xs
xsm
sm
md
lg

ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 15

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 15

เชิดลากอนุชมา เธอไม่ยอมไปกับเขากระทืบเท้าและศอกใส่เชิดอย่างแรง อนุชสะบัดออกได้ วิ่งหนี เชิดโกรธ จะยิงอนุช

“ตายซะเถอะนังบ้า”
กร้าวตามมาเห็น
“นุช ระวัง”
กร้าววิ่งเข้าไปกอดอนุช ใช้ตัวกำบัง ปกป้องอนุชไว้ หันหลังให้เชิด รับกระสุนแทน เชิดจะยิงกร้าวทันใดนั้นเสียงปืนดังปัง เชิดโดนยิงเฉียดมือ ปืนหลุดมือ
“โอ๊ย”
ตำรวจเป็นคนยิง เชิดเห็นตำรวจก็ตกใจ
“ตำรวจ”
เชิดรีบเผ่นหนีไปทันที ตำรวจบางนายตามไป กร้าวกอดอนุชไว้แน่นเป็นห่วงมาก
“เป็นไรรึเปล่า”
อนุชอึ้งที่กร้าวปกป้องเธอไว้
“ฉันไม่เป็นไร”
อนุชนึกได้
“ชายธง”
อนุชรีบวิ่งไปหาชายธง ปรารภและอรชาก็รีบไปดูอาการชายธง
“เราไม่เป็นไร เราดีใจที่นุชปลอดภัย”
อนุชจับมือชายธง ร้องไห้
“อย่าเป็นอะไรไปนะชายธง”
กร้าวเสียใจที่อนุชห่วงแต่ชายธง ตำรวจเข้ามาเคลียร์สถานการณ์ คณิตตามตำรวจมาด้วย รีบไปหากร้าว ห่วงเพื่อน

คนงานประคองกัน ดูแลคนที่บาดเจ็บ ตำรวจคุมตัวลูกน้องของเชิดไว้ได้บ้าง เจ้าหน้าที่พยาบาลพาคนเจ็บขึ้นรถไป ส่วนชายธงไม่ได้เป็นอะไรมาก เจ้าหน้าที่จึงทำแผลให้ก่อน อนุชจะไปดูชายธง กร้าวดึงไว้
“มานี่”
“ปล่อยฉันนะ”
“ปล่อยนุชเดี๋ยวนี้นะคุณกร้าว”
“คุณตำรวจครับ สามคนนี้บุกรุกไร่ผมแล้วยังก่อความวุ่นวาย จับเลยครับ”
ชายธงห่วงอนุช จะตามไป แต่เจ็บแผล ตามไปช่วยอนุชไม่ได้ อรชาและปรารภตกใจ อนุชห่วงอรชา คณิตพยายามห้ามเพื่อน
“ไอ้กร้าว”
กร้าวมองหน้าคณิต
“แกไม่ใช่เจ้าของไร่ อย่ายุ่ง...มานี่”
กร้าวลากอนุชออกไป อรชากับปรารภจะตามไป แต่ตำรวจขวางไว้
“ขอเชิญไปให้ปากคำด้วยครับ”
อรชาห่วงอนุช จะตามไปช่วย แต่ไปไม่ได้ คณิตเห็นท่าไม่ดี

ชาติ กรวิก พร้อม ขำต่างก็รออย่างกระวนกระวาย ได้ยินเสียงรถดังขึ้นที่หน้าบ้าน ทุกคนต่างก็หน้าตื่นมองไปครู่หนึ่ง คณิตเข้ามา ชาติถามอย่างร้อนใจ
“เป็นยังไงบ้างหมอ ไม่มีใครเป็นอะไรใช่ไหม”
“คนงานถูกยิงตายไปคนนึงครับ นอกนั้นก็ไม่มีใครเป็นอะไรมาก”
ทุกคนตกใจที่มีคนตาย
“ถึงขั้นยิงกันตายเลยเหรอ มันเรื่องอะไรกัน”
“มีโจรบุกเข้ามาครับ ไม่รู้ว่าพวกมันต้องการอะไร ตำรวจจับได้บางคน แต่หัวหน้ามันหนีไปได้”
ลลิตามาแอบฟังอยู่บ่นเบากับตัวเอง
“ไอ้เชิด แกทำพลาดจนได้”
ลลิตาไม่สบายใจ รีบผลุบออกไป...พร้อมหน้าตื่น
“มีโจรเข้ามาในไร่เหรอคะ ทำไมมันช่างประจวบเหมาะอย่างนี้”
“นั่นน่ะสิครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน”
คณิตมองทางกรวิกอย่างจับพิรุธ กรวิกเห็นสายตาคณิตก็กระอักกระอ่วนใจ ลุกหนีออกไป ชาติโล่งใจ
“แต่กร้าวกับหนูนุชปลอดภัยก็ดีแล้ว...ขอบคุณสวรรค์”
“คุณลุงครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
คณิตเดินตามกรวิกออกไป

กรวิกเดินหนีออกมา ไม่สบายใจ คณิตตามออกมาเรียกไว้
“คุณนก”
กรวิกเห็นคณิตตามมาอย่างเอาเรื่องก็กลัวความผิด จะวิ่งหนี คณิตตามมาดึงมือไว้ได้
“ปล่อยนะ มาจับฉันทำไม ฉันไม่ใช่ผู้ร้ายนะ”
“แล้วคุณหนีผมทำไม”
“ฉันไม่ได้หนี”
คณิตปล่อยมือ
“งั้นก็คุยกันให้รู้เรื่อง”
กรวิกหวั่นใจ แต่ก็ไม่หนีอีก
“มีอะไรก็พูดมาสิ”
“คุณจะบอกผมได้รึยัง คุณรู้ได้ยังไงว่าจะมีคนมาทำร้ายคุณนุช พวกมันเป็นใคร จะทำร้ายคุณนุชเพื่ออะไร...ที่สำคัญ...ทำไมคุณถึงไม่พูดตั้งแต่แรก”
“นี่คุณ ฉันไม่ใช่คนที่จ้างพวกนั้นไปฆ่านุชนะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เล่ามาให้หมด ก่อนที่ผมจะพูดเรื่องนี้กับกร้าว”
กรวิกขอร้อง
“คุณบอกอากร้าวไม่ได้นะ ฉันไม่เกี่ยวด้วยจริงๆ ฉันแค่เผอิญได้ยินเข้า...”
“แล้วทำไมไม่คิดจะบอกตั้งแต่แรก หรือคุณก็ต้องการให้คุณนุชตายจะได้กำจัดเสี้ยนหนาม”
กรวิกตบหน้าคณิตน้ำตาคลอ
“ถ้าฉันอยากให้นุชตาย ฉันจะบอกให้คุณไปช่วยนุชเหรอ แค่นี้ฉันก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว คุณยังต้องการอะไรจากฉันอีก”
กรวิกวิ่งร้องไห้ออกไป คณิตเป็นห่วง จะตาม แต่เสียงมือถือดังขึ้น เขากดรับสาย
“คณิตพูดสายครับ...มีเคสด่วนเหรอ...ได้ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
คณิตมองทางกรวิกแวบหนึ่ง แต่ต้องตัดสินใจรีบหันกลับไป

กร้าวลากอนุชเดินกลับไร่ เธอพยายามยื้อไว้ ไม่ตามไปง่ายๆ
“คุณกร้าว คุณไม่ใช่ลูกผู้ชาย แจ้งความจับพวกพี่อรทำไม”
“ถ้าผมไม่เอาจริง คุณคงไม่ได้รับบทเรียน”
“ถอนแจ้งความ ไม่งั้นฉันจะไม่ไปกับคุณ”
กร้าวกระชากอนุชเข้ามาใกล้ กอดเอวล็อคไว้
“อย่าทำให้ผมโมโหไปมากกว่านี้”
อนุชเจ็บใจ กระทืบเท้าใส่เท้าเขา
“โอ๊ย”
กร้าวเจ็บเผลอปล่อย อนุชรีบวิ่งหนีไป กร้าวเจ็บใจ
“ยัยตัวแสบ”
กร้าวรีบตามไป...เขาวิ่งตามมาทัน กระโดดตะครุบตัวไว้ อนุชเสียหลักล้มลง แต่ยังตะกายหนี กร้าวดึงขาไว้
“ปล่อยนะ ไอ้คนบ้า ปล่อย”
กร้าวพลิกตัวกดไหล่เธอลงกับพื้น
“ฤทธิ์มากนักนะ หรือต้องให้หมดแรงก่อน ถึงจะยอมตามไปดีๆ จะได้สนองให้”
กร้าวปล้ำจูบอนุช
“อย่า ฉันยอมแล้ว ยอมแล้ว”
กร้าวชะงัก หยุด
“ฉันยอมแล้ว ยอมกลับดีๆแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลย”
กร้าวยอมปล่อย ทั้งสองลุกขึ้นมา อนุชเห็นเขาเผลอ วิ่งหนีไปอีก กร้าวโมโห
“ยัยบ้าเอ๊ย แสบนัก”

กร้าววิ่งตามไปอีก

กร้าววิ่งเข้ามามุมหนึ่ง กวาดตามองหาพลางตะโกนขู่

“คิดว่าจะหนีพ้นเหรออนุช ออกมา ก่อนที่ผมจะโมโหมากกว่านี้”
อนุชแอบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง ท่าทางหวาดกลัว แต่ยังไงก็ไม่ยอมออกไป กร้าวมองหาไม่เจอ เดินออกไปทางหนึ่ง อนุชได้ยินเสียงเดิน หลบมาอีกด้านของต้นไม้ รอดพ้นสายตาเขาไปได้ กร้าวไม่เห็นอนุช เดินออกไป

ชายธงนั่งอยู่กับอรชาและปรารภบนโรงพัก ชายธงเจ็บแผลที่โดนยิง
“ไหวไหมชายธง” อรชาเป็นห่วง
ชายธงเจ็บ แต่กัดฟันทน
“ครับ...”
ตำรวจคุมตัวลูกน้องเชิดเข้ามา ชายธงเห็นก็จำได้ เข้าไปเอาเรื่อง
“แก...แกทำร้ายนุชทำไม พวกแกเป็นใคร”
ตำรวจเข้ามาล็อคตัวชายธง โดนแผลที่แขน
“อ๊าก...”
ชายธงเจ็บแผล สิ้นฤทธิ์ อรชา ปรารภรีบเข้ามา
“ชายธง”
ปรารภขอร้องตำรวจ
“คุณตำรวจครับ...ขอเถอะครับ เขาไม่ทำอะไรแล้ว”
ตำรวจปล่อยชายธง อรชากับปรารภรีบช่วยกันเข้าประคอง อรชาห่วงๆ
“ชายธง เป็นไงบ้าง”
ชายธงส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรครับ...” ชายธงหันมาถามปรารภ “พี่รภรู้จักหัวหน้าพวกมันใช่ไหม มันเป็นใคร”
ปรารภสลดลง
“เชิด...สามีเก่าลิต้า”
อรชาชะงัก
“หมายความว่าพี่ลิต้ารู้เห็นด้วยใช่ไหม”
“ผมไม่แน่ใจ เขาเลิกกันไปนานแล้ว”
ชายธงมั่นใจ
“ผมว่ามันไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก พี่ลิต้าต้องรู้เรื่องนี้ พี่รภต้องบอกตำรวจ”
ปรารภพยักหน้ารับ
“แต่ก็ไม่รู้ว่าตำรวจจะเชื่อเรามากน้อยแค่ไหน เพราะเชิดหนีไปได้ ส่วนพวกเราก็มีคดีติดตัวซะแล้ว”
ทั้งสามหนักใจ

ลลิตาเดินออกมา วิตกครุ่นคิดไป
“ไอ้เชิด ไอ้กระจอก เรื่องแค่นี้ก็ทำพลาด...แต่ยังดีที่มันหนีไปได้ ไม่งั้นมันซัดทอดถึงเราแน่”
กรวิกเพิ่งร้องไห้เสร็จ เช็ดน้ำตาเดินมา ทั้งสองบังเอิญมาเผชิญหน้ากัน
“นังนกแร้ง ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับแก”
“หลบไป ฉันไม่มีอารมณ์จะทะเลาะ”
กรวิกเบี่ยงตัวหนี ลลิตากระชากแขนไว้
“คิดว่าทำฉันแล้วจะหนีไปง่ายๆอย่างนี้เหรอ”
“ทำไม จะทำไมฉัน หรือว่าจะจ้างคนมาฆ่าฉัน”
ลลิตาชะงัก กรวิกพูดเหมือนรู้อะไรจ้องหน้าลลิตาอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินเลี่ยงไป

อนุชวิ่งหนีออกมาจนเจอถนนยิ้มดีใจ ถึงแม้จะเหนื่อย เธอเห็นชาวบ้านคนหนึ่งปั่นจักรยานอยู่ไกลๆ อนุชตะโกนเรียก
“ช่วยด้วยค่ะ กลับมาก่อน ช่วยฉันด้วย...”
ไม่ทันขาดคำ มือข้างหนึ่งเข้ามาล็อดปิดปากอนุชไว้แล้วลากเธอกลับเข้าพงไป ชาวบ้านจอดจักรยาน หันกลับมา แต่ไม่เห็นใครแล้ว

อนุชโดนลากกลับเข้ามา พอดิ้นหลุด หันไปมอง ปรากฏว่าเป็นกร้าวที่กำข้อมือเธอไว้แน่น
“ผมสาบาน ถ้าคุณคิดหนีอีก ผมจะทำให้คุณเจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจไปชั่วชีวิต”
อนุชเห็นสายตาดุดัน เอาจริงของเขาก็เริ่มกลัว แต่ทำใจสู้ ต่อว่าเขา
“ก็เอาซี่ คุณมันพวกชอบใช้กำลังกับผู้หญิงอยู่แล้วนี่เอาเลย ลากฉันกลับไป ดึงให้แขนหลุดไปเลย”
ไม่ทันขาดคำ กร้าวกระชากแขน ดึงกลับไปจริงๆ
“โอ๊ย ไอ้คนบ้า ฉันเจ็บนะ ปล่อยฉันนะ ไอ้คนบ้า ไอ้คนเลว”
กร้าวไม่แยแส ดึงกลับไป

