xs
xsm
sm
md
lg

เรือนกาหลง ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรือนกาหลง ตอนที่ 8

ชบาจะเดินกลับไปเรือน สิงโพกผ้าปิดหน้า พุ่งเข้ามารวมตัว จับชบาล้มลงกับพื้น

“เอ็งจะทำอะไร”
สิงเข้ามาดันตัวล้มลงนอนทับหมายจะขืนใจ ชบาตกใจกลัว
“อย่านะ...ช่วยด้วย”
ชบาร้องให้คนช่วย

มั่นและขาบลากตัวไม้ ที่ถูกถอดเสื้อออกแล้วมานอนที่บนฟูก บนเรือนกาหลง
“พวกเอ็งกลับไปได้” อบเชยไล่
มั่นและขาบเดินออกไป อบเชยมองร่างไม้ที่นอนไม่ได้สติยิ้มพอใจ

ชบาพยายามดิ้นหนี
“ปล่อยข้า ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
สิงเข้ามากอดจะปล้ำ เพชรเข้ามาดึงตัวไว้
“ไอ้สารเลว”
เพชรต่อย สิงต่อสู้ชักมีดออกมาแล้วต่อสู้กัน สิงแทงเข้าชายโครงเพชรล้มลง ชบาตกใจ
“เพชร”
สิงจะเข้าไปจับตัวชบา
“ช่วยด้วย ปล่อยฉัน”
กาเหว่าถือตะเกียงเดินเข้ามา
“ใครวะ ทำอะไรกัน” กาเหว่าเห็นสิงโพกผ้าก็ตะโกนลั่น “โจร ช่วยจับโจรทางนี้”
สิงตกใจกลัวมีชาวบ้านเข้ามา รีบวิ่งหนีออกไป ชบาเข้าไปดูเพชรที่ล้มลง
“เอ็งเจ็บที่ใดไหมนั่น”
“พี่ชบา” กาเหว่าเดินเข้ามาส่องตะเกียงเห็นเพชรเลือดโชก “พี่เพชร”
เพชรหมดสติไป ชบาตกใจเป็นห่วงมาก
“เอ็งอย่าตายนะ”

ในเรือนกาหลง...ไม้นอนนิ่งอยู่ที่ฟูก อบเชยเดินตรงเข้ามาหาแล้วนั่งลงข้างๆ ลูบหน้าเขา
“ทูนหัวของอบเชย เมื่อนังกาหลงมันกลับเรือนมาเห็นฉันกกกอดกับพี่ ด้วยพิษรักแรงหึงมากกว่าอื่น มันต้องคลั่งหนักต่อหนักแทบบ้า พาลให้ตัดใจทิ้งพี่ไป หรือไม่ก็สลดจนไปฆ่าตัวตายเป็นผี ส่วนฉันก็จะสาใจได้เป็นเมียพี่ จะได้วาสนาอยู่กับพี่ตลอดไป”
อบเชยลูบไล้ที่หน้าไม้ มองด้วยความสุขใจ

ลมพัดวูบใหญ่ กาหลงในร่างของผี หน้าซีด ผมสยายดวงตาดุดันยืนมองไปที่เรือนกาหลงด้วยความโกรธอบเชย
อบเชยเอามือไม้มาลูบไล้หน้าเธอ
ทันใดนั้น ประตูเรือนเปิดผาง อบเชยคิดว่ากาหลงกลับมาถึงเรือน ก็ยิ้มพอใจ
“เอ็งกลับมาไวกว่าที่ข้าคิดเสียอีก”
อบเชยก้มลงนอนซบแนบอกไม้ หวังให้กาหลงเห็นภาพยั่วยวนใจ เท้ากาหลงเหยียบเข้ามาในเรือนบริเวณประตูเพื่อเดินไปยังที่นอน...อบเชยนอนซบยิ้ม มองไปยังประตูทางเข้า หวังว่ากาหลงมาเห็นภาพบาดตา
อบเชยนอนยิ้มรอคอยจะเย้ยหยัน กาหลงเดินตรงมาถึงบริเวณที่ไม้นอน อบเชยยิ้มมั่นใจเงยหน้าไปทางเสียงฝีเท้าที่ก้าวมา
“เอ็งกลับมาแล้วรึ”
อบเชยหันหน้ามามองก็ตกใจตาค้าง กาหลงในร่างผีหน้าซีดจ้องมองตกใจ
“ผี”
“อย่ามายุ่งกับผัวกู”
กาหลงเดินตรงเข้ามาหา อบเชยกลัวมากรีบปลุกไม้
“พี่ไม้...ช่วยฉันด้วย...ช่วยด้วย ผี”
กาหลงเดินตรงมาหา อบเชยกลัว ไม้ยังนอนนิ่ง อบเชยตัดสินใจวิ่งหนีหลบกาหลงออกไป กาหลงหันขวับไปมอง ด้วยความโกรธแค้น ผมสยาย
“อีอบเชย มึงแย่งผัวกู”
ลมพัดหน้าเรือนกาหลงวูบใหญ่ ลมพัดอย่างต่อเนื่อง อบเชยวิ่งหนีออกจากเรือน วิ่งลงบันได้ด้วยความเร่งรีบล้มลงตกบันไดมานอนอยู่ที่พื้น กาหลงเดินตรงมายืนที่หัวบันไดก้มมอง อบเชยหวาดกลัวมาก
“ช่วยด้วย”

ไม้นอนอยู่ในห้อง รู้สึกตัว ค่อยๆลุกขึ้นมา รู้สึกปวดที่หลังเพราะถูกฟาด เขาพยายามตั้งสติแล้วได้ยินเสียงร้อง
“ช่วยฉันด้วย”
ไม้แปลกใจว่าเสียงใครร้องที่หน้าเรือน...อบเชยร้องวิงวอนกาหลง
“กาหลง เลิกทำข้าเถิด ข้านึกกลัวแล้ว”
กาหลงเดินลงบันไดตรงมาหาทีละขั้น อบเชยพยายามจะคลานหนีถอยออกไป กาหลงเดินลงบันไดมาทีละขั้นจนถึงขั้นสุดท้ายมองตรงไปยังอบเชย...ไม้ลุกขึ้นจากที่นอน เร่งเดินตรงไปยังประตูเรือน กาหลงมองอบเชยแล้วเดินตรงไปหา อบเชยกลัวมากถอยหนี มือหนึ่งโดนก้อนหินจึงคว้าก้อนหินขึ้นปาใส่หน้ากาหลง
“เอ็งตายซะ”
ก้อนหินถากเข้าข้างแก้ม กาหลงหันหน้าไปตามแรงกระแทกของก้อนหิน อบเชยดีใจที่ปาโดน กาหลงหันหน้ากลับมาหาแก้มที่โดนก้อนหินมีรอยเลือดและน้ำเหลืองไหลออกมาเล็กน้อย อบเชยตกใจหนักกว่าเดิม
“อีอบเชย เอ็งตาย”
กาหลงยิ่งโกรธมาก อบเชยร้องเสียงหลง
“อย่า ช่วยด้วย”
ไม้เดินตรงมายังประตูเรือนผลักประตูออกไป ไม่มีใครอยู่ที่หน้าเรือน เขาออกมายืนมองด้วยความแปลกใจทั้งๆที่ได้ยินเสียงร้อง ไม้ฉุกคิดถึงกาหลงจึงเรียกหา
“กาหลง”

อบเชยวิ่งหนีสุดชีวิต ร้องให้คนช่วย
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันที”
อบเชยวิ่งหนี แล้วหันกลับไปไม่เจอกาหลงวิ่งไล่ตามก็ค่อยคลายใจ
“มันหายลับไปแล้ว พ่อช่วยฉันด้วย”
อบเชยรีบวิ่งกลับเรือนแต่วิ่งชนใครคนหนึ่ง เธอหันหน้าไปมองร้องเสียงหลง
“นังกาหลง”
กาหลงมองอบเชยด้วยความโกรธแค้นยังคงมีรอยเลือดที่แก้ม

บนเรือนช่วง แม่น้อยเข้าไปถามโชติซึ่งกำลังเตรียมอุปกรณ์เข้าบวช
“ลูกเห็นน้องหรือไม่”
“ฉันไม่เห็นตั้งแต่ค่ำ...คงอยู่ในห้อง”
“แม่เข้าไปดูก็ไม่อยู่ ให้นังเผื่อนนังงามตามหานอกเรือน”
เผื่อนและงามเข้ามาบอกแม่น้อย
“หาทั่วเรือนก็ไม่เจอเจ้าค่ะ” เผื่อนบอก
ช่วงเดินเข้ามาเริ่มสงสัยและเป็นห่วงอบเชย
“พวกเอ็งไม่ได้เรื่อง ปล่อยให้ลูกข้าหายตัวไป”
ช่วงเข้าไปตบเผื่อนและงาม มั่นและขาบเดินผิวปากผ่านไปที่มุมหนึ่ง โชติเดินตรงเข้าไปถาม
“พวกเอ็งไปไหนมา”
มั่นและขาบอึกอักไม่กล้าตอบ เพราะช่วงและแม่น้อยอยู่ด้วย
“แล้วพวกเอ็งเห็นอบเชยรึไม่”
มั่นและขาบไม่กล้าตอบ
“คือว่า...”
ช่วงจับพิรุธได้
“พวกเอ็งต้องรู้ดี...ลูกสาวข้าอยู่ที่ไหน”
มั่นและขาบมองหน้ากัน กลัวโดนเล่นงานที่ช่วยเหลืออบเชย

ชายทุ่งใกล้ต้นไทรงาม...อบเชยถอยหนีกาหลงด้วยความกลัวยกมือไหว้
“กาหลง...ฉันกลัวแล้ว ฉันไหว้ล่ะ ฉันกราบก็ได้” อบเชยก้มกราบ “อย่าทำอะไรฉันเลย”
“เอ็งมันจังไรคน รู้แก่ใจว่าข้าเป็นเมียพี่ไม้ ยังริแย่งไปจากมือข้า เอ็งมันสมควรตาย”
อบเชยกลัวกาหลง ตัดสินใจพุ่งเข้าผลัก กาหลงเซเสียหลัก อบเชยวิ่งหนีออกไป กาหลงยืนมองด้วยความโกรธ เส้นผมของกาหลงค่อยๆยาวๆ ออกไปไล่ตาม อบเชยวิ่งหนีเส้นผมวิ่งมารัดเท้า อบเชยล้มลง
“อย่านะ”
กาหลงยิ้มพอใจ

ไม้ถือตะเกียงออกตามหากาหลง
“กาหลงคงอยู่ที่เรือนแม่กลอย”
ไม้จะเดินไปที่เรือนแม่กลอย

เส้นผมค่อยๆรัดตัวอบเชยแน่นหนาขึ้น อบเชยดิ้นๆ
“ปล่อยฉันเสียเถอะ ฉันรู้ผิดแล้ว อย่าฆ่าฉันเลย”
กาหลงยืนมองด้วยความโกรธ
“ข้ายอมอภัยเอ็งหลายมื้อนักหนา แต่เอ็งไม่เลิกลา ข้าไม่ปล่อยให้เอ็งแย่งผัวข้าไปได้”
กาหลงมองด้วยความโกรธ เส้นผมยามไปรัดที่คอ อบเชยตกใจ
“ช่วยด้วย”
เส้มผมรัดคอ อบเชยเริ่มหมดลมหายใจ ไม้เดินตามหากาหลงมองเห็นด้านหลังในระยะไกล ไม้ตะโกนเรียก
“กาหลง”
กาหลงได้ยินเสียงไม้ก็ตกใจ หันกลับไปมองทิศทางที่เขาจะมา กาหลงหันไปมองอบเชย แล้วสะบัดเส้นผม ร่างของอบเชยกลิ้งตกลงข้างคันนา อบเชยหมดสติไปนอนอยู่ในคูข้างคันนา ไม้วิ่งเข้ามาหา
“กาหลง”
กาหลงหันมาหน้าของเธอไม่มีแผลแล้วเป็นหน้าปกติ กาหลงดีใจ
“พี่ไม้ พี่ฟื้นแล้ว”
ไม้แปลกใจ
“กาหลงรู้หรือว่าพี่เป็นอะไร”
“ฉันแวะไปหาชบาที่เรือน ขากลับเรือน...ฉันเจอโจรสองคนหันๆรีๆทำร้ายพี่ พอฉันเข้ามา พวกมันก็หนีไป ฉันจึงพาพี่กลับเรือน”
ไม้สงสัย
“แล้วกาหลงออกมาอยู่ที่นี่ทำไม”
“พี่นอนสลบไสลไม่ฟื้นเสียที ฉันใจคอไม่ดีจะออกไปตามพ่อเฟื้องพ่อขาวให้ช่วยดูอาการพี่”
“พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว เมื่อครู่พี่เห็นกาหลงอยู่คุยกับใคร”
ไม้สงสัยมองหา กาหลงรีบดึงมือไว้ ก่อนที่เขาจะเจอร่างอบเชย
“พี่คงตาฝาดล่ะมัง กลับเรือนเถอะจ้ะ”

