xs
xsm
sm
md
lg

ไฟมาร ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไฟมาร ตอนที่ 4
 
 
ภาพิศยิ้มแย้มกับนักข่าว พูดด้วยใบหน้าระรื่น

“ทันทีที่ทราบว่าพี่มีน้อง คุณสรวงก็โทร.มาหาพี่ทันที”
กรรณนรีมองหน้าภาพิศ ขณะที่นิคกดชัตเตอร์ถ่ายภาพภาพิศและสรวงไม่ยั้ง ภาพิศยิ้มพูดเสียงหวาน
“วันนี้พอพี่รู้ว่าคุณสรวงจะมางาน พี่เลยเอาดอกไม้มาแสดงความ” เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นประชด
“ขอบคุณคุณสรวง” ยื่นช่อดอกไม้ให้พร้อมรอยยิ้มหวาน “ขอบคุณค่ะ ถ่ายรูปด้วยกันนะคะ”
พร้อมกันนั้นภาพิศรีบขยับไปยืนข้างสรวง นักข่าวถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ กรรณนรีมองภาพนั้น รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับสรวงและภาพิศ
สุขหฤทัยโมโหมาก เดินดิ่งตรงมาหาอย่างเอาเรื่อง
“งานของฉัน เธอเสนอหน้ามาทำไม ใครเชิญ” ปรี่เข้าหาด้วยกิริยากร่างเต็มองค์ “ออกไป๊”
ภาพิศแสร้งทำเป็นถอยหลัง หลบ พร้อมกับแกล้งซวนเซเหมือนจะล้มร้อง “ว๊าย”
จังหวะที่ภาพิศเหมือนจะล้มแล้ว กรรณนรีและนิครีบเข้าไปประคอง
กรรณนรีไม่พอใจมาก “คุณภาพิศท้อง ทำไมต้องทำกันอย่างนี้ด้วย”
“ฉันทำอะไร หล่อนล้มเองต่างหาก อย่ามารยานะภาพิศ” สุขหฤทัยปราดเข้ามาในอาการกราดเกรี้ยว
กรรณนรีเอาตัวเข้ามาขวาง บอกเสียงเข้ม “อย่านะ”
สรวงดึงมือสุขหฤทัยออก เผชิญหน้ากับกรรณนรีจังๆ สุขหฤทัยโกรธจัด
“เธอ” สุขหฤทัยพูดกับสรวง “สรวงจะห้ามทำไม? ไม่เห็นหรือไง ว่ามันแกล้ง”
นิคพูดสวนออกมา “ไม่มีใครแกล้งหรอก”
มะยมเสริม “ทำท่าจะตบขนาดนั้น เป็นใคร ใครก็ต้องหลบ”
“คุณฤทัยไม่ได้ตั้งใจ” สรวงบอก
กรรณนรีจ้องหน้าสรวงเขม็ง “แต่ถ้าเด็กในท้องคุณภาพิศเป็นอะไร คุณจะว่ายังไง”
ภาพิศรีบบอกเสียงหวาน “ไม่เป็นไรค่ะพี่ไม่เป็นไร...กำลังจะไปตรวจที่โรงพยาบาลพอดี...จะได้
ถือโอกาสตรวจเลย...ไม่มีอะไรแล้ว งั้นพี่กลับก่อนนะคะคุณสรวง ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่โทร.หาพี่”
ภาพิศยิ้มให้สรวงก่อนหมุนตัวออกไป นักข่าวอีกกลุ่มวิ่งตามภาพิศ สรวงโกรธมาก

ที่มุมหนึ่งในห้าง สรวงหลบมุมโทร.หาอารักษ์ ซึ่งตอนนั้นอยู่ที่สนามกอล์ฟ
“ผมไม่ยอมนะครับคุณพ่อ...ต่อให้ภาพิศไปป่าวประกาศ ผมก็ไม่มีวันยอมรับเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องเด็ดขาด”
อารักษ์ออกกอล์ฟอยู่กับหมอบุญยิ่ง คุยโทรศัพท์
“อะไรกันสรวง ภาพิศไปประกาศ ที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง”
“กลางงานเปิดตัว cool 2012 ยาสีฟันของสุขหฤทัย”
สีหน้าอารักษ์เครียดเคร่ง บุญยิ่งมองหนักใจแทน อารักษ์บอก “ภาพิศคงไม่ได้ตั้งใจ”
สรวงเข้ม “เค้าจงใจ เค้าตั้งใจมาครับ แต่ไม่ว่ายังไง ผมขอย้ำผมก็ไม่มีวันรับเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องเด็ดขาด” วางสายอย่างฉุนเฉียว
ที่ด้านหลังสรวง กรรณนรียืนฟังอยู่น้ำตาคลอ เจ็บช้ำเสียใจแทนภาพิศ
“เลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงคะ”
สรวงหันมามองตกใจ กรรณนรีพูดต่อเสียงเครือ ประชดประชัน
“ต่ำต้อย ด้อยค่า เป็นคนจนเหมือนฉัน...แต่ถึงยังไงฉันก็มีศักดิ์ศรี ฉันเองก็ไม่อยากได้เลือดเนื้อเชื้อไขของพวกคุณมาเป็นน้องเหมือนกัน”

กรรณนรีสะบัดหน้าวิ่งเข้าไปในห้าง..สรวงมองตามด้วยแววตาเสียใจ หนักใจ และกลุ้มใจ

ส่วนที่สนามกอล์ฟขณะนั้น อารักษ์ เอาแต่ถอนหายใจเฮือกๆ ขณะหารืออยู่กับหมอบุญยิ่ง

“ผมเป็นคนกลาง ผมก็ต้องทำแบบนี้ จะให้ผมตัดรอนใครได้ยังไง นั่นก็เมีย นี่ก็เมีย นั่นก็ลูก นี่ก็ลูก หมอเข้าใจผมใช่มั้ย”
“เข้าใจ...แต่ถ้าผมเป็นสรวง ผมอาจจะไม่เข้าใจ” บุญยิ่งว่า

สรวงนั่งหน้าหงิกหน้างอ อยู่หน้านพ ที่ออฟฟิศ
“อย่าหาว่าพี่ยุ่งเลยว่ะ นายนั่งกลุ้มอย่างนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? นายเป็นลูก ทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุดดีกว่า”
“ผมเป็นลูกทั้งของพ่อของแม่ แล้วผมควรทำยังไงในเมื่อพ่อดีใจ แต่แม่เสียใจ”
“ดูแลใจแม่ให้ดี เพราะแม่ต้องการกำลังใจ”
“แล้วพ่อ” สรวงย้อนถาม
“ก็ปล่อยพ่อไปไง ให้ท่านมีความสุขตามประสาท่าน เพราะตอนนี้ท่านคงไม่ได้คิดถึงสรวง คิดถึงแม่ เพราะท่านกำลังเห่อลูกคนใหม่” นพว่า
“แล้วพ่อปล่อยให้คนอื่นทุกข์น่ะหรือครับ”
“พี่ว่าไม่ใช่สรวงทุกข์คนเดียว ลูกของคุณภาพิศที่ถูกทิ้ง เค้าก็ต้องทุกข์ เค้าจะคิดยังไงที่คุณภาพิศมีความสุขกับลูกใหม่ แต่ทิ้งพวกเค้าไป หรือสรวงว่าไม่จริง”
สรวงนิ่งเงียบ

สรวงขับรถมาตามทาง ก่อนจะหักพวงมาลัยจอดข้างทาง กลุ้มจัด เสียงกรรณนรีก้องในหัว
“เลือดเนื้อเชื้อไขของฉันเป็นยังไง?” สรวงตัดสินใจขับรถไปทางบ้านกรรณนรี

กรรณนรีเดินมาตามทางในซอยหน้าบ้าน เสียงสรวงดังก้องในหัว
“ผมก็ไม่มีวันรับเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องเด็ดขาด”
กรรณนรีน้ำตาไหล พอเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสรวงยืนอยู่ กรรณนรีจ้องหน้าสรวง สะบัดหน้าเดินหนี สรวงเดินพรวดเดียวมาถึงกรรณนรี คว้าแขนสียงอ่อน
“เดี๋ยวก่อน....ฉันขอคุยด้วย”
“จะมาคุยอะไรกับฉัน?ในเมื่อ ฉันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของคนที่คุณรังเกียจ”
กรรณนรีสะบัดแขนออก น้ำตาไหลพราก
สรวงใจอ่อนยวบ “กรรณรี” เอื้อมมือหมายจะแตะ
กรรณนรีสะบัดออก ตะคอกเสียงดัง “อย่ามายุ่งกับฉัน รู้ไว้..ถึงเค้าจะไม่ยอมรับฉันเป็นลูก แต่ฉันก็เป็นลูกเค้า ฉันทนไม่ได้ ที่คุณมาเหยียดหยามแม่ ดูถูกแม่เพราะเลือดส่วนหนึ่งในตัวฉันมันคือเลือดของแม่”
“กรรณรี” สรวงจะคว้าตัวกรรณนรีมากอด
“หลีกไป” กรรณนรีผลักสรวงวิ่งหนีไป สรวงตะโกน
“เดี๋ยวก่อน กรรณนรี กรรณนรี” สรวงวิ่งตาม

ไม่นานนัก กรรณนรีวิ่งหนีมาที่ข้างทางริมน้ำใกล้ๆ สรวงวิ่งตามมาจนทันและจะกระชากร่างของกรรณนรีมากอดไว้ในอ้อมแขน
กรรณนรีดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง “ปล่อยฉัน ปล่อย”
“ไม่ปล่อย”
“ปล่อย”
สรวงบอกเสียงเข้ม “ไม่..จนกว่าเธอจะฟังฉัน”
กรรณนรียังถูกสรวงกอดเอาไว้ ร้องไห้ออกมา “จะให้ฉันฟังอะไร? คุณคิดว่าฉันอยากมีน้องนักเหรอ พ่อฉัน พี่ฉันไม่มีใครอยากมี โดยเฉพาะเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกคุณ” กรรณนรีดิ้นขื่นตัว
“หยุด! กรรณรี”
สรวงร้องห้าม พร้อมกับกระชับกอดกรรณนรีแน่น จนกรรณนรีอ่อนแรง ซบหน้าลงกับอกของเขาร้องไห้ สรวงกอดกรรณนรีอยู่อย่างนั้น
“ฉันเจ็บจากการกระทำของแม่ไม่พอ ฉันยังต้องมาเจ็บกับคำพูดของคุณอีกฉันถามหน่อยคุณสรวง ฉันผิดอะไร ฉันทำผิดอะไร” กรรณนรีสุดกลั้น ร้องไห้โฮออกมา
“คุณไม่ผิดหรอก ผมผิดเอง ผมขอโทษ”
สรวงพูดพร่ำ ก่อนจะโน้มหน้าลง ค่อยๆ จูบปลอบกรรณนรีที่หน้าผาก ไล่มาที่จมูกอย่างละมุนละไม สายตาของกรรณนรีและสรวงประสานกัน ก่อนที่สรวงจะบรรจงจูบที่ริมฝีปากของกรรณนรีอย่างแผ่วเบาและตราตรึง

สองคนไม่รู้ว่า ที่อีกมุมหนึ่ง ภรตจอดรถมองอยู่นานแล้ว ด้วยแววตาแสนเจ็บปวดและร้าวรานเป็นที่สุด
 

ตรงบริเวณข้างทางริมน้ำบรรยากาศสวยงามยามค่ำคืนขณะนั้น สรวงกับกาวมองจ้องหน้ากัน สองคนต่างซึมซับรับรู้ได้ถึงความรู้สึก ‘บางอย่าง’ ที่มีให้กันและกัน กรรณนรีน้ำตาไหล ความรู้สึกน้อยใจพุ่งขึ้นมาอีก กรรณนรีผละออกจะวิ่งหนีไป แต่วิ่งสรวงตามมาคว้าข้อมือกรรณนรีรั้งร่างมากอดแนบแน่น

กรรณนรีตกใจ “คุณสรวง”
สรวงกอดกรรณนรีอยู่อย่างนั้น “อย่าโกรธฉัน สิ่งที่ฉันทำกับเธอ มันไม่ใช่ความมักง่าย”
กรรณนรีหันมามองสรวงทั้งตกใจทั้งแปลกใจ สรวงพูดต่อเสียงแผ่ว
“เธอรู้ใช่มั้ย...จริงๆ แล้ว ฉันรู้สึกยังไงกับเธอ”
ได้ฟังลึกๆ แล้วกรรณนรีดีใจ “คุณสรวง” มองสบตา “แต่มันเป็นไปไม่ได้” น้ำตารินไหล “และเราก็ไม่ควรเจอกันอีก” กรรณนรีผลักสรวงออกแล้ววิ่งหนีไป
สรวงตะโกนเรียก “กรรณนรี..กรรณนรี”
ทว่ากรรณนรีไม่ยอมหันกลับมา สรวงยืนนิ่ง สับสนว้าวุ่นใจหนัก

กลับถึงบ้านกรรณนรีเปิดประตูเข้ามาในห้อง ร้องไห้ บอกตัวเองอยู่ในใจอย่างเจ็บปวด
“ทำไมๆ ต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับเรา....อย่านะกาว ห้ามใจไว้ อย่ารู้สึกอะไรกับเค้าเด็ดขาด”
กรรณนรีเช็ดน้ำตา ทำเป็นฮึดเข้มแข็ง แต่สุดท้ายน้ำตาก็ไหลรินออกมาอยู่ดี

สรวงขับรถมาตามทาง ก่อนจะหักเลี้ยวเบนรถเข้าจอดที่ข้างทาง สีหน้าเครียดจัด พูดอยู่ในใจ
“อย่านะสรวง...กรรณรีคือลูกของศัตรู”
สรวงซบหน้าลงกับพวงมาลัย เครียดมาก

คืนเดียวกันนั้นภาพิศเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนหยิบมือถือขึ้นมากดโทร.ออก
เวลาเดียวกันสุดาอยู่ที่บ้านคว้ามือถือ เห็นเบอร์ก็ตาวาว “นังภาพิศ” สุดากดรับสาย
จังหวะนั้นอารักษ์เดินถือแก้วนมเข้ามา ภาพิศรีบเอามือถือวางไว้ข้างๆ ตัว ตั้งใจให้สุดาได้ยินทุกอย่าง
“ดื่มนมแล้วก็พักผ่อนเยอะๆ อยากทานอะไรบอกพี่ พี่จะหามาให้”
“คุณพี่หาให้ภาทุกอย่าง จนภาไม่อยากได้อะไรแล้วค่ะ”
สุดาฟังอยู่ กำมือถือแน่น ดวงตามีแต่ความสะเทือนใจ ยินเสียงอารักษ์หัวเราะ
“ก็พี่รักภา รักลูกของพี่นี่”
“ภาก็รักคุณพี่คะ....เหนื่อยมากมั้ยคะวันนี้ เดี๋ยวภานวดให้” ภาพิศนวดให้
“พี่สิต้องนวดให้ภา...คนท้องคนไส้ ร่างกายต้องผ่อนคลายรู้มั้ย”
ภาพิศหัวเราะออดอ้อน รสุดาน้ำตาไหลพราก อกแทบระเบิด สีหน้าเจ็บปวดมาก

ภรตนั่งอยู่ในผับแห่งหนึ่ง ดื่มอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน กาวินทร์เดินเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“อ้าว!ภรต ทำไมมานั่งดื่มอย่างนี้ล่ะ? ปกตินายไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่หว่า”
“ก็ทำอะไรที่มันไม่ปกติมั่ง” ภรตพูดเสียงประชด
กาวินทร์ยิ้มขำ “ประชด แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ภรตถึงได้ทำตัวผิดคอนเซ็ปท์ผู้ชายที่แสนดี เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ”
“ไม่รู้จะทำตัวดีไปทำไม สุดท้ายผู้หญิงก็ชอบคนเลวอยู่ดี โดยเฉพาะ..พวกปากว่ามือถึง” เดินออกไป
กาวินทร์งง “ภรต ภรต” รีบตามไปทันที
สุขหฤทัยอยู่ที่อยู่อีกมุมเห็นพอดี “พี่ยัยนักข่าวคนนั้นนี่” รีบตามไปติดๆ