ทนายของปรารภเดินออกมาจากห้องด้านใน
“คุณรภ เรียบร้อยแล้วครับ”
ปรารภพยักหน้ารับ
“คุณอร ชายธง ไปจากที่นี่กันเถอะครับ”
อรชามองเขา
“แต่เรื่องประกันตัว...”
“ผมให้ทนายเอาโฉนดบ้านกับโรงงานค้ำประกันพวกเราเรียบร้อยแล้ว”
อรชาซึ้งใจ
“คุณรภ...ขอบคุณนะคะ”
ชายธงก็ซึ้งใจเหมือนกัน
“ขอบคุณมากพี่รภ”
ปรารภยิ้มรับ

อสิตพยายามฝึกเดิน แต่พอก้าวขาออกไปก็ทรงตัวไม่ได้และล้มลง เขาทุบพื้น เจ็บใจตัวเอง
“โธ่เว้ย ไอ้อสิต ไอ้ห่วย”
อสิตนอนหมดหวัง ท้อแท้อยู่กับพื้น หมดเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นสู้ เขามองไปเห็นโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่หล่นอยู่ ที่หน้าจอเป็นรูปภาพครอบครัวมีพ่อแม่ เขาและน้องสาวทั้งสอง ภาพในอดีตแว่บเข้ามาในหัว ตอนนั้น ประสิทธิ์โอบไหล่อสิตแล้วสอน
“สิต...ลูกเป็นพี่ชายคนโต ต้องเข้มแข็ง วันหนึ่งถ้าพ่อไม่อยู่ สิตต้องดูแลน้องแทนพ่อ”
อสิตยิ้มให้พ่อ
“ครับพ่อ ผมสัญญาครับ ผมจะดูแลอรกับนุชเอง”
ประสิทธิ์ตบไหล่ ภูมิใจในตัวลูกชาย

อสิตนึกถึงสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อ เกิดแรงฮึด ยันตัวและเกาะราวลุกขึ้นยืนอย่างยากเย็น เขาก้าวขา ทรงตัวไม่ได้ และล้มอีก แต่คราวนี้คว้าบาร์ไว้ จึงไม่ล้มไปทั้งตัว...อสิตยันตัวลุกขึ้นมาอึก พยายามก้าว ก็ล้มอีก แต่เขาไม่ยอมแพ้
“ผมจะเข้มแข็งครับพ่อ ผมต้องทำได้”
อสิตตั้งใจและก้าวเดินไปอีก เซนิดนึง จะล้ม แต่พยายามทรงตัวไว้ คราวนี้ไม่ล้ม เขาดีใจมาก

“เดินได้แล้ว ฉันทำได้แล้ว”

กร้าวดึงอนุชกลับบ้าน เข้ามาในเขตไร่ เธอพยายามดิ้นหนี

“ปล่อยนะ ฉันไม่ไปกับคุณ”
“ยังก่อเรื่องไม่พออีกเหรอ”
“คุณผิดคำพูดกับฉันก่อน ฉันไม่อยู่ที่นี่แล้ว”
“คิดว่าตัวเองมีสิทธิเลือกเหรออนุช ผมให้คุณอยู่ คุณก็ต้องอยู่”
กร้าวดึงไป อนุชยื้อไม่ไป
“ไม่...ปล่อย ปล่อยฉัน ฉันจะไปหาชายธง”
กร้าวชะงัก
“ห่วงมันมากเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ เขาเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องฉัน”
“ผมว่ามันแส่เองมากกว่า...ตกลงว่าไอ้มือปืนนั่นมันเป็นใคร”
“ฉันจะไปรู้เหรอ”
“แน่ใจนะว่าไม่รู้ ไม่ใช่พวกชายชู้ที่มาฆ่ากันเพื่อแย่งตัวคุณ”
“ถ้าคิดได้แค่นี้ฉันก็ไม่มีอะไรจะคุยด้วย”
“ดี งั้นก็เดินไปเงียบๆ”
“ฉันบอกว่าไม่ไป”
อนุชสะบัดหลุด จะวิ่งหนี กร้าวรวบตัวไว้ได้ อุ้มพาดบ่า
“เฮ้ย...ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ”
คนงานเก็บทำความสะอาดไร่ที่โดนเผา เดินผ่านมา กร้าวสั่งคนงาน
“ไปเอาเชือกมา”

อนุชโดนมัดข้อมือผูกติดกันทั้งสองข้าง กร้าวดึงปลายเชือก ลากเธอเข้ามาในไร่
“ปล่อยฉัน ไอ้คนบ้า ไอ้คนป่าเถื่อน ปล่อยฉัน”
ลลิตากับกรวิกวิ่งออกมาดู ต่างก็หัวเราะเยาะเย้ยอนุช แต่พอทั้งสองเหลือบมามองหน้ากันก็ชะงัก ต่างแยกกันรีบเข้าไปทำคะแนนกับกร้าว
“อากร้าวไม่เป็นไรใช่ไหมคะ นกเป็นห่วงอากร้าว”
“คุณกร้าวไปจับควายป่ามาได้ด้วยเหรอคะ”
กร้าวไม่สนใจฟัง ลากอนุชเข้ามา อนุชหมั่นไส้ลลิตา แกล้งเข้ามาเหยียบเท้า ลลิตาเซไปชนกรวิก
“โอ๊ย นังนุช”
กรวิกผลักลลิตา
“ยัยบ้า ล้มมาโดนฉัน”
ทั้งสองผลักกัน เหมือนจะมีเรื่องกันอีก กร้าวไม่สนใจ ลากอนุชเข้าบ้าน ลลิตากับกรวิกเห็นกร้าวไม่สนใจก็รีบตาม
“คุณกร้าว...”
กร้าวตวาด
“อย่าตามมา”
ลลิตากับกรวิกชะงักกึก กร้าวดึงอนุชเข้าบ้านไป กรวิกหันมาว่าลลิตา
“รู้ตัวรึยังว่าน่ารำคาญ”
ลลิตาย้อน
“ใครกันแน่ไม่รู้ตัว”
“อย่ามาทำปากดีนะนังลิ้นสองแฉก ฉันรู้นะว่าหล่อนทำอะไรไว้”
ลลิตาชะงัก
“แกรู้อะไร”
กรวิกยิ้มอย่างเป็นต่อ
“ก็รู้เรื่องชั่วๆของใครบางคน...แล้วถ้าอากร้าวรู้ต้องสนุกแน่”
กรวิกเดินยิ้มออกไป ลลิตามองตามอย่างระแวง

กร้าวลากอนุชเข้ามาในโถงบ้าน ชาติ พร้อม ขำต่างก็ออกมาดูด้วยความตกใจ
“กร้าว นี่มันอะไรกัน” ชาติถาม
“พาคนก่อเรื่องมารับโทษไงครับ”
“โธ่ คุณกร้าว ทำไมต้องทำรุนแรงอย่างนี้ด้วย”
พร้อมจะเข้ามาแก้เชือกให้อนุช กร้าวดุ
“อย่านะป้าพร้อม ใครจะปล่อยอนุชไม่ได้ นอกจากผม”
กร้าวทั้งดึงทั้งกระชากอนุชเข้าบ้าน
“ไป”
อนุชร้องเจ็บ ชาติไม่พอใจ
“มันจะมากไปแล้วนะไอ้กร้าว ปล่อยอนุชเดี๋ยวนี้”
กร้าวไม่ฟังเสียง ลากอนุชเข้าไปในบ้าน

ประตูห้องเปิดออก กร้าวดึงอนุชเข้ามา
“คุณกร้าว คุณมันบ้าไปแล้ว ปล่อยนะ คุณทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้”
“ไม่ได้เหรอ”
กร้าวอุ้มอนุชมาโยนลงบนเตียง
“โอ๊ย จะบ้าเหรอ จะทำอะไร”
กร้าวรวบขาเธอแล้วมัดด้วยปลายเชือกอีกด้าน อนุชดิ้นไม่ยอม แต่สู้แรงเขาไม่ได้
“ฉันไม่ใช่นักโทษคุณนะ ปล่อย”
“อยู่อย่างนี้แหละ จะได้ไม่ไปก่อเรื่องอีก”
กร้าวออกไป อนุชพยายามดิ้นรนแก้เชือก

กร้าวออกมาจากห้อง ชาติเข็นรถเข้ามา
“แกทำเกินไปแล้วนะกร้าว ปล่อยนุชซะ”
“ผมเหรอทำเกินไป” เขาชี้ไปที่ห้อง “เขาต่างหากทำเกินไป เขาเผาไร่ของลุง ทั้งที่เป็นหนี้บุญคุณลุงทุกอย่าง”
“ฉันนี่แหละเจ้ากร้าว ที่เป็นคนทำ”
กร้าวอึ้งไป รู้สึกผิดหวัง
“ลุงรู้เห็นเรื่องที่ไร่โดนเผา...”
ชาติตัดสินใจยอมรับ
“เป็นแผนของฉันที่จะให้หนูนุชหนีไปจากที่นี่”
กร้าวผิดหวังน้ำตารื้น
“ลุงให้คนเผาไร่ที่ผมตั้งใจฟื้นฟูเพื่อลุง แต่ลุงกลับไม่เห็นค่า ยังเผาทิ้งเพื่อศัตรูอย่างนี้เหรอครับ”
“ชีวิตคนมีค่ากว่าทรัพย์สมบัตินะกร้าว ทำไมแกไม่เห็นหัวจิตหัวใจหนูนุชบ้าง”
“ถ้าการเห็นใจ หมายถึงผมต้องลืมสิ่งที่พ่ออนุชทำกับพ่อแม่ผม ผมก็จะไม่เห็นใจใครทั้งนั้น”
กร้าวโมโหออกไป รู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ ชาติจะเปิดประตูเข้าไป แต่ประตูล็อคจากด้านใน เขาทุบประตู

“หนูนุช เป็นอะไรรึเปล่า หนูนุช เปิดประตูให้ป๋า”

อสิตนั่งรอหน้าเครียดอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงรถ เขาพยายามจะลุกไปด้วยความยากลำบาก สักครู่ปรารภก็ประคองอรชาเข้ามา อสิตรีบถามอย่างห่วงใย

“อร...อรเป็นยังไงบ้าง”
ปรารภพาอรชาเข้ามานั่ง สภาพบาดเจ็บฟกช้ำ อสิตสงสารน้อง
“โธ่ อร...”
“อรไม่เป็นไรค่ะ...แต่นุช...”
ปรารภหันมาบอกอสิต
“เราช่วยนุชออกมาไม่ได้ครับ”
อสิตได้ยิน ก็เศร้าใจ ผิดหวัง

ชายธงใส่แจ็คเก็ตเพื่อปิดบังแผลที่โดนยิง เขามีอาการเจ็บแผล แต่กัดฟันทนเดินเข้าไปในบ้านเห็นเธียรนั่งอยู่กับธารินก็ชะงักไป ธารินรีบลุกไปหา
“พี่ชายธง”
เธียรหันมองลูกชายหน้าตาไม่พอใจ
“ไปไหนมา ชายธง”
“ยังไงผมก็กลับมาแล้ว พ่อจะรู้ทำไมครับ ว่าผมไปไหนมา”
เธียรบ่นอย่างหัวเสีย
“เอ๊ะ ไอ้ลูกคนนี้”
ชายธงรีบเส เดินกลับห้อง ธารินเดินตาม แต่เห็นอะไรบางอย่างที่พื้น เธอก้มลง เอานิ้วแตะขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นเลือด เธออึ้งไปด้วยความตกใจ เธียรหันมาเห็น
“มีอะไรรึเปล่า หนูริน”
“ป...เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร รินขอไปดูพี่ชายธงหน่อยนะคะ”
ธารินรีบตามชายธงไป

ชายธงเข้ามาในห้อง จะถอดแจ็คเก็ต แต่เจ็บแผล ต้องกลั้นใจไม่ร้องออกมา ธารินตามเข้ามา
“พี่ชายธง พี่เป็นอะไรรึเปล่า”
ชายธงกลั่นใจส่ายหน้า
“ป...เปล่า พี่ไม่เป็นอะไร”
“หน้าซีดอย่างเนี้ย อย่ามาหลอกรินนะ”
ธารินเข้ามาจับแขนของเขาคาดคั้น เลยโดนเอาแผล
“โอ๊ย”
ธารินตกใจ
“พี่ชายธงเป็นอะไร”
เธอรีบช่วยเขาถอดแจ็คเก็ตเห็นแผลที่โดนยิงที่มีผ้าพันไว้ เลือดไหลซึมมาก ธารินยิ่งตกใจ
“พี่ชายธงเป็นอะไร ทำไมเลือดออกขนาดนี้”
“อย่าเสียงดังสิริน เดี๋ยวคุณพ่อได้ยิน”
ธารินทั้งห่วงทั้งโมโห
“พี่ชายธง เล่ามาเดี๋ยวนี้”
“พี่ถูกยิง”
ธารินตาเบิกโพลง
“ห๋า...พี่ชายธง มันเกิดอะไรขึ้น”
“แล้วพี่จะเล่าให้ฟัง รินช่วยเอาผ้ามาพันแผลให้พี่ใหม่ที”
“รินว่าพันไม่อยู่หรอก พี่ชายธงไปหาหมอเถอะ”
“ไม่ได้นะริน คุณพ่อจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่”
ธารินเป็นห่วงเขาได้แต่หนักใจ

