xs
xsm
sm
md
lg

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 21

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 21

จุนจีอุ้มกรรัมภาเข้ามาในเรือนกล้วยไม้

“ทีนี้ไม่มีใครเห็นแล้ว แล้วก็ไม่มีใครมาได้ยินทั้งนั้น เรามาพูดเรื่องส่วนตัวกันดีกว่า”
“ส่วนตัวอะไร”
“ในฐานะของผู้ชายธรรมดาคนนึง กับผู้หญิงธรรมดาคนนึง ที่รักกัน ไม่ใช่แบบความบ้าคลั่ง ของติ่งหู กับไอด้อลน่ะ ไหน มีอะไรจะพูดไหม”
“ไม่มี”
“ไม่จริง สารภาพมาซะดีๆ เร็ว จะยอมผม หรือไม่ยอม”
จุนจีอุ้มพากรรัมภาหมุนไปรอบ กรรัมภาโอบกอดรอบคอจุนจีแน่น
“ว้าย คนบ้า!จุนจี เดี๋ยวแก้มก็ร่วงหรอก”
จุนจีหยุดหมุน แล้วพูดส่งสายตาหวานใส่
“งั้นก็กอดผมให้แน่นๆซิครับ”
กรรัมภายิ้มเขิน หลบตา
“นี่คู้ณ...จะมัวหลบตาผมอยู่ทำไม ตอนนี้เราอยู่กันแค่สองต่อสองแล้ว คุณอยากจะทำอะไรผมก็ทำ”
”ในฐานะเป็นผู้หญิงธรรมดา กับผู้ชายธรรมดา ผู้หญิงเขาก็ต้องรักนวลสงวนตัว อายๆ เขินๆ ไม่เผยความในใจง่ายๆ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นผู้หญิงใจง่าย เพราะฉะนั้น วางแก้มลงเลย”
“ว้า...แล้ว งั้นกลับมาเป็นฐานะไอดอลกะติ่งหูก็ได้ สมมุติว่า ถ้าแฟนคลับสาวสวย ได้อยู่กับปาร์คจุนจีตามลำพัง แฟนคลับสาวสวยอยากจะทำอะไร หื๊อ ไม่คิดเหรอ”
กรรัมภาดีดนิ้ว
”เอ่อ...ฉันคิดไว้ตึมเลยล่ะ”
“งั้นก็ทำเลย อ่ะ อะไรมั่ง ทำมาเลยๆ”
จุนจีพูดพลางหลับตายื่นหน้าให้
“เอ๊า...เร็วเข้าซิคุณ ทำเร็วๆเข้า”
“ได้...งั้นฉันไม่เกรงใจล่ะนะ”
กรรัมภาหันไปกัดหมับเข้าที่หูของจุนจี
“อ๊าก”
จุนจีลืมตาร้องลั่นพลางปล่อยกรรัมภาลง
“คุณจะบ้าเหรอ มากัดหูผมทำไม”
”ก็นี่แหละที่ฉันฝันอยากจะทำ ถ้าได้อยู่กับจุนจี ฉันจะกัดให้หายหมั่นเขี้ยวในความขี้เก๊กของคุณ เย้! ในที่สุด ฉันก็ได้ทำอย่างที่ฝันแล้ว เย้ๆ”
กรรัมภาวิ่งหนีไปในเรือนกล้วยไม้ จุนจีวิ่งไล่จับ
“ยัยโรคจิต มานี่เลยนะ มาให้ผมกัดคืนซะดีๆ”
“อ๊าย...มีการเอาคืนด้วยเหรอ ก็คุณอนุญาตฉันเองนะ อย่านะ...ฮ่ะๆ”

กรรัมภาวิ่งหนี มือก็ปัดป่ายกระถางกล้วยไม้ที่แขวนอยู่เหนือหัว และแล้วมือกรรัมภาก็ไปเกี่ยวเอากับลวดเล็กที่มัดต้นกล้วยไม้ติดไว้กับกระถาง ทำให้ถุงมือบางขาด
“อุ้ย…”
กรรัมภาหยุด มองเห็นมือเลือดซิบเลยทรุดนั่งยองลง ถอดถุงมือออกทิ้งลงที่พื้น จุนจีเข้ามาดู
“เป็นอะไรคุณ”
“มือไปเกี่ยวกับลวดอ่ะ เลือดออกเลย”
“ไหน...ให้ผมดูซิ”
จุนจีเอามือกรรัมภามาดู
“ผมพาไปฉีดยากันบาดทะยักดีกว่า”
“ค่ะ...”
กรรัมภาพูดพลางยื่นมือเปล่าข้างที่มีแผลไปหยิบถุงมือที่ทิ้งอยู่บนพื้น ทำให้นิ้วสัมผัสถูกพื้นเรือนกล้วยไม้ กรรัมภาหยุดกึก ดวงตาเบิกโพลง
“ห่ะ!”
“คุณแก้ม”
กรรัมภาเบิกตาโพลง ตัวสั่นระริก
“คุณ...เป็นอะไร”
ภาพในหัวกรรัมภา แว๊บเข้ามามากมายเกินกรรัมภาจะรับได้
“ฉันเห็น”

“เห็นอะไร”

“เห็นย่าคุณ”

กรรัมภาเห็นตรงพื้นที่สัมผัสนั้นเป็นภาพหน้าพิมพ์พิลาศที่ล้มอยู่กับพื้น ตาเบิกโพลงดูน่ากลัว กระตุกๆ
กรรัมภาที่เหงื่อซึมออกมาตามใบหน้า ตัวเกร็ง
“ย่าคุณ...ย่าคุณเสียชีวิตตรงนี้”
จุนจีตกใจ
“...คุณ...คุณ”
จุนจีเป็นห่วงกรรัมภา
“ย่าคุณ...เข้า...เข้ามาในเรือน...เข้ามาในนี้...” กรรัมภาเสียงสั่น “มี...มีคนวิ่งเข้ามาก่อน”

ผู้ชายวิ่งใส่เสื้อโค้ทวิ่งเข้ามาและตามด้วยพิมพ์พิลาศถือเชิงเทียนตามเข้ามาในเรือนกล้วยไม้
“มี...มีคน...เข้ามา...”
กรรัมภาเหงื่อแตกโชก…
พิมพ์พิลาศเดินลึกเข้าไปในเรือนกล้วยไม้ ร่างใครคนหนึ่งในความมืดสลัวก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูกระจกเรือนกล้วยไม้
“ผู้หญิง...ผู้หญิง”

ร่างคนที่ยืนอยู่นอกประตูกระจกผลักประตูเข้ามาอย่างช้าๆเงียบกริบ แต่ความมืดยังบดบังใบหน้าและรูปพรรณสัณฐาน ร่างนั้นหยุดยืนมองไปที่ด้านหลังของพิมพ์พิลาศที่กำลังเดินยกเชิงเทียนมองหาผู้บุกรุก พิมพ์พิลาศยกเชิงเทียนเดินกวาดตาหา เตรียมพร้อมฟาดคนร้าย
“ใครอยู่ในนี้ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
ร่างด้านหลัง มือที่สวมถุงสีแดงมือยกถุงในมือขึ้น ร่างนั้นถือถุงขยับก้าวเข้ามาใกล้ ทำให้แสงสว่างกระทบใบหน้า ปรากฏใบหน้าของคนถือถุงเป็นอรวีนั่นเอง
อรวีอยู่ในอาการกำลังต่อสู้กับความกลัวของตัวเอง ยกถุงสูงขึ้นด้วยมือที่สั่นเทา ทำให้เห็นว่าเพชฌฆาตตัวเขื่องในถุงกำลังบิดตัวเคลื่อนไหวไปมา พิมพ์พิลาศรู้สึกได้ถึงสายตานั้น หยุดเดินแล้วหันขวับหันมามองทางประตู เลยหันขวับมา
“นั่นใคร ใครอยู่ตรงนั้น”
อรวีหลบไปแล้วเท้าอรวีที่สวมส้นสูงสีแดงก็ขยับเข้าหลบอยู่ในความมืดรอเวลา
“ใคร ใครอยู่ตรงนั้น”
อรวีคว่ำถุงลงกับพื้น งูเห่าสีดำเมี่ยมหล่นลงพื้น “ตุ๊บ” แล้วเลื้อยหายไปในดงไม้ ขณะที่งูขยับตัวเคลื่อนไหว ทำให้หูพิมพ์พิลาศได้ยิน เดินเข้าไปใกล้ดงกล้วยไม้ที่งูอยู่
“ฉันรู้นะ แกหลบอยู่ตรงนั้น ออกมาซะดีๆ แกหนีไปไหนไม่พ้นหรอก บอกให้ออกมา”
พิมพ์พิลาศเงื้อเชิงเทียนเข้าไปแล้วก็ได้ยินเสียงขู่ฟ่อเหนือหัว
“ห่ะ!”
พิมพ์พิลาศตกใจเงยหน้าขึ้นมองเหนือหัว เห็นงูเห่าสีดำเมื่อมห้อยอยู่บนกิ่งไม้ แลบลิ้นแผล่บๆ ดวงตาแดงวาบของมันจดจ้องมาที่พิมพ์พิลาศ ประหนึ่งเจอเหยื่ออันโอชะ
พิมพ์พิลาศอ้าปากค้าง ยังไม่ทันจะได้ตกใจ งูเห่าก็ยืดตัวพุ่งมาใส่ พิมพ์พิลาศหวีดร้องสุดเสียง เชิงเทียนในมือร่วง พิมพ์พิลาศล้มลงกับพื้นทันที
งูเลื้อยหนีไปตามพื้น เท้าของชายอีกคนโผล่ออกจากที่ซ่อนพร้อมห่วงจับงู เขาตวัดห่วงเข้าหัวงูเห่ารัดจับมันไว้ทันที แล้วมือที่สวมถุงมือก็ยกไม้จับงูที่มีร่างงูที่บิดตัวดิ้นรนเอาชีวิตรอดขึ้นมา แสงกระทบหน้าเห็นเป็นหน้าสมชายที่ยิ้มอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะรีบเดินเอางูผละออกไปจากเรือนกล้วยไม้

ร่างพิมพ์พิลาศที่กำลังนอนหายใจรวยระริน ช่วยตัวเองไม่ได้ พิษงูที่วิ่งเข้าสู่หัวใจ ทำให้พิมพ์พิลาศเป็นอัมพาต หายใจไม่ออก เจ็บปวดเจียนตาย
“ชะ...ช่วย...ด้วย”
พิมพ์พิลาศ เห็นรองเท้าส้นสูงสีแดงยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ พิมพ์พิลาศยกมือตะเกียกตะกายจะขอความช่วยเหลือจากใครคนนั้น
“ชะ...ช่วย...”

อรวีเดินออกมาจากเงามืด ยืนมองพิมพ์พิลาศสองมือกุมอยู่ที่หน้าอก ส่ายหน้าอย่างสั่นสะท้าน แต่ ไม่คิดจะช่วย แล้วก็ยืนมองจนกระทั่งพิมพ์พิลาศขาดใจตายตาค้าง อรวีร้องไห้ออกมาอย่างแสนเสียใจกับ

กรรัมภาหลุดจากภาพเหตุการณ์ ทรุดลงนั่งพับเพียบกับพื้นหมดแรง

“ฆาตกรไม่ใช่อติเทพ แต่เป็นอรวีเลขาทนายสมชายน่ะเหรอ” จุนจีถาม
“ไม่ใช่แค่คุณอรวีคนเดียว ทนายสมชาย งูที่หายไป เขานั่นแหละที่เป็นคนจับไป”
“สองคนนั่น ร่วมมือกันฆ่าคุณย่าผม”
“เราต้องรีบไปบอกพี่ณัฐ ว่าเราจับฆาตกรผิดตัว รีบไปค่ะจุนจี”
ทั้งสองคนจูงมือกันลุกขึ้นหันมา ก็เจอเข้ากับอรวียืนหน้าเศร้าอยู่ ทั้งสองตกใจสะดุ้งสุดตัว
“ห่ะ!” กรรัมภากับจุนจีตกใจ
“ทุกอย่างกำลังจบอยู่แล้ว พวกคุณมารื้อฟื้นมันอีกทำไม”
“มันจบไม่ได้หรอก ถ้าฆาตกรตัวจริงยังลอยนวล วิญญาณของคุณพิมพ์พิลาศก็ยังทนทุกข์ ไปผุดไปเกิดไม่ได้”
“คุณฆ่าคุณย่าผม คุณต้องได้รับโทษ”
“ใครทำกรรมอะไรไว้ ควรต้องได้ผลกรรมที่กระทำนั้น”
“ไม่”
อรวีตวาดขึ้นพร้อมกับยกปืนในมือขึ้นจ่อมาที่ทั้งสองคน
“อย่ายิงนะคุณอรวี คุณอยากให้เรื่องมันร้ายแรงมากกว่าเดิมอีกเหรอ”
“แค่ฝังพวกคุณสองคนในเรือนกล้วยไม้นี่ซะทุกอย่างก็จบ”
จุนจีได้ยินอย่างนั้น ตาเหลือบมองเห็นกระถางกล้วยไม้แขวนอยู่เหนือหัวตรงหน้า ไวเท่าความคิด เขาตัดสินใจผลักกรัมภาล้มไปอีกทางพร้อมๆกับกระโดดเตะกระถางด้วยวิชาเทควันโดของเขา อรวีเล็งปืนส่ายไปมา ทั้งสองเป้าเลยเสียสมาธิ
“ย๊าก”
กระถางกล้วยไม้กระเด็นเข้าใส่อรวีทันทีในจังหวะที่อรวีลั่นไกยิงพอดี
“อ๊าย”
อรวีตกใจ หันหน้าหลบ มือที่ลั่นไกยิงก็เลยพลาดเป้า ปั้งๆ กระสุนยิงถูกกระถางกล้วยไม้กระจุย จุนจีเอามือโอบพากรกรัมภาก้มหลบแล้วพาวิ่ง
“วิ่ง...คุณแก้ม”
จุนจีพากรรัมภาวิ่งหนีไปทางประตูทางออกของเรือนกล้วยไม้ อรวีหันมองตาม
“จะหนีไปไหน กลับมานะ”
อรวีกรี๊ดร้องราวเสียสติวิ่งตามไป

