ธิดาพญายม ตอนที่ 15
ณัชชากับเอกภพพรวดออกมาจากราวป่า
“เสียงมาจากด้านโน้น”
ณัชชาพรวดออกไป เอกภพตามไปติดๆ
อีกด้านหนึ่ง ราเชนกับปาระนังก็กำลังพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ไกรยุทธ์กับนาฬิกา วิ่งออกมาจนถึงลานแห่งหนึ่ง
“พวกเราหายไปไหนหมด”
“อยู่นี่”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกาหันไปก็เห็นนาชะ บีม ปิงปอง ก้าวออกมาหลังพุ่มไม้
“เกือบไปแล้ว”
“เทพอาคินล่ะ”
“เรานิ่งที่สุด เทพอาคินสัมผัสเราไม่ได้” นาชะบอก
“หายใจได้มั๊ยครับ” บีมถามเสียงเบา
“ถามแบบนี้ เดี๋ยวก็เจอดีหรอก”
ทุกคนต่างยิ้มออกมาได้
“เฮ่...อย่าลืมนะครับพี่นาชะทำร้ายใครไม่ได้”
“แต่ทำให้คนหลงรักจนหัวปักหัวปำเสียสติได้”
“โห งั้นไม่เอาดีกว่า”
ทั้งหมดต่างยิ้มขำกันอีก บรรยากาศดีขึ้น
“จริงหรือคะพี่นาชะ ที่ทำให้คนรักจนหัวปักหัวปำเสียสติ” นาฬิกาถามอย่างสงสัย
“ไม่จริงหรอก มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่รักไม่เป็น รักจนเสียสติ ทำเป็นว่าตายเพื่อความรักแต่ความจริงแล้วไม่รู้จักความรักกันเล๊ย”
เสียงอีการ้องก้องขึ้นมาอีก
“ดูเหมือนว่าไอ้พวกที่รักเราจนหัวปักหัวปำโผล่มาแล้ว พี่นาชะพาบีมกับปิงปองไปก่อนเลยครับ ผมกับนาฬิกา
จะล่อพวกมันอ้อมไปก่อน แล้วจะไปดักรอข้างหน้า”
“ตามมา”
นาชะกลายเป็นร่างเล็กเหมือนเดิม บินนำปิงปองกับบีม ออกไป
“คุณนาฬิกา ทางนี้”
ไกรยุทธ์ส่งมือให้นาฬิกา นาฬิกาคว้าจับ ทั้งสองวิ่งพรวดเฉียงไปอีกทางหนึ่ง
ละอองสีชมพูฟุ้ง ร่างของนาชะปรากฏ บีมกับปิงปอง เป็นร่างวุ้นพรวดออกมาจากแนวป่า ตรงหน้าเป็นหุบเหวกว้างกว่าจะถึงอีกด้านหนึ่ง
“เราต้องข้ามไปด้านโน้น”
“ถ้าข้ามอาจจะหลงไปอีกกาลเวลาหนึ่ง พี่ไกรยุทธ์กับพี่นาฬิกาจะหลงกับเรานะครับ” บีมบอก
“พี่ว่าเราข้ามไปก่อนดีกว่าความปลอดภัยของพวกเธอสองคนสำคัญที่สุดถึงจะหลงก็ค่อยหากันที่หลัง” นาชะบอก ทันใดนั้นพ่อมดยามินกับกาตงปรากฏตัว โดยมีไม้กวาดอยู่ในมือ โผล่มาจากแนวป่า
“พวกเจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก”
นาชะ บีมและปิงปองต่างมองหน้ากัน นาชะหันไปมองหน้าผา
“เราต้องข้าม จับมือพี่ไว้ จะได้ไม่หลงกัน”
นาชะบอกพร้อมกับยื่นมือออกมา บีมคว้ามือปิงปอง แล้วคว้ามือนาชะไว้ แต่ทันใดนั้นมีพลังเป็นสายเหมือนกระแสไฟฟ้าสีแดงเป็นสายพุ่งเข้ามาตรึงทั้งสามอยู่กับที่ ขยับตัวไม่ได้
“เทพ...อัค...รา...”
เทพอัคราหัวเราะก้อง ปล่อยพลังแรงขึ้นร่างของนาชะ บีมและปิงปองทรุดฮวบลง สลบไป เทพอัคราสะบัดมือออกมา มีเชือกเป็นรังสีสีแดง มัดรอบตัว นาชะ บีมและปิงปองไว้ เทพอัคราหันมาทางพ่อมดยามินกับกาตง
“เรา...เรา…เป็นคนของเทพอาคิน” พ่อมดยามินบอก
“ข้ารู้ พวกเจ้าคุมตัวสามคนนั่นไว้”
พ่อมดยามินกับกาตงรีบไปที่ร่างของ นาชะ บีม และ ปิงปอง แต่แล้วร่างของพ่อมดยามินและกาตงก็กระเด็นตูมออกมากลิ้งที่พื้น ร่างของไกรยุทธ์กับนาฬิกาปรากฏ มือถือขวานประจันหน้ากับเทพอัครา พ่อมดยามินกับกาตง ต่างมองกันแล้วแวบพรวดหายไป
นาฬิกา ไกรยุทธ์ ต่างขยับขวาน ระวังเทพอัครา
“แก่จนป่านนี้แล้วยังคิดทำแต่เรื่องเลวๆ”
นาฬิกาต่อว่าเทพอัคราถลึงตามอง
“คุณนาฬิกา”
นาฬิกาพรวดไปยังนาชะ บีมและปิงปอง กางมือปล่อยพลังใส่รังสีสีแดง แต่ถูกรังสีส่งกระแสกระแทกเข้าใส่มือต้องถอยออก นาฬิกาพรวดมายืนข้างๆ ไกรยุทธ์
“พวกนั้นไม่รู้สึกตัว ถูกรังสีตาเฒ่านี่คุมอยู่” นาฬิกาบอกไกรยุทธ์
“ในที่สุดทายาททั้งสี่ก็อยู่ในมือเรา”
“ฝันไปแล้ว ยังไงเราไม่มีวันยอมท่าน”
“พวกเจ้าไม่มีทางเลือก”
เทพอัคราปล่อยพลังเป็นสายพุ่งเข้าใส่ไกรยุทธ์และนาฬิกา แต่แล้วร่างของณัชชาปรากฏ ดาบพิชิตมารอยู่ในมือแวบมาตั้งรับไว้พอดีต้านพลังของเพทอัครากระดอนกลับไปเสียงระเบิดตูม
“องค์หญิงณัชชา”
ณัชชาจ้องเทพอัคราดุดัน
“ท่านอัคราผู้ยิ่งใหญ่ ที่แท้รังแกเด็ก”
“พวกนี้ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วไม่สนเรื่องศักศรีไม่สนเรื่องเกียรติ”
เอกภพก้าวออกมาอีกด้านหนึ่งพร้อมปืนสองกระบอกอยู่ในมือ
“เจ้าพูดมากไปแล้ว”
“จริงของท่าน”
ทันใดนั้นเอกภพเหนี่ยวไกเปรี้ยงๆๆๆ เทพอัคราถึงกับเซไป เอกภพก้าวมายืนคู่กับณัชชา
“ที่แท้องค์หญิงใช้มนต์สวรรค์ปลุกเสกอาวุธมนุษย์”
“แน่นอน ที่พวกเราไม่ใช้พลังไม่ใช้มนต์เพื่อไม่ให้เทพอาคินลูกชายปัญญาอ่อนของท่านจับตำแหน่งเราได้ แต่ตอนนี้ตัวพ่อหนีคุกสวรรค์มาออกโรงเองก็เลยต้องใช้ซะหน่อยจะได้ เอ้อ...ภาษามนุษย์ว่า...”
“สูสี” เอกภพบอก
“ใช่ สูสี”
“เรียกว่าจัดกันเต็มๆ ไปเลย”
ณัชชากับเอกภพลอบสบตากัน
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วต้องขอลองหน่อย”
“แบบนี้เป็นต้น”
เอกภพสาดกระสุนใส่เทพอัคราเปรี้ยงๆๆๆ เทพอัคราหันไปยกมือปล่อยพลังต้านกระสุนของเอกภพเอาไว้
ทันใดนั้นณัชชาฉวยโอกาสดีดตัวไปที่ร่างของ บีม ปิงปอง นาชะ ตวัดดาบพิชิตมารเข้าใส่เส้นรังสีของเทพอัคราที่พันธนการทุกคนอยู่เกิดพลังเป็นเสียงเปรี้ยงๆๆ รังสีของเทพอัคราหายไป ณัชชารีบหันกลับไปทางด้านเอกภพสายตาเคร่งเครียด
เอกภพยิงปืนกราดใส่เทพอัคราอย่างถี่ยิบ เทพอัคราปล่อยพลังต้านกระสุนไว้ ทันใดนั้นร่างของณัชชาก็พุ่งเข้ามาตวัดดาบพิชิตมารเข้าใส่เทพอัคราอย่างรวดเร็วติดพันนัวเนีย เทพอัคราไม่ทันระวังถอยไม่เป็นขบวน
“ผู้กอง เชิญ”
“ไกรยุทธ์ นาฬิกา ทางนี้”
เอกภพพุ่งไปที่ร่างของนาชะอุ้มขึ้นมา ในขณะที่ ไกรยุทธ์ประคองบีม นาฬิกาประคองปิงปอง ลากไปที่หน้าผา
ณัชชาบุกจู่โจมติดพันกับเทพอัครา
เอกภพอุ้มนาชะ นำไกรยุทธ์ นาฬิกา บีม ปิงปอง ไปที่หน้าผา
“ทุกคนเตรียมกระโดด”
แต่แล้วก่อนจะถึงอาคินก็ปรากฏตัวขึ้นมาขวางไว้ ทุกคนถึงกับถอยหลังมาหนึ่งก้าว
“จะรีบไปไหน”
เอกภพไม่มีมือว่างแม้กระทั่งจะจับอาวุธ ต่างจนมุมสถานการณ์คับขัน เอกภพหันมาทางณัชชาก็พบว่าถูกเทพอัคราติดพันอยู่ สถานการณ์คับขัน
เทพอัคราต่อสู้กับณัชชาปะทะมือกันกระเด็นแยกห่างออกมา ทั้งสองพุ่งเข้าหากันอีก ณัชชาฟันฉับเทพอัคราเอาฝ่ามือตะปบเข้าหากันรับดาบไว้ได้ ณัชชาดึงไม่ออกเทพอัคราปล่อยพลังเป็นสายฟ้าเข้าใส่ดาบพิชิตมารณัชชา
ปล่อยพลังผ่านดาบพิชิตมารตั้งรับทั้งสองปล่อยพลังต้านกันติดพัน
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไปไหนไม่ได้ไกล”
ณัชชาจ้องชำเลืองจ้องดูสถานการณ์ของเอกภพ เอกภพจ้องมาส่ายหน้า ณัชชาออกแรงต้านเหงื่อปรากฏที่ใบหน้า ตัวเองติดพันทำอะไรไม่ได้ สีหน้าเคร่งเครียด
เอกภพอุ้มนาชะ ไกรยุทธ์ ประคองบีม นาฬิกาประคองปิงปอง ยืนประจันหน้ากับอาคิน
“ผู้กองมอบทายาทมาให้เรา”
เอกภพและทุกคนต่างสบตากันจนมุม แต่แล้วทันใดนั้นปรากฏมีใบไม้ปลิวมาติดที่หน้าอกของไกรยุทธ์และนาฬิกา อาคินมองอย่างแปลกใจ อาคินหันไปดูก็เห็นใบไม้ลอยมาจากป่าเป็นแนวยาวเข้าหาเอกภพและทายาททุกคน
“ท่านเจ้าป่ามาช่วยแล้ว”
ใบไม้ปลิวว่อนเข้าใส่ใบหน้าของอาคินจนอาคินต้องปัดป้อง อย่างไม่คาดคิดใบไม้ลอยมาจำนวนมากหมุนรอบเอกภพและทายาททั้งสี่เหมือนม่านกำบังจนอาคินมองไม่เห็น อึดใจก็ปรากฏเป็นแสงสีทองกระจายออกมา อาคินสะบัดมือปล่อยพลังเข้าใส่ แสงรังสีทองและใบไม้กระจายออก ร่างของเอกภพและทายาททั้งสี่หายไปแล้ว อาคินคาดไม่ถึง
“ดูเหมือนว่าทายาทจะพ้นมือของท่านอีกครั้งหนึ่ง”
ณัชชาบอก เทพอัคราโกรธปล่อยพลังมากขึ้น ณัชชาต้านไว้สุดกำลังควันออกมาจากมือที่ด้ามของดาบ ณัชชากัดฟันทนปล่อยพลังออกไปทันใดนั้นดาบพิชิตมารปล่อยรังสีออกมาสว่างจ้าเข้าตาเทพอัคราเสียสมาธิถูกพลังของณัชชากระแทกกระเด็นออกห่าง อาคินเข้ามาประคองไว้ทันท่วงที ณัชชาควงดาบพร้อมตั้งรับ เทพอัครายืดตัวขึ้นสีหน้าไม่พอใจดันตัวอาคินห่างออกไป
“องค์หญิงท่านไม่บาดเจ็บมากกระมัง”
ทันใดนั้นณัชชากระอักเลือดออกมาอึกใหญ่
“แค่นี้เล็กน้อย ถือว่าให้เลือดลมวิ่ง เพื่อสุขภาพ”
“อาคิน เจ้ารีบตามพวกทายาทไป ข้าต้องคุยสะสางกับองค์หญิงอีกหน่อย”
“รับคำสั่ง”
อาคินแวบหายไป เทพอัครายิ้มให้ณัชชา
“เราคุยกันถึงไหนแล้ว”
“ตอนที่ท่านบอกว่า ท่านเลวเกินกว่าที่จะมีชีวิตอยู่ไม่ว่าสวรรค์หรือนรก”
“องค์หญิงณัชชา เราจะส่งท่านไปพบกับพญายมจะได้สมกับฉายาของท่าน…”
