xs
xsm
sm
md
lg

ไฟมาร ตอนที่ 15

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไฟมาร ตอนที่ 15

ขณะที่กรรณนรีเดินหนีสรวงมาได้สักระยะ ก็ถูกสุขหฤทัยเข้ามาขวางไว้ จ้องหน้า ด่าทออย่างหยาบคาย

“หน้าด้าน หน้าทน หน้าหนา มันก็คงน้อยเกินไปสำหรับคนอย่างเธอ”
กรรณนรียั๊ว “มันเรื่องอะไรจู่ๆ มาด่าฉัน”
สุขหฤทัยลอยหน้าด่าต่อ “ไม่ใช่จู่ๆ นะยะ อยากด่ามาตั้งนานแล้ว ฮึ!เห็นหน้าจืดๆ คิดว่าไม่มีพิษสงอะไร เอาเข้าจริงร้อนยังกับไฟ เที่ยวให้ท่าผู้ชายไปทั่ว แต่...เธอน่าจะคิดหน่อยนะ ควบทั้งพ่อทั้งลูก มันน่าทุเรศ มันอุบาทว์”
กรรณนรีพูดตอกหน้า “ยังไง....มันก็น้อยกว่าปากคุณ” แล้วเดินหนีไป
“นังกรรณนรี” สุขหฤทัยโมโห กระชากผมกรรณนรีไว้ “ปากดีนักใช่มั้ย..ขอตบคนปากดีหน่อยเถอะ”
ขาดคำสุขหฤทัยตบกรรณนรีอย่างแรง จนร่างซวนเซ กรรณนรีตั้งหลักอย่างรวดเร็ว
“คิดว่าฉันจะยอมคุณเหรอ”
สุขหฤทัยเย้ย “เอาซี้อยากรู้เหมือนกัน หน้าจืดๆ อย่างเธอจะทำอะไรฉันได้...แบร่ๆ นังหน้าจืด”
กรรณนรีกระชากผมสุขหฤทัย แล้วตบไม่ยั้ง สองคนตบกันนัวเนีย ไม่มีใครยอมใคร
สุดากับภาพิศเดินมาเห็น สีหน้าสองคน ตกใจ ร้องขึ้นพร้อมๆ กัน
“ตายแล้ว”
สองคนลุ้นดูสุขหฤทัยกับกรรณนรีตบกัน พร้อมกับคอยดูจังหวะ พอเห็นกรรณนรีเป็นต่ออยู่และเหมือนจะชนะ ภาพิศก็ยิ้ม พอสุขหฤทัยเหมือนจะชนะ สุดายิ้ม แต่พอคนของตัวจะแพ้ ก็จะเข้าไปช่วย อีกฝ่ายก็จะห้ามรั้งไว้
จังหวะนั้นกรรณนรีได้เปรียบ
“ฉันอดทนมาตั้งนาน วันนี้ขอทบต้นทบดอกเถอะคุณขี้ไคล”
กรรณนรีตบสุขหฤทัยที่นอนหงายอย่างไม่ยั้ง สุดาร้องกรี๊ด
“แอร๊ยยย..ฤทัย” สุดาวิ่งเข้าไป
ภาพิศแกล้งร้อง “คุณฤทัย”
สุดาวิ่งไปกระชากกรรณนรีออกมา จนกรรณนรีล้มลง ภาพิศวิ่งตามมาด้วยความโกรธผลัก ร่างสุดาล้มไปทับร่างสุขหฤทัยอย่างแรง สองคนร้องลั่น
ระหว่างนั้นสรวงกับอารักษ์วิ่งมา
“คุณแม่...”
อารักษ์ตกใจ “หนู” จะเข้าไปประคองกรรณนรี
สรวงฉุนพ่อ จึงเข้าขวาง “นี่คุณพ่อไม่ห่วงคุณแม่เลยเหรอครับ”
“ก็แม่แก..มีแกอยู่แล้วนี่...ฉันจะห่วงทำไม? แต่หนูศุไม่มีใคร” อารักษ์บอก
“มีสิครับ” สรวงปรายตามองภาพิศเป็นนัย
กรรณนรีมองอย่างตกใจ รีบพูดอ้อน “หนูไม่มีใคร”
“ได้ยินมั้ยนายสรวง...หนูศุไม่มีใคร”
“แต่แม่คือภรรยาของพ่อนะครับ...ส่วนศุภาวีร์เป็นใคร ผมพูดแค่นี้คุณพ่อน่าจะรู้ว่าควรต้องทำยังไง”
สรวงพาสุดาเดินออกมา อารักษ์ตะโกนไล่หลัง
“นายสรวงๆๆ” แล้วรีบตามออกไป
สุขหฤทัยหันมาแหว เย้ยกรรณนรี “ได้ยินมั้ย แกไม่เกี่ยว ไสหัวไปเลย ไป”
“ไปแน่...แต่ไปเพื่อปกป้องคุณสรวง” ตามไปทันที
สุขหฤทัยโกรธจนเนื้อตัวสั่น “นังหน้าด้านๆๆๆ”
ภาพิศเดินมาขวาง “ฉันว่าตอนนี้คุณต่างหากล่ะค่ะที่หน้าด้าน...เพราะเท่าที่เห็นคุณสรวงไม่สนคุณเลย”
สุขหฤทัยโกรธจัด แต่ทำอะไรไม่ได้ เลยได้แต่กรี๊ดๆๆๆ อยู่อย่างนั้น

ทางด้านสรวงประคองสุดาพาเดินมาจะเข้าห้องพัก อารักษ์เดินตามมาเอาเรื่องถามอย่างกราดเกรี้ยว ในกิริยาโกรธขึ้งอย่างแรง
“ตาสรวง...ตาสรวง..นี่แกด่าพ่อเหรอตาสรวง”
สรวงย้อน “ผมไม่ได้ด่า...แค่เตือนสติ...ในฐานะสามีคุณพ่อน่าจะรู้ว่าควรทำอย่างไรแต่นี่คุณพ่อเล่นพาผู้หญิงของคุณพ่อมาอยู่รวมกัน ยังกับจะตั้งเป็นฮาเร็ม คุณพ่อทำได้ยังไงครับ ไม่เกรงใจคุณแม่ซะบ้าง”
สุดาได้ทีแอ๊บเป็นนางเอกแสนดี “แม่นี่แหละ พาพวกเค้ามา...” เสริมออฟชั่นด้วยน้ำเสียงเครือสั่น “เพราะแม่รักคุณพ่อ”
สรวงมีสีหน้าหนักใจ พูดออกมาด้วยความเสียใจ “แต่แม่ก็ต้องทุกข์ใจ เพราะความเห็นแก่ตัวของคุณพ่อ” สรวงสะเทือนใจหนัก น้ำเสียงเครือสั่น “ถ้าผมเป็นคุณพ่อ...ผมไม่กล้าเรียกตัวเองว่าสามี ว่าพ่อใครหรอกครับ”
พูดจบสรวงก็เดินหนีไป สวนกันกับกรรณนรีที่เดินเข้ามาพอดี สรวงเสียใจ ไม่ยอมมองหน้ากรรณนรีแต่อย่างใด กรรณนรีวิ่งตามสรวงไป ขณะที่อารักษ์โกรธจัดที่ถูกลูกชายด่า
“ไอ้สรวง..มัน..มันด่าฉัน”
“ลูกไม่ได้ด่า...ลูกแค่เตือนสติ...เพราะคนอย่างคุณ...ไม่ควรเป็นสามี แล้วก็พ่อใครจริงๆ ค่ะ”
“คุณหญิง” อารักษ์ขึ้นเสียง
สุดามองมาอย่างโกรธแค้น ดวงตาวาววับ เจอสายตาแบบนี้อารักษ์ก็ไม่กล้าหือเหมือนกัน

สรวงเดินเข้ามายังสนามขี่ม้า เห็นม้าตัวหนึ่งเดินเหยาะย่างสวยงาม สรวงเดินเข้าไป เจ้าหน้าที่ดูแลม้าจูงม้าเดินตรงมาหา สรวงกระโดดขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว ชายหนุ่มระบายอารมณ์กราดเกรี้ยวในใจด้วยการควบขี่ ตะบึงม้าออกไปอย่างรวดเร็ว
กรรณนรีวิ่งตามมาทัน แต่แล้วจู่ๆ เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อม้าเกิดสะบัดตัวสุดแรง ส่งผลให้ร่างของสรวงร่วงลงมาที่พื้นอย่างแรงเช่นกัน
“คุณสรวง...” กรรณนรีร้องสุดเสียง

สุขหฤทัยที่ตามมา เหวอไปทันที

สุดากับอารักษ์ทะเลาะกันอยู่ในห้องพัก อารักษ์ทวงคำพูด

“ไหน...บอกว่าจะมาพักผ่อน...พาผมมาฮันนีมูนกับหนูศุ สุดท้ายคุณก็หาเรื่องด่าผม จนได้”
“ที่ฉันด่า เพราะฉันเกลียด ทำไมคุณต้องด่าลูกด้วย”
“คุณก็เห็นมันด่าผม”
“ทำตัวให้ลูกไม่เคารพมันก็อย่างนี้ล่ะ”
“ก็คุณหญิงชอบด่าผมไง ลูกมันเลยไม่เคารพ
“ก็คุณมันน่าด่า” สุดาย้อน
อารักษ์โกรธจัด ขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ “คุณหญิง”
สุขหฤทัยวิ่งเข้ามาหน้าตื่น “คุณลุง..คุณหญิงแม่...สรวงตกม้าค่ะ”

