xs
xsm
sm
md
lg

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 15

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 15

ฟากธาริศขับรถมาตามทางราวกับจะบิน ขนาดนั้นยังไม่ทันใจแพทที่คอยเร่งตลอดเวลา

“เร็วขึ้นอีกหน่อยได้มั้ยคะ”
“คุณคิดว่า...อรเค้าคิดจะทำอะไร”
“ถ้าไม่รีบตามไป เราจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ ฉันไม่อยากให้ยายรัญต้องเผชิญหน้ากับภรรยาคุณคนเดียว... หรือว่าคุณอยากให้เป็นแบบนั้น”
ธาริศอึ้งไป เหยียบคันเร่งเร็วขึ้นอย่างร้อนใจ

ด้านรัญธิดายังอึกอักอยู่อย่างนั้น
“คุณตอบผมมาซิรัญ...ว่าคุณมีความสัมพันธ์ยังไงกับธาริศ”
“รัญ...รัญ”
รัญธิดาตั้งท่าหันหลังเดินหนี แต่ปรากฏว่าทักษอรออกมาดักไว้
“ก็มีความสัมพันธ์ฉันแฟนเก่า ที่ถ่านไฟพร้อมจะคุขึ้นมาอีกได้ทุกเมื่อน่ะซิคะ” ทักษอรพูดอย่างสะใจ
รัญธิดาหันหน้าไปอีก เฉิดโฉมออกมายืนข้างพีท กลายเป็นรัญธิดายืนอยู่ตรงกลาง
“คราวนี้คุณพีทคงไม่หาว่าเฉิดพูดเรื่องไร้สาระแล้วซินะคะ”
รัญธิดาอึ้งที่ถูกรุม รู้สึกอับอายจนอยากร้องไห้
“อย่าไปเชื่อครับพี่พีท” เสียงธาริศดังขึ้น
ทุกคนมองไป เห็นแพทกับธาริศตรงเข้ามา
รัญธิดาดีใจ “พี่ริศ! น้าแพท”
“ทั้งหมดเป็นแผนของอร ที่หลอกให้รัญมาที่นี่” ธาริศบอก
“แหม...ทนไม่ได้ จนต้องตามมาเชียวเหรอค่ ดูท่าทางยังมีเยื่อใยกันอยู่มากเชียวนะ คิดแล้วไม่ผิด” ทักษอรหันมาทางพีท “พี่พีทเห็นกับตา ได้ยินกับหู เชื่อที่อรบอกหรือยังล่ะคะ”

พีทไม่ได้ตอบ แต่กำมือแน่นด้วยความโกรธ
ธาริศเสียงเข้ม “อร! อรทำแบบนี้ทำไม”
“อรก็อยากให้พี่พีทเห็นธาตุแท้ ของนังผู้หญิงที่พี่พีทกำลังจะแต่งงานด้วยยังไงล่ะคะ”
“ใช่ค่ะ ต้องกระชากหน้ากากมันออกมาให้เห็น ทำเป็นตีหน้าซื่อ ใสบริสุทธิ์ที่แท้ ก็ผ่านมาไม่รู้กี่ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เหม็นคาวไปหมด” เฉิดโฉมบอกอย่างสะใจ
รัญธิดาน้ำตาไหลทั้งเจ็บทั้งอาย
“หยุดพูดได้แล้ว นี่มันไม่ใช่เรื่องของเธอ” แพทตวาด
“ยังจะกล้าพูดอีกเหรอ เธอนะแหละตัวดี วางแผนทั้งหมด คงจะอยากได้คุณพีทเป็นหลานเขยจนตัวสั่นล่ะซิ”
พีทมองแพทอย่างผิดหวัง ปวดร้าว
“หยุดนะ เฉิดโฉม” ธาริศตวาด
ทักษอรออกรับแทน
“พี่ธาริศ นั่นแหละหยุด เฉิดโฉมพูดถูกทุกอย่างผู้หญิงสองคนนี้รวมหัวกันหลอกพี่พีท”
แพทหันไปหาพีท “คุณพีท เรื่องนี้เป็นแผนของคุณอร กับเฉิดนะคะ ยายรัญโดนแกล้ง”
“ถึงขนาดนี้แล้วคุณยังจะกล้าปฎิเสธอีกเหรอว่า รัญธิดากับธาริศไม่มีอะไรกัน” พีทว่า แพทพูดไม่ออก “ที่ผมได้ยินจากปากรัญธิดา มันไม่ใช่เรื่องจริง ผมหูฝาดคิดไปเองใช่มั้ย” พีทหันมาที่รัญธิดา “ถามจริงๆ เถอะ คุณยังรักนายธาริศอยู่ใช่หรือเปล่า”
ทุกคนอึ้งรอฟังคำตอบจากรัญธิดา แม้แต่ธาริศ
รัญธิดาพูดไม่ออก “รัญ...รัญ...รัญ…”
พีทยกมือห้ามไม่ให้พูดต่อหันมาทางธาริศ
“แล้วนายล่ะ ธาริศ นายไม่เคยรู้จักรัญธิดามาก่อน นายไม่ได้รักผู้หญิงคนนี้ใช่มั้ย บอกฉันซิ.. ถ้านายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่”
ธาริศอึ้งไป สองคนสบตากัน
“ผมรักรัญ เรารู้จักกันมานานแล้ว”
ทักษอรปิดปากตัวเองไม่ให้ร้องกรี๊ดออกมา น้ำตาจะไหล
พีทยิ้มให้ธาริศอย่างขมขื่น
“ดี ขอบใจมากที่พูดตรงๆ”
แล้วพีทก็ทนไม่ไหว ต่อยหน้าธาริศทันที
หญิงสาวทั้งหมดตกใจกระจาย
“นี่สำหรับทักษอรภรรยาของนาย”
ธาริศอึ้งก้มหน้ารับผิด
“พวกคุณเห็นผมเป็นไอ้หน้าโง่ ที่หลอกได้ง่ายๆ ใช่มั้ย”
พีทบอกพลางหันมองสบตาแพทอย่างเย็นชา
“ผมเสียดายนิดเดียว..ที่ผมเคยคิดว่าคุณเป็นคนจริงใจ ตรงไปตรงมาที่สุด.. แต่ที่แท้ คุณก็โกหกผมทุกอย่าง”
แพทน้ำตาคลอ พยายามจะเถียงแต่พูดไม่ออก แล้วก็เดินออกไปเงียบๆ
เฉิดโฉมสะใจ “อุ๊ย เรื่องจบแล้ว เศร้าจังเนอะ หึ หึ” ก่อนจะวิ่งตามพีทเกาะแขน “คุณพีทขา รอเฉิดด้วย”
คนอื่นทุกคนที่เหลือยืนอึ้ง น้ำตาไหล ธาริศขบกรามแน่น ทั้งโกรธและรู้สึกผิด ทักษอรสะบัดหน้าเดินออกไป แพทมองรัญธิดาแล้วเข้าไปกอดปลอบใจ รัญธิดาร้องไห้สะอึกสะอื้น แพทเองก็เศร้าไม่แพ้กัน

พีทขับรถมาหน้าตาเคร่งขรึม เฉิดโฉมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุข
“เฉิดดีใจจริงๆ ที่คุณพีทตาสว่างแล้ว ผู้หญิงคนนี้ นี่ร้ายที่สุดเลยล่ะคะ ยัยน้าสาวก็ร้ายพอกัน รู้ทั้งรู้ว่าหลานตัวเองเป็นคนยังไง ยังจะช่วยปกปิด ช่วยกันไล่จับคุณพีท”
พีทจอดรถเอี๊ยด เฉิดโฉมหัวทิ่ม พีทเอื้อมมือมาเปิดประตู
“ลงไป”
“อะ...อะไรน่ะคะ” เฉิดโฉมตาเหลือก
“ลงไปจากรถของผมได้แล้ว ผมไม่ได้ชวนคุณขึ้นมา..เชิญ”

เฉิดโฉมเงอะงะลงจากรถ พีทออกรถไปทันที เฉิดโฉมงงๆปนโกรธ

ฝ่ายรุจรวีร้อนใจเหมือนกันเดินรอ วนไปวนมาอยู่ที่บ้าน ทักษอรกับธาริศเดินเข้าบ้านมา ต่างคนต่างหน้าเครียด รุจรวีทัก

“กลับมาแล้วเหรอลูก”
ธาริศนิ่งมาก “อร...พี่ว่า...เราพอกันแค่นี้เถอะ”
รุจรวีชะงัก ตกใจ ทักษอรเองก็ช็อก
“อะไรนะคะ..คนพูดประโยคนี้คงจะเป็นอรต่างหาก อรเป็นคนที่โดนสามีนอกใจนะคะ ทำไมพี่ริศถึงกล้าพูดแบบนี้กับอร”
“ก็พี่พูดแทนอรยังไงล่ะ..จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราจะอยู่ด้วยกันทั้งๆ ที่เราคอยแต่หวาดระแวงไม่ไว้ใจกันแบบนี้”
“อรทำอะไรผิดตรงไหน ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง พี่ก็เหมือนกัน แค่เห็นข้อความนิดเดียว ก็แล่นตามมันไป อยากเป็นชู้กับมันมากใช่มั้ย หญิงร้ายชายชั่ว เลวพอกันมันถึงคบกันได้ยังไง”
ธาริศถึงสะอึกกับคำด่า อึ้งๆๆไปพัก
รุจรวีเองก็ตกใจ “ลูกอร...ทำไมถึงพูดกับพี่เค้าแบบนั้น”
“ถ้าอรเห็นว่าพี่เลวขนาดนั้น อรจะทนอยู่กับพี่อีกทำไม เราหย่ากันเถอะ”
ทักษอรช็อก จนเงียบไปพักใหญ่ ถึงฝืนพูดออกมา
“พี่...พูดเล่นใช่มั้ย”
“จริง!” ธาริศบอกท่าทีแน่วนิ่ง
ทักษอรน้ำตาแตกทันที
“ตาธาริศ พูดอะไรออกมา เหลวไหลใหญ่แล้วนะเรา แม่ไม่ให้หย่า แกจะหย่ากับหนูอรไม่ได้”
“แม่ครับ ผมแต่งงานกับอรตามที่แม่ขอแล้ว ผมพยายามทำหน้าที่ทั้งการเป็นลูก และสามีให้ดีที่สุดแล้ว แต่ต่อจากนี้ไป... ผมขอเถอะครับ”
“ธาริศ!”
“ไม่...ไม่...อรไม่ยอมให้พี่ริศไปไหน...อรไม่ยอม” ทักษอรโวยลั่น ก่อนจะเริ่มหอบ หายใจถี่ขึ้นๆ แล้วก็เกร็งจนนิ้วจีบกัน
รุจวรีตกใจ “หนูอรๆๆ ตาริศ เห็นมั้ย ว่าแกทำอะไรไป แกทำให้หนูอรกำลังจะตาย โธ่ หนูอร”
รุจรวีประคองเอาไว้ ทักษอรยังคงเกร็งชัก อยู่อย่างนั้น ธาริศมองอย่างรู้เท่าทันอาการ
“อาการหอบ แบบนี้หมอบอกว่าเป็นโรคหอบที่เกิดจากอารมณ์ เดี๋ยวผมจะโทร.ตามหมอให้ แต่ที่จริงคุณหมอเคยบอกว่าให้เค้าหายใจลึก ๆ เดี๋ยวสักครู่จะหายเองครับ”
ธาริศเดินออกไป ไม่สนทักษอรอีก รุจรวีเหวอไป ทักษอรมองตามธาริศที่ไม่สนใจตัวเองยิ่งเสียใจ

