ภาพอาถรรพณ์ ตอนที่ 11
ฟากเชษฐายังคงโอบไหล่อนงค์วดี พาเดินเข้าตึก กำลังจะเข้าประตู มนัสวีร์ก้าวออกมา อนงค์วดีพยายามจับมือเชษฐาให้ปล่อยมือตัวเอง แต่ไม่สำเร็จ
“ถ้าเขาจะปล่อยเขาปล่อยเองครับคุณอนงค์” มนัสวีร์บอก
อนงค์วดีไหว้ด้วยมือข้างเดียว “คุณมนัสวีร์มานานแล้วหรือคะ”
มนัสวีร์ดูนาฬิกา “สองนาที”
อนงค์วดีหัวเราะเบาๆ “หิวมั้ยคะ”
“คุณอนงค์วดีหัวเราะแล้วแถวนี้สดใสขึ้นตั้งเยอะ” มนัสวีร์สัพยอก
อนงค์วดีปลดมือเชษฐาได้แล้ว “ถึงอย่างนั้นเชียวหรือคะ”
“ครับ” มนัสวีร์รับเสียงหนักแน่น “ขนาดนั้นเลยครับ”
สามคนเดินคุยกันมาผ่านทางห้องรูป
“คืนวันลอยกระทงที่นี่มีงานค่ะ คุณมนัสวีร์มาด้วยนะคะ”
ย่าน้อยได้ยิน
มนัสวีร์เดินรั้งท้าย ผ่านย่าน้อย โดยที่ผีสีหน้าย่าน้อยมองมาใช้พลังจิตอย่างหนักเพื่อสื่อสาร
มนัสวีร์หยุดและหันมา แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วมนัสวีร์ก็ไป
ย่าน้อยลงหอบละเหี่ยใจ
คุณสวาสดิ์ส่งเสียงพูดลอยมา “ลอยกระทงไงคะคุณอา....จำไม่ได้หรือคะ”
ภาพเหตุการณ์ในวันที่ย่าน้อยพบหลวงขจรครั้งแรกผุดขึ้นมาตอนนี้ สายตาของหลวงขจรใน คืนวันลอยกระทงยังตราตรึง ย่าน้อย ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คุณอาขาได้ยินมั้ยคะถ้ากำลังจะมีงานลอยกระทงค่ะ”
ผีเด็กผมจุกถามย้ำ ย่าน้อยคิดถึงความหลังขึ้นมาอีก
ที่ท่าน้ำบ้านสิงหมนตรี คืนวันลอยกระทง
สมาชิกในบ้านอยู่กันพร้อมหน้า พวกบ่าวไพร่ยืนอยู่เต็ม พระจันทร์ดวงกลมโตลอยอยู่กลางน้ำ มันเป็นเวลาเที่ยงคืนตรงพอดี แต่ละคนปล่อยกระทงของตนสู่ท้องน้ำ กระทงจำนวนมากลอยเลื่อนคู่กันไป บ้างก็ลอยอยู่เดียวดาย บ้างก็ลอยเป็นกลุ่ม
ท่านเจ้าคุณเดินเข้ามาคุกเข่าข้างแม่อร ที่กำลังจะปล่อยกระทงลงน้ำ “เพิ่งลอยหรืออร พี่มองหาไม่เห็น”
“เจ้าคุณท่านจะต้องลอยกับแม่อร” น้ำเสียงคุณประยงค์ กลั้วหัวเราะหยันๆ “ชาติหน้าจะได้เกิดไปพบกันอีก”
เกดขัดขึ้น “อธิษฐานเถอะค่ะคุณอร”
“จ้ะ พี่เกด”
“อธิษฐานว่าให้ได้พบคุณพี่ก่อนคนอื่นนะคะ พี่ก็อธิษฐานอย่างนี้แหละค่ะ”
คำพูดของเกดกระแทกใจคุณประยงค์ จนสีหน้าขุ่นมัวทันที
“อีเกด” อีทิ้งโกรธแทน กระซิบด่า “ปากกล้านะมึง”
“กูพูดได้มึงอย่าสอด”
คุณประยงค์ข่มอารมณ์เรียบร้อยแล้ว “ถ้าเป็นเมียน้อยอิฉันพูดอย่างนี้เป็นโดนดี”
“อิฉันก็ไม่ทราบว่าอิฉันมีเมียน้อยเข้าแล้วยัง” เกดย้อนเอา ไม่ลดละ
คุณประยงค์หน้าเสีย
“เกด” เจ้าคุณส่งเสียงปราม ต่ำ เบา มองหน้าขึง “หยุด”
“นังเกด เอ็งจะรู้ว่าพูดจาสามหาวอย่างนี้โทษทัณฑ์เป็นอย่างไร”
คำพูดทั้งหมดนั้น ท่านเจ้าพระยาได้ยินเต็มๆ ด้วยยืนอยู่ด้านหลังทุกคน
เจ้าคุณหันไปเชิญท่านเจ้าพระยา “เชิญขอรับท่าน”
ท่านเจ้าพระยาเดินเข้ามาในท่าน้ำ นัยน์ตาเครียดเข้มเจอหน้าเกด สบสายตากันปังใหญ่ เกดหลบตาใจสั่น
ย่าน้อยเล่าถึงตรงนี้แล้วหยุด
“โอ๊ย...ตอนนั้นอาล่ะหวั่นใจแทนอีเกดเสียจริง มีเรื่องกันใครก็มีไปสิ ทำไมต้องเป็นคุณท่านคนใหญ่ด้วย”
คุณสวาสดิ์เร่งให้เล่าต่อ “เล่าสิคะ อยากฟัง”
วันต่อมาเกดโดนเรียกไปพบท่านเจ้าพระยาตรงลานโบยบ่าวไพร่ และกำลังหมอบอยู่ตรงหน้า
“อีเกด มึงเป็นไพร่ เป็นขี้ข้ากู กินข้าวแดงแกงร้อนของกูเข้าไปทุกๆ วัน แต่มึงบังอาจพูดจาล่วงเกินคุณท่านใหญ่ลูกสาวกู มึงไม่รู้รึว่าในบ้านนี้ใครเป็นใหญ่ที่สุด”
เกดนิ่งเงียบ
ท่านเจ้าพระยาเสียงดังอีก “มึงไม่รู้ ก็รู้เสียว่าไม่มีอะไรที่คุณท่านคนใหญ่อยากได้แล้วไม่ได้ โดยเฉพาะลงโทษคนที่พูดจาสามหาวให้สาสม”
“บ่าวกราบขอโทษเจ้าค่ะ”
“มึงไม่ต้องกราบขอโทษ กูไม่ต้องการสองมือพนมของไพร่อย่างมึงมันเสียสายตากู”
เกดนิ่งอึดอัดมาก ในใจนึกด่าว่าเหยียดหยามยังกะเราเป็นหมูเป็นหมา ท่านเจ้าพระยาดูออก คำรามลั่นด้วยโทสะ
“อีเกด...มึงนี่ยโสโอหังกะกูรึ...มึงมองกูด้วยสายอย่างนี้รึ”
จังหวะนี้ ท่านเจ้าคุณเดินพรวดๆ เข้าหาเกดแล้วตบหน้าเต็มแรง ร่างเกดแทบกระเด็นด้วยแรงโกรธของท่าน เจ็บถึงหัวใจ
เกดพูดเสียงดัง น้ำตาปนน้ำมูกออกมาเต็มๆแล้ว
“อิฉันพูดความจริง ทำไมอิฉันต้องถูกตบ คุณท่านคนใหญ่เองอยากให้คนรู้อยู่แล้วว่าเป็นเมียท่านเจ้าคุณ อิฉันผิดตรงไหน ใครๆ ก็รู้ว่าอิฉันเป็นเมียบ่าวท่านเจ้าคุณ”
คุณประยงค์ตวาด “อีเกด”
“เฮ้ย เอามันไปโบย” ท่านเจ้าพระยา เสียงดังกัมปนาท “ไม่สลบคาหวายไม่ต้องหยุด”
“เราเลิกทาสแล้ว อิฉันเป็นไทไม่ใช่ทาส” เกดลุกขึ้นยืนทันที
ท่านเจ้าพระยาโกรธสุดขีด “มึงกำเริบนักอีเกด เฮ้ย...ใครอยู่มั่งมาเอาตัวมันไป กูไม่อยากเห็นมันให้เป็นเสนียดจัญไรอีก มึงอย่ามาเหยียบบนเรือนกูอีกนะอีไพร่” ท่านคว้าอะไรตรงนั้นเหวี่ยงไปที่เกด แบบอดใจไม่ไหว ถูกตัวเกดเต็มๆ
เกดร้อง “โอ๊ย” ตัวงอลงไปทันที
ท่านเจ้าพระยาสั่ง “โบยมัน”
แม่อรกราบลง “ท่านเจ้าขา ขอความกรุณาเจ้าค่ะ โบยแต่พอหลาบจำเท่านั้นเถิดนะเจ้าคะ”
