xs
xsm
sm
md
lg

จ้าวพายุ ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จ้าวพายุ ตอนที่ 12

เช้าวันต่อมา ศิวานอนแบบอยู่บนเตียง อาการยังไม่ดีขึ้น ธวัชชัยอยู่ด้วย สุธาวีเดินร่าเริงเข้ามาในห้องท่าทางอารมณ์ดียกมือไหว้ตา เพราะวันนี้เขาจะพาปิ่นมณีมาแนะนำ

“สวัสดีครับคุณตา คุณตาเป็นยังไงบ้างครับ”
ศิวานิ่ง ปั้นปึ่งใส่สุธาวี เพราะโกรธเรื่องที่สุธาวีจะปล้ำฟ้าใส
สุธาวีเห็นศิวาเมินใส่ก็งงๆ แต่พยายามพูดกับศิวา
“วันนี้ผมพาแฟนผมมาแนะนำให้คุณตารู้จักด้วยนะครับ เค้ารออยู่ข้างนอก”
“ออกไป!”
ศิวาไล่ สุธาวีงงว่าตาเป็นอะไร แต่ธวัชชัยรู้ว่าศิวาโกรธสุธาวี เพราะเรื่องฟ้าใส แต่สุธาวียังไม่รู้ตัว
ธวัชชัยรีบให้สุธาวีออกไปก่อน
“ฉันบอกให้ออกไป!”
“ผมว่าคุณวีออกไปก่อนดีกว่าครับ คุณศิวาท่านคงต้องการพักผ่อน”
สุธาวีหันไปมองศิวาที่เมินเฉยทำเหมือนตนไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ แล้วเดินปึงปังออกไป ธวัชชัยตามไป

ครู่ต่อมาสุธาวีกับธวัชชัยกำลังคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล สุธาวีโมโหมาก
“คุณตาเค้าเป็นอะไรของเค้า ผมอุตส่าห์มาเยี่ยม!”
“คุณศิวา เค้ารู้เรื่องที่คุณวีกับคุณฟ้าหมดแล้วครับ และคุณศิวาท่านก็โกรธมาก”
สุธาวีอึ้ง และเข้าใจแล้วว่าทำไมศิวาถึงแสดงท่าทางโกรธขึ้งและเมินเฉยใส่เขา
“ผมไม่ได้ตั้งใจ...”
“ยังไงคุณก็กลับไปก่อนเถอะนะครับ”
สุธาวีฟังที่ธวัชชัยพูดก็เห็นจริง เขาเถียงไม่ออก
“ไม่ ผมจะไปคุยกับคุณตาให้รู้เรื่อง เรื่องผมกับยัยฟ้า ผมผิดจริง แต่ต่อไปมันจะไม่เกิดปัญหานั้นอีกแล้ว แล้วก็จะพาแฟนมากราบคุณตาด้วย”
ธวัชชัยไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าตอนนี้ศิวากำลังโกรธ การเข้าไปหาศิวาของสุธาวี จะทำให้ศิวายิ่งอาการทรุด
“ผมกลัวว่าคุณศิวาจะยิ่งอาการหนักถ้าคุณสุธาวีเข้าไปพบท่านอีก”
ปิ่นมณีเดินเข้ามา ธวัชชัยเห็นหล่อนก็แปลกใจ ปิ่นมณีเดินไปหาสุธาวีที่มีท่าทางเครียดถามอย่างเป็นห่วง
“มีอะไรเหรอคะคุณวี”
ธวัชชัยเห็นท่าทีของปิ่นมณีกับสุธาวีก็อึ้ง หรือแฟนของวีคือปิ่นมณี ปิ่นมณีมองอาการธวัชชัยออก แต่ยังเยือกเย็น

สุธาวีเดินนำปิ่นมณีเข้ามา ธวัชชัยตามเข้ามาทำหน้าไม่ถูก ศิวาหันมามอง ยังไม่เห็นปิ่นมณี
“นี่แฟนผมครับคุณตา”
สุธาวีหลบให้ปิ่นมณีเดินไปหาศิวา เผยให้เห็นหน้าปิ่นมณี ศิวาอึ้ง จำได้ว่าปิ่นมณีเป็นแฟนศุวิล ปิ่นมณีไหว้ชดช้อย
“หนูปิ่น”
สุธาวีงง ที่ตารู้จักกับปิ่นมณี อรทัยเดินไม่พอใจตามเข้ามาหน้าห้อง วิทย์เดินตาม
“นี่คุณตารู้จักปิ่นด้วยเหรอครับ”
อรทัยชะงักมองผ่านกระจกหน้าห้อง
“เค้าเป็น...”
ศิวาพูดต่อไม่ออก ปิ่นมณีเคยเป็นแฟนศุวิลลูกชายเขา ขณะที่ปิ่นมณีที่เห็นท่าทีศิวากลับไม่รู้สึกร้อนใจ หล่อนเตรียมใจเพื่อเจอเรื่องนี้แล้ว
“ปิ่นเลิกกับลมเค้านานแล้วค่ะคุณตา...เราทั้งคู่ยอมรับกันค่ะ ว่าเรามีความคิดไม่เหมือนกัน...เลยไปกันไม่ได้...”
ทันใดนั้นเอง อรทัยก็เปิดประตูผลัวะเข้ามา
“อะไรนะ!นี่แกเคยเป็นแฟนไอ้ลมเหรอ?”
“ตอนนี้ปิ่นเค้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับไอ้ลมแล้ว” สุธาวีบอก
“หยุดพูดเลยนะตาวี ของที่ไอ้ลมมันถ่มทิ้งแล้วก็ยังไปเก็บมากิน ไม่กระดากใจบ้างรึไง”
ปิ่นมณีบอกท่าทีจริงจัง “เข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ดิฉันเป็นคนขอเลิกกับลมเอง เพราะดิฉันรักคุณวี”
“ทำไม...แกจะจับผู้ชายทุกคนที่นามสกุลเจนจรัสตระกูลใช่ไหม? เหลือพ่อชั้นอีกคน แกจะเอาด้วยไหมล่ะ!”
“ยัยอร!” ศิวาโกรธจัด
“อรไม่มีวันยอมหรอกค่ะคุณพ่อ ผู้หญิงคนนี้กลับมาหาตาวีก็เพราะเงิน!”
“ผิดแล้วครับคุณแม่! เราสองคนรักกัน”
ศิวาหนักใจพูดอะไรไม่ออก อรทัยจ้องปิ่นมณีแค้น สุธาวีมองทั้งตาและแม่
“ผมจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ว่าปิ่นเค้าจริงใจกับผมแค่ไหน เราสองคนจะแต่งงานกัน”
สุธาวีกุมมือปิ่นมณีอย่างมุ่งมั่น อรทัยเห็นทีท่าสุธาวีแล้วยิ่งโมโห กรี๊ดอาละวาด
“แอร๊ย...ชั้นไม่ยอม ชั้นไม่ยอม!”
ศิวามองภาพเหตุการณ์วุ่นวายก็รู้สึกปวดหัว จนช็อก! ธวัชชัยหันไปเห็นก็ตกใจ
“คุณท่าน”
อรทัย สุธาวี และปิ่นมณีตกใจ

ต่อมาไม่นานนัก แลเห็นศิวานอนอยู่ในห้องไอซียู มีเครื่องช่วยหายใจระโยงระยาง ท่าทางอาการหนัก
ส่วนด้านนอก อรทัย ธวัชชัย สุธาวีมองศิวาเป็นห่วง ปิ่นมณีรู้สึกตกใจที่ศิวาอาการกำเริบ
ธวัชชัยหันมามองอรทัยและสุธาวีด้วยแววตาตำหนิ
“ผมว่าพวกคุณกลับไปก่อนดีกว่านะครับ ถ้าท่านฟื้นแล้วผมจะส่งข่าว”
สุธาวีเสียใจที่มีส่วนทำให้ตาทรุด “ยังไงรีบติดต่อผมด้วยนะครับ”
สุธาวีจูงมือปิ่นมณีออกไป อรทัยมองตามตาขวางไม่พอใจมาก

ขณะเดียวกันเดชมองเช็คอรทัยที่มุมหนึ่งในบ้าน ครุ่นคิดหนัก เขาทรยศแก้วและบรรเจิดไม่ได้จริงๆ
“ขอแค่แกบอกมาเมียน้อยของคุณบรรเจิดคือใคร ที่เหลือคุณอรจะจัดการเอง”
เดชตัดใจฉีกเช็คทิ้ง แล้วเดินไปในห้องรับแขก เจอบรรเจิดกับแก้วตายืนคุยกันอยู่ ท่าทางตึงเครียด
“ทำไมแก้วต้องออกไปหางานทำด้วย แก้วก็ทำงานบัญชีที่โรงแรมเราไปสิ อีกสองเดือนโรงแรมก็เปิดแล้ว แก้วจะออกไปร่อนเร่ทำไม ในเมื่อเราทำงานที่เดียวกัน กลับด้วยกัน ก็ได้เจอหน้ากันทุกวัน”
แก้วตาได้ยินก็ชะงัก แค่คิดว่าต้องเจอหน้าบรรเจิดทั้งวันทั้งคืนก็แทบบ้า หล่อนไม่ยอมแน่ๆ
“แต่แก้วไม่อยากทำงานบัญชีแล้วนี่คะ แก้วอยากลองงานสายอื่นดูบ้าง”
“ที่โรงแรมเราก็มีงานหลายสายให้แก้วลองทำ แก้วอยากทำอะไรล่ะ ก็บอกมาสิ”
แก้วตาเงียบไม่ตอบ บรรเจิดเข้ามาจับตัวแก้วตา จ้องหน้า
“หรือว่าจริงๆ แล้ว แก้วอยากไปทำงานที่อื่น เพราะอยากเจอคนอื่นที่ไม่ใช่ชั้น”
แก้วตาฟังแล้วหงุดหงิดสะบัดตัวจากบรรเจิด จะเดินออกไปหน้าบ้าน
บรรเจิดดึงไว้ “แก้วจะไปไหน”
แก้วตาโมโห “จะออกไปเดินเล่นค่ะ ไปได้ไหมคะ หรือต้องขออนุญาตคุณบรรเจิดก่อนด้วย”
บรรเจิดอึ้ง โดนแก้วตาย้อนแล้วเดินหนีไปเลย เดชอยู่ในเหตุการณ์ และไม่พอใจแก้วตามาก