ภรตเดินออกมาหน้าผับ กาวินทร์ตามออกมา
“เดี๋ยวก่อนภรต เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่านายพูดถึงกาว”
“แกก็รู้ว่าฉันชอบใคร?”
กาวินทร์ตกใจ “กาว กาวทำอะไร”
“กาวไม่ได้ทำ แต่คุณสรวง...” อึดอัดใจพูดไม่ออก รู้สึกเจ็บช้ำ “คุณสรวง”
จังหวะเดียวกันสุขหฤทัยเดินออกมาได้ยิน ในขณะที่กาวินทร์ถามแทบตะคอก
“ทำไม? ไอ้หมอนั่นทำอะไรกาว”
“ไม่ถือว่าเค้าทำอะไรกาวหรอก” น้ำเสียงขมขื่นใจมาก “เพราะกาวเต็มใจให้เค้าทำ” ภรตเดินเข้าไปในผับ
กาวินทร์ตกใจมาก “ไอ้สรวง” เดินออกไปที่ลานจอดรถ
สีหน้าสุขหฤทัยทั้งโกรธทั้งตกใจ กับเรื่องที่ได้ยิน

กาวินทร์หน้าเครียดเดินตรงไปที่รถ สุขหฤทัยตามมา ตะคอก วางอำนาจใส่
“แกยังไปไม่ได้
กาวินทร์หันกลับมามอง พอเห็นเป็นสุขฤทัยก็ยิ้มแสยะ เอื้อมมือมาจับประตูรถไม่สนใจ
สุขหฤทัยโกรธมากถลันมาขวางที่ตรงหน้า “เอ๊ะ!แกนี่ไม่ได้ยินรึไง ฉันบอกยังไปไม่ได้”
กาวินทร์โกรธมากรุ่นๆ “เป็นบ้าหรือคุณ หลีกไป”
“ไม่หลีก! จนกว่าแกจะฟังฉัน รู้ไว้น้องแกน่ะแย่งแฟนฉัน”
กาวินทร์โกรธ ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มเย้ย “ไม่มีทาง เพราะคนอย่างคุณ คงไม่มีใครเอามาเป็นแฟน”
“ไอ้” สุขหฤทัยเงื้อมือจะตบ
กาวินทร์จับข้อมือหมับ “หยุด! ผมไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิง” ผลักมือออก แล้วเดินหนีไปทางรถที่จอดอยู่
สุขหฤทัยมองตามโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ลูกน้องพ่อสุขหฤทัยที่คอยอารักขา 2 คนเดินออกมาพอดี
“จัดการ” สุขหฤทัยสั่งเสียงกร้าว
ลูกน้องตามกาวินทร์ไป และก่อนที่กาวินทร์จะขึ้นรถ ลูกน้องสุขหฤทัยก็ชกและอุ้มไปอย่างรวดเร็ว

รถของกาวินทร์แล่นมาจอดโดยมีลกน้องสุขฤทัยเป็นคนขับมา ตามด้วยรถของสุขหฤทัย ก่อนที่พวกลูกน้องจะลากกาวินทร์ลงมา จัดการซ้อมจัดหนักชนิดรุมยำบาทา จนทรุดตัวลงไปนอนกองกับพื้น กาวินทร์ยังพอมีสติ เห็นสุขหฤทัยเดินถือขวดน้ำเข้ามา
“ถึงแกจะไม่อยากมีเรื่องกับฉัน แต่ฉันอยากมีเรื่องกับแก” สาดน้ำเข้าใส่หน้ากาวินทร์เต็มๆ “จำไว้! ถ้าน้องแกยังหน้าด้านมายุ่งกับแฟนฉัน มันโดนดีแน่”
สุขหฤทัยหันหน้ากลับออกไป พร้อมลูกน้อง กาวินทร์มองตาม สีหน้าโกรธจัด

รุ่งเช้าขณะที่กรรณนรีเดินลงบันไดมาจากบนบ้าน เห็นพ่อทำแผลให้พี่ชาย ยินเสียงเกริกบ่น
“พ่อล่ะกลุ้มจริงๆ เมื่อไหร่แกจะเลิกนิสัยใจร้อนอย่างนี้ซะทีแก้ว”
“ก็พวกมันหาเรื่องผมก่อน”
กรรณนรีอยากรู้ “ใครพี่แก้ว”
กาวินทร์เงยหน้ามองหน้ากรรณนรีอย่างไม่พอใจ แต่เกริกพูดแบบระอา
“จะใคร? ก็พวกที่ผับล่ะสิ ใช่มั้ย? กินเหล้าเข้าไปเมา แล้วก็เที่ยวแย่งผู้หญิง”
“ผมไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ถ้าไม่จำเป็น” กาวินทร์โกรธเดินออกไปขึ้รถ
เกริกมองตามอย่างหัวเสีย “ดูมันทำกับพ่อกาว ดูมัน” ตะโกนไล่ส่ง “แย่งผู้หญิงจำเป็นมาก
เลยใช่มั้ยแก้ว เฮ้อ”
กรรณนรีมองตามกาวินทร์อย่างไม่พอใจ ก่อนจะตามออกไป เกริกนั่งอยู่แป๊บ ถอนใจเฮือกเดินตามออกไปอีกคน

กรรณนรีเดินตามกาวินทร์ที่ผลุนผลันไปที่รถ ร้องถาม
“ทำไมพี่แก้วชอบทำให้พ่อกลุ้มใจ”
“คำถามนี้ แกควรถามตัวเองมากกว่ากาว”
กรรณนรีมองอย่างงงๆ กาวินทร์ถามอย่างฉุนเฉียว “แกไปยุ่งกับไอ้สรวงทำไม”
กรรณนรีตกใจ “ก็กาว...ต้องทำงานกับเค้า”
กาวินทร์เย้ย “งานอะไร? มันถึงได้ถูกเนื้อต้องตัวแกยังกับผู้หญิงราคาถูก”
กรรณนรีตกใจที่ถูกพี่ชายด่าแรงๆ “พี่แก้ว”
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ รู้เอาไว้” ชี้หน้าตัวเอง “ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะเมียไอ้สรวงมันทำ” โมโหมาก “แกนะแกกาว ทำไมเป็นคนแบบนี้ แม่เป็นเมียน้อยไม่พอ แกยังจะหน้าด้านเป็นเมียน้อยเค้าอีก”
เกริกเดินออกมา ส่วนอีกมุมคือสองป้าที่จะเดินเข้าบ้านพอดี สามคนได้ยินเต็มหู
กรรณนรีน้ำตาคลอ พูดใส่หน้าพี่ชายเสียงสั่น “กาวไม่ได้เป็นเมียน้อยใคร และไม่เคยคิดจะเป็นด้วยถ้าคนที่กาวรัก เค้ามีเมียอยู่แล้ว กาวยอมกัดลิ้นตัวเองตาย ดีกว่าไปเป็นเมียน้อยเค้ารู้ไว้”
กรรณนรีวิ่งออกไป กาวินทร์หัวเสียเดินไปขึ้นรถ เกริกอึ้ง สองป้ามองเห็นใจ

เกริกคว้าขวดเหล้าออกมาเทใส่แก้งเพื่อดื่มย้อมใจ สองป้าตามมา ป้าจักจั่นหัวเราะแหะๆ
“แก้วอาจจะแฉแต่เช้า แต่พ่อเกริกไม่ต้องดื่มแต่เช้าก็ได้นะ”
เกริกจะดื่ม สองป้าคว้าห้ามไว้
“น่า! อย่าคิดมาก ฉันว่ากาวมันไม่ได้เป็นเมียน้อยเหมือนแม่มันหรอก อุ๊ปส์!” ป้าจักจั่นว่า พลางถลึงตาใส่ ป้าตั๊กแตน ก่อนจะหันมาพูดกับเกริก “จริง!ฉันว่ากาวไม่ได้เป็นเมียน้อยใครหรอก ท่าทางไอ้หนุ่มคนนั้นยังไงก็ไม่มีเมีย”
เกริกตกใจ “คนไหน”
ตั๊กแตนรีบรายงาน “ก็ไอ้หนุ่มหน้ามลคนหล่อที่เคยมาหาพ่อเกริกไง”
จักจั่นเสริม “วันนั้นที่มาเค้าคงอยากคุยกับพ่อเกริกล่ะ คงสำนึกผิด กะสารภาพกับพ่อตา”
เกริกชักจะงงหนัก “สำนึกผิด สารภาพอะไรป้า”
“ก็ที่เค้ากอดจูบกาวไง” ปั้นจักจั่นว่า
“ดีไม่ดี เค้าอาจจะคุยกับพ่อเกริก เรื่องของกาวแต่งงานก็ได้นะ” ป้าตั๊กแตนบอก
“ก็เป็นไปได้ หน้าบ้านยังเท่านี้ ป่านนี้คงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว” ป้าจักจั่นผสมโรง

เกริกตาเหลือก ตกใจมากกับเรื่องที่ได้ฟัง

ขณะนั้น นพคุยอยู่กับเลขาที่หน้าห้องทำงานสรวง

“ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ผมไม่ว่างนะ ถ้าจะประชุมขอเป็นจันทร์หน้าแล้วกัน”
“ค่ะ”
จังหวะนั้นกรรณนรีเดินหน้าบึ้งตึงเข้ามา พอมาถึงก็ไม่มองและไม่ทักใคร เลขาร้องลั่นเข้ามาห้าม
“คุณคะ เข้าไปไม่ได้นะคะ”
“ฉันมีธุระด่วนกับคุณสรวง” กรรณนรีบอกเสียงดัง
“คุณสรวงติดงานอยู่ค่ะ”
“ฉันก็มีงาน จะคุยกับเค้าเหมือนกัน” กรรณนรีเปิดประตูเดินเข้าไป อาการฉุนเฉียว
“เอาละเว้ย นายสรวง งานเข้า”
กรรณนรีบุกเข้าไป เลขามองหน้านพเป็นเชิงถาม นพพยักหน้าให้เลขาทำนองปล่อยไป เลขาตกใจ

สุขหฤทัยนอนหลับอยู่บนเตียง เสียงมือถือแผดเสียงดังลั่น
“โอ๊ย! ใครโทร.มาแต่เช้า....คุณหญิงแม่แน่เลย”
สุขหฤทัยเอาหมอนปิดหน้าปิดหูตัวเอง ไม่กล้ากดสายทิ้ง เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุด
“คุณหญิงแม่ตามจิกอย่างนี้ มิน่า คุณลุงถึงได้เตลิด เฮ้อ!” จำต้องรับสายทั้งที่ตาหลับ “ขา...คุณหญิงแม่”
“โถ…แค่นิ้วนางโทร.มาบอกตามที่คุณฤทัยสั่ง ไม่ต้องเรียกว่าแม่ก็ได้ค่ะ” เป็นเลขาสรวง ชื่อนิ้วนาง โทร.มา
สุขหฤทัยลืมตา “เธอเองเหรอยัยนิ้วนาง?” ตวาดแว๊ด “โทร.มาทำไมแต่เช้า”
“ก็คุณฤทัยสั่งว่า ถ้ามีผู้หญิงมายุ่งกับคุณสรวงให้รีบโทร.บอก”
สุขหฤทัย ตาโต ตื่น หายง่วงทันที “ใครมายุ่งกับสรวง”
“นักข่าวที่ชื่อกาวค่ะ” เลขาบอก
ฤทัยชะงัก “นังกาว”

สรวงคุยงานอยู่ในห้อง “ผมว่าตรงนี้ยังไม่ค่อยดี แก้แบบใหม่ดีกว่า”
“ครับ” พนักอีกคนบอก
จู่ๆ กรรณนรีเดินหน้าบึ้งเข้ามา สรวงหันไปมอง ก่อนจะพยักหน้าให้พนักงาน สักครู่หนึ่งพนักงานจึงเดินออกไป
ทันทีที่ประตูปิด สรวงก็ถาม
“มีอะไรกรรณรี”
แทนคำตอบ กรรณนรีตบเผียะเข้าที่ใบหน้าสรวงอย่างแรง

ทางด้านมะยมซึงมีที่ท่าทีโรยๆ อาการเหมือนคนไม่สบาย กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ ทุกสิ่งอย่างในกรอบสายตาเห็นเป็นภาพพร่าเลือนไปหมด แถมหมุนติ้วๆ มะยมพูดอย่างอ่อนเปลี้ย
“ไหนแหล่งข่าวบอกว่า พี่ ว. รีเทิร์น น้อง พ. แล้วแอบมาเช่าคอนโดอยู่ด้วยกันแถวนี้ ทำไมไม่เห็นเนี่ย? โอย..คนยิ่งปวดหัวๆ อยู่ ไปเล่นซ่อนหากันที่ไหน” มือถือดังลั่น มะยมรับ “มะยมค่ะ
เป็นนพโทร.มาจากบริษัทสถาปนิก “มีเรื่องอะไรกันคุณ ทำไมจู่ๆ คุณกาวถึงได้บุกมาหานายสรวง”
มะยมงง “กาวบุกหาคุณสรวง”
“ฮื่อ! หน้าตาไม่ดีเลยครับ ไม่รู้มีเรื่องอะไรกัน”
“มะยมอยู่แถวนี้พอดี เดี๋ยวเข้าไปค่ะ” มะยมวางสายไปอย่างงงๆ “มีเรื่องอะไรยัยกาว”

สรวงถอยหลังกรูดหน้าเหวอ ขณะที่กรรณนรีย่างเท้าเข้าไปหา
สรวงงวยงง “ตบผมทำไม”
“ไปถามคุณขี้ไคลแฟนคุณดีกว่า ว่าฉันตบคุณทำไม? ฟังนะ ถึงเค้าจะเป็นแฟนคุณ แต่เค้าไม่มีสิทธิ์ตามไปราวีฉัน ครอบครัวฉัน เพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ..โดยเฉพาะ “เมียน้อย” คุณ” กรรณนรีกระแทกเสียงใส่
สรวงงงหนัก “เฮ้ย! เมียน้ง เมียน้อยอะไรกันคุณ ผมยังไม่มีเมีย”
“จะมีไม่มี คุณไปคุยกับคุณขี้ไคลเอง ที่ฉันมาที่นี่ แค่บอก อย่าให้คนของคุณมายุ่งกับฉันอีก” กรรณนรีขึ้นเสียง
“เค้าทำอะไรคุณ”
“ไปถามเค้าเอง” กรรณนรีหันตัวจะกลับ
“คุณน่ะแหละต้องตอบผม”
พนักงาน เดินผ่านไปมามองทะลุกระจกเข้าไป เห็นสรวงคว้ามือกรรณนรี
“มานี่”
“ปล่อยฉันนะคุณ ปล่อย” สรวงไม่สน ลากกรรณนรีออกมา

นพยืนหน้านิ่ว มองเข้าไปด้านในและด้านหน้า อาการห่วงหน้าพะวงหลัง
มะยมวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามายกมือไหว้พลางถาม “กาวล่ะคะ”
“อยู่ในห้องนายสรวง”
นพพูดแค่นั้นก็ตาค้าง เมื่อเห็นสรวงลากกรรณนรีออกมา กรรณนรีร้องลั่น
“ปล่อยฉันนะคุณสรวง ปล่อย”
นพกับมะยมตกใจตาค้าง สองคนถามในทำนองเดียวกัน แทบจะพร้อมๆ กัน
“อะไรกันสรวง” / “อะไรกันกาว”
สรวงบอกเสียงเข้ม “ผมมีเรื่องต้องคุยกับกรรณรี”
พูดจบสรวงก็ลากกรรณนรีผ่านหน้านพกะมะยมไป สองคนมองหน้ากัน
“จะคุยหรือจะฆ่าหั่นศพกันเนี่ย?” นพว่า
มะยมบอกท่าทีโรยแรง ไม่สบาย “ตามไปดีกว่าค่ะคุณนพ”
“ไป” นพรีบตามไปเร็วรี่

สรวงหน้าเข้มขับรถมาตามทาง ขณะที่กรรณนรีร้องกรี๊ดๆ บอกให้จอดรถ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณสรวง คุณจะพาฉันไปไหน”
สรวงตะคอก “สงบสติอารมณ์”
กรรณนรีสวนคำ “ฉันไม่ได้บ้า”
“สิ่งที่คุณทำเค้าเรียกว่าบ้า และคุณกำลังทำให้ผมบ้าเหมือนกัน”
พูดจบสรวงเร่งเครื่องยนต์ รถทะยานไปเร็วกว่าเดิมอีก กรรณนรีร้องลั่น
“หยุดนะคุณสรวง หยุด”

นอกจากสรวงไม่หยุด ยังเร่งเครื่องขับรถแล่นทะยานไปอย่างรวดเร็ว

ไฟมาร ตอนที่ 4 (ต่อ)
 

ส่วนที่ด้านหลัง นพขับรถมาตามสรวงมาติดๆ มีมะยมนั่งมาด้วย นพบ่นงึมงำ

“นายสรวงขับเร็วอะไรขนาดนี้ ผมตามไม่ทันเลย เห็นมั้ยคุณมะยม”
เงียบไม่มีเสียงตอบ นพเหลียวมามอง เห็นมะยมทำท่าผะอืดผะอมก็ตกใจ
“เป็นอะไรคุณ” นพรีบเบนรถเข้าจอดข้างทาง
มะยมตอบแบบไม่มีเสียง “ไม่สบายนิดหน่อยค่ะ”
“ท่าทางคุณไม่ดีเลย เดี๋ยวผมพาไปหาหมอ”
โดยไม่รอคำตอบ นพขับรถมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที

ไม่นานต่อมามะยมนอนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยแล้ว ข้างเตียงมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง
“จะให้ผมโทร.ตามใครมั้ยครับ? คุณพ่อคุณแม่”
มะยมยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “พ่อแม่ฉันเสียไปนานแล้วค่ะ”
“เสียใจด้วยนะครับ แล้วเพื่อนที่สตาร์อินเทรนด์” นพถาม
“คงวุ่นกับการทำงานอยู่น่ะค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ฝืนยิ้ม “ชีวิตฉันก็มีแค่นี้แหละ ที่ทำงานกับที่คอนโด ฉันไม่มีใคร”
นพยิ้มเจื่อนๆ รู้สึกสงสารและเห็นใจมะยม
มะยมเปลี่ยนเรื่อง “ห่วงแต่กาว ป่านนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้”

สุขหฤทัยแต่งตัวสวยแดฉายก้าวฉับๆ มาในบริษัท มาถึงก็ไม่คุยกับใครเดินตรงไปที่ห้องสรวงทันที
“สรวงคะสรวง สรวง” ไม่เห็นใครในห้อง
เลขารีบถลาเข้ามาหา “คุณฤทัยคะ คุณสรวงไม่อยู่ค่ะ”
“สรวงไปไหน”
“ไม่ทราบค่ะ ออกไปกับคุณกาว”
“แล้วเธอทำไมไม่ห้าม” สุขหฤทัยฉุนกึก
“นิ้วนางจะห้ามได้ยังไงล่ะคะ? คุณสรวงเป็นเจ้านาย อีกอย่างไม่ใช่แค่คุณสรวง คุณนพออกไปกับนักข่าวที่ชื่อมะยมด้วยค่ะ” เลขารายงานทุกเม็ด
สุขหฤทัยตะลึง “หา”
“สองคู่ชู้ชื่นเลยล่ะค่ะ” เลขาว่า

สุขหฤทัยเดินมายังที่จอดรถหน้าบริษัทในอารมณ์ฉุนเฉียว ท่าทีโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง พลางกดโทรศัพท์
“หนอยแน่ สองคู่ชู้ชื่น พวกผู้หญิงหน้าด้าน รู้ว่าเค้ามีแฟนอยู่แล้วยังจะมาให้ท่าเค้าอีก เจอดีแน่แก”
พอติดต่อใครไม่ได้ สุขหฤทัยจึงโทร.ไปที่บ้านนพ ซึ่งนาภรรยานพ ที่เป็นผู้หญิงสวย ท่าทางดุๆ รับสาย
“มีอะไรถึงได้โทร.มาหาพี่คะ น้องฤทัย”
“ก็คุณนพน่ะสิคะ...ออกไปไหนก็ไม่รู้กับผู้หญิง...สองต่อสอง”
นาหูผึ่ง “สองต่อสอง”
“พี่นาต้องจัดการนะคะ...ไม่อย่างนั้น พี่นาถูกสวมเขาแน่ๆ” สุขหฤทัยใส่ไฟ
นาเรียกจิกด้วยความโมโห “ผู้หญิงคนนั้น มันเป็นใคร”

เวลาเดียวกันนิคนั่งทำงานมือเป็นระวิงอยู่คนเดียวที่ออฟฟิศ ท่าทียุ่งมาก
“หายไปไหนกันหมดวะ ปล่อยให้ฉันทำงานคนเดียว” เสียงโทรศัพท์ออฟฟิศดังนิครับสาย “สตาร์อินเทรนด์ครับ”
“บอกนักข่าวที่ชื่อมะยม อย่ามายุ่งกับสามีฉัน” นาแผดเสียงมาทางสาย
นิคงง ถามสุภาพ “อะไรนะครับ”
“ไม่ได้ยิน หรือแกล้งไม่ได้ยินเพื่อปกปิดให้พรรคพวกกันแน่ บอกนักข่าวที่ชื่อมะยมอย่ามายุ่งกับสามีฉัน”
นิคพยายามเคลียร์ “ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจนะผิด”
“ถ้าเข้าใจผิดว่าคุณนพเค้าไม่มีลูกมีเมีย ก็กรุณาเข้าใจให้ถูกด้วย ต่อไปจะได้ไม่ทำหน้าด้าน มายุ่งกับสามีคนอื่นรวมทั้งกรรณรีอย่าไปยุ่งกับคุณสรวง” นาพูดจบก็วางหูใส่
นิคงงหนัก “มาเป็นชุดเลย มะยมกับกาวไปเหยียบตาปลาใครวะเนี่ย”

สุขหฤทัยมาโวยวายที่บ้านสรวง กับสุดา
“คุณหญิงแม่จะยอมไม่ได้นะคะ พวกสตาร์อินเทรนด์มันแท็กทีมกัน เหมาผู้ชายไปหมดเลย นังกรรณรีก็ไปกับสรวง นังมะยมก็ไปพี่นพ”
สุดายิ้ม “ก็ดี”
สุขหฤทัยกรี๊ด “จะดีได้ยังไงล่ะคะคุณหญิงแม่”
“มันจะได้เป็นพวกของเราไง”
สุขหฤทัยกรีดเสียง “คุณหญิงแม่! แล้วฤทัยล่ะคะ”
สุดาปลอบ “ใจเย็นๆ ลูก.... อย่างมากนังกรรณรีมันก็เป็นได้แค่ของเล่น ดีเสียอีกจะ
ได้เอานังกรรณรี นังมะยมเป็นพวก เขียนด่านังภาพิศมัน”
“แล้วถ้าสรวงเกิดไปชอบมันจริงๆ ล่ะคะ”
สุดาบอกอย่างมั่นใจ “สรวงไม่ตาต่ำอย่างนั้นแน่”
สุขหฤทัยหลุดปาก “ไม่เหมือนคุณพ่อใช่มั้ยคะ”
สุดาโกรธ “ฤทัย”
สุขหฤทัยไม่หยุด อดเหน็บไม่ได้ “ก็แล้วมันไม่จริงเหรอคะ? ไม่อย่างนั้นคุณพ่อไม่ทิ้งคุณหญิงแม่ไปอยู่กับนังภาพิศหรอก”
สุดาโกรธจนตัวสั่น “หยุด อย่ามาหึงหวงบ้าๆ แล้วทำให้งานใหญ่เสียนะฤทัย ไม่งั้นอย่าว่าเป็นสะใภ้เลย เธอจะไม่ได้เข้าใกล้สรวง”
สองคนมองสบตากัน สุขหฤทัยไม่พอใจนัก แต่จำต้องเงียบ สุดาลดเสียงพูดอ่อนลง
“ยังไงแม่ก็เลือกหนู นังกรรณรีมันเป็นได้แค่ของเล่นสรวง จำไว้”

ไม่นานนักสุขหฤทัยเดินฟึดฟัดตรงมาที่รถ โกรธคุณหญิงสุดา
“เห็นแก่ตัวที่สุด ห่วงแต่เรื่องของตัวเอง กล้าให้ลูกไปอยู่ใกล้นังงูพิษ ซักวันเถอะนังกรรณรีมันจะฉกเอาสรวงไป” ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธสรวงบ่นงึมงำ

“สรวงนะสรวงพานังนั่นไปไหน”

สรวงขับรถพากรรณนรีมาถึงบ้านพักตากอากาศของครอบครัวในตอนเย็นๆ กรรณนรีมองด้วยสีหน้าตกใจ

“บ้านผมเอง”
“ฉันไม่สนว่าบ้านใคร? ฉันจะกลับ”
“ยังกลับไม่ได้ จนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง”
กรรณนรีเชิดหน้า “ฉันคุยในส่วนของฉันหมดแล้ว อย่าให้แฟนคุณมายุ่งกับฉัน”
“ผมยังไม่มีแฟน” สรวงบอกจริงจัง
“แล้วใครไปตามรังควานฉัน” กรรณนรีพูดอย่างมีอารมณ์
“นี่แหละที่เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง ลงมานี่” เดินอ้อมมาลากกรรณนรีลงจากรถ

สรวงลากกรรณนรีเข้ามาห้องหนึ่ง แล้วปิดประตู กรรณนรีถอยหลังกรูด
“อย่าเข้ามานะ”
สรวงยั่ว “กลัวเหรอ”
กรรณนรีกลัว จึงคิดแผนการเอาตัวรอด กรรณนรียิ้ม “กลัวทำไม?...ดีใจสิไม่ว่า”
สรวงงง และยิ่งงงหนักที่เห็นกรรณนรียิ้มยั่ว ทำตัวราวกับเป็นนางแมวยั่วสวาทผู้เจนจัดเดินเข้ามาลูบไล้ที่ใบหน้าตัวเอง
“คุณตกหลุมพรางฉัน...ง่ายกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก” ทอดเสียงอ่อนโยนและหวานซึ้ง “คุณสรวง”
สรวงยิ้มจับมือกรรณนรีเอาไว้ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ถามขึ้น
“หลุมพรางอะไร?”
“ก็หลุมพรางการเป็นเมียของสรวง อริยะวรรตไงคะ? ยั่ว...ให้คุณโมโห เพื่อที่คุณจะได้ปล้ำฉัน....แล้วฉันจะได้ประกาศให้ทุกคนรู้ ว่าฉันเป็นอะไรกับคุณเอาสิคะคุณสรวง..ปล้ำฉันเลยสิคะ...ปล้ำเล้ย...ปล้ำเลย”
สรวงยิ้ม พร้อมกับหัวเราะนิดๆ “เอางั้นจริงเหรอ”
สรวงมองจ้องกรรณนรี ด้วยสายตาโลมเลีย คราวนี้กรรณนรีเป็นฝ่ายกลัวเริ่มถดตัวถอยออกซะเอง
สรวงคว้าตัวกรรณนรีมากอดเอาไว้ “จะหนีไปไหน”
“ปล่อย” กรรณนรีดันตัวออก
“ปล่อยทำไม? ฉันตกหลุมพรางเธอแล้วนี่...อยากให้ฉันปล้ำ...ฉันก็จะปล้ำ” ดึงร่างเข้ามาหา “มานี่” สรวงกระชากร่างกรรณนรีเข้ามากอด สองคนล้มลงบนเตียง
กรรณนรีร้องลั่น รีบผลักสรวงออก “ปล่อยฉันนะคะคุณสรวง ปล่อย”
“ไม่ปล่อย” สรวงแกล้งขู่ “จะปล้ำ” ว่าพลางโน้มหน้าเข้าหา
กรรณนรีกลัวมาก “ปล่อย” ยกสองมือผลัก และดันใบหน้าสรวงออกไปเต็มแรง
สรวงผงะอออก ร้องลั่น “โอ๊ยย!” หันมาจ้องตาขวาง “เธอทำให้ฉันโมโห”
“ก็อย่าปล้ำฉันสิ”
“งั้นเธอก็ต้องฟังฉันดีๆ” กรรณนรีนิ่ง สรวงบอก “ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับสุขหฤทัย”
พอได้ฟังลึกๆ กรรณนรี แอบดีใจ แต่ปากดีใส่ “แล้วมาบอกฉันทำไม”
สรวงนึกตาม “จริงสิ...ฉันบอกเธอทำไม ความจริงฉันควรบอกคุณแม่..ท่านจะได้เลิกจับคู่ฉันกับฤทัยเสียที” กรรณนรีมองสรวง แอบดีใจแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้

เย็นเดียวกันนั้น สุดานั่งหน้าเครียด อาการโกรธเกรี้ยว แววตามีแต่ความเกลียดชัง กัดฟันกรอด ตะโกนก้องในใจ
“ตายใจไปเลยภาพิศ แกตายใจไปเลย แล้วฉันจะทำให้แกเจ็บแบบกระอักเลือด ด้วยวิธีของแกเอง” สุดาหยิบมือถือขึ้นมา “พล ออกมาหาฉัน เดี๋ยวนี้”

ตรงมุมลับตาคน ในร้านอาหารแห่งนั้น คุณหญิงสุดาหันหน้ามาหาพลที่นั่งอยู่ตรงหน้า คุณหญิงสุดา เล่าแผนการให้กับพลฟัง พลพยักหน้ารับทราบ คุณหญิงยิ้มเหี้ยมพอใจ
ภาพิศนั่งทำผม ต่อด้วยทำเล็บ อยู่ที่ร้านของแฉล้ม อย่างสบายใจ แฉล้มหัวเราะนิดๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ท่านอารักษ์มาอยู่กับคุณ เอาอกเอาใจอย่างนี้ คุณหญิงสุดาคลั่งแน่”
“คุณกำลังจะบอกฉันว่าหมาบ้า...มันจะกัดไปทั่ว”
แฉล้มหัวเราะชอบใจ ย้อนถาม “ไม่กลัวเหรอคะ”
“ไม่ค่ะ ถ้าหมาบ้ามันจะมากัดฉัน ฉันก็จะเอาไม้ทุบมันให้ตาย หลังจากนั้น ฉันจะตัดหัวมันส่งไปสถานเสาวภา”
“แหมๆๆ ตั้งแต่ดึงท่านกลับมาได้เที่ยวนี้ คุณมั่นใจเกินร้อยเชียวนะคะ” แฉล้มเย้า
“เพราะครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว” ภาพิศพูดพลางเอามือลูบท้อง “แต่มีลูกของท่านอยู่ใน
ท้องฉันด้วย แล้วลูกคนนี้จะเป็นลูกที่ประจบประแจงท่าน ไม่ได้ออกมายืนค้ำหัวด่า แบบคุณสรวง”
ภาพิศยิ้มอย่างพอใจ โดยไม่ทันสังเกตุเห็นว่าแฉล้มแอบเบ้ปากใส่

ตกตอนกลางคืน จู่ๆ ฝนก็เทสายลงมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ด้านนอกบ้านพักตากอากาศของสรวงฝนตกหนัก สรวงยืนมองสายฝน ขณะที่กรรณนรีนั่งซุกอยู่มุมห้อง
“กลับกันได้หรือยัง”
“ได้ยังไง? ฝนกำลังตก”
“มีกฎข้อไหน ห้ามขับรถตอนฝนตก”
สรวงหันมามองกรรณนรี “ไม่มี แต่อันตราย”
กรรณนรีไม่ยอมจะกลับท่าเดียว “ก็ขับช้าๆ สิ”
“ขี้เกียจ” สรวงบอกหน้าตาเฉย
“ฉันขับให้ก็ได้”
“อยากกลับขนาดนั้นเชียว” สรวงชักฉุน
“ใช่” กรรณนรีขึ้นเสียง
“งั้นก็เดินกลับไปเอง” สรวงประชด
“เอ๊ะ! คุณนี่..ทำไมต้องประชดฉันด้วย”
“ไม่ได้ประชด แต่ถ้ารังเกียจฉัน อยากกลับขนาดนั้น ก็เดินกลับไปสิ ฝ่าสายฝนไปเลย”
กรรณนรีจ้องหน้า “อย่าท้านะคุณสรวง”
“ไม่ได้ท้า แล้วฉันก็ไม่ได้ผูกขาเธอไว้ซักหน่อย”
กรรณนรีมองสรวง แล้วเดินออกไปอย่างโมโห สรวงเรียกไว้
“เดี๋ยว...” กรรณนรีหันมามอง สรวงกวน “เธอลืมกระเป๋า” สรวงคว้ากระเป๋ายื่นให้
กรรณนรีคว้ากระเป๋า มองค้อนขวับก้าวฉับๆ ออกไปจริงๆ สรวงตกใจ
“เฮ้ย! เธอ เอาจริงเหรอเนี่ย? หยุดๆ” กรรณนรีไม่หยุด สรวงรีบวิ่งออกไป