ท่านเจ้าพระยาไม่ยอม “อย่า แม่อร หล่อนก็ได้ยินว่าบ่าวของหล่อนมันกำเริบเสิบสานกับฉัน ถ้าจะอยู่ด้วยกันที่นี่มันจะทำอย่างนี้ไม่ได้”
แม่อรกัดฟันแน่น นึกในใจว่าจะไม่อยู่แล้ว
“คุณอร ไม่ต้องขอความกรุณาให้พี่...” เกดลดเสียงลงได้ยินสองคน “เพราะเขาไม่มี” พลางเหลือบมองสบตาคุณประยงค์จังๆ
เสียงหวายลงขวับ...ขวับ....ขวับ
สีหน้าเกดนิ่ง แต่ในดวงตาที่เจ็บแค้นแน่นอก บ่าวชายโบยไม่ยั้ง
ท่านเจ้าพระยา เดินออกจากตรงนั้น
“ให้มันสลบคาหวาย” คุณประยงค์สั่งแล้วเดินออกไปทันที
คุณน้อยย่องเข้ามา ทำมือบอกคนโบยว่า ให้โบยค่อยๆ หน่อย
“อะไรครับคุณน้อย” คนโบยไม่เข้าใจ
คุณน้อยเท้าสะเอวสองข้างฉับ “โบยเบาๆหน่อย ใจคอเอ็งจะโบยผู้หญิงให้ตายคาหวายรึไอ้คนใจร้ายตายไปขอให้ตกนรกอย่าได้ผุดได้เกิด”
คนโบยเหวอไปเลย
คุณน้อยเดินเข้าไปที่เกด ก้มลงกระซิบ “อีกเกด...มึงก็แกล้งทำสลบสิวะ....โง่ไปได้”
คุณสวาสดิ์ฟังแล้วถูกใจมากๆ
“อุ๊ยคุณอาฉลาดจุงเบย”
“อะไรนะลูกสวาสดิ์”
คุณสวาสดิ์หัวเราะชอบใจ “ฉลาดจังเลยค่ะ”
ย่าน้อยส่ายหน้า “ปวดหัว เที่ยวได้แอบฟังแขกเขาพูดกัน”
“คุณอาคะ คุณย่ายังไม่มาอีก ดีนะคะเมื่อกี้คุณหลวงขจรของคุณอาเขาไม่เห็น”
“สงสัยไปตามหาเจ้าคุณเชษฐาอยู่กระมัง ลูกสวาสดิ์ว่ามั้ย”
คุณสวาสดิ์บอกเน้นคำหนักแน่น “ว่าค่ะ”
ฟากเกษลดากับอนงค์วดี ยืนประจันหน้ากันอยู่ ท่าทีเหมือนเจรจาความกันมายกหนึ่งแล้ว มีคุณประยงค์นั่งฟังอยู่บนหลังตู้
เกษลดาเสียงเย็น เรียบนิ่ง นัยน์ตาจิกสุดฤทธิ์ “อยากขึ้นชื่อว่าแย่งผัวคนอื่นรึอนงค์วดี”
คำพูดนั้นกระแทกเข้าหน้าคุณประยงค์เต็มแรง
“สิงหมนตรีจะอับอายซักแค่ไหน” เกษลดาพูดต่อ
คำพูดนี้ก็เข้าหน้าคุณประยงค์อีกเปรี้ยง
“หรือว่าผู้หญิงสิงหมนตรีชอบคนที่เขามีเจ้าของ อยากได้ก็ฉกฉวยเอามาหน้าด้านๆ”
คุณประยงค์โดนอีกเปรี้ยง ตะหงิดๆ ว่า มันว่ากระทบกูรึเปล่า?
ขาดคำ เกษลดาตัวกระเด้งเต็มแรงล้มบนเตียง ถูกตบซ้าย ตบขวา ถูกผลัก ถูกจับเสย จนตัวกลิ้งไปกลิ้งมา
อนงค์วดี จ้องอย่างตื่นตะลึง ตกใจมาก
ขณะคุณประยงค์กำลังทำการนั้น เห็นเป็นภาพลางๆ แล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว เกษลดาฟุบหมอบ สภาพบอบช้ำ
“คุณเกษลดา” อนงค์วดีเข้าประคอง
“ไป๊....อย่ามายุ่งกะฉัน ไปบอกชวดของคุณว่าเห็นดีกันแน่เตรียมตัวไว้เถอะ เตรียมตัวเป็นสัมภะเวสีเร่รอ่นไม่มีที่สิงสู่”
คุณประยงค์ยังยืนอยู่ตรงนั้น มองแผ่รังสีอำมหิตใส่ จนร่างเกษลดา กระเด้งแล้วนอนหงายผึ่ง
“คุณเกษลดา” อนงค์วดีพุ่งเข้ามา
เกษลดาลอยขึ้นสูง ด้วยอำนาจสายตาคุณประยงค์
เกษลดาร้องกรี๊ด...กรี๊ดด้วยความตกใจกลัวแล้วคราวนี้ หลับตาร้องดังก้องกังวาน อนงค์วดีเหลียวแลไปมา แล้วพยายามดึงเกษลดาลงมา แต่เกษลดายิ่งลอยสูงขึ้นไปอีก ไปจนติดเพดาน ชนหน้าคุณประยงค์ที่ฝังอยู่ในเพดาน
เกษลดา กรี๊ดร้องครั้งสุดท้าย ดังกังวานยาวนานมาก
ทุกคนที่อยู่ห้องโถงชั้นล่างได้ยินเสียงนั้น ต่างก็ตกใจ เชษฐา มนัสวีร์และปิ่นสุดา กระโจนขึ้นบันไดไป
พนักงานเลิกลักๆ มองหน้ากัน
คุณประยงค์หันหลังกลับ ร่างเกษลดาตกโครมมาบนเตียง
สามคนเปิดประตูพรวดเข้ามาพอดี
ร่างคุณประยงค์เป็นพลังงานสวนออกไป ปะทะ 3 คนเต็มแรง
แล้วทุกอย่างก็นิ่งเงียบไปทั้งห้อง มีแต่เสียงหัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากร่างของทุกคน ที่ต่างขวัญเสียตามๆ กัน
อ่านต่อหน้า 2
ภาพอาถรรพณ์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ความอึมครึมแผ่ไปทั่วห้อง เชษฐาพุ่งเข้าช้อนตัวเกษลดาขึ้นมาชิดใกล้ มองดูสภาพน่าสงสารมาก ใบหน้าเกษลดามีร่องรอยความบอบช้ำ แต่ไม่เป็นแผล เป็นแต่รอยแดงๆ ที่หัวไหล่และข้อมือ เชษฐามอง
“คงเป็นนี่ค่ะ” อนงค์วดีหยิบโทรศัพท์มือถือกับกล่องใส่ของที่ทำด้วยไม้ วางบนเตียง “ตกลงมากระแทก”
เชษฐาคราง “โธ่ เกษ เกิดอะไรขึ้นหรือ”
เวลาต่อมา ทุกคนยืนในอิริยาบถต่างๆ กัน สีหน้าตรึกตรอง อนงค์วดีเล่าไปหมดแล้ว
เกษลดาฟื้นแล้ว นั่งนิ่ง ไม่ได้เศร้าโศกร้องไห้ แต่พยายามเรียกความเข้มแข็งของตัวเองกลับมา
“คุณชวดประยงค์ตอนมีชีวิตอยู่ท่านเป็นคนแรงมาก ดุมาก ทุกคนในบ้านไม่มีใครไม่กลัวแม้แต่เจ้าคุณพ่อของท่าน ท่านเจ้าพระยาต้นตระกูล สิงหมนตรี” ปิ่นสุดาบอก
“แรงก็เข้าใจอยู่ครับ เป็นวิญญาณอยู่ที่นี่ก็เข้าใจครับว่าผูกพันยึดติดกับที่อยู่เดิมเราก็บวงสรวงกราบไหว้ไปแล้วตามประเพณี ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาทำร้ายคุณเกษลดา คุณลบหลู่อะไรท่านรึเปล่าเกษ”
“ผีชวดของคุณหึงฉัน” เกษลดาตอบมนัสวี แต่ตามองอนงค์วดี
ทุกคนเหลียวขวับมองเกษลดา
“เขามาเข้าฝันฉันสองสามครั้ง ห้ามฉันเกี่ยวข้องกับ...” หล่อนฉุกใจคิด “เขาว่าอย่ายุ่งกะเจ้าคุณ เกษยังขำๆ ว่าชาติก่อนหนึ่งเป็นเจ้าคุณหรือไง เขาเคยเข้าฝันคุณรึเปล่า” ตอนท้ายเกษลดาถามอนงค์วดี
“ครั้งเดียวค่ะ”
เกษลดามองไป “คนอื่นๆ”
มนัสวีร์และปิ่นสุดา ส่ายหน้า
“หนึ่ง...”
