พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 5
ประตูบ้านเปิดออก ชีพกะกาบจับแขนอาโปคนละข้างลากเข้าบ้านมา สองคนผลักอาโปกระเด็นมาหาจีรณะ จิตรา บ็อบบี้ อาโปชี้ไปที่พิมพร
“ผู้หญิงคนนั้นตามหาเด็กฝรั่ง อาโปเห็นรูปเลยบอกว่าอยู่ที่นี่ไม่รู้ว่า เค้าเป็นหลานแม่เลี้ยงใจยักษ์”
โสภิต พิมพรเดินนำ หมู่ทองดาบม้วน เข้ามาหน้าเครียด
บ็อบบี้เห็นวิ่งเข้าไปกอดพิมพรทันที พิมพรอุ้มลูกชาย “มามี้ๆ...น้าภิต”
“ตายแล้ว ทำไมหน้าตาช้ำอย่างนี้” พิมพรมองหน้าจีรณะอย่างเอาเรื่อง “แกทำร้ายลูกฉันลักพาตัวลูกฉันมาเรียกค่าไถ่ คุณตำรวจจับมันเลยค่ะ”
หมู่ทองกะดาบม้วน เลิ่กลั่ก หมู่ทองบอก “รีบโทร.หาทนายดีกว่าคุณจี”
“จะไปกับผมหรือจะเอารถไปโรงพักเองคุณจี” ดาบม้วนถาม
“พูดมากทำไม ลากมันไปเข้าคุกเลย”
ชีพว่า กาบเข้ามาจะลุย
จิตราเดินออกมาขวาง “เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว พวกเราเป็นคนช่วยบ็อบบี้เอาไว้ต่างหากค่ะ”
“ช่วยอะไรกัน แล้วแผลพวกนี้ล่ะจะอธิบายยังไง ฉันไม่นึกเลย ว่านายจะทำกับเด็กที่ไม่รู้เดียงสาได้ลงคอ เนี่ยเหรอ ลูกชายคนดีศรีสังคม”
จีรณะโมโห “ผมไม่เคยประกาศกับใครว่าตัวเองเป็นคนดี คนอย่างผม ถ้าทำชั่วก็กล้ารับผิด”
บ็อบบี้ร้องขึ้น “อย่านะครับ พลีส อย่าจับมิสเตอร์จี DON’T ARREST HIM.” เด็กชายชี้สองพี่น้อง “มิสเตอร์จีกับมิสจิตรา เป็นคนช่วยผม ดูแลผม”
หมู่มวลตะลึงตาค้าง พิมพรไม่เชื่อ “บ็อบบี้ อย่าเหลวไหลนะ STOP LYING”
“NO I DIDN’T TELL A LIE. ผมพูดจริง”
ทุกคนงงเป็นแถบ
หมู่มวลเตรียมขึ้นรถ บ็อบบี้ถือถุงเสื้อผ้าชุดเดิมที่จิตราเก็บให้หันมองจีรณะ พิมพรเรียก “บ็อบบี้ กลับบ้านได้แล้ว”
บ็อบบี้วิ่งมาโดดขึ้นรถ ทุกคนขยับจะขึ้นรถ กาบ และชีพ อยู่บนรถแล้ว
“เดี๋ยวก่อนครับ คุณอัปสรโสภิต หมู่ทองกับดาบม้วนบอกว่า ใครเจอตัวบ็อบบี้ แม่เลี้ยงจะยกหนี้ให้ไม่ใช่เหรอครับ คุณก็ได้ยิน”
โสภิตเยาะ “อ้อ คนดีนี่เค้าทำดีเพราะหวังสิ่งตอบแทนซินะ”
จีรณะอึ้ง หมู่ทอง ไม่ยกหนี้ให้ผมพวกผมไม่เป็นไร แต่ช่วยผ่อนผันให้ลุงคำปันด้วย สงสารแก
“เรื่องนี้ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ เพราะที่หลานฉันมาอยู่ที่นี่ ความจริงก็ยังไม่กระจ่าง”
พิมพรอยู่ที่รถตะโกนมา “วุ่นวายนักก็ให้เงินเป็นสินน้ำใจไปซิ ยัยภิต”
โสภิตควักเงินให้หนึ่งหมื่น “ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาที่ดูแลหลานฉัน ถ้าพวกคุณบริสุทธิ์ใจนะ”
จิตราบอก “เราช่วยบ็อบบี้เพราะเห็นแก่มนุษยธรรม ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน ให้เค้ากลับไปเถอะค่ะ พี่จี”
จีรณะมองโสภิตอย่างแค้นใจมาก “ได้ยินชัดแล้วนะ เชิญ”
โสภิตเก็บเงินเดินขึ้นรถ อาโปด่า “คนใจดำ หน้าตาสวยซะเปล่า ใจดำเหมือนอีกา”
โสภิตเชิดหน้าไม่หันไปมอง บ็อบบี้งง “อีกา แปลว่าอะไร”
พิมพรโมโห “มันด่าเราน่ะซิ เพราะยูคนเดียวบ็อบบี้ กลับไปมามี้จะทำโทษ”
โสภิต พิมพร และบ็อบบี้กลับถึงคุ้ม เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น พวงรออยู่
“คุณหนูบ็อบบี้ ธัมโม สังโฆ หมดเคราะห์หมดโศกซะที” พวงเข้าไปกอด
โสภิตถาม “แม่หลับแล้วเหรอ”
“เจ้า เพิ่งหลับไปเมื่อกี๊ แต่เปิ้นสั่งไว้ว่าถ้าปิ๊กกันมาแล้วหื้อพวงไปปลุก”
“ไม่ต้องหรอกป้าพวง เพราะยังไงบ็อบบี้ก็ปลอดภัยแล้ว”
“ตกลงว่า ไผจับคุณหนูบ็อบบี้ไปเจ้า”
“ไม่มีหรอก แค่หลงทาง ป้าพวงช่วยชงนมอุ่นๆมาให้บ็อบบี้ที” โสภิตบอก
พวงรับคำแล้วไป “พี่พิมคะ ยังไง ก็อย่าเล่าเรื่องที่เราไปเจอบ็อบบี้ที่บ้านนายจีรณะให้แม่ฟังนะคะ ภิตไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่”
“คนบ้านนั้นก็ดูดี ถึงจะเป็นลูกหนี้แม่เราก็ไม่น่าจะถึงกับจับคนไปเรียกค่าไถ่ บ็อบบี้คงพูดจริง”
“บ้านนั้นไม่ได้เป็นลูกหนี้แม่หรอกค่ะ แต่เค้าโกรธเราเรื่องอื่น”
“เรื่องอะไร”
“เอาไว้ภิตจะเล่าให้ฟังค่ะ เออ บ็อบบี้ ไหนบอกน้าซิว่า บ็อบบี้ไปตลาดทำไม”
บ็อบบี้จะตอบ “ก็น้ายศ…”
ยศกลับเข้ามาพอดี เห็นรีบพุ่งเข้ามา “บ็อบบี้ หลานน้า เป็นยังไงบ้าง น้าเป็นห่วงแทบตาย เที่ยวไปตามหาทั่วเมือง นี่ไปเจอบ็อบบี้ที่ไหน...”
ยศอุ้มบ็อบบี้กอดไปมากระซิบขู่
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัว อย่าบอกว่าฉันใช้ไปซื้อของ UNDERSTAND?”
พิมพรไม่เชื่อใจ แถมด่า “ปล่อยๆ เลย ไม่ต้องเว่อร์ แกเนี่ยนะไปตามบ็อบบี้ ไปเที่ยวจีบหญิงมากกว่า”
ยศย้อนกลับ “แหม พี่ก็ผมยังโสดนี่ครับ ไม่ได้เป็นหม้าย มีลูกติด ก็ต้องให้โอกาสตัวเอง”
“แก...”
โสภิตหน่ายปนเซ็ง “พอๆๆแล้วค่ะ ดึกแล้ว แยกย้ายไปนอนเถอะ แล้วก็จำไว้นะคะ บ็อบบี้ทีหลังอย่าไปเที่ยวเล่นคนเดียวอีก”
บ็อบบี้มองยศขณะรับปาก “ครับ”
เช้านี้เสียงเพลงชาติดังกึกก้องบนดอยยามเช้า พร้อมๆ กับที่ธงถูกชักขึ้นสู่เสา ผู้กองเกียรติก้อง จ่าตุ๋ย สิบตำรวจเอกลัดดา ครูแหวน ตชด. และเหล่านักเรียนยืนเคารพธงชาติหน้าเสาธง โรงเรียนบนดอยสูง
จากนั้นเกียรติก้องเดินผ่านห้องเรียน ลัดดาเข้ามาชิดเท้าทำความเคารพ
“ตามสบายครับ มีอะไรว่ามาครับ”
“นักเรียนมากันครบวันเปิดเทอมค่ะ ขาดอาย้งคนเดียว” ลัดดาบอก
เกียรติก้องครุ่นคิดเครียดทันที “อาย้ง ลูกสาวตียูใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ ผู้กอง” ลัดดาบอก
สองคนสบตากันเครียด
ผู้กองเกียรติก้องเดินเมียงมองรอบๆ กระท่อม เห็นจ่าตุ๋ยพูดวิทยุ ฟังวิทยุอยู่ที่รถเป็น B.G.
“อาย้ง อาย้ง อาย้งอยู่มั้ย”
อาย้งเด็กหญิงวัยราว 8 ขวบ เดินมอมแมมออกมาจากชายป่า ถือห่อผ้าออกมาด้วย
ต่อมาอาย้งและผู้กอง นั่งกันบนแคร่หน้ากระท่อม
อาย้งแกะห่อผ้ามีข้าวโพด 8 ฝัก หัวมันเทศ 6 หัว มันแกว 5 หัว
“ทำไมไม่ไปโรงเรียนครับ”
“ต้องเฝ้าบ้านค่ะ พ่อไม่กลับบ้านหลายวันแล้ว”
เกียรติก้องลูบหัวอาย้ง “เดี๋ยวไปเอาข้าวกับข้าวที่โรงเรียนนะถ้าไม่เจอผู้กอง ก็ไปเอาที่ครูแหวนนะครับ”
จ่าตุ๋ยวิ่งหน้าตื่นเข้ามา “พวกป่าไม้ปะทะกับคนร้ายครับผู้กอง”
“ผู้กองไปก่อนนะอาย้ง”
ผู้กองเกียรติก้อง จ่าตุ๋ย วิ่งไปขึ้นรถขับออกไป
ป่าไม้ ยิงต่อสู้กับพวกคนร้ายและตียูกับเพื่อน อย่างเมามัน ผู้กองเกียรติก้องกับจ่าตุ๋ยและตชด. วิ่งเข้ามาและยิงใส่เหล่าคนร้าย แต่ยังไม่เห็นตียู
ผู้ร้าย 1 เห็นท่าไม่ดี หันไปหาคนร้าย 2
“เฮ้ย หนีก่อนเร็ว มันมี ตชด.มาช่วย”
เหล่าคนร้าย หนีไปหันมายิงสู้ไป ตียูกับเพื่อนถือปืนแก๊ปหลบอยู่มุมหนึ่ง กลัวลนลาน คนร้าย 1 โผล่เข้ามา
“พวกมึงยิงถ่วงเวลาไว้ใครหนี กูจะตามไปฆ่าถึงบ้าน”
คนร้าย 1 หยิบลูกระเบิดดึงสลักขว้างออกไป แล้ววิ่งหนีขึ้นเขา
เกียรติก้องกับลูกน้องป่าไม้ เดินระแวดระวังมา ระเบิดหล่นตรงหน้า ตูม ต่างคนต่างหลบ ตียูมือไม้สั่นใส่ลูกตะกั่ว กระทุ้ง เพื่อนๆ คลานหนีหายเข้าพุ่มไม้ไป ตียูใส่แก๊ป ง้างนกปืน เหลียวหาเพื่อนๆ หนีไปหมดแล้ว ตียูถดตัวถอยจะหนี ผู้กอง กะ จ่าตุ๋ย โผล่มาจากพุ่มไม้ ตียูตกใจหลับหูหลับตายิง ตูมๆๆ เกียรติก้อง จ่าตุ๋ยกระเด็นหงายหลัง ตียูตกใจ คุกเข่า ยกมือไหว้ร้องไห้
“ผู้กอง จ่าตุ๋ย ตียูขอโทษๆ”
ตชด. ป่าไม้ โผล่เข้ามา รายล้อมตียู ตชด.คนหนึ่งรีบเข้าไปดู ผู้กอง และ จ่าตุ๋ย
ปรากฏว่า ผู้กองเกียรติก้องโดนลูกปืนที่ใต้กระดูกไหปลาร้าขวา จ่าตุ๋ยโดนที่เอวกับต้นแขนขวา
ตุ๋ยหลับอยู่ในห้องที่อนามัย จีรณะ จิตรา และอาโป เข้ามาหน้าตาตื่น “เป็นยังไงบ้างไอ้ก้อง”
“ไกลหัวใจเยอะ”
จิตราเข้าไปจับแขนผู้กอง “เจ็บมากมั้ยจ้ะพี่ก้อง”
“เห็นจิตมาเยี่ยมก็หายเจ็บเลย”
สองคนยิ้มให้กัน อาโปหันไปดูจ่าตุ๋ย แล้วหันมากระซิบบอกจิตราปิดปากหัวเราะเบาๆ
“พุงยังกระเพื่อมอยู่จ่าตุ๋ยยังไม่ตาย”
จิตราตีแขนอาโป เกียรติก้องปรารภขึ้น
“ตียูโดนข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน แกช่วยไปดูหน่อยพวกนั้นมันโยนให้เป็นแพะรับบาป ไม่มีตียู อาย้งจะลำบาก”
“งั้นต้องรีบไปประกันตัวอาย้ง”
“แล้วจะใช้อะไรไปประกันตั้งสองสามแสน”
จีรณะครุ่นคิด แล้วมองหน้าจิตรา
จีรณะไปประกันตัวตียูออกมา พามาที่สำนักงานเอ็นจีโอ ตียูกำลังนั่งกินข้าวอย่างหิวโหย จีรณะและภีมะนั่งมองอยู่ที่โต๊ะทำงานไกลๆ
“ทำได้ยังไงวะ เอาตัวออกมาได้ คดีไม่ใช่เบาๆ”
จีรณะเกาหัวหน้าจ๋อย “เอาโฉนดบ้านไปประกันครับพี่ สมบัติชิ้นสุดท้ายของผมกับน้องสาว ฝากพี่ดูแลตียูไปก่อนนะครับ ผมกลัวพวกนั้นมันจะฆ่าปิดปาก”
“ไม่ต้องห่วง เรื่องแค่นี้เอง”
จีรณะลุกไหว้ภีมะ แล้วขยับออกไป “ขอบคุณครับ”
เขาเดินไปหาตียู “กินให้อิ่มนะ แล้วค่อยมาคุยกันอีกที”
ตียูบอก “ตียูอยากไปหาอาย้ง”
“ตียูต้องไปรายงานตัวกับตำรวจทุกสองวัน มัวขึ้นลงดอยคงลำบาก ถ้าอยากกลับไปอยู่กับลูก ตียูก็ต้องบอกว่าใครเป็นคนจ้าง...ตำรวจเค้าจะได้กันตียูไว้เป็นพยาน”
ตียูก้มหน้า จีรณะมองหน้ากับภีมะ หนักใจ
พิมพรนั่งอ่านแม็กกาซีนอยู่บนโซฟาในห้องโถง พวงกับโสภิตช่วยกันทาแผลบาดเจ็บของบ็อบบี้ แม่เลี้ยงอมราเดินเข้ามากวาดตามอง
บ็อบบี้ทัก “Good morning ครับคุณยาย”
“ไม่ต้องมามอน่งมอนิ่งชั้น รู้มั้ยว่าเมื่อวาน เค้าวิ่งวุ่นกันทั้งบ้านเพราะเรา
บ็อบบี้ก้มหน้ารับผิด “ผมขอโทษครับ”
“แล้วนี่ใครหาบ็อบบี้เจอ เป็นลูกหนี้เรารึเปล่า แหม...ชั้นไม่น่าพลั้งปากให้รางวัลไปเลย”
“ไม่ค่ะ” โสภิตตัดสินใจโกหก “คนที่เจอบ็อบบี้หลงทางเป็นนักท่องเที่ยว เป็นคนมีฐานะดีไม่ขอรับเงินรางวัลจากเราค่ะ”
บ็อบบี้งง แม่เลี้ยงอมราถอนหายใจ “โล่งอกไปที ชั้นบอกไว้ก่อนนะ ถ้าต่อไปซน จนถูกจับไปเรียกค่าไถ่ ชั้นไม่ไปไถ่ให้หรอกนะ”
พิมพรยิ้มประชด “ค่ะ พิมก็เชื่อว่าแม่พูดจริงทำจริง”
“แกไม่ต้องมาแดกดันชั้น แค่ชั้นเลี้ยงแกมา ก็สิ้นเปลืองไม่รู้ไปเท่าไหร่ หวังจะให้ตบแต่งมีสินสอดทองหมั้น คืนทุนมาบ้าง ก็ทำงามหน้าซะงั้น”
“ขอโทษนะคะ ที่พิมทำให้แม่ขาดทุน แม่คงต้องเรียกสินสอดคืนสองเท่าจากงานแต่งยายภิตแล้วหละค่ะ”
“แน่นอน เพราะยายภิตมันทั้งสวยทั้งเก่ง ทำงานหาเงินให้ชั้นได้ไม่รู้เท่าไหร่ คนอยู่บ้านนี้ต้องทำงาน จะมานั่งๆนอนๆ กินอยู่ฟรีๆ ไม่ได้”
โสภิตเซ็ง บ็อบบี้อาสา “ผมจะช่วยทำงานเองครับ ผมจะล้างรถ ตัดหญ้า...”
โสภิตรีบแทรก “ภิตวางแผนจะให้พี่พิมมาช่วยดูพวกบัญชีลูกหนี้ค่ะแม่”
พิมพรบอก “ขอเงินเดือน ๆ ละห้าหมื่นนะ...”
แม่เลี้ยงพูดแทรกขึ้นมา “ชั้นให้ได้แค่ค่าแรงขั้นต่ำ วันละ 300 ถ้าแกอยู่ไม่ได้ ก็ออกไปจากบ้านชั้น”
พิมพรจะเถียงแต่โสภิตดึงมือไว้ พิมพรเลยเงียบ แม่เลี้ยงปรายตามองอย่างเป็นต่อ
จีรณะขับรถจี๊ป เข้ามาจอดหน้าอนามัย อาโปวิ่งร้องไห้เข้ามาหา จีรณะตกใจจับไหล่อาโปเขย่าเบาๆ หน้าเครียด
“เป็นอะไรอาโป เกิดอะไรขึ้น ผู้กองเป็นอะไรเหรอ”
อาโปส่ายหน้า “พ่ออาโปเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าต้องผ่าตัดด่วน อาโปไม่มีเงินค่าผ่าตัด อาโปจะทำยังไงดีนาย”
อาโปร้องไห้ จีรณะดึงอาโปเข้ามากอด ลูบหัวลูบหลังปลอบใจ ส่วนตัวเองหน้าเครียด
“ไม่ต้องร้องๆอาโป”
“พ่ออาโปจะตายมั้ย ฮือ ฮือ”
ต่อมาไม่นาน จีรณะเซ็นเอกสารที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอามาให้ จิตราโอบอาโปนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ไม่ต้องร้องไห้แล้วอาโป ฉันจะเป็นเจ้าของไข้ รับผิดชอบค่าผ่าตัดให้จะมูแล้ว”
“อาโปขอบคุณนายมาก นายใจดีที่สุด”
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว ไป ไปล้างหน้าล้างตาซะ”
อาโปวิ่งปร๋อไปห้องน้ำ จิตราเอ่ยขึ้น “จะมูไม่มีสิทธิ์รักษาพยาบาลฟรีจากรัฐ ยังเป็นคนต่างด้าวอยู่เราจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายโรงพยาบาลคะ”
“เรื่องนี้พี่จัดการเอง จิตไม่ต้องห่วง”
“แต่ว่า...”