ขณะที่แก้วตายืนหงุดหงิดอารมณ์ขุ่นมัวอยู่ที่หน้าบ้าน เดชเดินออกมาหา ท่าทางเขาโกรธๆ
“คิดจะทำอะไรอีกล่ะแก้ว”
แก้วตาหันมาเจอเดชมองมาด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง
“พี่เดช”
“นี่แก้วคิดจะไปสมัครงานบริษัทไอ้หมอนั่นใช่มั้ย....ทำไมทำแบบนี้กับคุณบรรเจิด แก้วไม่เห็นเหรอว่าคุณบรรเจิดเค้ารักแก้วขนาดไหน!”
แก้วตาหงุดหงิด ที่มีแต่คนมาขัดขวางตนเอง ไม่ให้ไปหาศุวิล
“ก็ถ้าแก้วจะไปสมัครแล้วพี่เดชจะทำไมแก้วคะ”
เดชอึ้ง
“พี่เดช... อย่าลืมสิคะ ว่าระหว่างเรามีความลับอะไรกันอยู่ แก้วเองก็ไม่อยากพูดหรอกนะคะ เพราะถ้าพูดไป คุณบรรเจิดอาจจะเสียใจมาก แก้วเองก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น”
เดชชะงัก แก้วตาถือไพ่เหนือกว่า

บรรเจิดยืนแอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่ง แววตาสงสัยว่าสองคนนั้นทะเลาะกันเรื่องอะไร

ฟ้าใสกับศุวิล ช่วยกันหาที่พัก จนมาได้คอนโดให้เช่าแห่งหนึ่ง ฟ้าใสและศุวิลช่วยกันจัดข้าวของอยู่ในห้องรับแขก ฟ้าใสรู้สึกหวั่นๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ชีวิตตามลำพัง หล่อนให้กำลังใจตัวเอง ว่าทำถูกแล้ว

ศุวิลมองฟ้าใส รับรู้ได้ถึงความกลัวนั้น เขาเอื้อมมือไปแตะไหล่ปลอบให้แรงใจ
ฟ้าใสหันมองศุวิล เห็นสายตาของเขามีความห่วงใยอยู่เต็ม ก็รู้สึกอบอุ่นใจ ความรู้สึกในใจระหว่างเขาและเธอกำลังเติบโตขึ้น มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจังหวะนี้
“สงสัยแม่บ้าน เดี๋ยวชั้นไปเปิดเอง”
ฟ้าใสเปิดประตู เห็นอรทัยยืนจังก้าอยู่ที่หน้าห้องกับวิทย์ ก็ชะงัก
“อาอร...”
อรทัยเห็นศุวิลอยู่ในห้องด้วยก็ประหลาดใจ
“ไอ้ลม”
ศุวิลเห็นอรทัยก็อึ้ง ชักสีหน้าไม่พอใจ
“แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...แกให้ปิ่นมณีไปยุ่งกับตาวี แล้วแกก็มาอยู่กับยัยฟ้า...แกมีแผนอะไร?”
ฟ้าใสอึดอัดไม่อยากให้มีเรื่องกัน
“เค้าแค่มาช่วยฟ้าขนของเฉยๆ ค่ะอาอร...อาไม่ต้องเป็นห่วงฟ้านะคะ”
“ฟ้า เกิดเรื่องใหญ่แล้วนะ คุณตาเข้าไอซียู”
สองคนตกใจ ศุวิลอุทาน
“อะไรนะ? คุณศิวาเข้าไอซียู”
อรทัยเหลียวขวับมามองศุวิลตาขวาง “ไม่ใช่เรื่องของแก” แล้วหันมาหาฟ้าใส “ฟ้า ฟ้าต้องไปเยี่ยมคุณตานะ คุณตาจะได้มีกำลังใจ”
ฟ้าใสกลุ้มใจเป็นห่วงศิวา ศุวิลก็เป็นห่วงเช่นกัน

ฟากเดชถือโทรศัพท์รอสายอยู่ ท่าทางร้อนใจ เดชวางสาย เมื่อกี้เขาโทร.หาบรรเจิด
“ทำไมคุณบรรเจิดไม่รับสาย”
เดชเป็นห่วง กลัวเกิดเรื่องไม่ดีกับบรรเจิด ออกรถโดยแรงทะยานออกไปไปทันที

บรรเจิดนั่งนิ่งใช้ความคิดอยู่ในห้องทำงานที่โรงแรม มองมือถือที่ดังอยู่ แต่ไม่ยอมกดรับ สักครู่หนึ่งเดชเปิดประตูพรวดเข้ามาอย่างร้อนใจ พอเห็นบรรเจิดปลอดภัยก็โล่งอก แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมบรรเจิดไม่รับสาย ทั้งๆ ที่โทรศัพท์วางอยู่ตรงหน้า เขารับรู้ถึงความไม่ปกติ
“ท่านไม่รับสาย...ผมคิดว่ามีเกิดเรื่องกับท่าน”
บรรเจิดมองหน้า จ้องตาเดช เห็นถึงความซื่อสัตย์
“ชั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เลยไม่ได้รับ...เดช มีของชิ้นนึงที่ชั้นเคยให้แก...มันยังอยู่ไหม”
เดชชะงัก พยักหน้าแล้วค่อยๆ ล้วงหยิบปืนที่พกไว้ใต้เสื้อออกมาวางตรงหน้านาย บรรเจิดมองสักครู่แล้วหยิบปืนไปมอง ภูมิใจ หันมายิ้มอ่อนโยนให้เดช
“มันกับแกเหมือนกันตรงไหนรู้ไหมเดช?... ตรงที่มันทำลายทุกอย่างได้เพื่อปกป้องเจ้านายมัน” เดชอึ้ง ชะงักงัน “แกก็เหมือนกัน...ถึงแกจะไม่เคยใช้มัน แต่แกก็ดูแลชั้นอย่างซื่อสัตย์มาตลอด”
เดชอึ้ง นึกละอาจใจหนัก ที่เขาทรยศนาย บรรเจิดส่งปืนคืนให้ เดชค่อยๆ รับไว้
“ถ้าชั้นไม่ได้ยินกับหู ชั้นคงไม่มีวันเชื่อว่า...แกจะมีความลับกับชั้น...”
เดชชะงัก “ท่าน...”
“ชั้นได้ยินแกคุยกับแก้วเมื่อเช้า แกกับแก้วมีความลับอะไร”
เดชมองหน้าบรรเจิด เขาไม่อยากทำให้บรรเจิดผิดหวังในตัวเขา แต่เลือกโกหกนายที่เขารักก็ไม่ใช่ทางออก
“ความลับอะไร ที่ถ้าชั้นรู้ แล้วชั้นจะเสียใจ”
เดชเอาแต่นิ่ง
บรรเจิดดุ คาดคั้น “เดช!”
เดชทนไม่ไหว เขาไม่รู้จะจัดการอย่างไร ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น บรรเจิดชะงัก เดชค่อยๆ ก้มลงกราบที่เท้าบรรเจิดอย่างเทิดทูน และรู้สึกผิดท่วมท้น น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน
“ท่านอย่าถามผมเลยนะครับ”
บรรเจิดมองหน้าเดชที่น้ำตาไหล ตระหนักในบัดดลว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
“แกไม่เคยมีความลับกับชั้น....มันคงเป็นเรื่องใหญ่มากใช่ไหมเดช!”
เดชพูดไม่ออก บรรเจิดมองเดชอย่างจับสังเกต สงสัยว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ และเขาจะต้องหาทางรู้ให้ได้

เช้าวันนี้สุธาวีทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าอยู่ในครัวของคอนโด มีปิ่นมณีมองๆ คอยช่วยหยิบจับนู่น นี่ อยู่ข้างๆ
มีเสียงเตือนข้อความเข้าในโทรศัพท์ปิ่นมณีดัง ปิ่นมณีชะงัก รีบเดินไปกดดู เห็นว่าป็นข้อความจากแม่ “เรื่องเงินว่ายังไงนังปิ่น พรุ่งนี้เค้าจะมาเอาแล้วนะ”
ปิ่นมณีกลุ้มหนัก สุธาวียกจานสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าตามมา
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น มีอะไรหรือเปล่า” ปิ่นมณีฝืนยิ้มชื่นให้ พลางส่ายหน้า “มา คุณมาลองชิมหน่อย”
สุธาวีตักให้ปิ่นมณีชิม
“เป็นไง? อร่อยไหม”
ปิ่นมณีฝืนยิ้มให้ พยักหน้ารับว่าอร่อย หากตอนนี้ไม่มีเรื่องเงินที่แม่ตามจิกให้หาให้ เธอคงมีความสุขมากที่สุดในสามโลก
มือถือปิ่นมณีดังอีก คราวนี้ปิ่นมณีชะงัก คิดว่าแม่โทร.มาจิด แต่ที่หน้าจอ เป็นนวลที่โทร.มา ปิ่นมณีเดินเลี่ยงมากดรับ
“ค่ะพี่นวล” นิ่งฟัง “ได้ค่ะพี่”
ปิ่นมณีกดวางแล้วหันมาหาสุธาวี
“คุณวีคะ พอดีพี่ที่เค้าจะฝากงานให้ปิ่น เค้าให้ปิ่นไปเจอน่ะค่ะ”
สุธาวียิ้ม “ก็ดีสิ...ขอให้คุณได้งานนะ”
ปิ่นมณียิ้ม ในใจนึกหวั่น หากสุธาวีรู้เรื่องงานไซด์ไลน์ของหล่อนคงแย่แน่ๆ สุธาวีจุ๊บแก้มยิ้มอวยพรให้