ตรงบริเวณโถงใหญ่ของรีสอร์ทยามนั้น กรรณนรีกับภาพิศช่วยกันปฐมพยาบาลดูแลสรวง
“โชคดีนะคะที่คุณไม่ได้เป็นอะไร? ไม่งั้น...ฉันคงเสียใจมาก” กรรณนรีว่า
สรวงกลับเยาะเย้ยถางถาง “ใช่...เธอเสียใจมาก...แต่เธอเสียใจที่ฉันไม่เป็นอะไรมากกว่า...จะไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ” จบด้วยการไล่ส่ง
กรรณนรีหน้าเสีย นึกน้อยใจ “คุณสรวง”
“ไม่ต้องทำหน้าเป็นปลาสำลักน้ำ ออกไป ไป๊”
“ก็ได้ค่ะ...ถ้าคุณไม่อยากเห็นหน้าฉัน ฉันจะไป” กรรณนรีฮึด เดินออกไปทันที
“ทำไมคุณสรวงถึงรุนแรงกับหนูก้างอย่างนี้ละคะ ในเมื่อคุณสรวงก็รู้..หนูก้างรักคุณ...”
สรวงชะงัก ภาพิศพูดต่อ
“หนูก้างรักคุณจริงๆ นะคะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ทนให้คุณสรวงโขกสับถึงขนาดนี้”
สรวงมองจ้องภาพิศ อย่างจับสังเกต “แล้วเค้ามาเป็นผู้หญิงของพ่อผมทำไม”
ภาพิศพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม ท่าทีจริงจัง “หนูก้างคงมีเหตุผล”
สรวงพาล “เหตุผลบ้าอะไร ถึงยอมทำให้ตัวเองเสียหาย”
“คนแต่ละคน มีวิธีการคิด วิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน...หนูก้างก็คงจะมีเหตุผลของตัวเองที่ไม่อยากบอกใคร แต่ที่สำคัญคุณสรวงรู้อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอคะ?...หนูก้างยังเป็นคนเดิม เป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์และงดงามสำหรับคุณสรวงเสมอค่ะ”
สรวงอึ้ง นิ่งเงียบ


ตรงบริเวณสวนสวยของรีสอร์ท กรรณนรีวิ่งร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ สรวงวิ่งตาม
“กรรณนรีๆ”
กรรณนรีเหลียวมามองแล้วหันกลับวิ่งหนีต่ออีก สรวงวิ่งตามมากระชาก
“ปล่อยฉัน”
“ฉันไม่ปล่อย...เลิกทำตัวบ้าๆ วันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องกรรณนรี”
กรรณนรีมองสรวง สองคนมองสบตากัน ภาพิศแอบอมยิ้ม รู้ว่าสรวงก็รักกรรณนรีเหมือนกัน

ไม่นานนักภาพิศเดินกลับเข้ามา ขณะที่สุดา อารักษ์ และสุขหฤทัยวิ่งเข้ามา
“ตาสรวงล่ะ”
ภาพิศตอบหน้าตาเฉย “กลับกรุงเทพฯ แล้วค่ะ”
อารักษ์ร้อง “อ้าว! ไหนบอกว่าตกม้า แล้วตาสรวงไม่ได้เป็นอะไรเหรอ”
“แค่เคล็ดขัดยอกนิดหน่อย แล้วก็บ่นว่าเบื่อ”
สุดาแหวใส่สามี “เบื่อคุณนั่นแหละ”
อารักษ์ทำหน้าไม่สบายใจ สุดาแหย่
“จะกลับตามลูกไปมั้ยละคะ?”
“ไม่.....สรวงอยากกลับก็กลับไป” อารักษ์บอก
สุดาแกล้งแหย่อีก “แต่ฉันว่าไปตามลูกกลับมาดีกว่า”
ภาพิศผสมโรง “เอามั้ยคะ ภาไปตามมาให้”
“ไม่ต้อง” อารักษ์เดินหน้าบึ้งหนีไป
ภาพิศแกล้งถาม “ทำไม..ท่านไม่อยากให้คุณสรวงอยู่ล่ะคะคุณหญิงพี่”
สุดาเยาะ “กลัวจะขัดคอมั้ง”
ภาพิศแกล้งโง่หลอกถาม “ขัดคอเรื่องอะไรคะ”
“ทำไมจู่ๆ คุณภาพิศ ทำเหมือนลืมเอาสมองมาด้วยล่ะค่ะ..ก็น่าจะรู้..คุณหญิงแม่..จัดงานนี้ขึ้นมาทำไม” สุขหฤทัยกัด
สุดาแกล้งดุ..กระตุ้นต่อมอยากรู้ของภาพิศ “ฤทัย”
“มีอะไรที่น้องยังไม่รู้อีกคะ คุณหญิงพี่” ภาพิศสงสัย
“ก็...จัดห้องเชือดนังศุภาวีร์ให้กับสามีของเราไงคะคุณน้อง”
สุดาเย้ยในสีหน้า...ภาพิศตาวาววับ โกรธมาก

ภาพิศหลบมุมออกมาคุยกับแฉล้ม ท่าทางโกรธเกรี้ยว กาวินทร์อยู่ในชุดคนสวน มองจ้องอยู่เดินเข้ามาแอบฟัง ภาพิศด่าสุดาในอาการฉุนเฉียว
“คนวิปริต จิตวิปลาส”
“ใช่...เมียที่ไหน หาผู้หญิงให้สามี” ภาพิศผสมโรง
“ฉันว่า..คุณหญิงสุดาเหมือนมีแผน” ภาพิศตั้งข้อสังเกต
แฉล้มมองหน้าภาพิศ “ฉันก็คิดว่ามี...และแผนชั่วๆพวกนั้นก็ตั้งใจแกล้งคุณแน่ๆ”
ภาพิศบอกเสียงเข้ม “ฉันไม่ยอม ฉันจะปกป้องลูกด้วยชีวิต”
กาวินทร์หันขวับ ได้ยินเต็มสองหู แต่ก็ไม่อยากเชื่อ คิดว่าตัวเองหูฝาด ขณะที่ภาพิศพูดต่อ
“ขอให้คุณสรวงพากาวไม่ต้องกลับมาเลย”
คราวนี้กาวินทร์ ได้ยินชัดเจน!

ด้านกาวินทร์อยู่ในอาการงวยงง เดินพล่าน...ยืนไม่ติดที่ สีหน้าว้าวุ่นสับสนหนัก

“แปลว่าแม่รู้...กาวเป็นลูก..แม่จะทำอะไร?”

ขณะเดียวกันสรวงดึงมือกรรณนรีมา สองคนหยุดยืนอยู่กลางทุ่งดอกกุหลาบสวย สรวงถามน้ำเสียงอ่อนโยน แต่สายตาเจ็บปวด
 
“เธอมีอะไร...บอกฉันมาได้แล้วกรรณนรี ฉันพร้อมยอมรับทุกอย่าง”
กรรณนรีร้องไห้ออกมา “สิ่งที่ฉันพูดได้อย่างเดียว...คือฉันรักคุณ....และฉันก็เจ็บปวดทุกครั้งที่คุณว่าฉัน ด่าฉัน”
“ก็เพราะฉันรักเธอเหมือนกันไง...รักจนไม่เข้าใจ เธอจะปิดบังฉันทำไม”
“เพราะมันเกี่ยวกับแม่คุณไงคะ...”
สรวงทำหน้าเหนื่อยใจ กรรณนรีบอกต่อ
“ขอร้องเถอะค่ะ อย่าบีบคั้นฉัน...ถึงเวลาคุณจะรู้เอง แล้วคุณจะรู้ว่าฉันรักคุณแค่ไหน” พูดเท่านั้นกรรณนรีก็โผเข้ากอดสรวงอย่างเต็มรัก “ฉันเจ็บปวดแค่ไหนที่เรื่องมันเป็นอย่างนี้”
สรวงกอดกรรณนรีท่าทีเหนื่อยใจไม่หาย “ได้...ฉันจะรอ จนกว่า..เรื่องทุกอย่างจะเปิดเผยด้วยตัวมันเอง”
“และเราสองคนก็อาจจะไม่ได้รักกัน”
“ไม่..ฉันรักเธอ..ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็จะรักเธอกรรณนรี”
สรวงกอดกรรณนรีแน่น กรรณนรีเงยหน้ามองในอาการหวั่นใจ
“เชื่อฉันนะ....ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น..ฉันก็จะรักเธอ”
สรวงก้มลงจูบหน้าผากกรรณนรีอย่างแผ่วเบาละมุนละไม ก่อนบอกตัดบท
“เลิกคิดถึงเรื่องอื่นๆ ได้แล้วนะ...ขอให้ที่ตรงนี้..มีเราแค่สองคน
สรวงจับมือกรรณนรี เดินฝ่าดงกุหลาบสวยสะพรั่งออกมา

สรวงจับมือกรรณนรี เดินมาสักครู่ก่อนบอก
“เธอรอฉันอยู่ที่นี่นะ..อย่าหนีไปไหน”
“ค่ะ”
สรวงเดินไปก่อนจะเดินกลับมาทางด้านหลัง ยื่นดอกกุหลาบให้กรรณนรี
“เพื่อเธอ”
กรรณนรียิ้มกว้างมองกุหลาบอย่างดีใจ กุหลาบดอกเดียวแต่มีความหมายยิ่งใหญ่เหลือเกิน