โทรศัพท์ดัง จีรณะรับสายภีมะ “ฮัลโหล ครับ พี่....ห๊ะ ตียูหายตัวไป”
ที่บ้านพีรพงษ์ตอนนั้น ลูกน้อง 3-4 คนที่คุมการขนไม้ในป่ายืนเรียงกุมมือก้มหน้ากันทั้งสองฝั่ง พีรพงษ์หน้าเครียด เดินผ่าน แล้วหันมาต่อย มาศอกแต่ละคน คนละหมัดสองหมัดจนทรุด
“พวกแกทำงานกันยังไง งานง่ายๆอย่างนี้ไม่สำเร็จ รู้มั้ยว่างวดนี้ ชั้นต้องสูญเงินไปเท่าไหร่”
พีรพงษ์กวาดตามอง ลูกน้องกุมปาก กุมแผล
ลูกน้อง 1 บอก “ผมนึกไม่ถึง ว่ามันจะไปหลบอยู่ที่สำนักงานของไอ้เอ็นจีโอนั่น แต่พอจะไปลากตัวมันๆ ก็หนีไปแล้ว”
“ยังไงก็ต้องปิดปากมันให้ได้” พีรพงษ์คิด มองหน้าลูกน้อง พวกลูกน้องเก็ท “ตียูมันมีลูกสาวไม่ใช่เหรอ”
อาย้งเดินขึ้นบ้านมา หยิบข้าวตังตากแห้งบีบๆ ใส่หม้อ เทน้ำใส่ จากนั้นจุดไฟที่เตา เป่าให้ไฟลุกควันโขมง อาย้งหยิบไข่ไก่ออกมาวาง
มือตียูเข้ามาจับต้นแขนอาย้งดึงไปหลบมุมบ้าน อีกมือปิดปากอาย้ง สองพ่อลูกสบตากันอาย้งเห็นเป็นตียูโผเข้ากอดกัน ตียูลุกลี้ลุกลนหยิบเงินยับๆ ราวสามร้อยบาทใส่มืออาย้ง
“ตั้งใจเรียนนะอาย้ง อย่าดื้อนะ”
“ทำไมพ่อไม่กลับบ้าน”
“พ่อ...พ่อ...”
ตียูดึงอาย้งเข้ามากอดร้องไห้ จีรณะเข้ามาหา
“ตียู”
ตียูสะดุ้งมองตกใจ “ผมนึกแล้ว ว่าตียูต้องมาหาลูก จะมาทำไมไม่บอกผม”
ตียูคลายกอดจากลูกหันมาตอบ “ผมกลัวนายจะไม่อนุญาต”
“แต่มันอันตราย...”
ปัง ปัง ปัง เสียงปืน สามนัดซ้อน เจาะเข้าข้างฝาข้างหัวตียู ฝาโดนลูกปืนกระจาย ตียูกดอาย้งนอนกับพื้น สมุน 2 คน อยู่บนรถมอเตอร์ไซค์จอดแอบอยู่โคนต้นไม้ เล็งปืนยิงใส่บ้านตียู โดยคนซ้อนท้ายยืนบนที่พักเท้า
ตียูกระโดดลงจากบ้านวิ่งเข้าป่า อาย้งลุกจะตาม จีรณะกระโดดเข้ากอดอาย้ง ลูกปืนเฉียดโดนฝาบ้านอีกสองนัด
จีรณะชักปืนโดดลงจากบ้านนั่งชันเข่ายิงใส่สมุน สมุน 1 โดนเข้าที่เอว ชะงักทรุด
สมุน 1“โอ้ย เฮ้ยหนีเร็ว”
สมุน 2 รีบเก็บปืนขับรถหนีไป จีรณะเล็งปืนตามตรวจความปลอดภัย ส่ายปืนไปมา
ตอนเย็นวันนั้น จีรณะพาอาย้งมาที่โรงเรียนบนดอย ลัดดา แหวน ยืนจับไหล่อาย้งที่หน้าบ้าน จ่าตุ๋ย ถือปืนอยู่ใกล้ๆ คอยระวัง
จีรณะนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ “ผมฝากอาย้งด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เราจะดูแลอาย้งเอง” ลัดดาบอก
แหวนเสริม “ครูลัดดาได้เหรียญทองยิงปืนนะคะ จ่าตุ๋ยยังสู้ไม่ได้เลย”
“ฝากถูกคนแล้วครับ คุณจีซะอีก ขากลับระวังตัวด้วยนะครับ” จ่าตุ๋ยเตือน
จีรณะทำมือตาเบ๊ะ แล้วสตาร์ทเครื่องออกรถไป หมู่มวลมองตาม
วันต่อมา โสภิตเข็นรถใส่ของมาตามทางในซุเปอร์มาร์เก็ตของห้าง พิมพร บ็อบบี้ เดินเลือกหยิบสินค้าใส่ตะกร้าหน้ารถ จนของเต็มรถ สุดท้ายบ็อบบี้หยิบคุกกี้กล่องใหญ่วางบนสุดของสินค้าในตะกร้า
โสภิตเข็นรถจะออกประตู ดาบม้วนในชุด รปภ.ห้าง หันหลังให้ เปิดประตูให้ลูกค้า ประตูห้างกระแทกรถเข็น ข้าวของหล่น กล่องคุกกี้หล่น ดาบม้วนตกใจหันมาช่วยเก็บข้าวของวุ่นวายโสภิตชะงักมอง
“ขอโทษครับ ขอโทษ”
พิมพรหยิบกล่องคุกกี้เขย่า “ลุงนี่ ไม่ดูตาม้าตาเรือ ดูสิ คุกกี้ของลูกชั้นแตกหมดกล่องแล้วมั้ง”
ดาบม้วนหน้าจ๋อย “เดี๋ยวผมไปขอเปลี่ยนให้ใหม่ก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไรครับลุง ผมกินได้”
ดาบม้วนมองบ็อบบี้ มองโสภิตกับพิมพรจำได้ รีบหลบหน้าหลบตา
โสภิตแปลกใจ “ไม่ได้ทำงานที่โรงพักแล้วเหรอคะ”
“เอ้อ...ผมขอตัวไปโบกรถก่อนนะครับ”
ดาบม้วนรีบออกไป พิมพรมองตามแล้วหันมามองน้องสาว โสภิตมองตามดาบม้วนไปพิมพรพึมพำ “ยามนี่หน้าคุ้นๆ นะ”
“ลุงเค้าเป็นตำรวจที่ไปบ้านมิสเตอร์จี บ็อบบี้จำได้”
บ็อบบี้รีบเข็นรถออกไป โสภิต พิมพรตาม โสภิตยังมองตามดาบม้วนด้วยหน้าตาสงสัยใคร่รู้
หมู่ทองในชุดวินมอเตอร์ไซค์ ขี่รถมาส่งป้าแก่แถวหน้าคุ้มอมรา ป้าแก่งกเงิ่นจ่ายเงิน โสภิตเหลือบตาไปเห็น สงสัยจำได้รีบลงรถ “พี่พิมขับรถเข้าบ้านให้หน่อย เดี๋ยวภิตตามเข้าไป”
โสภิตรีบเดินไปหาหมู่ทอง พิมพรงงๆ ขับรถเข้าบ้านไป
หมู่ทองจะออกรถ โสภิตโบกมือเรียก หมู่หลบๆ นึกว่าจะทวงหนี้ สตาร์ทใหญ่ แต่ยิ่งรีบยิ่งดับ โสภิตวิ่งไปคว้าแฮนด์ไว้
“หมู่ทอง อย่าเพิ่งไปค่ะ”
“ผมต้องรีบไปเข้าเวร
โสภิตรีบบอก “เลื่อนจ่ายดอกเบี้ยไปอีกเดือน”
หมู่ทองชะงัก
สองคนอยู่ที่ร้านเพิงกาแฟริมถนนหมู่ทองดูดโอเลี้ยงหมดแก้ว เสียงโครกคราก ยกหลังมือปาดเช็ดปาก
“ลำพังหนี้ผมเอง ไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้มีคนเดือดร้อนกว่า”
“ใครคะ”
“ก็คุณจีนั่นแหละครับ”
“คุณจีเค้ามีปัญหาอะไรเหรอคะ”
“จะเอาเรื่องไหนก่อนดีครับ คุณจีต้องแบกรับภาระดูแลรักษาจะมูพ่อของอาโปที่ป่วยหนักแล้วตียูผู้ต้องหาที่คุณจีเอาบ้านไปประกันตัวดันหนีศาลไปอีก บ้านจะถูกยึดวันไหนก็ไม่รู้ คุณจีมีน้ำใจกับพวกผม พวกชาวบ้านมามากแล้ว จะนิ่งเฉยก็ดูจะใจดำไปหน่อย”
โสภิตครุ่นคิดทั้งกังวลและห่วงจีรณะ
เย็นนั้นผู้กองเกียรติก้องเดินเมียงมองหาจิตราบนบ้าน
“จิตๆ น้องจิต”
ผู้กองเดินเข้าไปที่หน้าต่าง ชะงักมอง เห็นจิตราอยู่ริมรั้ว ยศอยู่ข้างนอกคุยกันอยู่
ผู้กองหลบแอบดูไม่ได้ยิน
ยศป้อนคำหวาน “ออกมาหาพี่เถอะจิต พี่คิดถึงจิตจริงๆ นะ พี่อยากคุยกับจิต”
“อยากคุยอะไรคุยตรงนี้ก็ได้นี่คะ”
“จิตใจร้าย ตอนนี้พี่หัวเดียวกระเทียมลีบ พี่พิมกับหลานกลับมา แล้วก็ยุให้แม่เกลียดพี่ พี่อยากมีใครซักคนที่เข้าใจพี่เหมือนจิต”
จิตราหมั่นไส้ “ลองเล่าให้คุณนิตยาฟังซิคะ เธอคงปลอบใจพี่ยศได้”
“จิตหึงพี่เหรอ”
“จิตต้องไปทำกับข้าวแล้ว ขอตัวนะคะ”
“ทำให้ไอ้ผู้กองนั่นกินใช่มั้ย นี่จิตจะเปลี่ยนใจไปรักมันแล้วใช่มั้ย”
“อย่าเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องของเราได้มั้ยคะ”
จิตราหน้าเฉยเดินเข้าบ้านไป ผู้กองหันไปพิงฝาหน้าเครียด ยศอารมณ์เสียเดินไป
ผู้กองเกียรติก้องแต่งชุดพรางถือเป้เดินเข้ามาหน้าเครียดลงมาจากชั้นบน
จีรณะมาพอดี “อ้าว...เฮ้ยนั่นแกหายดีแล้วเหรอ”
“ฮื่อ จ่าตุ๋ยโทรมารายงานชั้นหมดแล้ว เรื่องตียู ฉันจะไปตามตัวกลับมา”
จิตรายกกับข้าวออกมา “แต่แผลพี่ก้องยังไม่หายดีนะคะ น่าจะพักให้หายดีก่อนเดี๋ยวแผลอักเสบติดเชื้อขึ้นมาจะยุ่งนะคะ”
“จิตเป็นห่วงพี่ด้วยเหรอ”
จิตรางง สบตากับเกียรติก้อง
“อ้าวไอ้นี่ถามแปลกๆ ถ้าจิตเค้าไม่เป็นห่วงแกเค้าจะพูดอย่างนี้เหรอ” จีรณะว่า
ผู้กองหลบตาจิตรา บอกกับจีรณะ “ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก แกนั่นแหละตอนนี้บ้านก็เอาไปประกัน แถมยังต้องรับผิดชอบค่ารักษาจะมู จะไหวเหรอ”
“ก็ยังดีว่าตชด. จนๆ อย่างแกละวะ อย่างน้อยฉันก็มีของเหลือให้จำนำอีกหลายอย่าง”
“พี่จี จิตพอจะมีเงินเก็บ”
“ไม่ จิต เก็บเงินของจิตไว้ พี่จัดการทุกอย่างได้ เชื่อซิ”
โทรศัพท์เกียรติก้องดัง ผู้กองดูหน้าจอ แล้วกดรับสาย
“เรียบร้อยแล้ว ออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เกียรติก้องกดวางสาย “ชั้นให้ลูกน้องมารับแล้ว แล้วเจอกันจี”
“แล้วไม่กินข้าวก่อนเหรอคะ พี่ก้อง”
“ไม่จ้ะ ขอบใจ พี่ไม่หิว”
เกียรติก้องหิ้วเป้เดินออกไป จิตราสบตากับจีรณะ มองตามผู้กองไปงงๆ
“มันเป็นอะไรของมัน ดูแปลกๆ”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อาจจะกลุ้มใจเรื่องตียู เออ พี่จี แล้วตกลงพี่จีจะหาเงินมาจากไหนคะ”
วันต่อมา จีรณะพาตัวเองมาอยู่ที่สำนักงานโชว์รูมรับจำนำ-จำนองรถในเมือง และยืนมองรถจิ๊ปตัวเองด้วยความเสียดาย พนักงานเดินเคาะตัวถัง ดูเครื่องยนต์ไปมา แล้วเข้าไปหาจี
จีรณะลุ้น พนักงานประเมินราคา “เจ็ดหมื่นห้า”
จีรณะผิดหวัง “เจ็ดหมื่นห้า”
“รถมันเก่าแล้วพี่ ปีก็ไม่ได้ เอาๆไปก่อนเถอะพี่ ราคานี้ส่งดอกไม่เหนื่อยหรือว่าพี่จะขายขาดผมเองเพิ่มให้ได้อีกนิดหน่อย”
จีรณะคิดหนัก
โสภิตเดินเข้ามาอีกทางชะงักเมื่อเห็นจีรณะ หล่อนรีบหลบเข้าไปในห้องกระจกติดฟิล์มมอง
เห็นจีรณะส่ายหน้า พนักงานกลับเข้ามาในห้อง บ่นด่า
“โธ่เอ๊ย รถกระป๋องพรรค์นี้จะมาโก่งราคา” หันมาเห็นโสภิตพอดี “อ้าว คุณอัปสรโสภิต สวัสดีครับ”
“ผู้ชายคนเมื่อกี๊เอารถมาจำนำเหรอ”
“ครับ แต่อยากได้ราคาเป็นแสน เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ถ้าแม่เลี้ยงรู้ ด่าผมตาย”
โสภิตเห็นจีรณะปิดฝากระโปรงขึ้นรถไป สตาร์ทไม่ติด แล้วลงมาเปิดฝากระโปรงรถอีกอย่างหัวเสีย
พนักงานจะเดินไป โสภิตเหนี่ยวแขนไว้ “เดี๋ยวก่อน”
จีรณะปิดฝากระโปรงขึ้นรถไปคราวนี้สตาร์ทติด ผู้จัดการวิ่งมาเข้ามาถือแผ่นรองเอกสารกับซองใส่เช็ค ตบกระจกเรียก
“เดี๋ยวก่อนคุณอย่าเพิ่งไป”
จีรณะบิดกุญแจรถดับเครื่อง งงๆ ที่พนักงานไหว้
“ขอโทษจริงๆ พี่ ผมตาไม่ถึงรถพี่มันแอนทีค เค้ากำลังเล่น หากันคุณค่าทางจิตใจมันสูงมาก ตกลงราคาตามที่พี่เรียก”
พนักงานยื่นซองเช็ค ส่งปากกาให้
“ขอบคุณมากๆ” จีรณะสบตาดีใจ
โสภิตมองอยู่ยิ้มนิดๆ แล้วหลบออกไป
จีรณะขับรถมาตามทาง ยิ้มขรึมๆ ดีใจที่จำนำทะเบียนรถได้ หยิบซองใส่เช็คจากกระเป๋าออกมาคลี่เปิดดู แล้วเบรกรถพรืดหน้าเครียด เพิ่งดูตัวเลขในเช็ค เขียนสามแสนห้าหมื่นบาท จีรณะงงหน้าเครียดครุ่นคิด ตัดสินใจกลับรถเร็วรี่
โสภิตเดินออกมาจากห้องผู้จัดการ ผู้จัดการเดินตามพร้อมหมู่มวลพนักงาน ผู้จัดการหยุดไหว้ลาโสภิตที่หน้าสำนักงาน พนักงานไหว้ตามนอบน้อม โสภิตรับไหว้ทุกคน ขึ้นรถขับออก จีรณะขับสวนเข้ามาจอดสองคนไม่เจอกัน จีรณะเดินพรวดๆ เข้าไปหาผู้จัดการ
“อ้าวคุณ ลืมอะไรเหรอครับ”
“เช็คนี่สั่งจ่าย สามแสนห้าหมื่น แต่ผมขอแค่สองแสน คุณเขียนผิดหรือเปล่า”
“ไม่ผิดหรอกคุณ ลูกสาวแม่เลี้ยงเซ็นสั่งจ่ายเอง”
“ลูกสาวแม่เลี้ยง! คุณหมายถึง”
“ก็คุณอัปสรโสภิตไง แหม คุณเป็นเพื่อนกับเจ้านายผมก็น่าจะบอกแต่แรก จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคุย”
“ยัยอุตพิด” จีรณะไม่อยากเชื่อ
โทรศัพท์ดัง จีรณะรับสาย “ฮัลโหล พี่กำลังยุ่งจิต มีอะไรไว้คุยตอนกลับบ้าน...ห๊ะ อะไรนะ พี่จะไปเดี๋ยวนี้”
สมุนพีรพงษ์ยืนบนท้ายรถกระบะยกสูง ถ่ายกล้องดิจิตอลเข้าไปภายในบ้านจีรณะมุมต่างๆ ภาพนั้นมาขึ้นบนจอไอแพดของพีรพงษ์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สนามและมีโต๊ะวางตรงหน้า จิตรายืนมองหน้าตื่นอยู่มุมหนึ่งในบ้าน
