ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 2
ที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง...อภิชาติกับฤทธิชัย ยืนหลบมุมอยู่หน้าร้านเสื้อผ้า จักจั่นถือถุงมาสองสามใบเดินเข้ามาถึง อภิชาติมองถุงในมือจักจั่น
“ช็อปปิ้งด้วยเหรอจ๊ะ”
จักจั่นยิ้ม
“นิดหน่อย เป็นการพรางตัวน่ะค่ะ”
ฤทธิชัยยิ้มให้จักจั่นอย่างขอบคุณ
“ถ้าไม่ได้คุณจักจั่น คงหนักเหมือนกัน”
“ถ้าคุณหนึ่งไม่ทิ้งกุญแจไว้ให้ก็ยุ่งเหมือนกัน”
อภิชาติทำงอน
“ตกลงมีผมคนเดียวไม่ได้ทำอะไรเลย”
ทั้งหมดต่างขำ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อภิชาติรับสาย
“อภิชาติครับ...ครับ...ได้ครับ...อย่าไปไหน...อย่าคุยกับใคร จนกว่าผมจะไปถึง”
อภิชาติวางสายหน้าเคร่ง เครียด
“เราต้องไปแล้วเพื่อน”
เย็นนั้น...อภิชาติขับรถตู้มาที่หน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ประตูหน้าบ้านเปิดออก อภิชาติขับรถเข้าไปด้านใน
ภายในบ้านห้องทำงาน อภิชาติ ฤทธิชัย จักจั่น นั่งอยู่ตรงหน้าของชายอายุ 50 กว่าๆคนหนึ่ง มีแก้วน้ำวางอยู่ตรงหน้าเรียบร้อย อภิชาติหันมาแนะนำกับเพื่อนๆ
“นี่คือท่านพิจิตรท่านบอกว่าท่านเป็นคนของ ท่านรองก้องเกียรติ”
ฤทธิชัยกับจักจั่นต่างมองหน้ากัน
“ผมไม่เคยได้ยินท่านรองเอ่ยถึงท่านมาก่อน”
จักจั่นไม่ไว้ใจ
“ใช่ เรารู้จักคนของท่านรองทุกคน...ท่านจะมาไม้ไหน”
อภิชาติปราม
“ใจเย็นๆ ฮันนี”
จักจั่นนิ่งจ้องพิจิตรเขม็งหาพิรุธ พิจิตรหันมาถามเรียบๆ
“แล้วตกลงเกิดอะไรขึ้นกับท่านรองครับ ได้ข่าวว่าถูกคนร้ายชิงตัวไป”
ฤทธิชัยสบตากับอภิชาติ
“ตอนนี้เรายังไม่ทราบครับ...เราหวังว่าท่านคงไม่เป็นอะไร”
ภายในถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งใหญ่โตโอ่อ่า มีพวกมือปืนยืนตามจุดต่างๆดูซับซ้อน มุมหนึ่งที่มีลูกกรงเหล็กกันอยู่ ก้องเกียรติ นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้ตรงหน้าคือโต๊ะเล็กๆ และมีเตียงถัดไปอยู่ข้างๆ หน้ากรงเหล็กมีมือปืนยืนระวังสองข้างหน้าประตู นายใหญ่ที่ปลอมตัวเป็นก้องเกียรติ ราวกับเป็นคนเดียวกัน เดินมาหน้าห้องขัง
“ผมดีใจที่ท่านรองสบายดี”
ก้องเกียรติเงยหน้าขึ้นก็เห็นตัวปลอมยืนยิ้มอยู่
“อืม...นับว่าปลอมตัวได้เนียนมาก แต่ยังไงก็ไม่พ้นสายตาคนของผมไปได้”
“ถ้าคุณหมายถึง ผู้กองฤทธิชัย กับ คุณอภิชาติละก็สบายมาก ผมอยู่ห่างจากคุณอภิชาติแค่สองก้าว ยังไม่มีทีท่าว่าคุณอภิชาติจะรู้เรื่อง”
ก้องเกียรติตัวจริงยิ้มเยาะ
“คุณแน่ใจเหรอ”
นายใหญ่ไม่พอใจ แต่ไม่พูดอะไรอีก ก้องเกียรติหน้าเครียด
“หวังว่าคุณอภิชาติดูออกว่าว่ามีตัวปลอม อย่างที่เราโม้ไว้”
บ้านนายพิจิตร...ฤทธิชัยถามอย่างแปลกใจ
“ต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ท่านรองถึงต้องวาง แผนซับซ้อนแบบนี้”
จักจั่นคิดๆก่อนจะถาม
“ท่านมีเอกสารอะไรที่ท่านรองฝากไว้หรือเปล่า”
พิจิตรยิ้มส่ายหน้า
“ท่านรองบอกเรื่องทั้งหมด โดยไม่มีเอกสารใดๆ ฝากไว้เลยครับ”
ทั้งสามคนต่างมองหน้ากัน
ที่บ้านพักคุณหญิงรัตนาที่ยกให้ดาว...ดาวนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ตรงหน้าคือแลปท็อป ไผ่และ จันจิรายืนอยู่ข้างหลัง ต่างจ้องที่จอเห็นภาพของชายหญิงหลายคน นั่งทำงานอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์แล้วมีมือปืนเข้ามา กราดยิง แล้วดับวูบไป...
“นี่คือข้อมูลที่วิศวกรคนนั้นบันทึกมา เป็นเรื่องจริง...ไม่ได้เพ้ออย่างที่เจ้าหน้าที่บอกเรา”
ไผ่สลดใจ
“พวกนั้นสังหารทุกคนอย่างเลือดเย็น”
จันจิราหนักใจ
“ที่สำคัญ รังของมันอยู่ที่ไหนกันแน่”
“ช้าหรือเร็วเราต้องหาเจอจนได้” ดาวลุกขึ้นเดินไปคิดหนัก
“เราต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกมันทุกคนโดยเฉพาะพวกค่ายสำรวจ”
ดาวอยู่ที่ระเบียงบ้าน พักโบกมือให้ไผ่กับจันจิราที่อยู่บนรถจิ๊ปที่กำลังถอยออกไปจนลับตา...ดาวเดินเข้าไปในบ้าน ทันใดนั้นมีเงาแวบไปมารอบบ้าน
เงาวิ่งสับสนล้อมเข้ามาแล้วขึ้นไปบนบ้านอย่างเงียบและคล่องแคล่ว มันคือพวกมือสังหารนินจา มันคนหนึ่งเคลื่อนเข้าไปในห้องครัว...ดาวนั่งหันหลังอยู่ที่โต๊ะกินข้าว นินจาเคลื่อนตัวเข้าไปอย่างช้าๆ ใกล้เข้าไป ทันใดนั้นดาวหันขวับปืนอยู่ในมือ
“กำลังรออยู่”
นินจาฟันฉับ ดาวหลบวูบ ดาบมันฟันลมวืด นินจาหันกลับมา เจอปืนจ่อเข้าตรงหน้า
“นั่งคุยกันก่อน”
ดาวผลักนินจานั่งลงที่เก้าอี้ เอาปืนจ่อไว้
“ถ้าแกบอกว่ารังของแกอยู่ที่ไหน แกจะรอด”
นินจาขยับหัวเสียงดังกร๊อบหักคอตัวเองทรุดลงตายทันที ทันใดนั้นมีเสียงเคลื่อนไหว ดาวหันไปก็เห็นพวกนินจาอีกสามคนปล่อยมีดสั้นออกมา ดาวคว้าร่างนินจาที่ทรุดตรงเก้าอี้ขึ้นมารับมีดสามสี่เล่มที่ปลิวเข้ามาปักเต็มอกของมัน ดาวปล่อยนินจาลงกับพื้น เหล่านินจาถือดาบสั้น ตีวงล้อมไว้ ดาวพุ่งออกจากหน้าต่างๆ นินจาพุ่งตามไป
ดาวร่อนลงมาที่ราวป่า พวกนินจาร่อนตามล้อมดาวไว้
“ตรงนี้ดีกว่า ฉันแต่งงานแล้ว มีผู้ชายมาหาที่บ้านไม่ดี”
ทันใดนั้นเสียงไผ่ก็ดังขึ้น
“ข้าจะได้ร่วมวงด้วย”
พวกนินจาหันขวับกลับไป ก็เห็น ไผ่ กับ จันจิรา จ้องปืนมาที่พวกมัน
“พี่ไผ่ จับเป็น...เอาพวกมันมาเค้นหารังของมันให้ได้”
ไผ่หันไปบอกจันจิรา
“น้องจันรอตรงนี้...ใครเข้ามายิงได้เลย”
จันจิราพยักหน้ารับ ไผ่เก็บปืนแล้วเดินเข้ามายืนใกล้ดาว พวกนินจาพุ่งเข้ามา ดาวโชว์ลวดลายเตะ ตบ และปล่อยหมัดพวกนินจาเข้าไม่ติด ทั้งหมดสู้กันอย่างดุเดือดอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นพวกนินจาก็มันพุ่งตัวออกไปตั้งหลัก ดาวคำราม
“คิดจะไปก็ได้...แต่ต้องเหลือไว้คนนึง”
ทันใดนั้นพวกนินจาสะบัดมือปล่อยมีดสั้นออกมาพร้อมกัน ดาวกับไผ่ตีลังกาหลบ นินจาอีกคนหนึ่งขว้างระเบิดควันตูม ควันเต็มไปหมดพอควันจางพวกมันก็หายไปแล้ว
“อย่าคิดว่าจะหนีพ้น”
ไผ่ดีดตัวพุ่งไปข้างหน้า แต่ดาวแวบไปขวางไว้ทัน
“ไม่ต้องหรอกพี่ไผ่”
“แต่...”
จันจิราวิ่งเข้ามาสมทบ
“อ้าว...ทำไมปล่อยให้พวกมันหนีไปล่ะพี่ดาว”
ดาวยิ้ม
“ดาวปล่อยพลังมนต์ไว้ที่ตัวของพวกมันแล้วยังไงคราวนี้ พี่สายลมต้องเห็นแน่ๆ”
ไผ่ชื่นชม
“โห...สุดยอด แผนสูงมาก”
ทันใดนั้นสียงสายลมร้องก้องบนฟ้า ทั้งหมดต่างยิ้มไผ่หันไปบอกจันจิรา
“น้องจันกลับไปอยู่กับป้าเนียนก่อนพี่กับดาวจะตามล่าพวกมัน”
“ระวังตัวกันด้วยนะจ๊ะ...”
จันจิราออกไป ดาวหันมาหาไผ่
“ไปพี่ไผ่...เราไปล่าพวกมันกัน”
ดาวพุ่งออกไป ไผ่พุ่งตาม...
ฤทธิชัย อภิชาติ จักจั่น ต่างจ้องท่านพิจิตร ตั้งใจฟัง
“ท่านรองก้องเกียรติบอกว่า พวกมันจะฆ่ากรรมการทุกคนถ้า...”
อภิชาติสวนทันที
“บริษัทอินเตอร์บิสไม่ชนะการประมูล”
พิจิตรพยักหน้า
“เท่านั้นยังไม่พอ มันบอกว่ามันจะทุ่มเงินสร้างสถานการณ์ให้มีการชุมนุมในพื้นที่ต่างๆและก่อความไม่สงบทั่วประเทศ”
จักจั่นเครียดแค้น
“เลวมาก มันทุ่มเงินเพื่อให้คนมาตายเพื่อผลประโยชน์ของมัน”
อภิชาติแปลกใจ
“แต่ พวกมันประมูลได้โครงการไปหมดแล้วนี่ครับ”
พิจิตรพยักหน้า
“ถูกต้อง แต่ตอนนี้มีหลายบริษัทคัดค้าน เลยต้องมีการตรวจสอบและยืนยันอีกครั้งภายในหนึ่งเดือนข้างหน้า”
ฤทธิชัยเข้าใจอะไรบางอย่างได้
“ที่แท้เรื่องเป็นแบบนี้”
“ครับ...ท่านรองก้องเกียรติต้องการให้พวกคุณหยุดยั้งพวกมันให้ได้”
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างเคร่งเครียด
เหยี่ยวสายลมร้องก้อง สายตาของสายลม เห็นร่างของพวกนินจาพุ่งแวบผ่านไป ดาวกับไผ่ต่างยืนอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ทั้งสองอยู่ในชุดนางเสือ ดาวลืมตาขึ้นแล้วพุ่งตัวออกไป ไผ่พุ่งตามไปติดๆ
ร่างของดาวร่อนลงมาที่ลานเบื้องล่าง ไผ่ตามมา
“เอ๊ะพวกมันหายไปไหน”
“พี่สายลม”
เสียงสายลมร้องก้องดาวหลับตาสมาธิ ภาพผ่านสายตาของสายลมวนเวียนไปมามีแต่ความว่างเปล่า ดาวชะงักอึ้ง
“เป็นไปได้ยังไง”
ไผ่หลับตาลงสมาธิบ้าง อึดใจก็ลืมตาขึ้น
“ไม่มีวี่แววของพวกมัน”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ดาวรีบบอก
“ทิศเหนือ”
ดาวพุ่งออกไป ไผ่ตามติด
ร่างของดาวร่อน ลงมาที่ราวป่า ตามด้วยร่างของไผ่ เสียงปืนดังสนั่นตรงหน้า
“อยู่ข้างหน้านี่เอง”
“พี่จะอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง”
“โอเค”
ดาวพุ่งไป ไผ่พุ่งไปอีกด้านหนึ่ง...ดาวพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ แล้วเธอก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่าร่างของสมาชิกโจร สี่ห้าคนนอนระเกะระกะนิ่งสนิทอยู่ ดาวเข้าไปจับดูเห็นทุกคนตายหมดแล้ว ไผ่ตามเข้ามากราดสายตามองอย่างเคร่งเครียด
“ฉันต้องตามหาพวกแกให้ได้”ดาวลุกขึ้นกวาดมองไปรอบๆ
ในถ้ำรังที่อยู่หลังกำแพงมนต์...ภาพของดาวกับไผ่ปรากฏอยู่บนอ่างน้ำตรงหน้าของ คายามังที่ยิ้มเยือกเย็น
ฤทธิชัย อภิชาติ จักจั่น พิจิตรยังคุยกันอยู่ในห้องทำงาน ฤทธิชัยยืนยันอย่างมั่นใจ
“วางใจได้...เราจะหาทางช่วยเหลือคณะกรรมการทั้งหมด ท่านเองก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน”
“ผมไม่กลัวหรอกครับ...แก่แล้ว ยินดีตายเพื่อชาติ”
ทุกคนต่างมองพิจิตรอย่างเคารพ พิจิตรนึกได้
“เอ้อ...ผมมีรายชื่อของคณะกรรมการ ผมจะเอามาให้”
พิจิตรเดินออกไป อภิชาติหันมาบอก
“เราต้องรีบหาตัวนายใหญ่ของมันให้ได้เร็วที่สุด”
จักจั่นแค้นๆ
“แล้วเก็บมันซะ...คนๆนี้ปล่อยให้มีชีวิตไม่ได้ มันคือตัวกาลกินี นำความหายนะมาสู่แผ่นดินของเรา”
พิจิตรเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นกระดาษให้
“นี่ครับ...”
จักจั่นสังเกตเห็นว่าพิจิตรยืนอยู่ตรงหน้าต่างบ้านพอดี
จักจั่นร้องลั่น “ระวัง...”
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวหน้าต่างแตกกระจุย ร่างของพิจิตรสะท้าน ล้มลงเลือดอาบ ในมือยังถือกระดาษรายชื่อ ทั้งสามคนพุ่งตัวหลบราบไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว
เสียงปืนดังสนั่นพวกมันคงยิงเข้ามาไม่ขาดสายถูกข้าวของกระจุยกระจาย สายตาทุกคนอยู่ที่รายชื่อในมือของพิจิตร จักจั่นเสียงเครียด
“ฮันนี่ สวีทฮาร์ท รายชื่อ”
อภิชาติพุ่งเข้าไปคว้ารายชื่อไว้ได้ แล้วรีบกลับมาหลบใกล้ๆจักจั่น ท่ามกลางห่ากระสุน
“เก่งมาก”
“แท็งคิ่ว...”