เชษฐาสะดุ้งเล็กๆ “หือม์”
เกษลดาถามย้ำ “เคยฝันถึงเขามั้ย”
“ผมคิดว่าเคย แต่ผมจำเหตุการณ์ในฝันไม่ได้เลย”
“เค้าเรียกเจ้าคุณรึเปล่าล่ะ”
เชษฐานัยน์ตาเลื่อนลอยไปชั่วขณะ ทุกคนเฝ้ามอง สุดท้ายทุกคนมองไปยังปิ่นสุดา ที่รู้ประวัติของตระกูลดี
“ว่าไงหนึ่ง ในฝันแค่เขาเรียกหนึ่งว่าเจ้าคุณก็แปลว่าเขาทึกทักว่าหนึ่งน่ะเป็นเจ้าคุณ”
เชษฐาขมวดคิ้ว...คิดหนัก
ภาพจำตอนเชษฐาถามปู่กลับว่า คุณประยงค์แต่งงานกับใครผุดขึ้นมา
“คุณประยงค์แต่งงานกับเจ้าคุณใช่มั้ย...เจ้าคุณเป็นใคร”
เชษฐาคิดออกได้ในทันที พร้อมๆกัน
“ใช่ คุณชวดประยงค์แต่งงานกับเจ้าคุณ”
เกษลดาแปลกใจ “นั่นไง ใช่จริงๆ หนึ่งรู้ได้ไง”
“ก็ฝันไง”
มนัสวีร์ขัดขึ้น “เฮ้ย เกษ คิดว่าเจ้าคุณนั่นกลับชาติมาเกิดเป็นหนึ่งเหรอ บ้าไปปะ”
“เปล่าไม่ใช่ แต่อีผีบ้านั่นมันมาชอบหนึ่ง ผีมันมาชอบคนมันก็เลยทึกทักว่าเป็นหนึ่ง” เกษลดาอธิบาย
“คุณเกษลดา บรรพบุรุษในตระกูลฉันจะเป็นอะไรอยู่ในรูปไหนไม่ใช่เรื่องที่คุณจะมาพูดจาหยามเหยียดแบบนี้” ปิ่นสุดาโกรธมาก
“คุณมากไป มากไปจริงๆ ถ้าฉันเรียกปู่ย่าตายายของคุณว่าอีผีบ้ามั่งคุณจะว่าอะไร”
อนงค์วดีพูดจบเดินออกไปทันที ไม่ฟังคำตอบ ปิ่นสุดาเดินตามไป
เกษลดานิ่งไปนิด “โอเค เกษผิด ไม่ต้องมองอย่างนั้น หนึ่ง นัส เกษจะพยายามระวัง ต่อไปนี้...”
มนัสวีร์สวนคำ เตือน “อย่าลืมแล้วกัน เวลาของขึ้นลืมตัวทุกที”
“มันมาหาหนึ่งวันไหน หนึ่งก็ถามมาให้รู้เรื่องแล้วกัน มันหลงรักหนึ่งมันก็มาเข้าฝันหรืออาจจะมาต่อหน้าต่อตาเลยก็ได้”
เชษฐานิ่งคิด
“ผีอะไร ไม่อยู่ส่วนผีมารักคน...ประสาท คิดจะเอาแบบผีแม่นาคงั้นสิ เฮอะ ผีแม่นาคเค้าเป็นตำนาน ตัวเองเป็นแค่สัมภเวสีสิงสู่อยู่ในรูปภาพเท่านั้น โธ่เอ้ย”
เกษลดาสบตามนัสวีร์เต็มแรง ถูกเขามองเป็นเชิงตำหนิ
“ขอโทษ....แต่มันจริงนี่นา”
เชษฐารำพึงออกมา “จะรู้ความจริงจากใคร”
แล้วเขาก็ทำหน้าเหมือนคิดออก ลึกๆ ในสีหน้า
ขณะเดียวกันในบริเวณที่ต้นไม้ทึบหนาทางไปบ้านปู่กลับนั้น ปู่กลับกำลังเดินโยกเยกไป แหวกกิ่งไม้ไป สีหน้าปู่กลับ สีหน้าทุกข์สุมรุมใจ
ภาพคิดตัวเองสดชื่นกับอีทิ้งในอดีตผุดขึ้นมา
ปู่กลับสะอึกๆนิดๆ “อีทิ้ง เอ็งคงไปผุดไปเกิดแล้วนะ...บุญของเอ็ง”
วิญญาณไอ้คล้ายรออยู่แถวนั้น
ปู่กลับ เดินเปะปะนิดหน่อย มือไอ้คล้ายจับข้อเท้าปู่กลับ ปู่กลับสะดุ้งสุดตัวร้องลั่น ล้มลุกคลุกคลาน
ไอ้คล้ายนอนแบบอยู่กับพื้นส่งเสียงเรียก “พี่กลับ”
“ฮะ...ไอ้คล้าย”
“ฉันเอง”
“หายไปนานเชียวนะเอ็ง”
ไอ้คล้ายโพล่งขึ้น “พี่กลับ พี่เป็นคนฆ่าฉันใช่มั้ย”
“เอ็งอย่าเข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้ทำสาบานได้”
“คุณท่านคนใหญ่....โหดเหี้ยมผิดมนุษย์” ไอ้คล้ายพึมพำ
“คล้าย...ข้าจะขออะไรเอ็งอย่างหนึ่ง ไปเกิดซะ”
ไอ้คล้ายเป็นผีใจอ่อน ก้มหน้า แล้วเบ้หน้าจะร้องไห้ ตัวเบี้ยวไปบิดมา
“จะไปได้ไง ฉันติดข้องอยู่กับความแค้น” มันว่า
“ปลดปล่อยวิญญาณของเอ็ง อโหสิให้เธอ แล้วเอ็งจะไปได้”
ปู่กลับเดินไปตามทาง วิญญาณไอ้คล้ายม้วนเป็นสายจากไป
เวลาต่อมาขณะที่ปู่กลับ เดินเลี้ยวมุมต้นไม้พุ่มใหญ่ รกรุงรัง แล้วชะงัก เมื่อเห็นเชษฐาและมนัสวีร์ ยืนคอยอยู่
“ปู่กลับ บอกฉันมาทั้งหมดเรื่องคุณประยงค์กับเจ้าคุณ”
ส่วนที่บ้านคุณหญิงสร้อยเวลาเดียวกันนั้น ย่าหลานคุยกันอยู่ ละมุนก็อยู่ด้วย
ย่าสร้อยวางรูปลง “พ่อชนะดูนี่....” หันไปพยักหน้าเรียกละมุนด้วย
ชัยชนะจ้องรูป แล้วเบนตัวให้ละมุน
ละมุนดูแล้ว มือทาบอก หน้าตกใจ “ท่าน...”
ชัยชนะเพ่งมอง “ผู้ชายคนนี้เป็นใครหรือคะคุณย่า”
“เขาคือพระยาอักษรธำรงสามีของคุณประยงค์”
“สามีคุณประยงค์” ละมุนเสียงดัง “แล้วมาเกิดเป็นคุณเชษฐาหรือคะ”
“เห็นหรือเปล่าล่ะ...ใช่มั้ย ภาพนี้ซุกอยู่ในลิ้นชักตั้งแต่ย่าอยู่ตึกนั้น อยู่ห้องที่เคยเป็นห้องคุณชวดประยงค์ ย่าเห็นรูปแต่เก็บไว้อย่างเดิมคิดว่าคงต้องมีเหตุผลที่รูปถูกเก็บลืมอยู่ตรงนั้น”
ชัยชนะถาม “คุณย่าจะบอกคุณเชษฐามั้ยคะ”
“ย่าบอกตากลับให้บอกแล้ว”
ปู่กลับงกๆ เงิ่นๆ ไม่รู้จะบอกดีมั้ย กลัวคุณประยงค์
“คุณประยงค์ไม่ทำอะไรปู่หรอก เชื่อฉัน เพราะที่เธอมาโน่นนี่นั่นอยู่เรื่อยๆ เนี่ยฉันเดาว่าเธอคงอยากให้พวกเรารู้นั่นแหละ”
ปู่กลับส่ายมือพัลวัน “ถ้าบอก เธอจะฆ่า”
มนัสวีร์อึ้ง ทึ่ง “โห...โหดได้โล่แฮะ”
“ปู่...ถ้าปู่ไม่บอก ฉันจะหาหมอทางเวทมนต์มาทำพิธีเชิญคุณประยงค์ออกไปจากตึกนี้”
ปู่กลับเงยหน้ามองอย่างตะลึงงัน จนต่อมาปู่กลับจึงเริ่มเล่า สองหนุ่มตั้งใจฟัง
ไม่นานต่อมา สองคนเดินออกมาจากบ้านปู่กลับ สีหน้างงงันกับเรื่องที่ได้ยิน ปู่กลับหยุด หันมามองหน้ามนัสวีร์
มนัสวีร์ฉงน “ปู่ มองหน้าผมทำไมครับ”
“คุณมนัสวีร์ เมื่อชาติก่อน...”
มนัสวีร์ตาโต “หา...ผมมีชาติก่อนด้วยหรือคับ”
“คุณคือคุณหลวงขจร คู่รักของคุณน้อย”
มนัสวีร์ตกใจยิ่งกว่าเดิม อ้าปากค้าง นิ่งกลางอากาศ “...อะ...อะไร...นะ ปู่”
“คุณคือ...”
