ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 3
รถของฤทธิชัยเข้ามาจอดหน้าตึกอินเตอร์บิส ฤทธิชัยกับอภิชาติก้าวลงจากรถเดินตรงมาที่ประตูก้าวเข้าไปข้างในที่เค้าน์เตอร์ประชาสัมพันธ์...พนักงานสาวมองอย่างตกใจ
“ผมต้องการพบกับคุณโจ”
“เอ้อ...คือ...คุณโจไม่ว่างค่ะต้องนัด”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นเพื่อนกับคุณโจ” อภิชาติเงยหน้ามองกล้องที่ส่องอยู่ “เฮ้...นายโจจำผมได้หรือเปล่าเพื่อน”
โจมองทางหน้ามอนิเตอร์ในห้องจำอภิชาติได้ หน้าเครียด หันไปสั่งสมุนที่ยืนอยู่
“ส่งคนไปสกัดพวกมันไว้”
“จะให้เก็บเลยมั้ยครับ”
“แกจะโง่เหรอ เก็บที่นี่เดี๋ยวมีปัญหา ไล่ออกไปก็พอ”
มือปืนเดินออกไป
ที่หน้าเค้าน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ จู่ๆ ก็มีสมุน 3-4 คนออกมาจากด้านในขวางไว้
“คุณโจไม่ว่าง ห้ามใครพบ”
ฤทธิชัยกับอภิชาติมองหน้ากัน แล้วกราดตามองพวกสมุนโจ อภิชาติยิ้มเยาะ
“โธ่เอ๊ย...ทำเป็นเล่นตัวไปได้”
ฤทธิชัยหันไปบอกสมุน
“บอกเจ้านายแกด้วยว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่”
ทั้งสองต่างเดินออกไป...สมุนโจยกวิทยุขึ้น
“พวกมันไปแล้วครับ”
“ส่งคนตามพวกมัน...เก็บพวกมันให้ได้” โจสั่งทันที
ฤทธิชัยกับอภิชาติออกมาขึ้นรถขับออกไป รถตู้ของพวกมันก็วิ่งตามรถของฤทธิชัยไปห่างๆ
ฤทธิชัยขับรถมาตามถนน
“พวกมันกำลังตามมา คุณสองคนเป็นยังไงบ้าง”
ทันใดนั้นร่างของดาวกับจักจั่นค่อยๆปรากฏขึ้นทางเบาะหลัง ดาวจับมือจักจั่นอยู่
“สบายดีค่ะ”
“เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าพี่ดาวมีวิชาพรางตัว”
“กลางคืนอย่าเล่นแบบนี้กับผมนะ เดี๋ยวจับไข้หัวโกร๋น”
ทุกคนต่างขำ
รถของฤทธิชัยเลี้ยวเข้าไปจอดในศูนย์การค้า แล้ววิ่งอ้อมไปทางด้านหลัง รถพวกมันเลี้ยวตามไป ในที่สุดพวกมันก็เห็นรถของฤทธิชัยจอดนิ่งอยู่ตรงลานที่ว่างเปล่า
“พวกมันอยู่นั่น เร็วเข้า”
พวกสมุนโจเอารถเข้าประกบแล้วกรูลงมาจากรถต่างเดินเข้าใกล้พร้อมยกปืนขึ้นเตรียมยิงกราด พวกมันมองเข้าไปในแต่ก็คาดไม่ถึงไม่มีใครอยู่ในรถ
“เป็นไปได้ยังไงวะ”
สมุนโจกวาดสายตาไปรอบๆ พวกมันต่างมองหน้ากัน
“เอายังไงพี่”
“จุดไฟเผารถสั่งสอนมันซะหน่อย”
สมุนคนหนึ่งไปที่รถตู้หยิบถังน้ำมันออกมาราดไปที่รถของฤทธิชัย...แต่แล้วพวกมันก็ประหลาดใจเมื่อเห็นประตูรถเปิดออกทั้งสองข้าง มันทิ้งถังถอยออกมา
“เฮ้ย...อะไรวะ”
ร่างของดาวกับจักจั่นปรากฏขึ้นพร้อมปืนในมือ
สมุนโจตกใจร้อง “เฮ้ย...”