ไม่นานนัก สองคนจูงมือเดินเที่ยวไร่องุ่นอย่างมีความสุข สองคนถือองุ่นคนละพวง ป้อนให้กัน
ครู่ต่อมา สรวงกับกรรณนรีอยู่ที่ฟาร์มแกะ กำลังให้นม ให้อาหารแกะ สองคนยิ้มสบตากันอย่างมีความสุข
แต่พอเวลาที่หันหน้าออกจากกัน ต่างคนต่างลอบมองกันและกันสีหน้าเศร้า และดูกังวลอยู่ในที

อารักษ์มาเคาะประตูห้องกรรณนรีเรียกเสียงหวาน
“หนู..หนู”
เงียบไม่มีเสียงตอบ อารักษ์หงุดหงิด เคาะประตูอีก
“หนูๆๆ”
อารักษ์โทร.เข้าไป ยินเสียงโทรศัพท์ของกรรณนรีวางในห้องดัง อารักษ์ยิ่งหงุดหงิด


อารักษ์เดินฮึดฮัดๆ มาตามทางในรีสอร์ท เจอกับภาพิศพอดี
“หนูศุหายไปไหน?”
ภาพิศพูดด้วยสายตาขมขื่น “พักผ่อนมังคะ”
“ฉันไปดูแล้วหนูศุไม่อยู่...มือถือก็ไม่เอาไป”
“งั้น...คงเดินเล่นอยู่มังคะ ที่นี่วิวสวย อากาศดี”
“ไม่พูดบ้างได้มั้ย...ฉันรำคาญ”
ภาพิศเสียใจมองมา แววตาเจ็บปวดร้าวราน “ภาต้องพูดค่ะ...ก่อนที่ทุกอย่างมันจะเลยเถิดขนาดนี้”
อารักษ์เยาะหยัน “จะเจ็บปวดอะไรของเธอ ภาพิศ...ก็ในเมื่อฉันบอกเลิกเธอแล้ว..มีแต่เธอที่ไม่ยอมไปซักที”
ภาพิศ เห็นธาตุแท้อารักษ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่ง เกลียดชัง “ภาก็อยากไปจากท่านเต็มทีแล้วค่ะ”
อารักษ์ไล่ส่ง “ก็ไปสิ”
“ไปแน่ค่ะ...แต่ท่านต้องฟังความจริงจากปากภาก่อน”
“มะ..อยากพูดอะไรเธอพูดมา...จะได้ไปๆ ซักที” อารักษ์วางท่าหงุดหงิดอย่างน่าเกลียดมาก
“ท่านรู้มั้ยคะ...ความจริงแล้วศุภาวีร์เป็นใคร”
อารักษ์ทำหน้ายียวน “เป็นใคร? ก็เป็นผู้หญิงที่ฉันรัก ฉันอยากได้ไง”
ภาพิศเจ็บปวดเหลือแสน “ไม่ได้นะคะท่าน...ศุภาวีร์คือ...”
สุดาเดินเข้ามาขัดคอ “คุยอะไรกันอยู่คะ”
“เรื่องหนูศุ....นี่...” อารักษ์จับมือสุดามากุมพูดออดอ้อนราวกับเด็กจะเอาของเล่น “คุณหญิง ใจคอผมร้อนรุ่นทุรนทุรายเหมือนกับมีไฟเผา คุณหญิงต้องจัดการให้ผมได้เข้าหอกับหนูศุเร็วๆ นะ”
“ได้สิคะ....” สุดาหันมาทางภาพิศ “นะคะคุณน้องเพื่อท่าน...เราต้องช่วยกัน”
ลึกลงไปในสีหน้าภาพิศมีแต่ความเกลียดชัง คำรามอยู่ในใจ
“ใครทำอะไรลูกฉัน ฉันจะเอาคืนให้สาสมเลย”
สุดามองจ้อง ภาพิศจำต้องยิ้มเยื้อนไปกับสุดา

ภาพิศเดินหลบมุมมาคุยโทรศัพท์กับกุนซือแฉล้ม ที่อยู่ในห้องพัก
“คุณแฉล้ม..สองผัวเมียวิปริตนั่น ยังไงก็เอาจริง...คุณจัดการตามแผนได้เลย”
“ได้เลยค่ะคุณภาพิศ คุณอย่าเผลอดื่มเครื่องดื่มบนโต๊ะแล้วกัน”
ภาพิศรับคำ “ค่ะ...”

แฉล้มวางสายมองไปที่ตรงมุมห้อง เห็นขวดเครื่องดื่มมึนเมา วางเรียงรายอยู่มากมาย สงครามและการทวงแค้นของภาพิศกำลังเริ่มขึ้น
 

ไฟมาร ตอนที่ 15 (ต่อ)

เวลาเดียวกัน กาวินทร์ นิค มะยม และนพ ทั้งสี่คนเดินมาตามทางในรีสอร์ท แต่ละคนต่างมีอาการไม่สบายใจนัก และดูสีหน้าออกว่าเป็นกังวลกับบรรยากาศที่แสนอึมครึมและเริ่มมาคุ

“เท่าที่ผม สังเกตการณ์ดูก็ไม่เห็นมีอะไร....หรือพี่แก้วว่าไง” นิคเอ่ยขึ้น
กาวินทร์นิ่ง สีหน้าแววตาใคร่ครวญครุ่นคิดหนัก ยังติดใจสงสัยไม่คลายเรื่องที่ภาพิศรู้แล้วว่ากรรณนรีเป็นลูก แต่ภาพิศคิดจะทำอะไรกันแน่
มะยมถามซ้ำ “ว่าไงพี่แก้ว”
“อะไร” กาวินทร์งงๆ
“นิคบอกว่า...เท่าที่สังเกตดู..ก็ไม่เห็นมีอะไรก็ทุกคนก็มาพักผ่อนกันครับ” นพว่า
นิคหมั่นไส้ มองนพตาขวาง “นี่คุณ..คำพูดผม...ผมก็ยืนอยู่ตรงนี้..ผมพูดเองก็ได้”
มะยมปราม “เฮ้ย! นิค มีมารยาทหน่อย”
“ก็จริงนี่...ฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้ ทำไมต้องแย่งฉันพูด” นิคเถียง พลางมองจ้องนพ พูดเหน็บ “นี่ไม่ใช่ตลกนะครับ คนหนึ่งชงคนหนึ่งจะได้คอยตบมุขน่ะ”
“ผมขอโทษครับ..ผมเสียมารยาทจริงๆ...แค่อยากมีส่วนร่วม” นพจ๋อย
“ก็ไปร่วมกับคุณสรวงสิครับ ที่คุณนพมานี่เพราะห่วงคุณสรวงไม่ใช่เหรอ? แต่นี่อะไร เห็นตามติดแต่กับมะยม” นิคบอก
มะยมเตือนสตินิคอีก “ นิค..เกรงใจพี่แก้วมั่งสิ...เรามาเรื่องกาวกันนะ ต้องช่วยกันสิ” หันมาทางกาวินทร์ “ใช่มั้ยคะพี่แก้ว?....ต้องมีอะไรแน่ ไม่งั้นกาวคงไม่ยอมมา”
กาวินทร์นิ่งงันไป ไม่กล้าตอบ เพราะไม่ได้เล่าเรื่องหมดเปลือก

เวลาเดียวกันที่กรุงเทพฯ เกริกกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน สองป้าขาเม้าท์ในชุดสุดเจ็บ! เดินมาหา ทำท่าชะโงกมอง เกริกเห็นจึงทักทาย
“ว่าไงป้า”
“ตกลง..วันนั้นใช่นุดีมั้ยที่มา” จักจั่นถามเรื่องคาใจ
เกริกหัวเราะไม่ใส่ใจ “ไม่รู้...ไม่ได้สนใจ”
สองป้าทำท่าฮึดฮัด ว่าต้องใช่แน่...เกริกมอง สองป้ารีบกลบเกลื่อน
ตั๊กแตนเอ่ยขึ้น “แล้วอยู่คนเดียวเหรอ? ทำไมบ้านเงียบจัง”
“ลูกไปทำงาน...อยากรู้อะไรอีกมั้ยจะได้บอก” เกริกย้อนถามเป็นเชิงตัดบท
“ไม่แล้วๆ” จักจั่นหันมาพูดกับตั๊กแตน “ไป..ป้าตั๊กแตนไปตลาด”
สองป้าเดินไป เกริกพูดตามหลัง
“แหม้...อยากรู้เรื่องชาวบ้านซะจริง” พลางนิ่งนึก “ถึงไหนแล้วเนี่ยกาว”
เกริกควักมือถือมากดโทร.หา
กรรณนรีอยู่ในห้องที่รีสอร์ท มือถือที่อยู่ในกระเป๋าถือของกรรณนรีดัง แต่เจ้าตัวไม่อยู่
เกริกกดใหม่ คราวนี้โทร.หามะยม เสียงมือถือดังมะยมมองมือถือสะดุ้ง
“พี่แก้ว..พ่อพี่โทร.มา”
กาวินทร์พยักหน้าให้รับ มะยมรับสาย
“คะคุณลุง”
“ถึงหรือยังลูก” เกริกถามอย่างเป็นห่วง
“ถึงแล้วค่ะ”
“ลุงฝากกาวด้วยนะ....เป็นไม่รู้..กาวติดต่อไม่ได้อีกแล้ว”
มะยมรีบรับคำ “ค่ะ”
“ขอบใจจ้า” เกริกวางสาย บ่นพึมพำ “กาวนะกาว ชอบทำให้พ่อเป็นห่วงซะจริง”