ณัชชาตวัดดาบพิชิตมารตั้งรับ เทพอัคราก้าวเข้าหา ยกมือสองข้างขึ้นเตรียมปล่อยพลัง ทันใดนั้นลูกธนูติดไฟหลายดอกพุ่งมาปักบนพื้นตรงหน้าของเทพอัคราเป็นกำแพงไฟลุกพรึบขึ้น
“ท่านราเชน”
ร่างของราเชนกับปาระนังพุ่งเข้ามายืนเคียงข้างณัชชา ราเชนมีคันธนูง้างอยู่ ลูกธนูติดไฟพร้อมยิง ปาระนังยืนตั้งท่ายื่นดาบปลายแหลมไปข้างหน้าเตรียมพร้อม แต่แล้วร่างของเทพอัคราก้าวฝ่ากำแพงไฟออกมา ณัชชา ราเชน ปาระนังถึงกับถอยไปคนละหนึ่งก้าว คาดไม่ถึง
“พวกท่านน่าจะรู้ ร่างของเราไม่ใช่ร่างจริง เป็นเหมือนอากาศธาตุ อาวุธมีแต่จะผ่านไป ไม่สามารถระคายเราได้”
“เสียดายเราไม่เคยหลงเชื่อคนเลว”
ราเชนปล่อยลูกธนูออกไป ลูกธนูแตกเป็น 5 ดอกพุ่งเข้าหาร่างของเทพอัครา ณัชชาและปาระนังจ้องมองอย่างตื่นเต้น เห็นลูกธนูทั้ง 5 ดอกพุ่งผ่านเทพอัคราออกไป แล้วหายแวบ ทุกคนคาดไม่ถึง เทพอัคราหัวเราะก้อง ณัชชา ราเชน ปาระนัง จ้องนิ่ง เตรียมพร้อมหาทางหนี
“น้องปาระนังรีบพาองค์หญิงหลบไป” ราเชนบอกเสียงเบา
“ไม่ได้ ท่านคนเดียวไม่พอมือเทพอัครา” ณัชชาบอก
เทพอัครายิ้มเยาะก้าวเข้าหาทั้งสาม ทันใดนั้นใบไม้ปลิวเข้ามาที่ตัวของเทพอัคราแล้วผ่านไป เทพอัคราไม่สนใจยกมือขึ้นเตรียมปล่อยพลัง แต่แล้วใบไม้ปลิวว่อนเข้ามาวนล้อมคลุมร่างของเทพอัคราอย่างรวดเร็ว เทพอัคราสะบัดมือ ใบไม้ปลิวกระจายออกแต่กลับหมุนเข้าไปล้อมตัวเทพอัคราอีก ใบไม้ปลิวว่อนหนาแน่นครอบคลุมร่างของเทพอัคราเหมือนตัวดักแด้
“ท่านราเชน ลูกธนูของท่านมีเป้าแล้ว”
ราเชนปล่อยลูกธนูออกไป ลูกธนูแตกออกเป็น 5 ดอกพุ่งเข้าใส่ร่างของเทพอัครา คราวนี้ลูกธนูปักตึบๆๆๆ เข้าใบไม้ที่ล้อมอยู่รอบเทพอัคราอย่างแม่นยำ เกิดเป็นไฟลุกท่วม
“องค์หญิงเชิญทางนี้”
ปาระนังคว้าแขนของณัชชา แล้วแวบหายไป
“ลาก่อนท่านอัครา”
ราเชนแวบหายไป ร่างของอัคราลุกท่วมไปด้วยไฟ เทพอัคราส่งเสียงคำรามออกมาแล้วปล่อยพลังกระแทกใบไม้ ไฟแตกกระจายออก ร่างของเทพอัคราปรากฏ
เทพอัคราหันไปทางราวป่า
“ท่านเจ้าป่า ท่านคิดลองกับเรา” เทพอัคราสะบัดมือสองข้างเข้าใส่ราวป่าเกิดเป็นไฟลุกพรึบขึ้นมา “เราจะเผาท่านให้ราบ”
เทพอัคราหัวเราะเหมือนคนบ้า แต่แล้วสายฟ้าฟาดเปรี้ยงๆๆ ลงมาที่ตัวเทพอัครากลายเป็นไฟลุกท่วมเทพอัครา ฝนตกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ยกเว้นตรงตำแหน่งที่เทพอัครายืนอยู่ เทพอัคราแหงนมองท้องฟ้าแล้วแวบหายไป สายฟ้าเปรี้ยงลงมา ไฟที่ไหม้ป่าดับวูบลง
ใบไม้วงใหญ่มีประกายสีทองครอบคลุมหมุนติ้วลงมาอย่างช้าๆ ใกล้บริเวณน้ำตก อึดใจใบไม้ก็กระจายออกปลิวว่อนกระจายหายไปในราวป่า เห็นเอกภพอุ้มนาชะที่ยังไม่ได้สติอยู่ ไกรยุทธ์ประคองบีม และนาฬิกาประคองปิงปอง ที่ยังไม่ได้สติเช่นกัน
“เราพ้นเทพอาคินจนได้ ขอบคุณท่านเจ้าป่า”
เอกภพ ไกรยุทธ์ นาฬิกา ต่างยิ้มออก
ร่างของ นาชะ ปิงปองและบีม นอนอยู่ใกล้กัน เอกภพคอยยืนระวัง นาฬิกาดูแลนาชะกับปิงปองอยู่ ในขณะที่ไกรยุทธ์คอยดูแลบีมอยู่ใกล้ๆ ทันใดนั้นร่างของ ณัชชา ปาระนัง ราเชน ปรากฏ
“พี่ณัชชา”
ณัชชาพรวดเข้าไปใกล้ทั้งสามคนย่อตัวลงแล้วใช้มือวนที่ไปที่ร่างของคนทั้งสาม อึดใจ นาชะ บีม กับ ปิงปองก็ลืมตาขึ้น ทั้งหมดต่างถอนใจอย่างโล่งอก
“องค์หญิง”
“พี่ณัชชา”
“พี่ณัชชา”
“เอาล่ะ ทุกคนยังไม่ต้องพูดอะไร พักก่อนให้ร่างกายฟื้นตัวก่อน แล้วค่อยคุยกัน”
นาชะ บีม ปิงปอง ต่างหลับตาลงอีกครั้ง
“เราช่วยกันกำจัดพวกผีชั่วที่กำลังกลืนกินป่า นึกไม่ถึงกลับกลายเป็นเรียกเทพอาคินมา” นาฬิกาบอก
“โชคดีที่พี่ณัชชาและทุกคนมาได้ทันท่วงที”
“ผลที่พวกเธอช่วยเจ้าป่า เจ้าป่าถึงมาช่วยพวกเรา”
ราเชนตบไหล่ไกรยุทธ์ชมเชย
“เก่งมากทั้งสองคน”
นาฬิกากับไกรยุทธ์ต่างยิ้มให้กันอย่างภูมิใจ
“ใกล้ถึงจุดหมาย เทพอัครายิ่งระดมพวกสาวกของพวกมัน อันตรายยิ่งมากเป็นทวีคูณ” ณัชชาบอก ทั้งหมดต่างมองหน้ากันถอนใจ
“สามคนนั่นอาการหนักแค่ไหนเพคะองค์หญิง” ปาระนังถามขึ้นมา
“เทพอัคราไม่ได้คิดทำร้ายสามคนนั่น ทุกคนยังปลอดภัยดีเพียงแค่อ่อนพลังลงไปเท่านั้น”
“เราจะเดินทางกันยังไงครับ คงปล่อยให้ทายาทเดินทางตามลำพังไม่ได้แล้ว” เอกภพถามณัชชา
“ณัชชากับผู้กองจะหาทางดึงความสนใจของเทพอาคินและเทพอัคราเพื่อให้เวลาทายาทได้พักผ่อนให้เต็มที่หลังจากนั้นท่านราเชนกับท่านธิดาค่อยพาทายาทเดินทางไปยังจุดนัดพบ”
“เผชิญหน้ากับเทพอัคราอันตรายเกินไปนะเพคะ”
“เราไม่มีทางเลือกอื่น เราต้องล่อเทพอัคราให้ติดพันอยู่กับเราสองคน”
“แล้วถ้าเกิดว่าเทพอัครากับเทพอาคินไปโผล่ ทางด้านท่านราเชนกับทายาทละครับ คงจะต้านไม่ไหวแน่ มีทางไหนที่จะส่งสัญญาณถึงกันได้มั๊ยครับประมาณว่ากดปุ๊บถึงปั๊บ ไม่ต้องรอคุณนาชะ”
“พอมีอยู่วิธีหนึ่ง”
“มนต์ผนวกศาสตราวุธ” ราเชนบอก
“น่าจะได้ผล”
“คืออะไรครับ”
“เอาอาวุธประจำกายของทุกคนมาผนวกกัน เมื่อถึงยามคับขัน ใช้อาวุธส่งสัญญาณเราก็จะจับตำแหน่งทุกคนได้”
ณัชชา ปาระนัง ราเชน ยืนหันหน้าเป็นวงกลมเข้าหากัน ณัชชาสะบัดมือดาบพิชิตมารปรากฏ ณัชชายื่นดาบออกมาตรงหน้า ปาระนังยื่นดาบของตนออกมาตรงหน้าผาดกับดาบของณัชชา ราเชนสะบัดมือเป็นลูกธนูโลกันต์ขึ้นมาแล้ววางผาดบนดาบทั้งสอง
“ไกรยุทธ์ นาฬิกา ด้วย”
ไกรยุทธ์ นาฬิกาเดินเข้ามาสะบัดมือขวานปรากฏ แล้ววางขวานทาบกับอาวุธของทุกคน
“เราต้องทำยังไงคะพี่ณัชชา”
“แค่ทุกคนตั้งสมาธิให้นิ่ง อย่างอื่นเราจัดการเอง” ทั้งหมดหลับตาสมาธิ อึดใจก็มีรังสีสะท้อนขึ้นมาจากดาบพิชิตมารแล้วครอบคลุมอาวุธทุกคน อึดใจก็ค่อยๆลดลงจนเป็นปกติในที่สุด “ต่อไปนี้ยามคับขัน แค่ยกอาวุธขึ้นมาดาบพิชิตมารจะเตือนเราและจับตำแหน่งทุกคนได้ทันที”
“เหมือนผมกับองค์หญิงใช่มั๊ยครับ” เอกภพบอก
“ถูกต้อง”
ทุกคนยิ้มอย่างตื่นเต้นเบาใจ
“ตามแผนที่ สองขุนเขาใหญ่คือจุดที่เราจะพบกัน” ปาระนัง ราเชน นาฬิกา ไกรยุทธ์ ต่างพยักหน้ารับ ณัชชากราดสายตาไปที่นาชะ บีม กับ ปิงปองที่นอนพักอยู่ “ท่านราเชนกับท่านธิดาฝากทายาทด้วย”
“องค์หญิงอย่าได้กังวล”
“เราจะใช้พลังของเราอำพรางพลังของท่านราเชนและท่านธิดาให้มากที่สุด” ณัชชายิ้มส่งมือให้เอกภพ “มาผู้กอง นับตั้งแต่นี้ เราจะเดินทางด้วยพลังของฉัน”
เอกภพจับมือของณัชชา
“ด้วยความยินดีครับ”
ร่างของณัชชากับเอกภพค่อยๆ ลอยขึ้น แล้วแวบหายไป ทุกคนมองตาม
ราเชนกับปาระนัง เดินไปมาระวังอยู่รอบๆ
“พี่ราเชน พี่นาชะรู้ตัวแล้ว”
นาฬิกาบอก ราเชนกับปาระนังมายังจุดที่ทั้งสามคนนอนอยู่ นาชะลืมตาขึ้นมาจ้องทุกคน
“เกิดอะไรขึ้น”
“พี่นาชะถูกพลังของเทพอัครา”
นาชะค่อยๆ ลุกขึ้น ขยับปีกพรึบออกมา พยักหน้าอย่างพอใจ ทำให้ทุกคนยิ้มออกมาได้
“บีมกับปิงปอง ฟื้นเหมือนกัน” ไกรยุทธ์บอก
บีมกับปิงปองลืมตาขึ้น แล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ออกลูกมึนๆ ทุกคนต่างมองกันอย่างโล่งใจ
“บีม ปิงปอง เป็นยังไงบ้าง”
“ปิงปองโอเคค่ะ”
แต่แล้วปิงปองเซ บีมเข้ามาประคองไว้ทัน ราเชนกับปาระนังต่างมองหน้ากัน
ธิดาพญายม ตอนที่ 15 (ต่อ)
ปาระนังยืนกราดจ้องไปตรงหน้า
“ระยะทางยังอีกไกล ทายาทยังไม่แข็งแรงพอ เราต้องพาไปหลบในที่ปลอดภัย” ราเชนพยักหน้าเห็นด้วย “บอกทายาททุกคนให้เตรียมตัว”
ราเชนเดินออกไป ปาระนังกราดสายตารอบๆ
นาชะอยู่ตรงกลางบีมอยู่ทางขวาปิงปองอยู่ทางซ้ายจับมือนาชะอยู่ ไกรยุทธ์จับมือบีม นาฬิกาอยู่อีกด้านหนึ่งจับมือปิงปองไว้
“ท่านธิดาจะพาทายาทไปหลบที่ไหนหรือเพคะ” นาชะถามปาระนัง
“เราจะเข้าประตูกลออกนอกเส้นทางหลบไปยังที่ที่พลังของเราแข็งแกร่งที่สุด” ปาระนังเดินเข้ามาตรงหน้าของทุกคน “ทุกคนเข้ามารวมกันตรงกลาง” นาชะกับทุกคนจับมือกันวนมารวมกันตรงกลาง ราเชนเดินไปอีกด้านหนึ่ง แล้วยื่นมือออกมาจับมือกับปาระนัง เป็นบ่วงล้อมทุกคนไว้ตรงกลาง “ทุกคนตั้งสมาธิหลับตาลง”
ทุกคนทำตาม ปาระนังหลับตาลงทันใดนั้นหยดน้ำค้างทั้งหลายปลิวมารวมตัวกลายเป็นวงน้ำหมุนรอบทุกคนจนกระทั่งทุกคนหายไปในที่สุด
น้ำค้างวนหมุนติ้วลงมาก็ปรากฏร่างของปาระนังและทุกคนมาปรากฏตัวที่ชายหาดหมู่บ้านชาวเล ทั้งหมดต่างกระจายออกอย่างตื่นเต้น