ขำวิ่งเข้ามาที่ชาติกับพร้อมรออยู่ พร้อมเร่ง
“เร็วสินังขำ”
ขำรีบนำกุญแจมาไขห้อง...อนุชพยายามแก้มัดอยู่ ชาติ พร้อม ขำเข้ามา เห็นสภาพก็ตกใจ พร้อมร้องออกมา
“ตายแล้ว คุณนุช”
ขำอึ้งไป
“ทำไมคุณกร้าวทำกับคุณนุชอย่างนี้คะ”
ชาติถอนใจเครียด
“ไม่ต้องถาม รีบไปแก้เชือกให้หนูนุช”
พร้อมกับขำไปช่วยกันแก้เชือก อนุชร้องเจ็บ
“โอ๊ย...”
“เบามือสินังขำ”
พร้อมเห็นข้อมืออนุชแดงและมีรอยเชือกบาดก็มองอย่างสงสาร
“โถ...คุณนุชของป้า คุณนุชโดนเชือกบาดแดงหมดเลยค่ะคุณท่าน เดี๋ยวพร้อมไปเอายาก่อนดีกว่า”
ชาติเป็นห่วง
“ไป รีบไป”
พร้อมออกไป มืออนุชหลุดจากเชือก ช่วยกันกับขำแก้เชือกที่ข้อเท้า ขำบ่นๆ
“ผูกซะแน่นเลยค่ะ”
ทันใดนั้นไม่ กร้าวก็กลับเข้ามาพร้อมโซ่เส้นหนึ่ง อนุชเพิ่งแก้เชือกเสร็จ กร้าวเอาโซ่คล้องแทน อนุชดิ้นหนี กร้าวจับขาขวาอนุชไว้
“อย่านะคุณกร้าว”
ขำตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ชาติตวาด
“ไอ้กร้าว พอที แกบ้าไปแล้วเหรอ”
กร้าวไม่ฟังเสียงใคร คล้องกุญแจล่ามโซ่ อนุชร้องลั่น
“โอ๊ย คุณกร้าว ปล่อยฉันนะ”
ชาติพยายามเข็นรถเข้ามาดึงกร้าว
“หยุดเดี๋ยวนี้ ไอ้กร้าว”
กร้าวเอาโซ่อีกด้านไปคล้องกับเตียง อนุชตามมาทุบตี
“ปล่อยนะคุณกร้าว อย่าทำกับฉันแบบนี้ ฉันไม่ใช่สัตว์นะ”
ชาติเข้ามาช่วยดึงกร้าว
“หยุดทำบ้าๆซะที”
กร้าวไม่สะเทือน ไม่ฟังเสียงใคร ล็อคกุญแจเสร็จ อนุชโดนล่ามขากับเตียง กร้าวหันมาบอกชาติแบมือ เห็นกุญแจอยู่ในมือ
“อยากปล่อยอนุชก็มาฆ่าผม แล้วเอากุญแจไป”
กร้าวเดินออกไป ชาติโมโหมาก
“ไอ้กร้าว กลับมานะ กลับมา”
กร้าวไม่ฟังเสียง เดินออกจากห้องแล้วปิดประตู

อนุชพยายามถอดโซ่ ขำเข้ามาช่วย

ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 15 (ต่อ)

กร้าวออกมา เจอพร้อมที่วิ่งนำขวดยาใส่แผลกับห่อสำลีเข้ามา พร้อมชะงักไป กร้าวเห็นยาใส่แผลก็ยึดไว้ พร้อมอึ้ง

“คุณกร้าว”
“อนุชทำตัวเอง ป้าพร้อมไม่จำเป็นต้องไปดูแลเขา”
“แต่ที่ป้าเห็น คุณกร้าวเป็นคนทำคุณนุชนะคะ”
“ถ้าเขายอมกลับมาดีๆก็ไม่ต้องเจ็บ”
“ยอมกลับมาโดนทรมานอย่างนี้ใครจะยอมมาคะ อย่างน้อยทำเขาเจ็บแล้วก็น่าจะยอมให้ป้าใส่ยาเขา”
กร้าวฉุน
“ทุกคนทำดีกับอนุช เป็นห่วงแต่ศัตรู ลืมแล้วเหรอครับว่าพ่อเขาเคยทำอะไรกับพ่อแม่ผม”
กร้าวน้ำตารื้น พร้อมพูดไม่ออก กร้าวขว้างขวดยาทิ้งแล้วเดินออกไป

อนุชไม่สามารถถอดโซ่ออกได้ ขำเป็นห่วง
“พอเถอะค่ะคุณนุช ข้อเท้าคุณนุชแดงหมดแล้ว”
อนุชถอดใจ พร้อมเข้ามา
“คุณกร้าวไม่ยอมให้เอายามาค่ะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะป้าพร้อม นุชไม่ได้เป็นอะไรมาก”
ชาติโกรธมาก
“ไอ้กร้าวมันไม่น่าทำขนาดนี้”
“ช่างเถอะค่ะป๋า เราทำอะไรไม่ได้แล้ว”
“พร้อม ขำ ไปหาอะไรร้อนๆมาให้คุณนุชทานไป”
พร้อมกับขำรับคำแล้วออกไป อนุชเห็นสองคนออกไปแล้วก็หันมาถามชาติ
“ป๋าคะ...พ่อนุช...โกงพ่อคุณกร้าวจริงๆเหรอคะ”
ชาตินิ่งไป ก่อนจะพยักหน้ารับ ถอนใจเล่า
“ตอนนั้นกร้าวยังไม่สิบขวบดี แต่ต้องมาเห็นสภาพของพ่อแม่ที่หัวใจบอบช้ำ แทบไม่เป็นผู้เป็นคน...หัวใจของเด็กสิบขวบที่ต้องมาเห็นแม่ฆ่าตัวตาย ทนอยู่กับพ่อที่มีสภาพเหมือนไร้วิญญาณ”
อนุชฟังชาติเล่า อย่างคาดไม่ถึง
“เขาอยากประคับประคองครอบครัว แต่ด้วยวัยที่ยังเด็กนักก็เลยทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่เห็นพ่อตัวเองตรอมใจกับความทุกข์สาหัส ก่อนที่จะตายตามแม่ไป หัวใจของเจ้ากร้าว มันอ่อนแอกว่าที่เห็นภายนอกมากนัก”
อนุชได้ยินเรื่องวัยเด็กของกร้าว นึกสะท้อนใจ ชาติหันมองอนุช
“เจ้ากร้าวมันรักหนูนะ”
อนุชอึ้ง
“อ...อะไรนะคะ”
“ที่เขาทำร้ายหนู ก็เพราะเขารักหนู จนรู้สึกผิดต่อพ่อแม่”
อนุชส่ายหน้าไม่เชื่อ
“ไม่จริงค่ะป๋า ที่เขาทำ เพราะเขาเกลียดนุช”
“หนูลองคิดดูสิ ทำไมเขาเลือกที่จะแต่งงานกับหนู เลือกที่จะจับตัวหนูมา แทนที่จะเป็นหนูอร”
“เพราะเขาเกลียดนุชมากกว่าพี่อรน่ะสิคะ นุชไม่เชื่อหรอกค่ะว่าคุณกร้าวจะมีหัวใจไว้รักใคร เขาทำเพราะความแค้น นุชขอให้เขาระบายความโกรธ เกลียดลงที่นุชให้หมด เรื่องนี้จะได้จบเสียที”
ชาติมองอนุชอย่างหนักใจ

ธารินทำแผลให้ชายธงเสร็จแล้ว ประคองเขาลงนอน เขาจับมือเธอไว้
“ริน เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมมือสั่น”
ธารินเสียงสั่น
“ริน...รินกลัวพี่ชายธงเจ็บ...ริน กลัวเลือด ริน...อยากอาเจียน”
ชายธงพยุงตัวลุกขึ้น เอื้อมไปที่กล่องยา
“พี่ชายธงจะเอาอะไร บอกรินสิ”
ชายธงหยิบยาดมออกมาส่งให้
“พยาบาลจะเป็นลมซะละ ดมยาดมก่อน”
ธารินรับไปเปิดดม มองหน้าเขา แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันเบาๆ

เช้าวันใหม่...กร้าวออกมาจากในบ้าน ลลิตาวิ่งตามมา
“คุณกร้าว จะไปไหนคะ ลิต้าไปด้วย”
“ผมจะไปดูที่เกิดเหตุเมื่อวานหน่อย เผื่อเจอร่องรอยเบาะแสอะไรมากขึ้น”
ลลิตาหน้าตื่น หาทางโยนความผิด
“เหตุการณ์มันชัดออกอย่างนั้น ยังจะหาเบาะแสอะไรอีกล่ะคะ”
กร้าวมองหน้า
“หมายความว่าไง”
“ก็ทั้งหมดมันเป็นฝีมืออนุช”
กร้าวนิ่งอึ้งไป ลลิตารีบใส่ไฟ
“อนุชคงหาทางทำทุกอย่างเพื่อหนีไปหาชายธง ถึงขนาดเผาไร่ แล้วยังจะพาพวกคนถืออาวุธเข้ามาทำร้ายใครต่อใคร”
กร้าวส่ายหน้า
“ไม่ใช่...คนพวกนั้นต้องการทำร้ายอนุชด้วยซ้ำ”
“ก็คงขัดผลประโยชน์กันน่ะสิคะ”
คณิตเข้ามา จงใจกัดลลิตา
“เรื่องนี้ต้องมีคนได้ประโยชน์แน่ครับ...แต่คงไม่ใช่คุณนุช”
กร้าวหันไปหา
“แกหมายถึงใคร”
คณิตหันมอง ลลิตาอย่างมีนัย เธออึกอัก ไม่รู้ว่าคณิตรู้อะไร

กร้าว คณิต ลลิตานั่งรออยู่ในบ้าน ลลิตาร้อนใจ กรวิกเข้ามา
“อากร้าวให้ตามนก มีอะไรเหรอคะ”
“เมื่อวานนกเป็นคนบอกให้คณิตมันตามไปช่วยอาใช่ไหม”
กรวิกหวั่นใจ กลัวความผิดที่รู้เรื่องแต่ปกปิดเสียนานกว่าจะบอกคณิต เธอจำใจรับ
“ค่ะ”
คณิตมองหน้า
“คุณบอกอีกทีสิครับ ว่าคุณรู้ได้ยังไงว่าจะมีคนไปทำร้ายคุณนุช”
ลลิตาหน้าเครียด
“นกได้ยินคนสั่งการค่ะ”
กร้าวถามเสียงเข้ม
“ใคร”
กรวิกเหลือบสายตามองที่ลลิตา
“นี่ อย่ามาโยนให้ฉันนะ แกมีหลักฐานอะไร” ลลิตาโวยทันที
กรวิกยิ้มหยัน
“ใช่ ฉันไม่มีหลักฐาน ก็ใครจะเล่ห์เหลี่ยมทันเธอล่ะ”
“ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่ามากล่าวหากันลอยๆ”
กรวิกหันไปหากร้าว
“งั้นนกขอเล่าอะไรลอยๆอีกหน่อยนะคะอากร้าว ที่นกได้ยินมานอกจากแม่นี่จะหาทางกำจัดนุช ยึดตำแหน่งเมียอากร้าวแทนนุชแล้ว มันยังจะหาทางฮุบสมบัติอากร้าวด้วย”
“หุบปากเน่าๆของแกเดี๋ยวนี้นะ”
ลลิตาจะเข้าไปทำร้ายกรวิก แต่กร้าวดึงไว้
“ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง ทำไมต้องร้อนตัวด้วย”

กรวิกเยาะ

ลลิตาหน้าเสียหนัก รีบเข้ามานั่งข้างกร้าว กอดแขนประจบ

“ลิต้าไม่ได้ร้อนตัวนะคะคุณกร้าว แต่ลิต้าทนไม่ได้ที่จะให้ใครมากล่าวหาลิต้าแบบนี้ คุณกร้าวคิดดูสิคะ ลิต้าเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนนึง จะไปหามือปืนมาจากไหน”
กรวิกสวนทันที
“สามีเก่าหล่อนไง”
ลลิตาโมโห
“นี่...ฉันทนมามากแล้วนะ ถ้าเงียบเองไม่ได้ ฉันจะตบหมาออกจากปากแก”
คณิตมองหน้าลลิตา
“ผมว่าคุณเลิกข่มขู่คุณนกซะทีดีกว่า เพราะฟังแล้วเหมือนคุณกำลังหาทางปิดปากพยาน”
“ลิต้าไม่แปลกใจหรอกนะ ที่หมอจะเข้าข้างยัยนี่ ก็เห็นหมอมองยัยนกแร้งนี่ตาเยิ้มขนาดนั้น”
กร้าวขัดขึ้น
“เลิกพาลคนอื่นซะทีลิต้า...ผมว่าคราวนี้คุณทำแรงไป”
“นี่คุณกร้าวเชื่อมันมากกว่าลิต้าเหรอคะ”
“ผมไม่ใช่เด็กอมมือนะลิต้า ใครจริงใครหลอก ผมพอดูออก”
“นี่คุณกำลังจะบอกว่าลิต้าหลอกคุณ หาทางกำจัดยัยนุชแล้วก็ฮุบสมบัติคุณจริงๆงั้นเหรอคะ”
กร้าวจ้องหน้า
“ถ้ามีโอกาส ทำไมคุณจะไม่ทำ”
กรวิกยิ้มเย้ย ลลิตาหน้าเสียทำเป็นโกรธกลบเกลื่อน
“คุณดูถูกลิต้าเกินไปแล้วนะ คุณกร้าว”
“ใช่...ผมก็ว่าผมดูไม่ผิด คุณขายบ้านมโนรมย์ ขายกิจการของรัตนกิจจนเกลี้ยง คุณหลอกสามีเก่าอย่างอสิตได้ ทำไมจะหลอกผมไม่ได้”
ลลิตายังเถียง
“เพราะลิต้ารักคุณ ลิต้าไม่เคยรักสิต”
กรวิกเบ้หน้า
“ใครเชื่อยัยคนนี้ นกว่าคงมีเขางอกออกมานะคะอากร้าว”
“ฉันหมดความอดทนกับแกแล้วนะ”
ลลิตาโผเข้าตบ กรวิกไม่ทันตั้งตัวโดนตบ เธอโกรธมากตบกลับเอาคืน สองสาวตบกัน คณิตเข้าห้าม
“อย่า คุณนก คุณลิต้า”
สองสาวไม่ฟัง ตบกันนัว คณิตห้ามไม่อยู่ กร้าวตวาดเสียงดัง
“พอซะที ทั้งสองคนนั่นแหละ”
สองสาวชะงัก
“ลิต้า ผมขอให้คุณออกไปจากที่นี่”
กร้าวเดินออกไป ลลิตาอึ้งค้าง กรวิกยิ้มสะใจ คณิตมองอย่างตำหนิ แต่กรวิกไม่สน