จีรณะขับรถมาจอดลงจากรถ จิตราวิ่งไปหา
“พี่จี”
“พวกนายมาทำอะไรที่บ้านฉัน”
พีรพงษ์ลุกยืน “ก็บังเอิญผมได้ข่าวว่าบ้านนี้กำลังจะถูกขายทอดตลาด ชดใช้ค่าประกันที่ผู้ต้องหาหนีคดีไป ผมนี่แหละจะเป็นเจ้าของบ้านนี้ต่อจากคุณ”
“มันไม่ง่ายอย่างที่พวกนายต้องการหรอก ชั้นรับรองว่าชั้นจะปกป้องบ้านหลังนี้ด้วยชีวิตของชั้น”
“ก็แน่ล่ะสิ ได้ข่าวว่าอยู่กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแล้วนี่ ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะพยายามใช้บ้านหลังนี้อย่างมีประโยชน์ต่อส่วนรวมที่สุด เฮ้ย พวกเอ็งว่าบ้านนี้ทำอะไรได้วะ”
สมุน 2 เมียงมองจอไอแพด สมุน 1 บอกกวนๆ “ผมว่า ให้เช่าทำบาร์เบียร์ก็ไม่เลวนะครับ”
“ปากหมา หยาบคาย ไม่เคารพสถานที่ ฉันว่าทำร้านเหล้าแล้วมีโคโยตี้เต้นด้วยคุ้มกว่า”
หมู่มวลหัวเราะกันเฮฮา
จีรณะพุ่งเข้าต่อยพีรพงษ์ สมุนเข้าขวาง จีรณะต่อยสมุนไม่ยั้งจนฟุบไป เหล่าสมุนเตรียมเข้ารุมจีรณะอีก จิตราเข้าขวาง อีกคนประคองเพื่อนเลือดออกจมูกปาก
“อย่า อย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ ฉันขอร้อง”
“นี่ถ้าฉันแจ้งความนายก็โดนอีกคดี แล้วจะมีปัญญาเอาอะไรมาประกันตัว เตรียมเก็บข้าวเก็บของรอหมายศาลกับหนังสือจากกรมบังคับคดีได้แล้ว”
พีรพงษ์กับสมุนเก็บข้าวของขึ้นรถขับออกไปจิตรางง “ผู้ชายคนนี้เป็นใครคะ ทำไมต้องมายึดบ้านเรา”
“มันเป็นแฟนลูกสาวแม่เลี้ยง มันจงใจแกล้งเรา”
จิตราเช็คน้ำตามองบ้านมองพี่ “หมายความว่า เราต้องเสียบ้านหลังนี้จริงๆ เหรอพี่จี”
จีรณะกอดน้อง “พ่อรักบ้านหลังนี้มาก เราจะไม่ยอมเสียบ้านหลังนี้ให้ใครทั้งนั้น พี่สัญญา”
แม่เลี้ยงอยู่ที่ศาลาในสนามหญ้าของคุ้มหัวเราะร่าเริง พีรพงษ์อมยิ้มหลังรายงานเรื่องจีรณะจบ
“หน้าตาไอ้จีมันเป็นยังไงนะ ซีดเลยเหรอ น้องสาวมันล่ะร้องไห้แงๆ เลยมั้ยคุณพงษ์ สะใจป้าจริงๆ เลย แกล้งมันกี่ครั้งก็เอาตัวรอดได้”
“รับรองคราวนี้จบง่ายครับ ไอ้จีมันต้องจนตรอกซมซานมากราบเท้าแม่เลี้ยงแน่ๆครับ”
“เก่งจริงๆว่าที่ลูกเขยของป้า”
สองคนป้อยอกันไปมา พีรพงษ์หยอด
“แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้เป็นลูกเขยแม่เลี้ยงจริงๆซักทีล่ะครับ”
“อีกไม่นานหรอกคุณพงษ์ถ้ายัยภิตรู้ว่าคุณพงษ์ฉลาดอย่างนี้ล่ะก็ไม่รีบตะครุบตัวเอาไว้เสียดายของแย่แลย”
“ผมก็ภูมิใจที่สุดที่จะได้มาเป็นคนในครอบครัวแม่เลี้ยง ถ้าผมรับใช้อะไรได้ บอกมาเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
อมราถอนใจ “นี่ป้าก็กลุ้มเรื่องเจ้ายศ เมื่อไหร่จะลงเอยกับลูกสาวผู้ว่าได้ก็ไม่รู้สะใภ้ดีๆอย่างนี้ ป้าไม่อยากให้หลุดมือ”
“โธ่ เรื่องแค่นี้เอง ผมรู้ว่าคุณนายผู้ว่าแกอยากทำรีสอร์ท เราเอาที่สวยๆ มาโชว์มาล่อ คุณนายก็ไปไหนไม่รอดแล้ว”
“ป้ามีที่อยู่แปลงนึง ป้าไปยึดวันตัดริบบิ้นเปิดรีสอร์ทเลย สวย ใหม่ กิ๊ก”
“ถ้างั้นเราสร้างบรรยากาศโรแมนติก ให้นายยศได้ใกล้ชิดกับคุณนิตยาซะเลย ดีมั้ยครับ”
แม่เลี้ยงตาโต “จริงด้วย งั้นคุณพงษ์ก็ไปด้วยนะ จะได้เป็นสองคู่”
“นั่นก็ต้องแล้วแต่ความกรุณาของแม่เลี้ยง”
ทั้งคู่ยิ้มแย้มหัวเราะกันคิกคัก
ที่จวนผู้ว่า นิตยานั่งหน้าตึงกอดอกบนเตียงในห้องนอน คุณนายนลีนีหน้าเครียด
“ตายศเค้านั่งรอตั้งนานแล้ว รีบๆ ลงไปสิ แค่ไปกินข้าวปิกนิคกันแกจะเล่นตัวอะไรนักหนา”
“ก็นิตไม่อยากไปนี่คะ คุณแม่ไปบอกเค้าว่านิตไม่สบายก็ได้”
คุณนายนั่งลงข้างๆ “ฟังแม่ แกต้องไปสถานที่ๆเค้าจะพาแกไปกินข้าวกับครอบครัว มันสำคัญกับครอบครัวเรามาก”
“แล้วนิตไปเกี่ยวอะไรด้วยคะ”
“มันเป็นป่าสมบูรณ์ มีหน้าผา มีลำธาร มีน้ำตก ที่สำคัญมันเป็นที่มีโฉนดถูกต้องตามกฏหมาย แม่กับพ่ออยากได้เอามาทำรีสอร์ท เป็นอาชีพเลี้ยงตัวตอนคุณพ่อเกษียณอายุราชการ ถ้าแกใช้เสน่ห์หว่านล้อมให้ได้โฉนดที่แปลงนี้มาในราคาถูก หรือได้มาฟรียิ่งดีใหญ่” นลินีบอก
“หมายความว่าคุณแม่จะให้นิตเอาตัวเอาแลกกับที่ดินแปลงนี้”
“ตายศกับแกต้องแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว ดีกว่าแกต้องไปเสียให้พวกไม่มีหัวนอนปลายเท้ามันฟรีๆ”
นิตยาเซ็ง เดินกระแทกเท้าไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นมนัส เดินถือเอกสารออกจากบ้าน ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไป
นิตยาคิดแผนบางอย่างออก “ก็ได้ค่ะ เพื่อครอบครัว นิตจะเล่นให้สมบทบาทเลย”
รถอีซูซุ ดีแมกสี่ประตูเกียร์ธรรมดา จอดบนเนินซึ่งมีทางเดินลงไปที่น้ำตก มีศาลานั่งเล่น
และมีทางขึ้นไปบ้านพักหลังใหญ่ที่ไกลพอควร
พิมพรมองวิวอย่างตื่นตา ชอบใจ “โห เจ้าของเค้าเป็นหนี้แม่เท่าไหร่เนี่ย ถึงเอารีสอร์ททั้งรีสอร์ทมาใช้หนี้”
โสภิตจูงบ็อบบี้เข้ามาหา “เงินต้นห้าหกล้านค่ะแต่รวมดอกแล้วก็เกือบสิบ
“แม่เราสุดยอดจริงๆ”
บ็อบบี้มองอย่างตื่นตาตื่นใจ “ว้าว บ็อบบี้อยากว่ายน้ำ มามี้ไปว่ายน้ำกัน”
“ไม่เอาหรอก หนาวจะตาย....มามี้จะนอนอาบแดดอ่านหนังสือจะไปก็ไปคนเดียว”
เสียงแม่เลี้ยง ตะโกนมา “ไม่ต้องเลยนะบ็อบบี้ มานี่ เดี๋ยวไปตกน้ำตกท่าจะเดือดร้อนกันอีก”
สามคนเห็นแม่เลี้ยงกับนิตยา และยศ นั่งกันอยู่ที่ศาลามีพวงกับกาบ ช่วยกันเอากับข้าวใส่จาน เป็นพวกส้มตำ น้ำตก ไก่ย่าง
โสภิตจูงบ็อบบี้เดินมานั่งเซ็งๆ
“มากินข้าวเหนียวดีกว่า น้าภิตปั้นให้”
“ขอบคุณครับ ผมกินเองได้”
นิตยาฉอเลาะ “น่ารักจังนะคะ ฉลาดด้วย”
“เชื้อทางยายมันแรงน่ะหนูนิต” อมราว่า
“เดี๋ยวคอยดูลูกชายคนแรกของผมกับคุณนิต รับรอง ทั้งหล่อทั้งฉลาดกว่านี้หลายเท่า” ยศคุย
นิตยาแอบเบ้หน้า
“หล่อน่ะคงเป็นได้ เพราะแม่สวย แต่เรื่องฉลาดต้องพึ่งแม่อย่างเดียวเลย” พิมพรแดกดัน
แม่เลี้ยงหมั่นไส้ “ยัยพิม! พี่น้องหยอกกันแรงๆแบบนี้แหละ แต่จริงๆ คู่นี้เค้ารักกันมาก”
“น่าอิจฉานะคะ นิตน่ะอยากมีพี่น้องบ้าง” นิตยาจ๊ะจ๋าต่อ
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ต่อไปผมจะอยู่ข้างๆคุณนิตตลอดเวลาไม่ปล่อยให้คุณนิตเหงาเลย”
ยศจับมือ แต่นิตยาดึงออก “นิตยังไม่หิว ขอไปเดินเล่นก่อนนะคะ”
แม่เลี้ยงเชียร์ “เอางี้ซิ ตายศพาหนูนิตเดินขึ้นไปดูบ้านซิ สวยมากเลยนะ หนู ถ้าชอบ ป้าจะยกให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน”
นิตยาดี๊ด๊า “อุ๊ย น่าตื่นเต้นจัง บ็อบบี้ไปกับพี่นะจ๊ะ”
“ครับ” บ็อบบี้ดีใจ
นิตยาจูงบ็อบบี้ไปทันทีไม่รอฟังใครอนุญาต ยศรีบตามไป
อมราเรียกไว้ไม่ทัน “บ็อบบี้ ยัยพิมไปเอาบ็อบบี้กลับมา ไปเป็นก้างขวางคอเค้าทำไม”
“คุณนิตเค้าไม่อยากไปกับนายยศ ถึงได้เอาบ็อบไปเป็นไม้กันหมา” พิมพรบอก
แม่เลี้ยงปรี๊ดแตก “นี่”
“ภิตว่าก็ดีนะคะแม่ ไปกันสองคนไม่ค่อยเหมาะ”
“หรือแม่กะจะให้ยศมันปล้ำลูกสาวผู้ว่า”
อมราโกรธจัด “แก”
“พี่ไปนั่งเล่นตรงโน้นดีกว่า”
พิมพรถอดเสื้อตัวนอกเหลือสายเดี่ยว แม่เลี้ยงด่าว่าตามประสา
“ดูๆ มัน ทำยังกะผู้หญิงชั้นต่ำ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” พวงมองหน้า อมรารีบเปลี่ยน “สอนแล้วไม่รู้จักจำ”
“แม่คะ กินข้าวเถอะค่ะ จะได้กินยาหลังอาหาร”
“ยัง เดี๋ยวจะมีคนมาอีก รอคุณพงษ์ก่อน”
พูดไม่ทันขาดคำพีรพงษ์หิ้วของกินมาเต็มสองมือ เดินยิ้มหล่อเข้ามา
“พิซซ่าร้อนๆมาแล้วคร้าบ”
โสภิตเซ็งโครตๆ
ด้านจีรณะยืนกดออดข้างหน้าคุ้มอมรา สักครู่ มีคนงานวิ่งมา
“ฉันต้องการพบคุณอัปสรโสภิต”
“คุณภิตไม่อยู่ ไม่อยู่กันทั้งบ้าน”
“ไปไหน”
คนงานบอก “ไม่รู้” แล้วจะไป
“ฉันจะเอาเงินมาจ่ายหนี้ สามแสนกว่าบาท” จีรณะชูเช็คให้ดู พูดขู่ทิ้งท้าย “ถ้าวันนี้เงินไม่ถึงมือคุณภิต นายซวยแน่”
แม่เลี้ยงอมรานอนบนเก้าอี้พับริมน้ำตกอีกมุม ใส่แว่นดูโฉนดปึ๊งใหญ่ พวงพัดให้ โสภิตปอกผลไม้ พีรพงษ์เอามือถือถ่ายรูปโสภิตไปมา โสภิตอึดอัด
“ถ่ายวิวจะสวยดีกว่านะคะ”
“แถวนี้ไม่มีอะไรสวยกว่าน้องภิตอีกแล้วละค่ะ”
แม่เลี้ยงแอบเหล่ยิ้ม พยักพเยิดกับพวง โสภิตเลื่อนจานผลไม้ให้
“เชิญค่ะ”
พีรพงษ์หวานได้อีก “แค่ได้เห็นหน้าน้องภิต ผมก็อิ่มแล้วละครับ”
อมราบอก “ภิต เดี๋ยวไปถ่ายรูป น้ำตกด้านโน้นให้แม่ที แม่จะเอาไปให้คุณนายผู้ว่าท่านดู คุณพงษ์ไปเป็นเพื่อนทีนะคะ”
โสภิตถอนใจ ลุกเดินไป แม่เลี้ยงพยักพเยิดกะพีรพงษ์
“มัดใจลูกสาวป้าให้ได้นะ”
พีรพงษ์ยิ้มประจบ “ครับ คุณแม่”
แม่เลี้ยงตีพีรพงษ์เบาๆ อย่างชอบใจ พีรพงษ์ลุกวิ่งตามโสภิตไป
“ดูลูกเขยในอนาคตฉัน น่ารักมั้ย..ที่จริงจัดงานแต่งพร้อมกันสองคู่เลยน่าจะดีนะ ประหยัดไปได้เยอะ ว่ามั้ยนังพวง”
อมราหันไป พวงพิงเสาหลับ พัดตก แม่เลี้ยงหยิบพัดฟาดพวง
“นังพวง” พวงสะดุ้ง “สบายมากไปแล้วนะแกไปตามไอ้กาบมาเก็บของ เดี๋ยวฉันจะกลับก่อน”
พวงงง “ไม่รอคุณยศ คุณภิตเหรอคะ”
“รอทำไม เวลาฉันมีค่า วันนี้ต้องไปทวงหนี้อีกหลายที่ ปล่อยหนุ่มสาวๆ เค้าเที่ยวกันไปก่อน”
พวงท้วง “แล้วคุณพิมละคะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวโทร.มาบอกให้มันรอกลับกับพ่อพงษ์”
พิมพรวางโทรศัพท์ลงเพิ่งพูดสายกับแม่เลี้ยงอมราเสร็จ แล้วเอาแม๊กกาซีนฝรั่งปิดหน้า
จีรณะเดินเข้ามาสอดตามองหา
เห็นบนกิ่งไม้เหนือหัวพิมพร มีงูเขียวห้อยตัวลงมา พิมพรพลิกตัว หนังสือตก หยีตาลืมขึ้น เห็นงูตรงหน้า
พิมพรร้อง “กรี๊ด”
จีรณะหันมามอง พิมพรกลิ้งตัวลุกขึ้นวิ่งจีรณะวิ่งสวนลงมา
“เกิดอะไรขึ้น”
“งู ช่วยด้วยค่ะ”
พิมพรกระโดดกอดจีรณะ หลับหูหลับตา จีรณะมอง เห็นงูตกลงมาแล้วเลื้อยหนีไป
“แค่งูเขียว มันเลื้อยหนีไปแล้วครับ”
พิมพรลืมตามอง ไม่เห็นงูโล่งใจ เงยหน้ามอง
“ขอบคุณค่ะ แทงกิ้ว โซ มัช”
พิมพรอึ้งที่เห็นว่าเป็นจีรณะ “คุณ”
จีรณะอึ้งไปเหมือนกัน รีบผละออก
ด้านยศเดินตามหานิตยาตามห้องพักของรีสอร์ท
“คุณนิต คุณนิตยา ไปไหนวะเนี่ย”
ยศเปิดห้องนอนห้องหนึ่ง บ็อบบี้โผล่พรวดมาตรงหน้า
“แฮ่”
“เฮ้ย”
ยศผงะ บ็อบบี้ชอบใจ “ฮ่ะๆๆๆ น้ายศตกใจ”
“ไอ้เด็กบ้า”
ยศจะตี บ็อบบี้เอามือกัน แต่ยศค้างไว้ หันซ้ายขวากลัวนิตยาเห็น
“นิตยาอยู่ไหน”
“อยู่ในห้องน้ำครับ”
ยศคิดแผนชั่ว “บ็อบบี้ น้าลืมโทรศัพท์ไว้ในรถไปเอาให้หน่อยซิ”
“แต่พี่นิตยาบอกให้บ็อบบี้เฝ้าหน้าห้องไว้”
“น้าเฝ้าให้เอง...”