ปิ่นมณีพาตัวเองมาที่ร้านอาหารตามนัด แต่สีหน้าบึ้งตึงไม่ค่อยพอใจที่ราคางานตกฮวบ นวลนั่งยิ้มเยื้อนเป็นต่ออยู่ด้วย
“แค่สามหมื่นเองเหรอพี่”
“ปิ่น..พี่บอกแล้วไง ลูกค้าดีๆ รวยๆน่ะหายาก จะหาคืนละแสนแบบเดิมน่ะ ไม่ง่ายหรอกนะ” ปิ่นมณีถอนใจ “เอางี้ ถ้าสามหมื่นไม่พอ เดี๋ยวพี่จะหาลูกค้ามาหาให้อีก”
ปิ่นมณีครุ่นคิดตรึกตรอง แล้วรู้สึกไม่คุ้ม ปิ่นมณีตัดสินใจบอกปัด
“ไม่ดีกว่าพี่...งานนี้ปิ่นไม่ทำแล้วกัน”
นวลฮึดฮัดขัดใจ “ปิ่น นี่เธอบอกว่าเธอร้อนเงิน พี่เลยช่วยหาลูกค้ามาให้! แล้วพี่ก็นัดเค้าไว้เรียบร้อยแล้วด้วย เราไม่รับงานแบบนี้พี่เสียหายนะ”
ปิ่นมณีก็ไม่พอใจเช่นกัน “ถ้าสามหมื่น ปิ่นไม่รับ” หล่อนคว้ากระเป๋า แล้วลุกจะเดินหนี

จังหวะนี้ อรทัยเดินมุ่งหน้ามาทางนี้พอดี วิทย์ตามมาด้วย ปิ่นมณีชะงัก
“ดูเหมือนว่าไปไหนมาไหน ชั้นจะเจอหล่อนทุกที่เลยนะปิ่นมณี”
นวลที่ท่าทางขัดใจ มองปิ่นมณี กับ อรทัย แล้วคว้ากระเป๋าลุกเดินเชิดหนีไปอีกทาง
ปิ่นมณีปรายตามองนวลที่เดินออกไป แล้วหันมายกมือไหว้อรทัย
“ดิชั้นขอตัวนะคะ”
ปิ่นมณีเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง
อรทัยผิดคาด มองตามประหลาดใจ ที่ปิ่นมณีไม่ต่อปากต่อคำ กลับรีบเลี่ยงไปเฉยๆ
“อะไรของมัน..ทำไมคราวนี้สงบเสงี่ยม...” หล่อนครุ่นคิด ติดใจสงสัย “วิทย์...ไปสืบดูซิว่าผู้หญิงที่อยู่กับมันเป็นใคร”
“ครับคุณอร”
อา...ความลับของปิ่นมณี กำลังจะไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว

ฟากเดชนั่งอยู่คนเดียว ครุ่นคิดหนักถึงคำพูดของแก้วตาและบรรเจิด เขาบอกบรรเจิดเรื่องศุวิลไม่ได้ แถมตัวเองยังพลาดไปมีอะไรกับแก้วตาและถูกหล่อนขู่อีกว่า
“พี่เดชอย่าลืมสิคะ ว่าระหว่างเรามีความลับอะไรกันอยู่ แก้วเองก็ไม่อยากพูดหรอกนะคะ เพราะถ้าพูดไป คุณบรรเจิดอาจจะเสียใจมาก แก้วเองก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น”
บรรเจิดเองก็รุกหนัก “แกไม่เคยมีความลับกับชั้น...มันคงเป็นเรื่องใหญ่มากใช่ไหมเดช”
เดชดึงความคิดตัวเองกลับมา กำมือแน่นทั้งเจ็บใจทั้งอึด เขาหยิบปืนออกมาจากซอง มองดู เขาจะปล่อยแก้วตาให้ทำกับบรรเจิดแบบนี้ไม่ได้ เดชตัดสินใจลุกเดินออกไป

ขณะเดียวกัน ในออฟฟิศบริษัทของศุวิล พิมพ์จันทร์รับเอกสารสมัครงานมาจากแก้วตา ทัดเทพยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกถูกอกถูกใจแก้วตามากๆ
แก้วตาหันไปยิ้มหวานให้ ทัดเทพดูดี๊ด๊า มีเด็กใหม่มาสมัครงาน แถมน่ารักด้วย
“เรื่องนัดสัมภาษณ์งาน ยังไงพี่จะโทร.ติดต่อน้องแก้วตาไปอีกทีนะคะ” พิมพ์จันทร์บอก
ทัดเทพค้าน “โอ๊ย...ไม่ต้องสัมภาษณ์หรอก น่ารักๆ อย่างน้องแก้วตาเนี่ย เฮ้าส์เรารับเข้าทำงานเลย”
พิมพ์จันทร์หันไปดึงหูทัดเทพ จนทัดเทพร้องโอ๊ย
“ให้มันน้อยๆ หน่อยแก”
ทัดเทพจ๋อย
แก้วตายกมือไหว้ขอบคุณพิมพ์จันทร์และทัดเทพอย่างอ่อนหวาน
“ถ้าอย่างนั้นแก้วขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณพี่พิมพ์จันทร์กับพี่ทัดเทพมากเลยนะคะ”
แก้วตาเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี เพราะถ้าหล่อนได้ทำงานที่นี่ ก็จะยิ่งได้ใกล้ชิดศุวิลได้ง่ายขึ้น

ขณะที่แก้วตาเดินออกมาจากออฟฟิศศุวิลอย่างอารมณ์ดีนั้น รถเดชก็แล่นเข้ามาจอดเทียบตรงหน้าพอดิบพอดี
แก้วตาตกใจที่เดชแอบตามมา
“พี่เดช”
กระจกรถลดลง เห็นเดชโผล่หน้ามา ดูท่าทางไม่พอใจมาก
“ขึ้นรถมาแก้ว”
แก้วตาอึ้งๆ แต่ยอมขึ้นรถไปแต่โดยดี
สองคนไม่รู้ว่า ที่มุมหนึ่งของถนนหน้าออฟฟิศศุวิล มีรถคันหนึ่งจอดดูอยู่ไกลๆ ในรถนั้นเห็นว่าเป็นบรรเจิดที่นั่งอยู่ เขาขับรถตามเดชมา
บรรเจิดเห็นแก้วตาขึ้นรถ เดชขับออกไป บรรเจิดออกรถตามทันที

รถของเดชแล่นเข้ามาจอดที่ริมถนนสายหนึ่ง เดชลงจากรถ แก้วตาลงตาม หล่อนปิดประตูรถกระแทกอย่างจงใจ เพราะไม่พอใจเดช
“นี่พี่เดชแอบตามแก้วเหรอคะ”
“ใช่.....พี่เคยบอกแก้วแล้วใช่มั้ย...ว่าให้เลิกยุ่งกับไอ้หมอนั่น”
“นี่มันชีวิตของแก้ว สิทธิ์ของแก้ว แก้วจะทำอะไร พี่เดชไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งนะคะ”
เดชมองแก้วตาแล้วโมโห เขาหยิบปืนพกออกมา กระแทกลงบนฝากระโปรงรถดังปัง
“งั้นถ้าพี่จะยิงคนที่มันมายุ่งกับผู้หญิงของนายพี่...มันก็สิทธิ์ของพี่เหมือนกัน”
แก้วตามองไปที่ปืน แล้วหันมายิ้มเยาะใส่เดช เธอไม่กลัวไม่สะทกสะท้านสักนิด
“งั้นพี่ก็ยิงตัวเองด้วยสิคะ...” แก้วตาเดินเข้าไปใกล้กระซิบที่หูเดช “เพราะพี่ก็ยุ่งกับผู้หญิงของนายพี่เหมือนกัน”
แก้วตาถอยออกมาเหยียดยิ้มมองเดช คิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า หล่อนไม่กลัว และไม่เชื่อด้วยว่าเดชจะกล้ายิงศุวิล
“อย่าขู่แก้วแบบนี้เลยนะคะ เพราะแก้วรู้ว่าพี่เดชเป็นคนดี...พี่ไม่ทำแบบนั้นหรอก”
เดชมองแก้วตา นัยน์ตาแข็งกร้าว
“อย่าท้าพี่นะแก้ว...”
รถของบรรเจิดแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าสองคน บรรเจิดรีบวิ่งลงมาจากรถ เดชและแก้วตาตกใจมาก บรรเจิดเห็นปืนของเดชวางอยู่บนฝากระโปรงรถ ก็ยิ่งตกใจ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน แก้ว เดช”
บรรเจิดมองหน้าทั้งสองคนอย่างต้องการคำตอบ เดชหลบตาวูบ
“คุณบรรเจิดถามพี่เดชเอาสิคะ ว่ามีเรื่องอะไรกัน”
บรรเจิดหันไปหาเดชอีกครั้ง
“เดช...ชั้นถามว่ามีเรื่องอะไร ไม่ได้ยินเหรอ...” บรรเจิดเสียงดัง
เดชยังนิ่งไม่ตอบ
“รีบบอกคุณบรรเจิดสิคะพี่เดช ว่าพี่มีเรื่องอะไร”
เดชนิ่งรู้สึกกดดันหนัก ใจหนึ่งก็อยากจะบอกบรรเจิดเรื่องศุวิลไปเลย แต่ก็กลัวบรรเจิดจะเสียใจ แถมตัวเองก็พลาดมีอะไรกับแก้วตาอีก
เดชคิดว่าเขาทนกับเรื่องมามากพอแล้ว และเขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว
“ผมขอลาออกครับคุณบรรเจิด”
บรรเจิดชะงักงัน ตกใจมาก
“อะไรนะเดช”
“ผมขอลาออกครับ”
บรรเจิดอึ้ง “นี่มันอะไรกันเดช อยู่ๆ ก็ขอลาออก มันมีเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมแกถึงบอกชั้นไม่ได้”
เดชหันไปมองหน้าแก้วตาที่มองเขาอยู่ด้วยแววตาเยาะหยัน ก็ยิ่งเจ็บช้ำใจ เขาหันมาหาบรรเจิด
“ผมพูดไม่ได้จริงๆครับ บุญคุณของท่าน ผมจะไม่มีวันลืม”
เดชหยิบปืนจากฝากระโปรงรถแล้ว เดินออกไปเลย บรรเจิดงงหนัก
แก้วตาพอใจ เดชไปซะได้ก็ดี จะได้ไม่มีคนขวางเรื่องศุวิล