การโต้ตอบของอภิชาติกับจักจั่นและฤทธิชัยเป็นไปออย่างเครียดๆ เพราะอยู่ใสสถานการณ์คับขัน ฤทธิชัยหันมาบอก
“พวกนายสองคนอยู่กุ๊กกิ๊กกันไปก่อน ฉันจะออกไปดูด้านนอก”
ฤทธิชัยพุ่งออกไปนอกห้อง
“ตามผมมา”
อภิชาติค่อยๆนำจักจั่นออกไป
ฤทธิชัยพุ่งพรวดออกมาตรงหน้าประตู แล้วสาดกระสุนออกไป ร่างมือปืนล้มพร้อมเสียงร้องไปสองคน ฤทธิชัยพุ่งไปหลบอยู่ตรงมุมบ้าน เห็นมีเงาวิ่งวูบวาบไปมา...อภิชาติกับจักจั่นพุ่งออกมาหลบ อยู่ห่างออกไป...ฤทธิชัยบอกกับทั้งสอง
“ฉันจะไปที่รถ”
“โอเค...ฉันจะยิงคุ้มกันให้”
“พร้อม”
ฤทธิชัยพรวดออกไปที่รถตู้ เงาร่างสามสี่เงาโผล่มาสาดกระสุนเข้าใส่ จักจั่น กับ อภิชาติ โผล่มากราดยิงสกัด เงาดำทั้งหลายล้มทรุดลง ฤทธิชัยเปิดประตูขึ้นรถ สตาร์ทรถ อภิชาติหันมาบอกจักจั่น
“คุณไปก่อน”
“คุณไปก่อน”
อภิชาติเหล่แล้วพรวดออกไปที่รถ เงาร่างอีกสองเงาโผล่มายิงสาด เฉี่ยวไปอย่างหวาดเสียวอภิชาติพุ่งตัวลงไปกับพื้นจักจั่นตวัดปืนยิงใส่เปรี้ยงๆๆๆ มันร้องทรุดฮวบลงไปทั้งสองคนจักจั่นปราดเข้าไปหาอภิชาติ
“ฮันนี...เป็นอะไรหรือเปล่า”
“มือชั้นนี้”
จักจั่นส่งมือให้ อภิชาติคว้า ดึงตัวขึ้นมา
“แท็งคิ่ว...สวีทฮาร์ท”
เสียงรถตู้เคลื่อนออกไปทั้งสองหันไปมอง
“เฮ้ย...เดี๋ยวเพื่อน”
ทั้งสองคนรีบวิ่งตามไป เงาร่างอีกสองสามเงาโผล่มาจากหลังบ้านยิงไล่มาข้างหลัง จักจั่นวิ่งต่อ อภิชาติหยุดหันมายิงกราดใส่พวกมันล้มลง...แล้วออกวิ่งตาม
“ไอ้คุณหนึ่ง รอก่อนเว้ย”
รถตู้เบรกกึก จักจั่นตวัดมือไปที่รถประตูเปิดออก จักจั่นวิ่งไปถึงก่อนกระโจนขึ้นไป ตามด้วยอภิชาติ รถพุ่งพรวดออกไปเสียงปืนตามหลังมา อภิชาติถอนใจโล่งอก
“เกือบไปแล้ว”
ฤทธิชัยยิ้มๆ
“เห็นกุ๊กกิ๊กกันอยู่เลยไม่อยากขัดคอ”
“มันอิจฉาเราน่ะ”
จักจั่นยิ้ม...ฤทธิชัยขับรถตู้วิ่งออกไปอย่างเร็วจี๋
ฤทธิชัยขับรถตู้เข้ามาจอดที่ลานจอดรถของศูนย์การค้า เขาเอามือตบพวงมาลัยอย่างโมโห
“รถพวกมันมีวิทยุตามตัว เราพลาดทำให้ท่านพิจิตร ต้องเสียสละชีวิต”
จักจั่นกับอภิชาตินิ่งไป
“จักจั่นจะส่งพวกมันลงนรกเป็นการเซ่นไหว้วิญญาณของท่าน”
ทั้งสามคนหน้าเครียด บรรยากาศเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร
ในคอนโดของฤทธิชัย...ทั้งสามนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก ฤทธิชัยพูดขึ้นเสียงเครียด
“ตอนนี้มีเรื่องที่เราต้องทำอยู่สองเรื่องคือ...เรื่องปล้นเงินของพวกมัน และเรื่องคณะกรรมการ”
จักจั่นหันมาถาม
“เรื่องคณะกรรมการเราติดต่อหน่วยพิเศษให้คุ้มกันไม่ได้หรือคะ”
อภิชาติส่ายหน้า
“คงยาก...แม้กระทั่งท่านรองมันยังปลอมตัวได้แนบเนียน โชคดีที่ฉันรู้เรื่องท่านรอง แต่คนอื่นเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเป็นตัวปลอมหรือตัวจริง”
ฤทธิชัยหน้าเครียด
“ตอนนี้ ไว้ใจใครไม่ได้...มีแต่พวกเราเท่านั้น”
ทั้งสามต่างมองหน้ากันเคร่งเครียด
รถจิ๊ปของดาวกับไผ่วิ่งเข้ามาในที่โรงไม้ของเสี่ยเหลิมเก่า พวกมือปืนออกมาคอยระวัง ดาวกับไผ่ ลงมาจากรถ ดาวเข้าไปถามมือปืน
“เจ้าของอยู่มั้ย”
“ไปกรุงเทพฯ”
“เมื่อไหร่กลับ”
“ใครอยากรู้”
ไผ่ยิ้มกวนๆ
“พี่เองน้อง”
พวกมือปืนต่างขยับ ดาวหันไปบอกไผ่
“พี่ไผ่เรากลับก่อน”
พวกมันต่างหัวเราะ ดาวกับไผ่ขึ้นรถ แล้วขับออกไป ดาวสงสัยมาก
“พวกมือปืนเต็มไปหมด”
“มารูปแบบเดิมอีกแล้ว”
“จับตาดูให้ดี...ในเมื่อโรงไม้กลับมาได้พวกบ่อน และ เรื่องอื่นๆต้องตามมาอย่างแน่นอน”
ไผ่สีหน้าเคร่งไม่ตอบ ดาวขับรถผ่านออกไป
รถของฤทธิชัยเข้ามาจอดหน้าเซฟเฮ้าส์ของคณะกรรมการ มีเจ้าหน้าที่ยืนระวังอยู่สองคน ฤทธิชัยเข้าไปบอกเจ้าหน้าที่
“ผมมีนัดกับท่าน”
เจ้าหน้าที่พยักหน้า แล้วให้ฤทธิชัยผ่านเข้าไป ฤทธิชัยเดินเข้าไปกวาดสายตามองอย่างระมัดระวัง จนถึงห้องรับแขก ไพบูลย์อายุประมาณ 50 กว่าๆนั่งอยู่โดยมีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ด้วยหนึ่งคน
“เชิญนั่งครับ”
ฤทธิชัยนั่งลง ไพบูลย์ถามทันที
“คุณมีธุระสำคัญ”
“ผมทราบว่าท่านและคณะกรรมทุกคนถูกข่มขู่ ผมต้องการให้ ท่านก้าวออกมาเปิดเผยกับประชาชนเอาผิดคนชั่วที่อยู่เบื้องหลัง”
ไพบูลย์ยิ้มเยือกเย็น ฤทธิชัยหรี่ตามอง ตวัดมือไปที่เอว แต่แล้วทันใดนั้นพวกมัน 5 คนกรูกันเข้ามา
ในมือทุกคนมีปืนจ้องมาที่เขา มันคนหนึ่งเดินเข้ามายึดปืนที่เอวของฤทธิชัยไป ไพบูลย์ยิ้มเยาะ
“คุณฤทธิชัย ไม่นึกว่าคุณจะติดกับง่ายๆแบบนี้”
ฤทธิชัยยิ้มบางๆ
“ใครบอกว่าผมติดกับ ผมอยากที่จะพบนายใหญ่มานานแล้ว”
ไพบูลย์หุบยิ้ม
“คุมตัวออกไป”
พวกมือปืนมาคุมตัวฤทธิชัยออกไป ไพบูลย์เอามือลูบหน้าดึงหน้ากากออก
รถตู้วิ่งออกจากลานจอดรถของบริษัทอินเตอร์บิส ผ่านรถของอภิชาติที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ว่าไงจ๊ะ...ใช่รถขนเงินหรือเปล่า”
จักจั่นเพ่งสายตามองตามรถไป สายตาแวววาวเป็นดวงตาของเหยี่ยวสายลม เห็นภาพกล่องเงินแวบขึ้นมา
“ชัวร์”
“โห...เดี๋ยวนี้เก่งน่าดู”
“แน่นอน”
อภิชาติยิ้มแล้วออกรถตามไป
รถตู้วิ่งมาตามถนนแล้วเลี้ยวเข้าซอยมาในโครงการบ้านเดี่ยวโครงการหนึ่ง ค่อยๆวิ่งไปตามถนนของโครงการ แต่แล้วรถเก๋งของอภิชาติกับจักจั่นก็แซงขึ้นไป รถตู้ขับต่อไปเรื่อยๆแต่แล้วคนขับก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนโบกให้จอดอยู่ตรงหน้า
“เฮ้ย...สาวเว๊ย”
มือปืนที่นั่งอยู่คู่กับมันยิ้มหัวเราะชอบใจ
“จอดดูซิ”
“เจ้านายห้ามแวะ”
“เข้ามาในโครงการแล้วไม่มีอะไรหรอกน่าเผื่อชวนเข้าไปกกในบ้าน”
คนขับหงุดหงิดแต่มันยอมจอด...เห็นสาวเดินเข้ามา มือปืนเลื่อนกระจกลง หญิงสาวคนนั้นคือจักจั่นที่ยิ้มหวานให้พวกมัน
“ขอไปด้วยคนซิพี่”
“แล้วน้องจะไปไหนล่ะ”
จักจั่นยิ้ม
“ความจริงมีคนรับหนูมา เอ้อ...แบบว่ายังงั้นน่ะแต่ท่าทางมันตุกติกหนูเลยเผ่น...ถ้าพี่สนใจหนูก็พร้อม ไม่อยากเสียเที่ยวน่ะ วันนี้ยังไม่ได้ประตูเลย”
มือปืนยิ้มมองหน้าคนขับจักจั่นคะยั้นคะยอ
“น่านะขอไปด้วยคน”
คนขับหันมาบอกเพื่อน
“ข้าว่าอย่าดีกว่า...เจ้านายห้าม”
ทันใดนั้นจักจั่นตวัดปืนเข้ามาจ่อตรงหน้ามัน...
“แต่หนูจะไปด้วยนี่นา เขยิบไป”
มือปืนเขยิบ จักจั่นเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งเบียดกับมันเอาปืนลงจ่อที่ตักของมัน
“พี่ขยับน้องชายพี่กระจุยแน่”
มือปืนนั่งนิ่ง จักจั่นสั่งเสียงเข้ม
“ออกรถ”
คนขับออกรถไป อภิชาติจอดรถอยู่มองตามรถที่แล่นผ่านไปยิ้มๆ
“แฟนเรา เก่งสุดๆ”
อภิชาติออกรถตามไปติดๆ
รถตู้วิ่งมาจอดหน้าบ้าน คนขับบีบแตรลั่น มือปืนออกมาเปิดประตู ให้รถตู้เข้าไป แล้วปิดประตู แต่แล้วรถอภิชาติเข้ามาจอดพรืดข้างๆประตู อภิชาติลงมาจากรถ
“เมียผมอยู่ไหน”
มือปืนคนนั้นงงๆ
“อะไรของเองวะ”
“ก็พวกคุณรับเมียผมขึ้นรถมา”
“ผมไม่รู้เรื่อง”
“ไม่เชื่อก็ลองเข้าไปดูซิ”
มือปืนเหล่มอง
“ไม่ดูเว้ย”
มือปืนหันหลังจะเดินเข้าไป แต่อภิชาติตวัดปืนขึ้นมาในมือแล้วทุบหัวมันโครม มันคว่ำไปเงียบสนิท อภิชาติลากมือปืนหลบไปข้างๆแล้วเคลื่อนตัวออกไป
ประตูหน้าบ้านเปิด มือปืนสองคนเดินออกมาที่รถ มันเห็น มือปืน กับ คนขับ ยืนอยู่ จักจั่นยืนอยู่ด้านหลัง
“พี่เอาสาวมาด้วยเหรอเดี๋ยวถูกเจ้านายเล่นงาน”
“เออ...เองไม่ต้องยุ่ง ขนของไป เดี๋ยวเสร็จแล้วข้าจะเรียก”
“ได้เลยพี่”
มือปืนกับเพื่อนหันกลับมาก็เจออภิชาติยืนยิ้มอยู่พอดี ในมือถือปืนจ่อที่พวกมัน
“ฮัลโหล ดาร์ลิ่ง”
มันหันกลับไป ก็เห็นลูกพี่กับ คนขับ ถูกจักจั่นเอาปืนจ่อไว้เช่นกัน จักจั่นกับอภิชาติต่างยิ้มให้กัน...
รถตู้หนึ่งคันค่อยๆแล่นเข้ามาจอดในสวนแห่งหนึ่ง ลุงมี วัย 50 ท่าทางแข็งแรง เดินออกมาต้อนรับ
“คุณอภิชาติ ไม่ได้มานี่หลายปี นึกยังไงถึงมาครับ”
“มีเรื่องให้ช่วยนิดหน่อย...ให้คนเอารถคันนี้ไปจอดที่บ้านด้านใน...เอาผ้าคลุมให้มิดชิด อย่าให้ใครยุ่ง”
“ได้เลยครับ...เอ้อ...นี่ภรรยาคุณอภิชาติหรือครับ”
“ใช่...นี่คุณจักจั่น...ภรรยาร้อยเปอร์เซนต์ตัวจริงเสียงจริง”
ลุงมียิ้มให้จักจั่น
“คุณจักจั่นสวยกว่าทุกคนที่ผมเคยเห็นเลยครับ”
“เหรอจ๊ะ...”
จักจั่นส่งสายตาเหล่ใส่อภิชาติ
“อ้าวลุงมี”
“ก็จริงนี่ครับ...”
อภิชาติไล่ทันที
“รีบไปไกลๆเลยลุงมี”
รถเก๋งเข้ามาจอดหน้าบ้านในโครงการ ลูกน้องลงจากรถเปิดประตูให้โจลงมา พวกมือปืนกับคนขับรถตู้ยืนหน้าซีด โจด่าเสียงดังลั่น
“รถตู้บรรทุกเงินร้อยล้าน ถูกพวกมันเอาไปเพราะมีคนโง่อย่างพวกเอ็งหลงเหลืออยู่”
โจมองลูกน้องแล้วเดินไปขึ้นรถ ทันใดนั้นลูกน้องโจก็สะบัดมือมีปืนติดขึ้นมาสาดกระสุนเข้าใส่ พวกมือปืนกับคนขับรถล้มคว่ำตาย ลูกน้องโจเดินขึ้นรถ รถเก๋งพรวดออกไป
อภิชาติขับมาตามถนนโดยมีจักจั่นนั่งอยู่ข้างๆเปรยขึ้น
“ป่านนี้พวกมันคงเต้น”
“สะใจจริงๆ นี่ขนาดยังไม่ต้องถึงมือนางเสือนะ”
“จักจั่นยิ้ม นึกไม่ถึงว่าจะง่ายแบบนี้”
“นั่นเป็นเพราะว่าคุณเก่ง”
“แท็งคิ่ว”
ทั้งสองต่างยกมือไฮไฟว์กัน
“โทรหาไอ้คุณหนึ่งซะหน่อย เรื่องไปถึงไหนแล้ว”
อภิชาติหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดสาย แต่ไม่มีเสียงตอบ อภิชาติสงสัย
“อืม...แปลก...มันไม่รับสาย มีบางอย่างผิดปรกติ”
จักจั่นหันมามองเห็นสีหน้าของอภิชาติกังวล
“ดูซิว่าชื่อแรกเป็นกรรมการท่านใด”
อภิชาติหยิบกระดาษรายชื่อของคณะกรรมการออกมา กระดาษยังมีรอยเลือดของท่านพิจิตรติดอยู่
“นายไพบูลย์...เกียรติปร...”
อภิชาติชะงักเพ่งสายตาไปที่รอยเลือดที่ติดอยู่บนกระดาษรายชื่อ เอานิ้วจับดูแล้วขยับนิ้วถูเบาๆตรงรอยเลือด จักจั่นแปลกใจ
“อะไรคะ”
อภิชาติไม่ตอบเอากระดาษตรงรอยเลือดขึ้นมาดมครุ่นคิด...
“กลิ่นเหมือน...น้ำหวาน” อภิชาติคิดอึดใจ “เลือดปลอม เราถูกมันหลอก”
จักจั่นอึ้งคาดไม่ถึง...อภิชาติหน้าเคร่งเครียดครุ่นคิด อึดใจ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมากด จักจั่นถามอย่างสงสัย
“โทรหาใครคะ”
อภิชาติยิ้มเครียด
“ตัวช่วย”
จักจั่นมองหน้าอย่างสงสัย
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 2 (ต่อ)
รถจิ๊ปจอดอยู่ในราวป่า ดาวยืนอยู่ตรงหน้าฝาประโปรงรถกราดสายตาไปรอบๆ เห็นสายลมร้องก้องบนท้องฟ้า และสายฟ้าคำราม ดาวพึมพำออกมา
“ไม่มีวี่แววของพวกมันเลยจริงๆ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ดาวรับสาย
“ว่าไงจ๊ะจักจั่น...”