จุนจีจูงมือกรรัมภาผลักประตูเรือนกล้วยไม้วิ่งหนีออกมา ก็พบสมชายยืนรออยู่พร้อมปืนสั้น...ยิงใส่เป็นชุด ปังๆ
จุนจีพากรรัมภาล้มตัวลงกระโจนหลบกลิ้งไปกับพื้น
“อร๊าย”
จุนจีหันมามองกรรัมภามีเลือดไหลออกมาจากไหล่
“คุณโดนยิง”
กรรัมภาหน้าซีดเผือด สมชายเดินถือปืนขบกรามจ่อเข้ามาจะยิงซ้ำ
“พวกมึงสองคน ตาย”
จุนจีขย้ำกองทรายใกล้มือเขวี้ยงไปใส่หน้าสมชาย ทำให้ดินฟุ้งเข้าตา
“อ๊าก”
จุนจีลุกขึ้นพุ่งเข้าชนสมชาย จนสมชายล้มลง ปืนกระเด็นหลุดมือ
“ลุกเร็วคุณแก้ม...หนี”
จุนจีดึงกรรัมภาลุกวิ่งหนีไป อรวีตามออกมาจากเรือนกล้วยไม้ เห็นสมชายกำลังปัดทรายออกจากตาอยู่ที่พื้น
“เป็นไงบ้างพ่อ มันหนีไปแล้ว ทำไงดี”
“อย่าให้มันหนีรอดไปจากบ้านหลังนี้ได้ ไป”
อรวีกับสมชายถือปืนวิ่งตามล่าไป

ลีจองกุ๊กที่รอจุนจีอยู่ในบ้านเดินออกมาหน้าบ้าน บริเวณน้ำพุหน้าบ้าน
“เสียงใครมาจุดปะทัดไล่ผีแถวนี้ ยิ่งกลัวๆอยู่ว่าผีคุณย่าจุนจีจะโผล่ออกมาอัน-นยอง-ฮา-เซ-โย บรื๋อออ….จุนจีไปสวีตถึงไหน”
จุนจีวิ่งประคองแก้มมาแต่ไกลจากเรือนกล้วยไม้ ที่อยู่อีกฟากของบริเวณบ้าน ลีจองกุ๊กเท้าเอว จุ๊ปากอย่างอ่อนใจ ลีจองกุ๊กตะโกนไป
“ถึงกับต้องประคองกันเลยเหรอจุนจี โรแมนติกมากไปแล้ว”
ปาร์คจุนจีตะโกนมา
“โรแมนติกอะไร คุณแก้มถูกยิง”

“มว๋อ! ถูกยิง? คะ...ใครยิง? ทำไมถึงยิง”

ปังๆ เสียงปืน 2 นัดยิงไล่หลังจุนจีกับกรรัมภา เฉี่ยวหัวลีจองกุ๊กไปโดนน้ำพุด้านหลังปูนแตกกระจาย
 
“อัดช์!”
ลีจองกุ๊กก้มหัวหลบตาเหลือก มองไปเห็นสมชาติกับอรวีถือปืนยิงมาแต่ไกล
“นั่นมัน...ทนาย กับเลขาย่านายนี่จุนจี ทำไมเขาถึงเปลี๊ยนไป่”
“โธ่เอ้ย มัวแต่ถาม หนีก่อนเร็ว”
จุนจีกระชากลีจองกุ๊กหนีไปอีกฟากของบ้าน
“ไอ้จอมจุ้นจุนจี วันนี้แกได้เป็นผีไปอยู่กับย่าแกแน่” สมชายตะโกนลั่น

จุนจีประคองกรรัมภาที่เริ่มปวดแผล และเลือดออกเยอะเข้ามาหาที่หลบบริเวณด้านข้างบ้านที่มีห้องน้ำและแผงต้นไม้เป็นหลืบเป็นซอก
“โอ๊ะ!”
กรรัมภาทรุด
“คุณแก้ม...อดทนไว้นะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป”
กรรัมภากัดปากพยักหน้าอดทนไว้ ขณะที่ลีจองกุ๊กที่วิ่งตามหลัง มือหนึ่งคว้าที่กวาดใบไม้ ยืนเก้กังด้วยอาการลนลานอยู่ใกล้ๆ
“จรรยาบรรณผู้จัดการดารา ต้องดูแลซุปตาร์สุดชีวิต ชีวิตจุนจีอยู่ในความดูแลของกุ๊ก กุ๊กต้องปกป้องด้วยชีวิต”
จุนจีโผล่หน้าขึ้นมาดูจากที่ซ่อน
“โธ่เอ้ยกุ๊ก ของในมือนายจะไปสู้อะไรกับปืนได้“
“เออว่ะ...อย่างน้อยก็กวาดใบไม้ได้น้า...”
ลีจองกุ๊กรีบโยนของในมือทิ้ง แล้วควักปืนออกมาจากกระเป๋าสะพาย แล้ววิ่งเข้ามาหลบอยู่กับจุนจีและกรรัมภา
“แกมีปืนตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไอ้กุ๊ก”
“อ้าว...นานแล้ว เอาไว้ป้องกันจุนจีไง”
ลีจองกุ๊กสังเกตเห็นเลือดกรรัมภาก็ตกใจ
“เย้ย...เลือดๆ”
“ชิ้ว”
จุนจีรีบเอามือปิดปากลีจองกุ๊ก เพราะได้ยินเสียงคนตามเข้ามา

สมชายกับอรวีถือปืนตามเข้ามา จ่อปืนหาตัว แต่ไม่เห็น เลยตะโกน
“ไอ้ปาร์คจุนจี ถ้ามึงเซ็นเอกสารตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องวุ่นวายแบบนี้หรอกโผล่หัวออกมาดีกว่า ช้าเร็ว มึงก็ตายอยู่ดี”
สมชายพูดพลางชี้มือสั่งให้อรวีถือปืนอ้อมไปดูอีกทาง

จุนจีโอบไหล่กรรัมภาไว้แน่นพร้อมจะปกป้อง ถ้าสมชายกับอรวีบุกเข้ามา ขณะลีจองกุ๊กกัดเล็บครุ่นคิดหาวิธีหนี แล้วคิดออก
“กุ๊กคิดออกแล้ว จะช่วยจุนจีหนีออกไปจากที่นี่ได้ยังไง”
“ยังไง”
“กุ๊กนี่แหละ จะล่อมันไปเอง เอานี่”
ลีจองกุ๊กยื่นปืนให้จุนจี
“เอาไว้ป้องกันตัว”
“ออกมาไอ้กิมจิ” สมชายตวาด
จุนจีจะห้าม แต่ไม่ทันเสียแล้ว ลีจองกุ๊กโผล่พรวดขึ้นจากที่ซ่อน สมชายกับอรวีตกใจหันปืนเล็งมาทันที
“แน่จริง ตามฉันมาซิโว้ย”
ลีจองกุ๊กวิ่งกลับไปทางหน้าบ้านทันที อรวีตามไป สมชายค่อยๆขยับออกจากที่หลบเพื่อหาจุนจีให้พบ

ลีจองกุ๊กวิ่งหนีกระหืดกระหอบหนีตายมาล้มลุกคลุกคลาน วิ่งขึ้นบันได ขาดันเจ็บเลยร้องแหกปากลั่น
“อ๊ากๆ อย่ายิง”
ลีจองกุ๊กหันไปมอง ไม่มีใครตามมาสักคน
“อ้าว! ไมไม่ตามมาอ่ะ”
แล้วลีจองกุ๊กต้องขนลุกซู่ เมื่อหันมองไปพบว่าตัวเองยืนอยู่ต่อหน้ารูปขนาดใหญ่ของพิมพ์พิลาศ
“เย้ย”
ลีจองกุ๊กผงะถอยหลัง แต่พบว่าด้านหลังเย็นวาบมีใครบางคนยืนอยู่ ลีจองกุ๊กค่อยๆหันมามอง เห็นวิญญาณพิมพ์พิลาศลอยวูบเข้ามาหยุดอยู่ต่อหน้า ตึง!

ลีจองกุ๊กอ้าปากค้าง ตาถลน
 
อ่านต่อหน้า 2

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 21 (ต่อ)

เมื่อลีจองกุ๊กลุกวิ่งไปก็ทำให้สมชายรู้ว่าจุนจีกับกรรัมภาซ่อนอยู่ที่ไหน สมชายเดินเล็งปืนปรี่เข้าไปหาอย่างช้าๆ

“มุดหัวอยู่ทำไม โผล่ออกมาไอ้จุนจี ได้ยินไหม บอกให้โผล่มา”
จุนจีพากรรัมภาวิ่งหนี สมชายเห็นพอดี ยกปืนยิง ปังๆ จุนจีพากรรัมภาหลับเข้าซอกปูนพอดี ลูกปืนเฉี่ยวไป จุนจีได้จังหวะโผล่ออกไปยิงสวน ตูมๆ สมชายหลบแทบไม่ทัน ไม่นึกว่าจุนจีจะมีปืน
“เฮ้ย...มีปืนด้วยหรือวะ...” สมชายเปลี่ยนลูกกระสุน “มา...ไอ้เกาหลี มึงกะกูใครจะแน่กว่ากัน”
จุนจีพากรรัมภาวิ่งหนีมาอีก เหลือบเห็นมีต้นไม้บังเป็นแผง สมชายวิ่งตามมา จุนจีได้ทีซัดออกไปสองเม็ด ตูมๆ สมชายหลบทัน ยิงสวน ปังๆ

จุนจีกับกรรัมภาที่หลบอยู่ จับมือมองหน้ากัน หวั่นๆว่าอาจจะไม่รอดแล้ว
“คุณหนีไปก่อนนะ”
“ไม่...จุนจี”
“หนีไป”
จุนจีพูดพลางโผล่วิ่งไล่ยิงเข้าใส่สมชาย
“โอ๊ะ!” สมชายตกใจ
“หนีไปคุณแก้ม”
กรรัมภาวิ่งไปอีกทาง เข้าบ้านทางประตูห้องครัว กรรัมภาวิ่งทะลุไปทางห้องทำงานพิมพ์พิลาศ จะเข้าไปทางโถงรับแขก สมชายเห็นกรรัมภาจากภายนอกบ้าน สมชายเล็งปืนไปทางกรรัมภาที่วิ่งอยู่ภายใน จุนจียกปืนเล็งไปท่สมชาย แชะ ลูกกระสุนหมด
“โธ่เว้ย...”
สมชายยิงกรรัมภา ปังๆ ทะลุกระจกแตกตามทางที่กรรัมภาวิ่ง เพล้งๆ
“อร๊ายๆ”
นัดสุดท้ายกำลังจะโดนกรรัมภา สมชายเล็งเน้นๆ แต่ทันใดจุนจีกระโดดมากระแทกสมชายจนล้ม กรรัมภากระโดดหลบเข้าไปในเคาเตอร์บาร์ห้องทำงานได้