ท่าทีของเกริก ดูกังวลใจและเป็นห่วงกรรณนรีมาก

สี่คนเดินมาคุยกันมา ท่าทางนิคยังหมั่นไส้นพอยู่ และนพยังคงเดินประกบข้างมะยมตลอด

“ดีที่พ่อไม่ได้โทร.หาพี่..ไม่งั้นพี่ก็ต้องโกหกอีก...เราสองคนอย่าบอกพ่อเด็ดขาดนะ ไม่ว่าเรื่องอะไร”
“ค่” / “ครับ” นิคกะมะยมรับพร้อมกัน
“เดี๋ยวพี่จะเข้าไปข้างใน”
มะยมกะนิคบอกพร้อมกัน “ผมไปด้วย” / “มะยมไปด้วย”
“เนียนๆ นะ” กาวินทร์กำชับ
“ครับ” / “ค่ะ” สองคนรับปาก ทำท่าจะเข้าไป
“มะยมผมไปด้วย” นพบอก
มะยมยิ้ม นิคมองนพแปลกๆ ชักจะยังไงๆ
“ผมว่าคุณไปหาคุณสรวงมั่งดีกว่ามั้ยครับ” นิคออกอาการฉุน แล้วเดินไป
มะยมเห็นด้วย “คุณนพไปหาคุณสรวงมั่งก็ได้ค่ะ”
นพหน้าเจื่อน “ไม่ได้หรอกครับ..ที่ผมมาที่นี่ สรวงยังไม่รู้เลย”
มะยมอึ้งร้อง “อ้าว”
“ที่ผมตามมา...เพราะผมเป็นห่วงมะยม” นพบอกเสียงนุ่ม สายตาลึกซึ้ง ในท่าทีจริงจัง
มะยมมองนพอย่างตกใจ ถึงจะรู้ว่าถูกเค้าจีบ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นพแสดงออกว่าห่วงว่าแคร์มากมาย
นิคเองก็ได้ยิน เหลียวหลังกลับมามองอย่างไม่พอใจ
“ถ้าไม่ติดว่าต้องสืบเรื่องคุณสรวงกับกาว ตั๊นหน้าไปแล้ว”
นิคได้แต่ฮึดฮัดเอากับตัวเอง

ท่ามกลาง สถานที่สวยๆ ของรีสอร์ท สรวงกับกรรณนรีนั่งอยู่ด้วยกัน สรวงกอดกาวเอาไว้
“ฉันอยากอยู่กับเธออย่างนี้ตลอดไป”
กรรณนรีมองสรวงหน้าเศร้า “ขอให้คุณสรวงรู้สึกอย่างนี้ตลอดไปนะคะ”
สรวงมองตอบ บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกฉันได้”
“ความแน่นอน คือความไม่แน่นอนค่ะ วันนี้รัก...พรุ่งนี้อาจเกลียด”
“แต่ฉันจะรักเธอตลอดไป...” สรวงกระชับกอดแน่นขึ้นอีก “จริงๆ แล้วฉันอยากบอกพ่อ...บอก
ให้รู้ว่าเราสองคนรักกัน”
“อย่าค่ะ...”
“ทำไม?” สรวงฉุนคลายวงแขน “เธอกลัวแผนบ้าๆ บอๆ ของเธอจะไม่สำเร็จ....หรือความ
จริง เธอกลัวจะหลุดจากตำแหน่งคนโปรดของพ่อฉันกันแน่”
กรรณนรีหนักใจ “คุณสรวง...”
“ยิ่งรัก ..ฉันก็ยิ่งระแวง และฉันก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอทำกรรณรี”
สรวงหงุดหงิดเดินฮึดฮัดจากไป กรรณนรีเดินตาม

จากบ่ายคล้อยกลายเป็นเย็นย่ำ ทางด้านอารักษ์ บ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“ฉันเดินหาจะทั่วรีสอร์ทแล้ว ก็ไม่เห็นหนูศุ หรือหนูศุจะกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วถ้าหนูศุกลับไปจริงๆ พวกเธอต้องรับผิดชอบ”
สุดากับภาพิศมองอารักษ์ ดวงตาเกลียดชังอย่างเปิดเผย สุขหฤทัยกระซิบ
“ทำไมคุณลุงเป็นคนอย่างนี้คะ”
สุดาปรามเบาๆ แต่น้ำคำเข้ม “ก็นี่ล่ะผู้ชาย”
ภาพิศอดพูดไม่ได้ “เห็นแก่ตัว”
สุขหฤทัยเห็นสรวงมากับกรรณนรีก็ร้อง “ว้าย”
สุดายังไม่เห็นจึงเอ็ดเอา “ร้องอะไรอีก ฤทัย แสบแก้วหู”
“สรวง...สรวง..สรวงกับนังศุภาวีร์”

ทุกคนหันขวับ เห็นสรวงเดินมาพร้อมกับกรรณนรี อารักษ์ลมเพชรหึงตีเข้ากลางหน้าโกรธขึ้นมาอีก
“ไหนบอกว่าแกกลับกรุงเทพฯ ตกลงแกพาหนูศุไปใช่มั้ยสรวง”
“ถ้าผมบอกว่าใช่ล่ะครับ” สรวงย้อน
อารักษ์ตวาด “ไอ้สรวง”
พร้อมกันนั้นอารักษ์จะต่อยหน้าสรวง ภาพิศกับสุดาปราดเข้ามาล็อกตัวอารักษ์เอาไว้ ร้องห้ามพร้อมกัน
“อย่าค่ะอย่า”
สรวงหัวเราะหยัน บอกแค่นๆ “ผมแค่ล้อเล่น...คุณพ่อเป็นฟืนเป็นไฟไปได้...ปีนี้คุณพ่ออายุ
60 แล้วนะครับ ไม่ใช่ 16” จากนั้นก็เดินหนีไป
อารักษ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ไอ้สรวง ไอ้สรวง..แกด่าฉันไอ้สรวง”

มะยม นิค นพ และกาวินทร์มองดูเหตุการณ์กันอยู่ตรงมุมหนึ่งไม่ไกลนัก

ที่สี่คนผละออกมา กาวินทร์พูดออกมาเบาๆ

“ทำตัวไม่ให้ลูกเคารพจะว่าใครได้ ต้องโทษตัวเอง สงสารก็แต่คุณสรวง”
“แต่มะยมว่ายังไงกาวก็เสี่ยงเกินไป ที่เอาตัวเข้าไปพัวพันอย่างนั้น”
“มันมีเรื่องราวลึกๆ ที่พี่บอกพวกเราไม่ได้ แต่ขอให้รู้..มันจำเป็นต้องเสี่ยง..ถ้าทุกอย่างจบลง พี่..กาว จะไม่ทำอะไรเสี่ยงๆแบบนี้อีก” กาวินทร์ว่า พลางบอกตัวเองในใจ “ความเลวของแกต้องปรากฏ นังคุณหญิงสุดา”
ดวงตากาวินทร์วาวโรจน์ เกลียด และอาฆาตแค้นสุดามาก

ปาร์ตี้ยามเย็น บรรยากาศมาคุ พ่อลูกหมางเมิน ปั้นปึ่งใส่กัน อารักษ์อยู่มุม สรวงอยู่อีกมุม สุขฤทัยหันหน้ามองสองคน พูดกัดออกมาเบาๆ ประสาคนปากไว
“ตาย..เหมือนอยู่ในดงผีดิบ
ภาพิศเติมให้ “ดงคนบาป”
สุดาแขวะ “ก็บาปกันหมดทุกคน...แต่พี่ว่าคุณน้องบาปที่สุดนะคะ...เพราะถ้าคุณน้องไม่เข้ามายุ่ง ครอบครัวพี่ก็ไม่พังทลายแบบนี้”
ภาพิศเย้ยหยันอยู่ในที “จะโทษน้องฝ่ายเดียวก็ไม่ได้นะคะคุณหญิงพี่ เพราะต่อให้น้องไปตามตื้อแค่ไหน ถ้าท่านไม่เปิดใจให้ น้องก็คงไม่อยู่ในฐานะภรรยาอีกคนเหมือนกัน”
“ถูกค่ะถูก..แต่คนที่น่าสงสารที่สุดคือคุณหญิงแม่..เพราะถ้าคุณกับคุณพ่อไม่ร่วมกันสวมเขา คุณหญิงแม่ก็ไม่ทุกข์ขนาดนี้”
“ทุกข์แค่ไหนแม่ทนได้...แต่ที่แม่ทนไม่ได้ เพราะเห็นตาสรวงทุกข์ใจ...ยังไงคุณน้องก็เข้ามาทำลายครอบครัวของพี่....ไหนจะนังศุภาวีร์อีก”
ภาพิศหันไป เห็นกรรณนรีนั่งจ๋อยจ๋องอยู่อีกมุม ปรายตามองสรวงเป็นระยะ ในดวงตาคู่นั้นบอกว่าแคร์สรวงเหลือแสน
สุดาเอ่ยขึ้น
“ฤทัยไปตามสรวงมาหน่อยไปลูก พ่อก็ไม่รัก..แม่ไม่อยากให้สรวงคิดมาก..ว่าแม่ก็ไม่รักอีก”
“ได้ค่ะ”
สุขหฤทัยลุกเดินไปตามสรวง