ในเวลาต่อมา แก้วตานั่งนิ่งอยู่ในรถ ที่มีบรรเจิดขับมาหน้าเครียดๆ ด้วยเขาขบปัญหาไม่แตก ตกลงว่าเดชมีเรื่องอะไรปิดบังอยู่กันแน่ จนถึงขั้นต้องขอลาออก แทนที่จะพูดมันออกมา
บรรเจิดขับรถไปเขาย้อนถึงคำพูดของเดช
“ผมพูดไม่ได้จริงๆครับ บุญคุณของท่าน ผมจะไม่มีวันลืม”
แล้วเดชหยิบปืนจากฝากระโปรงรถแล้ว เดินออกไปเลย
บรรเจิดหมกมุ่นครุ่นคิด เขาไม่เข้าใจว่าเรื่องที่เดชพูดถึง หมายถึงเรื่องอะไร บรรเจิดมองๆ แก้วตาคิดว่าแก้วตาต้องรู้แน่ๆ
“แก้ว...แก้วกับเดชมีอะไรปิดบังชั้น ทำไมเดชถึงขนาดต้องลาออก”
แก้วตาอ้ำอึ้ง คิดอยู่ครู่หนึ่ง ถ้าหล่อนจะบอกว่าไม่รู้เรื่อง ก็คงไม่ได้ เพราะบรรเจิดก็เห็นที่เดชเอาปืนมาขู่ อีกทั้งถ้าหากหล่อนไม่พูด บรรเจิดก็อาจจะตามไปคาดคั้นเอาจากเดชเอง และเดชอาจจะบอกบรรเจิดเรื่องศุวิลก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นหล่อนแย่แน่ๆ
แก้วตาจึงตัดสินใจแต่งเรื่องใส่ร้ายเดชไปเลยดีกว่า เพื่อให้บรรเจิดกับเดชแตกกัน
“เค้าออกไปก็ดีแล้วล่ะค่ะ...คุณบรรเจิดไว้ใจคนผิด”
บรรเจิดชะงัก เขาเลี้ยวรถจอดเข้าข้างทางทันที แล้วหันมาถามแก้วตา
“หมายความว่ายังไงแก้ว”
แก้วตามองหน้าบรรเจิด ทำเป็นลำบากอกลำบากใจที่ต้องพูด บรรเจิดยิ่งอยากรู้
“บอกชั้นมาสิแก้ว”
แก้วตาทำเป็นถอนใจ
“พี่เดชเค้าแอบชอบแก้วค่ะคุณบรรเจิด แก้วบอกให้เค้าตัดใจจากแก้วซะ แต่เค้าก็ไม่ฟัง พอแก้วบอกว่าจะบอกคุณบรรเจิด เค้าก็เลยเอาปืนมาขู่แก้วน่ะค่ะ”
บรรเจิดฟังแก้วตาแล้วก็อึ้ง...ที่แท้ก็เรื่องนี้น่ะเหรอที่ทำให้เดชต้องลาออก
“จริงเหรอแก้ว”
“ค่ะ...แก้วเองก็ไม่คิดเลยนะคะ ว่าพี่เดชเค้าจะเป็นคนแบบนี้”

บรรเจิดพูดอะไรไม่ออก เขาทั้งผิดหวังและเสียใจ ส่วนแก้วตาสาสมใจ ที่โคแก่บรรเจิดเชื่อเรื่องที่หล่อนแต่งขึ้น

 
ต่อจากตอนที่แล้ว
อรทัยตกใจมาก เมื่อฟังหมอเจ้าของไข้เล่าอาการศิวาจบลง

“อะไรนะคะ?! มะเร็งระยะสุดท้าย”
“หมอเกรงว่าคนไข้อาจจะมีเวลาอีกแค่หกเดือน”
อรทัยน้ำตาไหลริน
“หมอ หมอช่วยพ่อชั้นด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเสียค่ารักษาเท่าไหร่ ชั้นก็ยอม”
“หมอทำได้แค่พยุงอาการ...ตอนนี้หมออยากให้ญาติใช้เวลากับคนไข้ให้มากที่สุด”
อรทัยเสียใจมาก

อรทัยเดินออกมาหน้าห้องทำงานหมอเจ้าของไข้ สุธาวี อาภา ฟ้าใส และศุวิลต่างกรูเข้าไปหา ฟ้าใสเห็นหน้าของอรทัยก็ใจเสีย
“หมอเค้าบอกว่าคุณตาเป็นยังไงบ้างคะอาอร”
อรทัยอึ้งๆ “มะเร็งระยะสุดท้าย..อาจจะอยู่ได้อีกแค่หกเดือน”
ทุกคนตกใจ อาภาจะเป็นลม ศุวิลพยุงอาภาไว้ ฟ้าใสน้ำตาไหล สุธาวีอึ้งๆ อรทัยเสียใจจนเปลี่ยนเป็นโกรธและพาล หันไปหาอาภาและศุวิล
“เพราะพวกแก! ตั้งแต่พวกแกสองคนกลับเข้ามาในชีวิตพ่อชั้น พ่อชั้นก็ทรุดป่วยลง”
ศุวิลจะสวน แต่อาภาดึงห้ามไว้ อาภารู้ว่าที่อรทัยพูดนั้นเพราะเสียใจ ธวัชชัยเดินเข้ามา
“คุณศิวาอยากพบคุณอรกับคุณลมครับ”

อรทัยและศุวิลเดินเข้ามาในห้อง ศุวิลเห็นศิวาก็ใจหาย ด้วยรู้ว่าศิวาอาการหนัก เขารู้สึกเสียใจ อรทัยโผเข้าไปหาศิวา
“คุณพ่อคะ”
อรทัยสุดกลั้นร้องไห้โฮออกมา
“หมอเค้าบอกแล้วใช่ไหม...”
อรทัยพยักหน้า
“อร...ลม...พ่อมีเรื่องอยากจะขอร้อง...ถือว่าเป็นคำขอครั้งสุดท้ายของพ่อ”
“คุณพ่อจะให้อรทำอะไรคะ”
“อรกับลมกลับมาดีกัน..เข้าใจกันได้ไหมลูก...ยังไงเราทั้งคู่ก็เป็นพี่น้องกัน...ขอให้พ่อได้ตายตาหลับเถอะนะ”
ศุวิลได้ยินคำขอครั้งสุดท้ายของพ่อก็ใจหาย นึกเสียใจขึ้นมา เขาไม่อยากให้ศิวามีห่วง ถึงแม้ตนเองจะเคยโกรธอรทัยมาก แต่ก็คิดว่าถึงเวลาที่ต้องลดทิฐิแล้ว
ส่วนอรทัยเห็นพ่อขอแบบนั้น ก็กลับไม่พอใจหันมาหาศุวิล เค้นคำบอก “ไม่มีวัน”
ศุวิลหันหาศิวา
“ได้ครับพ่อ” อรทัยชะงัก ศุวิลหันหาอรทัย “อรทัย ถ้าที่ผ่านมา ผมกับแม่ทำให้คุณไม่พอใจ ผมก็ขอโทษด้วย...ผมอยากให้เราเลิกทะเลาะกัน...เพื่อพ่อ”
อรทัยชะงักงัน นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าศุวิลจะยอมถอยก่อน อรทัยหันมองศิวาที่มองมาด้วยแววตาขอร้องก็อ่อนลง
“ก็ได้...ชั้นจะทำเพื่อพ่อ...”
ศุวิลยื่นมือมาหาอรทัย ขณะที่อรทัยยื่นมือไปจับตอบ ศิวามองภาพตรงหน้าแล้วก็ชื่นใจ ดีใจจนน้ำตาไหล

วันต่อมา นวลเดินเชิดเยื้องย่างเข้ามาในร้านอาหารแห่งนั้น มองซ้ายมองขวา แล้วเดินมาที่โต๊ะซึ่งนัดแนะไว้ ชายคนหนึ่ง นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ปิดหน้าอยู่
นวลยิ้มทัก “สวัสดีค่ะ”

เมื่อชายคนนั้นลดหนังสือพิมพ์ลง พบว่าเขาคือวิทย์ นวลชะงัก คลับคล้ายคลับคลา
“คุณวิทย์ใช่ไหมคะ”
วิทย์พยักหน้า นวลนั่งลงข้างๆ หยิบไอแพดมาเปิด เลื่อนให้ดูรูปผู้หญิงในนั้นไอแพด
“ไม่ทราบว่าคุณวิทย์ชอบแบบไหนคะ..ดิชั้นรู้จักน้องๆหลายคน”
วิทย์หยิบไอแพดจากนวลมาวาง
“ที่ผมนัดคุณนวลมา เพราะผมอยากให้คุณคุยกับเจ้านายผม”
อรทัยเดินเข้ามาพอดี นวลตกใจ
“คุณอรทัย” นวลลุกขึ้นทันที “นี่มันเรื่องอะไรกันคะ”
“ใจเย็นๆ ชั้นแค่อยากคุยกับคุณเรื่องปิ่นมณี”
“ชั้นไม่มีอะไรจะคุย”
นวลจะเดินหนี วิทย์ลุกไปดักหน้าตาถมึงทึง นวลชะงัก ถอยกลัวๆ อรทัยปรามวิทย์
“ชั้นจัดการเองวิทย์”
วิทย์ถอยกลับไป อรทัยหันหานวลยิ้มๆ
“ชั้นรู้ว่าปิ่นมณีเค้าทำงานให้คุณ...เป็นเบอร์หนึ่งของคุณ”
“ชั้นไม่ชอบเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของคนอื่น”
“ชั้นรู้..ว่าคุณเป็นคนมีจรรยาบรรณ...แต่คุณเป็นนักธุรกิจ ชั้นก็เป็นนักธุรกิจ...ชั้นอยากตกลงธุรกิจกับคุณ”
นวลใคร่ครวญครุ่นคิด