พวกมันยกปืนขึ้น แต่ดาวกับจักจั่นสาดกระสุนใส่พวกมันจนดิ้นล้มคว่ำจนหมด ยังเหลือหัวหน้าตะเกียกตะกายลุกขึ้นแต่ทรุดลงไปนั่งอีก น้ำมันที่มันราดรถไหลมาตรงที่มันทรุดอยู่ มันตาเหลือกมองดาวกับจักจั่น พยายามจะตะเกียกตะกายหนี
จักจั่นยิ้มเหี้ยม “ชอบเล่นไฟกันนัก”
“ไฟนั้นคืนสนอง” ดาวยิงไปที่พื้นไฟลุกขึ้นพึ่บ
ดาวกับจักจั่นเข้ามาในห้องที่เซฟเฮ้าส์
“คาถาพรางตัวของพี่ดาวสุดยอดจริงๆ สอนจักจั่นมั่งดิ”
ดาวเดินไปนั่งที่โซฟา จักจั่นหยิบน้ำผลไม้ในตู้เย็นออกมาแล้วโยนให้ขวดหนึ่ง ดาวรับมา จักจั่นเดินเข้ามานั่งด้วย
“พี่ก็เพิ่งทำได้จ้ะ นั่งสมาธิแผ่เมตตาอยู่ดีๆร่างก็จางหายไป”
“ดี...จักจั่นจะลองดูมั่ง”
ดาวยกนาฬิกาขึ้นดู
“ไปพักกันหน่อยดีกว่าคืนนี้เราต้องเข้าไปที่อินเตอร์บิส”
“ดีเหมือนกันค่ะ...จักจั่นจะลองฝึกสมาธิพรางตัวดูมั่ง”
จักจั่นพูดจบก็ออกไป ดาวมองตามถอนใจ ยกมือขึ้นพนม
“ลูกไม่อยากทำบาปฆ่าคน แต่คนชั่วเยอะขึ้นทุกวันถ้าไม่ขจัด พวกมันแผ่นดินจะเป็นภัย ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพวกเราด้วย”
ดาวยกมือขึ้นจบ
อภิชาติเดินเข้าประตูมาตามด้วยฤทธิชัย อภิชาตพอใจกับแผนการเพื่อน
“ฉันยอมรับว่าแผนของนายแน่มาก...ที่ทำให้เราหลุดจากพวก มันมาจนได้”
ทั้งสองเดินไปนั่งที่โซฟา
“ตกลงแกมีเซฟเฮ้าส์กี่หลังวะเนี่ย” ฤทธิชัยถามอย่างสงสัย
อภิชาตยิ้มๆ
“หลังนี้ซื้อไว้นานแล้ว เผื่อทะเลาะกับคุณจักจั่นแต่สองหลังที่แล้วเพิ่งซื้อ ด้วยเงินสดๆของพวกมัน”
“แกเอาเงินพวกมันมาใช้พวกมันคงแค้นจนกระอักเลือด”
“ดีให้มันกระอักให้ตายไปเลย หรือไม่ก็เป็นมะเร็งที่ต่อมลูกหมากตายยิ่งดี”
“ทำไมต้องเป็นมะเร็งต่อมลูกมากตายด้วยวะเพื่อน”
“นายจะให้มันเป็นมะเร็งในมดลูกตายหรือไงวะ”
“เออ เอ็งเก่ง...แล้วเรื่องนาย ณุพันธ์”
“กำลังรอข้อมูลอยู่”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอภิชาติรับสาย ฟังอึดใจ
“พยายามต่อไป...”
อภิชาติยังไม่ได้ร่องรอยของนายณุพันธ์ วางสายไป
“หรือว่าเราไปเยี่ยม ผู้กองสัตยา ลองถามดู” ฤทธิชัยแนะ
“อืม...บ้าไปหน่อย แต่ก็น่าสนดี นายมีแผนยังไง”
“ได้ข่าวว่าไอ้หมอนี่เสือผู้หญิงแกเอ็งก็เสือผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”
“แท้งคิ่วที่ชม...”