กาหลงกลัวไม้จะเห็นร่างอบเชยรีบพาเดินออกไป ร่างอบเชยนอนหมดสติอยู่ข้างคันนา

เมื่อกลับถึงเรือน กาหลงเข้ามาดูตามร่างกายไม้
“พี่เจ็บตรงไหนบ้างจ้ะ ฉันจะประคบยาให้”
“พี่ไม่เป็นอะไรหนักหรอก มันน่าพิลึกแท้ พวกมันเป็นใครกันถึงทำร้ายพี่ รึจะเป็นพวกขุนหวาดมาเอาคืน”
“เลิกวิตกเลยจ้ะ พี่พักเสีย พี่บอบช้ำมานักแล้ว”
“ถ้ากาหลงไม่ช่วย พี่อาจตายไปแล้ว มันน่าละอายนัก แทนที่ผัวจะดูแลเมีย เมียกลับปกป้องผัว”
“คิดไปนั่น เราสองต่างเป็นของกันและกัน เราต้องทำเกื้อกูลดูแลกัน”
ไม้ยิ้มให้กาหลง มองด้วยความรักและห่วงใย
“หากมีใครทำร้ายฉัน พี่จะทำอย่างไร”
“พี่จะปกป้องกาหลงด้วยชีวิตพี่”
กาหลงหยั่งเชิงถาม
“เขาหาว่าฉันไม่ดี ทำสิ่งชั่วร้าย”
“พี่ไม่มีวันเชื่อว่ากาหลงเป็นฝ่ายผิด กาหลงของพี่เป็นคนดีเป็นเมียที่แสนดี ชีวิตนี้ไม่มีใครดีเท่ากาหลงของพี่อีกแล้ว”
กาหลงมองหน้าสามีด้วยความสุขใจที่เขาพร้อมจะปกป้องเธอ ไม้จูบหน้าผากเมียรักแล้วเลื่อนมาจูบแก้มแล้วจะจูบปาก
“ฉันช้ำหมดแล้วนะ”
“พี่จะถนอมไม่ให้บอบช้ำสิน่า”
ไม้ค่อยๆจูบเบาๆทั่วหน้า แล้วเลื่อนลงมาจูบที่เนื้อตัว กาหลงยิ้มให้ไม้ด้วยความสุขใจ

บริเวณทุ่งนาใกล้ๆต้นไทร โชติและมั่น ขาบกำลังจะไปเรือนกาหลง
“คุณอบเชยคงยังอยู่ที่เรือนไอ้ไม้” มั่นบอก
โชติไม่พอใจเร่งเดินออกไป เผื่อนและงามเดินตามหลัง เผื่อนตะโกนเรียก
“คุณอบเชยเจ้าคะ คุณอบเชย”
โชติหันมาดุ
“พวกเอ็งจะแหกปากทำไม ไอ้มั่นมันพูดอยู่โทนโท่ว่าอบเชยอยู่เรือนไอ้ไม้”
“เผื่อคุณอบเชยจะกลับเรือน...” เผื่อนพูดลอยๆ
งามเสริม
“แล้วหมดเรี่ยวหมดแรงสลบไสลอยู่คันนาเจ้าค่ะ”
เผื่อนและงามหัวเราะคิกคัก คิดไปไกลว่าอบเชยได้เสียกับไม้แล้ว
“นังพวกปากเน่า”
โชติตบเผื่อนและงาม ทั้งสองเซล้มลงไปที่ข้างคันนา โชติเดินนำออกไป เผื่อนและงามเห็นอบเชยนอนอยู่ก็ร้องตกใจ
“คุณอบเชยอยู่นี่เจ้าค่ะ”
พวกโชติแปลกใจวิ่งกลับมา ส่องตะเกียงเห็นอบเชยนอนหมดสติก็ตกใจ
“น้องพี่”

โชติพาอบเชยกลับมาที่เรือน...อบเชยอยู่ในห้อง แม่น้อยเช็ดเนื้อเช็ดตัวซึ่งเปื้อนโคลนเปื้อนดินให้ลูกสาวอย่างเป็นห่วง
“อบเชย...เอ็งเป็นยังไงบ้าง”
โชติและช่วงยืนมองด้วยความเป็นห่วง โดยมีเผื่อนและงามนั่งอยู่ด้านหลัง อบเชยค่อยๆรู้สึกตัว ลืมตาขึ้น ช่วงดีใจ
“ลูกฟื้นแล้ว”
อบเชยมองเห็นแม่น้อยก็ตกใจร้องเสียงหลง
“อย่า อย่า ข้ากลัวแล้ว อย่าๆ”
อบเชยร้องตกใจ ทุกคนแปลกใจ
“ลูกกลัวสิ่งใดกัน” แม่น้อยถามอย่างสงสัย
“อย่าเข้ามา ออกไป...ฉันกลัวแล้ว”
เผื่อนและงามรีบเสนอหน้า
“เราไปเจอคุณอบเชย ไม่ไกลจากศาลเจ้าแม่ไทรงาม...” เผื่อนบอก
“คุณอบเชยโดนผีหลอกเจ้าค่ะ” งามโพล่งขึ้น
“พวกเอ็งพูดอะไร” ช่วงตวาด
“ผีนังจำปาต้องเล่นงานคุณอบเชยเจ้าค่ะ”เผื่อนมั่นใจ
ช่วง โชติ แม่น้อยแปลกใจ ไม่เชื่อใจนัก เผื่อนพูดต่อ
“จริงๆนะเจ้าคะ จำปามันถูกแขวนคอตายที่นั่น คุณอบเชยเคยตบนังจำปา นังจำปาตามมาแก้แค้นเจ้าค่ะ”
“เหลวไหล...หุบปากได้แล้ว” ช่วงสั่งเผื่อนและงาม “พวกเอ็งเร่งไปตามหมอมารักษาลูกข้า”
“หมอผีรึเจ้าคะ” งามถาม
ช่วงถีบใส่งาม เผื่อนรีบตอบแทน
“หมอบ้านเจ้าค่ะ”
เผื่อนลากงามออกไป แม่น้อยหันไปมองอบเชยด้วยความเป็นห่วง
“ลูกอบเชย”
อบเชยร้องไห้ด้วยความกลัว
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
ช่วงกลุ้มใจที่อบเชยเสียสติ โชติมองน้องเห็นว่าไม่มีอะไรช่วยได้ นอกจากรอหมอมาก็เดินออกไปจากห้อง ช่วงหันไปมองไม่พอใจที่โชติไม่สนใจใยดีน้อง

โชติเดินออกมาจัดเตรียมพานเครื่องเตรียมทำพิธีบวช มั่นและขาบนั่งอยู่มุมหนึ่ง ช่วงเข้ามาถาม
“เอ็งทำอะไร”
“ฉันจัดเตรียมของเข้าบวชวันพรุ่งจ้ะ ใกล้จะเสร็จเรี่ยมแล้ว”
ช่วงผลักข้าวของทิ้งกระจาย โชติและมั่น ขาบตกใจ
“พ่อ”
“เอ็งไม่ต้องบวช”
โชติหน้าตื่น
“ไม่ได้นะพ่อ วันพรุ่งเป็นฤกษ์มงคล ฉันเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมเหมาะแล้ว”
ช่วงตบหน้าโชติ
“เอ็งมันเห็นแก่ตัว ยังคิดหาสุขเข้าตัวทั้งๆที่น้องจะเป็นจะตาย เอ็งไม่ต้องบวช”
มั่นและขาบช่วบกันเก็บอุปกรณ์ในการบวช มั่นเข้ามาถามช่วง
“แล้วของพวกนี้ล่ะจ้ะพ่อผู้ใหญ่”
ช่วงเข้าไปถีบมั่นและขาบหงายหลัง
“ลูกน้องเอ็งตัวดีนักหนา เสริมส่งอบเชยไปทำอัปรีย์ เอ็งต้องรับผิดชอบ”
ช่วงสั่งโชติแล้วเดินออกไป มั่นและขาบคลานเข้ามาหาโชติ
“ฤกษ์ไม่ดีแล้วจ้ะพี่ เอาเป็นว่าฉันจะหาฤกษ์ใหม่ให้พี่จ้ะ”
มั่นพูดไม่ทันขาดคำ โชติต่อยมั่นและขาบทันที
“ไม่ต้องมาพูดดี พวกเอ็งทำให้แผนข้าพัง”
โชติไม่พอใจลูกน้องเดินกลับเข้าห้องไป มั่นและขาบเจ็บตัว หันมามองหน้ากัน
“โอย...โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง” มั่นบ่นอุบ
ขาบสงสัย
“คุณหนูไปอยู่แถวศาลเจ้าแม่ไทรงามได้ไงวะ”
“รึไอ้ไม้นึกสนุก พามาสุขสมใต้ต้นไทร”
“คนอย่างไอ้ไม้ไม่พิศวาสคุณหนูอบเชยเป็นแน่ เอ็งก็เห็นว่าร้องเสียงหลงยังกะผีหลอก”
มั่นนึกถึงข้อนี้ก็ตาโตกลัวผี...

