xs
xsm
sm
md
lg

ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 11

ประกายดาวโชว์เอกสารต่อหน้านักข่าว มิลินทร์กับจิตสุภางค์ช่วยถือเอกสารต่างๆ โชว์ ทั้งสองสาววางมาดประหนึ่งเป็นพริตตี้ จันทรภานุ อภิเชษฐ์ และต้นอ้อนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง
“นี่เป็นสัญญาซื้อขายที่ดินใจกลางสุขุมวิทจำนวนสิบไร่มูลค่าร้อยห้าสิบล้าน เตี่ยฉันขายตั้งแต่สิบปีที่แล้ว เตี่ยเก็บเงินนี้ใส่บัญชีไว้กินดอกเบี้ย ไม่เคยถอนออกมา”
จิตสุภางค์โชว์สมุดบัญชีเก่าๆ
“บัญชีเงินเก็บของเตี่ยคุณดาวค่ะ ดูแต่ตามืออย่าต้องนะคะ มันเก่าเดี๋ยวขาด”
“พ่อแม่คุณดาวมีเงินมากขนาดนี้ แต่ก็ยังขายข้าวขาหมู” นักข่าวถาม
“เงินทองไม่ได้ทำให้เตี่ยกับม้าของฉันมีความสุข การทำงานต่างหากที่สร้างความสุขให้พวกเขา แล้วพอเตี่ยกับม้าตายเพราะอุบัติเหตุ ฉันกับพี่ชายก็ได้เงินประกันชีวิตอีกหลายสิบล้าน” ประกายดาวตอบ
มิลินทร์โชว์เอกสาร “และนี่คือ สัญญากรมธรรม์ผู้รับมรดกค่ะ”
“รวมกับเงินเก็บที่เตี่ยกับม้าเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต และเงินค่าขายบ้านเก่าที่สาธรของฉัน ฉันกับพี่ชายได้สมบัติที่เตี่ยกับม้าทิ้งไว้ให้ หารกันแล้วก็ได้คนละเกือบสองร้อยล้าน”
พวกข่าวตาโตด้วยความตื่นเต้น
“ทีนี้ฉันหมดข้อกล่าวหาแล้วนะคะ” ประกายดาวบอก
จิตสุภางค์พูดเสียงดัง “ขอเสียงปรบมือค่ะ”
จิตสุภางค์นำปรบมือ พวกนักข่าวงงๆ แต่ก็ปรบมือตาม จันทรภานุยิ้มให้ประกายดาว

ประกายดาว , จันทรภานุ , อภิเชษฐ์ , ต้นอ้อ , และจิตสุภางค์เดินออกมาจากสถานีตำรวจ
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณดาวต้องเสียเวลา แล้วก็เกือบจะเสียชื่อ” อภิเชษฐ์บอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณเชษฐ์ทำตามหน้าที่” ประกายดาวพูด
มิลินทร์เดินเข้ามาขยิบตาให้ประกายดาวและจิตสุภางค์ด้วยท่าทางมีลับลมคมใน
“เดี๋ยวฉันขอตัวก่อนนะคะ” ประกายดาวบอก
จันทรภานุอาสา “ผมจะไปส่งคุณ”
“ฉันก็อยากให้คุณชายไปส่งค่ะ แต่พอดีเรามีธุระกันนิดหน่อย” ประกายดาวบอก
“ธุระแบบสาวๆ รับรองไม่มีหนุ่มอื่นมาเกี่ยวข้อง คุณชายไม่ต้องกังวลค่ะ” จิตสุภางค์ว่า
“ฉันไปนะคะ”
ประกายดาวเดินออกไปกับมิลินทร์และจิตสุภางค์ จันทรภานุมองตามตาละห้อย อภิเชษฐ์ตบบ่าจันทรภานุ
“ทำใจไว้เลยนะไอ้ชาย เวลาผู้หญิงอยู่รวมกัน ผู้ชายอย่างเรากลายเป็นสสารไร้ตัวตนทันที”
“ดูผู้กองเข้าใจผู้หญิงดีจังเลยนะคะ มิน่า...ถึงโสดมาจนถึงทุกวันนี้” ต้นอ้อแซว
“เอ๊ะ นี่หลอกด่านี่”
ต้นอ้อทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินเข้าไปข้างใน
อภิเชษฐ์เรียก “หมวด กลับมาคุยกันก่อนสิหมวด”
จันทรภานุส่ายหน้าพลางยิ้มขำๆ เพราะเหนื่อยใจกับเพื่อน

ประกายดาว , มิลินทร์ และจิตสุภางค์เดินมาที่รถของมิลินทร์
“รู้แล้วใช่ไหมว่าใครมันเป็นปล่อยข่าว” ประกายดาวถาม
มิลินทร์ตอบทันที “เรียบร้อย”
จิตสุภางค์เกามือแกรกๆ
มิลินท์ถาม “เป็นหิดเหรอ”
“คันมือย่ะ ขอเจอหน้านังผีเจาะปากมาพูดหน่อยเถอะ แม่จะตบล้างน้ำแก้คันสักทีสองที”
ประกายดาวบอก “งั้นลุยเลยเพื่อนรัก”
ทั้งสามสาวขึ้นรถ

นันทินีที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จเดินเช็ดเหงื่อพร้อมกับชม้ายสายตาให้หนุ่มๆ ในฟิตเนส
“สถานโสดหมาดๆ ถ้าจะเอาเบอร์เจอกันหลังไมค์”
หนุ่มๆ กลัวจึงเดินหนี
“ทุเรศ ! คิดเหรอว่าฉันจะเอาจริง ระดับฉันต้องเป็นคุณชายเท่านั้นย่ะ”
นันทินีมองไปข้างหน้าก็เห็นประกายดาว มิลินทร์ และจิตสุภางค์ยืนมองมาทางเธออย่างเอาเรื่อง
นันทินีหุบยิ้มเพราะรู้ว่าหายนะกำลังมาเยือน เธอรีบผลุบหลบไปอีกทาง ประกายดาว มิลินทร์ จิตสุภางค์พยักหน้าให้กันแล้วเดินตาม

นันทินีเดินเร็วๆ หนีมา จิตสุภางค์กับมิลินทร์โผล่มาดักหน้า นันทินีชะงักหยุดแทบไม่ทัน นันทินีจะหันหลังแต่ก็เจอประกายดาวดักหลัง นันทินีไปไหนไม่รอด
“ฉันไม่ได้ปล่อยข่าวของแกนะ ฉันไม่รู้เรื่อง” นันทินีแก้ตัว
“กินปูนร้อน "ห้อง" จิตสุภางค์บอก
“ร้อนท้องย่ะ” นันทินีแก้คำ
“สติยังดีอยู่นี่ เวลาใส่ร้ายคนอื่น ทำไมไม่เอาสติยั้งคิดบ้าง มันบาป ไม่รู้บ้างหรือไง”
“ฉันไม่ได้ทำ ! ฉันไม่ได้ใส่ร้ายใคร”
“โกหก !” ประกายดาวว่า “เพื่อนฉันสืบมาหมดแล้ว เธอเป็นคนโทรไปให้ข่าวกับหนังสือพิมพ์ แถมยังยัดให้เงินพวกเขาลงให้ไวที่สุดอีกด้วย”
“เธอคิดว่าเธอยัดเงินปิดปากพวกเขาได้ แล้วเพื่อนฉันที่รวยกว่าเธอหลายเท่า จะยัดให้อ้าปากบ้างไม่ได้เหรอ” มิลินทร์ถาม
“ถ้าเธออยากให้เรื่องนี้จบ เธอต้องไปลงข่าวขอโทษฉัน” ประกายดาวบอก
“ฝันไปเถอะย่ะ ฉันไม่ได้ทำ ทำไมฉันต้องขอโทษ” นันทินีว่า
“ปากแข็งอย่างนี้ อย่าพูดให้เปลืองน้ำลายเลย พาไปคุยต่อที่โรงพักเถอะ” มิลินทร์บอก
มิลินทร์คว้าแขนนันทินี นันทินีสะบัดอย่างแรง
“ปล่อยฉัน !”
มิลินทร์กระเด็นจนล้มกองไปบนพื้น
ประกายดาวตกใจ “ลินทร์ !”

ประกายดาวช่วยประคองมิลินทร์ขึ้นมา
“เฮ้ย ! ทำเพื่อนฉันเรอะ” จิตสุภางค์โมโห
จิตสุภางค์จะเข้าไปตบกับนันทินี ทั้งสองยกมือดันกันไปมาโดยยังไม่มีใครตบใคร
นันทินีชี้ไปข้างหลังจิตสุภางค์ “มนุษย์ต่างดาว !”
จิตสุภางค์ มิลินทร์ และประกายดาวเผลอหันไปมอง นันทินีได้โอกาสจึงผลักจิตสุภางค์เต็มแรงแล้ววิ่งหนี จิตสุภางค์ล้มไปทับมิลินทร์กับประกายดาวจนล้มระเนระนาด
จิตสุภางค์กับมิลินทร์ร้องโอดครวญ ประกายดาวช่วยประคองเพื่อนขึ้นมา
“พวกแกใจเย็นๆเถอะ อย่าถึงขนาดลงไม้ลงมือกันเลย” ประกายดาวปรามเพื่อน
จิตสุภางค์กับมิลินทร์นิ่งเหมือนจะยอม แล้วทั้งสองก็สบตาพร้อมพยักหน้าให้กัน
“ไอ้ลินทร์ ลุย !”
จิตสุภางค์กับมิลินทร์วิ่งปรู๊ดไปหานันทินี
“เฮ้ย !” ประกายดาววิ่งตาม

นันทินีวิ่งหนีมาถึงบันได จิตสุภางค์กับมิลินทร์วิ่งตามมาดึงตัวนันทินีไว้
“จะไปไหนอีนังมะนาวต่างดุ๊ด”
“อ้าย ปล่อยฉันนะ”
จิตสุภางค์ล็อคนันทินีจากข้างหลัง
“ไอ้ลินทร์ จัดการ”
มิลินทร์พูด “ตบนี้ ของตอบแทนที่แกใส่ร้ายเพื่อนฉัน”
มิลินทร์ตบนันทินี แต่นันทินีก้มตัวทำให้มือมิลินทร์ฟาดลงไปบนหน้าจิตสุภางค์
มิลินทร์ตกใจ “ไอ้จิต !”
นันทินีหัวเราะสะใจ
“ฮ่าๆๆ เล่นกับใครไม่เล่น”
มิลินทร์พุ่งเข้าไปกอดด้านหลังนันทินี
“ไอ้จิตเอาคืน เดี๋ยวฉันจ่ายค่าปรับให้เอง”
“ปล่อยฉันนะอีพวกชะนีหน้าวอก ! ปล่อย !!”
นันทินีสะบัดมิลินทร์ออกอย่างแรงจนหลุด นันทินีจะหนีแต่เป็นจังหวะเดียวกับที่ประกายดาววิ่งมาถึงแล้วยืนขวางหน้านันทินีไว้พอดี นันทินีคิดว่าประกายดาวจะเล่นงานเธอ
“ถอยไป !”
ประกายดาวยังไม่ทันตั้งหลัก นันทินีคว้าตัวประกายดาวแล้วจับเหวี่ยงให้หลบ แต่ร่างประกายดาวถูกเหวี่ยงไปทางบันไดพอดีทำให้ข้อเท้าประกายดาวพลิก ประกายดาวเซจะตกบันได
ประกายดายตกใจ “ว้าย !!”
ประกายดาวกลิ้งตกบันไดโดยก้นกระแทก นันทินี มิลินทร์ จิตสุภางค์ตกใจ
“ดาว !!”
นันทินีรีบหนีไปอีกทาง มิลินทร์กับจิตสุภางค์ลงไปดูประกายดาว ประกายดาวโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

ศิวะดูข่าวในหนังสือพิมพ์
“ถ้ารู้ว่าดาวรวยขนาดนี้ จับยัดความเป็นผัวให้ตั้งแต่คบกันซะก็ดี”
ศิวะตาเยิ้มเมื่อนึกถึงความเซ็กซี่ของประกายดาว
เขานึกถึงตอนที่ยืนดูประกายดาวตีสควอช
ศิวะตัวสั่น สะท้าน
“เสียดายโว้ย !”
ศิวะยกรูปประกายดาวในหนังสือพิมพ์ขึ้นจูบ คนใช้เดินเข้ามา ศิวะรีบลดหนังสือพิมพ์ลง
“มีอะไร” ศิวะถาม
“คุณรสมาค่ะ”
“เชิญเข้ามา”
คนใช้เดินออกไป ศิวะยิ้มกริ่ม
“แหม...มาได้จังหวะพอดี”
คนใช้เดินนำรติรสเข้ามา หน้าตารติรสหม่นหมองอย่างคนที่มีความทุกข์ ศิวะสั่งคนใช้
“เดี๋ยวออกไปซื้อส้มตำด้วยนะ คุณอรเพิ่งโทรมาสั่ง เอาเจ้าหน้าปากซอยนะ กลางซอยไม่เอา”
“ค่ะ” คนใช้เดินออกไป
ทันทีที่คนใช้ออกไปจากห้อง ศิวะก็โผเข้าไปกอดจูบรติรสอย่างหื่นกระหาย แต่รติรสเบี่ยงตัวหลบ
“อย่า ! เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” รติรสว่า
“คุณไม่คิดถึงผมเหรอ” ศิวะถาม
“คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรเลย ฉันต้องพึ่งยัยอร ถ้ายัยอรจับได้ว่าเรามีอะไรกัน ชีวิตฉันต้องซวยยิ่งกว่านี้แน่ๆ”
“ทำไมจะไม่เหลือ คุณลืมผมไปแล้วเหรอ” ศิวะกระซิบข้างหูรติรส “ผมไม่มีวันทิ้งคุณ”
รติรสซึ้ง “ศิวะ...”
“รีบเถอะ เรามีเวลาไม่มาก”
ศิวะดึงมือรติรสขึ้นไปบนชั้นสอง รติรสตกใจแต่ก็เดินไปตามแรงดึง

ศิวะดึงมือรติรสเข้ามาในห้อง เขาเหวี่ยงรติรสลงบนเตียง ศิวะเดินเร็วไปรูดม่านให้สนิทแล้วกลับมาที่เตียบ เขาปลดกระดุมเสื้อของตัวเองแล้วก้มลงหารติรส รูปถ่ายคู่ระหว่างอรอุมากับศิวะยังตั้งอยู่ที่หัวเตียง

คนใช้เดินเกาหัวงงๆ อยู่ริมถนน อรอุมาขับรถเข้ามาจากทางหน้าหมู่บ้าน คนใช้เห็นรถอรอุมา
“คุณอร !”
คนใช้โบกเรียก อรอุมาจอดรถแล้วลดกระจกลง
“มีอะไร
“คุณอรจะเอาตำไทยหรือตำปูปลาร้าคะ หนูลืมถามคุณศิวะ”
อรอุมางง

รถอรอุมาจอดเอี๊ยดที่หน้าบ้าน อรอุมาลงจากรถและกำลังจะเข้าไปในบ้าน แต่สายตาเหลือบขึ้นไปบนชั้นสองก็เห็นว่าผ้าม่านห้องนอนปิดสนิท
“ทำไมผ้าม่านปิด”
อรอุมายิ่งหวั่นใจ เธอรีบก้าวเข้าไปในบ้าน

