xs
xsm
sm
md
lg

สุดสายป่าน ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุดสายป่าน ตอนที่ 5

วิเศษเดินเข้ามาในสวนสาธารณะอย่างรีบร้อน กวาดสายตาไปรอบๆ หาใครบางคน ครู่หนึ่งวิเศษเห็นกานดามณี ซึ่งแต่งตัวเรียบร้อย ยืนหันหลังมองเหม่อที่สายน้ำตรงหน้า จึงเดินเข้ามายืนด้านหลังเรียกอย่างตื่นเต้น

“กานดามณี...”
กานดามณีค่อยๆ หันกลับมา แล้วทรุดลงกราบที่เท้าวิเศษด้วยสีหน้าตื้นตัน วิเศษตะลึง ไม่ผิดแน่เพราะรูปร่างหน้าตาราวกับกานดาวสียังไงยังงั้น
“คุณพ่อ...”
วิเศษทรุดลงประคอง “ลูกพ่อ..ลูกกานดามณีจริงๆ โอลูกพ่อ”
พร้อมกันนั้นวิเศษกอดกานดามณีอย่างดีใจที่สุดในชีวิต กานดามณีกอดตอบสีหน้าเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์มองไปสบตากับวิไลวรรณที่แอบดูอยู่มุมหนึ่ง วิไลวรรณยกนิ้วให้
“พ่อไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าจะเจอลูกอีก ทำไมแม่เขาต้องหลอกพ่อด้วย เออ...แล้วนี่แม่ของลูกล่ะ”
กานดามณีตีหน้าเศร้าสะอื้น
“คุณแม่ป่วยหนักมากค่ะ..เพราะเหตุนี้ลูกถึงต้องบากหน้ามาหาคุณพ่อ”
วิเศษตกใจมาก
“กาญจนาป่วยหนักเหรอ”
“ค่ะ คุณพ่อ...”
วิไลวรรณกลั้นหัวเราะพึมพำ
“นังณีนะนังณี อย่างแกเนี่ยไปเล่นหนังได้สบายๆเลย”
วิไลวรรณมองตามวิเศษที่ประคองกานดามณีไปที่รถ ก่อนจะขับออกไป

ที่บ้านวิไลวรรณคืนนั้น ในมือวิไลวรรณ มีเงินจำนวนไม่เยอะมากนัก ที่กานดามณีได้มาจากวิเศษ
“พ่อแกรวยจะตาย ให้แกมาแค่เนี้ยนะ คุ้มมั้ยเนี่ยที่แกถึงกับลงทุนเปลี่ยนโฉมแล้วก็ก้มลงกราบเขาน่ะ”
“ไม่ใช่แค่นี่หรอกน่า นี่มันแค่เริ่มต้น เขาไม่ได้เอาเงินมามากมายอะไร”
“แล้วไง”
“เขานัดให้ฉันไปหาอีกครั้งวันพรุ่งนี้ คราวนี้คงได้เยอะเพราะฉันบอกว่าจะเอาไปรักษาแม่”
“แล้วเขาจะบอกพี่สาวแกมั้ยเรื่องที่เจอแก”
“ไม่... ฉันเป็นคนขอร้องไม่ให้เขาบอกใครเอง ตอนนี้ฉันจะให้ใครรู้ไม่ได้โดยเฉพาะนังกานดาวสี เพราะฉันยังไม่รู้ว่ามันโดนผัวคนไหนของฉันเล่นงานมันไปแล้วมั่ง ถ้ายังไม่เจอใครเลยก็ดีไป แต่ถ้าเจอแล้วฉันก็ซวยนะสิ แผนที่จะปอกลอกไอ้แก่ก็ต้องล้มไม่เป็นท่า”
“แกก็รอบคอบดี”
“ถึงเวลาแล้ว ที่ฉันจะทวงทุกอย่างของฉันคืน”

คืนเดียวกันอิ่มใจเปิดประตูเข้ามาในห้อง ท่าทางเหนื่อยๆ แต่ยังดูสดใส สายตาไปสะดุดกับชุด Black tie ที่แขวนเด่นอยู่ในห้อง อิ่มใจเดินไปดูใกล้ๆ ด้วยความสงสัย
วสันต์นุ่งกางเกงนอนตัวเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นอิ่มใจ ก็ยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
“คุณอิ่มไปไหนมาเหรอครับ กลับมาซะดึก”
“คุณพระให้อิ่มไปช่วยเตรียมงานที่วังสูรยกานต์น่ะค่ะ...แล้วนี่คุณวสันต์เตรียมชุดจะไปงานอะไรเหรอคะ”
“ผมก็จะไปงานแต่งงานคุณฐิติไงครับ” วสันต์ยิ้มอย่างมีเลศนัย “เจ้านายจะมีงานมงคลทั้งที...ผมจะพลาดได้ยังไงW
อิ่มใจมองหน้าวสันต์แล้วตัดสินใจพูดออกมา
“คุณวสันต์รู้จักคุณกานดาวสีมาก่อนใช่มั้ยคะ อิ่มเคยเห็นคุณคุยกับเธอ”
วสันต์หันมามองอิ่มใจอย่างนึกไม่ถึง ก่อนจะยิ้มๆ อย่างผู้ชนะ เหมือนพอใจที่อิ่มใจรู้เห็น แต่ทำเป็นยักไหล่เหมือนไม่สนใจ
“ก็แค่คนที่เคย...คุ้นเคยกันเท่านั้น”
อิ่มใจระแวง “แต่คุณคงไม่ไปรื้อฟื้นเรื่องนี้กับเธอใช่มั้ยคะ”
วสันต์ยิ้มอย่างมีแผนการ
“ผมก็แค่อยากไปทักทายเพื่อนเก่า...ก็เท่านั้นเอง”

เช้านี้ ที่วังสูรยกานต์ ตั้งแต่สนามหน้าบ้าน และรอบๆ วัง ถูกแต่งด้วยดอกไม้อย่างสวยงาม
มุมหนึ่งมีวงดนตรีไทยบรรเลงขับกล่อม พระญาติ และแขกผู้ใหญ่นั่งอยู่ที่เก้าอี้หมู่ที่จัดเตรียมไว้ เพื่อนเจ้าบ่าว เจ้าสาวยืนคุยกันเป็นกลุ่มด้วยท่าทางสดชื่น มีความสุข ทุกสายตามองไปที่ฐิติกับกานดาวสีอย่างปลื้มปิติ
ฐิติแตะแขนกานดาวสีเดินมาเตรียมตักบาตรที่โต๊ะยาว มีบาตรพระวางไว้ 9 ใบ
งานตักบาตรตอนเช้าเจ้าบ่าวนุ่งผ้าม่วง เสื้อราชปะแตน กระดุม 5 เม็ด เจ้าสาวใส่ชุดไทย
เรือนต้น ไทยจักรี ไทยบรมพิมานซึ่งจะดูเรียบร้อย
รำเพยกับเพื่อนสาวของกานดาวสีคอยช่วยถือโถข้าวและถาดอาหารคาวหวานให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวตักบาตร
ฐิติหน้าตาแจ่มใส จับทัพพีก่อน ค่อนไปทางปลายแล้วหันไปมองกานดาวสีแกมบังคักระซิบดุๆ
“จับทัพพีสิคุณ”
กานดาวสีมีสีหน้าบอกบุญไม่รับ วางมือทับลงบนมือฐิติทางด้านยอดทัพพีอย่างกระแทกกระทั้น ฐิติกับกานดาวสีช่วยกันตักบาตร ชำเลืองมองหน้ากานดาวสีขวางๆ เอียงหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ
“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ย เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หรอกว่าคุณไม่เต็มใจแต่งงานกับผม” ฐิติกวน “หรือว่า...ยังเจ็บปากไม่หาย”
กานดาวสีงง ตามไม่ทัน “เจ็บปากเรื่องอะไร”
“อ้าว...ก็ที่ผมจูบคุณเมื่อวานไงล่ะ”
กานดาวสีทั้งโกรธทั้งอาย จิกเล็บลงบนหลังมือ ฐิติร้อง
“โอ้ย...”
รำเพยตกใจ “คุณฐิติ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรครับ สงสัยจะมดกัด ตัวแค่เนี้ย ฤทธิ์เยอะนัก” ฐิติก้มหน้าไปจนจมูกเฉียดแก้มกานดาวสี “ระวังเถอะ คืนนี้จะเอาคืน...”
กานดาวสีผงะรีบเบี่ยงตัวออกห่าง ฐิติไม่ยอม โอบเอวกานดาวสีให้เข้ามาใกล้ตัวมากขึ้นไปอีก

กานดาวสีค้อนขวับ ฐิติมองยิ้มๆอย่างพอใจ

อีกมุมหนึ่งบริเวณพิธี นมสายซึ่งจับตามองทุกอิริยาบถของบ่าวสาวด้วยความปลาบปลื้มหันมากิ๊กกั๊กกับพุดตาน คุณพระบรรณกิจ ไขนภา ซึ่งยืนอยู่บริเวณเดียวกน