ดาวหน้าเคร่งเครียด...วางสาย
ดาวยืนอยู่หน้าสถานีอนามัย กับไผ่ ป้าเนียน จันจิรา
“จักจั่นส่งข่าวมาว่าพวกมันคุมตัวคุณฤทธิชัยไว้ ฝากพี่ไผ่ดูแลทางนี้ซักวันสองวัน”
“ไม่ต้องห่วง พี่ ลุงเดช พ่อแสง วางกำลังอย่างแน่นหนามันโผล่มาเมื่อไหร่ เราต้องเจอแน่”
ป้าเนียนแค้นๆ
“จัดการพวกมันเลยหนูดาว”
จันจิราเป็นห่วง
“ระวังตัวนะจ๊ะพี่ดาว”
ดาวพยักหน้าให้ทั้งสองคนแล้วเดินไปขึ้นรถจิ๊ป ไผ่เรียกไว้
“น้องดาว”
ดาวหันมา
“อย่าใจอ่อน...ส่งพวกมันลงนรกให้หมด”
ดาวยิ้มเครียด...เคลื่อนรถออกไป
ที่บริษัทอินเตอร์บิส...โจทำงานอยู่ในห้องกำลังกดคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์อยู่ นั่งดูจออึดใจ แล้วหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมากดโทร
“ครับ...สินค้าที่สั่งไปถึงไหนแล้ว...ไม่ได้ ช้าไปต้องเร่งมือหน่อย”
โจวางสายโครม แล้วออกจากห้องไป...โจออกมาจากบริษัทกับลูกน้องคนหนึ่ง สักครู่รถตู้แล่นเข้ามารับ โจกับลูกน้องขึ้นรถ รถวิ่งออกไปถึงถนนใหญ่แล้วเลี้ยวออกไป แต่แล้ว ก็มีรถเก๋งลึกลับคันหนึ่งติดตามไป
ที่บ้านลึกลับ...มือปืน 4-5 นายคอยระวังอยู่หน้าห้อง คนหนึ่งถือถาดอาหารมาที่หน้าประตูอีกคนหนึ่งไขกุญแจแล้วเปิดประตูออก ด้านในฤทธิชัยนั่งอยู่บนเตียงสบายอารมณ์ มือปืนนำเอาถาดอาหารวางบนโต๊ะมุมห้อง ซึ่งมีแก้วน้ำและขวดน้ำวางอยู่แล้ว พร้อมเก้าอี้นั่งอยู่ตัวหนึ่ง ฤทธิชัยทำจมูกสูดกลิ่น
“ไม่มีเสต๊กหรือซูชิมั่งหรือไง...ข้าวกะเพราไข่ดาวกินจนเบื่อแล้ว”
ทันใดนั้นโจก็ส่งเสียงขึ้น
“อีกไม่นานคุณก็ไม่ต้องเบื่อเพราะในนรกคงไม่มีอะไรให้กิน”
โจยืนอยู่ตรงประตูห้อง ฤทธิชัยหันไปยิ้ม
“ผมว่าคุณอาจจะไปก่อนผมก็ได้ พวกคนขายชาติมักจะมีอันเป็นไป”
โจยิ้ม
“พวกคนขายชาติที่คุณว่า ผมเห็นเดินกันให้ควักไม่เห็นใครเป็นอะไรแถมยังมีคนกราบไหว้บูชาซะอีก” โจหัวเราะร่า “ใครหน้าไหนจะทำอะไรได้...คุณเหรอ หรือว่านางเสือ”
“ผมนี่ละชัวร์”
โจอึ้งอึดใจ
“กู๊ดบาย คุณฤทธิชัย”
โจยิ้มเยาะแล้วเดินออกไป ประตูปิดโครม ฤทธิชัยยิ้ม ดีดตัวขึ้นไปนอนบนเตียงหน้าเยือกเย็น
รถของอภิชาติเข้ามาจอดในสวนสารธารณะแห่งหนึ่ง จักจั่นกับอภิชาติลงจากรถ เดินเข้ามาในสวนกราดสายตา อภิชาติยกนาฬิกาขึ้นดู
“มาแล้วค่ะตัวช่วยของคุณ”
อภิชาติกราดสายตาไปก็เห็นรถเก๋งคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด กำจรลงมาจากรถกราดสายตาไปทั่ว แล้วเดินมาที่จักจั่นกับอภิชาติ จักจั่นยิ้มแย้มทักทาย
“สวัสดีคุณกำจร”
“สวัสดีครับ”
จักจั่นหันไปบอกอภิชาติ
“จักจั่นจะไปรอที่รถ”
อภิชาติพยักหน้าจักจั่นเดินออกไป
“ได้เรื่องมั้ยเพื่อน”
กำจรพยักหน้า
“ฉันคอยตามดูนายโจอย่างที่แกบอก...ได้ทันท่วงทีแต่ไม่เห็นวี่แววของไอ้หนึ่ง...” กำจรส่งกระดาษให้ “นี่ที่อยู่ ฉันทำได้แค่นี้”
“ยังไงก็ต้องเสี่ยงดู ขอบใจมาก”
“เฮ้ย...เรื่องเล็ก...นายกับไอ้หนึ่งก็เพื่อนฉัน เพื่อนต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้ว”
“แต่ถ้ามีข่าวตามมาด้วยก็ดี...”
กำจรยิ้ม
“รู้ทันอยู่เรื่อย...แกสัญญาแล้วนะ ว่าจะให้ข่าวฉันก่อน...ทุกเรื่อง”
“เออน่า...แกก็ระวังตัวด้วย ฉันไม่อยากให้แกต้องเดือดร้อน”
“ฉันว่าฉันเริ่มสนุกแล้วว่ะ” กำจรตบที่เอว “บาเรตต้าเว้ยเพื่อน รุ่นสิบสามนัด แกมีอะไรจะให้ฉันช่วยก็บอกมา”
“ตราบใดที่มีข่าวให้แก...”
กำจรยิ้มยักไหล่แล้วหันหลังเดินจากไป...อภิชาติยิ้มๆ
อภิชาติขับรถมาตามถนนสายหนึ่ง จักจั่นนั่งข้างๆถามขึ้น
“คุณไว้ใจนายกำจรหรือคะ”
“อืม...กำจรไม่ใช่คนเลว แค่กระหายข่าว แล้วก็อยากดัง”
“เราจะบุกไปช่วยคุณหนึ่งเมื่อไหร่คะ”
“คืนนี้...”
อภิชาติตอบอย่างไม่ลังเล
ค่ำนั้นที่เซฟเฮ้าส์...อภิชาติกับจักจั่นอยู่ในชุดรัดกุม กำลังตรวจอาวุธปืนอยู่ จักจั่นมองหน้าอภิชาติอย่างครุ่นคิดสงสัย
“มีอะไรเหรอจ๊ะ”
“ทำไมไม่เคยพาจักจั่นมาที่นี่เลยคะ”
“อ๋อ...เพิ่งซื้อตอนที่ท่านรองถูกพวกมันจับไปนี่เองเอาไว้หลบพวกมัน”
จักจั่นขึ้นลูกเลื่อนปืนเสียงดัง
“ไม่ใช่แอบพาใครมานะ”
อภิชาติกลืนน้ำลายเอื๊อก
“โธ่...เปล่าจ้ะ”
จักจั่นยังเหล่จ้องจับผิด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อภิชาติยิ้ม
“โทรศัพท์จ้ะ”
จักจั่นยังคงตีหน้ามุ่ยขณะรับสาย
“พี่ดาว...”
ดาวมาหาจักจั่นกับ อภิชาติที่เซฟเฮ้าส์
“จักจั่นบอกแล้วไงคะว่าไม่ต้องห่วง พี่ดาวไม่ต้องเข้ามากรุงเทพก็ได้”
“แหมพี่ก็คิดถึงคุณหนึ่งของพี่บ้างน่ะซิ”
จักจั่นยิ้ม
“งั้นก็แล้วไป”
“มาก็ดีแล้วครับ ขากลับจะได้ขนเงินที่เรายึดมาจากพวกมันกลับไปด้วย”
ดาวห่วงฤทธิชัย
“แล้วคุณหนึ่ง”
จักจั่นกางมือให้ดูชุด
“ก็เรากำลังจะออกไปรับอยู่นี่ไง”
ดาวยิ้มดุ
“ขอเวลาสิบนาที”
โจเดินไปเดินมาอยู่หน้าโต๊ะทำงาน โทรศัพท์ดังขึ้น โจล้วงมือถือขึ้นมากรอกเสียงลงไป
“ครับท่าน”
นายใหญ่คุยโทรศัพท์อยู่ในเงามืด
“คุณทำให้เราสูญเสียเงินเป็นร้อยล้าน”
“ผม...ผมลงโทษคนของผมไปแล้วครับ”
“เรื่องฤทธิชัยกับพวกมัน”
“ผมวางกับดักใช้ฤทธิชัยเป็นตัวล่อ มีมือสังหารรอพวกมันอยู่แล้วครับ”
เสียงกริ๊กวางสาย...โจถอนใจ
พวกมือปืน 4-5 คนเดินระวังอยู่หน้าบ้าน ทันใดนั้นเงาวูบของจักจั่นกับดาวร่อนลงมาตรงหน้าของพวกมัน พวกมือปืนขยับตัวแต่ช้าไป ดาวกับจักจั่นบุกเข้าประชิดตัว ต่อสู้กัน เงาร่างของอภิชาติวูบเข้าไปทางหน้าประตูบ้านอย่างรวดเร็ว...ดาวกับจักจั่นกำลังจัดการกับพวกมือปืนอึดใจร่างของพวกมือปืนก็ทรุดกับพื้นจนหมด...ดาวกับจักจั่นต่างยิ้มให้กัน
พวกมือปืนที่อยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงรู้ว่ามีคนบุกมาต่างหลบมุมปืนในมือกราดไปมาอย่างระวัง ทันใดนั้นประตูเปิดผลัวะ ร่างหนึ่งปลิวเข้ามา พวกมันสาดกระสุนเข้าใส่จนหมด ร่างนั้นดิ้นพล่านแล้วทรุดไม่ขยับตัว พวกมือปืนออกมาล้อมไว้ กราดปืนพร้อมยิง แต่แล้วมันก็ได้ยินเสียงผิวปากฟิ้ว พวกมือปืนหันขวับพบดาว จักจั่นและอภิชาต ยืนอยู่ที่ประตูในชุดดำปฏิบัติการ ในมือถือปืนกราดมาที่พวกมัน มือปืนหันไปมองร่างนอนแน่นิ่งเป็นมือปืนพวกมันนั่นเอง พวกมือปืนมองอย่างแค้นใจ
ดาวยิ้มอย่างเยือกเย็นแต่แล้วสีหน้าดาวเปลี่ยน ก่อนจะผลักร่างของจักจั่นและอภิชาติออกไปให้พ้นทาง เสียงดังขวับๆๆๆ มีดสั้นปลิวเข้ามาทางประตูด้านหลังของพวกดาว ปักอกพวกมือปืน ดังตึบๆๆ พวกมันทรุดฮวบ ดาว จักจั่น อภิชาติหันกลับมา ตรงหน้าคือพวกนินจา 5 คน...อภิชาติจ้องมองนินจา
“ไอ้พวกนี้อีกแล้ว”
ดาวกับจักจั่นยืนอยู่ด้วยกัน พวกนินจาพุ่งเข้าใส่...ปืนในมือทั้งสามคนดังสนั่นหวั่นไหวถูกพวกมันแต่ไม่มีผล พวกนินจาบุกเข้าประชิดตัวฟันอย่างดุเดือด ทั้งสามต่างแยกกันต่อสู้ นินจาสองคนรุมดาว อีกสามคนรุมจักจั่นกับอภิชาติ คนหนึ่งฟันดาวฉับดาวหลบแล้วตบด้วยด้ามปืนมันกระเด็นไป อีกคนหนึ่งพุ่งเข้ามา ดาวสะบัดมือปล่อยพลังยันมันกระเด็นออกไปทรุดลง ดาวพุ่งเข้ามาถีบคนที่ติดพันกับอภิชาติกระเด็นไป...
“คุณอภิชาติ...คุณหนึ่ง”
อภิชาติพุ่งออกไป นินจาคนหนึ่งเข้ามาฟันแต่ก็กระเด็นออกไปเมื่อถูกจักจั่นยันโครมเข้าให้ ดาวหันไปบอก
“ขอบใจน้องสาว”
“ยินดีพี่สาว”
ทั้งสองยิ้มให้กันก่อนจะพุ่งออกไปสู้กับพวกนินจา...อภิชาติยืนอยู่ตรงประตูตบประตูปัง
“ถอยไปเว้ยเพื่อน”
อถิชาตตวัดปืนยิงกุญแจประตูดังเปรี้ยงๆ เอาเท้ายันประตูเปิดออก...