กรรณนรีวิ่งออกมาท่ามกลางฝนตกหนัก โดยมีสรวงวิ่งตามมาพร้อมกับตะโกนเรียกให้หยุด
“หยุด! กรรณรี หยุด” วิ่งมาจนทันแล้วกระชากตัวให้หันมา
กรรณนรีดิ้นรนขัดขืน “ปล่อยฉัน ปล่อย”
จังหวะที่กรรณนรีดิ้นนั้น เท้าของกรรณนรีเกิดลื่น จนเสียหลัก และทำให้สองคนล้มลงไป สรวงประคองกอดกรรณนรีเอาไว้
สรวงกอดกรรณนรีแน่น “ทำไมเธอบ้าอย่างนี้”
กรรณนรีโกรธ งอนใส่ “ก็เพราะฉันอยู่กับคนบ้าอย่างคุณไง”
“งั้นคนบ้าก็ทำอะไรไม่ผิดใช่มั้ย?” สรวงมองกรรณนรีอย่างอ่อนโยนปนเย้า สายตาหวานซึ้ง
กรรณนรีงง “อะไรของคุณอีก”
สรวงโน้มหน้าลงมาใกล้หน้ากรรณนรี ตาต่อตาประสานกัน สรวงทำเหมือนจะจูบ กรรณนรีตกใจร้องเสียงสั่น
“อย่า”
สรวงหัวเราะเบาๆ “คิดว่าฉันจะทำอะไร? ฉันแค่จะบอกว่า...ฉันจะปล่อยให้เธอเดินตากฝนไปได้ยังไง”
กรรณนรีมองด้วยแววตาซึ้ง สรวงแหงนหน้ามองท้องฟ้า อมยิ้มแกล้งพูดยั่ว
“ไว้ฝนหยุดตกก่อน เธอค่อยเดิน”
กรรณนรีอมยิ้มอย่างหมั่นไส้ ทุบตีสรวงพัลวัน “คุณสรวง”
สรวงลุกขึ้นยื่นมือให้กรรณนรีจับ “กลับเข้าบ้านก่อน ตากฝนมากๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย” กรรณนรียืนนิ่ง ไม่ชอบให้ออกคำสั่ง สรวงพูดขึ้นอีก “หรือจะให้ผมอุ้ม”
กรรณนรีประชด “อุ้มไหว ก็อุ้มสิ”
“มะ..งั้นขออุ้มหน่อย” สรวงทำท่าจะอุ้มเอาจริง
กรรณนรีหัวเราะขำ “คุณนี่”

กรรณนรีวิ่งหนี สรวงวิ่งตาม ราวกับคู่รักหยอกล้อกันอย่างน่ารัก

ท่ามกลางฝนที่กำลังโปรยสาย มะยมนอนเหงาอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลคนเดียว

“ป่านนี้กาวเป็นยังไงเนี่ย?” โทร.หา “ไม่รับสายอีก โทร.หานิคดีกว่า”
มะยมกดสายโทร.หานิคซึ่งตอนนั้นอยู่ออฟฟิศ นิคทำงานวุ่นอยู่รับมือถือ
“ว่าไง? หายไปไหนกัน ทั้งแกทั้งกาว”
มะยมอ้ำอึ้ง “กาว ติดธุระน่ะ ส่วนฉัน..อยู่โรงพยาบาล”
“ไปทำข่าวใครที่โรงพยาบาลวะ?” นิคตกใจ “เฮ้ย!อย่าบอกนะว่าคุณภาพิศแท้ง”
“ปากสุนัขขี้เรื้อนสมกับยัยขี้ไคลด่าแกจริงๆ เลย พูดจาไม่เป็นมงคล” มะยมด่า
“เอ๊า!ก็แล้วแกไปทำไมที่โรงพยาบาลล่ะ”
“ฉันไม่สบาย” มะยมบอกแล้วรอฟังลุ้นๆ นิคจะว่าอะไร
นิคหัวเราะ “ไปให้หมอผ่าหมาออกจากปากรึไงแก”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น แกก็ควรมาผ่าหมาออกจากปากพร้อมกันกับฉันไอ้นิค”
นิคหัวเราะ ยังไม่ทันพูดอะไรเพื่อนก็ตะโกนบอก เพื่อนถือโทรศัพท์ออฟฟิศอยู่
“นิคพี่จ๋าโทร.มา”
“ครับ” บอกกับมะยม “แค่นี้นะมะยม พี่จ๋าโทร.มา”
นิควางสายโดยไม่ได้ถามอาการมะยมเลยซักคำ

สายฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำลงมา มะยมทอดสายตามองเม็ดฝนอย่างเดียวดาย เศร้าจับจิต คิดอยู่ในใจ “ลูกที่ไม่มีพ่อแม่ คนที่ไม่มีใคร เวลาเจ็บป่วย มันอ้างว้าง โดดเดี่ยวอย่างนี้เอง”
ยินเสียงเคาะประตู มะยมหันไปมอง
นพเปิดประตูเข้ามาหิ้วของมาเต็มสองมือ “ทานอะไรบ้างหรือยังคุณมะยม”
มะยมมองอย่างแปลกใจ ก่อนจะยิ้มดีใจที่มีคนมาเยี่ยม “คุณนพ...ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยม หอบอะไรมาเยอะแยะคะ”
นพยิ้มอย่างเป็นมิตรไม่ได้คิดจีบ “ของกิน...กลัวคุณทานอาหารไม่อร่อยน่ะ นี่มีทั้งโจ๊กกุ้งบะหมี่เป็ดย่างเจ้าอร่อย ติ่มซำ กระเพาะปลา น้ำเต้าหู้ เต้าทึง...” นพร่ายยังไม่หมด
มะยมหัวเราะ พูดแทรก “ทำไมเยอะแยะอย่างนี้คะ จะให้มะยมอยู่โรงพยาบาลกี่วัน”
นพหัวเราะร่า “ผมไม่ทราบน่ะครับว่าคุณมะยมชอบทานอะไร เลยซื้อมาเผื่อหลายอย่างหน่อย ตกลงคุณมะยมจะทานอะไรครับ...ผมจะแกะใส่ชามให้”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวมะยมจัดการเอง”
“แล้วนี่เพื่อนๆ กลับไปแล้วเหรอครับ”
มะยมหน้าเจื่อน “ติดงานปิดเล่มน่ะค่ะ กาวก็ยังติดต่อไม่ได้”
“เฮ้อ! ไม่รู้นายสรวงทำอะไร แต่คุณมะยมไม่ต้องห่วงนะครับ ..นายสรวงเป็นสุภาพบุรุษ ผมมั่นใจ คุณกาวจะปลอดภัย ผมกลับก่อนนะครับ คุณมะยมจะได้พักผ่อน แล้วเจอกัน”
มะยมยิ้ม “ขอบคุณอีกครั้งค่ะ..ฝนตก ขับรถดีๆ นะคะ”
“ขอบคุณคร้าบ”
สองคนยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตรก่อนที่นพจะเดินออกไป
มะยมมองของฝากบนโต๊ะ ยิ้มหน้าบาน

นพกลับมาถึงบ้าน พอปิดประตูเข้าบ้านมา นาที่ยืนรอหน้าบึ้งตึง ถามขึ้นเสียงเหี้ยม
“ไปไหนมา”
“ถามได้...ก็ไปทำงานสิจ้ะที่รัก”
“คิดยังไงถึงกล้ามาโกหกฉัน”
นพงงจริง “ผมโกหกอะไร”
“ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ นอกจากที่ทำงาน จะไปนอกเส้นทางตรงไหน ต้องรายงานฉัน ต้องบอกกล่าวฉัน”
นพอึ้งไม่ได้ตั้งใจโกหก แต่ไม่ได้นึกถึง หรือให้ความสำคัญ “ก็ผมไม่ได้ไปไหนเลย”
นาเดือดดาล “ไม่ได้ไปไหนเหรอ มานี่เลยคุณนพ มานี่เลย” ลากหูนพออกไปหน้าบ้าน

นาลากหูนพออกมาที่รถ ตะเบ็งเสียงดังลั่น “เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
“จ้ะๆๆๆ” นพรีบเปิดให้
นากระชากประตูออก ชี้ไปที่เข็มไมล์ “ที่ทำงานกับที่บ้านห่างกัน 10 กิโล ไปกลับ 20 กิโล นี่เกินมา 30 กิโล บอกฉันมาคุณไปไหน”
“อ๋อ!! ผมไปตามนายสรวง” นพบอก
“ตามคุณสรวง” นาบิดหูกระชากๆ “นี่คุณคิดว่าฉันโง่ใช่มั้ย ถึงกล้าโกหกฉันน่ะคุณไปกับนังนักข่าวที่ชื่อมะยม คิดว่าฉันไม่รู้รึไง”
นพเจ็บ ร้องโอดโอย “โอ๋ๆๆๆ..เค้าไม่สบาย ผมก็แค่ไปเยี่ยมเค้าที่โรงพยาบาล”
“งั้น...ตอนนี้คุณก็เข้าโรงพยาบาลแทนมันแล้วกัน”
จากนั้นนาก็ทั้งตบทั้งตีทั้งหยิกทั้งทุบนพพัลวัน นพร้องโอดโอยขณะที่นาด่าอีก
“สำนึกซะบ้าง คุณมีวันนี้เพราะใคร ไม่ใช่พอได้ดิบได้ดีแล้วดีแตก”
นาจ้องมองตาเขม็ง นพหน้าเสียรู้สึกไม่ดีเลย

ด้านสุขหฤทัยเดินกระฟัดกระเฟียดหน้าบึงตึง โกรธเอามากๆ
“คุณหญิงแม่ไม่หวง แต่ฤทัยหวง ว่าที่สามีของฤทัย”
สุขหฤทัยกดมือถือโทร.ออก

กรรณนรีอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตของสรวง ท่าทีขัดๆ เขินๆ สรวงมองอมยิ้ม
“เธอใส่แบบนี้น่ารักดี”
“จะบอกว่าใส่เสื้อคุณ แล้วทำให้ฉันดูดีงั้นเถอะ แต่ขอโทษ...ฉันไม่ใส่นานหรอก..รอเสื้อฉันแห้ง ฉันก็จะเปลี่ยนคืน”
“อ๋อ...กลัวหลงใหลกลิ่นตัวผม เอาไปฝันหวาน” สรวงยั่วพลางเย้า
“เปล่า..กลัวปากเสีย เหมือนคุณ”
“เธอ” สรวงขำ ขยับจะเดินเข้าไปหาเอาเรื่อง แต่มือถือดังขัดขึ้น กรรณนรีโล่งใจ สรวงคว้ามือถือชี้หน้าคาดโทษ “เดี๋ยวกลับมาคิดบัญชี” เดินออกไปพลางรับโทรศัพท์ ซึ่งกรรณนรีได้ยิน
“มีอะไรฤทัย”

สุขหฤทัยยิ้มดีใจที่สรวงรับสายแต่โกรธที่รู้ว่ามากับกรรณนรี
สุขหฤทัยเหน็บ “สรวงขา...สรวงอยู่ที่ไหน? รีบออกมาจากนังกรรณรีเดี๋ยวนี้นะคะ มันวางแผนจะจับคุณ”
“ผมนี่แหละ จับเค้า” สรวงว่าหน้านิ่ง
สุขหฤทัยกรี๊ด “ฤทัยไม่ยอม! สรวงทำอย่างนี้กับฤทัยได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
สุขหฤทัยชะงัก “หมายความว่า...สรวงรักนังนั่น”
กรรณนรีเดินตามออกมา ได้ยินสรวงบอกกรรณนรี
“ผมไม่มีวันและไม่มีทางรักกรรณรีเด็ดขาด”
กรรณนรีพูดสวนออกมา “ฉันทราบค่ะ”
สรวงหันไปมองสีหน้าตกใจ “กรรณรี” กรรณนรีสะบัดตัวเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างโกรธๆ สรวงตามติด
“สรวงคะสรวง...สรวง!!”

สุขหฤทัยได้แต่กรี๊ดสรวงวางสายไปแล้ว

กรรณนรียืนนิ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยเจ็บปวด น้อยใจ เสียใจ

“ฉันรู้ว่าคุณเกลียดฉัน แต่คุณไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศบอกคนอื่น”
สรวงรู้สึกเสียใจ “มันจำเป็น”
“เพราะเค้าเป็นแฟนคุณ” กรรณนรีบอก
สรวงพูดเสียงเข้ม “ฉันบอกแล้วว่าฤทัยไม่ใช่แฟนฉัน ที่ฉันพูดไปเพราะปกป้องเธอ”
กรรณนรีเยาะ “ปกป้อง ด้วยการตะโกนด่าให้ฉันอาย”
“หรือเธอจะให้ฉันบอก ว่าเรารู้สึกยังไงต่อกัน หลังจากนั้น...เค้าจะได้ตามมาราวีเธอ” สรวงยัวะ
กรรณนรีพูดอย่างถือดี “ฉันดูแลตัวเองได้”
“แน่ใจ?” พลางเดินเข้าใกล้ กรรณนรีถอยกลัว “ถ้าดูแลตัวเองได้ แล้วเธอจะกลัวฉันทำไม”
กรรณนรีนิ่งมองสรวงหน้างอ สรวงพูดจริงจัง
“ถ้าฉันจะทำอะไรเธอ เธอไม่รอดหรอกกรรณรี เพราะฉะนั้นฟังฉันบ้างเถอะปัญหาที่เรามีมันมากพออยู่แล้ว อย่าสร้างปัญหาระหว่างเราสองคนขึ้นมาอีกเลย” สองคนมองหน้ากันเหมือนจะเห็นใจ เข้าใจกัน “ดึกมากแล้ว นอนเถอะ”
สรวงเดินเลี่ยงไปล้มตัวลงนอนที่พื้น หันหลังให้ กรรณนรีมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงบนเตียง

สุขหฤทัยแต่งตัวสวยเปรี้ยว เดินลิ่วออกมาจากบ้าน ตรงไปที่รถ
“ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่กันสองต่อสองอย่างนั้นจะไปเหลืออะไร? นังกรรณรีฉันจะไปบอกพี่ชายแกให้ลากคอแกกลับมา”
สุขหฤทัยขึ้นรถขับทะยานออกไปด้วยแรงอารมณ์

ภายในผับประจำ กาวินทร์นั่งดื่มกินอยู่กับเพื่อนร่วมก๊วน ยินเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งบอก
“ถ้าฉันเป็นแก เจอรุมกระทืบอย่างนั้น ฉันไม่ยอม”
กาวินทร์เสียงอ่อย “ฉันไม่อยากมีเรื่องให้พ่อกลุ้มใจ อีกอย่าง น้องฉันก็ผิดเองที่ไปยุ่งกับแฟนคนอื่น” กาวินทร์ทำหน้าอ่อนใจ

จังหวะนั้นสุขหฤทัยเดินเข้ามาที่ด้านหลังกาวินทร์ พอไปถึงก็กระชากไหล่กาวินทร์อย่างแรง จนกาวินทร์เซ ผงะหงาย เพื่อนของกาวินทร์ทั้งชายหญิงลุกพรวดขึ้นมา กาวินทร์โบกมือห้าม
“ไม่มีอะไร เพื่อนกัน” เพื่อนๆ นั่งลง
สุขหฤทัยแว๊ด “ฉันไม่ใช่เพื่อนแก”
“นี่คุณ ผมอุตส่าห์ช่วยไม่ให้มีเรื่อง แต่คุณอยากมีเรื่องใช่มั้ย”
“ใช่! เพราะน้องสาวแกมันสำส่อน หน้าด้าน ด่าก็แล้วห้ามก็แล้ว ยังมายั่วแฟนฉันอยู่ได้ เท่านั้นไม่พอ มันยังฉกแฟนฉันไปกก ได้ยินมั้ยน้องแกฉกแฟนฉันไปกก”
กาวินทร์ชะงัก “อะไรนะ”
“ไม่ต้องทำเป็นไม่ได้ยิน” เอาสองมือผลักอกกาวินทร์ “น้องแก เป็นงูพิษมันฉกเอาแฟนฉันไปแล้ว”
กาวินทร์โกรธจัดพูดเบาๆ “กาว” เดินพรวดออกไป
“แกจะไปไหน อย่าหนีนะ อย่าหนี” สุขหฤทัยรีบตามไป

กาวินทร์ควักมือถือออกมา กำลังจะกดโทร.ออก
“น้องไม่รักดี ถ้าแกไปกับไอ้สรวงจริงๆ พี่จัดการแกแน่กาว”
พอดีกับที่สุขหฤทัยวิ่งตามมาทันปัดมือกาวินทร์ จนมือถือกาวินทร์หล่น
“เฮ้ย”
สุขหฤทัยไม่สนใจ “อย่าหนีไปไหน แกต้องจัดการน้องแกให้ฉัน เอาแฟนฉันคืนมา”
กาวินทร์ลมออกหูแล้ว “น้องผมไปกับแฟนคุณใช่มั้ย”
สุขหฤทัยพูดใส่หน้า “ใช่”
“ได้..ผมจะจัดการให้...” เย้ยหยัน “งั้นผมจะไปกับคุณเอง” คว้ามือสุขหฤทัย “มานี่”
สุขหฤทัยทั้งงงทั้งตกใจ “อะไรของแก ปล่อยฉัน ปล่อย”
กาวินทร์ก้มลงคว้ามือถือ ยัดใส่กระเป๋ากางเกง ส่วนอีกมือลากสุขหฤทัย ขึ้นรถขับออกไป
สุขหฤทัยโชคร้ายเพราะไม่มีคนของพ่อติดตามเหมือนทุกวัน