“เย้ พลังที่แข็งแกร่งของพี่ปาระนังก็คือใกล้น้ำนี่เอง”
“แน่นอนที่สุด”
“ท่านธิดาทรงชาญฉลาดเทพอัคราต้องคิดหนักถ้าจะโผล่มาที่นี่”
“เจอจ้าวสมุทรเต็มๆ”
ทั้งหมดต่างตื่นเต้นสะใจ
“ไกรยุทธ์กับนาฬิกาลองไปหาที่พักดู ที่ห่างไกลผู้คนหน่อยยิ่งดี” ราเชนบอก
“ได้ค่ะ”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกาพากันเดินไปยังหมู่บ้านชาวเลที่มีชาวบ้านต่างใช้ชีวิตประจำกันห่างออกไป ราเชนกับปาระนังกราดสายตาดูรอบๆ บีมกับปิงปอง สูดหายใจเต็มปอด นาชะเข้ามายืนตรงกลางโอบไหล่บีมกับปิงปอง สถานการณ์ดีขึ้น
“ทางนี้ค่ะ”
นาฬิกากับไกรยุทธ์ยืนอยู่หน้าที่พักหลังหนึ่ง ปิงปอง บีม นาชะ เดินเข้าไปในบ้าน ตามด้วยปาระนังและ ราเชน ราเชนหยุดไม่ได้เดินเข้าไป
“นาฬิกาเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนบีมกับปิงปองเถอะพี่จะอยู่กับไกรยุทธ์เอง”
“ค่ะ”
นาฬิกาเดินเข้าไปข้างใน
“พี่ราเชนคิดว่าเทพอัคราจะมาที่มั๊ยครับ”
“พี่ว่าไม่หรอก เทพอัคราคงไม่อยากสร้างปัญหากับหนึ่งในโลกทั้งสี่ จนกว่าจะได้กุญแจนิลกาลอยู่ในมือบวกกับพลังขององค์หญิงที่คอยช่วยอำพรางพลังของเราที่อยู่ที่นี่คงช่วยให้เราพ้นพวกมันได้ระยะหนึ่ง”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน คลื่นทะเลพัดเสียงดัง แต่แล้วนาชะก้าวออกมา ทั้งสองหันมา
“มีอะไรหรือครับพี่นาชะ”
“คืนนี้ท่านธิดาต้องการให้ทายาททุกคนผสานกำลังกัน”
ร่างของณัชชาจับมือกับเอกภพเหินผ่านเหนือราวป่าไป ร่างของณัชชาจับมือกับเอกภพร่อนลงมานอกเขตหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
“เราจะแวะกินกาแฟก่อนเหรอครับ” เอกภพถาม ณัชชายิ้มขำ
“บ้าน่ะซิ ฉันสัมผัสได้ถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านตะหาก”
“แวะกินกาแฟด้วยก็ได้นะครับ ผมเลี้ยง” ณัชชายิ้ม แต่แล้วก็ได้ยินขบวนร้องรำทั้งสองหันไปก็เห็นขบวนร้องรำอยู่ข้างหน้า “ดูเหมือนว่าชาวบ้านจะเฮฮาปาร์ตี้มากกว่าจะเดือดร้อนนะครับ”
“อ๋อ...กวนเหรอ”
“เปล่าครับ แค่เห็นน่ะครับ”
“ดี เราเข้าไปดูกันดีกว่า”
ณัชชาพรวดๆ ออกไป เอกภพยิ้มแล้วเดินตาม
ขบวนร้องรำตุ้มโมงผ่านมาก็ชะงักเมื่อณัชชากับเอกภพยืนขวางอยู่
“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ”
“เรากำลังทำพิธีแห่นางแมวอยู่”
ณัชชายืนคิดหันมาทางเอกภพ เอกภพยิ้มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ณัชชาแล้วกระซิบถาม
“เป็นนางฟ้าไม่รู้จักพิธีแห่นางแมวเหรอครับ”
“ฉันมัวแต่ปราบเทพชั่ว ไม่ถนัดเรื่องร้องรำทำเพลง”
ชาวบ้านต่างจ้องมองทั้งคู่อย่างสงสัย
“พิธีขอฝนน่ะครับ”
“แสดงว่าเดือดร้อนใช่มั๊ยล่ะ”
“ครับองค์หญิงสัมผัสได้ถูกต้องแล้วครับ แห้งแล้งขาดน้ำครับ”
ณัชชายิ้ม หันไปทางชาวบ้าน
“ขาดน้ำเหรอฉันจัดการเอง” ณัชชาเงยหน้ามองท้องฟ้า “พระพิรุณ ขอรบกวนท่านด้วย”
ชาวบ้านมองตามต่างหัวเราะกันคิกคัก ทันใดนั้นเสียงฟ้าครืนๆ แล้วฝนก็เทกระหน่ำลงมา ชาวบ้านต่างเฮแล้วร้องรำรอบๆ ณัชชากับเอกภพทั้งสองต่างยืนยิ้มสบตากัน ท่ามกลางวงล้อมของวงร้องรำ
เทพอัครานั่งสมาธิอยู่ อาคินก้าวเข้ามา เทพอัคราลืมตาขึ้น
“ข้าจับพลังมนต์ได้ รุนแรงชัดเจน ข้าจะรีบไปดู” อาคินบอก เทพอัครายิ้ม
“พลังรุนแรง เป็นกลอุบาย เจ้าอย่าได้หลงกลพลังที่อ่อนที่สุดคือ พลังที่เจ้าควรใส่ใจ”
ราเชนเดินมากับปาระนัง
“กามเทพนาชะบอกว่า คืนนี้ท่านต้องการให้ทายาททุกคนผสานกำลัง” ปาระนังพยักหน้า
“ปิงปองกับบีมอาการหนักพอสมควร ถ้าไม่ผสานพลังรักษาเกรงว่ายากที่จะเดินทางได้ถึงจุดหมาย”
“การผสานกำลัง อาจทำให้เทพอัครารู้ว่าเราอยู่ที่นี่”
“เราไม่มีทางเลือก อย่างน้อยเราอยู่ใกล้ทะเล ยังไงก็พอที่จะต้านได้บ้าง”
“อืม หวังว่าเป็นเช่นนั้น”
แต่แล้วมีเด็กชาวเล วิ่งเข้ามาสองสามคน
“ช่วยด้วยครับ เพื่อนผมจมน้ำ ไม่หายใจ”
“รีบพาพี่ไป”
เด็กชายรีบวิ่งนำไป ตามด้วยปาระนังและราเชน
เด็กชายวิ่งนำปาระนังกับราเชน ไปจนถึงกลุ่มเด็กชายหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมร่างของเด็กชายคนหนึ่ง
อยู่ หญิงคนหนึ่งกำลังกอดเด็กชายร้องห่มร้องให้
“ลูกแม่ ลูกแม่” ปาระนังกับราเชน ทรุดตัวลงข้างๆ “ช่วยลูกฉันด้วย ฉันมีลูกอยู่คนเดียว ลูกฉันไม่หายใจ”
“ขอให้ฉันดูเด็กหน่อยซิ”
หญิงสาวส่งเด็กชายให้ปาระนัง ปาระนังตรวจดู แล้วหันมาทางราเชน สีหน้าเคร่งเครียด
“เด็กคนนี้มีเคราะห์ อันเกิดมาจากการกระทำของพ่อเด็ก”
“ทำอะไรจ๊ะ พ่อเด็กก็แค่ออกไปจับปลาไม่ได้ทำอะไรที่ไหน”
“พ่อไอ้เปี๊ยกมา” เสียงเด็กคนหนึ่งดังขึ้น ทุกคนหันไปก็มีชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“ไอ้เปี๊ยกเป็นอะไร”
“ไอ้เปี๊ยกจมน้ำตาย”
“หา เอ็งทำไมไม่ดูมัน”
ก่อนที่ใครจะทันรู้ตัว พ่อเด็กดึงแม่เด็กขึ้นมาแล้วตบโครม หญิงสาวกระเด็นไป พ่อเด็กตามเข้าไปหมายจะช้ำ
แต่ต้องสะดุ้งเพราะราเชนยืนอยู่ตรงหน้า
“ถอยไป เอ็งอย่ามายุ่งเรื่องของข้า”
พ่อเด็กชก ราเชนใช้แขนรับแล้วตบเปรี้ยงพ่อเด็กกระเด็นไปทรุดอยู่ตรงเท้าของปาระนังที่อุ้มเด็กอยู่
“เด็กคนนี้ต้องรับเคราะห์เพราะเจ้า เจ้าใช้ระเบิดหาปลา ทำลายปะการัง ทำลายชีวิตในทะเลด้วยความเห็นแก่ตัว” พ่อเด็กลุกขึ้นมา
“เฮ้ย พูดอะไรว๊ะ เอาลูกข้ามา”
หญิงสาววิ่งพรวดเข้ามาขวาง
“ลูกของข้า ข้าเตือนเอ็งแล้วเรื่องทำผิดต่อเจ้าทะเล เอ็งไม่เชื่อข้า ทำให้ลูกข้าต้องตาย”
“เฮ้ย เหลวไหล ใครๆ ก็ทำกันทั้งนั้น ไอ้เปี๊ยกมันจมน้ำตายเองไม่เกี่ยวกับข้า”
ราเชนพรวดเข้ามาคว้าคอเสื้อพ่อเด็กแล้วตบสั่งสอนไปสองสามฉาด
“หุบปากเลวๆ ของเจ้า” พ่อเด็กนิ่งไป
“ข้าจะช่วยลูกเจ้า แต่เจ้าต้องรับปากสัญญาว่าจะเลิกทำผิด”
“ข้าไม่สน ข้าไม่เลิกเว๊ย”
พ่อเด็กเดินจากไป แม่เด็กร้องให้
“เจ้าเลือกเอาว่าจะเอาชีวิตลูก หรือชีวิตพ่อเด็ก” ปาระนังถามแม่เด็ก
“ฉันเลือกลูกของฉันได้มั๊ยจ๊ะ”
“ได้”
ปาระนังอุ้มเด็กเดินลงไปในทะเลสองสามก้าว แม่เด็กจะเดินตามไป แต่ราเชนเอาแขนบังไว้ เด็กๆ และแม่เด็กมองดูปาระนังอย่างตื่นเต้น ปาระนังยืนอุ้มเด็กหันหน้าออกทะเล
“ท่านปู่ หลานขอชีวิตเด็กคนนี้”
ทุกคนยืนจ้องปาระนังตาไม่กระพริบ อึดใจก็เห็นปาระนังหันกลับมา แล้วอุ้มเด็กเดินขึ้นมาบนชายหาด ทุกคนจ้องมองใจเต้นระทึก อึดใจก็ได้ยินเสียงเด็กไอ แคกๆ แล้วรู้สึกตัว แม่เด็กรีบเข้าไปอุ้มเด็กมากอดไว้
“ลูกแม่ เปี๊ยกลูกแม่” เด็กมองแม่อย่างสงสัย เพราะจำไม่ได้ว่าตนเป็นอะไร “ขอบใจจ้ะ ขอบใจ”
แต่แล้วมีเสียงตะโกนโหวกเหวกมา ทุกคนหันกลับไปมอง เห็นชายสองสามคนวิ่งมา
“นวล ไอ้ มา ผัวเองจมน้ำตายอยู่ตรงโน้น”
แม่เด็กและเด็กๆ ทุกคน คาดไม่ถึง พอหันมา ปาระนังและราเชน หายไปแล้ว
ณัชชากับเอกภพ เดินมาตามเส้นทาง
“ที่แท้องค์หญิงเป็นเพื่อนซี้กับพระพิรุณนี่เอง ฝนถึงได้ตกจนชาวบ้านแฮปปี้กันทั่วหน้า”
“แน่นอน”
“ตกลงพระพิรุณชอบดูแห่นางแมวหรือเปล่าครับ”
“ฉันจะรู้ได้ยังไง แต่ถ้าชาวบ้านทำแล้วได้ฝนก็ไม่เห็นเสียหายนี่”
ณัชชาหยุดเดิน แล้วสะบัดมือ แผนที่ปรากฏขึ้นมา
“อืม…เส้นทางแผนที่เด่นชัดขึ้น”
ณัชชาสะบัดมือเก็บแผนที่ แล้วเดินเร็วออกไป เอกภพรีบเดินตาม
คืนนั้นกองไฟลุกโชติช่วงตรงหาดทรายหน้ากระท่อมชายหาด ทายาททั้งสี่นั่งล้อมวงเอามือจับกัน ปาระนัง นาชะ ราเชน ยืนอยู่ห่างออกไป ปาระนังกับนาชะจับสายตาที่ทายาททั้งสี่ ราเชนกราดสายตารอบระวังภัย ทันใดนั้นเห็นเหมือนกระแสไฟฟ้าสีเขียวเริ่มออกจากร่างของไกรยุทธ์แล้วพุ่งวนผ่านรอบๆ ไปยังบีมปิงปองและวิ่งรอบเป็นวงกลมผ่านทั้งสี่คน
“ความคิดของท่านธิดาถูกต้องอีกแล้ว ดูเหมือนว่า บีมกับปิงปอง จะมีพลังสมบูรณ์ก่อนรุ่งเช้า”
“หวังว่าคงเป็นเช่นนั้น”
ทันใดนั้นเสียงจี๊ดๆ ดังขึ้น ราเชนหันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า กราดสายตาโดยรอบ
“เกิดอะไรขึ้นท่านราเชน”
“ค้างคาว สาวกของเทพอาคิน”
นาชะกราดสายตาก็เห็นฝูงค้างคาวบินวนส่งเสียงจี๊ดจ๊าดอยู่เหนือหัว แล้วพวกมันก็ร่อนลงมาที่พื้นค่อยๆ กลายร่างเป็นลักษณะตัวเท่าคนสีดำนับสิบส่งเสียงจี๊ดจ๊าดพวกมันเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ปาระนังพรวดเข้ามา