“เชิญครับท่าน”
ฤทธิชัยก้าวออกมาจากห้อง แล้วผลักอภิชาติถอยไป มีดสั้นสองเล่มปลิวมาปักตรงฝาดังตึบๆ ร่างของนินจาวูบเข้ามาเงื้อดาบจะฟันฤทธิชัยแต่แล้วเสียงปืนดังเปรี้ยง ถูกมือของมันดาบหลุดกระเด็นมันร้องแล้วกุมมืออย่างเจ็บปวด ฤทธิชัยได้จังหวะเสยหมัดโครมมันกระเด็นไป นินจาอีกสองคนพุ่งเข้าหาดาวกับจักจั่น ทั้งสองตวัดปืนยิงที่หน้าของมัน เปรี้ยงๆ มันกระดอนหงายไป แต่ดีดตัวขึ้นมาอีก จักจั่นอึ้งๆ
“ล้อเล่นน่า”
อภิชาติโยนปืนให้ฤทธิชัยรับไว้ ทั้งหมดต่างตวัดปืนเข้าหาพวกนินจา ทันใดนั้นพวกนินจาต่างดีดตัวหายไปจนหมด
“จักจั่นยิงหน้ามันแท้ๆพวกมันไม่เป็นไร”
“พวกมันใส่หน้ากากน่ะไม่มีอะไรหรอก”
อภิชาติกับฤทธิชัยเดินเข้ามา ดาวเข้ากอดฤทธิชัย
“ไม่เป็นไรนะคะ”
“แค่คิดถึงคุณ”
ดาวยิ้ม อภิชาติหมั่นไส้
“แหวะ”
เสียงหวอตำรวจดังเข้ามาใกล้
“จักจั่นว่าเราไปคุยกันที่เซฟเฮ้าส์ดีกว่าค่ะ”
เมื่อมาถึงที่เซฟเฮ้าส์ของอภิชาติ ทั้งหมดนั่งคุยกันที่โต๊ะอาหาร ดาวนั่งใกล้ฤทธิชัย จักจั่นกับอภิชาตินั่งตรงข้าม
“นายมาแอบมีเซฟเฮ้าส์ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่เพื่อน”
ฤทธิชัยหันมาถามอภิชาต จักจั่นเสริมทันที
“เห็นมะ...ที่จักจั่นสงสัยน่ะถูกแล้ว...แอบงุบงิบอยู่คนเดียว”
อภิชาติจ๋อยๆ
“ซวยอีกแล้วตู”
ดาวกับฤทธิชัยต่างยิ้ม อภิชาติหน้าเครียด
“พวกมันวางแผนหลอกพวกเราได้แนบเนียน”
จักจั่นแค้นๆ
“ท่านพิจิตรก็เป็นของปลอมหลงเศร้าอยู่ตั้งนาน เจอคราวหน้า ได้ตายจริงแน่”
ฤทธิชัยมั่นใจ
“ผมคิดว่าคนที่ปลอมตัวคือนายใหญ่ของมัน”
ดาวหันมาถาม
“มั่นใจได้แค่ไหนคะ”
ฤทธิชัยพยักหน้า
“มากทีเดียว”
จักจั่นคิดๆ
“อาจเป็นไปได้ เพราะไอ้พวกที่เป็นนายใหญ่ ส่วนมากจะมีหลายหน้า”
อภิชาติมั่นใจ
“แสดงว่าคณะกรรมการทั้งหมดถูกพาตัวไปเช่นเดียวกับท่านรองก้องเกียรติ”
ฤทธิชัยเห็นด้วย
“น่าจะเป็นยังงั้นแบบนี้สัมปทานต้องเป็นของมันชัวร์ๆ”
จักจั่นหันมาหาดาว
“ทางพี่ดาวล่ะ...เป็นยังไงบ้าง”
“มีเรื่องแปลก...เราพบเบาะแส รังของมัน แต่กลับไม่เห็นอะไรเลย”
“แม้แต่พี่สายลมก็ไม่เห็นเหรอ”
ดาวส่ายหน้า ทุกคนต่างมองหน้ากันจนมุม
“นึกไม่ถึงว่าจนป่านนี้แล้ว พวกเรายังคว้าน้ำเหลวพบแต่ทางตัน มีแต่ตั้งรับพวกมัน”
ฤทธิชัยคิดอึดใจ
“ผมมีแผนแล้ว”
ทุกคนต่างมองฤทธิชัยเป็นตาเดียว
[ต่อจากตอนที่แล้ว]
สัตยานั่งอยู่ในห้องทำงาน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขากดรับสาย
“ครับ กำลังขอหมายเรียกตัวอยู่...ฤทธิชัยกับอภิชาติ ยังเป็นที่เชื่อถือและยอมรับต้องค่อยเป็นค่อยไปครับ...ผมจะรีบเร่งเรื่องให้เร็วที่สุด”
สัตยาวางสายแล้วลุกออกไป
ฤทธิชัยอธิบาย
“แผนเก็บพวกเราล้มเหลว...ผมเชื่อว่า พวกมันต้องหาทางให้เราเข้าไปให้การเรื่องของท่านรองอีก”
ดาวมองหน้าฤทธิชัย
“คุณหนึ่งจะเดินเข้าไปหากับดักของพวกมัน”
“ใช่ครับ...เป็นทางเดียวที่เราจะเข้าไปถึงตัวท่านรองและทุกคนที่พวกมันขังไว้”
อภิชาติขัดขึ้น
“ฉันกลัวมันจะพาเราตรงขึ้นทางด่วน ไปหายมบาลเลยน่ะซิ”
“เพราะฉะนั้นเราจึงต้องมีคุณดาวคอยประกบดูพวกเรา”
ดาวยกมือขึ้นยิ้มๆ อภิชาติถามขึ้น
“แล้วเรื่องการขนย้ายเงินของพวกมัน”
ฤทธิชัยหันไปหาจักจั่น
“เป็นหน้าที่ของคุณจักจั่น”
“เยส”
ทั้งหมดต่างเห็นด้วยกับแผนการที่ตกลงกัน
ดาวในชุดนอน ยืนอยู่ตรงระเบียงห้องนอน มองออกไปด้านนอก ฤทธิชัยในชุดนอน เดินเข้ามาด้านหลัง กอดเอวของเธอไว้
“เราต้องจัดการพวกมันได้แน่นอน...ผมเชื่อฝีมือคุณแล้ว ก็นางเสือ”
“ยังไง...ดาวก็ไม่ปล่อยพวกมันหรอกค่ะ”
“งั้นเราไปนอนคิดวางแผนกันต่อดีกว่า”
ดาวยิ้มหันมาเผชิญหน้า
“อ้าว...ดาวนึกว่าเราวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว”
“อ้อ...เหรอครับ...ผมว่าน่าจะทบทวนอีกรอบเพื่อความมั่นใจ”
ดาวยิ้มขำ ฤทธิชัยฉวยโอกาสก้มลงจูบ ดาวนิ่งอยู่ในวงแขน
เช้าวันใหม่...ท้องฟ้าสดใส ทั้งหมดนั่งกันในห้องประชุมของสำนักงานของอภิชาติ ฤทธิชัยเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้ก็เหลือแต่รอ”
“จักจั่นไม่ค่อยปลื้มแผนนี้ เราอาจถูกตลบหลังเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครรู้ใครเห็น”
ดาวพูดเรียบนิ่ง
“เราไม่มีทางเลือกอื่น”
“นอกจากว่าเราจะมีตัวช่วย และคุณจะได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้”
อภิชาติหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสาย ดาวกับฤทธิชัยมองหน้าจักจั่นเป็นเชิงถาม จักจั่นยิ้มตอบเบาๆ
“คุณกำจร”
ดาวกับฤทธิชัยยิ้มพยักหน้าอย่างพอใจ อภิชาติหันไปคุยโทรศัพท์
“หวัดดีเพื่อน ถ้าอยากได้ข่าวรีบมาที่สำนักงานฉันด่วนจี๋”
อภิชาติวางสายทุกคนยิ้ม
ไผ่ขับรถกระบะมาตามทางในป่าบ้านดอนเสือ จันจิรานั่งอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้อง เสียงสายฟ้าคำราม...
“พี่สายลมพี่สายฟ้า เจอพวกมันแล้ว”
ไผ่ขับรถพรวดไป...รถของไผ่วิ่งมาเบรคกึก ตรงหน้าคือรถบรรทุกคันหนึ่ง รถจิ๊ปทหารหนึ่งคัน พร้อมทหาร 5 คน มีรถกระบะอีกหนึ่งคันมีพวกมันอยู่ 5-6 คน ไผ่กับจันจิราลงจากรถ ทหารเดินเข้ามาสองนาย ไผ่เข้าไปถาม
“มีอะไรกันเหรอครับ”
ทหารหันมาบอก
“อ๋อ...พวกสำรวจป่าครับ จะมาตั้งค่ายที่นี่”
ไผ่กราดสายตา พวกมือปืนต่างยืนมองกันมาหน้าตาบ่งบอกว่าเหนือกว่า
“เรากลับ”
ไผ่กับจันจิราหันหลังกลับขึ้นรถจิ๊ปแล้วถอยออกไป...พวกมือปืนมองตาม วิวัฒน์เดินออกมาหน้าแถวทหาร มองตามยิ้มอย่างพอใจ...ขณะเดียวกันนั้นสมุนคนหนึ่งเข้ามารายงาน
“รถเครื่องมืออีกคันกำลังมาครับ คุณ วิวัฒน์”
“ดี...จัดการตั้งค่ายให้เรียบร้อย”
สมุนเดินออกไป วิวัฒน์ยิ้มเยือกเย็น ยกวิทยุติดต่อขึ้น
“จัดการซะ”
ไผ่ขับรถกระบะมาตามแนวป่า จันจิราหันมาถาม
“เราทำอะไรพวกมันไม่ได้เลยเหรอพี่ไผ่”
“พวกมันมีใบอนุญาตถูกต้อง เหมือนคราวที่แล้วพี่จะต้องเข้าไปดูให้แน่ใจก่อน...ถ้าพวกมันมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลัง เราค่อยจัดการกับพวกมัน”
ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้อง สายฟ้าร้องคำราม ไผ่ครุ่นคิด
“สายลม สายฟ้า ต้องมีเรื่องแน่”
แต่แล้วต้นไม้โค่นลงมาขวางทางข้างหน้า จันจิราตกใจ
“พี่ไผ่...”
ไผ่เบรกพรืดเปิดประตูรถออก ตวัดปืนในมือสาดกระสุนใส่พวกมันที่ตีวงล้อมเข้ามาล้มคว่ำไปสามสี่คน ไผ่โดดข้ามหน้ารถมาทางจันจิราเปิดประตูออกดึงจันจิราลงมาจากรถ พวกมันเข้ามาใกล้สาดกระสุนจนใบหญ้าและดินใกล้ตัวกระจุยกระจาย ไผ่ดึงจันจิราพุ่งเข้าไปในดงไม้ พวกมันล้อมเข้ามาไผ่กับจันจิราดีดตัวขึ้นมาจากสาดกระสุนเข้าใส่พวกมันจนคว่ำไปสองสามคน พวกมันล้อมเข้ามาอีก
“จันรอพี่ตรงนี้ ยิงทุกอย่างที่เข้ามา”
“ระวังตัวนะพี่ไผ่”
ไผ่ยิ้มเครียด พุ่งขึ้นไปบนยอดไม้แล้วพุ่งต่อไปอีกต้นหนึ่ง ก่อนจะดีดตัวลงมาทางด้านหลังของพวกมันยืนลงบนพื้นอย่างสวยงาม
“ไง...ไอ้พวกลอบกัด”
พวกมันหันขวับ ไผ่ สาดกระสุนเข้าใส่พวกมันจนคว่ำไปจนหมด ทันใดนั้นเสียงร้องของจันจิราดังขึ้น...เธอร้องเพราะถูกฟันที่ไหล่ ไผ่ตกใจ
“จัน”
ไผ่ดีดตัวออกไปอย่างว่องไว
รถของสัตยากับเจ้าหน้าที่อีกสองคันพรวดเข้ามาในลานจอดรถของสำนักงานอภิชาติ สัตยาก้าวลงมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีก 3-4 นายทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนักงานของอภิชาต
สัตยาเดินนำเจ้าหน้าที่ผ่านโต๊ะพนักงานต้อนรับเข้าไป พนักงานเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะ”
สัตยาไม่สนทั้งหมดเดินผ่านไป พนักงาน คว้าโทรศัพท์กดวุ่นวาย
ประตูห้องประชุมเปิดออก สัตยากับ เจ้าหน้าที่พรวดเข้ามา ก็เห็น ฤทธิชัย กับ อภิชาติ นั่งอยู่ที่โต๊ะประชุมกันสองคนไม่มีร่างของดาวกับจักจั่น อภิชาติมองสัตยา
“เอ๊ะ...เลขาผมไม่ได้บอกว่ามีผมนัดกับคุณนี่ครับ”
“ผมไม่ได้นัด”
“บุ่มบ่ามเข้ามาแบบนี้หวังว่าคุณมีหมายศาลมาด้วย”
“ตามตำแหน่งหน้าที่ ผมสามารถนำตัวคุณไปสอบสวนได้ทุกเมื่อ”
ทันใดนั้นเสียงดาวดังขึ้น
“แต่ถ้าไม่มีหมายศาลอาจเจอข้อหาบุกรุก”
สัตยากับเจ้าหน้าที่หันไปก็เห็นดาวกับจักจั่นยืนอยู่หลังห้อง ส่องปืนมาที่ทุกคน จักจั่นยิ้มเย้ย
“ดีไม่ดีอาจถูกยิงตายฟรี เพราะคิดว่าเป็นโจรเข้ามาปล้น”
สัตยาแค้น
“ผมมีหมายศาล”
“ต้องขอดู”
สัตยาขยับมือล้วงเข้าไปในอกเสื้อดึงหมายศาลออกมา อภิชาติลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามากระชากหมายศาลมาดู แล้วพยักหน้าให้กับทุกคน จักจั่นโวยขึ้น
“วันนี้ไม่ว่าง ไปไม่ได้”
อภิชาติยิ้ม
“ฮันนี...เราเป็นคนมีการศึกษา ต้องเคารพกฎหมายเคารพกฎของสังคมจ้ะ” อภิชาติมองสัตยา “ก็ได้เราจะไปกับคุณ”
จักจั่นจ้องหน้าสัตยาไม่พอใจ ดาวกับจักจั่นเก็บปืน ฤทธิชัยลุกขึ้นเดินเข้ามาที่ดาวมือประคองไหล่ทั้งสองข้าง
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ...แค่ไปให้การเรื่องเล็กเย็นนี้เราไปกินข้าวอร่อยๆกัน”
“ได้ค่ะ...”
สัตยาผายมือ
“เชิญ”
ฤทธิชัยมองแล้วเดินนำออกไป ตามด้วยอภิชาติ เจ้าหน้าที่และสัตยาเดินตามหลังไป ดาวเรียก
“คุณสัตยา”
สัตยาหันกลับมา
“ถ้าสามีดิฉันเป็นอะไรไป คุณได้รับหมายจากฉันแน่ๆ”
“ไม่ใช่หมายจากศาล แต่เป็นหมายหัว”
สัตยาหันกลับไม่พอใจทั้งหมดเดินออกไปจากห้องเหลือแต่ดาวกับจักจั่นต่างมองหน้ากัน แต่แล้วก็ยิ้มยกมือขึ้นไฮไฟว์กัน
“โห...แอคติ้งสุดยอด”
“ถ้าเราไม่ทำเป็นขัดขืน พวกมันจะไหวตัว”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
สัตยากับเจ้าหน้าที่คุมตัวฤทธิชัยกับอภิชาติออกมาที่ลานจอดรถ ทันใดนั้นรถข่าวของกำจรก็พรวดเข้ามาจอดกำจรลงมาจากรถพร้อมด้วยตากล้อง เดินเข้ามาสัมภาษณ์อย่างรวดเร็ว
“คุณอภิชาติ คุณฤทธิชัย คุณถูกข้อหาอะไรครับ”
อภิชาติหันมาตอบ
“เราไม่ได้ถูกจับ แต่ถูกเชิญไปให้ปากคำเกี่ยวกับท่านรองก้องเกียรติเท่านั้น”
สัตยาก้าวเข้ามาขวาง
“ถอยไป”
กำจรถามต่อไม่สนใจ
“แสดงว่าคุณอภิชาติ กับ คุณฤทธิชัย ยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา”
สัตยาไม่ตอบพลักกำจรห่างออกไป แล้วพา อภิชาติกับฤทธิชัยออกไป กำจรหันมาหากล้อง
“อดีต ตำรวจมือปราบพิเศษคุณฤทธิชัย กับ ทนายความระดับหนึ่งคุณอภิชาติกำลังถูกคุมตัวเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด...ในสภาวะสังคมที่เป็นอยู่ในขณะนี้กฎหมายจะให้ความเป็นธรรมได้แค่ไหน...เวลาเท่านั้นจะบอกได้...ผม กำจร แสงรุ่งเรือง รายงาน”
จันจิราเซถอยไปมือขวาจับไหล่ซ้ายที่มีรอยถูกฟันเลือดออก นินจาคนหนึ่งตามติด มันเข้าประชิดตัว จันจิราชกมันแต่มันหลบวูบแล้วคว้าตัวเธอไว้ได้ พลางเอามีดดาบสั้นนาบไว้ตรงลำคอ นินจาอีกสามคนยืนอยู่รอบด้านเตรียมพร้อม ทันใดนั้นร่างของไผ่ตีลังกาเข้ามากลางวง ไผ่กราดสายตามอง นินจาที่พร้อมจะจู่โจมในมือของไผ่ถือปืนสองข้าง ข้างหนึ่งส่องที่นินจาคนที่จับจันจิราอีกข้างหนึ่งจ่อกราดที่พวกมัน
“ฉันให้เวลาแกหนึ่งนาที ปล่อยตัวแฟนฉันแล้วฉันจะให้แกรอด แต่...คนอื่นต้องตายหมด”
พวกนินจากรอกสายตาไปมา ตวัดดาบเตรียมจู่โจม นินจาคนหนึ่งพูดขึ้น
“ถ้าแกยอมแพ้...แฟนแกรอด แต่แกต้องตาย”
“โน แคน ดู...รับไม่ได้”
นินจาอึ้งกรอกสายตามองพรรพวก
“หมดเวลา...พี่สายลม”
ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้อง ร่างของสายลมปรากฏพรึบตรงหน้าของพวกนินจาพุ่งเข้าหาไอ้นินจาคนที่จับจันจิราอยู่แล้วแวบออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงนินจาคนนั้นร้องลั่น ตาของมันถูกกรงเล็บเหยี่ยวเลือดออกทั้งสองข้าง มันทรุดลงไป จันจิราพุ่งออกไปหาไผ่อย่างรวดเร็ว พวกนินจาต่างยืนมองอย่างคาดไม่ถึง...มันขยับตัวไปมาควงดาบฟึบฟับ ไผ่ชี้ปืนกราด
“ส่วนพวกแก อย่างที่ข้าบอก ตายหมด...พี่สายฟ้า”
เสียงสายฟ้าคำรามก้อง ไผ่ยิ้มเดินจูงจันจิราออกไป พวกนินจาต่างมองกัน ทันใดนั้นร่างอาคมของสายฟ้าพุ่งเข้าหาพวกมัน เสียงคำรามก้องบวกเสียงของพวกมันร้องโหยหวน
“ต้องเชือดไก่ให้ลิงดู ว่าพวกมันต้องเจออะไรบ้าง”
ภายในรังลึกลับหลังกำแพงมนต์...ร่างของนินจาที่นอนตายปรากฏอยู่ตรงหน้าของอ่างน้ำมนต์ตรงหน้าของคายามัง โจยืนอยู่ข้างๆ
“พวกมันมีเหยี่ยวอาคมที่ร้ายกาจโดยเฉพาะเสือเป็นร่างมนต์ที่เจ้าป่าเจ้าเขาให้ชีวิตขึ้นมาเพื่อคุ้มครองพวกมัน”
“หมายความว่าท่านเอาชนะพวกมันไม่ได้”
คายามังพยักหน้า
“ยากมาก...นอกจาก...”
“ผมไม่สนว่า อะไรที่จะกำจัดพวกมัน งัดออกมาให้หมด”
“แต่สิ่งนี้ยากจะควบคุมอาจเป็นดาบสองคมมาทำลายเราได้”
“ผมแค่อยากรู้ว่าจะเริ่มได้เมื่อไหร่”
“บอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ”
“งั้นก็เลิกเสียเวลาของผม ลงมือได้เลย”
โจเดินแยกไป... คายามังสีหน้าเยือกเย็น...