“อุ๊ยตายแล้ว คุณพุดตาน ดูคุณติสิคะ ท่าทางจะยอมแพ้หนูกานดาวสีตั้งแต่ในมุ้งซะแล้ว”
พุดตานอึ้งๆ
ไขนภาไม่เข้าใจ “ทำไมเหรอคะนม”
นมสายมัวแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คุณพระตอบแทน
“โบราณเค้าว่า ตอนตักบาตร ถ้าใครจับทัพพีเหนือกว่าก็จะมีอำนาจเหนืออีกฝ่ายน่ะครับคุณหญิง”
นมสายเสริม “แต่คุณติเธอรีบจับที่ปลายทัพพีซะก่อนอย่างนี้ ก็แปลว่ายอมกันเห็นๆ เลยล่ะค่ะ”
ไขนภา คุณพระ และนมสายพากันหัวเราะชอบใจ มองฐิติอย่างเอ็นดู พุดตานมองไปที่ฐิติอย่างไม่สบายใจ เห็นฐิติกับกานดาวสีร่วมกันตักบาตร ดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

ไม่นานต่อมาไขนภา รำเพย เขต อุดร และทวิชยืนคุยกัน มองไปที่ฐิติกับกานดาวสีที่กำลังทักทาย ไหว้ญาติผู้ใหญ่
“รู้สึกว่าวันนี้ไอ้ติของเรายิ้มไม่หุบเลยนะ” ทวิชบอก
“อ้าวก็คนเขามีความสุข อิจฉาล่ะสิไอ้วิชที่ไม่มีใครให้แต่งด้วยน่ะ” อุดรว่า
“พูดผิดพูดใหม่ได้นะไอ้ดร ฉันจะแต่งเมื่อไรก็เมื่อนั้น แต่ที่ยังไม่แต่งก็เพราะยังเลือกไม่ได้ต่างหาก” ทวิชบอก
ฐิติกับกานดาวสีเดินเข้ามาหาเพื่อนๆ ไขนภาเข้าไปหาฐิติกับกานดาวสี
“หญิงขอแสดงความยินดีด้วยความจริงใจอย่างที่สุดค่ะ” พลางยิ้มล้อๆ ปรายตามองฐิติอย่างรู้ทัน “เชื่อมั้ยคะว่าหญิงรู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบคุณกานดาวสีแล้วล่ะ ว่าหลานชายของหญิงจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แน่ๆ”
เขตแกล้งทำท่าเกทับ
“แต่ของผม แค่ได้ยินไอ้ติมันเล่าว่าไปเจอคุณกานดาวสีที่ประจวบ ผมก็รู้แล้วว่ามันต้องเป็นบุพเพสันนิวาสแน่ๆ”
ฐิติพูดทีเล่นทีจริง “มันอาจจะไม่ใช่บุพเพสันนิวาสก็ได้”
“ฮึ้ย...อะไร เจอปุ๊บ รักปั๊บ...ถ้าไม่เรียกว่าบุพเพสันนิวาสแล้วจะเรียกว่าอะไรวะ” อุดรเย้า
เพื่อนๆหัวเราะกันเฮฮา
“จะอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่คุณฐิติต้องดูแลเพื่อนฉันให้ดีนะคะ ห้ามทิ้งขว้างเด็ดขาด”
ฐิติมองกานดาวสีและพูดเน้นเสียงอย่างมีความหมาย
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ...ยังไงผมก็ไม่มีวันยอมให้คุณกานดาวสีไปจากชีวิตของผมแน่ๆ”
เพื่อนๆ โดยเฉพาะเขต อุดร ทวิชพากันฮิ้วฮาในความหวานของฐิติ
“ฮิ้วว...หวานว่ะ”
กานดาวสีเมินหน้าไปทางอื่น เข้าใจความหมายที่แท้จริงของฐิติ ทวิชโวยวายขึ้น
“เฮ้ยๆๆลืมไปเจ้าบ่าวยังไม่ได้หอมเจ้าสาวให้เพื่อนดูเลย”
3 เกลอชียร์ใหญ่“หอมเลย หอมเลย หอมเลย”
ไขนภาช่วยเสริม
“เร็วสิคะคุณหลาน ถ้าขืนชักช้าจะปรับเป็นหอมสองข้างเลยนะคะ ดีมั้ยคะพวกเรา”
กานดาวสีหน้าแดง ออกอาการขวยเขิน
ฐิติมองกานดาวสีอย่างถือไพ่เหนือกว่า ค่อยๆ หอมแก้มกานดาวสีอย่างทะนุถนอม กองเชียร์ตบมือเฮฮากันเสียงดังสนั่น

ด้านท่านหญิงลักษมีซึ่งนั่งอยู่กับแขกบรรดาญาติสนิท ตรงอีกมุมวังสูรยกานต์ มองไปที่ฐิติกับกานดาวสีในหมู่เพื่อนๆ
“แม่กานดาวสีนี่แต่งชุดไทยได้ขึ้นจริงๆ ทั้งสวย ทั้งสง่า หาที่ติไม่ได้เลยทีเดียว...นี่ถ้าลองแต่งตัวเปรี้ยวแบบสาวสมัยดูบ้างไม่รู้จะเป็นยังไง”
ไขศรีพูดทีเล่นทีจริง “ก็คงเปิ๊ดซะก๊าดพิลึกล่ะค่ะคุณพี่ ดิฉันคนหนึ่งที่รับไม่ได้โชคดีที่หญิงนภาไม่ได้ติดเชื้อฝรั่งมังค่ากลับมา ไม่งั้นคงอกแตกกันบ้าง”
แขกที่นั่งอยู่ด้วยกันพากันหัวเราะขำ
อุไรเอ่ยขึ้น “แหม จะไปเปรียบเทียบกันได้ยังไงคะ คุณหญิงไขนภาเธอเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี...แต่หนูกานดาวสีน่ะ เค้าสาวเปรี้ยว เต้นรำเป็นไฟ คบเพื่อนผู้ชายมากหน้าหลายตา”
“ก็เป็นธรรมดาของสาวๆสมัยนี้ แต่อันที่จริง ฉันก็ไม่เห็นว่าแม่กานดาวสีจะเปรี้ยวปรู๊ดปร๊าดอะไรเลย” ท่านหญิงว่า
พุดตานท้วงขึ้นมา “แต่ฟังไว้บ้างก็ดีนะเพคะ คุณอุไรน่ะเป็นแม่เลี้ยง ถึงยังไงก็ใกล้ชิดกับหนูกานดาวสีมากกว่าเรา”
ท่านหญิงพูดยิ้มๆ แต่ตาคมกริบอย่างรู้ทัน “ก็เพราะเป็นแม่เลี้ยงน่ะสิ ฉันถึงต้องฟังหูไว้หูยังไงล่ะ...” พร้อมกันนี้ท่านหญิงมองไปรอบๆ เปลี่ยนเรื่องเนียนๆ “เอ๊ะ นี่พ่อวิเศษหายไปไหนล่ะเนี่ย”
“เห็นว่าจะออกไปทำธุระสักครู่น่ะเพคะ แต่ยังไงก็ต้องกลับมาทันตอนพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์แน่ๆ” อุไรบอก

วิเศษนัดพบกานดามณีในสวนสาธารณะตอนสาย และยื่นเงินให้กานดามณีปึกใหญ่ กานดามณีตาวาววับ รีบเข้าไปกราบที่อกเหมือนซึ้งใจมาก
“ลูกขอบพระคุณคุณพ่อมากค่ะ”
“ถ้าไม่พอก็มาบอกพ่อนะ ที่จริงพ่ออยากไปเยี่ยมแม่เค้า...”
กานดามณีรีบขัดขึ้น “โอ๊ะ โอ๊ย...อย่าเพิ่งเลยค่ะ คุณแม่ยังไม่หายโกรธคุณพ่อเดี๋ยวอาการจะพาลทรุดหนักลงไปอีก...”
กานดามณีลนลานค้นหารูปแม่ในกระเป๋าส่งให้วิเศษ
“นี่รูปคุณแม่ค่ะ คุณพ่อดูรูปไปก่อนละกันนะคะ”
วิเศษเห็นรูปวิสูตร กาญจนา และกานดามณีถ่ายด้วยกัน วิเศษดูรูปอย่างพิจารณา ราวกับว่าจะเห็นทุกข์สุขของกาญจนาผ่านรูปได้
กานดามณีพยายามเปลี่ยนเรื่อง พอดีสะดุดตาที่วิเศษที่อยู่ในชุดสากลเต็มยศ
“คุณพ่อกำลังจะไปงานเหรอคะ ถึงได้แต่งตัวเต็มยศขนาดนี้”
“วันนี้เป็นวันแต่งงานของพี่สาวลูก”
“งานแต่งงานพี่กานดาวสีเหรอคะ”
“ใช่ลูก ความจริงพี่เขาคงจะดีใจมากถ้าลูกไปในงาน แต่พ่อยังไม่ได้บอกหรอกนะว่าเค้ามีฝาแฝด เพราะลูกขอร้องไว้”
“ค่ะ..ไม่ใช่ว่าลูกไม่อยากพบ แต่...”
“พ่อเข้าใจ ยังไงเราก็คงต้องคุยเรื่องนี้กันอีกที”
วิเศษเก็บรูปที่กานดามณีให้ไว้ในกระเป๋าด้านในของสูท พร้อมกับหยิบการ์ดแต่งงาออกมายื่นให้กานดามณี
“ฝากไปให้แม่เขาด้วย บางทีถ้าเขาได้รับรู้ว่าลูกสาวอีกคนเป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว อาจจะทำให้เขาใจอ่อนลงบ้างก็ได้...พ่อไปละ”
วิเศษเดินจากไป กานดามณีเปิดดูโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แล้วตาโตตกใจที่เห็นชื่อหม่อมหลวงฐิติ สูรยกานต์
“ฐิติ สูรยกานต์..เป็นไปไม่ได้ ลูกแม่ค้าขนมจะเป็นหม่อมหลวงไปได้ยังไง”