“กามเทพนาชะ ถ้ามีพวกมันเข้าใกล้ทายาทเรียกพวกเราด้วย”
“ได้เพคะ ท่านธิดา”
ปาระนังตวัดมือดาบปลายแหลมปรากฏ เช่นเดียวกับราเชนที่ตวัดมือมีมีดสั้นขึ้นมามีเปลวไฟติดที่ปลายมีดแล้วจางลง ทั้งสองพุ่งออกไปหาพวกค้างคาวผีดิบที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามา
ปาระนังกับราเชน พุ่งเข้าหาพวกค้างคาวผีดิบนับสิบต่อสู้กันอย่างตื่นเต้นติดพัน นาชะยืนระวังทายาททั้งสี่ที่นั่งล้อมวงกันอยู่ ยืนลุ้นอย่างตื่นเต้น ปาระนังกับราเชนสกัดพวกมันออกไป แต่พวกมันกลับลุกขึ้นมาอีก เข้ารุมล้อม ปาระนังกับราเชนติดพัน ทั้งสองถูกบีบให้มาชนกันตรงกลางพวกมัน ทั้งสองต่างตวัดอาวุธใส่พวกมันพร้อมกัน พวกมันแตกกระจายออกไป ทั้งสองดีดตัวถอยออกมาห่างจากพวกมัน
“ขืนติดพันแบบนี้พวกมันต้องเข้าถึงตัวทายาทหรือไม่เทพอาคินต้องโผล่มา”
“พี่จัดการพวกมันเอง” ราเชนสะบัดมือออกมา ไฟพุ่งใส่พวกมัน แต่พวกมันเดินฝ่ากำแพงไฟออกมาได้อีก “เทพอัคราทำให้พวกมันมีพลังมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า”
พวกมันเดินเข้าใส่ราเชนและปาระนัง นาชะยืนมองลุ้นอย่างกังวล
“แย่แล้ว”
พวกมันเดินกันเข้าหา ปาระนังกับราเชนก้าวถอย เตรียมพร้อมบุกอีกหนึ่งรอบ แต่แล้วทันใดนั้น คลื่นที่ม้วนตัวเข้ามากลายเป็นสายน้ำพุ่งขึ้นมาจากชายหาดเหมือนเชือกตวัดรัดดึงพวกมันลงทะเลไปทีละตัว
“เย้...ท่านจ้าวสมุทร”
นาชะเผลอตะโกน แล้วรีบเอามือปิดปากตัวเอง มองที่ทายาทว่าตกใจตื่นจากสมาธิหรือเปล่า
ราเชนกับปาระนังถอยกลับมาที่ทายาทมองสายน้ำดึงพวกมันลงไปทีละตัวจนหมด จนคลื่นสงบ
“ขอบคุณ…ท่านปู่” ปาระนังพึมพำ ราเชนถอนใจ
“ท่านปู่ดุแบบนี้ พี่ไม่รอดแน่”
ปาระนังยิ้มปลอบใจ
ทั้งหมดยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อม ปาระนังส่งถุงเงินให้ชาวเล ชาวเลรับอย่างนอบน้อมแล้วเดินออกไป
“ผมกับปิงปองพร้อมเดินทางแล้วครับ” บีมบอก ปิงปองยกกล้ามขึ้น
“แน่นอน”
ทั้งหมดต่างยิ้ม
“ถ้ายังงั้นทุกคนเตรียมพร้อม เราจะข้ามประตูกลกลับสู่เส้นทางเดิม”
สายน้ำวนหมุนติ้วปรากฏ ปาระนังจับมือกับราเชนล้อมทายาททุกคนพร้อมนาชะอยู่ตรงกลางเช่นเดิม ทั้งหมดเดินออกมาจากราวป่า จนกระทั่งถึงลานเล็กๆ แห่งหนึ่ง
“เราพักกันที่นี่ได้” เราชนบอก ทั้งหมดต่างแยกย้ายกันนั่งพักยืนพักตามอัธยาศัย ราเชนเดินมายังปาระนัง “พี่จะไปตรวจดูรอบๆ”
ปาระนังพยักหน้า ยืนกราดสายตารอบ
“เทพอัคราแหกกฏสวรรค์ ทำร้ายกามเทพแบบนี้ต้องเจอดี” นาชะบอกกับทายาททั้งสี่
“เจอดียังไงเหรอพี่นาชะ กามเทพไม่ทำร้ายใครไม่ใช่เหรอ” ปิงปองถามอย่างแปลกใจ
“ใช่ แต่ถ้ากามเทพไม่ให้ความรักละก็จะรู้สึก”
“ยังไงเหรอพี่นาชะ”
“ความรักไม่ใช่แค่หนุ่มสาว พ่อกับลูกแม่กับลูก นับเหมือนกัน ลองคิดดูถ้าครอบครัวไม่มีความรักจะเลวร้ายแค่ไหน”
“หมายความว่า เทพอัครากับเทพอาคินอาจกลายเป็นศัตรูกันก็ได้ยังงั้นเหรอคะ”
“ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูหรอก แค่ไม่มีความรักต่อกันก็แย่แล้ว”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย ปาระนังกับราเชนเดินเข้ามา
“ทุกคนพร้อมหรือยัง”
ณัชชากับเอกภพพักกันอยู่ตรงราวป่า เอกภพเดินไปเดินมา
“ถ้าเราบุกตะลุยพวกสาวกของมัน ยังไงเทพอัคราก็ต้องโผล่มาชัวร์”
“ไม่แน่เหมือนกัน เทพอัคราฉลาดลึกล้ำถ้าเราตั้งใจมากเกินไป อาจทำให้เทพอัคราไหวทัน”
“ผมว่าเราบุกไปหาเทพอัคราเลยให้หมดเรื่องหมดราว” ณัชชานิ่งคิดอึดใจ
“จริงๆ แล้วความคิดไม่เลว”
“จริงเหรอครับ”
“ใช่ บุกไปถล่มรังให้ราบ ให้ยุ่งเหยิงกว่าเทพอัครากับเทพอาคินจะตั้งตัวได้ก็ต้องใช้เวลา นานพอที่จะให้ทายาทเดินทางอย่างปลอดภัยได้ระยะหนึ่ง”
“งั้นก็ลุยเลยครับ”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
หน่วยพิเศษของเจนศักดิ์สามสี่คน ยืนระวังอยู่ในโกดังลับแห่งหนึ่ง เจนศักดิ์เดินออกมา
“ระวังให้ดี อย่าประมาท”
“ครับผม”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเจนศักดิ์ยกโทรศัพท์ขึ้นดูแล้วรับสาย
“ผู้กองเอกภพ”
ทันใดนั้นร่างของณัชชากับเอกภพปรากฏ ในมือของเอกภพมีโทรศัพท์ถืออยู่
เจนศักดิ์พาณัชชากับเอกภพเข้ามาคุยในห้องรับรอง
“ผู้กองกับองค์หญิงมาได้ยังไงครับ”
“ผมแค่โทรศัพท์เชื่อมต่อเท่านั้นที่เหลือต้องยกความดีให้ระบบแวบขององค์หญิง”
“โห…ยังกะหนังเรื่องเมทริกซ์เลยนะครับ” ทั้งหมดต่างยิ้ม
“คุณเจนศักดิ์ เราต้องการจะถล่มรังของเทพอาคิน”
เจนศักดิ์พยักหน้ารับ
“เป็นอย่างที่คาดจริงๆ เทพอัครากับเทพอาคินใช้เมืองมนุษย์เป็นกองบัญชาการทัพของมัน”
ณัชชาบอกหลังจากรู้เรื่องจากเจนศักดิ์
“หลังจากที่ถูกเทพอาคินบุก พวกเราจึงหลบมาอยู่ที่นี่ ผู้มีอำนาจสั่งการตกอยู่ในกำมือของเทพอาคินหลายคนแล้วครับ”
“เราต้องการอาวุธและกำลังคนเท่าที่มี”
“ได้ครับ”
เจนศักดิ์นรีบจัดการให้
คืนนั้นณัชชากับเอกภพแวบปรากฏขึ้นมาในรังของอาคิน ทั้งสองเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวัง ณัชชาสะบัดมือเป้ปรากฏ ทั้งสองหยิบเอาระเบิดออกจากเป้ค่อยๆ เอาระเบิดติดไว้ตามจุดต่างๆ อย่างรวดเร็ว
“เราต้องเข้าไปด้านใน” ทั้งสองเคลื่อนตัวเข้าไปด้านใน แยกกันติดระเบิด ตามจุดต่างๆ “เงียบผิดปกติ”
“หรือว่าเทพอัครากับเทพอาคินต้องเข้าสมาธิ”
“เดี๋ยวก็รู้”
ทั้งสองเคลื่อนตัวไปข้างหน้าพอโผล่ออกไปก็เจอกับผีดิบนายอำนาจกับพวกมือปืนผีดิบของมันสิบตัวยืนขวางอยู่
“นั่นไงคำตอบสุดท้าย”
“พวกมันไม่ใช่คน”
ณัชชากับเอกภพจ้องพวกมันเขม็ง ทันใดนั้นพวกมันสาดกระสุนเข้าใส่ทั้งสอง ณัชชาพุ่งใส่เอกภพแล้วแวบหายไป พวกมันต่างหยุดกราดปืนหา ร่างของณัชชากับเอกภพโผล่มาทางด้านหลังของพวกมัน
“เฮ้ย” พวกมันหันกลับมา เอกภพโยนเป้เข้าไปกลางกลุ่มมือปืนตัวหนึ่งยืนใกล้นายอำนาจรับไว้ได้ นายอำนาจจ้องณัชชากับเอกภพเขม็ง “ไปเกิดใหม่ได้แล้ว คุณอำนาจ”
ณัชชายื่นมือออกมาเอกภพคว้ามือณัชชาแล้วแวบหายไป ทันใดนั้นระเบิดตูมดังสนั่นหวั่นไหวไฟลุกท่วมพวกมัน
อาคินกับเทพอัครากำลังนั่งสมาธิอยู่ ห้องสั่นสะเทือน ทั้งสองลืมตาขึ้น
“องค์หญิงณัชชา”
เสียงตูมแสงไฟลุกท่วม
เอกภพกับณัชชาวิ่งพุ่งตรงมาทางออก แต่ก็เจอมือปืนผีนับสิบขวางอยู่ พวกมันสาดกระสุนเข้าใส่ แต่ณัชชากับเอกภพพุ่งตัวเข้าหาพวกมันสาดกระสุนเข้าใส่พวกมันกระเด็นคว่ำ แวบไปยิงไปแล้วแวบหายไป พวกมันได้แต่หมุนไปมาคำรามวุ่นวาย ทันใดนั้นระเบิดลุกลามตูมใหญ่ไฟท่วมรังของอาคิน
ร่างของณัชชากับเอกภพแวบออกมายืนตรงลานจอดรถ เห็นรังของอาคินไฟลุกท่วม รถตู้เข้ามาจอดเทียบเจนศักดิ์ลงมาจากหน้ารถมองไฟที่ลุกท่วมอาคาร
“อย่างน้อยเราก็ทำให้เทพอัครากับเทพอาคินช้าลงไปได้บ้าง”
“ง่ายเกินไป บางอย่างไม่ถูกต้อง”
เสียงหวอรถตำรวจดังสนั่นเข้ามา
“ผมว่าเราควรไปแล้วนะครับ”
ทั้งหมดขึ้นรถ รถรีบแล่นออกไปทันที
ท่ามกลางกองไฟที่ลุกโชน อาคินกับเทพอัคราก้าวออกมา
“คาดไม่ถึงองค์หญิงบุกมาถึงนี่จริงๆ”
“แต่แผนของท่านพ่อยังได้ผล องค์หญิงยังไม่สามารถจับพิรุธอะไรได้เลย”
“ข้าถูกสายฟ้าทำให้พลังถอยลง ยังต้องนั่งสมาธิเจ้ารีบไปจัดการตามแผนให้เรียบร้อย”
อาคินโค้งแล้วแวบหายไป
รถตู้เข้าแล่นมาจอดในโกดังลับ เอกภพกับณัชชาลงจากรถ พวกชายฉกรรจ์ลงมาจากรถอีกคันหนึ่ง แล้วแยกออกไป
“ขอบคุณมากคุณเจนศักดิ์สำหรับทุกอย่าง”
“ด้วยความยินดีครับ ง่ายกว่าที่คิด”
“ผมว่าเราโชคดีมากกว่า เทพอัครากับเทพอาคินอาจจะนั่งสมาธิอยู่”
“แต่ฉันก็คิดอย่างคุณเจนศักดิ์ ง่ายเกินไป”
“ง่ายหรือไม่ง่ายค่อยคิดกันที่หลังเถอะครับ เราต้องรีบเดินทางให้ทันพวกทายาท”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวมาทางด้านหน้า แล้วเสียงตูมดังขึ้นพร้อมแสงสะท้อน ร่างของเจ้าหน้าที่พิเศษกระเด็นเข้ามาควันยังฟุ้งทั่วร่าง
“เทพอาคิน”
“คุณเจนศักดิ์ บอกให้ทุกคนหนีไปให้เร็วที่สุด”
“ครับผม...ทุกหน่วยถอย” เจนศักดิ์สั่งทางวิทยุ “แล้วพบกันครับผู้กอง”
เจนศักดิ์พรวดออกไป ณัชชาก้าวขึ้นไปยืนคู่กับเอกภพ สะบัดมือดาบพิชิตมารปรากฏ เอกภพกระชับปืนในมือพร้อม
“จำไว้ ถ้าจวนตัวให้หนีไปก่อน ฉันจะตามหาคุณเอง”
“แต่ว่าผม...”