รุ่งเช้าแพทที่ดูซึมจัด กำลังจัดโต๊ะอาหารเช้ากับทิพปภา รัญธิดาเดินลงมาจากข้างบน ทำท่าจะออกไปจากบ้าน
“รัญจะไปไหนอีก แต่เช้า” ทิพปภาถามอย่างห่วงใย
“รัญจะไปที่รีสอร์ต”
ทิพปภาเป็นห่วงมาก “อย่าเพิ่งไปเลยลูก เรายังหาทางออกไม่ได้เลยว่าจะแก้ไข ถ้าหนูเจอคุณพีทเค้าเรื่องจะไปกันใหญ่”
“มันไม่มีทางออกอะไรอีกแล้วล่ะค่ะ”
รัญธิดาเดินออกไป ทิพปภากังวล
“เอายังไงดีแพท แกทำอะไรซักอย่างซิ”
“เรื่องมาถึงขนาดนี้ แพทจะทำอะไรได้อีกคะ” แพทถอนหายใจ
อะตอมวิ่งเข้ามาพอดี
“แม่แพทไปหรือยังครับ วันนี้อะตอมมีเวรทำความสะอาดตอนเช้า”
“จ้ะ” แพทบอกทิพปภา “งั้นเดี๋ยวส่งอะตอมเสร็จแล้ว แพทจะรีบตามไปดูเองค่ะ”
อะตอมไหว้ก่อนไป “ตอมไปก่อนนะครับ ป้าทิพ”
แพทมองหน้าทิพปภา เป็นเชิงบอกว่าไม่อยากให้อะตอมรับรู้
ทิพปภาฝืนยิ้มให้ “ตั้งใจเรียนนะลูก”
อะตอมกับแพทออกไป
“ที่เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้ เพราะนังเฉิดโฉมนั้นคนเดียว”
ท่าทางทิพปภาเหี้ยมเกรียม ดุดัน และเอาจริงมาก

ฝ่ายรัญธิดาเดินเข้ามาในออฟฟิศของรีสอร์ต เจอพนักงานมองตามซุบซิบๆ กัน รัญธิดาเห็นก้มหน้าแต่แข็งใจเดินต่อไป
จนพอเดินเข้ามาด้านในแล้วเจอฝนกับชู ฝนก็ชะงักไปเหมือนกัน เพราะเสียความรู้สึก แต่รัญธิดาทักขึ้นมาก่อน
“พี่ฝน..เห็นคุณพีทมั้ยคะ”
ฝนทนไม่ไหวตัดพ้อ “ทำไมน้องรัญทำแบบนี้ เสียแรงพี่อุตส่าห์เชียร์”
รัญธิดารู้ทันทีว่าฝนรู้เรื่องแล้ว หลบตาเศร้าๆ
“รัญ...รัญขอโทษค่ะ...ที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง”
ชูกระแอมเตือนสติ “พี่ฝน” ฝนได้แต่ถอนหายใจ “ผมเห็นอยู่ในสวนทางโน้นครับ”
“ขอบคุณค่ะ”

รัญธิดาทำท่าจะเดินต่อ แต่ชะงักเพราะเฉิดโฉมเดินเข้ามากับเชอรี่
“อุ๊ยตาย นี่ยังกล้ามาเหยียบที่นี่อีก ขอตบมือให้จริงๆ เลยนะ เธอนี่มันใจกล้าหน้าด้านจริงๆ มิน่า...ถึงได้กล้า คบผู้ชายทีเดียวสองคน”
ฝนทนไม่ไหว จนต้องกลับมาช่วยเพราะจริงๆ ก็ยังเอ็นดูรัญธิดาอยู่
“นี่...คนล้มแล้วอย่าข้ามกันซิ” ฝนบอก
เฉิดโฉมไม่สนใจหันไปหาเชอรี่แบบมือ เชอรี่ยื่นลังให้
“ฉันเก็บข้าวของบนโต๊ะ ของเธอให้แล้ว รับไปซิยะ”
ฝนฉุน “มันเกินไปแล้วนะ น้องรัญ ยังไม่ได้ลาออกซักหน่อย”
“ถึงไม่ลาวันนี้ วันหน้าก็ต้องลา...คิดดูซิว่าเธอจะกล้าทำงานที่นี้ต่อไปได้ยังไง ถ้าแม่นายและทุกๆ คนรู้ว่า เธอทำอะไรกับคุณพีทบ้าง...อย่างเธอนี้ ถ้าเป็นผู้ชายเค้าเรียกว่าอะไรนะเชอรี่”
“พญาเทครัวไงจ๊ะ เฉิด” เชอรี่ว่า
“อ้อใช่...พญาเทครัว..ได้ทั้งพี่ทั้งน้อง..เริดจริงๆ”
เฉิดโฉมกับเชอรี่เดินหัวเราะจากไป

รัญธิดายืนอึ้งหน้าชาแล้วชาอีก ฝนกับชูมองอย่างเห็นใจ

อ่านต่อหน้า 2

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 15 (ต่อ)

ด้านพีททำงานอยู่ที่คอกม้าหน้าตาเฉยเมย ประทินเดินเข้ามามองอย่างเห็นใจ แล้วเข้ามาหา

“เอ๊ะ นี่คุณพีทให้หญ้าเองเลยเหรอครับวันนี้”
“แปลกตรงไหน ผมก็มาดูมะลิมันออกบ่อยๆ”
“ดีครับ ดี ทำงานเยอะๆ จะได้ไม่มีเวลาคิด เออ...ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนมั้ยครับ เผื่อ คุณพีทอยากจะ.. พูดอะไร ต่ออะไร...มันช่วยให้ดีขึ้นนะครับ”
พีทชะงัก “นี่คงรู้ไปทั่วรีสอร์ทแล้วมั้ง ข่าวกระจายเร็วดีนะ”
ประทินไม่ยังไม่กล้าพูดอะไร
“ไม่ต้องห่วงผมสบายดี แค่รู้สึกเสียใจที่ถูกหลอกเท่านั้นเอง”
เสียงรัญธิดาดังเข้ามา “รัญก็เสียใจเหมือนกันคะ”
พีทหันไปเห็นรัญธิดามายืนอยู่ ประทินรู้สึกเป็นส่วนเกิน จึงค่อยๆ เลี่ยงออกไป
“รัญอยากมาขอโทษคุณพีทอีกครั้ง รัญไม่ได้อยากโกหกคุณพีทเรื่องพี่ธาริศ แต่เรื่องมันนาน นานจนรัญคิดว่ามันจะจบไปแล้ว แต่จู่ๆ เค้าก็กลับมา...”
พีทตัดบททันที “พอเถอะ สรุปก็คือ คุณยังรักนายธาริศอยู่...เท่านั้นเอง”
รัญธิดาก้มหน้าเพราะเป็นเรื่องจริง ก่อนจะตัดสินใจยื่นซองจดหมายให้พีท
“นี่ค่ะ ใบลาออก ยังไงรัญก็ต้องขอบคุณคุณพีท ที่ให้ความเมตตาและก็ดีกับรัญมาตลอด” รัญธิดายกมือไหว้ “รัญลาล่ะค่ะ” พูดเสร็จก็ตัดใจเดินหันหลังไป
“เดี๋ยวก่อน” รัญธิดาชะงัก “เรื่องของเรามันเป็นคนละส่วนกันกับการทำงานคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก กลับมาทำงานเหมือนเดิม ผมไม่ต้องการให้คุณออก”
รัญธิดาน้ำตาคลอ “คุณพีทเป็นผู้ชายที่ดี ดีมากจนรัญรู้สึกผิดมากเหลือเกิน ที่ทำอย่างงี้กับคุณ”
ว่าแล้วรัญธิดาก้มลงถอดแหวนที่พีทเคยให้ แล้วส่งคืนให้
“รัญไม่คู่ควรกับมันเลยค่ะ”
รัญธิดาเดินออกไปเศร้าๆ พีทก้มลงมองแหวนวงนั้นงงๆ ประทินกลับเข้ามา
“คุณพีทไม่เป็นอะไรแน่นะครับ”
“ผมเองก็รู้สึกผิดเหมือนกัน เพราะผมก็ตัดสินใจจะแต่งงานกับเค้าก็เพื่อแม่” พีทถอนหายใจ “ผมไม่ได้โกรธรัญธิดานะครับ ถ้าผมเป็นเค้า ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าผมจะทำยังไง” พร้อมกันนั้นพีททอดสายตาไปไกล “เพียงแต่ตอนนี้ ผมรู้สึก เหมือนถูกหักหลังมากกว่า เป็นการถูกหักหลังจากคนที่เรา...” พีทเกือบจะบอกว่า รัก แต่ยั้งปากเปลี่ยนเป็น “เชื่อใจ เค้ามากๆ”
พีทนึกไปถึงฉากที่จูบกันในสตูดิโอขึ้นมา แต่รัญธิดาดูไม่เต็มใจ และนึกถึงคำพูดแพทขึ้นมาอีก
“ถ้าคุณจะหูเบาเชื่อข่าวลือ แล้วยกเลิกการแต่งงานกับยายรัญ ด้วยเรื่องแค่นี้ ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก แล้วแต่คุณก็แล้วกัน”
พีทเงยหน้าขึ้น แล้วเดินออกไปคนละทางกับรัญธิดา
ประทินบ่นเบาๆ “ก็อาการแบบนี้แหละครับที่เค้าเรียกว่าอกหักน่ะ”