อรอุมาเดินฉับๆ เข้ามาในบ้านแต่ไม่เห็นศิวะกับรติรส
“ศิวะ ศิวะ”
ไม่มีวี่แววของศิวะ อรอุมาแหงนมองขึ้นไปบนชั้นสองเพราะแน่ใจว่าทั้งคู่ต้องขึ้นไปกินกันในห้องนอนแน่ๆ
“นี่พวกแกขึ้นไปกินกันถึงห้องฉันเลยเรอะ”
อรอุมาเดินปึงปังกลับไปทางหน้าบ้าน

คนสวนเอาบันไดพาดกับระเบียงห้องชั้นสอง อรอุมายืนคุมอยู่ด้วย
“จับไว้แน่นๆ ถ้าฉันหล่นลงมา ฉันจะไล่ออกให้หมด”
คนสวนจับบันไดแน่น อรอุมาถอดรองเท้าแล้วปีนขึ้นบันไดด้วยหน้าตาถมึงทึง แต่ขาสั่นพั่บๆ

ศิวะกับรติรสกำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียง จู่ๆ รติรสก็ชะงักเพราะรู้สึกคลื่นไส้กะทันหัน เธอผลักศิวะออกแล้วลุกวิ่งเข้าไปอ้วกในห้องน้ำ ศิวะงงว่ารติรสเป็นอะไร ศิวะลุกตามเข้าไปในห้องน้ำ อรอุมาปีนขึ้นมาถึงก็วิ่งมาส่องผ่านผ้าม่าน อรอุมาพยายามส่องผ่านช่องผ้าม่านแต่ไม่เห็นศิวะกับรติรสอยู่ในห้อง

รติรสอาเจียนที่อ่างล้างหน้า ศิวะยืนเซ็งอยู่ข้างหลัง
“คุณเป็นอะไรอีกล่ะ”
“ฉันคงเครียดๆ” รติรสบอก
ศิวะสวมกอดรติรสทางด้านหลัง
“งั้นยิ่งต้องคลายเครียดนะครับ”
ศิวะกอดจูบรติรสต่อ รติรสเคลิ้ม

อรอุมาส่องผ้าม่านแต่ไม่เห็นใครจึงถอยออกจากหน้าต่าง
“ไม่อยู่ในห้อง แล้วมันไปอยู่ไหนกัน”
อรอุมาหันหลังให้หน้าต่างและกำลังจะลงจากระเบียง จู่ๆ ศิวะกับรติรสก็ฟัดกันออกมาจากห้องน้ำ ศิวะดันร่างรติรสมาติดกับหน้าต่างโดยแรงกระแทกทำให้เกิดเสียง อรอุมาสะดุ้ง
อรอุมาหันขวับกลับไปมองก็เห็นศิวะกำลังจูบไซร้ซอกคอรติรสเต็มๆ อรอุมาช็อค ! ศิวะชำเลืองขึ้นมาเห็นอรอุมาอยู่ข้างนอกพอดี รติรสแปลกใจว่าศิวะหยุดทำไมจึงมองตามจนเห็นอรอุมาอยู่ข้างนอก
รติรสตกใจ “อร !”
อรอุมากรี๊ด

รติรสในสภาพผมยุ่งเหยิงถูกคนสวนเหวี่ยงลงพื้น
“โอ๊ย !”
รติรสยังไม่ทันจะตั้งหลักขึ้นมา อรอุมาก็เอาน้ำในถังสาดใส่หน้ารติรสเต็มๆ ศิวะตามมาห้าม
“อร พอได้แล้ว”
“พอเรอะ นี่ไง พอ !”
อรอุมาฟาดถังน้ำใส่หน้าศิวะจนศิวะกระเด็น อรอุมาเหวี่ยงถังน้ำทิ้งแล้วปราดเข้าไปจิกผมรติรสขึ้น
“ฉันรู้ว่าแกแอบแทงข้างหลังฉัน แต่ฉันอุตส่าห์ไม่เอาเรื่อง เห็นว่าแกเป็นเพื่อนฉันแล้วชีวิตแกก็ซวยมามากพอแล้ว แต่แกมันก็เลวเหมือนพ่อของแก ตกอับขนาดนี้ยังไม่สำนึก ยังแส่หาเรื่องขึ้นมาเล่นชู้กับผัวฉันถึงบนเตียงของฉัน อยากมีปัญหากับฉันนักใช่ไหมฮะอีรส !”
อรอุมาตบหน้ารติรสดังผัวะแล้วตามเข้าไปจิกผมขึ้นมา
“แกทำอย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้ว”
รติรสกัดฟันทนเจ็บ แล้วจ้องตาอรอุมาอย่างท้าทาย
“สองปี” รติรสตอบ
อรอุมาอึ้ง
“ประทับไว้แล้วทุกที่ที่แกเคยทำ เตียง...โซฟา...ห้องน้ำ...ในรถของแก” รติรสบอก
อรอุมารับไม่ได้จึงร้องกรี๊ดออกมา
“อีชั่ว !”
อรอุมาตบรติรสแต่รติรสสู้โดยตบอรอุมาคืน อรอุมาล้มหน้าคว่ำเลือดกลบปาก
“ถึงกูจะไม่เหลืออะไร แต่กูก็ยังเหลือมือเหลือตีน”
รติรสจะตามเข้าไปตบกับอรอุมา ทั้งสองตบกันนัว
ศิวะเข้าไปห้าม
“รส อร พอแล้ว !” ศิวะพูดกับคนสวนที่ยืนละล้าละลัง “มาช่วยกันสิ”
คนสวนเข้าไปช่วยจับรติรส ส่วนศิวะจับอรอุมา
“เอาออกไป” ศิวะสั่ง
อรอุมาพยายามดิ้นจากศิวะ แต่ศิวะจับไว้แน่น
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ! ปล่อย !” อรอุมาตะโกน “อีรส แกต้องตาย ! ฉันไม่เอาแกไว้แน่ !”
“อร พอสักทีได้ไหม !” ศิวะบอก
อรอุมาหันมาทุบตีศิวะ
“ใครกันแน่ที่ไม่รู้จักพอ ไอ้ผัวชั่ว !”
ศิวะยกมือป้องเป็นพัลวัน

คนสวนหิ้วปีกรติรสมาปล่อยหน้าบ้านแล้วปิดประตู รติรสโกรธมาก

รติรสในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าตาบอบช้ำเดินโซซัดโซเซมาด้วยสีหน้าโกรธจัด
“นังอร ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทนกับแกอีกแล้ว !”
ทันใดนั้นรติรสก็เกิดอาการหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน เธอเห็นภาพข้างหน้าเบลอ รติรสตาลอยคว้าง แล้วเป็นลมล้มฟุบไป คนที่เดินแถวนั้นรีบวิ่งเข้าไปดู

ประกายดาวนอนให้หมอตรวจอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล มิลินทร์กับจิตสุภางค์อยู่ด้วย
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลยครับ กระดูกไม่เคล็ด ไม่หัก ไม่ฟกช้ำเลยด้วย เลย”
“บอกแล้วว่าไม่ต้องมาหาหมอหรอก” มิลินทร์บอก
“ที่ฉันมาเพราะฉันอยากให้คุณหมอตรวจภายในให้ค่ะ” ประกายดาวว่า
“ตรวจทำไมย่ะ กลัวมดลูกบิดเบี้ยว งี้ ?” จิตสุภางค์ถาม
“ประมาณนั้น คุณหมอตรวจให้ฉันถอะนะคะ เอาแบบให้แน่ใจสุดๆ” ประกายดาวพูดกับหมอ “ฉันกลัวมีลูกไม่ได้น่ะค่ะ”
สองสาวเหนื่อยใจกับประกายดาว

รติรสที่หน้าตาฟกช้ำจากการถูกอรอุมาตบค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาอย่างมึนงง เธอมองไปรอบๆ ถึงเห็นว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล หมอเดินเข้ามา
“หมอคะ ดิฉันเป็นอะไรคะ” รติรสถาม
“ร่างกายอ่อนแอ คงจะพักผ่อนไม่เพียงพอก็เลยเป็นลมครับ รอยเขียวช้ำบนหน้า คุณไปโดนอะไรมาครับ”
“โดนตบค่ะ”
หมอทำหน้าไม่ถูก
“ยังไงก็ต้องระวังตัวด้วยนะครับ ตั้งครรภ์ระยะสามเดือนแรกเป็นช่วงอันตรายมากที่สุด”
รติรสตกใจ “คุณหมอว่าไงนะคะ !”
“คุณตั้งท้องได้สามเดือนแล้วครับ”
รติรสตกใจสุดขีด !

มิลินทร์เข็นรถให้ประกายดาว โดยมีจิตสุภางค์เดินมาด้วย
“หมอบอกแล้วว่าข้างในแกไม่มีอะไรกระทบกระเทือน มดลูกปลอดภัย เดินเองได้แล้วมั้งจ๊ะคุณเพื่อน”
“ฉันขอนั่งอีกแปบนะ ให้ช่วงล่างฉันได้พักผ่อนอีกหน่อย ถึงมันจะไม่กระทบกระเทือน แต่มันอาจจะตกใจ” ประกายดาวบอก
ทั้งสามสาวเดินมาถึงตรงมุมทางเดิน โดยไม่รู้ว่ารติรสนั่งร้องไห้อยู่อีกมุม
“ดาว ฉันถามจริง ทำไมแกต้องกลัวขนาดนี้ด้วยวะ” จิตสุภางค์ถาม
รติรสได้ยินเสียงจึงหันไปมองจนเห็นประกายดาว
ประกายดาวตอบ “เอ้า พวกแกก็รู้อยู่แล้วว่าฉันอยากมีลูก เดี๋ยวพอฉันแต่งงานกับคุณจันทรภานุ เปิดอู่ปับ ลูกจะได้ติดปับเลยไง”
“ไม่ติดก็ลองใหม่ แกลองได้บ่อยๆ อยู่แล้ว” มิลินทร์บอก
“ถูกต้อง แผนล่าสเปิร์มคุณจันทรภานุของแกถ้ามันสำเร็จ แกจะได้สเปิร์มของคุณชายมาผลิตลูกในปริมาณที่จำกัด แต่นี่แผนแกมันเลยเถิดไปถึงขนาดว่าได้ทั้งตัวและหัวใจของคุณจันทรภานุ แกไม่ต้องกลัวสเปิร์มหมดแล้วเพื่อน เพราะแกจะมีให้ใช้ไม่อั้น”
จิตสุภางค์กับมิลินทร์หัวเราะคิกคัก
ประกายดาวว่าเพื่อน “ทะลึ่ง !”
“ทำมาเป็นอาย ถึงเวลาเข้าห้องหออย่าอายแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวไม่คุ้มกับแผนล่าสเปิร์ม ที่แกต้องฝ่าด่านอรหันต์ไปตีซี้ทำความรู้จักกับคุณจันทรภานุ จนคุณชายจันทร์ตกหลุมรักแกจนโงหัวไม่ขึ้น”
“พอได้แล้ว ! ถ้าคุณจันทรภานุอยู่ ห้ามเผลอพูดเรื่องนี้ล่ะ เดี๋ยวเขารู้ จบเห่กันหมด”
มิลินทร์เข็นประกายดาวออกไป โดยมีจิตสุภางค์เดินประกบไปด้วย รติรสได้ยินหมดทุกอย่าง

นันทินีที่หน้าตาเขียวช้ำจากการแต่งหน้าและอมสำลีไว้ข้างกำลังคร่ำครวญอย่างฟังไม่รู้เรื่อง
“อังอะอายอาว อาอักเองอาอุมอัน อันอ่ออังอบอ้าย..อบอ๋า”
“ไปรักษาหน้าให้หายก่อนดีไหม” สุรีย์ว่า
นันทินีคายสำลีในปากออกทำให้พูดได้ชัดเจน
“นังประกายดาวพานักเลงมารุมนัน มันก็ยังตบซ้ายตบขวา พวกมันหาว่านันเป็นคนใส่ร้ายเรื่องที่มันพัวพันกับแก็งค์ค้ายา”
“เธอมาบอกป้าทำไม”
“นันอยากให้หม่อมป้าเห็นใจนัน นันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มักจะถูกรังแกเสมอ”
“คนเราถ้าไม่ทำคนอื่นก่อน ใครเขาจะมาทำเราได้” สุรีย์บอก
“ใช่ซี...พอรู้ว่านังดาวมันรวย หม่อมป้าก็เข้าข้างมัน”
“พูดอะไรให้เกียรติหม่อมป้าด้วยนะคะพี่นัน” หญิงนิ่มว่า
“พี่ไม่มีให้หรอกค่ะ "เกียรติ" น่ะ มีแต่เกลียดดด วังนพรัตน์คงมีแต่เปลือก พอรู้ว่านังดาวมันรวยถึงตัวสั่นระริกระรี้อยากได้มันมาเป็นสะใภ้ ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่ลูกแม่ค้าขายข้าวขาหมู น่าสมเพชสิ้นดี !”
“เอ๊ะ! ถ้าจำไม่ผิด คุณแม่ของพี่นันเคยเป็นแม่ค้าขายน้ำเต้าหู้มาก่อนไม่ใช่หรือ” หญิงนิ่มว่า
นันทินีเหวอ
“ก็ยังดีกว่าเด็กกำพร้าอย่างน้องหญิงล่ะมังคะ” นันทินีสวน
“ตอนเด็กพี่นันชื่อ เต้าหู้ พอโตถึงเปลี่ยนมาเป็นนันทินี ใช่ไหมคะพี่เต้าหู้” หญิงนิ่มแกล้งถาม
นันทินีโกรธ “อ้าย น้องหญิงล้อเลียนพี่ !”
“หญิงไม่ได้ล้อเลียนค่ะ หญิงแค่ไม่อยากให้พี่นันไปดูถูกกำพืดคนอื่น เกียรติของคนไม่ได้อยู่ที่อาชีพหรือฐานะ แต่อยู่ที่การกระทำ ถ้าได้เกิดมาในตระกูลสูงส่ง แต่ทำตัวไม่ดี ไม่มีความจริงใจ ตีหน้าซื่อไปวันๆ ชาติตระกูลสูงส่งแค่ไหนก็ช่วยให้คนๆนั้นน่าชื่นชมไม่ได้หรอกนะคะ
สุรีย์คิดได้ตามคำพูดของหญิงนิ่ม
“ถึงพี่ดาวจะเป็นแค่ลูกคนขายข้าวขาหมู แต่เธอก็ทำตัวให้มีคุณค่า ไม่เคยนั่งงอมืองอเท้า ก็ไม่เคยอวดรวย ไม่ทำตัวสวยไปวันๆ คนอย่างนี้สิคะที่น่ายกย่อง”
นมพรปรบมือให้ นันทินีสะบัดหน้าไปถาม
“เป็นอะไรมิทราบ”
“เป็นแม่นมของคนรักคุณดาวค่ะ” นมพรตอบทันที
“ฮึ่ย... เข้าข้างนังดาวมันเข้าไป คอยดูเถอะ ถ้าวันหนึ่งนังลูกแม่ค้าขาย ข้าวขาหมูมันดีแตก แสดงธาตุแท้แซ่บๆ ของมันออกมา ลูกแม่ค้าน้ำเต้าหู้คนนี้จะมาหัวเราะให้ดู เชอะ !”
นันทินีเดินสะบัดหน้าออกไป คนอื่นๆ มองตามอย่างเหนื่อยใจ
หญิงนิ่มพูด “หม่อมป้าไม่ต้องกลัวนะคะ พี่ดาวเป็นคนดีจริงๆ ถ้าหม่อมป้ารู้จักพี่ดาว หม่อมป้าจะต้องรักพี่ดาวค่ะ”
สุรีย์นิ่งไป

จันทรภานุนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น สุรีย์เปิดประตูเข้ามา
“หม่อมแม่ยังไม่นอนอีกหรือครับ”
“แม่เพิ่งจะไหว้พระเสร็จจ้ะ ชาย...พรุ่งนี้ชายว่างหรือเปล่า แม่ว่าจะทำข้าวแช่”
“ถ้าไม่ว่างก็ต้องว่างครับ ข้าวแช่ฝีมือหม่อมแม่อร่อยที่สุดในโลก”
“ชวนประกายดาวมาทานด้วยกันสิ แม่อยากรู้ว่าอาหารวังเราจะถูกปากประกายดาวหรือเปล่า”
จันทรภานุยิ้ม

ประกายดาวฟังจันทรภานุเล่าก็ตกใจ
“หม่อมสุรีย์ชวนฉันไปวัง !”
“ครับ”
ประกายดาวเครียด
“คุณกังวลอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
จันทรภานุจับมือประกายดาวมาเกี่ยวก้อย
“ถ้าคุณมีเรื่องอะไรคุณจะไม่ปิดบังผม เราจะคุยกันทุกเรื่อง คุณสัญญากับผมแล้ว”
“คุณชายขี้โกง” ประกายดาวว่า
“ถ้าคุณไม่สัญญา ผมก็จะไม่ปล่อย อยู่กันอย่างนี้ทั้งคืนก็ได้นะ”
จันทรภานุเกี่ยวก้อยประกายดาวแน่น ประกายดาวยิ้มแล้วยอมเอ่ยปาก
“ฉันสัญญาค่ะ”
“โอเค งั้นคุณก็บอกผมได้แล้ว คุณกังวลเรื่องอะไรอยู่”
“หม่อมสุรีย์ไม่ชอบฉัน” ประกายดาวบอก
“หม่อมแม่อาจจะเคยเข้าใจคุณผิด ตอนนี้ท่านกำลังเปิดใจกับคุณ แต่ผมต้องขอออกตัวแทนหม่อมแม่ก่อน การที่ท่านจะเปิดใจกับคุณ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินของคุณ”
“ฉันรู้ค่ะ เงินของฉันมีไม่ถึงครึ่งของพวกคุณหรอก แต่ฉันกลัวว่าจะไปทำอะไรเปิ่นๆ ให้หม่อมสุรีย์ผิดหวัง”
“ไม่มีใครอยู่ใกล้คุณ แล้วจะไม่รักคุณ”
ประกายดาวยิ้มอบอุ่น
“ค่ะ” ประกายดาวกอดแขนจันทรภานุแล้วซบหน้ากับแขนของเขา “ฉันจะพยายามทำตัวให้น่ารัก ทำให้หม่อมสุรีย์รักฉันให้ได้ เพื่อความรักของเรานะคะ”
“น่ารักจัง”
จันทรภานุหยิกแก้มประกายดาวอย่างเอ็นดู
“โอ๊ย ! เจ็บ”
ประกายดาวลูบแก้มตัวเองป้อยๆ แต่พอลดมือลง จันทรภานุก็โน้มมาหอมแก้มประกายดาวฟอดใหญ่
“หายเจ็บหรือยัง”
ประกายดาวเขินจนหน้าแดงก่อนจะตอบ
“ยังค่ะ”
จันทรภานุโน้มหน้ามาจะหอมแก้มอีกแต่ประกายดาวหลบ
“ฉันล้อเล่น”
“ผมไม่เชื่อ มาให้ผมทายาให้ซะดีๆ”
จันทรภานุไล่หอมแก้มประกายดาว ประกายดาววิ่งหลบ ทั้งสองหยอกล้อกันไปมาในบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ

อ่านต่อหน้าที่ 2


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 11 (ต่อ)

ศิวะที่หน้าตาฟกช้ำจากการถูกอรอุมาเล่นงานกำลังคุยโทรศัพท์ ศิวะตกใจ
“ท้อง!”
รติรสที่คุยโทรศัพท์กับศิวะมีรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า
“ค่ะ สามเดือนแล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องเลิกกับนังอรแล้วนะคะ”
“ผมเลิกกับอรไม่ได้” ศิวะบอก
รติรสอึ้งแล้วโวยวาย “แต่คุณเคยสัญญากับฉัน”
รติรสนึกถึงอดีต

เหตุการณ์ในอดีต รติรสกับศิวะนัวเนียกันและหัวเราะคิกคักอยู่บนเตียงของอรุมา มือศิวะเลื่อนไปจะถอดเสื้อรติรส แต่รติรสห้าม
“พอแล้วค่ะ ห้ามต่อ วันนี้เราไม่มีของป้องกัน”
“ไม่เห็นต้องป้องกันเลย” ศิวะบอก
“ไม่กลัวฉันท้องหรือไง”
ศิวะพูดอย่างคะนองปาก “ไม่กลัว ถ้าคุณท้อง ผมจะได้เลิกกับอรซะเลย”
ศิวะก้มจูบรติรสต่อ รติรสเต็มใจ

รติรสโวยวาย
“คุณยังบอกฉันด้วยว่าคุณอยากมีลูก แต่อรท้องไม่ได้ คุณถึงให้ฉันเป็นแม่ของลูกคุณ”
“รส ผมพูดเล่น” ศิวะบอก
“พูดเล่น ?! พูดออกมาได้ยังไงว่าพูดเล่น ฉันถามจริง...คุณรักฉันบ้างหรือเปล่าศิวะ”
“เราไม่ได้รักกันรส เราแค่สนุกกัน คุณมีความสุขที่จะได้ทำอะไรท้าทายอร ไม่อย่างงั้นคนอย่างคุณจะยอมกินน้ำใต้ศอกอรนานเป็นปีๆ เหรอ”
“ก็เพราะฉันรักคุณ ฉันมั่นใจว่าสักวันคุณจะต้องเลิกกับนังอรมาอยู่กับฉัน”
“คุณคิดไปเอง”
“จะยังไงก็ช่าง ยังไงคุณก็ต้องรับผิดชอบฉันกับลูก แล้วก็ไม่ต้องมาบอกให้ฉันไปทำแท้ง ฉันไม่มีวันฆ่าลูก”
“ถ้าคุณดื้อนัก เราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก” ศิวะวางสาย
“ศิวะ ไอ้ศิวะ ! อย่าทำกับฉันแบบนี้”
รติรสปาโทรศัพท์ลงพื้นแล้วปัดข้าวของทิ้งก่อนจะระเบิดร้องไห้
“ไอ้เลว ! แกหลอกฉัน !”
มือของรติรสปัดไปโดนกองหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ใกล้อ่างล้างหน้าจนหล่นลงพื้น รติรสทรุดตัวลงกับพื้นแล้วเอามือลูบท้อง
“แม่สัญญา...แม่จะไม่ฆ่าหนู”
พลันสายตาของรติรสก็หันไปเห็นอะไรบางอย่างบนหน้าหนังสือพิมพ์ สิ่งที่รติรสเห็นเป็นข่าวเม้าท์ประกายดาวที่เขียนว่า
" เพิ่งรู้ว่าประกายดาวช่างภาพแสนสวยว่าที่สะใภ้จันทรภานุจะมีทรัพย์สินรวมๆ กันกว่าสิบล้าน ไม่น่าเชื่อว่าอาชีพช่างภาพจะทำเงินได้มากขนาดนี้ อุตะ ! หรือว่านางมีอาชีพเสริมที่บอกใครไม่ได้ คุณจันทรภานุทราบแล้วสืบด่วน ไม่งั้นจะหาว่าเดี๊ยนไม่เตือน"
รติรสอึ้ง
ภาพข่าวในทีวีเป็นตอนที่ประกายดาวแถลงข่าวกับนักข่าว
“รวมกับเงินเก็บที่เตี่ยกับม้าเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต และเงินค่าขายบ้านเก่าที่สาธรของฉัน ฉันกับพี่ชายได้สมบัติที่เตี่ยกับม้าทิ้งไว้ให้ หารกันแล้วก็ได้คนละเกือบสองร้อยล้าน”
รติรสนั่งดูข่าว
“นังดาวรวยขนาดนี้เลยเหรอ”
รติรสคิดถึงสิ่งที่ได้ยินได้เห็นตอนที่ประกายดาวพูดกับเพื่อนๆ
มิลินทร์พูดกับประกายดาว “ทำมาเป็นอาย ถึงเวลาเข้าห้องหออย่าอายแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวไม่คุ้มกับแผนล่าสเปิร์ม ที่แกต้องฝ่าด่านอรหันต์ไปตีซี้ทำความรู้จักกับคุณจันทรภานุ จนคุณจันทรภานุตกหลุมรักแกจนโงหัวไม่ขึ้น”
“พอได้แล้ว ! ถ้าคุณจันทรภานุอยู่ ห้ามเผลอพูดเรื่องนี้ล่ะ เดี๋ยวเขารู้ จบเห่กันหมด” ประกายดาวว่า
รติรสลูบท้องตัวเองแล้วคิดอะไรบางอย่าง

วันต่อมา ประกายดาวยืนเช็คตัวเองอยู่หน้ากระจกแล้วหันไปพูดกับรูปพ่อแม่
“เตี่ยม้า...ช่วยให้ว่าที่แม่สามีเขาปลื้มดาวด้วยนะ”
ทันใดมือถือของเธอก็ดังขึ้น ประกายดาวหยิบขึ้นมาพูด
“ฉันกำลังจะออกไปแล้วค่ะคุณชาย”
รติรสพูดโทรศัพท์กับประกายดาวอยู่ที่ห้องพัก
“แผนล่าสเปิร์มใกล้สำเร็จแล้วสิ”
ประกายดาวอึ้ง !

สุรีย์ หญิงนิ่ม และนมพรช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร
“หญิงเลื่อนจานพริกยัดไส้มาให้ป้าหน่อย”
หญิงนิ่มเหม่อลอย
สุรีย์เรียกซ้ำ “หญิงนิ่ม !”
“คะ ?”
“เป็นอะไรฮะเรา พักนี้เหม่อลอยตลอดเลย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ”
จันทรภานุเดินหน้าเครียดเข้ามาในห้อง
“หม่อมแม่ครับ คุณดาว...”
“ดาวมาถึงแล้วเหรอ นมพรไปยกข้าวออกมาเลย” สุรีย์พูดกับคนใช้ “ไปดูสิ...ว่าน้ำมะตูมเสร็จหรือยัง”
“หญิงไปดูให้เองค่ะ”
ทุกคนตื่นเต้นกับการมาของประกายดาว จันทรภานุโพล่งขึ้น
“คุณดาวโทรมาบอกว่า..มาไม่ได้แล้ว ติดธุระด่วน”
หญิงนิ่มสงสัย “ธุระอะไรคะพี่ชาย”
จันทรภานุส่ายหน้าเพราะไม่รู้

ประกายดาวขับรถเข้ามาจอดหน้าโรงแรมพลางคุยโทรศัพท์
“ฉันถึงแล้ว”
มิลินทร์คุยโทรศัพท์กับประกายดาว
“เงินตั้งสิบล้านนะแก แกจะให้เงินยัยรติรสจริงๆ เหรอดาว”
ประกายดาวตอบทันที “ไม่ให้”
“เอ้า แล้วแกจะไปทำไม”
“ฉันต้องมาเคลียร์ ฉันอยากรู้ว่ายัยรสรู้เรื่องแผนล่าสเปิร์มมาจากไหน แล้วก็ต้องหาทางปิดปากยัยรสไม่ให้ปากโป้งด้วย แต่ไม่เข้าใจ ทำไมมันต้องนัดมาที่ห้องด้วย คุยกันข้างนอกก็ได้
“ฉันได้ยินมาว่าตั้งแต่คุณปุระชัยถูกจับ ยัยรสก็เก็บตัวเงียบ สงสัยคงไม่อยากออกไปเจอผู้คน คนจนตรอกแบบนี้ แกยิ่งต้องระวังตัวนะดาว” มิลินทร์เตือน
ประกายดาวกังวลอยู่ไม่น้อย

รติรสนั่งซึมลูบท้องตัวเองอยู่หน้ากระจก เสียงเคาะประตูดังขึ้น สีหน้ารติรสเปลี่ยนเป็นร้ายขึ้นมาทันที
“มาไวดีนี่”
รติรสเปิดประตูแต่คนมาเคาะกลับเป็นชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมยืนยิ้มอยู่ รติรสแปลกใจ

ประกายดาวเดินออกมาจากลิฟต์และกำลังจะเดินไปทางห้องของรติรส แต่พบชายหน้าเหี้ยมเดินโอบเอวรติรสมา ประกายดาวแปลกใจ
“คุณรส...”
รติรสกระสับกระส่ายแล้วขยับปากเพราะอยากจะขอความช่วยเหลือจากประกายดาว
“ดาวชะ...”
มือชายคนนั้นกระชับปืนที่จ่อเอวรติรส รติรสสะดุ้งและไม่กล้าพูด
“รู้จักกันด้วยเหรอ” ชายหน้าเหี้ยมถาม
รติรสรีบตอบ “อยู่ห้องติดกัน”
ประกายดาวสังเกตอาการรติรส
ประกายดาวเอ่ยถาม “คุณรสจะไปไหนคะ”
“ไปช็อปปิ้ง ไปกันเถอะที่รัก” ชายคนนั้นบอก
ชายคนนั้นกดลิฟต์แล้วโอบพารติรสเข้าไปยืนในลิฟต์ก่อนจะกดปิดลิฟต์ รติรสจ้องประกายดาวเพื่อพยายามขอความช่วยเหลือผ่านทางแววตา ประกายดาวมองรติรสกลับงงๆ โดยยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับรติรส ประตูลิฟต์ค่อยๆ ปิดเหมือนความหวังสุดท้ายของรติรสที่อยากให้ใครช่วยได้หมดลงแล้ว