จุนจีโถมเข้าไปต่อย สมชายต่อยคืน จุนจีหมุนหลบ ตัวไปอยู่ด้านหลังสมชาย เลยจับล็อคคอไว้ สมชายดิ้นสู้ จุนจีมือหนึ่งล็อคคอสมชาย มือหนึ่งจับแขนที่ถือปืนของสมชายไว้ สมชายพยายามใช้มืออีกข้างดึงแขนจุนจีที่ล็อคคอไว้ แต่ไม่ได้ผลเลยเปลี่ยนมาใช้ศอกหลังกระทุ้งใส่สีข้างหลายครั้ง
“นี่แน่ะ”
จุนจีเจ็บจุก ทำให้แขนที่ล็อคคอสมชายหมดแรงห้อยลง สมชายได้ทีกระชากแขนจุนจีออก แล้วใช้มืออีกข้างจับปืนเปลี่ยนมาถือแทนมือขวาที่จุนจีจับไว้อยู่
“ถึงกูจะไม่ถนัดซ้าย แต่ก็ยิงหน้ามึงเละได้”
สมชายหันกระบอกปืนไปยิงผ่านซอกคอตัวเอง กะเข้าหน้า แต่จุนจีไหวตัวทันผลักสมชายผงะออกไปล้มกลิ้ง สมชายไม่วายหันปืนจ่อมาจะยิงอีก จุนจีตัดสินใจหนีไป
“โธ่เว้ย”
สมชายยิงปืนตาม ปังๆ รีบวิ่งตามไป

ภายในคฤหาสน์พิมพ์พิลาศ...กรรัมภา พอลุกขึ้นก็เจออรวีจ่อปืนมา กรรัมภาได้แต่ส่ายหน้าแววตาขอร้อง
“ออกมา”
กรรัมภาค่อยๆเดินออกมาจากที่ซ่อน เลือดไหลมาตามแขน
“ขอโทษนะ ฉันปล่อยคุณไว้ไม่ได้”
อรวีผลักกรรัมภากระเด็นไป ติดกำแพง กรรัมภากระแทกถูกแผลที่ไหล่เจ็บมาก อรวีหันมาเล็งปืนไปที่กรรัมภา
“แกตาย”
กรรัมภาตกใจอ้าปากค้าง อรวีลั่นไกยิง ปั้ง!
กรรัมภาหลับตากรี๊ด...แต่โกลเดนเบบี๋บินมายืนขวางหน้ากรรัมภาไว้ พร้อมกับยกมือจับลูกกระสุนปืนที่พุ่งมาไว้
“ห่ะ!”

อรวีตะลึงมองแทบช็อค เมื่อเห็นกระสุนปืนที่โกลเดนเบบี๋รับตกลงพื้น

จุนจีวิ่งหนีมาทางหน้าบ้าน สมชายถือปืนวิ่งไล่ตาม

“มึงหยุดอยู่ตรงนั้นนะ”
ปั๊ง! สมชายยิงไป แต่ปืนพลาดเป้าไปโดนโคมไฟข้างเสาแตกเปรี้ยง! ทำให้จุนจีหยุดอยู่กับที่
เสียงพิมพ์พิลาศดังขึ้น
“แกนั่นแหละหยุด ไอ้ทนายเนรคุณ”
สมชายตะลึงเมื่อเห็นลีจองกุ๊กที่ถูกวิญญาณพิมพ์พิลาศเข้าสิงเข้ามาขวางหน้าไว้ สีหน้าท่าทางของจองกุ๊กเปลี่ยนไป ขณะที่จุนจีตกใจหันมามอง
“จองกุ๊ก...นายทำบ้าอะไร ถอยไปนะ เขาจะฆ่านาย”
“ย่าเองจักร ไม่ต้องกลัวหลานรัก ย่าจะปกป้องหลาน ไม่ให้ไอ้คนชั่วพวกนี้ทำอะไรหลานรักของย่าได้”
จุนจีมองร่างของลีจองกุ๊ก เห็นเป็นวิญญาณพิมพ์พิลาศสิงซ้อนทับอยู่
“คุณย่า...”
จุนจีมองพิมพ์พิลาศอย่างซึ้งใจ ขณะที่พิมพ์พิลาศในร่างลีจองกุ๊กหันกลับมามองสมชายอย่างแค้นพยาบาท
“แก...ไอ้สมชาย ฉันอุตส่าห์ไว้ใจแกให้มาทำงานกับฉัน ไม่คิดเลย ว่าแกจะละโมบอยากได้สมบัติของฉัน เรียนซะสูง เป็นถึงทนาย แต่กลับมีจิตใจต่ำช้า ใช้ความรู้ความสามารถที่มีทำตัวเป็นโจร ฆ่าฉัน เพื่อฮุบสมบัติของฉัน ห้องขังในคุกคงไม่พอที่จะลงโทษแกหรอก อย่างแกต้องลงไปรับโทษในนรก”
พิมพ์พิลาศในร่างลีจองกุ๊กยกสองแขนโถมเข้าไปบีบคอสมชาย
“แกตาย...”
สมชายเหมือนเตรียมตัวไว้พร้อมแล้วว่าอาจจะเจอกับอะไร ควักสร้อยพระออกมาสวมไปที่คอลีจองกุ๊กทันที ทำเอาลีจองกุ๊กร้องกรี๊ด
“อร๊าย”
วิญญาณพิมพ์พิลาศกระเด้งหลุดจากร่างลีจองกุ๊ก ลงไปนั่งจับคอที่แสบร้อนจนดำไหม้ควันกรุ่นอยู่ที่พื้นด้านหลังลีจองกุ๊ก ขณะที่ร่างลีจองกุ๊กร่วงลงไปนอนสลบกับพื้น จุนจีตกใจ รีบถลาเข้ามาดูร่างลีจองกุ๊กที่นอนอยู่
“จองกุ๊ก...นายเป็นไงบ้าง...เอ่อ...”
จุนจีชะงักเมื่อพบว่าสมชายจ่อปืนจิ้มอยูที่หัวเขา
“ต่อให้เป็นผีหรือเทวดา วันนี้ก็ไม่มีใครช่วยแกได้หรอกไอ้จุนจี”
“อย่าสมชาย...อย่าทำหลานฉัน”
พิมพ์พิลาศได้แต่ร้องห้าม ทำอะไรไม่ได้ เพราะสร้อยพระทำให้วิญญาณหมดพลัง
“เพราะมึงตัวเดียวไอ้จุนจี ไม่ยอมเซ็นยอมรับพินัยกรรมซะที ไม่งั้นกูได้มรดกเสวยสุขไปนานแล้ว เพราะมึงทำให้ไอ้อติเทพมันหักหลัง ทอดทิ้งกูกับลูกสาวเพราะมึง เพราะมึงทำให้กูไม่ได้อะไรเลย มึงต้องชดใช้ด้วยชีวิตซุปเปอร์สตาร์ของมึง”
สมชายจ่อจะลั่นไก จุนจีนั่งนิ่งยอมรับชะตากรรมแล้ว แต่พิมพ์พิลาศร้อนขึ้น
“อย่าสมชาย ฉันจะให้สมบัติที่แกต้องการ”
สมชายหยุดนิ้ว
“แกว่าไงนะ”
“ฉันยังมีสมบัติซ่อนอยู่ในบ้านนี้อีก ฉันจะยกให้แกทั้งหมด เพื่อแลกกับชีวิตหลานชายฉัน”
สมชายยิ้มออกทันที

ภายในบ้านพิมพ์พิลาศ อรวีจ่อปืนมือสั่นมาที่กรรัมภาที่โกลเดนเบบี๋ขวางอยู่
“วางปืนซะเถอะวิ เชื่อพี่เถอะนะ”
“ไม่...ฉันไม่เคยมีผีเป็นพี่สาว แกตายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่รู้เรื่องด้วย”
“โกลเดนเป็นพี่คุณอรวี” กรรัมภาบอก
“เงียบ” อรวีสั่ง
“เชื่อโกลเดนเถอะค่ะคุณอรวี วางปืนแล้วไปสารภาพความจริงทุกอย่างกับตำรวจดีกว่า โทษหนักของคุณจะได้กลายเป็นเบา”
“ฉันไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ฆ่าเธอแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นคนปล่อยงูฆ่าคุณพิมพ์พิลาศ ฉันอาจจะรอดมากกว่า”
อรวีลุกขึ้นยืนเล็งปืนเข้ามาหากรรัมภา
“พี่รู้ว่าน้องไม่อยากจะทำหรอก พ่อบังคับน้อง น้องหยุดซะเถอะ” โกลเดนเบบี๋พยายามขอร้อง
“หุบปากยัยเด็กผี แกไปซะ อย่ามายุ่งกับฉัน ชีวิตฉัน ฉันเลือกเอง”
“หมายความว่าน้องเลือกที่จะเป็นกิ๊กนายอติเทพ เลือกที่จะทำตามที่พ่อสั่ง เลือกที่จะฆ่า คุณย่านายอุนจิเพื่อเอาสมบัติเขาน่ะเหรอ”
“ใช่ ฉันเลือก ฉันถึงได้ทำ”
ปังๆ
อรวีลั่นไกยิงกรรัมภาหมดแม็ก แต่โกลเดนเบบี๋กลับรับกระสุนด้วยสองมือไว้หมด
“ห่ะ!”
อรวีเห็นโกลเดนเบบี๋กำกระสุนไว้ด้วยสองมือที่เกร็งมีควันปืนลอยฟุ้งออกจากมือ พร้อมกับมีน้ำตาไหลอาบแก้ม ปล่อยกระสุนร่วงลงพื้นเกลื่อน
“พี่เคยสงสารตัวเองที่มีกรรมทำให้ไม่ได้เกิด แต่ตอนนี้พี่สงสารคนที่ได้โอกาสเกิดมาแล้วยัง สร้างกรรมเพิ่มอีก”

อรวีสำนึกผิดปล่อยปืนร่วงลงพื้นอย่างหมดแรง

ณัฐเดช วรวรรธ เนตรสิงตางศุ์วิ่งเข้ามา เห็นกรรัมภาถูกยิง ที่ข้างตัวอรวีมีปืน ณัฐเดชก็ ตะปบมือไปที่ปืนเหน็บเอวทันที
 
“มอบตัวซะนะครับคุณอรวี ตอนนี้ตำรวจรู้ความจริงหมดแล้ว อย่าคิดต่อสู้เป็นอันขาดยกสองมือขึ้นครับ”
อรวีทำตามอย่างหมดทาง ณัฐเดชปรี่เข้าไปจับใส่กุญแจมือ โกลเดนเบบี๋ยืนมองอย่างสุดเศร้า วรวรรธรีบเข้าไปดูอาการกรรัมภา
“คุณแก้ม ถูกยิงเหรอครับ”
“แกไหวไหม ไปโรงพยาบาลดีกว่า” เนตรสิตางศุ์บอก
“ฉันยังไหว ฉันไม่เป็นไร รีบตามไปช่วยจุนจีเถอะค่ะ ทนายสมชายกำลังจะฆ่าเขา ไปช่วย ตาอุนจิเถอะ จะอยู่เป็นเพื่อนพี่วิเอง”
ณัฐเดช วรวรรธชักปืน เนตรประคองกรรัมภารีบลุกตามออกจากห้องไป
“วิฟังพี่ พี่จะสวดมนต์แผ่ส่วนกุศลให้ฟัง”
ว่าแล้วโกลเดนเบบี๋ก็นั่งขัดสมาธิลง สวดมนต์ ก้องห้อง ทำให้อรวีนั่งซบหน้ากับเข่าร้องไห้แทบขาดใจ

พิมพ์พิลาศนำสมชายที่เดินใช้ปืนจี้ตัวจุนจีมาที่ห้องๆหนึ่ง
“ไหน...สมบัติแกอยู่ที่ไหน ถ้าหลอกฉันล่ะก็ หลังหลานแกทะลุแน่”
พิมพ์พิลาศลอยไปที่ตู้ใบหนึ่ง ใช้พลังเปิดบานตู้ออก มีตู้เซฟซ่อนอยู่ภายใน
“เก่งเรื่องซ่อนสมบัติจริงๆนะอีแก่ เปิดตู้เซฟซี ช้าอยู่ทำไม เร็วๆ”
สมชายใช้ปืนจิ้มหลังจุนจี
“ฉันๆเปิดแล้ว อย่าทำหลานฉันนะ”
“ก็เร็วซี”
พิมพ์พิลาศรีบยกมือใช้พลังเปิดรหัสเซฟ แล้วประตูเซฟก็เปิดออกเห็นเป็นทองแท่งและเพชร มากมายอยู่ในนั้น สมชายยิ้มตาลุก ผลักจุนจีไปพร้อมกับส่งกระเป๋าที่เห็นวางอยู่ใกล้ๆให้
“ยืนเฉยอยู่ทำไม ไปเก็บสมบัติย่าแกใส่กระเป๋าให้ฉันเร็วเข้าซี”
จุนจีเก็บสมบัติในเซฟใส่กระเป๋า โดนที่สมชายจี้ปืนไว้ไม่ห่าง พิมพ์พิลาศได้แต่ยืนห่วงหลาน