กาวินทร์ขับรถเข้ามาจอดหน้าห้องพักของโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง สุขหฤทัยกรี๊ดๆ ตกใจ
“ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ ปล่อย” ถอยหลังกรูดจนตัวชิดติดเบาะ
กาวินทร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ยั่ว “น้องผมไปกับแฟนคุณ...ผมก็สละตัวเอง มากับคุณ
เพื่อเป็นการไถ่โทษไง มานี่”
กาวินทร์กระชากร่างสุขหฤทัยเข้าไปในห้อง เหวี่ยงลงไปที่เตียงอย่างแรง ร่างของสุขหฤทัยเซหลุนๆ ตกเตียง กาวินทร์ตามไปกระชากลากขึ้นมาบนเตียง โถมตัวเข้าหา
สุขหฤทัยมองหน้า ท่าทีหวาดกลัว “อย่าทำอะไรฉันนะ อย่า”
กาวินทร์มองด้วยโลมเลียทั่วร่าง พูดหยัน “จะกลัวทำไม๊....ท่าทางคุณผ่านผู้ชายมาแล้วนับสิบ”
“ไอ้บ้า” สุขหฤทัยบันดาลโทสะตบหน้ากาวินทร์เสียงดังเผียะ
กาวินทร์โกรธจัด “นี่เธอ! ฉันไม่ใช่พระเอกในละครนะที่จะมาตบจูบเธอน่ะ” ยื่นหน้าเข้า
ไปใกล้มองด้วยแววตาโหดเหี้ยม “เธอตบฉันมากๆ เธออาจตายอย่างเดียว”
สุขหฤทัยตกใจ รีบยกมือไหว้ “อย่าทำฉันนะ...ฉันกลัว”
กาวินทร์โถมตัวเข้าหาจนสุขหฤทัยล้มลงบนเตียง กาวินทร์ขยับตัวขึ้นทาบทับ มองด้วยแววตาน่ากลัว “ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก เพราะฉันไม่ได้พิศวาสเธอ แถมยังรังเกียจด้วยซ้ำ แต่ถ้าฉัน...” หยิบมือถือออกมา ทำท่าถ่าย “ถ่ายคลิปเอาไว้....เธอว่าคนเห็นผู้ชาย ผู้หญิง กอดกันอย่างนี้ จูบกันอย่างนี้”โน้มหน้าเข้าไปจูบแก้มสุขหฤทัยอย่างรวดเร็ว “ในม่านรูด เค้าจะคิดยังไง? เค้าคงไม่ใจดี คิดว่าฉันปล่อยเธอหรอกนะ”
สุขหฤทัยโกรธจนตัวสั่น “แก”
“ฉันจะอัพคลิปนี้ทันที ถ้าเธอยังตามหาเรื่องน้องฉันอีก รีบไป ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ ไป๊”
กาวินทร์พูดแทบเป็นคำราม สุขหฤทัยวิ่งลนลานออกไปอย่างรวดเร็ว กาวินทร์ก้าวตาม

สุขหฤทัยวิ่งออกที่หน้าม่านรูดแห่งนั้น กาวินทร์วิ่งตามถ่ายคลิปไว้ตลอด สุขหฤทัยหันมาด่า
“ไอ้บ้า ไอ้บ้า แกจะตามมาถ่ายฉันทำไม”
กาวินทร์ชี้ที่ป้ายถ่าย “ม่านรูด” สลับกับถ่ายหน้าสุขหฤทัย
“ไอ้บ้า!” รถแท็กซี่แล่นมาพอดี สุขหฤทัยโบก ก้าวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
กาวินทร์หัวเราะลั่น ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นบึ้งตึงน่ากลัว คำรามในลำคอ
“กาวนะกาว”

เช้าวันต่อมาสรวงขับรถมาส่งกรรณนรีถึงหน้าบ้าน เห็นกรรณนรีหน้างอ สรวงหันมาบอก
“ยังจะมาทำหน้าบึ้งใส่ฉันอีก ฉันบอกเธอแล้วไง...ถ้าฉันจะทำร้ายเธอยังไงเธอก็ไม่รอด”
“แปลว่าฉันต้องขอบคุณคุณใช่มั้ย”
สรวงยิ้มหล่อ “จะน่ารักมาก ถ้าเธอทำอย่างนั้น”
“มีแต่มะเหงก” กรรณนรีทำท่าขึงขัง ยกมะเหงก
สรวงยิ้มยั่ว เหมือนนึกอะไรได้ “อ้อ...รู้แล้ว”
กรรณนรีฉงน “อะไร”
“ที่ยังโกรธอยู่ เพราะทั้งคืนฉันไม่ทำอะไรเธอ”
“คุณสรวง”กรรณนรีฉุนขาด มองจ้องหน้าสรวง
“โอเค.งั้นฉันจะปล้ำเธอเดี๋ยวนี้” หันหน้าเข้าไปหา
กรรณนรีรีบลงจากรถทันที สรวงหัวเราะกิ๊ก กรรณนรีหันมามองหน้าบึ้ง
“ฉันเกลียดที่สุด ที่คุณเห็นฉันเป็นของเล่น”
“ไม่นะ กรรณรี”
สรวงตกใจทำท่าจะตามลงไป แต่กรรณนรีวิ่งจู๊ดเข้าบ้านไปอย่างว่องไว สรวงจำต้องขับรถออกไป

เกริกยืนมองเหตุการณ์อยู่ในบ้าน โดยที่ทั้งกรรณนรีและสรวงไม่เห็น

ไฟมาร ตอนที่ 4 (ต่อ)
 

พอเห็นกรรณนรีเดินเข้ามาในบ้าน เกริกเก็บอาการทำทีเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ถามทักขึ้นตามประสา

“พักนี้งานยุ่งเหรอลูก”
“ค่ะ” กรรณนรีอ้อมแอ้มบอก
“ไม่เห็นโทร.บอกพ่อเลย”
“กาว...ยุ่งมากน่ะค่ะ เลยลืม ขอโทษนะคะ”
“พ่อนึกว่า...กาวอยู่กับคุณสรวงจนลืมพ่อซะอีก” เกริกพูดลอยๆ
กรรณนรีตกใจมาก “พ่อ”
เกริกรีบออกตัว “ตะกี้พ่อเห็นว่าเค้ามาส่งลูก”
กรรณนรีร้อนตัวรีบบอก “กาวกับเค้าไม่ได้มีอะไรกันนะคะพ่อ”
“จะมี ไม่มีพ่อไม่รู้” เกริกมองจ้องหน้า กิริยาไม่พอใจ “แต่สองป้าเค้าเห็นและบอกพ่อหมดแล้ว”
กรรณนรีหน้าซีดเผือด

สองพ่อลูกเดินมาคุยกันตรงอีกมุมในบ้าน กรรณนรีนิ่งเงียบ เกริกเอ่ยขึ้น
“ลูกจะรักจะชอบใคร พ่อไม่เคยห้าม ทำไมไม่พาคุณสรวงอะไรนั่น เข้ามาให้พ่อรู้จัก....หรือเค้าเห็นว่าบ้านเราจน เค้ารังเกียจ”
“เปล่านะคะ พ่อเปล่า”
เกริกมีทีท่าอึดอัดใจมาก “แล้วทำไมล่ะลูก? ทำไมลูกต้องปกปิด”
“กาวคิดว่า..ยังไม่ถึงเวลา” กรรณนรีบอก
“แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลา?” เกริกย้อนถาม
กรรณนรีเงียบ ไม่ยอมตอบ เกริกได้แต่ถอนหายใจ มองลูกสาวอย่างกลัดกลุ้ม พูดสอนสั่ง
“จนกว่าเค้าจะทิ้งน่ะเหรอ?” กรรณนรีเงียบกริบ เกริกอบรมต่อ
“กาวโตแล้ว พ่อไม่อยากพูดอะไรมาก แต่กาวต้องรู้ว่ากาวควรทำตัวอย่างไร ไม่อย่างนั้น กาวจะเป็นได้แค่ของเล่นไฮโซ”

เวลาเดียวกันในขณะที่สรวงเดินกลับเข้ามาในบ้าน สุดายิ้มแย้มทักทาย ยิงตรงประเด็น
“เมื่อคืนไปกับกรรณรี เป็นยังไงบ้างลูก”
สรวงตกใจ “คุณแม่รู้”
สุดาหัวเราะนิดๆ อารมณ์ดี “ลูกรักของแม่ หายไปทั้งคืน ทำไมแม่จะไม่รู้ แต่ที่ไม่ห่วงไม่โทร.หา ก็เพราะรู้ว่าสรวงมีเพื่อนไปด้วย”
สรวงมองสุดาอย่างงวยงง สุดายิ้ม
“แม่ว่าจะจัดงานเลี้ยงที่บ้าน สรวงบอกกรรณรีมาด้วยนะ”
“งานอะไรครับคุณแม่?”
สุดาจ้องหน้าลูกชาย “ก็...ปาร์ตี้นิดหน่อย ระหว่างแม่กับภาพิศ”
สรวงอุทานอย่างตกใจ “คุณแม่”
สุดาหัวเราะ “จะตกใจไปทำไมลูก?..ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก...เพียงแต่แม่เหนื่อยแล้ว อะไรที่ทำให้คุณพ่อมีความสุขแม่ก็อยากจะทำ โดยเฉพาะเรื่องของภาพิศ”
สุดายิ้มละไมให้ลูกชาย แล้วหันไปทำตาเจ้าเล่ห์ โดยที่สรวงไม่เห็น

นายพลอารักษ์เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางผ่อนคลาย สุดาเดินมาถอดเสื้อสูทให้อารักษ์
“จริงเหรอ..ที่คุณหญิงให้ภาพิศมาทานข้าวด้วย”
สุดาหัวเราะ “ฉันอยากให้คุณสบายใจน่ะค่ะ ไหนๆ ภาพิศก็มีลูกแล้ว ฉันเองก็รักเด็ก ปรองดอง สมานฉันท์กันดีกว่า ยังไง...เราก็ครอบครัวเดียวกัน” หัวเราะอีก “หรือคุณว่าไงคะ”
อารักษ์ยิ้มปลื้ม “ขอบใจมากคุณหญิง ขอบใจจริงๆ” ดึงสุดาเข้ามาจุ๊บหน้าผาก โอบกอด
อย่างอาทร สุดาผุดสีหน้าสาแก่ใจที่แผนกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น

ภาพิศแต่งตัวสวยจะออกไปนอกบ้าน เสียงมือถือดัง ภาพิศเห็นเบอร์
“คุณหญิงสุดา” กดรับสาย พูดแดกดัน “เพิ่งมีเรี่ยวแรงโทรฯมาหาน้องเหรอคะคุณหญิงพี่...นึกว่าจะหัวใจวาย ตายๆๆ ไปซะแล้ว”
“พี่มันหนังเหนียว ตายยากค่ะ ไม่เหมือนคนปากดีปากเก่งอย่างคุณน้อง อย่างนี้ตายง่าย แต่อย่าเพิ่งตายนะคะ..มางานเลี้ยงฉลองของเราก่อน”
ภาพิศแปลกใจ “แซยิดคุณพี่เหรอคะ”
สุดาหัวเราะ เสียงระรื่น “เปล่า... เป็นงานฉลองการทำหน้าหนาจนได้ผัวพี่ไปกก พี่จัดให้คุณน้องโดยเฉพาะค่ะ”
วางสายทันที ภาพิศอึ้ง ฉงนว่าสุดามาไม้ไหน

ที่ร้านเพชร ในเวลาต่อมาภาพิศทำหน้าเครียด ขณะที่แฉล้มออกความเห็น
“ฉันว่ายัยคุณหญิงต้องมีแผนร้ายแน่ๆ ถึงได้เชิญคุณไปทานข้าวอย่างนั้นน่ะ”
“ฉันรู้....ฉันถึงได้ตั้งรับอยู่นี่ไง”
“ดี ตั้งรับให้ดีๆ ล่ะ เพราะฉันว่ายัยคุณหญิงต้องวางยากะให้คุณแท้งลูกแน่ๆ” แฉล้มบอก
ภาพิศยิ้มย่อง “เค้าเชิญฉันไปทานข้าวถึงบ้าน คงไม่โง่วางยาฉันหรอก แต่...ฉันนี่แหละ จะวางยาคุณหญิงเอง”
ภาพิศยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

ค่ำนั้นสุดากับสุขฤทัยกำลังช่วยกันเลือกเสื้อผ้า สุขหฤทัยดูมีอาการยังขุ่นเคืองนิดๆ และน้อยใจอยู่
“คุณหญิงแม่ขา....ชุดนี้สวยมากเลยนะคะ นี่ถ้าคุณหญิงแม่ใส่ชุดนี้ รับรองข่มยัยภาพิศไม่ได้เกิดเลยล่ะค่ะ”
“หนูเลือกอะไรให้ แม่ก็ใส่ทั้งนั้น แล้วอย่าลืม...เลือกชุดของตัวเองด้วยนะ ฤทัยต้องสวยเฉิดฉาย ให้นังนักข่าวกรรณรีหมองกลายเป็นคนใช้ไปเลย”
คราวนี้สุขหฤทัยยิ้มออกมาได้ “หมายความว่า...”
“แม่จะให้มันมาทำข่าวด้วย...มันจะได้เห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างหนูกับสรวง”
สุขหฤทัยยิ้มร่า ดีใจมาก “คุณแม่ขา...กราบขอบพระคุณค่ะ ฤทัยดีใจที่สุดเลย”
สุดาจับไหล่เบาๆ อย่างเอ็นดู “ยังไงแม่ก็เลือกหนูเป็นสะใภ้อยู่แล้ว ส่วนนังนักข่าวนั่น มันก็เป็นได้แค่ของเล่น”
“ดีค่ะ งั้นฤทัยจะบอกนักข่าวทุกสำนักด้วยตัวเอง ยกเว้น สตาร์อินเทรนด์จะให้เด็กที่บ้านโทร.บอกก็พอ” สุขหฤทัยบอกอย่างสะใจ

วันต่อมานิค นั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ เสียงโทรศัพท์ดัง
“สตาร์อินเทรนด์ครับ..” ฟังด้วยอาการตกใจ “ท่านอารักษ์เปิดบ้าน พร้อมคุณหญิงสุดาคุณภาพิศ ทานข้าวร่วมกัน”
กรรณนรี กะมะยม หูผึ่งเงยหน้าขึ้นไปมอง ตกใจแปลกใจ บอกอจ๋าเดินยิ้มร่าเข้ามา
“ข่าวแรงและเร็วจริงๆ ไม่กี่นาที ทุกสำนักข่าวรู้หมด”
“ข่าวคาวๆ ฉาวๆ คนสนใจค่ะพี่จ๋า” มะยมว่า ส่วนกรรณนรีหน้าหม่นเศร้า
นิคยิ้มหันมาแซวมะยม “เก๊าะ! ขนาดแกยังหายป่วยเลย”
“ที่ฉันหายป่วย เพราะไม่มีใครสนใจต่างหาก ขนาดโทร.มาบอก ว่าฉันเข้าโรงพยาบาล แกยังทำเฉยเลย” มะยมเหน็บ
นิคไม่รู้สึกอะไร “งานฉันยุ่งมากเลยว่ะมะยม อีกอย่างฉันรู้ว่าแกน่ะไม่ตายง่ายๆ หรอก..เข้า
โรงพยาบาลแค่นี้สิวๆ แล้วไงครับพี่จ๋า”
“แล้วไง..เค้าเชิญเราไปก็ไปสิจ๊ะ เอาข่าวเด็ดๆ มาด้วย เพราะงานนี้พี่ว่า แซ่บแน่” จ๋าบอก

กรรณนรียิ่งดูเป็นกังวล

ส่วนที่ห้างสรรพสินค้า อารักษ์กำลังช่วยภาพิศเลือกเสื้อผ้า ภาพิศแสร้งทำหน้าอมทุกข์เหมือนไม่สบายใจ

“ภาไม่สบายใจที่จะไปงานเลี้ยงที่บ้านพี่เหรอจ้ะ” อารักษ์ถาม
“เปล่าค่ะ”
“แล้วทำไม..ภาทำหน้าอย่างนี้”
“ภาเวียนหัวน่ะค่ะ ช่วงนี้ภาแพ้หนัก”
อารักษ์ยิ้ม “โล่งใจ...พี่ก็นึกว่าภากังวลเรื่องคุณหญิงสุดา ภาไม่ต้องกังวลนะ คุณหญิงเห่อลูกของเรามาก พี่นึกไม่ถึงจริงๆว่าครอบครัวเราจะมีความสุขอบอุ่นขนาดนี้ได้”
อารักษ์กอดภาพิศ ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ภาพิศหน้าบึ้งขึ้นมาทันที คิดแผนในใจ “ถ้าท่านอารักษ์เชื่อคุณหญิงสุดาขนาดนี้ เราต้องคิดแผนการให้ดี ไม่อย่างนั้น คุณหญิงสุดาคว่ำเราได้แน่”
ภาพิศปั้นหน้าฝืนยิ้มให้อารักษ์ แต่ลับหลังแอบกังวล