กร้าวเดินหนีมา ลลิตาตามง้อ
“คุณกร้าว อย่าไล่ลิต้าเลยนะคะ ลิต้าไม่มีที่ไปแล้ว”
กรวิกจะตามเข้ามา แต่คณิตดึงไว้ ให้ดูอยู่ห่างๆ
“ผมไม่ใช่พวกอาชญากรนะลิต้า คุณเล่นจ้างมือปืนเข้ามาแบบนี้ ผมรับไม่ได้”
“ทีพวกยามเฝ้าไร่คุณยังมีปืนเลย มันไม่สำคัญหรอกค่ะ แค่เรารู้ว่าเราควบคุมคนของเราได้”
“คุณยอมรับแล้วใช่ไหม ว่าคุณให้คนมาทำร้ายอนุชจริงๆ”
“แต่ลิต้ามั่นใจว่าลิต้าคุมคนของลิต้าได้ ไม่ให้มันทำอะไรคุณ”
“คำสารภาพของคุณมันเกินพอแล้ว ไปเถอะลิต้า อย่าให้ผมไล่ซ้ำเลย”
ลลิตาเข้าไปยื้อ กอดแขนเขาไว้
“คุณกร้าว อย่าไล่ลิต้าเลยนะคะ ลิต้าผิดไปแล้ว”
กรวิกกับคณิตแอบมองอยู่ กรวิกหัวเสีย จะเข้าไปจัดการคณิตดึงไว้
“อย่าให้เรื่องยิ่งบานปลายดีกว่า เขากำลังจะไปแล้ว”
“แต่นังนั่น...”
“กร้าวไม่ยอมให้เขาอยู่ที่นี่ต่อหรอก เชื่อผม”
กร้าวดึงแขนออก แต่ลลิตามือเหนียวราวหนวดปลาหมึก เขาเริ่มรำคาญ
“ลิต้า...”
“อย่าไล่ลิต้าเลยนะคะคุณกร้าว”
“ปล่อยผม”
ลลิตาไม่ปล่อย
“คุณกร้าว...”
“ปล่อย”
กร้าวสะบัดแขนออกอย่างแรง ทำให้ลลิตาเสียหลักล้มลง
“คุณกร้าว”
“คุณจะออกไปดีๆไหม”
ลลิตาโมโห
“อ๋อ...ใช่ซี่ ลิต้าหมดประโยชน์แล้ว คุณได้นังนุชมากกไว้ที่นี่ก็เลยจะเฉดหัวลิต้า”
“ถ้าคุณไม่ก่อเรื่องคุณจะโดนไล่ไหม หัดดูตัวเองบ้าง ลิต้า”
“ใช่ ลิต้ารู้สำนึกแล้วว่าดันไปแตะนังนุชของคุณ คุณเลยยกโทษให้ลิต้าได้ ที่แท้คุณก็ดันไปรักคนที่คุณจะล้างแค้น”
กรวิกถลาเข้ามา คณิตห้ามไว้ไม่ทัน
“จริงเหรอคะอากร้าว อากร้าวรักนุชจริงเหรอคะ”
กร้าวจ้องลลิตา
“เลิกเพ้อเจ้อแล้วไปจากที่นี่ซะ”
ลลิตายิ้มหยัน
“เอ้า จะรีบไล่ทำไมคะ ตอบคำถามแม่นกน้อยของคุณก่อนซี่ ว่าคุณรักนังนุชใช่ไหม”
“ผมไม่ได้รักเขา”
“ไม่รักแล้วทำไมลิต้าแตะต้องไม่ได้ ลิต้าฆ่ามันก็เท่ากับกำจัดศัตรูของคุณ แล้วทำไมคุณต้องโกรธลิต้า”
“เพราะอนุชเป็นหนี้แค้นผม ผมคนเดียวมีสิทธิแก้แค้น คนอื่นจะทำอะไรอนุชไม่ได้”
“เหตุผลฟังขึ้นนะคะ แก้แค้นโดยการใช้หนี้ร้อยล้านให้พามาเลี้ยงดู ให้อยู่ใกล้ชิด...เมื่อไหร่คุณจะล้างแค้นลิต้าบ้างคะ”
กรวิกหน้าเสีย
“นี่หมายความว่าอากร้าวรักนุชจริงๆใช่ไหมคะ”
กร้าวยิ่งรู้สึกเสียหน้า กรวิกมองอย่างใจเสีย คณิตเองก็สงสัย กร้าวทนไม่ได้
“บอกว่าไม่ได้รักก็ไม่ได้รักสิ เลิกถามเซ้าซี้ซะที”
ลลิตายิ้มเย้ย
“ไงคะ โดนจี้ใจดำ ต้องถึงกับโมโหกลบเกลื่อนเลยเหรอคะ”
กร้าวหมดความอดทน ดึงลลิตาออกไป
“พอกันที”
“โอ๊ย คุณกร้าว จะพาลิต้าไปไหม ลิต้าเจ็บนะ”

กรวิกกับคณิตรีบตามออกไป

กร้าวทั้งดึงทั้งลากลลิตาออกมาหน้าบ้าน แล้วจับเหวี่ยงออกไป จนลลิตาเซถลาล้มลงที่พื้น

“ออกไปจากที่นี่”
“ลิต้าไม่ไป”
ลลิตาจะวิ่งกลับเข้ามา กร้าวรวบตัวไว้ ลลิตาดิ้น
“ลิต้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยลิต้านะ”
กรวิกกับคณิตตามออกมาดู กรวิกด่าทอลลิตา
“หน้าด้าน เขาไล่แล้วไม่ไป”
“เออ ฉันหน้าด้าน ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
กร้าวตะโกนเรียก
“ใครอยู่แถวนี้ มาเอาตัวแม่นี่ออกไป”
พร้อมเข็นรถชาติออกมาดู
“เอะอะโวยวายอะไรกัน”
กรวิกสะใจ
“อากร้าวกำลังไล่หมาบ้าออกจากบ้านน่ะค่ะ”
พร้อมถากถาว
“ก็ดีนะคะ หมาบางตัวเลี้ยงไว้ยังได้ใช้ประโยชน์ แต่หมาบ้ามันกัดไม่เลือก ไล่ออกไป บ้านจะได้สงบขึ้นบ้าง”
พวกคนงานกับยามเข้ามา กร้าวสั่งเสียงเข้ม
“เอาตัวออกไป”
กร้าวส่งตัวลลิตาให้คนงานกับยาม ลลิตาดิ้น ไม่ยอม
“ปล่อยฉันนะ ไอ้พวกมือสกปรก ฉันบอกให้ปล่อย”
ลลิตาเหลือบเห็นยามมีปืนพกอยู่ด้วย เธอยิ่งดิ้นแรง คนงานยื้อไม่ไหว เลยเหวี่ยงออกไป ลลิตากระเด็นออกมา ล้มฟุบนิ่งอยู่ที่พื้น ชาติเป็นห้วง
“เป็นอะไรรึเปล่า”
พวกคนงานเข้าไปพยุง ทันใดนั้นลลิตาลืมตาขึ้นมา เข้าแย่งปืนพกที่เอวยามแล้วเล็งปืนกราดไปทั่ว
“อย่าเข้ามานะ”
ทุกคนชะงักตกใจ คาดไม่ถึง ลลิตาวิ่งสวนกลับเข้ามาในบ้าน ผลักรถเข็นชาติล้ม พร้อมตกใจ
“คุณท่าน”
“คณิต ฝากดูลุงชาติด้วย”
กร้าววิ่งตามลลิตาเข้าไป
“ลิต้า จะทำอะไร”
ลลิตายิงขู่ไปหนึ่งนัด
“อย่าตามมานะ”
อนุชได้ยินเสียปืนก็ตกใจ
“เสียงอะไร”
ไม่ทันขาดคำ ลลิตาก็ผลุบเข้ามาในห้อง กร้าวตามมาดันประตูไว้ ลลิตาจะดันปิด แต่สู้แรงเขาไม่ได้ อนุชเห็นปืนในมือลลิตาก็ตกใจ
“พี่ลิต้า...”
กร้าวกระแทกอย่างแรง ลลิตากระเด็นออกมา ปืนหลุดมือ ตกอยู่ที่พื้น อนุช กร้าว และลลิตามองปืนเป็นตาเดียวกัน อนุชได้สติก่อน โผเข้าแย่งปืน ลลิตาตามมายื้อไว้ได้ กร้าวจะเข้ามาช่วย ปืนลั่นหนึ่งนัด เขากระโดดหลบแล้วตั้งตัวได้ จะโผเข้าไปดึงแต่ช้าไป ลลิตาแย่งปืนจากอนุชมาได้ ล็อคคอไว้
“อย่าเข้ามานะ”
กร้าวชะงัก อนุชหน้าตื่น
“พี่ลิต้าจะทำอะไร”
ลลิตาตวาด
“หุบปากนะนังนุช แกไม่มีสิทธิมาคุยกับฉัน”
กร้าวพยายามห้าม
“ลิต้า อย่าทำอะไรโง่ๆนะ”
“คุณบีบให้ลิต้าจนตรอกเองนะคุณกร้าว”
“นี่เป็นเรื่องระหว่างคุณกับผม อนุชไม่เกี่ยว”
“ไม่เกี่ยวเหรอ นังนี่น่ะ ตัวดีเลย ถ้าลิต้าไม่จ้างคนมาทำร้ายมันมีเหรอคุณจะโกรธจนไล่ลิต้าออกจากบ้าน”
อนุชได้ยินก็อึ้งไป หันมองสบตากับเขา กร้าวพูดไม่ออก ลลิตาแค้นใจ
“คุณยิ่งห่วงมัน ลิต้ายิ่งอยากให้มันตาย”
“ผมไม่ได้ห่วง ผมบอกคุณแล้ว แก้แค้นวิชเวทย์เป็นหน้าที่ผม คนอื่นไม่เกี่ยว”
“คุณโกหกใครอยู่กันแน่ โกหกอนุช หรือโกหกตัวเอง”
กร้าวนิ่งอึ้งไป อนุชสวนขึ้น
“พี่ลิต้าจะหึงหวงคนอย่างเขาก็ตามสบาย ทำไมต้องดึงนุชเข้ามาเกี่ยวด้วย”
“เพราะเขารักแกไงนังนุช ถ้าไม่มีแกสักคนทุกอย่างก็ต้องรวมทั้งตัวคุณกร้าวด้วย”
“ผมขอบอกว่าคุณเข้าใจผิดอย่างแรง ผู้หญิงคนนี้ไม่มีผลกับความรู้สึกผมแม้แต่น้อย”
อนุชได้ยิน อึ้งไป รู้สึกเสียใจลึกๆ กร้าวมองลลิตา
“แต่ถ้าคุณอยากดับอนาคตตัวเองด้วยเรื่องโง่ๆ ผมก็ห้ามไม่ได้ จะทำอะไรก็เชิญตามสบาย”
กร้าวแกล้งหันหนี ทำไม่สนใจ ลลิตางงว่าจริงหรือหลอก ทันใดนั้นกร้าวก็กระโจนเข้ามาแย่งปืนลลิตาปืนลั่นอีกหนึ่งนัด อนุชก้มหลบอย่างตกใจ ลลิตาสู้แรงเขาไม่ได้ โดนแย่งปืนไป
“คุณกร้าว”
กร้าวเงื้อมือจะตบลลิตา อนุชห้ามไว้
“อย่า คุณกร้าว”
กร้าวกับลลิตาหันมอง คิดว่าอนุชไม่ถือโทษ แต่แล้วอนุชกลับพูดขึ้นเสียงเข้ม
“ฉันเอง”
ทันใดนั้น อนุชตบหน้าลลิตาฉาดใหญ่ด้วยความโมโห

“อย่าถือว่าชีวิตคนอื่นเป็นแค่ผักปลา จะทำอะไรกับใครก็ได้ ถ้าเห็นว่าชีวิตตัวเองมีค่า ชีวิตคนอื่นก็มีค่าเหมือนกัน”

ลลิตาโดนโยนออกมาที่หน้าบ้านอีกครั้ง แต่พอตั้งหลักได้ ก็จะลุกขึ้นมา คนงานเข้ามาล็อคตัวไว้ กร้าวสั่งพวกคนงานที่มาออดูกันอยู่

“ต่อไปนี้ห้ามผู้หญิงคนนี้เข้ามาในเขตไร่ ใครเห็นให้ไล่ออกไปทันที จะใช้วิธีไหนก็ได้”
ลลิตาอึ้งตะลึงคาที่
“คุณกร้าว คุณทำอย่างนี้กับลิต้าไม่ได้นะ”
“เสียใจลิต้า ผมทำไปแล้ว”
ลลิตาแค้น
“ได้...งั้นอย่าหวังเลยว่าจะอยู่ดีมีสุข ฉันจะเป็นพยานให้พวกสิต เอาคุณเข้าคุก”
กร้าวหน้านิ่ง เดินเข้ามาหาลลิตา
“รู้ไหมลิต้า...” เขาตวาดใส่หน้า “ผมไม่แคร์ อยากทำอะไรก็เชิญ” เขาหันไปสั่งคนงาน “เอาตัวออกไปได้แล้ว”
กร้าวพูดจบก็หันกลับเข้าบ้าน คนงานลากลลิตาที่ดิ้น ไม่ยอมออกไป
“คุณกร้าว กลับมาก่อน คุณจะทำแบบนี้กับลิต้าไม่ได้ คุณกร้าว กลับมา”
ลลิตาดิ้นหลุดจากคนงาน จะวิ่งเข้ามาในบ้าน กรวิกออกมา พร้อมถังน้ำ สาดน้ำใส่ลลิตาเปียกไปทั้งตัว
กรวิกยิ้มกวน
“หายบ้าหน่อยไหม”
ลลิตาโกรธ
“แก อีนกแร้ง”
“ช่วยไม่ได้ ก็อากร้าวบอกเองว่าจะใช้วิธีไหนไล่หมาบ้าอย่างเธอก็ได้”
“แกอย่าอยู่เลย”
ลลิตาจะเข้ามาทำร้ายกรวิก คนงานดาหน้าเข้ามาขวาง หน้าเหี้ยม ลลิตาชะงัก
“พวกเรา ได้ยินใช่ไหม อากร้าวบอกว่าใช้วิธีไหนไล่นังนี่ก็ได้”
ลลิตามองคนงานอย่างกลัวๆ คนงานก้าวเข้าหาลลิตาอย่างข่มขู่ ลลิตาตื่นกลัว
“อย่าเข้ามานะ” เธอถมน้ำลายใส่ “ถุย อย่าเข้ามานะ”
พวกคนงานก้าวเข้าหา ลลิตาจนแต้ม วิ่งหนีออกไป กรวิกยืนหัวเราะอย่างสะใจ