“แล้วทำไมน้ายศไม่ไปเอาโทรศัพท์เองล่ะครับ”
“จะไปหรืออยากจะโดน”
บ็อบบี้วิ่งจู๊ดไป ยศหรี่ตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินไปล็อคประตูบ้านเพื่อไม่ให้บ็อบบี้เข้ามาอีก
โสภิตสวมรองเท้าผ้าใบกันลื่น เดินถ่ายรูปมาที่น้ำตก พีรพงษ์ตามกะย่องกะแย่งมา
“ระวังล้มนะครับน้องภิต”
พีรพงษ์พูดแล้วลื่นเอง แต่ทรงตัวไว้ได้ “ไม่ต้องตามมาหรอกค่ะ รองเท้าแพงๆของคุณจะเสียหมด”
“โอ๊ย ช่างมันเถอะครับ คู่ละแค่เจ็ดแปดพันเอง มาครับจับมือผมไว้ดีกว่าเดี๋ยวล้ม”
ขาดคำพีรพงษ์จะเอื้อมคว้ามือ แต่โสภิตเบี่ยงหนี พีรพงษ์เลยหน้าคะมำลื่นลงน้ำตูม
โสภิตตกใจกลั้นหัวเราะ เดินเข้าไป ช่วยประคอง
“ไหวมั้ยคะ”
พีรพงษ์ลุกขึ้นแล้วถือโอกาสโอบโสภิตแน่น “ได้อยู่ใกล้ๆน้องภิตแบบนี้ เจ็บแค่ไหนก็ยอมครับ”
โสภิตพยายามขืนตัว แต่พีรพงษ์ไม่ปล่อย ยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ปล่อย”
“น้องภิต สวยมากรู้มั้ย พี่รักน้องภิตตั้งแต่แรกเห็น”
“อย่าทำแบบนี้ ฉันไม่ชอบ ปล่อย”
โสภิตดิ้นโทรศัพท์โสภิตดัง พีรพงษ์เลยต้องปล่อย
“ฮัลโหล...พี่พิม ใครนะคะ ภิตจะไปเดี๋ยวนี้”
“น้องภิต” พีรพงษ์ทำท่าจะคว้าแขน
“อย่าแตะต้องตัวฉันอีก ไม่อย่างงั้นฉันไม่เกรงใจ”
โสภิตเดินหนีไปพีรพงษ์เซ็งจะวิ่งตามลื่นอีกคราวนี้ล้มแรง ตกน้ำกระจาย
จีรณะกับพิมพรคุยกันอยู่ที่ศาลา
“เรื่องกิจการแม่กับเรื่องเงินๆทองๆ คุณต้องคุยกับยัยภิต เพราะยัยภิตรู้เรื่องแม่ดีที่สุด”
“ผมก็คิดอย่างงั้น ไม่ใช่แค่รู้ แต่น่าจะถอดแบบแม่เลี้ยงมาทุกอย่าง”
“หมายถึงนิสัยเหรอคะ โธ่ ยัยภิตไม่ได้ครึ่งของแม่หรอก ใจอ่อนกว่าเยอะ แต่ทำเป็นหน้าตึง ไม่สนไปงั้นแหละ”
“จริงเหรอครับ”
“จริงซิคะ เพราะแม่บังคับฉันกับยศไม่ได้ อะไรก็เลยไปลงที่ยัยภิต พยายามโคลนนิ่งทุกอย่าง เอ๊ะ นี่ฉันเอาความลับครอบครัวมาเปิดเผยกับศัตรูมากไปมั้ยเนี่ย”
“เป็นเกียรติมากที่คุณยกย่องผมขนาดนั้น เพราะแสดงว่าผมต้องใจถึงมากที่กล้าเป็นศัตรูกับคนที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเมืองนี้”
พิมพรมองเขาอย่างทึ่งๆ “ตกลงคุณมีเรื่องอะไรกับแม่กันแน่ ยัยภิตบอกว่าคุณไม่ได้เป็นลูกหนี้แม่”
โสภิตเข้ามาพอดี “พี่พิมคะ” ทั้งคู่หันไป “คุณมาทำอะไรที่นี่”
รถจอดอยู่แลเห็นบ็อบบี้ พยายามหาโทรศัพท์ ค้นตามเบาะ ใต้เบาะ ปีนไปข้างหน้า บ็อบบี้ขยับเข่าขวาวางบนคอนโซลหลังเกียร์ เท้าขวาบ็อบบี้ไปโดนเบรคมือเลื่อนจากตำแหน่ง
จีรณะชูซองเช็คขึ้นมา “คุณให้เงินค่าจำนำทะเบียนรถผมมากกว่าที่ผมเรียก คุณมีแผนอะไรกันแน่”
โสภิตทำไก๋ “แผนอะไร พนักงานเค้าประเมินตามสภาพรถ แล้วที่สำคัญดอกเบี้ยชั้นก็คิดราคาต่ำกว่าที่อื่น ถ้าไม่เชื่อคุณไปตรวจสอบได้เลย”
“ผมตรวจสอบแล้ว รถรุ่นนี้ ไม่มีใครให้ราคาเท่านี้แน่”
พิมพรกอดอกฟังอยู่ห่างๆ อย่างสนใจ
“แล้วคุณจะสนทำไม ถ้ามันช่วยชีวิตคนได้ เอ้อ...ช่วยคนไม่ให้ลำบากได้ก็ควรจะรับๆเอาไว้ จะมาทำหยิ่งให้มันได้อะไรขึ้นมา”
“ช่วยชีวิตคน หมายถึงใคร” จีรณะงง
พิมพรมองไปที่รถตู้ซึ่งจอดอยู่ไกลๆ เห็นรถค่อยๆ เลื่อนลงเนินไป
ด้านบ็อบบี้กดแตรรถกระหน่ำ ทำอะไรไม่ถูก เสียงแตรรถดังเป็นระยะถี่ๆ ต่อเนื่อง
โสภิตกับจีรณะยังทะเลาะกันอยู่ “ก็หมายถึงคนทั่วๆไปที่คุณชอบอาสาไปช่วยเค้าน่ะ”
เสียงแตรรถดัง พิมพรเอะใจมากที่เห็นรถไหลลงเรื่อยๆ
“ภิต ภิต ดูนั่นซิ”
พิมพรวิ่งไปดึงโสภิตแล้วชี้ให้ดู “พี่ยศคงเป็นคนขับมั้งคะ” โสภิตว่า
“แล้วมันบีบแตรทำไม รถดูเหมือนไหลลงมาเองด้วย
จีรณะมอง แล้ววิ่งไปดูทันที ซองเช็คที่ถือไว้ตก พีรพงษ์กะเผลกมาถึงเห็นจีรณะวิ่งไป
“คุณภิต ไอ้เอ็นจีโอนั่นมันมาทำไม”
โสภิตไม่ฟัง วิ่งไปกับพิมพร พีรพงษ์เจ็บหลังวิ่งไม่ถนัด ก้มเห็นเช็คเก็บขึ้นมาดูเห็นชื่อว่าสั่งจ่ายจีรณะ ก็งง
ฟากบ็อบบี้ตกใจตาโต รถไหลเร็วขึ้นผ่านแมกไม้ จีรณะวิ่งสวนขึ้นมา รถไหลผ่าน เห็นบ็อบบี้อยู่ในรถ
“บ็อบบี้”
จีรณะวิ่งไล่ตามรถ ที่ไหลมาใหล้หน้าผาใกล้เข้ามาเรื่อย
บ็อบบี้ เหลียวไปมาท่าทีตกใจสุดขีด รถใกล้หน้าผาทุกทีๆ
จีรณะวิ่งแซงรถมองบ็อบบี้ มองหน้าผา ตัดสินใจวิ่งเข้าขวางหน้ารถ พยายามเอามือ เอาตัวดันรถ เท้าจีรณะลื่นไถลบนพื้นถนน เขาสบตาบ็อบบี้ผ่านกระจกหน้า
จีรณะตัดสินใจย่อตัวสไลด์ตัวขวางรถ ล้อซ้ายหน้าเข้าระหว่างช่องเอวกับกระดูกเชิงกรานข้างขวาของร่างจีรณะพอดี
รถกับร่างจีรณะสไลด์ไปด้วยกันจนรถหยุดห่างหน้าผาไม่กี่ก้าว มือซ้ายจีรณะดันกันชนเอาไว้ ส่วนมือขวากำหมัดเอาท่อนแขนดันล้อซ้ายเอาไว้
จีรณะเหนื่อย หอบ เจ็บชายโครงขวา และจุก โสภิตวิ่งเข้ามาเหยียบเบรกใส่เกียร์ รีบดึงเบรกมือ พิมพรตามมา
บ็อบบี้รีบลงจากรถ พิมพรตกใจสุดขีด “บ็อบบี้”
“มามี้” บ็อบบี้กอดแม่แน่น ตกใจกลัวจนตัวสั่น
โสภิตเข้าไปดู “คุณ...คุณจีรณะ เป็นยังไงบ้างคะ”
จีรณะนิ่วหน้า เจ็บแปลบขึ้นมา กุมชายโครงล่างขวา
ฟากยศแกะกระดุมเสื้อ จัดที่นอน วิดพื้นเรียกกำลัง เงี่ยหูฟังที่ประตูห้องน้ำ
“นานแบบนี้แสดงว่าอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณ สำหรับเลิฟซีน”
ยศกระหยิ่มยิ้มย่อง
เวลาผ่านไปยศม่อยหลับอยู่บนโซฟา แล้วสะดุ้งตื่น ย่องมาแนบหูฟังที่หน้าห้องน้ำ เสียงน้ำยังดังซู่ๆ
“คุณนิด คุณนิดครับ”
ยศค่อยๆ เปิดประตูดันประตูเข้าไป เห็นห้องน้ำว่างเปล่า น้ำจากฝักบัวเปิดทิ้งเอาไว้ ยศถลามากลางห้อง เตียงยังเป็นระเบียบเรียบร้อย ยศเหลียวไปเห็นหน้าต่างถูกเปิดอ้าเอาไว้
ยศตาโต “คุณนิด”
ยศวิ่งไปที่หน้าต่างตะโกน “คุณนิตๆ”
นิตยาพูดโทรศัพท์อยู่ริมถนนในป่า เหลียวมองหารถ
มนัสขับรถเข้ามาเร็วรี่ เบรกเอี๊ยด “คุณนิตยา”
“มนัส มนัสช่วยฉันด้วยนะ”
“ใจเย็นๆ ครับ ผมทราบว่าคุณนิตมากับคุณยศนี่ครับ แล้วเกิดอะไรขึ้น ถึงโทร.เรียกผมมา”
“ฉันถูกรังแก ไอ้ผู้ชายบ้ากามมันจะข่มเหงฉัน มนัสต้องช่วยฉันนะ”
นิตยากอดมนัสแน่น ส่วนมนัสตัวแข็งทื่อ งง นิตยาแอบยิ้มสมใจ
ต่อจากตอนที่แล้ว
ด้านจีรณะถอดเสื้อนั่งบนเตียง ในโรงพยาบาล มีผ้าพันรอบชายโครงด้านล่าง พยาบาลกำลังเช็ดทำความสะอาดท่อนแขนขวาให้ จิตราอยู่ด้วยใกล้ๆ พิมพรชะเง้อชะแง้อยู่ด้านนอก
โสภิตและบ็อบบี้นั่งรออยู่ “มิสเตอร์จีต้องเจ็บมากแน่ๆ”
พิมพรฉุน “เพราะ เรานั่นแหละ เข้าไปเล่นซนอะไรในรถ ถ้าคุณจีหยุดรถไว้ไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้น”
“บ็อบบี้ไม่ได้เข้าไปเล่น แต่น้ายศบอกให้บ็อบบี้ไปเอาโทรศัพท์”
“เจ้ายศอีกแล้วเหรอ” พิมพรแปลกใจ
อาโปวิ่งมาหน้าตื่นเข้ามา “นายอยู่ไหน นายเป็นยังไงบ้าง”
โสภิตปลอบ “ใจเย็นๆ คุณจีคงไม่เป็นอะไรมากหรอก”
อาโปไม่ฟัง “พวกคุณอีกแล้วเหรอ ที่ทำร้ายนาย”
“ไม่มีใครทำร้ายใครทั้งนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ”
“ไม่จริง มันต้องฝีมือพวกคุณ กี่ครั้งแล้วที่นายต้องเจ็บต้องเดือดร้อน พี่จิตต้องช้ำใจเสียใจเพราะพี่ชายคุณ แล้วคราวนี้อะไรอีก”
จิตรามองออกมาเห็นรีบวิ่งมาหา “อาโป พอแล้ว”
“ไม่ อาโป ทนให้นายถูกรังแกต่อไปไม่ไหวแล้ว ทุกคนรู้ไว้เลยนะ ว่าผู้หญิงหน้าสวยๆคนนี้เป็นคนใจร้าย ใจดำ แล้วก็อกกตัญญูที่สุด คนเค้าช่วยเหลือก็ยังไม่รู้จักบุญคุณ ถ้านายเป็นอะไรไป อาโปจะแลกชีวิตกับพวกแก ตายเป็นตาย”
พวกญาติคนไข้ที่นั่งรอหันมามอง โสภิตหน้าชา
“พี่จีแค่ซีโครงร้าว พักแค่สองสามอาทิตย์ กระดูกก็สมานเหมือนเดิม”
อาโปอึ้งไป ดีใจ “จริงเหรอ”
โสภิตก็แอบโล่งใจ
“มานี่”
จิตราลากอาโปไปพิมพรโมโห “ยัยเด็กนี่มันเป็นใคร มาว่าฉอดๆ”
“เค้าคงเป็นญาติคุณจีรณะน่ะค่ะ คุณจีรณะไม่ได้เป็นอะไรแล้ว พี่พิมกลับไปกับคุณพงษ์ก่อนแล้วกันนะคะ เดี๋ยวภิตกลับเอง”
โสภิตลุกเดินหนีไป พิมพรงง “อ้าวเดี๋ยวซิ ยัยภิตๆ”
ที่ล้อบบี้โรงพยาบาล จิตราอบรมอาโปอยู่ตรงนั้น
“รู้มั้ยว่าสิ่งที่อาโปคิด อาโปพูดออกไปมันไม่ดีเลย พี่จีบาดเจ็บก็เพราะช่วยบ็อบบี้ มันเป็นอุบัติเหตุ”
“แล้วทำไมนายต้องเสี่ยงชีวิตไปช่วยหลานยัยแม่เลี้ยงใจร้ายด้วยน่าจะปล่อยให้ตายๆไปเลย”
“อาโป เราไม่จำเป็นต้องตอบแทนคนที่ร้ายกับเราด้วยความร้ายเสมอไป โดยเฉพาะกับญาติพี่น้องที่ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่งั้นเราก็จะเป็นคนพาลเหมือนเค้า เข้าใจมั้ย”
แม่เลี้ยงอมราเดินหน้าเครียดเข้ามาพูดมือถือ “ป้ามาถึงแล้วคุณพงษ์”
อมราเดินเลยจิตราไป จึงไม่เห็นกัน
พีรพงษ์กดปิดสายโทรศัพท์ หันไปเจอแม่เลี้ยงเดินเข้ามา
“คุณป้า”
“ไหน เช็คที่คุณพงษ์บอก”
พีรพงษ์ยื่นเช็คให้ดู แม่เลี้ยงของขึ้น
โสภิตยืนหน้าช่องการเงิน “ดิชั้นเป็นเจ้าของไข้คุณจีรณะค่ะ ค่ารักษาพยาบาล ดิชั้นเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดเองค่ะ”
พนักงานฟังโสภิตแล้วกดคีย์คอมพิวเตอร์ ดูข้อมูล
“คุณจีรณะมีประกัน รับผิดชอบค่าใช้จ่ายแล้วค่ะ”
พนักงานหญิง 2 ถือแฟ้มเข้ามาหาพนักงานหญิง 1 แล้วหยิบเอกสารวางลงตรงหน้าพนักงานหญิง 1
“นุชวันนี้คุณจีรณะนัดชำระค่ารักษาพยาบาลให้ชาวเขาชื่อจะมู พ่อของอาโปอย่าลืมไปคุยด้วยนะ”
พนักงาน หญิง 2 เดินไป โสภิตหน้าเครียด ครุ่นคิดเป็นห่วง รีบหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา
“ขอโทษค่ะ ดิชั้นขอเป็นคนจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล จะมูทั้งหมดเองค่ะ เท่าไหร่คะ”
พิมพรประคองจีเดินมา บ็อบบี้เดินขนาบอีกข้าง
“นั่นไงคะ ยัยภิตมาจัดการค่ารักษาให้คุณจริงๆด้วย”
“ต้องขอบคุณมากนะ เสียดายจริงๆที่ผมทำประกันไว้”
โสภิตคอแข็ง พนักงาน 1 ยื่นเอกสารค่าใช้จ่ายให้โสภิต
“นี่ค่ะค่ารักษาพยาบาลคุณจะมู”
“อะไร ค่ารักษาจะมูเกี่ยวอะไรกับคุณ”
“ฉันอยากจะช่วย”
สองคนหันมาสบตากัน “ผมไม่มีปัญญาจ่ายดอกเบี้ยแพงๆ ให้คุณหรอก ไม่ว่าคุณจะมีโปรโมชั่น แถมอะไรให้ผมก็ตาม” จีรณะว่า
โสภิตบอก “ฉันก็แค่เห็นแก่มนุษยธรรม”
จีรณะเยาะ “พวกคุณรู้จักคำคำนี้ด้วยเหรอ”
“โอเค เหตุผลนั้นมันอาจจะหรูไป เอาเป็นว่าที่ฉันทำไปก็เพราะมันดูน่าสมเพชที่เห็นคุณเหมือนเตี้ยอุ้มค่อม อยากเป็นวีรบุรุษแต่ช่วยใครไม่ได้เลย”
เสียงอมราดังขึ้น “ยัยภิต” แม่เลี้ยงเข้ามากับพีรพงษ์ “แกเป็นอะไรไป ถึงได้เที่ยวหว่านเงินของฉันไปช่วยคนนั้นคนนี้”
โสภิตตกใจ “แม่”
บ็อบบี้ขัดขึ้น “คุณยาย มิสเตอร์จี ช่วยบ็อบบี้ไว้ He is my hero.”