บริเวณต้นไทรงาม หมอกขาวลอยฟุ้ง ขาบผลักมั่นเข้ามายืนที่ต้นใต้ไทรงาม เขายืนขาสั่น
“เอ็งลากข้ามาทำไม”
“มาดูให้รู้กันเสียทีว่าเป็นผีตัวไหน”
“พูดเบาๆสิวะ เดี๋ยวผีมันก็มา”
“ผีก็ผี...ข้าไม่กลัว ข้าพาหลวงพ่อมาด้วย”
มั่นหันไปมองแต่ไม่เห็นพระสักองค์ก็ชะงัก ขาบยิ้มๆควักเอาพระห้อยคอออกมาแล้วชูท้าทาย
“ผีตนไหนแน่จริงออกมาสิวะ ออกมาสิเว้ย”
ร่างผู้หญิงผ่านด้านหลังมั่นและขาบไป มั่นรู้สึกตัว
“ข้ารู้สึกว่ามีอะไรเย็นวาบผ่านหลังข้าไป”
ขาบจึงหันขวับไปทันที แต่ไม่เจออะไร
“ไอ้ปอดแหก ไม่มีผีสักตัว”
มั่นดีใจ
“ไม่มีก็ดีแท้แล้ว อย่าเจอเลย...ข้ามันคนขวัญอ่อนชอบบินหายไปหมด”
ขาบมอง มั่นยิ้มให้แต่ขาบตาโตขาสั่น มั่นรู้สึกเย็นวาบด้านหลัง
“อย่านะ...ไม่จริง”
มั่นหันกลับไปมองด้านหลัง เจอกาหลงยืนมองอยู่ มั่นตกใจ
“ผี”
กาหลงบีบคอมั่นทันที...พุดจีบสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจที่ฝันร้าย ว่ากาหลงฆ่ามั่น
“กาหลง”
พุดจีบตั้งสติได้ รู้ตัวว่าแค่ฝันไป ค่อยคลายความกังวล
“ทำไมถึงได้ฝันน่ากลัวอย่างนี้”

พุดจีบพยายามตั้งสติ และคิดถึงกาหลง

เรือนกาหลง ตอนที่ 8 (ต่อ)

วันใหม่...กาหลงถือแพหยวกกล้วยขนาดพอดีมือ ในแพประดับด้วยดอกบัว เธอนึกถึงเหตุกาณ์เมื่อเช้าที่เธอไปที่เรือนช่วงแอบอยู่มุมหนึ่ง เห็นเผื่อนกำลังโวยใส่งามซึ่งถือชามใบใหญ่ใส่น้ำร้อน มือไม้สั่น
“นังงาม เอะอะมือไม้สั่น ประเดี๋ยวน้ำก็หก”
“ก็ข้ากลัวผี”
“ผีนังจำปา”
“อาจเป็นผีโหงผีพรายคุณไสย์ย้อนเล่นงานคุณอบเชยก็เป็นได้ เอ็งกับข้าก็ต้องโดนด้วย เพราะสมรู้ร่วมคิด”
“หยุดพูดนะเอ็ง อย่าให้ใครรู้ว่าพวกเราพาคุณอบเชยไปหาหมอผี ไม่งั้นเอ็งกับข้าโดนหวายเลือดสาดแน่ เร่งเอาน้ำไปเช็ดตัวคุณอบเชยได้แล้ว”
เผื่อนลากตัวงามเอาน้ำไปเช็ดตัวอบเชยที่บนเรือน...กาหลงยืนฟังที่มุมหนึ่ง อุ่นใจที่อบเชยยังไม่ตาย

กาหลงยกแพดอกบัวขึ้น เหมือนการอโหสิกรรม
“อบเชย...ข้าไม่ริทำร้ายเอ็งหากเอ็งไม่กวนใจข้า ในเมื่อเอ็งรอดปลอดภัยไม่มีเคราะห์ ก็ขอให้หมดเวรหมดกรรม อย่ามาระรานข้าอีก”
กาหลงยกแพกล้วยแล้วปล่อยลงน้ำ อย่างต้องการอโหสิกรรมให้อบเชย

ในห้องอบเชย...แม่น้อยเช็ดเนื้อตัวลูกสาว เผื่อนและงามนั่งลุ้นอยู่ข้างๆ
“กรอกยาก็แล้ว ไม่เห็นท่าจะดีขึ้น...เวรกรรมอะไรของลูกข้า” แม่น้อยเสียงเครียด
งามเผลอพูด
“ของเข้าตัวเจ้าค่ะ”
เผื่อนหันไปดุงาม
“นังงาม”
แม่น้อยสงสัย
“เอ็งพูดอะไร ลูกข้าไปเล่นของอะไร”
เผื่อนและงามไม่กล้าตอบ แม่น้อยหยิบหวายขึ้นมาขู่
“พวกเอ็งอมพะนำข้าจะโบยให้ตายคาเรือน”
เผื่อนรีบโยนให้งาม
“นังงามเอ็งพูดสิ”
“เอ็งห้ามข้าพูด ข้าไม่พูด”
แม่น้อยขู่จะฟาดไม้หวาย
“งั้นก็อย่าร้องให้ข้าได้ยิน”
เผื่อนตกใจ
“เผื่อนบอกแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูให้เผื่อนพาไปหาหมอผีทำคุณไสย์ให้พี่ไม้รักพี่ไม้หลงแต่ไม่ได้การ...เผื่อนก็เลยคิดว่าผีพรายอาจย้อนมาซ้ำคุณอบเชยเจ้าค่ะ”
ช่วงเดินเข้ามาตบหน้าเผื่อนและงาม
“พวกเอ็งยุยงส่งเสริมลูกข้า”
อบเชยรู้สึกตัวลืมตาโพลง ร้องเสียงดังลั่น
“อย่า ข้ากลัวแล้ว อย่า อย่า”
แม่น้อยเข้าไปดูอบเชย
“อบเชย แม่อยู่นี่แล้ว ลูกไม่เป็นอะไรแล้ว”
อบเชยยังมีอาการเกร็งไม่หายจากความหวาดกลัว ช่วงมองลูกสาวแล้วหันไปหาเผื่อนและงาม ทั้งสองสะดุ้งกลัวโดนตบอีก
“เอ็งไปตามหมอมาหาข้า”
“หมอบ้านรึเจ้าคะ” เผื่อนถาม
“หมอผี”
เผื่อนและงามแปลกใจที่ช่วงจะตามหมอผีมารักษาอบเชย

เพชรนอนหลับมีผ้าพันคาดแผลมีเหงื่อซึมจากพิษไข้ ชบาเช็ดตัวอยู่ข้างๆมองอย่างเป็นห่วง
“เพชร...ข้าขอบน้ำใจเอ็ง ที่เอ็งเสี่ยงชีวิตช่วยข้า”
ชบามองเขาด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นเช็ดที่แขนและมือให้ ทันใดนั้นมือเพชรจับมือเธอไว้ ชบาตกใจจะดึงมือออก เพชรละเมอออกมา
“พ่อ...แม่จ๋า...ช่วยฉันด้วย ฉันอยากกลับเรือน”
ชบาฟังก็สงสาร เพชรคว้าตัวชบามากอดไว้
“แม่...ฉันอยากกลับไปหาแม่”
ชบาจะดิ้นเอาตัวออก แต่เห็นว่าเขาละเมอจำยอมนิ่งไว้ไม่อยากให้เขาตื่น
“ฉัน...รักแม่นะ”
ชบาได้ฟังก็รู้สึกดีที่เพชรเป็นคนรักครอบครัว ทันใดนั้นประตูเปิดออกแม่กลอยยืนที่หน้าประตูเห็นภาพชบานอนซบอกเพชรก็ไม่พอใจ
“นังชบา”
ชบาตกใจ
“แม่”
“นังลูกไม่รักดี ออกมานี่”
แม่กลอยเข้าไปคว้าตัวชบา ลากตัวออกไปจากห้องทันที
“แม่เข้าใจผิด ฟังฉันก่อน”

แม่กลอยลากชบาออกไป เพชรค่อยๆรู้สึกตัวลุกขึ้นช้าๆ มองไปก็เป็นห่วงชบาคิดว่าแม่กลอยกำลังเข้าใจผิด

ชบาถูกโยนกองกับพื้น แม่กลอยถือหวายเข้ามาฟาด
“โอ๊ย แม่...แม่ตีฉันทำไม”
“ยังมีหน้ามาถาม กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ชะหนอย หนีรักพ่อโชติแต่ดอดทำพิษพาผู้ชายมากกกอดบนเรือน กระดากเหลือหลาย งามหน้าไหมนังลูกไม่รักดี ถึงข้าจะชั่วเอาลูกไปประเคน ข้าก็ไม่เคยสอนให้เอ็งมั่วชาย”
“แม่ ฟังฉันก่อน มันไม่ได้ทำอย่างที่แม่คิด”
“เอ็งได้เสียเป็นเมียมันแล้วงั้นสิ ข้าจะตีให้ตาย”
แม่กลอยฟาด ชบาโดนไปหลายครั้ง แม่กลอยจะฟาดอีก เพชรเข้ามาจับหวายไว้พยายามประคองตัวเพราะยังมีไข้และเจ็บตัว
“หยุดเถอะจ้ะ ฟังฉันก่อนแม่”
แม่กลอยยิ่งไม่พอใจ
“แม่...ข้าไม่ใช่แม่เอ็ง” แม่กลอยผลักเพชรออกไป “และข้าไม่มีวันรับเอ็งเป็นลูกเขย เอ็งลุกมาก็ดีแล้ว ทำระยำตำบอนไว้ ข้าจะเอาเลือดหัวเอ็งออก”
แม่กลอยผลักเพชรล้มลง เขาร้องด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย”
ชบาเป็นห่วง
“เอ็งเป็นไงบ้าง”
แม่กลอยยิ่งโกรธ
“นังชบา ต่อหน้าข้าเอ็งยังมีใจห่วงมัน”
“แม่ฟังฉันก่อนสิ...” ชบาพยายามจะอธิบาย
แม่กลอยสวนขึ้นไม่ต้องฟังความให้ยากใจชิงสุกก่อนห่ามก็ตายไปตามกัน”
แม่กลอยฟาดไม้ใส่เพชรและชบา เพชรพยายามปกป้องชบาทั้งๆที่ตัวเองเจ็บ กาเหว่าวิ่งเข้ามาร้องห้าม
“แม่หยุดก่อน”
กาเหว่ายื้อมือแม่ไว้ แม่กลอยพยายามผลักกาเหว่าออก
“ไอ้กาเหว่า ปล่อยมือข้า”
“แม่ก็หยุดก่อนสิ พี่ชบาไม่ได้พาพี่เพชรเข้าห้อง...ฉันนี่แหละที่พาพี่เพชรมา”
แม่กลอยไม่พอใจ
“ไอ้กาเหว่า...เอ็งรู้เห็นเป็นใจให้มันเข้าห้อง”
“จ้ะ”
“เอ็งช่วยเหลือให้มันได้เสียกับพี่สาวเอ็ง”
กาเหว่าเผลอตอบ
“จ้ะ”
แม่กลอยโกรธ
“งั้นก็ไปเจ็บเรียงกัน”
แม่กลอยเอาหวายมาฟาด กาเหว่าโดนตีพยายามกันไม้แล้วพูดออกไปเพื่อให้แม่รู้ความจริงพร้อมกับร้องด้วยความเจ็บที่โดนตี
“ไม่ใช่จ้ะ โอ๊ย...เมื่อคืนนี้ พี่ชบากลับเรือนถูกโจรชั่วดักขืนใจ โอ๊ย...พี่เพชรไปช่วยไว้โดนแทงแผลใหญ่ โอ๊ย...ฉันผ่านไปเจอก็ช่วยกันหามมารักษาตัวที่เรือนจ้ะ”
แม่กลอยชะงักอึ้ง
“เอ็งว่าอะไรนะ”
“เรื่องมันก็เป็นอย่างที่กาเหว่าพูดแหล่ะ” ชบาบอก
แม่กลอยหันไปมองเพชรรู้สึกผิด ทิ้งไม้หวายตกพื้น เพชรพยายามลุกขึ้นบอกแม่กลอย
“จริงแท้จ้ะ...”
ขาดคำเพชรก็ล้มลงหมดสติ ชบาตกใจ
“เพชร”
ชบาเข้าไปดูแลเพชร แม่กลอยรู้สึกผิดที่เผลอทำร้ายคนดี กาเหว่ามองไม่พอใจแม่นัก

มุมหนึ่งในเรือนช่วง...สิงทายาที่ตัวซึ่งฟกซ้ำจากการต่อยกับเพชร โชติเดินเข้ามาเห็น
“เอ็งไปโดนอะไรมา”
“เอ่อ...เมื่อคืนฉันเมาหนัก เซล้มไปชนเสาเรือนจ้ะ” สิงโกหกไป
โชติไม่ติดใจสงสัย จะเดินออกไป
“พี่จะไปไหน ฉันขอเก็บยา...ฉันไปด้วย” สิงจะเก็บของ
“ไม่ต้อง ข้าจะไปหาพุดจีบ เร่งเจรจางานแต่งเสียให้ไว ก่อนที่กาหลงจะปากโป้งทำพังเสียก่อน”