กานดามณีมือสั่น ดวงตาวาวโรจน์ ทั้งโกรธ ทั้งคาดไม่ถึง
 

อ่านต่อหน้า 2

สุดสายป่าน ตอนที่ 5 (ต่อ)

ล่วงเข้ายามบ่าย อิ่มใจแต่งตัวเสร็จแล้วอยู่ในชุดสวยงาม คว้ากระเป๋าไปงานขึ้นมาด้วยท่าทางรีบร้อน

“อิ่มไปก่อนนะคะ ถ้าช้า คุณพระจะตำหนิเอา”
วสันต์กำลังแต่งตัวอยู่เช่นกัน
“ได้ครับ...แล้วผมจะรีบตามไป”
อิ่มใจเดินออกจากห้องไป วสันต์หยิบการ์ดที่วางไว้ที่โต๊ะขึ้นมาดู ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ สีหน้ามีแผนการบางอย่าง
“เธอคงไม่อยากให้ใครๆ รู้สินะ ว่าเคยเป็นเมียฉันมาก่อน...นี่ฉันควรจะเรียกค่าปิดปากจากเธอซักเท่าไหร่ดี กานดาวสี กิริเนศวร”

ในห้องพิธี วังสูรยกานต์พิธีรดน้ำสังข์จัดขึ้นตอนบ่าย ฐิติกับกานดาวสีหมอบเคียงคู่กันอยู่บนตั่ง รำเพยกับเพื่อนสาวของกานดาวสีอีกคน ยืนเป็นเพื่อนเจ้าสาวอยู่ด้านหลังกานดาวสี
เขตกับทวิชยืนอยู่อยู่หลังฐิติ
ท่านหญิงลักษมีเดินเข้ามาที่ตั่ง อุดรถือพานใส่แป้งเจิมและมงคลคู่เดินตามมาทางด้านหลังท่านหญิงเจิมและสวมมงคลให้คู่บ่าวสาว ก่อนจะรับสังข์จากไขนภามาหลั่งที่มือ
“ย่าขอให้หลานทั้งสองอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า หนักนิดเบาหน่อยก็ต้องให้อภัยกันนะ หากในวันหน้ามีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกัน ก็ขอให้จดจำวันนี้คืนนี้ให้ดี ชีวิตครอบครัวความซื่อสัตย์เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้พูดความจริง เพราะความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย จำไว้นะหลาน”
ฐิติกับกานดาวสีก้มหน้ารับพร
ท่านหญิงวางสังข์ลงในพานที่ไขนภาถือไว้ ก่อนเดินออกไป อุดรเป็นคนเติมน้ำมนต์ในสังข์แขกอื่นๆนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ที่จัดไว้ ทุกสายตาจับจ้องมาที่คู่บ่าวสาว
วิเศษเดินเข้ามารดน้ำสังข์ต่อ รดให้ฐิติก่อน
“ตอนนี้ลูกทั้งสองก็เป็นคนๆเดียวกันแล้ว รักกันมากๆนะลูก มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากัน อย่าให้ความแตกต่างมาทำให้ต้องแตกแยกกัน” วิเศษพูดกับกานดาวสี “ลูกโชคดีที่ได้เจอแต่สิ่งที่ดีๆในชีวิต...คุณฐิติเป็นคนดีมาก พ่อขอให้ลูกรักษาสิ่งที่มีค่านี้ไว้ตลอดไปนะลูก”
พุดตานเดินเข้ามา
“แม่หวังว่าการแต่งงานวันนี้จะทำให้อะไรดีขึ้น เรื่องอะไรที่ไม่ดีก็ขอให้มันผ่านไป ขอให้วันนี้เป็นวันเริ่มต้นที่ดีของลูกทั้งสองคน ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขตลอดไป”
ฐิติมองพุดตานอย่างตื้นตัน ก่อนจะก้มลงกราบพร้อมกานดาวสี
จากนั้นแขกอื่นๆ รวมทั้งท่านอธิบดีนายของประพันธ์ด้วย ทยอยกันเข้ามาหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ นารีรัตน์แจกของชำร่วยให้แขกที่มารดน้ำ แต่สายตาก็คอยมองไปที่ฐิติและกานดาวสีอย่าง
อิจฉา สาวน้อยไม่ได้ริษยาแต่อยากมีวันนี้บ้างกับคนที่ตนรัก ขณะที่กำลังทอดถอนใจ ก็ต้องยืนตัวชาเมื่อเห็นประพันธ์เดินตามมารอนายที่กำลังเข้ามารดน้ำสังข์ให้ฐิติและกานดาวสี ทั้งสองฝ่ายต่างมองกันอย่างอาวรณ์แต่ก็ต้องตัดใจ

ฝ่ายกานดามณีแต่งตัวสวย แต่หน้าตาบึ้งตึง เดินเร็วๆ มาที่รถ เปิดประตูเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ วิไลวรรณยังแต่งตัวไม่เสร็จ ใส่ต่างหูได้ข้างเดียว ยังใส่รองเท้าแตะ ในมือหอบกระเป๋าถือ
กระเป๋าเครื่องสำอาง รองเท้าส้นสูง กระหืดกระหอบตามมาด้วย
“ใจเย็นๆ ก็ได้ ทำไมต้องรีบขนาดนี้ด้วยนะ”
“ฉันก็จะไปที่วังสูรยกานต์น่ะสิ ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้นังกานดาวสีมันแต่งงานกับคุณฐิติ”

วิไลวรรณท้วง “แต่แกเป็นคนไม่เอาเค้าเองนี่นา”
“ก็ใครจะรู้ล่ะว่านายนั่นจะกลายเป็นทายาทคนเดียวของสูรยกานต์” ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ “นี่คุณฐิติเค้าต้องคิดว่านังกานดาวสีเป็นฉันแน่ๆ แล้วนังนั่นมันก็เลยสวมรอย ใครจะโง่ไม่เอาในเมื่อคุณฐิติเค้าทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้น”
“แล้วแกจะทำอะไรได้ ในเมื่อเขาสองคนก็แต่งงานไปแล้ว”
“ฉันจะไม่ยอมให้นังกานดาวสีมันแย่งอะไรไปจากชีวิตฉันอีกแล้ว ฉันจะไปพังงานแต่งงานมันซะเดี๋ยวนี้เลย”

เสียงโทรศัพท์มุมห้องพิธีรดน้ำสังข์ดังขึ้น นมสายรีบเดินไปที่โทรศัพท์ บ่นไปด้วย
“ใครนะ โทรมาตอนนี้ ช่างไม่รู้จักเวล่ำเวลาเอาซะเลย...” นมสายรับโทรศัพท์เสียงเข้ม “ที่นี่วังสูรยกานต์ ไม่ทราบว่าจะเรียนสายกับใครคะ”
ที่วังอัศวไกร วิทย์ในชุด Black tie เต็มยศกำลังพูดโทรศัพท์ด้วยเสียงแจ่มใส ไม่ถือตัว
“นั่นนมสายใช่มั้ยครับ...ผมวิทย์นะครับ”
นมสายเปลี่ยนเสียงเป็นอ่อนหวาน “อู้ย คุณวิทย์น่ะเอง สวัสดีค่ะ”
วิทย์ยิ้มร้ายแต่เสียงเป็นมิตร “นมสายช่วยทูลท่านย่าด้วยนะครับว่าผมกำลังจะไปร่วมงานที่วังสูรยกานต์...”
“ได้สิคะ ท่านหญิงคงจะดีพระทัยมากที่คุณวิทย์จะได้พบกับคุณฐิติซะที”
“ครับ...ผมจะได้ทำความรู้จักกับเจ้าสาวของคุณฐิติด้วย...ได้ข่าวว่าเธองามมาก”
นมสายยิ้มปลื้ม“งั้นก็รีบมาดูให้เห็นกับตาเลยสิคะว่าจะงามจริงสมคำร่ำลือรึเปล่า”
“แหม...งั้นผมต้องรีบไปแล้วล่ะครับ งานนี้ผมคงพลาดไม่ได้แน่ๆ”