ณัฐเดชเดินนำทุกคนมากลางโถง
“แล้วนี่จุนจีอยู่ไหน ทนายสมชายทำอะไรเขาไปแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้ โอ๊ปป้าๆ” กรรัมภาพยายามร้องเรียก
“เงียบก่อนยัยแก้ม อย่าเพิ่งโวยวาย พี่จุนจีเขาเป็นคนดีผีคุ้มจะกลัวอะไร”เนตรสิตางศุ์บอก
“ใช่ โอ๊ปป้า เป็นคนดีผีคุ้ม ผีคุณย่าเขาเอง”
ณัฐเดชลุกเดินนำทั้งหมดไปตามหาจุนจีตามห้อง

ห้องเก็บสมบัติ...จุนจีเก็บสมบัติในเซฟใส่กระเป๋าให้จนหมด
“ส่งกระเป๋ามาให้ฉัน”
สมชายสั่งพลางจ่อปืนขู่ จุนจีส่งให้
“แกได้สมบัติไปแล้ว ก็ปล่อยหลานฉันไปซะที”
“ปล่อยมัน มันก็แจ้งตำรวจตามล่าฉันน่ะซิ”
“แต่แกสัญญากับฉันแล้ว”
“โทษทีนะคุณนาย กับผี ใครจะปัญญาอ่อนไปรักษาสัญญาด้วยวะ แกตายตามย่าแกไปเถอะ”
“ไอ้ชั่ว”
สมชายจ่อปืนจะยิงจุนจี แต่พิมพ์พิลาศใช้พลัง ทำให้กระดาษเอกสารใน ห้องปลิวใส่สมชาย
“โอ๊ะ”
สมชายตกใจชะงัก จุนจีเลยได้โอกาสพุ่งเข้าตะครุบ จนสมชายล้มคว่ำไป
“หนีไปจักร”
จุนจีวิ่งหนีไปที่ประตู สมชายหันมาเล็งปืนไป ณัฐเดช วรวรรธถีบประตูเข้ามาพอดี
“หยุดนะ ทนายสมชาย วางปืนลงเดี๋ยวนี้...วาง”
สมชายปล่อยปืนร่วง
“ยกมือขึ้น เร็ว”
สมชายยกมือขึ้น ณัฐเดชกับวรวรรธรีบเข้าไปจับกุมสมชายทันที
“จุนจี”
กรรัมภาวิ่งร้องไห้เข้ามากอดจุนจี ทั้งคู่ดีใจที่รอดตายมาได้เจอกันอีกครั้ง จุนจีหันมามองวิญญาณพิมพ์พิลาศที่ยืนร้องไห้อย่างดีใจที่จุนจีปลอดภัย
“คุณย่า...ขอบคุณครับที่ช่วยผม”

สี่สาวนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ ญาณินเดินเข้ามา พร้อมปิดแฟ้มในมือลง
“เคสนี้เป็นเคสที่ห้าของซิกส์เซนส์ ที่ทำสำเร็จแล้ว สุคนธรส ต้องปรบมือให้ยัยแก้มคุณหนูไฮโซของเราด้วย”
ห้าสาวปรบมือเฮฮากันครึกครื้น
“โอ๊ย...” กรรัมภาตบมือแรงเจ็บแผลที่แขน
“เจ็บแล้วยังจะซ่าอีก ฮ่าๆ” กรรณาแซว
“ทั้งอติเทพและอรวียอมสารภาพความจริงทุกอย่าง” เนตรสิตางศุ์บอก
“ส่วนยัยเป้ย ทางตำรวจสอบปากคำแต่ไม่มีหลักฐานอะไรเชื่อมโยงถึง จึงไม่ต้องติดคุก” กรรัมภาเล่า
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ ยัยแอ๊บแบ๊ว” สุคนธรสขำๆ
“แล้วแก...” กรรณาพูดกับแก้ม “ไม่ไปไหว้ฝากเนื้อฝากตัวกับว่าที่พ่อแม่สามีเหรอ...”
“บ้า เขาอยู่เกาหลีย่ะ ยังไม่มา”

ทุกคนหัวเราะแซวกรรัมภาที่หน้าแดง

ในกองถ่ายละคร ซองซูที่กำลังแต่งตัวพลางเปิดไอแพดดู...ช็อค
 
“มว๋อ! เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้”
เป้ยกับช่างหน้าผมที่กำลังทำงานกันอยู่ หันมามองว่าเป็นบ้าอะไรขึ้นมา
“ในโลกนี้มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีกเหรอ รู้ป่ะ มันเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละย่ะเศรษฐีหมาดๆ เพิ่งรับมรดกพันล้าน ยังถูกจับข้อหาปลอมแปลงเอกสาร กลายเป็นเทวดาตกสวรรค์” เป้ยหมายถึงอติเทพ
“แล้วรู้ป่ะ ใครที่มันคาบมรดกพันล้านไปกินแทน”
เป้ย กับ สองช่างหันมาสนใจ
“ใคร”
“ไอ้จุนจี”
“หา...จุนจี”
เป้ยตาลีตาเหลือก รีบลุกมาเบียดแย่งไอแพดจากมือซองซูมาดูกับช่างทั้งสอง
“ปิดคดีสมคบคิดฆาตกรรมพิมพ์พิลาศ ที่แท้ฝีมือทนายคนสนิท กับเลขาสาว”
“มรดกนับพันล้านตกเป็นของซุปตาร์เกาหลีปาร์คจุนจี หลานเพียงคนเดียว”
สองช่างช่วยกันอ่าน
“ทำไม” เป้ยถามอย่างตะลึง
”นั่นซิทำไม อะไรๆก็เป็นของจุนจีหมดทุกอย่าง...บทพระเอก ชื่อเสียง มรดก” ซองซูอิจฉาสุดๆ
“รวมทั้งผู้หญิงด้วยย่ะ เอาคืนไป”
เป้ยโยนไอแพดคืน แล้วทำท่าจะเดินไป แต่ซองซูคว้าแขนไว้
“เดี๋ยว...คูณเป้ยจะไปไหน”
เป้ยหันกลับมา พร้อมกับพูดประโยคเกาหลี พร้อมสีหน้าเศร้าเว้าวอน
“เชบัล กาจีมา โทลาวา โทลาวา...แปลว่า...”
“ได้โปรด อย่าไปเลย กลับมา กลับมาหาฉันเถอะ” ซองซูดีใจ “ผมไม่ไปไหน ผมก็อยู่กับคุณ อยู่นี่ไง”
เป้ยสะบัดมือซองซูออก
“โฮ่ย...ฉันไม่ได้พูดกับพระรอง ฉันจะพูดกับพระเอกต่างหากล่ะ”
แล้วเป้ยก็สะบัดหน้าออกจากห้องแต่งตัวไป ซองซูแค้นสุดแค้นแทบเขวี้ยงไอแพดทิ้ง
“อีกแล้วนะจุนจี”

จุนจีเดินเข้ามาในกองถ่ายกับลีจองกุ๊ก ก็พบกับกองทัพนักข่าวเข้ามาถ่ายรูป แย่งกันสัมภาษณ์
“รู้สึกยังไงคะที่คดีคุณย่าคุณปิดได้ซะที”
“แล้วมรดกพันล้านกับคฤหาสน์คุณพิมพ์พิลาศคุณจะทำยังไงครับ จะมาอยู่เมืองไทยมั้ย”
“โพ้มยังไม่ได้คิดครับ”
“แต่มรดกตั้งพันล้านนะคะ คุณคิดจะเอาไปทำอะไรบ้าง ขนกลับเกาหลีหมดเลยเหรอคะหรือว่าจะไปขอใครแต่งงาน“
จุนจีได้แต่ฝืนยิ้มไม่อยากตอบคำถามนี้ ลีจองกุ๊กต้องรีบกันๆนักข่าวพลางตอบแทน
“จุนจีบอกแล้วไงกั๊บว่ายังไม่ได้คิด ตอนนี้ที่จุนจีกำลังตั้งใจถ่ายละครให้จบไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นหรอกกั๊บ ต้องขอโทษด้วย จุนจีต้องไปแต่งตัวเข้าฉากขอทางด้วย...อ่า...”
อยู่ๆเสียงเป้ยก็ดังขึ้น
“จุนจี”
ความชุลมุนวุ่นวายระหว่างนักข่าวกับลีจองกุ๊กหยุดลงทันที ทุกคนหันไปมอง เห็นเป้ยหิ้วชุดราตรีที่ใส่ถ่ายละครวิ่งเข้ามาหา
“เป้ยดีใจจริงๆที่วิญญาณคุณย่าคุณได้รับความยุติธรรมซะที ไม่ต้องเห็นจุนจีเศร้าอีกแล้ว อ่ะ ชู-คา-ฮัม-นิ-ดา(ยินดีด้วยค่ะ)”
เป้ยพูดพลางถลาเข้าไปหมายจะกอดจุนจี แต่ลีจองกุ๊กดึงปาร์คจุนจีออกไปยืนขวางหน้าแทน
“ขอบคุณแทนจุนจีมั่กๆก๊าบ”
เป้ยเบรกเอี๊ยด เท้าหยิบชายกระโปรดชุดราตรีเซไปหาลีจองกุ๊ก
“ว้าย”
ลีจองกุ๊กโอบประคองไว้ทันที ทำตากรุ้มกริ่มใส่เป้ย
“เจ็บไหมกั๊บ”
เป้ยค้อนทำหน้าร้ายใส่ก่อนผละออกมาลีจองกุ๊ก ก่อนจะทำเป็นตีหน้าหวานน่อมแน้มใส่พวกนัก ข่าวให้ถ่ายรูป
“อุ้ย! แย่จัง นางเอกซุ่มซ่าม ฮิๆ”

มุมทางเข้าด้านหนึ่ง...ไม่ไกลจากที่จุนจียืนสัมภาษณ์ อติเทพปรากฏตัวขึ้น ในสภาพที่ผมเผ้ายุ่งๆ หน้าตาโทรม หนวดเคราเขียวครึ้ม อติเทพหยุดมองไปตามเสียงนักข่าวที่กำลังแย่งกันถาม เห็นเป้ยอยู่กับจุนจี อติเทพเดินตรงไปที่กลุ่มจุนจีด้วยสีหน้ามึนตึงอย่างประสงค์ร้าย

เป้ยพยายามจะสร้างภาพกลับมาจิ้นกับจุนจีอีกครั้งโดยพยายาม แหวกลีจองกุ๊กเข้าไปยืนข้างๆจุนจีจนได้
“จุนจี คืนนี้จะพาเป้ยไปดินเน่อร์ที่ไหนคะ”

จุนจีงง
 
อ่านต่อหน้า 3

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 21 (ต่อ)

จุนจีงง

“ดินเน่อร์”
“อ้าว ก็เรานัดกันไว้ไงคะ แหม...ทำเป็นจำไม่ได้ ฮิๆ เห็นหน้าเฉยๆอย่างงี้เถอะค่ะ จุนจีเขาเป็นคนขี้เล่นที่สุดในโลกเลยล่ะ ฮิๆ”
เป้ยขี้ตู่ ทำเอาจุนจียิ้มอย่างเซ็งๆ ลีจองกุ๊กดูเป็นเดือดเป็นร้อนแต่พูดอะไรไม่ออก แต่อติเทพเดินแหวกนักข่าวเข้ามาอย่างไม่พอใจ
“คุณจะไปดินเน่อร์กับคนอื่นไม่ได้ คุณเป็นแฟนผม”
ทุกคนหันไปมองตกใจ ลีจองกุ๊กรีบกันจุนจี
“เฮ้ย...ออกจากคุกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ระวังตัวนะจุนจี”
“อย่ามาพูดอะไรมั่วๆนะ ใครเป็นแฟนคุณ” เป้ยไม่พอใจ
“อ้าวจะใคร ก็คุณนั่นแหละ ผมประกาศให้นักข่าวรับรู้ไปแล้ว ทุกคนคงจำได้ใช่ไหมครับ”
นักข่าวรีบพากันถ่ายรูปอติเทพทำข่าวกันอย่างพรึ่บพรั่บ เป้ยหน้าเสีย แทบกรี๊ด จุนจีได้ทีชิ่ง
“มีอันฮัมนีดา...เรื่องนัดดินเน่อร์คงเป็นการเข้าใจผิดกัน ผมต้องไปแต่งตัวถ่ายละครแล้วเจอกันในละครนะครับคุณเป้ย”
“เชิญตกลงกับแฟนในชีวิตจริงตามสบายนะครับคุณเป้ย ขอทางหน่อยครับ”
ลีจองกุ๊กรีบกันพาปาร์คจุนจีเดินผละไปจากกลุ่มนักข่าว ที่ดูเหมือนกำลังสนใจอติเทพมากกว่า
“เอ่อ...เดี๋ยวก่อนจุนจี”
เป้ยจะตามไป แต่อติเทพมาขวางทาง
“ผมประกันตัวออกมาสู้คดี”
“ก็เรื่องของคุณ มาบอกฉันทำไม หลีก ฉันต้องไปเข้าฉากแล้ว”
“คุณไม่มีใจห่วงผมเลยหรือไง เราเป็นคู่หมั้นกันนะ”
อติเทพคว้าแขนเป้ยไว้ เป้ยสะบัด
“บ้าหรือไง คำก็แฟน สองคำก็คู่หมั้น ฉันขอประกาศต่อหน้านักข่าวตรงนี้เลยแล้วกันว่าฉันกับ นายอติเทพคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน”
“อ้าว แล้วที่ประกาศตัวว่ากำลังคบหาดูใจกันเมื่อวันก่อนล่ะคะ”
“ใครพูด เป้ยไม่ได้พูด มันเป็นการเข้าใจผิด เป้ยกับนายอติเทพไม่ได้มีอะไรกันจบข่าวนะคะ แล้วนายก็อย่ามาตามวุ่นวายกับฉันอีก ไม่อย่างงั้น ฉันจะแจ้งตำรวจจับนายข้อหาคุกคามปองร้ายฉัน”
“เป้ย... “
เป้ยรีบเดินหนีไป อติเทพได้แต่ยืนมองหมดท่า นักข่าวรุมถ่ายรูป
“ถ่ายบ้าอะไรกัน หยุดซะที”
นักข่าวพากันตกใจผวา

