ะ”
ตรงทางเข้างานอีกมุม จิตราเดินควงเข้ามากับเกียรติก้อง ส่วนอาโปเกาะแขนจีรณะเดินตามเข้ามาในงานติดๆ กัน เด็กดอยมองไปรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ
พีรพงษ์และลูกน้องเข้ามาขวาง เริ่มหาเรื่อง
“ที่นี่มันงานเลี้ยงวีไอพีระดับจังหวัด ไอ้พวกใส่สูทมากินฟรีไม่ต้อนรับเว้ย”
“เพิ่งรู้ว่า งานที่มีค่าผ่านประตูด้วย” จีรณะกวนกลับ ควักเงิน “เท่าไหร่ไม่ทราบ”
พีรพงษ์ยัวะผลักอกจีรณะ “อย่ามากวนแถวนี้ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”
อาโปฉุนผลักพีรพงษ์บ้าง “ไอ้อันธพาล อย่ามาทำนายนะ”
“นังเด็กดอย...กล้าผลักฉันเหรอ” พีรพงษ์โกรธ
เกียรติก้องเข้ามาห้าม “ผมว่างานมงคลเราน่าจะพูดกันดีดีนะ”
พีรพงษ์ยิ่งยัวะ “เอาเครื่องแบบมาเบ่งเหรอ”
จิตราบอก “พี่จี พี่ก้อง ถ้าเค้าไม่ต้อนรับเรากลับก็ได้”
เสียงคนจอแจเงียบลง คล้ายคนสำคัญกำลังจะมา สักครู่ เห็นผู้ว่าเดินมากับครูใหญ่ ท่าทางคุยกันถูกคอมาก ครูใหญ่หันมาเห็นจีรณะ รีบเดินนำผู้ว่ามาหา ทักเสียงดัง
“จีรณะ ลูกครูเจือใช่มั้ย ไม่เจอกันตั้งนาน”
“สวัสดีครับ”
ทุกคนไหว้ครูใหญ่อย่างนอบน้อมผู้ว่าทักจีรณะ
“นี่หรือลูกชายครูเจือ ตามหามานานได้ยินว่าเป็น NGO เลือดใหม่ ทำโปรเจ็คท์พัฒนาหลายชิ้นเลยนี่”
“ครับ นี่ผู้กองเกียรติก้อง แล้วก็จิตรากับอาโป น้องสาวผมครับ”
ทุกคนไหว้กัน “สวัสดีๆ เดี๋ยวคุยกัน ผมมีเรื่องอยากถามคนรุ่นใหม่เยอะเลย”
ผู้ว่าโอบไหล่จีรณะพาเดินเข้างาน ครูใหญ่ขนาบ พีรพงษ์เจื่อนไป จีรณะยิ้มเยาะ อาโปเชิดเต็มที่ แถมแลบลิ้นใส่
ผู้ว่ากับครูใหญ่ พาพวกจีรณะเข้ามาเซ็นชื่อ รับของชำร่วยตรงซุ้มกน้างาน แม่เลี้ยงอมราเห็นรีบแถเข้ามาไหว้อ่อนช้อยจ๊ะจ๋ากับผู้ว่า
“ท่านผู้ว่า มานานแล้วหรือคะ ดิฉันไม่ทันเห็น”
“เพิ่งมาถึง แม่เลี้ยงอยู่ที่นี่มานาน รู้จักครูเจือมั้ย”
แม่เลี้ยงทำท่างงๆ ผู้ว่าบอกต่อ “ครูเจือเป็นคนดีศรีจังหวัด วันนี้ผมเพิ่งได้เจอลูกชายเค้ามารู้จักกันไว้ จะได้ช่วยพัฒนาจังหวัดเรา”
จีรณะเซ็นเสร็จหันมาแม่เลี้ยงอมราชะงักผู้ว่าพูดต่อ