“แก น่าจะมีแผนดีๆ ล่อให้มันออกมาคุยกันหน่อย”
“อืม...เรื่องแบบนี้...จัดได้อยู่แล้ว”
อภิชาติหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสาย
รถของ สัตยาเข้ามาจอดหน้าสปา สัตยาลงจากรถเดินเข้าไปด้านใน...ที่ถนนฝั่งตรงข้าม รถของฤทธิชัยกับอภิชาติจอดอยู่ อภิชาตมองสัตยาที่เดินหายเข้าไปในสปา
“สายรายงาน...ไอ้หมอนี่มาที่นี่เป็นประจำ”
“อย่าบอกนะไอ้หมอนี่เป็นเกย์”
“เฮ้ย...ไม่ใช่...เดี๋ยวนี้ผู้ชายเข้าสปาทำหล่อกันเยอะแยะเขาเรียกว่าหนุ่ม เมทโทรเว้ยเพื่อน ยิ่งสมัยนี้มีหมอสาวๆ สวยๆ คอยต้อนรับด้วยแล้วหนุ่มๆ เข้ากันตรึม”
“แล้วแผนของแกเป็นยังไง”
“แกคอยดูก็แล้วกันน่า”
สองหนุ่มมองเข้าไปในสปา เพื่อรอเวลา
เวลาผ่านไป ฤทธิชัยยกนาฬิกาขึ้นดู
“รอตั้งสองชั่วโมงแล้วนะเพื่อน”
“แค่สองชั่วโมงอย่าบ่น...ถ้าฉันเข้าอย่างต่ำสี่ชั่วโมง”
“ดี...ฉันจะบอกคุณจักจั่น”
“ไอ้...ไอ้...ขี้ฟ้อง”
ขณะเดียวกัน ฤทธิชัยก็เห็นสัตยาออกมา
“มาแล้ว...”
ทั้งสองมองสัตยาที่เดินออกมากับสาวสวยคนหนึ่ง กำลังเดินมาที่รถ สัตยาเปิดรถให้สาวขึ้นไปแล้วอ้อมไปนั่งที่คนขับ รถเคลื่อนออกไป อภิชาติขับรถตาม
อภิชาติขับรถตามสัตยามาห่างๆ ฤทธิชัยถามขึ้น
“เด็กแกเหรอ”
“อืม...สวยระเบิด สนมั้ยล่ะ”
ฤทธิชัยยิ้ม
“โน แท้งคิ่ว แต่แกแน่ใจนะว่าเด็กแกมีเชิงพอ...อันตรายนะเพื่อน”
“เออน่า...”
ฤทธิชัยหน้าเคร่งเครียด สายตาจ้องไปข้างหน้า
ดาวกำลังตรวจปืนอยู่ จักจั่นร้องเรียกมาจากในห้อง
“พี่ดาว”
ดาวรีบเข้าไปในห้องนอน สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้ดาวคาดไม่ถึง เมื่อเห็นร่างของจักจั่นแค่ครึ่งซีกเท่านั้น ซีกขวานั่งอยู่บนเตียง
“เกิดอะไรขึ้น”
“จักจั่นลองนั่งสมาธิอย่างที่พี่ดาวบอก พอลืมตาก็เป็นแบบนี้”
ดาวอดขำไม่ได้
“ความจริงแบบนี้ก็ดีนะ...ถ้าพวกมันเห็นคงวิ่งป่าราบไม่ต้องออกแรง”
“โห...พี่ดาว...อ่ะ ช่วยหน่อยดี้”
ดาวเดินเข้ามาใกล้ เอามือจับซีกที่เหลือของจักจั่นแล้วหลับตาสมาธิ...ร่างของจักจั่นค่อยๆ เต็มมาเหมือนเดิม จักจั่นลงมาจากเตียงอย่างตื่นเต้น ลูบตัวเองสำรวจดู
“เฮ้ย...โล่งอกไปที”
“จักจั่นต้องตั้งใจให้มั่นคงกว่านี้ ก็จะดีเอง”
“เฮ่...เอาไว้ค่อยลองใหม่”
ทั้งสองต่างยิ้มขำไปมา
ขณะนั้นสัตยากับสาวสวยเดินเข้ามาในห้อง สัตยาปิดประตูห้องแล้วดึงร่างสาวสวยเข้ามากอด แต่แล้วมีเสียงประตูเคาะ สัตยาหยุดมองหน้าสาวมือเลื่อนไปที่เอว ทันใดนั้นมีเสียงผู้หญิงดังมาจากนอกห้อง