สิงพยักหน้ารับรู้ โชติเดินออกไป สิงยิ้มพอใจที่โชติไม่ซักเรื่องราวของเขา

กาหลงเดินตรงมาที่เรือนพุดจีบ ตั้งใจจะไปบอกเรื่องของโชติ แม่บุญอิ่มเดินเข้ามาเรียกไว้อีกทาง
“พุดจีบไม่อยู่เรือน”
กาหลงยกมือไหว้
“พุดจีบไปไหนจ๊ะ”
“เอ็งไม่ต้องรู้ความหรอก รู้เพียงว่าพุดจีบไม่อยู่และไม่ต้องมาหาลูกน้าอีก”
“ฉันรู้ว่าน้าเคืองใจที่แม่มาสร้างเรื่อง” กาหลงยกมือไหว้ “ฉันกราบขอโทษแทนแม่ด้วยจ้ะ ขอฉันเข้าหาพุดจีบนะจ๊ะ”
“น้าขอล่ะ...อย่าเอาปัญหามาสุมให้พุดจีบอีกเลย พ่อโชติยกเลิกงานบวชเพราะอบเชยไม่สบายหนัก น้าตัดสินใจจะให้พุดจีบร่วมหอกับพ่อโชติในเร็ววัน”
กาหลงตกใจรีบห้าม
“ไม่ได้นะจ๊ะน้า”
“กาหลง...อย่ามาขัดขวาง พุดจีบเสียสละเพื่อกาหลงมามากนัก ขอให้พุดจีบมีความสุขบ้าง”
“ฉันยินดีที่เพื่อนจะออกเรือน...แต่ที่พุดจีบต้องร่วมหอกับพี่โชติ ฉันยอมไม่ได้”
กาหลงยืนยันที่จะขวางโชติ แม่บุญอิ่มยิ่งไม่พอใจกาหลง
“น้าเคยคิดว่ากาหลงเป็นมิตรแท้แม่พุดจีบ แต่ถึงเดี๋ยวนี้น้าเพิ่งแจ้งใจ กาหลงไม่ต่างจากแม่ กาหลงเห็นแก่ตัว ขวางทางพุดจีบ หวังให้ชบาน้องสาวสมหวังกับพ่อโชติเสียเอง”
“น้าเข้าใจฉันผิด”
“หยุดพูดแล้วกลับไปเถอะ...น้าหมดเรื่องจะคุยกับกาหลงอีก”
กาหลงอยากเข้าไปหาพุดจีบแต่เมื่อถูกไล่ก็จำต้องออกไป พุดจีบเดินเข้ามาแปลกใจว่าทั้งสองคุยอะไรกัน เธอมองกาหลงเดินออกไป

อบเชยนอนโวยวาย
“ออกไป ออกไปให้หมด ข้ากลัวแล้ว”
อบเชยหยิบข้าวของปาใส่ทุกคนของกลิ้งไปที่หน้าประตูห้อง เท้าหมอผีเดินเข้ามา แม่น้อยหันไปมอง
“ช่วยลูกฉันด้วยเถอะจ้ะ”
หมอผีเดินตรงมาหาอบเชย ช่วงเข้าไปถาม
“นังบ่าวมันบอกว่าลูกข้าไปขอน้ำมันพรายจากพ่อหมอ ผีมันเข้าสิงลูกข้า”
หมอผีมองอบเชยแล้วหัวเราะ
“ข้าเลี้ยงผีให้กินอิ่ม มันไม่มีวันทรยศ นายมันได้”
แม่น้อยแปลกใจ
“แล้วลูกฉันเป็นอะไร”
หมอผีมองอบเชยแล้วเดินมาหยิบเส้นผมที่ซอกคออบเชยขึ้นมา
“มันโดนผีเล่นงาน”
ทุกคนตกใจ เผื่อนและงามเพิ่งเห็นเส้นผมก็ตกใจ
“เส้นผมผี”
หมอผีเพ่งมองเส้นผม แล้วบริกรรมคาถาทันใดนั้นเส้นผมก็กลายเป็นไฟเผาไหม้ทันที ทุกคนตะลึงงัน อบเชยโวยวายเสียงดังลั่น
“ออกไป...อย่ามาหลอกหลอนข้า ออกไป”
หมอผีหยิบลูกประคำจากย่ามแล้วบริกรรมคาถา เอาประคำคล้องคออบเชย เธอกรี๊ดเสียงดังลั่นแล้วแน่นิ่งไป แม่น้อยตกใจ
“ลูกฉันเป็นอะไร”
“ข้าไล่เสนียดจัญไรออกไปจากตัว ลูกเอ็งมันเสียขวัญ ให้นอนพักเสียแล้วขวัญจะกลับมา”
แม่น้อยคลายกังวล ช่วงเข้าไปดูแลอบเชยดีใจที่รู้ว่าลูกสาวอาการดีขึ้น เผื่อนและงามดีใจที่เจ้านายปลอดภัยแล้ว

พุดจีบเข้าไปถามแม่
“กาหลงมาหาลูกมีเรื่องใด”
แม่บุญอิ่มยิ้มตอบ
“กาหลงแวะมาเยี่ยมเยียนตามประสา...ลูกรู้เรื่องราวของพ่อโชติแล้วหรือยัง”
“พี่นวลเล่าแล้วจ้ะ ว่าพี่โชติจำต้องยกเลิกงานบวช”
“ลูกคงไม่ผิดใจที่พี่เขาทำอย่างนั้น”
“ลูกจะถือโทษโกรธได้อย่างไรกัน ลูกกลับชื่นชมเสียอีกที่พี่โชติ เสียสละความสุขของตัว เพื่ออยู่ดูแลน้องสาว”
“พ่อโชติก็ไม่ได้บวชเสียแล้ว แม่ไม่อยากให้ลูกรอท่า แม่จะให้ลูกแต่งงานกับพ่อโชติเสียโดยไว”
พุดจีบอึ้งเล็กน้อยที่แม่เร่งรัดเรื่องนี้
“ไว้ลูกกลับมา เราค่อยคุยเรื่องนี้กัน”
แม่บุญอิ่มสงสัย
“ลูกจะไปไหน”
พุดจีบไม่อยากบอกว่าไปหากาหลง
“ลูกจะไปเยี่ยมอบเชยจ้ะ แม่คงจะเป็นใจเห็นดีงามกับลูก”
“ไปเถอะจ้ะ ฝากเยี่ยมแทนแม่ด้วย”
“จ้ะ”

พุดจีบรับปากแล้วเดินออกไป แม่บุญอิ่มพอใจที่พุดจีบห่วงใยสมาชิกของครอบครัวช่วง

กาหลงผิดหวังที่ไม่ได้บอกเรื่องของโชติจะเดินกลับเรือน พุดจีบวิ่งเข้ามา
“กาหลง”
กาหลงหันไปมองแปลกใจที่พุดจีบออกมา
“กาหลงมาหาฉันถึงเรือน กาหลงจะบอกความฉันเรื่องพี่โชติใช่ไหม”
กาหลงดีใจที่พุดจีบเข้ามา เธอจะได้บอกความจริง

โชติเข้าไปหาแม่บุญอิ่ม
“ฉันแวะมาหาพุดจีบจ้ะ”
“คงสวนทางเสียกระมัง แม่พุดจีบไปเยี่ยมอบเชยที่เรือนพ่อโชติ”
โชติแปลกใจ
“เป็นไปได้ยังไงกัน ฉันก็เพิ่งมาจากเรือน ทางไปเรือนฉันก็มีเพียงเส้นเดียว”
แม่บุญอิ่มกังวลใจ
“แม่พุดจีบไปไหน” แม่บุญอิ่มนึกได้ “เมื่อเช้ากาหลงมาหาพุดจีบ น้ากันท่าไว้ไม่อยากให้กาหลงมายุยงปั่นหัวพุดจีบอีก”
โชติชะงัก
“รึพุดจีบจะไปหากาหลง”
แม่บุญอิ่มร้อนใจ
“พ่อช่วงเร่งไปตามน้องกลับมาเถิด”
“ฉันขอลาก่อนจ้ะ”
โชติรีบออกจากเรือนไป แม่บุญอิ่มไม่พอใจที่รู้ว่าพุดจีบไปหากาหลง

โชติวิ่งเข้ามา มองหาพุดจีบและกาหลงแต่ไม่เจอใครก็ผิดหวัง แปลกใจว่าทั้งสองไปอยู่ที่ไหน

บริเวณบึงบัว...กาหลงบอกพุดจีบ
“ถึงเวลาที่ฉันต้องเล่าความจริงทั้งหมด”
พุดจีบรอฟังด้วยความสนใจอยากรู้
“ความทั้งหมดเกิดขึ้นในวันที่ฉันคอยพี่ไม้กลับเรือน มันใจดำอำมหิตบุกขืนใจฉันถึงเรือน...ฉันอ้อนวอนขอมัน แต่ใจมันชั่วช้าเกินกว่าจะยั้งคิดศีลธรรม”
พุดจีบฟังเรื่องราวด้วยความตกใจ
“พุดจีบไม่แปลกใจหรือว่าแผลเป็นบนหน้า มันมาจากไหน...”
กาหลงเล่าเหตุการณ์ตอนที่โชติจะข่มขืน เธอคว้ามีดปาดหน้าเขา โชติโกรธมากหันหน้ามาหน้าเลือดโชก พวกมั่นตกใจ
“พี่โชติ”
โชติโกรธมาก
“จัดการมัน”
กาหลงตกใจ พวกสิงเข้าไป กาหลงจะแทงแต่สิงและพวกขาบเข้าไปแย่งมีดได้ สิงตบหน้ากาหลงล้มลงสลบกับพื้น โชติสั่งการ
“มันทำหน้าข้าเป็นแผล เหลือจะทนให้มันไปโพนทะนาบอกใครเอามันไปถ่วงน้ำ”
พวกขาบพายเรือไปที่บึงบัวยกกาหลงโยนลงน้ำ กาหลงดิ้นรนอยู่ในน้ำเหมือนจะสิ้นใจตายนิ่งไป...พุดจีบฟังเรื่องราวก็ยิ่งตกใจหนักหันไปมองที่บึงบัว ก่อนจะหันไปถามกาหลง
“กาหลงรอดมาได้อย่างไร”
กาหลงมองพุดจีบ
“บุญกรรมที่ฉันทำยังพอมี...ฉันดิ้นจนเชือกคลาย ฉันเร่งแก้เชือกรอดตัวมา”
พุดจีบฟังเรื่องราวของกาหลง ก็สงสารร้องไห้ออกมา
“ทำไมไม่บอกทุกคนว่ามันทำร้ายกาหลง”
“มันขู่จะฆ่าแม่ ฆ่าน้องฉัน พุดจีบก็รู้ว่ามันมีกำลัง ฉันพูดไปก็หาว่าฉันใส่ความ ฉันจำต้องฝืนเก็บความเจ็บไว้ในใจ หวังจะอโหสิกรรมให้ แต่เมื่อมันคิดจะร่วมหอกับเพื่อนฉัน ฉันยอมให้เพื่อนฉันใช้ชีวิตกับคนพรรค์นั้นไม่ได้”
“กาหลง”
พุดจีบซึ้งน้ำใจโผเข้ากอดกาหลงร้องไห้โฮ ทั้งสองกอดกันด้วยความรักและห่วงใยกัน
“หมดเคราะห์หมดโศกนะเพื่อนฉัน...กาหลง จำไว้นะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะอยู่ข้างกาหลง ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเพื่อนฉันได้อีก”
กาหลงวิงวอน
“สัญญากับฉันนะ”
พุดจีบจริงจัง
“ฉันสัญญาด้วยใจฉัน”

กาหลงซึ้งน้ำใจ โผกอดพุดจีบไว้แน่น ดีใจที่มีพุดจีบเป็นเพื่อนรัก

อ่านต่อเวลา 17.00น.