“ครอบครัวนี้ ผมอยากยกย่องให้เป็นตระกูลตัวอย่าง ประจำจังหวัด เสียดาย คนสมัยนี้ไม่ค่อยนับถือคนดี นับถือแต่คนรวย สังคมมันเลยวุ่นวายอย่างนี้”
“สวัสดีครับแม่เลี้ยง ยินดีด้วยนะครับ”
จีรณะและพวกไหว้ แม่เลี้ยงอมรารับไหว้ “เป็นเกียรติของงานจริงๆ ที่ได้ต้อนรับตัวแทนจังหวัดนะคะ เรามันคลื่นลูกเก่าต้องได้คลื่นลูกใหม่ พัดพาความดีความเจริญเข้าจังหวัดนะคะ”
ส.ส.คุณวุฒิเดินเข้ามาสมทบพอดี ทักทายไหว้กันไปทั่ว
“ผมได้ยินแว่วๆ ความดีเข้าจังหวัด แหม...ก็เพราะชาวบ้านรักถึงเลือกผมมารับใช้ไงครับ”
ผู้ว่ากับครูใหญ่ทำหน้าเอือมๆ แม่เลี้ยงอมราอวยต่อ “ดีจังเลยนะคะ งานมงคลอย่างนี้ คนดี เสียสละเพื่อจังหวัดเพื่อชาวบ้านมารวมตัวกัน มาถ่ายรูปกันหน่อยดีมั้ยคะ”
แม่เลี้ยงมัวแต่จัดท่าถ่ายรูปกันเป็นหมู่ใหญ่
นิตยามองจิตรากับเกียรติก้องอย่างแปลกใจ พลางกระซิบถาม
“ผู้กอง คนนี้ฉันเคยเจอนี่ คบกันแล้วเหรอ”
จิตรายิ้มๆ ไม่ตอบ อาโปบ่น “แล้วอีตาเจ้าบ่าวหายไปไหนเนี่ย”
เกียรติก้องถลึงตาส่ายหน้าปรามอาโป จิตราหน้านิ่ง
ส่วนยศมาเฮกับเพื่อนๆ ที่เป็นขาเที่ยว แถมเป็นคนรินเหล้าแจกเพื่อนๆ เองเลย เมาแอ่นกันแล้วทั้งก๊กแล้ว
“โต๊ะนี้ ต้องให้หมดลัง ไม่หมดห้ามกลับจริงๆนะโว้ย” ยศว่า
เพื่อนเชียร์ “เจ้าบ่าวไม่ช่วย จะหมดได้ไงวะ”
ยศจะดื่มแต่โสภิตมาคว้ามือไว้ก่อน “ทำไมทำอย่างนี้ ทำไมไม่ไปต้อนรับแขก”
ยศสะบัดมือ “ก็ต้อนรับแขกอยู่นี่ไง แขกฉันมีอยู่เท่านี้ ไอ้ที่เดินกันเต็มงานใครบ้างก็ไม่รู้ ไม่รู้จัก”
โสภิตคว้ามือยศลากไป “อย่าเกเรได้มั้ยคะ ตามภิตมา”
พิมพรยืนอย่างเซ็งๆ มือเขี่ยโทรศัพท์มือถือ บ็อบบี้ร่าเริง สนุกสนานตื่นตาตื่นใจ กับการแสดงบนเวทีที่เป็นวงสะล้อซอซึง บรรเลงเพลง ใส่ชุดล้านนา
“มามี้ครับ เค้าจะเต้นรำเหมือนน้าจอน ที่อิลลินอยย์มั้ยครับ”
พิมพรตอบลูกชายเซ็งๆ ไม่เงยหน้าจากมือถือ “ไม่มี นี่เมืองไทย ไม่ใช่อเมริกา”
“เสียดาย บ็อบบี้ชอบเต้นรำ มามี้เครื่องดนตรีพวกนั้นเค้าเรียกอะไรครับ บ็อบบี้เพิ่งเคยเห็น”
พิมพรกดโทรศัพท์ไม่สนใจ ไม่ตอบ บ็อบบี้เรียกอีก “มามี้ครับ”
คราวนี้พิมพรฉุนขึ้นเสียง“บ็อบบี้ อย่ากวนมามี๊ได้มั้ย มามี้ยิ่งเซ็งๆอยู่”
“ครูจีมา...”