ชายคนร้ายเดินโอบรติรสไปที่รถเก๋ง
“ใครจ้างแกมา” รติรสถาม
“เคยไปสร้างศัตรูไว้ที่ไหนล่ะ”
“อรอุมา”
ชายคนร้ายเปิดประตูรถ “ขึ้นไป”
รติรสยื้อ “ฉันไม่ไป !”
“อยากไส้แตกอยู่ตรงนี้หรือไง”
รติรสกลัว คนร้ายดันรติรสเข้าไปในรถ รติรสไม่อยากเข้าแต่ก็ต้องจำใจต้องเข้า
ประกายดาววิ่งเข้ามา “คุณรสขา ! คุณรส”
รติรสยิ้มอย่างมีความหวัง
ชายคนร้ายรีบเข้าไปโอบรติรสแล้วส่งสายตาแข็งกร้าวเพื่อขู่ไม่ให้คิดตุกติก
ประกายดาวหอบแฮ่ก
“คิดว่าจะตามมาไม่ทันซะแล้ว คุณรสจะไปช็อปปิ้งใช่ไหมคะ ฉันฝากซื้อของหน่อยสิคะ วันนี้เซลด้วย เดี๋ยวฉันจดให้นะคะ”
ประกายดาวหยิบสมุดโน้ตออกจากกระเป๋าสะพาย แต่ชายคนนั้นตัดบท
“เราไม่ไปช็อปปิ้งแล้ว”
ประกายดาวจ๋อยเพราะแผนไม่สำเร็จ “งั้นไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันออกไปซื้อเองก็ได้”
ประกายดาวเก็บสมุดโน้ตใส่กระเป๋าสะพายแต่พลาดทำตกมือ ประกายดาวก้มเก็บสมุดทำให้สายตาของเธอเหลือบขึ้นไปเห็นปืนที่ชายคนนั้นจ่อเอวรติรสไว้
ประกายดาวตกใจแต่เก็บอาการ เธอคิดแผนอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดออกก็แกล้งสะดุ้ง
“อุ้ย!”
ชายคนนั้นกับรติรสหันมามอง ประกายดาวเกาหลังตัวเองพร้อมกระโดดกระแหย่งๆ
“ตัวอะไรไม่รู้ค่ะมันกัดหลังฉัน อุ๊ย ! คันๆๆ คุณรสดูให้ฉันหน่อยเถอะค่ะ”
ประกายดาวแทรกเข้าไปตรงกลางระหว่างรติรสกับชายแล้วใช้ทีเผลอผลักชายคนนั้นเต็มแรง ชายคนร้ายกระเด็นไป
ประกายดาวตะโกน “วิ่ง !”
ทั้งสองสาววิ่งหนีและตะโกนสุดเสียง
“ช่วยด้วย !!!! ช่วยด้วย !!”
“เฮ้ย !” ชายคนร้ายวิ่งตาม

ประกายดาวกับรติรสวิ่งหนี ประกายดาววิ่งเร็วกว่าจึงแซงรติรสไปเล็กน้อย จู่ๆ รติรสก็สะดุดล้ม
“ว้าย!”
ประกายดาวตกใจ “คุณรส!”
ประกายดาวกำลังจะวิ่งกลับไปช่วยรติรส แต่ชายคนร้ายวิ่งมาถึงตัวรติรสก่อนจึงกระชากแขนรติรสขึ้น
“ปล่อยนะไอ้บ้า !”
รติรสกัดแขนจนชายคนร้ายเจ็บ คนร้ายโมโหจึงชกท้องรติรส รติรสตาเหลือก รปภ.วิ่งมา
ประกายดาวร้องตะโกน “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย !!”
ชายคนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงเหวี่ยงรติรสกระเด็นไปก่อนจะวิ่งหนี รปภ.วิ่งตาม ร่างรติรสกระเด็นไปบนพื้นแล้วกลิ้งหลายตลบ ประกายดาวเข้าไปหารติรส
“คุณรส คุณเป็นยังไงบ้าง”
“เจ็บ” รติรสตอบ
“ลุกไหวไหม ฉันจะพาไปหาหมอ”
รติรสพยักหน้า ประกายดาวประคองรติรสให้ลุกขึ้น
ทันใดประกายดาวก็ก้มลงไปเห็นอะไรบางอย่างที่ขารติรส ประกายดาวเบิกตาโพลง
“คุณรส !”
รติรสก้มมองตามประกายดาวก็เห็นเลือดไหลออกมาระหว่างหว่างขาของเธอ รติรสกรี๊ด !

อรอุมาคุยโทรศัพท์แล้วยิ้มร้าย
“สภาพมันเป็นยังไงบ้าง”
ชายคนร้ายพูดโกหก “เยิ่นสมใจคุณผู้หญิงครับ”
ศิวะที่เดินเข้ามาด้านหลังได้ยินที่อรอุมาคุยโทรศัพท์
“ดี แล้วฉันจะโอนเงินไปให้ แล้วถ้ามันยังไม่เลิกยุ่งกับผัวฉัน ฉันจะโทรไปจ้างนายใหม่” อรอุมาวางสาย
“อร คุณทำอะไร” ศิวะถาม
“จ้างคนซ้อมนังรส” อรอุมาตอบ
ศิวะตกใจ “หา”
“ตกใจทำไม เป็นห่วงมันหรือไง”
“คุณทำรุนแรงเกินไปหรือเปล่าอร”
“น้อยไปด้วยซ้ำกับความชั่วของมันกับคุณ นี่ถ้าฉันไม่เห็นว่ามันเคยเป็นเพื่อนฉัน ฉันสั่งฆ่ามันไปแล้ว ส่วนคุณ...ถ้าฉันไม่เห็นว่าคุณเป็นผัว ฉันก็ไม่ปล่อยคุณไว้เหมือนกัน”
ศิวะหน้าซีด อรอุมากระชากคอเสื้อศิวะแล้วพูด
“แต่อย่าคิดว่าชีวิตคุณจะสงบสุขเหมือนเดิมนะศิวะ ต่อไปนี้ ฉันจะไม่ปล่อยให้อีผู้หญิงหน้าไหนมาทำร้ายหัวใจฉันได้อีกแล้ว ถ้าฉันรู้ว่าใครมายุ่งกับคุณ หรือคุณไปยุ่งกับใคร ฉันจะฆ่ามัน !”
“จ้ะ มันจะไม่มีอีกแล้ว ผมจะรักคุณคนเดียว”
ศิวะโอบกอดอรอุมาอย่างออดอ้อน แต่พออรอุมาเผลอ ศิวะก็มีสีหน้าไม่สบายใจเรื่องรติรส

ศิวะเดินหลบมาอย่างร้อนใจ
“นังอรบ้า รสท้องอยู่ โดนซ้อมก็ได้ตายกันพอดี” ศิวะจะกดโทรศัพท์แต่ก็เปลี่ยนใจไม่โทร “โทรไปเดี๋ยวก็หาว่าเรารักเราเป็นห่วง แล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วกัน”

ประกายดาวยืนคอยอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน หมอเดินออกมาจากในห้อง ประกายดาวปราดเข้าไปหา
“เป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”
“คุณรติรสปลอดภัยดีแล้วครับ แต่เด็กในท้อง...”
ประกายดาวสลดใจ

รติรสนอนซมหน้าซีดอยู่บนเตียง ประกายดาวเดินเข้ามาในห้องแล้วยืนมองรติรสอย่างสงสาร รติรสค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมากวาดตามองไปรอบๆ แล้วก็หันไปเห็นประกายดาว รติรสนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น เธอยกมือแตะท้อง แล้วลุกขึ้น
“ลูกฉัน เขายังอยู่ไหม”
รติรสลุกขึ้น ประกายดาวปราดเข้าไปหาโดยไม่ตอบคำถามนั้น
“อย่าเพิ่งลุกเลยค่ะ ร่างกายคุณยังอ่อนแอ”
“ฉันถามว่าลูกฉัน เขายังอยู่ไหม”
ประกายดาวส่ายหน้า รติรสช็อคแล้วก็น้ำตาไหลพราก
ประกายดาวอยากปลอบใจ เธอก้าวเข้าไปใกล้
“คุณรสคะ”
“เธอโกหก ! เธอจะเอาคืนฉันใช่ไหม” รติรสคว้าแขนประกายดาว “บอกฉันเถอะนะว่าเธอโกหก จริงๆ แล้วลูกฉันยังอยู่ พูดสิว่าเธอโกหก”
“ลูกคุณเขาไม่อยู่แล้วจริงๆ”
รติรสกรีดร้องคลุ้มคลั่ง
“ลูก !!!!!! ลูก !!!”
รติรสชักดิ้นชักงอแล้วร้องไห้โฮเพราะรับความจริงไม่ได้ ประกายดาวน้ำตาไหลด้วยความสงสารจับใจ ก่อนจะก้าวเข้าไปกอดรติรส รติรสร้องไห้โฮอยู่ในอ้อมกอดของประกายดาว

จันทรภานุลดโทรศัพท์ลงจากหู หญิงนิ่มเดินถือแก้วกาแฟเข้ามา
“พี่ดาวยังไม่รับสายอีกเหรอคะ”
จันทรภานุพยักหน้า
“หญิงช่วยโทรค่ะ”
พูดจบหญิงนิ่มก็หยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ออกมา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวถ้าคุณดาวเสร็จธุระก็โทรกลับมาหาพี่เอง”
หญิงนิ่มลดโทรศัพท์ลงแล้วสังเกตเห็นว่าสีหน้าจันทรภานุยังไม่สบายใจอยู่
“พี่ชายคิดอะไรอยู่หรือคะ บอกหญิงได้ไหม”
“พี่รู้สึกเหมือนคุณดาวมีอะไรบางอย่างปิดบังพี่อยู่ จะไปไหน ทำธุระอะไร ทำไมถึงบอกพี่ไม่ได้”
“พี่ดาวคงมีเหตุผลส่วนตัว พี่ชายอย่าคิดมากเลยค่ะ”
“พี่ไม่ได้อยากคิดมาก แต่พี่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
“หญิงมั่นใจค่ะ ว่าพี่ดาวไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ลึกๆ พี่ชายก็เชื่อเหมือนหญิง ไม่อย่างงั้นพี่ชายคงไม่ปล่อยให้พี่ดาวเข้ามาอยู่ในหัวใจได้หรอก จริงไหมคะ”
“เก่งจริงนะตัวดี” จันทรภานุมองโทรศัพท์เครื่องใหม่ของหญิงนิ่ม “น้องหญิงเปลี่ยนมือถือทำไมคะ เครื่องเก่าหายไปไหน”
หญิงนิ่มชะงักไปนิดนึงแล้วตอบ
“ทิ้งค่ะ”
จันทรภานุสงสัย “ทิ้งทำไมคะ”
หญิงนิ่มนึกถึงพงศ์จันทร “มันพังค่ะ พังยับเยิน ซ่อมไม่ได้อีกแล้ว”
หญิงนิ่มหน้าตึงเพราะคิดแล้วก็ยิ่งโกรธพงศ์จันทร จันทรภานุมองหญิงนิ่มอย่างแปลกใจ

พงศ์จันทรนั่งไล่อ่านข้อความที่เคยแชทกับหญิงนิ่ม พงศ์จันทรเผลอตัวยิ้มกับตัวเองแล้วจู่ๆ คำพูดของหญิงนิ่มก็แว่บขึ้นมาในหัว
“เก็บคำขอโทษของนายไว้เถอะ มันไม่ช่วยอะไรหรอก ฉันเชื่อแล้วว่าคนอย่างนายทำได้ทุกอย่าง ทำได้แม้กระทั่งลงทุนฝืนใจคุยกับฉัน ทำให้ฉันยอมมอบความรู้สึกดีๆ ให้กับคนที่ฉันไม่เคยเห็นหน้า”
“นายมันคนไม่มีหัวใจ ! เป็นผู้ชายน่ารังเกียจที่สุด ฉันเกลียดนาย ! ฉันเกลียดนาย !”
พงศ์จันทรหุบยิ้มเพราะรู้สึกเศร้า

พงศ์จันทรขับรถเข้ามาจอดหน้าร้านของหญิงนิ่ม เขามองไปที่ร้านก็เห็นว่าร้านปิด พงศ์จันทรเศร้า

ประกายดาวคุยโทรศัพท์กับจันทรภานุ
“หม่อมสุรีย์โกรธฉันมากไหมคะ”
จันทรภานุคุยโทรศัพท์ที่ห้องนอน
“ไม่หรอกครับ หม่อมแม่เข้าใจ แต่ขอบอกเลยว่า...วันนี้คุณพลาดข้าวแช่ที่อร่อยที่สุดในโลกไป”
“วันหลังฉันขอแก้ตัวนะคะ”
จันทรภานุกับประกายดาวหัวเราะออกมา
“คุณชายไม่ถามฉันเหรอคะว่าธุระด่วนของฉันคืออะไร”
“ไม่ถามครับ ถ้าคุณอยากบอก คุณก็จะบอกเอง แต่ถ้าคุณไม่อยากบอก ผมถาม คุณก็จะต้องโกหกผม”
“คุณชายเกลียดการโกหกมากเหรอคะ”
“ครับ คนเราคบกันไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ควรจะจริงใจต่อกัน โลกนี้ถึงจะน่าอยู่”
ประกายดาวหนักใจ
“คุณชายคะ ฉันมีเรื่องอยากจะบอกคุณชาย”
“เรื่องอะไรครับ”
“ฉันเคย...เอ่อ...” ประกายดาวหนักใจเพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง “ฉัน...ฉันง่วงมากเลยค่ะ ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะคะ”
จันทรภานุผิดหวัง

ประกายดาวเปิดประตูห้องแล้วประคองรติรสไปนั่งบนโซฟา ใบหน้ารติรสซีดเซียวและเดินอย่างอ่อนระโหยโรยแรง
“ตามสบายนะคะ ขาดเหลืออะไรก็บอกฉันได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”
รติรสยิ้ม
“ห้องคุณที่โรงแรม จะให้ฉันไปเก็บเสื้อผ้า ไปเช็คเอ้าท์ให้ไหมคะ” ประกายดาวถาม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่นาน ฉันไม่อยากรบกวนคุณ”
“ไม่รบกวนเลยค่ะ ฉันอยู่คนเดียว ดีซะอีก...มีเพื่อนมาอยู่ด้วย ไม่เหงา”
รติรสมองประกายดาวอย่างซึ้งใจ
“ฉันไม่เคยคิดมาก่อน ว่าสุดท้ายแล้วคนที่ดีกับฉันที่สุดจะเป็นคุณ” รติรสบอก
“ฉันก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาดูแลคุณ”
“คุณดาวคะ ฉันขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับคุณ”
“ฉันให้อภัยค่ะ แต่คุณต้องบอกฉัน คุณรู้เรื่องแผนล่าสเปิร์มได้ยังไง”
“ฉันได้ยินคุณกับเพื่อนคุยกันที่โรงพยาบาลค่ะ”
ประกายดาวคิด
ภาพในอดีตตอนที่ประกายดาว มิลินทร์ จิตคุยกันเรื่องแผนล่าสเปิร์มย้อนกลับมา
“ถึงเวลาเข้าห้องหออย่าอายแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวไม่คุ้มกับแผนล่าสเปิร์ม ที่แกต้องฝ่าด่านอรหันต์ไปตีซี้ทำความรู้จักกับคุณจันทรภานุ จนคุณจันทรภานุตกหลุมรักแกจนโงหัวไม่ขึ้น”
“พอได้แล้ว ! ถ้าคุณจันทรภานุอยู่ ห้ามเผลอพูดเรื่องนี้ล่ะ เดี๋ยวเขารู้ จบเห่กันหมด”

รติรสเล่าต่อ
“ตอนนั้นฉันเพิ่งรู้ว่าฉันท้อง และก็เพิ่งรู้ว่าฉันโดนผู้ชายที่รักมากที่สุดหลอกมาตลอด ฉันอยากมีเงินสักก้อน จะได้พาลูกหนีไปให้ไกล แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะไม่บอกคุณจันทรภานุ”
“ค่ะ แล้วเรื่องคนร้าย คุณจะไม่เอาเรื่องจริงๆ เหรอคะ” ประกายดาวถาม
“ยังไม่เอาตอนนี้ค่ะ รอให้ฉันหายดีซะก่อน ฉันค่อยไปจัดการกับ "มัน" ด้วยตัวเอง”
“คุณรู้หรือคะว่าเป็นฝีมือใคร”
“นังอรอุมา มันแค้นเรื่องฉันกับศิวะ”
ประกายดาวงง “ศิวะ ?!”
“ค่ะ ศิวะเป็นพ่อของลูกฉัน”
ประกายดาวอึ้ง
รติรสพูดต่อ “ไม่เคยมีใครรู้เรื่องฉันกับศิวะหรอกค่ะ อีอรมันก็เพิ่งรู้ มัน เพราะมันมั่นใจมาตลอดว่ามันฉลาด แต่ความจริงแล้ว...คนที่โง่ที่สุดก็คือมัน มันส่งคนมาทำร้ายฉัน จนลูกฉันต้องตาย ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่”
ประกายดาวมองรติรสอย่างไม่สบายใจ