เรือนกาหลง ตอนที่ 8 (ต่อ)

โชติออกตามหาพุดจีบ เห็นเธอเดินเข้ามาก็ดีใจ
“พุดจีบ น้องไปไหนมา พี่ออกตามหา”
โชติพูดไม่ทันจบ พุดจีบตบหน้าโชติ
“น้องเคืองพี่เรื่องไร”
“พี่ทำอะไรย่อมรู้แก่ใจดี”
โชติรีบปฎิเสธ
“กาหลงใส่ความพี่”
“พี่พูดเหมือนรู้ว่ากาหลงคุยอะไรกับฉัน”
“กาหลงจงใจขวางทางรักพี่ พุดจีบก็เห็นว่าน้ากลอยจับชบาใส่พานถวายพี่ พี่ไม่เล่นด้วยกาหลงก็เคืองโกรธ ยุยงปั่นหัวให้พุดจีบเกลียดชังพี่...”
พุดจีบขัดขึ้น
“พอการเถอะ...อย่าเปลืองน้ำลายแก้ตัว ฉันไม่อยากฟังความใดๆ เอาเป็นว่า ฉันขอถอนคำ ฉันไม่ร่วมหอกับพี่”
โชติไม่ยอม
“ไม่ได้นะพุดจีบ พี่รักพุดจีบ”
พุดจีบไม่อยากคุยเดินหนีออกไป โชติเข้ามากอดไว้ พุดจีบสะบัด
“ปล่อยฉันนะ”
“พี่ไม่ปล่อย พี่ต้องอยู่เคียงเอ็ง พุดจีบต้องเป็นเมียพี่”
โชติเข้ามากอดรัดจะจูบ พุดจีบตกใจพยายามผลักดัน
“พี่โชติปล่อย...ปล่อย”
โชติเข้ามากอดรัดจะขืนใจ พุดจีบฉวยจังหวะได้ ผลักออกแล้วตบหน้าโชติ
“พี่ทำอย่างนี้กับผู้หญิงทุกคนที่ขัดใจพี่ใช่ไหม”
โชตินิ่งอึ้งแต่ไม่ยอมหยุดเข้ามาจะปลุกปล้ำพุดจีบอีก พุดจีบดิ้นหมดหนทางสู้ ร้องไห้เสียใจ แม่บุญอิ่มเดินเข้ามา
“พ่อโชติ”
โชติรีบถอยออก
“ฉันขอโทษจ้ะน้า ฉันขาดสติยั้งคิด ฉันรักพุดจีบ”
พุดจีบตบหน้าโชติ
“พี่ไม่ได้รักฉัน หากพี่รักฉัน พี่ต้องถนอมใจฉัน ไม่ยื้อยุดฉุดกระชากทำตัวเยี่ยงสัตว์ป่า ในเมื่อพี่หยาบช้าไม่ใฝ่ดีศีลเราคงไม่เท่ากัน เลิกแล้วต่อกันเถอะ”
พุดจีบเดินออกไป โชติผิดหวังและไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้.แม่บุญอิ่มหันไปมอง โชติยกมือไหว้
“ฉันขอโทษจ้ะน้า ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันทำไปเพราะใจรัก”
แม่บุญอิ่มไม่ตอบรับใดๆ รู้สึกไม่พอใจที่โชติที่ลวนลามลูกสาว เดินตามพุดจีบไป โชติยิ่งเจ็บใจที่ทุกอย่างกำลังพังลง เพราะกาหลง
“นังกาหลง”
โชติคิดจัดการกาหลงให้จบเรื่อง
 
พุดจีบยืนร้องไห้เสียใจที่โชติทำร้ายจิตใจเธอ แม่บุญอิ่มเดินตามมา
“แม่ไม่ยอมให้ลูกยกเลิกงานแต่ง”
“ลูกเกินรับไหว พี่โชติหยามศักดิ์ศรีลูก”
“ข้อนั้นแม่เห็น แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ลูกจะเอามาหักล้าง ปิดใจพ่อโชติ”
“แม่จ๋า...ลูกแจ้งใจทุกเรื่องแล้ว ลูกไม่อาจรับใจพี่โชติได้”
แม่บุญอิ่มไม่พอใจ
“ลูกไปหากาหลง ทั้งๆที่แม่กันท่าไล่กาหลงออกไป”
“กาหลงมีเรื่องสำคัญแจ้งลูก”
“จะมีเรื่องใดเสีย...นอกจากกาหลงหวังทำลายงานแต่ง  หวังให้ชบาได้ออกเรือน”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกจ้ะ”
“แล้วมันเหตุใดกัน ว่ามาให้แม่เข้าใจเห็นตรงกับลูก”
แม่บุญอิ่มมองลูกสาว อยากรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น

พุดจีบนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา...เธอกอดกาหลง หลังจากรู้เรื่องราวทั้งหมด พุดจีบบอกกาหลง
“กาหลงไปกับฉัน...ต้องบอกความนี้กับทุกคน พี่โชติต้องรับผิดรับโทษอย่างสาสม”
“ไม่ได้นะพุดจีบ ห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร”
“ทำไมล่ะกาหลง”
“พ่อช่วงไม่มีวันเอาผิดลูกชายตัวเอง เรื่องมันก็ผ่านเลย ไม่มีใครรู้เห็นในเหตุการณ์นั้น ใครกันจะเชื่อคำฉัน”
พุดจีบฟังเหตุผลก็เข้าใจกาหลงมากขึ้น...
“แม้แต่พี่ไม้ฉันก็ไม่เล่า ไฟแค้นในใจพี่ไม้สุมเป็นเพลิงน่ากลัวนักอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร หรือแม้แต่น้าบุญอิ่มก็อย่าหมาย ฉันกลายเป็นผู้ร้ายทำลายรักไปเสียแล้ว”
 
พุดจีบกลุ้มใจที่บอกความจริงไม่ได้
“ว่าไงล่ะ ความจริงเป็นสิ่งใดกัน”
พุดจีบเปลี่ยนใจไม่บอก
“ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุใด...ลูกตัดสินใจแล้ว ลูกไม่ร่วมหอกับพี่โชติ”
แม่บุญอิ่มไม่พอใจ
“พุดจีบ...หากลูกทำอย่างนี้เท่ากับให้ผู้ใหญ่ผิดใจกัน”
“ลูกขอโทษจ้ะแม่ ลูกตรึกตรองดีแล้ว”
แม่บุญอิ่มผิดหวังและน้อยใจพุดจีบ ที่เชื่อกาหลง
“หากลูกยังเลือกเสียสละความรักของตัวเองเพื่อคนอื่น ลูกก็ไม่มีวันพบพานความสุขได้”
พุดจีบฟังคำแม่ก็รู้สึกสะเทือนใจ
“ลูกเชื่อฟังเพื่อน แม่นี้คงไม่มีความหมาย ก็อย่ามายกมือไหว้นับถือกันเลย”
แม่บุญอิ่มเดินหนีออกไป พุดจีบเสียใจที่แม่บุญอิ่มน้อยใจ แต่พุดจีบก็ทำอะไรไม่ได้
“แม่...ฉันไม่เคยเห็นใครสำคัญกว่าแม่”
พุดจีบร้องไห้เสียใจในชะตากรรมที่ทำให้แม่เข้าใจเธอผิด
 
โชติเดินเข้ามาในห้องอบเชย หันไปมองอบเชยที่นอนหลับอยู่บนเตียง โชติเดินตรงเข้ามานั่งข้างเตียง
“อบเชย...เอ็งมันช่างอาภัพรัก ไม่ต่างจากข้านักหรอก ข้ากำลังจะได้สุขสมกับหญิงคนรัก  แต่มารผจญมันเล่นงานข้า...ศัตรูหัวใจเอ็ง มันก็คือศัตรูข้า ข้าจะต้องจัดการเอาคืนให้สาสม”
อบเชยลืมตาโพลง พูดออกมา
“นังกาหลง”
โชติหันไปมองอบเชย
“เอ็งเป็นไง ใครทำเอ็ง...เอ็งบอกพี่”
“กาหลง...”
“นังกาหลงทำร้ายเอ็ง พี่จะฆ่ามัน”
โชติจะลุกออกไป แต่อบเชยดึงมือไว้ แล้วน้ำตาไหลด้วยความกลัว
“อย่า...อย่าไป...”
“ทำไมล่ะ ข้าจะไปแก้แค้นให้เอ็ง”
“พี่ทำอะไรมันไม่ได้”
            โชติแปลกใจ
“มันเป็นผี”
อบเชยพูดออกมา น้ำตาไหลตัวสั่นด้วยความกลัว โชติตกใจที่อบเชยบอกว่ากาหลงเป็นผี
ไม้วิดน้ำอยู่ในนา รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างหันกลับไปมองฉับไว ไม่เจอใคร ไม้แปลกใจ ทันใดนั้น มือหนึ่งจับไหล่ ไม้สะดุ้งหันกลับไป เจอกาหลงแลบลิ้นปลิ้นตาใส่
“แฮ่...”
ไม้ยิ้มตอบไม่ตกใจกลัว
“กาหลง”
“พี่ไม้ไม่ตกใจกลัวจนนิดเดียวรึจ๊ะ...คนเขาแซ่ออกทั้งบางว่า อบเชยโดนผีหลอกแถวนี้...พี่ไม่กลัวผีรึ”
“พี่โตมากับวัด อยู่กินกับศพมาร่วมค่อนชีวิต ไม่เคยเห็นผีสักตัว แล้วอีกอย่าง พี่คิดว่า...ผีคงแจ้งใจว่าใครดีใครร้าย ผีย่อมไม่เอาความทำร้ายคนดี”
กาหลงยิ้มตอบ
“จ้ะ ฉันจะไม่ทำร้ายพี่”
“แน่ะ พูดยังกะเป็นผี”
กาหลงยิ้มให้ไม้
“ใช่...ฉันเป็นผี...ฉันจะเป็นผีที่รักและคุ้มครองพี่ชั่วชีวิต”
ไม้มองกาหลง
“ผี...”
กาหลงยิ้มให้ ไม้นึกสนุกเข้าไปจี้เอว กาหลงสะดุ้งตกใจ
“ว้าย”
ไม้จะจี้เอวแกล้งกาหลง
“ผีรึ”
“อย่านะ”
“ผีตนนี้เส้นตื้นเส้นอ่อนเสียจริง มานี่...พี่จะจี้ให้ผีระทวย”
ไม้เข้าวิ่งแหย่ กาหลงล้มลง ไม้เข้ามาสวมกอดบนคันนา
“หากหญิงที่อยู่ข้างหน้าพี่เป็นผี...นางก็คงเป็นผีที่งามล้ำสุดในสามโลก”
กาหลงยิ้มให้ ไม้โอบกอดแล้วจูบ ท่ามกลางต้นข้าวที่พริ้มไหวบนคันนาสวยงาม

เพชรนอนอยู่ ชบาเฝ้าดูแลอยู่ห่างๆ เขาค่อยๆรู้สึกตัว ชบาเข้าไปประคอง
“เอ็งตื่นมารับยาเถอะ ข้าต้มยาให้แล้ว”
ชบาประคอง เพชรรู้สึกดี ชบาป้อนยาให้
“ร้อนจริง”
ชบารับถ้วยยามาเป่า เพชรมองด้วยความรัก...ชบาหันมามองจ้องหน้าเขา แล้วเขินป้อนยา
“กินซะ จะได้หายแล้วกลับไปได้แล้ว”
“ชบาจะใจจืดใจดำไล่ข้าได้ลงคอรึ ข้าต้องมาเจ็บตัวก็เพราะชบา ข้าไม่ได้คิดทวงให้มาทดแรนแทนคุณ...แต่หากคืนนั้นไม่ได้ข้าไปช่วย ป่านนี้ชบาคงตกเป็นเมียไอ้โจรห้าร้อย”
“พอการเถอะ ล้ำเลิก”
ชบาจะลุกออกไป เพชรคว้ามือไว้
“ไปไหน”
“ไปต้มข้าวให้เอ็งกิน”
“อย่านานนักนะ แค่นี้ก็อิ่มใจลืมข้าวลืมน้ำไปชั่วปี”
เพชรส่งยิ้มหวานให้ ชบาเขินเดินออกไป...เพชรนอนยิ้มได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา ก็คิดว่าเป็นชบา
“เอ็งอดคิดถึงข้าไม่ได้สิ ถึงเร่งกลับมาน้องชะ...”
เพชรจะพูดว่าชบาชะงักมองไปเจอหน้าแม่กลอย เขาอึ้งทันที
“ชะกลอย”
แม่กลอยมองดุที่เพชรคิดจะเกี้ยวชบา