ฟากรุจรวีกับทักษอรนั่งอยู่ อรนั่งบีบนิ้วมือตัวเองไปแบบประสาทเสีย ธาริศเปิดประตูออกมา แต่งตัวเรียบร้อย มือถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กออกมาด้วย
“ตาริศ”
“พี่พร้อมแล้ว เราไปกันได้เลย พี่โทร.ไปนัดเจ้าหน้าที่ ที่เขตไว้เรียบร้อยแล้ว”
“แม่ขอร้องอย่าทำแบบนี้เลยธาริศ”
“ผมต่างหากที่ต้องขอร้องแม่ เรื่องนี้ให้เป็นการตัดสินใจของผมกับอรเถอะครับ”
“เอาซิ ถ้าแกอยากให้ฉันตายตรงนี้ แกก็พาหนูอรไปหย่าได้เลย แล้วก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่า แม่อีก”

“ตอนที่พ่อจะทิ้งแม่ไป แม่ให้ผมเลือกว่าจะอยู่กับใคร ผมเลือกที่จะอยู่กับแม่ เพราะผมรักแม่ แม่ให้ทำผมทำอะไร ผมก็ทำให้แม่มาเสมอ” ธาริศยกมือไหว้ขอโทษแม่ “ผมขอโทษครับ ถ้าการกระทำครั้งนี้ไม่ถูกใจแม่ แต่ขอให้ผมได้มีโอกาสได้เลือกทางเดินชีวิตของผมเองสักครั้งได้มั้ยครับแม่”
รุจรวีอึ้ง รู้ว่าตัวเองผิดแต่ยังฐิทิ ปากแข็ง “นี่แก กำลังว่าฉันขีดเส้นให้แกเดินเหรอ บีบบังคับชีวิตแกมาตลอดงั้นเหรอ”
“ผมรู้ดีที่แม่ทำทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับผม รักผม แต่แม่ก็คงเห็นแล้ว ว่าเรื่องของชีวิตคู่ มันบังคับกันไม่ได้ ยิ่งดันทุรังก็มีแต่จะเจ็บปวด ผมขอเจ็บเพียงแค่นี้ได้มั้ยครับ แม่”
สองคนแม่ลูกสบตากัน น้ำตาคลอ รุจรวีตัดสินใจ หันไปบอกทักษอร
“เมื่อเช้าเด็กโทร.มาว่าที่สปามีปัญหา แม่จะกลับกรุงเทพฯ ก่อน เราสองคนตกลงกันก็แล้วกัน จะเอายังไงก็โทร.มาบอกแม่ให้แม่รู้ด้วย”
รุจรวี ตัดใจออกไปตามแรงทิฐิ
“คุณแม่! คุณแม่! จะทำแบบนี้กับอรไม่ได้นะคะ คุณแม่ลืมทุกอย่างที่อรทำให้แล้วเหรอคะ”
รุจรวีหันกลับมา หน้าซีดเผือด ปวดร้าวและละอาย
“ถ้าเป็นเรื่องเงิน อรไม่ต้องเป็นห่วง พี่จะหาคืนให้อรครบทุกบาททุกสตางค์เอง”
รุจรวีมองธาริศน้ำตาคลอ เข้าใจธาริศทุกอย่างว่าทนผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เพราะอะไร แล้วรุจรวีก็เดินจากไป
ทักษอรหงุดหงิด หันกลับมาเจอธาริศมองกดดันให้ตัดสินใจ
“ก็ได้ค่ะอรจะหย่าให้ ถ้าพี่ธาริศแน่ใจว่าไม่ต้องการลูกในท้องของอร”

ธาริศถึงกับผงะเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย

ภายในห้องน้ำรีสอร์ตเวลานั้น เฉิดโฉมส่องกระจกมองความงามของตัวเองอย่างปลาบปลื้ม

“ในที่สุดเราก็ทำสำเร็จ อีกไม่นานเราก็จะกลายเป็นนายหญิงคนใหม่ของพีระแรนโช”
เฉิดโฉมมีความสุข หยิบเครื่องสำอางมาแต่งหน้า ฮัมเพลงเบาๆ
พนักงานทำความสะอาด ใส่หน้ากากอนามัยมิดชิด และใส่หมวกปิดผมไว้ด้วย เดินหิ้วไม้ถูพื้นกับถังน้ำเข้ามาถูพื้นอย่างขยันขันแข็ง เฉิดโฉมแต่งหน้าเสร็จ มองกระจก
“แค่นี้ก็สวยพร้อมสำหรับคุณพีท”
เฉิดโฉมหยิบกระเป๋า หันหน้าจะเดินออก แต่แล้วก็สะดุดกับไม้ถูพื้นที่เหมือนจะจงใจสอดเข้ามาขัดขา
เฉิดโฉมเซถลาล้ม แล้วลุกขึ้นมาโกรธจัด
“อีบ้า...อีเซ่อ... ถูพื้นภาษาอะไรถึงได้ซุ่มซ่ามแบบนี้ ห๊ะ”
เฉิดโฉมเงื้อมือตั้งใจจะฟาดเข้าที่หน้าพนักงาน แต่กลับถูกคว้ามือเอาไว้ แล้วเอามือไปล็อคไขว้หลัง..เฉิดโฉมตาเหลือกเจ็บแขนมาก
“ปล่อย...ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ โอ๊ยเจ็บ”
“เท่านี้มันยังไม่พอหรอก”
ที่แท้พนักงานคนนั้นคือทิพปภา และกำลังลากเฉิดไปที่อ่างล้างหน้า เปิดน้ำแล้วพยายามกดหัวเฉิดลงไป เฉิดโฉมดิ้น แต่ดิ้นไม่ได้มากเพราะเจ็บแขนที่โดนล็อค
“แก...แกเป็นใครถึงได้ทำแบบนี้”
“ก็เป็นคนที่เกลียดคนสาระแนอย่างแกไง”
ทิพปภากดหัวเฉิดโฉมลงให้น้ำไหลผ่านหน้า เฉิดโฉมลืมหูลืมตาไม่ขึ้นสำลักกระอักกระไอ พยายามพูด
“ปล่อย”
ทิพปภาก้มลงกระซิบใกล้ๆ “จำไว้ว่าแกจะมารังควานคนที่ชั้นรักอีกไม่ได้”
เฉิดโฉมสำลัก “คนที่แกรัก...ใคร”
“อย่ายุ่งกับรัญธิดาอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าชั้นไม่เตือน”
เฉิดโฉมสำลักแทบหมดสติ เชอรี่เข้าประตูมา
“เฉิด...” เชอรี่ตะลึง “นี่มันอะไรกัน”
เชอรี่วิ่งเข้ามา ทิพปภาเลยตัดสินใจวิ่งชนเชอรี่ล้มลง แล้วหนีออกไป เฉิดโฉมทรุดลงกองกับพื้นสำลักกระอักกระไอ เชอรี่คลานไปประคองไว้
“เฉิดเกิดอะไรขึ้น เธอเป็นยังไงบ้าง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
เฉิดโฉมหยุดคิด ภาพตอนที่เคยโดนคนตีหัวจากด้านหลังผุดขึ้นมา
เฉิดโฉมตาลุกเข้าใจทุกอย่าง
“นังรัญ..มันจ้างคนมาทำร้ายฉัน แกกับฉันอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้เสียแล้วนังรัญธิดา”

ทิพปภารีบถอดหน้ากากกับหมวกโล่งอกเหมือนกันที่เกือบโดนจับได้ ใส่ลงถังขยะ
“สมน้ำหน้า..แม่ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายหนูฟรีๆ หรอก รัญ”
พนักงานรีสอร์ตเดินผ่านมา ทิพปภา รีบหลบหน้าตาทำเป็นคนที่มาเที่ยวในรีบสอร์ต เดินออกไปเนียนๆ

แพทเดินเข้ามามองหารัญธิดา พอดีสวนกับประทินที่เดินเข้ามาทางคอกม้า
แพทวิ่งไปหา “คุณประทินคะ เห็นยายรัญบ้างมั้ยคะ”
ประทินมองมาอย่างสงสาร “เมื่อสักครู่ใหญ่ๆ ผมเห็นคุยกับคุณพีทอยู่ตรงคอกม้านะครับ แต่ก็ออกมานานแล้ว”
แพทหน้าจ๋อยลง “คุยกับคุณพีท..แล้ว..ท่าทางคุณพีทเป็นงัยบ้างคะ”
ประทินถอนใจ “ผมก็ไม่รู้รายละเอียดหรอกนะครับว่า เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น ผมรู้แต่ว่ามีแต่ความจริงใจเท่านั้นแหล่ะครับที่สามารถแก้ปัญหาได้”
เสียงพีทดังขึ้น “คุณจะไปถามหาความจริงใจจากคนแบบนี้ได้อีกเหรอคุณประทิน”
แพทหันไปหาพีทเดินเอื่อยๆ เข้ามา ประทินมองทั้งคู่แล้วเดินหลบไปอีก
“ขอตัวก่อนครับ”
พีทถามทันที “มาตามหาหลานสาวเหรอครับคุณน้า”
แพทอึกอัก “ค่ะ...”
“คงจะอยากมาดูให้แน่ใจซินะ ว่าผมยังเป็นไอ้หน้าโง่ ที่โดนคุณกับหลานสาวจูงจมูกอยู่อีกหรือป่าว”
“คุณพีทเรื่องทั้งหมดนั้นฉันอธิบายได้นะคะ พวกเราไม่ได้หลอกคุณ ถ้าฉันหลอกคุณ แล้วที่ผ่านมาฉันจะขัดขวางไม่ให้คุณแต่งงานกับยายรัญทำไม”
พีทยิ้มเยาะ “เรื่องมันเข้าใจง่ายนิดเดียว ที่ผ่านมา คุณก็ทำเป็นเล่นตัวเพื่อเรียกค่าตัวให้หลานคุณเพิ่มนะซิ แผนสูงสมกับเป็นมืออาชีพจริงๆ...นี่ถ้าเปลี่ยนมาขายเค้กมาเป็นส่งเด็กให้เสี่ยเลยคุณคงจะรวยตายเลย”
แพทตบพีทเต็มแรง พีทโกรธมากเลยดึงตัวเข้ามาจูบ แพทผลักเต็มแรงแล้วตบอีกด้วยความแค้น พีทจูบอีกครั้งอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม แพทดิ้นแล้วผลักออก คราวนี้โกรธจนน้ำตาไหล
“หยุดเห็นฉันเป็นของเล่นของคุณเสียที ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของคุณนะ”
แพทน้ำตาไหลด้วยความเจ็บใจ น้อยใจที่พีทใจร้าย หยาบคาย เจ็บใจตัวเองที่ไปรักคนอย่างนั้น
พีทมองสีหน้าแพทอย่างตกใจ ที่ตัวเองลืมตัวทำอะไรบ้าๆ ลงไปกับคนที่ตัวเองชอบ
แพทหันหน้ากลับแล้วเดินจากไป
“เดี๋ยว” พีทดึงแขนแพทไว้เต็มแรง แพทเซมาปะทะอกทั้งคู่สบตากันในระยะกระชั้นชิด
“ผมไม่เคยเห็นคุณเป็นของเล่นเลย”
พีทก้มลงจูบแพทอีกครั้ง คราวนี้อ่อนโยนนุ่มนวลเหมือนขอโทษ แพทอึ้งทำอะไรไม่ถูก ดูออกจะสมยอมนิดๆ ในความอ่อนโยนของพีท
“นั่นแกกำลังทำอะไรอยู่ยายแพท” เสียงทิพปภาดังขึ้น
แพทกับพีทสะดุ้ง แพทผละออกจากพีทอย่างรวดเร็ว มองทิพปภาที่เดินหน้าเหี้ยมตรงเข้ามาอย่างลนลานทำอะไร พีทเองก็เงอะงะ
ทิพปภาเดินมาใกล้ ตบหน้าแพทเต็มแรง พีทตะลึง
“คุณน้า!”
ทิพปภามองพีทอย่างแค้นเคือง แล้วหันมาเฉ่งแพท
“แกทำอย่างนี้ได้ยังงัย...เค้าเป็นคู่หมั้นของหลานสาวแท้ๆ ของแกนะ”
แพทหน้าชา ทิพปภาหันหน้ากลับ เดินหนีออกไปทันที
แพทได้สติ วิ่งตามไปทันที
“พี่ทิพคะ” แพทตามทิพปภาไป