ด้านปานนับเงินเป็นฟ่อนอยู่ ปิ่นมณีนั่งอยู่ด้วย ปองพลเครียดๆ ร้านอาหารตามสั่งวันนี้ปิดประตูเงียบสนิท ปานนับเงินเสร็จไม่พอใจ
“สี่หมื่น! นี่มันแค่สี่หมื่นเองนังปิ่น!! ชั้นติดหนี้เค้าอยู่แสนสอง มันจะไปพอได้ยังไง!”
“ขอเวลาชั้นหน่อยแม่ ตอนนี้ชั้นหาได้แค่นี้”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะนังปิ่น! เจ้าหนี้มันรอไม่ได้แล้ว มันจะฆ่าพวกชั้นตายก่อนน่ะสิ”
ปิ่นมณีอึดอัด เธอเองก็จนตรอกไปหมดแล้ว
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นรัว ปังๆๆ ทั้งปิ่นมณีและปาน ปองพลต่างตกใจ
เสียงพันอ้อๆ แอ้ เมาปลิ้นดังเข้ามา “นังปาน! ไอ้ปอง ช่วยชั้นด้วย”
ปานรีบเปิดประตูออก ยังไม่ทันอะไร พันที่เมาไม่รู้เรื่องถูกโยนสวนเข้ามาทันที
ปานร้องลั่น “ว้าย”
นักเลงสองคนเดินตามเข้ามาหน้าเหี้ยม
นักเลง 1 ตะคอก “หลบหน้าชั้นเหรอนังปาน? หึ! ทำเป็นปิดร้านหนีหนี้ แต่ผัวดันไปขอเหล้าที่ร้านชำกินไหนเงิน!”
ปานลนลานยื่นเงินให้ไปทั้งหมด นักเลง 1ชายตาดูเงินก็รู้ว่าไม่ครบ
“ไม่ครบ”
“ตอนนี้ชั้นหาได้แค่นี้ เดี๋ยวที่เหลือชั้นจะรีบหามาให้” ปิ่นมณีบอก
นักเลงชะงักมองหน้าปิ่นมณีที่นิ่งจนน่ากลัว แล้วหันไปถีบตู้แช่ล้มตึงทันที ปานเข้าไปขวางข้าวของ
“อย่านะ! ชั้นขอร้องๆๆ”
นักเลงหันมาผลักปาน จนถลาไป หัวโขกมุมโต๊ะ หัวแตกเลือดไหล
ปิ่นมณีร้องสุดเสียง “แม่” แล้ววิ่งไปประคองปาน เห็นเลือดก็ตกใจ
นักเลงจะเข้ามาตบซ้ำ
“อย่า” นักเลงชะงัก “ชั้นสัญญา ชั้นจะหาเงินมาให้ให้เร็วที่สุด”
ปานน้ำตาไหลพราก กอดปิ่นมณีแน่น
นักเลง1ขู่คาดโทษ “ถ้าอาทิตย์หน้าพวกแกยังหามาให้ไม่ได้ ก็เตรียมจัดงานศพได้เลย”
นักเลงสองคนเดินกร่างออกไป ปานร้องไห้ ปิ่นมณีกอดแม่แน่น

ปิ่นมณีเดินมาที่รถ นึกหาหนทางที่ตีบตันลงทุกขณะ โทรศัพท์ดัง ปิ่นมณีกดรับ
“ค่ะพี่นวล”
นวลโทรศัพท์อยู่ที่ร้านอาหารเก่า
“ชั้นหาลูกค้าให้เธอได้แล้ว...ราคาเดิมซะด้วย...เธอคงไม่ปฏิเสธใช่ไหม”
ปิ่นมณีชะงัก ดีใจ อย่างน้อยโชคยังเข้าข้างเธอบ้าง
“ค่ะพี่นวล”
นวลยิ้มพราย “ดี...เพราะงานนี้ ลูกค้าเจาะจงว่าต้องเป็นเธอเท่านั้น”
“ขอบคุณนะคะพี่นวล”
ปิ่นมณีวางสาย เงินก้อนนี้สำคัญกับแม่มาก หล่อนจำใจต้องรับแขกอีกครั้ง
นวลวางสาย หันมาทางอรทัยนั่งอยู่ด้วยกัน โดยมีวิทย์ยืนอยู่ข้างๆ
“เรียบร้อยค่ะ”
อรทัยยิ้มสมใจ ลงมือเขียนเช็ค ห้าแสนให้นวลทันที นวลมองเช็คพอใจ
อรทัยพึมพำ “คราวนี้แกดิ้นไม่รอดแน่ปิ่นมณี”

ขณะเดียวกันแก้วตาท่าทางฉอเลาะอยู่กับศุวิล แต่ศุวิลเครียดๆ เรื่องที่พ่อป่วยหนักอยู่ ทัดเทพพิมพ์จันทร์อยู่ด้วย
ตรงหน้ามีเค้กวางอยู่ ถูกกินไปบ้างแล้ว
พิมพ์จันทร์ปลื้ม “เค้กอร่อยนะคะน้องแก้ว เปิดร้านขายได้เลยนะคะเนี่ย พี่ว่าน้องแก้วไม่ต้องมาทำงาน แล้วล่ะ เปิดร้านเค้กดีกว่า”
แก้วตาแอบขัดใจ
“ขอบคุณค่ะพี่พิมพ์ แต่แก้วเพิ่งหัดทำเค้ก ไม่กล้าเปิดร้านหรอกค่ะ...นี่ตกลงพรุ่งนี้แก้วมาเริ่มงานได้เลยใช่ไหมคะ”
“ครับคุณแก้ว..ยินดีต้อนรับครับ” ศุวิลบอก
ทัดเทพหัวเราะคิกคัก ชอบใจ
“เดี๋ยวน้องแก้วมาทำงานที่นี่ มีหวังทุกคนที่นี่ต้องอ้วนขึ้นแน่ๆเลยนะ” ทัดเทพหันมาหาพิมพ์จันทร์ “นี่ เอาอย่างเค้ามั่งสิ! ทั้งสวยทั้งทำเค้กเก่ง”
“เค้กน่ะชั้นทำไม่เป็นหรอก ทำเป็นแต่ขนมตุ๊บตั๊บ”
พิมพ์จันทร์ซัดทัดเทพทันที
จังหวะนี้มีใครคนหนึ่งมองศุวิลและแก้วตาเขม็ง ใครคนนั้นเป็นเดชนั่นเอง สีหน้านิ่งเฉยเหี้ยมโหดจนดูน่ากลัว

เลิกงานแล้ว เวลานั้นไม่มีใครในสตูดิโอเลย มีเพียงฉากเซ็ทเอาไว้ ศุวิลเดินเข้ามาเช็คฉาก แก้วตาเดินตามเข้ามา
“อ้าว คุณแก้ว ยังไม่กลับอีกเหรอครับ”
“เดี๋ยวค่อยกลับค่ะ แก้วขอเดินดูที่ทำงานใหม่ก่อน”
แก้วตาทำเป็นมองๆฉาก
“อุ๊ย ฉากน่ารักจังเลย...แก้วขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ”
แก้วตาเอามือถือขึ้นมา ถ่ายรูปตัวเองกับฉาก
“คุณลม มาถ่ายด้วยกันสิคะ”
แก้วตาไปยืนใกล้ศุวิล ยื่นหน้าไปข้างๆ แล้วถ่ายรูปคู่ตัวเองกับศุวิล ศุวิลงงๆ
จู่ๆ มีคนมากระชากศุวิลกระเด็นออกจากแก้วตา แก้วตาหันไปเห็นว่าเป็นเดชก็ตกใจ
“พี่เดช!”
ศุวิลงง “นี่มันอะไรกันคุณ”
แก้วตาเห็นเดชล้วงมือเข้าไปในเสื้อ รู้ว่าเขาจะหยิบปืน
“อย่านะพี่เดช”
แก้วตาพยายามผลักเดช
เดชผลักแก้วตาล้มไป ศุวิลได้จังหวะลุกขึ้นมาต่อยเดช ทั้งคู่ต่อยกัน
เดชเพลี่ยงพล้ำให้ศุวิล ถูกชกล้มคว่ำไป ศุวิลจะเข้าไปซ้ำ เดชคว้าไม้ได้เหวี่ยงฟาดใส่หัวศุวิลสุดแรง ศุวิลสลบไป เดชลุกขึ้น ล้วงปืนมาจ่อศุวิล แก้วตาพรวดมาขวาง
“อย่าพี่เดช!”
เดชไม่สน กำลังจะยิง
เสียงพิมพ์จันทร์ดังขึ้น “นี่น้องแน้มเค้าคิวไม่ได้นะเนี่ย ต้องหานางแบบคนอื่นมาถ่ายแทน”
เดชชะงัก คิดว่าจะทำยังไงดี ตัดสินใจลากแก้วตาออกไปอีกทางทันที ทัดเทพ พิมพ์จันทร์เดินคุยกันเข้ามา
“น้องแน้มไม่ว่าง ก็ติดต่อน้องโอ๊ะมาสิ ลุคคล้ายๆกัน”
สองคนหันไปเห็นศุวิลนอนสลบอยู่ ต่างคนต่างชะงัก
“ไอ้ลม”
ทัดเทพและพิมพ์จันทร์เข้าไปหาศุวิล เห็นว่ามีเลือดออกหัว
“เฮ้ย ไอ้ลม! นี่มันอะไรกันวะเนี่ย”

ส่วนเดชลากแก้วตาเข้ามาตรงมุมลับตาคน แก้วตาสะบัดหลุดได้ตบเดชฉาดใหญ่
“พี่ทำอะไรของพี่! จะฆ่ากันเลยเหรอ”
“พี่เคยบอกแก้วแล้ว ว่าถ้าแก้วยังไม่เลิกยุ่งกับมัน พี่จะไม่เอามันไว้”
“พี่เดชเลิกจองเวรจองกรรมแก้วสักทีได้ไหม! ลาออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ!”
“ยังไงพี่ก็จะไม่ยอมให้แก้วทำให้คุณบรรเจิดเสียใจ!”
“คงไม่ทันแล้วล่ะค่ะ...พี่ทรยศคุณบรรเจิดตั้งแต่คืนที่เราสองคนมีอะไรกันแล้ว” เดชอึ้ง “พี่ไม่มีวันขวางแก้วได้”
“ก็ลองดูแก้ว”
แก้วตากับเดชจ้องหน้าสู้ตากันไม่มีใครยอมใคร