จิตสุภางค์ตบเข่าฉาด
“โอ๊ะ บร๊ะเจ้า! นี่มันเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของแท้”
“ยัยอรมัวแต่ระวังศึกนอกบ้าน คอยหึงชะนีอื่นไปทั่ว แต่ลืมระวังศึกใกล้ตัว เลยโดนแทงข้างหลังซะพรุน” มิลินทร์ว่า
“พวกแกอย่าทำแบบนั้นกับฉันนะ ฉันกลัว” จิตสุภางค์บอก
“ก่อนกลัวดูหนังหน้าผัวตัวเองก่อนดีไหม”
“ทำไม ! ถึงเฮียเชาจะไม่หล่อแต่อร่อยนะยะ และไม่มั่วเหมือนไอ้ศิวะด้วย”
ประกายดาวปาดน้ำตาป้อยๆ
“เฮ้ย ! ร้องไห้ทำไม” จิตสุภางค์ถาม
“สงสารลูกคุณรส ไม่น่าเกิดมาจากสเปิร์มคนเฮงซวยอย่างศิวะเลย ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกก็ต้องมาตาย แกไม่เห็นตอนคุณรสแท้ง เลือดที่ไหลลงจากขาของคุณรส เหมือนน้ำตาของเด็กน้อยกำลังร้องไห้ว่า...หนูไม่อยากตาย” ประกายดาวบอก
“เพื่อนตรูอาการหนัก”
“แล้วนี่ยัยรสจะเอาคืนยัยอรยังไงวะ” มิลินทร์ถาม
“ไม่รู้ แต่ฉันไม่อยากให้คุณรสทำบาป ฉันต้องช่วยเขา” ประกายดาวบอก
“แกช่วยยัยรสมากพอแล้วดาว บอกตามตรงนะ ฉันไม่อยากให้แกไปยุ่งกับสามคนนี้เลย ฉันกลัวแกจะเดือดร้อนไปด้วย”
“ฉันไม่ได้จะช่วยยัยรส แต่ฉันจะช่วยเด็กน้อย ถ้าวิญญาณมีจริง เขาจะต้องนอนตายตาไม่หลับแน่ๆ ที่แม่เขายังเป็นทุกข์อยู่แบบนี้ ฉันต้องช่วยห้ามไม่ให้คุณรสกับยัยอรมีปัญหากันอีกมากไปกว่านี้”
“คิดว่าตัวเองเป็นรถดับเพลิงหรือไงจ๊ะ ถึงคิดจะไปดับไฟโลกันตร์” จิตสุภางค์แซว
“ฉันไม่ดับเองหรอก ต้องให้ไอ้คนจุดไฟเป็นคนไปดับ”
ประกายดาวมีแววตามุ่งมั่น

อ่้านต่อหน้าที่ 3


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 11 (ต่อ)

ศิวะเดินออกจากร้านเพชรมาเจอประกายดาวยืนอยู่ มิลินทร์กับจิตสุภางค์ยืนอยู่ห่างออกไป
“ไม่เจอกันซะนาน สบายดีนะครับคุณเศรษฐี” ศิวะทัก
“สบายตัว แต่ไม่สบายใจ ดันไปรับรู้เรื่องของไอ้ผู้ชายเฮงซวย” ประกายดาวบอก
ศิวะพูดกวนๆ “ใคร ? คุณจันทรภานุเหรอ”
ประกายดาวโกรธ แต่อดทนไม่ตอบโต้
“คุณรสอยู่กับฉัน เธอแท้ง” ประกายดาวบอก
ศิวะตกใจไปนิดแต่ก็กลับมาทำกวนเหมือนเดิม
“แล้วมาบอกผมทำไม”
“นายรู้ดีว่าฉันมาบอกนายทำไม”
ศิวะอึ้งที่ประกายดาวรู้เรื่องเขากับรติรสแล้ว
ประกายดาวพูด “เกิดเป็นผู้ชายไม่ใช่แค่มีหน้าที่ผลิตสเปิร์ม แต่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตที่เกิดจากสเปิร์มของตัวเองด้วย ไม่ใช่เสร็จกิจแล้วเสร็จกัน ไม่งั้นนายมันก็ไม่ต่างจากหมา”
ศิวะโกรธ “ดาว !”
ประกายดาวเชิดหน้าใส่ศิวะอย่างท้าทาย
“เด็กคนนั้นอาจจะไม่ใช่ลูกผมก็ได้ รสมั่วจะตาย” ศิวะว่า
ประกายดาวโกรธปรี๊ดจึงตบหน้าศิวะเต็มแรง
“ตบตะกี้ เป็นของคุณรสข้อหาที่นายหยามเกียรติเธอ”
ประกายดาวตบหน้าศิวะอีกครั้ง
“ตบนี้ไว้อาลัยให้วิญญาณเด็กน้อยที่ต้องมีพ่อเฮงซวยอย่างนาย ส่วนตบนี้ ไม่มีเหตุผล รู้แต่ว่าอยากตบ”
ประกายดาวตบหน้าศิวะอีกครั้ง
ศิวะโมโหมากจึงเงื้อมือจะตบคืน “อีดาว !”
มิลินทร์กับจิตสุภางค์ปราดเข้ามาประกบประกายดาว
“เฮ้ยๆๆ ตบผู้หญิง ถ่ายคลิปแฉนะเว้ย”
“ฉันเป็นบก. พร้อมลงข่าวแฉเสมอ”
ศิวะชะงักแล้วจำใจยอม
“รสแท้งไปแล้ว จะให้ไปรับผิดชอบอะไรอีก” ศิวะถาม
“รับผิดชอบผลที่กำลังจะตามมา คุณรสเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่ต่างจากยัยอร อีกไม่นานคุณรสกับยัยอรจะต้องทำสงครามกันแน่ แล้วถ้านายไม่หยุดปัญหานี้ให้เร็วที่สุด นายจะต้องเดือดร้อน”
“แล้วจะให้ผมทำยังไง” ศิวะถาม
“นั่นแหละคือสิ่งที่นายต้องคิด ในเมื่อนายเป็นคนผูก นายก็ต้องเป็นแก้”
ศิวะหนักใจ

รติรสฝันเห็นตัวเองตอนโดนชกท้องแล้วมีเลือดไหลออกหว่างขา
รติรสร้องกรี๊ดพร้อมกับลืมตาตื่นมาเจอศิวะนั่งคอยอยู่ข้างๆ ศิวะปราดเข้าไปจับมือรติรสแล้วเก๊กหน้าพระเอกเต็มที่
“รส คุณเป็นยังไงบ้าง”
รติรสตบหน้าศิวะดังผัวะ
“ไปให้พ้น !”
รติรสคว้าของใกล้มือปาใส่ศิวะ ศิวะยกมือป้องหน้า
“ฟังผมก่อนสิรส ที่วันนั้นผมต้องพูดทำร้ายจิตใจคุณ ผมจำเป็น เพราะอรยืนอยู่ข้างๆ ผม ถ้าผมพูดดีๆ กับคุณ อรก็จะฆ่าผม ผมไม่ได้กลัวตายหรอกนะ แต่ผมเป็นห่วงคุณกับลูก ถ้าผมตาย คุณกับลูกจะอยู่กันยังไง”
รติรสหยุดปาของ ศิวะค่อยๆ ก้าวเข้าไปหารติรส
“ผมพูดจริงๆ นะรส พอผมรู้ว่าคุณท้อง ผมดีใจแทบตาย ลูกคือของขวัญที่มีค่าที่สุดของผม”
“คุณโกหก !”
“ผมสาบาน ถ้าผมโกหก ขอให้ผมเป็นหมัน มีลูกไม่ได้อีกเลย” ศิวะจับมือรติรสมาวางที่แก้ม “ผมรักคุณกับลูกมากนะ”
รติรสใจอ่อนแล้วโผเข้าไปกอดศิวะ
“ศิวะ ลูกตายแล้ว”
ศิวะลูบหลังปลอบรติรส แต่สีหน้าเซ็งมาก
“เขาไปสบายแล้ว ทำใจเถอะนะ”
“ฉันไม่มีวันทำใจได้ จนกว่ายัยอรจะชดใช้ ฉันไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว ฉันจะแฉความเน่าความเลวของมัน มันต้องชดใช้”
“รสใจเย็นๆ ก่อนนะ อรต้องชดใช้แน่ แต่ผมขอจัดการเองนะ”
“คุณจะทำยังไง”
“ผมจะหย่ากับอร” ศิวะบอก

จิตสุภางค์ยืนเอาหูแนบกับประตู มิลินทร์กับประกายดาวอยู่ที่โซฟา
“เงียบไปแล้ว หรือว่าฆ่ากันตายไปแล้ววะ เรียกปอเต๊กตึ้งเหอะ”
“ศิวะปอดแหกจะตาย ส่วนคุณรสก็รักศิวะมาก เขาไม่ฆ่ากันหรอก” ประกายดาวบอก
“ที่จริงเราน่าจะปล่อยให้พวกเขาหาทางเคลียร์ปัญหากันเอง” มิลินทร์ว่า
“ฉันบอกแล้วไง ฉันทำเพื่อให้วิญญาณลูกของคุณรสได้นอนตายตาหลับ” ประกายดาวบอก
“แต่พวกนี้เป็นพวกไม่มีต่อมจิตใต้สำนึกที่ดี ฉันกลัวว่าความซวยจะมาเยือนแกอะดิ”
จิตสุภางค์พยักหน้าเห็นด้วย แต่ประกายดาวเฉยเพราะไม่คิดว่าจะมีความซวยอะไร

ศิวะส่งเงินปึกใหญ่ให้รติรส
“คุณเก็บเงินไว้ใช้ แล้วเดี๋ยวผมหย่ากับอรเสร็จเมื่อไหร่ ผมจะบินตามไป แต่ระหว่างนี้คุณต้องเก็บตัวเงียบๆ อย่าไปหาเรื่องอร เพราะถ้าอรโกรธ เอาเรื่องคุณมาฟ้องหย่าผม เราจะไม่เหลืออะไรเลย”
“ฉันต้องรอนานเท่าไหร่”
ศิวะมีสายตาที่ล่อกแล่กเอาไงดีวะตรู แล้วเขาก็ตอแหล
“หนึ่งเดือน”
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะรอคุณ”
ศิวะยิ้มโล่งใจ
“แต่ถ้าเกินหนึ่งเดือน คุณยังไม่หย่ากับมัน ฉันจะกลับมาจัดการมันกับคุณ” รติรสว่า
ศิวะฝืนยิ้มแล้วเฉไฉเปลี่ยนเรื่องด้วยการจูบแก้มรติรส แต่รติรสสะดุ้ง
รติรสร้อง “โอ๊ย !”
“คุณเจ็บมากเลยเหรอ”
“ค่ะ ถ้าคุณดาวไม่มาช่วย ฉันก็คงตายไปด้วย คุณดาวเป็นคนดีมาก ฉันยังรู้สึกผิดไม่หายที่เคยทำไม่ดีกับเธอ ขนาดฉันแบล็คเมล์เธอ เธอยังช่วยฉัน”
“แบล็คเมล์ ? คุณแบล็คเมล์ดาวเรื่องอะไร” ศิวะงง

ศิวะเปิดประตูออกมาจากในห้องนอนแล้วเก๊กหน้าเศร้า ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์ที่อยู่ในห้องโถงหันไปมองศิวะเป็นตาเดียว
“รสหลับไปแล้ว” ศิวะบอก
ประกายดาวพยักหน้า
“ดาว..ออกไปข้างนอกกับผมหน่อย ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์แปลกใจ

ศิวะเดินนำประกายดาวมาที่รถ โดยที่ประกายดาวมาตัวเปล่า
“คุยกันข้างบนก็ได้ ทำไมต้องลงมาถึงที่นี่ด้วย” ประกายดาวถาม
“ผมไม่อยากอ่อนแอให้ลินทร์กับจิตเห็น” ศิวะบอก
จู่ๆ ศิวะก็ปิดหน้าร้องไห้แล้วชกกำแพง ประกายดาวรีบห้าม
“เฮ้ย ! นายทำอะไร จะบ้าไปแล้วหรือไง”
“ผมเกลียดตัวเอง ผมเป็นเหตุทำให้ลูกตาย ผมไม่ควรเกิดเป็นคนด้วยซ้ำ”
“ก็จริง”
ศิวะมองประกายดาว
ประกายดาวรีบพูด “ไม่ๆ ฉันหมายถึงว่า ก็จริงที่นายเป็นต้นเหตุทำให้ลูกตาย เห็นหรือยังว่าความมักมาก
ไม่รู้จักพอ มันไม่เคยให้อะไรดีกับชีวิตนายเลย แต่ถ้านายคิดได้แล้วก็กลับเนื้อกลับตัวซะ อย่าให้เกิดปัญหาขึ้นอีก”
“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะดาว ขอบคุณจริงๆ”
“ไม่เป็นไร แล้วนายจะทำยังไงต่อไป”
“รสเสียสละเพื่อผมมามากแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องทำเพื่อรสบ้างแล้ว ผมจะเลิกกับอรแล้วมาอยู่กับรส ผมกับรสจะมีลูกใหม่ด้วยกัน รสจะได้มีความสุข”
“วิญญาณลูกนายนอนตายตาหลับแล้วล่ะ”
ศิวะยิ้ม “รสอยากได้กระเป๋าที่ห้อง คุณไปเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ” ศิวะตื่นเต้น “เสร็จแล้ว..ผมอยากจะให้คุณช่วยเลือกของขวัญปลอบใจรสสักชิ้น”
“ก็ได้ ฉันขึ้นไปเอากระเป๋าก่อน”
“ผมต้องรีบไปรีบกลับ เดี๋ยวอรกลับบ้าน ไม่เจอผม อรจะอาละวาดอีก”
“ไหนว่าจะเลิกกับคุณอร”
“ขอเวลาตั้งหลักก่อนไม่ได้หรือไง ถ้าผมขอเลิกกับอรตอนนี้ รสเดือดร้อนอีกแน่ๆ”
ประกายดาวไม่แน่ใจ
“คุณจะกลัวอะไรฮะดาว ถึงผมคิดจะทำอะไรคุณ ผมเคยทำอะไรคุณได้เหรอ”
ประกายดาวนิ่งไป