สุขหฤทัยเดินมาหาสรวง ที่นั่งหน้าเครียดอยู่ เอามือคล้องแขนแสดงความเป็นเจ้าของ
“มานั่งอยู่คนเดียวทำไมคะ? ไปสนุกกันดีกว่า..ฤทัยอยากฟังสรวงร้องเพลง”
สรวงนิ่งเฉย สุขหฤทัยอ้อนอีก
“นะคะสรวง...เล่นกีตาร์ ร้องเพลง ให้ฤทัยฟังหน่อย เดี๋ยวฤทัยไปหยิบกีตาร์ให้นะ...”
สุขหฤทัยเดินคล้องแขนสรวงออกไป
สรวงเหลียวหันกลับไปมอง เห็นสายตาละห้อยของกรรณนรีที่มองมา

นพเดินมากับมะยมท่าทีสนิทสนม นิคเดินมาด้วยมองตาขวาง พูดเหน็บ
“คุณนพ..ขอผมตัวมะยมไปช่วยกาวได้มั้ยครับ..คุณจะตามมะยมไปถึงไหน”
นพอึ้งมองมะยมตาละห้อย มะยมขอตัว
“เดี๋ยวมะยมมาค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมรอแถวนี้นะครับ”
“ค่ะ”
มะยมกับนิคเดินออกมา นิคถามเสียงขุ่น
“แกกับไอ้คุณนพมันยังไงวะมะยม” นิคถามตรงๆ
“จะยังไง? ถามอะไรไร้สาระ..รีบไปหากาวเร็ว เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยทัน”
มะยมเดินเลี่ยงไป นิคตามติด สีหน้าไม่สบายใจ

เย็นย่ำจวนค่ำเต็มที บรรยากาศตรงบริเวณลานปาร์ตี้ ที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้เริ่มคึกคัก
กรรณนรีง่วนอยู่กับการจัดอาหาร อารักษ์คอยป้วนเปี้ยนแต๊ะอั๋ง โดยมีภาพิศคอยคั่นกลางตลอดเวลา เพราะหวงลูกสาว
เหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ในสายตาของสุดาที่มองอย่างจับสังเกตตลอดเวลา
ระหว่างนั้นสรวงเดินเข้ามาพร้อมสุขหฤทัย สรวงถือกีตาร์มาด้วย
“ปาร์ตี้วันนี้ สรวงจะร้องเพลงให้เราฟังด้วยนะคะ...”
กรรณนรีหันมามอง สุขหฤทัยถามกรรณนรี ด้วยน้ำเสียงแสนซื่อไร้เดียงสา แต่แอบเหน็บทุกวลี
“ศุอยากฟังเพลงอะไรจ๊ะ? วันทอง เธอมันง่ายเอง”
“คุณสรวงอยากร้องเพลงอะไรก็ร้องเถอะค่ะ” กรรณนรีบอก
สรวงจ้องหน้าอารักษ์ “เพลงอะไรดีครับพ่อ”
อารักษ์เหน็บ “อยู่เฉยๆ จะดีกว่า”
“แต่ฤทัยอยากฟัง สรวงเล่นให้ฤทัยฟังหน่อยนะคะ”
สรวงลีดกีตาร์แผดเสียงกวนๆ ขึ้น อารักษ์หันมามอง สรวงจำใจต้องเล่นดีๆ ชายหนุ่มเลือกเพลงอกหัก ประชดประชันเสียดสีกรรณนรี สองคนมองหน้ากันอย่างร้าวรานใจ ขณะที่อารักษ์มองตาขวาง พูดแขวะลูกชาย
“จะหอนอะไรเนี่ย ก็บอกว่าไม่อยากฟัง”
สรวงสวนออกมา “แต่ผมอยากร้อง”
“เอ๊ะ! จะให้ฉันเอากีตาร์เขวี้ยง” อารักษ์เสียงดัง
มะยมกับนิคแอบมองเหตุการณ์อยู่ สองคนทำท่าสยอง กลัวจะมีเรื่อง ลุ้นๆ
“อย่าค่ะท่าน” / “อย่าค่ะคุณ” ภาพิศ กับสุดาห้าม
“คุณจะเผด็จการกับลูกไปถึงไหน ระวังนะคะ..ตายไปจะไม่มีคนไปเผาผี” สุดาแขวะ
อารักษ์พูดอย่างวางอำนาจ “ดี..จะได้เป็นสัมภเวสีมาหลอกคนอกตัญญู ป่ะ..หนูศุ..ไปที่อื่นดีกว่าเห็นหน้าเจ้าสรวงแล้วหมดอารมณ์”
สรวงกวน พูดต่อล้อต่อเถียง “อารมณ์อะไรครับ”
“ไอ้สรวง” อารักษ์ของขึ้น
อารักษ์จะถลันเข้าหาสรวงอีก สุดากับภาพิศรีบเข้ามาห้าม
สองคนประสานเสียง “อย่าค่ะ”
“ลูกนะคุณ ลูก” สุดาเตือนสติ
อารักษ์ไม่สนใจ หันไปพะนอเอาใจกรรณนรีต่อ “ปะ หนูศุ”

มะยมกับนิคหันมามองหน้ากัน
“เอาไงดีวะ” มะยมถาม
นิคบอกคำเดียว “ลุย!”

สองเกลอออกจากที่ซ่อน เดินตรงเข้าไปหาวงปาร์ตี้ทันที

ไฟมาร ตอนที่ 15 (ต่อ)

บรรยากาศของปาร์ตี้มาคุสุดๆ สรวงจ้องกรรณนรีเขม็ง ขณะที่กรรณนรีได้แต่อ้ำอึ้ง อารักษ์ชวนไปนั่งอีกมุม

“ป่ะหนูศุ...ไปที่ๆของเรา”
กรรณนรีอึดอัด ได้แต่อึกอัก ไม่รู้จะแก้สถานการณ์ยังไง ภาพิศห่วงลูกสาวทำท่าจะเดินเข้ามา ห้าม แต่ถูกอารักษ์หันมาแหวใส่
“อย่าเข้ามาภาพิศ ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
มะยมกับนิคเดินเข้ามาได้จังหวะพอดี
“แล้วมันเรื่องของใครคะ?...” มะยมจัดแต็มทำท่ารังเกียจ ขยะแขยงกรรณนรีเต็มสูบ “ตามหามาตั้งนาน..ศุภาวีร์ที่ทำลายครอบครัวของคนอื่นคือใคร...ที่แท้ก็คือเพื่อนรักของฉันนี่เอง”
กรรณนรีงวยงง ทุกคนก็งง นิคถางถางใส่กรรณนรีชุดใหญ่
“คงอยากสบายมากสินะศุภาวีร์ ถึงยอมให้” นิคจงใจเน้นคำ “คนแก่คราวพ่อเลี้ยงน่ะ”
อารักษ์สะดุ้งตอนถูกนิคด่าว่าแก่ มะยมเหน็บต่อไม่เว้นช่องว่าง
“ถามจริง เธอไม่สงสารคุณหญิงบ้างเหรอ คุณหญิงเค้าแก่แล้ว..ปล่อยให้เค้าตายเองเถอะ อย่าให้เค้าหัวใจวายตายเดี๋ยวนี้เลย น่าสงสาร”
สุดาปรี๊ด ถูกด่าแก่แทบจะร้อง
นิคด่าต่อทันที “แกยังสาวยังสวย หาผู้ชาย...ดีๆ หนุ่มๆ หล่อๆ กว่าท่านอารักษ์ได้ตั้งแยะแยะ”
มะยมผสมโรง “ใช่...แต่คุณหญิงสุดา ทั้งแก่ทั้งเหี่ยว จะตายวันไหนก็ไม่รู้...ปล่อยท่านอารักษ์ให้คุณหญิงสุดาเถอะ”
สุดาเจอสองเกลอเข้าไปทำท่าจะเป็นลม สรวงวิ่งเข้ามาหา
“คุณแม่”
มะยมกะนิคเองก็ตกใจ เผลอด่าสุดาต่อหน้าสรวง ภาพิศได้ทีรีบว่า
“พวกเธอหลอกด่าท่าน..ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไป๊”
มะยมกับนิค เรียกกรรณนรีให้ตามมาเคลียร์ กรรณนรีสบโอกาสรีบตามออกไปอย่างรวดเร็ว ภาพิศได้ทีเข้าไปหาสุดากับอารักษ์เหน็บต่อ
“เป็นยังไงบ้างคะคุณหญิงพี่..ดูซิ..หน้าตาเป็นผีลืมหลุมเลย”
“แอร๊ยยย...” สุดาได้แต่กรี๊ด ฮึดฮัดขัดใจอยู่อย่างนั้น

ขณะที่สุขหฤทัยแอบมองตามสามคนไปอย่างจับสังเกต

กรรณนรีวิ่งตามมะยมกับนิคมา เสียงกรี๊ดสุดาดังมาถึงที่นี่ สามคนอุดหู
“โอ้โห! คุณหญิงสุดากินจิ้งหรีดเข้าไปทั้งฝูงรึไง เสียงแสบแก้วหูที่สุด” มะยมว่า
“นั่นน่ะสิ...สงสัยจะช็อกตายไปแล้ว” นิคส่ายหัว
“เฮ้ย! อย่าพูดอย่างนั้นสงสารคุณสรวง ตะกี้ฉันก็เผลอด่าไปหลายคำเลย” มะยมรู้สึกแย่
กรรณนรีเสียใจเหมือนกัน “คุณสรวงน่าสงสารที่สุด มะยม นิค ฉันไม่ได้มีอะไรกับท่านจริงๆ นะ”
มะยมบอก “ฉันรู้แล้ว”
กรรณนรีงง “รู้ได้ยังไง”
“พี่แกเล่นไม่พูดไม่จา...มะยมมันเลยไปหาพี่แก้ว” นิคว่า
“ฉันตั้งใจจะบอกพวกแกตั้งหลายที แต่ก็มีเหตุให้ไม่ได้บอกซักที”
“ช่างเถอะมันผ่านไปแล้ว มาวันนี้ถือว่าได้ของแถม ด่าคนเล่น สะใจดี”
“ยังไงแก็ต้องทนเอาหน่อยแล้วกัน เพราะพวกฉันต้องทำเป็นทะเลาะกับแกให้แกเป็นหมาหัวเน่า ให้คนบางคนเค้าสะใจ”
“เค้าอยากยังไง เราก็จัดให้ แกก็เล่นให้มันเนียนๆ แล้วกัน”