หม่อมหลวงผู้กำกับจอมซาดิสต์บอกยิ้มๆ

ท่านหญิงลักษมีฟังความที่นมสายมาบอกอย่างดีใจ แต่ก็ไม่อยากเชื่อนัก

“ตาวิทย์น่ะรึจะมา ไม่น่าเชื่อ”
นมสายนั่งคุกเข่ากระซิบกระซาบอยู่ใกล้ๆท่านหญิงที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ประธานแถวหน้าสุด
แขกคนอื่นๆ ยังทยอยกันเข้าไปหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ไม่ขาดสาย
“จริงๆเพคะ เธอให้อิฉันมาทูลท่านหญิงว่ากำลังจะออกจากวังอัศวไกรเพคะ”
“ดีจริง ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยมา เอะอะอะไรก็ติดถ่ายหนัง...” ท่านหญิงขำๆ “ถือว่าตาติกับแม่กานดาวสีโชคดีมากนะเนี่ย ที่ทำให้ตาวิทย์ออกมาจากโรงถ่ายได้”
ท่านหญิงมองไปที่ฐิติกับกานดาวสี ซึ่งนั่งเคียงคู่กันที่ตั่งรดน้ำ ดูสวยงาม เหมาะสมกันมาก

วิทย์วางโทรศัพท์ เดินไปหยุดที่หน้าต่าง มองทิวทัศน์นอกด้านนอกอย่างสบายใจด้วยท่าทางเท่ห์สุดๆ พร้อมกับยิ้มร้าย เสียงร้าย ผิดกับตอนที่พูดกับนมสายราวฟ้ากับเหว
“กานดาวสี กิริเนศวร...อยากรู้นักว่าเธอจะทำหน้ายังไงตอนที่เห็นหน้าฉัน”
เสียงรองเท้าส้นสูงผู้หญิงกระทบพื้นดังขึ้น วิทย์หันไปดู ชะงัก อ้าปากค้าง แทนสายตาวิทย์ เห็นลิซ่าในชุดราตรีหรู แบบเซ็กซี่ เดินลงบันไดมาด้วยท่าทางยั่วยวน มั่นใจในความงามเต็มที่
วิทย์กลืนน้ำลาย
“ไงคะ ลิซ่าสวยพอที่คุณวิทย์จะควงไปงานที่วังสูรยกานต์หรือยัง”

เวลาล่วงเข้าสู่ตอนเย็น ในช่วงงานเลี้ยงฉลองสมรส ท่านหญิงมองไปทางฐิติ กานดาวสีในชุดราตรียาวสีขาว ที่กำลังยืนรับแขกเคียงคู่กันด้วยสายตา ปลื้มปิติ แล้วนึกขึ้นมาได้
ท่านหญิงพูดกับคุณพระบรรณกิจ “อาทิตย์หน้าคุณพระอย่าลืมนัดหมายนายอำเภอเรื่องจดทะเบียนซะให้เรียบร้อยนะ เชิญให้เค้ามาที่นี่เลย”
“กระหม่อม...ตามฤกษ์ก็ต้องรอให้ขึ้นเดือนใหม่ซะก่อนกระหม่อม”
พุดตานเห็นทางที่จะกันกานดาวสีไม่ให้ผูกมัดกับสูรยกานต์ได้ รีบเสนอความเห็น
“จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนก็ได้นี่เพคะ ยังไงทุกคนก็รับรู้”
ท่านหญิงพูดขัดขึ้น “ไม่ได้หรอก แม่กานดาวสีเป็นภรรยาของหลานชายฉันต่อให้เค้าเป็นลูกเจ๊กลูกจีน ไม่ได้มีเชื้อมีแถว ฉันก็ยังต้องให้เกียรติ...” ท่านหญิงพูดเสียงเข้ม ตวัดตามองอย่างไม่พอใจ “...ดูแต่หล่อนซิ ลูกชายฉันเค้าก็ยังจดทะเบียนกับหล่อนไม่ใช่รึ แม่พุดตาน”

ฉาก 16บริเวณงานเลี้ยง วังสูรยกานต์เย็น ต่อเนื่อง
ตัวละครฐิติ/กานดาวสี/แขกคนอื่นๆ
ฐิติกับกานดาวสียืนรับแขกอยู่หน้างาน กานดาวสีพยายามยิ้มให้แขก แต่ดูรู้ว่าฝืน ฐิติมองอย่างหมั่นไส้
ฐิติพาลพาโล “ถ้ามันลำบากนัก ไม่ต้องฝืนยิ้มก็ได้นะ...ในใจคุณคงจะอยากให้งานมันล่มๆไปซะตอนนี้เลยล่ะมั้ง”
กานดาวสีเชิดหน้าใส่ “ใช่...ฉันกำลังภาวนาให้มีใครซักคนทำให้งานนี้ล่มลงได้”
สองคนมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ด้านวสันต์ขับรถมาตามทางมองหาจุดหมายไปด้วย ก่อนจะตัดสินใจจอดรถข้างทาง แล้วลงจากรถ มองเส้นทางที่ขับมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ในที่สุดก็มองซ้ายมองขวา พยายามจะถามทางจากคนแถวนั้น แต่ไม่มีใครเดินผ่านมาเลย สายตาวสันต์ เห็นพ่อค้า แม่ค้าหาบเร่ เข็นรถ แผงลอยขายของอยู่ฝั่นตรงข้าม วสันต์รอจนถนนว่าง แล้วเดินข้ามถนนตรงไปที่แม่ค้าคนหนึ่ง
“ขอโทษนะครับ วังสูรยกานต์ไปทางไหนครับ”
แม่ค้าชี้มือไปฝั่งตรงข้าม “เข้าซอยนั้นไงพ่อหนุ่ม...ตรงเข้าไปก็เห็นเองล่ะ”
วสันต์มองไปตามมือของแม่ค้า เห็นซุ้มประตู มีป้ายวังสูรยกานต์ขนาดใหญ่อยู่ที่
หน้าปากซอย เลยเดินจากบริเวณที่ตนจอดรถไปทางด้านหน้านิดหน่อย
วสันต์ยิ้มอย่างกระหยิ่มใจ

ฟากวิไลวรรณครุ่นคิดมาตลอดทาง ก่อนจะมองกานดามณีที่กำลังขับรถอยู่อย่างไม่เห็นด้วย
“ฉันว่าเรากลับกันเหอะ เรื่องนี้ แกน่าจะพูดกับคุณฐิติเค้าสองต่อสองก่อนนะ”
“ไม่ ฉันต้องการให้ทุกคนรู้ว่าผู้หญิงที่คุณฐิติรักคือฉัน...”
“แกก็ไม่ได้เจอเค้ามาเป็นปีแล้ว เค้าอาจจะรู้ความจริงแล้ว หรืออาจจะรักกานดาวสีตัวจริงไปแล้วก็ได้...เดี๋ยวก็หน้าแตกหรอกแก” วิไลวรรณบอก
“ไม่ ฉันไม่เชื่อ แกก็รู้ว่าคุณฐิติเค้ารักเค้าหลงฉันขนาดไหน เค้าไม่มีทางไปรักคนอื่นได้หรอก และฉันก็ไม่มีวันยอมให้นังกานดาวสีมาสวมรอยแต่งงานกับคุณฐิติแน่ๆ”
กานดามณีมองไปข้างหน้าด้วยสายตามุ่งมั่น
ขณะเดียวกันวสันต์กำลังข้ามถนนกลับไปอีกฝั่งด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง
กานดามณีเห็นวสันต์เข้า
“นั่นมันไอ้วสันต์นี่!…ไอ้สารเลว!”
กานดามณีหักพวงมาลัย เหยียบคันเร่งพุงไปทางวสันต์
“วันนี้แกตายแน่!”
วิไลวรรณกรี๊ดสุดเสียง “อ๊าย ยัยณี แกจะทำอะไรน่ะ”
กานดามณีไม่ตอบ เหยียบคันเร่ง พุ่งตรงไปที่วสันต์
วิไลวรรณตกใจสุดขีด “ยัยณี อย่านะ”
วสันต์หันหน้ามาเห็นรถกำลังจะพุ่งชนก็ตกใจ!!!
“เฮ้ย!”