“ไม่ต้องพูดมาก ยัยพิม ภิตกลับบ้านกันให้หมด พวกแกมีเรื่องต้องสะสางกับฉันยาว”
พิมพรกับโสภิตเลยต้องกลับพีรพงษ์ตามไป แม่เลี้ยงเผชิญหน้ากับจีรณะ
“อย่านึกว่าฉันไม่รู้ทันแผนของแก ซุ่มมาทำให้รถแล่นตกเขาเพื่อแกจะได้มาช่วยแล้วเรียกเงินฉัน”
จีรณะอึ้ง “อะไรนะ”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรหลอกให้ลูกฉันเซ็นเช็คให้ตั้งสามแสน ลูกฉันหลานฉันมันยังอ่อนต่อโลกแต่เขี้ยวลากดินอย่างฉันอย่าหวังว่าแกจะได้เงินจากฉันไปแม้แต่บาทเดียว”
จีรณะตั้งสติได้ “นั่นซิ ผมก็ไม่รู้ว่าลูกสาวคุณหลงเสน่ห์อะไรผม ถึงเอาเงินมาประเคนให้ แต่ขอโทษนะผมยินดีเป็นขอทานมากกว่าจะรับเงินบาปที่มาจากเลือดเนื้อเพื่อนมนุษย์ของพวกคุณ”
“ได้ จำคำของแกไว้ก็แล้วกัน”
แม่เลี้ยงอมราเดินหน้าตึงออกไป จิตรากับอาโปหยุดยืน ได้ยินทั้งหมด
จีรณะแค้น เจ็บซี่โครงแปลบ อาโปวิ่งเข้าประคอง
กลับถึงคุ้ม แม่เลี้ยงอมรากระแทกเช็ควางต่อหน้าโสภิต
“อธิบาย แม่มาว่านี่แปลว่าอะไร”
“นายจีรณะเอาทะเบียนรถมาจำนำ เราก็จ่ายเช็คให้เค้า”
“ฉันให้แสนนึงก็มากแล้ว นี่อะไรสิงแกถึงให้มันตั้งสามแสน”
โสภิตตัดสินใจบอกเพื่ออ้างเหตุผล “วันที่บ็อบบี้หลงทาง นายจีรณะเป็นคนเจอแล้วช่วยบ็อบบี้ไว้ แต่เค้าไม่ยอมรับเงินตอบแทนเป็นรางวัล ภิตเลยให้ราคาสูงหน่อยเราจะได้ไม่ติดหนี้บุญคุณกัน”
“เดี๋ยว แกว่าไงนะ ไอ้จีรณะช่วยบ็อบบี้ แล้วทำไมไม่บอกฉัน”
“ภิตกลัวแม่จะความดันขึ้น เพราะแม่ไม่ชอบเค้าอยู่แล้ว”
แม่เลี้ยงไม่เชื่อใจ “ยัยภิต นี่แกดูไม่ออกเหรอ เรื่องมันยิ่งชัดเจนว่า เป็นแผนการของไอ้จีที่จะรีดเงินจากเรา ความจริงมันอยากจะจับบ็อบบี้เรียกค่าไถ่ แต่เรื่องถึงตำรวจเลยเปลี่ยนใจ”
“ถ้าเค้าอยากได้เงิน ทำไมถึงเอามาคืนภิต”
“ก็เพื่อจะได้แสดงตัวเป็นฮีโร่ต่อหน้าพวกเราอีกที แล้วก็จะได้ซื้อใจชาวบ้านด้วย พ่อพงษ์เค้ายังดูออกเลย”
โสภิตโมโห “อ๋อที่แท้คนนี้เองที่เป็นกุนซือของแม่”
“ใช่ ตอนแรกแม่คิดว่าแกจะเขี้ยว ฉลาดทันคน แต่สรุปแล้วก็ยังอ่อน ถูกชาวบ้านมันตบตาเอาจนได้”
“แม่คะ ภิตไม่ได้เสียรู้ ไม่ได้ถูกหลอก เงินที่ภิตให้ ภิตก็คิดแล้วว่ามันไม่ได้มากมายอะไร ถ้าเทียบกับที่เราเอามาจากชาวบ้าน จะให้ภิตคิดกำไรขาดทุนให้แม่ดูเดี๋ยวนี้ก็ยังได้ แต่ถ้าแม่ไม่ไว้ใจภิต ภิตก็จนใจค่ะ”
โสภิตลุกเดินออกอย่างน้อยใจ แม่เลี้ยงเรียกไว้ “ยัยภิตๆ”
ชีพเข้ามา “นี่ถ้าไม่มีอะไรออกไปก่อน อารมณ์ไม่ดี”
“ผมสืบมาแล้วว่ามีคนจ่ายดอกบี้ยให้ลุงคำปันจริงๆ อย่างที่ผมสงสัย”
“ใคร”
“คุณอัปสรโสภิตครับ”
แม่เลี้ยงอมราโมโหสุดขีด “ยัยภิตเป็นบ้าไปแล้ว ยัยพิม ไอ้ยศก็พึ่งไม่ได้นี่ฉันจะไม่เหลือลูกให้ฝากผีฝากไข้ซักคนเลยเหรอ” อมรานึกได้ “จริงซิ ตายศกับหนูนิต ยังอยู่ที่รีสอร์ทนี่”
ฟากยศเดินตามหานิตยาทั่วน้ำตก
“คุณนิต คุณนิต ไปไหนวะ ตายแน่ แม่ต้องด่าหูชาแหง”
ยศพยายามกดโทรศัพท์แบตดันหมด “อ้าว เฮ้ย แบตหมด ซวยละ”
ที่จวนผู้ว่า พอรู้เรื่องจากนิตยา ท่านผู้ว่ามีท่าทางเดือดดาลมากๆ
“บัดซบที่สุด ทำกันขนาดนี้มันเกินไปแล้ว”
นิตยานั่งน้ำตาคลอ มนัสยืนสงบเสงี่ยมห่างออกไป คุณนายนลินีร้อนรนใจ
“ใจเย็นๆ ก่อนค่ะคุณ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าตายศจะทำแบบนี้”
“ก็ลูกสาวเราบอกอยู่เดี๋ยวนี้ว่าถูกมันล่อลวงไปในห้องนอน ยังจะสงสัยอะไรอีก”
“ยัยนิต แกคิดมากไปหรือเปล่า”
นิตยาแสดงสมบทบาท “คุณแม่ขา หนูอุตส่าห์ชวนหลานแม่เลี้ยงไปด้วย แต่พี่ยศก็ไล่เด็กออกไป นี่ถ้าหนูหนีออกมาไม่ทัน ก็คงไม่มีอะไรเหลือ” นิตยาสำทับให้ชวนเชื่อด้วยการสะอื้น
“แล้วทำไมแกถึงโทร.หามนัส ทำไมไม่โทร.หาฉัน” นลินีคาใจ
“หนูโทร.หาคุณพ่อต่างหาก แต่มนัสบอกว่าคุณพ่อติดประชุม หนูไม่รู้จะทำยังไงก็เลยขอให้มนัสไปรับ”
“พอกันทีนะคุณ ลูกเขยแบบนี้ผมรับไม่ได้ งานตบแต่งอะไรยกเลิกให้หมด”
“แต่ว่า…” นลินีอิดออด
“หรือจะให้ผมพูดเอง”
นิตยาลอบยิ้มสมใจ แต่พอนลินีมองมาก็ทำหน้าเศร้า
โสภิตยืนกอดอก เหม่อลอยอยู่ที่หน้าต่างด้วยความเซ็ง พิมพรเข้ามา
“ยัยภิต”
“คะ”
“ถามหน่อยซิ ตกลงคุณจีรณะนี่เค้าเป็นคนดีหรือเลวแล้วเค้ามีเรื่องอะไรกับครอบครัวเรากันแน่ แม่ถึงได้เกลียดเค้านัก”
“พี่ยศเคยจดทะเบียนกับคุณจิตราน้องสาวคุณจีรณะ แต่แม่บังคับให้หย่า คุณจีรณะไม่ยอมเรียกเงินเราสิบล้าน พี่ยศก็เลยทำแผนถ่ายคลิปใส่ร้ายคุณจิตราว่ามีชู้คุณจิตราถึงยอมหย่า”
พิมพรหัวเราะออกมา ท่าทีขำมาก โสภิตงง “พี่พิมขำอะไรคะ”
“ก็ขำความทุเรศของเจ้ายศน่ะซิ มันเลวเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ เฮ้อ นึกอยู่แล้วว่า แม่เกลียดใครคนนั้นต้องเป็นคนดี”
“แต่ภิตไม่ขำค่ะ แล้วก็เหนื่อยด้วย ภิตอาจจะกลับไปเรียนโทต่อที่กรุงเทพฯ”
“ไม่ได้นะยัยภิต ไม่มีเธอบ้านลุกเป็นไฟแน่ ทนอีกหน่อย เดี๋ยวยศมันก็แต่งงานไปแล้ว แล้วเราก็ขอเงินแม่มาเปิดโรงแรมห้าดาวรับนักท่องเที่ยว ให้แม่เค้าทำอาชีพปล่อยเงินกู้ของเขาไป”
มีเสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังแว่วมา โสภิตแปลกใจ “เสียงอะไร”
โสภิตกับพิมพรเข้ามาในห้องรับแขก เห็นพวงกอดยศ ส่วนแม่เลี้ยงอมรายืนถือร่มหน้าแดงหน้าดำด้วยความโกรธ บ็อบบี้ยืนหน้าตื่นอยู่
“ให้อภัยคุณยศเถอะค่ะ แม่เลี้ยง คุณยศยังเด็ก”
“เด็กบ้านแกซินังพวง มันมีเมียมาไม่รู้จักกี่คนต่อกี่คนแล้ว ฉันแก้ปัญหาให้มันตลอด คราวนี้หาผู้หญิงดีดีให้มัน มันกลับไปปล้ำเขา ฉันจะฆ่ามัน”
“ผมไม่ได้ปล้ำเขาจริงๆ นะแม่ แค่จะพาเขาไปจู๋จี๋สองต่อสองเฉยๆ อยู่ดีดีคุณนิตเขาก็หนีไปเฉยๆ ไม่เชื่อถามบ็อบบี้ดูก็ได้”
แม่เลี้ยงหันไปหาบ็อบบี้ “ว่าไงบ็อบบี้ แกเห็นอะไรบ้าง”
“บ็อบบี้ไม่เห็นครับ น้ายศใช้บ็อบบี้ไปเอาโทรศัพท์ในรถ บ็อบบี้หาโทรศัพท์ไม่เจอ แล้วรถก็แล่นไปเอง”
พิมพรนึกสนุก “ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่าแกจงใจไล่หลานไป เพื่อแกจะได้ทำอะไรๆ นิตยาได้สะดวก”
“พี่ไม่รู้เรื่อง อย่าสอด”
พิมพรโมโห “นี่แก”
โสภิตขวาง “พอแล้วคะ ค่อยๆ พูดกันได้มั้ยคะ”
“แกไม่ต้องยุ่งคดีของแกก็ยังไม่ได้สะสาง ยศ แกต้องไปขอขมาหนูนิตกับฉัน”
ยศไม่ยอม “ผมไม่ไปหรอก ผมไม่ผิด แม่ฟังแต่ยัยนิตยา ยัยนั่นสร้างเรื่องใส่ร้ายผมตลอด เล่นตัวก็ปานนั้น ทำยังกะสวยซะเต็มประดาสู้จิตราก็ไม่ได้”
“แกไอ้ลูกไม่รักดี”
แม่เลี้ยงเงื้อแล้ว หน้ามืดซวนเซ โสภิตตกใจ “แม่คะ”
บ็อบบี้ตกใจ “คุณยาย”
พิมพรหน่าย
เช้านี้จีรณะนั่งดูสมุดฝากเงิน ทะเบียนรถ อยู่ที่โต๊ะทำงานในออฟฟิศเอ็นจีโอ แล้วชี้ไปที่หมู่ทอง กะดาบม้วน พูดยิ้มๆ
“ชุดวินมอเตอร์ไซค์ ชุดรปภ.ไปสืบคดีอะไรกันมาเหรอครับ”
บัวหอมตอบแทน “พวกเรารู้ว่าคุณจีกำลังลำบากแต่ไม่ยอมเอ่ยปากกับใคร”
สายพิณเสริม “คุณจีกับพวกเราไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ อย่าเกรงใจอะไรเลยนะคะ”
บัวหอมกระทุ้งศอกใส่ดาบม้วน ดาบม้วนกระแอม หยิบซองสีน้ำตาลใส่เงิน วางบนโต๊ะหน้าจีรณะ
“ชั้นไปรับงานพิเศษเป็นยามที่ห้างในเมือง ขอเบิกเงินล่วงหน้ามาก่อน...เอ้อ...” ดาบม้วนว่า
“ชั้นก็อย่างที่เห็น พวกเราชาวบ้าน ร้านตลาดช่วยๆ กันรวมเงินเท่าที่หาได้มาช่วยคุณจี” หมู่ทองบอก
จีรณะซาบซึ้ง ไหว้ทุกคน “โธ่...ทำไมต้องลำบากกันด้วย”
“พ่อจีลำบากเพราะพวกเรามาเยอะแล้ว ให้เราตอบแทนพ่อจีบ้างเถอะ” ดาบบอก
“แต่สิ่งที่ผมทำ มันเป็นหน้าที่ที่เพื่อนมนุษย์พึงทำให้กันอยู่แล้วแค่เห็นว่าพวกเรา พ้นจากความทุกข์ยาก ได้อยู่กันอย่างสงบสุข ผมก็ดีใจแล้ว”
บัวหอมตื้นตัน “พ่อคุณ ช่างเป็นคนดีจ๊าดนัก สมกับเป็นลูกครูเจือแท้ๆ ถ้าหลังชนฝาอู้กับน้า คุณนายผู้กำกับในจังหวัดเปิ้นปล่อยกู้เหมือนกัน ดอกเบี้ยอู้กันได้”
ดาบม้วนเหน็บเอา “ไม่เข็ด ยังไม่เข็ด”
จีรณะยิ้มเครียดส่ายหน้า “พอครับ พอได้แล้ว ผมบอกแล้ว ผมแก้ปัญหาได้ ขอให้เชื่อผม”
พอทุกคนร่ำลากัน เดินออกไป จีรณะประคองซี่โครงมองตามอย่างกังวล จิตราเดินออกมาจากมุมหนึ่ง
“พี่จี อาโปโทรมาบอกว่าจะมูอาการไม่ค่อยดี”
จีรณะเครียดหนัก
ที่โต๊ะกินข้าวในคุ้ม ทุกคนกินข้าวอยู่ บ็อบบี้นั่งติดแม่เลี้ยง แม่เลี้ยงอมราดูโรยๆ ยังมีอาการป่วยอยู่ วางช้อน พวงจัดยาหลังอาหารใส่ถ้วยเล็กๆ เอามาให้แม่เลี้ยง
บ็อบบี้ชะโงกดูถ้วยยา “ป้าพวงเอายาผิดมาให้คุณยาย”
พิมพรติง “เราน่ะอ่านฉลากภาษาไทยออกด้วยเหรอถึงรู้ว่า พี่พวงจัดยาผิด”
“อ่านไม่ออกครับ แต่บ็อบบี้จำสียาได้ ก่อนอาหารเช้าสีขาวสีฟ้าตอนกลางคืน สีแดงกับสีเขียวหลังอาหารเช้าไม่ใช่สีแดงกับสีฟ้า”
บ็อบบี้ชี้ไปที่ถ้วยยาใส่ยาสีแดงกับฟ้า โสภิตลุกไปดูที่โต๊ะเล็กๆวางขวดยาต่างๆ หยิบขวดยาต่างๆ ขึ้นมาอ่าน เปิดขวดดูสีเม็ดยา แล้วยิ้ม
“พี่พวงจัดยาผิดจริงๆด้วย”
อมราฉุน “นังพวง แกจะวางยาชั้นหรือยังไง”
“ขอโทษจริงๆค่ะแม่เลี้ยง พวงคงแก่แล้ว หูตาเลยไม่ดีไม่มีเจตนาอย่างอื่นจริงๆนะคะ”
บ็อบบี้เดินไปจับมือพวง “ป้าพวงไม่ต้องห่วงนะครับต่อไปนี้บ็อบบี้จะช่วยป้าพวงเอง”
พวงซึ้ง “โถ พ่อคุณน่ารักจริง”
อมราหงุดหงิดหมั่นไส้ “ไม่ต้องยุ่ง แกจัดให้ฉันอย่างเดิม ฉันไม่ไว้ใจ สมบัติฉันเยอะลูกหลานอกตัญญูอาจจะคิดวางยาฉันก็ได้”
แม่เลี้ยงลุกเดินไปงอนลูกทุกคน พวงประคองไป
“วางยา แปลว่าอะไรครับ” บ็อบบี้งง
“คุณยายพูดเล่นน่ะบ็อบบี้” โสภิตหันมาทางพิมพร “แม่ยังอารมณ์ไม่ดีเรื่องพี่ยศ รายนั้นก็ออกจากบ้านแต่เช้า ไม่กล้าสู้หน้าแม่”
“ยศมันเป็นอย่างงี้เพราะแม่นั่นแหละ เห่อลูกชาย สปอยมันตั้งแต่เด็กจนมันเสียคน”
“แต่ตอนเราเด็ก แม่ทำงานหนักมากนะพี่พิม ถึงได้ไม่มีเวลาดูแลเรา”
พิมพรหมั่นไส้ “ย่ะ แม่ลูกรัก บ็อบบี้วันนี้อยู่ดูแลคุณยายนะ แม่จะไปธุระ กับน้าภิต”
โสภิตงง “พี่พิมจะไปไหนคะ”
เวลาต่อมา โสภิตขับรถมาจอดหน้าบ้านจีรณะ พิมพรนั่งข้าง
“พี่พิมลงไปคนเดียวนะคะ ภิตจะรอในรถ”
“พี่ไม่บอกแม่หรอกน่ะ”
“ภิตไม่อยากลงไปจริงๆ ค่ะ พี่พิมแค่มาขอบคุณเค้าไม่ใช่เหรอคะ คงไม่นาน”
“ตามใจ”
พิมพรเปิดประตูหลังหยิบกระเช้าผลไม้หิ้วไปที่หน้าบ้านจีรณะ โสภิตรีบขับรถเลยไปจอดห่างออกไป
พิมพรเดินไปกดออด สักครู่จิตรามาเปิดให้ จำพิมพรได้ มองด้วยสีหน้าแปลกใจ
“คุณ”
“สวัสดี ฉันมาหาคุณจีรณะ”
โสภิตมองๆ แต่ก็ก้มหลบไม่ให้จิตราเห็น พิมพรเดินเข้าไปในบ้านกับจิตรา
จิตราเอาน้ำมาให้พิมพร ด้วยสีหน้าเรียบๆ แต่ในใจหวั่นไหวเพราะไม่รู้พิมพรจะมาไม้ไหน
“พี่จีไปเยี่ยมพ่อของอาโปที่โรงพยาบาลค่ะ เดี๋ยวคงกลับมา”
“อ้าว เขาบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
“พี่จีเป็นอย่างงี้แหละค่ะ ชอบห่วงแต่คนอื่น จนลืมนึกถึงตัวเองไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรคะ”
“ฉันมาขอโทษแล้วก็มาขอบคุณค่ะ”
ฝ่ายโสภิตชะเง้อชะแง้ รอให้พิมพรออกมา บุญมีขับรถตัวเอง มาส่งจีรณะที่หน้าบ้านพอดี โสภิตเห็นก็ตกใจก้มหลบลงไป
บุญมีลงมาประคองจีรณะลงจากรถเพราะยังเจ็บซี่โครง
“ระวังๆ”
“ขอบคุณครับน้ามี”
“ไม่เข้าใจไปยอมเจ็บตัวเพื่อพวกมันทำไม มันจะสำนึกซาบซึ้งบุญคุณหรือก็เปล่า”
“ถ้าน้ามีอยู่ตรงนั้นก็ต้องช่วย”
“ไม่แน่ ข้าไม่ได้ใจดีเป็นพ่อพระอย่างเอ็งมีอะไรก็โทร.เรียกนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ครับ”
จีรณะไหว้ขอบคุณ แล้วเข้าบ้านไป บุญมีขับรถผ่านรถของโสภิต จึงจอดมอง
“นี่มันรถลูกสาวแม่เลี้ยงนี่ ทำไมมาจอดแถวนี้วะ”
โสภิตก้มหลบต่ำมาก จนบุญมีขับออกไป ค่อยโผล่มามองอย่างโล่งอก
ส่วนในห้องรับแขก พิมพรคุยอยู่กับจิตรา
“ฉันเพิ่งรู้ เรื่องที่นายยศทำกับคุณไว้”
จิตราตกใจตะกุกตะกัก “จิต จิต จิตลืมไปหมดแล้ว”
จีรณะเดินเข้ามาพอดีได้ยิน แต่ทั้งสองไม่เห็น “พูดแบบตรงๆ เลย ผู้ชายเลวๆไม่ได้เรื่องอย่างนายยศ ใครเป็นเมียถือว่าโชคร้าย คุณรอดเงื้อมือนายยศมาได้นับว่าบุญแล้ว ที่สำคัญคุณน่าจะนึกภาพออกนะว่าเป็นลูกสะใภ้แม่เลี้ยงอมรานี่นรกดีดีนี่เอง”
จิตราพูดไม่ออก ไม่นึกว่าพิมพรจะมาตรงแบบนี้ จีรณะเลยเดินเข้ามา
“ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากลูกสาวแม่เลี้ยง”
พิมพรหันมาเห็น “คุณจี สวัสดีค่ะ ฉันเอาของมาเยี่ยมค่ะ”
“ขอบคุณครับ แต่ผมคงไม่กล้ารับ”