สุขหฤทัยเดินมา กรรณนรีมองเห็นก่อน แกล้งด่าสองเพื่อนทันที
“พวกแกไม่ต้องมายุ่งเลย ยังไงฉันก็เลือกท่าน”
มะยมปรายตาไปมองเห็นสุขหฤทัย “เธอเลวมาก เลวที่สุด...”
กรรณนรีทำเป็นเถียง “ถึงจะเลว แต่ฉันก็ไม่ขี้อิจฉาเหมือนเธอ”
มะยมชองขึ้น “เธอ...”
สองคนตั้งท่าจะฟ้อนเล็บใส่กัน นิครีบห้าม
“อย่ามะยม..คนอย่างยัยนี่..ตบไปก็เสียมือ สกปรก อย่าไปยุ่งกับหล่อนเลย”
มะยมตะคอกใส่หน้ากรรณนรี “ฉันเกลียดแก”
จากนั้นมะยมกะนิคก็เดินหนีไป กรรณนรีตะโกนด่าสวมบทนางอิจฉา
“ไม่เห็นจะแคร์เลย” กรรณนรีสะบัดหน้าพรืดเดินไปอีกทาง
สุขหฤทัยตาโต “มันทะเลาะกันจริงๆ ว้าววว”

สาวแสบหลงกล ยิ้มย่องอย่างดีใจ

มะยมกับนิคเดินมา กาวินทร์ปลอมตัวเป็นคนสวนอยู่ มองมา เตรียมเข้าประกบ แกล้งเดินมากวาดพื้น ตัดแต่งต้นไม้แถวๆ นั้น

มะยมมองจากหางตาเห็นสุขหฤทัย ย่องตามมา มะยมกระซิบบอกนิค
“ยัยขี้ไคลตามมา”
นิคทำตารับรู้ “ต่อไป..แกไม่ต้องพูดถึงชื่อยัยนั่นให้ฉันได้ยินอีก ฉันไม่ถือว่ามันเป็นเพื่อนอีกแล้ว”
มะยมทำท่าฮึดฮัดขึงขัง “ฉันก็เหมือนกัน”
สุขหฤทัยเดินตามมามาทันพูดเหน็บกรรณนรีขึ้นมาทันที
“เห็นกับตาแล้วใช่มั้ยว่าเพื่อนเธอน่ะมันร้ายกาจ แย่งสามีคนอื่น เลว”
กาวินทร์ที่ตัดต้นไม้แถวนั้น แกล้งเหวี่ยงเศษไม้มาทางสุขหฤทัย เลยถูกด่า
“โอ๊ย! ไอ้บ้า ไปไกลๆ เลยนะไป๊”
มะยม กับนิค กลั้นหัวเราะ กาวินทร์ทำท่าบ้าบอจะเข้ามาเอาเรื่อง สุขหฤทัยร้องลั่น
“ว้าย! ไอ้บ้า ไปเลยนะ ไป๊”
กาวินทร์แกล้งทำท่าคำรามใส่ “แฮ่!”
สุขหฤทัยคว้าเสียมแถวนั้นขึ้นมาขู่ “เข้ามาสิไอ้บ้า”
กาวินทร์เลยจำต้องล่าถอยออกไป สุขหฤทัยด่าต่อ
“คนบ้าอย่างนี้ เหมาะสมกับเพื่อนเธอที่สุด”
มะยมเยาะ “แต่ฉันว่าเหมาะกับคุณ”
สุขหฤทัยงง “ทำไม”
นิคบอกสั้น “บ้า”
จากนั้นมะยมกับนิคเดินหนีไป สุขหฤทัยได้แต่ฮึดฮัดอยู่คนเดียว
“แกสองคนสิบ้า บ้าๆๆๆๆ”

ด้านกาวินทร์ในคราบคนสวนเดินมาตามทาง คำรามกับตัวเอง
“ยัยฤทัย ยัยบ้า ถ้าฉันเลวกว่านี้...เธอเจอดีกว่านี้แน่”
กาวินทร์เดินไป ขณะที่มาลินีเดินเข้ามาในรีสอร์ทพลางโทรศัพท์
“มดมาถึงแล้วค่ะพี่นก....ให้ไปหาที่สำนักงานเลยใช่มั้ยคะ...ได้ค่ะ”
สองคนเดินสวนกัน กาวินทร์ไม่ได้มอง และมาลินีก็ไม่ได้สังเกต สองคนจึงไม่เห็นกัน

มาลินีเดินมากับนก ผู้จัดการรีสอร์ท เพื่อนของกาวินทร์นั่นเอง
“ขอบคุณพี่นกมากค่ะที่นึกถึงมด..เอาเป็นว่า..ถ้าอยากมาทำงานต่างจังหวัด...มดจะนึกถึงที่นี่เป็นที่แรกเลยค่ะ”
“งั้นพักที่นี่ซักคืนนะ...พี่จัดห้องไว้ให้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
มาลินีกวาดตามองไปรอบตัว เห็นบรรยากาศสวยงามยามเย็นๆ มาลินีรู้สึกสบายใจ

ขณะเดียวกันกรรณนรีเดินหน้าบึ้งเข้ามาในวงปาร์ตี้ แกล้งทำทีสะบัดสะบิ้ง
อารักษ์เห็นเรียกเสียงหวาน “หนูจ๋า..หนูหายไปไหนตั้งนาน..ฉันรอจะแย่”
“ไปสงบสติอารมณ์ค่ะ....เพื่อนหนูด่าหนู ด่าว่าหนูหน้าด้านแย่งสามีชาวบ้าน”
สรวงสวนออกมา “สมควร”
อารักษ์โกรธแทน “สรวง”
“อย่างที่หนูเคยบอก ถ้าท่านไม่อยากให้หนูโดนด่า ท่านก็ต้องเป็นอิสระ” กรรณนรีบอกเชิดๆ
สุดาตาวาววับ โกรธจัด สรวงคำราม
“เธอ”
อารักษ์ไล่สรวงให้ไปพ้นหน้า “นี่..ตาสรวงแกจะไปไหนก็ไป ไป ฉันมีเรื่องจะพูดกับหนูศุ”
สรวงเดินหงุดหงิดออกไป โมโหมาก

สรวงเดินฮึดฮัดออกมา
“ฉันไม่เข้าใจเธอจริงๆ เธอจะทำอะไรของเธอ กรรณรี”
สรวงได้แต่บ่นงึมงำอย่างขัดใจ คิดไม่ออก และไม่รู้จะทำยังไง?

ทางด้านแฉล้มแอบเอาเครื่องดื่มที่ผสมยานอนหลับไปเปลี่ยนในห้องอารักษ์ ก่อนจะย่องออกมา

ภาพิศปลีกตัวออกมาหาแฉล้มตรงจุดนัดพบ ในมุมลับตา

“เรียบร้อยมั้ยคุณ”
“เรียบร้อย ต่อให้ท่านซัดม้ากระทืบโรงกระโดดกำแพง เจอยาของฉันยังไงก็ไม่รอด หลับเป็นตาย”
“อย่าให้ตายแล้วกัน ให้ลูกฉันรอดก็พอ” ภาพิศกำชับ
“น่า...แล้วคุณเตรี๊ยมกับลูกคุณแล้วนะ”
“เรียบร้อย”
“งั้นก็โอเคไม่มีปัญหา”

สองคนยิ้มให้กัน แฉล้มยิ้มมาดมั่น ส่วนภาพิศยิ้มด้วยดวงตาโกรธแค้นสุดาและอารักษ์

สองคนแอบมาเมาท์กัน
“ดูสิคะคุณหญิงแม่...นังกรรณรีมันน่าตบจนสรวงทนไม่ได้เดินหนีออกไปเลย
“สรวงไม่อยู่ น่ะดีแล้ว....จะได้จัดการนังนั่นง่ายๆ แม่มันเดินมาพอดี”
ภาพิศแกล้งเดินหน้าเหี่ยวเข้ามา ท่าทีกลุ้มใจหนัก สุดาพูดปลอบ
“คุณน้องอดทนหน่อยนะคะ”
“จะทนไม่ไหวแล้วค่ะคุณหญิงพี่..เมื่อไหร่คุณพี่จะจัดการนังเด็กนั่นซักที”
“อดใจรอ ครู่เดียวค่ะ” สุดาจะเดินไป
ภาพิศแตะมือเรียกถามหยั่งเชิง “ว่าแต่คุณหญิงพี่แน่ใจนะคะว่าจะส่งมันเข้าห้องให้ท่านเชือด”
“แน่นอนค่ะ ทำเป็นบริสุทธิ์ไร้เดียงสา...มันคงไม่รู้..ท่านเป็นเบื่อง่าย ยิ่งหน้าตาจืดๆอย่างมัน รับรองแว่บเดียวท่านก็เฉดหัวทิ้ง...ถึงตอนนั้นพี่จะหัวเราะให้สาแก่ใจเลย”
ภาพิศแกล้งยิ้มชอบใจ “น้องก็เหมือนกันค่ะ”
สุดากับสุขหฤทัยยิ้มให้กันเป็นนัย