“อภินันทนาการจากโรงแรมค่ะ”
สัตยายังสงสัย...เดินไปที่ประตูมองที่เลนส์ส่องที่ติดตรงประตู เห็นสาวสวยคนหนึ่งถือถาดเครื่องดื่มยืนอยู่ สัตยายิ้มค่อยๆ เปิดประตูออก แต่กลับเป็นร่างของอภิชาตยืนอยู่
“สวัสดีค่ะ”
อภิชาติยิงหมัดเข้าที่ปลายคาง สัตยากระเด็นทรุดหลับ อภิชาติสะบัดมือเจ็บ ฤทธิชัยก้าวเข้ามาในห้อง อภิชาตหันไปบอก
“คราวหน้าแกเป็นคนต่อยมั่ง”
ฤทธิชัยยิ้มเดินมาหาหญิงสาว
“คุณไม่เป็นไรนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ”
อภิชาตยิ้มๆ
“จะเป็นไรได้ไงเพื่อน นี่คุณ ฝรั่ง เจ้าหน้าที่พิเศษของเรา”
ฤทธิชัยแปลกใจ “เจ้าหน้าที่พิเศษ”
“แกมัวแต่อยู่บ้านนอก ฉันเป็นคนคัดเลือกสาวๆเข้ามาร่วมงาน ตอนนี้มีเกือบสิบแล้ว สวยๆ ทั้งนั้น”
“นึกอยู่แล้วเหมือนกัน”
“เชิญคุณสองคนตามสบายนะคะ”
ฝรั่งเดินออกไป ฤทธิชัยหันไปมองร่างของสัตยาที่สลบอยู่บนพื้น
สัตยาถูกมัดนั่งอยู่กับเก้าอี้ในห้องของโรงแรม เมื่อฟื้นขึ้นมาก็โวยวาย
“พวกนายทำร้ายเจ้าหน้าที่...เจอความผิดหลายกระทง”
“ทำร้ายเจ้าหน้าที่อย่างนาย ฉันแถมให้อีกสองกระทง”
ฤทธิชัยจ้องหน้าสัตยา
“นายเอาคุณณุพันธ์ไปเก็บไว้ที่ไหน”
“คุณณุพันธ์ กับ ฉันไม่ใช่พ่อลูกกัน ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
อภิชาติซัดให้ด้วยหลังมือ
“อุ๊บ...ขอโทษมือไวไปหน่อย...ฉันแถมให้นายอีกกระทงนึง”
สัตยายิ้มเยือกเย็น
“ฉันจะจัดการกับแกสองคน รวมทั้งนางหมอนวดนั่นด้วย”
อภิชาตซัดให้ด้วยหลังมืออีก
“พูดจาไม่สุภาพ โดนตบฟรี หักออกหนึ่งกระทง”
ฤทธิชัยตวัดปืนออกมาหมุนไปหมุนมาแล้วเล็งลงต่ำประมาณเป้า จ้องหน้าเฉย
“ถ้าแกไม่บอก...ได้ผ่าตัดแปลงเพศแน่”
สัตยาขบกรามด้วยความแค้น ทันใดนั้นโทรศัพท์ของอภิชาติส่งเสียงสัญญาณว่ามีข้อความเข้ามา
อภิชาติกดดู เห็นตัวข้อความส่งจากมือถือของฝรั่ง บอกว่าพวกมันกำลังขึ้นไปที่ห้อง
ลูกน้องสัตยาสามสี่คนวิ่งพรวดเข้ามาที่หน้าห้อง อีกคนหนึ่งถีบประตูเปิดออกผลัวะ ทุดคนโผล่เข้ามาพร้อมปืน แต่แล้วก็ลดปืนลงเมื่อเห็นร่างของสัตยาถูกมัดติดเก้าอี้อยู่ตรงหน้า
“มันหนีไปแล้วไอ้พวกโง่”
อภิชาติขับรถไป ฤทธิชัยนั่งอยู่ข้างๆ
“เกือบไปแล้ว ดีที่คุณฝรั่งคอยระวังพวกมันอยู่”
“นึกไม่ถึงว่าเครือข่ายของมันจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว”
“คงเป็นอย่างที่คุณดาวบอก พวกมันคงฝังวิทยุบอกตำแหน่งไว้ในตัวของพวกมันทุกคน มันถึงโผล่มาได้เร็วขนาดนี้”
“ไม่น่าเชื่อ...”