โชตินั่งอยู่มุมหนึ่งบนเรือน คิดถึงเรื่องราวที่คุยกับอบเชย เธอจับมือพยายามบอกเขา
“นังกาหลงมันเป็นผี มันตายแล้ว”
“เอ็งพร่ำอะไร กาหลงเป็นผีมันจะอยู่กินกับไอ้ไม้ได้ยังไงกัน”
“มันเป็นผี...เชื่อฉัน...มันเป็นผี”
อบเชยพยายามบอกโชติ แล้วก็นึกกลัวกาหลงร้องโหวกเหวกโวยวาย
“อย่า กลัวแล้วแม่เอ๊ย ฉันไม่คิดแย่งผัวเอ็งแล้ว”
โชติคิดถึงเรื่องของอบเชย...ก็สงสัย
“กาหลงตายแล้ว”
โชติพาลคิดถึงเหตุการณ์ที่มั่นและขาบเล่าเรื่องกาหลง...มั่น ปอง ขาบยืนยันว่าได้มัดมือมัดเท้าจับกาหลงโยนลงน้ำ
“พี่โชติ เล่นงานพวกฉันทำไม...พวกฉันมีข่าวดีมาบอก”
โชติยิ้มรับ แล้วเตะมั่นกระเด็นออกไป
“ข่าวดีที่พวกเอ็งปล่อยนังกาหลงไปงั้นรึ”
“ไม่ได้กินเสียแหละ พวกเราจับมันถ่วงน้ำ มันตายแล้วนะพี่” ปองยืนยัน
“ไอ้กาเหว่ามันเข้ามาเห็น พวกเราจึงต้องไล่จับมัน...ตอนนี้มันกลับมาได้ มันคงบอกเรื่องราวทั้งหมด พวกฉันก็มาพึ่งใบบุญพี่” ขาบบอกเสียงเครียด
โชติชักมีดออกมา
“เอ็งหยุดปดเสียทีสิล่ะ...ไม่งั้นข้าจะตัดลิ้นเสีย”
พวกขาบตกใจ สิงโพล่งขึ้น
“กาหลงมันรอดมาได้...ร่วมหอไปกับไอ้ไม้แล้ว”
“ไม่จริง” ขาบร้องบอก
โชติหยุดคิด แล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เคยบุกไปเรือนกาหลง เพราะอยากรู้ว่ากาหลงตายหรือยัง เขาเดินไปที่บันไดบ้าน...เดินตรงมาหยุดยืนที่หน้าเรือนกาหลงมองตรงไป อยากรู้ว่ากาหลงจะอยู่หรือไม่ โชติใจหวั่นว่าสิ่งที่สิงได้ยินมา เป็นจริงหรือไม่...โชติเดินตรงไปยังเรือนกาหลงก้าวเท้าขึ้นไปบนเรือนเดินเข้าไปในเรือนกาหลง มองไปภายในเรือนไม่เจอใคร เริ่มมั่นใจว่ากาหลงไม่อยู่ที่นี่ กาหลงตายไปแล้ว
“มันจะอยู่ได้ยังไง มันกลายเป็นผีเฝ้าบึงบัวไปแล้ว”
โชติยิ้มเย้ย แล้วหันหลังจะกลับออกไปจากเรือนเจอกาหลงถือตะเกียงอยู่ตรงหน้า โชติผงะตกใจถอยหลัง
“กาหลง”
กาหลงยิ้มให้โชติ...
“เอ็งตระหนกนักสิที่เห็นว่าข้ายังไม่ตาย”
โชติอยู่ห่างจากกาหลง
“เอ็งเป็นผี อย่ามาหลอกหลอนข้าเลย”
“หากข้าตายเป็นผี...ข้าจะไม่ยอมทนยืนคุยกับเอ็งอย่างนี้ ข้าจะบีบคอฆ่าเอ็งเสียทันที”
กาหลงเดินตรงเข้ามาหาอย่างสุขุม โชติเริ่มไม่แน่ใจว่ากาหลงเป็นคนหรือผี ถอยห่าง
“ข้าสั่งให้พวกไอ้ขาบฆ่าเอ็งแล้ว”
“ข้าคงทำบุญสร้างกรรมดีไว้มาก ถึงได้เอาตัวรอดมาได้แต่คนที่ทำกรรมชั่วอย่างเอ็งสมควรตาย”

กาหลงชักดาบที่ติดไว้ที่ฝาเรือน ออกมาจะทำร้าย โชติกลัวรีบวิ่งหนีออกไปจากเรือน...โชติวิ่งหนีกาหลง แล้วลื่นล้มตกบันได ลงไปนอนที่พื้นด้านล่าง

โชติคิดถึงตอนที่ขึ้นบันไดไปเรือนกาหลงครั้งแรก บันไดยังแห้งอยู่แต่พอตอนที่หนีพื้นบันไดกลับเปียกน้ำ เขาวิ่งเหยียบน้ำ ลื่นตกลงไปล้มลงกองกับพื้น โชติหยุดคิดสงสัยในตัวกาหลงมากขึ้น หรือกาหลงจะเป็นผีจริงๆ
“นังกาหลง”

กาหลงนั่งอยู่บนหลังควาย ไม้ประคองกอดอยู่ด้านหลัง...ทั้งสองมองตรงไปยังผืนนา ต้นข้าวสูงใหญ่ พริ้มไหวอย่างสวยงาม
“อีกหน่อยข้าวคงแตกรวง เหลืองอร่ามเต็มท้องนา”
“พี่อยากให้ถึงวันนั้นเสียไว ความรักความสุขของเราก็โตขึ้นมาพร้อมกับนาข้าวผืนนี้”
“ฉันรอคอยจะเกี่ยวรวง มันจะเป็นข้าวแรกของเราฉันจะตำข้าวให้พี่”
ไม้จับมือกาหลงขึ้นมาทำท่าเปิปข้าว ยกขึ้นป้อนตัวเอง
“พี่จะกินข้าว เคี้ยวข้าวกลืนกินคำเดียวกับเอ็ง”
“ฉันจะรอคอย...วันที่ความสุขจะอยู่คู่กับเราตลอดไป”
กาหลงโอบตัวซบลงบนตัวของเขา ไม้ยิ้มพอใจหยิบขลุ่ยออกมาเป่าพากาหลงนั่งควายไปตามท้องทุ่งนา

เพชรนอนยิ้มหวาน แม่กลอยมองหน้าไม่พอใจ
“ยังมีน้ำหน้ามายิ้มใส่ข้า”
เพชรหุบยิ้มทันที
“ฉันอิ่มใจที่มีแม่คอยห่วงใยดูแลฉัน”
“ข้าบอกกี่ร้อยกี่พันครั้ง ข้าไม่ใช่แม่เอ็ง”
“ฉันผิดนักแล้ว แต่ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ล่ะจ้ะ เห็นหน้าน้ากลอยแล้วพาลคิดถึงแม่ แม่ตายแล้ว”
แม่กลอยถลึงตาใส่
“เอ็งแช่งข้ารึ”
“ไม่กล้าจ้ะ ฉันหมายไปถึงแม่ของฉัน...น้ากลอยหน้าตาอิ่มบุญไม่ผิดแม่ฉัน ฉันกำพร้าแม่แต่ย่อม พอเจ็บพอไข้ก็อดคิดถึงอ้อมอกแม่ไม่ได้ คิดถึงท้องทุ่งนาในวันช่วยแม่แปรไถ”
“เอ็งโกหก”
เพชรชะงักแปลกใจ
“เอ็งมันผิวพรรณดี ผิดลูกชาวนาสาวสวน...เอ็งมีอะไรปิดบังข้า”
“ไม่มีจริงๆจ้ะ ฉันสาบานให้ฟ้าผ่า...”
แม่กลอยขัดขึ้น
“ไม่ต้อง ประเดี๋ยวฟ้าก็ฟาดลงเรือนข้าสิ...อย่าให้ข้าจับได้เทียวนะว่าเอ็งปดข้า ไม่งั้นข้าจะเล่นเอ็งให้เคราะห์ถึงตาย”
เพชรสะดุ้ง
“ฉันขอบใจอีกครั้งนะจ๊ะแม่...กลอย...ที่มีน้ำใจห่วงใยฉัน”
“ข้าไม่ได้ห่วง แค่ไม่อยากให้มาตายบนเรือน ข้ามันคนกลัวผี จะตายก็เร่งบอกเสียเนิ่นๆ จะได้หามไปส่งวัด”
เพชรได้ฟังก็สะดุ้งตกใจที่แม่กลอยแช่งชัก...ชบาถือถาดอาหารเข้ามา แม่กลอยหันไปสั่ง
“เอาวางลง...แม่จะป้อนให้เอง”
ชบาแปลกใจที่แม่พูดเหมือนจะป้อนเองถือค้างไว้
“ข้าบอกให้วางไง จะทำอะไรไปซะ”
ชบาเอาอาหารวางลง
“จ้ะ”
ชบาวางอาหารแล้วยิ้มให้ เพชรยักคิ้วตอบดีใจที่แม่กลอยจะดูแลเอง เพชรมองหน้าแม่กลอย รู้สึกดีที่แม่กลอยจะป้อนให้แล้วส่งช้อนให้เพชร
“ยิ้มร่าอย่างนี้....อาการท่าจะหายดี กินข้าวเสียให้หมดแล้วเร่งไสหัวออกไปจากเรือน ข้าไม่มีวันยอมรับเอ็งเป็นลูกเขย”
เพชรสะดุ้งที่แม่กลอยยังไม่รับมิตรไมตรี แม่กลอยลุกเดินออกไป เพชรมองอาหาร จะตักกินก็กินไม่ลง เศร้าใจ ชบาแอบมองที่มุมหนึ่งรู้สึกสงสารและเห็นใจเพชร

โชติเดินตรงมายังบึงบัว ขาบ มั่น สิงเดินตามเข้ามาด้วยความกลัว
“พี่โชติจะให้ฉันทำอะไรจ๊ะ” ขาบถาม
โชติหันมาบอก
“เอ็งดำน้ำลงไปใต้บึงบัว ไปดูให้เห็นกับตา ว่ามีซากศพนังกาหลงอยู่หรือไม่”
ขาบตกใจ
“ไม่มีหรอกพี่...คราก่อนฉันก็ดำลงไปแล้ว ไม่เห็นไม่มี”
“ใช่ นังกาหลงก็เดินไปมาอยู่โทนโท่...มันจะเป็นซากใต้น้ำยังไงกัน” มั่นยืนยัน
โชติสั่งเสียงแข็ง
“ไม่ต้องเถียงข้า...ข้าสั่งให้เอ็งลงไป”
โชติหันไปสั่งขาบอย่างจริงจัง

“ข้าอยากรู้เสียทีว่านังกาหลงมันเป็นผีหรือคน”

เรือนกาหลง ตอนที่ 8 (ต่อ)

พุดจีบเอามาลัยวางไว้หน้าหิ้งพระแล้วก้มกราบพระในห้อง ใครบางคนเดินผ่านหน้าห้องไป พุดจีบแปลกใจ หันไปมองที่ประตูเปิดอยู่ ไม่เจอใคร เธอสงสัยเดินออกมาแปลกใจว่าใครเดินผ่านห้องเธอ...
“พี่นวล พี่นวลเหรอจ๊ะ”
พุดจีบหันไปมองเจอใครคนหนึ่ง แปลกใจ
“พระคุณเจ้า”
พระธุดงค์หันหน้ามายิ้มให้ พุดจีบแปลกใจมาก...