สุดา ภาพิศ และสุขหฤทัยเดินกลับเข้ามาในปาร์ตี้ กรรณนรีเห็นก็แกล้งทำเป็นชะมดชม้อย
ชายตาออดอ้อนอารักษ์ตามแผน ภาพิศหันไปสบตาสุดา อย่างโกรธขึ้งกรรณนรี สุดากับสุขหฤทัย หยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาดื่ม กรรณนรีได้ทีแกล้งแหย่
“ท่านขา...ทานนี้หน่อยนะคะ...นะคะ...” ยื่นแก้วให้อารักษ์
“จ้า” อารักษ์ดื่มน้ำในแก้วยิ้มย่องชอบใจ
ภาพิศเดินเข้ามาขวางตามแผน และเป็นห่วงลูกสาวด้วย “ฉันป้อนท่านเอง”
“เอ๊ะ คุณนี่...ก็หนูอยากป้อนท่าน” กรรณนรีไม่ยอม
“เอ๊ะ!เธอนี่” ภาพิศถลึงตาใส่
อารักษ์ขึ้นเสียง “ภาพิศ”
ภาพิศเถียง ไม่ยอม “ท่านไม่ต้องห้ามภา...นังเด็กนี่มันดัดจริต ภาจะตบมัน”
พร้อมกันนั้นภาพิศเงื้อมือขึ้นจะตบ กรรณนรีร้องสุดเสียง
“อย่า
มือของภาพิศซัดใส่หน้าอารักษ์เต็มแรง แบบตั้งใจมาก อารักษ์ร้องลั่น
“โอ๊ย”
“คุณ” สุดาตกใจ
อารักษ์โกรธจัด “ภาพิศ เธอตบฉัน”
“ตายๆ คุณภาพิศตบท่าน” สุขหฤทัยทำเป็นตกอกตกใจ
สรวง ที่ยืนอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงโวยวาย จึงวิ่งเข้ามา เห็นอารักษ์ออกอาการกราดเกรี้ยวโมโหมาก
“นี่ถ้าตะกี้ถูกหนูศุเธอจะว่ายังไง? หา...”
“ภาขอโทษ...ภาไม่ได้ตั้งใจ” ลึกลงไปในแววตา ภาพิศสะใจมาก
“เธอตั้งใจ....งั้นก็ลองดูแล้วกัน...ถ้าเธอโดนมั่งมันจะเป็นยังไง”
อารักษ์เงื้อมือ กรรณนรีรีบเข้ามาดึงมือห้ามไว้
“อย่าค่ะท่าน”
ภาพิศโกรธแค้นชิงชังอารักษ์เป็นทวีคูณ “ท่านจะตบภา”
“แล้วจะทำไม”
“เอาสิคะ อยากตบ ตบเลย”
“อย่าท้าฉันนะ” อารักษ์เงื้อมืออีก
กรรณนรีดึงไว้ ร้องลั่น “อย่า”
“ภาพิศเค้าจะทำร้ายหนู หนูยังจะห้ามอีก”
ภาพิศถลึงตาใส่กรรณนรี “เธอไม่ต้องห้าม....” หันมาทางอารักษ์อย่างท้าทาย “ท่านอยากตบฉันก็เอาเลย”
“ภาพิศ” อารักษ์เงื้อมือจะตบ
สรวงวิ่งเข้ามาขวางภาพิศ “อย่าคุณพ่อ”
สุดามองอย่างขัดใจ ว่าสรวงจะมาห้ามไว้ทำไม ขณะที่สรวงว่าต่อ
“อย่าทำอะไรที่มันเลวร้ายมากไปกว่านี้เลยครับ..อย่าลืม..ในท้องคุณภาพิศมีลูกคุณพ่อ”
สรวงกับภาพิศเดินออกไป อารักษ์มองตามอย่างโกรธๆ สุดาก็มองโกรธ
สุดานึกโมโห บ่นอยู่ในใจ “ตาสรวงจะไปช่วยมันทำไมเนี่ย” ก่อนจะเดินตามสองคนไป

สรวงลากภาพิศออกมา ภาพิศแกล้งร้องไห้สะอึกสะอื้น
“คุณสรวงเห็นแล้วใช่มั้ยคะ? เด็กนั่นมันทำพี่”
“ผมจะไปพูดกับเค้าเอง”
สรวงผละไป สุดาที่แอบซ่อนตัวอยู่ออกมา
“ร้องไห้แค่วันนี้พอนะคะ ต่อไป ตอนท่านเฉดหัวมันทิ้ง คุณน้องได้หัวเราะแน่”
ภาพิศทำเป็นโกรธ แต่ปรายตามองสุดาอย่างเกลียดชัง ขณะที่สุดาพูดอย่างยิ้มย่องออกมา
“เดี๋ยวพี่จะจัดการส่งท่านเข้าหอฮันนีมูนค่ะ”
จากนั้นสุดาเดินมุ่งหน้าไปทางบ้านพักทันที

ภาพิศตวัดสายตามองสุดาอย่างเกลียดชัง

ไฟมาร ตอนที่ 15 (ต่อ)

ความมืดคืบคลานเข้ามาครอบคลุมทั่วบริเวณรีสอร์ท บรรยากาศปาร์ตี้เมียหลวง เมียน้อยและกิ๊กยิ่งกร่อย กรรณนรีมอมเหล้าอารักษ์ ที่อารมณ์เสียเรื่องสรวง

“เกลียดมันจริงๆ เลยไอ้สรวง ไอ้ลูกบ้า”
“อย่าพูดถึงเค้าเลยค่ะ ถ้าทำให้ท่านอารมณ์ไม่ดี ดื่มดีกว่านะคะท่าน...ดื่มอีก” กรรณนรีเอาอกเอาใจ
สุขฤทัยกลัวเสียแผนห้าม “นี่แก...คุณลุงเมาหมดแล้ว”
“ก็ท่านชอบดื่ม” กรรณนรีเถียง
สุดาเดินเข้าไป “อยากดื่มก็ดื่ม เธอไปส่งท่านที่ห้องไป”
“ฉันอยากเดินเล่น” กรรณนรีลุกขึ้น
สุดาขัดใจ ขึ้นเสียง “เอ๊ะ! เธอนี่”
“คุณหญิงสั่งฉันไม่ได้ทุกอย่างหรอกค่ะ” กรรณนรีเดินหนีไปเลย
สุดาตวาด “นังบ้า...ยังบ้ากรรณนรี”

สุดามองไปที่อารักษ์ เห็นคอพับคออ่อนก็ยิ่งอารมณ์เสีย
“ฤทัยไม่เกี่ยวนะคะ” สุขหฤทัยออกตัว
“รู้แล้ว...เฝ้ามันให้ดีแล้วกัน แม่จะพาพ่อไปนอน เป็นภาระฉันอีกจนได้”

อารักษ์เมาอ้อแอ้ มีสุดาประคองมา พร้อมบ่นกระปอดกระแปด
“เห็นมั้ย? มีใครเค้าดูคุณมั่งๆ มีแต่ฉันๆๆๆๆ”
“จะบ่นทำไม?รีบพาหนูศุมาให้ผมเร็ว..หนูศุ..หนูศุ”
“ค่ะ นอนรอแล้วกัน”
อารักษ์นอนหมดสภาพ น่าเกลียด สุดาแสยะปากระอา พลางทำท่าหาว ง่วง

สุดาเดินกลับมที่ลานปาร์ตี้ เห็นสุขหฤทัยที่นั่งดื่มอยู่ มองไปทั่วพลางถามหากรรณนรี
“นังกรรณนรีล่ะ”
“ไม่รู้ค่ะ ฤทัยไม่ได้ดู”
สุดาฮึดฮัด “ใช้อะไรไมได้เรื่องเลย”
“ก็ฤทัยหิว”
สุขฤทัยนั่งดื่มกินต่อหน้าตาเฉย ขณะสุดาได้แต่ฮึดฮัดขัดใจที่แผนผิดพลาด
“นังกรรณรีมันไปไหนของมัน”

กรรณนรีเดินเลี่ยงออกมาที่ห้องพัก เจอสรวงมาดักรอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พูดเย้ยหยันออกมา
“ไงสะใจแล้วใช่มั้ย เธอนี่มันแย่จริงๆ”
“ยิ่งฉันทำตัวแย่แค่ไหน คุณก็จะได้เห็นธาตุแท้แม่คุณเร็วขึ้นเท่านั้น”
กรรณนรีเปิดประตูห้อง จะเข้าไป สรวงตามเข้ามา หน้าตาดุดัน
“อย่าทำให้ฉันโมโห นะกรรณนรี”

“ฉันพยายามไม่อยากให้คุณเสียใจ แต่ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วค่ะคุณสรวงที่คุณจะได้รู้ความจริงว่าแม่คุณ...”