มิลินทร์คุยโทรศัพท์
“โอเค แล้วรีบกลับมานะ” มิลินทร์วางสาย
“ไอ้ศิวะโทรหาแกทำไม” จิตสุภางค์ถาม
“ดาวยืมมือถือศิวะโทรมาบอกว่าจะไปที่ห้องคุณรสกับศิวะ คุณรสอยากได้ของ”
ระหว่างนั้นรติรสก็เปิดประตูออกมาด้วยหน้าตางัวเงีย รติรสถือแก้วน้ำเปล่าออกมาจากห้องแล้วได้ยินที่สองสาวคุยกันพอดี
รติรสแปลกใจ “หือ ? ฉันไม่ได้อยากได้อะไรนี่คะ”
มิลินทร์กับจิตสุภางค์แปลกใจ
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้อง มิลินทร์ จิตสุภางค์ รติรสหันขวับไปมองทางประตู

ศิวะไขประตูเข้ามาในห้องรติรส เขาเปิดประตูให้ประกายดาวเดินนำเข้ามาในห้องก่อน ประกายดาวมองหาของในห้อง ศิวะปิดประตูแล้วมือถือของศิวะก็สั่น หน้าจอมือถือขึ้นชื่อ "มิลินทร์" ศิวะรีบกดตัดสาย
ประกายดาวถาม “กระเป๋าคุณรสอยู่ตรงไหน”
ศิวะกดล็อคประตู
“ไม่มีกระเป๋า มีแต่เราสองคน”
ประกายดาวนิ่วหน้าทันที
“นายโกหก ?”
“ผมก็ไม่คิดว่าคุณเชื่อง่าย” ศิวะบอก
“ฉันคิดว่านายจะยังมีความเป็นคนอยู่บ้าง ทำให้ลูกตายแทนที่จะสำนึก นายไม่ควรเกิดเป็นคนอย่างที่นายพูดจริงๆ”
“ผมบอกแล้วไง ลูกของรสอาจจะไม่ใช่ลูกของผมก็ได้”
“เลว ! นายต้องการอะไร”
“ไม่น่าถาม” ศิวะมองประกายดาวด้วยสายตาโลมเลีย
“จำคำพูดตัวเองไม่ได้หรือไง นายไม่เคยทำอะไรฉันได้ อยากลองดีใช่ไหม”
“ยอมผมดีๆ ดีกว่าดาว ไม่ต้องห่วงนะ ผมแค่อยากเป็นผัวไม่ได้อยากเป็นพ่อ สเปิร์มของผมจะไม่ทำให้คุณมีลูก ลูกคุณจะยังเกิดจากสเปิร์มของจันทรภานุอย่างที่คุณต้องการเหมือนเดิม”
ประกายดาวอึ้ง!
“นายพูดบ้าอะไร”
“ไม่ต้องมาแอ๊บ รสเล่าเรื่องแผนล่าสเปิร์มให้ผมฟังหมดแล้ว มิน่า...ถึงหวงท้องตัวเองจัง”

ภาพในอดีตย้อนกลับมา ชายที่ศิวะจ้างพูด
“คุณน่าจะบอกผมว่าผู้หญิงคนนั้นท้องอยู่ ผมจะได้ไม่รับงานนี้ ถึงผมจะเลวแต่ผมก็ไม่ชั่วนะครับ”
“นังดาวไม่ได้ท้อง” ศิวะว่า
“เหรอครับ ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นพูดลูกในท้อง ผมคิดว่าท้องอยู่ซะอีก”
ศิวะครุ่นคิดกับตัวเอง “หรือดาวมีอะไรปิดบังอยู่”

ศิวะพูดต่อ
“เพราะคุณอยากมีลูกกับคุณชายจนตัวสั่นนี่เอง”
ประกายดาวจะเดินไปที่ประตู แต่ศิวะขวางไว้
“จะไปไหนคุณยังไม่จ่ายค่าปิดปากผมเลยนะ ถ้าไม่อยากให้คุณจันทรภานุรู้เรื่องนี้ ให้ผมเป็นผู้ชายคนแรกของคุณซะดีๆ แล้วผมจะรูดซิบปิดปากให้สนิทเลย”
“ลูกนายเพิ่งจะตาย เมียนายสองคนกำลังจะฆ่ากัน นายยังมีใจคิดเรื่องชั่วๆ อีกเหรอ” ประกายดาวว่า
“เป็นความสามารถส่วนบุคคลจ้ะดาร์ลิ่ง”
ศิวะคว้าแขนประกายดาวยึดติดกับกำแพง
“ปล่อยฉันไอ้ทุเรศ !”
ประกายดาวยกเข่าจะกระทุ้งเป้าศิวะ แต่ศิวะหลบทัน
“ต้องหามุขใหม่แล้วนะ” ศิวะบอก
ศิวะจับแขนประกายดาวไพล่หลังแล้วคว้าผ้าขนหนูที่วางอยู่ใกล้ๆ มามัดสองมือของประกายดาวไว้ด้วยกัน ประกายดาวดิ้น
“ปล่อยฉันนะศิวะ !”
“ปล่อยก็โง่สิจ๊ะ ยังไงเธอก็หนีฉันไม่รอด”
“ฉันยอมแล้ว อยากจะทำอะไรฉันก็ทำเลย” ประกายดาวบอก
“อย่าคิดตุกติกนะประกายดาว”
“ตุกติกบ้าอะไรเล่า ฉันกลัวนายจะไปบอกคุณชายเรื่องนั้นจะตายอยู่แล้ว แล้วถ้าฉันยอมนาย แล้วนายเอาเรื่องฉันไปบอกจันทรภานุ ฉันจะให้ยัยลินทร์ลงข่าวเรื่องนายกับคุณรส”
“โอเค ตามนั้น”
ศิวะคลายตัวจากประกายดาวแล้วจับประกายดาวหันหน้ามาก่อนจะให้ประกายดาวนอนลงบนเตียง
“ไม่แก้มัดฉันก่อนเหรอ”
“จะสู้กับงูพิษ ต้องมัดปากเอาไว้ ถ้าเผลอเดี๋ยวงูฉก”
ประกายดาวเจ็บใจที่ศิวะไม่หลงกล
ศิวะถอดเสื้อตัวเองพลางมองประกายดาวอย่างหื่นกระหาย ประกายดาวแกล้งทำตัวสั่นเทิ้ม ศิวะถอดเสื้อเสร็จก็ก้มลงลูบไล้หน้าประกายดาว
“ตัวสั่นเชียว น่ารักจัง ก่อนอื่นขอทำโทษที่วันนี้ตบฉันตั้งสามครั้งก่อนนะจ๊ะ”
ศิวะก้มลงจะจูบประกายดาว ประกายดาวใช้ทีเผลอกัดหัวไหล่ศิวะเต็มแรง
ศิวะร้องลั่น “อ๊าก !”
ศิวะกระเด้งตัวลุกขึ้น ประกายดาวถีบเป้าศิวะจนศิวะหงายหลังตกเตียง ประกายดาวลุกขึ้นใช้สองมือทุบลงไปที่ต้นคอศิวะจนศิวะทรุด ประกายดาววิ่งไปเปิดประตู
“ดาว ! อีดาว !”
ศิวะวิ่งตาม

ประกายดาวที่ถูกมัดมือสองข้างไว้ด้วยกันวิ่งมาจากทางห้องรติรส
“ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย ! ไอ้โรคจิตจะปล้ำฉัน”
ประกายดาววิ่งมาชนกับจันทรภานุเข้าพอดี ขณะที่จิตสุภางค์กับมิลินทร์เดินตามหลังจันทรภานุมา
“คุณชาย ! ช่วยฉันด้วย ไอ้ศิวะมันจะปล้ำฉัน”
ศิวะที่ถอดเสื้อวิ่งตามมาถึงพอดี
“ดาว ! ดาว !”
จันทรภานุปราดเข้าไปหาชกหน้าศิวะดังเปรี้ยงจนศิวะกระเด็นล้มไปกองบนพื้น
จิตสุภางค์ตะโกน
“จัดการมันเลยค่ะคุณชาย เอาให้กินน้ำพริกไม่ได้ไปแปดวันเลยค่ะ”
มิลินทร์แก้ผ้าที่ผูกข้อมือให้ประกายดาว
แขกแต่ละห้องเปิดประตูออกมาดูอย่างสนใจ บางคนถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ จันทรภานุปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อศิวะขึ้นมา
“เคยเตือนแล้วใช่ไหม อย่ามายุ่งกับคุณดาว !”
“ปกป้องมันเข้าไป ยังไม่รู้อีกว่าอีดาวมันสตอเบอรี่ตัวแม่ มันหลอกคุณอยู่ อยากรู้ไหมว่าเรื่องอะไร” ศิวะว่า
ประกายดาวอ้าปากค้างเพราะรู้ว่าศิวะกำลังจะพูดอะไร
ประกายดาวชิงพูดก่อน “คุณชายคะ ฉันมีเรื่องจะบอกคุณชาย”
จันทรภานุหันขวับไปมองประกายดาว
“พูดตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว ผมพูดให้เองดีกว่า” ศิวะบอก
ประกายดาวสวน “อย่ายุ่ง นี่เป็นเรื่องของฉันกับคุณชาย”
จันทรภานุงง “พวกคุณกำลังจะพูดเรื่องอะไร”
ศิวะพูดออกมา “แผนล่าสเปิร์ม”
จันทรภานุแปลกใจ

จันทรภานุแปลกใจ
“แผนล่าสเปิร์ม?”
“อย่าไปฟังมันเห่านะคะคุณชาย สเปิร์มไม่ใช่เก้ง จะมาล่งมาล่าอะไร” จิตสุภางค์บอก
มิลินทร์เสริม “ใช่ค่ะ ทั้งเห่าทั้งหื่น อย่างนี้ต้องจับไปนอนในคุก จิตลุย !”
จิตสุภางค์กับมิลินทร์พุ่งเข้าไปทุบตีศิวะหนุบหนับ ศิวะยกมือป้องหลบเป็นพัลวัน
“เฮ้ย !”
ศิวะผลักจิตสุภางค์กับมิลินทร์ออก ทำให้ทั้งสองสาวกระเด็น
ประกายดาวห่วงเพื่อน “จิต ลินทร์ !”
ประกายดาวปราดเข้าไปดูเพื่อน
“พวกเธอไม่ต้องพยายามช่วยกันปิดบัง ยังไงวันนี้หน้าใสๆ ของนังดาวก็ต้องถูกกระชาก” ศิวะพูดกับจันทรภานุ “คุณชาย...แผนล่าสเปิร์มคือแผนที่ดาวอยากมีลูก และคุณชายก็ถูกเลือกเป็นพ่อพันธ์ ดาวจะจับคุณชายเป็นผัว”
ประกายดาวค้าน “ไม่จริง! ฉันไม่ได้คิดจับคุณชาย ฉันแค่อยากได้สเปิร์มของคุณชายเท่านั้น”
จันทรภานุนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ
“ต่างกันตรงไหน หรือว่าคุณชายกระพริบตา สเปิร์มจะออกมาได้”
“นายไม่จำเป็นต้องรู้” ประกายดาวว่า
จันทรภานุพูด “แต่ผมอยากรู้”
ประกายดาวอึ้ง
“คุณทำอะไรอยู่หรือประกายดาว” จันทรภานุถาม
“ฉันอยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามี ฉันตั้งใจจะขอสเปิร์มจากคุณชายค่ะ” ประกายดาวสารภาพ
“ขอสเปิร์ม !? ฮ่าๆๆๆ สเปิร์มไม่ใช่เก้งนะจ๊ะ จะมาขอกันดื้อๆ ได้ยังไง” ศิวะว่า
ศิวะจงใจล้อเลียนจิตสุภางค์ จิตสุภางค์ฮึดฮัดใส่ศิวะ แต่มิลินทร์ห้ามไว้
“ฉันหวังว่าเมื่อเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คุณชายเข้าใจว่าการมีลูกสำคัญกับฉันมากแค่ไหน คุณชายจะยอมให้สเปิร์มกับฉันไปทำกิฟต์” ประกายดาวบอก
จันทรภานุมองประกายดาวอย่างผิดหวัง
“โถ...แสดงว่าที่ผ่านมาที่เธอทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูกับคุณชาย ก็เพราะหวังสเปิร์มนี่เอง ลงทุนจังเลยนะ”
ศิวะโอบบ่าจันทรภานุ
“คุณชายต้องขอบคุณผมนะ ผมทำให้คุณชายตาสว่าง ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของสาวนักล่าสเปิร์ม”
จู่ๆ จันทรภานุก็ตะปบมือศิวะแล้วพลิกจับแขนไพล่หลังก่อนจะดันตัวเขาชิดกับกำแพง
“ทำอะไรวะ นังดาวมันสวมเขาให้ ยังจะช่วยมันอีกเหรอ” ศิวะว่า
“ไม่ว่าใครจะทำอะไรผม ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องเลวๆ ที่คุณทำ”

ประกายดาว มิลินทร์ และจิตสุภางค์มองจันทรภานุที่กำลังมัดศิวะไว้กับเสาในห้องของรติรส
“ไม่โกรธ” จิตสุภางค์บอก
“แต่ฉันว่าโกรธ” ประกายดาวแย้ง
“ถ้าโกรธ ป่านนี้เขาไปแล้ว เขาไม่อยู่ช่วยจับไอ้ศิวะหรอก” มิลินทร์บอก

ศิวะกระซิบบอกจันทรภานุ
“คุณชาย...ผมจะบอกอะไรให้ ตอนผมคบกับดาว ดาวก็เคยขอสเปิร์มผม แล้วผมก็ให้ไปแล้ว...ตั้งหลายครั้ง แต่ผมป้องกัน ดาวถึงยังไม่มีลูกสมใจ ไอ้ที่ดาวเคยปักตะไคร้ไล่ฝนได้ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ อย่าคิดว่าดาวยังเวอร์จิ้น”
จันทรภานุมองศิวะ ศิวะยิ่งได้ใจใส่ไฟประกายดาวยกใหญ่
“อยากได้แค่สเปิร์มไม่ได้อยากได้ตัวคุณชาย อมพระประธานมาพูดก็ไม่เชื่อ ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากได้แค่...”
จันทรภานุคว้าของใกล้มือมายัดใส่ปากศิวะ ศิวะดิ้นแล้วส่งเสียงอู้อี้
จันทรภานุเดินเข้าไปหาประกายดาว
“ผมโทรบอกเชษฐ์ให้แล้ว เชษฐ์กำลังพาตำรวจมารับตัวเขา”
“คุณชายคะ ฉัน...” ประกายดาวจะพูด
แต่จันทรภานุตัดบท “คุณต้องไม่ยอมเขาอีก เพราะคนบางคนไม่สมควรจะได้รับโอกาสแก้ตัวแม้แต่ครั้งเดียว ผมขอตัวกลับก่อน”
จันทรภานุเดินออกไป ประกายดาวมองตามจันทรภานุ
“เออ...เขาโกรธจริงๆ ด้วยว่ะ” จิตสุภางค์ยอมรับ
ประกายดาวน้ำตาคลอ

จันทรภานุเดินเข้าลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิด ประกายดาววิ่งตามมา
ประกายดาวตะโกนเรียก “คุณชาย คุณชายคะ !”
ประตูลิฟต์ปิดแล้ว ประกายดาวกดปุ่มรัวแต่ก็ไม่ทันแล้ว ประกายดาวมองหาบันไดหนีไฟแล้ววิ่งไป