“เดี๋ยว เอาเป็นว่าที่ปู่พูดเมื่อกี้ไม่ได้พูดผิดนะ เพราะผมได้ยินชัดเจน”
“ไม่ผิดครับ”
“แน่”
ปู่กลับค้อมหัวลงช้าๆ นัยน์ตาย้ำว่าจริง
“ปู่เห็นผม...” มนัสวีร์คาใจ
“เห็นคะรับ”
“เจ้าคุณเชษฐาล่ะ”
ปู่กลับบอก “อย่างนี้คะรับ”
มนัสวีร์งงมาก “ว่าไงหนึ่ง”
“ไม่รู้จะว่าไง” เชษฐางวยงง
“แต่ฉันไม่เชื่อ มาเกิดใหม่หน้าตาเหมือนเดิม....ไม่เชื่อว่ะ” มนัสวีร์บอกหนักแน่น
ด้านชัยชนะมองดูรูปสีหน้ายอมรับนิดๆ “ก็เหมือนอยู่”
“ใช่ค่ะ...ใช่แน่ๆ เหมือนกันซะขนาดนี้ เนี่ยคุณเชษฐาชัดๆ ค่ะท่าน” ละมุนแย้ง
“พ่อชนะจะว่ายังไงลูก”
“คือถ้าอธิบายกันแบบวิทยาศาสตร์ไม่จำเป็นเสมอไป คุณเชษฐาอาจมีสายเลือดเกี่ยวพันกับเจ้าคุณคนนี้ในอดีต อาจเป็นญาติไม่ต้องสนิทก็ได้แต่มีเชื้อสายที่กรรมพันธุ์จะตกมาถึงได้” ชัยชนะอธิบาย
ละมุนท้วง “อุ้ย นี่คนๆ เดียวกันแท้ๆ เลยค่ะ”
“คนหน้าเหมือนกันไม่แปลกหรอกละมุน เราพบกันทั่วไปบางทีไม่ใช่ญาติก็มี”
“มิน่า...ถึงต้องหวนมาซื้อตึก กรรมเก่าค่ะ กรรมเก่าชักนำมา” ละมุนว่า
เหตุการณ์ในอดีตชาติผุดขึ้นมา ภายในห้องนอนเรือนแม่อร เจ้าคุณนอนเงียบ หันหลังให้ เสียงสะอื้นดังแผ่วๆ
“เป็นอะไรอร”
แม่อรสะอื้นแทนคำตอบ
“เอ๊ะอร เป็นอะไร เอาแต่โศกเศร้ากำสรวล”
“เปล่าค่ะ”
“อะไรเปล่า ร้องไห้จนอนไม่หลับอย่างนี้ยังร้องว่าเปล่า”
คราวนี้แม่อรลุกทันที “ถ้าคุณพี่รำคาญน้องไปนอนกับพี่เกดก็ได้ จะได้ไม่เป็นที่กีดหน้าขวางตา”
เจ้าคุณลุกตาม “ว่ากระไรนะ”
แม่อรนิ่ง
“โกรธพี่เรื่องอะไร”
อรขยับตัวออกจากมุ้ง เจ้าคุณคว้าตัวไว้ทันที แม่อรปัด...ดิ้นรน เจ้าคุณกอดรัดจนแม่อรนิ่ง
“เอาล่ะพี่สารภาพ พี่ได้คุณประยงค์เป็นเมีย”
คำๆ นั้นกระแทกเข้าหน้าแม่อรเต็มแรง แต่ไม่ตกใจมากมาย เพราะที่จริงก็รู้อยู่แล้ว
“อร...จะว่ากระไร”
“ตอนนี้คุณพี่ได้เธอ คุณพี่อยากรู้มั้ยคะว่าน้องจะว่ากระไร” แม่อรถามเสียงเบา
“พี่ทำผิดไปแล้ว ผิดแรกคือผิดกับคุณประยงค์เธอ เคยรักเคยสัญญากับเธอแต่พี่ก็ไม่รักษาสัญญา ผิดสองคือกับแม่อรครั้งนี้ พี่พูดอะไรไม่ออก ยอมรับผิดทุกอย่าง”
แม่อรนิ่งสงบ จนเดาใจไม่ออกว่าหล่อนคิดอะไร
“แม่อรจะว่ากระไร”
“คุณประยงค์เป็นน้อยอร เธอคงลำบากใจจะเอาหน้าไว้ที่ไหน ยังท่านเจ้าพระยาท่านผู้หญิงอีก”
“อรไม่โกรธพี่หรือ”
แม่อรนิ่ง ซ่อนหน้าไปทางอื่น ความรู้สึกอัดอั้นขึ้นมาเต็มอก ถามได้ลง ใครจะไม่โกรธ
“น้อง....สงสารตัวเองมากกว่าค่ะ”
“โถ...อร”
เจ้าคุณกอด...จูบผมเบาๆ สงสารมาก
ฟากคุณประยงค์นั่งเก้าอี้มองอีย้อยกับอีทิ้งที่คุยกันอยู่ ด้วยสายตาคมกริบ
อีย้อยพูดอีทิ้งฟัง
สักครู่หนึ่ง อีทิ้งลงนั่งพับเพียบเพ็ดทูล “เมียท่านไม่ว่ากระไร คนที่ว่าก็....นังเกดค่ะ”
ที่เรือนแม่อร อีกวันหนึ่ง สามคน อยู่ด้วยกัน เกดที่ยังเห็นรอยหวายจางๆ เป็นแนวที่หลังด้วย เอ่ยขึ้น
“ถ้าจะให้คุณอรเป็นน้อย อิฉันนี่แหละเจ้าค่ะจะไม่ยอม”
“เอ็งจะทำยังไงเกด”
“อ๋อ อิฉันก็จะร้องแรกแหกกระเชอให้ทั่วเลยว่าเค้าบังคับท่าน”
“เอ็งจะบ้าไปกันใหญ่ แม่อรเขายอมแล้ว ถ้าพระราชทานตราตั้งเขาจะให้คุณประยงค์”
“อิฉันไม่แปลกใจเลย....เจ้าคุณแปลกใจหรือคะ” เกดย้อน
เจ้าคุณยิ้มลึกๆ ในสีหน้า มองจ้องหน้าเกดนิ่งๆ ชอบที่มันเถียงจริงจังมากจนน่าขำ
“คุณอรเธอรู้ว่าถ้าเธอทำอะไรรุนแรงไปจะเดือดร้อนถึงเจ้าคุณ...ท่านทราบไว้เสียด้วยนะเจ้าคะ”
เจ้าคุณเหลียวขวับมาดูแม่อร
“มีเมียแสนดีอยู่กะตัว ยังหันไปเอาเมียแบบนั้น....ฮึ”
เกดพูดจบสะบัดหน้าพรืดไปทันที เจ้าคุณนิ่งอึ้งไป แม่อรทำท่าจะไป
“เดี๋ยวอร มานี่”
แม่อรมาถึง เจ้าคุณโอบกอดไว้แนบแน่น
“พี่ขอบใจ...ขอบใจจริงๆ นะแม่อร”
ภาพอดีตเหล่านี้ล้วนเป็นอิทธิฤทธิ์ที่คุณประยงค์ดลบันดาล เชษฐาหันกลับมาจากหน้าต่าง เจอคุณประยงค์ มายืนอยู่ใกล้มาก
อ่านต่อหน้า 3
ภาพอาถรรพณ์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
เวลานี้ผีกับคนต่างจ้องมองกันนิ่งๆ สายตาคุณประยงค์มีแววอ้อนวอนฉายชัด
สายตาเชษฐานิ่งนึกตรึกตรองขณะบอก
“ผมไม่รู้ว่าผมคือเจ้าคุณ...อะไรคนนั้นแน่หรือเปล่าผม...เชษฐาในชาตินี้ เป็นไปไม่ได้ที่คุณชวดจะเค้นให้ผมนึกออกให้ได้”
คุณประยงค์เคลื่อนเข้ามาใกล้
“นึกได้สิ...นึก”
ส่วนในห้องอนงค์วดี ปิ่นสุดา และอนงค์วดี อยู่ในชุดนอนกันทั้งสองคน ผักบุ้งเก็บเสื้อผ้าเตรียมจะเอาไปซัก
ปิ่นสุดากำลังทาครีม อีกมือหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้ผักบุ้ง
สีหน้าอนงค์วดี กังวลหนัก แล้วจู่ลุกขึ้น ปิ่นสุดางง
“ยายหนู จะไปไหนลูก”
ภายในห้องเชษฐาทั้งสองต่างอยู่ท่าเดิม เสียงเคาะประตูดังสักครู่ ประตูเปิดออกอนงค์วดียืนอยู่มองเข้ามา คุณประยงค์ไม่ขยับเลย ยังคงยืนแหงนหน้ามองหน้าเชษฐา ส่วนเชษฐาพยายามมองว่าอนงค์วดีเห็นคุณประยงค์รึเปล่า
“คุณเชษฐาคะ”
เชษฐาเป็นอันรู้ว่าอนงค์วดีไม่เห็น พึมพำถาม “ไม่เห็น” ขณะมองคุณชวดประยงค์
คุณประยงค์บอก “ฉันไม่ประสงค์ให้มันมาเห็น”
“โอเค” เชษฐาเดินไปหาอนงค์วดี “อนงค์วดี เป็นอะไรรึเปล่า”
“ลงไปคุยกันข้างล่างได้มั้ยคะ”
เชษฐาจูงมือเข้ามา จับตัวให้นั่งบนเตียง “มีอะไร”
“ฉันเป็นห่วง...”
เชษฐาตาเชื่อม เปลี่ยนคำให้หล่อนพูด “อนงค์เป็นห่วง”
“ค่ะ...ค่ะ อนงค์เป็นห่วงคุณเชษฐา กลัวว่า เอ้อ...คุณชวดท่านอาจจะมาพาคุณเชษฐาไปอยู่กับท่าน เหมือนคุณป้าสวาสดิ์”
คุณประยงค์คำราม “บอกมันว่าอย่ามาสะเออะ”
เชษฐาไม่สน “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ คนดี ผมดูแลตัวเองได้”
“ท่านเป็นคนจะเอาอะไรท่านต้องเอาให้ได้นะคะ ท่านอาจจะ...เอ้อชอบคุณเชษฐาเหมือนที่คุณเกษลดาบอก แล้วก้อ...”