ที่กองบังคับการกรมตำรวจ...สัตยากับเจ้าหน้าที่คุมตัว ฤทธิชัยกับอภิชาติเข้ามาในห้องประชุม ศักดานั่งรออยู่แล้ว
“ยินดีที่ได้พบคุณทั้งสองอีก”
ฤทธิชัยกับอภิชาตต่างยิ้มรู้ทัน
“เราสองคนมีนัดดินเน่อร์กับแฟน ท่านมีคำถามอะไรเชิญ”
“ถ้ายังงั้นผมก็เข้าประเด็นเลย ผมคิดว่าคุณสองคนร่วมมือกับท่านรองก้องเกียรติขายความลับของชาติ”
อภิชาตยิ้มเยาะ
“เด็กป.4 ก็รู้ ถ้าไม่มีหลักฐานถือว่าข้อกล่าวหาใช้ไม่ได้”
“เรากำลังค้นหาหลักฐานอยู่ ในระหว่างนี้ต้องขอกักตัวพวกคุณไว้ก่อน”
“เล่นสกปรกดื้อๆแบบนี้เอง”
“รีบพาตัวไป”
ฤทธิชัยพูดเรียบๆ
“แล้วผมจะกลับมา เล่นสกปรกกับคุณมั่ง”
ศักดากับสัตยาต่างยิ้มเยาะ
“แล้วผมจะฟ้องคุณไม่ให้เหลือซักแดงไม่ให้เหลือที่ดินซักผืน ไม่ว่าจะคุณจะมีที่ดินบนสวรรค์หรือในนรกก็ตาม”
อภิชาตบอกก่อนที่จะออกไป
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 2 (ต่อ)
ภายในห้องเก็บของ ของบริษัทในเครือของอินเตอร์บิส พวกสมุนมันกำลังขนย้ายเงินหลายสิบกล่องออกไปจากห้องไปขึ้นรถตู้ หัวหน้าส่งเสียงเร่ง
“เร็วเว้ย เองจะรอให้ทางการมายึดก่อนหรือไงเร่งมือหน่อย”
เหล่าสมุนต่างเร่งมือกันขนอย่างวุ่นวาย
รถตู้วิ่งเลี้ยวออกมาจากบริษัท ผ่านรถของจักจั่นที่จอดซุ่มดูอยู่ตรงฝั่งตรงข้าม จักจั่นเพ่งสายตามองตามพลันสายตากลายเป็นตาของเหยี่ยวสายลม ทันใดนั้นภาพแวบขึ้นมาเห็นเป็นกล่องเก็บของธรรมดา
“อืม...ไม่มีเงิน...หรือว่าพวกมันไหวตัวซะแล้ว”
แต่แล้วสายตาก็เห็นรถตู้อีกคันหนึ่งเลี้ยวออกไปอีกทางหนึ่ง จักจั่นเพ่งตาม เห็นภาพพวกสมุนนั่งอยู่ในรถและกล่องบรรจุเงินแวบขึ้นมา
“หนอย เล่นเชิงซะด้วย ต้องตบสั่งสอนให้เข็ด”
จักจั่นออกรถตามไปทันที
ป้าเนียนทำแผลที่ไหล่ซ้ายให้จันจิรา ไผ่ ลุงเดช แสง และ แม่สมพร ยืนดูอยู่ใกล้ๆ
“เรียบร้อย แผลลึกเหมือนกัน อาจจะมีปวดนิดหน่อย”
จันจิรายกมือไหว้
“ขอบใจจ้ะป้า”
ป้าเนียนถอยไปยืนห่างออกไป แม่สมพรเดินเข้ามาใกล้จันจิราลูบหน้าลูบหลังปลอบใจ แสงหันไปกำชับไผ่
“ไผ่ต้องระวังดูน้องให้ดีๆหน่อยนะลูก”
ไผ่จ๋อยๆ
“ครับพ่อ”
จันจิรายิ้ม
“เรื่องเล็กค่ะ พ่อแสง”
ลุงเดชหน้าเครียด
“ดูเหมือนว่าพวกมันรู้ลึกตื้นหนาบางของพวกเราเป็นอย่างดี...มันพร้อมที่จะกำจัดเราตลอดเวลา”
ไผ่แค้นๆ
“ผมจะบุกค่ายของมัน เล่นงานมันมั่ง”
ลุงเดชห้ามไว้
“ใจเย็น พวกมันมีเจ้าหน้าที่คอยคุ้มครองอยู่เราไม่อยากฆ่าเจ้าหน้าที่ ฆ่าคนบริสุทธิ์”
แสงคิด...
“อาจจะเป็นเจ้าหน้าที่พวกที่ไม่บริสุทธิ์ก็ได้”
ลุงเดชมองแสงปรามๆ
“ไอ้แสง เองอย่าวู่วามเหมาหมด...ไผ่ ต้องดูให้แน่ใจก่อนเข้าใจมั้ย”
ไผ่พยักหน้า
“เข้าใจครับ”
“ดี...ในระหว่างนี้เราต้องระวังตัวทุกฝีก้าว หนูจันห้ามออกลุยจนกว่าแผลจะหายดี”
“ค่ะ”
“เอาล่ะ...ลุงจะกลับค่ายก่อน”
“ครับ”
ลุงเดชเดินออกไป แสงเดินตามผ่านมาตบไหล่ไผ่เบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ แม่สมพรกอดจันจิรา
“แม่ไปก่อนนะจ๊ะ”
แม่สมพรเดินมากอดไผ่แล้วเดินออกผ่านป้าเนียน
“ไปนะป้าเนียน”
ป้าเนียนยิ้มแย้ม
“จ้า”
แม่สมพรออกไป ไผ่เดินมาโอบจันจิราไว้ในอ้อมกอด ป้าเนียนถอนใจรู้สึกหนักใจ
รถตู้คุมฤทธิชัย กับ อภิชาติ วิ่งไปตามเส้นทาง นำขบวนด้วยรถเจ้าหน้าที่ หนึ่งคันมีเจ้าหน้าที่สองคน ภายในรถตู้ ฤทธิชัย กับ อภิชาติ นั่งอยู่แถวหลังสุด มีเจ้าหน้าที่สองสามคนนั่งคุมอยู่ อภิชาติบอกกับเจ้าหน้าที่
“เงียบเกินเหตุ เปิดเพลงฟังหน่อยซิน้อง”
พวกเจ้าหน้าที่นิ่งเฉย
“โอเค...ไม่ฟังก็ได้”
ฤทธิชัยกับอภิชาตลอบสบตากัน
รถตู้ขนเงินสองคันของพวกมัน วิ่งมาจอดที่หน้าประตูโรงงานแห่งหนึ่ง คยชีบบีบแตร ประตูเลื่อนออก รถวิ่งเข้าไปข้างในประตูปิด รถจักจั่นจอดอยู่ห่าง จักจั่นยิ้มพยักหน้าให้ตัวเอง
มือปืนสองคนยืนระวังอยู่ตรงประตู ทันใดนั้นมีเงาดำแวบข้ามประตูผ่านหัวพวกมันไป
“เฮ้ย...”
เพื่อนมือปืนหันมา
“อะไรของเองวะ”
“ข้าเห็นเงาแวบผ่านหัวข้าไป”
“ข้าว่าเองเมาเหล้า หรือไม่ก็เมายาบ้า”
มันเดินไปอย่างรำคาญ มือปืนกราดสายตามองไปมาอย่างงงๆ
รถตู้จอดอยู่ พวกสมุนเปิดประตูจะขนกล่องเงินลงมาจากรถ ร่างของจักจั่นแวบมายืนบนหลังคารถในชุดนางเสือ พวกสมุนตะลึงคาดไม่ถึง
“ไม่ต้องเสียเวลาขนหรอก ข้าจะรับช่วงต่อเอง”
พวกสมุนตวัดปืนยิงกราดเสียงปืนดังสนั่น ร่างของจักจั่นตีลังกาลงมากลางวงพวกมันแตกกระจาย
จักจั่นตวัดปืนยิงใส่มือพวกมันปืนกระเด็นหลุดจากมือจนหมด
“พวกเองเป็นแค่ลูกกระจอก ข้าจะให้โอกาสกลับตัว”
พวกสมุนบุกเข้าประชิดตัว เกิดการต่อสู้กัน จักจั่นโชว์ลวดลายต่อสู้เพียงวิบตาพวกมันก็ลงไปนอนกับพื้นเหลืออยู่คนนึงยืนขาสั่นอยู่ จักจั่นกลายเป็นตาเสือจ้องมัน
“ขับรถไปจอดไว้ที่หน้าสภากาชาดแล้วขนกล่องลงให้หมด”
สมุนคนนั้นโดนสะกดพยักหน้าแล้วขึ้นรถค่อยๆถอยแล้วขับรถออกไป จักจั่นกราดสายตามองพวกสมุนที่เริ่มขยับรู้สึกตัว
“จำไว้...ข้าให้โอกาสกลับตัวแค่ครั้งเดียว”
ร่างของจักจั่นแวบหายออกไปทางด้านนอก ผ่านมือปืนหน้าประตูอีก มือปืนสะดุ้ง
“เฮ้ย...เงาแวบอีกแล้ว”
เพื่อนมือปืนหันมา
“เองแวบอีกที โดนถีบแน่”
เพื่อนมือปืนคนนั้นเดินออกไป ส่วนมือปืนได้แต่ยืนมองกันไปมา ออกลูกมึน
ที่หน้าสภากาชาด...กล่องกระดาษกองเรียงกันอยู่หลายกล่อง มีป้ายติดว่า เงินบริจาคจากผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม ผู้คนมองอย่างสงสัย นักข่าวหญิงคนหนึ่งกำลังรายงานข่าว
“มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นค่ะ มีผู้ไม่ประสงค์จะออกนามนำเงินใส่กล่องมาบริจาคไว้ที่หน้าสภากาชาด ค่ะ คาดว่ามีเงินเกือบ 150 ล้านบาทโดยประมาณ”
โจเดินไปมาอย่างเคร่งเครียด เสียงประตูเปิด เลขาเข้ามารายงาน
“ท่านรองศักดา ขอพบค่ะ”
โจแปลกใจ พยักหน้า เลขาเปิดประตูออกไปให้ศักดา เข้ามา
“ท่านรอง...ท่านไม่ควรมาที่นี่”
ทันใดนั้นเสียงศักดาเป็นเสียงนายใหญ่
“องค์กรของเราสูญเสียเงินไปอีกแล้ว”
“นายใหญ่...”
โจหน้าซีดเผือด นายใหญ่เอามือดึงหน้ากากออก แล้วโยนไว้บนโต๊ะ
“อีกเดือนเดียวคณะกรรมการก็จะลงมติอนุมัติโครงการทั้งหมด อย่าให้ผิดพลาดได้”
โจก้มโค้ง
“ขอบคุณนายใหญ่ ที่ให้โอกาส”
โจเงยหน้าขึ้น ร่างของนายใหญ่หายไปแล้ว เหลือแต่หน้ากากของศักดาทิ้งไว้บนโต๊ะ...โจถอนใจ
ขบวนคุมตัวของฤทธิชัยกับอภิชาติ วิ่งตะบึงไปตามเส้นทางนอกเมือง อภิชาตหันไปบอกเจ้าหน้าที่
“เพื่อน พอจะจอดให้ยิงกระต่ายได้มั๊ยเนี่ย”
พวกเจ้าหน้าที่มันต่างเฉย
“โอเค...อั๊วฉี่ในรถก็ได้”
ฤทธิชัยยิ้ม พวกเจ้าหน้าที่ยังเฉย...ขณะเดียวกันนั้นรถเก๋งคันหนึ่งตามขบวนรถมาห่างๆภายในรถคือดาวนั่นเอง
“ท่าทางจะได้ลุยอีกแล้ว”
ดาวหน้าเครียด เร่งเครื่องตามไป ทันใดนั้นมีมอเตอร์ไซต์ของชาวบ้านพรวดออกมาจากถนนเล็กๆ ดาวเบรกเสียงดังสนั่นรถปัดเล็กน้อยหยุดนิ่งอยู่กลางถนน มอเตอร์ไซค์วิ่งต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เฮ้อ...นึกจะออกก็ออกมา”
แต่แล้วดาวรู้สึกผิดปรกติ ทันใดนั้นดวงตาของดาวกลายเป็นดวงตาของเหยี่ยวสายสมมีภาพแวบเป็นจรวดอาร์พีจีพุ่งมาที่รถ
“แย่แล้ว”
จรวดอาร์พีจีวิ่งมาที่รถเก๋ง ระเบิดตูมไฟลุกท่วม...
ในป่าลึก...ชาวเขาพ่อแม่กับลูกหญิงชาย เม่งจู วัยสิบขวบ และอาตง วัยเจ็ดขวบ เดินทางอยู่ในป่า ข้างหลังแบกสัมภาระแบบชาวเขาทั่วไป ทั้งหมดต่างหยุดพักวางข้าวของลง เด็กสองคน พอวางข้าวของเสร็จ ก็วิ่งเล่นกันออกไป
“เดี๋ยว”
เด็กสองคนหยุด
“อย่าไปเล่นไกลนะลูก เดี๋ยวก็ไปแล้ว เม่งจู ดูน้องให้ดี”
“ค่ะ” เม่งจูบอก
อาตงวิ่งปรื๊ดออกไป เม่งจูรีบวิ่งตามเด็กชาย แม่หันมายิ้มกับพ่อในความซุกซนของลูกสองคน
ในราวป่าอีกด้านหนึ่ง เม่งจูวิ่งมาหยุด กราดสายตาหาอาตงที่แอบอยู่ในพุ่มไม้ห่างออกไป...
“อาตง...อาตง...”
อาตงเห็นเม่งจูใกล้เข้ามา จึงรีบวิ่งเข้าไปในพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว เม่งจูได้ยินเสียงวิ่งตามไปจนเจอ
“อาตง หยุดก่อน”
อาตงหัวเราะสนุกวิ่งไม่ยอมหยุด เม่งจูวิ่งตามแต่แล้วก็เห็นอาตงวิ่งชนกำแพงมนต์หายวับเข้าไป
เม่งจูหยุดกึก ด้วยความตกใจคาดไม่ถึง
อาตงโผล่เข้ามาในกำแพงมนต์โดยไม่รู้ตัว พอเห็นภายในถ้ำตรงหน้าถึงกับแปลกใจ มองอย่างตื่นเต้น เห็นพวกมือปืนเดินไปเดินมาในระยะไกล อาตงยิ้มจะเดินเข้าไป ทันใดนั้นร่างของเม่งจูโผล่ตามเข้ามา แล้วคว้ามืออาตงวิ่งกลับออกไปนอกกำแพงอย่างรวดเร็ว ทั้งสองหลุดออกมาจากกำแพงมนต์อย่างหวุดหวิด เม่งจูรีบดึงมืออาตงวิ่งออกไปทันที
พ่อแม่เริ่มยืนเก็บข้าวของ หันซ้ายแลขวามองหาเด็กๆ ก็พอดีเม่งจูจูงมืออาตงเข้ามาหน้าตาตื่น
“มีอะไรเหรอลูก”
“หนูวิ่งไปชนกำแพง หายเข้าไปเลย” อาตงเล่า
“ดีที่หนูไปดึงออกมาทัน” เม่งจูเสริม
พ่อกับแม่ต่างหัวเราะชอบใจ...
“เอาล่ะ เอาล่ะ เรากลับบ้านกันได้แล้ว”
“ไปกันเถอะลูก”
แม่ส่งสัมภาระของเด็กๆให้
“แต่...” อาตงจะเล่า
“เอาไว้ไปเล่าที่บ้าน”
แม่เดินตามพ่อออกไป เม่งจูรีบจูงมืออาตงตามไปอย่างรวดเร็ว เม่งจูอดเหลียวไปมองไม่ได้
รถตำรวจขับนำรถตู้วิ่งไปตามเส้นทางนอกเมือง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คนขับรถรับสาย
“รับทราบ”
คนขับเก็บโทรศัพท์ รถเคลื่อนต่อไปอีกอึดใจแล้วค่อยเลี้ยวเข้าไปในถนนเล็กๆทางเข้าสวนทึบ รถตู้ตามติด
ฤทธิชัยกับอภิชาติต่างกราดสายตามองพวกมัน พวกมันสีหน้าเฉยตึงเครียด อภิชาติแกล้งทำหน้ายิ้มให้พวกมัน....