คณิตออกมามุมหนึ่งในบ้านพักของชาติ กร้าวหันมาถาม
“ลุงชาติเป็นไงมั่ง”
“แค่ฟกช้ำนิดหน่อย ไม่เป็นไรมาก”
กร้าวโล่งใจ
“ค่อยยังชั่วหน่อย”
“กร้าว ลุงแกอายุมากแล้วนะ แกน่าจะหาเรื่องเครียดๆมาให้ท่านน้อยกว่านี้”
“เรื่องวันนี้มันสุดวิสัยจริงๆ แต่ยังไงฉันก็ไล่ลลิตาออกไปแล้ว”
“มันไม่ใช่แค่เรื่องวันนี้นะกร้าว แต่การล้างแค้นของแก มันทำให้ลุงชาติไม่สบายใจ เมื่อไหร่แกจะจบเรื่องนี้ซักทีวะ”
กร้าวเครียดไป ไม่มีคำตอบ

กร้าวเข้ามาที่หน้าห้องอนุชอย่างลังเลเห็นประตูแง้มอยู่ เขาผลักเบาๆ แอบมองเข้าไปเห็นอนุชอยู่กับขำที่ตื่นตกใจ
“คุณลิต้าจะเข้ามายิงคุณนุชเหรอคะ”
อนุชพยักหน้าอย่างเหนื่อยๆ
“โถคุณนุช จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ โดนล่ามโซ่อย่างนี้ดีนะคะ คุณกร้าวมาช่วยคุณนุชไว้ทัน”
“ดีเหรอขำ อย่าลืมสิ คนที่ล่ามนุชไว้นี่ก็คือคุณกร้าวนะถ้านุชตาย ก็ฝีมือเขานั่นล่ะ”
กร้าวที่แอบมองอยู่ รู้สึกผิด

ชายธงนอนอยู่ที่เตียง ค่อยๆรู้สึกตัวพยุงตัวลุกขึ้นมองเห็นธารินนอนฟุบหน้าอยู่ข้างเตียงก็ชะงัก
“ริน...”
ธารินสะดุ้งตื่น
“พี่ชายธงเป็นอะไร ลุกขึ้นมาทำไม จะเอาอะไรบอกรินสิ”
ชายธงมองเห็นอ่างน้ำ ผ้าขนหนู
“เช็ดตัวให้พี่จนผล็อยหลับอยู่นี่เลยเหรอ”
“ก็รินทำอะไรไม่ถูก พี่ชายธงตัวร้อนมากเลย รินกลัวพี่จะช็อคไป”
ชายธงยิ้ม
“ขอบใจนะ”
“พี่ชายธงหิวรึเปล่า ไม่ได้กินอะไรเลย”
ชายธงยิ้มๆ

ธารินยกชามข้าวต้มมาป้อนชายธงอย่างเป็นห่วง
“ระวังร้อนนะคะ ค่อยๆเคี้ยวนะ”
ชายธงหัวเราะ
“พี่โตแล้วนะริน ไม่ต้องห่วงพี่ขนาดนั้น”
“คนป่วยก็เหมือนเด็กนั่นแหละ พี่ชายธงไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าพี่ชายธงไม่ยอมให้รินดูแล รินจะไปฟ้องคุณลุง”
ชายธงยิ้มๆ พยักหน้ารับ ธารินตักข้าวต้มอีก แต่ท้องร้องเสียเอง ชายธงชะงัก
“ท้องร้องเหรอ”
ธารินยิ้มแหยๆ
“มัวแต่กังวลเรื่องอาการพี่ชายธง รินเลยลืมกินข้าว”
ชายธงมองธารินอย่างซึ้งในน้ำใจ เธอจะป้อนต่อ แต่เขารับช้อนมาด้วยมือข้างที่ไม่โดนยิง แล้วยื่นช้อนให้ ธารินมองงง
“กินสิ พี่จะป้อนให้รินบ้าง”
ธารินยังอึ้งๆ
“เดี๋ยวไม่มีแรงไปฟ้องพ่อพี่นะ”

ธารินยิ้ม ยอมกิน ทั้งสองยิ้มให้กัน

ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 15 (ต่อ)

ทางด้านอสิตอยู่ที่โต๊ะทำงานภายในบ้าน เขานั่งดูรูปถ่ายพ่อแม่ พูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็คงเหลือทางเดียวที่ผมจะช่วยน้องได้”
เขามองปืนกระบอกหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ”

ขณะที่กร้าวกำลังนั่งตอบอีเมล์เรื่องงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน ทันใดนั้น มือถือของเขาดังขึ้น อสิตพูดสาย
“ผมเอง อสิต ผมอยากเจรจากับคุณเรื่องอนุช”
“คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ต่อรองงั้นเหรอ”
“ผมรู้ว่าสิทธิ์ผมหมดไปนานแล้ว แต่ผมอยากเจรจากับคุณตัวต่อตัว แบบลูกผู้ชาย”
“ไม่จำเป็น”
“ทำไม หรือว่าพวกศุภกาญจน์ดีแต่รังแกผู้หญิง”
กร้าวไม่พอใจ
“อย่าคิดว่าคนอื่นจะสันดานเหมือนพ่อคุณ”
“งั้นกลัวอะไร”
“ก็ดี ผมอยากรู้เหมือนกันว่าจะมาไม้ไหนอีก”
กร้าวยิ้มเยาะ

ด้านอรชากำลังจัดบ้านอยู่ ทันใดนั้น มือก็เผลอไปโดนกรอบรูปตกลงพื้น เธอหยิบรูปขึ้นมาดู เห็นรูปอสิตแตกเป็นเสี่ยงๆ อรชาตกใจ
“พี่สิต”
อรชารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ได้ จึงเดินตามหาอสิต แหวนเดินสวนมาพอดี
“เห็นคุณสิตมั้ยแหวน”
“คุณสิต เพิ่งออกไปเมื่อกี๊นี้เองค่ะคุณอร”
“ไปไหน”
“คุณสิตไม่ได้บอกค่ะ”
อรชาเป็นห่วงอสิตมาก ตัดสินใจโทร.หาพี่ชาย จังหวะเดียวกันนั้นปรารภก็เดินเข้ามาพอดีถามด้วยความสงสัย
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับคุณอร”
อสิตไม่ยอมรับสาย อรชาบอกปรารภ
“พี่สิตออกไปไหนก็ไม่รู้ โทร.ไปก็ไม่ยอมรับสาย อรสังหรณ์ใจไม่ดีเลยค่ะ”
“คุณสิตเอามือถือไปหรือเปล่า”
“คิดว่านะคะ”
“ลองใช้โปรแกรมติดตามเครื่องดูสิครับ”
อรชาทำตามคำแนะนำของเขาแล้วหันมาตอบด้วยความดีใจ
“เจอแล้วค่ะคุณรภ”
หน้าจอมือถือเห็นสัญญาณติดตามเครื่องแสดงผลว่าอสิตไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ
“พี่สิตไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ ไปไหน”
ปรารภจำได้
“นั่นมันทางไปไร่ทานตะวันนี่ครับ”
อรชาตกใจ
“พี่สิตไปทำไม”
อรชาถามปรารถด้วยความสงสัยและหวั่นวิตก

ปากทางเข้าไร่ทานตะวัน...กร้าวเดินมาหาอสิตที่นั่งรถเข็นรออยู่ข้างรถเก๋งคันงามของบ้านวิชเวทย์
“มีอะไรว่ามา”
“ปล่อยน้องสาวผมเถอะ ผมขอร้อง ผมยินดีชดใช้ทุกอย่างด้วยชีวิต”
กร้าวหันมา เห็นอสิตหยิบปืนที่เตรียมมาวางบนกระโปรงหน้ารถก็ยิ้มเยาะ
“พี่น้องวิชเวทย์เหมือนกันทั้งตระกูล ชอบเอาตัวเข้าแลก”
“หมายความว่ายังไง”
กร้าวกวนๆ
“อนุชยอมแต่งงานกับผม คุณอรก็ยอมมีอะไรกับผม แล้วผมจะเอาตัวคุณไปทำไม”
อสิตโกรธเจ็บใจ
“ในเมื่อคุณได้ทุกอย่างแล้ว ยังต้องการอะไรอีก”
“ความสะใจ”
“งั้นผมจะให้คุณเดี๋ยวนี้”
อสิตหยิบปืนจะยิงตัวเอง กร้าวเห็นอย่างนั้นก็ตกใจรีบเข้าไปแย่งปืน
“จะทำบ้าอะไร หยุดเดี๋ยวนี้”
อสิตตกลงจากรถเข็น นอนอยู่ข้างเท้ากร้าว
“โอ๊ย” อสิตร้องไห้ออกมา “ผมหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว ปล่อยน้องสาวผมไปเถอะครับ
ผมขอร้อง”
ภาพชื่นพนมมือ อ้อนวอนแว่บเข้ามาในหัวกร้าว
“ขอร้องเถอะค่ะ อย่าทำอะไรฉันกับลูกเลย”
กร้าวถามอสิต ที่คลานอยู่บนพื้น
“รู้มั้ยผมเคยได้ยินอะไรคล้าย ๆนี้จากปากผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อ 20 กว่าปีก่อน รู้มั้ยผลเป็นยังไง...”
อสิตส่ายหน้าไม่รู้ กร้าวโมโหตะคอกใส่
“ผลก็ยืนอยู่ตรงหน้านี่ไง ถ้าศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่วิชเวทย์ภูมิใจนักภูมิใจหนา งั้นก็กราบขอขมาผมสิ ไม่แน่ ผมอาจจะใจอ่อน ไม่เหมือนพ่อคุณก็ได้”
อสิตลังเลนิดหนึ่ง
“ก็ได้ ถ้าคุณอยากได้อย่างนั้นจริงๆ”
อสิตคลานศอกเข้าไปหากร้าวที่ยืนอยู่ จะกราบเท้า กร้าวแววตาหวั่นไหววูบหนึ่ง ไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองทำ ทันใดนั้น อรชาปรารภก็เข้ามาห้าม
“อย่าไปเชื่อคุณกร้าวนะพี่สิต” อรชาจ้องหน้ากร้าว “คุณมันสารเลว”
อรชาจะเข้าไปตบ แต่กร้าวจับข้อมือไว้ได้แล้วเหวี่ยงตัวเธอออกไป ปรารภรีบเข้าไปประคองตัวอรชาไว้
“คุณอร” ปรารภโกรธมาก “แกไอ้ชาติชั่ว”
กร้าวยกปืนอสิตที่ตัวเองแย่งได้ขึ้นมาจ่อ
“ก็เอาสิ ถ้าคิดว่ากะโหลกหนากว่าลูกปืน”
อสิตตกใจ
“อย่าทำอะไรทุกคน ผมบอกแล้วไง ผมยินดีทำตามที่คุณขอทุกอย่าง”
อสิตคลานศอกไปที่กร้าว อรชาเห็นจะเข้าไปห้ามแต่ปรารภดึงตัวไว้
“อย่านะคะพี่สิต อย่า...อย่า”
อสิตกราบเท้ากร้าว อรชาร้องไห้ออกมาสุดเสียงหมดสิ้นแล้วศักดิ์ศรีวิชเวทย์
“ปล่อยน้องสาวผมเถอะครับคุณกร้าว”
“นี่เหรอศักดิ์ศรีของพวกวิชเวทย์...”
กร้าวยิ้มเยาะ อสิตอ้อนวอน
“ปล่อยนุชได้หรือยัง”
“แต่แกทำรองเท้าฉันเปื้อน ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
อสิตอึ้ง
“คุณกร้าว”
“หักหลัง...เหมือนที่พ่อแกชอบทำไง”
กร้าวพูดจบเดินหัวเราะไป อสิตโกรธจะคลานไปทำร้ายกร้าว อรชากับปรารภต้องดึงตัวพี่ชายไว้
“อย่าค่ะพี่สิต...อย่าค่ะ”
อสิตโกรธโวยวาย
“แกมันไอ้ชาติชั่ว ไอ้สารเลว”

สองคนพี่น้องกอดกันร้องไห้อย่างน่าเวทนา เหมือนคนที่หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง

เมื่อกลับมาถึงบ้าน อรชากับปรารภ ช่วยกันประคองอสิตลงนอนบนเตียง อสิตร้องไห้อย่างสิ้นหวัง

“พี่ผิดเองอร พี่ไม่น่าไปให้มันดูถูกถึงที่เลย”
“ไม่ใช่ความผิดของพี่สิตหรอกค่ะ อรรู้พี่สิตทำดีที่สุดแล้ว”
“พี่สัญญาต่อไปนี้พี่จะไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนมาดูถูกเราได้อีกเป็นอันขาด...วันนึงแกต้องชดใช้ ไอ้กร้าว”
อสิตเจ็บใจ

กร้าวคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หน้าเครียด คำพูดของอนุชเมื่อครู่ยังดังก้องในหัว
“อย่าลืมสิ คนที่ล่ามนุชไว้นี่ก็คือคุณกร้าวนะถ้านุชตาย ก็ฝีมือเขานั่นล่ะ”
กร้าวไม่สบายใจ กรวิกถือจานใส่ขนมเค้กเข้ามา ท่าทางร่าเริง
“อากร้าวคะ...มาฉลองกันเถอะค่ะ นกไล่นังหมาบ้านั่นออกไปได้แล้ว มันนะคะ
จนตรอกมากเลย เล่นถมน้ำลายใส่พวกคนงาน กะให้คนงานติดพิษสุนัขบ้ามั้งคะ”
กร้าวไม่มีอารมณ์สนุกด้วย เพราะเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“นกกินเถอะ อายังไม่อยากกิน”
กรวิกชะงัก พอดีพร้อมนำกาแฟมาเสิร์ฟให้กร้าว
“กาแฟค่ะคุณกร้าว”
“ขอบคุณครับ”
กร้าวรับกาแฟไปดื่ม กรวิกไม่พอใจ
“อะไรคะอากร้าว ทีเค้กของนกอากร้าวไม่กินแต่กินกาแฟของป้าพร้อม อากร้าวโกรธอะไรนกรึเปล่าคะ”
กร้าวเหนื่อยใจ
“อาแค่ไม่อยากกินเค้กน่ะนก พร้อมหันมาหากรวิก
“อย่างอนอากร้าวเลยนะคะคุณนก ยัยคุณลิต้านั่นเกือบจะฆ่าคุณนุชตาย อากร้าวทานอะไรไม่ลงหรอกค่ะ”
กรวิกฉุน
“อ๋อ ที่แท้ก็ห่วงนุช”
กร้าวปากแข็ง
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนก”
“ปากบอกไม่รัก ไม่ห่วง แต่นุชกลับทำให้อากร้าวกินไม่ได้นอนไม่หลับ”
กร้าว โมโหกลบเกลื่อน
“มันไม่เกี่ยวกับอนุชหรอกนก แต่เกิดเรื่องขนาดเนี้ย อาก็มีเรื่องให้คิดตั้งเยอะแยะ เด็กอย่างนกไม่เข้าใจหรอก”
กร้าวออกไปอย่างหัวเสีย กรวิกจ๋อย พร้อมปลอบ
“ไม่เป็นไรนะคะคุณนก...ป้าพร้อมยังมีขนมอีกเยอะเลย เราไปกินขนมกันดีกว่านะคะ”
กรวิกยิ่งฉุน
“นกไม่ใช่เด็กนะ ไม่ต้องเอาขนมมาล่อ”
กรวิกฉุนเฉียวออกไป พร้อมมองตามงงๆ