“วางใจได้ค่ะ ไม่มีระเบิด ไม่มียาพิษ ฉันตั้งใจมาด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ไม่มีเจตนาแอบแฝงอะไรทั้งนั้น ความบาดหมางของคุณกับแม่ก็เป็นเรื่องของแม่ ไม่เกี่ยวกับฉัน”
จีรณะมองกับจิตรา “ถึงจะฟังดูแปลกแต่ผมก็จะลองเชื่อคุณ”
พิมพรยื่นมือให้ “แนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการนะคะ ฉันพิมพร หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”
จีรณะยื่นไปจับมือพิมพรตอบ พิมพรยิ้มแย้ม จิตรามองฉงนไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้
ส่วนโสภิตเปิดแอร์ นอนรอในรถจนหลับ จีรณะเดินออกมาส่งพิม
“ถ้ามีเรื่องอะไรที่ฉันพอช่วยได้บอกฉันเลยนะคะ ถึงฉันจะไม่รวยเหมือนแม่ แต่ก็มีน้ำใจให้เพื่อนเสมอ”
“น้ำใจนี่แหละครับ ที่มีค่ามากกว่าเงิน”
“เอาไว้ฉันจะพาบ็อบบี้มาหานะคะ บ็อบบี้ชอบคุณมาก”
“ครับ” จีรณะมองไปที่รถ “เอ๊ะ คุณพิมลืมดับเครื่องรถรึเปล่าครับ”
จีรณะเดินไปที่รถโสภิต พิมพรรีบตาม จีรณะส่องดูเห็นโสภิตนั่งหลับอยู่
“ยัยภิตไม่ยอมลงจากรถน่ะคะ คนนี้เค้าลูกแม่ คงกลัวแม่หักเงินเดือน”
จีรณะยิ้มตบกระจกปังๆ โสภิตงัวเงียลืมตามองเห็นหน้าจีรณะจ่ออยู่ก็ตกใจ ทำอะไรไม่ถูก
ทำหน้าเชิดกดเปิดล็อคเพื่อให้พิมพรเข้ามานั่ง
จีรณะเปิดประตูข้างโสภิต “เปิดแอร์นอนในรถ ระวังจะเป็นไหลตายนะครับ”
“เรื่องของฉัน กลับกันได้หรือยังคะพี่พิม”
พิมพรหันมาทางจีรณะ “ฉันไปก่อนนะคะ แล้วเจอกัน”
“สวัสดีครับ”
โสภิตจะปิดประตูรถ จีรณะจับไว้โสภิตโมโห “เอ๊ะ”
จีรณะบอกเบาๆ “เช็ดน้ำลายด้วย”
โสภิตตกใจ รีบเอามือปาดข้างแก้มจีรณะหัวเราะชอบใจ ปิดประตูรถ
“คนบ้า”
พิมพรขำ “คุณจีนี่เขามีอารมณ์ขันเหมือนกันนะ น่ารักดี”
“น่าทุเรศมากกว่า”
จีรณะยังโบกไม้โบกมือทำหน้าล้อๆ กวนประสาท โสภิตขับรถออกไป
ฟากแม่เลี้ยงอมรานอนหลับอยู่ในห้องนอน มีบ็อบบี้นั่งหลับคารูปที่กำลังวาดเล่นอยู่ข้างเตียง สักครู่แม่เลี้ยงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นบ็อบบี้ฟุบหลับอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มเอ็นดู ขยับมือไปชน
บ็อบบี้เหมือนรู้สึกตัว เอามือขยี้ตา ปลุกตัวเอง มองนาฬิกา แล้วเหลือบมองนาฬิกา ตาโต
“คุณยายค๊าบ สามโมงแล้วคร๊าบ”
แม่เลี้ยงอมราแกล้งหลับตา ทำเป็นยังไม่ตื่น ไม่ได้ยิน บ็อบบี้เขย่าแม่เลี้ยงเบาๆ
“พวงให้ปลุกคุณยายมากินยาครับ wake up please”
บ็อบบี้เขย่าแรงขึ้น แม่เลี้ยงเงียบ บ็อบบี้เริ่มตกใจ
“คุณยายครับ ตื่นสิครับ ตื่น ตื่น ตื่น”
บ็อบบี้เอาหูไปแนบอกอมรา แม่เลี้ยงแกล้งอมยิ้มมุมปาก ไม่ตื่น บ็อบบี้ตกใจมากแต่คุมสติอยู่ รีบลุก วิ่งไปที่ประตู เปิดประตู ตะโกนออกไป
“คุณแม่ครับ คุณแม่ พวง พวง คุณยายไม่ตื่น ช่วยด้วย คอลไนน์วันวัน พลีส”
บ็อบบี้รีบตรงไปหาแม่เลี้ยง เขย่าปลุก “คุณยาย ตื่นสิครับ”
บ็อบบี้แก้ไขสถานการณ์แบบเด็กๆ ที่เคยดูทีวี ทั้งเอามือกดปั้มหัวใจ เอาหูฟังหัวใจ เอาปากเป่าที่ปากแม่เลี้ยง
พวงวิ่งเข้ามาก่อน ลนลาน ตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ร้องไห้ลั่น โวยวายตามประสา
“ธัมโม สังโฆ แม่เลี้ยง ฮือ ฮือ แม่เลี้ยงตายแล้ว ฮือ ฮือ”
พวงคุมสติไม่ได้ ตะเบ็งเสียงร้องไห้อย่างเดียว
แม่เลี้ยงอมราเริ่มเห็นว่าวุ่นวาย เลยลืมตาขึ้น
“ฉันไม่เป็นอะไร พวกแกถอยไป มารุมกันฉันหายใจไม่ออก”
บ็อบบี้ดีใจ “คุณยายฟื้นแล้ว”
พวงปาดน้ำตา สะอื้นฮักๆ เดินมาหา
“พวงนึกว่าคุณนายจะไปเสียแล้ว”
แม่เลี้ยงหมั่นไส้เขวี้ยงด้วยหมอนใส่
“แกไม่ต้องมาแช่งชั้น เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่า ทำอะไรไม่ถูก ดูซิ เด็กตัวกระเปี๊ยก มันยังแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าแก” ด่าเสร็จหันมาหาหลาน “บ็อบบี้ ไปเรียนวิธีปฐมพยาบาลมาจากไหน”
“ครูที่โรงเรียนสอนครับ”
“เก่ง เก่งมาก มาให้ยายกอดที”
แม่เลี้ยงอมรากอดบ็อบบี้ พวงยิ้มชื่น
ส่วนยศเข้าบ้านหิ้วถุงขนมมาง้อแม่เต็มที่ ได้ยินเสียงหัวเราะเฮฮามาจากสนาม เลยเดินไปดู พบว่าแม่เลี้ยง พวง บ็อบบี้ นั่งกินขนมกันอยู่ พวงสอนภาษาเหนือให้บ็อบบี้
“ลองทานซิคะ ขนมนี่จ้าดลำนะ”
บ็อบบี้พูดตาม “จ้าดลำแปลว่าอะไรครับ”
แม่เลี้ยงอมราบอก “แปลว่าอร่อยมาก”
“โอ” บ็อบบี้หยิบขนมกิน ตาโต “อร่อยจริงๆ จ้าดดดลำ”
พวงกับแม่เลี้ยงหัวเราะขำ ยศหมั่นไส้สุดๆ เดินส่งเสียงเข้าไป
“แต่ขนมที่ผมซื้อมาอร่อยกว่านะครับ จากร้านเจ๊ไหมร้านโปรดของแม่” ยศทำเสียงหวานอ้อนประจบเต็มที่ เปิดกล่องให้ดู “แอ่น แอ๊น”
แม่เลี้ยงไม่สนพวงรีบพูด “ดีแท้เจ้า แม่เลี้ยงเพิ่งบ่นอยากจะทานอยู่ เดี๋ยวพวง เอาจานมาใส่ให้”
“ไม่ต้อง ฉันไม่กินขนมของคนแปลกหน้า บ็อบบี้ เข้าบ้าน เดี๋ยวยายจะสั่งอาหารจากภัตตาคารมาส่ง รับรองว่าจ้าดลำ”
แม่เลี้ยงจูงบ็อบบี้ไป บ็อบบี้หันมามองยศอย่างเห็นใจ แต่ยศแค้นชี้หน้า
“วันนี้ยังโกรธอยู่ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หายค่ะ ไปคะ พวงมีกับข้าวอร่อยๆ ให้คุณยศกินหลายอย่าง”
“ไม่ เห็นหน้าไอ้เด็กเวรนั่นแล้วกินอะไรไม่ลง”
ยศเดินหนีไป พวงกลุ้ม
ยศหนีมาหมกตัวอยู่ในสนุกเกอร์คลับของพีรพงษ์ แทงสนุกเกอร์ไม่ลง ท่าทางเซ็งๆ พีรพงษ์มายิงต่อ ลงหลุม
“ไม่มีสมาธิอย่างนี้ ไปให้น้องๆเค้าปลอบใจดีกว่ามั้ย”
“ไม่มีอารมณ์ ตอนนี้ผมกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว แม่เห่อไอ้บ็อบบี้ ตั้งแต่มันเข้ามาผมซวยตลอด แถมยังโดนยัยนิตยาใส่ร้ายว่าผมจะปล้ำ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แตะต้องตัวซักแอะ”
“บางทีไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องด้วยกล”
พีรพงษ์หันไปตะโกนสั่งลูกน้อง “เฮ้ย ไอ้เตี้ย ไปเอาของดีของข้ามาหน่อยซิ”
ลูกน้องรีบไปค้นกระเป๋าของพีพงษ์ ประคองยามาส่งให้ พีรพงษ์ยื่นขวดแก้วขวดเล็กๆ ให้ยศดู
ยศเพ่งดูกับไฟท่าทีสงสัย “น้ำมันพรายหรือพี่”
พีรพงษ์กำลังจะอธิบาย ถึงกับสะดุดเสียจังหวะหน้าคะมำ แล้วกระแอมอธิบายใหม่
“ไปเชื่อไสยศาสตร์อะไรอย่างนั้น รุ่นเรามันต้องวิทยาศาสตร์”
พีรพงษ์กระซิบบอกยศ ยศตาโตสนใจ เอามาดูชัดๆ
“จะดีเหรอ”
“ดีซิ รับรองไม่ต้องปล้ำให้เสียแรง”
สายวันหนึ่ง ชีพถือกระเป๋ารออยู่ โสภิตเดินลงบันไดมา
“มาแต่เช้าเลย รอแป๊บนะ ฉันขอกินกาแฟแก้วนึง ค่อยไป”
แม่เลี้ยงอมราเดินมาข้างหลัง “ไม่ต้อง....ต่อไปนี้ฉันจะไปเก็บดอกเบี้ยเอง แกแค่ลงลงบัญชีก็พอ” แม่เลี้ยงมองหน้าลูกสาว “คงไม่ต้องให้บอกนะว่าทำไม”
“ค่ะ” แม่เลี้ยงเดินนำไปโสภิตกำชับ “ชีพอย่าลืมเตือนให้แม่กินยานะ”
“ครับ”
ชีพไปแล้ว ยศแอบอยู่หน้าประตูรอให้แม่เลี้ยงออกไป ถึงเข้ามา
“ยัยภิต”
“พี่ยศ ทำไมกลับเอาป่านนี้คะ”
“อย่าเพิ่งเทศน์ พี่มีเรื่องให้ช่วย”
สองคนพี่น้องเดินเข้ามาภายในออฟฟิศในคุ้ม โสภิตเดินเข้ามาเซ็งๆ เปิดคอมทำงาน
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับภิต อย่าให้ภิตยุ่งดีกว่า อีกอย่างภิตก็ไม่ได้สนิทกับคุณนิตยาด้วย”
“แต่เธอก็เป็นคนที่น่าเชื่อถือที่สุดในบ้าน ถ้าเธอนัดให้ คุณนิตยาต้องยอมมาเจอพี่แน่”
“เรื่องที่พี่ยศทำมันใหญ่มาก คิดว่าแค่ขอโทษจะหายกันเหรอคะ”
“ยัยภิต พี่สาบานจริงๆนะว่าพี่ไม่ได้ปล้ำคุณนิต คนอย่างพี่ไม่จำเป็นต้องปล้ำผู้หญิง แต่พี่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณนิตเขาไปฟ้องแม่เขาอย่างงั้น เขาอาจจะเข้าใจผิดอะไรก็ได้”
ยศกดปิดคอมโสภิตโมโห “พี่ยศ”
“นะ ยัยภิต พี่ไหว้ก็ได้ ถ้าพี่คืนดีกับคุณนิตได้ แม่ก็จะหายโกรธบ้านก็จะสงบสุข เธอไม่ชอบหรือไง”
โสภิตอึดอัดแต่ก็อ่อนลง
ฟากจีรณะหิ้วพวกข้าวสารอาหารแห้งมาที่บ้านคำปันแล้วชะงักที่เห็นสภาพบ้าน ถูกรื้อค้น จีรณะตกใจรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน เห็นคำปันนั่งหมดอาลัยตายอยาก สายตาเลื่อนลอย
“ลุงคำปัน ทำไมบ้านเป็นอย่างงี้ครับ ฝีมือใคร”
คำปันไม่พูด จีรณะเห็นมือคำปันกำกระดาษสัญญาไว้ ฉบับสำเนา ดึงมาดู
“สัญญาเงินกู้”
ลุงคำปันเล่าว่า ก่อนหน้านี้ แม่เลี้ยงอมรา ชีพ กาบและเส่งมาที่บ้าน ให้คำปันดูสัญญา คำปัญดูแล้วงง
“นี่มันอะไรกันครับแม่เลี้ยง”
“อ้าว อ่านหนังสือไม่ออกหรอกเหรอ บอกลุงแกไปซิซีพ”
“สัญญาเงินกู้ก้อนใหม่ที่แกเพิ่งกู้ไป”
“ผมไม่ได้กู้เงินแม่เลี้ยงเลยนะครับ ผมไม่รู้เรื่อง”
“ก็เงินที่แกยืมคุณอัปสรโสภิตมาจ่ายดอกเบี้ยไงล่ะ” ชีพบอก
คำปันงงใหญ่ “อะไรกัน ผมไม่เคยยืมเงินลูกสาวแม่เลี้ยงเลย”
“ยัยภิตบอกฉันว่ามันเอาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยให้แก เงินยายภิตก็คือเงินของฉัน เซ็นชื่อซะ”
คำปันไม่ยอม “ไม่ ผมไม่รู้เรื่อง ผมไม่เซ็น”
ชีพหันมาทางสองสมุน “ไอ้กาบ ไอ้เส่ง”
กาบ เส่งเข้ามาจับมือคำปัน แปะลงบนตลับหมึกแล้วกดลงตรงท้ายสัญญา สองฉบับตรงกัน
แม่เลี้ยงเก็บไปฉบับหนึ่ง ลุกขึ้น “ฉันจะไปรอที่รถ เก็บดอกแล้วก็รีบตามไปนะ”
แม่เลี้ยงเดินไปชีพบอก “ยอดเงินต้นทั้งหมดตอนนี้ ห้าแสน ต้องจ่ายดอก สองหมื่นห้า”
“ข้าไม่มีอะไรจะให้เอ็งแล้ว เอาชีวิตของข้าไปเลย”
“ชีวิตแกมันไม่มีราคาหรอกโว้ย”
ต่อจากนั้นไม่นานเห็นกาบ เส่งเอาขวานจามประตูยุ้งฉางที่เก็บผลผลิต แล้วช่วยกันยกกระสอบออกมาคำปันเข้าไปดึง ห้าม
“อย่า อย่าเอาของข้าไป”
ชีพรำคาญกระชากคำปันออกมาแล้วเหวี่ยงไป คำปันไหว้ปลกๆ
“ขอร้องละ เอ็งเอาไปแล้วข้าจะเอาที่ไหนไปขาย”
“เป็นหนี้ก็ต้องใช้ แล้วก็จำไว้อย่าไปยุ่งกับคุณภิตอีก”
พอฟังจบจีรณะกำสัญญาเดินมาที่ประตูรั้วคุ้มอมรา กดออดกระหน่ำ บ็อบบี้เล่นบอลอยู่ วิ่งมา
“มิสเตอร์จี”
“บ็อบบี้”
“I miss you so much.” (ผมคิดถึงคุณมาก)
“Me too. วันนี้ครูมีธุระกับน้าภิตๆ อยู่มั้ยครับ”
โสภิตนัดเจอนิตยาที่ร้านอาหารกึ่งผับ ตอนเย็นเกือบค่ำ นิตยาเปิดดูของขวัญที่โสภิตให้เป็นผ้าพันคอแบรนด์เนม ท่าทีพอใจ
“ขอบคุณค่ะ แต่ให้นิตเนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“ถือเป็นการขอโทษแทนพี่ยศสำหรับเรื่องเมื่อวันก่อนนะคะ”
“เรื่องนั่นแล้วไปแล้วค่ะ แค่นี้ใช่มั้ยคะ งั้นนิตขอตัว”
“เดี๋ยวซิคะ ได้ยินมาว่าคุณนิตจะเดินแบบงานกาชาดประจำจังหวัดมีงานวันไหนคะ”
“ต้นเดือนหน้าค่ะ คุณแม่เป็นกรรมการจัดงาน”
ยศเดินยิ้มเข้ามาพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่ “ผมอาสาสนับสนุนน้องนิตเต็มที่ครับ เรามาเดินแบบคู่กันดีมั้ย”
นิตยาลุกพรวด โสภิตแก้สถานการณ์ “คุณนิตคะ ให้โอกาสพี่ยศอีกครั้งเถอะนะคะ”
โสภิตมองยศเป็นเชิงบอกให้ยศพูด “ใช่ครับ ขอโอกาสผมแก้ตัวด้วย ถ้าผมทำอะไรให้น้องนิตไม่พอใจ อภัยให้ผมด้วยเถอะนะครับ ตอนนี้ผมสำนึกผิดแล้ว” จู่ๆ ยศคุกเข่าลง “ถ้าคุณนิตไม่ยกโทษให้ผม ผมจะคุกเข่าอยู่อย่างงี้”
นิตยาอายคน จำใจนั่ง โสภิตเห็นมุกพี่ชายแล้วก็ได้แต่ปลง
“โอเคๆ ค่ะ ลุกขึ้นเถอะ”
ยศยิ้มลุกขึ้น กวักมือเรียกบริกร “ผมรู้ว่าคุณนิตชอบดื่มไวน์ วันนี้เลยเอามาฉลองที่เราคืนดีกัน”
“แหม ลงทุนขนาดนี้เลยเหรอคะ”
บ๋อยเอาไวน์มาเสิร์ฟ รินไวน์ 3 แก้ว “เพื่อคุณนิต น้อยกว่านี้ได้ยังไง”
นิตยามองสังเกตแก้วๆ หนึ่ง มีเครื่องหมายขีดไว้ ยศหยิบแก้วที่ไม่มีเครื่องหมาย ยื่นให้ทั้งโสภิตและนิตยา
“สำหรับอนาคตที่สดใสของเราทั้งสาม”
ยศกำลังจะชวนดื่ม นิตยาปัดโดนโทรศัพท์ตกพื้น
“อุ้ย โทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ยศก้มลงเก็บ
ทั้งหมดต่างจิบไวน์ สลับกับหั่นสเต็ก และคุยกันต่อ
เวลาผ่านไป บ๋อยมาเก็บจาน เห็นยศพยายามฝืนให้หายง่วง รินไวน์ให้นิตยา สายตานิตยาสังเกตว่าทั้งโสภิตและยศ เห็นทั้งคู่ต่างง่วง แต่พยายามฝืน
นิตยาเดินไปเดินมาหน้าห้องน้ำ คุยโทรศัพท์กับมนัส
“เดี๋ยวนี้เลยนะคะพี่มนัส นิตทนพวกนี้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ เจอกันค่ะ”
นิตยาวางหู แล้วกดอีกเบอร์หาเพื่อน “แมกซ์เหรอ ที่ฉันให้หาเบอร์บ้าน พยาบาลที่ชื่อจิตราได้หรือยัง...บอกมาเลย”
นิตยาเดินคุยโทรศัพท์ออกมาหน้าร้าน
“ฉันไม่รู้จะโทร.หาใครค่ะ เห็นว่าคุณสนิทกันก็มาดูแลกันเถอะนะคะ ฉันไม่ไหวแล้ว พี่ยศไม่มีสติเลย ..ขอบคุณค่ะ”
รถมนัสแล่นเข้ามา นิตยาเปิดขึ้นไปนั่งด้านหน้า
“ผมว่าคุณนิตไปนั่งด้านหลังดีกว่าครับ เดี๋ยวคุณนาย..”