“ไม่ต้องแต่ คุณต้านเทพอาคินไม่อยู่แน่ๆ ฉันขี้เกียจเสียเวลากลับมาช่วยคุณอีก”
“แล้วถ้าเกิดองค์หญิง เอ้อ...”
“ถ้าฉันพลาดพลั้งอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือทายาทกับกุญแจ จำไว้”
“ครับผม”
ทันใดนั้นร่างของเทพอาคินปรากฏ ณัชชากับเอกภพจ้องระวังตัว
“องค์หญิงบุกมาถึงนี่ คงหวังให้ทายาทมีเวลาเดินทาง” ณัชชายิ้ม
“เรามาที่นี่เพื่อเด็ดหัวท่านกับบิดาของท่าน”
“ใช่ เลวทั้งตระกูลแบบนี้ต้องเก็บให้เรียบ”
“ท่านมาตามลำพังที่แท้เทพอัครายังต้องนั่งสมาธิอยู่นี่เอง”
“ลำพังเราย่อมเหนือพวกท่านอยู่แล้ว”
“งั้นเหรอ”
เอกภพสาดกระสุนเข้าใส่อาคินเปรี้ยงๆๆๆ อาคินเพียงแต่ร่างสะท้านแล้วปล่อยพลังควันดำออกมา
“ผู้กองถอยก่อน”
แต่ช้าไปร่างของแปดภูตสังหารปรากฏล้อมทั้งสองไว้ตรงกลาง ณัชชากับเอกภพต่างจ้องอาคินนิ่ง
“องค์หญิงกับผู้กองอยู่ที่นี่ใครจะป้องกันทายาท”
“ผู้กอง ช่วยตอบหน่อย”
เอกภพสะบัดมือขึ้นกราดกระสุนใส่ภูตสังหาร เปรี้ยงๆๆๆๆ ภูตสังหารลุยเข้าหา ทันใดนั้นณัชชาดีดตัวเหยียบบ่าภูตสังหารตัวหนึ่งพุ่งเข้าหาอาคิน ดาบพิชิตรมารในมือฟันโครม อาคินตวัดมือกลายเป็นดาบสีดำอยู่ในมือรับไว้
เสียงดังสนั่นทั้งสองต่างต่อสู้กันด้วยดาบอย่างดุเดือด ณัชชาแวบหายไป อาคินแวบตาม
ณัชชาปรากฏตัวบนหลังคายกดาบรับดาบของอาคิน เสียงดังสนั่น ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันบนหลังคา แวบไปแวบมาอยู่บนหลังคา
ด้านล่างเอกภพยิงกราดใส่ภูตสังหาร แล้วเข้าต่อสู้ประชิดตัว ทั้งชก ต่อย เตะ ยิง สารพัด แต่แล้วถูกภูตสังหาร
ตัวหนึ่งตบกระเด็นกลิ้ง เอกภพดีดตัวขึ้น ภูตสังหารตามเข้ามา เอกภพยังไม่ทันตั้งตัวถูกตบกระเด็นไปอีก
บนหลังคาโกดัง ณัชชาสู้กับอาคินไปมาอย่างดุดัน มีตอนหนึ่งฟันถูกดาบของอาคินอย่างแรง อาคินเซไปสองสามก้าว ณัชชาตามติดฟันอย่างรวดเร็ว อาคินถอยออกไปตั้งรับ ทันใดนั้นภาพของเอกภพถูกภูตสังหารตบกระเด็นแวบขึ้นมา
“ผู้กอง”
ณัชชาพุ่งตัวเงื้อดาบเข้าหาอาคิน ฟันอย่างไม่ยั้ง อาคินตั้งตัวไม่ติด ณัชชาแวบหายไป อาคินควงดาบแล้วแวบตามไปอย่างรวดเร็ว
ด้านล่าง ร่างของเอกภพกลิ้งไปกับพื้น แต่ก็ม้วนตัวขึ้นมายิงสาดกระสุนต้านภูตสังหารที่ล้อมเข้ามาใกล้
แต่ก็สกัดไม่อยู่ถูกภูตสังหารตัวหนึ่งพรวดเข้ามาตบเอกภพโครมกระเด็นกลิ้งไปกลับพื้น ภูตสังหารอีกตัวพรวดตามมาพร้อมเงื้อมือทุบโครม ทันใดนั้นร่างของณัชชาโผล่มาตรงหน้าเอกภพเอาดาบรับไว้ได้ท่วงที ร่างของภูตสังหารกระดอนออกไป ณัชชาเข้ามาประคองร่างของเอกภพ
“คุณ”
เอกภพเลือดกบปากพูดไม่ออก ร่างของอาคินปรากฏ
“อย่าให้พ้นมือ”
ภูตสังหารตีวงล้อมเข้ามา ทันใดนั้นเสียงดัง ตึมๆๆ กระป๋องสีดำบรรจุแก๊สน้ำตาหลายลูกถูกยิงเข้ามาตรงกลางปล่อยแก๊สเข้ามาเต็มไปหมด
“แก๊ส...น้ำตา องค์...หญิง...กลั้นหายใจ”
เสียงดังตึมๆๆ อีก กระป๋องแก๊สน้ำตาปลิวเข้ามาใส่พวกภูตสังหารกับอาคิน ควันขโมง อาคินสำลักไอออกมา
ทันใดนั้นร่างของเทพอัคราปรากฏ เทพอัคราสะบัดมือใส่กลุ่มควันเสียงดังตูมใหญ่ ควันสีขาวกระจายหายไปแต่ว่า ณัชชากับเอกภพหายไปแล้ว เทพอัครามองอาคินอย่างไม่พอใจ
“เจ้าพ่ายอย่างไม่เป็นท่า” อาคินได้แต่เงียบ ภูตสังหารกลายเป็นควันดำล้อมหาอาคินแล้วสลายตัวหายเข้าร่างอาคิน เทพอัครามีสีหน้าเยือกเย็น“เราจะใช้ที่นี่เป็นฐานใหม่ของเรา”
ห่างออกมาเจนศักดิ์กับเจ้าหน้าที่อีกสองคนซุ่มดูอยู่ ในมือต่างมีปืนยิงแก๊สน้ำตา
“นึกไม่ถึงว่าแก๊สน้ำตาจะได้ผล”
“เทพอาคินคงไม่เคยเจอ สูดเข้าไปไอคอกแคก”
ทั้งหมดต่างหัวเราะกันเบาๆ
“อย่างน้อยก็ทำให้องค์หญิงกับผู้กองพ้นไปได้”
ธิดาพญายม ตอนที่ 15 (ต่อ)
ปาระนัง ราเชน ไกรยุทธ์ นาฬิกา บีม ปิงปอง นาชะเดินทางออกมาจากราวป่า ปาระนังเดินนำหน้า กราดสายตามองท้องฟ้าเห็นฝูงอีกาบินอยู่ในระยะไกลจึงยกมือให้ทุกคนหยุด
“เราพักหลบพวกมันที่นี่ก่อน”
ทุกคนต่างพักกันตามจุดต่างๆ ราเชนเดินเข้ามาหาปาระนัง
“พวกมันอีกแล้วเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
ราเชนมองไปทางนาชะกับทายาทที่ยืนคุยกันอยู่ อึดใจก็เดินเข้าไป
“พวกฝูงอีกาอีกแล้วหรือครับ”
“อืม ยังอยู่ในระยะไกล แต่ระวังกันไว้หน่อยก็ดี”
ทุกคนต่างพยักหน้า
“เป็นพวกอีกายังดีกว่าพวกค้างคาวเมื่อคืน”
“ปิงปองว่าไม่ดีทั้งสองพวก” ทุกคนต่างยิ้มได้
ปาระนังยืนระวังเหตุการณ์อยู่ ราเชนเดินเข้ามา
“เป็นยังบ้าง”
“พวกมันบินกันไปหมดแล้ว”
“งั้นพี่จะให้ทายาทพักกันที่นี่ซักพักหนึ่ง”
“ได้ค่ะเรามีเวลาพอ” ราเชนยิ้มจับมือปาระนังบีบเบาๆ
“ระวังตัวด้วย”
“ค่ะ”
ราเชนยิ้มให้เดินออกไป ปาระนังกราดสายตาไปรอบๆ
บีมเดินมานั่งข้างๆ ปิงปอง พลางล้วงเป้หยิบผลไม้ส่งให้ปิงปอง ปิงปองรับมา
“บีมนึกว่าพวกเราจะแย่ซะแล้ว”
“ดีที่พี่ณัชชามาช่วยไว้ทัน”
“บีมเสียใจที่บีมช่วยปิงปองไม่ได้”
“เทพอัครา เทพอาคิน มีพลังสูง แม้แต่พี่ณัชชาและทุกคนยังต้านไม่อยู่ถ้าบีมต้านอยู่ละก็ เป็นหนังโม้ไปแล้ว”
บีมยิ้มออก “ที่สำคัญปิงปองรู้ว่าบีมเป็นห่วง” บีมยิ้มพยักหน้ารับ ปิงปองเอื้อมมือมาจับมือบีม “ปิงปองว่าบีมทำดีที่สุดแล้ว อย่างเช่นเรื่องของท่านหลวงสิงห์ไง”
“พูดถึงท่านหลวงสิงห์ ไม่รู้ว่าท่านจะยกเลิกการแต่งงานกับแม่นางศรีจันทร์เพื่อไม่ให้เหลนท่านเกิดมากินบ้านกินเมืองหรือเปล่า”
“เราคงไม่มีทางรู้ แต่ปิงปองว่าท่านทำแน่ ถ้าท่านเห็นว่าสิ่งที่เราบอกท่านกลายเป็นความจริง”
“อยากเห็นมั๊ยล่ะ”
ทั้งสองหันมาเห็นนาชะยืนอยู่ตรงหน้า
“เห็นได้มั๊ยครับพี่นาชะ”
“พี่จะลองดู ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับความรักก็น่าจะเป็นไปได้”
นาชะสะบัดมือเป็นละอองสีชมพูปรากฏ เหมือนกับฉากหนัง บีมกับปิงปองจ้องอย่างตื่นเต้น ทันใดนั้นปรากฏเป็นภาพขึ้นมา
แม่นางศรีจันทร์กับนางสนมสองคนพร้อมชายฉกรรจ์อีกสองเดินขึ้นมาบนเรือนของท่านหลวงสิงห์ ท่านหลวงสิงห์นั่งอยู่ตรงบริเวณที่เป็นลานบ้าน ทั้งสองสบตากัน
แม่นางศรีจันทร์นั่งบนแท่นใกล้กับหลวงสิงห์ คนอื่นๆ ต่างอยู่รอบด้าน
“ท่านพี่จะเชื่อเด็กสองคนนั่นอีกนานซักเท่าไหร่” หลวงสิงห์จ้องแม่นางศรีจันทร์ได้แต่ถอนใจ “ท่านพี่ยกเลิกการแต่งงานเพราะเรื่องที่เด็กสองคนนั่นบอกเกี่ยวกับเรื่องอนาคต ถ้าเป็นจริงฉันก็ยินดี แต่นี่ไม่มีเค้าว่าจะเป็นจริงเลยนี่คะ”
“พี่ขอโทษ พี่จะไม่รอแล้ว พี่จะแต่งงานกับศรีจันทร์”
แม่นางศรีจันทร์ถึงกับดีใจ
“จริงนะคะ”
ท่านหลวงสิงห์พยักหน้า แม่นางศรีจันทร์เข้ามาซบที่อ้อมอกของท่านหลวงสิงห์
“แย่แล้ว ท่านไม่เชื่อเรา” บีมบอกออกมา
“พี่ว่าเลิกดูเถอะ เสียความรู้สึกเปล่าๆ” นาชะบอก
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
ท่านหลวงสิงห์โอบแม่นางศรีจันทร์ที่ยิ้มอย่างสุขใจในอ้อมแขน แต่แล้วชายฉกรรจ์เข้ามารายงาน
“มีทหารมาจากในวังขอรับ”
ท่านหลวงสิงห์พยักหน้า ชายฉกรรจ์หันไป แม่นางศรีจันทร์ออกจากอ้อมอกของท่านหลวงสิงห์ ทหารหลวงเข้ามารายงานตรงหน้า
“เกิดเรื่องใหญ่ในวังครับท่าน”
“รายงาน”
“ท่านอำมาตย์มะกะโฑได้พาธิดาของเจ้าเหนือหัวหนีไปด้วยกันขอรับท่าน”
ท่านหลวงสิงห์กับแม่นางศรีจันทร์ถึงกับคาดไม่ถึง
“เยส”
บีมกับปิงปองเอามือตีกันอย่างดีใจ นาชะยิ้ม
“เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างที่เด็กสองคนนั่นบอกจริงๆ” ท่านหลวงสิงห์บอกกับแม่นางศรีจันทร์
“ถ้าท่านพี่ไม่รังเกียจ ฉันอยากอยู่รับใช้ท่านพี่เป็นภรรยาของท่านพี่แต่ในนามได้มั๊ยคะ” แม่นางศรีจันทร์บอก
“แต่ว่า”
“ในเมื่อการร่วมชีวิตของเรา จะให้กำเนิดทารกที่จะโกงกินทำลายบ้านเมืองในกาลข้างหน้า ฉันก็เต็มใจที่จะเสียสละ เพคะ”
ท่านหลวงสิงห์พยักหน้ากอดแม่นางศรีจันทร์ไว้ในแน่น
“เย้” บีมกับปิงปองร้องออกมาอย่างดีใจ
“ท่านหลวงสิงห์ แม่นางศรีจันทร์ สุดยอดจริง”