ค่ำนั้น กรวิกอยู่ในชุดคลุม นั่งแต่งหน้าทาปากอยู่หน้ากระจก มองตัวเองแล้วยิ้มพอใจ เธอยืนขึ้น ถอดชุดคลุมออก เผยให้เห็นชุดนอนเซ็กซี่ กรวิกฉีดน้ำหอมฟุ้งยิ้มกับตัวเองในกระจก
“แบบนี้อากร้าวยังจะบอกว่านกเด็กอีกไหม”

กรวิกเปิดประตูเข้ามาในห้องกร้าว
“อากร้าวคะ...”
ไม่เห็นใคร เธอเดินเข้ามาในห้อง
“อากร้าว”
ขณะเดียวกันนั้นได้ยินเสียงพร้อมดังเข้ามา
“แกเอาผ้าเช็ดตัว ของใช้ไปไว้ในห้องน้ำ เดี๋ยวฉันจัดที่นอนเอง”
กรวิกได้ยินเสียงก็หน้าตื่น หาที่ซ่อน ไม่รู้จะซ่อนที่ไหนเลยไปแอบใต้เตียง สักครู่เท้าพร้อมกับขำเข้ามา พร้อมเข้ามาจัดเตียง เอาหมอนมาไว้อีกใบ ขำวางผ้าเช็ดตัวไว้ที่เตียง แล้วนำของใช้ในห้องน้ำไป พร้อมจัดเตียง ได้กลิ่นน้ำหอม ทำจมูกฟุดฟิด ขำออกมาจากห้องน้ำ
“ช้าจริงป้า ยังไม่เสร็จอักเหรอ”
“ขำ แกได้กลิ่นอะไรไหม”
“ป้าตดเหรอ”
“นังบ้า กลิ่นหอมๆน่ะ”
ขำทำจมูกฟุดฟิดดม
“อือ...กลิ่นอะไรหอมๆ”
กรวิกหน้าเครียดกลัวโดนจับได้ ขำดมๆแล้วพูดขึ้น
“หรือว่า...”
กรวิกร้อนใจนึกว่าขำรู้ตัว ขำพูดต่อ
“หรือว่าวันนี้คุณลิต้ายิงโดนใครเข้าแล้ววิญญาณ...”
พร้อมพาลกลัวไปด้วย
“นังบ้า หยุดพูดเดี๋ยวนี้”
“หยุดก็ได้ แต่ขำไม่อยู่แล้ว”
ขำวิ่งออกไป พร้อมหน้าตื่น
“เดี๋ยว นังขำ รอด้วย”
พร้อมรีบปิดไฟวิ่งตามออกไป กรวิกเป่าปากโล่ง จะคลานออกมาจากใต้เตียงแต่เห็นเท้าผู้ชายเดินเข้ามา แล้วหยุด หันหลังให้เตียง กรวิกออกมาจากใต้เตียง โผเข้ากอดด้านหลังชายหนุ่ม
“อากร้าว”
คณิตตกใจ
“เฮ้ย”
กรวิกได้ยินเสียงก็ตกใจ
“ไม่ใช่อากร้าวนี่”
คณิตเปิดไฟ เห็นกรวิกก็แปลกใจ
“คุณ”
“คุณเข้ามาทำอะไรที่นี่”
“ผมต่างหากต้องถามคุณ”
กร้าวเข้ามา
“โวยวายอะไรวะไอ้หมอ” กร้าวเห็นกรวิกก็ชะงักไป “นก มีอะไรรึเปล่า”
กรวิกอาย
“ก็นก...นกมาหาอากร้าว แล้วนายนี่เข้ามาทำไมก็ไม่รู้”
“คณิตจะมานอนค้าง แต่ป้าพร้อมเคลียร์ห้องให้ไม่ทันอาเลยให้มานอนห้องอา นกมีอะไรรึเปล่า”
คณิตมองหน้ากรวิก
“อย่าบอกนะว่าคุณจะมา...เมื่อกี๊คุณ...”
กรวิกร้อนตัว
“อย่าพูดนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”
กร้าวสงสัย
“นกทำอะไร”
“นกไม่ได้ทำอะไรนะคะ”
กร้าวเซ็ง
“นก เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้”
กรวิกไม่ชอบใจ
“คำก็เด็ก สองคำก็เด็ก นกไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ หรืออากร้าวไม่เห็น”
กร้าว มองกรวิกอย่างอ่อนใจทำใจแข็งดุไป
“ใช่...อาไม่เคยเห็นนกเป็นผู้ใหญ่ อาเห็นนกเป็นนกน้อยคนเดิม ไม่คิดจะเปลี่ยนไปจากนั้น”
กรวิกทั้งอายทั้งเสียใจ วิ่งร้องไห้ออกไป คณิตอึ้ง
“ไม่แรงไปเหรอ”
“ไม่พูดแรงๆ นกก็ไม่เลิกคิดแบบนั้นซะที”

กร้าวมองทางกรวิกแล้วได้แต่ทอดถอนใจ

*ต่อจากตอนที่แล้ว

กรวิกหลบมานั่ง ก้มหน้าร้องไห้ ครู่หนึ่ง คณิตเข้ามานั่งข้างๆ

“อยากให้คนเห็นค่าก็ต้องทำตัวเองให้มีค่า แล้วถ้าคนอื่นไม่เห็นคุณค่า อย่างน้อยเราก็เห็นคุณค่าของตัวเอง”
กรวิกหันมาต่อว่าตาเธอเลอะเป็นแพนด้า
“ถ้าจะตามมาเยาะเย้ยก็กลับไปเลย”
คณิตเห็นหน้ากรวิกก็หัวเราะขำ
“หัวเราะอะไร”
คณิตขำกลิ้ง กรวิกชักฉุน
“นี่...หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ” เธอทุบเขาอั่ก “ตาบ้า หยุดหัวเราะนะ”
คณิตรวบมือเธอไว้
“หยุดก็ได้”
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดตาที่เลอะให้
“ทำตัวให้มีค่า ดีกว่าทำหน้าให้ดูดีนะคุณ”
กรวิกนิ่งคิดไป แล้วปล่อยให้เขาเช็ดหน้าให้

กร้าวคุยกับชาติ ชาติพูดด้วยความไม่พอใจ
“เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว พอเถอะกร้าว”
กร้าวโต้กลับอย่างไม่พอใจเช่นกัน
“ลุงก็รู้ว่าผมทำอย่างนี้ทำไม”
“ถึงมันจะเป็นรอยแผลเป็นในใจแก แต่การแก้แค้นมันเหมือนการเอามีดกรีดลงบนแผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งที่แกควรทำ คือวางมีดลงซะ แล้วรักษารอยแผลนั้น ไม่ใช่คอยกรีดตัวเอง”
กร้าวจะร้องไห้
“ผมก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ลุงไม่รู้หรอกว่าผมต้องเจอกับอะไร”
“อย่าลืมว่าลุงผ่านมันมาก่อน วันนี้ลุงถึงมีสภาพแบบนี้ ลุงไม่อยากให้แกเป็นเหมือนลุงนะกร้าว”
“แต่ผมหยุดไม่ได้”
“ถึงวันนี้อาจจะหยุดไม่ได้ แต่พรุ่งนี้ก็อาจจะหยุดได้ ถึงพรุ่งนี้หยุดไม่ได้ มะรื้นนี้ก็อาจจะทำได้ อยู่ที่ว่าแกจะหยุดเมื่อไหร่เท่านั้น หรือจะต้องรอจนกว่าจะสูญเสียมากกว่านี้”
กร้าวครุ่นคิดตามคำลุง
“จำคำลุงไว้ การแค้นไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่สิ่งที่แกควรกระทำคือให้อภัย แล้วก็ให้อภัยซะก่อนที่แกจะไม่เหลือใคร โดยเฉพาะคนที่แกรัก”
ชาติพูดจบก็เข็นรถออกไป ทิ้งกร้าวให้ยืนอยู่กับความสับสน อีกมุมหนึ่งกรวิกยืนมองอยู่ด้วยสีหน้าแววตาครุ่นคิด

กร้าวเดินมา กรวิกที่ยืนอยู่ ถามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“นี่อากร้าวชอบนุชจริง ๆ เหรอ”
กร้าวรำคาญไม่อยากตอบ
“อาไม่ได้ชอบ”
“แล้วทำไมอากร้าวต้องคอยปกป้องนุช”
กร้าวโกรธ
“อาไม่ได้ปกป้องนุชนะนก”
“แต่สิ่งที่อากร้าวกระทำมันตรงกันข้ามกับที่อากร้าวพูด นกชักไม่แน่ใจแล้วว่าอากร้าวพูดจริง หรือยัยลิต้าอะไรนั่นพูดจริงกันแน่”
กร้าวชะงัก
“หมายความว่ายังไง”
“อากร้าวทำลายทุกอย่างของพวกวิชเวทย์อย่างที่อากร้าวต้องการแล้ว แล้วทำไมอากร้าวถึงยังไม่ปล่อยนุชไป”
กร้าวโกรธ
“เพราะพวกวิชเวทย์ยังไม่ได้ชดใช้สิ่งที่ควรชดใช้นะสิ”
“แล้วมันคืออะไร”
กร้าวอึ้งไป เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าอะไร
“แม้แต่ตัวอากร้าวเองก็ไม่รู้ว่าอะไร...แล้วจะทำไปทำไม”
กร้าวโมโห
“อย่ามาสอนอานะนก”
“นกไม่ได้สอน แต่นกพูดความจริง งั้นอากร้าวก็ทำอย่างที่ลุงชาติบอกสิคะ ปล่อยนุชกลับบ้าน ยุติเรื่องทั้งหมดซะ ก่อนที่อะไร ๆ จะแย่ไปกว่านี้”
กร้าวผิดหวัง
“นี่นกเข้าข้างพวกวิชเวทย์อีกคนเหรอ”
“นกไม่ได้เข้าข้าง แต่นกไม่แน่ใจต่างหาก ว่าตอนนี้อากร้าวกำลังโกหกทุกคนหรืออากร้าวกำลังโกหกตัวเองกันแน่”
กร้าวโกรธเสียงดัง
“นก”
กรวิกสวนแรงเขย่าตัวกร้าวคาดคั้นความจริง
“งั้นอากร้าวก็ตอบนกมาสิคะ ว่าอากร้าวไม่ได้คิดอะไรกับยัยนุช อากร้าวไม่ได้คิดอะไรกับยัยนุช”
กร้าวโมโหสุดขีดเสียงดัง
“อาบอกแล้วอาไม่ได้คิดอะไร อาไม่ได้คิดอะไร”
“งั้นก็ปล่อยนุชไปสิ”
“อยากให้ปล่อยนุชมากใช่มั้ยได้”
กร้าวพูดจบรีบเดินออกไปอย่างฉุดเฉียว กรวิกตกใจ ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร รีบวิ่งตามไป
“อากร้าว อากร้าว”

คณิตกำลังดูรอยฟกช้ำดำเขียวตามเนื้อตัวอนุชอยู่
“ทำอย่างนี้มันเกินไปจริง ๆ”
“แต่นุชไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไร ไม่ได้ จะทนให้มันแก้แค้นไปอีกนานแค่ไหน”
อนุชน้ำตาคลอ
“นุชไม่รู้...บางทีอาจจะจนกว่าคุณกร้าวจะอภัยให้พวกเรา”
คณิตถอนหายใจ
“แต่ยังไงมันก็ไม่ถูกต้อง กับคนที่ตัวเองรักแท้ ๆ”
อนุชแปลกใจ
“ว่ายังไงนะคะหมอ”
“กร้าวมันรักนุชมากรู้มั้ย...รักขนาดที่ตัวมันเองก็ไม่รู้”
อนุชไม่เชื่อ
“ไม่จริงหรอกค่ะ เค้าเกลียดนุชยังกะอะไรดี”
“งั้นทำไมเค้าไม่ปล่อยตัวนุชไป จับนุชมาขังไว้ทำไม ทั้ง ๆ ที่ตัวเองได้ไปหมดทุกอย่างแล้ว”
“บางทีเค้าอาจจะอยากให้นุชชดใช้ อย่างที่พ่อนุชทำไว้กับแม่คุณกร้าวก็ได้”
คณิตอึ้งไปเมื่อคิดว่ากร้าวกำลังจะทำอะไร ทันใดนั้น กร้าวก็โผล่เข้ามาในห้อง
“มากับฉันเดี๋ยวนี้”
กร้าวไขกุญแจโซ่ที่รัดข้อเท้านุชออก คณิตตกใจ
“จะพานุชไปไหน...”