พิมพรโกรธจริงๆ เสียงแข็งใส่ “บ็อบบี้อย่าล้อเล่น มามี้ไม่ชอบ ครูจีบอกว่าไม่มา”
“ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ ครูจีจริงๆ”
บ๊อบบี้ชี้ พิมพรหันไปมอง เห็นจีรณะกำลังเดินเข้ามากับกลุ่ม
“ครูจีคร้าบ สวัสดีครับ”
จีรณะเดินยิ้มแยกมาทัก “ว่าไง บ๊อบบี้ แหมวันนี้หล่อยังกะนายแบบ”
บ๊อบบี้โพสท่า ขำกัน พิมพรดีใจรีบรีบเดินเข้าไปหา ทักทาย
“ไหนว่า ไม่มาไงคะ หลอกให้เซ็งนี่นา”
“พอดีงานเสร็จน่ะครับ แล้วก็อยากมาดูด้วยว่า คนดังแต่งงานจะอลังการแค่ไหน”
“ก็แค่ที่เห็นนี่ละค่ะ ขนหน้าแข้งแม่ร่วงไปเยอะเลย”
“ฮะ เมื่อก่อนคุณยายมีขนหน้าแข้งเยอะเหรอครับ” เด็กน้อยถาม
พิมพรกับจีรณะมองหน้าหัวเราะกัน
จีรณะกอดบ็อบบี้อย่างสนิทสนม แม่เลี้ยงอรทัยหันมาเห็น อ้าปากจะว๊ากเพ่ย แต่เหลือบไปเห็นผู้ว่ามองมา เลยจำต้องข่มใจ แค้นเงียบๆ
ตรงทางเดินไปโต๊ะ พิมพรเดินนำ จีรณะจูงมือกับบ็อบบี้ จิตรากับผู้กองเกียรติก้องเดินตาม สองคนสวยหล่อเหมือนเป็นคู่บ่าวสาว จนแขกเข้าใจผิดเดินมาถือมือถือขอถ่ายรูป
“ขอถ่ายรูปกับบ่าวสาวหน่อยคะ”
ผู้กองเขินยื่นกลับไป “เราไม่ใช่บ่าวสาวครับ”
“อ้าว เหรอ ขอโทษค่ะ แหม สวยหล่อสมกันทั้งคู่เลย”
แขกเดินออกไป เกียรติก้องเห็นสายตาจีรณะยั่วยิ้ม ยิ่งเขิน ส่วนจิตราขำๆ
ทั้งหมดกำลังจะเดินผ่านโต๊ะหมู่ชาวบ้าน บัวหอมกรี๊ดกร๊าด
“ต๊าย ผ่อซิ ผู้ชายกับแม่หญิงนั่น ผู้กองกับหนูจิต ใช่ก่อ”
สายพิณตาม “ใช่ซิ คุณจีก็อยู่ด้วย โห เกือบจำบ่ได้ หล่อสวยกันหมด”
“แต่งซะเต็มยศเลย รู้งี้แต่งขาวมาด้วยก็ดี จะได้มีสาวๆ กรี๊ดมั่ง” หมู่ทอง
ดาบม้วนแซว “อ้าว เห็นเอาชุดไปแปะโป้งไว้ ไถ่มาแล้วเหรอ”
หมู่ทองอายรีบกลบเกลื่อน “โอ๊ย...ชุดนั้นมันเก่าแล้ว เดี๋ยวตัดใหม่เลย”
หนานเทืองเรียก “พ่อจี หนูจิต ทางนี้ มานั่งด้วยกัน”
หมู่มวลหันมามอง คณะของจีรณะเดินเข้ามาใกล้ ไหว้ทักทายกัน
บัวหอมปปลื้ม “หล่อปะล้ำปะเหลือ ทั้งคุณจี ทั้งผู้กอง”
สายพิณปากดีตามเคย “บ่คิดเลยว่า คุณจิตจะมา งามแต๊ งามกว่าเจ้าสาว จะอี้เจ้าบ่าวคงเสียดายแย่”