คืนนั้นปิ่นมณีแต่งตัวสวยเปรี้ยวเซ็กซี่มีสไตล์ พร้อมสำหรับไปทำงานที่แสนคุ้นเคยของตน หล่อนหยิบกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมา ชะงักคิดๆ ก่อนจะกดส่งข้อความหาสุธาวี
“คืนนี้ปิ่นต้องไปคุยเรื่องงานที่สมัครไว้ ...ไม่ว่างไปทานข้าวด้วยนะคะ”
ปิ่นมณีกำลังจะออกจากห้อง มีข้อความส่งตอบกลับมาจากสุธาวี
หน้าจอมือถือมีข้อความผ่านไลน์ว่า “ขอให้ได้งานนะครับ เทคแคร์” ตามด้วยไอคอนจุ๊บแก้ม
ปิ่นมณีมองข้อความจากสุธาวีแล้วละอายใจขึ้นมาแว่บหนึ่ง แล้วสูดลมหายใจฮึด ให้กำลังใจตนเอง
“ครั้งสุดท้ายนะ..ปิ่นมณี...ครั้งสุดท้าย”

ปินมณีบอกตัวเองได้เงินใช้หนี้แม่คราวนี้ หล่อนจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว

ด้านอรทัยเดินนำสุธาวีเข้ามาในห้องหรูของโรงแรมแห่งหนึ่ง วิทย์ตาม สุธาวีงงๆ
“แม่พาผมมาที่โรงแรมนี้ทำไมครับ? หรือว่าแม่จะซื้อโรงแรมนี้”
“ชั้นไม่ได้มาซื้อโรงแรมหรอก แต่จะมาซื้ออย่างอื่น”
สุธาวียิ่งงง
“ตามชั้นมา เดี๋ยวแกก็จะได้รู้เอง”
อรทัยเดินนำสุธาวีไปอีก สุธาวีเดินตาม ในใจสงสัยครามครัน วิทย์เดินตามสองแม่ลูก

ฟากปิ่นมณีเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องพัก เห็นป้ายห้องว่าคือห้อง 306 ใช้คีย์การ์ดเปิดเดินเข้าไป ปิ่นมณีมือถือโทรศัพท์รอสาย
“ปิ่นถึงห้องแล้วค่ะพี่นวล”
นวลคุยโทรศัพท์อยู่กับปิ่นมณีจากที่แห่งหนึ่ง
“เดี๋ยวลูกค้าเค้าตามมา..นี่ปิ่น ลูกค้าเค้ามีออเดอร์พิเศษด้วยนะ อยู่ในตู้เสื้อผ้า พี่เขียนบอกไว้หมดแล้วว่าเค้าอยากให้เธอทำอะไรให้บ้าง”
ปิ่นมณีชะงัก งงๆ
“ค่ะ”
“โชคดีนะปิ่น” นวลวางสายไป
ปิ่นมณีกดวาง เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เห็นมีกล่องของขนาดใหญ่ จึงเปิดกล่องออก เห็นเป็นชุดนอนวาบหวิว สีดำ มีผ้าพันคอไหมราคาแพง ปิ่นมณีหยิบกระดาษที่นวลเขียนไว้ขึ้นมาอ่าน

อรทัย วิทย์ และสุธาวีเดินมาหยุดหน้าห้องหนึ่ง สุธาวียังงงๆอยู่
“ตกลงพาผมมาทำไมเนี่ยแม่”
อรทัยยิ้มกระหยิ่ม “แกเข้าไป เดี๋ยวแกก็จะรู้เอง”
สุธาวีจะเปิดประตู อรทัยดึงไว้
“ถ้าแกได้เห็นอะไร...ขอให้แกเงียบเอาไว้ก่อนนะ”
สุธาวีงงๆ เปิดประตูเข้าไป

ครั้นพอสุธาวีเปิดประตูเข้ามา เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เตียง ผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดนอนวาบหวิว เซ็กซี่ มีผ้าพันคอไหมผูกปิดตาไว้ สุธาวีงงๆ เดินเข้าไปพิจารณา พอเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นคือปิ่นมณี สุธาวียิ่งงงหนัก
ปิ่นมณีที่มีผ้าผูกตา ได้ยินเสียงฝีเท้าคน ก็คิดว่าลูกค้าที่ชื่อชาลส์มาถึงแล้ว
“มาแล้วเหรอคะ”
ปิ่นมณีเดินเข้าไปจับๆ ตัว สุธาวีงงๆ
“รอคุณอยู่ตั้งนาน” ปิ่นมณีกอดซบสุธาวี
สุธาวียังงงๆ ไม่รู้ว่าแม่กับปิ่นมณีทำอะไร
“คืนนี้แพทตี้เป็นของคุณนะคะ คุณชาร์ล”
สุธาวีชะงัก งงว่าชาร์ลไหน? และแพทตี้อะไร?
“แพทเป็นเด็กไม่ดี...รอให้คุณลงโทษอยู่ คุณจะทำอะไรก็ได้นะคะ...ตามใจคุณ”
สุธาวีอึ้ง ประติดประต่อเรื่องราว พอจะเดาออกว่าปิ่นมณีกำลังทำอะไร ส่วนปิ่นมณีงงทำไมลูกค้าไม่พูดอะไรเลย
“คุณชาร์ลคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ไม่เห็นพูดอะไรเลย”
สุธาวีเจ็บปวด ประคองหน้าปิ่นมณีมามอง ปิ่นมณีคิดว่าเขาจะจูบ ยิ้มพริ้มรอรับ สุธาวีน้ำตาไหล
ค่อยๆ ดึงผ้าที่ปิดตาหล่อนออก
ปิ่นมณีพบว่าคนที่ตนเข้าใจว่าเป็นลูกค้าคือสุธาวี ก็ผงะตกใจ
“คุณวี”
สุธาวีอึ้ง เสียใจ “ปิ่น...ทำไมคุณทำแบบนี้”
ปิ่นมณีอึ้งตกใจจับแขนสุธาวีพยายามหาคำแก้ตัว
“คุณวี คุณฟังปิ่นก่อนนะคะ”
สุธาวีปลดแขนปิ่นมณีออกจากตัวเอง
ยินเสียงตบมือดังขึ้น ทุกคนชะงัก หันเห็นอรทัยเดินตบมือเข้ามา
“ช่างดราม่า..บีบหัวใจเหลือเกิน” อรทัยหันมาหาสุธาวี “เป็นไงตาวี เห็นหรือยังว่านอกจากขายรถแล้ว มันยังขายตัวด้วย”
ปิ่นมณีหันขวับมองอรทัย
“นี่เป็นแผนการของคุณเหรอคุณอรทัย”
“ใช่ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ชั้นไม่โกงหรอก” อรทัยหยิบเช็คออกจากกระเป๋ายื่นให้ปิ่นมณี “นี่ค่าตัวเธอ”
ปิ่นมณีมือสั่น สะท้านไปทั้งร่าง สุธาวีพูดไม่ออก เดินออกจากห้องไปเลย
“คุณวี”
ปิ่นมณีจะตาม อรทัยดึงปิ่นมณีมาผลักลงเตียง
“เค้าเห็นธาตุแท้ของแกแล้ว แกคิดเหรอว่าแกจะพูดให้เค้ากลับมาแต่งงานกับผู้หญิงขายตัวอย่างแกได้”
ปิ่นมณีน้ำตาไหล เถียงไม่ออก
“เลิกฝันได้แล้วนะปิ่นมณี..เจนจรัสตระกูลไม่รับอีตัวเป็นสะใภ้หรอก”
อรทัยเดินออกไปเลย
 
ปิ่นมณีทรุดนั่งลงร้องไห้อย่างคับแค้นใจ ชีวิตหล่อนหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว

ต่อจากตอนที่แล้ว

เช้าวันนี้ เดชอยู่ในบ้านเพิ่งอาบน้ำเสร็จ สวมแต่กางเกงยีนส์ ไม่ใส่เสื้อ เดชเช็ดผมไปมา ในใจคิดถึงเรื่องจะหาทางขัดขวางเรื่องที่แก้วตายังไงก็จะเอาศุวิลให้ได้

เห็นรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน บรรเจิดลงจากรถท่าทางโกรธจัด เดชได้ยินเสียงรถก็รีบออกมาดูที่หน้าบ้าน เห็นบรรเจิดลงจากรถมา ก็ชะงัก
“คุณบรรเจิด”
บรรเจิดมองเดชหน้าเครียดจัด
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน เดช”

บรรเจิดกับเดชยืนคุยกันที่มุมหนึ่งในบ้าน บรรเจิดแค่รู้ว่าเดชแอบรักแก้วตา แต่ไม่รู้ว่าเดชกับแก้วตามีอะไรกันไปแล้ว
“ความลับที่แกกับแก้วปิดชั้น แก้วเค้าบอกชั้นหมดแล้ว”
เดชชะงัก สงสัยว่าแก้วตาบอกบรรเจิดเรื่องที่ตัวเองมีอะไรกับแก้วตาจริงเหรอ
“แก้วเค้าบอกอะไรคุณบรรเจิดครับ”
บรรเจิดเริ่มโมโห
“เค้าบอกว่าแกแอบรักเค้า เค้าให้แกตัดใจ แกก็ไม่ยอม พอเค้าขู่จะฟ้องชั้น แกก็เลยชิงลาออก ชั้นไม่อยากเชื่อเลย มันจริงเหรอเดช”
เดชอึ้งเสียใจที่แก้วตาใส่ร้ายตัวเองขนาดนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็โล่งที่บรรเจิดยังไม่รู้ว่าเขามีอะไรเกินเลยกับแก้วตา ถ้ารู้บรรเจิดคงต้องเสียใจกว่านี้
บรรเจิดคาดคั้น “แกเงียบทำไมเดช แกพูดมาสิว่าจริงมั้ย”
เดชเดินไปหยิบปืน บรรเจิดชะงัก ตกใจว่าเดชจะทำอะไร เดชเอาปืนมาวางตรงหน้าบรรเจิด
“เป็นอย่างที่แก้วพูดแหละครับ ผมทรยศท่าน ฆ่าผมซะเถอะ”
บรรเจิดอึ้ง เรื่องที่แก้วตาพูดเป็นเรื่องจริง บรรเจิดเปลี่ยนเป็นโกรธ หยิบปืนขึ้นมา รู้สึกเสียใจมากที่คนที่ตัวเองไว้ใจ หักหลัง บรรเจิดมองหน้าเดช โกรธ
เดชก้มรับชะตากรรม บรรเจิดตัดใจทำไม่ลง วางปืนลงแล้วชกหน้าเดชเปรี้ยง
“ทำไมแกทำแบบนี้ ห๊ะ ทำไม”
เดชไม่สู้ บรรเจิดดึงคอเสื้อเขาขึ้นมาแล้วชกซ้ำไปซ้ำมา บรรเจิดจ้องตาเดช รู้สึกเสียใจและผิดหวัง เดชเองก็เสียใจไม่ต่างกัน
บรรเจิดปล่อยคอเสื้อเดช พยายามสงบอารมณ์
“ชั้นผิดเองที่ไว้ใจแก...ชั้นมองคนผิดไปจริงๆ”
บรรเจิดเดินออกไปเลย เดชมองตามทั้งเสียใจ ทั้งโกรธตัวเอง เดชหันไปชกกำแพงระบายอารมณ์ แล้วทรุดตัวลงนั่งรู้สึกผิดและละอายต่อบรรเจิด