นิตยายื่นมือไปปิดปากมนัสไม่ให้พูดให้จบ แล้วเอนตัวไปพิงไหล่มนัสที่ขับรถอยู่ มนัสตัวแข็งทื่อ
“อย่าเพิ่งกลับบ้านนะ นิตยังไม่อยากกลับ”
“กินข้าวไม่สนุกเหรอครับ”
นิตยาถอนตัวออกมาจากไหล่มนัส พูดอย่างโมโห
“แย่มาก รู้มั้ยคะ มันทำอะไรนิต”
มนัสหันมามองอย่างสนใจอยากรู้
นิตยาเล่าว่า ยศกำลังจะชวนดื่ม นิตยาแกล้งปัดโดนโทรศัพท์ตกพื้น
“อุ้ย โทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ยศก้มลงเก็บ นิตยา “นั่นคุณพิมรึเปล่าคะ”
โสภิตหลงกลหันไปมอง นิตยาสลับแก้วของตัวเองกับของยศจังหวะที่ยศเงยขึ้นมา ยื่นโทรศัพท์ให้นิตยา
“ขอบคุณค่ะ”
โสภิตหันมาตอบโสภิต “ไม่ใช่พี่พิมค่ะ”
นิตยาเล่าจบแค่นหัวเราะ “มันคิดว่านิตโง่ จะโดนมันมอมยาง่ายๆ”
รถเก่าๆ ที่มนัสขับมาจอดรอแล่นไป สวนกับรถมอเตอร์ไซค์วิบากของจีรณะที่แล่นเข้ามาจอด จีรณะถอดหมวกกันน็อคลงรถเดินเข้าร้านไป
จีรณะเดินมามองหา เจอพีรพงษ์ยืนคุยกับบริกร ทิปแบ็งพันให้
“ทุกอย่างเรียบร้อยมั้ย”
“ผมเอายาเช็ดปากแก้วสองใบ แล้วก็ทำเครื่องหมายบนแก้วที่ไม่มียา ตามที่ท่านบอกทุกอย่างครับ”
จีรณะชะงักแอบฟัง
ส่วนโสภิตง่วงมาก หาวพร้อมกับยศ
“พี่ยศ ภิตง่วงมาก ขอกลับก่อนนะ”
“ตามใจ”
“แต่พี่ยศต้องสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรน่าเกลียดกับคุณนิตอีกนะ”
“รู้แล้ว”
โสภิตคว้ากระเป๋าเดินออก
ยศง่วงมากพยายามฝืนแหกตาตัวเอง “คุณนิตทำไมเข้าห้องน้ำนานนักวะ”
โสภิตถือกุญแจเดินมาที่รถ เห็นภาพซ้อนต้องสลัดหัว ประคองสติแต่เซอีกจนพีรพงษ์เข้ามาโอบ
“ระวังครับ เดี๋ยวล้ม”
“คุณพงษ์...ฉันปวดหัว ขอตัวกลับบ้านก่อน”
“ให้ผมขับไปส่งให้ดีกว่าครับ ไม่สบายแบบนี้ไม่ไหวแน่”
“ไม่เป็นไร ฉันขับเองได้”
โสภิตขืนตัวออกมาแต่ก็เซไปพิงรถ “เห็นมั้ยครับ อย่าดื้อซิ ให้เป็นหน้าที่ผมดีกว่า”
พีรพงษ์แย่งกุญแจโสภิตไปกดเปิดประตูรถ แล้วประคองโสภิตไปนั่งข้างคนขับ โสภิตมึนเกือบหมดสติแล้ว พีรพงษ์อ้อมไปที่คนขับท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง โยนกุญแจเล่นไปมา
พอขึ้นนั่งก็มองโสภิตหื่นๆ ทำท่าจะก้มจูบ แต่ยังไม่ถึงปากชนปาก ถูกมือจีรณะกระชาก ล็อคคอออกจากรถ
พีรพงษ์ขัดขืน แต่ถูกจับหัวโขกกับรถ จนน็อคสลบลงไปนอนกองกับพื้น
เห็นล้อรถแล่นผ่านร่างพีรพงษ์ที่สลบเหมือด ไป
จีรณะขับรถโสภิตมาแล้วหันมามองโสภิตที่เอนพิงเบาะหลับอยู่
“คุณๆ”
จีรณะเอื้อมมือไปเขย่าแขน โสภิตเลยเอนมาพิงไหล่จีรณะจนเขาชะงักไป ปล่อยให้โสภิตพิงอยู่อย่างนั้น
รถแล่นไปตามถนน หายไปในความมืด
จิตรานั่งกอดเข่าอยู่ในความมืด เสียงนิตยาที่คุยกันเมื่อบ่ายดังขึ้นมา
“พี่ยศ เป็นอะไรไม่รู้ค่ะ ท่าทางเหมือนคนเมายา ฉันไม่รู้จะโทร.หาใครค่ะ เห็นว่าคุณสนิทกันก็มาดูแลกันเถอะนะคะ ฉันไม่ไหวแล้ว พี่ยศไม่มีสติเลย ..ขอบคุณค่ะ”
จิตราคิดตัดสินใจ ลุกออกไป
ยศสะลึมสะลือเดินเปะปะผลักประตูห้องน้ำหญิงเข้าไป ยศส่ายหัว เห็นผู้หญิงออกจากห้องน้ำ
ยศมองเป็นภาพเบลอๆ เป็นนิตยายิ้มให้ “อยู่ตรงนี้เอง ชอบบรรยากาศแบบนี้เหรอจ๊ะ คุณนิตได้เลย”
ยศโผเข้ากอด ซุกไซ้ผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงร้องปัดป้องเต็มที่
ยศไม่หยุด ดันผู้หญิงไปติดอ่างล้างหน้า ชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามา กระชากยศออกมาต่อยซ้าย ขวา ยศทรุดชายคนนั้นกระทืบซ้ำสองสามที
“ไอ้บ้ากาม แกตายคาตีนฉันแน่”
“พอแล้วพี่ๆ คงจะเมามากไปหน่อย ขอเถอะครับ”
บริกรเข้าแยกชายตีนโหดออกมาจากยศ
ชาย หญิงออกไป บริกรเข้าไปนั่งดูยศ เลือดกำเดาไหล มุมปากเลือดซึม ยศไร้สติ บริกรส่ายหัว
“พี่ๆ”
จิตราเข้ามาในร้านมองหา เห็น บริกรประคองยศออกมา รีบถลามาหา
“พี่ยศ”
ด้านจีรณะบิดผ้าเช็ดหน้าในกระป๋องน้ำแข็ง ค่อยๆ เช็ดซับหน้าโสภิตไปมา โสภิตไร้สติปัดป่าย ชายเสื้อ ขอบกางเกง
จีรณะยิ้มมองที่เอวโสภิตเห็นมีมีดพับเล็กๆ เหน็บอยู่ แถมขอบกระเป๋ากางเกงมีเครื่องช็อตไฟฟ้าโผล่ออกมา ส่วนกระเป๋ากางเกงด้านหลังมีกระป๋องสเปรย์พริกไทย
จีรณะหยิบทั้งสามอย่างมาวางเรียงบนโต๊ะข้างเตียง
“พิษสงรอบตัวเชียวนะ ยัยอสรพิษ”
จีรณะแตะแก้มโสภิตตีเบาๆ “โสภิตๆ อัปสรโสภิต”
โสภิตไร้สติ ทำหน้ารำคาญ ส่งเสียงอื้ออ้า แล้วหลับต่อ จีรณะยิ้มก้มลงมองใกล้ๆ ตะลึงจังงังไปในความสวยของหล่อน ปัดผมที่ระใบหน้าให้โสภิต
บริกรช่วยจิตราประคองปีกยศมาใส่รถของยศ จิตราหยิบเงินให้บริกรสามร้อยบาท
“ขอบใจมากนะ”
จิตราขึ้นรถขับออกไป บริกรมองตาม
รุ่งเช้าจีรณะนั่งเอนพิงหัวเตียงหลับอยู่ โสภิตนอนหนุนตรงท้องกอดเอวจีรณะหลวมๆ โสภิตรู้สึกตัวงัวเงียกอดจีแน่นเข้าไปอีก แล้วเริ่มแปลกใจหรี่ตามอง
โสภิตตกใจเหลือบมองเต็มตา เห็นจีรณะหลับสนิท โสภิตโกรธสุดขีด
จีรณะหลับอยู่ ได้ยินเสียงเครื่องช็อตไฟฟ้าทำงาน โสภิตมือหนึ่งถือเครื่องช็อต อีกมือถือสเปรย์พริกไทย เตรียมทำร้ายเต็มที่
อัปสรโสภิตพุ่งเข้าหา จีรณะลืมตาพอดี เอี้ยวตัวหลบ โสภิตเสียหลัก จีรณะเอาผ้าห่มคลุมรวบตัวโสภิตเอาไว้ โสภิตดิ้น
“แกไอ้คนเลว ปล่อยชั้น แกทำอย่างนี้กับชั้นทำไม แกมันไม่ใช่สุภาพบุรุษ”
จีรณะชักโกรธ “ตั้งสติหน่อยคุณโสภิต ถ้าผมทำอะไรคุณจริง ตอนนี้คุณจะไม่รู้สึกตัวเลยเหรอว่าร่างกายคุณมันบุบสลายเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง”
โสภิตหยุดดิ้น ครุ่นคิดเช็กร่างกายไปมา จีรณะเห็นหล่อนสงบ ค่อยๆปล่อยโสภิต แต่ยังระแวงอยู่
“แล้วชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“คุณโดนนายพงษ์วางยาที่ร้านอาหาร ผมช่วยคุณเอาไว้ได้”
โสภิตจำความได้พึมพำ “พี่ยศ คุณนิต คุณพงษ์”
จีรณะหมั่นไส้เลยแนะนำ “ถ้ายังไม่แน่ใจ จะไปตรวจปัสสาวะที่โรงพยาบาลก็ได้นะคนอะไรทำเป็นฉลาดรอบรู้ สุดท้ายก็มาตายน้ำตื้นกับคนใกล้ตัวที่เป็นแฟนกันแท้ๆ”
โสภิตโกรธรีบเก็บข้าวของ จัดเสื้อผ้าเนื้อตัวจะออกไป
จีรณะขวางเอาไว้ ทำหน้าหื่น “จะไปไหน ผมยังไม่จบธุระกับคุณ”
เขาแกะกระดุมเสื้อตัวเองโสภิตตาปลิ้น “คุณ...คุณจะทำอะไร”
“แม่เลี้ยงอมราไปบีบบังคับลุงคำปันให้ทำสัญญาเพิ่มหนี้ขึ้นใหม่ ยึดพืชผลของแกด้วย”
“เป็นไปไม่ได้ก็ชั้นจ่ายดอกแทนลุงคำปันไปแล้ว”
“แผนของคุณนี่มันเลือดเย็นมากนะ ทำเป็นมีเมตตาช่วยเหลือคนจน แต่ที่จริงต้องการผูกมัดให้พวกเขาเป็นหนี้เพิ่มขึ้นไปอีก”
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น ฉันต้องการช่วยลุงคำปันจริงๆ”
“ไม่รู้ละยังไงคุณก็ต้องรับผิดชอบเมื่อคืนคุณเมายาไม่ได้สติ ผมเลยไม่ได้ทำอะไร เพราะมันไม่มีรสชาติ ตอนนี้คุณฟื้นแล้วผมจะแก้แค้นแทนลุงคำปัน”
จีรณะถอดเสื้อโยนทิ้ง โสภิตจะวิ่งหนี จีรณะจับโสภิตผลักลงบนเตียง แล้วโดดขึ้นนั่งทับต้นขา
หยิบอาวุธต่างๆ ของโสภิตโยนทิ้ง ค่อยๆ เดินเข้ามา โสภิตถดหนี
“อย่าทำอะไรฉันเลย ปล่อยฉันเถอะ ชั้นจะไปคุยกับแม่ให้ชั้นจะช่วยลุงคำปันเอง”
“ไม่มีใครเชื่อเจ้าหนี้หน้าเลือดอย่างคุณอีกแล้ว”
“ไม่นะ ถ้าคุณทำอะไรฉันคุณต้องติดคุก เสียอนาคต วิญญาณพ่อคุณต้องเสียใจ”
“พ่อผมเป็นคนดี ท่านไปเกิดใหม่แล้ว”
จีรณะกระชากโสภิตมาคร่อมร่าง พร้อมกับจับมือไว้ โน้มหน้าไปใกล้ โสภิตดิ้นสู้
“อย่า ได้โปรด ฉันขอร้อง อย่าทำแบบนี้ สงสารฉันเถอะ” โสภิตกลัวจนน้ำตาไหล
จีรณะหยุดนิ่ง แล้วลุกขึ้นที่จริงเขาตั้งใจแกล้งเล่นๆ “รู้แล้วใช่มั้ยว่าคนที่ถูกต้อนจนไม่มีทางหนี ไม่มีทางไปเค้ารู้สึกยังไง พวกลูกหนี้ของแม่คุณก็คงรู้สึกแบบนี้ ขอร้องแม่คุณแบบนี้ แต่แม่คุณไม่เคยเมตตาสงสารใครเลยซักนิด”
สองคนสบตากันนิ่ง
ด้านจิตรายกถาดใส่กาแฟ ข้าวต้มเครื่อง มาวางที่โต๊ะ ยศนอนเขลงอยู่บนโซฟา ยศนอนหลับหน้าตาไม่มีเลือดแล้ว เสื้อผ้ายังมีรอยเลือด รอยเท้า ยศตื่นหยีตามองจิตงงๆ จับข้อมือจิตราดึงเข้ามานั่งข้างๆ ยศเหลียวไปมา
“เราอยู่ที่ไหนจิต นี่...นี่พี่ฝันไปรึเปล่า”
“เมื่อคืนพี่ยศเมามีเรื่องกับลูกค้าที่ร้านอาหาร คุณ...คุณนิตยาโทร.ให้จิตไปดูพี่”
ยศตกใจ “นิตยาเหรอ เฮ้ย เป็นไปได้ยังไง”
“จิตก็ไม่รู้ค่ะ พี่ตื่นก็ดีแล้ว กินอาหารเช้าแล้วรีบกลับคุ้มเถอะค่ะ เดี๋ยวคนที่บ้านจะเป็นห่วง”
จิตตราลุกไปยศรีบลุกกอดไว้ “พี่ดีใจที่จิตยังเป็นห่วงพี่สมกับที่พี่ยังรักจิต คิดถึงจิต ในชีวิตพี่ ไม่มีใครดีกับพี่เท่าจิตอีกแล้ว
จิตรายืนตัวแข็ง น้ำตาไหล ด้วยรักยศมาก
ยศได้ทีค่อยๆ จูบ ซุกไซ้ จิตรารู้สึกตัว ผลักยศ แต่ยศยิ่งได้ใจกอดแน่นระดมจูบจิตราดิ้น
“พี่ยศ ปล่อยจิต ปล่อยเดี๋ยวนี้”
“จิตรักพี่ใช่มั้ย ถ้าจิตไม่รักไม่ห่วงพี่จิตจะไปพาพี่มาที่นี่ทำไม”
“อย่าพูดถึงความรักอีกเลยค่ะเพราะพี่ยศไม่เคยรู้จักคำคำนี้ ปล่อยค่ะ”
“ไม่ พี่ไม่ปล่อยจิตไปจากพี่อีกแล้ว”
ยศพลิกตัวจะกดจิตราลงโซฟา จู่ๆ มีด้ามไม้ถูพื้นเข้ามาตีหลังยศโดยฝีมืออาโป อาโปกระหน่ำตีไม่ยั้ง ยศล้มลุกคลุกคลาน
“คนเลว คนชั่ว มารังแกพี่จิต นี่แน่ะๆ”
“พอแล้วอาโป อย่าตีเค้าๆ”
อาโปหยุด ยศนอนครางโอดโอย
ส่วนโสภิตเดินย่องๆ เข้ามาในโถง ขณะพวงถูพื้นอยู่สะดุ้ง จะร้องเรียก โสภิตเอานิ้วจุ๊ปาก
“แม่ล่ะ”
“แม่เลี้ยง คุณพิม คุณบ็อบบี้ยังหลับอยู่เลยเจ้า”
“ป้าพวงอย่าบอกใครนะ ว่าภิตกลับบ้านเช้า พอดีเมื่อคืนภิตท้องเสีย ก็เลยไปนอนให้น้ำเกลือที่อนามัย”
“ธรรม สังโฆ แล้วเป็นจะใดมากมั้ยเจ้า”
“หายแล้วจ้ะ”
พวงพยักหน้าหงึกๆ โสภิตจะไป พวงรีบจับแขนเอาไว้ หน้าเครียดห่วงยศ
“คุณยศก็ยังบ่ปิ๊กมา บ่ได้ไปโตยกันกับคุณภิตเหรอเจ้า”
โสภิตงงมาก
ยศกุมหัววิ่งหนีออกมา หันไปชี้หน้าอาโปที่ถือไม้ถูพื้นเดินตามมาห่างๆ จิตราพยายามดึงห้าม
“ไอ้เด็กบ้า ถ้าสมองฉันเสื่อมฉันจะเอาเรื่องแก”
“มาเลย ไม่กลัวหรอก คนเลวอย่างแกโดนแค่นี้ยังน้อยไป”
“ฉันจะให้คนไปเผาดอยแกให้ราบ คอยดู”
“งั้นตีแกตายก่อนตรงนี้เลย”
อาโปไล่ฟาดจิตราดึงมือรั้งไว้ “พอแล้วอาโป พี่บอกให้หยุด”
จีรณะขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา เปิดกระจกหมวกกันน็อค
“ทำอะไรกันน่ะ”
ยศเห็นจีรณะก็ตาเหลือกตกใจ จีรณะจะคว้าตัวแต่ยศสะบัดวิ่งหนี
“เฮ้ยหยุด มันมาทำไม อาโป”
“มันเข้ามาปล้ำ พี่จิตจ้ะนาย”
จีรณะโมโห กระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่ตาม
ยศวิ่งหัวซุกหัวซุน เห็นวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมา ยศวิ่งตัดไปวัยรุ่นเบรคเอี๊ยด
“เฮ้ย ตาบอดเหรอวะ” วัยรุ่นแว้นอารมณ์เสีย
ยศตัดสินใจ “ถ้าแกพาฉันหนีไอ้บ้านั่นได้ ฉันให้พันนึง”
“งั้นขึ้นมาเลยพี่
ยศซ้อน วัยรุ่นบิดหนีจีรณะที่ขี่มาจะถึงพอดี
วัยรุ่นพายศซิ่งหนีแบบเสียวสุด ยศตะโกนพูดโทรศัพท์มือถือ
“มันจะฆ่าผม ช่วยผมด้วย”
ยศกดโทรศัพท์ ชี้ทางให้มอเตอร์ซ์ไปทางบ้านพีรพงษ์ วัยรุ่นเลี้ยวหวาดเสียว
ยศกอดเอวแหกปากด้วยความกลัว จีรณะซิ่งตามไม่ลดละ
สมุนพีรพงษ์เปิดประตู ให้วัยรุ่นขับรถเข้ามาจอดเร็วรี่ ยศควักเงินให้ วัยรุ่นขับออก สวนกับจีรณะที่ขับเข้ามา สมุนปิดประตูตั้งใจ จะยำจีรณะ พีรพงษ์เดินมาดเข้มออกมา กุมหัวที่โดนกระแทก ยศรีบวิ่งไปหลบอยู่ข้างพงษ์