“ทำได้อยู่แล้ว ฉันเคยเห็น”
“ที่ไหน...”
“ในหนังเรื่องเจมส์ บอนด์ คาสิโนรอแยล”
ฤทธิชัยเหล่
“แกนี่กวนประสาทจริงๆ” ฤทธิชัยครุ่นคิด “อืม...ความจริงก็อาจเป็นไปได้เหมือนกัน”
“อ๊ะ...แน่นอน”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อภิชาตรับสาย
“โอเค...ขอบใจมาก” อภิชาติวางสายยิ้มพอใจ “ได้เรื่องแล้ว...ที่กบดานของนายณุพันธ์ แต่สายบอกว่า บอดี้การ์ดเพียบ”
ฤทธิชัยยักไหล่
“ยังไงก็ต้องลุย”
สองสาวยังอยู่ที่เซฟเฮ้าส์...จักจั่นกำลังถอดปืนออกทำความสะอาด ดาวนั่งอยู่ด้วย บนโต๊ะกินข้าวมี อาวุธเรียงกันอยู่หลายอย่าง ทั้งปืน มีดสั้นสีเงินแวววับหลายเล่ม
“คุณหนึ่งกับคุณอภิชาติหายไปเลย”
ดาวยิ้ม
“สองคนนั่นมีฝีมือไม่ต้องห่วงหรอก...พี่ห่วงบ้านดอนเสือ มากกว่า”
ที่บ้านดอนเสือ...ไผ่ ลุงเดช แสง และ สมาชิกโจร จำนวนหนึ่งซุ่มอยู่ในราวป่า ข้างหน้าคือค่ายสำรวจของพวกมัน เป็นลักษณะคล้ายค่ายชั่วคราว มีแต่เต็นท์ใหญ่เป็นสำนักงาน เต็นท์เล็กสำหรับเจ้าหน้าที่หลายหลังด้านหลังเป็นลานมีกล่องไม้หลายกล่องวางระเกะระกะ เจ้าหน้าที่ยืนเรียงรายเป็นจุดคอยระวัง นับสิบคน ที่เหลือมีคนทำงานเดินเข้าออกกันบ้างเป็นระยะ ไผ่มองสำรวจอย่างแปลกใจสงสัย
“แปลก เป็นค่ายชั่วคราว แต่มีเจ้าหน้าที่รักษาการนับสิบ”
ลุงเดชหันไปบอกแสง
“แสงให้คนจับตาดูไว้ มีอะไรผิดปรกติรีบรายงาน”
“ครับ”
“ส่วนที่เหลือคอยดูขบวนรถขนสัมภาระของพวกมัน เราจะดักสกัดตรวจดูว่ามันขนอะไรเข้ามากันแน่”
“มีคนออกมาแล้ว”
ขณะเดียวกันนั้น รถจิ๊ปขับออกมาจากค่าย
“ผมจะตามไปดูเอง”
ไผ่ออกไป ลุงเดชสั่งการ
“เอ้าแยกกันไปทำงานตามแผน”
แสงรับคำสั่ง
“แล้วเจอกันที่ค่ายลุงเดช”
“ลุงเดชอืม...ถ้ารับไม่ไหวให้ถอยก่อน เราสูญเสียคนไปมากแล้ว”
แสงพยักหน้า แล้วนำสมาชิกโจรแยกย้ายกันออกไป ลุงเดชมองตามหนักใจ
ส่วนที่โรงเลื่อยเสี่ยเหลิมเดิม...รถจิ๊ปวิ่งเข้ามาในโรงเรื่อย วิวัฒน์ลงมาจากรถ พวกชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ต่างทักทาย วิวัฒน์เข้าไปในสำนักงาน...ไผ่ดีดตัวลงมายืนอยู่บนกองไม้
“ที่แท้มันมาแทนเสี่ยเหลิมนี่เอง”
ทันใดนั้นเสียงคนงานโรงเรื่อยดังขึ้น
“เฮ้ยหยุด...”