สรวงเดินออกมาที่หน้าออฟฟิศ เจอกรรณนรียืนอยู่ สรวงเดินไปที่รถกรรณนรีเดินตาม
“คุณมารอผมอย่างนี้ มีเรื่องไม่ดีแน่” สรวงเปรย
กรรณนรีพูดเสียงอ่อยๆ ท่าทีกังวล “ฉันเป็นห่วงคุณภาพิศ...แม่คุณจะทำอะไรเค้าหรือเปล่า”
สรวงฟังแล้วโกรธ “แม่ผมน่ะเหรอจะทำอะไรเค้า? ที่ผ่านมามีแต่เค้าทำร้ายแม่ผมต่างหาก” มองจ้องหน้ากรรณนรี ย้อนถาม “หรือคุณว่าไม่จริง”
“ฉันขอโทษ..ฉันไม่ได้มีเจตนาทำให้คุณรู้สึกไม่ดี ฉันแค่เป็นห่วง มันผิดปกติที่จู่ๆ คุณหญิงสุดาก็เชิญคุณภาพิศไปทานข้าวที่บ้าน”
“ถ้าจะวางยากัน เค้าไม่วางที่บ้านหรอกคุณ” สรวงบอกพลางจะขึ้นรถ
“หมายความว่า ถ้าเป็นที่อื่น พวกคุณจะทำ” กรรณนรีย้อนถาม
“กรรณรี คุณรู้มั้ยอะไรที่อันตรายที่สุด?....ความคิดที่ไม่เข้าท่าของคุณไงทำลายตัวเองไม่พอ ยังทำร้ายคนอื่นอีก ฟังไว้นะ แม่ผมไม่มีทางทำร้ายใครเป็นอันขาด แม้ท่านจะถูกผู้หญิงที่ขึ้นชื่อ”เมียน้อย” ทำร้ายท่านก่อนก็ตาม” ก้าวขึ้นรถ แล้วขับออกไปทันที
กรรณนรีตะโกนตามหลัง “แล้วฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะห่วงคุณภาพิศรึไง?”
กรรณนรีหน้างอใส่สรวง แล้วค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเป็นกังวลเรื่องแม่

กรรณนรีเดินกระฟัดกระเฟียดอารมณ์เสีย เตะโน่นเตะนี่มาตามทางเดินจะกลับบ้าน
ภรตขับรถมาจอดข้างๆ ร้องเรียก “กาว”
กรรณนรีมองหน้าภรตแต่ไม่คุยด้วย เดินหนี
ภรตเดินลงจากรถ ขวางทางกรรณนรีเอาไว้ “กาวไม่อยากคุยกับพี่?”
กรรณนรีพูดแดกดัน “กาวไม่อยากพูดกับคนที่ทำร้ายกาว”
“พี่ทำร้ายกาวตรงไหน”
“ต้องให้กาวพูดอีกเหรอคะ?” กรรณนรีเดินหนีไป
ภรตตะโกน “ทำไมกาวไม่คิดว่าพี่หวังดี...” กรรณนรีหยุดกึก ภรตเดินเข้าไปหา “ถ้าเป็นคน
อื่น พี่จะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่เค้าคือคุณสรวง...เค้าดูถูกแม่ไม่พอ กาวยังจะให้เค้าดูถูกกาวอีกเหรอ”
กรรณนรีอึ้งนิ่งงันไป ภรตพูดต่อ “พี่กับแก้วมีเรื่องจะพูดกับกาว”

ค่ำนั้น ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภรตเลื่อนเก้าอี้ให้กรรณนรีนั่ง พยายามเอาใจมาก
“เดี๋ยวแก้วตามมา กาวอยากทานอะไรสั่งเลย”
“พี่ภรตสั่งเถอะค่ะ กาวไม่หิว”
“กาวยังโกรธพี่เรื่องคุณสรวงใช่มั้ย” ภรตถาม
“เปล่าค่ะ...พี่ภรตพูดถูกแล้วคุณสรวงเค้าดูถูกกาว กาวไม่ควรไปยุ่งกับเค้าอีก”

ในจังหวะเดียวกัน สุขหฤทัยที่นั่งทานข้าวอยู่โต๊ะด้านหลังกับเพื่อน ได้ยินหันขวับมามองยิ้มเย้ย
“ฮึ! ทำมาเป็นพูดดี ทั้งๆที่ความจริงเธอให้ท่าสรวงตลอดเวลา”
กรรณนรีสวนกลับ “แล้วไงคะ ในเมื่อคุณสรวงไม่เคยแสดงท่าทีว่าปฏิเสธฉัน...เหมือนที่เค้าปฏิเสธคุณ”
“กรรณนรี” สุขหฤทัยบันดาลโทสะ คว้าแก้วน้ำสาดหน้าทันที
กรรณนรีโกรธจัด “คุณฤทัย”
กรรณนรีคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะทำท่าจะสาดใส่ฤทัย ภรตตกใจจะลุกมาห้าม แต่กาวินทร์มาถึงพอดี จับมือกรรณนรีไว้
“ไม่ต้องกาว” ปล่อยมือกรรณนรีจ้องสุขหฤทัยอย่างเอาเรื่อง “พี่เอง” ลากมือสุขหฤทัยออกไป
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า ปล่อย” กรรณนรีรีบตามไป ภรตร้องเรียก
“กาว” กรรณนรีไม่หยุด ภรตวิ่งตาม

กาวินทร์ลากสุขหฤทัยออกมานอกร้าน แล้วผลักอย่างแรง ร่างสุขหฤทัยเซ กาวินทร์ตะคอกขู่
“อยากให้คลิปของคุณกับผมในม่านรูดมันหลุดออกไปใช่มั้ย”
กรรณนรีวิ่งตามมาได้ยิน สุขหฤทัยหน้าถอดสี โกรธมาก
“แก”
“หรือว่าอยากจะดัง เพราะคลิปหลุด” กาวินทร์ยั่ว
สุขหฤทัยเสียงดัง “อย่านะ....แกอย่า”
“งั้นคุณก็เลิกยุ่งกับน้องสาวผมซะที ..ไม่อย่างนั้น คุณอดเป็นสะใภ้นายพลแน่”
สุขหฤทัยโกรธจนตัวสั่น “เลวทั้งพี่ทั้งน้อง”
“ถ้าผมเลวจริงคุณไม่มีหน้ามายืนด่าผมปาวๆ แบบนี้หรอก คุณเสร็จผมไปแล้ว และคลิปนั่นก็ถูกปล่อยตั้งแต่คืนนั้นแล้ว ไป..รีบไป อย่ามายุ่งกับน้องสาวผมอีก ไป๊” กาวินทร์ตะเพิดส่ง
สุขหฤทัยวิ่งลนลานออกไป กาวินทร์หันมาเจอกรรณนรี ที่จ้องหน้าอยู่แล้ว
“พี่แก้วมีอะไรกับคุณฤทัย”
“ก็แล้วแกได้ยินว่าอะไรล่ะ?” กาวินทร์พูดเท่านั้นก็เดินหนีไป
“พี่แก้ว” กรรณนรีวิ่งตามกาวินทร์ไป โดยมีภรตยืนมอง ถอนหายใจออกมา

กาวินทร์เดินดุ่มตรงไปที่รถ กรรณนรีวิ่งตามมากระชากมือไว้
“เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องพี่แก้ว”
กาวินทร์หันมาด่า “ได้...ถ้าแกเลิกทำตัวเป็นผู้หญิงหน้าด้าน”
กรรณนรีฉุน “ทำไมพี่แก้วว่ากาวอย่างนี้”
“ก็แล้วมันจริงมั้ย พี่ห้ามแกแล้ว แต่แกก็ยังไปกับไอ้สรวง ให้แฟนเค้าตามมาด่า ถามจริงๆ แกไม่อายเหรอกาว”
กรรณนรีบอกเสียงเข้ม “ไม่! เพราะกาวไม่ได้ทำอะไรผิด”
กาวินทร์เย้ย “ต้องแค่ไหน แกถึงจะเรียกว่าผิด พี่จะบอกให้แกรู้ไว้นะกาว เพียงแค่แกไปด้วย ไอ้สรวงมันก็คิดว่าแกให้ท่ามันแล้ว ยังจะโง่ทำตัวเป็นของเล่นมันอีก” ชี้หน้าคาดโทษ “เลิกยุ่งกับมัน”
“แล้วถ้าคุณสรวงเค้ายังมายุ่งกับกาวล่ะ” ภรตแทรกขึ้นมา
“ถ้ามันกล้าก็ลองดู พากาวกลับบ้าน” กาวินทร์สั่งภรต
กรรณนรีงง “แล้วพี่แก้วจะไปไหน”
“ไปทำในสิ่งที่ฉันควรจะทำ” กาวินทร์เดินลิ่วไปขึ้รถ
“พี่แก้วๆๆ” กรรณนรีตะโกน แต่กาวินทร์ไม่แยแส

“กลับบ้านกาว...ไม่งั้นแก้วโกรธแน่” ภรตบอก

เวลาต่อมา ในขณะที่สรวงขับรถจะเข้าบ้าน กาวินทร์เดินมายืนขวางหน้ารถเอาไว้

สรวงจำกาวินทร์ได้ รีบลงมาถาม “มีอะไรคุณ”
กาวินทร์ไม่ตอบแต่ต่อยเข้าที่หน้าสรวงอย่างแรง สรวงเซ กาวินทร์ตามไปอัดซ้ำไม่ยั้ง
สรวงตั้งหลักได้ซัดกาวินทร์เอาคืน คราวนี้กาวินทร์เซล้ม สรวงกระชากคอเสื้อขึ้นมา
“ลูกผู้ชายไม่เล่นทีเผลอ มีอะไรคุณว่ามา”
“ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามแต่ เลิกยุ่งกับน้องสาวผม” ผลักสรวงออกอย่างไม่ยี่หระ
สรวงมองกาวินทร์เขม็ง กาวินทร์ชี้หน้า
“ลูกผู้ชายจริง อย่าให้ต้องพูดกันหลายรอบ”
สรวงสวนคำ “ลูกผู้ชายจริง เค้าไม่ข่มขู่กัน มันเป็นสิทธิ์ของผมกับกรรณรีที่จะคบกัน”
กาวินทร์โกรธอีก เงื้อมือจะชก สรวงจับมือกาวินทร์ไว้ กาวินทร์ท้า
“งั้นก็ลองดู”
กาวินทร์ใช้มืออีกข้างเหวี่ยงหมัดเข้าที่หน้าของสรวงอีก สรวงเซไป
“อย่ายุ่งกับน้องฉันอีก ไม่งั้นมีเรื่อง” กาวินทร์เดินขึ้นรถขับออกไป สรวงมองอย่างกลุ้มใจ

ด้านกรรณนรียืนกระวนกระวายมองไปที่หน้าบ้านตลอดเวลา จนภรตต้องบอก

“ดึกแล้วเข้าบ้านไปนอนเถอะกาว”
“กาวยังไม่ง่วง พี่ภรตเองนั่นแหละ กลับบ้านได้แล้ว”
ภรตอึ้งไป เหมือนถูกไล่ทางอ้อม ถามอย่างน้อยใจ “กาวอยากให้พี่กลับ”
กรรณนรีบอก “มันดึกมากแล้วค่ะ”
ภรตน้อยใจ “งั้นกาวก็ควรเข้าบ้านได้แล้ว มันอันตราย”
“นี่มันบ้านของกาว กาวจะรอพี่แก้ว กาวห่วง…”
“ห่วงแก้ว หรือห่วงคุณสรวงกันแน่” ภรตหลุดปาก
กรรณนรีสวนออกมาโดยไม่คิดอะไร “จะห่วงใคร พี่ภรตก็ไม่เกี่ยว
ภรตมองมา ครางด้วยความเสียใจ “กาว”
“กาวยังโกรธพี่ภรตอยู่เลยนะคะ ที่เข้ามาวุ่นวายเรื่องของกาวน่ะ”
“แสดงว่า...กาวยินดีที่จะให้คุณสรวงเค้าทำอย่างนั้นกับกาว”
กรรณนรีบอก “มันเรื่องของกาว และกาวก็ไม่จำเป็นต้องตอบพี่ภรตค่ะ”
“กาว” ภรตคราง มองอย่างเสียใจก่อนจะเดินออกไป
กรรณนรีมองตามอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ภรตขับรถกลับบ้านเสียใจมาก ได้แต่บอกตัวเองอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “มันเรื่องของกาวจริงๆ”

กรรณนรีอยู่ในห้องนอน ยืนมองจากหน้าต่างลงมายังด้านล่าง แต่กาวินทร์ยังไม่กลับสักที กรรณนรีรออย่างกระวนกระวาย ก่อนจะล้มตัวนอนบนเตียง
กรรณนรีกังวลอยู่ในใจ “อย่าทำอะไรคุณสรวงนะพี่แก้ว” และนอนไม่หลับทั้งคืน

รุ่งเช้า กรรณนรีเดินลงมาหน้าตาซีดเซียว เกริกจัดสำรับอาหารอยู่หันมาเห็น
“ทำไมหน้าเซียวๆ ล่ะกาว เหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน”
“นอนไม่ค่อยหลับค่ะพ่อ”
“มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า”
กาวินทร์เดินเข้ามา หน้าตามีรอยฟกช้ำบ้าง แต่ไม่มาก สองคนพี่น้องสบตา รู้กัน
กรรณนรีตอบพ่อ “เปล่าค่ะ กาวคิดเรื่องงานนิดหน่อย”
“อย่าเครียดลูก มีอะไรค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ” เกริกตบไหล่ หันมาเห็นสารรูปกาวินทร์ ก็อ่อนใจ
“เอ้า! ไปมีเรื่องกับเค้าอีกใช่มั้ย? เลิกวู่วามซะทีแก้ว...พ่อไม่อยากเห็นแกตายก่อนพ่อ” เดินเข้าไปในครัว
กรรณนรีพูดถามเบาๆ “พี่แก้วมีเรื่องกับคุณสรวงใช่มั้ย”
“ถ้าใช่! แล้วไง?” กาวินทร์มองหน้าน้องอย่างไม่พอใจ
กรรณนรีพูดเสียงเบา กลัวพ่อได้ยิน “ทำไมต้องไปมีเรื่องกับเค้าด้วย”
กาวินทร์พูดเสียงเข้มแต่ลดเบาลง “จะเอาให้หนักกว่านี้ด้วย ถ้าแกยังยุ่งกับมัน” เดินหนีเข้าครัวไปตะโกน “ผมช่วยครับพ่อ”
กรรณนรีมองหน้ายุ่ง

สองสาวเดินคุยกันมา ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ กรรณนรีบ่นอุบ
“จะไม่ให้ฉันยุ่งกับคุณสรวงได้ยังไง? ในเมื่อฉันต้องทำงานกับเค้า”
“นั่นน่ะสิ” มะยมฉุกคิด “เออ..แล้วทำไมพี่แก้วต้องห้ามแกยุ่งกับคุณสรวงด้วยล่ะ”
คราวนี้กรรณนรีเป็นฝ่ายอึ้ง มะยมคิดเองเออเอง พูดยิ้มๆ
“ฉันรู้แล้ว พี่แก้วต้องสังเกตเห็นท่าทีที่คุณสรวงมีต่อแกแน่ๆ เลยห่วง ใช่ป่ะ”
กรรณนรีตาดุกลบเกลื่อน “ท่าทีอะไรล่ะ มีแต่จะกัดคอฉัน”
มะยมยิ้มๆ “อ๋อ งั้นที่แกหายไปกับคุณสรวงวันนั้น หายไปกัดคอกัน”
กรรณนรีหลุดเขิน “บ้า! คุยงาน”
มะยมล้อๆ “งานอะไร? ถึงต้องกระชากลากถูกันด้วย...ฉันว่าแกกับคุณสรวง มีอะไรกันแปลกๆ” เอาไหล่ชนเบาๆ “ถามจริง กิ๊กกันเหรอ”
“ไม่มีทาง”
“ดีแล้วล่ะ...แกจะได้ไม่ต้องเหนื่อยใจ เพราะคนระดับเค้า ไม่มีทางคิดจริงจังกับคนอย่างเราหรอก อย่างเก่งก็เป็นได้แค่ของเล่น เมียเก็บ เมียน้อย...อย่างคุณภาพิศ”
กรรณนรีอึ้ง มะยมไม่ได้สังเกตพูดต่อ
“ฉันยังลุ้นอยู่เลย วันงาน คุณภาพิศกับคุณหญิงสุดา เค้าจะเป็นยังไงกัน”