วสันต์แลเห็นแสงไฟจ้าพุ่งใกล้เข้ามาทุกทีๆ

อ่านต่อหน้า 3

สุดสายป่าน ตอนที่ 5 (ต่อ)

รถที่กานดามณีขับพุ่งชนวสันต์เต็มแรง กานดามณีเบรกรถ พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างเหี้ยมโหด ท่าทีเลือดเย็น สะใจ ส่วนวิไลวรรณตาเหลือก พอรู้ตัวก็หันมาโวยใส่กานดามณี

“ยัยนี แกทำบ้าอะไรฮะ ถ้ามันตายไปจะทำยังไง”
“ช่างมัน! นี่ยังน้อยไปนะที่มันทำกับฉัน”
กานดามณีหักพวงมาลัยจะเลี้ยวปราดเข้าไปในถนนส่วนบุคคลของวังสูรยกานต์ วิไลวรรณตาเหลือก
“นี่แกจะไปไหน”
“ก็จะไปที่วังสูรยกานต์น่ะสิ”
วิไลวรรณโวย “จะบ้าเหรอ เมื่อกี้นี้แกชนมันตายหรือเปล่าก็ไม่รู้ หนีก่อนเหอะเร็วๆ เข้าสิ” วิไลวรรณขู่ “ถ้าตำรวจจับได้ แกก็ไปรอพบคุณฐิติของแกในคุกละกัน”
กานดามณีเหยียบเบรคเอี๊ยด แทนสายตากานดามณี เห็นป้ายวังสูรยกานต์อยู่ด้านหน้า

บรรยากาศอ่อนหวานในห้องหอบ่าวสาว ที่นอนที่ประดับด้วยดอกไม้ มาลัย อย่างวิจิตรสวยงาม
บนเตียงมีกลีบกุหลาบโรยกระจายอยู่ทั่วไป ท่านหญิง วิเศษ และพุดตาน นั่งอยู่บนเตียง
ฐิติกับกานดาวสีนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หลานทั้งสองก็เสมือนเป็นคนๆเดียวกันแล้ว มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันนะ...ขอให้เย็นเหมือนฟัก หนักเหมือนแฟง ให้อยู่เรือนเหมือนก้อนเสา ให้เฝ้าเรือนเหมือนแมวคราวนะลูกนะ... แล้วก็รีบมีหลานให้ย่าอุ้มเร็วๆด้วย...เอ้า แม่พุดตาน อวยพรให้ลูกสิ”
ฐิติกับกานดาวสีก้มลงกราบท่านหญิง พุดตานอวยพรไปตามหน้าที่ เพราะไม่อยากขัดใจท่านหญิง
“ขอให้ความรักที่ลูกทั้งสองมีต่อกัน เป็นเหมือนแสงสว่างที่จะนำพาชีวิตคู่ไปได้โดยตลอดรอดฝั่งนะลูก...”
บ่าวสาวก้มลงกราบพุดตาน
“ลูกกาน...พ่อก็คงไม่มีอะไรจะพูดแล้ว นอกจากขอให้ลูกรักษาความดีของลูกไว้ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ขอให้ใช้สติและความดีเป็นบรรทัดฐานในการแก้ปัญหา..” วิเศษมองด้วยสายตาของพ่อที่รู้จักลูกดี “เหมือนที่ลูกได้ทำมาตลอด และพ่อเชื่อว่าลูกจะก้าวผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้”
กานดาวสีน้ำตารื้น ตื้นตันใจที่พ่อเชื่อมั่นในตัวลูกเสมอ
วิเศษหันมาทางฐิติ “ผมขอฝากลูกสาวไว้กับคุณฐิติด้วย ถ้าแกทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง ก็ขอให้คุณฐิติอภัยให้แก อย่าทิ้งอย่างขว้างกัน...”
ฐิติตอบวิเศษทันทีอย่างหนักแน่น
“ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่...จะไม่มีวันนั้นแน่นอนครับ”
กานดาวสีก้มหน้า ความรู้สึกหลายอย่างประดังอยู่ในใจ ทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งรู้สึกผิด

ขณะนั้น โทรศัพท์ที่หัวเตียงวิทย์ดังหลายครั้ง วิทย์เอื้อมมือมารับโทรศัพท์ท่าทีหงุดหงิด
“ฮัลโหล...”
เสียงจากปลายสายอีกด้านทำให้วิทย์ลุกพรวดพราดขึ้นมานั่ง ตั้งสติพูด
“นมสายเหรอครับ...”
ที่วังสูรยกานต์ นมสายรับสายวิทย์อยู่
“...นี่ก็ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ท่านหญิงเห็นว่างานจะเลิกอยู่แล้ว คุณวิทย์ก็ยังไม่มา ก็เลยให้ดิฉันโทร.มาถาม”
“ผมฝากกราบขอโทษท่านย่าด้วยนะครับ พอดี...”
เห็นลิซ่าในเสื้อคลุมนอนหละหลวม ยั่วยวน ตามมานัวเนียวิทย์ต่อ วิทย์สะท้านไปกับการยั่วยวนของลิซ่า แต่ก็พยายามตั้งสมาธิพูดกับนมาสาย
“ผม...ยังทำงานไม่เสร็จ...ต้องฝากขอโทษคุณฐิติด้วย...แล้วผมจะหาโอกาสไปอวยพรด้วยตัวเองอีกครั้ง...”
วิทย์วางโทรศัพท์แล้วหันไปกอดจูบลิซ่าอย่างเมามัน
“เพราะเธอคนเดียวลิซ่า ทำให้ฉันเสียคน คราวหน้าห้ามใส่ชุดนั้นอีก เข้าใจหรือเปล่า”
ลิซ่ามองมาตาหวานเยิ้ม “เข้าใจค่ะ อยู่กับคุณวิทย์ ลิซ่าก็ไม่อยากใส่อะไรอยู่แล้ว”
ลิซ่าดึงสายรัดเสื้อคลุมออก วิทย์ตะลึงมองก่อนจะผลักลิซ่าให้นอนลงบนเตียง
วิทย์ครางเสียงกระเส่า “เรามาถ่ายหนังกันต่อดีกว่า...ถึงฉากไหนแล้วนะ”
วิทย์กระชากผ้าห่มมาคลุมโปง เสียงลิซ่าหัวเราะกิ๊กกั๊ก

ฟากฐิติกับกานดาวสียืนคว้างอยู่ในห้องหอ ทั้งเขิน ทั้งประหม่า ทำตัวไม่ถูก โดยเฉพาะกานดาวสีรีบดึงตัวเองจากอาการหวิวๆหวั่นๆ ด้วยกันตัดสินใจพูดสิ่งที่เป็นกังวลอยู่
“คุณฐิติคะ เรายังมีเรื่องต้องพูดกัน...ฉันไม่อยากให้คุณเข้าใจผิด ฉันไม่ใช่...”
ฐิติมองกานดาวสีอย่างเอาเรื่อง พูดขัดขึ้น
“ถ้าคุณยังไม่หยุดพูดว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น ผมจะจูบคุณเดี๋ยวนี้”
กานดาวสีใจหายวับ แต่ความกลัวว่าฐิติจะมีอะไรกับตนเพราะคิดว่าตนเป็นผู้หญิงที่เขารักมีมากกว่า
“แต่ฉันไม่...”
“ถ้าคุณยังไม่หยุด แสดงว่าคุณอยากให้ผมจูบคุณ...เฮ้อ ผู้หญิงเนี่ยน้าบอกกันตรงๆก็ได้ ไม่เห็นต้องใช้มุขเดิมๆ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าคราวนี้ผมคงไม่หยุดแค่จูบแน่”
ฐิติเดินตรงเข้าไปหากานดาวสี ดวงตาหวานฉ่ำด้วยความรู้สึก กานดาวสีถอยหลังหนี
กานดาวสีตกใจ “คุณจะทำอะไรน่ะ”
“อ้าว...คืนวันแต่งงานน่ะ สามีเค้าต้องทำอะไรภรรยาล่ะ...ไม่เห็นต้องถาม”
ฐิติเดินตรงเข้าไปหา กานดาวสีถอยหลังไปจนสุดทาง
“จะหนีไปไหน...ยังไงคืนนี้คุณก็หนีผมไม่พ้นแน่ๆ”
กานดาวสีพยายามบ่ายเบี่ยงหาทางออก “ฉัน...ฉันจะไปอาบน้ำ”
“ไม่ต้องอาบหรอก แค่นี้ก็หอมแล้ว กลิ่นแก้มคุณยังติดจมูกผมอยู่เลย”
ฐิติชะโงกหน้าเข้าไปจะจูบ กานดาวสีรีบวิ่งจู๊ดผ่านไปเข้าห้องน้ำ แล้วปิดประตูดังปัง

ฐิติมองตาม หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ

ส่วนที่หน้าห้องหอ ท่านหญิง วิเศษ และพุดตาน กำลังจะเดินลงไปข้างล่าง คุณพระบรรณกิจ และนมสาย ยืนยิ้มรออยู่ อาการตื่นเต้น กิ๊วก๊าวใหญ่

“เป็นยังไงบ้างแม่พุดตาน อยากได้หลานสาวหรือหลานชายล่ะ...ฉันน่ะผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ อยากอุ้มคุณหนูใจจะขาดอยู่แล้ว”
พุดตานทำหน้าไม่ถูก
“แหม คุณนม...คุณพุดตานเค้าจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับ แต่ผมว่าสองคนกำลังดี ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ว่ามั้ยพ่อวิเศษ” คุณพระว่า
วิเศษยิ้มๆ
ท่านหญิงดุ ใบหน้ายิ้มๆ “เอ๊ะ พวกนี้นี่คุยเรื่องอะไรกัน...แล้วดูซิ พากันมายืนเฝ้าหออย่างนี้ เดี๋ยวฉันก็ไม่ได้หลานกันพอดี ไป ลงไปข้างล่างกันได้แล้ว”
ท่านหญิงเดินนำ ทุกคนเดินตาม ได้ยินเสียงนมสายเถียงแว่วๆแล้วค่อยแผ่วลงไปเรื่อยๆ
“ไม่ได้เฝ้านะเพคะ อิฉันจะรอทูลท่านหญิงว่าคุณวิทย์เธอมาไม่ได้แล้ว”

ฟากฐิติเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องน้ำ ในที่สุดก็ตัดสินใจเอาหูแนบประตูห้องน้ำ แต่ไม่ได้ยินเสียงอะไร ฐิติตัดสินใจเคาะประตู
“กานดาวสี...ยังไม่เสร็จอีกเหรอ นี่คุณอาบน้ำนานเกินไปแล้วนะออกมาได้แล้ว ถ้าไม่ออก ผมจะเข้าไปช่วยอาบให้นะ”
ข้างในเงียบ ฐิติมองอย่างจะเอาชนะ
“คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอ...”