โชตินั่งอยู่บนเรือ แล้วหันไปสั่งขาบ
“เอ็งลงไปหาศพมัน”
ขาบกลัวๆ สิงเอาไม้พายกระทุ้ง
“พี่โชติสั่งไม่ได้ยินรึไง ลงไปให้ไว จะได้กลับ”
ขาบไม่มีทางเลือกลุกขึ้น...แล้วกระโดดลงไปจากเรือ โชติมองตามไปอยากรู้ว่าขาบจะเจอซากศพกาหลงหรือไม่

กาหลงกำลังเอาใบตองมาวางรองพื้น เพื่อเตรียมจัดข้าวที่ห่อมาให้ไม้
“พี่ไม้จ้ะ มากินข้าวเถอะจ้ะ ฉันทำพริกกะเกลือมาให้”
กาหลงตะโกนไปที่ชายทุ่ง ไม้กำลังล้างมือ เพื่อจะมากินข้าว
“จ้ะ”
กาหลงยิ้มพอใจจะแกะห่อข้าวออก แต่แล้วรู้ได้ว่าพวกโชติกำลังจะทำอะไร เธอหยุดกึก มองไปยังทิศทางของบึงบัว

พุดจีบก้มกราบพระธุงดงค์
“นมัสการเจ้าค่ะ...หลวงตา”
“อาตมามีความสำคัญจะบอกโยม...ถึงเวลาที่โยมต้องเข้าช่วยเหลือเพื่อนของโยม”
“ใครกันเจ้าคะ”
“เพื่อนที่เกิดมาเป็นคู่บุญคู่กรรมกันมา...มีเพียงโยมเท่านั้นที่มีบุญเพียงพอที่จะปราม และปลดปล่อยให้เขาได้พบหนทางสว่าง”
“หลวงตาหมายถึงใครเจ้าคะ”
ทันใดนั้นเสียงบ่าวเรียกดังขึ้น
“คุณพุดจีบเจ้าคะ”
พุดจีบหันไปมองด้านหลังเห็นบ่าวก็รีบสั่ง
“พี่มาก็ดีแล้ว ช่วยเตรียมสำรับอาหาร...ฉันจะถวายเพลหลวงตา”
พุดจีบหันกลับมามองไม่เจอหลวงตาแล้ว...
“หลวงตาเจ้าคะ หลวงตา”
บ่าวเรียกพุดจีบ
“คุณพุดจีบเจ้าคะ”
พุดจีบสะดุ้งตื่น รู้สึกตัวว่าเผลอหลับไป
“คุณพุดจีบเป็นอะไรเจ้าคะ อิฉันได้ยินคุณพุดจีบละเมอเรียกหาหลวงตา”
“ไม่มีอะไรจ้ะ...มีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
บ่าวคลานออกไป พุดจีบตั้งสติได้ก็แปลกใจ ช่างมันเป็นความฝันที่เหมือนจริงมาก แล้วนึกถึงคำของหลวงตา
“เพื่อนฉัน...กาหลง”

ไม้ล้างมือเสร็จเช็ดมือที่เสื้อแล้วเดินตรงมา
“พี่มาแล้วจ้ะ...มื้อนี้ทำพริกกะเกลือให้พี่กินรึ กลิ่นหอมเชียว”
ไม้เดินตรงมา มองไปเห็นอาหารที่แกะวางไว้บนใบตอง แต่ไม่เจอกาหลง แปลกใจที่กาหลงไม่อยู่

ขาบว่ายน้ำมองหาซากศพกาหลงมองไปยังกอบัวกอใหญ่ใต้น้ำเริ่มใจคอไม่ดี แต่ก็ตัดสินใจว่ายน้ำ แล้วแหวกกอบัว ไม่พบซากของกาหลง...กาหลงยืนที่มุมหนึ่งใต้ต้นไทรงามรับรู้ว่าขาบไม่เจอร่างเธอ กาหลงยิ้มสะใจ...โชติรอคอยฟังข่าว ขาบพรวดขึ้นจากน้ำมาเกาะขอบเรือ
“ไอ้ขาบ เอ็งเห็นร่างมันหรือไม่”
“ไม่เห็นจ้ะพี่ มันยังไม่ตายหรอก”
“เอ็งแน่ใจนะ”
“ฉันดำหาจนทั่วแล้ว”
“เอ็งดำตรงไหน” มั่นถาม
“ตรงนั้น”
ขาบชี้ไปที่บริเวณมุมหนึ่งของบึงบัว มั่นเอาไม้พายกระทุ้งขาบ
“ไอ้โง่ เอ็งงมหาผิดที่เสียแล้ว ข้าจำกอบัวนี้ได้ ข้าโยนลงไปตรงนี้ ซากมันก็ต้องอยู่ใต้เรือ”
โชติอยากรู้
“เอ็งลงไปเร็ว”

ขาบจึงดำน้ำลงไปอีกครั้ง เพื่อดำไปยังจุดที่มั่นบอก โชติมองตาม ลุ้นว่าจะเจอซากกาหลงไหม...กาหลงรู้ว่าขาบจะดำไปอีกครั้งก็ไม่พอใจ คิดทำอะไรบางอย่าง

เพชรพยายามเดินออกไปจากเรือนแม่กลอย ชบาถือน้ำเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“เอ็งจะไปไหน”
“กลับไปเรือข้า แล้วคงจะแจวเรือไปจากที่นี่”
ชบารู้สึกใจหาย
“เอ็งจะไปไหน เอ็งยังไม่หายดี”
“แผลกายน่ะหายแล้ว แต่แผลใจไม่มีวันสมาน จะให้ข้าอยู่เพื่ออะไรกัน ในเมื่อเจ้าเรือนเขาไม่ต้อนรับ”
เพชรมองกลับไปที่เรือน แม่กลอยยืนมองที่มุมหนึ่ง ชบารู้ดีว่าแม่กลอยกีดกันเธอ
“งั้นเอ็งไปเถอะ”
เพชรผิดหวัง
“ไม่ห้าม ไม่รั้งข้าบ้าง”
“เอ็งไปตามทางของเอ็ง อย่าต้องมาวุ่นวายหนักใจเจ็บตัว เพราะข้าอีก”
เพชรจำต้องออกไป ชบามองตามแล้วตะโกนตอบ
“ข้าชอบน้ำใจเอ็ง”
เพชรหันกลับมายืนมองยิ้มให้ชบา แล้วเดินออกไป แม่กลอยเดินเข้ามาหาชบา
“ไม่ต้องตีหน้าเศร้าอำลาอาลัยปานหัวใจจะวาย มันไม่ใช่เนื้อคู่เอ็ง”
“เหมือนกับที่พี่โชติไม่ใช่คู่บุญฉัน”
ชบาสวนกลับแล้วเดินกลับขึ้นเรือนไป แม่กลอยไม่พอใจ
“ไม่ได้ดั่งใจสักคน...ข้าจะพึ่งลูกสาวคนไหนได้บ้าง”

พุดจีบเดินไปทุ่งนา เพื่อไปหาไม้และกาหลง เพชรเดินออกมาเห็นท่าทีของพุดจีบดูรีบร้อนก็แปลกใจ
“พี่พุดจีบ”
เพชรมองตามสงสัยว่าพุดจีบไปไหน

โชติก้มมอง รอคอยให้ขาบขึ้นจากใต้น้ำ
“มันหายไปนานโข เอ็งมั่นใจว่ามันงมหาถูกที่”
มั่น มั่นใจ
“ตรงนี้ล่ะที่ฉันโยนนังกาหลง ถ้ามันไม่เจอก็เป็นอย่างที่พวกฉันคิด กาหลงยังไม่ตาย...ยังไงก็ไม่ตาย” มั่นเริ่มใจคอไม่ดี ยกมือไหว้ “ขออย่าให้ตายเหอะ”
โชติยังไม่ปักใจเชื่อ รอฟังคำตอบจากขาบ

ขาบดำน้ำ มองไปที่กอบัวแล้วก็เห็นร่างหนึ่ง เขาว่ายน้ำเข้าไปใกล้ จ้องมอง ซากร่างกาหลงพลิกตัวมาทางเขา ขาบตกใจที่เจอซากกาหลงตายเป็นผีแล้ว จะว่ายน้ำขึ้นไปบอกโชติแต่แล้วมือของซากกาหลงจับขาเขาไว้ ขาบตกใจดิ้นหนี กาหลงดึงขาขาบลงมาหน้าเสมอกับหน้ากาหลง ขาบตกใจกลัว กาหลงยื่นมือไปบีบคอ ขาบดิ้นตกใจกลัวตาย

โชติก้มมองไป เห็นพรายน้ำผุดขึ้นมา โชติและมั่นแปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
มั่นตะโกนเรียก
“ไอ้ขาบ ไอ้ขาบ”
“เห็นท่าจะไม่ดี ไอ้มั่น เอ็งลงไปดูมัน”
มั่นหวาดกลัว
“รึมันจะเจอซากกาหลง ผีกาหลงฆ่ามัน” มั่นเกาะเรือไว้แน่น
โชติโมโหด่ามั่น
“ไอ้ขี้ขลาด”
“ฉันลงไปดูให้เอง”
สิงกระโดดน้ำลงไป โชติมองตามรอลุ้น มั่นแอบมองด้วยความกลัว

พุดจีบเริ่งเดินตามหากาหลงและไม้ แล้วหยุดคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้น ตอนนั้นกาหลงร้องไห้กอดไม้
“กาหลงไปทำอะไรมาเนื้อตัวถึงได้เปียกปอน” ไม้ถามอย่างแปลกใจ
“ฉันเก็บบัวแล้วพลัดตกน้ำ”
ไม้จับเนื้อตัว
“กาหลงเจ็บตรงไหนบ้าง”
“ฉันไม่เป็นไรจ้ะ แค่ใจไม่ดี กลัวจะไม่ได้เจอพี่ไม้ ไม่ได้อยู่กับพี่ไม้”
“หยุดคิดเรื่องนั้นเดี๋ยวนี้เทียว วันนี้เป็นวันมงคลของเรา จากมื้อนี้ไป พี่จะได้อยู่ดูแลกาหลงชั่วชีวิต”
กาหลงยิ้มทั้งน้ำตา
“ฉันก็จะอยู่กับพี่ชั่วชีวิต”

ไม้มอง กาหลงเข้าสวมกอดเขา พุดจีบยืนมองที่มุมหนึ่ง เห็นในความรักของทั้งสองก็ถอดใจเดินออกไปแล้วมองเห็นหลวงตาเดินผ่านไป พุดจีบแปลกใจ...