จันทรภานุขับรถออกมาจากที่จอดรถ สักพักประกายดาวก็วิ่งมาขวางหน้า
จันทรภานุตกใจ “คุณดาว !”
จันทรภานุเหยียบเบรคเอี๊ยด
รถจอดสนิทห่างจากตัวประกายดาวไม่ถึงคืบ ทั้งประกายดาวและจันทรภานุโล่งใจ จันทรภานุลงจากรถ มาต่อว่าประกายดาว
“คุณดาว คุณทำอะไรของคุณ”
ประกายดาวหอบแฮ่ก “ฉันอยากคุยกับคุณชาย”
“ผมเชื่อแล้ว...ถ้าคุณต้องการอะไร คุณทำได้ทุกอย่างจริงๆ
“คุณชายโกรธฉัน ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันเข้าใจ แผนล่าสเปิร์มของฉันมันอาจจะดูงี่เง่าสำหรับคนอื่น และฉันก็จะไม่แก้ตัวด้วยว่าฉันไม่ได้ตั้งใจทำ ฉันอยากมีลูกค่ะ ฉันไม่ได้คิดจะจับคุณชายอย่างที่ศิวะพูด”
“ผมไม่เคยตัดสินใครจากคำพูดคนอื่น ส่วนเรื่องแผนล่าสเปิร์ม ผมก็ไม่ถือสา”
“แล้วคุณโกรธฉันเรื่องอะไร”
“ผมไม่ได้โกรธ แต่ผมผิดหวัง...ผมคิดว่าคุณจริงใจกับผม”
“ฉันจริงใจกับคุณ”
“จริงใจ ? คุณเข้ามาในชีวิตผมเพราะหวังสเปิร์ม คุณพยายามทำให้ผมรู้ว่าลูกมีความหมายกับชีวิตคุณมากแค่ไหนเพื่อที่ผมจะได้เห็นใจคุณ คุณทำดีกับผมเพราะหวังจะให้ผมร่วมมือกับคุณ แล้วเมื่อคุณมีลูกอย่างที่ต้องการ คุณก็จะหายไปจากชีวิตผมโดยไม่สนใจว่าผมจะรู้สึกยังไง ตรงไหนที่คุณเรียกว่าจริงใจหรือประกายดาว”
จันทรภานุขึ้นรถขับออกไป ประกายดาวมองตามไปอย่างเศร้าๆ

รถจันทรภานุจอดเลียบข้างทาง จันทรภานุทั้งเศร้าทั้งผิดหวังจนไม่มีแรงจะขับรถต่อไป เสียงเตือนโปรแกรมแชทจากมือถือของจันทรภานุดังขึ้น จันทรภานุหยิบมาเปิดอ่านก็เห็นข้อความจากประกายดาวว่า "ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ" เต็มพรืดหน้าจอ จันทรภานุมองนิ่งแล้วนึกถึงเรื่องแพท

อ่านต่อหน้าที่ 4


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 11 (ต่อ)
เหตุการณ์ในอดีต กรอบรูปถ่ายคู่ของจันทรภานุกับแพทสมัยรักกันหวานตกแตกอยู่ที่พื้น จันทรภานุโกรธจัด เดินปึงปังออกจากห้อง แพทร้องไห้แล้ววิ่งตามไปกอดเอวจันทรภานุ
“ชาย...แพทขอโทษ แพทรักชาย รักชายคนเดียว”
“คนรักกันเขาไม่โกหกกันหรอกนะ” จันทรภานุว่า
จันทรภานุจะเดินออกไป แต่แพทโอบกอดเขาจากด้านหลัง
“เห็นแก่ความรักของเราเถอะนะคะ ให้โอกาสแพท ต่อไปนี้แพทจะไม่นอกใจชาย แพทสัญญา...แพทจะไม่โกหกชายอีกแล้ว”
จันทรภานุใจอ่อนจึงยอมหันกลับไปกอดแพทด้วยความรัก แพทยิ้มดีใจ

วันต่อมา จันทรภานุเดินถือช่อดอกไม้มาหยุดยืนหน้าห้องของแพท เขาเปิดอ่านการ์ดที่ห้อยอยู่กับช่อดอกไม้ซึ่งเขียนด้วยลายมือว่า "anniversary 3 ชายรักแพท"
จันทรภานุกำลังยกมือเคาะประตูแต่ประตูเปิดออกก่อน แพทในชุดนอนบางเบาดันตัวฝรั่งที่ไม่ใส่เสื้อออกมาจากในห้อง ทั้งสองหัวเราะคิกคัก
“กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวชายมา” แพทเห็นจันทรภานุยืนอยู่ก็ตกตะลึง “ชาย !”
จันทรภานุมองแพทอย่างเจ็บปวด ดอกไม้ในมือร่วงลงพื้น

เหตุการณ์ปัจจุบัน จันทรภานุวางโทรศัพท์ลงโดยไม่ตอบกลับประกายดาว

จิตสุภางค์หัวเราะก๊าก ในขณะที่เดินมากับมิลินทร์และประกายดาวตามทางที่มุ่งหน้าไปห้องประกายดาว
“ฮ่าๆๆๆ กรรมสมัยนี้มันไวติดสามจีดีเจรงๆ อยู่ดีไม่ว่าดี ดันหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว”
ประกายดาวหน้าหงอย มิลินทร์ตีแขนจิตสุภางค์
“แกจะทำซ้ำเติมดาวทำไม เพื่อนกันเปล่าเนี่ย” มิลินทร์ว่า
“ฉันพูดถึงไอ้ศิวะ ไม่ได้พูดถึงดาว” จิตสุภางค์บอก
มิลินทร์ยิ้มแห้งๆ “แฮะ...”
“แกไม่เห็นหน้าไอ้ศิวะตอนผู้กองอภิเชษฐ์เอามันเข้าไปในห้องขังเหรอ หน้าซีดเป็นไก่ต้มน้ำกะทิ ที่จริงคนหื่นๆ มักมากแบบนี้มันต้องโดนตัด แล้วสับๆๆๆ ให้เป็ดกิน มันถึงจะสาสม”
รติรสปราดเข้ามาหาอย่างห่วงใย
“คุณดาว คุณเป็นยังไงบ้าง ศิวะทำอะไรคุณหรือเปล่า” รติรสถาม
ประกายดาวตอบ “ไม่ค่ะ”
“ฉันขอโทษนะคะ ฉันเผลอพูดเรื่องแผนล่าสเปิร์มออกมา ฉันไว้ใจเขาเกินไป ฉันคิดว่าเขากลับเนื้อกลับตัว จะรักฉันจริงๆ ฉันถึงยอมเล่าเรื่องแผนล่าสเปิร์มให้เขาฟัง แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะทำกับคุณแบบนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่างน้อยคุณก็จะได้เห็นธาตุแท้ของศิวะ” ประกายดาวบอก
“ค่ะ ฉันเห็นแล้ว ฉันเปลืองตัว เปลืองหัวใจเพราะผู้ชายคนนี้มามากพอแล้ว ต่อไปนี้ฉันกับเขาจบสิ้นกันสักที” รติรสว่า
“ดีแล้วค่ะ เราทุกคนไม่ควรเดือดร้อนเพราะผู้ชายคนนี้อีกแล้ว” ประกายดาวบอก
รติรสพยักหน้าเห็นด้วย

ศิวะเดินงุ่นง่านไปมาอยู่ในห้องขัง
“เมื่อไหร่แม่จะมาประกันตัวสักทีวะ”
เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นจากหน้าโรงพัก
“อย่าจับฉัน ! บอกแล้วไง พวกฉันไม่ได้เล่นไพ่ พวกฉันกำลังดูดวงกันอยู่ย่ะ”
ศิวะมองไปก็เห็นว่าตำรวจคุมแก๊งค์สาวไฮโซเข้ามาในโรงพักและหนึ่งในนั้นคือ นันทินี !
นันทินีโวยวาย
“ปล่อยฉัน ! วอนโดนเด้งซะแล้ว ไม่รู้หรือไงว่าฉันลูกใคร”
“ลูกใครไม่สนใจ ถ้าทำผิดกฎหมาย โดนจับสถานเดียว เข้าไป” ตำรวจบอก
ตำรวจดันนันทินีและแก๊งค์สาวไฮโซเข้าไปในห้องขังฝ่ายหญิง นันทินีกรี๊ด ตำรวจปิดล็อคประตู นันทินีปราดไปเกาะลูกกรง
“ปล่อยฉันออกไป ! ปล่อย !”
นันทินีนึกอะไรขึ้นได้จึงกระชากผ้าพันคอของหนึ่งในแก๊งค์สาวไฮโซมาพันหน้า
“ฉันต้องปิดบังใบหน้า เกิดนักข่าวมาเห็นเข้า ฉันฉาวแน่”
“คุณอยากให้ข่าวอื่นกลบข่าวคุณไหมล่ะ” ศิวะหันไปถาม
นันทินีหันไปเจอศิวะอยู่ห้องขังข้างๆ
นันทินีตกใจ “คุณศิวะ !”
ศิวะยิ้มอย่างมีแผน

วันต่อมา จันทรภานุเพิ่งมาถึงห้างสรรพสินค้าและกำลังเดินไปที่ลิฟต์ พนักงานชายหญิงที่เดินผ่านยกมือไหว้ทำความเคารพจันทรภานุ แต่พวกเขามองจันทรภานุด้วยสายตากรุ้มกริ่มและอมยิ้มเขินๆ พอเดินห่างออกไปก็ซุบซิบๆ อะไรบางอย่างกัน จันทรภานุแปลกใจ

จันทรภานุเปิดประตูเข้ามาแล้วเดินไปนั่งบนโต๊ะทำงาน เลขาฯ ถือแฟ้มเอกสารตามเข้ามา
“เอกสารอนุมัติปรับปรุงห้างค่ะ”
จันทรภานุเปิดแฟ้มแล้วไล่อ่านเอกสาร ระหว่างนั้นเลขาฯ ก็มองจันทรภานุพลางอมยิ้ม จันทรภานุเซ็นต์เอกสารเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นอาการของเลขาฯ
จันทรภานุถาม “วันนี้ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า”
“ปะ...เปล่าค่ะ”
เลขาฯ รับแฟ้มเอกสารจากจันทรภานุแล้วเดินออกไป แต่จันทรภานุยังแปลกใจอยู่ มือถือของจันทรภานุมีสายเข้า จันทรภานุรับสาย
“โทรมาทำไมแต่เช้า”

อภิเชษฐ์คุยโทรศัพท์อยู่ที่โรงพัก
“ฉันจะโทรมาบอกว่า...ฉันภูมิใจนะโว้ยที่มีนายเป็นเพื่อน คนบ้าอะไร...สเปิร์มมีค่ายิ่งกว่าทองคำ”
จันทรภานุงง “นายพูดอะไร”
“ถ้ายังไม่รู้ เปิดเฟชบุ๊คดูเอาเองเถอะ”
จันทรภานุเปิดดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เห็นโพสต์ในเฟชบุ๊คเรื่องประกายดาวว่า "สะพรึ่ง ! สาวล่าสเปิร์มออกอาละวาด หนุ่มหล่อ รวยระวัง อาจตกเป็นเหยื่อรีดสเปิร์มเหมือน...คุณจันทรภานุ" พร้อมรูปตัดต่อหน้าประกายดาวในชุดนางแมวป่า
จันทรภานุตกใจ !

ศิวะดูภาพในมือถือพลางหัวเราะสะใจ ขณะที่นันทินีจิบกาแฟอย่างเซลฟ์ๆ
“ไม่เสียแรงที่ผมบอกเรื่องนี้ให้คุณรู้เป็นคนแรก ผมคิดอยู่แล้วเชียวว่าคุณต้องมีวิธีจัดการเรื่องนี้ได้ดีมาก”
“เรื่องเลวๆ แบบนี้ ดิฉันถนัดค่ะ” นันทินีภูมิใจ
“ตอนนี้คุณก็มีความหวังที่จะได้สมหวังกับคุณจันทรภานุอีก”
“ค่ะ ถ้าคุณชายรู้แบบนี้แล้วยังจะคว้านังประกายดาวมาเป็นสะใภ้วังนพรัตน์อีก ดิฉันคงต้องหาเขาให้คุณชายสวมแล้วล่ะค่ะ”
ศิวะยิ้มสะใจ

จันทรภานุเดินสำรวจห้างสรรพสินค้ากับทีมงาน ลูกค้าสาวเดินผ่านก็สะกิดและกระซิบกัน
“คนนี้ไงเธอที่ถูกรีดสเปิร์ม”
“ต้าย..หล่อมาก เป็นฉัน ฉันก็อยากได้เป็นพ่อพันธ์ เข้าไปขอสเปิร์มเขาบ้างไหม”
ลูกค้าหัวเราะคิกคัก ทีมงานก็พลอยกลั้นยิ้มไปด้วย จันทรภานุทำหน้าไม่ถูก
“พอแค่นี้แล้วกัน แล้วคุณช่วยสรุปไอเดียที่เราคุยกันมาให้ผมด้วยนะ”
จันทรภานุเดินออกไป

ประกายดาวเดินฉับๆ สอดส่ายสายตามองหาจันทรภานุ มิลินทร์กับจิตสุภางค์เดินกึ่งวิ่งตามหลังมา
“มันจะรีบไปไล่ควายที่ไหนวะ เฮ้ยๆ เห็นใจคนลูกสามหน่อยสิวะ” จิตสุภางค์ว่า
“พวกแกไปหาร้านนั่งรอก็ได้ เดี๋ยวฉันไปตามหาคุณชายเอง” ประกายดาวบอก
มิลินทร์ดึงแขนประกายดาวไว้
“เดี๋ยวก่อน” มิลินทร์บอก
“อะไรอีกล่ะ”
ขณะนั้น จันทรภานุก็เดินผ่านมาทางสาวๆ แต่ประกายดาวหันไปหามิลินทร์โดยตัวประกายดาวบังสายตามิลินทร์ ส่วนจิตสุภางค์ก็ก้มหน้าหอบแฮ่กๆ ทำให้ทั้งสามสาวไม่เห็นจันทรภานุที่เดินผ่านไปแล้ว
“ห้างใหญ่ขนาดนี้ แกจะเดินหาคุณจันทรภานุเจอได้ยังไง” มิลินทร์ว่า
“ก็เลขาฯ เขาบอกว่าคุณจันทรภานุมาตรวจงานโซนนี้ คุณชายก็ต้องอยู่แถวนี้แหละ” ประกายดาวบอก
“แล้วทำไมแกไม่โทรหาคุณจันทรภานุไปเลยล่ะ ตามหาให้เหนื่อยทำไม”
“ถ้าเขารับสายฉันก็ดีน่ะสิ” ประกายดาวบอก
กองทัพนักข่าวเดินผ่านมา หนึ่งในนั้นหันมาเห็นประกายดาว
“คุณประกายดาว”
นักข่าววิ่งกรูกันมาทางประกายดาว ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์ตกใจ
“แย่แล้วดาว แกโดนอีแร้งจิกกินหมดตัวแน่”
“ใช้คาถาหลวงพ่อ...” จิตสุภางค์บอก มิลินทร์กับประกายดาวสนใจ “โกยเถอะโยม”
จิตสุภางค์กระชากแขนประกายดาววิ่งหนี มิลินทร์วิ่งตาม นักข่าวก็วิ่งตาม