จีรณะลงจากรถ สมุนรายล้อมหน้าเข้ม
“คิดแล้วไม่ผิด คนประเภทเดียวกันเท่านั้นถึงคบหาสมาคมกันได้”
“แกบุกรุกบ้านฉัน ยังจะมาปากดี”
“ไอ้ยศมันเข้าไปลวนลามน้องฉันถึงในบ้าน ฉันต้องเอาตัวมันไปส่งตำรวจ”
“น้อยหน่อย น้องแกพาฉันไปที่บ้านเองโว้ย คนอย่างฉันไม่เคยลวนลามผู้หญิงมีแต่ผู้หญิงมาหา”
“เหรอ แกเลยต้องวางยาแฟนแก แม้แต่น้องสาว แกก็ยังไม่เว้นคงรักเพื่อนมาก เลยจะประเคนน้องสาวให้ถึงปาก”
“วางยาอะไรวะ ไม่รู้เรื่อง”
พีรพงษ์คิดถึงตอนที่ถูกกระชากจากรถ
“แสดงว่า คนที่ทำร้ายฉันเมื่อคืนคือแก ดี งั้นก็อย่าหวังจะได้ออกไปง่ายๆ”
“เล่นมันเลยคุณพงษ์ มันจะโทร.หาใครก็ช่างมัน มันบุกรุกบ้านเรา” สมุนว่า
“จัดการมัน” พีรพงษ์สั่งเสียงเข้ม
เหล่าสมุนเข้ารุมทันที จีรณะสู้สมุนถูกอัดกระเด็น พีรพงษ์ทนไม่ไหวชักปืนจ่อจีรณะเลยพลาดถูกสมุนอัดลงไปทรุด สมุน 1 สมุน 2 กดไหล่จีรณะให้ก้มลง
“แกท้าทายฉันมาก แกรู้มั้ยฉันเป็นใคร”
“ฉันรู้ ว่านายเป็นลูกคนที่มีอิทธิพลที่สุดของที่นี่ คนที่ปวารณาตัวว่าจะรับใช้คนทุ่งทองอย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่สิ่งที่ฉันเห็นมันตรงกันข้าม”
พีรพงษ์อึ้งไป “พ่อฉันไม่เกี่ยวโว้ย”
“ก่อนเข้ามาในนี้ ฉันถ่ายคลิปส่งไปให้เพื่อนฉันแล้ว ถ้าฉันเป็นอะไรไป นายแน่ใจเหรอว่าจะรอด”
สมุนสบตากันงงๆ มองหน้าพีรพงษ์ “แกออกไป แล้วจำไว้นะ ว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะปราณีแก”
จีรณะลุกขึ้น “นายก็จำไว้ด้วยแล้วกันว่า คนที่คิดชั่ว ทำชั่ว ไม่มีวันพบจุดจบที่ดี”
จากนั้นจีรณะก็ขึ้นรถขี่ออกไป
ประตูเปิดด้วยรีโมท จีรณะขับออกเจอรถตู้จอดอยู่ข้างหน้า เห็นกำพลและนารี 2 ผู้จัดการบริษัทแชร์ลูกโซ่ยางพารา หิ้วกระเป๋าเอกสารลงจากรถพอดี
จีรณะหันมามองสองคนช้าๆ ก่อนขับรถผ่านไป
ขณะเดียวกันในห้องนอนมนัส เสียงนาฬิกาปลุกดัง มนัส และนิตยากอดกันเห็นแค่เนินอกโผล่จากขอบผ้าห่มสะดุ้งตื่น
นิตยาเอาผ้าห่มคลุมร่างเลิ่กลั่กคว้าเสื้อผ้าที่หล่นหลุดลุ่ย ตามพื้นห้องเผ่นเข้าห้องน้ำ มนัสลุกลี้ลุกลนใส่เสื้อผ้าวุ่นวาย
มนัสขับรถมาจอดท่าทางรู้สึกผิด
“คุณนิตครับ วันนี้ผมจะเข้าไปกราบขอขมาท่านผู้ว่ากับคุณนายดีมั้ยครับ”
“อย่านะพี่มนัส ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ทำทุกอย่างตามปกติ”
“แต่สิ่งที่ผมทำเมื่อคืนมันผิดมาก”
“ผิดอะไร คนรักกันเค้าก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น ไม่ต้องคิดมากนะ ทำตามที่นิตบอก แล้วทุกอย่างจะดีเอง”
นิตยาจูบแก้มมนัส แล้วลงจากรถ
“มาเร็ว ช่วยนิตหน่อย”
มนัสลงจากรถก้มหลังที่รั้ว ให้นิตยาเหยียบปีนขึ้นไป
นิตยากระโดดลงจากรั้ว วิ่งไปด้านที่เป็นห้องนอน แล้วปีนขึ้นหน้าต่างไปอย่างแคล่วคล่อง
คุณนายนลินีตบประตูเรียกปังๆๆ
“ยัยนิตๆ ได้ยินมั้ย สายแล้ว ตื่นรึยัง”
คุณนายแนบหูกับประตู “นง นง” สาวใช้วิ่งมา “ไปหยิบกระเป๋าเล็ก ที่ฉันวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวมาหน่อยฉันจะเอากุญแจมาไขห้อง”
ด้านในห้องนิตยา กำลังปีนเข้ามาอย่างทุลักทเล ลูกบิดที่ประตู มีเสียงไขกุญแจ นิตยากระชากผ้าคลุมเตียงออกให้เห็นว่าใช้เตียง แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ
ประตูเปิดคุณนายนลินีเข้ามามองเห็นผ้าคลุมเตียงหล่นที่พื้น
“ยัยนิตๆ”
นิตยาเปิดห้องน้ำ ใส่หมวกคลุมผม โผล่ออกมาแค่คอ
“อะไรคะแม่”
“อ้าว อาบน้ำหรอกเหรอ เห็นเงียบ นึกว่าหนีออกไปเที่ยว”
“แหม คุณแม่ก็ ระแวงไปได้ มีอะไรเหรอคะ”
“แต่งตัวให้สวยๆ ปิดคอ ปิดแขน วันนี้ฉันจะพาแกไปกินข้าวกับนายกสมาคมโรตารี่”
นิตยาดักคอ “แสดงว่าคนนี้รวย แล้วก็มีลูกชายยังโสด”
“รู้ก็ดีจะได้ไม่ต้องพูดกันมาก”
“หวังว่าคงไม่โหลยโท่ยเหมือนอีตาพี่ยศนะคะ”
“ยังไงก็ดีกว่าที่แกหาก็แล้วกัน”
นลินีเดินออกไป นิตยาเบ้หน้า หยิบหมวกออกขว้างทิ้งไปเซ็งปนหน่าย
ส่วนแม่เลี้ยงอมรา พิมพร บ็อบบี้ นั่งกินข้าวกัน พวงตักโน่นเสิร์ฟนี่ แม่เลี้ยงตักกับข้าวให้บ็อบบี้
“กินข้าวเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ นี่ถ้วยผักด้วย จะได้ขับถ่ายดี”
พิมพรแอบค้อนแม่ บ็อบบี้กินข้าวตุ้ยๆ
“คุณยายก็ต้องกินข้าวกินผักจะได้กินยาหลังอาหาร ร่างกายจะได้แข็งแรง บ็อบบี้จะได้พาคุณยายไปเที่ยวบ้านที่อเมริกา”
“อย่าเพ้อเจ้อ เอาไว้บ็อบบี้โตก่อนเรียนจบก่อน ค่อยกลับไปที่โน่น”
“บ็อบบี้คิดถึงแด๊ดดี้ คิดถึงเพื่อนที่โรงเรียนนี่ครับ ไม่ได้ไปโรงเรียนตั้งหลายวันแล้ว”
บ็อบบี้จับแขนแม่เลี้ยง ออดอ้อน
แม่เลี้ยงลูบหัว “โถ อยากไปโรงเรียนก็ไม่บอก ไม่ต้องห่วงยายจะหาโรงเรียนดีๆ ให้เมืองไทยโรงเรียนอินเตอร์เนชั่นแนลเยอะแยะไป บ็อบบี้จะได้เล่นกับเพื่อนๆไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง แขก เยอะแยะไป
หมดเลยลูก”
อมราดื่มน้ำ ซับปากลุกจากเก้าอี้ โสภิต เดินเข้ามาหน้าขรึม
“ภิตมาก็ดีแล้ว แม่ฝากดูบ้านซักสองสามวันนะ จะไปโอนที่ที่เพชรบูรณ์ซักหน่อย”
“ภิตมีเรื่องจะคุยกับแม่ค่ะ”
แม่ลูกสบตากัน แม่เลี้ยงนึกสงสัย
แม่เลี้ยงอมราจัดเอกสารใส่กระเป๋า เหลือบมองโสภิตที่ยืนตรงข้ามโต๊ะ
“มีอะไรก็พูดมา”
“แม่ไปรื้อบ้านยึดข้าวของ ทำสัญญาเงินกู้ใหม่กับลุงคำปันเหรอคะ”
“อ๋อ...ก็ใช่น่ะสิ อย่าว่าแต่ไอ้คำปันเลยถ้าแกเอาเงินฉันไปเที่ยวไล่แจกลูกหนี้คนไหนอีก มันก็จะโดนเหมือนกันทุกคน”
“ภิตแค่จ่ายดอกแทนเพื่อให้เค้าได้มีเวลาทำกิน ให้เค้าได้ยืดเวลาหายใจหายคอบ้าง ถ้าเราไปบีบเค้าจนหลังชนฝาเราอาจจะไม่ได้อะไรคืนด้วยซ้ำ”
แม่เลี้ยงกระแทกกระเป๋าลงบนโต๊ะโครม หน้าเครียด ชี้หน้าโสภิต
“แกไม่ต้องมาสอนชั้น สิ่งที่แกทำมันอัฐยายซื้อขนมยายชัดๆ คนที่ไม่ได้อะไรเลยคือชั้น ตอนชั้นลำบากเพราะพ่อแกทำธุรกิจเจ๊ง เมียน้อยเอาคุ้มเอาบ้านไปจำนองจนถูกธนาคารยึด มีใครเห็นใจมาช่วยชั้นบ้าง ชั้นใช้สมองกับสองมือนี่เลี้ยงดูพวกแกไม่ให้อดตายมาได้มันลำบากแค่ไหนรู้มั้ยเงินทุกบาททุกสตางค์ของชั้นมันมีค่า อย่ามาทำใจบุญศุนทานกับใครอีก ไม่อย่างนั้นพวกมันมีชะตากรรมไม่ต่างจากไอ้คำปันแน่”
โสภิตอึ้ง หลบตาดุของแม่
ส่วนจีรณะโกรธนั่งมองจิตรา “พี่ไม่เข้าใจจิตจริงๆ แสดงว่าทุกวันนี้จิตก็ยังคบกับนายยศอยู่โดยปกปิดไม่ให้พี่รู้ จิตทำอย่างนี้ทำไม”
“ไม่ใช่อย่างที่พี่จีคิดนะ คุณนิตยาเป็นคนโทร.มาหาจิต บอกว่าพี่ยศเมามากกลัวจะมีเรื่อง พอจิตไปถึงร้านก็มีเรื่องมีราวชกต่อยกันจริงๆ”
“มันจะมอมยาคุณนิต แต่เวรกรรมทำให้มันกับโสภิตโดนยาซะเอง มันเลวขนาดนี้ จิตยังมีแก่ใจพามันเข้าบ้านเรา”
จิตราสลดใจ “จิตแค่สงสารที่เค้าบาดเจ็บก็เลยพามารักษา ไม่ได้มีเจตนาจะปกปิดอะไรพี่จีหรอก ไม่อย่างนั้นจะพามาบ้านเราให้พี่จีรู้เห็นทำไมล่ะคะ”
จีรณะอึ้งไป ลุกจากเก้าอี้ไปบีบไหล่จิตรา “ที่พี่พูดก็เพราะเป็นห่วงจิต เท่าที่พี่รู้นายยศกับพรรคพวกไม่มีใครดีเลยซักคน ไอ้พงษ์ที่มาขู่จะยึดบ้านเราก็เป็นเพื่อนกับนายยศ จิตอย่าประมาทกับมันก็แล้วกัน”
จีรณะออกไปเลย จิตรามองตามพี่ชายหน้าเครียด
อีกฟากหนึ่ง สมุน 3 คน ชีพ กาบ และ เส่ง ช่วยกันยกรถเข็นบัวหอมขึ้นท้ายรถกระบะ บัวหอมไล่ทุบตีสมุนพัลวัน
“เฮ้ย ยะจะอี้แล้วเฮาจะเอาอะหยังทำมาหากิน ผัวเฮาเป็นตำรวจนะโว้ย”
ชีพผลักบัวหอม “ผัวแกถ้าไม่ส่งดอกวันนี้ก็โดนยึดปืนเหมือนกัน”
ด้านสายพิณพยายามจะปิดหน้าร้านหนี กาบ เส่ง สมุน กรูเข้าร้านยกเอาสินค้า เสื้อผ้าบนราวแขวนขึ้นรถชุลมุนวุ่นวาย
สายพิณด่า “พวกแกจะเอาข้าวของชั้นไปไหน”
“ถ้าไม่จ่ายหนี้แม่เลี้ยง อีกสองวันจะเอาไปขายตลาดนัด” กาบเสียงดังใส่
หนานเทืองยืนดูอยู่ที่หน้าร้าน ส่ายหน้าระอาใจ
“เฮ้อ จะใดต้องยะกันรุนแรงจะอี้ เป็นเพื่อนมนุษย์โตยกันเมตตากรุณาต่อกันเถอะ”
เส่งชี้หน้าหนานเทือง “ขืนพูดอะไรออกมาอีก พวกกูจะรื้อร้านมึง”
หนานเทืองปิดปากตัวเอง ตาปริบๆ ชีพนำสมุนขึ้นรถขับออกไป
บัวหอมและสายพิณรีบเข้ามาหาหนานเทือง
“ยะจะใดดีหนานเทือง พวกเฮาบ่เหลืออะหยังแล้วนะ”
“มีคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเฮาได้ คุณจี” บัวหอมบอก
หนานเทืองท้วง “คุณจีเค้าเหนื่อยเพื่อหมู่เฮามาจ้าดนักแล้ว ปัญหาของคุณจีกับแม่เลี้ยงก็บ่ใช่น้อยๆ”
บัวหอมและสายพิณ จ้องหนานเทือง แล้วเข้าไปขนาบบีบนวดแขน
“หนานก็เหมือนญาติผู้ใหญ่ที่เฮาเคารพนับถือ” สายพิณว่า
บัวหอมเสริม “แถมน้ำใจกว้างอย่างกะมหาสมุทร”
แล้วสายพิณกะบัวหอมประสานเสียง “ขอยืมซักสองพันก่อนเน้อ”
หนานเทืองอึ้ง
ที่ออฟฟิศเอ็นจีโอ ภีมะกดคีย์เครื่องคอมพิวเตอร์ให้จีรณะดูข้อมูล
“วิธีการของเจ๊พรเหมือนกับวิธีการของแม่เลี้ยง ทำสัญญาเงินกู้สองฉบับ ฉบับที่ถูกกฎหมายเงินต้นสูงเกินจริง เจ๊พรเป็นนอมีนีเป็นตัวแทนของแม่เลี้ยงชัดๆ”
ภีมะอธิบายต่อ “ผู้เสียหายจากแชร์ลูกโซ่ล้วนแต่เป็นลูกหนี้เก่าหน้าเดิมๆ ของแม่เลี้ยงทั้งนั้น นี่จีดูนี่ พี่ได้ภาพมาจากโทรศัพท์ของชาวบ้าน”
จีณะไล่สายตาไปยังภาพชายหญิง ผู้จัดการ บริษัทแชร์ลูกโซ่ยางพาราบนจอมีโลโกตราบริษัท
จีรณะขมวดคิ้ว ภาพตอนที่เขาขี่รถสวนกับชายหญิง ผู้จัดการแชร์ลูกโซ่ที่หน้าบ้านพีรพงษ์ผุดขึ้นมา
“ผมเพิ่งเจอพวกนี้ที่บ้านไอ้พงษ์ ลูกนักการเมือง ไอ้ยศลูกแม่เลี้ยงก็อยู่ด้วย พวกมันต้องร่วมมือกันแน่ๆ ผมมั่นใจพี่”
“มั่นใจยังไง ถ้าไม่มีหลักฐานก็เล่นงานพวกมันยาก”
จีรณะครุ่นคิดหนัก
ขณะที่พิมพรนอนอ่านนิตยาสารอยู่ในห้องโถง พวงเช็ดถูตู้โชว์ เสียงโทรศัพท์บ้าน พวงเข้าไปรับสาย
“คุณพิมเหรอคะ สักครู่ค่ะ”
พวงเอาโทรศัพท์มาให้ พิมพรรับงงๆ “ฮัลโหล...”
พิมพรดีใจออกนอกหน้า “คุณ...เดี๋ยวนะคะ...”
พิมพรรีบลุกถือโทรศัพท์ออกไป พวงมองตามงงๆ
ต่อมาไม่นานพิมพรเดินหน้าระรื่นเข้ามาในร้านกาแฟ จีรณะรออยู่รีบลุกเลื่อนเก้าอี้ให้ พิมพรนั่งบริกรเข้ามา หล่อนสั่งกาแฟรสที่ชอบ บริกรออกไป
“ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณจีนัดพิมมาคุยด้วย”
“ก็เราเป็นเพื่อนกันไงครับ บางทีมิตรภาพของเรา อาจจะทำให้แม่เลี้ยงอมราเข้าใจผม แล้วก็เห็นใจพวกชาวบ้านที่เป็นลูกหนี้ด้วย”
“คงจะยากค่ะ ขนาดชั้นเป็นลูกสาวแท้ๆ แม่ยังไม่ยอมเข้าใจอะไรชั้นเลย แต่ก็ยังดีที่แม่เอ็นดูบ็อบบี้อยู่บ้าง”
“บ็อบบี้เป็นเด็กน่ารักนี่ครับ ผมยังคิดถึงแกอยู่เลย เห็นแล้วคิดถึงลูกศิษย์บนดอย แกสบายดีนะครับ”
พิมยิ้มดีใจที่จีรณะเอ็นดูลูกชาย
“ค่ะสบายดี ตอนนี้พวกเรากำลังหาโรงเรียนให้อยู่ อยู่แต่ในบ้านกลัวแกจะเหงาไม่มีเพื่อน จริงสิคุณจีเป็นครูอาสาโรงเรียนตชด.นี่คะ คงต้องขอคำปรึกษาคุณจีแล้วล่ะ”
เข้าทางจีรณะพอดี เขายิ้มให้ “ยินดีครับ”
สองคนสบตายิ้มให้กัน
พิมพรนั้นดีใจที่จะได้จีรณะที่รักและเอ็นดูลูกชายมาเป็นครูให้ ส่วนจีรณะตั้งใจจะเข้าถ้ำเสือ เพื่อหาหลักฐานจัดการแก๊งแชร์ลูกโซ่ยางพารา
อ่านต่อตอนที่ 6