ฐิติเปิดลิ้นชัก หยิบกุญแจขึ้นมา แล้วค่อยๆ ไขประตูห้องน้ำ ไขไปด้วย ฟังเสียงด้านในไปด้วยแต่ในห้องน้ำยังเงียบ ฐิติลังเลอย่างสงสัย ทำไมไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรจากกานดาวสีเลย
ฐิติตัดสินใจชะโงกหน้าเข้าไปดู แทนสายตาฐิติ เห็นกานดาวสีนั่งซบผนังหลับอยู่ ฐิติเข้าไปใกล้ๆกานดาวสี ทั้งขำ ทั้งสงสาร ทั้งรักสุดหัวใจ เรียกเบาๆ
“กานดาวสี”
ทว่ากานดาวสียังหลับสนิทเพราะความอ่อนเพลีย ฐิติตัดสินใจอุ้มกานดาวสีออกจากห้องน้ำ

ครู่ต่อมาฐิติวางร่างกานดาวสีลงบนเตียง ห่มผ้าให้ แล้วนั่งลงมองกานดาวสีนอนหลับด้วยสายตาเปี่ยมรัก เห็นกานดาวสีที่นอนหลับสนิทเริ่มพลิกตัวอย่างกระวนกระวาย ฐิติมองอย่างเป็นห่วง
“กานดาวสี คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
กานดาวสียังหลับตาอยู่ พูดพึมพำ “คุณฐิติ...”
ฐิติร้อนรุ่มใจ สีหน้าเป็นกังวล “ผมอยู่นี่ คุณไม่สบายหรือเปล่า”
ฐิติเอามืออังหน้าผาก อังซอกคอ กานดาวสีพลิกตัวไปมาอย่างคนฝันร้าย แล้วเริ่มร้องไห้ออกมาพร้อมเพ้อๆ
“คุณเกลียดฉันมากใช่มั้ย ทำไมคุณไม่ฟังฉันบ้าง ฉันไม่ได้โกหกคุณนะ...ฉันไม่ได้โกหกคุณ”

ฐิติจับมือกานดาวสีขึ้นมาจูบอย่างละมุน เอานิ้วไล้แก้มกานดาวสีอย่างปลอบโยน
“กานดาวสี ผมไม่เคยเกลียดคุณเลยนะแม้แต่วินาทีเดียว...มีแต่ยิ่งรัก และรักมากขึ้นทุกวัน”

ฐิติค่อยๆเอนตัวลงข้างกานดาวสี กอดกานดาวสีไว้แนบอก แล้วก้มลงหอมแก้มกานดาวสีเบาๆ
อย่างลืมตัว

เช้าตรู่วันต่อมา อิ่มใจสีหน้าเป็นกังวล รีบร้อนเดินมาที่ห้องพักคนไข้ในโรงพยาบาล

อิ่มใจเดินเข้ามาในห้องหนึ่ง เห็นสภาพวสันต์ที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลเกือบทั้งตัว เข้าเฝือกทั้งแขนทั้งขา อิ่มใจผวาเข้าไปหาวสันต์ คร่ำครวญด้วยความเป็นห่วงและตกใจ
“คุณวสันต์! โธ่...เจ็บมากมั้ยคะ ตอนที่พยาบาลโทรมาบอก มตกใจหมดเลย...เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเลย เป็นห่วงคุณจะแย่”
“ผมเพิ่งรู้สึกตัวเมื่อเช้า ก็เลยให้พยาบาลเค้าโทร.หาคุณ”
“แล้วนี่คุณจำรถที่มันชนคุณได้หรือเปล่าคะ เดี๋ยวอิ่มไปแจ้งความให้ คุณเป็นถึงขนาดนี้เขาต้องรับผิดชอบ”
วสันต์ออกอาการหงุดหงิด “จะไปจำได้ยังไง ตอนที่หันไปเห็นรถคันนั้นมันพุ่งเข้ามาผมก็ตกใจจะแย่แล้ว...” วสันต์ฮึดฮัดไม่สบอารมณ์ใหญ่ “ซวยจริงๆ ผมเกือบจะไปถึงวังสูรยกานต์อยู่แล้วเชียว”
อิ่มใจชะงักไปนิดนึงอย่างสะดุดใจในน้ำเสียงและท่าทางของวิทย์ แต่พยายามไม่ใส่ใจ
“อย่าหงุดหงิดเลยนะคะ รักษาตัวก่อนดีกว่า หายดีแล้วค่อยเข้าไปอวยพรเจ้านายก็ได้ ยังไงทุกคนก็เข้าใจดีว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
“แต่ผมต้องการจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด คุณช่วยไปถามพยาบาลหน่อยสิว่าเมื่อไหร่ผมถึงจะออกจากโรงพยาบาลได้”
อิ่มใจมองวสันต์อย่างรู้ทัน
“ที่รีบเนี่ย เพราะคุณจะไปพบคุณกานดาวสีใช่มั้ยคะ...”

วสันต์ไม่ตอบยิ้มร้ายอย่างมีแผน

อ่านต่อตอนต่อไป เวลา 09.00 น.

สุดสายป่าน ตอนที่ 5 (ต่อ)

หลังจากวิไลวรรณออกไปสืบข่าวเรื่องวสันต์ ก็กลับเข้าบ้านมาเล่าให้กานดามณีฟัง

“นี่ดีนะที่ไอ้วสันต์มันไม่ตาย แล้วก็ไม่มีใครไปแจ้งความด้วย ไม่งั้นแกคงได้ไปนั่งรำลึกความหลังอยู่ในคุกแทน”
“แกแน่ใจนะ ว่าไม่มีใครไปแจ้งความ”
“แน่ใจสิ ก็ฉันไปสืบจากคนแถวนั้นมาแล้ว...ว่าแต่แกเถอะ จะทำยังไงต่อไป เรื่องคุณฐิติน่ะ”
กานดามณียิ้มร้าย มีแผนในใจแล้ว หยิบชุดที่กองสุมๆ กันอยู่ขึ้นมาทาบกับตัว หมุนตัวอยู่หน้ากระจกแล้วมองเงาตัวเองอย่างพอใจ
“ฉันก็ต้องแต่งตัวให้สวยที่สุด ก่อนที่จะไปรำลึกความหลังกับเค้าน่ะสิ”
“ไม่งัดเอาไอ้ชุดโป๊ๆที่แกตั้งใจใส่ยั่วเค้าที่ประจวบมาใส่อีกล่ะ ทีเนี้ย ได้รำลึกความหลังกันชื่นมื่นเลยล่ะแก”
กานดามณีพูดอย่างถือดี และหมายมั่นปั้นมือมาก
“คราวนี้ฉันจะทำให้เค้าหลงฉันจนโงหัวไม่ขึ้นเลย... รับรองว่าหม่อมหลวงฐิติ สูรยกานต์ไปไหนไม่รอดแน่ๆ”

กานดาวสีเริ่มรู้สึกตัวตื่น ขยับจะพลิกตัว แต่พลิกไม่ได้เพราะฐิติกอดเอาไว้ กานดาวสีลืมตาขึ้นอย่างงงๆ แล้วก็สะดุ้งเมื่อพบว่าตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดของฐิติ กานดาวสีพรวดพราดลุกขึ้น รีบมองสำรวจเสื้อผ้าตัวเอง ตกใจปนเขิน
“คุณ...นี่...คุณไม่ได้ทำอะไรฉันใช่มั้ย
ฐิติตื่นขึ้นพร้อมๆ กับตอนที่กานดาวสีตาลีตาเหลือกมุดออกไปจากอ้อมกอดของเขา ฐิติมองกานดาวสีอย่างขำๆ ความสุขที่ได้นอนกอดกานดาวสีทั้งคืนยังอิ่มเอมอยู่ในใจ
“คุณน่ะแหละทำผม คุณฝันร้ายแล้วเข้ามากอดผมเอง แล้วยังมานอนทับแขนผมอีกต่างหาก เมื่อยจะตายอยู่แล้ว”
“ฉันเนี่ยนะฝันร้าย...ไม่จริงหรอก”
“ทำไมจะไม่จริง แล้วคุณก็เรียกหาผมด้วย ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลย...” ฐิติยักไหล่เหมือนไม่สนใจ “ต้องกอดคุณไว้แทนหมอนข้างทั้งคืน”
“คุณจะบ้าเหรอ คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้...คุณก็รู้ว่าผมมีสิทธิ์ทุกอย่าง...ยิ่งกว่ากอด ผมก็ทำได้กานดาวสีรีบก้มลงสำรวจตัวเองอีกครั้งว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ผิดที่ผิดทาง”
“ไม่ต้องตกใจไปหรอกน่า ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณซะหน่อย...”
ฐิติเดินยิ้มๆ เข้าไปหากานดาวสี บอกต่อ
“เพราะผมไม่ชอบรังแกคนหลับ”
กานดาวสีใจหายวับ ตามองเขม็งที่ฐิติที่กำลังเดินตรงเข้ามา ในใจนึกหาทางหนีทีไล่ ฐิติแกล้งเดินเข้าไปใกล้ๆอีก สายตาที่มองกานดาวสีหวานฉ่ำด้วยความรู้สึกรักมากมายล้นใจ กานดาวสีมองอย่างระแวดระวัง พอฐิติเข้ามาใกล้ก็รีบวิ่งหนี แต่ถูกฐิติคว้าตัวมากอดไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
“โอ๊ย...ฉันเจ็บนะ”
“ก็อย่าดิ้นสิ ถ้าคุณอยู่เฉยๆมันก็ไม่เจ็บ”
กานดาวสีนิ่งคิดหาทางหนีทีไล่ ฐิติถือโอกาสก้มลงจูบซอกคอกานดาวสีจากทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว กานดาวสีหยิกแขนฐิติอย่างแรง
“โอ๊ย...”
กานดาวสีอาศัยจังหวะนั้นผลักฐิติไปชนตู้ดังโครม แล้ววิ่งหนีเข้าห้องน้ำ
ฐิติมองตาม หัวเราะเบาๆ เจ็บก็เจ็บ ขำก็ขำ