อติเทพเดินคอตกออกมาริมฟุตบาท ตรงมานั่งลงที่ป้ายรถเมล์หมดสภาพล้วงมือไปที่กระเป๋า กางเกง กำเงินออกมา มีเศษเหรียญและแบงค์ 20 อยู่ไม่กี่ใบ สุดจะกลั้นน้ำตา อติเทพร้องไห้ออกมาคนเดียวเงียบๆ พิมพ์พิลาศปรากฏขึ้นนั่งอยู่ข้างๆ
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่คงจะสงสารเธอ พาเธอกลับบ้าน และเลี้ยงดูปูเสื่อเธออย่างดีเหมือนกับ ที่พี่เคยพาเธอขึ้นมาจากโคลนตม โชคดีที่พี่ตายไปแล้ว พี่ถึงทำโง่ๆอย่างนั้นไม่ได้อีก ลาก่อนอติเทพ ขอให้เธอกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ชาติหน้ามีจริง เราอย่าได้พบกันอีกเลย หมดเวรหมดกรรมต่อกันแค่ชาตินี้เถอะนะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ลาก่อน”
พิมพ์พิลาศมองด้วยน้ำตา ก่อนวิญญาณจะจางหายไป อติเทพนั่งคอตกร้องไห้อยู่คนเดียว
“ผมขอโทษพี่พิมพ์…ผมขอโทษ...”

ณัฐเดชจัดมุมกล้องวงจรปิดที่เรือนกล้วยไม้ พร้อมกับอธิบายไปด้วย
“กล้องวงจรปิดตัวนี้ ถูกทนายสมชายปรับเปลี่ยนหน้ากล้องให้หันไปรับภาพที่ ประตู ทางเข้าเรือนกล้วยไม้”
จุนจีกับกรรัมภายืนฟังการอธิบายอยู่กับ ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานนอก เครื่องแบบคนอื่นๆ
“หลังจากหว่านล้อมให้คุณพิมพ์พิลาศ ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินส่วนใหญ่ให้คุณอติเทพ แล้วทนายสมชาติก็วางแผนหลอกให้คุณอติเทพ เข้ามาหาคุณพิมพ์พิลาศในเรือนกล้วยไม้ในตอนกลางวัน โดนฝากถุงใส่โสมให้คุณอติเทพถือมาด้วย”

ในอดีต...อติเทพเดินเข้าเรือนกล้วยไม้มาพร้อมถือถุงโสม พิมพ์พิลาสยืนอยู่มุมในสุดของเรือนกล้วยไม้
“แล้วในคืนนั้นในมุมเดียวกัน ทนายสมชายก็ให้คุณอรวีถือถุงใส่งูเข้ามา หมอ...เข้ามา”
ณัฐเดชกวักมือเรียกวรวรรธ เดินผลักประตูถือถุงที่สมมุติว่ามีงูอยู่เข้ามายืนแทนที่
“หลังจากที่ปล่อยงูฆ่าคุณพิมพ์พิลาศได้สำเร็จ ทนายสมชายก็แอบถอดเอาแผ่น CD ที่ บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไป จัดการตัดต่อภาพของคุณอติเทพใส่แทนที่คุณอรวี เพื่อเก็บเอาไว้แบล็คเมล์คุณอติเทพ ภายหลังหากคุณอติเทพเกิดเบี้ยวไม่ยอมแต่งงานกับคุณอรวี หลังจากได้รับมรดกจากพินัยกรรมของคุณพิมพ์พิลาศแล้ว แต่เนื่องจากภาพของคุณอติเทพเป็นเวลากลางวัน เมื่อนำมาตัดต่อใส่แทนภาพของคุณ อรวีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นในตอนกลางคืน แสงของภาพก็เลยโดด” วรวรรธอธิบาย
“ประกอบกับที่มุมกระจกด้านหลังประตู เกิดแสงสะท้อนทำให้เห็นเงาของผู้ชาย ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ซึ่งนั่นก็คือทนายสมชาย ที่ยืนซ่อนตัวอยู่เป็นผู้บงการฆ่าทั้งหมด”

ผู้การปรบมือ

“เยี่ยมมาก ไม่เสียแรงที่สารวัตรณัฐเดชทำงานอยู่ใต้บังคับบัญชาผมมานานหลายปี คุณซึมซับวิธีจับผิดคนร้ายอันชาญฉลาดไปจากผมได้มากเลยทีเดียว”
 
ณัฐเดชแอบทำหน้าเอือมๆผู้การ
“งั้นก็แปลว่า คุณอติเทพก็ไม่มีความผิดในคดีฆ่าคุณพิมพ์พิลาศซิคะ” กรรัมภาถาม
“ใช่ แต่มีความผิดคดีฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์สินของคุณพิมพ์พิลาศขาดคุณสมบัติที่จะ เป็นผู้รับมรดก”
“เพราะฉะนั้น ผู้มีสิทธิ์รับมรดกเพียงคนเดียวก็คือคุณปาร์คจุนจีครับ” วรวรรธอธิบาย
“ขอแสดงความยินดีด้วยครับคุณปาร์คจุนจี คุณได้รับมรดกพันล้านแล้ว”
ผู้การหันไปบอกจุนจีที่ไม่รู้สึกยินดีด้วย
“มรดกพันล้าน ที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณย่าตายและอีกหลายคนต้องเดือดร้อน เงินนี่ มันคืองูพิษจริงๆ ผมไม่ได้พูดเท่ๆนะครับ งูพิษ ถ้าเอามันมากอดไว้ ก็ต้อง โดนมันกัดสักวัน ครอบครัวเล็กๆของผม พ่อ แม่ลูกที่เกาหลี ถึงเราจะอยู่แบบชาวบ้านๆ พ่อทำงานหนัก แม่เหนื่อย ผมเดินไปโรงเรียนข้างบ้าน แต่ผมมีแต่ความสุข เราทุกคน รักกัน กอดกันทุกวัน หัวเราะกัน ยิ้มกันทุกวัน มีแต่ความเจ็บป่วยเท่านั้น ที่ทำให้พวก เรามีความทุกข์ ซึ่งมันก็คือความทุกข์ที่เป็นไปตามธรรมชาติของชีวิต แล้วดูคุณย่าสิ มีเงินพันล้าน แล้วมีความสุขมั้ย ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้มีคนที่รักท่านมากอดมั้ย..ผมพูด ถูกไหมครับ..คุณย่า “
สิ้นเสียงจุนจีพูด ทุกคนต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของวิญญาณดังก้องเรือน กล้วยไม้ ทุกคนหันมองหา แต่ไม่เห็นวิญญาณ
กรรัมภายื่นมือไปจับที่เสาต้นหนึ่งของเรือนกล้วยไม้ แล้วจับไปที่มือของจุนจี ทำให้จุนจีเห็น...ที่ มุมหนึ่งที่ดงกล้วยไม้ พิมพ์พิลาศที่ค่อยๆหยุดร้องไห้ แล้วเงยหน้ามา
“คุณย่า...”
“จักร...ย่าอยากจะขอโทษหลานสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา งูพิษน่ะไม่ใช่เงินทองหรอก ลูก งูพิษมันอยู่ในใจย่าเองตังหาก ย่าใจร้ายอย่างที่หลานเคยชี้หน้าว่าย่านั่นแหละ ใจร้าย เพราะใจมันเป็นงูพิษ มันขบกัดคนรอบๆ ทำให้ย่าไล่หลานกับพ่อแม่ออกจากบ้าน ไปตกระกำลำบาก แล้วมันก็กัดทุกคนจนเขาเกลียดย่ากันหมด แล้วสุดท้าย มันก็กัดตัว ของมันเอง งูพิษในใจ มันกัดจนย่าตายไปแล้วทั้งเป็น ก่อนที่จะตายจริงๆซะอีก ทุกวันทุกคืน ถึงจะมีชีวิตที่มีเงินมากมายนับไม่หมด อาศัยในบ้านหรูหรา มีคนรับใช้รายรอบ แต่มันเหมือนคนตายแล้ว มันขมเหมือนอมพิษไว้เต็มตัว มันเยือกเย็น มันอ้างว้าง เหมือนอยู่ ในสุสานล้อมรอบไปด้วยคนที่เกลียดเรา ย่าชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อขึ้นทั้งตอนยังมีชีวิต อยู่และตอนนี้ หากหลานมีใจที่ดีงาม มีใจที่ไม่ใช่งูพิษ แม้จะมีเงินมากมายหรือมีเงินนิด เดียว มันก็ไม่เป็นปัญหาหรอกลูก”
“ผมเข้าใจครับ”
“เงินนั้น แล้วแต่หลานก็แล้วกัน ว่าหลานจะทำยังไงกะมันแต่ย่าขออย่างเดียว... ยกโทษ ให้ย่า..อโหสิให้ย่า”
“ครับย่า ผมหายโกรธย่าแล้วผมกลับสงสารย่ามากกว่า ผมให้อภัย และอโหสิกรรม ทุกอย่างครับ ขอให้วิญญาณของย่ามีความสุขนะครับ”
“ขอบใจมากจักร ขอบใจ ย่าก็ขออวยพรให้หลานมีความสุขความเจริญมีแต่ความสงบ เย็นในจิตใจนะหลานรัก ลาก่อน”
วิญญาณของพิมพ์พิลาศก็ค่อยๆจางหายไป
“ขอให้วิญญาณของย่าไปสู่สุขคติเถอะนะครับ”
จุนจียกมือขึ้นไหว้

ภายในบ้านไตรรัตน์ เสียงกรีดร้องโหยหวนของโบตั๋นดังขึ้นในบ้าน ทำเอาอาม่าที่กำลังนั่งดูทีวีพักผ่อนอยู่ กับอาอี๊สะดุ้งสุดแรงด้วยความตกใจ
“ฮือๆ”
“สะ...เสียงใครร้อง”
“เสียงอาโบตั๋นนั่นแหละอาม่า ไม่มีอะไรหรอก ทำใจดีๆนะ ไม่ต้องตกใจไป” อาอี๊บอก
“แล้วอยู่ๆอีก็ร้องขึ้นมาอีก...ร้องทำมาย...เอิก”
ด้วยอาการตกใจ ทำให้อาม่าลมใส่
“ว้ายอาม่า...ช่วยด้วยอาม่าเป็นลมไปแล้ว...อาม่าๆ”
เจ๊หญิงกับเสี่ยจำเริญวิ่งเข้ามา โดยมีเสียงร้องโหยหวนชวนขนลุกของโบตั๋นดังตลอดเวลา
“อาม่าเป็นอะไรไป” เสี่ยจำเริญถาม
“ก็ตกใจเสียงโหยหวนนั่นน่ะซี อยู่ๆก็ร้องขึ้นมา ฉันยังเกือบช็อตเลย”
“ก็จะบ่นทำไม ไหนล่ะหยูกยา หามาเร็วๆเข้าซี” เจ๊หญิงเร่ง
อาอี๊รีบไปหายาดม ยาหม่อมมาให้ ขณะที่เจ๊หญิงกับเสี่ยเข้ามาช่วยพัดวี บีบนวดอาม่า
“อาม่าๆ ไม่ต้องกลัวนะ โบตั๋นไม่ได้หลอกเราหรอก” เจ๊หญิงบอก
“ใช่ๆ เขายังเด็กน่ะ เค้าก็มีงอแงไปบ้าง ตามประสาเด็กนะอาม่านะ”

สุคนธรสเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินหน้ามุ่ยมาที่ห้องนอนโบตั๋น โดยมีไตรรัตน์เดินตามด้วย เสียงร้องของโบตั๋นดังชัดมากเมื่อมาถึงหน้าห้อง
“โบตั๋นร้องไห้ทำไม เป็นอะไรทำไมไม่ไปบอกพี่รส .รู้ไหมหนูทำคนอื่นตกใจกันหมดทั้งบ้าน”
สุคนธรสดุเหมือนดุน้อง
“ฮือๆ”
โบตั๋นไม่เถียง ไม่ตอบโต้ เอาแต่ร้องไห้ สุคนธรสเลยจะเปิดประตูเข้าไป แต่ประตูล็อค เลยเคาะ
“โบตั๋นไม่เอาอย่าร้องไห้ เป็นอะไร เปิดประตูให้พี่เข้าไป”
“โบตั๋นได้ยินไหม ให้พี่เข้าไป โบตั๋น เปิดประตูซี”
ไตรรัตน์บอกแต่ไม่ได้ผล โกลเดนเบบี๋ปรากฏตัวขึ้นในชุดอาละดิน
“ม่ะ...ให้หนูจัดการเอง open ซาเซมี”

ประตูห้องโบตั๋นเปิดผัวะออกทันที...