ส่วนที่ด้านหลังพีทยืนงง สับสนอารมณ์ของตน แต่มั่นใจว่าตัวเองรักผู้หญิงเรือพ่วงคนนี้แน่นอนแล้ว 

อ่านต่อหน้า 3

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 15 (ต่อ)

ทิพปภาเดินหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับมา แพทวิ่งตามมาร้องเรียกไว้

“พี่ทิพคะ”
แพทวิ่งจนไปดักหน้าทิพปภาจนได้ ทิพปภามองมาอย่างเย็นชา
“พี่ทิพคะ ฟังแพทก่อนนะคะ”
“เพราะแบบนี้ใช่มั้ย แกถึงไม่ยอมให้ยายรัญแต่งงานแต่แรก ไม่งั้นเรื่องทุกอย่างมันก็จบไปตั้งนานแล้ว”
“ไม่ใช่นะคะ แพทไม่ได้คิดแบบนั้น แพทเป็นห่วงรัญจริงๆ”
“ห่วงบ้าบอนะซิ ฉันเห็นกับตา ว่าแกทำอะไรลงไป แกกะจะเอาคุณพีทไว้เองตั้งแต่แรกแล้ว ที่คุณพีทเค้ารู้เรื่องทุกอย่างจนโกรธขนาดนี้ ก็เป็นฝีมือแกเหมือนกันใช่มั้ย แกจงใจพานายธาริศไปที่นั่นเมื่อคืนนี้ เรื่องมันถึงได้ลุกลามใหญ่โต”
แพทเสียใจสุดขีด “พี่ทิพ...พี่ทิพเคยเลี้ยงแพทมา พี่ทิพคิดว่าจะแพทมีนิสัยอย่างนั้นเหรอคะ”
“ฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าการ ป้อนข้าวป้อนน้ำให้แกกินแทนแม่แก มันไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับแก แกถึงตอบแทนฉันแบบนี้ ...คนอกตัญญู!”
แพทจี๊ด เข้าไปถึงหัวใจ น้ำตาเอ่อ “พี่ทิพ ก็รู้ดีว่ามันไม่จริง แพทรักและเคารพที่ทิพเหมือนแม่คนหนึ่งเสมอ”
“ถ้าแกรักฉันเหมือนที่ปากแกว่า แกก็พิสูจน์ให้ฉันเห็นซิ”
“พี่ทิพจะให้แพททำอะไร แพทยินดี”
“ทำให้คุณพีทหายโกรธยายรัญ แล้วก็กลับมาแต่งงานกับยายรัญให้ได้ แกก็รู้นี่นาว่าอนาคตของยายรัญจะมั่นคงขนาดไหนถ้าได้แต่งงานกับคุณพีท”
แพทปวดใจจี๊ด แต่กล้ำกลืนน้ำตา
“ค่ะ...พี่ทิพไม่ต้องห่วงแพทจะทำให้คุณพีทกลับมารักยายรัญให้ได้”
ทิพปภาอึ้งไปนิดนึง แล้วเดินออก รู้สึกผิดนิดๆ ที่ว่าแรงเกินไป
ส่วนด้านหลัง แพทน้ำตาหยดเผาะ ปวดใจเพราะรู้ดีว่ารักพีทมากแล้ว

ด้านรัญธิดากลับเข้าบ้านมาสภาพหมดเรี่ยวแรงใจ จนต้องทิ้งตัวลงนั่ง เสียงโทรศัทพ์ดัง รัญธิดาเปิดกระเป๋าตัวเองดู ก็ยังอยู่ ลุกขึ้นเดินดู เห็นเป็นโทรศัทพ์ซึ่งวางอยู่ที่โต๊ะอาหารที่ดัง
“สวัสดีค่ะคุณครู พอดีน้าแพทลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านน่ะค่ะ คุณครูมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ...อะไรนะคะ อะตอมอยู่โรงพยาบาล”

ไม่นานต่อมารัญธิดาวิ่งมาอย่างตกใจ มองหาครูก่อนจะวิ่งไปหา ครูรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“เกิดอะไรขึ้นคะครู...อะตอมเป็นอะไรไป”
“อะตอมเลือกกำเดาไหลค่ะ แต่ชั่วโมงหนึ่งแล้วยังไหลไม่หยุดเลย คุณครูเลยพามาส่งโรงพยาบาล”
รัญธิดาตกใจ “แล้วคุณหมอว่ายังไงบ้างคะ”
“ตอนนี้เลือดหยุดแล้ว แต่คุณหมอก็อยากให้เช็ค ละเอียดอีกที แต่อะตอมแกร้องไห้ไม่ยอมให้ตรวจท่าเดียวนะคะ”
“ขอบคุณคุณครูมากนะคะ เดี๋ยวรัญ ดูแลแกต่อเอง”
“งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” ครูออกไป
รัญธิดาเปิดเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

พอรัญธิดาเปิดประตูเข้ามา เห็นอะตอมกำลังร้องไห้อยู่กับพยาบาลที่ปลอบโยนอยู่
“ฮือๆๆ ไม่เอา ๆ อะตอมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”
รัญธิดาเข้ามาใกล้ๆ “ถ้างั้นอย่าร้องซิ หรือว่า เจ็บตรงไหนบอกพี่”
“ไม่เจ็บ แต่อะตอมไม่อยากหาหมอ ตอมกลัวคุณหมอฉีดยาตอมอีก ฮือๆ ๆ”
“เอ...พี่รัญเคยได้ยินใครพูดน้า ว่าตอมเป็นผู้ชายคนเดียวของบ้าน จะดูแลคนทั้งบ้าน แต่หาหมอแค่นี้ ก็ร้องไห้แล้ว แบบนี้จะไหวรื้อ”
อะตอมครุ่นคิดนิดหนึ่ง แล้วจึงหยุดร้องไห้
“ไหว...ตอมทำได้ ตอมจะดูแลแม่แพท พี่รัญ แล้วก็ป้าทิพ”
พยาบาลยิ้มเอ็นดู รัญธิดาส่งซิกพยาบาลพยักหน้าแล้วเดินออกไป
“แต่ถ้าพี่รัญอยากให้ตอมหยุดร้องไห้สนิท พี่รัญพาอะตอมไปกินไอติมซิ ตอมจะหยุดร้องแล้วให้หมอตรวจเลย”
รัญธิดาอดขำไม่ได้ “เจ้าเล่ห์นักนะเรา ตัวแค่นี้รู้จักต่อรองแล้ว”
อะตอมยิ้มหวานให้ รัญธิดาส่ายหน้า แต่ก็ยอมพาอะตอมเดินออกไป
“ไป..แต่ต้องกลับมาให้คุณหมอตรวจอีกทีนะ”
“ครับ”
ทั้งคู่เดินออกจากห้องไป
รัญธิดาจูงอะตอมที่ร่างเริงเป็นคนละคน เดินไปกระโดดไปเพราะจะไปกินไอติม ส่วนอีกทางสวนทางกัน ธาริศ กับทักษอร เดินเข้ามา โดยไม่เห็นกัน

ฟากเตอร์ยังร้องไห้ตาบวม ทิชชูเต็ม แพทยื่นทิชชูให้เศร้าๆ
“ตกลงใครเป็นคนโดนด่ากันแน่ แกหรือฉัน พอได้แล้ว”
“ทำไมพี่ทิพ เค้าพูดถึงพูดจาทำร้ายจิตใจกันได้ขนาดนี้ นี้เค้าไม่เห็นความรักของแกเลยเหรอ ที่แกเลี้ยง ยายรัญ เลี้ยงอะตอม แบบนี้ยังว่าแกอกัตญูอีกเหรอ เค้าไม่รักแกเลยหรือไง”
“รักซิ แต่เค้ารักรัญมากกว่า”
“เลยมาทำร้ายแกแทน ใจร้ายที่สุด...เป็นชั้นนะ ฉันจะไม่มีวันพูดจาทำร้ายคนที่ฉันรักแบบนี้หรอก มันเลือดเย็นเกินไป”
“น่าสงสารเค้าต่างหาก ทุกอย่างที่เค้าทำก็เพื่อรัญ เพื่อชดเชยกับการที่เค้าไม่ได้เลี้ยงรัญมา”
เตอร์มองแพทอย่างสงสาร “แล้วจะทำยังไงกับหัวใจแกเอง...ตอนนี้คุณพีทเค้าก็เลิกกับยายรัญแล้ว เขาน่าจะ...”
แพทขัดขึ้น “หัวใจของชั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้..เวลานี้ชั้นคิดแต่ว่าจะทำยังไงคุณพีทถึงจะกลับมาแต่งงานกับยายรัญได้ ชั้นจะทำไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม”
เตอร์ปวดตับ “แพท...แกจะบ้าเหรอ”
แพทไม่ฟัง “เตอร์...ในเมื่อแกรู้เรื่องทุกอย่างในครอบครัวของชั้นหมดแล้ว แกต้องช่วยชั้นนะ”
เตอร์ปิดหู “โอ๊ย ไม่รู้ชั้นไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น โอ้ย! จะบ้าตาย!”
เตอร์เดินหนีไปที่เคาน์เตอร์ แพทนั่งซึม เตอร์หันมามองสงสารแพทจับใจ