นวลกับสาวใช้อีกคนถือถาดใส่เหยือก แก้วน้ำ มายืนเอาหูแนบประตูห้องหอ
สาวใช้กระซิบถาม อาการกิ๊กกั๊กตื่นเต้น “พี่นวลได้ยินเหมือนฉันมั้ย
“ทำไมจะไม่ได้ยิน...คุณฐิติเผด็จศึกแต่เช้าเลย...”
ทั้งสองคนวี้ดวิ้วกิ๊วก๊าวกันใหญ่
“อย่างงี้อีกไม่นาน รับรองว่าต้องมีคุณหนูตัวน้อยๆแน่ๆ แกว่ามั้ย” สาวใช้ว่า
นมสายเดินเข้ามา ทันได้ยินพอดี
“ฉันก็ว่ายังงั้นแหละ!”
นวลกับสาวใช้สะดุ้งโหยง
“คุณนม!”
“ไอ้เรื่องเจ้านายเนี่ยถนัดกันจริงๆ นะยะ...งานการไม่มีทำกันหรือยังไง...หรือถ้าว่างมากนัก ฉันจะได้ไปทูลท่านหญิงขอประทานงานให้พวกหล่อนอีก”
นวลกับสาวใช้รีบลนลานออกไป
แต่พอนวลกับสาวใช้ลับตาไป นมสายก็หันซ้ายอันขวาจนแน่ใจว่าปลอดคน จากนั้นจึงค่อยๆ แนบหูกับประตูอย่างตั้งใจฟัง

ในห้องฐิติแต่งตัวเรียบร้อย เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ เห็นหลอดครีมทาแก้ฟกช้ำวางอยู่กานดาวสียืนห่างออกไปอย่างระวังตัว
“ฉันเอายามาให้ ที่เมื่อกี้ฉันผลักคุณไปกระแทกกับตู้”
“ขอบคุณนะ”
“ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่ เดี๋ยวท่านหญิงจะว่าได้ว่าฉันไม่ดูแลคุณ”
ฐิติแอบขำ รู้สึกดีใจที่กานดาวสีห่วงตน เลยแกล้งทำเป็นเอื้อมมือจะทายาที่หลังอย่างไม่ถนัด
“คุณทาให้หน่อยสิ ผมทาไม่ถนัด”
กานดาวสีมองอย่างระแวงไม่เชื่อใจ เห็นฐิติพยายามทายาอย่างไม่ค่อยถนัดจริงๆ กานดาวสีจำใจเดินเข้าไปทายาให้อย่างระมัดระวัง ฐิติเลยได้โอกาสรวบตัวกานดาวสีเข้ามากอดไว้ และพลิกตัวทับ กานดาวสีให้นอนลงบนเตียง กานดาวสีนอนตัวแข็งอย่างตกใจ
“คุณฐิติ อย่านะ...”
ยังไม่ทันขาดคำ ฐิติก็ก้มลงจูบกานดาวสีอย่างดูดดื่มด้วยความรู้สึก ก่อนจะถอนริมฝีปากขึ้น กานดาวสีรู้สึกหวิวๆ เหมือนหัวใจจะหลุดออกจากร่าง และหวั่นไหวไปกับจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของฐิติ
ฐิติใช้นิ้วมือไล้ที่แก้มกานดาวสีเบาๆ อย่างทะนุถนอม ก่อนจะหลุดคำพูดที่อยู่ในใจตลอดมา
“กานดาวสี ผมรักคุณ”
ก่อนที่ฐิติจะก้มลงไปจูบอีกครั้ง กานดาวสีก็พยายามต่อสู้กับความต้องการตัวเอง ผลัก
ฐิติออกไปสุดแรง แล้วรีบวิ่งหนีออกจากห้องไปทันที
ฐิติมองตามอย่างเอ็นดู ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ยิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุข

ท่านหญิง กับพุดตาน เดินตัดดอกไม้อยู่ในสวนดอกไม้ด้านหลังวังสูรยกานต์ มีนมสายถือตะกร้าเดินตามหลัง
“นี่พ่อติกับแม่กานดาวสีเค้าตื่นกันหรือยังนะ...ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้เป็นยังไงกันบ้าง”
ท่านหญิงพูดยังไม่ทันขาดคำ ฐิติก็เดินเข้ามา
“เจ้าตัวมาโน่นแล้วล่ะเพคะ” พุดตานบอก
ฐิติเดินยิ้มเผล่เข้ามา “กำลังแอบนินทาอะไรผมอยู่เหรอครับ”
“แล้วเรามีอะไรให้นินทาล่ะ…ยิ้มหน้าบานขนาดนี้ คงไม่ต้องถามแล้วกระมัง ว่าเมื่อคืนหลานย่ามีความสุขแค่ไหน”
ฐิติยิ้มเขิน ดวงตาเป็นประกายวิบวับอย่างมีความสุข
“กานดาวสีล่ะครับ”
ท่านหญิงทักท้วง “อ้าว ยังไงล่ะนั่น อยู่ในห้องด้วยกันแท้ๆ แล้วจะไปถามคนอื่นได้ยังไง”
“ก็...ผมไม่รู้ อยู่ดีๆเค้าก็วิ่งหนีออกไป...”
พุดตานร้อนใจเป็นห่วงลูกชาย “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าลูก หรือว่าทะเลาะอะไรกัน”
“อู้ย...ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะคุณพุดตาน ถ้าทะเลาะกัน คุณติคงไม่หน้าระรื่นอย่างนี้หรอกค่ะ” นมสายค้อนฐิติ แกล้งต่อว่า “คุณติน่ะแหละไปแกล้งอะไรคุณกานดาวสีหรือเปล่าคะ เธอถึงได้วิ่งหนีออกมา”
“คือเมื่อคืนนี้เรา...ผมก็แค่...” ฐิติหยุดพูด ยิ้มกริ่มอย่างมีพิรุธ
นมสายหูผึ่ง
“นมอยากให้ผมเล่าจริงๆ เหรอครับ...” ฐิติมองนมสายอย่างมีความหมาย
นมสายเขิน ตีแขนฐิติเบาๆ
“วุ้ย...คุณติเนี่ย...อะไรก็ไม่รู้ ไม่ต้องพูดแล้วล่ะค่ะ แค่นี้อิฉันก็รู้แล้ว”
ท่านหญิงมองฐิติอย่างปลื้มใจที่เห็นหลานมีความสุขมากขนาดนี้
“ย่าตัดสินใจไม่ผิดจริงๆที่ให้หลานแต่งงานกับแม่กานดาวสี เห็นหลานมีความสุขแบบนี้ ย่าก็พลอยมีความสุขไปด้วย”
พุดตานยิ้มอย่างมีสุขใจ ที่เห็นฐิติดูมีความสุข นวลเดินเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าท่านหญิง
“มีแขกมาขอพบเพคะท่านหญิง”
“ใครกันล่ะ มาแต่เช้าเชียว”
“ผมเองครับท่านย่า”

ทุกคนหันไปเห็นวิทย์ยืนยิ้มเผล่อยู่

หม่อมหลวงวิทย์ อัศวไกร เดินยิ้มตรงเข้ามาหาไหว้ ท่านหญิง พุดตาน ฐิติ และนมสายอยู่ด้วย