ภาพจากจอเริ่มสลายไป
“ขอบคุณค่ะพี่นาชะ”
“ด้วยความยินดี เธอสองคนทำได้ดีมาก” บีมกับปิงปองต่างยิ้ม “พี่ขอบินเล่นแถวนี้หน่อย เผื่อทักทายกับเทพอาคิน”
ปิงปองกับบีมยิ้มขำ นาชะแวบหายไป ปิงปองยิ้มแล้วรื้อเป้ของตน
“เฮ้...อย่าบอกนะว่าหิวแล้ว”
“สมุดของปิงปองไง” ปิงปองรื้อเป้หยิบสมุดออกมาเปิดดู “ชื่อนายไกรสร เหลนของท่านหลวงที่เขียนไว้ หายไปแล้ว แสดงว่าไม่มีตัวตนไม่ได้เกิดมา”
“เย้ ขอให้ท่านหลวงสิงห์จงเจริญ”
“ความจริงการที่บีมซนจนหลงไปอยู่ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงเป็นเรื่องดีนะ ทำให้พวกที่โกงกินบ้านเมืองไม่ได้เกิดมาอีกหนึ่งคน”
บีมพยักหน้ายิ้มอย่างภูมิใจ ราเชนเดินเข้ามา
“ได้เวลาเดินทางแล้ว”
บีมลุกขึ้นยืนส่งมือฉุดปิงปองให้ลุกขึ้น
ปาระนังนำหน้า นาชะและทายาทอยู่ตรงกลางปิดท้ายด้วยราเชน ทันใดนั้นมีพลังพุ่งเข้ามาจากราวป่า
เข้าหาปาระนัง ปาระนังสะบัดมือปล่อยพลังต้านเป็นม่านขวางตรงหน้า พลังลูกไฟวิ่งเข้ามาชนม่านพลังแล้วแตกกระจายหายไปหมด ทันใดนั้นร่างของราเชนตีลังกาข้ามทุกคนร่อนมายืนตรงด้านหน้า คันธนูอยู่ในมือเรียบร้อย ปล่อยลูกธนูวิ่งออกไปในราวป่าหลายลูก เสียงตูมๆๆๆ ดังขึ้นในราวป่า ร่างของพ่อมดยามินกับกาตง ตีลังกาออกมาจากราวป่า ยืนอยู่ตรงหน้าของทุกคน
“ทาสเทพอาคินนี่เอง”
“จะมีเทพอาคินหรือไม่มี เราก็มีหนี้แค้นกับพวกเจ้าอยู่แล้ว”
พ่อมดยามินโบกมือ พลันร่างของเหล่าผีดิบสาวกของอาคินปรากฏ มีทั้งทหารญี่ปุ่น ทหารกรุงศรี ทหารพม่าชายฉกรรจ์ที่แต่งตัวเหมือนนายขนมต้มรวมแล้วนับสิบๆ
“โหพวกมันเล่นรวมทีมเลยเหรอเนี่ย”
“ลองดูซิว่าคราวนี้จะรอดไปได้ยังไง”
ปาระนังก้าวขึ้นมาข้างราเชน
“เราจะกำจัดพวกท่าน”
ปาระนังพุ่งตัวแวบเข้าหาพ่อมดยามินกับกาตง ร่างปรากฏตรงหน้าดาบปลายแหลมฟันควับๆๆ ใส่ทั้งสองคนอย่างไม่ยั้งมือพ่อมดยามินกับกาตงสะบัดไม้เท้าพลองเข้าต่อสู้อย่างดุเดือด ทันใดนั้นพ่อมดยามินกับกาตงพุ่งหายเข้าไปในแนวป่า
“ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้า”
“เดี๋ยว”
แต่ช้าไป ปาระนังพุ่งตามหายไปแล้ว ราเชนหันมาสั่งการ
“นาชะพาบีม ปิงปองพรางตัวออกไป ไกรยุทธ์ นาฬิการะวังตัว พี่ต้องไปตามพี่ปาระนัง”
“พวกเราดูแลตัวเองได้ครับ”
ราเชนพรวดเข้าไปในราวป่า นาชะยื่นมือส่งให้บีมและปิงปอง
“ตามพี่มา”
บีมกับปิงปองยื่นมือจับมือของนาชะ นาชะพาสองคนแวบหายไป ไกรยุทธ์กับนาฬิกาสะบัดมือ ขวานปรากฏในมือ ทั้งสองคนจ้องพวกทหารผีดิบอย่างระมัดระวัง
ร่างของพ่อมดยามินกับกาตงพุ่งพรวดเข้ามาในป่า แต่แล้วต้องชะงักเพราะร่างของปาระนังพรวดเข้ามาขวาง ตรงหน้า
“มอบชีวิตมา”
“ชีวิตท่านตะหาก ต้องมอบให้เรา”
พ่อมดยามินกับกาตงสะบัดไม้เท้าเข้าลุยใส่ปาระนัง ล้อมหน้าล้อมหลัง ปาระนังสะบัดดาบปลายแหลมออกไป กาตงกระเด็นออกไป พ่อมดยามินติดพันกับปาระนัง กาตงรอจังหวะ พอเห็นปาระนังเผลอ ก็ตวัดไม้เท้าปล่อยพลังออกไปเข้าใส่ปาระนัง ทันใดนั้นร่างของราเชนปรากฏขวางไว้ได้พอดี ราเชนสะบัดมือปัดพลังของกาตงกระจายไป
“ลอบกัด”
ราเชนพุ่งเข้าลุยกาตง ทั้งสี่ปะทะกันอย่างดุเดือด ติดพัน แต่อึดใจ พ่อมดยามินกับกาตงก็เสียเปรียบ ถอยกรูด
แล้วสะบัดไม้เท้าปล่อยพลังตูมๆๆๆ พร้อมกับแวบหายไป
“อย่าคิดหนี” ปาระนังจะดีดตัวตาม แต่ราเชนเข้ามาขวางไว้ “ปาระนังจะปลิดชีวิตพวกมัน”
“ระวังแผนล่อเสือออกจากถ้ำ” ปาระนังนิ่งลงได้ “เราไปช่วยไกรยุทธ์กับนาฬิกาก่อน”
ปาระนังหันตัวแวบออกไป ราเชนแวบตาม
พวกทีมผีดิบต่างลุยเข้าใส่ ทหารญี่ปุ่นใช้ปืนยิง ทั้งลูกธนู พุ่งเข้ามา ไกรยุทธ์กับนาฬิกาหลังชนกันสู้อย่างตื่นเต้น พวกมันบุกลุยเข้ามาใกล้ แต่แล้วร่างของราเชนกับปาระนังปรากฏตรงหน้า เข้าช่วยสกัดพวกมันกระจายออกไปแต่แล้วพวกมันบุกกันเข้ามาอีก
“รีบฝ่าพวกมันออกไป”
ปาระนังบอก ทั้งหมดเร่งมือแต่กลับถูกล้อมจวนตัว ทันใดนั้นละอองสีชมพูปลิวคลุมลงมา พวกผีดิบยืนนิ่ง เห็นร่างนาชะปรากฏกระพือปีกอยู่ด้านบน
“เร็วเข้าทุกคน ละอองความรักมีเวลาแค่สองนาทีเท่านั้น”
นาชะกลายเป็นตัวเล็กมีปีกบินนำออกไป นาฬิกา ราเชน ไกรยุทธ์ ปาระนัง รีบวิ่งฝ่าพวกผีดิบตามออกไปอย่างรวดเร็ว
พวกผีดิบต่างยืนนิ่ง ร่างของพ่อมดยามินกับกาตงโผล่มามองพวกผีดิบอย่างเสียอารมณ์ กาตงสะบัดไม้เท้าใส่ละอองสีชมพูเสียงตึม ละอองสีชมพูกระจายหายไป
“เทพอาคินต้องไม่พอใจแน่ๆ”
กองบัญชาการใหม่ของอาคิน อาคินกับเทพอัครามองอย่างพอใจ เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบสามนายยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาเหม่อลอยถูกสะกด
“นายอำนาจกับพวก ร่างแตกสลายแตกดับสิ้น นี่คือผู้ที่สามารถส่งกำลังคนของมนุษย์ให้เราได้ ต่างอยู่ภายใต้อำนาจของเรา”
อาคินบอก เทพอัคราพยักหน้าอย่างพอใจ
“พวกมนุษย์จิตใจอ่อนแอถูกควบคุมง่ายจริงๆ”
เทพอัคราหัวเราะก้องพอใจ
ร่างของณัชชากับเอกภพปรากฏในถ้ำแห่งหนึ่ง ณัชชาประคองเอกภพนั่งลงพิงโขดหินใหญ่
“เทพ...อา...คิน”
“เราพ้นมาแล้ว คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ผม...โอ...เค” เอกภพยิ้ม แล้วกระอักเลือดออกมากองใหญ่แล้วสลบไป
“ผู้ชาย จะไม่รอดอยู่แล้ว ยังทำเป็นเก่ง” ณัชชาเอามือวนที่หน้าอกของเอกภพ สีหน้าเคร่งเครียด “แย่แล้ว มีมนต์ภูตสังหารแทรกซึม” ณัชชาเอามือวนตรวจดูอีกครั้ง สีหน้ายิ่งแปลกใจ “แปลกกลับกลายเป็นมนต์ภูตสังหารทำให้อาการบาดเจ็บน้อยลง หรือว่ามนต์ภูตสังหาร ต้านมนต์ภูตสังหารกันเอง”
“พูดคนเดียวเค้าว่าบ้านะครับ”
ณัชชาหันมาเห็นเอกภพลืมตายิ้มจ้องมา
“พอฟื้นก็พูดมากเลยนะ”
เอกภพยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่กลับไอและหันไปกระอักเลือดออกมาอีก
“สมน้ำหน้า” ณัชชาเข้ามาประคองดู “คุณยังไม่หายดี”
เอกภพเอามือทับบนมือของณัชชาที่ประคองตนอยู่
“อาการดีขึ้นแล้ว”
“พักก่อน”
“ได้ครับ”
เอกภพตอบแล้วเอนตัวนอนบนตักของณัชชาหน้าตาเฉย
“เชื่อเลย”
“จะได้หายเร็วๆ ไงครับ”
ณัชชาเอามือลูบใบหน้าเอกภพเบาๆ อดยิ้มไม่ได้
นาชะกระพือปีกร่อนลงมากลายเป็นตัวใหญ่ ตามด้วยไกรยุทธ์ นาฬิกา ราเชนและปาระนัง
“บีมกับปิงปองล่ะ”
“อยู่นี่ครับ”
ร่างของบีมกับปิงปองค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา
“ขอบคุณกามเทพนาชะที่แก้ไขสถานการณ์ได้ทัน”
“เราต้องรีบไปจากที่นี่ก่อนที่เทพอาคินจะมา”
“เร็วเข้า เก็บพลังให้เงียบที่สุด”
ทั้งหมดต่างรีบเร่งฝีเท้า เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง
ราเชนก้าวนำออกมาจากราวป่ากราดสายตาไปรอบๆ แล้วโบกมือให้ทุกคนตามออกมา นาชะและทุกคนก้าวตามออกมาตบท้ายด้วยไกรยุทธ์
“ผมว่าเราพักที่นี่ได้”
“พี่นาชะ”
ธิดาพญายม ตอนที่ 15 (ต่อ)
ทุกคนหันไปเห็นนาชะร่างเลือนจางเกือบมองไม่เห็น แต่แล้วก็เห็นชัดขึ้นมาใหม่
“กามเทพนาชะยังไม่หายดี ใช้พลังมากเกินไป”
นาฬิกาเข้าไปประคองนาชะ
“เราต้องหาที่ลับตาใช้พลังรักษาโดยเร็ว”
ทั้งหมดรีบพานาชะเข้ามาในดงไม้ นาชะนั่งหลับตาอยู่บนพื้นหญ้าที่นำมาสุมเพื่อให้นั่ง ด้านหลังมีปาระนังนั่งเอามือทาบด้านหลังของนาชะอยู่ทั้งสองต่างหลับตา
ราเชนกับไกรยุทธ์ คอยระวังอยู่นอกดงไม้ นาฬิกา บีม ปิงปอง นั่งรวมกลุ่มกันอยู่
“พี่นาชะเป็นอะไรมากมั๊ยพี่นาฬิกา”
“พี่ปาระนังบอกว่าไม่เป็นไรมาก แค่ร่างกายอ่อนแอเท่านั้น ไม่มีอาการบาดเจ็บ”
“เสียดายที่อาจารย์ไม่ยอมสอนพลังต่อสู้ให้บีมกับปิงปอง มีแต่คอยพรางตัวคอยหลบช่วยอะไรไม่ได้เลย”
“บีมอย่าคิดแบบนั้น อาจารย์ต้องมีเหตุผลพี่ว่าดีแล้วที่บีมกับปิงปองไม่ต้องใช้วิชาทำร้ายใคร”
บีมยังมีสีหน้าเซ็ง ปิงปองเอื้อมมือมาตบไหล่ปลอบใจ ไกรยุทธ์กับนาฬิกาสบตากันต่างยิ้มให้กำลังใจบีม
เอกภพลืมตาขึ้นไม่เห็นณัชชาก็ค่อยๆ กราดสายตามองรอบๆ ขยับตัวลุกขึ้น ตวัดมือมาทางด้านหลัง ปืนกระชับแน่นอยู่ในมือค่อยๆ เดินออกไป