สุคนธรสกับไตรรัตน์รีบก้าวเข้าไปในห้อง เห็นโบตั๋นนั่งหันหลังร้องไห้อยู่บนเตียง

“โบตั๋นร้องไห้ทำไม” สุคนธรสหันมาตาเขียวใส่ไตรรัตน์ “ไปซี ยืนอยู่ทำไม เข้าไปปลอบน้อง”
ไตรรัตน์พยักหน้า เดินกล้าๆกลัวๆเข้าไป ยื่นมือที่สั่นๆจับไหล่โบตั๋น
“ไหน...หันมาคุยกับพี่ซิ โบตั๋นน้องร้องไห้ทำไม”
โบตั๋นค่อยๆหันมา ไตรรัตน์แทบช็อค เห็นว่าน้ำตาโบตั๋นเป็นสายเลือด
“ห่ะ!”
ไตรรัตน์พยายามตั้งสติตัวเองไม่ให้กลัว
“หนูนอนหลับ แล้วหนูก็ฝันร้ายค่ะพี่ไตร”
“ฝะ...ฝันว่ายังไงจ๊ะ”
“ฝันว่าแขนหนูเลือดออก”
โบตั๋นยื่นสองแขนออกมา เห็นว่าข้อมือทั้งสองข้างคล้ายโดนกรีดเป็นทางยาว มีเลือดออกจริงๆ”
“โบตั๋น ทำไมแขนหนูเป็นยังงี้ ใครทำอะไรหนู”
“หนูไม่รู้”
“แต่หนูรู้พี่รส”
โกลเดนเบบี๋หันมากระซิบบอกสุคนธรสที่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ไตรรัตน์ลุกจากเตียงโวยวายเข้ามาหาสุคนธรส
“ใครทำน้องผมอ่ะรส หมอผีที่ไหนมันเล่นอาคมไสยศาสตร์กับน้องผม หรือว่าเป็นฝีมือไอ้หมอสมคิด ผมจะไปเอาเรื่องมัน”
สุคนธรสคว้าแขนไตรรัตน์ดึงไว้
“อย่าเปรี้ยวน่า เดี๋ยวทั้งบ้านได้ยินก็เป็นเรื่องอีกหรอก ฟังนะนายไตวายไม่มีใครทำอะไร น้องนายทั้งนั้น มันถึงเวลาที่เขาต้องไปเกิดแล้ว”
“ไปเกิดเหรอ แล้วทำไมเขาถึงมีอาการแบบนี้”
“ก็เพราะเรื่องกล่องของขวัญที่ยังหาไม่เจอนั่นแหละทำให้โบตั๋นติดห่วง ไปเกิดไม่ได้ทั้งๆที่ ถึงเวลาแล้ว วิญญาณเลยทุกข์ทรมาน เกิดภาพนึกคิดต่างๆเกี่ยวกับตัวเองถ้าขืนทิ้งไว้ต่อไป วิญญาณก็อาจวิปลาส คลุ้มคลั่งจนกลายเป็นผีดุร้ายได้”
ไตรรัตน์หันไปมองโบตั๋นอย่างสงสาร เห็นวิญญาณโบตั๋นมองไปที่ขาตัวเอง
“ขาหนูก็เลือดออกด้วย พี่ไตรช่วยหนูที”
“โธ่ โบตั๋น พี่สัญญาจะช่วยน้อง รีบหากล่องของขวัญให้เจอ”
“เมื่อไหร่ล่ะคะ เมื่อไหร่จะหาพบ หนูเหนื่อยแล้ว หนูอยากหลับ”
“อยากหลับก็หลับซี...นะ...เดี๋ยวฉันจะอยู่เป็นเพื่อน เล่านิทานอาละดินกับตะเกียงวิเศษให้ฟัง”โกลเดนเบบี๋บอก
“จริงนะ”
“จริงซิ”
ว่าแล้วโกลเดนเบบี๋ก็เสกตะเกียงมาอยู่ในมือ มีประกายแว๊บวั๊บดั่งในนิทานแล้วกระโจนขึ้นเตียงไปหา โบตั๋นหลุดจากจิตหมกมุ่นดีใจ
“ว้าว...”
อาอี๊กระหืดกระหอบวิ่งมาตาม
“อาตี๋น้อย หนูรสไปดูอาม่าเร็ว”
ทั้งสองตกใจรีบวิ่งออกจากห้องไป ทิ้งบรรยากาศในห้องที่โกลเดนเบบี๋เนรมิตให้มีภาพอาหรับราตรี
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มหน้าทะเล้นนามว่าอาละดิน”
โกลเดนเบบี๋เต้นโยกหัวแบบแขกพร้อมดนตรีอาหรับ

ไตรรัตน์กับสุคนธรสรีบวิ่งนำอาอี๊เข้าห้องนั่งเล่นมา เจ๊หญิงกับเสี่ยจำเริญกำลังดูแลอาม่า
“อาม่า”
“ช่วยทีหนูรส เมื่อตะกี้อาม่าตกใจเสียงอาโบตั๋นเลยเป็นลม แล้วตอนนี้เป็นไรอีกก็ไม่รู้เพ้อพูดจาไม่รู้เรื่อง” เจ๊หญิงบอก
สุคนธรสกับไตรรัตน์รีบเข้ามาดู อาม่านอนหลับตาเพ้อเหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในความฝัน
“อาม่าครับอาม่า...ตื่น”
แต่มืออาม่ากลับจับแขนไตรรัตน์หมับ พูดทั้งๆที่ตายังหลับ
“ลื้อเหรออากง”
“ห่ะ!” ไตรรัตน์ตกใจ
“อาม่ากำลังฝันถึงอากง”
สุคนธรสสั่งให้หยุดแล้วตั้งใจฟังที่อาม่าพูด
“ลื้อมาหาอั๊วทำไมอีก ไหนเขาว่าลื้อไปเกิดแล้ว ห่ะ...ของ...ลื้อจะให้ของอะไรเดี๋ยวอากง ลื้ออย่าเพิ่งไป อากง”
อาม่าร้องลั่นพร้อมสะดุ้งตื่นขึ้น
“อาม่าลื้อเป็นไร” เสี่ยจำเริญถาม
“อั๊วฝันถึงเตี่ยลื้อ อีบอกมีของจะให้”
“ของอะไรเหรอครับอาม่า” ไตรรัตน์ถาม

“เขาไม่บอก...บอกว่าอยู่ในห้องเขา เขาเก็บไว้นานแล้ว ไม่ได้ให้”

“ให้ใครคะ ให้อาม่าเหรอ” อาอี๊ถาม
 
อาม่าส่ายหน้า
“เขาไม่ได้บอก บอกว่าให้รีบเข้าไปดูๆ”
สุคนธรสลุกพรวด
“รสเข้าไปดูเองค่ะ”
เจ๊หญิงหยิบพวงกุญแจเหน็บเอวออกมาส่งให้
“อ่ะนี่ กุญแจห้องอากงดอกนี้นะ”
สุคนธรสเดินออกไป ไตรรัตน์มองตาม เจ๊หญิงผลักไตรรัตน์
“ดูแล้วได้อะไร”
“นั่นซิ ทำไมไม่ตามไปให้มันได้อะไร”
ไตรรัตน์มองหน้าพ่อกับแม่ตัวเองที่กวนสุดๆ รีบลุกตามสุคนธรสไป

สุคนธรสแทงกุญแจเปิดประตูออก บรรยากาศห้องที่ร้าง ทุกอย่างในห้องยังคง สภาพไว้เหมือนเดิม มีรูปขาวดำของอากงวางอยู่ สุคนธรสเดินเข้ามาหยุดมองจำเหตุการณ์ที่เคย ช่วยอากงจากวิญญาณร้ายได้ดี
สุคนธรสยืนหลับตาอธิษฐาน
“หากอากงอยากให้ของที่บอกอาม่า ก็ขอให้ชี้ทางด้วยค่ะ”
สุคนธรสอธิฐานเสร็จก็ลืมตาขึ้นมอง ก็พบว่าบานตู้ใบหนึ่งเปิดอ้าอยู่ ทั้งๆที่ตอนเข้ามามันปิดอยู่
ตอนนั้นเองที่ไตรรัตน์ตามเข้ามาในห้อง
“เจออะไรไหมคุณ”
“ไปดูที่ตู้ใบนั้นซิ มันเปิดอ้ารออยู่”
”แล้วทำไมต้องเป็นผม”
“ถ้าไม่ช่วย จะตามมาทำไม”
สุคนธรสจะเดินไป แต่ไตรรัตน์คว้ามือมากุมไว้
“เราไปดูด้วยกัน”
สุคนธรสพยายามดึงมือออก แต่ไตรรัตน์ไม่ปล่อย พาเดินมาจนถึงตู้ แล้วช่วยกันหาแต่ก็ไม่เจอ
ไตรรัตน์เงยขึ้นไปที่บานตู้ชั้นบน
“คุณขึ้นไปดูตู้ชั้นบนซิ”
“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน”
“แล้วถ้าไม่ใช่คุณ คุณจะอุ้มผมหรือไง”
ไตรรัตน์พูดพลางนั่งยองลงกอดขาทั้งสองข้างของสุคนธรส แล้วอุ้มยกเธอขึ้น
“เอ๊า มองอะไร ผมหนักนะ รีบหาเข้าซี เร็วๆ”
สุคนธรสเบ้ปากค้อนหันไปเปิดบานตู้ค้น รื้อเอาผ้าห่ม หมอนที่เก็บไว้ แล้วก็เห็นกล่องของขวัญซ่อน อยู่ลึกข้างใน สุคนธรสดีใจ
“กล่องของขวัญ”
“กล่องของขวัญอะไร ของโบตั๋นรึเปล่า รีบเอาออกมาซีคุณ”
สุคนธรสยื่นมือไปคว้าออกมา แต่ทำกล่องหลุดมือ
“เฮ้ย”
สุคนธรสกับไตรรัตน์ตกใจมองกล่องของขวัญร่วงลงมา แต่กลับมีมือของโบตั๋นมารับไว้
“กล่องของขวัญของหนู...หนูหาเจอแล้ว”
ไตรรัตน์กับสุคนธรสยิ้ม
“โธ่เอ้ย...หาเกือบตาย ที่แท้อากงก็เป็นคนเอามาเก็บไว้นี่เอง” ไตรรัตน์ดีใจ
โกลเดนเบบี๋ยืนใส่มือตบอันใหญ่ตบมือ
“พี่รสพี่ไตรเก่งจังเบย”
สุคนธรสกับไตรรัตน์หันมามองหน้ากัน หุบยิ้ม กลับมามีทิฐิต่อกัน
“นี่...จะอุ้มให้ได้เหรียญทองหรือไง ปล่อยฉันลงได้แล้ว”
ไตรรัตน์ปล่อยสุคนธรสลง
“ปล่อยแล้วไง”
“ก็ไปซิ ไปบอกพ่อแม่นายเตรียมจัดวันเกิดให้นาย โบตั๋นจะได้ให้ของขวัญนายตามความ ตั้งใจเดิมก่อนตาย”
“นี่แปลว่า...โบตั๋นจะไปเกิดแล้วเหรอ บ้านนี้จะไม่มีวิญญาณโบตั๋นอีกแล้วซิ”
สุคนธรสพยักหน้า ไตรรัตน์นิ่งอึ้งไปอดรู้สึกใจหายไม่ได้ ก่อนหันเดินซึมๆออกไป โกลเดนเบบี๋หายตัวตามโบตั๋นไปอย่างเศร้าๆ สุคนธรสมองตามหลังไตรรัตน์ไป

“ไม่ใช่แค่โบตั๋นที่จะไปจากบ้านหลังนี้ ฉันก็จะไปด้วยเหมือนกัน”
 