ด้านธาริศกับทักษอร อยู่หน้าห้องตรวจ
“นี่พี่ธาริศคิดว่าอรโกหก เพื่อไม่ยอมให้พี่หย่างั้นเหรอคะ”
“ถ้าอรมั่นใจ มันก็ไม่มีอะไรต้องกลัวนี่ เราตรวจไว้ก็ดีแล้วจะได้ดูแลตั้งแต่ต้น เพราะอรไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว”
“เอาซิคะ อรพร้อม”
พยาบาลเดินเข้ามาพร้อมทั้งที่ใส่ปัสสาวะ
“เดี๋ยวรบกวนเก็บตัวอย่างปัสสาวะให้ด้วยนะคะ”
ทักษอรยื่นมือไปรับ มือสั่นนิดๆ
ธาริศไม่ทันมอง “แล้วจะรู้ผลวันนี้เลยใช่มั้ยครับ”
พยาบาลพูดอย่างเอ็นดู “คุณพ่อใจร้อนจังนะคะ แน่นอนค่ะ”
พยาบาลเดินออกไป ธาริศหันมองทักษอรซึ่งเชิดหน้า ทำท่าไม่แคร์ ชูที่ใส่ปัสสาวะเป็นเชิงอวดว่าเดี๋ยวคอยดู ก่อนจะเดินไปทางห้องน้ำ

ธาริศมองตามพร้อมกับทอดถอนใจ ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึก...ดีใจหรือเสียใจ กับการตรวจครรภ์ครั้งนี้ 

ธาริศยืนรออยู่หน้าห้องน้ำหญิงของโรงพยาบาล ดูนาฬิกากระวนกระวายใจนิดๆ ส่วนด้านในห้องน้ำทักษอรยืนมองขวดเก็บปัสสาวะอย่างว้าวุ่น

“จะทำยังไงดีนะ”
เสียงแมสเสจดัง ทักษอรหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า รีบกดดูข้อความ “มาถึงแล้ว”
แล้วยิ้มออกมาอย่างดีใจ
ทักษอรเปิดประตูออกมา ท่าทางเริดๆเชิดๆ เดินมาหาธาริศพลางบ่นๆ
“ไม่รู้จะต้องมาตรวจที่โรงพยาบาลทำไมกัน ทำที่บ้านก็ได้”
“มาตรวจที่โรงพยาบาลนี่แหละจะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด”
ทักษอรอึ้งไปนิด ธาริศเห็นท่าทางอรแล้วรู้สึกว่าตัวเองใจร้ายเกินไปท่าทีเลยอ่อนลง
“พี่หมายถึง พี่ไม่อยากเห็นอรเสียใจอีก ถ้านึกว่าใช่แล้วมันไม่ใช่ น่ะจ้ะ
ทักษอรเชิดใส่ แล้วชูขวดให้ดู สีหน้าปกติ
“ยังไม่ได้เลยค่ะ ทานน้ำซักขวดคงช่วยได้ พี่ธาริศช่วยไปซื้อให้อรหน่อยได้มั้ย”
ธาริศมองอย่างรู้เท่าทันว่าทักษอรพยายามจะลีลา
“โอเค” ธาริศนิ่งคิด...จะดูซิว่ามีลูกเล่นอะไรอีกแล้วเดินไป
ทักษอรรีบสอดตาเดินมองหาว่าเฉิดโฉมอยู่ไหน จนเห็นเฉิดโฉมโบกมือหยอยๆ อยู่ และรีบย่องๆมาหา
“ทำไมเพิ่งมา”
“คุณอรขา ฉี่คนท้องมันไม่ได้มีขายตามตลาดนะคะ ในเซเว่นก็ไม่มีขาย ฉันหามาได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“พอแล้วไม่ต้องพูดมาก เอามาซิก่อนพี่ธาริศจะกลับมา”
เฉิดโฉมส่งหลอดน้ำปัสสาวะให้ ทักษอรรับมาอย่างขยะแขยงหน่อยๆ แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป

ด้านพีทยืนซึม คิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป เจ็บใจตัวเองที่ดันไปชอบผู้หญิงที่ไม่น่าไว้วางใจอย่างแพท
ประทินเดินเข้ามาเห็นพีทเข้าก็ตกใจ
“คุณพีทยังไม่กลับบ้านอีกเหรอครับ”
พีทรู้สึกตัว “ยังเลย...แต่เดี๋ยวก็กลับละ”
ประทินมองเจ้านายด้วยความสงสาร พีทลูบหน้าประทินเลยสังเกตเห็นแหวนที่รัญธิดาเพิ่งคืนให้ยังสวมอยู่ในนิ้วของพีท ก็เข้าใจว่าพีทคงเสียใจเรื่องรัญ
“แล้วคุณพีทจะบอกแม่นายว่ายังไงครับ เรื่องของรัญ”
พีทชะงักมองแหวนในมือ แล้วหนักใจ
“คุณประทินยังไม่ต้องบอกอะไรทั้งนั้น แล้วก็ระวังอย่าให้ใครไปพูดเรื่องนี้ให้แม่ฟัง...แล้วผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“ครับผม”
ประทินทำท่าจะเดินออกไป
“คุณประทิน” ประทินชะงักแล้วลังเลนิดหน่อยก่อนถาม “คุณ...แพทกลับรึยัง”
“เอ....ท่าจะกลับนานแล้วนะครับ ผมไม่เห็นเลย...คุณพีทมีธุระอะไรด่วนรึเปล่า เดี๋ยวผมโทร.ไปตามให้”
“ไม่มีอะไร...คุณประทินกลับไปก่อนเถอะ”
ประทินก้มหัวให้แล้วออกไป พีทยืนนิ่งถอนใจยาว

ฟากธาริศกับทักษอรนั่งอยู่หน้าโต๊ะวินิจฉัยโรค กับคุณหมอซึ่งกำลังยิ้มให้
“ผลตรวจออกมาเป็นโพสซิทีฟ ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”
ทักษอรยิ้มเยาะสามี “อย่างนี้เชื่อรึยังคะพี่ริศ ว่าอรท้องจริงๆ”
หมอชำเลืองมองธาริศเป็นเชิงตำหนินิดๆ ธาริศรู้สึกผิด
“เชื่อสิจ๊ะ ทำไมจะไม่เชื่อ”
“แล้วพี่ดีใจช่มั้ยคะ ที่เรากำลังจะมีลูกกัน...อรมีความสุขจังเลยคะ”
ทักษอรโผเข้ากอด ธาริศจำต้องโอบไว้

ตรงทางเดินหน้าห้อง สองคนเปิดประตูห้องตรวจออกมา
ทักษอรทำหน้าเศร้า “พี่ริศจะกลับกรุงเทพฯ ก็ได้นะคะ อรจะไม่รั้งพี่เอาไว้...เราจะหย่ากันก็ได้ ลูกในท้องคนเดียวอรเลี้ยงได้คะ”
“อร อย่าพูดอย่างนั้นสิ พี่ขอโทษ”
“อรไม่อยากให้พี่ธาริศทุกข์ใจอีก..ไม่อยากให้พี่จำใจต้องอยู่กับอรเพราะลูก”
“พี่ขอโทษที่ทำร้ายจิตใจอร..เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ”
ทักษอรตีบทแตกกระจุย น้ำตาคลอเบ้า “พี่ริศแน่ใจนะคะ”

จังหวะนี้อะตอมกับรัญธิดา เดินเข้ามาอีกมุม
“ไอศกรีม ก็กินแล้ว ร้องก็ไม่ร้องแล้ว คราวนี้คงให้หมอตรวจได้แล้วนะ”
“แต่ตอมไม่ได้เป็นไรแล้วนี่ ดูซิฮะ” อะตอมยกรูจมูกให้ดู “เลือดไม่ไหลแล้วนะฮะ”
รัญธิดาก้มลงตรวจดูจมูก ขณะที่อะตอมมองไปอีกทาง เห็นทักษอรโผเข้ากอดธาริศอย่างซึ้งใจพอดี
อะตอมดีใจวิ่งปรู๊ดไปหา
“อ้าว จะไปไหนล่ะอะตอม”
รัญธิดาวิ่งตามแล้วชะงัก เมื่อเห็นอะตอมวิ่งไปกอดขาธาริศอย่างดีใจ
“อาริศ...ตอมคิดถึงอาริศจังเลย”
“อาก็คิดถึงอะตอมเหมือกัน”
ทักษอรมองตาขวางไปที่รัญธิดาทันที ธาริศมองตาม รัญธิดาตะลึงแล้วรีบหลบตาหันไปทางอื่น
ทั้งหมดอึดอัด มีอะตอมไม่รู้เรื่องคนเดียว
“อาริศไม่สบายเหรอครับ ถึงมาหาหมอ”
ธาริศละสายตาจากรัญธิดา “เปล่าครับ อาอรต่างหากที่ไม่สบาย..แล้วอะตอมล่ะเป็นอะไรไป”
“ตอมสบายดีครับ ตอมแข็งแรง แต่พี่รัญไม่ยอมเชื่อ” อะตอมเบ่งกล้ามอวด
“นี่จะกลับกันได้หรือยังคะ พี่ธาริศ อรชักคลื่นไส้แล้ว ขอโทษทีนะ คนท้องก็แบบนี้แหละ”
รัญธิดาตะลึง แต่ยังไม่หันกลับมา ทักษอรเดินเข้าไปหา
“เจอเธอก็ดีแล้ว รัญธิดา...เธอคงยังไม่รู้ข่าวดีของเราสองคน เรากำลังจะมีลูกกัน ลูกของฉันกับพี่ธาริศ”
รัญธิดาหันมามองเฉพาะหน้าพูดเสียงเรียบๆ “ยินดีด้วยค่ะ”
ทักษอรลดเสียงให้เบาลง “ก็คิดว่า พวกที่ชอบลักกินขโยกินสามีชาวบ้านคงรู้เสียทีว่าใครเป็นตัวจริง หวังว่าคงไม่หน้าด้านสิ้นคิด แย่งพ่อของเด็กตาดำ ๆที่กำลังเกิดมาหรอกนะ” แล้วหันมาทางอะตอม “ต่อไปอาธาริศเค้ามีลูกแล้วคงไม่ว่าง พาเด็กไม่มีพ่ออย่างหนูไปไหนต่อไหนอีกแล้วนะ”
ธาริศไม่พอใจ “อร”
รัญธิดาตัวชา
ทักษอรทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งจะอาเจียน “ไปกันเถอะคะ พี่ธาริศ อรไม่ไหวแล้ว โอ๊ย...”
“อาไปก่อนนะครับอะตอม”
ธาริศมองรัญธิดาที่ยังไม่ยอมหันมามอง ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน
ทักษอรลากธาริศออกไป
“ทำไมแฟนอาริศถึงได้ใจร้ายจังละครับพี่รัญ” อะตอมบ่น
รัญธิดากลั้นน้ำตา ฝืนยิ้มบอกให้อะตอมเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร
“ช่างเค้าเถอะ อะตอม”
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเถอะครับ ตอมอยากกลับบ้านแล้ว”
รัญธิดาพยักหน้าส่งๆไป
อะตอมร้อง “เย้...”