คุณประยงค์สวนออกมา “อย่าบังอาจมาหาความฉัน...บอกมัน”
เชษฐาไม่ใส่ใจ “อนงค์วดี...ผมไม่เป็นอะไรนะครับ และผมไม่คิดว่าอันตรายจะเกิดกับผมหรอก...เชื่อผมเถอะ”
อนงค์วดียังคงมองจ้องเชษฐา นัยน์ตาอ่อนโยน พยักหน้า “ค่ะ”
คุณประยงค์เข้ามาแทรกตรงกลางอย่างเร็ว พูดใส่หน้าอนงค์วดีว่า “หมั่นไส้”
เชษฐาร้อง “อย่า”
“คะ อะไรคะ...อย่าอะไรคะ” อนงค์วดีงงมาก
คุณประยงค์พูดพร้อมๆ ที่อนงค์วดีพูด “มันไม่เคยเปลี่ยนทำเป็นสงบเสงี่ยม ทำเป็นหงิมๆ ทำเป็นเจ้ามารยา
“คุณเชษฐาเป็นอะไรคะ”
คุณประยงค์ด่า “ลอยหน้าลอยตา ตายซะดีมั้ย”
เชษฐาร้อง “อย่า” อีก แล้วปัดคุณประยงค์อย่างแรง จนคุณประยงค์เซไป
อนงค์วดีร้อง ตกใจ “คุณเชษฐา”
เชษฐาคว้ามืออนงค์วดี ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ประตูห้องสะบัดปิดดังเปรี้ยง แต่ร่างของคุณประยงค์ก็ถลาพรวดทะลุประตูตามไป
เวลานั้นสมกำลังดูดฝุ่นพรม ส่วนนวลเช็ดขัดบันได เชษฐาจูงอนงค์วดี ลงบันไดมาอย่างรวดเร็ว แล้วชะงัก เมื่อพบว่าคุณประยงค์ยืนดักอยู่หน้าบันได เชษฐาหยุดชะงัก
“คุณเชษฐา” อนงค์วดีหัวเราะนิดๆ “เป็นอะไรไม่สบายรึเปล่าคะ”
“คุณเชษฐา...คุณอนงค์ ต้องการอะไรคะ สม....หยุดก่อน” นวลว่า
สมปิดสวิชต์เครื่อง “คุณอนงค์” เดินมาหา “มีอะไร”
“ดีเหมือนกัน นวล ขอชาร้อนๆ 2 แก้ว”
“ค่ะ....สมต้มน้ำ”
สองคนเดินไป
คุณประยงค์หันไปมองนิดเดียว สองคนลงนั่งพิงผนังผล็อยหลับไป แต่อนงค์วดีไม่เห็น
จากนั้นคุณประยงค์มองอนงค์วดี สักพักอนงค์วดีเดินๆ ไป แล้วนั่งเก้าอี้พิงเอนๆ หลับตานิ่ง
“คุณชวด...คุณต้องการอะไร”
คุณประยงค์เดินไปที่อนงค์วดี ยกมือขยุ้มบนตัว
เชษฐาโผนเข้าไป “อย่า....” แล้วดึงร่างของคุณประยงค์เหวี่ยงไปเต็มแรง ร่างคุณประยงค์หายวับไป
“อนงค์วดี”
ใบหน้าของอนงค์วดีกลายเป็นสีเขียว มันเป็นหน้าของคนตายแล้ว
เชษฐาใจหายวาบ ตกใจแทบสิ้นสติ “อนงค์วดี....อนงค์วดี” เขาโอบร่างมาแนบอก “คุณประยงค์...” พอหันไปมองหา...กลับไม่มี “คุณประยงค์ออกมาพูดกัน ทำไมคุณต้องทำอย่างนี้”
“ฉันทำอะไร”
ร่างคุณประยงค์อยู่ข้างหลังใกล้ๆ อนงค์วดี
เชษฐาหันขวับมาพบว่าอนงค์วดีปกติดีทุกอย่าง ไปนอนบนเก้าอี้ยาว อยู่ในท่าพักสบายๆ สีหน้ายิ้มละมุน
“โกหก...ถ้ายังไม่ลงนรกก็ไปเถอะ”
คุณประยงค์ยิ้มน้อยๆ “ไอ้กลับมันเล่านิทานโกหกให้ฟัง...เจ้าคุณเชื่อมันรึ”
“เชื่อ ปู่กลับไม่มีเหตุผลจะโกหก คุณก็รู้ว่าคุณทำบาปทำกรรมอะไรไว้บ้าง และจะบอกให้นะถึงเดี๋ยวนี้คุณอยากจะฆ่าผมอีกครั้งผมก็ไม่เสียดายชีวิตหรอก แต่ถ้าผมไม่ถึงฆาตใครก็ทำอะไรผมไม่ได้”
“ฉันไม่ทำอะไรคุณ เรื่องอะไรฉันจะให้คุณไปเกิดเท่ากับคุณจากฉันไปตลอดกาล”
“ทำจิตใจดีๆเราอาจพบกันก็ได้ แต่ถ้ายังโกรธอาฆาตมาดร้ายอย่างนี้ก็ไม่มีวันพบคนที่อยากพบ ต้องพลัดพรากกันตลอดไป”
วิญญาณคุณประยงค์ชะงัก คำเหล่านี้กระทบใจส่วนลึก ร่างกายเริ่มจะเลือนรางไปอีกแล้ว
“ชีวิตมีหลายชาติหลายภพ ทำจิตใจดีชาติหน้าฟ้าใหม่คุณก็จะพบ...”
คุณประยงค์สวนทันที “ฉันไม่รอชาติไหน ฉันพบแล้วไม่มีการรอคอยอีกแล้วเพราะรอมานานเหลือเกิน”
“ถึงคุณจะให้ผมอยู่อย่างนี้ คุณก็ไม่ได้อย่างที่คุณหวังหรอก”
คุณประยงค์ฟังแล้วเหมือนหัวใจจะแตกดับ มองจ้องเชษฐาเขม็ง
ภาพความรักอันสุขสมและหวานชื่นครั้งอดีต ผุดเข้ามาในความคิดคุณประยงค์เป็นฉากๆ
ทุกคนยังถูกสะกดจิตให้อยู่ในท่าเดิมของใครมัน เชษฐาเอ่ยทำลายภาพจำเหล่านั้นขึ้นมา
“โกรธแค้นเราสองคนมากใช่มั้ยครับคุณประยงค์ หนึ่งชีวิตผมทดแทนได้มั้ย ความแค้นจะได้หมดไป ฆ่าผมสิเหมือนที่คุณเคยฆ่ามาแล้ว”
“ฉันไม่ต้องการชีวิตคุณฉันบอกแล้ว” ร่างคุณประยงค์ค่อยๆชัดเจนขึ้นอย่างเดิม “แต่เราจะพบอย่างนี้เรื่อยๆจนกว่าคุณจะสิ้นอายุขัย”
“คุณจะมีวันพ้นกรรมถึงเวลาต้องไปเกิดหรือไม่”
“ฉันไม่ไปเกิด วิญญาณบางดวงกว่าจะได้เกิด ท่องเที่ยวอยู่ได้เป็นร้อยๆ ปี เราจะอยู่ที่นี่...สองคน ต่อไปคุณต้องเลิก” คุณประยงค์ชี้นิ้ววน 360 องศา “สิ่งเหล่านี้ให้หมด แล้วเราจะมีความสุขด้วยกัน ถึงคุณจะแก่คุณจะหลงลืม แต่คุณจะไม่ลืมฉัน”
เชษฐาหัวเราะเบาๆ พูดไม่ออก
“ฉันจะไปเกิดวันที่ชีวิตคุณแตกดับไปตามธรรมชาติ”
“อย่างนั้นก็ได้....เราต้องผจญกันต่อไป ได้...ผมก็มีวิธีของผมเหมือนกัน”
“เจ้าคุณ....”