“ผมต้องขอโทษนะครับที่เมื่อวานมาไม่ได้ พอดีที่กองถ่ายมีปัญหาจริงๆ”
ท่านหญิงลักษมีรู้ทัน “เอาเถอะ ย่าจะพยายามเชื่อ ถึงแม้จะรู้ว่าจริงๆ หลานอาจจะกำลังมีธุระติดพันอยู่กับนางเอกคนใดคนหนึ่งอยู่”
วิทย์หัวเราะแจ่มใส เข้าไปกุมมือท่านหญิงไว้อย่างธรรมเนียมฝรั่ง พลางพูดอ้อน
“ไม่ใช่นะครับ เมื่อวานผมยุ่งจริงๆ แหม...ผมจะเห็นคนอื่นสำคัญไปกว่าท่านย่าได้ยังไงล่ะครับ”
ท่านหญิงหัวเราะขำๆ แกมเอ็นดู ทั้งๆ ที่แน่ใจว่าวิทย์กะล่อน หาข้อแก้ตัวไปเรื่อยๆ วิทย์ หันไปทางฐิติและพุดตาน ยิ้มแจ่มใสเป็นมิตรให้ฐิติ และไหว้พุดตานอย่างสุภาพ
“นี่คงเป็นคุณอาพุดตานกับคุณฐิติใช่มั้ยครับ ผมดีใจจริงๆ ที่เราได้มาเป็นญาติกัน”
วิทย์มองฐิติ นัยน์ตาพราวด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
“แล้วก็ต้องขอแสดงความยินดีกับคุณฐิติด้วยนะครับ..เสียดายที่เราเพิ่งรู้จักกัน ผมเห็นคุณครั้งแรกก็รู้เลยว่าเราคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้...สัญชาติญาณของผมบอกว่าเราน่าจะชอบอะไรเหมือนๆ กัน”
วิทย์ขยิบตาให้ฐิติอย่างล้อเลียน ดูเจ้าเสน่ห์
ฐิติสะดุดใจนิดหนึ่งแต่ตอบตามมารยาท “ยินดีที่ได้รู้จักคุณวิทย์เช่นกันครับ”
“นี่ตาวิทย์จะรีบไปไหนหรือเปล่า ถ้าไม่มีธุระอะไรก็อยู่ทานของเช้ากับย่าก่อนสิ”
นัยน์ตาหม่อมหลวงผู้กำกับเป็นประกายอย่างตื่นเต้นขณะตอบ
“ด้วยความยินดีครับ”

ทุกคนเดินเข้ามาในห้องโถง ท่านหญิงหันไปเห็นกานดาวสีเดินมาจากอีกทาง
“แม่กานดาวสีมาพอดี” ท่านหญิงหันมาทางวิทย์แนะนำหลานสะใภ้ “นี่หนูกานดาวสี ภรรยาของตาติ”
แล้วจึงแนะนำวิทย์กับกานดาวสี “นี่หม่อมหลวงวิทย์ อัศวไกร...นี่เค้าเป็นหลานชายของคุณปู่ใหญ่ พี่ชายของย่าเอง จะได้รู้จักกันไว้”
วิทย์ก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อจะให้กานดาวสีเห็นหน้าชัดๆ ด้วยความหวังเต็มที่ว่ากานดาวสีคงจะตกใจ
แทบช็อก แต่ก็ต้องผิดหวังที่กานดาวสียิ้มให้อย่างสุภาพ ด้วยท่าทางเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกัน
กานดาวสียกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ”
วิทย์ก้าวเข้าไปโอบกานดาวสีไว้ และเอาแก้มชนแก้มตามธรรมเนียมฝรั่ง แบบ Cheek to Cheek
Kiss พร้อมกับกระซิบเบาๆ กับกานดาวสี “ตีหน้าซื่อได้เก่งดีนี่” แล้วพูดเสียงดังปกติ “ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับคุณกานดาวสี”
คราวนี้กานดาวสีตกใจ ด้วยผู้ชายคนนี้ทำท่าเหมือนเคยรู้จักตนมาก่อนอีกแล้ว
ฐิติมองวิทย์อย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันขวับมามองกานดาวสีเป็นเชิงถาม
“นี่หนูกานดาวสีกับตาวิทย์รู้จักกันแล้วรึ”
กานดาวสีขยับจะปฏิเสธแต่ไม่ทันวิทย์
“ครับ...เราคุ้นเคยกันพอสมควรเลยทีเดียว” วิทย์จงใจพูดกับกานดาวสี “แต่คุณกานดาวสีไม่เคยบอกเลยนะครับว่ากำลังจะมาเป็นสะใภ้ของสูรยกานต์ ผมจะได้ทำความสนิทสนมกับคุณให้มากกว่านี้”

วิทย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ อย่างคนที่กุมความลับไว้ในมือ
กานดาวสีมีสีหน้าอึดอัดใจอย่างมาก แต่ยังไม่อยู่ในจังหวะที่จะอธิบายอะไร รู้ทันทีว่าวิทย์หมายถึงผู้หญิงอีกคนที่หน้าเหมือนตน
ฐิติมีสีหน้าไม่พอใจในท่าทีมีเลศนัยระหว่างวิทย์กับกานดาวสี
“ที่คุณวิทย์บอกว่าคุ้นเคยกันพอสมควรน่ะ แค่ไหนเหรอครับ”
ท่านหญิงขำๆ ที่ฐิติหึงกานดาวสี จึงพูดตัดบท
“เอ้า แล้วจะมายืนคุยอะไรกันตรงนี้นะ เข้าไปคุยต่อกันที่ห้องทานอาหารเถอะ”
“ดิฉันขอตัวไปสั่งให้เค้าจัดอาหารเพิ่มก่อนนะคะ”
กานดาวสีเดินไปทางครัว วิทย์มองตามยิ้มๆ

วิทย์เดินตามมาจนทันกานดาวสี
“คุณนี่แสดงละครเก่งจริงๆ นะกานดาวสี ผัวเก่าตามมาถึงบ้านผัวใหม่ขนาดนี้ ยังไม่สะดุ้งสะเทือนซักนิด”
กานดาวสีชะงัก หันขวับมาเผชิญหน้ากับวิทย์ ตอบเน้นเสียงอย่างข่มอารมณ์
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ดิฉัน”
วิทย์มองกานดาวสีอย่างนึกไม่ถึงว่ากานดาวสีจะไปน้ำขุ่นๆ ปฏิเสธได้หน้าตาเฉยขนาดนี้
“ตลกล่ะ...คุณนี่โกหกได้หน้าตาเฉยจริงๆ ผมเข้าใจนะว่าคุณคงไม่อยากให้ญาติผมรู้ว่าคุณเคยเป็นเมียผม...เอาเป็นว่าผมไม่บอกก็ได้ เพราะผมก็ไม่อยากให้ท่านย่าตกใจจนเป็นอะไรไป ไว้รอให้นายฐิติมันเผลอๆ แล้วเราค่อยมาเจอกัน มันก็ตื่นเต้นดี”
“แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น ฉันไม่เคยรู้จักคุณ”
วิทย์แทบไม่อยากเชื่อว่ากานดาวสีจะเล่นมุกนี้ กระชากแขนกานดาวสีเข้ามาอย่างหมด
อารมณ์จะเล่นด้วย
“ไม่เคยรู้จักเหรอ งั้นต้องให้ผมเตือนความจำมั้ยว่าเราเคยทำอะไรร่วมกันไว้บ้าง”
ฐิติเดินเข้ามากระชากกานดาวสีออกจากวิทย์ อย่างไม่พอใจ
“ทำอะไรกันน่ะ”
วิทย์หันมามองฐิติอย่างหมิ่นๆขำๆ
“ก็ไม่มีอะไรมากครับ...ผมแค่แปลกใจว่าทำไมคุณกานดาวสีถึงจำผมไม่ได้ ทั้งๆ ที่เราก็เพิ่ง...” วิทย์ทำเป็นยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ผมต้องขอชื่นชมคุณฐิตินะครับ แต่งงานกันแค่วันเดียว แต่คุณก็ทำให้ภรรยาลืมผู้ชาย
คนอื่นได้อย่างหมดใจ...เก่งจริงๆ ครับ”
วิทย์ปรบมือช้าๆ อย่างเยาะเย้ยก่อนจะเดินหนีไป

ขณะที่วิทย์กำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ ถูกพุดตานเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะคุณวิทย์”

วิทย์หันมาเห็นพุดตานเดินตามมาท่าทางเป็นกังวล
“ที่คุณวิทย์บอกว่าเคยรู้จักหนูกานดาวสีมาก่อน บอกอาได้มั้ยคะว่า...” พุดตานอ้ำอึ้งนิดหน่อย “รู้จักกันขนาดไหน”
วิทย์หัวเราะขำๆ อย่างคนถือไพ่เหนือกว่า
“ผมก็เป็นคนชอบพูดตรงๆ ซะด้วย หวังว่าคุณอาคงจะไม่ตกใจจนเกินไปนะครับถ้าผมจะบอกว่า ผู้หญิงคนนี้เคยเป็นเมียผมและเพื่อนมาก่อน”
พุดตานหน้าเสียไปถนัด วิทย์พูดปลอบใจอย่างอารมณ์ดี
“แต่คุณอาไม่ต้องกังวลหรอกนะครับ ตามศักดิ์ คุณฐิติก็ถือว่าเป็นน้องผม ของที่พี่ไม่ใช้แล้ว ก็ต้องส่งต่อให้น้องเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่ถืออยู่แล้ว”

วิทย์ขึ้นรถ แล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งพุดตานให้ยืนอึ้งอยู่ สงสารลูกชายสุดหัวใจ

อ่านต่อตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น