เด็กชายตัวน้อยรีบวิ่งนำไป เพราะกลับโดนจับหาหมออีก รัญธิดาเดินใจลอยตามไป โดยไม่รู้สึกตัว

อ่านต่อหน้า 4

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 15 (ต่อ)

กลับถึงบ้านตอนค่ำ รัญธิดาขึ้นชั้นบนเดินเข้าห้องมา พอประตูปิดลง ความเข้มแข็งทั้งหมด ปาลาสะนาไปทันที หญิงสาวทรุดลงกองกับพื้นห้อง น้ำตาไหลพราก สะอื้นฮักๆ และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ด้านแพทยืนเหม่ออยู่ในห้องนอน ภาพจำหลายเหตุการณ์ระหว่างเธอกับพีทผุดขึ้นมาราวสายน้ำไหล ทั้งตอนผจญภัยด้วยกัน แพททะเลาะพีท พีทด่าแพทกลับ และพีทจูบแพท กระทั่งเหตุการณืสุดท้ายตอนรัญธิดาที่บอกแพทว่าจะลืมอดีตทั้งหมด ถ้าหากได้แต่งงานกับพีท
ภาพเหล่านั้นเลือนหายไป แพทน้ำตาคลอ สับสนว้าวุ่นในใจ

ขณะเดียวกันพีทประคองกันตาที่ดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ให้กินยา กันตายิ้มกิริยาเพลียๆ แล้วลูบแก้มลูกชายอย่างอ่อนโยน ก่อนหลับตาลง
พีทห่มผ้าให้แม่ แล้วลุกขึ้นมายืนมองหน้าเศร้าๆ ครู่หนึ่งพีทก้มลงมองแหวนที่เคยให้รัญธิดา แล้วเงยหน้าขึ้นมาท่าทางลังเล

ฟากแพททรุดลงนั่งที่เตียงอย่างโรยแรง คิดถึงเหตุการณ์ตอนที่ถูกทิพปภาด่าเรื่องพีท และยื่นคำขาดว่าให้ทำยังไงก็ได้ที่จะให้รัญธิดากลับไปคืนดีกับพีท
แพทกล้ำกลืนน้ำตา แล้วฮึดเหมือนตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

เช้าวันต่อมาแพทเดินหงอยๆ มาตามทางในออฟฟิศของรีสอร์ต จู่ๆ ประตูห้องน้ำเปิดออกอย่างกะทันหัน พีทเดินออกมา ทั้งคู่ชะงักตกใจ
แพทได้สติหันหลังกลับทันที
“เดี๋ยว...เมื่อวานเป็นยังไงบ้าง...คนเลี้ยงคุณเค้าว่าอะไรรึเปล่า” พีทหมายถึงทิพปภา
แพทไม่สบตา “ไม่มีอะไรนี่คะ”
พีทโล่งอก เพราะเป็นห่วงแพท “งั้นก็ดีแล้ว...ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”
“แต่ชั้นไม่ว่างคะ...ต้องทำงาน”
แพททำท่าจะเดินไป
“คืนนี้ทุ่มตรงไปพบกับผมที่บ้านพัก ผมมีเรื่องสำคัญมากที่คุณจะต้องฟัง”
พูดจบพีทเดินไปเลย แพทหันขวับกลับมาด้วยความโกรธ
แพทตะโกนไล่หลัง “แล้วทำไมชั้นจะต้องฟังคุณด้วย...ชั้นไม่ไปหรอก คนบ้า”
พีททำเหมือนไม่ได้ยิน ไม่ได้หันหลังกลับมามอง แพทฮึดฮัดอยู่คนเดียว

พีทเดินท่าทางอารมณ์เสียเข้ามาตรงคอกม้า เริ่มทำงานบางอย่าง ทำไปนิดหนึ่งก็ยิ้มออกมา เพราะอารมณ์ดี ที่ได้แกล้งแพท
ธาริศเดินเข้ามาเงียบๆ พีทเงยหน้าขึ้นมาเห็นก็ชะงัก ธาริศเดินเข้ามาใกล้ ต่างคนต่างดูเชิงกัน พีทยังเมินๆ
“เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด มันเป็นความผิดของผมคนเดียว ผมขอโทษครับพี่พีท” ธาริศยกมือไหว้ “อย่าโกรธรัญเค้าเลยนะครับ”
พีททอดถอนใจ “แล้วนายจะทำยังไงต่อไป”
“เรื่องของผมกับรัญมันจบไปแล้ว อย่างที่บอก...มันเป็นแค่อดีตที่ยาวนาน เป็นความรักที่ฝังใจ แต่ในเมื่อเราต่างคนก็มีพันธะมันก็ควรที่จะจบลงแค่นั้น”
พีทมองธาริศท่าทีอ่อนลง เริ่มสงสาร
“ถ้านายยังรักรัญจริง ทำไมถึงไม่พยายามต่อสู้เพื่อให้ได้ความรักคืนมาล่ะ”
“อรกำลังจะมีลูกครับพี่พีท ผมทำไม่ได้ มันสายเกินไปแล้ว”
พีทอึ้ง มองอย่างเข้าใจ
“ฝากดูแลด้วยนะครับ พี่พีทเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด พี่คงจะทำให้รัญมีความสุขและมีรอยยิ้มได้อีกครั้งนึง”
พีทถอนใจยาว ครุ่นคิดก่อนพูดบอก
“ไม่แน่หรอกนะธาริศ...ชั้นอาจจะทำอะไรบางอย่าง แต่นายหรือทุกๆ คน คาดไม่ถึงก็ได้”
ธาริศมองอย่างประหลาดใจ พีทมีสีหน้ามุ่งมั่น จริงจังมาก

ด้านรัญธิดากับแพทเดินจะไปโรงอาหารพนักงาน ผู้คนเดินสวนมาสะกิดกันซุบซิบ บางคนที่ยืนจับกลุ่มกันอยู่ ก็มองเมื่อรัญธิดาไปถึง แล้วสุมหัวกันเม้าท์
“ฮ้า! จริงเหรอ…” รายแรกบอก
“ทำม้าย... ถึงได้เป็นคนร้ายกาจแบบนี้ ไม่น่าเชื่อเลย” อีกคนว่า
รัญธิดาชะงัก ก้าวขาเดินต่อไม่ออก น้ำตาคลอ แพทแตะแขนเบาๆ
“รัญ ไม่อยากทานข้าว...รัญไม่หิว...น้าแพทไปคนเดียวก็แล้วกัน”
แพทพูดปลอบอย่างเข้มแข็ง “รัญถ้ารัญหนีตอนนี้ก็คงต้องวิ่งหนีปัญหาไปตลอดชีวิต”
“แต่น้าแพทก็เห็นสายตาของคนพวกนั้น...”
“รัญต้องเข้มแข็ง ต้องคิดให้ได้ว่าเราก้าวพลาดไปแล้ว แต่ก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่”
“เริ่มต้นเหรอคะ รัญยังไม่เห็นมีทางไหนเลยที่จะเริ่มต้นใหม่ได้”
แพทมองหลานสาวด้วยท่าทีอ่อนโยน และน้ำตาคลอตามรัญธิดาด้วยความสงสารสุดขีด
“ต้องมีสิรัญ...น้าแพทคนนี้แหละที่จะทำทุกอย่างเพื่อจะหาทางเริ่มต้นใหม่ให้รัญเอง...คอยดูสิ”
รัญธิดามองแพทอย่างท้อแท้ ไม่อยากเชื่ออะไรอีกแล้ว แต่ดูแพทมีท่าทางมุ่งมั่น ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