เชษฐาขัดทันที เสียงชักเริ่มดังแล้ว “ผมไม่ใช่เจ้าคุณอย่าเรียกผมเจ้าคุณอีก เจ้าคุณบ้าบอที่ไหนกัน”
“คุณคือเจ้าคุณอักษรธำรง เสนาบดีกระทรวงธรรมการ”
พริบตานั้นเอง ร่างของเชษฐากลายเป็นเจ้าคุณทันที
“เจ้าคุณคะ”
เชษฐาถอดกระดุม เสื้อราชปะแตน ถูกขว้างไปเต็มแรง เห็นเสื้อลอยไปตกที่พื้น
ทว่าที่ตัวของเชษฐาเสื้อก็ยังอยู่บนตัวดังเดิม เชษฐาถอดอีก โยนอีก โยนไปอีก กลับมาก็ยังใส่
“คุณอย่าสู้กับอำนาจจิตของฉัน มันแรงกว่าที่คุณคิดไว้มากที่คุณเห็นมันไม่ใช่ที่คุณเป็น แต่ให้รู้ว่าฉันทำได้”
เชษฐาแต่งตัวเหมือนเดิมพลางหัวเราะ
“ก็ดี เหมือนมายากล เอาล่ะ ผมพร้อมที่จะทำศึกกับคุณแล้ว”
“อย่าพูดอย่างนั้น เราไม่ใช่ศัตรูกัน”
“แต่คุณชวดทำเหมือนเราเป็นศัตรูนี่ครับ”
“ฉันไม่ได้เป็นศัตรูกับคุณ” คุณประยงค์เคลื่อนกายเข้ามา เงยหน้าใกล้ๆ “ไม่ได้เป็นคุณชวดของเจ้าคุณด้วย”
“ผมก็ไม่ใช่เจ้าคุณ”
“คุณคือเจ้าคุณสามีของฉัน เราเคยอยู่ที่นี่ด้วยกัน”
“โอ๊ย....คุณชวด นั่นมันผ่านมาร้อยปีแล้ว” เชษฐาโวย
“เราอยู่ในเวลาที่ต่อเนื่องกันเสมอ ไม่ว่านานเท่าไหร่โดยเฉพาะฉัน”
“วิญญาณคุณชวดนี่ดื้อจริงๆ”
“มาสิ...” คุณประยงค์เคลื่อนเข้ามาใกล้ โดยเท้าไม่แตะพื้น “เราจะไปสู่เวลานั้นด้วยกัน”
อ่านต่อหน้า 4
ภาพอาถรรพณ์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ภายในห้องนอนคุณประยงค์ เกิดภาพบันดาลเรื่องราวอดีต ผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ
เวลานี้แม่อรนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น แต่งตัวนุ่งห่มเรียบร้อย กำลังร้อยมาลัย คุณประยงค์เอ่ยขึ้นชี้นิ้วไป
“นั่นคืออร”
เชษฐานั่งลงใกล้ๆ สายตาสงสารมองแม่อร
“คุณไม่เคยรักหล่อนเลย ได้แต่เวทนา”
เชษฐาหันหน้ากลับมาหาคุณประยงค์
“อรเหรอ....เป็นเมียผมด้วย ดูเธอเศร้าน่าสงสาร ถ้าอดีตมันเศร้าอย่างนี้อย่าดูดีกว่า”
คุณประยงค์เอื้อมมือมาจับมือเชษฐา จูงออกมาจากตรงนั้น
พริบตานั้นเชษฐากลับกลายเป็นเจ้าคุณ
“คิดถึงความรักที่คุณเคยมีกับฉัน” คุณประยงค์พาเชษฐาไปนั่งลงบนเตียง
เจ้าคุณหันไปมองแม่อร ที่นั่งร้อยพวงมาลัยอยู่
“แม่อร”
แม่อรเงยหน้ามามอง นัยน์ตาเศร้านิดๆ “คะ”
เจ้าคุณถามต่อ “นั่นอะไรหรือ”
“มาลัยค่ะ”
เจ้าคุณมองจ้องที่แม่อร แล้วจู่ๆ เกิดความรู้สึกอยากไปหา ขยับตัวจะลุก คุณประยงค์จับแขนไว้
“เจ้าคุณคะ เรามีความสุขที่ลืมไม่ได้เลยไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน”
คุณประยงค์เข้ามาชิดใกล้เชษฐา กอดไปรอบคอ
“เจ้าคุณไม่เคยสนใจแม่อรมากกว่าอิฉัน เจ้าคุณรักอิฉันรักคนเดียว”
เจ้าคุณลุกขึ้นไปหาแม่อร แต่คุณประยงค์เข้าประชิดตัว กอดรัดด้วยพละกำลังประหลาดล้ำ จนเจ้าคุณหนีไม่ได้แล้ว ขณะที่โน้มตัวเข้าหาคุณประยงค์
ประตูเปิดออก เห็นย่าน้อยค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาช้าๆ
คุณประยงค์มองมาด้วยนัยน์ตาแวววามด้วยความโกรธ “เข้ามาทำไมแม่น้อย” ท่าทีไม่ต่างจากงูร้ายที่ขู่ฟ่อเหมือนโกรธจัด “ไม่มีจรรยา นี่มันที่รโหฐานหล่อนเสนอหน้าเข้ามาทำไม”
“ที่รโหฐานไม่ควรมีพี่อรอยู่ด้วยค่ะ เจ้าคุณคะ น้อยขออนุญาตพาพี่อรไปก่อนที่พี่อรจะหัวใจแตกสลาย”
“ฉันไม่ให้ไป แม่อรต้องอยู่ที่นี่”
“คุณเชษฐา หายโง่เสียทีเถอะค่ะ” ย่าน้อยเข้าไปหาแม่อร “โง่เหมือนเจ้าคุณไม่มีผิด”
มือของย่าน้อยจับมือแม่อร แล้วดึงสุดแรง
ย่าน้อยต้องรวบรวมพลังมากถึงจะถูกตัวอนงค์วดีได้ กลายเป็นร่างอนงค์วดี ที่ไปตามแรงมือของย่าน้อย ออกประตูไป
ที่แท้ภาพทั้งหลายเหล่านี้คือเหตุการณ์ในโลกปัจจุบันนั่นเอง แต่ด้วยอำนาจจิตของคุณประยงค์ ทำให้เห็นเชษฐาเป็นเจ้าคุณ และอนงค์วดีเป็นแม่อร
กลางดดึกย่าน้อยจูงอนงค์วดีวิ่งลงบันไดมา แล้วร่างกายของย่าน้อยก็จางลงหมดพลัง ย่าน้อยหันมาทำให้อนงค์วดีตัวเอนอ่อน ซบไปกับบันได เพื่อไม่ให้จำอะไรได้
“ฉันช่วยเธอเพราะเธอเป็นหลานสายตรงของฉัน แต่ไม่ต้องจำนะลืมให้หมด”
แล้วย่าน้อยก็โลดแล่นละลิ่วลงบันไดไป
ส่วนเชษฐานอนหลับตาอยู่ในห้อง คุณประยงค์ นั่งอยู่ริมเตียง จ้องมองด้วยความรัก
ย่าน้อยโลดแล่นมาเร็วๆ แล้วหมดพลัง ร่างกายติดๆ ดับๆ
คุณสวาสดิ์ลงมาจากรูปภาพเร็วรี่ “คุณอา หนูเป็นห่วงแทบตาย เป็นอะไรคะเนี่ย”
ย่าน้อยหายใจหอบแรงบอก “หมดกำลัง”
“ไปไหนหมดคะ” ผีหัวจุกถามถามหน้าตาเฉย
ย่าน้อยเหล่ “ถามจริงๆ เหรอเนี่ย”
“จริงดิ...” คุณสวาสดิ์ว่า
ย่าน้อยส่งสายตาปราม
“จริงค่ะ” ผีผมจุกบอก
“ภาษาวิบัติ”
“อ้าว....คุณอาก็ทราบเหรอคะ”
“ก็ได้ยินเขาพูดเหมือนกัน” ย่าน้อยพยุงตัวลุกขึ้น “โอย...อาไปช่วยพี่อรถ้าให้อยู่กับคุณอาอีกชั่วเคี้ยวหมากแหลก คุณอาอาจจะฆ่าพี่อรก็ได้” ย่าน้อยเดินจะเข้าห้อง “ทีนี้อากลัวเขาไม่มากับอา ก็เลยฉุดเขา”
“จริงดิ...เอ๊ย จริงเหรอคะ”
“เห็นรึเปล่าล่ะลูกสวาสดิ์ว่าอาหมดกำลัง”
“แล้วพี่อรไปไหนล่ะคะ”
“โน่น นอนอยู่บนกะไดโน่น ไป...เข้าห้อง”
สองคนหันมา แล้วหยุดกึก ตกตะลึง เห็นมนัสวีร์ยืนอยู่ตรงหน้า จ้องมองมาเขม็ง
“ตายแน่ๆ คราวนี้ต้องตายแน่ๆ”
“ทำไมเขาเห็นเราล่ะลูกสวาสดิ์ เขาไม่เคยเห็นนี่” ย่าน้อยแปลกใจ
“คุณอาปลุกสัญญาให้เขาเห็นรึเปล่าคะ”
“เปล๊า...อาไม่เคยหรอก อาก็หยิ่งในศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ”
“เขาจ้องเราใหญ่เลยค่ะ”
มนัสวีร์ออกเดินตรงมา ผีสองตนหันรีหันขวาง มนัสวีร์ เดินผ่านไปเฉยเลย
“อุ๊ย...เขาไม่เห็นค่ะคุณอา” คุณสวาสดิ์ดูออก
“ไป เข้าห้องเร็ว”
พริบตาเดียวนั้นเอง ทั้งสองยืนและนั่งในที่ของตัวเองเรียบร้อย มนัสวีร์ เดินไปถึงรูปย่าน้อย เงยหน้ามองจ้องๆ...นิ่งๆ
“ลูกสวาสดิ์...เขามายืนจ้องอาอีกแล้ว” ย่าน้อยกังวล
“คุณอาเข้าห้องเรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่เป็นไรหรอก”
มนัสวีร์เอ่ยขึ้น “คุณย่าน้อยครับ....เราเป็นสามีภรรยากัน...”