กร้าวไม่ตอบกระชากตัวอนุชออกไป

กร้าวกระชากตัวอนุชมาหน้าบ้าน เธอร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ มุมหนึ่งไม่ไกลนัก พร้อม ขำ ชาติยืนคุยหน้าเครียดกันอยู่เรื่องอนุช ขณะเดียวกันนั้น คณิตกับกรวิกรีบวิ่งตามกร้าวมา คณิตพยายามห้าม

“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะกร้าว”
กรวิกขอร้อง
“ปล่อยนุชไปเถอะค่ะอากร้าว”
กร้าวยิ่งโกรธ
“เธอมันพวกมารยาสาไถย์ เจ้าเล่ห์เหมือนพ่อตัวเองไม่ได้มีผิด”
อนุชสวน
“งั้นคุณก็คงใจจืดใจดำ อภัยให้คนอื่นไม่เป็น เหมือนแม่ตัวเองใช่มั้ย”
กร้าวตวาด
“หยุดก้าวร้าวถึงแม่ผมซะที”
“พ่อแม่ใครใครก็รัก ฉันก็มีสิทธิ์ปกป้องท่านเหมือนที่คุณทำเหมือนกัน”
“ไม่ต้องมาทำเป็นปากดี พวกวิชเวทย์ไม่เคยยอมรับความผิดตัวเองซักคน”
“แล้วพวกที่ไม่รู้จักให้อภัยคนอื่นเรียกว่ายังไง”
“เรียกว่าผู้ชนะยังไงล่ะ...ส่วนเธอมันพวกขี้แพ้ ไสหัวออกไปจากไร่นี้ได้แล้ว”
อนุชงงคิดไม่ถึง
“คุณกร้าว”
“ฉันบอกให้ไสหัวออกไปไม่ได้ยินหรือไง”
พร้อมกับขำที่ยืนฟังอยู่ตั้งแต่แรกรีบเข้าไปฉุดตัวอนุชออกมา
“รีบออกไปเถอะค่ะคุณนุช”
อนุชเดินตามพร้อมไปอย่างงง ๆ แต่พอเห็นกร้าวกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น ก็แกะมือพร้อมออก
“ฉันไม่ไป”
พร้อมชะงัก
“คุณนุช”
กร้าว ชาติ คณิต กรวิก ทุกคนหันมามองอนุชเป็นตาเดียว อนุชเดินเข้ามาพูดอย่างไม่กลัว
“ตราบใดที่เค้ายังไม่ให้อภัยพวกเราวิชเวทย์”
กร้าวโกรธ
“นี่เธอตั้งใจจะยั่วประสาทฉันใช่มั้ย”
อนุชสวนแรง
“ยั่วคนบ้าแล้วจะมีประโยชน์อะไร”
ชาติพยามห้าม
“ใจเย็น ๆ หนูนุช”
“หนูเย็นมามากพอแล้วค่ะป๋า...วันนี้คุณบ่ล่อยฉัน แต่วันหน้าคุณอาจจะทำร้ายคนอื่น ๆ อีก เพราะฉะนั้นจะฆ่าจะแกงจะทำอะไรฉันก็เชิญ เอาให้สาแก่ใจคุณเลย...”
อนุชเข้าไปผลักอกเขาท้าทาย
“ทำกับฉันเหมือนที่พ่อฉันทำกับแม่คุณ จะได้หมดเวรหมดกรรมกันซะที”
กร้าวโกรธ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะอนุช”
“ฉันไม่หยุด ถ้าการแก้แค้นทำให้คุณมีชีวิตอยู่ได้ การให้อภัยคงทำให้คุณตายไปจากโลกนี้ เอาสิคะ” หญิงสาวอัดอั้นจนร้องไห้ออกมา “ฆ่าฉันให้ตายไปเลย เอาให้สาแก่ใจคุณเลย ทำกับฉันเหมือนที่พ่อฉันทำกับแม่คุณ คุณจะได้เลิกยุ่งเกี่ยวกับพวกเราวิชเวทย์ซะที”
“อย่ามาท้าผมนะ”
“ฉันไม่ได้ท้า นอกจากคุณไม่กล้าจริง”
“จะเอาอย่างนั้นก็ได้”
กร้าวฉุดลากตัวอนุชเข้าบ้านไป ทุกคนตกใจ ชาติส่งเสียงห้าม
“จะทำอะไรหนูนุช...กร้าว”
พร้อมห้ามอีกคน
“อย่าทำอะไรคุณนุชนะคะ”
ทุกคนตามไปในบ้าน...กร้าวลากอนุชมาที่โถงบ้าน เขาปล้ำจูบ เธอปกป้องตัวเองทุบตีไปมาเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี
“ปล่อยฉัน ฉันบอกให้ปล่อย”
“ทำไมกลัวเหรอ...เมื่อกี๊ทำเป็นปากเก่ง”
“แต่คุณกำลังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีฉัน ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า”
“ทำไม มีอะไรกับผมมันเสียเกียรติมากหรือไง”
“ใช่”
“งั้นมีอะไรกับชายธงคงเหมือนจุดพลุฉลองนะสิ”
กร้าวพูดจบก็ปล้ำจูบ อนุชร้องไห้เหมือนกำลังถูกเขาดูถูกอย่างแรง
“เลิกเอาชายธงมาเกี่ยวข้องซะที ปล่อยฉันนะคุณกร้าว ฉันบอกให้ปล่อย ช่วย
ด้วย ช่วยด้วย”
ชาติ พร้อม ขำ คณิต และกรวิกเข้ามา อย่างร้อนใจ ชาติห้ามเสียงดัง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะกร้าว”
คณิตเข้าไปห้าม
“พอเถอะไอ้กร้าว”
กรวิกเข้าไปห้ามอีกคน
“หยุดเถอะค่ะอากร้าว นกขอร้อง”
กร้าวผลักอกคณิตออกไป
“ไม่ใช่เรื่องของทุกคนถอยไป”
กร้าวจะฉุดตัวอนุชขึ้นไปข้างบนห้อง ชาติเข็นรถเข้าไปยื้อยุดฉุดกระชากแขนกร้าวไว้ ชาติโกรธจนหน้าแดง
“หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้หยุด หยุด...”
ทันใดนั้นนั้นชาติก็หน้ามืดไป อนุชเห็นก็ตกใจ
“ป๋า”
“คุณลุง”
คณิตรีบเข้าไปช่วยประคองชาติด้วยสัญชาตญาณความเป็นหมอ

กร้าวยืนตะลึงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เข้าใจว่าชาติเป็นอะไร

ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 15 (ต่อ)

ไม่นานต่อมาชาตินอนอยู่บนเตียง...คณิตใช้เครื่องวัดความดัน วัดให้ คนอื่น ๆ มองด้วยความเป็นห่วงโดยเฉพาะกร้าวที่รู้สึกผิด

“เป็นยังไงบ้างหมอ”
“ความดันขึ้น...ถ้าสูงไปมากกว่านี้เส้นเลือดในสมองอาจแตกได้”
ชาติอ่อนแรง
“ฉันยอมให้เป็นแบบนี้อีกไม่ได้ ยุติเรื่องทั้งหมดเถอะกร้าว”
กร้าวอ้ำอึ้ง
“หรือแกจะต้องให้ฉันตายไปก่อน แกถึงจะให้อภัยเป็น”
กร้าวหันมองหน้าอนุชที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะฮึดฮัดเดินออกไปด้วยความไม่พอใจ ทุกคนมองตามอย่างระอา

อสิตใช้วอกเกอร์ช่วยเดิน ค่อย ๆ สลับเปลี่ยนมาใช้ไม้เท้า อรชากับปรารภคอยยืนให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ อสิตเดินได้ อรชากับปรารภดีใจ
“พี่สิตเดินได้แล้ว”
อสิตดีใจ
“พี่ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ พี่ขอบใจอรกับรภมากนะ ที่อยู่ดูแลกัน”
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะพี่สิต เราเป็นพี่น้องกันนะคะ”
อสิตซาบซึ้งน้ำตาคลอ
“พี่ปล่อยให้อรให้ยัยนุชลำบากมากแล้ว ถึงเวลาที่พี่จะกลับมากอบกู้วิชเวทย์ซะที”
“ถ้ายัยนุชอยู่คงดีใจไม่น้อย”
แล้วอรชาก็เศร้าเป็นห่วงน้อง
“ไม่รู้ป่านนี้ยัยนุชจะเป็นยังไงบ้าง...คงถูกคุณกร้าว...”
อรชาร้องไห้ออกมากลัวน้องจะโดนเหมือนที่ตัวเองโดน ปรารภปลอบ
“คุณนุชเป็นคนดีพระท่านจะคุ้มครอง”
ทันใดนั้นแหวนก็เข้ามา
“คุณอรคะ โทรศัพท์ค่ะ”
อรชารับโทรศัพท์มางง ...อรชาคุยโทรศัพท์กับพร้อมด้วยความดีใจ
“ว่าไงนะคะ จะให้อรไปรับนุชกลับบ้าน”
อสิตกับปรารภที่ฟังอยู่ด้วยดีใจ
“ใช่ค่ะ คุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ”
อรชากังวลเสียงอ่อนด้วยความกลัว
“แล้วคุณกร้าวล่ะคะ”
“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วง คุณชาติให้มาบอกว่าสบายใจได้ ระหว่างนี้คุณชาติจะเป็นคนดูแลคุณนุชเอง”
“ฝากขอบคุณคุณลุงชาติด้วยนะคะ...สวัสดีค่ะ”
อรชาวางสายหันมาบอกอสิตกับปรารภที่ยืนรอฟังข่าวอยู่ ด้วยความตื่นเต้น
“คุณลุงชาติบอกให้เราไปรับยัยนุชพรุ่งนี้”
ปรารภยิ้มดีใจ อสิตสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“ไม่รู้มันจะไม้ไหนอีก”
อรชาแปลกใจ
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะพี่สิต”
“มันทำพวกเราเจ็บแสบมาก เจอกันก็ดี จะได้คิดบัญชีกัน”
อรชากับปรารภมองหน้าอสิตที่พูดถึงกร้าวด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ก็หันมองหน้ากันรู้สึกกังวลใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ธารินกำลังช่วยเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ชายธง เธอกังวล
“ไม่รู้ว่ารินจะช่วยปิดคุณลุงได้นานแค่ไหน “
“ถึงตอนนั้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดพี่ไม่โทษรินหรอก”
ทันใดนั้นเสียงมือถือชายธงก็ดังขึ้น
“เดี๋ยวรินไปรับให้นะคะ”
ชายธงพยักหน้ารับ ธารินเดินไปรับสายเห็นชื่อ อรชา โชว์หน้าจอ ก็หน้าเสียเหลือบมองชายธงที่กำลังแต่งตัวอยู่ เพราะรู้ว่าต้องโทรมาเพราะเรื่องอนุชแน่ ๆ ธารินกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
อรชางง
“เบอร์ชายธงหรือเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ...” ธารินโกหก “เป็นแม่บ้าน มีอะไรฝากไว้ได้นะคะ”
อรชาฟังผิด
“อ๋อ คุณแม่ของชายธงเหรอคะ”
ธารินหน้าเจื่อนไป จะปฏิเสธแต่ไม่ทัน เพราะอรชาพูดต่อเลย
“ฝากบอกชายธงด้วยนะคะว่าพรุ่งนี้คุณลุงชาตินัดให้ไปรับตัวยัยนุชที่ไร่ ไม่ต้องเป็นห่วงยัยนุชนะคะ”
ธารินอึ้ง ๆ
“ค่ะ”
ทันใดนั้นชายธงก็ตะโกนถามมา
“ใครโทรมาเหรอริน”
ธารินตกใจ จะบอกเรื่องกับชายธงดีหรือไม่ดี

เย็นนั้น อนุชกำลังเก็บเสื้อผ้า มีพร้อมและขำคอยช่วยอยู่ด้วย
“นุชขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง”
พร้อมยิ้มแย้ม
“ไม่ใช่ความผิดของคุณนุชหรอกค่ะ...”
“งั้นก็ขอบคุณนะคะที่ช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องทั้งหมดให้”
พร้อมกอดปลอบ
“ไม่ต้องเกรงใจป้าหรอกค่ะ คนที่คุณควรจะต้องขอบคุณ คุณชาติต่างหาก”

อนุชยิ้มอ่อนโยนเมื่อนึกถึงชาติ

อนุชจะเดินเข้ามาหาชาติที่ห้อง แต่ต้องชะงักไปเมื่อเห็นกร้าวอยู่ด้วย กร้าวประคองชาตินั่งรถเข็น ก่อนจะคุกเข่าลงประคองเท้าชาติวางลงบนแท่นวางเท้าอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอาผ้ามาคลุมตักให้

ชาติพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างเอ็นดู
“ทีอย่างนี้ทำมาเป็นประจบ”
กร้าวรู้สึกผิดแต่ท่าทางทางยังแข็งขืนอยู่
“ผมไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนี้”
“อยากให้คนอื่นยกโทษให้ แล้วทำไมไม่หัดให้อภัยคนอื่นก่อน”
กร้าวเจ็บปวด
“ผมก็อยากทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่หลับตามันก็ตามมาหลอกหลอนผม...จนผมแยกไม่ออกแล้วอันไหนเรื่องจริงอันไหนฝันร้าย...ผมไม่ไหวแล้วครับลุง”
กร้าวจะร้องไห้ อนุชที่แอบยืนดูอยู่ คิดไม่ถึงว่าเขาก็มีมุมแบบนี้เหมือนกัน...ชาติลูบหัวปลอบหลานชายอย่างเอ็นดู
“ถ้าไม่ไหว แล้วแบกมันไว้ทำไมล่ะ”
กร้าวร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ๆ ด้วยความเจ็บปวด อนุชที่ยืนมองอยู่ รับรู้ได้ว่าเขาเองก็เจ็บปวดไม่ต่างจากเธอ อนุชขยับตัวจะเดินไปปล่อยให้ลุงหลานอยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่ชาติเห็นเสียก่อน
“หนูนุช”
พอกร้าวได้ยินชื่ออนุช รีบเช็ดน้ำตา ทำเหมือนไม่มีอะไร หันหน้ากลับมาตะคอกถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา โหดร้าย อย่างที่เป็นมา
“จะมาเป่าหูอะไรลุงฉันอีก”
อนุชเซ็ง
“หัดมองคนอื่นในแง่ดีบ้าง”
“ถ้ามีดีก็เอาออกมาโชว์สิ”
อนุชโกรธ
“อย่ามากวนประสาทได้มั้ย หรือจะต้องให้ถูกด่าถึงจะมีความสุข”
กร้าวจะเข้าไปเอาเรื่อง ชาติปรามทั้งคู่
“เอาเถอะ ๆ” ชาติบอกกร้าว “ออกไปก่อน”
กร้าวเดินออกไปอย่างไม่พอใจ