แต่แล้วรถก็หยุด ประตูรถเปิด พวกมันลงจากรถตวัดปืนขึ้นมาจ่อทั้งสองคน
“ลง”
ฤทธิชัยกับอภิชาติลงจากรถพบว่าตัวเองอยู่ในสวน ห่างไกลจากถนนใหญ่
“อืม...วิวสวย” อภิชาตคุยด้วยท่าทางสบายๆ
“เดิน”
เจ้าหน้าที่สองคนเข้ามาผลักให้ฤทธิชัย กับอภิชาตเดินลึกเข้าไปในสวน
“ดีเหมือนกัน จะได้ยิงกระต่ายซะที อั้นมานานแล้ว”
ทั้งสองเดินตามพวกมันไป จนกระทั่งลึกพอควร พวกมันหยุดแล้วหันมา”
เสียใจด้วย การเดินทางจบลงแค่นี้ พวกเจ้าหน้าที่ต่างตวัดปืนขึ้นจ้อง ฤทธิชัยกับอภิชาติกราดสายตามอง ฤทธิชัยยิ้มเยอะ
“ฉันว่าเป็นการเดินทางของพวกแกมากกว่าที่จบ”
“รถของพวกแกที่ตามมาถูกระเบิดเป็นจุลไปเรียบร้อยแล้ว”
ฤทธิชัยพึมพำ
“คุณดาว”
อภิชาตทำท่ารำคาญ
“ตกลงฉันจะได้ยิงกระต่ายมั้ยเนี่ย”
“ไปยืนทางด้านโน้น”
ทันใดนั้นฤทธิชัยกับอภิชาต เห็นเงาของนางเสือพุ่งวาบมายืนอยู่บนกิ่งไม้ทางด้านหลังของพวกมัน
ทั้งสองต่างมองหน้ากันยิ้มแล้วหันมาทางพวกมัน
“พวกนายทรยศต่อแผ่นดินตายไม่ดีแน่”
“เดี๋ยวนี้เงินสำคัญ ใครสนเรื่องแผ่นดิน”
“ขอบใจที่บอก ฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดที่ปล่อยให้พวกแกตาย”
พวกมันหัวเราะขำ
“หมดเวลา แล้ว ใครจะไปก่อน”
“นั่นน่ะซิ”
ฤทธิชัยพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ อภิชาตเสริม
“สงสัยพวกแกจะไปก่อน”
“เก็บพวกมัน”
หัวหน้าสั่ง พวกมันรำคาญ ตวัดปืนขึ้นมา ทันใดนั้นเห็นเงาร่างของดาวแวบผ่านพวกมันทุกคนไป เสียงดังเปรี้ยงๆๆๆๆ
พวกมันทรุดลงหมดเหลือหัวหน้ายืนอยู่คนเดียวที่ยืนงงอยู่ ปืนของมันถูกโยนโครมลงมาอยู่ที่พื้น มันก้มมือมือของมันที่ว่างเปล่า แล้วเงยหน้าขึ้นแล้วก็ตาเหลือกคาดไม่ถึง ตรงหน้าของมัน มีนางเสือยืนอยู่ ปืนอยู่ในมือ
ฤทธิชัยกับอภิชาติยืนอยู่ที่เดิมด้านหลังของนางเสือ มันหันกลับไปดูลูกน้องของมัน แต่ละคนที่ดับไปแล้วโดยไม่รู้ตัว มันหันกลับมาหน้าซีดเผือด ฤทธิชัยเดินเข้ามาใกล้
“ไหนบอกซิ คนที่ทรยศต่อแผ่นดิน ควรได้รับโทษยังไง”
มันพูดไม่ออกหน้าซีด นางเสือตวาดถาม
“ผู้กองสัตยา กับ ท่านรองศักดา รับคำสั่งจากองค์กรของพวกแกใช่มั้ย”
“ผม..ผม..ไม่รู้จริงๆ...มีคำสั่งมาผมก็ดำเนินการ ไม่มีสิทธิรู้เรื่องอะไร”
“รีบไปก่อนที่นิ้วฉันจะเหนี่ยวไกด้วยความบังเอิญ”
มันตาเหลือกรีบผงกหัว แล้ววิ่งออกไป อภิชาตแปลกใจ
“ปล่อยไปเดี๋ยวมันก็กลับมาไล่ยิงเราอีก”
“ยังไงมันก็ถูกเก็บอยู่ดี”
ฤทธิชัยยิ้มเข้ามากอดนางเสือ
“ขอบคุณจ้ะ ที่มาได้ทันเวลา นึกว่าโดนบอมไปแล้ว”
“เกือบไปเหมือนกัน อย่าลืมดินเนอร์อร่อยก็แล้วกัน”
“แถมของหวานกับไอศกรีมด้วย”
อภิชาตส่ายหน้า
“เอ้า...หวานกันไป...ฉันไปยิงกระต่ายก่อนดีกว่าอั้นมานานแล้ว”
อภิชาติเดินผลุบหายไป นางเสือกับฤทธิชัยต่างยิ้มให้กัน
ที่เซฟเฮ้าส์...ฤทธิชัย ดาว จักจั่น และอภิชาตินั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกัน นักข่าวหญิงกำลังรายงานข่าว
“ข่าวที่คาดไม่ถึงในขณะนี้คือ อดีตตำรวจพิเศษ ผู้กองฤทธิชัย และ ทนายมือหนึ่ง คุณอภิชาติได้หลบหนีคดีสมรู้ร่วมคิดกับท่านรองก้องเกียรติ ในการขายความลับให้กับต่างชาติในระหว่างถูกนำตัวไปสอบสวน ทางการออกหมายจับตัวเรียบร้อยแล้วผู้กองสัตยาถูกมอบหมายให้จบคดีนี้อย่างเร็วที่สุด”
ภาพสัตยาปรากฏขึ้นมา สัตยาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“สองคนนี่โหดเหี้ยมมากเจ้าหน้าที่ของเรา ไม่มีใครรอดแม้แต่คนเดียวผมจะนำกำลังตามล่าให้ถึงที่สุด”
อภิชาติกดปิดทีวี แล้วถอนใจ...
“จริงอย่างที่คุณดาวว่า มันเก็บเจ้าหมอนั่นเรียบร้อยไปแล้ว”
“เป็นความผิดของผมเองที่คาดการพลาดไป” ฤทธิชัยไม่สบายใจ
“คราวนี้พวกมันได้โอกาสเล่นงานเราได้อย่างเต็มที่”
เมื่ออภิชาติบอกอย่างนั้น จักจั่นเสนอทันที...
“จักจั่นว่าเราต้องตอบโต้พวกมันบ้าง”
“อืม..ดาวคิดว่านางเสือต้องอยู่บุกป่าคอนกรีตซักพัก” ดาวสรุป
“แล้วค่ายพวกมันที่บ้านดอนเสือล่ะ” ฤทธิชัยหันไปถาม
“พี่ไผ่กับลุงเดชคอยจับตาดูอยู่แล้ว มีสายลมกับสายฟ้าคอยช่วย น่าจะรับพวกมันไหว ถ้ามีอะไรค่อยกลับไปก็ยังทัน อยู่ลุยพวกมันทางนี้ก่อน”
“เยส”
จักจั่นบอก สีหน้าจริงจัง ทุกคนต่างยิ้ม
ที่ชุมโจร...รถจิ๊ปวิ่งเข้ามาจอดพรืด ไผ่ลงมาเดินทักทายพวกสมาชิกโจร แล้วผ่านเข้าไปพบลุงเดชกับแสงกำลังคุมการซ้อมของพวกสมาชิกอยู่
“สวัสดีครับลุงเดช สวัสดีครับพ่อ”
“พวกมันเป็นยังไงบ้าง” ลุงเดชหันมาถาม
“ยังไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ดาวโทรมาว่าจะอยู่กรุงเทพฯสักพัก”
“หนูดาวไม่ค่อยชอบอยู่กรุงเทพฯ เท่าไหร่ แบบนี้สถานการณ์คงไม่ค่อยดี” แสงออกความเห็น
“ครับ..ผู้กองฤทธิชัยกับคุณอภิชาติ ถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดกับท่านรองก้องเกียรติขายความลับของชาติ”
“พวกมันมาแผนสูงจริง ใช้กลยุทธ์กำจัดคนดีออกไป แล้วส่งพวกมันเข้าแทน” ลุงเดชประเมินสถานการณ์
“น้องดาวบอกว่าจะส่งเงินที่ปล้นมาจากพวกมันมาให้จะมาถึงที่อนามัยเย็นนี้”
“ดี...เล่นงานไอ้พวกเห็นแก่เงินก็ต้องปล้นเงินของพวกมันไผ่...ระวังให้ดีอย่าประมาท พวกมันคงไม่ปล่อยให้เงินมาถึงมือเราง่ายๆ”
“ครับ...”
แม่สมพรถือปิ่นโตข้าวตรงมาหาไผ่
“เอ้านี่จ้ะ..เอาไปฝากป้าเนียนกับหนูจัน”
“ขอบคุณครับ” ไผ่หันไปรับ
“หนูจันหายหรือยังลูก”
“เกือบแล้วครับ...งั้นผมขอตัวกลับก่อนครับ”
ไผ่หันไปลาทุกคน แล้วเดินออกไป แสงถอนใจเฮือก
“เฮ้อ...มีแต่เรื่องแบบนี้ สงสัยคงอีกนานกว่าจะได้อุ้มหลาน”
ได้ฟังอย่างนั้น แม่สมพรกับลุงเดชต่างยิ้ม...
โจนั่งทำงานอยู่ในห้อง บริษัทอินเตอร์บิส โทรศัพท์ดังขึ้น โจรับสาย แล้วตอบรับทันที เมื่อรู้ว่าเป็นนายใหญ่
“ครับท่าน”
“ระงับการขนย้ายเงินไว้ก่อน...เพิ่มกำลังป้องกันเตือนสมาชิกทุกคนให้ระวังเรื่องนี้”
“ครับท่าน”
โจวางสายแล้วรีบดำเนินการต่อทันที
รถตู้สามคัน วิ่งออกจากท่าเรือ ฤทธิชัยกับดาวที่ซุ่มดูอยู่ขับตาม
“สายของผมรายงานว่าสินค้าที่อินเตอร์บิสสั่งมามีเงื่อนงำ เราควรจะตรวจดูซะหน่อย”
ดาวแปลกใจ
“นึกไม่ถึงว่าคุณยังมีสายอยู่”
“สายลับของผมเป็นพวกรักชาติพร้อมปฏิบัติการตลอดเวลา”
“ดีค่ะ.อย่างน้อยก็มีคนที่รักชาติหลงเหลืออยู่”
ฤทธิชัยขับรถตามรถตู้ไปอย่างไม่ให้คลาดสายตา
รถตู้ทั้งสามคัน วิ่งเข้าไปในโรงงานแห่งหนึ่ง มีมือปืนคุ้มกันหนาแน่น แล้วปิดประตูทันที ฤทธิชัยขับรถวิ่งเข้าไปจอดหน้าประตู พวกมือปืนออกมา ก้มมองเข้ามาในรถ ดาวจ้องตาสะกดจิต
“คนของนายใหญ่มาอำนวยความสะดวกด้วย”
มืปืนพยักหน้าแล้วหันไปบอกเพื่อน
“คนของนายใหญ่มาอำนวยความสะดวกด้วย”
มือปืนเปิดประตู ฤทธิชัยหันมายิ้มให้กับดาวแล้วขับรถเข้าไป
ฤทธิชัยรีบจอดรถพรวดเข้าช่องว่างลานจอดรถอย่างรวดเร็ว แต่ไม่พ้นสายตาพวกมันคนหนึ่ง จึงกวักมือเรียกพวกสองสามคนเดินมาที่รถ ตรวจดูรถของฤทธิชัย
“มีอะไร”
“ข้าเห็นรถคันนี้พรวดเข้ามาจอด”
เมื่อมองเข้าไป ไม่เห็นใครอยู่ในรถ ก็มองงงๆ
“เอ็งเมาหรือไงวะ”
มือปืนคนแรกมองอีกเพื่อความแน่ใจ สองคนรำคาญเดินออกไป มันดูอีกแต่แล้วก็เดินจากไป ครู่หนึ่งร่างของดาวในอ้อมกอดของฤทธิชัยค่อยๆปรากฏขึ้น
“ผมชอบวิชาพรางตัวของคุณจริงๆ”
ดาวยิ้ม
“เราไปกันดีกว่ามั้งคะ”
“เสร็จงานแล้วเราไปหาที่เงียบๆ เปิดแชมเปญ ฟังเพลงเบาๆดีมั้ยครับ”
“ได้เลย”
ฤทธิชัยปล่อยดาวออกจากอ้อมแขน
“ดูซิว่าพวกมันขนอะไรมา”
ทั้งสองค่อยๆลงจากรถไป ฤทธิชัยเปิดประตูหลังคว้าเป้ตวัดสะพายไว้ที่หลังตัวเองหนึ่งใบ ส่งให้ดาวหนึ่งใบ
“ระวังหน่อยครับมีระเบิดสองลูก แค่ตั้งเวลา วาง แล้วเผ่น”
ดาวยิ้มรับมาแล้วสะพายไว้กับหลังของตัวเอง
ดาว กับ ฤทธิชัยค่อยๆ เคลื่อนตัวมาตามกล่องต่างๆ ภายในโรงงานเก็บของ โผล่ไปดูเห็นพวกมันวางกล่องที่ยกมาจากรถตู้เรียงกันไว้อยู่มุมหนึ่ง
“กล่องสุดท้ายแล้วพี่”
“ออกไปคอยระวังข้างนอก เอ็งสามคนขับรถไปไว้ที่บริษัท”
พวกมันต่างเดินออกไป ดาวกับฤทธิชัย ค่อยๆเคลื่อนกาย เข้าไปดูที่รัง
“รอเดี๋ยว ผมจะไปหาชะแลง น่าจะมีอยู่แถวนี้ซักอัน”
ฤทธิชัยเดินออกไป ดาวเอามือสำรวจที่กล่อง ทันใด เสียงมือปืนคนหนึ่งดังขึ้น...
“น้องสาวมาทำอะไรแถวนี้”
ดาวหันมาก็เห็นมือปืนยืนจ้องปืนมา...ดาวยิ้ม...เพราะฤทธิชัยค่อยๆก้าวเข้ามาอยู่ข้างหลังมัน
“ยกมือขึ้น”
ดาวยกมือกอดอก มันขยับแต่แล้วก็ถูกฤทธิชัยทุบโครม ล้มฟุบหลับสนิท
“คุณนี่เสน่ห์แรงจริงๆ ผมไปแป๊บเดียวมีหนุ่มมาจีบแล้ว”
“ไหนคะชะแลง”
“ยังไม่เจอ”
ดาวเหล่ฤทธิชัยยิ้ม
“ก็ผมเห็นมันเข้ามา ก็เลย...”
“เร็วหน่อยก็ดีนะคะ”
ฤทธิชัยยิ้มแยกไปอีกครั้งหนึ่ง เสียงพวกมันคนหนึ่งดังขึ้น
“ไอ้สิงห์..อยู่ไหนวะ”
ดาวรีบย่อตัวลงเอามือแตะร่างไอ้สิงห์ แล้วท่องคาถาพรางตัว ทันใดนั้นร่างของดาวค่อยๆจางหายไปแล้วต่อมาร่างไอ้สิงห์ก็จางหายไปด้วย มือปืน 2 เดินเข้ามาตรงทางเข้ามันหยุดกราดสายตา มองมาเห็นแต่กล่องที่เรียงกันอยู่
“มันหายหัวไปไหนของมันวะ”
มันบ่นแล้วเดินออกไป ร่างของไอ้สิงห์ที่นอนอยู่ค่อยๆปรากฏพร้อมดาว เมื่อเธอเอามือออกจากร่างมัน ฤทธิชัยกลับเข้ามาพร้อมกับชะแลง ยกให้ดู ดาวพยักหน้าแล้วผายมือไปที่ลังไม้ที่เรียงกันอยู่
ฤทธิชัยเดินเข้าไปแล้วใช้แชลงค่อยๆงัดลังเปิดออก ด้านบนปรากฏเป็นถุงกาแฟ ฤทธิชัยเอาถุงกาแฟออกก็พบว่าด้านล่างเป็นอุปกรณ์สื่อสารดาวเทียมไฮเทคทันสมัย
“ระบบการสื่อสารดาวเทียม”
“มันกำลังจะติดตั้งเครือข่าย ติดต่อกันได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องอาศัยเครือข่ายโทรศัพท์เอกชน”
“มันคงไม่อยากเสียค่าโทรศัพท์แพงมั้ง มีเงินแล้วยังงกอีก”
“มันไม่ต้องการให้มีการตรวจสอบหรือสาวถึงมันมากกว่า”
“แสดงว่าพวกมันไม่ได้มาเพื่อแค่หาผลประโยชน์ แต่มันคิดจะอยู่เลย”
ทันใด...ดาวรีบคว้าร่างของฤทธิชัยไว้ พลันร่างของทั้งสองค่อยๆจางหายไป ขณะที่มือปืนคนหนึ่ง เดินเข้ามา เห็นร่างของไอ้สิงห์นอนอยู่ มันกราดเข้ามาตรวจดูลังที่เปิดทิ้งไว้
“เฮ้ย มีคนบุกเข้ามาเว้ย”
พวกมันต่างกรูกันเข้ามา
“ออกไปดูข้างนอกอย่าให้ใครหลุดออกไปได้”
พวกมันต่างแยกย้ายกันออกไป
ร่างของดาวกับฤทธิชัยปรากฏตัวขึ้นข้างๆรถที่จอดอยู่ ต่างรีบขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ฤทธิชัยสตาร์ทรถ
“เสียดาย ยังไม่ได้มีเวลาทำลายอุปกรณ์พวกนั้น”
“อุ๊บ..ดาวลืมเป้ระเบิดไว้ค่ะ ตั้งเวลาไว้แล้วด้วย” ดาวบอกขำๆ
“โห...สุดยอด...”