ย่าน้อยตกใจ “ว๊าย....ลูกสวาสดิ์”
“หรือเป็นแฟนกัน” มนัสวีร์ว่าต่อ
ย่าน้อยงง “อะไรนะ”
มนัสวีร์ว่าอีก “หรือเป็นแค่กิ๊กกัน”
“ลูกสวาสดิ์ คุณหลวงพูดอะไรอาฟังไม่รู้เรื่องเลย รู้แค่....” ย่าน้องพูดเสียงอุบอิบ “สามีภรรยา”
มนัสวีร์ เอื้อมมือมาแตะรูป แล้วลูบไล้ไปมา
ย่าน้อยตกใจ ”ลูกสวาสดิ์....ลูกสวาสดิ์ ช่วยอาด้วย”
“เฉยๆ ไว้ค่ะคุณอา อย่ากระดุกกระดิกนะคะ”
“จั๊กกะจี้”
“เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ”
ย่าน้อยเร่งใหญ่ “ช่วยยังไง....เร็วๆ”
ที่ด้านหลังมนัสวีร์ เห็นผีคุณสวาสดิ์แวบผ่านไป ตามมาด้วยเสียงของบางอย่างตกดังโครม มนัสวีร์หันขวับไปดูตามเสียง และเดินไปดูด้วย เงาคุณสวาสดิ์ แวบกลับมา
คุณสวาสดิ์ไปนั่งที่เก้าอี้ในรูปเรียบร้อยแล้ว “โอเคค่ะ”
“พูดอะไรนะลูกสวาสดิ์”
“หนูได้ยินเขาพูดกันค่ะ คนหนึ่งพูดโอเค อีกคนก็โอเค แล้วยิ้มกันแบบเนี้ยค่ะ“ ผีจองแก่นฉีกยิ้มกว้าง “หนูก็เลยคิดว่า....เป็นเรื่องดีค่ะ”
ฟากปิ่นสุดาอยู่ในห้องนอนอ่านหนังสือจบแล้ว บิดตัวนิดหน่อย หันไปดูผักบุ้งนอนแอบๆ ชิดฝาข้างหนึ่ง
“ผักบุ้ง ฉันจะไปดูคุณหนูนะ”
ผักบุ้งเงียบ
“หลับแล้ว” ปิ่นสุดาลงจากเตียง หยิบเสื้อคลุม
ฟากย่าน้อยกระวนกระวายหนัก “ลูกสวาสดิ์ เขาเดินกลับมา”
มนัสวีร์มายืนหน้ารูป “ผมคือ” เขาครุ่นคิด “หลวงขจร....ผมอยากรู้ว่าหน้าตาผมเป็นแบบนี้รึเปล่าถ้าใช่...มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ แต่ก็อย่างว่า เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นบนโลกใบนี้”
“ลูกสวาสดิ์ อาไม่รู้เรื่องเขาพูดอะไร”
“ปู่กลับบอกว่าผมเคยเป็นคู่รักคุณ แกบอกแค่เนี้ย....โอเค ก็ต้องไปเค้นจากปู่กลับโอเค้....โอเค ก็ได้”
น้ำเสียงตกใจสุดขีดของปิ่นสุดาดังขัดขึ้น “อนงค์วดี...ยายหนู”
มนัสวีร์ พรวดไปทันที
“ได้ยินมั้ยคะ คุณอา หลวงขจรยังพูดเลยว่า โอเค้....โอเค”
“คนเห็นพี่อรแล้วลูกสวาสดิ์” ย่าน้อยโล่งอก
ผักบุ้งเปิดประตูให้สามคน ท่าทางยังง่วงอยู่มนัสวีร์ อุ้มอนงค์วดีเข้ามา วางลงบนเตียง
ปิ่นสุดาสั่งทันที “ผักบุ้ง เอาน้ำเย็นๆ มาเช็ดหน้าคุณหนู....ขอบคุณคุณนัสมาก หนักสิคะนั่น”
มนัสวีร์หอบเหนื่อยนิดๆ
“เอาไงดีคุณมนัสวีร์ ถ้ายายหนูหลับก็น่าจะตื่นแล้วนะคะ”
“นั่นสิครับ แต่ท่านอนคุณอนงค์ไม่ได้ตกบันได ลักษณะเหมือนนอนหลับธรรมดาเท่านั้น”
“ต้องถึงหมอมั้ยคะ”
มนัสวีร์อังมือที่ลมหายใจ แตะชีพจร สีหน้าขมวด
“ผิดปกติมั้ยคะ”
“ไม่นะครับ หัวใจเต้นปกติ สม่ำเสมอ” เขาหัวเราะอายๆ “ผมไม่ใช่หมอแต่ก็พอรู้ครับ”
ย่าน้อยปรากฎตัวในที่หนึ่งในห้อง แล้วทำให้อนงค์วดีฟื้นขึ้น จากนั้นย่าน้อยก็ไป โดยไม่มีใครเห็น
“ยัยหนู...”
“คะ...คุณแม่ คุณมนัส”
สีหน้าอนงค์วดีใคร่ครวญ จนเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด หล่อนลุกพรวด ทุกคนตกใจเรียกชื่อเสียงดัง
“คุณอนงค์” / “ยัยหนู”
“คุณนัส....ไปกับฉันหน่อยค่ะ”
มนัสวีร์รับทั้งที่งงๆ “ครับ...ไปเลย”
สองคนออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ปิ่นสุดากะผักบุ้งมองตามงงๆ
สองคนก้าวออกมาเร็วรี่ มนัสวีร์คาใจจะถาม
“คุณอนงค์...”
อนงค์วดีห้าม “อย่าเพิ่งถามค่ะ ไปหาคุณเชษฐาก่อน”
“คุณไม่เป็นอะไรนะ ทำไมไปนอนที่บันได” มนัสวีร์คาใจ
อนงค์วดีลืมสิ้นตามที่ย่าน้อยสั่ง “ฉันไม่ทราบ แต่ไม่สำคัญหรอกค่ะ ฉันเชื่อว่ามีคนทำไม่ทราบว่าใครแต่คงไม่ใช่หวังร้าย” หล่อนออกเดินนำไป
มนัสวีร์ตามติดๆ “เชษฐาเป็นอะไรครับ”
พอสองคนมาถึงพอดีกับที่ เชษฐาเปิดประตูออกมา ด้วยหน้าตาหมกมุ่น มนัสวีร์ และอนงค์วดี เรียกชื่อ
“คุณเชษฐา” / “หนึ่ง”
“เกิดอะไรขึ้นจะไปไหนกัน”
“คุณเชษฐา จำเหตุการณ์เมื่อคืนได้มั้ยคะ”
เชษฐาถอนใจยาว สีหน้าทั้งหนักใจ ทั้งเป็นห่วงอนงค์วดี “เล่าให้นัสฟังแล้วหรือ”
คุณประยงค์อยู่ในห้องรูปตัวเอง ยิ้มสมใจ
ย่าน้อยมองอย่างอ่อนใจ “คุณอา จะเล่นสนุกอย่างที่ไปถึงเมื่อไหร่”
“เขารู้เรื่องทั้งหมดแล้วไอ้กลับมันบอก ต่อไปนี้ฉันจะได้เริ่มทำงานของฉันเสียที”
“งานอะไรคะ” น้ำเสียงย่าน้อยตื่นตระหนก “คุณอาจะทำอะไรต่อไป ที่ทำมายังไม่พออีกหรือคะ”
“อดีต ไม่ได้มีแค่นั้น แม่น้อย” คุณประยงค์หันมาทางย่าน้อย สายตาเปลียนแปรเป็นอ่อนระโหย ทั้งเศร้า ทั้งโหยหา ถวิลครวญถึงวันวารขึ้นมาอีกครา
ตอนกลางวันในวันหนึ่งเมื่ออดีต บนโต๊ะอาหารที่จัดแต่งอย่างสวยงาม มีดอกพุดใส่แจกันประดับเป็นพุ่มส่งกลิ่นหอม คุณประยงค์ แต่งตัวในชุดอยู่กับบ้าน ปรนนิบัติเจ้าคุณอยู่ ด้วยชุดน้ำชาหรูหราของฝรั่ง มีกาชา โถน้ำตาล จานขนม เจ้าคุณก็รับการปรนนิบัติ อย่างเต็มใจ สองคนมองกันอย่างรักใคร่ สายตาอ่อนโยน
“เจ้าคุณคะ”
“ผมอยากให้คุณประยงค์เรียกผมพ่อปราชญ์อย่างเดิม” เจ้าคุณบอก
“ฉันไม่เรียก ฉันชอบเรียกเจ้าคุณเพราะจะได้ระลึกอยู่เสมอว่าพ่อปราชญ์ทำตามสัญญาที่จะทำทุกอย่างให้ตัวเองดีขึ้นเพื่อจะเท่าเทียมกับฉัน”
“ครับ ผมตั้งใจมุ่งมั่น และทำตามที่สัญญาทุกอย่าง”
“ฉันจัดห้องของเราใหม่ เจ้าคุณขึ้นมาอยู่กับฉันข้างบนนะคะจะได้สมศักดิ์ศรี”
“ศักดิ์ศรีของผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น”
ต่อมาคุณประยงค์หารือกับอีทิ้งอยู่อีกมุมหนึ่ง คับแค้นที่เจ้าคุณไม่ยอมย้ายขึ้นมาอยู่บนเรือนด้วย
“เจ้าคุณรักมัน นังอร อย่าเถียงข้าอีทิ้ง”
“โอ๊ย เรื่องนั้นทิ้งยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ตะแคงยัน....”