อนุชเข็นรถชาติเข้ามาหยุดหน้าบ้าน
“หนูจะมาขอบคุณป๋า...ขอบคุณนะคะที่คอยช่วยเหลือหนูทุกอย่าง”
อนุชก้มกราบที่ตัก ชายชราลูบหัวหญิงสาวอย่างเอ็นดู
“ป๋าไม่ดีเอง ตอนแรกป๋าอยากจะให้กร้าวเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่ไม่คิดว่า เรื่องราวจะบานปลายใหญ่โตขนาดนี้ ป๋าขอโทษ”
“ไม่ใช่ความผิดของป๋าหรอกค่ะ เพราะแค่นี้ป๋าก็กรุณาหนูมามากพอแล้ว ถ้าไม่ได้ป๋าชีวิตหนูก็ไม่จะเป็นยังไง”
“มันผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไป...แต่มีอยู่เรื่องนึงที่ป๋าอยากรู้”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“หนูคิดยังไงกับกร้าว”
อนุชอึ้งไป บอกไม่ถูกทั้งรักทั้งเกลียดไม่รู้จะพูดยังไง
“หนู...หนู...”
“รักเค้าบ้างหรือเปล่า”
อนุชรู้สึกว่าตัวเองถูกจี้รีบกลบเกลื่อน
“หนูเกลียดเค้า...เกลียดทุกอย่างที่เค้าทำไว้กับวิชเวทย์”
กร้าวที่แอบยืนฟังอยู่อีกมุม ได้ยินอย่างนั้นก็เดินจากไปด้วยความน้อยใจ ชาติถามต่อ
“แล้วสิ่งที่เค้าทำไว้กับหนูล่ะ”
อนุชเสียงอ่อยลง
“หนูสมควรให้อภัยเค้างั้นเหรอคะป๋า”
ชาติพยักหน้ารับรู้
“งั้นกลับไปก็หย่ากันซะให้เรียบร้อย จะได้ไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
อนุชตกใจ
“แล้วคุณกร้าวล่ะคะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ป๋าจัดการเอง” ชาติถอนหายใจเหนื่อยใจ “คนบางคนอาจจะทำบุญร่วมกัน แต่กับอีกคนอาจจะเกิดมาใช้เวรกัน อโหสิกรรมต่อกันนะ จะได้หมดเวรหมดกรรมกัน”
“ค่ะป๋า”
“เสียดาย ถ้าไม่มีเรื่องในอดีต ป๋าคงจะดีใจมากที่ได้หนูเป็นหลานสะใภ้”

อนุชรู้สึกเศร้าเสียใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ด้านชายธงกำลังแต่งตัวอย่างเศร้าๆ ธารินช่วยดึงแขนเสื้อมาปิดผ้าพันแผลที่ถูกยิงไว้ไม่ให้เธียรเห็น ชายธงเห็นธารินสีหน้าท่าทางไม่สบายใจเหมือนมีอะไรอยู่ในใจก็ถามอย่างสงสัย

“เป็นอะไรหรือเปล่าริน”
“ปละเปล่าค่ะ...รินแค่กลัวคุณลุงสงสัยที่รินมาขลุกอยู่กับพี่ทั้งวัน”
“เวลารินอ่อนโยนก็ดูน่ารักเหมือนกันนะ”
ชายธงพูดเสร็จขยี้หัวอย่างเอ็นดูแล้วเดินไป ธารินยิ่งรู้สึกผิด
“พี่ชายธงคะ”
ชายธงหันมา
“มีอะไรเหรอ”
ธารินลังเล
“เรื่องโทรศัพท์เมื่อกี๊...ที่รินบอกว่าเค้าต่อผิด...ความจริงเค้าโทรมาเรื่องนุช...”
ชายธงตกใจ
“นุชทำไม “
“คุณลุงชาตินักให้ไปรับนุชพรุ่งนี้ค่ะ บอกเคลียร์กับคุณกร้าวแล้ว”
ชายธงดีใจ
“จริงเหรอริน...พี่ขอบใจมากนะ... เดี่ยวพี่โทรไปนัดกับพี่อรก่อน”
ชายธงเดินออกไปอย่างลิงโลด ธารินรู้สึกเศร้าขึ้นมา

ชายธงรีบร้อนจะออกจากบ้าน เจอเธียรยืนอยู่
“จะไปไหน”
ชายธงตกใจอึกอัก
“ผมนัดเพื่อน ไปก่อนนะครับ”
ชายธงจะเดินหนี เธียรคว้าแขนลูกชายหมั่บ โดนตรงที่มีแผลพอดี
“เดี๋ยว”
ชายธงเจ็บร้องลั่น
“โอ๊ย”
เธียรสงสัย
“แกเป็นอะไร”
ชายธงมีพิรุธ
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรครับ”
เธียรไม่เชื่อ กระชากเสื้อชายธงเปิดออก เห็นแผลที่แขนก็ตกใจ
“นี่แกไปโดนอะไรมา”
ชายธงหน้าเครียดที่ความแตก...เธียรโกรธมาก
“แกเจ็บตัวเพราะไอ้พวกวิชเวทย์ใช่มั้ย”
ชายธงพูดไม่ออก
“แล้วที่ว่าไปหาเพื่อน จะไปหายายอนุชอีกใช่มั้ย”
ชายธงไม่ตอบ เธียรโกรธมากเพราะห่วงลูกมาก คว้าคอเสื้อ
“แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอไง หลงยายอนุชหัวปักหัวปำ ถึงกับเอาชีวิตเข้าแลก”
“พ่อคิดมากเกินไป ผมไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้น”
“นี่แกยังว่าเล็กน้อยอีกเหรอ แกต้องอยู่บ้าน ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น”
“ผมจะไป”
ชายธงจะออกไป เธียรตะโกน
“ใครอยู่แถวนี้ จับชายธงไว้”
คนงานชาย 2 คนของบ้านเข้ามาจับตัวไว้ ชายธงดิ้นรน
“ปล่อย”
เธียรค้นตัวลูกชายริบรีโมทรถกับกระเป๋าสตางค์ไป
“พ่อจะทำอะไร”
“ดูซิว่า ไม่มีรถ ไม่มีเงิน แกจะทำอะไรได้”
ชายธงโวยวาย
“เอาคืนมานะพ่อ”
เธียรสั่งคนงาน
“เฝ้าไว้ อย่าให้ออกไปไหนเด็ดขาด”
เธียรเดินหนีไป
“พ่อ”
ชายธงสะบัดจากคนงาน 2 คน ธารินมองอยู่มุมหนึ่ง สงสารเขามาก

ชายธงเดินกลับไปกลับมา กระวนกระวายอยู่มุมหนึ่งของบ้าน คนงานชาย 2 คนยังนั่งเฝ้าเขาไม่ให้คลาดสายตา ชายธงคิดหาทางออกไป แล้วนึกได้ เดินจะออกไป คนงาน 2 คนรีบตาม
“จะเข้าห้องน้ำ จะตามไปด้วยมั้ย”

คนงาน 2 คนเลยไม่กล้าตามไป ชายธงเข้าห้องน้ำไปแล้วเปิดหน้าต่างในห้องน้ำ ปีนหนีไป

ชายธงย่องเข้าในโรงรถไปที่มุมที่คนขับรถเก็บรีโมทรถคันอื่นๆ ในบ้านไว้ เขาหยิบรีโมทรถคันหนึ่ง แต่พอหันมาก็เจอเธียรกับคนงาน 2 คน ชายธงตกใจ

“พ่อ”
เธียรหน้าเข้ม เอาเรื่อง

คนงานจับตัวชายธงเข้ามาในห้องนอน เขาดิ้นรนขัดขืน
“พ่อไม่มีสิทธิ์ห้ามผม ผมจะไป”
“ฉันเป็นพ่อแก ให้รู้กันไปว่าฉันห้ามแกไม่ได้อยู่ในห้องนี้ไป จนกว่าแกจะหายบ้า”
เธียรออกจากห้องไป ชายธงหงุดหงิด...เธียรออกมาจากห้อง สั่งคนงาน 2 คนที่เฝ้าอยู่
“เฝ้าไว้ดีๆ ถ้าชายธงหนีไป ฉันจะไล่แกสองคนออก”
คนงานรับคำ ธารินมองอยู่ ไม่สบายใจ คิดหาทางช่วยชายธง

ค่ำนั้น กร้าวเคลียร์เอกสารกำลังจะเข้านอนกรวิกถือนมอุ่น ๆ เข้ามาในห้อง
“นกดีใจจังเลยที่อากร้าวจะหย่ากับนุช”
กร้าวเงยหน้าขึ้นมามองงงๆ
“เอาอะไรมาพูด”
กรวิกแกล้ง
“หูมั้งคะอากร้าว”
กร้าวจริงจัง
“ไม่ตลก”
“แหม อากร้าว นกล้อเล่นนิดเดียวเอง ก็นกได้ยินคุณลุงกับป้าพร้อมคุยกันว่าจะตามอากร้าวกับนุชกลับกรุงเทพไปด้วย จะไปจัดการเรื่องหย่ายัยนุชให้เรียบร้อย”
กร้าวเครียด
“นกได้ยินไม่ผิดแน่นะ”
“ไม่ผิดค่ะ เห็นป้าพร้อมสั่งขำเก็บของไว้แล้ว”
กร้าวครุ่นคิดหน้าเครียด กรวิกพล่ามต่อ
“นกดีใจนะคะที่อากร้าวตาสว่างซะที...ส่วนยัยนุชคงจะเกลียดขี้หน้าอากร้าวไปตลอดชีวิตแน่ ๆ สุดท้ายก็คงแต่งงานกับชายธงแหง ๆ”
กร้าวฟังกรวิกพูดด้วยความไม่พอใจ

อนุชอยู่ในห้อง เธอเก็บของใส่กระเป๋าเสื้อผ้าเสร็จจะยกไปวางรอไว้หน้าประตู กร้าวเดินเข้ามาพอดีพูดจาประชดประชัน
“คงจะดีใจมากสินะ ถึงได้รีบเก็บกระเป๋าตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่”
อนุชงอน
“มาถึงก็เหวี่ยงใส่ เรื่องอะไรอีก”
กร้าวเข้าไปกระชากแขน
“เธอไปพูดกับลุงชาติเรื่องหย่าใช่มั้ย”
อนุชปัดแขนออก
“นี่ อยู่ ๆ ก็มีหาเรื่องกัน จะอะไรกันอีก”
“คงจะดีใจมากสินะที่จะได้กลับไปอยู่กับชายธง”
“แล้วจะให้ฉันดีใจที่ได้อยู่กับคุณหรือไง”
กร้าวโกรธ
“งั้นก็ไปเลย ผมจะไม่ยุ่งกับคุณอีก”
“งั้นคุณก็ช่วยจำและรักษาคำพูดตัวเองไว้ด้วย”
“ผมเสียเงินค่าตัวคุณไปตั้ง 100 ล้าน คุณก็ควรรักษาคำพูดเหมือนกัน”
กร้าวเข้าไปรวบตัว อนุชดิ้นสู้
“จะทำอะไร ปล่อยฉัน ฉันบอกให้ปล่อย ปล่อย”
กร้าวปล้ำจูบ จนอนุชตัวติดผนัง เธอดิ้นสู้ ก่อนผลักเขาออกจะตบหน้า แต่เขาจับมือไว้ได้ทัน อนุชเจ็บใจ ใช้อีกมือตบแต่เขาก็จับไว้ทัน กร้าวถามด้วยความโกรธ
“ทำไม รังเกียจผมมากใช่มั้ย”
“ใช่ ฉันเกลียดผู้ชายชั่วช้าเลวทรามอย่างคุณที่สุด”
“ผมก็เกลียดผู้หญิงปากดีอวดเก่งอย่างคุณเหมือนกัน”
“คุณมันก็ดีแต่ใช้กำลัง ฉันเกลียดคุณ”
“คุณมันก็ดีแต่ใช้อารมณ์ เอะอะอะไรนิดอะไรหน่อยก็เอาแต่ร้องไห้ ผมเกลียดคุณ”
“ฉันก็เกลียดคุณ คุณมันเจ้าเล่ห์เพทุบาย”
“ผมก็เกลียดคุณ ที่ชอบรู้ทันผม”
คำพูดของกร้าวค่อย ๆ อ่อนโยนลง อนุชก็เช่นกัน
“ฉันเกลียดคุณ คุณมันพวกเอาชนะ”
“แต่ผมก็ไม่เคยชนะคุณซะที ผมเกลียดคุณ”
“ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่คุณชอบมาแกล้งทำดีกับฉัน”
“ผมก็เกลียดคุณ เกลียดเวลาที่คุณเห็นความสำคัญของคนอื่นมากกว่า”
“ฉันเกลียดคุณที่คุณไม่เคยรักษาคำพูดกับฉัน”
“ผมก็เกลียดคุณ ที่คุณชอบทวงสัญญาที่ผมให้ไม่ได้”
ความรักที่มีในใจคนทั้งสองท่วมท้นออกมาจนไม่อาจปฏิเสธ
“ฉันเกลียดคุณ เกลียดท่าทางถือดี เกลียดรอยยิ้ม เกลียดเวลาที่คุณกอดฉัน เกลียดทุกครั้งที่คุณอ้อนฉัน เกลียดเวลาที่ทำให้ฉันใจอ่อน”
“ผมก็เกลียดคุณ เกลียดตั้งแต่แรกเห็น เกลียดหน้าคุณ ตาคุณ จมูกคุณ ปากคุณ เกลียดแก้มคุณ เกลียดเวลาที่ถูกคุณผลักไส เกลียดทุกครั้งเวลาที่คิดว่าจะเสียคุณไป เกลียดที่ทำยังไง ผมก็เกลียดคุณไม่ลงซักที”
“ฉันก็เกลียดคุณ”
ทั้งสองพูดคำว่า เกลียด ได้หวานที่สุด ยิ่งกว่าคำว่ารักใดๆ เพราะมันออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ ที่ไม่ว่าไฟแค้น จะโหมกะพือแค่ไหน ก็มิอาจเผาผลาญมันได้ กร้าวโน้นตัวลงจูบอนุช ที่ยืนตัวสั่นน้ำตาคลออยู่ในอ้อมกอดของเขา มือไม้แข็งขืนในตอนแรกของอนุช ค่อยๆ โอนอ่อนผ่อนตาม จนกลายเป็นกอดตอบเขาในที่สุด
 
พระจันทร์ส่องกระจ่างอยู่นอกหน้าต่างเป็นพยานรักของคนทั้งสอง

ติดตาม "ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง" ตอนที่ 16 อย่างระทึก!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น