เสียงพวกมันเอะอะวิ่งกันมา
“เจอกันที่หน้าประตูทางออก”
ดาวเปิดประตูรถออกไปแล้วปิดโครม ครู่หนึ่งร่างของเธอจางหายไป .ฤทธิชัยถอยรถ แล้วหักพวกมาลัยออกพรวดไปที่ประตูทางเข้า ขณะที่พวกมันออกมา ยิงกราดตามหลังเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว แล้วร่างของดาวปรากฏตัวอยู่ด้านหลังพวกมัน
“พี่ชาย”
พวกมันสะดุ้ง ต่างหันมาสาดกระสุนเข้าใส่ดาว แต่ดาวตวัดปืนขึ้นมาอยู่ในมือทั้งสองข้าง
กราดปืนยิงใส่พวกมันล้มลงที่ละคนสองคนจนหมด ดาวยิ้มเยือกเย็นเอาปืนเก็บไว้ที่เอว แล้วเอามือปัดที่ตัว หัวกระสุนของพวกมันร่วงลงสู่พื้นกราว แล้วออกไปจากบริเวณนั้นทันที...
มือปืนหลายคนยืนหน้าประตูถือปืนพร้อมรออยู่ รถของฤทธิชัยวิ่งมาจอดพรืด ก่อนที่จะถึงประตู
พวกมันต่างยกปืนจ้องที่รถ ค่อยๆเดินเข้าหารถ ล้อมเอาไว้
“ลงมา”
แต่แล้วประตูทางออกซึ่งอยู่ข้างหลังมัน ค่อยๆเปิดออกด้วยตัวเองโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว
“ไปก่อนนะเพื่อน”
ฤทธิชัยพรวดรถฝ่าพวกมันออกไป พวกมันหลบกันชุลมุนแล้วหันกลับวิ่งไล่ยิงตามหลัง แต่แล้วก็ต้องเบรคเพราะคาดไม่ถึงเมื่อเห็นดาวยืนอยู่ตรงหน้าประตู พวกมันตวัดปืนขึ้นสาดกระสุนเข้าใส่ แต่ดาวสาดกระสุนเข้าใส่พวกมันล้มคว่ำจนหมด รถของฤทธิชัยพรวดเข้ามา ฤทธิชัยออกมาจากรถ
“คุณตั้งเวลาไว้กี่นาที”
ดาวเริ่มนับ...
“สี่ สาม สอง หนึ่ง...”
ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังสนั่น ตัวโรงงานท่วมไปด้วยไฟและควัน ฤทธิชัยกับดาวต่างยืนมองด้วยความสะใจ แล้วทั้งสองขึ้นรถขับออกไป
บนถนนสายหนึ่ง...อภิชาติขับรถหันไปยิ้มกับจักจั่นที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ผมรู้ว่าคุณมีฝีมือ แต่ยังไงก็ต้องระวังตัวนะจ๊ะ”
จักจั่นยิ้ม
“ทำดีพระย่อมคุ้มครอง พวกมันนั่นแหละต้องระวังตัว”
“โอเค...คนเก่ง...”
อภิชาติขับรถเข้าไปจอดในลานจอดร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“เราจะทานข้าวกันเหรอคะ”
“เปล่าจ้ะ”
“อ้าว”
“สายรายงานว่า ท่านรองศักดา นัดพบคนสำคัญที่นี่เผื่อเราจะคอยรับท่านกลับ”
“บริการทุกระดับประทับใจ”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 2 (ต่อ)
ในห้องพักโรงแรมหรู...ดาวใส่เสื้อคลุมสีขาวออกมาจากห้องน้ำ ยิ้มหวานให้ฤทธิชัยที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีขาวเช่นกัน เขาถือแก้วแชมเปญมาสองแก้ว ต่างจ้องตากันอย่างใกล้ชิด
“คุณสวยจัง”
ดาวยิ้ม ฤทธิชัยส่งแก้วให้ ดาวรับ
“คิดจะมอมดาวหรือคะ”
“แน่นอนที่สุด”
ทั้งสองยกแก้วขึ้นดื่ม แล้วเคลื่อนใบหน้ามาจูบกัน...
ที่ลานจอดรถร้านอาหาร พนักงานถือถาดเครื่องดื่มมาที่รถตู้ของศักดา คนขับและมือปืนขยับตัว
พนักงานยกถาดมาตรงหน้าต่างรถ
“ท่านให้เอาเครื่องดื่มมาให้ค่ะ”
มือปืนหยิบแก้วจากถาดพนักงานส่งแก้วให้คนขับ ต่างคนต่างดื่ม แล้ววางคืนบนถาด พนักงานเดินกลับไป
ศักดากับชาวต่างชาติ ออกมาที่หน้าร้าน ทั้งสองจับมือกันเป็นการอำลา รถเก๋งวิ่งเข้ามาจอดรับชายต่างชาติขึ้นรถไป รถตู้วิ่งเข้ามารับศักดา มือปืนเปิดประตูให้ ศักดาขึ้นรถ ทันใดเสียงจักจั่นดังขึ้น
“พี่ชาย”
มือปืนหันไปก็เจอหมัดของจักจั่นเข้าเต็มหน้า มันหมุนทรุดลง จักจั่นขึ้นไปบนรถ ปิดประตูโครม ในขณะที่รถออกไปจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว ศักดาตกใจ
“นี่มันอะไรกัน”
“สวัสดีค่ะท่านรอง”
“คุณจักจั่น คุณมากไปแล้ว”
“ไม่มากหรอกครับ”
อภิชาติเป็นคนขับรถตู้เป็นคนตอบ
“คุณอภิชาติ” ศักดาตกใจ
“ครับ...ผมเอง แค่อยากจะคุยด้วยหน่อยเท่านั้น”
จักจั่นตวัดปืนขึ้นมาจ่อ
“ท่านเห็นแก่เงิน คิดขายชาติอยู่ไปก็หนักแผ่นดินเปล่าๆ”
“เอ้อ...ฮันนี...ใจเย็นก่อนจ้ะ เผื่อว่าท่านรองมีเรื่องจะสารภาพให้เราฟังก็ได้”
จักจั่นลดปืนลง ศักดาถอนใจ อภิชาติบอกเครียดๆ
“เราหาที่เงียบๆคุยกันดีกว่า”
อภิชาติขับรถตู้วิ่งมาตามถนนแล้วเลี้ยวเข้าถนนเล็ก วิ่งลึกเข้าไปในสวน
“ถึงแล้ว”
อภิชาติจอดรถ จักจั่นเปิดประตู ก้าวลงมา
“เชิญ”
ศักดาก้าวลงจากรถ อภิชาติเดินอ้อมมา
“พวกแกเสียเวลาเปล่า ฉันไม่มีอะไรจะบอกพวกแก”
จักจั่นตบเปรี้ยง ศักดาหน้าหันเซไป
“เป็นผู้หลักผู้ใหญ่พูดจาไม่ดี ไม่มีการศึกษาหรือไงสงสัยเอาเงินซื้อตำแหน่งเข้ามา”
อภิชาติรีบปราม
“ใจเย็น ฮันนี อย่าเพิ่งรุนแรง เดี๋ยวท่านพูดไม่ได้ละก็ยุ่งเลย...อ้อ...ผมดึงสายสัญญาณวิทยุบอกตำแหน่งในรถออกแล้ว...พวกของท่านคงตามมาไม่ถูกแน่นอน”
ศักดามองด้วยความแค้น แล้วชะงักหน้าเสีย เมื่อมีรถเข้ามาจอด ผู้ที่ลงมาคือ ฤทธิชัยกับดาว
“ทำไมมาช้าล่ะเพื่อน” อภิชาติหันไปถาม
“ก็...ต้องคอยหลบพวกมัน”
ดาวยิ้ม อภิชาติเหล่...
“หน้าตาสดชื่นแบบนี้ มิน่าล่ะถึงช้า”
“ฮั่นแน่ สองคนนี้...” จักจั่นแซวด้วย
ฤทธิชัยหันมองศักดาสีหน้าจริงจัง
“สวัสดีท่านรอง มีอะไรจะพูดก็เชิญเลย”
มือปืนของศักดา ถูกสัตยาตบจนหน้าหัน แล้วเดินซัดคนขับรถจนเลือดกบปากอีกคน
“ไอ้พวกเห็นแก่กิน ถูกวางยาไม่รู้ตัว”
มือปืนเข้ามารายงาน
“เราจับสัญญาณได้แล้วครับ”
“แจ้งทุกหน่วยให้รีบไป ล้อมพื้นที่ไว้ให้หมด”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สัตยารับสาย
“กำลังปฏิบัติการครับท่าน”
สัตยาบอกนายใหญ่ที่โทรมา
ทุกคนยืนล้อม ศักดาอยู่ ฤทธิชัยพูดเสียงเข้ม
“เราต้องการรู้ทุกอย่าง และเรามีวิธีที่จะทำให้คุณพูด”
อภิชาติจ้องหน้าศักดา
“เริ่มด้วยการยิงที่ขาก่อน ต่อไปก็ที่ก้น”
ทุกคนกลั้นยิ้ม อภิชาติยักไหล่ ศักดาหน้าเสีย
“ผม...ไม่รู้อะไรเลยนอกจากทำตามคำสั่ง ที่ได้รับเท่านั้น”
อภิชาติคาดคั้น
“ท่านมาพบกับใครที่ร้านอาหาร...เรื่องอะไร”
ศักดาอึกอึก จักจั่นตวัดปืนขึ้นมาตรงหน้า ศักดาตื่นกลัว
“วิศวกร...เรื่องการยิงดาวเทียม”
ฤทธิชัยมองๆก่อนจะถามเสียงเฉียบ
“ก่อนยิงดาวเทียม ก็ต้องมีดาวเทียม...ตอนนี้ดาวเทียมอยู่ที่ไหน”
“ผมไม่ทราบจริงๆ แค่มาคุยเรื่องกำหนดเวลาการยิงเท่านั้น”
ทันใดนั้น ดาวหันมาบอกทุกคน
“มีคนมา...”
จักจั่นชะงัก
“เป็นไปได้ยังไง...คุณอภิชาติถอดสายวิทยุบอกตำแหน่งจากรถแล้วนี่”
ทุกคนชะงักไปอย่างต่างคาดไม่ถึง ทันใดนั้นดาวก็ร้องขึ้น
“ระวัง”
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวสาดเข้ามา ทุกคนพุ่งตัวหลบเข้าหลังรถตู้และรถเก๋ง...กระสุนถูกร่างของ ศักดา จนพรุนล้มลงทุกคนตะลึง ฤทธิชัยรีบบอก
“เราต้องถอยก่อน”
พวกมือปืนบุกกันเข้ามา ทั้งสี่ต่างสาดกระสุนเข้าใส่พวกมันล้มตายไปหลายคน แต่พวกมือปืนมีจำนวนมาก อภิชาติเรียกจักจั่น
“สวีทฮาร์ท มาทางนี้”
จักจั่นสาดกระสุนเข้าใส่พวกมันแล้วพรวดไปข้างๆอภิชาติ ฤทธิชัยหันมาบอกทุกคน
“เราต้องถอยเข้าไปในสวน ผมจะยิงสกัดทุกคนถอย”
ฤทธิชัยกราดปืนยิงออกไปสกัดพวกมัน อภิชาติกับจักจั่นพุ่งไปในแนวสวน แต่ดาวกลับพุ่งไปหาศักดา ฤทธิชัยตกใจ
“คุณดาว”
ดาวพลิกร่าง ศักดาขึ้นมาแล้วพิจารณาจ้องหาพิรุธ อภิชาติตะโกนเรียก
“สองคนนั่น มาได้แล้ว”
อภิชาติกับจักจั่นโผล่ออกมาจากแนวสวนยิงสกัดพวกมัน
“พี่ดาว”
ดาวจ้อง ทันใดนั้นมือจับที่ใบหน้าของศักดาตรงต้นคอดึงเอาหน้ากากออกมา
“ตัวปลอม”
ดาวพุ่งขึ้นมากราดกระสุนใส่พวกมัน แล้วรีบไปหาฤทธิชัย
“ไปค่ะ”
อภิชาติกับจักจั่นยิงสาดสกัด ดาวกับฤทธิชัยพรวดเข้าไปในสวน พวกมือปืนบุกเข้ามา ถูกยิงสกัดล้มคว่ำกันไปหลายคน ร่างของ ดาว ฤทธิชัย อภิชาติ จักจั่น หายเข้าไปในแนวสวน เรียบร้อย อึดใจสัตยาก็ก้าวออกมาจากแนวสวน เดินไปที่ร่างของศักดาตัวปลอมที่นอนตายอยู่
“เก็บกวาดให้สะอาด...อย่าให้เหลือร่องรอย”
ในสวนลึก...ดาวโยนหน้ากากลงมาที่พื้น ทุกคนต่างมองอย่างคาดไม่ถึง ฤทธิชัยชะงัก
“พวกมันปลอมเป็นท่านรองศักดาได้แนบเนียนมาก”
อภิชาติถอนใจ
“ตกลงมีใครเป็นตัวจริงมั่งเนี่ย”
“พวกมันฉลาดมาก ใช้ตัวปลอมออกทำงานแต่ละครั้งถ้าพลาด มันก็กำจัดเสีย” ดาวบอกเสียงนิ่ง
“คราวหน้าก็เปลี่ยนคนอีก...ทุกคนรู้แต่คำสั่งที่ได้รับ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น” ฤทธิชัยเสริม
จักจั่นคิดๆ
“แต่มันตามเรา มาได้ยังไง”
“ง่ายนิดเดียว เครื่องติดตามตัวอยู่ที่คนทำงาน อาจจะเป็นนาฬิกาที่ใส่อยู่ หรือถ้าร้ายไปกว่านั้น...”