แพทยังไม่มาพบพีทตามนัด พีทรออยู่ในบ้านพักส่วนตัวของพีทในรีสอร์ต นาฬิกาใหญ่บอกเวลา ทุ่ม 45 นาที แล้ว พีทยืนมองแล้วถอนใจ บอกตัวเองเสียงเศร้าๆ
“นี่ คุณจะไม่ยอมฟังเรื่องที่ผมอยากบอกจริงๆ เหรอ”
เสียงออดดังขึ้น พีทกระปี้กระเป่ารีบลุกขึ้นทันที ท่าทางดีใจเหมือนเด็กๆ แต่แล้วก็นึกได้ว่าเสียฟอร์ม ก็เลยลงนั่งอีกครั้ง ทำท่าชิลๆ รอจนเสียงออดดังอีกครั้ง ก็เริ่มจัดเสื้อผ้าให้เทห์ๆ จนออดดังครั้งที่ 3 ถึงได้ลุกไปเปิดประตู
ที่หน้าประตูบ้านแพท มีท่าทางเขินๆ แปลกๆ เพราะต้องง้อผู้ชายคนนี้ ในมือถือกล่องขนมเค้กมาด้วย
พีทมองหัวจรดเท้า ทักเสียงเนือยๆ เหมือนไม่ยินดียินร้าย
“นึกว่าคุณจะไม่มาแล้วซะอีก... เชิญครับ”
พีทเดินหน้าเข้ามาหา แต่ก็ลอบมองตลอด แพทยินเก้ๆ กังๆ ดูไม่มั่นใจนัก
“คุณทานข้าวมารึยัง ผมให้เด็กตั้งโต๊ะรอไว้แล้ว...เชิญ”
พีทผายมือไปทางโต๊ะทานอาหารที่จัดเต็มและสวยงามมาก แต่แพทมัวแต่จมอยู่กับความผิดของตัวเองเลยไม่ทันมอง
“ชั้นกินมาแล้วค่ะ” พีทหุบยิ้มทันควัน “ชั้นมีเรื่องอยากพูดกับคุณ”
“ใจตรงกัน ผมก็มีเรื่องที่อยากจะพูดกับคุณ ...นั่งก่อนสิ”
พีทลงไปนั่ง แพทร้อนใจนั่งไม่ลง
“ขอชั้นพูดก่อนนะคะ...ชั้นขอโทษกับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาที่ชั้นทำตัวไม่ดีกับคุณแล้วก็เหมือนหลอกลวงคุณเรื่องยายรัญ...แต่ชั้นสาบานนะว่าชั้นไม่เคยรู้เรื่องคุณธาริศมาก่อนเลย จนมารู้ก่อนคุณแค่ไม่กี่วัน”
พีทถอนใจเบื่อๆ “เอาเหอะ ผมเบื่อเรื่องนี้เต็มทนแล้ว..ขอผมพูดบ้าง คือ...”
แพทตัดบท “ไม่ได้คะ เราต้องพูดกันเพราะเรื่องนี้สำคัญมาก ชั้นไม่อยากให้คุณเข้าใจผิด แล้วก็โกรธยายรัญต่อไป เรื่องในอดีตมันก็คืออดีต ไม่ควรจะเก็บมาสนใจ”
“โอเค โอเค ผมไม่คิดแล้วก็ได้ พอใจมั้ย”
แพทถอนใจ โล่งอก ยิ้มออก “ถ้างั้น กินเค้กนี้นะคะ ชั้นทำมาให้คุณสุดฝีมือเลย”
“ทำให้ผม?” พีทฉงน “แล้วนี้มันใช่เวลาจะกินเค้กมั้ย คุณฟังเรื่องที่ผมจะพูดบ้างซิ”
“กินก่อนเถอะค่ะ นะคะ ชั้นจะได้สบายใจ ว่าคุณยกโทษให้พวกเราแล้วจริงๆ”
แพทรีบเดินไปที่โต๊ะ เอาจานมาใส่เค้ก
“แพท คุณแพท…”
พีทอ้าปากจะพูดแล้วหุบปาก พยายามสงบสติอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิดแพทขึ้นมาอีกแล้ว เกาหัวอย่างงุ่นง่าน ไม่รู้จะทำยังไงดี

ขณะเดียวกันอะตอมวิ่งเล่นคึกคักอยู่คนเดียวในบ้าน รัญธิดานั่งซึมอยู่ที่มุมห้อง ทิพปภามองชะเง้อออกไปข้างนอก
“ยายแพทไปไหน บอกว่าจะกลับมากินข้าวด้วยกันก็ไม่ยักมา”
“นั่นซิฮะ หมู่นี้อะตอมไม่ได้กินข้าวกับแม่แพทเลยสักวัน อะตอมจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาอยู่แล้วนะป้าทิพ” อะตอมบอก
ทิพปภาขำ หัวเราะอะตอมดังๆ กอดหลานไว้อย่างรักใคร่ รัญธิดายังคงนั่งซึม ไม่สนใจอะไร

เค้กฝีมือแพท ถูกจัดใส่จานวางลงตรงหน้าพีท
“นี่คะ เค้กที่ทำจากความสำนึกผิด จากใจของชั้น ทานสักคำสิคะ”
พีทถอนใจ มองหน้าแพทเซ็งๆ แล้วจ้องแพทที่เผลอนั่งคุกเข่าวางจานเค้กต่อหน้า และนึกบางอย่างออก ทำท่าเฉยเมย เก๊กสุดขีด เหมือนเด็กเกเร
“ผมไม่อยากกิน”
แพทชะงัก หน้าเสีย
“ไหนคุณบอกว่า คุณไม่โกรธแล้ว...”
“ถ้าจะให้ผมกินจริงๆ ก็ป้อนผมสิ”
แพทลังเล ระแวงในพฤติกรรมที่ผ่านมาของพีท จนพีทลุกขึ้นท่าทางปั้นปึ่ง
“ตามใจนะ ผมก็ไม่อยากยกโทษให้คุณเท่าไหร่หรอก”
แพทรีบลุกขึ้น
“ไม่ได้นะคะ คุณต้องรับคำขอโทษจากเรา”
พีทมองหน้าแพทนิ่งๆ แพทค่อยๆ ตักเค้กอย่างลังเล ก่อนจะยอมตักป้อนให้ แต่พีทเบือนหน้าหนี แพทชะงัก
พีทบอกเสียงดุๆ “หน้าตาไม่เต็มใจอย่างนี้ เต็มใจขอโทษรึเปล่าเนี่ย”
แพทถอนใจยาว เริ่มรำคาญความเยอะ แล้วฉีกยิ้มค่อยๆ ป้อนเค้กให้ พีทอ้าปากรับเค้ก แล้วจับมือแพทเอาไว้ด้วย ตาสบตากัน เหมือนโลกหยุดหมุน บรรยากาศอึดอัด แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานและอบอุ่น
พีทค่อยๆ ยิ้มให้ หน้าตาเต็มไปด้วยความรัก
“คราวนี้คงถึงเวลาที่ผมจะพูดบ้างแล้ว เรื่องของเรา”
แพทได้สติถอยห่างออกมา ทำเหมือนไม่ได้ยิน
“ขอบคุณนะคะที่ยอมรับคำขอโทษ ตอนนี้คุณก็หลายโกรธแล้ว กลับไปหายายรัญเถอะคะ รัญกำลังเสียใจมากนะคะ”
พีทโพล่งขึ้น “แต่ผมไม่เคยรักรัญธิดา” แพทอึ้งตะลึงงัน
“อะไรนะคะ”
“ที่ผ่านมาผมก็แค่หน้าคนที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด เพื่อจะแต่งงานให้แม่สบายใจ ผมรู้ว่าผมผิด ผมขอโทษ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมรักใคร”
แพทลนลานร้อนตัว “ไม่นะคะ รัญเป็นคนดีมากคะ รัญเป็นคนที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณจริงๆ นี่แสดงว่าคุณยังไม่หายโกรธรัญจริงๆ ใช่มั้ยคะ...หายเถอะค่ะ ชั้นไหว้ล่ะ กลับไปหายายรัญเถอะ”
“นี่คุณทำทุกอย่างก็เพื่อรัญธิดาเหรอเนี๊ยะ แล้วเรื่องของเราล่ะ”
“ไม่เคยมีเรื่องของเราหรอกค่ะ เราเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้อง แล้วชั้นก็เป็นน้าของรัญเท่านั้น”
“แล้วที่เราจูบกับล่ะ...”
แพทอึ้ง ก่อนจะมองพีทอย่างเฉยเมย
“ตลกจังเลย คุณถามเหมือนเด็กๆ กะอีแค่จูบ มันไม่ได้มีความหมายอะไรสักหน่อย...”
พีทชักโกรธ “ยังงั้นเหรอ....มันไม่มีความหมายอะไรเลยใช่มั้ย...ดี”

ว่าแล้วพีทดึงแพทเข้ามาแล้วจูบอย่างรุนแรงและบ้าคลั่ง

แพทผลักพีทออกแล้วตั้งท่าจะวิ่งหนี แต่พีทกระชากกลับมาแรงๆ แพทเสียหลักล้มบนโซฟา พีทโถมตัวก้มลงไปจูบอีกด้วยความเจ็บแค้นเต็มกำลัง

จนสักครู่หนึ่ง พีทได้สติลุกขึ้นมา พยายามสงบอารมณ์
“ผมขอโทษ...คุณไม่น่ายั่วโมโหผม”
แพทค่อยๆ ลุกนั่งข้างๆ ผมเผ้า เสื้อผ้ายับเยิน แต่ยังเยือกเย็น ทั้งๆ ที่ใจบอบช้ำปวดร้าวเหลือเกิน
“คุณจะทำอะไรกับชั้นก็ได้ค่ะ ถ้าคุณกลับไปคบกับยายรัญอีก ชั้นยินดี”
พีทตกตะลึกมองแพทอย่างไม่เชื่อสายตาแล้วลุกขึ้นยืน
“คุณมันเป็นคนบ้า คุณไม่มีหัวใจ คุณแพท!”
พีทโกรธสุดขีด ผลุนผลันออกไป ปิดประตูปัง แพทนั่งนิ่ง น้ำตาไหลพรากๆ ปวดร้าวใจเหลือแสน

ด้านทิพปภาเดินลงมาจากชั้นบน ท่าทางกังวลจัด ชะเง้อไปดูทางประตูเข้าบ้าน พร้อมกับพึมพำ
“ไปไหนน้า...โทรศัพท์ก็ไม่ยอมเปิด”
เสียงรถแล่นเข้ามา ทิพปภาดีใจ รีบเดินไปรอที่ประตู แพทเดินเข้ามาท่าทางอ่อนเปลี้ยเพลียแรง บอบช้ำ
“คราวหลังไปไหน ก็โทรบอกบ้างนะ ฉันง่วงนอน ขี้เกียจรอปิดประตู เอ๊ะ...”
ทิพปภาเพิ่งเห็นว่าเสื้อผ้าแพทหลุดหลุ่ย
“ไปทำอะไรมา...เสื้อผ้ามันถึงได้หลุดลุ่ย เหมือนไปฟัดกับใคร หรือว่า...” อดห่วงแพทไม่ได้ “โดนทำร้ายหรือเปล่า บอกพี่ซิแพท”
พอพี่สาวแสดงความเป็นห่วงตัวเอง แพทก็ทนเข้มแข็งต่อไม่ไหว ปล่อยโฮออกมา
“แพท ขอโทษค่ะพี่ทิพ แพททำไม่สำเร็จ”

ฟากพีทเดินวนไปวนมา เจ็บแค้นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ในที่สุดทนไม่ไหว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบอกด้วยหน้าตาดุดัน
“คุณประทิน ผมมีเรื่องด่วนอยากให้คุณจัดการ”