ณัชชายืนคอยระวังอยู่หน้าถ้ำ กราดสายตารอบๆ อย่างระมัดระวัง แต่แล้วได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวหันขวับเข้าไปในถ้ำ
“ผู้กอง”
ณัชชาเคลื่อนตัวเข้าไปในถ้ำแต่ร่างของเอกภพไม่ได้อยู่ที่เดิม ณัชชาสัมผัสความเคลื่อนไหวหันกลับ ร่างของภูตสังหารปรากฏพุ่งเข้ามาตบโครม ณัชชาพุ่งม้วนตัวกับพื้นหลบไปได้ทันท่วงที ณัชชาดีดตัวขึ้นมาพร้อมสะบัดมือ ดาบพิชิตมารปรากฏส่งรังสีจ้า ภูตสังหารพุ่งเข้ามากรงเล็บแหลมตบซ้ายขวาปะทะกับดาบพิชิตมารอย่างดุเดือดติดพัน
อึดใจณัชชาก็ได้เปรียบบุกฟันอย่างไม่ยั้งภูตสังหารถูกพลังดาบกระเด็นออกไป ณัชชาตามติดฟันฉับภูตสังหารกลาย เป็นควันดำฟุบสลายตัวไป ณัชชาควงดาบสะบัดมือดาบหายไป
“ผู้กอง ผู้กอง”
เสียงดังมาจากด้านในณัชชาดีดตัวไปก็พบเอกภพกองอยู่กับพื้น ณัชชาปราดเข้าไป
“ภูต...สัง...หาร”
“เทพอาคินคงให้ภูตสังหารแยกย้ายกันตามหาพวกเรา คุณเจอเข้าพอดี”
เอกภพขยับตัวขึ้น ณัชชาพยุงขึ้นมา เอกภพยืดตัวยืนทรงตัวได้
“ผมไม่เป็นไรแล้วครับ ขอบคุณ”
“เรารีบเดินทางกันดีกว่า ก่อนที่พวกภูตสังหารจะโผล่มา คราวนี้มันคงไม่มาตัวเดียวแน่”
ณัชชากับเอกภพออกมาจากราวป่า ณัชชากราดสายตามองท้องฟ้าเห็นพวกอีกาบินว่อนอยู่อีกแล้ว
“เทพอัคราทุ่มสาวกของมันเต็มที่”
“หวังว่าแผนของเราที่ล่อพวกมันมาทางเราคงได้ผล”
“เดินทางแบบนี้ช้าหรือเร็ว ทายาทไม่มีทางพ้นมือเทพอัครา”
“ทำไมล่ะครับ”
“ฉัน ท่านราเชน ท่านธิดาสมุทรปาระนังล้วนเป็นเข็มทิศบอกตำแหน่งให้เทพอัคราทั้งนั้น”
“องค์หญิงคิดว่าควรจะทำยังไงครับ”
ณัชชาสีหน้าเคร่งเครียด
นาชะลืมตาขึ้นละอองสีชมพูปรากฏจางๆ ตามใบหน้า อึดใจปาระนังลืมตาขึ้นเช่นกัน
“ปาระนังคิดว่าพลังของกามเทพนาชะกลับคืนมาเกือบสมบูรณ์แล้ว”
“ขอบพระทัยท่านธิดาเพคะ”
“นึกไม่ถึงว่าปล่อยละอองความรักจะทำให้พี่นาชะเสียพลังมากแบบนี้” ปิงปองบอก
“ปล่อยละอองเพื่อความรักน่ะไม่เสียหรอก แต่ปล่อยละอองเพื่อต่อต้านความชั่วนี่ซิ เสียพลังมาก”
“อ้าวทำไมล่ะครับพี่นาชะ”
“เพื่อบังคับไม่ให้กามเทพใช้ละอองความรักไปทำอย่างอื่นนอกจากเพื่อความรักเท่านั้น”
“อืมก็จริงนะ ไม่ยังงั้นก็ใช้ผิดใช้ถูก เละกันไปหมด”
“อาจก่อให้เกิดการคอรัปชั่นได้ คิดดูซิ ใครอยากชอบใครหรือให้ใครชอบก็เอาเงินมาแจกกามเทพ”
“เฮ้อ...เสียดายไม่ได้อยู่โลกมนุษย์ ไม่ยังงั้นพี่รวยแน่”
ทุกคนต่างหัวเราะ บรรยากาศดีขึ้น
ราเชนนำทั้งหมดเดินทางผ่านแนวป่าอย่างระมัดระวัง กราดสายตามองด้านบนเห็นพวกอีกาสาวกของอาคินบินอยู่พลางโบกมือให้ทุกคนตามมา นาฬิกาเดินขึ้นมาทันราเชน
“พวกมันอยู่ในระยะไกล”
นาฬิกาพยักหน้ารับ ราเชนออกเดินนำทางต่อไป แต่แล้วราเชนก็แปลกใจ เมื่อเห็นณัชชากับเอกภพยืนอยู่ข้างหน้า
“องค์หญิง ผู้กองเอกภพ”
ทุกคนยืนบ้างนั่งบ้างล้อมฟังณัชชากับเอกภพ
“เทพอัครามีพลังลึกล้ำ ยากที่จะหลบพ้นทางเดียวที่ทายาทจะถึงจุดหมายได้คือต้องกลับไปแผนเดิมคือทายาทเดินทางตามลำพัง”
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างเคร่งเครียด
“พวกเราทำได้ค่ะพี่ณัชชา”
“ครับ”
“บีมก็สู้ครับ”
“ปิงปองก็สู้ค่ะ”
“เป็นแผนที่เสี่ยงมาก แต่ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ เพราะอย่างที่รู้ เราอยู่ที่ไหนเทพอัคราพบเราได้ที่นั่น”
“แต่ไม่ใช่ผม” ทุกคนหันมาทางเอกภพ “ผมเป็นแค่ทายาทที่ไม่มีความหมายต่อเทพอัครา พลังก็ไม่ถึงขั้น เทพอัครากับเทพอาคินจับตำแหน่งผมได้ยาก”
ทุกคนต่างหันมาทางณัชชารอความคิดเห็น
“นาชะว่าผู้กองพูดมีเหตุผล”
“ถ้างั้นผู้กองเดินทางกับทายาทส่วนเราท่านราเชนและท่านธิดาจะแยกกันเดินทางเพื่อล่อเทพอัคราและเทพอาคินให้สับสนเช่นเดิม”
ณัชชาบอก ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“ได้ ผมจะนำทายาทไปให้ถึงจุดหมาย”
“ท่านราเชน ท่านธิดา ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย ใช้พลังให้เต็มที่พยายามหลีกเลี่ยงเทพอาคินให้มากที่สุด” ณัชชาบอก ราเชนกับปาระนังพยักหน้า
“ปาระนังมีเรื่องจะปรึกษา”
“เชิญท่านธิดา”
“ปาระนังต้องการจะตามล่าพ่อมดสองตนที่อาจจะเป็นอันตรายต่อทายาทก่อน”
“ถ้ายังงั้นขอให้ท่านธิดารักษาตัวด้วย”
“องค์หญิงก็เช่นกัน”
ปาระนังกับราเชนต่างหันเดินออกไป ณัชชาหันกลับมาแล้วเดินไปยังไกรยุทธ์ นาฬิกา บีม ปิงปอง นาชะที่รวมกลุ่มกันอยู่
ปิงปองเข้ามากอดณัชชา
“ปิงปองคงไม่เจอพี่ณัชชาจนกว่าจะถึงจุดหมายใช่มั๊ยคะ”
“ใช่จ้ะ พี่เป็นตัวอันตราย” ทุกคนต่างยิ้ม “ไกรยุทธ์ นาฬิกา บีม ทุกคนระวังตัว”
“เราไม่กลัวค่ะพี่ณัชชา”
“ดีมาก”
“ไปพวกเราไปได้แล้ว”
ทุกคนต่างพากันเดินผ่านไกรยุทธ์ออกไป
“แล้วพบกันครับพี่ณัชชา”
ณัชชายิ้มพยักหน้าให้ไกรยุทธ์ นาชะเดินเข้ามาใกล้
“นาชะเจ้าเองก็ต้องระวังตัวเจ้าเป็นเสมือนสหายของข้า”
“เพคะองค์หญิง”
ไกรยุทธ์นำทั้งหมดเดินออกไป ณัชชามองตามแล้วถอนใจ เอกภพเดินเข้ามา ทั้งสองสบตากัน ณัชชายืนตรงหน้าของเอกภพ
“แล้วพบกันที่จุดหมาย”
“อย่าบอกนะครับว่าองค์หญิงเริ่มคิดถึงผม”
“ถ้าทายาทเป็นอะไรไป คุณโดนแน่”
“แล้วถ้าถึงโดยปลอดภัย มีรางวัลหรือเปล่าครับ”
“มี แต่ไม่บอก คิดถึงแต่รางวัลเดี๋ยวจะเสียงาน”
“ไม่คิดถึงรางวัลซิครับถึงจะเสียงาน”
ณัชชาเข้ามาหอมแก้มเอกภพหนึ่งฟอด
“มัดจำไว้ก่อนที่เหลือค่อยว่ากัน” เอกภพยิ้มแกล้งหมุนตาลอยขึ้น “ไปได้แล้ว”
เอกภพหันหลังเดินออกไป ณัชชามองตามถอนใจสีหน้ากังวล
ราเชนเดินนำปาระนัง กราดสายตาตรวจร่องรอยบนพื้นดิน ปาระนังกราดสายตาตามต้นไม้พุ่มไม้ แบ่งหน้าที่กันสำรวจ ราเชนตรวจดูแล้วหยุดทรุดตัวลง เอามือขวาวนไปบนพื้นดิน
“ทางนี้” ปาระนังหันมาพร้อมเดินเข้ามาหา “พี่สัมผัสพลังมนต์ของพวกมัน มันต้องผ่านมาทางนี้”
ราเชนบอกแล้วลุกขึ้น
“ทางด้านโน้นมีร่องรอยพวกมันผ่านไปเหมือนกัน”
ทั้งสองต่างมองหน้ากันสีหน้าเคร่งเครียด
“เราต้องเร่งมือให้เร็ว เราจะใช้เวลามากไม่ได้”
“เดี๋ยวก่อน พวกแม่มดชอบจับเด็กไปเพิ่มพลังของมัน มันสองคนน่าจะเหมือนกันเราควรมุ่งจุดหมายไปที่หมู่บ้านชุมชน”
“อืม พี่เห็นด้วย”
ราเชนกับปาระนังร่อนลงมาในราวป่าเห็นเส้นทางถนนเล็กๆ เป็นร่องรอยการเดินทางของชาวบ้าน
“เริ่มเห็นร่องรอยของชาวบ้าน เราอาจจะโชคดีได้ตัวพวกมันสองคนในไม่ช้า”
“พวกมันเล่ห์เหลี่ยมลื่นไหล ซุ่มลอบกัดแล้วหนี ถ้ามันหลุดไปได้อีก เราต้องเสียเวลายิ่งนัก”
“เราต้องหาวิธี ซ้อนแผนของพวกมันให้ได้”
ปาระนังกับราเชนร่อนลงมาที่ลานป่า กราดสายตาไปรอบๆ
“พี่จับความเคลื่อนไหวได้ในราวป่า”
“ปาระนังคิดว่าเป็นพ่อมดสองตัวนั่น”
“อืม...พ่อมดสองตัวนั่นสอดรู้สอดเห็นติดตามหาทายาทแล้วรายงานเทพอาคิน”
“ปาระนังมีแผนที่จะล่อพวกมันออกมาต้องรบกวนท่านพี่ด้วย”
“ด้วยความยินดี”
“ในเมื่อพ่อมดสองตัวนั่นตามหาทายาทเราก็ต้องให้ตามที่พวกมันต้องการ” ราเชนยิ้มพยักหน้า
“ได้เลย แต่เราต้องหลบพวกมันไปก่อน”
ปาระนังพยักหน้า แล้วพุ่งตัวขึ้นไป ราเชนพุ่งตัวขึ้นตามไป ทันใดนั้นมีร่างสองร่างโผล่ออกมาจากราวป่า เป็นพ่อมดยามินกับกาตงนั่นเอง
“พวกมันเอาทายาทไปซ่อนไว้ที่ไหน”
ร่างของราเชนร่อนลงมาในลานป่าตามด้วยร่างของปาระนัง ราเชนสะบัดมือ ปรากฏเป็นลูกธนูอยู่ในมือ 4 ดอก ราเชนยกขึ้นตรงหน้าแล้วหลับตาท่องคาถา อึดใจก็สะบัดมือปล่อยลูกธนูไปที่พื้น ลูกธนู 4 ดอกกระจายกันปักที่พื้น ห่างกันออกไป 4 จุด ราเชนโบกมืออีกครั้ง ลูกธนูทั้ง 4 ดอก ค่อยๆ กลายเป็น ไกรยุทธ์ นาฬิกา บีม ปิงปอง ยืนอยู่ ปาระนังยิ้มอย่างพอใจ
ปาระนังเดินไปมากราดสายตามองรอบระวังเช่นเดียวกับราเชนที่ตรวจอีกด้านหนึ่ง ตรงกลางคือ นาฬิกา บีม
ปิงปอง ไกรยุทธ์ ยังคงยืนอยู่ที่เดิมราเชนกับไกรยุทธ์ลอบสบตากัน ทันใดนั้นร่างของพ่อมดยามินกับกาตงขี่ไม้เท้าร่อนลงมาขวางทางไว้ มันสองคนตวัดไม้เท้ายืนตระหง่าน