พุดจีบคิดถึง ตอนที่ได้คุยกับหลวงตา เธอนั่งลง แล้วยกมือไหว้
“นมัสการเจ้าค่ะ”
“คงมีโยมเพียงคนเดียว ที่มีบุญวาสนาพอจะตักเตือนให้สติเพื่อนโยมได้”
พุดจีบแปลกใจ
“หลวงตาหมายถึงใครเจ้าคะ”
“จงปรามเพื่อนโยมให้ยอมรับในความจริง...ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ดังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สรรพสิ่งในโลกล้วน อนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป”
พุดจีบนั่งฟังแล้วคิดตาม เงยหน้าขึ้น
“หลวงพ่อสื่อความถึงใครเจ้าคะ ดิฉันไม่เข้าใจ”
หลวงตาไม่ตอบแล้วเดินออกไป พุดจีบแปลกใจพยายามคิด เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเหล่านั้น พุดจีบพาลคิดถึงความผิดปกติของกาหลง เธอเร่งเดินออกตามหากาหลงและไม้

กาหลงคอขาบที่ดิ้นทุรนทุรายเหมือนจะสิ้นใจ สิงดำน้ำแหวกกอบัวเข้ามา กาหลงเห็นสิงกำลังจะเข้ามาก็ตกใจ สิงว่ายน้ำเข้ามามองไปตรงหน้าก็ตกใจ เห็นขาบถูกสายบัวพันคอดิ้นๆ...สิงรีบว่ายเข้าไปช่วยดึงสายบัวออกจากตัวขาบ

โชตินั่งอยู่บนเรือกังวลใจ
“ไอ้ขาบ ไอ้สิง เอ็งขึ้นมาสิวะ”
ทุกอย่างใต้น้ำนิ่ง โชติแปลกใจ มั่นกลัวมาก
“มันสองคนอาจโดนผีกาหลงฆ่าตายแล้ว”
“ไอ้ปากเสีย”
ทันใดนั้น...โชติรู้สึกว่าเรือเริ่มขยับ มั่นก็ตกใจ มองหน้าโชติเลิกลั่กและแล้ว เรือค่อยๆหมุนกลางบึงบัว
“เรือมันหมุนได้เอง ฉันไม่ได้พายเรือ”
มั่นยกมือพายให้โชติดูแล้วโยนพายไปตรงหน้า โชติแปลกใจ เรือหมุนวนๆ หมุนวน โชติตกใจ สักครู่เรือหยุดนิ่ง โชติตั้งสติมองตรงไป
“กาหลง”
กาหลงนั่งอยู่ที่หัวเรือในตำแหน่งของมั่นตรงข้ามโชติ
“เอ็งขึ้นเรือมาได้ยังไง”
กาหลงยิ้มให้ โชติเริ่มเสียสติตะโกนลั่น
“ข้าถามว่าเอ็งขึ้นเรือมาได้ยังไง เอ็งเป็นผีรึเป็นคน”
กาหลงยิ้มให้ โชติไม่พอใจคว้าไม้พายแล้วลุกขึ้นจะฟาดกาหลง มั่นร้องลั่น
“พี่อย่า ฉันเอง”
โชติฟาดไม้พายมั่นจับไว้ โชติจ้องมองก็เห็นเป็นหน้ามั่น เขาตกใจมาก ขาบและสิงพรวดขึ้นมา โชติสะดุ้ง
“ไอ้ขาบ ไอ้สิง”

ไม้นั่งกินข้าวอยู่บนพื้นใบตอง พุดจีบเข้ามา
“พี่ไม้”
“เอ้าพุดจีบ ไปไหนมาล่ะ มาสิ มากินข้าวด้วยกัน”
พุดจีบมองหากาหลง
“กาหลงล่ะจ๊ะ”
“กาหลงคงกลับไปเอาน้ำมาเติม” ไม้หยิบไม้ไผ่ใส่น้ำขึ้นมาให้ดูว่าน้ำหมด “มานั่งกินข้าวด้วยกัน ประเดี๋ยวกาหลงก็มา”
พุดจีบตัดสินใจถามไม้
“พี่ได้ข่าวอบเชยคลั่ง ร้องไห้โวยวายว่ากาหลงเป็นผีหรือไม่”
ไม้หยุดกินข้าว
“หยุดพูดเรื่องนี้เสีย” ไม้กินข้าวต่อ
พุดจีบนั่งลงข้างๆ
“ฉันไม่ได้ว่ากล่าวอะไร แต่ฉันแค่สงสัยว่าเรื่องมันต้องมีมูล อบเชยถึงพูด...”
พุดจีบจะพูดต่อ ไม้ขัดขึ้น วางห่อข้าวไม่พอใจ
“บ๊ะ...จะมีมูลไรล่ะ มันก็อยากได้พี่ทำผัว สักมีปากก็พูดไปให้คนเกลียดกาหลงเมียพี่ พุดจีบก็ช่างกระไร เป็นเพื่อนรักกับกาหลงแท้ๆ จะงัดคำงมงายของคนลวงอย่างมัน ขึ้นมาพูดกันทำไม”
“ฉันเพียงมาถามไถ่ ไม่ได้หมายจะใส่ความ”
“พอเถอะ พี่ว่าเรื่องนี้ต้องคุยให้พร้อมหน้า พุดจีบรอพี่เสียตรงนี้ พี่จะไปตามกาหลงมาให้รู้ความ”
ไม้ตัดสินใจลุกเดินออกไป พุดจีบรู้สึกผิดที่ทำให้ไม้โกรธ เธอกังวลใจ เพชรเดินเข้ามาหา
“ฉันอยู่ข้างพี่”

พุดจีบแปลกใจที่เพชรเข้ามาหาและบอกเรื่องนี้

ขาบเข้าไปบอกโชติ
“นังกาหลงมันเป็นผี”
โชติตกใจ
“เอ็งเอาอะไรมาพูด”
“ฉันดำน้ำไปเจอซากศพมัน แล้วมันก็บีบคอจะฆ่าฉัน”
โชติตกใจ สิงต่อว่าขาบ
“เอ็งมันกลัวผีจนขึ้นขมอง ข้าลงไปไม่เจอกระดูกสักอัน”
“ข้าพูดจริง...ผีกาหลงบีบคอจะฆ่าข้า”
“ไอ้เพี้ยน แกท่าจะว่ายไปมุดกอบัว สายบัวรัดคอแก” มั่นบอก
“นี่ไง ฉันดึงสายบัวที่รัดคอมาได้”
สิงยกสายบัวที่พันคอขาบขึ้นมา
“ข้าเห็นผีกาหลงจริงๆ” ขาบยังยืนยัน
มั่นส่ายหน้า
“ไม่มี”
“พอได้แล้ว” โชติหันไปสั่งสิง “เอ็งเอาเรือกลับเรือน อย่าให้พ่อข้าสงสัย...ส่วนพวกเอ็งไปกับข้า จะผีหรือคน ข้าจะดูให้รู้กับตา”
ขาบและมั่นแปลกใจว่าโชติจะทำอย่างไร

ใต้น้ำบึงบัว...ร่างของกาหลงลอยเคว้งอยู่ใต้น้ำค่อยๆหมุนตามกระแสน้ำ หันมาลืมตาโพลงด้วยความดุร้าย

พุดจีบแปลกใจในคำพูดของเพชร
“เอ็งพูดว่าอะไร”
“ฉันอดสงสัยในตัวพี่กาหลงไม่ได้...มันมีหลายเรื่องราวที่เป็นปริศนา”
เพชรบอกความรู้สึก พุดจีบสนใจอยากรู้ เพชรเล่าเหตุการณ์ที่กาเหว่าบอกว่ากาหลงถูกจับถ่วงน้ำ
“ช่างผิดวิสัยที่ผู้หญิงจะแก้เชือกนั่นได้ และมันน่าฉงนที่พี่กาหลงจะกลั้นหายใจอยู่ใต้น้ำได้นานเกินคน”
พุดจีบฟังความก็สงสัยเหมือนกับเขา จึงคิดถึงเหตุการณ์ที่ กาเหว่าเจอกาหลงครั้งแรก...กาเหว่ากลับมาบ้าน เจอหน้ากาหลงครั้งแรกก็ตกใจและกลัวกาหลงคิดว่ากาหลงเป็นผี...เพชรบอกพุดจีบ
“นอกจากนั้น ฉันยังได้ฟังความว่าก่อนงานแต่ง พี่จอกลงไปเก็บบัว แล้วก็เสียสติไป”
เพชรนึกถึงเหตุการณ์งานเลี้ยงที่เรือนของโชติ เมื่อจอกเห็นกาหลงในงานก็ร้องเรียกผี ตกใจกลัวกาหลง เพชรยืนมองพฤติกรรมของจอกและกาหลงก็สงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติ...
“และในคืนนั้น...ฉันเองก็ประสบเหตุให้คลางแคลงใจ”
พุดจีบอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพชรเล่าเหตุการณ์ตอนที่เขาจะไปหาชบาแต่แล้ว กาหลงขอตัวไปก่อนพอเขาจะตามไป กาหลงได้หายไปแล้ว
“ฉันทบทวนปะติดปะต่อเรื่องราว ฉันก็อดคิดไม่ว่าพี่กาหลง...”
เพชรยั้งปากไว้ พุดจีบจึงบอก
“ไปกับพี่ให้รู้แจ้งกัน”
“จะไปไหนจ้ะ”
เพชรอยากรู้ว่าพุดจีบจะพาไปที่ไหน พุดจีบเดินนำไป ไม้ยืนมองมุมหนึ่งไม่พอใจที่ทั้งสองสงสัยกาหลง

ค่ำนั้นโชติถือดาบยาวเดินตรงมายังเรือนกาหลง ขาบและมั่นเดินตามเข้ามา ขาบยังกลัว ไม่กล้า มั่นดันตัวขาบเข้ามา
“มานี่ ปอดแหกไปได้”
ขาบถูกผลักมายืนหน้าเรือนกาหลง โชติออกคำสั่ง
“ขึ้นไปดูให้เห็นกับตา ว่ามันเป็นคนอยู่บนเรือน”
ขาบกลัว แต่จำใจต้องเดินนำไป โชติมองไปยังเรือนกาหลง ต้องการพิจูสน์ความจริง

พุดจีบและเพชรนั่งรอที่มุมหนึ่งในวัด ทั้งสองรอนานมาก สักครู่โขงเดินออกมา
“พี่จอกตื่นหรือยัง ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” พุดจีบรีบถาม
“กลับไปเถอะ มันยังหลับเป็นตาย...ขืนรอท่าจะเสียการ”
“ไม่ได้จ้ะพี่ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพี่จอก” เพชรยืนยัน
โขงแปลกใจ
“เอ็งมีเรื่องอะไรกัน”
เพชรมองหน้าพุดจีบ ยังไม่กล้าบอกโขง พุดจีบตัดบท
“เอาเป็นว่า ถ้าพี่จอกตื่น รีบพาไปหาฉันที่เรือน”
“จ้ะ”
พุดจีบและเพชรผิดหวังที่ไม่ได้คุยกับจอก ทั้งสองจะเดินออกไปแต่แล้ว จอกร้องรำร้องเพลงออกมา
“ชะเอิงเอิ้งเอ๊ย อรุณรุ่งสว่างตะวันฉายทอแสง ให้คึกคึกมีแรงขึ้นแกร่งกล้า ชายชาติชาตรีจะกรีฑา ยกทัพโยธาไปปราบมาร”
จอกร้องรำสนุกสนาน พุดจีบและเพชรดีใจที่ได้เจอจอก
“พี่จอก”
จอกยิ้มตอบใช้ท่าทางลิเก
“เอ็งทั้งสองมาเข้าเฝ้าข้าแต่รุ่งอรุณ...มีเหตุอันใดรึ”

โชติเดินตรงมายังหน้าประตูเรือนแล้วสั่งขาบ
“เปิดประตูเข้าไป”
ขาบกลัวแต่ไม่กล้าขัดคำสั่งโชติ จำผลักประตูแต่เปิดไม่ได้ เขาจึงผลักไปอย่างแรง ขาบกระเด็นไปอยู่ในบ้าน มองไปด้วยความตกใจกลัว ภายในว่างเปล่า โชติมองไป ไม่เจอใคร มั่นหันมาบอก
“นังกาหลงไม่อยู่”
ขาบกลัว
“ไม่อยู่ก็เพราะตายไปแล้ว”
มั่นด่าทันที
“ปากเสีย ตายไปก็ต้องอยู่สิวะ ผีมันต้องเฝ้าเรือนตอนกลางคืน”
ขาบสะดุ้งกลัว
“ผี”
โชติหงุดหงิด
“ไอ้ปอดแหก...รึมันยังไม่กลับเรือน ไปตามหาที่บ้านแม่มันข้าต้องเห็นกับตาว่ามันยังมีชีวิตอยู่”

โชติต้องการรู้ความจริง จะเดินนำออกไปแต่แล้ว เสียงโขลกตำน้ำพริกดังขึ้น ทุกคนตกใจหันกลับไปที่เรือนกาหลง

จบตอนที่ 8

อ่านต่อตอนที่ 9 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น