เช้าวันต่อมา ทิพปภาจ่ายตลาดเสร็จ เดินถือตระกร้าของสดแห้งออกมา ก้มหน้าจะเอาเศษเงินใส่กระเป๋ากางเกง แต่ชนกับหญิงคนหนึ่งที่รีบเดินเข้ามา จนทำให้เศษเงินหล่น ตะกร้าร่วง ทิพปภาโวยตามหลัง
“เฮ้ย...ตลาดนะโว้ย ไม่ใช่บ้านพ่อแม่แก หัดเดินดูทางบ้างซิ ขอโทษซักคำก็ไม่มี”
ผู้หญิงคนนั้นเดินพ้นไปแล้ว หยุดชะงัก
“อ้าว...พูดจาชวนเอาไม้ดีปากขนาดนี้ก็สวยสิ”
หญิงคนนั้นหันกลับมา เงื้อมือจะตบ ทิพปภาเองก็เตรียมสู้เต็มที่ แต่แล้วทั้งคู่ต่างก็ชะงัก สบตากัน ร้องออกมาพร้อมกัน
“อีทิพ” / “นังสา”
ผู้หญิงคนนั้นที่แท้เป็น สา เพื่อนเก่าในคุกนั่นเอง

สองคนคุยกันอยู่อีกมุมในตลาด
“นี่แกออกจากคุกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เพิ่งจะออกมาเมื่อวาน หิวปลาร้าจนมือสั่น เลยพุ่งเข้าไปซื้อ ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ” สาบอก
“เกือบจะได้ตบกันฉลองพ้นโทษซะแล้ว” ทิพปภาหัวเราะ “แล้วทำไมแกมาอยู่ที่นี้ล่ะ ไหนว่าบ้านอยู่ที่ระยองไง” ทิพปภาแปลกใจ
“นั่นมันบ้านผัว...เมื่อวานกลับไปถึงก็เจอเมียใหม่มันเสนอหน้าอยู่ ก็เลยตบมันซะ สมใจแล้วก็เผ่น มาอาศัยบ้านหลานมันไปก่อน แกล่ะ หน้าตาสดใสนะ ได้อยู่กับลูกสาวสมใจแล้วซิ”
“ใช่ ๆ ได้อยู่กับลูกกับหลาน แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว”

อีกด้านหนึ่ง เชอรี่กับเฉิดโฉมเดินถือถุงตรงเข้ามาทางสองคนพอดี
“เอาละ ของครบเรียบร้อย...ที่นี่ก็กลับไปไหว้เจ้าแม่ได้”
“เธอนี่มันเป็นเอามากเลยนะ เฉิด จะจับคุณพีทให้ได้ นี่ต้องใช้ไสยศาสตร์เข้าช่วยเลยเหรอ”
อยู่ๆ เฉิดโฉมก็เบรกเอี๊ยด เบิกตาโพลง มองไปข้างหน้าเขม็ง
“แล้วค่อยเจอกันอีกนะสา ชั้นต้องกลับบ้านแล้ว...ไปก่อนนะ”
ทิพปภาล่ำลาเพื่อนแล้วเดินจากไป
เชอรี่กับเฉิดโฉมรีบเดินไปหาสาทันที โลกแคบอะไรเช่นนี้ เพราะสาเป็นน้าของเชอรี่นั่นเอง และรู้จักกับเฉิดแมอีกด้วย
“น้าสา...”
“อ้าว...ซื้อของครบแล้วเหรอ...แล้วนี่แกจะไปบนเจ้าแม่เรื่องอะไรกันล่ะ”
“น้าสาคะ เมื่อกี้ นังคนนั้นมันมาคุยอะไรกับน้า”
“ใคร” สางง
“ก็ผู้หญิงคนที่น้าคุยด้วยเมื่อกี้ นังทิพ ที่เป็นคนใช้ อยู่บ้านนังรัญธิดาคนที่เป็นมารหัวใจของเฉิดไง” เฉิดโฉมว่า
“เฮ้ย ใช่เหรอ ก็มันบอกน้าว่าอยู่กับลูกสาวนะ อีเนี่ยมันรักลูกมากตั้งแต่อยู่คุกแล้ว วันๆ มันก็เพ้อหาลูกมันทั้งวัน”
เฉิดโฉมตกใจกับข้อมูลใหม่ “ลูกสาวงั้นเหรอ”
เฉิดโฉมครุ่นคิด ถึงพิรุธต่างๆ ของทิพปภาที่ผ่านๆ มา
ตั้งแต่ตอนเห็นครั้งแรก มาสืบเรื่องพีทที่รีสอร์ต ออกอาการเป็นห่วงรัญธิดาเป็นพิเศษ และเหตุการณ์ตามตีตนจนสลบคาที่ และตอนโดนทิพปภาจับกดอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ
เฉิดโฉมลำดับเรื่องราว เข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง
“อย่างนี้นี่เอง”
ว่าแล้วก็รีบหยิบโทรศัทพ์มา เปิดรูปแพทในเครื่องให้ดู
“คนนี้ใช่มั้ย ลูกสาวเค้า”
“ไม่ใช่ นี่น้องสาวมันที่มันฝากให้เลี้ยงลูกสาวให้ตอนมันอยู่ในคุก...น้าเคยเห็นมันไปเยี่ยมบ่อยๆ” สาบอก
เฉิดโฉมค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม เชอรี่มองอย่างงุนงงนิดๆ ยังตามไม่ค่อยทัน
“สนุกแน่ละคราวนี้...รัญธิดา”

เฉิดโฉมยิ้มร้าย ขณะพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงโหดๆ

ไม่นานต่อมาเฉิดโฉมกับเชอรี่เดินเข้ามาในออฟฟิศ เชอรี่มองหน้าเฉิดโฉมที่วางท่าทางโหดเหี้ยม สมใจนึกมาตลอดทาง
“เธอคิดจะทำอะไรของเธอเหรอเฉิด...ทำท่าทางน่ากลัวจังเลย”
“ในที่สุดเราก็รู้ความลับของมันอีกอย่าง ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำขนาดนี้...คอยดู ฉันจะทำให้มันไม่มีแม้แต่ที่จะยืนในพีระแรนโซ ไม่กล้าสู้หน้าใครได้อีกและสิ่งที่มันทำกับฉัน ต้องได้รับการชดใช้”
เชอรี่มองไปเห็น เห็นพวกคนงานวุ่นวาย เดินขวักไขว่กันไปมา บ้างขนอาหาร บ้างขนเข่งดอกไม้เข้าไป ชูเดินผ่านมา เชอรี่รีบดักไว้
“เดี๋ยวๆ นี่ ที่รีสอร์ตมีงานอะไรเหรอ ทำไมมันวุ่นวายจัง”
“คุณพีทสั่งให้เปิดห้องจัดเลี้ยง จัดงานด่วนนะซิ” ชูบอก
“งานอะไร ทำไมฉันไม่รู้” เฉิดโฉมงุนงง
“โอ้โห้ นี่คุณตำแหน่งอะไร ถึงได้ใหญ่โตจนถึงต้องรู้ทุกเรื่องเชียวเหรอ” ชูแขวะ
ประทินเดินเข้ามาพอดี
“อ้าว...ชูพูดมากอยู่นั้น บอกให้รีบไปรับหนูรัญ กับครอบครัวมาไงฉันจะได้ไปรับแม่นายอีก เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี”
“ครับๆ”
ชูรีบออกไป
“ตกลงมันงานอะไรกันแน่ค่ะผู้จัดการ ถึงต้องรับแม่นายมาด้วย” เฉิดโฉมยิ่งสงสัยหนัก
“ยังเดาไม่ออกอีกเหรอ งานด่วนแบบสายฟ้าแล่บ ที่ต้องให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมารับรู้ร่วมกันน่ะ...มันยังจะมีอะไรอีกล่ะ”
ประทินเดินหนีไป เฉิดโฉมกับเชอรี่ตะลึงงัน
“เฉิด...”
เฉิดโฉมยืนอึ้ง ตกใจซะยิ่งกว่าโดนสายฟ้าฟาดลงกลางกบาลอีก

ในเวลาต่อมา ประทินเข็นรถเข็นพากันตาเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง ทุกอย่างเตรียมการเกือบสมบูรณ์แล้ว พีทเห็นรีบเดินมารับมารดา พีทแต่งตัวหล่อดีกว่าปกติ ในห้องไม่ได้ตกแต่งหรูมากมาก เพราะพีทตั้งใจจัดแค่เงียบๆ และให้เร็วที่สุด เพื่อประชดแพท มีบังตากั้นส่วนที่เป็นเวทีเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น
“ให้ประทินไปรับแม่มา มีอะไรด่วนเหรอจ๊ะ”
ทักษอรกับธาริศเดินงงๆ เข้ามาพอดี
“อ้าว ธาริศ หนูอรก็มาเหมือนกันหรือนี่”
“พี่พีทให้คนไปตามน่ะค่ะ บอกว่าจะมีงานเลี้ยงเล็กๆ ในครอบครัว
พีทยิ้มนิดๆ ท่าทางไม่ได้มีความสุขนัก ปากยิ้มแต่ตาไม่ยิ้มด้วย
“ตาพีท! นี่แม่ชักจะงงไปใหญ่แล้วนะ ทำไมมันดูมีลับลมคมในจัง”
“เดี๋ยวทุกคนก็จะทราบครับ”

จังหวะนี้แพทกับรัญธิดา เดินเข้ามา อย่างห่วงๆ พร้อมชู มีฝนเดินตามมาด้วย พีทเงยหน้าขึ้นเห็นหน้าแพท ก็เครียดขึ้นมาอีก พูดน้ำเสียงเยาะๆ
“นี่ไง คนสำคัญของงานมาพอดี”
แพทเดินตรงเข้าไปหา ถามเบาๆ “คุณคิดจะทำอะไรอีก”
“แหมคุณน้าครับ ทำไมทำเสียงแข็งกับผมอย่างนั้นล่ะ ผมกำลังทำในสิ่งที่คุณอยากได้ยังไง”
พีทจับมือรัญธิดาไว้ ดึงออกมายืนเด่น กลางวงรัญธิดาและทุกๆ คน งงเป็นแถว
“ที่ผมเชิญทุกคนมาวันนี้ ก็เพราะอยากให้ทุกคนมาเป็นสักขีพยาน ในวันแต่งงานของผมกับรัญธิดาครับ”
พีทหันไปทางประทินพยักหน้าให้ ประทินกับชูช่วยกันยกที่บังตาออก เผยให้เห็นที่ข้างหลังเป็นตั่งรดน้ำสังข์ ฝนเอาดอกไม้ตั้ง
ทุกคนตกใจมาก รวมทั้งรัญธิดา ดึงมือออกจากมือพีททันที แต่พีทรั้งเอาไว้ กุมแน่น

พีทมองสบตาแพทเต็มตามีแววประชดประชัน และเจ็บปวดฉายชัด แพทตาชาวูบ อึ้ง ตะลึงงันไปทันที

อ่านต่อตอนที่ 16
กำลังโหลดความคิดเห็น