ด้านฟ้าใส เปิดประตูวิ่งเข้าห้องมา เห็นศุวิลนั่งพิงหัวเตียงอยู่ ที่หัวมีผ้าพันแผล ใบหน้ามีรอยฟกช้ำ
ฟ้าใสเห็นอาการศุวิลไม่หนักก็โล่งใจ อาภาและสำลีจัดอาหารอยู่ ฟ้าใสหันไหว้ทั้งคู่ แล้วเดินเข้าไปหาศุวิล
“เป็นยังไงบ้างคุณ? ไปมีเรื่องกับใคร ถึงได้โดนตีแบบนี้ห๊ะ”
ศุวิลนิงงันไป ไม่อยากให้ฟ้าใสลำบากใจ หลังรู้เรื่องที่แก้วตาเป็นเมียน้อยบรรเจิด
“ไม่มีอะไรหรอกคุณ เรื่องมันจบไปแล้ว”
สำลีทนไม่ไหว
“นี่ตาลม มันจบที่ไหน บอกความจริงหนูฟ้าไปเลย”
อาภาปราม
“สำลี”
“พี่ภาไม่ต้องห้ามชั้น หนูฟ้าเค้าเป็นหลานคุณบรรเจิดนะ หนูฟ้าเค้าเป็นผู้เสียหายเค้าก็โดนหลอกเหมือนกัน
ฟ้าใสอึ้ง งุนงง สงสัยว่าเรื่องบรรเจิดมาเกี่ยวอะไรด้วย
“คุณอาบรรเจิด เกี่ยวอะไรด้วยเหรอคะ”
“หนูฟ้ารู้มั้ย...แก้วตาเพื่อนของหนูฟ้า เค้าเป็นเมียน้อยของคุณบรรเจิดอาของหนูฟ้า”
ฟ้าใสตกใจ ที่ทุกคนรู้เรื่องหมดแล้ว
สำลีเสริม “แล้วที่ตาลมมันโดนอย่างนี้เนี่ยนะ ก็เพราะแก้วตาเค้ามาเกาะแกะเจ้าลม เลยโดนลูกน้องของคุณบรรเจิดซ้อมอย่างนี้ไง”
ฟ้าใสยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่
“นี่ทุกคนรู้เรื่องแก้วกับอาบรรเจิดหมดแล้วเหรอคะ”
สามคนงงๆ
“อ้าว นี่หนูฟ้ารู้เหรอว่าแก้วตาเค้าเป็นเมียน้อยคุณบรรเจิด”
ฟ้าใสพยักหน้ารับ “รู้มาสักพักแล้วค่ะ แต่อาบรรเจิดขอร้องให้ฟ้าเก็บเป็นความลับ เพราะเค้าสองคนรักกันจริงๆ”
สำลีโมโห “โอ๊ย! งั้นอาหนูฟ้าก็โดนหลอกแล้วล่ะ ถ้าแก้วตารักคุณบรรเจิดจริง เค้าจะมาเกาะแกะตาลมทำไม นี่หนูฟ้ารีบไปเตือนอาเค้าเถอะ ว่าแก้วตาน่ะเค้าไม่ได้ซื่อใสอย่างที่แอ๊บใส่ทุกคน”

ฟ้าใสอึ้งๆ ผิดหวังในตัวแก้วตาที่คิดจะทิ้งบรรเจิด

คืนนั้น สุธาวีนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ริมสระน้ำบนดาดฟ้าของโรงแรมเดอะกลอรี่ สุธาวีรู้สึกเสียใจที่ปิ่นมณีทำงานไซด์ไลน์ขายตัว คล้ายมีสายตาใครคนหนึ่งมองสุธาวีอยู่ ใครคนนั้นค่อยๆ เดินเข้ามาข้างๆ สุธาวี
สุธาวีชะงักเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเป็นสราลัยที่ยืนอยู่
“มานั่งอยู่คนเดียว เสียใจมากเหรอคะ”
สุธาวีมองเซ็งๆ สราลัยยิ้มเยาะ
“ทำไม เลิกกับยัยเซลส์ขายรถนั่นแล้วเหรอ?
สุธาวีลุกเดินหนี
“ถ้าจะมาหาเรื่อง ก็กลับไปเหอะสรา”
สราลัยเดินมาดักหน้าสุธาวี
“ยอมรับนะคะว่าพอรู้ครั้งแรกก็สะใจ แต่เห็นวีเป็นแบบนี้ สราก็อดเห็นใจวีไม่ได้ค่ะ ถ้ามีอะไรอยากระบาย ก็พูดกับสราได้นะคะ อย่างน้อยเราก็เคยคบกัน”
สุธาวีมองสราลัย คิดใช้สราลัยช่วยให้ลืมปิ่นมณี เขาดึงหล่อนมาจูบ สราลัยตกใจผงะออกนิดหนึ่ง
“วีทำอะไรน่ะ?”
สุธาวีไม่ตอบซุกไซ้ต่อ สราลัยคิดว่าก็ดีเหมือนกัน จึงไม่ขัดขืน แถมกอดสุธาวี และโต้ตอบด้วยความร้อนแรงเช่นเดียวกัน จู่ๆ สุธาวีกลับคิดถึงปิ่นมณีขึ้นมา
สุธาวีชะงัก ถึงแม้จะอยู่กับสราลัย แต่ตัวเองก็ยังลืมปิ่นมณีไม่ได้เลย สุธาวีนิ่ง สราลัยที่กอดอยู่จับอาการได้ ผงะออกมา มองหน้าลูบไล้แก้มสุธาวี
“เป็นอะไรคะวี?”
สุธาวีจับมือสราลัยออก แล้วผละออกไป
“ผมขอโทษ คุณกลับไปเหอะ”
สราลัยโมโห รู้ทันทีว่าสุธาวีเป็นแบบนี้ เพราะเสียใจและคิดถึงปิ่นมณีมาก สราลัยวี๊ดใส่
“นี่นังเซลส์นั่นมันทำให้วีตายด้านไปแล้วเหรอไง! รักมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
สุธาวีนิ่ง ไม่ตอบ เครียดที่ตนคิดถึงแต่ปิ่นมณีจนไม่รู้สึกใดๆ กับสราลัย
สราลัยกำมือแน่น แค้น เจ็บใจ
“โง่! ผู้ชายอะไรจะโง่ หลงมันได้ขนาดนี้”
สราลัยโมโหเดินออกไปเลย สุธาวีนั่งนิ่งคิดว่าตัวเองก็โง่จริงๆ ที่ขนาดรู้ว่าปิ่นมณีขายตัว ตัวเองก็ยังรัก และคิดถึงปิ่นมณีขนาดนี้

สุธาวีขับรถมาตามทาง สีหน้าเศร้าๆ คิดถึงแต่เรื่องปิ่นมณีขายตัว
ตอนปิ่นมณีจับเนื้อจับตัวโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นสุธาวี “รอคุณอยู่ตั้งนาน”
ปิ่นมณีกอดซบสุธาวี สุธาวียังงงๆ ไม่รู้ว่าแม่กับปิ่นมณีทำอะไร
“คืนนี้แพทตี้เป็นของคุณนะคะ คุณชาร์ล”
สุธาวีงงว่าชาร์ลไหน แพทตี้อะไร
“แพทเป็นเด็กไม่ดี รอให้คุณลงโทษอยู่ คุณจะทำอะไรก็ได้นะคะ ตามใจคุณ”
สุธาวีอึ้ง พอจะเดาออกว่าปิ่นมณีเป็นอะไร ส่วนปิ่นมณีงงว่าทำไมลูกค้าไม่พูดอะไรเลย
“คุณชาร์ลคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ไม่เห็นพูดอะไรเลย”
สุธาวีเจ็บปวดเหลือเกิน ประคองหน้าปิ่นมณีมามอง ปิ่นมณีคิดว่าเขาจะจูบ ยิ้มพริ้มรอ สุธาวีน้ำตาไหล ค่อยๆ ดึงผ้าที่ปิดตาปิ่นมณีออก
ปิ่นมณีเห็นว่าคนที่ตนเข้าใจว่าเป็นลูกค้าคือสุธาวี ถึงกับผงะตกใจช็อก!
สุธาวีดึงความคิดกลับมา ขับรถต่อไปด้วยสีหน้าเศร้าลึก แสนเจ็บปวดใจ