อ่านต่อหน้า 4

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 21 (ต่อ)

หน้าบริษัทซิกส์เซ้นส์ ... ใครคนหนึ่งแอบมองจากนอกรั้วไปที่ห้องกระจก เห็นกรรณากำลังนั่งวาดแบบบ้านเบื่อๆเซ็งๆอยู่คนเดียว เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น กรรณาเหลือบตาไปมองเห็นเป็นพงอินทร์โทร เธอดีใจ วางดินสอจะยื่นมือไปคว้ามือถือมารับ แต่ทิฐิก็หยุดมือไว้

“พอดีมือไม่ว่าง”
กรรณายักไหล่ไม่ยอมรับ จนสายหยุดไป กรรณาหน้าเสียมองมือถือ รอว่าพงอินทร์จะต้องโทรมา อีก แต่กลับเงียบ ทำเอากรรณาร้อนใจ
นอกรั้ว…พงอินทร์นั่นเองที่แอบมองอยู่ ในมือถือโทรศัพท์ รอดูว่ากรรณาจะทำไง ต่อไป เห็นกรรณาคว้ามือถือขึ้นมาโวย
“โธ่เอ้ย...ไอ้เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แค่ฉันไม่รับสาย ก็ไม่พยายามโทรมาอีก”
พงอินทร์กดโทรไปทันที
เสียงโทรศัพท์ในมือกรรณาดังขึ้นทำเอาตกใจ
“เฮ้ย!”กรรณากดรับฉุนๆ “โทรมาทำไม ฉันตกใจหมดเลย”
“คิดถึงผมอยู่หรือเปล่ายัยแว่วเสียงผี”
“คิดถึงกับผีน่ะดิ ฉันอุตส่าห์ดีใจว่าไม่ได้ยินเสียงนาย สบายหูมาก”
“พูดโกหก บาปกรรม ฟ้าผ่านะ”
“ถ้าผ่าได้ก็ดีน่ะซิ จะขอบพระคุณม๊วาก”
ทันใดฟ้าร้องครืน กรรณาผวา พงอินทร์หัวเราะลั่น
“ว่าไง...” กรรณาเสียหน้า ”โทรมามีอะไร”
“งั้นผมโทรมาลาคุณ”
“หา....ลา“
กรรณาใจหายวาบ ยืนอ้ำอึ้ง โดยไม่มีรู้ว่าพงอินทร์แอบเดินมายืนอยู่ข้างหลัง
“เอ่อ...จะลาไปไหนไม่ทราบ อย่ามาทำเป็นนิยายน้ำเน่านะ ว่าเกิดไปเช็คร่างกายแล้วหมอตรวจพบโรคร้าย อยู่อีกต่อไปได้ไม่เกินสามเดือน ฉันเซ่อเชื่อนายหรอก”
“ผมไม่ลาจากคุณด้วยความตายหรอก ผมมาลากลับไปทำงานเดิน ผมจะเข้าป่าไปถ่าย สารคดีสักปีนึง หรืออาจจะสองปี”
“หะ...หา! ไปถ่ายสารคดีอะไรของนายตั้งเป็นปีๆ”
“คุณจะอยากรู้ไปทำไม เอาเป็นว่าคุณไม่ต้องเห็นหน้าผม ไม่ได้ยินเสียงผมสมใจคุณก็แล้วกัน ผมต้องไปแล้ว ลาก่อน”
พงอินทร์วางสาย แต่กรรณาแทบใจจะขาด
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งวางสาย ฮัลโหลๆ คนบ้าเอ้ย จะมาลากันทางโทรศัพท์แบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่ยอมหรอก”
กรรณาคว้ากระเป๋าจะหันเดินออกไป ก็ชนเข้ากับพงอินทร์ที่ยืนอยู่ข้างหลัง จนผงะพงอินทร์โอบเอว เอาไว้
“ไม่ยอมแล้วทำไม คุณจะทำอะไรผมยัยแว่วเสียงผี”
“ก็เบิร์ดกะโหลกนายนะซิ”
กรรณาเงื้อมือจะตบหัว แต่พงอินทร์คว้ามือกรรณาไว้ได้ เอามาจูบฟอด
“เบิร์ดกะโหลกไม่เอา แบบนี้ดีกว่า”
“อี่ย์ไอ้ทุเรศ จะเข้าป่าก็รีบไปเลยไป”
“คุณไม่ต้องไล่หรอก ผมไปจริงๆนะ นี่แค่มาลา ในเมื่อคุณไม่อยากจะเห็นหน้า ผมก็ไม่ฝืนใจคุณหรอก โชคดีนะยัยแว่วเสียงผี ดูแลตัวเองด้วย เราคงไม่ได้เจอกันตราบเท่าที่คุณไม่อยากเจอผม บายๆ”
พงอินทร์สะพายเป้ขึ้นเดินไป กรรณายืนมองใจหาย

ผู้การสวมหมวก ใส่แว่น พรางตัวมา เดินเข้าประตูรั้วมา โดยมีณัฐเดชและ วรวรรธเดินตามหลังเข้ามาด้วย
“อ้าวคุณโจ้ จะไปไหนเหรอ”
“อ่า...”
พงอินทร์จะตอบ กรรณาแย่งพูด
“เขาจะไปเข้าป่าน่ะค่ะ อย่าไปสนใจเลย แล้วนี่ผู้การหิ้วพี่ณัฐกับหมอมาทำไมคะ” กรรณาตอบแทน“หิ้วมารำวงมั้งครับ...ฮ่าๆ... ชวนมาคุยงาน ผมมีคดีสำคัญจะให้พวกคุณใช้พลังพิเศษ ของพวกคุณช่วย”ผู้การบอก

พงอินทร์ฟังแล้วสนใจทันที

ภายในบริษัทซิกส์เซ้นส์ ก้องฟ้ารับแผ่นดีวีดี จากณัฐเดชมาใส่คอม ถาดดีวีดีเลื่อนปิด ภาพเพลย์บนจอคอมขนาดใหญ่ เป็นภาพสารคดีธุรกิจ อาหาร ทุกคนพากันจ้องงงๆว่าอะไร

“ดูแล้วมีใครอยากกินยาตายไหม” ผู้การถาม
“อยากกินของกินในนั้นมากกว่าครับ” ก้องฟ้าตอบ
“นี่แหละ คือภาพดีวีดีที่ทีมงานเตรียมไว้ฉายในวันนั้น ไม่น่าจะเป็นการสะกดจิตอะไรได้ อย่างที่พวกคุณบอก”
“ไม่ใช่แล้วค่ะ ภาพในจอวันนั้น ไม่ได้เป็นภาพผลิตภัณฑ์อาหารแบบนี้แน่ๆ”ญาณินพูด
วรวรรษเปิดกระเป๋า วางหลอดแก้วลง
“นี่คือตัวอย่างของเหลวในแก้วที่เสิร์ฟในวันนั้น น่าแปลก ที่มันกลายเป็นน้ำธรรมดาไปหมดเลย ทุกๆตัวอย่าง ทั้งๆที่คนในที่ประชุมวันนั้น และเจ้าหน้าที่ที่เก็บตัวอย่างมา บอกตรงกันว่ามันคือยาฆ่าแมลง”
ติณห์กับญาณินมองหน้ากัน เพราะไปเจอกับตาตัวเองที่แตกต่าง
“ของเหลวที่อยู่ในแก้ววันนั้น มันเป็นสีดำนะคะ แล้วมันปุดๆอยู่ตลอดเวลา น่ากลัวมาก”
“ไม่มียาฆ่าแมลงอะไรที่เป็นสีดำ แล้วปุดๆ เป็นแก๊สหรอกครับ” ก้องฟ้าบอก
“ทุกคนเหมือนไม่มีสติ ไม่รู้ตัว ว่ากำลังจะยกแก้วน้ำพิษขึ้นดื่ม พร้อมกันทั้งห้อง”
“ผมดูผลการตรวจฉี่ทุกคนในที่ประชุมแล้ว ไม่พบสารเสพติดใดๆ ทุกคนไม่ได้ฉี่ม่วง หรือเมาอะไรเลย”
“ถ้าอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่ได้ไร้สติเพราะเสพยาอะไรเข้าไปก่อน” พงษ์อินทร์ออกความเห็น
“มันต้องไม่ใช่เรื่องวิทยาศาสตร์แน่ๆค่ะ มันต้องเป็นเรื่องไสยศาสตร์ เพราะคุณหนูกับคุณติณห์มองเห็นในนิมิตก่อนค่ะ” อรวรรณเล่า
“นิมิต..พวกคุณฝันงั้นเหรอ” ผู้การถาม
“ไม่ใช่ฝันครับ แต่เป็นภาพนิมิตเหตุการณ์ ขณะที่เราหลับตานั่งสมาธิ” ติณห์ตอบ
“เราสองคนเห็นเหมือนกัน และเห็นพร้อมกัน ถึงภาพความตายที่บริษัทนั้นล่วงหน้าก่อน แล้วเราถึงไปช่วยทันไงคะ”
“ทุกคนให้การว่าจำอะไรไม่ได้เลย หลังจากดูวิดิโอพรีเซนเทชั่นไปได้สักครู่นึง”ผู้การบอก
“ภาพในจอ..ที่ฉันเห็น มันเป็นสีดำ หมุนๆ เป็นก้นหอยวงๆ” ญาณินเล่า
กรรณาวาดลงบนกระดาษ
“แบบนี้หรือเปล่าเจ๊”
“ใช่”
“มันก็น่าจะทำให้ตาลาย หรือเวียนหัวอ้วกกันทั้งห้องมากกว่านะครับ” ก้องฟ้าออกความเห็น
“แต่มันไม่ใช่เส้นเรียบๆแบบนี้ มันเหมือนนก ที่มีปีก สีดำ บินวนๆเข้าหาศูนย์กลาง”
“นก สีดำ ก็อีกาสิครับ” พงษ์อินทร์สงสัย
“อีกาเหรอ” วรวรรธอึ้งๆ
ทุกคนมองหน้ากัน
“อีกา..คุ้นๆนะ”
อรวรรณว่า ติณห์กับญาณินพูดพร้อมกัน
“หมอสมคิด / เบญจา”
ทุกคนพากันอึ้ง

โบตั๋นนั่งจัดโบว์กล่องของขวัญอย่างมีความสุข
“เค้าดีใจกับตัวเองด้วยนะ”
โบตั๋นหันไปมองโกลเดนเบบี๋อย่างแปลกใจ
“ทำไมดีใจ หน้าถึงเศร้าแบบนั้นล่ะ”
“แหม ก็ตัวเองได้เจอกล่องของขวัญที่ตามหามานาน ตัวเองก็หมดห่วงจะได้หลุดบ่วงแล้วไปเกิดเสียที”
“ตัวเองพูดเหมือนไม่อยากให้เค้าไปเกิดงั้นแหละ เค้าไม่ไปก็ได้นะ ถ้าตัวเองไม่อยากให้ เค้าไป”
“ไม่ๆ...ไม่ใช่อย่างงั้นนะ บาปกรรมตายเลยถ้าเค้าทำอย่างนั้น ไปเกิดเป็นคนน่ะดี ได้มีโอกาสสร้างความดีสะสมบุญ แต่เค้าแค่เหงาเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีตะเองอยู่ซะคน”
โบตั๋นยื่นมือไปจับมือโกลเดนเบบี๋
“เอางี้ดิ ตะเองก็รีบตามเค้าไปเกิดซี เราอาจจะได้พบกันอีก”
โกลเดนเบบี๋ส่ายหน้า
”เค้ายังไปเกิดไม่ได้ ต้องรออีกนานเลย”
”ทำไมล่ะ ตัวเองมีห่วงอะไรเอ้อ ”
”ไม่รู้ดิ หลวงปู่บุญเคยบอกเอาไว้ว่า เค้ายังไม่ถึงเวลาไปเกิดและคิดว่าคงอีกนาน...เลยโน่นล่ะ ตะเองไปก่อนเหอะ ไม่ต้องห่วงเค้า”
”งั้นเค้าฝากตะเองดูแลทุกคนที่บ้านเค้าด้วยนะ”
”โอเค! แต่ตอนนี้มันแย่...แย่มากถึงแย่ที่สุดคือพี่รสกับพี่ชายของเธอยังไม่ยอมคืนดีกันน่ะซิ”
”นั่นน่ะซิ เราจะทำไงกันดี”

โกลเดนเบบี๋ส่ายหน้า วิญญาณเด็กทั้งสองนั่งกลุ้มใจ

เค้กจุดเทียน เขียนว่าสุขสันต์วันเกิดอาตี๋น้อย พร้อมเสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ทุกคน รายล้อมเค้ก ทุกคนมีความสุขอีกครั้ง โบตั๋นกับโกลเดนเบบี๋ร่วมตบมือร้องเพลงอยู่ด้วย