คุณประยงค์รำคาญเต็มแก่ ตบโต๊ะปัง “พอ....พอที ข้ายืนยันเหมือนกันว่าท่านรักมันไม่อย่างนั้นท่านไม่ถึงขนาดทำร้ายหัวใจข้าอย่างนี้หรอก ข้าขอให้ท่านขึ้นมานอนบนตึก ท่านไม่ยอมมา”
“จริงหรือเจ้าคะ เอ... เจ้าคุณทำอย่างนี้ไม่ถูก ผิดมากๆๆๆ”
“พอ ไม่ต้องรำพัน เข้ามานี่ข้าจะฟังจากเอ็ง”
อีทิ้งหน้าเหรอ ชี้ตัวเอง
“ถ้าคิดหนทางให้ท่านมาอยู่บนตึกได้ ข้าจะตกรางวัลให้เอ็ง” คุณประยงค์บอก
“โธ่เอ๋ย....บ่าวอย่างอีทิ้งจะเอาปัญญาที่ไหนไปคิดล่ะเจ้าคะ”
คุณประยงค์ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“ไปไหนเจ้าคะ”
“คิดออกแล้ว” คุณประยงค์เดินไปทันที
อีทิ้งหน้าเอ๋อ
ที่พึ่งคุณประยงค์มิใช่ใครอื่น เป็นท่านเจ้าพระยาที่รักลูกสาวปานดวงใจนั่นเอง สองพ่อลูกอยู่กันอีกห้องหนึ่ง ท่านเจ้าพระยาเอ่ยขึ้นหลังฟังความร้องขอจากบุตรีจบลง
“พ่อพูดไม่ได้แม่ประยงค์ อย่าให้พ่อทำอะไรนอกหน้าอย่างนั้นเลยลูก”
“ถ้าเจ้าคุณพ่อไม่เมตตาลูกแล้วลูกก็ขอกราบลา” คุณประยงค์บอก
ท่านเจ้าพระยาแปลกใจ “ลูกจะไปไหน”
“ลูกจะไปอยู่กับคุณป้าที่ถนนตะนาว จะไม่กลับมาที่นี่ตลอดชีวิต”
“แม่ประยงค์จะทิ้งพ่อไปได้กระไรลูก พ่อไม่ยอม”
“เจ้าคุณพ่อไม่ช่วยลูก ลูกก็ไม่อยู่”
ท่านผู้หญิงเดินออกมาได้ยินหมด “ใจคอจะไม่คิดถึงเมียเขาเลยรึ แม่ประยงค์”
“ลูกไม่อยากพูดกับคุณแม่เพราะพูดไปกี่ครั้งกี่หนคุณแม่ไม่เคยเห็นใจลูก”
“พูดกับแม่ถึงขนาดนี้เห็นแม่เป็นอะไร” ท่านผู้หญิงฉุน
“คุณแม่ไม่ชอบเจ้าคุณกีดกันเขามาตั้งแต่ต้น ทั้งๆที่เจ้าคุณพ่อสนับสนุนเขา เขาเป็นคนดีคนมีมานะ เขยิบตัวจนเป็นเสนาบดี คุณแม่ก็ยังรังเกียจเขาไม่สร่างซา”
“แม่ไม่รังเกียจเขาก็ได้ เขาดีทุกอย่างแม่ไม่เถียง แต่เขามีเมียแล้ว”
คุณประยงค์เถียง “ลูกก็เป็นเมีย”
“แต่จะครอบครองเขาคนเดียว” ท่านผู้หญิงเหน็บ
“คุณแม่ก็ครอบครองเจ้าคุณพ่อคนเดียว เจ้าคุณพ่อไม่เคยได้ไปค้างคืนที่เรือนเล็กไม่ว่าเป็นเรือนไหน”
ทานเจ้าพระยาตัดบท “เอาล่ะ...หยุดเถียงกันได้แล้ว แม่แย้ม...ฉันทูลเสด็จในกรมแล้วขอประทานพระกรุณาจัดงานแต่งงานแม่ประยงค์กับเจ้าคุณอักษร”
สีหน้าคุณประยงค์ลิงโลด ดีใจที่สุด
ท่านผู้หญิงนิ่งไปสักครู่ ถึงยังไงด้วยความเป็นแม่ก็อดดีใจกับลูกสาวไม่ได้ “ค่ะ ท่าน อิฉันก็ขอบพระคุณท่านที่กรุณาจัดการให้ลูกสาวไม่น้อยหน้า เพราะอิฉันตะขิดตะขวงเรื่องนี้อยู่เสมอว่าอยู่กินกันไม่ได้ตบไม่ได้แต่ง เพื่อนฝูงอิฉันถามไถ่อิฉันเหมือนน้ำท่วมปาก”
คุณประยงค์ก้มกราบเท้าเจ้าคุณพ่อ แต่ไม่มองแม่เลย
“แม่ประยงค์ ทุกอย่างที่แม่พูด ก็เพราะแม่เป็นแม่ไม่อยากให้ลูกทำผิด คนเขาจะไยไพถึงพ่อถึงแม่”
คุณประยงค์ประชดด้วยสีหน้านิ่งสนิท “อ๋อ ที่แท้คุณแม่ขายหน้าของคุณแม่เท่านั้น”
ท่านผู้หญิงถอนใจใหญ่ มองลูกสาวอย่างอ่อนใจ ก่อนจะหันไปทางสามี ท่านเจ้าพระยา หน้าเฉยนิ่งไม่เข้าข้าง ท่านผู้หญิง ลุกแล้วเดินออกไป
ท่านเจ้าพระยาลูบผมลูก “เสด็จประทานวันฤกษ์ดีมาแล้วด้วยนะแม่ประยงค์ลูกรักของพ่อ”
คุณประยงค์ยิ้มชื่น ฝ่ายพ่อมองลูกอย่างแสนรัก
ถึงวันแต่งคุณประยงค์ แม่อรนั่งนิ่งอยู่บนเรือนชาน สีหน้านิ่งสงบ แต่ในสายตาชอกช้ำลึกๆ ส่วนเกดนั่งชันเข่าสองข้าง สีหน้ากระด้างกระเดื่อง เกลียดชังคุณประยงค์เต็มทรวง
ทนายหน้าหอกำลังช่วยเจ้าคุณแต่งตัวอยู่ในห้อง สีหน้าเจ้าคุณยามนี้แม้จะมีความพอใจอยู่ในหน้า แต่ก็ชำเลืองไปข้างนอกห้อง รู้ว่าสองคนนั้นรู้สึกยังไง
ที่สุดเกดลุกพรวด “ทนไม่ไหวแล้ว”
“พี่เกด จะไปไหน”
“ทำไมพวกผู้ดีมียศฐาถึงทำได้ขนาดนี้ เมียเขาตบแต่งกันมาช้านาน อยู่ๆจะมาแต่งซ้อนให้ลูกสาวตัวเองมันงามหรือคะคุณอร พี่เกิดมาก็ไม่เคยพบพวกผู้ดี เพิ่งเห็นว่าทำกันด้านๆ อย่างนี้เอง” เกดพูดจบก็สะบัดตัวเดินออกไป
อีย้อยที่ตะบอยทำงานอยู่ไม่ไกลนัก หูกระดิกทันที เก็บคำพูดเกดทุกคำ
เจ้าคุณออกมาจากห้องมาดสมาร์ทหล่อเหลาเต็มขั้น แม่อรเงยหน้ามอง นัยน์ตาโศก แต่ฝืนยิ้มให้ เจ้าคุณเดินเข้ามาใกล้ๆ ก้มลงประคองแม่อรให้ลุกขึ้นยืน จับไหล่สองข้าง มองตา
“แม่อรพี่ขอโทษแม่อร”
แม่อรพยักหน้า ควบคุมน้ำตาให้แค่คลอๆ ตา “ค่ะ คุณพี่”
“ท่านเจ้าพระยาท่านก็เมตตาอรนะ ท่านผู้หญิงด้วย”
“ขอคุณพี่เรียนท่านว่าน้องขอบพระคุณ ได้อยู่สบายกินอิ่มนอนหลับเพราะความกรุณาของท่าน”
เจ้าคุณได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกผิดเหลือเกิน
“ต้องเข้าวังหรือคะ”
“วังเสด็จในกรมอยู่ข้างนอก มิใช่วังหลวง”
“รดน้ำสังข์ด้วยใช่มั้ยคะ”
“เสด็จทรงรดพระองค์เดียว คนอื่นๆ แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่ต้อง”
แม่อรยิ้มปลื้ม “คุณพี่งามเหลือเกินวันนี้”
“อร....อร” เจ้าคุณดึงตัวหล่อนเข้ามากอด “แม่คุณของพี่” แล้วซบหน้ากับเรือนผม “พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้อรต้องเสียใจเป็นอันขาด ถึงพี่จะแต่งงาน ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเขยท่านเจ้าพระยา แต่ทุกเช้าพี่จะตื่นนอนพร้อมอรที่ห้องนี้พี่สัญญา เราจะฟังเสียงนกกาเหว่าร้องตอนเช้าด้วยกัน....ใส่บาตรด้วยกัน”
แม่อรพนมมือลดตัวลงแล้วกราบแทบเท้า น้ำตาหยดเผาะ ร่วงรินรดลงพื้นเห็นถนัด เกดแอบมองจากข้างใน สงสารจับใจ จนน้ำตาคลอ
เจ้าคุณคุกเข่ากอดแม่อรไว้ ใช้มือเช็ดน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล
อ่านต่อตอนที่ 12