กรรณนรีพูดไม่ทันจบคำ สรวงตวาดเสียงดัง

“พอได้แล้ว ไม่ต้องพูด” กระชากร่างผลักกาวเข้าไป “เธอก็อยู่ในนี้แหละ ไม่ต้องออกมาแล้วกรรณนรี” ปิดประตูห้องทันที
กรรณนรีตะโกนออกมา “ฉันไม่อยากออกหรอกค่ะ”
“ให้มันจริงเถอะ ไม่ใช่กลางคืน แอบย่องไปหาพ่อฉัน” สรวงประชด
“ถ้ากลัวฉันไปหาพ่อคุณ ก็นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องนั่นแหละ” กรรณนรีประชดกลับ
“เฝ้าแน่”
สรวงบอกเอาจริง แล้วนั่งแหมะตรงเก้าอี้นั่งเล่นหน้าห้องพักของกรรณนรีนั่นแหละ

สุดาเปิดประตูเข้ามา เห็นอารักษ์หลับผล็อย ก็หงุดหงิด
“อะไรนี่คุณ?..หลับแล้ว แล้วจะเป็นตามแผนได้ยังไง”
สุดาหัวเสียมาก

สุดาเดินออกมาบ่นกับสุขหฤทัย ในมือสองคนถือแก้วเครื่องดื่มมาด้วย
“แม่ไม่เข้าใจ ดูซิ...คุณพ่อหลับแล้ว”
“คุณพ่อแก่แล้วก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะคุณหญิงแม่ เอะอะๆ ก็หมดแรง”
“แต่นังกรรณรีมันไม่ถูกเชือดน่ะสิ” สุดาขัดใจ
ภาพิศแอบฟังตาวาววับ สุขหฤทัยว่าต่อ
สุขหฤทัยปลอบ “ไม่โดนวันนี้ มันก็ต้องโดนวันหลัง ในเมื่อคุณหญิงแม่ตั้งใจโยนหมูเข้าปากหมา เอ๊ย...ประเคนมันให้คุณพ่ออยู่แล้ว ว่าแต่..ทำอย่างนี้..คุณหญิงแม่ไม่หึง ไม่หวงคุณพ่อเหรอคะ”
“ไม่...แม่ต้องการความสะใจ แม่อยากแก้แค้น อยากรู้เหมือนกัน ถ้านังภาพิศมันรู้ความจริง ว่าลูกมันต้องเป็นเมียน้อยมันจะเป็นยังไง ที่สำคัญแม่จะได้ตัดนังกรรณรีมันออกจากชีวิตตาสรวง”
“ทำไมคะ”
“ยังจะถามอีกว่าทำไม? ฤทัยไม่เห็นสายตาตาสรวงเวลามองนังกรรณนรีเหรอลูก? ตาสรวงรักนังเด็กนั่น ถ้านังเด็กนั่นเป็นเมียพ่อ แล้วตาสรวงยังจะเอามันมาเป็นเมียอีกก็ให้มันรู้ไป”
สองคนผลัดกันด่ากรรณนรีฉอดๆ ภาพิศแอบฟัง ยินทุกคำ ดวงตาวาวโรจน์

ภาพิศเดินมาหาแฉล้มที่ด้านนอกรีสอร์ท
“คุณรู้มั้ยตอนที่ฉันได้ยิน ฉันแทบอยากโดดเข้าไปตบ”
“อย่างที่คุณบอกล่ะ ตบทีเดียวในไม่สนุก มันต้องหาโอกาสตบหลายๆที” แฉล้มว่า
ภาพิศรู้สึกแย่มากๆ “ฉันไม่น่ามีลูกกับคนอย่างท่านเลย”
“ไม่เอาน่า...อย่าพูดอย่างนี้...” แฉล้มมองท้องภาพิศ “เกิดลูกคุณเค้าฟังรู้เรื่อง เค้าจะเสียใจนี่คุณไม่ต้องห่วงหรอก....ยังไงคืนนี้พวกอสรพิษสามตัวนั่นก็หมดฤทธิ์แล้วล่ะ”

แฉล้มว่าพลางยิ้มๆ

ส่วนภายในห้องนอนของสุดากับสุขหฤทัย สองคนหาวหวอดๆ เพราะยาที่แฉล้มใส่ในเครื่องดื่มเริ่มออกฤทธิ์ ก่อนจะล้มตัวลงนอน หลับสนิททั้งคู่

ภาพิศเดินมาแอบมอง เห็นสรวงกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้ยาวตรงระเบียงด้านหน้าห้องพักคอยเฝ้ากรรณนรี บางจังหวะสรวงตบไล่ยุง แต่ไม่เข้าไปในห้อง
ภาพิศมองด้วยแววตาชื่นชม
“คุณสรวงนี่แหละ คือคนที่ดูแลลูกแม่ได้”
กาวินทร์อยู่ในชุดปกติ ลอบมองดูแม่และน้อง

กาวินทร์เดินมาตามทางตรงไปยังห้องพัก คิดในใจ
“แม่ก็ห่วงกาวเหมือนกัน”
จังหวะนั้นมาลินี อยู่ที่ห้องตัวเองมองเห็นกาวินทร์ แต่ไม่แน่ใจนัก
“พี่แก้ว”
เห็นหลังกาวินทร์เดินไวๆ มาลินีรีบเดินตาม

มาลินีวิ่งตามมา ไม่เห็นกาวินทร์แล้ว
“โลกคงไม่กลมขนาดนั้น..สงสัยเราจะตาฝาด”
มาลินีรำพึง บอกตัวเอง

มะยมเดินเล่นอยู่กับนพ สองคนเดินมาตามทาง
“นี่ตกลง...ไม่ได้เจอคุณสรวงเลยเหรอคะ”
นพอมยิ้ม “ครับ แค่ฟังมะยมเล่าก็กลัวแล้ว ไม่หรอก..ผมรู้ว่านายสรวงเอาตัวรอดได้..แต่มะยม...”
มะยมซักอย่างเร็วเพราะอยากรู้ “ทำไมคะ”
“ก็...เกิดคุณหญิงสุดา คุณฤทัยโกรธคุณขึ้นมา จะทำยังไง?”
“มะยมเม็ดนี้เปรี้ยวจี๊ดจ๊าด ไม่ปล่อยให้ใครทำอะไรง่ายๆ หรอกค่ะ” มะยมอวดเก่ง
“ยังไงผมก็ห่วงมะยมอยู่ดี”
มะยมอมยิ้ม ท่าทีขวยเขิน “ขอบคุณค่ะ”
นพมองมะยมแววตาบอกว่าชอบอย่างเปิดเผย นิคแอบมองจับอาการ
“ตกลง..มาตามกาว หรือมาจีบกันวะเนี่ย”
นิคบ่น ท่าทีฮึดฮัดขัดใจ

กรรณนรีนั่งกังวลใจ กระสับกระส่าย แอบมองสรวงผ่านทางหน้าต่าง เห็นสรวงนอนบนเก้าอี้ ตบยุงไปด้วย กรรณนรีบ่นพึมพำ
“คนบ้า ยุงก็เยอะ ยังจะมานั่งเฝ้ากันอยู่ได้”
กรรณนรีเป็นห่วง แอบมองผ่านหน้าต่าง เห็นสรวงนอนกอดอกท่าทีหนาว กรรณนรีตัดสินใจหยิบผ้าห่มย่องออกมา แล้วคลี่ผ้าห่มมาให้
สรวงสะดุ้ง รู้สึกตัวทันทีที่ผ้าห่มสัมผัสตัว คว้ามือกรรณนรีเอาไว้พลางถาม
“ห่วงฉันเหรอ”
“เปล่า” กรรณนรีจะดึงมือออก
สรวงยื้อมือไว้ “ยังจะปากแข็งอีก”
“ก็ฉันไม่ได้ห่วงคุณจริงๆ นี่”
“แล้วมาห่มผ้าให้ฉันทำไม? นี่...ถ้าจะห่วงฉันขนาดนี้..ให้ฉันเข้าไปนอนในห้องด้วยแล้วกัน”
สรวงพูดเพียงเท่านั้น ก็ลุกขึ้นอุ้มกรรณนรีจนตัวลอย พาเดินเข้าไปในห้องทันที

สรวงวางร่างกรรณนรีลงบนเตียงนอน ทันทีที่ตัวสัมผัสกับเตียง กรรณนรีลุกนั่งพรวดพร้อมกับกระถดตัวหนี สรวงยิ้มตาหยี
“ทำไม? รีบหนีเชียว..กลัวอดใจไม่ไหว แล้วปล้ำฉันเหรอ”
“มีแต่คุณน่ะแหละ จะปล้ำฉัน”
สรวงแกล้งทำเป็นโกรธ “คนอย่างฉันไม่เคยปล้ำใคร” ยิ้มกริ่ม “แต่จะปล้ำเธอ” สรวงก้าวเตียงทำท่าจะพุ่งเข้าใส่
“อย่าคุณสรวง”
กรรณนรีพูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดตัวแข็ง เมื่อสรวงคว้าร่างมากอด สรวงกับกาวมองจ้อง
ตากัน สรวงค่อยๆ โน้มก้มลงจูบที่หน้าผาก ไล่เรื่อยลงมาที่จมูก กระซิบเสียงแผ่ว
“ฉันรักเธอ...นอนนะกรรณรี”
สรวงกอดกรรณนรีแล้วหลับตาลง ขณะที่กรรณนรีนอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเยื้อน คอยชำเลืองมอง
สรวงตลอดเวลา

ไม่นานนักกรรณนรีสังเกตุเห็นลมหายใจของสรวงสม่ำเสมอ ชายหนุ่มหลับแน่แล้ว กรรณนรีค่อยๆ ผ่อนคลายลง มองหน้าสรวง ยิ้มนิดๆ ในแววตา ก่อนจะซบหน้าลงกับอกแกร่งของสรวง หลับไปเช่นกัน

โปรดติดตาม "ไฟมาร" ตอนที่ 16 
กำลังโหลดความคิดเห็น