ทั่วทั้งห้องคอนโดปิ่นมณี มีเพียงไฟสลัวๆ จากโคมไฟส่องแสงสลัว ปิ่นมณีนั่งขดตัวอยู่บนโซฟา จ่อมจมคิดถึงเรื่องตัวเองกับสุธาวี
ตั้งแต่ตอนหล่อนเดินชนกับสุธาวี เจอกันครั้งแรก
สองคนขอโทษกันและกัน “ขอโทษครับ” / “ขอโทษค่ะ”
สุธาวีทัก “ท่าทางคุณรีบ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”
ปิ่นมณีบอก “ชั้นแค่หลงทางน่ะค่ะ”
ฉากดินเนอร์หวานกับสุธาวีที่ภูเก็ตแสนมีความสุขผุดขึ้นตามมา
กระทั่งวันที่สุธาวียกอาหารเช้าที่ทำเองมาให้ปิ่นมณี
“นี่คุณทำเองเหรอคะ”
สุธาวียิ้ม ยักคิ้วให้
“ไปค้างกับคนอื่น แล้วคุณทำอย่างนี้ตลอดเลยเหรอคะ” สุธาวีอึ้ง ปิ่นมณียิ้ม “น่ารักดี”
“ไม่ครับ..เฉพาะกับคุณ” เขาบอก
จนมาถึงตอนสุธาวีถามหลังรู้เรื่องฐานะและสภาพครอบครัว
“นอกจากเรื่องครอบครัวคุณแล้ว คุณมีอะไรปิดบังผมอีกหรือเปล่า...บอกผมมาตอนนี้เลย”
ปิ่นมณีชะงักนิดๆ นึกถึงเรื่องขายตัว ก่อนจะตัดสินใจพูดโกหกเขาไปว่า
“ไม่มีค่ะ”
สุธาวีมองจ้องตาเหมือนจะค้นหาความจริงจากปิ่นมณี
“ผมเชื่อคุณ”
คิดขึ้นมาแล้วปิ่นมณีก็ยิ่งเสียใจ ความดีที่สุธาวีมีให้มากมาย สมองปิ่นมณียามนี้ว่างเปล่าโหวงเหวงไปหมด

เช้าวันหนึ่ง อรทัยมาเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลแต่เช้า และกำลังเปลี่ยนดอกไม้ในแจกัน ศิวานอนอยู่บนเตียงมองอรทัย ศิวาดีใจที่อรทัยยอมดีกับลม ธวัชชัยยืนอยู่ด้วยในห้อง
อรทัยหันไปเจอศิวามองอยู่ก็ยิ้มให้ ศิวายิ้มตอบลูกสาวอารมณ์ร้ายอย่างอ่อนโยน
“พ่อขอบใจแกมาก ที่ยอมดีกับน้อง”
อรทัยอึ้งไปนิด ตะขิดตะขวงใจที่ต้องยอมรับศุวิลเป็นน้องชาย แต่ก็ไม่ได้โกรธศุวิลเท่าเมื่อก่อนแล้ว
“พ่อไม่คิดเลยว่าจะเห็นแกสองพี่น้องดีกัน ถ้าพ่อตาย พ่อคงนอนตายตาหลับ”
“คุณพ่ออย่าพูดอย่างนั้นค่ะ คุณพ่อต้องอยู่กับอรไปนานๆ นะคะ”
“คุณศิวากำลังใจดีอย่างนี้ ...ต่อไปผมว่าท่านต้องการดีขึ้นแน่นอนครับ” ธวัชชัยเอ่ยขึ้น
อรทัยยิ้มให้กำลังใจพ่อ ศิวาคิดเรื่องสุธาวี
“แล้วเจ้าวีมันเป็นยังไงบ้าง ไม่เห็นมาเยี่ยมชั้นเลย”
อรทัยไม่อยากเล่าเรื่องลูกชาย กลัวอาการพ่อจะทรุดหนัก
“ตาวีเค้างานยุ่งนิดหน่อยน่ะค่ะ เลยไม่ได้มาเยี่ยม”
“งั้นฝากไปบอกมันด้วยว่า ชั้นไม่ได้โกรธอะไรมันแล้ว ชั้นอยากเห็นลูกหลานอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข”
“คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องตาวีแล้วล่ะค่ะ อีกหน่อยก็เรียบร้อย”
อรทัยยิ้มในสีหน้า ด้วยคิดว่าตัวเองตีปิ่นมณีแตกกระเจิงแล้ว อีกหน่อยสุธาวีก็คงทำใจได้เอง

ที่ไหนได้ คืนนั้น สุธาวีนั่งเมามายอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ในมือถือแก้วเหล้า ดวงตาเหม่อลอย เรื่องปิ่นมณีวนเวียนอยู่ในหัว สุธาวีว้าวุ่นไปหมด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหาปิ่นมณี แต่ก็รีบกดวางสาย เขายังสลัดเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นและเห็นกัยตาตัวเองไม่ได้
โดยเฉพาะอาชีพขายตัวของปิ่นมณี!
สุธาวีน้ำตาคลอ รู้สึกเจ็บปวด เสียงนั้นยังคงวนเวียนหลอกหลอนเขาอยู่อย่างนั้น
“แพทเป็นเด็กไม่ดี...รอให้คุณลงโทษอยู่ คุณจะทำอะไรก็ได้นะคะ...ตามใจคุณ”
สุธาวียกแก้วเหล้าดื่มหมดในรวดเดียว แทบบ้า

ร้านกำลังปิด แขกที่มาเที่ยวกลับไปหมด เหลือแต่พนักงานที่เก็บร้าน คว่ำเก้าอี้
สุธาวียังนั่งอยู่ที่เดิม ตอนนี้เขาไม่มีสติพอจะรับรู้อะไรทั้งนั้น เขายื่นแก้วเหล้าไปให้พนักงานที่บาร์
“ขอโทษนะครับ..ร้านปิดแล้ว...”
สุธาวีชะงัก มองหน้าพนักงานอาการโงนเงน พนักงานออกมาจากบาร์มาประคอง
“จอดรถไว้ แล้วกลับแท็กซี่ดีกว่านะครับ..เดี๋ยวผมเรียกรถให้...ให้ส่งที่ไหนดีครับ”
พนักงานพาสุธาวีเดินได้ไม่กี่ก้าว สุธาวีก็หมดสติ ยังไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น
“อ้าว...พี่ๆๆ”
พนักงานคิดๆ ว่าเอายังไงดี หยิบโทรศัพท์สุธาวีขึ้นมา กดดู เห็นชื่อปิ่นมณีเป็นชื่อล่าสุด

ปิ่นมณียืนพิงรถอยู่ริมถนนอันเวิ้งว้างอย่างโดดเดี่ยว คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น คิดถึงสุธาวี โทรศัพท์ดัง หล่อนหยิบมาดู เห็นว่าเบอร์สุธาวีโทร.เข้า ปิ่นมณีชะงัก
“คุณวี...” ปิ่นมณีตัดสินใจกดรับ “ค่ะ...คุณวี” นิ่งฟังแล้วตกใจ “อะไรนะคะ! ค่ะๆ เดี๋ยวดิชั้นรีบไป”

ปิ่นมณีพยุงสุธาวีเข้ามาในคอนโด พาร่างไร้สติไปลงนอนบนเตียง ปิ่นมณีจ้องหน้าสุธาวี เพิ่งรู้ว่าตัวเองคิดถึงเขามากขนาดไหน

ปิ่นมณีหันไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำบิดพอหมาดเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้สุธาวี รู้สึกเสียใจที่ความสัมพันธ์ของหล่อนกับเขาจบลงชนิดที่ไม่มีทางกลับมาคืนดีกันได้อีกแล้ว

ครู่ต่อมาปิ่นมณีเดินถือกระดาษแผ่นหนึ่งพับแล้วออกมาจากห้องนอน เป็นกระดาษที่เขียนข้อความถึงสุธาวีอย่างจริงใจ หล่อนค่อยๆ เอาใส่กระเป๋าเสื้อสูทของสุธาวีที่ถอดวางไว้ข้างนอก

ส่วนสุธาวีค่อยๆ สะลืมสะลือตื่นขึ้นมา มองไปรอบๆ ห้อง รู้สึกคุ้น แล้วก็จำได้ว่าเป็นคอนโดของปิ่นมณี สุธาวีงงว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เขายันตัวลุกขึ้นจากเตียง
ปิ่นมณีนั่งเศร้าอยู่ที่ห้องรับแขก สุธาวีเปิดประตูห้องนอนมาเจอ
“ปิ่น...”
ปิ่นมณีหันไปเห็นท่าทางสุธาวีดูยังเหนื่อยล้าอยู่ แต่สุธาวีเห็นปิ่นมณีแล้วยิ่งเจ็บปวดก็เลยจะเดินออกไป
“คุณวียังไม่สร่าง นอนก่อนเถอะค่ะ”
ปิ่นมณีลุกเดินไปหาจะจับตัว แต่สุธาวีสะบัดปิ่นมณีออกสุดแรง
“ไม่ต้องมายุ่งกับผม!”
ปิ่นมณีชะงัก เห็นท่าทีของสุธาวีแล้วยิ่งเจ็บ
“ทำไม? จะยื้อให้ผมค้างที่นี่เพราะอะไร? หรือคืนนี้ไม่มีแขก ให้ผมเป็นแขกคุณมั้ยล่ะ”
ปิ่นมณีมองสุธาวีอย่างเจ็บปวดเหลือเกิน
“เกินไปแล้วนะคะคุณวี!”
สุธาวีโมโหเข้าไปจับตัวปิ่น
“เกินไปยังไงเหรอปิ่น ที่เกินไปน่ะคุณต่างหาก ที่หลอกผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“ปล่อยชั้นนะคุณวี”
“จะยึกยักทำไม ผมมีเงินจ่ายคุณนะ จะเอาเท่าไหร่ แสนหรือสองแสน”
ปิ่นมณีเสียใจ น้ำตาคลอจะร้องไห้แล้ว
“ชั้นบอกให้หยุด หยุดพูด”
สุธาวีไม่หยุด
“ออดอ้อนผมแบบคืนนั้นสิ ไหนทำให้ผมดูซิ ว่าเวลาคุณอยู่กับแขก คุณทำยังไง !
ปิ่นมณีร้องไห้แล้วตบหน้าสุธาวีเต็มแรง
“ใช่! ชั้นมันแค่ผู้หญิงขายตัวที่หลอกคุณ เอาเลย ดูถูกชั้นเลย ชั้นมันไม่มีค่าอะไร พอใจหรือยัง พอใจหรือยัง”
สุธาวีมองปิ่นมณี นึกเสียใจเหมือนกัน คว้าสูทของตัวเองเดินออกไปทันที

ลับหลังสุธาวี ปิ่นมณีทรุดตัวลงที่พื้นน้ำตาไหลรินรดแก้มนวล

อ่านต่อตอนที่ 13
กำลังโหลดความคิดเห็น