ดาวยังไม่ทันบอก อภิชาติพูดเสริมทันที
“มันอาจฝังไว้ที่ตัวคนทำงานเลยเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครจับไปได้...และไม่มีใครหนีมันพ้น”
ฤทธิชัยหน้าเครียด
“เราเจอศัตรูที่ฉลาดเหนือชั้นกว่าที่คิดเข้าแล้ว”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน อย่างหนักใจ
รถตู้คันหนึ่งวิ่งมาตามถนนใหญ่ใกล้ราวป่า แล้วค่อยๆจอดลง คนขับรถลงมาจากรถแล้วเปิดหน้ารถตรวจดูเครื่องยนต์ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คนขับรับสาย
“มาถึงจุดหมายแล้วครับ ทุกอย่างเคลียร์”
คนขับกดตัดสายแล้วเก็บโทรศัพท์ ทันใดนั้น อภิชาติ ฤทธิชัย จักจั่น และ ดาว
ออกมาจากราวป่าตรงมาที่รถตู้ ดาวตวัดมือที่รถตู้ประตูเปิด ทุกคนพรวดเข้าไปในรถประตูปิด คนขับปิดกระโปรงรถแล้วเดินมาขึ้นรถแล้วขับออกไป ฤทธิชัยหันไปหานพที่นั่งอยู่ในรถ
“ขอบคุณมาก คุณนพ”
“ด้วยความยินดีครับผู้กองคุณอภิชาติ”
ฤทธิชัยหันไปแนะนำนพกับดาวและจักจั่น
“นี่คือคุณนพ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ลับของหน่วยพิเศษครับคุณดาว คุณจักจั่น”
จักจั่นสงสัย
“นึกว่าหน่วยพิเศษอยู่ภายใต้การควบคุมของท่านรองศักดากับ ผู้กอง สัตยาซะอีก”
นพส่ายหน้า
“ไม่ใช่ครับ พวกเราถูกโยกย้ายส่งไปที่อื่นหมดแล้วครับมันเอา พวกมันเข้ามาทำงานแทน”
จักจั่นแปลกใจ
“อ้าวแล้วคุณมาได้ยังไง”
“พวกเราเป็นหน่วยอิสระที่ผู้กองฤทธิชัยแอบตั้งขึ้นมีท่านรองก้องเกียรติกับคุณอภิชาติเท่านั้นที่รู้”
“ด้วยทุนจากเงินที่พวกเรายึดมาจากพวกมัน” อภิชาติบอก
ดาวเข้ามาหอมแก้มฤทธิชัยหนึ่งฟอด
“เก่งจังเลยค่ะ คุณหนึ่ง”
ทุกคนยิ้ม จักจั่นเข้ามาหอมแก้มฤทธิชัยบ้าง
“ใช่ค่ะ เก่งจริงๆ”
อภิชาติ มองงงๆ
“อ้าวแล้วผมล่ะ”
จักจั่นยิ้มเข้ามาใกล้แล้วหอมอภิชาติหนึ่งฟอด
“คุณอภิชาติก็เก่งค่ะ”
อภิชาติยิ้มชอบใจ
“แล้วคุณดาวจะไม่หอมผมมั่งเหรอครับ”
ฤทธิชัยรีบขัด
“เฮ้...ใจเย็นเพื่อน”
ทุกคนต่างยิ้ม นพหันมาถาม
“ไปไหนครับ คุณอภิชาติ”
จักจั่นเหล่มองอภิชาติ
“อย่าบอกนะว่ามีเซฟเฮ้าส์อีก”
“โธ่...ก็ผมเตรียมไว้สำหรับพวกเรานี่ครับ”
“โอเค...ไม่ว่ากัน...แต่มีกี่แห่งบอกมาให้หมด”
ทุกคนต่างขำ แต่แล้วรถตู้ก็เบรกเอี๊ยด เพราะตรงหน้ามีรถพวกมือปืนจอดอยู่แล้วมีเสียงรถเบรกจากทางด้านหลัง
รถของพวกมือปืนประกบเข้ามาทางด้านหลัง ทุกคนกราดสายตามองหน้าเคร่งเครียด รีบพุ่งลงจากรถ แล้วใช้รถเป็นที่กำบัง ทันใดนั้นกระสุนสาดเข้ามาทั้งสองด้าน ทุกคนตวัดปืนยิงโต้ตอบพวกมันแต่ฝีมือแม่นกว่าถูกพวกมันล้มคว่ำไปทีละคนสองคน
“ไอ้พวกนี้มาได้ยังไง” จักจั่นถามอย่างสงสัย
“มาพร้อมกับไอ้พวกในสวนนั่นแหละ” อภิชาติบอก
ทันใดนั้นฤทธิชัยก็ร้องบอก
“อาร์ พี จี”
มือปืนคนหนึ่งแบก อาร์ พี่ จี กำลังส่องมาที่รถตู้ และปล่อยจรวดพุ่งมา
“จักจั่น เร็วเข้า”
ดาวกับจักจั่นพุ่งออกไปพร้อมกัน ยกมือขึ้นไปทางจรวดที่วิ่งมา พลันมีพลังเป็นคลื่นต้าน จรวดลอยอยู่ตรงกลาง
“ชอบเล่นระเบิดเหรอ”
ดาวผลักมืออีกข้างหนึ่งออกไป จรวดหมุนหัวกลับหันไปทางพวกมัน แล้วพุ่งเข้าใส่ระเบิดตูมร่างของพวกมันกระเด็น กระจัดกระจายเสียงร้องโหยหวน อภิชาติสะใจ
“สุดยอด”
ทันใดนั้นมีเสียงรถวิ่งเอี๊ยด ทั้งหมดหันไปก็เห็นรถตู้ของมันอีกคันหนึ่ง พรวดหนีไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างมองหน้ากันแต่พอหันไปก็เห็นนพยืนหน้าตื่นอยู่ อภิชาติยิ้มแย้มบอก
“ไงคุณนพ เห็นหรือยังว่าทำไมผู้ชายถึงกลัวเมีย”
นพฝืนยิ้ม ยังตื่นเต้นอยู่ ทุกคนต่างยิ้มขำ
อภิชาติเปิดประตูเซฟเฮ้าส์เดินนำทุกคนเข้ามา จักจั่นยิ้มๆ
“ขำคุณนพสีหน้ายังตื่นเต้นไม่หาย”
อภิชาติหันมาบอกจักจั่น
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องพลังของคุณไม่รั่วไหลออกไปเป็นอันขาด เราไว้ใจคุณนพได้”
อภิชาติเดินไปที่ตู้เย็น ดาวกับจักจั่นเดินตามไปด้วย ฤทธิชัยไปที่โซฟา อภิชาติเปิดตู้เย็นหยิบน้ำผลไม้ออกมาแจก ดาวหยิบมาอีกขวดเดินมาให้ฤทธิชัยที่โซฟา อภิชาติกับจักจั่นเดินมานั่งด้วย
“อย่างที่คาด ไม่มีข่าวท่านรองศักดา ตัวปลอมทุกอย่างเงียบ” ฤทธิชัยพูดขึ้น
อภิชาติแปลกใจสงสัย
“ไม่น่าเชื่อ...พวกมันคิดการใหญ่ ถึงขั้นมีดาวเทียมของมัน”
“ตามกฎสากลต้องมีสิทธิในน่านอวกาศก่อนไม่ใช่เหรอคะ อยู่ๆจะยิงเลยคงไม่ได้” ดาวถาม
“พวกมันคงหาทางซื้อน่านอวกาศของประเทศด้อยพัฒนาที่ไหนซักแห่งในเอเชีย” ฤทธิชัยออกความเห็น
อภิชาติเห็นด้วย
“ใช่...อัดเงินเข้าไปขี้คร้านรัฐบาลประเทศด้อยพัฒนาพวกนั้นจะแห่กันมาขายให้พวกมัน ประชาชนในประเทศไม่รู้เรื่อง”
“จักจั่นไม่สนหรอกว่ากฎหมายสากลจะเป็นยังไง เราระเบิดดาวเทียมของมันให้แหลก มันยิงได้ก็ให้รู้ไป”
อภิชาติหัวเราะ
“นั่นต้องยังงั้น แฟนผม”
“หรือไม่ก็หาตัวนายใหญ่ของมันให้ได้เร็วที่สุดเด็ดหัวมันซะทุกอย่างก็จบ” จักจั่นบอกอย่างแค้นๆ
ดาวหน้าเครียด
“ปัญหาก็คือ การหาตัวนายใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะแผนของมันที่สร้างตัวปลอมขึ้นมา”
ทุกคนต่างนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่ฤทธิชัยเสนอแนะ
“เราต้องอดทนต้องยึดแผนที่วางไว้คือตัดเส้นทางการเงินของพวกมันสกัดการขนส่งอุปกรณ์ของพวกมัน”
ดาวเห็นด้วย
“ถ้ามันไม่มีเงิน ไม่มีอุปกรณ์ ก็ทำอะไรไม่ได้”
อภิชาตินึกได้
“พูดถึงเงิน ป่านนี้คงใกล้ถึงบ้านดอนเสือแล้ว”
ทุกคนต่างยกขวดน้ำผลไม้ขึ้นชนกัน...
บนเส้นทางไปบ้านดอนเสือ มีด่านตรวจ เจ้าหน้าที่อยู่ 4-5 นาย กำลังยืนโบกมือให้รถบรรทุกมีป้ายกาชาดติดอยู่ รถบรรทุกจอด เจ้าหน้าที่เดินเข้าไปตรงด้านหน้าประตู ลุงมีก้าวลงมา
“ขนอะไรมาลุง”
“พวกยาของอนามัยน่ะครับ”
เจ้าหน้าที่มองจับพิรุธ
“ยังไงก็ต้องขอตรวจก่อน”
“เชิญเลยครับ”
“เอ้าพวกเราตรวจดูซิ”
เจ้าหน้าที่ต่างเดินเข้ามาที่รถ ลุงมีสีหน้าเยือกเย็น ทันใดนั้นเสียงดังเอี๊ยดดังมาจากทางด้านหลัง
เจ้าหน้าที่ทุกคนหันไปเห็นรถตู้คันหนึ่งจอดกึกห่างออกไป อึดใจรถตู้ก็ถอยหลังและกลับรถ เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ พรวดออกไปกราดยิงใส่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่รถตู้พ้นไปได้ หัวหน้าหันไปสั่งลูกน้อง
“รีบตามไป”
เจ้าหน้าที่สองนายโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ หัวหน้าคว้าวิทยุออกมา
“สกัดจับรถตู้เป้าหมายด้วย...กำลังมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพ”
“ช่วยรีบตรวจหน่อยนะครับ ทางอนามัยรอผมอยู่”
“ลุงไปได้แล้ว”
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ขยับตัวจะไป ลุงมีคว้าไว้
“มีเอกสารมั้ยครับว่าตรวจแล้ว เดี๋ยวเจอด่านข้างหน้าจะหาว่าผมหนีมา”
หัวหน้ารำคาญ
“เดี๋ยวผมวิทยุไปบอกให้...ไปได้แล้ว”
ลุงมียกมือไหว้แล้วรีบเดินขึ้นรถไป คนขับหันมามอง
“ไปได้ฉลุย แผนคุณอภิชาตินี่เยี่ยมจริงๆ”
คนขับยิ้มสตาร์ทเครื่องเคลื่อนรถออกไป
ลุงมีโผล่มามอง เห็นเจ้าหน้าที่วิทยุติดต่อกันวุ่นวาย ลุงมียิ้มอย่างพอใจ
รถตำรวจเปิดหวอขับมาตามถนน...เจ้าหน้าที่ที่ด่านกรอกเสียงลงไปที่วิทยุ
“ว่าไง เห็นรถตู้หรือยัง”
“ยังไม่เห็น”
“มันหายไปได้ยังไง ป่านนี้ต้องถึงคุณแล้ว”
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในรถมองเห็น
“โน่นครับ อยู่ในสวน”
รถเจ้าหน้าที่จอดเอี๊ยดก่อนจะวกกลับเข้าไปตามเส้นทางที่รถตู้จอดอยู่แล้วจอด เจ้าหน้าที่กราดปืนบุกเข้าไปที่รถตู้ แต่รถตู้ว่างเปล่า เจ้าหน้าที่ได้แต่มองหน้ากัน
ที่ห้องทำงานของสัตยา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สัตยารับสาย
“สวัสดีครับคุณโจ”
“พวกคุณตั้งด่านกันยังไง ปล่อยให้พวกมันหลุดไปได้”
“เป็นไปไม่ได้ถ้าพวกปล้นผ่านด่านต้องถูกสกัด”
“ใช่...พวกคุณสกัดรถตู้ได้ แต่เป็นรถตู้เปล่า”
“ผมจะรีบตามเรื่องให้เร็วที่สุด”
โจวางสายโครมเสียอารมณ์ สัตยาวางสาย แล้วกดสายใหม่
“นี่ผมสัตยาพูด...ตรวจหารถที่ผ่านด่านวันนี้ทุกคันแล้วนำตัวคนขับมาสอบสวน”
สัตยาวางสาย
“ไอ้โจ...ทำเป็นโวย วันนึงเถอะ”
สัตยาวางสายอย่างไม่พอใจ
รถบรรทุกขนอุปกรณ์ของพยาบาล เข้ามาจอดตรงด้านหน้าสถานีอนามัย ลุงมีก้าวลงมาจากรถ พอหันมาก็พบไผ่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ทางเราไม่ได้สั่งยา”
“เอ้อครับ...ผมมาหาคุณไผ่”
“มีธุระอะไรกับคุณไผ่”
“คือคุณดาวส่งยามาให้ครับ”
ไผ่ยิ้ม
“ลุงมีหรือเปล่า”
“ครับผม...”
“ผมเองครับไผ่” ไผ่โบกมือมีสมาชิกโจรเข้ามาสองคน “เชิญลุงมีกับคนขับไปพักผ่อนให้สบายที่โรงแรมก่อนครับ”
ลุงมียิ้ม
“ขอบคุณครับ”
สมาชิกโจรคนหนึ่งพาลุงมีออกไป ไผ่หันมาบอกสมาชิกโจรอีกคน
“พี่...เอารถไปที่ค่าย”
ชายคนนั้นพยักหน้าแล้วออกไป...ไผ่มองตามยิ้มอย่างพอใจ
รถขนยากาชาด วิ่งเข้าไปตามเส้นทางในป่า แต่แล้วทันใดนั้นมีขบวนรถจิ๊ปสองคันมีชายฉกรรจ์
นับสิบวิ่งออกมาจากราวป่าอีกทางและสกัดรถบรรทุกไว้
หัวหน้ามือปืนเข้ามาสั่ง
“ลงมาจากรถ”
สมาชิกโจรต่างมองหน้ากัน ทันใดนั้นพวกมือปืนก็ยิงปืนขึ้นฟ้า
“บอกให้ลงมา”
สมาชิกโจรทั้งสองค่อยลงมาจากรถ
“ลากมันสองคนเข้าไปเก็บในป่า”
มือปืนสองคนเข้ามาคุมสมาชิกโจร แต่แล้วทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่น พื้นดินตรงรถจิ๊ปกระจุยกระจาย พลันในราวป่ามีร่างนับสิบของสมาชิกโจรปรากฏ ล้อมพวกมือปืนไว้ ลุงเดชตะโกนลั่น
“ใครอยากตายก็ลองขยับตัวได้”
พวกมันต่างนิ่ง สมาชิกโจรสองคนหันมาคว้าปืนของชายสองคนแล้วชกมันเปรี้ยงหงายไป แสงตวาด
“ทิ้งปืนให้หมด”
พวกมือปืนต่างทิ้งปืน
“รถบรรทุกเดินทางต่อ เอารถพวกมันไปด้วย”
สมาชิกโจรสองคนเดิมกลับขึ้นไปบนรถบรรทุก สมาชิกโจรอีกสองคนเข้าไปกระชากพวกมันลงจากรถแล้วขึ้นไปขับแทน อีกสองคนโยนปืนของพวกมันไปบนรถจิ๊ป รถบรรทุกเริ่มเคลื่อนตัว รถจิ๊ปอีกสองคันเคลื่อนตามไป ลุงเดชตวาดเสียงเข้ม
“พวกเอ็งรีบออกไปจากป่าดอนเสือ คราวหน้าข้าเห็นพวกเอ็งอีก ตาย”
พวกมันต่างพากันเดินกลับไปตามถนน แสงแค้นๆ
“น่าจะยิงพวกมันทิ้ง เก็บไว้ให้หนักแผ่นดิน”
ลุงเดชถอนใจ
“ให้โอกาสพวกมันอีกสักครั้ง ไม่ใช่ความผิดของพวกมันที่เกิดมาด้อยการศึกษา หลงผิด”
“ฉันไม่เห็นด้วยหรอก ฉันเองก็ไม่ได้เรียนสูงสมาชิกโจรเกือบทุกคนก็ไม่ได้เรียนสูง ฉันว่าพวกมัน เห็นแก่เงินเลือกที่จะเลวมากกว่า”
“เอาน่า...ถือว่าเป็นกรรมเวรของพวกมันที่โง่ให้คนอื่นหลอก ถ้าคราวหน้าค่อยจัดการกับพวกมัน”
แสงส่ายหน้าเสียอารมณ์
“ฉันว่าคราวหน้าลุงแจกเงินเยียวยาให้พวกมันเลยดีกว่า”
แสงเสียอารมณ์เดินไป...ลุงเดชถอนใจแล้วเดินตามออกไป
ฤทธิชัย กำลังพูดโทรศัพท์อยู่ที่เซฟเฮ้าส์
“ขอบใจมาก”
ฤทธิชัยวางสาย ทุกคนนั่งบ้างยืนบ้างอยู่ในห้องรับแขก ฤทธิชัยหันไปบอก
“สายรายงานว่า นาย ณุพันธ์ นามมงคลดี นักธุรกิจชื่อดังเป็นคนวิ่งเต้นเรื่องสัมปทานทั้งหมด”
“งั้นเราก็ต้องไปถามนาย ณุพันธ์ ว่าใครอยู่เบื้องหลัง” ดาวออกความเห็น
“ผมว่าเราต้องแยกกันทำงาน” อภิชาติแนะ
ฤทธิชัยเห็นด้วย
“กู๊ดไอเดียเพื่อน...คืนนี้คุณดาวกับจักจั่น ไปที่ อินเตอร์บิส ต้องมีข้อมูลในคอมพิวเตอร์ไม่มากก็น้อย”
“ทราบแล้วเปลี่ยน” จักจั่นรับคำ
ฤทธิชัยเหลือบมองอภิชาติ
“เราสองคนจะไปคุยกับนายณุพันธ์”
ดาวแย้งทันที
“คุณสองคนก่อวีรกรรมไว้มาก คนของมันมีทั่วทุกจุด ดาวคิดว่ายากที่คุณสองคนจะพ้นสายตาของพวกมัน”
“เราต้องหาทางเบี่ยงเบนความสนใจ” อภิชาติบอก
ฤทธิชัยยิ้ม
“งานนี้ต้องพึ่งคุณดาวกับคุณจักจั่นแล้วครับ”
โปรดติดตาม ตอนต่อไป