ทุกคนอึ้งไป เกียรติก้องมองจิตรา จิตรานิ่งๆ หนานเทืองกระแอมให้สงบปาก
“จิตมาในฐานะที่เคยรู้จักกับครอบครัวเจ้าบ่าวเท่านั้นละค่ะ”
อาโปยิ้ม ต่อให้ “แล้วก็มาเปิดตัวแฟนใหม่ด้วย ผู้กองกับพี่จิต สมกันป่าว”
หมู่ทองงง “จริงเรอะ ดีใจด้วยครับ”
จิตราเอ็ด “อย่าล้อเล่นน่าอาโป”
เกียรติก้องอ้าปากจะพูดเลยเก้อไป จีรณะเห็นโสภิตเดินมากับยศ ทั้งคู่ชะงัก ยศขยี้ตาไม่นึกว่าจิตราจะมา
จีรณะได้ทีแกล้งพูดกับน้องเสียงดัง “ไม่เห็นต้องอายเลยนี่จิต ผู้ชายในทุ่งทองนี่จะได้เห็นไปเลยว่าตอนนี้จิตมีเจ้าของแล้ว ไม่ต้องวอแวเกาะแกะให้เสียเวลา พี่เองก็จะได้สบายใจ ที่จิตมีไอ้ก้องดูแล
ยศเดินเซเข้าไปหา “จิต นั่นจิตนี่”
โสภิตดึงรั้งไว้ถูกยศสะบัด “พี่ยศ”
จิตราเห็นยศก็กอดแขนเกียรติก้อง “จริงของพี่จีค่ะ จิตรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่มีพี่ก้องอยู่ข้างๆ แบบนี้”
ทุกคนส่งเสียงอึ๋ยกันผู้กองได้แต่ยิ้มงง
“จิตทำอย่างงี้ได้ยังไง กล้าพาชู้มาเย้ยพี่”
ทุกคนหันไปเห็นยศเงียบกัน เกียรติก้องเก็ททันทีว่าจิตราต้องการประชดยศ
“พี่ยศ ภิตบอกให้ไปทางโน้นไง ขอโทษนะคะ”
“ไม่ พี่จะยอมให้ใครมาหยามไม่ได้”
ยศโมโหผลักโสภิตจนเซไป จีรณะเข้าไปประคอง ยศทำท่าจะพุ่งไปเล่นงานเกียรติก้อง หนานเทืองยื่นขาไปขัด ยศหัวคะมำ
หมู่ทองเข้าประคองแต่ยกเข่าขึ้นอัดเข้าซี่โครงยศทรุด
“ระวังครับ ระวัง”
“ยืนไหวมั้ยครับ” ดาบม้วนรับไม้ต่อจงใจเดินมาเหยียบมือ
ยศร้อง “โอ๊ย”
“อ้าวๆ ขอโทษๆ” ดาบม้วนบอก
พวกผู้หญิงหัวเราะกัน จิตรามองสมเพช โสภิตสะบัดจากจีรณะ มาประคองพี่ชาย
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“พวกมันรุมกันแกล้งพี่ ไอ้พวกหมาหมู่” ยศแค้น
“พอแล้ว พี่ยศ”
ชีพวิ่งเข้ามา “เกิดอะไรขึ้นครับ พวกแกทำอะไรคุณยศ”
“ไม่มีอะไร ช่วยกันประคองพี่ยศไปที”
ชีพกะโสภิตประคองยศออกไป ยศดิ้นรนขัดขืน หมู่มวลส่ายหัวกับเจ้าบ่าวปัญญาอ่อน
อ่านต่อตอนที่ 8