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์....ทูยู เฮ!”
ทุกคนปรบมือ...
“เร็วโบตั๋น...ช่วยพี่เป่าเค้ก”
เทียนเค้กถูกเป่าจนดับโดยที่ไตรรัน์แทบไม่ได้เป่าเลย...เจ๊หญิง เสี่ยจำเริญ อาอี๊ อาม่า ไตรรัตน์ โกลเดนเบบี๋ยิงพลุกระดาษฉลองแล้วทุกคนก็เข้าโอบกอด ไตรรัตน์อวยพรวันเกิดกันตามธรรมเนียมสั้นๆมีความสุข สุคนธรสเข้ากอดไตรรัตน์อวยพรเป็นคนสุดท้าย เขินๆ
“เอ่อ...แฮปปี้เบิร์ดเดย์ย้อนหลัง มีความสุขมากๆนะ”
“หอมแก้มด้วย” เจ๊หญิงสั่ง
ทุกคนเชียร์ สุคนธรสเลยจำต้องยื่นหน้าให้ไตรรัตน์หอม ทำเอาไตรรัตน์ยิ้มแก้มปริ แล้วก็จัดการ หอมคืน
“ขอบคุณมากนะจ๊ะ”
ทุกคนปรบมือเฮ สุคนธรสทำหน้าไม่ถูก รีบตัดบท
“เอ่อ...เอาล่ะคะ ทีนี้ก็ถึงวินาทีสำคัญ ได้เวลาที่โบตั๋นจะมอบของขวัญพิเศษให้พี่ชาย แล้วจ้ะ”
ไฟในห้องดับพรึบ โบตั๋นเดินถือกล่องเข้ามาให้ไตรรัตน์...ทุกคนมอง เห็นแสงเรืองรองรอบตัวโบตั๋น บ่งบอกว่าโบตั๋นกำลังจะได้ไปเกิดแล้ว
“สุขสันต์วันเกิดค่ะพี่ไตรรัตน์”
โบตั๋นยื่นกล่องของขวัญให้ ไตรรัตน์ยื่นมือไปรับ
“ขอบใจมากจ้ะน้องสาวของพี่”
ไตรรัตน์รับกล่องของขวัญมายืนดู
“แกะดูเลยซิอาตี๋น้อย ดูซิว่าน้องเตรียมของขวัญอะไรไว้ให้แก” เจ๊หญิงบอก
“ครับ ผมก็ตื่นเต้นอยากจะเห็น งั้นพี่แกะเลยนะ”
โบตั๋นยิ้ม
“ค่ะ”
ไตรรัตน์ค่อยๆแกะของขวัญออก...เจ๊หญิง เสี่ยจำเริญ อาอี๊ อาม่าถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ไตรรัตน์เปิดกล่องออกมา เห็นเป็นกรอบรูปที่โบตั๋นประดิษฐ์ด้วยมือของตัวเอง ข้างในเป็นรูป ของครอบครัว มีทุกคนถ่ายด้วยกันครบ ยิ่งทำให้ทุกคนร้องไห้อย่างตื้นตันแม้แต่ไตรรัตน์ ก็น้ำตาซึม
“สวยมาก โบตั๋นทำเองเหรอจ๊ะ”
ไตรรัตน์กอดโบตั๋น
“ค่ะ หนูแอบทำตั้งนานแน่ะ ดีใจที่พี่ชอบนะคะ ถึงแม้หนูจะไม่ได้อยู่ด้วย แต่หนูอยากเห็นทุกคนที่บ้านอยู่ด้วยกันมีความสุข แม่กับอาอี๊ไม่ทะเลาะกันอีก อาม่าก็ด้วยนะคะ พี่รสกับ พี่ไตรก็เหมือนกันรักกันๆให้มาก แล้วอย่าลืมคิดถึงหนู หนูต้องไปแล้ว ลาก่อนทุกคน.. ลาก่อนโกลเดน...หนูรักทุกคน”
โบตั๋นโบกมือ วิญญาณหดกลายเป็นแค่ดวงจิตสว่างจ้า แล้วก็ลอยขึ้นฟ้าไปราวกับดวงดาว ทุกคน ยืนมอง โบกมือให้
“ลาก่อนโบตั๋น”สุคนธรสบอกลา
“แล้วสักวันเค้าจะตามตะเองไปนะ”
“พี่รักน้องนะโบตั๋น”
“แม่รักลูกนะ”
“พ่อรักลูก”
“ชาติหน้ามีจริงขอให้กลับมาเกิดเป็นหลานอาม่าอีกนะ อาโบตั๋น”
“ขอให้หลานไปสู่สุขคตินะ”
ทุกคนยืนมองท้องฟ้าที่มีดาวระยิบระยับ วิญญาณของโบตั๋นลอยสว่างวาบเข้าไป หากลุ่มดาวเหล่านั้น

ไตรรัตน์เปิดประตูเข้ามาในห้อง ในมือถือกรอบรูปที่โบตั๋นให้ ต้องชะงักเมื่อเห็นสุคนธรส ยืนอยู่พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า ไตรรัตน์อึ้งมอง...
“ฉันทำตามสัญญา พอส่งโบตั๋นไปเกิดแล้ว ฉันก็จะไปจากนาย”
ไตรรัตน์เปิดประตูอ้าให้
“เชิญ..”
สุคนธรสอึ้งไปเลยที่ไตรรัตน์ไม่คิดจะรั้งไว้ ขณะที่ไตรรัตน์เดินไปวางกรอบรูปลงบนโต๊ะข้างเตียงเคียงคู่รูปแต่งงานระหว่างเขากับสุคนธรส
“งั้น...ฉันไปนะ”
สุคนธรสลากกระเป๋าจะออกไป แต่ต้องชะงัก เมื่อไตรรัตน์เอ่ยขึ้น
“ไปเถอะ..แล้วผมจะรอคุณอยู่ที่นี่ ถ้าผมตาย วิญญาณผมก็จะไม่ไปเกิด ผมจะรอ...รออย่างมีห่วง...รอให้แม่หมออย่างคุณกลับมาหากลับมาปลดปล่อยวิญญาณผีที่รักเดียวใจเดียวแต่ไม่สมหวังในรัก”
คำพูดของไตรรัตน์ทำให้สุคนธรสวางกระเป๋า
“ทำไมต้องพูดว่าจะตายด้วย”
ไตรรัตน์หันมายิ้มเศร้า...

“เพราะ..คุณไม่สนคน คุณสนแต่ผี ถ้าผมเป็นคน คุณคงไม่เห็นใจ แต่ถ้าผมตาย แล้วดุๆหน่อย เฮี้ยนๆเล็กน้อย แบบโบตั๋น ก็ยังอาจจะพอให้คุณหันมามองบ้าง”

“บ้า”
 
“เราอยู่กันมาตั้งนาน คุณน่าจะรักผมบ้าง แต่คุณก็ไม่รัก นั่นเพราะผมยังเป็นคนเป็นๆอยู่ ผมเลยคิดว่า..ถ้าตายๆซะ อะไรอาจดีขึ้น คุณอยากให้ผมเป็นอะไรตายล่ะ..บอกมาเลย ผมจัดให้”
“งั้นไปตกส้วมตายซะไป”
“ได้ ผมจะกินยาถ่ายตาย เวลาคนมาถาม ว่าคุณสุคนธรสคะ คุณไตรรัตน์เป็นอะไรตายคะ..คุณก็ต้องคอยตอบว่า..อ๋อ คุณไตรรัตน์ขี้แตกตายค่ะ คุณจะไม่อายก็ตามใจ”
สุคนธรสหลุดขำ
“ทุเรศ คนบ้า”
“เป็นผีสิงส้วมก็ดีเหมือนกัน ทุกครั้ง ที่ใครมาอึ เค้าจะได้ยินเสียงคร่ำครวญจากคอห่าน”
“แหวะ..บ้า”
“ถ้าเป็นผู้ชาย ผมจะหลอกให้หัวโกร๋น แต่ถ้าเป็นผู้หญิง ผมจะเงียบๆแล้วนั่งดู”
“ไม่นะ ห้าม”
“ห้ามทำไมล่ะ คุณจะมาเดือดร้อนอะไร”
“ใจคอนายจะลามกตั้งแต่เป็นคนยันเป็นผีเลยเหรอ”
“ผมจะเป็นผีลามกสุดๆเลยล่ะ”
“งั้นฉันจะมาปราบนายแบบโหดๆ”
“ปราบยังไง ไหนว่ามาซิ”
สุคนธรสลืมตัว นั่งลง
“ฉันจะเอาสายสิญจน์ล่าม”
“แล้วไงอีก”
“เฆียนด้วยหวาย”
“แน่ะๆ ผมรู้นะ คุณคิดอะไรอยู่”
“คิดอะไร”
“คุณกำลังคิด เรื่องโซ่ แส้ กุญแจมือ”
“กรี๊ด บ้า ไม่จริง”
“จริง”
“ทะลึ่ง”
ทั้งสองวิ่งไล่ตีกันไปมา แต่ออกแนวสนุก หัวเราะ เล่นกัน ร่าเริง

ตึกออฟฟิศที่เกิดเหตุ ณัฐเดชกับวรวรรธลอดเทปกั้นนำติณห์ พงอินทร์ ญาณินกับกรรณาลอดตามเข้ามา ทันใด.ภูติอีกาตัวดำร่างเป็นคนมีปีกข้างหลังโฉบผ่านตัดหน้าญาณินไป
“ทุกคนหยุด” ญาณินหยุดกึก
“มีอะไรคุณณิน” ติณห์ถาม
“มีพลังงานบางอย่างเคลื่อนผ่านหน้าฉันไป”
หนุ่มๆพากันขนหัวลุกขึ้นมาทันที พงอินทร์ถือกล้องส่องมองโดยรอบจนไหล่มาชนหลัง กรรณาถึงสะดุ้ง
“ไหนว่าจะเข้าป่า ตามมาทำไม”
“ยัยกรรณ “
ญาณินเรียกกรรณา มองหน้าให้ทำงาน กรรณาพยักหน้า ค่อยๆถอดหูฟังที่ครอบหูออก
แล้วกรรณาก็ได้ยินเสียงการ้องเบาๆ ระงมๆ
“ฉันได้ยินเสียงกาอยู่ในนี้ จริงอย่างที่เจ๊คาด มันยังไม่วางมือแน่ มันทำไม่สำเร็จในวันนั้น มันก็คงมาวนเวียน รอเวลา..”
“แปลว่า มันจะหาทางทำซ้ำอีก”
“ถ้าคนในบริษัทนี้ตายหมด ใครจะได้ประโยชน์” ณัฐเดชสงสัย
“ใคร ที่จะอยากให้คนบริษัทนี้ตายยกทีมแบบนี้” ติณห์ถาม
“น่าจะเป็นบริษัทคู่แข่ง” พงษ์อินทร์บอก
“สมมุติว่ามีผู้วิเศษบางคนรับจ้างฆ่าตนตามใบสั่งล่ะ” วรวรรษถาม
“สมคิดเคยรับทำสารพัดมาแล้ว กับการรับจ้างฆ่าคน ทำไมจะทำไม่ได้” ญาณินพูด
“แล้วเบญจา ที่มีอาคมแก่กล้า อย่างที่เรารู้มาแล้ว เขาต้องฆ่าคนเป็นเบือได้ โดยไม่มีความเมตตาเลย”
คราวนี้เสียงกาดังสนั่นกึกก้อง กรรณาได้ยินคนเดียว
“โอ๊ย..ตอนนี้มันร้องดังมาก”
พลังพึ่บๆโฉบผ่านหัว จนเสื้อผ้า ผมทุกคนปลิว
“มันโจมตีเราแล้ว” ญาณินบอก
พลังนั้น โฉบสูงขึ้นไป
“มันกำลังขึ้นชั้นบนไปแล้ว” กรรณารีบบอก
“เราตามไปกัน ต้องหาหลักฐานให้ได้ ว่าเป็นฝีมือสมคิดกับเบญจา ไม่ใช่ว่าพวกเราคิดสันนิษฐานกันไปเอง” ณัฐเดชออกความเห็น
“เดี๋ยวค่ะ...แน่ใจนะว่าทุกคนมีเครื่องรางของขลังติดตัว” ญาณินถาม
ทุกคนพยักหน้า ยกเว้นพงอินทร์คนเดียวที่ตบๆหาตามตัว
วรวรรธเซ็ง ล้วงยันต์ของสุคนธรสออกมาตบไปที่อกพงอินทร์
“เอายันต์นี่ไป”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่น่าให้เลยหมอวรรธ”

กรรณาดึงมือกลับ ทุกคนเดินไปที่ลิฟท์ เข้าลิฟท์ไป
 
อ่านต่อตอนที่ 22 / 21.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น