จิตสุภางค์ฉุดแขนประกายดาวพาวิ่งหนีมาหลบมุม ขณะที่มิลินทร์ตามหลังมาด้วย
“หลบตรงนี้ก่อนนะ เหนื่อยฉิบเป๋ง” จิตสุภางค์บอก
“ดาว...แกคิดซะ จะแต่งเรื่องสตรอเบอรี่ตอบคำถามนักข่าวว่ายังไง” มิลินทร์แนะนำ
“เอางี้มะ สตรอเบอรี่ไปว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ มีคนไม่หวังดีกับความรักของแกกับคุณจันทรภานุ ก็เลยแต่งเรื่องบ้าๆ ขึ้นมา”
ประกายดาวท้วง “แล้วทำไมฉันต้องโกหก”
“หรือแกจะบอกนักข่าวว่าแกอยากได้สเปิร์มคุณจันทรภานุจริงๆ แกได้เป็นตัวตลกไปทั้งชีวิตแน่” มิลินทร์ว่า
ประกายดาวนึกถึงจันทรภานุ
เธอนึกถึงตอนที่จันทรภานุต่อว่าเธอ
“ตรงไหนที่คุณเรียกว่าจริงใจหรือประกายดาว”

ประกายดาวคิด นักข่าววิ่งมาถึงพอดี จิตสุภางค์เห็น
“มากันแล้ว หลบๆ”
จิตสุภางค์ดันตัวประกายดาวมาหลบหลังเสา
จู่ๆ ประกายดาวก็โผล่ออกไปขวางหน้านักข่าว สองสาวตกใจ
“ไอ้ดาว”
นักข่าวถามทันที “คุณดาวคะ คุณดาวคิดแผนล่าสเปิร์มจริงหรือเปล่าคะ”
ประกายดาวตัดสินใจตอบ “จริงค่ะ”
มิลินทร์กับจิตสุภางค์เหวอ

ภาพประกายดาวให้สัมภาษณ์ผ่านทางจอโทรทัศน์
“สมัยนี้ผู้ชายดีๆ หายากค่ะ ยิ่งผู้ชายแท้ยิ่งหายากไปใหญ่ เป็นสามีเราแต่ไปเป็นภรรยาคนอื่นมีเยอะแยะ ไหนจะปัญหาครอบครัว ปัญหาหย่าร้าง พวกคุณทราบไหมคะ...สถิติการหย่าร้าง คือหนึ่งในสามของคู่แต่งงาน นี่ยังไม่นับรวมบรรดาที่ต้องกล้ำกลืนทนกินน้ำใต้ศอก น้ำตาเช็ดหัวเข่าเพราะความไม่รู้จักพอของผู้ชาย แล้วทำไมฉันต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงกับเรื่องพรรค์นี้ ในเมื่อฉันยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวต้องมีความสุขที่สุดค่ะ แล้วความสุขของฉันก็คือการมีลูก ลูกจะทำให้ชีวิตฉันมีความหมายขึ้น แต่ฉันมีลูกไม่ได้ถ้าไม่มีสเปิร์ม นี่คงเป็นเรื่องเดียวมั้งคะที่ผู้หญิงอย่างฉันจะต้องพึ่งผู้ชาย ถ้าฉันผสมพันธ์ได้ด้วยตัวเองเหมือนไส้เดือน พวกผู้ชายทั้งหลายอย่าหวังว่าจะได้เข้ามาในชีวิตของฉัน”
ภาพประกายดาวหยุดแล้วเลื่อนไปอยู่มุมหนึ่งของจอ
แอนตี้เป็นพิธีกรของรายการ หัวมุมของจอด้านหนึ่งมีชื่อรายการ "ผู้หญิงถึงผู้ชาย"
แอนตี้พูด “ว้าว...เป็นยังไงล่ะคะกับการเปิดใจของคุณประกายดาวสาวล่าสเปิร์ม อึ้งกันไปเลยใช่ม้า สาวๆ คนไหนที่เคยคิดอยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามีเหมือนเธอคนนี้ยกมือขึ้น” แอนตี้ยกมือ “แฮะ..แอนตี้ก็เคยคิดค่ะ” แอนตี้ยกมือป้องปาก “แหม...สมัยนี้ผู้ชายแท้หายากเหมือนที่คุณประกายดาวพูดจริงๆ นี่คะ ตอนนี้เราไปดูกันดีกว่า ว่าสาวๆ คิดยังไงกับเรื่องนี้ ขอบอกว่าแซ่บเว่อร์”
สาวออฟฟิศให้สัมภาษณ์ “เห็นด้วยค่ะ ผู้หญิงสมัยนี้เก่งอยู่แล้ว เป็นได้ทั้งพ่อและแม่”
แม่บ้านวัยห้าสิบให้สัมภาษณ์ “ไม่เห็นด้วย จะมีลูกก็ต้องแต่งงานสิ ผิดธรรมเนียม”
นักศึกษาสาวสามคนให้สัมภาษณ์ “เห็นด้วยค่ะ”
สาวเล่นฟิตเนสมาดเท่ให้สัมภาษณ์ “เออ ไอเดียดีนะ ผู้ชายยิ่งมีน้อย จะได้ไม่ต้องไปใช้สามีร่วมกับใคร”
แอนตี้พูดต่อ “ต่างคนก็ต่างความคิด แต่ที่แน่ๆ คุณประกายดาวช่างภาพสาวสวยของเรากลายเป็นไอดอลของสาวๆ ยุคใหม่ที่อยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามีไปแล้ว ขอกดไลค์ให้เธอคนนี้คร่า”
ภาพนิ่งของประกายดาวหยุดนิ่งเต็มหน้าจอ มีแอฟเฟ็คใส่มงกุฎ มีพลุรอบๆ และเสียงปรบมือ

จันทรภานุดูภาพสัมภาษณ์ของประกายดาวผ่านทางทีวี ภาพบนทีวีเน้นตรงที่ประกายดาวพูดว่า
“ถ้าฉันผสมพันธ์ได้ด้วยตัวเองเหมือนกิ้งกือ พวกผู้ชายทั้งหลายอย่าหวังว่าจะได้เข้ามาในชีวิตของฉัน”
จันทรภานุกดปิดทีวีไปอย่างเศร้าสร้อย

มิลินทร์กับจิตสุภางค์กำลังดูไอแพด ประกายดาวนั่งอยู่ด้วย
“โอ้โห...ยอดแชร์ข่าวแกเร็วปรี๊ดยิ่งกว่าข่าวพระมั่วสีกาอีกว่ะ” จิตสุภางค์บอก
“ไม่แปลกหรอก ประเด็นแซ่บๆ ฉาวๆ ชอบแชร์ชอบไลน์กันนักแหละ แต่ก็เขียนซะเว่อร์ ใครอ่านจะคิดว่าแกเป็นโรคจิตได้เลย” มิลินทร์ว่า
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่งั้นพวกลูกค้าจะโทรมาแคนเซิ่ลงานฉันหมดเหรอ ดีนะที่รวย ไม่งั้นได้แทะกล้องกินแก้หิวแน่” ประกายดาวว่า
“ทำตัวเงียบๆ ไปสักพัก เดี๋ยวคนก็ลืม” มิลินทร์เสนอ
“เรื่องไม่เงียบง่ายๆ หรอก ถ้าเรายังไม่เอาตะกร้อไปครอบปากมัน” ประกายดาวบอก
มิลินทร์สงสัย “แกรู้เหรอว่าใครเป็นคนทำ”
“จะมีใคร ถ้าไม่ใช่มัน” ประกายดาวมั่นใจ

ศิวะเปิดดูเฟชบุ๊คบนมือถือพลางยิ้มสะใจ คนใช้เดินเข้ามาหา
“คุณศิวะคะ มีแขกมาขอพบค่ะ”
ศิวะสงสัย “ใคร ?”
ประกายดาวเดินเข้ามา “นอนในคุกคงสบายดีสิท่า ถึงหาเรื่องกลับเข้าไปนอนอีก”
จิตสุภางค์กับมิลินทร์เดินตามหลังมาด้วย
“นึกว่าใคร...สาวล่าสเปิร์มนี่เอง” ศิวะพูดกวนๆ “ว้ายๆ อย่าเข้ามานะ เค้าห่วงสเปิร์มเค้านะ”
“ไอ้บ้า! ใครเอาสเปิร์มนายไปทำพันธ์ก็โง่เต็มทนแล้ว” จิตสุภางค์ด่า
“ใครเอาผู้หญิงหนังหน้าอย่างเธอเป็นแม่พันธ์ ฉลาดตายล่ะ” ศิวะสวน
“ทำไม ! ถึงหน้าตาไม่ดีแต่มีลีลาเป็นจุดขายโว้ย ไม่งั้นไม่ลูกดกหรอก”
“ใจเย็นจิต อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเห็บหมา” ประกายดาวพูดกับศิวะ “นายจะเอายังไงกับฉัน”
“ฉันไม่ได้โพสต์เรื่องเธอ อย่ามากล่าวหากันลอยๆ ไม่งั้นพวกเธอนั่นแหละที่จะต้องเข้าไปนอนในคุก” ศิวะว่า
“ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าฉันพูดถึงเรื่องอะไร กินปูนร้อนขนาดนี้ อย่าพูดอีกนะว่าไม่รู้เรื่อง เหม็นปาก”
ศิวะเจ็บใจที่เสียรู้

อรอุมาขับรถเข้ามา พอเห็นรถประกายดาวจอดอยู่หน้าบ้าน อรอุมาก็แปลกใจ
“รถใคร ?”

ประกายดาวกับศิวะจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่อง
“เอาเซ่ ถ้าหาหลักฐานได้ว่าฉันทำ ฉันยอมช่วยเธอจับคุณจันทรภานุมารีดสเปิร์ม แต่ถ้าฉันไม่ได้ทำ เธอต้องยอมรับสเปิร์มของฉันนะ”
จิตสุภางค์กับมิลินทร์ขยะแขยง “อี๋ แหวะ !”
อรอุมาเดินเข้ามา พอเห็นประกายดาวกับเพื่อนก็ชักสีหน้าไม่พอใจ
“ใครอนุญาตให้พวกเธอเข้ามาในบ้านฉัน”
“พวกฉันไม่ได้อยากเข้ามาหรอกย่ะ แต่ถ้าดาวออกไปเคลียร์กับผัวเธอข้างนอก เธอก็จะหาว่าเพื่อนฉันอ่อยผัวเธออีก” จิตสุภางค์บอก
อรอุมางง “มีเรื่องอะไรต้องเคลียร์กัน”
“ดาวหาว่าผมเป็นคนโพสต์แฉดาวเรื่องแผนล่าสเปิร์ม” ศิวะบอก
“อ๋อ...เรื่องนี้เอง อดอยากปากแห้งมากถึงขนาดต้องวางแผนหาสเปิร์มเลยเหรอ นอกจากคุณจันทรภานุแล้ว มีใครตกเป็นเหยื่อหรือยังล่ะ” อรอุมาแขวะ
“ไม่มีใครตกเป็นเหยื่อ แต่มีคนเสนอตัวอยากมาเป็นเหยื่อให้ฉัน” ประกายดาวมองไปที่ศิวะ
อรอุมาสะบัดหน้ามองศิวะตาเขียว
“อย่าไปเชื่อนะอร ผมสัญญากับคุณแล้วว่าผมจะรักคุณซื่อสัตย์กับคุณคนเดียว” ศิวะบอก
จิตสุภางค์กับมิลินทร์เบ้ปาก
“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ” อรอุมาไล่
ศิวะทำหน้ากวนบาทาใส่ประกายดาว ประกายดาวหมั่นไส้มาก
“รู้ตัวบ้างไหมอรอุมา เธอกำลังถูกไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนี้ใช้ความรักที่เธอมีให้เอามาปิดหูปิดตาเธอ เธอถึงทำเรื่องเลวร้ายสร้างเวรสร้างกรรมไว้กับเพื่อนรักของเธอเอง” ประกายดาวบอก
อรอุมาแปลกใจ “แกรู้เรื่องนังรส?”
“รู้ แล้วก็รู้ด้วยว่าเธอส่งคนไปซ้อมคุณรส จนคุณรสแท้งลูก” ประกายดาวบอก
อรอุมาอึ้ง “รสแท้ง !”
ประกายดาวพูดต่อ “เธอคงไม่รู้สินะว่าคุณรสท้องอยู่ แต่ไอ้ผู้ชายคนนี้รู้ และมันก็ไม่คิดจะรับผิดชอบคุณรสกับลูกเลยด้วย”
“ลูกรสไม่ใช่ลูกผม” ศิวะแย้ง
“คุณคบกับคุณรสมานาน คุณน่ารู้จักคุณรสดีที่สุด ว่าเธอเป็นยังไง คุณรสโหยหาความรักความอบอุ่นมาตลอด จนได้มาเจอกับผู้ชายที่รู้จุดอ่อนของเธอ แล้วมันก็หลอกให้เธอรัก หลอกให้มีความหวังว่าจะเลิกกับเมียที่มันด่าเช้าด่าเย็น แถมยังบอกว่ามันไม่เคยรักเมียมันเลย คุณรสถึงยอมทำเรื่องเลวร้ายกับคุณ แต่แล้วมันก็ไม่เคยทำในสิ่งที่มันพูด แถมยังไม่รับผิดชอบลูกที่เกิดมาจากสเปิร์มของมันด้วย”
ศิวะโมโห “อีดาว มึงจะพูดมากไปแล้ว มึงกลับไปเดี๋ยวนี้เลย”
“ยอมรับความจริงไม่ได้ล่ะสิ” ประกายดาวว่า
“อีดาว !”
ศิวะโกรธจัดจะพุ่งเข้าไปหาประกายดาว แต่จิตสุภางค์กับมิลินทร์ขวางไว้ มิลินทร์เอามือยัดไปในกระเป๋าสะพายทำท่าเหมือนในกระเป๋ามีปืน
“ถ้าแตะเพื่อนฉันแม้แต่ปลายเล็บ เจอดีแน่”
ศิวะชะงัก
“หรืออยากจะอยากกลับเข้าไปนอนในคุกเหมือนเมื่อวันก่อน” จิตสุภางค์ว่า
อรอุมาแปลกใจ “วันไหน หรือว่าวันที่คุณไม่กลับบ้าน ไหนบอกว่าจะไปนอนกับคุณแม่ไง”
“อุ๊บส์ ! ยังไม่ได้บอกเมียเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น ขอโทษนะ หลุดปาก” จิตสุภางค์พูดอย่างเร็ว “มันหลอกดาวไปปล้ำในโรงแรม เอาแผนล่าสเปิร์มมาแบล็คเมล์ ดาวเลยจับมันเข้าคุก อุ๊บส์ ! หลุดปากอีกแล้วอะ”
อรอุมาหันไปถาม “จริงเหรอศิวะ”
“มันแค่เรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้นแหละอร” ศิวะพูดกับประกายดาว “พวกเธอกลับไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะต้องโทรเรียกตำรวจ ไป”
“ฉันไปแน่ แต่อย่าลืมข้อตกลงของเรา ถ้านายยังเห่าเรื่องฉันไม่หยุด ฉันจะเห่าเรื่องนายคืนบ้าง ให้คนทั้งโลกรู้ไปเลย ว่านายมัน "หน้าตัวเมีย" แค่ไหน” ประกายดาวบอก
ประกายดาวหันกลับออกไป มิลินทร์กับจิตสุภางค์เดินตาม มิลินทร์ยังไม่วายกำของในกระเป๋าขู่ศิวะก่อนจะเดินตามเพื่อนออกไป

จบตอนที่ 11

กำลังโหลดความคิดเห็น