“ข้านึกว่าพวกเจ้าจะไม่มาซะแล้ว”
“เชอะ พวกเจ้าหนีไม่พ้น มอบทายาทมา”
พ่อมดยามินยกไม้เท้ากระแทกพื้นดังตึม...ร่างของพวกผีดิบนับสิบโผล่ออกมาจากราวป่าด้านหลังของพ่อมดยามินกับกาตง ปาระนังกับราเชนลอบสบตากันยิ้มเคร่งเครียด พวกผีดิบต่างพุ่งผ่านพ่อมดยามินกับกาตงเข้าใส่ราเชนกับปาระนังที่ยืนขวางทายาททั้งสี่ไว้
“คุมตัวทายาทมาให้ข้า”
ผีดิบวิ่งเข้าใส่ราเชนกับปาระนัง แต่แล้วทันใดนั้น ปาระนังกับราเชนพุ่งตีลังกาข้ามหัวพวกผีดิบเข้าหาพ่อมดยามินกับกาตงปล่อยทายาทยืนไว้ที่เดิมพ่อมดยามินกับกาตงคาดไม่ถึง
“เจ้าอยากได้ทายาท แต่ข้าอยากได้หัวพวกเจ้า”
“มอบหัวมา”
ปาระนังเข้าฟันกาตง ราเชน บุกเข้าใส่พ่อมดยามินด้วยมีดสั้น พวกมันตวัดไม้เท้าขึ้นรับเกิดการต่อสู้กันอย่างติดพัน ผ่านไปอึดใจพ่อมดยามินกับกาตงเสียเปรียบ พวกผีดิบยืนล้อมคุมร่างของทายาททั้ง 4 ไม่ไปไหน
ปาระนังกับราเชนบุกเข้าใส่พ่อมดยามินกับกาตง จนถอยตั้งตัวไม่ติดปาระนังตบกาตงกระเด็นไป ในขณะที่ราเชนตบพ่อมดยามินกระเด็นไปเช่นกัน พ่อมดยามินกับกาตงตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา พวกมันควงไม้เท้าทำท่าสู้ แต่แล้วดีดตัวขึ้นขี่ไม้เท้าพุ่งหนีออกไป
“คราวนี้ข้าไม่ปล่อย”
ราเชนพุ่งตามไป ปาระนังพุ่งตามไปติดๆ พวกผีดิบยืนล้อมทายาทมนต์ทั้ง 4 อยู่ไม่ไปไหน พวกผีดิบต่างเดินไปเดินมาวนเวียน
ร่างของพ่อมดยามินกับกาตงร่อนลงมา พวกมันสองตัวกราดตามองรอบตัว
“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”
พวกมันหันมาก็เจอราเชนยืนอยู่ตรงหน้า
“เจ้าไม่สมควรอยู่ในโลกนี้”
ปาระนังเดินออกมาอีกด้านหนึ่ง พ่อมดยามินกับกาตงสะบัดไม้เท้าขึ้นมาเตรียมพร้อม ราเชนตวัดมีดสั้นพุ่งเข้าหาพ่อมดยามิน แต่แล้วเสียงดังตึมร่างของราเชนเด้งออกมายืนข้างๆ ปาระนัง ทั้งสองจ้องคาดไม่ถึง อาคินยืนอยู่ตรงหน้า
“ขอบคุณท่านอาคินมาได้ทันเวลาพอดี”
“เจ้าได้ตัวทายาทแล้ว”
“สาวกของท่านคุมตัวไว้ได้ ไม่ห่างจากที่นี่”
ปาระนังกับราเชนลอบสบตากัน อาคินเดินเข้ามาประจันหน้าทั้งสอง
“ท่านราเชน ท่านปาระนัง เราพบกันอีกแล้ว”
“วันนี้มีเรามีท่าน ไม่ต้องมีทายาทให้กังวล น่าจะได้สนุกกันได้อย่างเต็มที่”
“ท่านพี่ระวังเทพอาคินจะเรียกภูตสังหารออกมา”
ราเชนสบตากับปาระนังนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“คาดไม่ถึงว่าเทพอาคินจะประมาท ปล่อยให้ลูกธนูผ่านเข้าไปถึงตัว”
“เทพอาคินไม่ได้ประมาท แต่ตอนที่เทพอาคินใช้พลังเรียกภูตสังหาร ชั่วแวบเดียวกลับมีจุดอ่อนที่เปิดให้ลูกธนูผ่านเข้าไปได้”
“องค์หญิงหมายความว่า ถ้าเราใช้เวลาช่วงนี้จู่โจมเทพอาคิน ก็สามารถทำลายเทพอาคินได้”
“ทำลายคงยาก เพราะเทพอาคินถอดหัวใจเก็บไว้ที่ภูตสังหารทั้งเก้า แต่อย่างน้อยก็พอที่จะทำให้เราหนีรอด”
“ผมว่า เทพอาคินมีจุดอ่อน ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย”
กลับมาปัจจุบัน ราเชนพยักหน้าเข้าใจความหมายของปาระนัง
“ท่านอาคินมีฝีมือพอไม่ต้องเรียกภูตสังหารให้เสื่อมเสีย”
“ท่านราเชนท่านพูดเพื่อไม่ให้เราเรียกภูตสังหารออกมาน่าเสียดายที่เราไม่หลงกลท่าน”
อาคินยิ้มแล้วยกมือขึ้นสองข้างพร้อมปล่อยภูตสังหารออกมา
“ท่านพี่”
ราเชนสะบัดมือออกไปลูกธนูไฟวิ่งเข้าหาอาคินถึงห้าดอกปักเข้าที่ร่างอาคินตึบๆๆๆ ไฟลุกท่วมตัว อาคินคาด
ไม่ถึงรีบเรียกพลังสลายไฟจนหมดสิ้น แต่ร่างของปาระนังกับราเชนหายไปแล้ว
“ที่แท้พวกมันสองคนก็กลัวท่าน”
พ่อมดยามินรีบพูดเอาหน้า อาคินหันมามองพ่อมดยามินอย่างไม่พอใจ
“พาเราไปหาพวกทายาท”
พ่อมดยามินกับกาตงรีบก้มหัวคำนับ
ร่างของอาคิน พ่อมดยามินและกาตงปรากฏขึ้น
“สาวกของท่านคุมตัวทายาทอยู่ที่นั่น”
อาคินจ้องมองไปยังพวกสาวกที่ล้อมพวกทายาททั้ง 4 อยู่ อึดใจก็หันมาทางพ่อมดยามินกับกาตง สะบัดมือเข้าใส่มันสองตัวกระเด็นไป พ่อมดยามินกับกาตงตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา
“พวกข้าทำอะไรผิดหรือท่าน”
“เจ้าพวกโง่ เจ้าถูกหลอก พวกเจ้ากรอกตาดูให้ดี”
พ่อมดยามินกับกาตงพรวดเข้าไปใกล้ อาคินโบกมือไปที่ทายาท ทันใดนั้นทายาททั้งสี่ก็สลายตัวไปเหลือแต่ลูกธนูปักอยู่บนพื้น 4 ดอก พ่อมดยามินกับกาตง รีบหันมาคุกเข่าต่อหน้าอาคิน
“พวกข้าสองคนโง่เขลาโปรดให้อภัยด้วย”
“เจ้าสองคนยังไม่รีบไปตามหาพวกมัน”
พ่อมดยามินกับกาตงรีบลุกขึ้นสะบัดไม้เท้าในมือรีบขี่พุ่งออกไป อาคินมองตามด้วยความแค้นใจ
ที่ราวป่าอีกด้าน เอกภพเดินนำหน้า ตามด้วยนาฬิกา ปิงปอง บีม และไกรยุทธ์ปิดท้าย เอกภพกราดสายตามองบนท้องฟ้า
“จริงอย่างที่องค์หญิงคาด เราเดินทางมาทั้งวันแล้วยังไม่มีวี่แววของพวกสาวกอาคิน”
“ขอให้อย่าเจอเลยเป็นดี”
“เราน่าจะพักที่นี่ได้ พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางต่อ”
“นาชะไปตรวจดูรอบๆ ดีกว่า ให้แน่ใจไว้ก่อน” นาชะแวบหายไป
“ผมกับนาฬิกาจะตรวจดูรอบๆ แล้วหาฟืนมาด้วยครับ”
“โอเค”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกาพากันออกไป
“เอ้า สองคนไปเตรียมที่นอนกัน”
เอกภพ บีมและปิงปอง ต่างเดินออกไป
คืนนั้นท่ามกลางกองไฟลุกโชน เอกภพและทายาททั้งสี่นั่งล้อมวงกันอยู่รอบกองไฟ
“พี่นาชะหายไปเลย”
“ไม่ต้องห่วงพี่นาชะหรอกน่า เดี๋ยวก็มาเอง”
“สองคนนี่ไปพักผ่อนได้แล้ว อย่าซนหนีออกไปไหนล่ะ”
“โห...ยังกะแถวนี้มีที่เที่ยว”
ทั้งหมดต่างยิ้มหัวเราะขำบีม
“ไปปิงปอง”
บีมกับปิงปองลุกขึ้นไปนอนที่กองใบไม้ที่เตรียมไว้ใต้ต้นไม้
“เธอสองคนเหนื่อยก็พักก่อนก็ได้นะ พี่จะคอยระวังเอง” เอกภพบอก
“ผมกับนาฬิกาจะอยู่ระวังเองครับพี่เอกไปพักก่อน”
“ดีเหมือนกัน พวกเธอจะได้หัดไว้” เอกภพลุกขึ้นไปจากกองไฟ ไกรยุทธ์กับนาฬิกาต่างยิ้มให้กัน “อย่ามัวแต่กุ๊กกิ๊กจนเพลินล่ะ”
“กู๊ดไนท์ พี่เอก”
ทั้งสองต่างขำ ลุกขึ้นยืน กราดสายตาระวัง
เอกภพเดินมามองปิงปองกับบีมที่นอนอยู่ใกล้กัน แล้วเดินเลยไปนั่งลงที่ต้นไม้ใกล้ๆ ขยับตัวให้เข้าที่แล้วหลับตาลง
นาฬิกากับไกรยุทธ์ เดินตรวจอยู่คนละด้าน ต่างหันกลับมาเดินสวนกันไปอีกด้านหนึ่ง ทั้งสองกราดสายตา
ไปรอบๆ อึดใจก็หันกลับมาเดินมาสวนกันอีก ทั้งสองต่างยิ้มให้กันแล้วหยุดตรงกลาง
“เงียบน่าดู”
“เบื่อสุดๆ”
“คุณนาฬิกาจะไปนอนก่อนก็ได้นะครับผมไหว”
“ไม่เป็นไรค่ะ นาฬิกาจะอยู่เป็นเพื่อน”
“ถ้าไม่ว่าอะไร ขอเต้นรำด้วยซักเพลงได้มั๊ยครับ”
“ต้องดูก่อนว่าเป็นเพลงอะไร”
“ให้คุณนาฬิกาเลือกดีกว่า”
“ก็ได้ค่ะ เพลงนี้ก็แล้วกัน...”
“ดีครับ ผมก็ชอบ”
ต่างคนต่างยิ้มกัน ทั้งสองเข้าใกล้กัน ต่างจับมือกันในท่าเต้นรำ แล้วเต้นกัน ทั้งสองต่างสบตากันอย่างมีความสุข
เอกภพนอนหลับอยู่ใต้โคนต้นไม้ ทันใดนั้นมีควันดำวนอยู่ตรงหน้าเอกภพ เอกภพลืมตาขึ้นมาดวงตาเป็นประกาย
เหตุการณ์ย้อนกลับไปที่รังของอาคิน ในห้องสมาธิ ร่างของเทพอัครานั่งอยู่กับอาคินบนแท่น ตรงหน้าแท่นบนพื้น มีร่างของเอกภพนอนอยู่ ถัดไปมีภูตสังหารตัวหนึ่งนั่งอยู่ ทั้งสองหลับตาสมาธิ อึดใจก็เห็นควันดำออกมาจากร่างของอาคิน วนเวียนร่างอาคินแล้วลงไปปกคลุมร่างของเอกภพจนมองไม่เห็นร่างของเอกภพและกลายเป็นควันดำ
กลับมาปัจจุบัน เอกภพค่อยๆ ลุกขึ้นมา สายตาจ้องไปทางไกรยุทธ์ซึ่งยืนอยู่ด้านหนึ่ง แล้วหันไปมองนาฬิกาซึ่งยืนมองอยู่ด้านหนึ่งเอกภพหันไปบีมกับปิงปองที่นอนอยู่ ยื่นฝ่ามือออกไปตรงหน้าบีมกับปิงปอง
“ผู้กอง ทำอะไรเอ่ย”
เอกภพหันมาเห็นนาชะยืนยิ้มอยู่ เอกภพจ้องนิ่ง นาชะจ้องเอกภพเห็นดวงตาเอกภพเป็นประกายแต่สีดำ รอยยิ้มนาชะหาย ขยับตัวแต่ทันใดนั้นเอกภพสะบัดมือออกมา ร่างของนาชะกระเด็นไปไกลทรุดลงนิ่งสนิท ดวงตาเอกภพเป็นประกายสีดำ
จบตอนที่ 15
อ่านต่อตอนที่ 16 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.