ค่ำคืนนั้นภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง สรวงนั่งทำงานในโน้ตบุ๊คไปด้วย จิบกาแฟไปด้วย แต่ในใจอดกังวลถึงวันพรุ่งขึ้นมาไม่ได้

“อย่าให้มีเรื่องวุ่นวายในงานเลย"

วันต่อมา บรรยากาศในห้องโถงใหญ่ที่คฤหาสน์อารักษ์ อบอวลไปด้วยรอยยิ้มและความชื่นบาน นิค มะยม และกรรณนรีเดินเข้ามา เห็นคุณหญิงสุดายืนต้อนรับแขกเหรื่อที่เชิญมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ขนาบข้างด้วยอารักษ์ สุขหฤทัย และสรวง
สามคนมองหน้ากันอย่างหวั่นใจ สรวงกับกรรณนรีมองสบตากัน สุขหฤทัยเห็นก็ไม่พอใจ คว้าแขนสรวงไว้ กรรณนรีหลบสรวง เดินนำเพื่อนไปทางอื่น นิคกระซิบถามสองสาว
“พวกแกเห็นรังสีอำมหิตอะไรหรือเปล่า”
มะยมบอก “ไม่เห็นว่ะ หรือว่าไงกาว”
กรรณนรีปรายตามองสุดา เห็นสุดายิ้มระรื่นอย่างคนใจดีระบายทั่วใบหน้า
“ฉันก็ไม่เห็นเหมือนกัน”
“หรือว่าเค้าดีกันจริงๆ วะ” นิคตั้งข้อสังเกต
“เป็นไปไม่ได้หรอก คนเกลียดกันจะตาย จู่ๆจะมาดีกันเพียงข้ามวันเป็นไปได้ยังไง? จับตาดูกันดีกว่า คุณภาพิศมา รับรองมีช็อตเด็ดแน่” มะยมว่า
สีหน้ากรรณนรีดูไม่สบายใจเป็นอย่างมาก มะยม กับนิค จับกล้อง เตรียมอุปกรณ์สัมภาษณ์เพื่อเตรียมพร้อม

สักครู่หนึ่งภาพิศแต่งตัวสวยเฉิดฉายใบหน้ายิ้มแย้มเดินเข้ามาพร้อมกับแฉล้ม มะยมสะกิดบอก
“คุณภาพิศมาแล้ว”
ทุกคนหันไปมองภาพิศ สลับกับมองไปทางฝั่งสุดา อย่างจับอาการ เห็นผู้หญิงทั้งสองคนยิ้มให้กันแบบเป็นมิตรมากราวกับไม่เคยขุ่นข้องหมองใจกันมา
สรวงกับกรรณนรีมองภาพนั้น ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“คุณพี่ขา..ไปรับภาพิศสิคะ คนกำลังท้องกำลังไส้ เดินเหินต้องระวัง” สุดายิ้มบอกสามี
อารักษ์ยิ้มท่าทางมีความสุขมาก “จ้ะ”
อารักษ์เดินไปหาภาพิศประคองมา แฉล้มยิ้ม แต่แอบลอบสังเกตสีหน้าคุณหญิงสุดาตลอดเวลา พอภาพิศเดินมาใกล้ สุดาก็เดินมาหาประคองภาพิศด้วย ถามเสียงอ่อนโยนและฟังดูอาทร
“เป็นไงคะคุณน้อง แพ้ท้องมากมั้ย?”
“มากเลยล่ะค่ะ” ภาพิศยิ้ม มองอารักษ์สายตาออดอ้อน “อย่างว่า...ลูกคนแรก”
ยินคำว่า ‘ลูก’ กรรณนรี กับสรวงต่างนึกสะท้อนใจ
“งั้นเข้าไปข้างในเถอะค่ะ...พี่เตรียมของบำรุงไว้ให้เยอะแยะเลย ไปค่ะคุณ...พาน้องเข้าไป”
สุดา กับอารักษ์ ช่วยกันประคองภาพิศเข้าไปด้านใน ท่ามกลางความลุ้นระทึกของทุกคน
สรวงกับกรรณนรี นั้นอยู่ในอาการไม่แน่ใจ และกังวลจะมีอะไรมั้ย? ส่วนกลุ่มนักข่าว สายตามองลุ้น ตื่นเต้นตลอดเวลามือเตรียมกล้องถ่ายรูป
ทางด้านสุขหฤทัย กับแฉล้ม ยิ้มด้วยสีหน้าเดียวกัน คือรู้แน่ ว่าคุณหญิงสุดากับภาพิศ ต่างซ่อนซุกอะไรบางอย่างไว้ และต่างก็คิดว่าฝ่ายของตัวเหนือกว่า
ดูเหมือนจะเป็นอารักษ์คนเดียวเท่านั้นที่ยิ้มอย่างมีความสุขเหลือล้น นึกว่าสองภรรยาดีกันจริงๆ
ขณะที่ ภาพิศ และสุดา ต่อหน้าคนอื่นต่างยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นเชิงบอกว่าเราดีกันนะ แต่ลอบส่งสายตาพิฆาตให้แก่กันท้าทายกันอยู่สองคนว่าใครจะแน่กว่ากัน!

เวลาเดียวกันที่อีกฟากหนึ่ง เกริกเดินเมาโซเซอยู่ห้องนั่งเล่นที่บ้าน จังหวะหนึ่งชนรูปภาพิศจนหล่นลงมา เกริกก้มลงหยิบรูปภาพิศมาดู เห็นกระจกกรอบรูปเกิดรอยร้าว
เกริกนึกเป็นห่วงภาพิศหรือนุดีขึ้นมาครามครัน

ที่โต๊ะรับประทานอาหารหลวงน้อยสมานฉันท์ ภาพิศถูกขนาบข้างด้วยสุดาและอารักษ์ สรวง สุขหฤทัย นั่งถัดมา แฉล้มนั่งฝั่งตรงข้าม กลุ่มนักข่าวกดถ่ายภาพกันระวิง บรรยากาศชื่นมื่น สุดายิ้มแย้มพลางกระเซ้านักข่าวขึ้นว่า
“น้องๆ ขาเก็บกล้องได้แล้วค่ะ ไม่ต้องทำข่าว วันนี้พี่ตั้งใจเชิญมาทานข้าวด้วยกัน” สุดาหันไปบอกแม่บ้านชื่อพรรณี “จัดอาหารให้น้องๆ เร็ว”
อารักษ์ยิ้มปลื้ม “นั่งเลยๆ เชิญตามสบาย”
กลุ่มนักข่าวและช่างภาพแยกย้ายนั่งกันที่โต๊ะ ทว่าแต่ละคนก็ยังหันมาถ่ายรูปครอบครัวหรรษาอยู่ดี สุดาหัวเราะ
“พี่บอกแล้วไงคะ ไม่ต้องถ่าย...ทานข้าวกันดีกว่าค่ะ”
จังหวะนั้นสรวงกับกรรณนรีแอบมองหน้ากัน สุขหฤทัยจิกตาใส่ แม่บ้านเริ่มเสิร์ฟอาหาร
“วันนี้พี่เตรียมของบำรุงพิเศษมาให้คุณน้องด้วยนะคะ...” สุดาบอกแม่บ้าน “พรรณี”
แม่บ้านรู้ เดินยกอาหารจานเด็ดมาวางให้ตรงหน้าภาพิศ
“ซุปใสรวมของบำรุง 9 อย่าง บำรุงครรภ์ได้อย่างดี”
ภาพิศยิ้มระรื่น “น่าทานจังเลยค่ะ”
สุดาเสริมขึ้น “อร่อยด้วย คุณน้องลองทานดูนะคะ”
ภาพิศหยิบช้อนมาตักน้ำซุป จะทาน แฉล้มร้องบอกเป็นเชิงเตือน
“คุณคะ…”
ทุกคนมองแฉล้มเป็นตาเดียวกัน แฉล้มรีบบอก
“คนท้องไม่ควรทานอะไรแปลกๆ นะคะ...ถ้าแพ้ขึ้นมาจะอันตราย”
ภาพิศยิ้มเยื้อนบอกเสียงหวาน “คุณหญิงพี่อุตส่าห์สรรหามาให้ เป็นของบำรุงทั้งนั้น ไม่ทานคุณหญิงพี่จะเสียน้ำใจแย่”
พูดจบภาพิศตักซุปเข้าปาก แล้วทำสีหน้ากังวล ท่ามกลางอาการลุ้นของทุกคน
สุดารีบถาม “อร่อยมั้ยคะ”
ภาพิศยิ้มออกมา อย่างโล่งใจ “อร่อยค่ะ”
“งั้นทานเยอะๆ นะคะ”
ภาพิศตักมาทานอีก สุดาตักน้ำซุปเติมให้ ท่ามกลางการลุ้นของทุกคน นักข่าวถ่ายภาพ
แต่แล้วจู่ๆ ภาพิศกลับทำท่าจะอาเจียนออกมา “อุ๊ปส์!” รีบเอามือปิดปาก
นักข่าวรัวชัตเตอร์ถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ อารักษ์ร้องลั่น
“ภา..ภาเป็นอะไร?”
แทนคำตอบ ภาพิศเอามือปิดปาก ลุกเดินโซเซไปทางห้องน้ำเหมือนคนจะขาดใจ
อารักษ์ขึ้นเสียง “คุณทำอะไรภาพิศ”
“เปล่านะคะ ฉันเปล่า”
อารักษ์รีบตามภาพิศไป นักข่าวแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งตามเก็บภาพภาพิศ อีกฝ่ายถ่ายรูปคุณหญิงสุดา กรรณนรีตามภาพิศไปอย่างรวดเร็ว แฉล้มมองคุณหญิงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร และคาดโทษ
“ถ้าคุณภาพิศกับเด็กในท้องเป็นอะไร คุณหญิงถูกแจ้งจับข้อหาเจตนาฆ่าแน่”
สุดาร้องไห้โฮ “ไม่นะ ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ” พูดจบก็ทำท่าจะเป็นลม สรวงรีบเข้ามาประคองไว้
“ทำใจดีๆ ครับคุณแม่...ผมเชื่อคุณแม่ ไม่ได้ทำอะไร” สรวงปลอบโยนผู้เป็นมารดา

ส่วนทางด้านใน ภาพิศโก่งคออาเจียน โดยมีอารักษ์คอยลูบหน้าลูบหลัง นิคเก็บภาพทุกช็อต
กรรณนรีมองด้วยสีหน้าเป็นห่วงกังวล อารักษ์ถามภาพิศขึ้น
“เป็นยังไงบ้างภา?”
ภาพิศพูดเหมือนคนจะขาดใจ “ภา..ภามะ..ไม่ไหว”
“คุณโดนวางยาแน่ๆ” แฉล้มว่า
อารักษ์สั่ง “เรียกรถพยาบาลเร็ว”
“ค่ะๆ” แฉล้มรีบเดินออกไปทันที
กรรณนรีรีบเข้าไปประคองภาพิศ ภาพิศร้องไห้ครวญคร่ำ เอามือลูบท้องอย่างหวงแหน
“ลูกฉันๆๆ”
กรรณนรีมองภาพิศ สงสารและสะท้อนใจ อารักษ์มองสงสารภาพิศ
“ลูกเราต้องไม่เป็นไรภา....” นายพลอารักษ์ ขบกรามกัดฟันกรอดๆ “สุดานะสุดา”

วินาทีนั้นภาพิศแอบยิ้มย่อง และกรรณนรีเห็นรอยยิ้มนั้นเข้าพอดี กรรณนรีหน้าซีดตกใจ

ไฟมาร ตอนที่ 4 (ต่อ)
 

คุณหญิงสุดาเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่ที่ด้านนอก โดยมีสรวงและสุขหฤทัยช่วยกันประคอง แฉล้มเดินกลับเข้ามา

“รถพยาบาลกำลังมาค่ะ”
อารักษ์ประคองภาพิศออกมา มีกรรณนรีเดินหน้าเจื่อนตามหลังมาด้วย สุดาร้องฟูมฟายขึ้นมาทันที
“ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ ฉันไม่ได้ทำ”
อารักษ์เหลียวไปมองสุดา “แล้วภาพิศเป็นอย่างนี้ได้ยังไง”
“ฉันไม่รู้...แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันกินให้ดูก็ได้”
สุดาจิกตามองภาพิศ สลับกับอารักษ์ ขณะหยิบซุปขึ้นซดทั้งถ้วย สุดาคว่ำถ้วยซุปให้ดู หมดเกลี้ยงไม่เหลือสักหยด สรวงเอ่ยขึ้น
“ถ้าคุณพ่อยังไม่เชื่อคุณแม่อีก...ผมก็จะกินให้ดู”
“ฤทัยด้วยค่ะ”
สุจหฤทัยตักซุปให้สรวงและตัวเอง สองคนดื่มจนหมดถ้วย และคว่ำถ้วยให้ดู
“ใครอยากพิสูจน์ด้วยตัวเอง เชิญครับ” สรวงบอก
“เชิญเลยค่ะ ประเดี๋ยวจะหาว่าฤทัยกับคุณสรวงเข้าข้างคุณหญิงแม่อีก”
สุขหฤทัยตักซุปใส่ถ้วย ให้สรวงยื่นให้นักข่าว ให้นิค ให้มะยม และยื่นให้กรรณนรีเป็นคนสุดท้าย
นักข่าวทุกคนมองหน้ากัน ก่อนยกถ้วยขึ้นดื่มจนหมด ไม่มีใครเป็นอะไร
สรวงถาม “มีใครเป็นอะไรมั้ยครับ”
นักข่าวส่ายหน้า สรวงปรายตามองกรรณนรี และกรรณนรีเองก็มองมายังสรวงพอดี สองคนสบตากัน กรรณนรีหน้าสลด สายตาฉายแววแห่งความเสียใจ สรวงมองกรรณนรีอย่างเห็นใจ สุขหฤทัยมองจิกภาพิศ
“ไม่มีใครเป็นอะไรมีแค่คุณภาพิศคนเดียว อย่างนี้มันหมายความว่ายังไงคะ”
คำถามของสุขหฤทัย ทำให้ทุกคนหันไปมองภาพิศเป็นตาเดียวกัน คราวนี้ภาพิศหน้าซีดจริงๆ
แฉล้มรีบแก้ต่างให้ “คุณภาพิศอาจจะแพ้ท้อง”
ภาพิศพูดขึ้นอย่างคนไม่มีแรง “ภาคงแพ้เยอะมากๆ น่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก..ภาขอตัวกลับ
ก่อนนะคะ”
ภาพิศทำท่าจะลุก แฉล้มรีบเข้าไปประคอง
สรวงเรียกไว้ “อย่าเพิ่งกลับสิครับ”
“คุณสรวงมีอะไรกับพี่?”
สรวงพูดใส่หน้า “คุณแม่ดีกับเธอขนาดนี้ เธอยังแกล้งจะเป็นจะตายให้คนมองคุณแม่เป็นคนร้ายคนเลว นี่ถ้าทุกคนไม่ได้กินซุปนั่นคุณแม่ตกเป็นจำเลยไปแล้ว”
อารักษ์มองภาพิศเป็นเชิงถาม ภาพิศเห็นสายตาของอารักษ์ก็ใจหล่นวูบ
“ไม่นะคะคุณพี่ ภาไม่ได้แกล้ง”
“ไม่มีใครแกล้งเป็นแกล้งตายหรอกค่ะคุณสรวง แต่เข้าใจมั้ยคะคนท้อง ต่อให้อาหารดีแค่ไหน ถ้าจะแพ้มันก็แพ้ได้” แฉล้มพูดแดกดัน
“ถ้าคนแพ้จริงๆมันไม่ได้เป็นอย่างนี้หรอก นี่ดูหน้าก็รู้ หล่อนแกล้งชัดๆ ฮึ! คุณหญิงแม่ไม่น่าทำดีกับคนเลวเลย” สุขหฤทัยบอก
อารักษ์ปรามเสียงเข้ม “สุขหฤทัย”
สุดาเอ่ยขึ้น “อย่าว่าฤทัยเลยค่ะ ฤทัยเป็นห่วงฉัน ภาพิศ..ถ้าไม่สบายก็กลับพักผ่อนเถอะ
จ้ะ รักษาสุขภาพด้วย ฉันเป็นห่วง”
อารักษ์กับแฉล้มประคองภาพิศออกไป นักข่าวถ่ายรูป พร้อมรุมถามภาพิศเสียงดังเซ็งแซ่
“คุณภาพิศป่วยจริงหรือแกล้งป่วยคะ”
“ตกลงไม่ไปหาหมอเหรอคะ? จะได้ตรวจให้รู้กันไปเลย ว่าแกล้งหรือไม่แกล้ง” มะยมถามซัก
“เกิดเรื่องแบบนี้แล้วยังคิดจะปรองดองกันได้มั้ยครับ” นิคยิงคำถาม
เงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบจากภาพิศ

นาทีนั้นคุณหญิงสุดาลอบยิ้มอย่างสะใจ ก่อนจะหันไปร้องไห้ฟูมฟายต่อ

ครู่ต่อมานักข่าวตามห้อมล้อมรุมรถอารักษ์และถ่ายภาพเอาไว้ นักข่าวคนหนึ่งพูดขึ้นมาลอยๆ

“คุณภาพิศนี่ร้ายจริงๆ คุณหญิงสุดาอุตส่าห์ดีด้วย ยังจะทำมารยา”
ภาพิศได้ยินเต็มสองหู ใบหน้าซบที่ไหล่อารักษ์ส่วนแววตามีแต่ความอาฆาต ขณะรถเคลื่อนตัวออกไป

ส่วนที่ด้านใน นักข่าวและกลุ่มกรรณนรีเก็บข้าวของเตรียมจะกลับ กรรณนรีหน้าซีดเสียใจ
“ฉันว่างานนี้เป็นแผนคุณภาพิศใส่ร้ายคุณหญิงสุดาแน่ๆ” มะยมว่า
“ฉันก็ว่างั้นแหละ” นิคเห็นด้วย
กรรณนรีปกป้อง “เค้าอาจจะแพ้จริงก็ได้”
สุขหฤทัยเดินเข้ามาทางด้านหลังพูดลากเสียงประชด “เหรอ..แพ้จริงเหรอ.... รู้สึกจะเข้าใจกันดีเหลือเกินนะ พวกอย่างหนา หนังหน้าเมียน้อย”
นิคสวน “ใครเป็นเมียน้อย...แถวนี้ไม่ได้มีสามีใครซักคน”
“มีแต่คนขี้ตู่ อยากเป็นภรรยาเค้า แต่เค้าไม่เอา”
สุขหฤทัยหัวเราะเยาะ “ก็ดีกว่าคนเสนอให้เค้าฟรีๆ”
กรรณนรีฉุนกึก “คุณหมายถึงใคร”
“หมายถึงเธอนั่นแหละ หน้าด้านรู้ทั้งรู้ว่าสรวงเป็นอะไรกับฉัน ยังแอบไปกับเค้าเช้า สาย บ่าย เย็น หน้าไม่อาย”
นิคหันไปมองหน้ากรรณนรี สุขหฤทัยว่าต่อทันที
“ปฏิเสธมาซี้ว่าไม่ได้ไปกับสรวง แฟนฉัน!”
“ไว้คุณสรวงบอกเมื่อไหร่ ผมจะเชื่อแล้วกัน” นิคหงุดหงิดหันไปบอกกับเพื่อนๆ “ไปกลับ...อยู่นานๆ เดี๋ยวฉันต้องเสียค่าปรับข้อหาทำร้ายร่างกายไฮโซ”
นิคดันหลังมะยม และกรรณนรีกลับไป สุขหฤทัยค้อนตาคว่ำ
“พวกคนถ่อยคนเถื่อนเอาแต่ใช้กำลัง อี๋!”
สรวงที่ยืนอยู่ด้านหลังว่าเอา “ก็คุณอยากไปหาเรื่องเค้าก่อน”
สุขหฤทัยตกใจ “สรวง”
พูดจบสรวงเดินเข้าไปในบ้าน สุขหฤทัยตามประกบ
“ที่ฤทัยทำทั้งหมดก็เพื่อปกป้องสรวงกับคุณหญิงแม่นะคะ ดูก็รู้นังกรรณรีมันเป็นพวกนังภาพิศ ขนาดเห็นอยู่กับตา ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก”
สรวงถอนหายใจ “สิทธิ์ของเค้า” เดินหนีไปอีก
สุขหฤทัยได้แต่กระฟัดกระเฟียดไปมา

มะยม เดินเข้ามาในออฟฟิศ พร้อมกรรณนรี โดยมีนิคเดินหน้าบึ้งอยู่ด้านหลัง
“นอกจากจะต้องรีบไปผ่าหมาออกจากปากแล้ว ยัยฤทัยควรต้องเย็บปากให้สนิทอีกด้วย จะได้ไม่ต้องพ่นลมปากเหม็นๆ เน่าๆ ออกมา”
นิคโยนกระเป๋าลงโต๊ะโครม “แล้วมันจริงอย่างที่เค้าว่ารึเปล่าล่ะ?” เน้นคำ “กาวไปกับคุณสรวง”
“ถ้าจริงแล้วมันเป็นไร” กรรณนรีไม่พอใจนิดๆ
นิคเยาะ “ก็คงไม่เป็นไรหรอก เพราะมันเรื่องของแก อะไรๆ ก็เป็นของแก แต่แกไม่อายบ้างรึไงวะกาว ที่ไปเป็นของเล่นไฮโซ” เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเย้ย “เพราะมันไม่ได้ต่างจากคุณภาพิศ ที่เป็นเมียน้อยเค้าเลยว่ะ”
นิคท่าทีโกรธจัดเดินออกไป กรรณนรียืนอึ้ง สะเทือนใจ มะยมหน้ายุ่ง
“ไอ้ปากขี้เรื้อนนิค” มะยมตามออกไปเอาเรื่องนิค

กรรณนรียืนนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะตามสองคนออกไป

นิคเดินอารมณ์เดือดพล่านออกมาที่หน้าออฟฟิศ มะยมวิ่งตาม
 
“ทำไมแกว่ากาวอย่างนี้วะ” มะยมเดือดพอกัน
นิคได้สติ สายตาบอกว่ารู้สึกเสียใจ พูดเสียงอ่อนลง “ฉันเป็นห่วงกาว”
มะยมบอกเสียงเครือ แอบเจ็บเหมือนกัน “ห่วง...หรือว่าหึง”
นิคตกใจ “ฉันจะไปหึงกาวมันทำไม”
“ก็เพราะแกรักมันไง”
มะยมพูดพลางจ้องหน้านิค กลัวคำตอบที่จะได้ยิน
จังหวะนั้นกรรณนรีเดินออกมาหลังมะยม รอฟัง
นิคหลบตาพูดอ้อมแอ้ม “ฉันรักมัน...รักแกอยู่แล้ว...เพราะพวกแกเป็นเพื่อนรักฉัน ถ้ากาวกับคุณสรวงรักกันจริงๆ ฉันก็ดีใจด้วย แต่ฉันกลัว...กลัวว่า..บทสุดท้ายของกาวจะเป็นได้แค่....เมียน้อยอย่างคุณภาพิศ”
มะยมเดินมาตบไหล่นิคเบาๆ อย่างเข้าใจ กรรณนรี มองเพื่อน 2 คนอย่างสับสนปนเป ทั้งซึ้งใจ เศร้าใจ และสะเทือนใจ

ส่วนอารักษ์ กับแฉล้มประคองภาพิศเข้ามาในบ้าน อารักษ์หน้าตาไม่ค่อยดี
“เกลียดนักข่าวบางคนจริงๆ ชอบตั้งคำถามเสี้ยมให้คนทะเลาะกัน” แฉล้มว่า
ภาพิศพูดสีหน้าละห้อย “อย่าไปว่าเค้าเลยค่ะคุณแฉล้ม...เป็นใคร...ใครก็ต้อง
คิด ว่าภาน่ะแกล้ง” น้ำเสียงเครือ ทำท่าจะร้องไห้ “เมียน้อย ต้องเป็นคนเลว”
“ไม่เอาน่าภา...อย่าคิดมาก”
ภาพิศมองท่าทีอ้อนๆ พูดเสียงแบบน้อยใจ “แต่คุณพี่คิด....คุณพี่เลยทำหน้าเหมือนสงสัยใน
ตัวภา...” แอ๊บแสนดีเต็มที่ “ภาไม่ได้แกล้งนะคะ....ภาอาเจียน ภาแพ้หนักจริงๆ ค่ะ”
พร้อมกันนั้นภาพิศทำท่าจะอาเจียนอีก แฉล้มรีบเข้าไปประคอง
“ไปห้องน้ำเร็วค่ะคุณ” แฉล้มรีบพาไป พร้อมพูดให้อารักษ์ได้ยิน “เฮ้อ!คุณกับคุณหญิงกำลังจะดีกันแท้ๆ ไม่น่ามีเรื่องแบบนี้เลย” อารักษ์มองตามอย่างคลางแคลงใจ

ทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลง ภาพิศก็มีอาการปกติ ดวงตากร้าว
“ฉันว่าคุณขั้นเทพแล้ว แต่งานนี้ยัยคุณหญิงมันขั้นเทพกว่า” แฉล้มว่า
“ฉันพลาดเอง....ที่ไม่คิดว่ามันจะให้ทุกคนชิมซุปนั่น”
“คุณจะพลาดกว่านี้ ถ้าคุณยังชะล่าใจ เพราะวันนี้ก็เห็นแล้วว่าคุณหญิงตั้งธงรบกับคุณ และไม่ได้มาแบบโง่ๆเหมือนเดิมด้วย”
“ยังไงก็ไม่ฉลาดกว่าฉันหรอก” ภาพิศพูดอย่างทะนงตน ตาวาวโรจน์

วันต่อมาสุดากับสุขหฤทัยมาเดินซื้อของที่ห้าง สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรัง ท่าทางอารมณ์ดี สุขหฤทัยหัวเราะประจบ

“ฤทัยว่า...แผนเมียหลวงที่มีใจประเสริฐนี่มันใช้ได้ผลจริงๆนะคะ ป่านนี้นังภาพิศมันนอนกระอักเลือดอยู่ที่บ้านแน่ๆ ค่ะ”
สุดาอารมณ์ดี “แม่ก็ว่าอย่างนั้น” น้ำเสียงกลัวๆ “แต่แม่ก็กลัวเหมือนกันนะมันเจ็บขนาดนั้น มันต้องมาเอาแม่คืน”
“จริงด้วยค่ะ เพราะนังภาพิศมันเลว....เอางี้..คุณหญิงแม่จ้างบอดี้การ์ดมาซักโหลดีมั้ยคะ หรือสองโหลดี เดี๋ยวฤทัยจะบอกคุณพ่อให้”
“ไม่เอาหรอกลูก” สุดาห้าม
“เถอะค่า..คนรวย ไฮโซทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด ยิ่งเวอร์ยิ่งดี” สุขหฤทัยบอก
“ทุกวันนี้คนก็ด่าแม่เยอะแล้ว แม่ไม่อยากให้คนมาด่าแม่อีก ว่าแม่เวอร์”
“แล้วเราจะทำยังไงดีคะคุณหญิงแม่?” สุขหฤทัยปวดตับ
สุดาหนักใจ “แม่ก็คงต้องระวังตัวมากขึ้น นังภาพิศพิษสงมันรอบตัว”
จังหวะนั้น มีผู้ชายคนหนึ่งสืบเท้าเดินตามสุดามา
 
ที่แท้เป็นพล คนของสุดานั่นเอง พลใส่หมวกก้มหน้าเดินตาม สุดาทำเหมือนไม่รู้ตัว

สุดากับสุขหฤทัยเดินถือของพะรุงพะรัง มาใส่รถของคุณหญิง สุขฤทัยเอ่ยขึ้น

“ฤทัยจัดการเองค่ะคุณหญิงแม่...” เก็บของใส่รถ “เป็นคนรวย..ซื้อของแพงๆ มีความสุขจังเลยนะคะ” พลางก้มหน้าก้มตาจัดของไป
จังหวะนั้นพลเดินมาด้านหลัง กระชากสุขหฤทัยออกอย่างแรง จนล้มลงไป
“ว๊าย” โดยที่สุขหฤทัยไม่คาดคิด พลปราดเข้าไปกระชากคุณหญิงสุดา ผลักเข้าไปในรถ ขับออกไปรวดเร็ว
ที่แท้เป็นแผนคุณหญิงสุดา ให้คนมาทำร้ายตัวเอง เพื่อให้สุขหฤทัยและคนอื่นๆ เข้าใจว่าเป็นผลงานของภาพิศ

สรวงทำงานนั่งทำงานอยู่ เสียงมือถือดังลั่น เห็นเป็นเบอร์สุขหฤทัย จึงไม่รับ
“สรวงนะสรวง มัวทำอะไรอยู่” สุขหฤทัยตัดสินใจโทร.เข้าเบอร์ออฟฟิศ เสียงโทรศัพท์ดัง สุขหฤทัยกรอกเสียงใส่ กร่างตามนิสัย “สรวงอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ ไปเรียกสรวงมารับโทรศัพท์”
“ค่ะๆ” นิ้วนาง เลขาลนลานโอนสาย
“ครับ”
“คุณสรวงคะ...คุณฤทัยขอเรียนสายด้วยค่ะ”
“บอกว่าผมติดงาน” สรวงไม่อยากรับ
“ค่ะ” กดสายบอกสุขหฤทัย “คุณสรวงติดงานอยู่ค่ะ”
สุขหฤทัยโกรธลมออกหู “ไปบอกเค้านะ จะทำงานหรือจะไปงานศพแม่”
เลขาตกใจ “เอ่อ..หนูไม่กล้าค่ะ”
สุขฤทัยตะคอก “ไม่กล้าก็โอนสายเร็ว”
“ค่ะๆ” นิ้วนางโอนใหม่
สรวงรับอย่างรำคาญโดยยังไม่รู้ว่าเป็นสายสุขหฤทัย “ว่าไง”
“สรวง....คุณจะนั่งทำงาน หรือไปงานศพแม่เลือกเอา”
“อะไรของคุณฤทัย”
“แม่ของคุณถูกอุ้มค่ะ” สุขหฤทัยบอก
สรวงตกใจมาก “คุณแม่”

พลขับรถมาจอดที่ป่าข้างทาง แล้วลากสุดาลงไป สุดาร้องกรี๊ดๆ
“อย่าทำอะไรฉัน ฉันกลัวแล้ว อย่า”
“ฉันก็ไม่อยากทำอะไรคุณหญิงหรอก แก่ก็แก่ อีกไม่นานก็ตายแล้ว” พลว่า
“งั้น..แกปล่อยฉันไปนะ”
โดยที่พลยังไม่ทันตอบอะไร สุดาก็วิ่งหนี พร้อมควักมือถือในกระเป๋าออกมาโทร.

สรวงขับรถด้วยท่าทีเป็นห่วงสุดาพลางโทรศัพท์
“ทำไมคุณพ่อไม่ยอมรับสาย” นึกได้ “ตำรวจ”
สรวงกด191 แต่ทันใดนั้นเอง เสียงมือถือสรวงก็ดังขึ้น สรวงเห็นเบอร์โชว์
“คุณแม่!” รีบรับ “คุณแม่อยู่ที่ไหนครับ”
สุดาวิ่งหนีพลางโทรศัพท์
“สรวงช่วยแม่ด้วย โอ๊ยย”
สุดาพูดแค่นั้นพลก็ตามมาผลักสุดาล้มลงไป มือถือหล่น แต่สรวงได้ยินทุกอย่าง
“จะหนีไปไหนนังแก่”
“ฉันไหว้ล่ะ อย่าทำฉันเลย ฉันกลัวแล้ว”
“ฉันก็ไม่อยากทำคุณหญิงหรอก แต่คุณภาพิศจ้างฉันมา” พลบอก
สรวงได้ยิน ก็รู้สึกตกใจมาก “ภาพิศ”
เสียงสุดาต่อรอง “ภาพิศให้เท่าไหร่ ฉันให้เธอสิบเท่า..นี่สร้อยแหวนเงินทอง เพชร..สมบัติที่ติดตัวมาฉันให้เธอหมดเลย อย่าทำฉันนะ...นะ”
“ก็ได้..แต่คุณหญิงต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่งั้นตาย” พลขู่
“จ้ะๆๆ”
สรวงตกใจตะโกนเรียกดังลั่น “คุณแม่ๆๆๆ”
พลวิ่งหนีไป สุดาคว้าโทรศัพท์ที่หล่นขึ้นมาพูดลนลาน
“สรวง...ช่วยแม่ด้วย”

ไม่นานต่อมา สรวงขับรถมาจอดที่ป่าข้างทาง ตามที่สุดาบอก ชายหนุ่มกระโจนลงไปหา สุดาที่เนื้อตัวสั่นร้องไห้โผเข้ากอดสรวง
“คุณแม่...” สรวงกอดแม่แน่นย่างสงสาร แต่รู้สึกโล่งอก
“สรวงแม่กลัว...กลัว...ช่วยแม่ด้วย..ช่วยด้วย”
สุดาพูดแค่นั้นก็เป็นลมหมดสติไปสรวงร้องลั่น ตกใจมาก “คุณแม่!”

ไม่นานนัก ยินเสียงไซเรนรถตำรวจและพยาบาลดังเข้ามา

โปรดติดตาม "ไฟมาร" ตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น