ไผ่หันไปเจอชายฉกรรจ์สองคนส่องปืนมา
“อ้าว ไผ่ มาทำอะไรที่นี่”
ไผ่แปลกใจที่เจอคนรู้จักที่นี่
“พี่ชม พี่แหวง ล่ะมาทำอะไรที่นี่”
ไผ่โดลงมาใกล้ชายทั้งสอง ชมอึกอัก
“อ๋อ...พี่มาทำงานที่นี่”
“ใช่เจ้าของใหม่...จ่ายดีด้วย มาทำด้วยกันมั้ยไผ่” แหวงชวน
ไผ่ยิ้ม
“ไม่ล่ะจ้ะ แค่มาดูเห็นเขาบอกว่าเปิดใหม่”
“ใช่...พวกเราหลายคนมาทำงานที่นี่”
“ดีแล้ว...ตามสบายพี่ชมพี่แหวง เดี๋ยวผมกลับก่อน”
“เออ...ฝากทักป้าเนียนกับหนูจันด้วยนะ”
“ได้เลย”
ชมกับแหวงเดินออกไป ไผ่มองตาม
“มันฉลาดมาก จ้างชาวบ้านแถวนี้มาทำงาน”
เซฟเฮ้าส์ของนายณุพันธ์ เป็นบ้านที่ตั้งอยู่อยู่ในสวน มือปืนสี่ห้าคนยืนรักษาการอยู่ตามมุมต่างๆของบ้าน ฤทธิชัย กับ อภิชาติ แวบเข้ามาหลบตรงพุ่มไม้ห่างจากตัวบ้าน อภิชาตกระซิบ
“เอาไงเพื่อน บุกเข้าไปยิงกราดให้หมดเลยดีมั้ย”
ฤทธิชัยยิ้ม
“แกสวมวิญญาณ แรมโบ้ มาหรือไงวะ เอางี้ แกล่อพวกมันออกไป แล้วฉันจะเข้าไปคุยกับนายณุพันธ์”
“ทำไมต้องเป็นฉันล่อพวกมันวะ”
“ก็นายคล่องแคล่วชั้นเชิงสูง พวกมันตามไม่ทันหรอก”
อภิชาตส่ายหน้า
“โนเวย์”
“งั้นฉันจะบอกคุณจักจั่นว่านายซ่อนเซฟเฮ้าส์ไว้ที่นึง”
“ไอ้เพื่อนทรยศ...” อภิชาติเหล่มอง “คราวหน้าตาแกมั่ง”
อภิชาติเคลื่อนตัวออกนอกไป...ฤทธิชัยยิ้มชอบใจ
มือปืนห้าหกคนยืนระวังกันอยู่ ทันใดนั้นมีเงาโผล่มา มือปืนคนหนึ่งรู้สึกได้
“มีคน”
เงาแวบเผ่นออกไป พวกมันรีบแห่กันตามออกไปเหลืออยู่แค่ สองสามคน...ฤทธิชัยโผล่พรวดเข้ามาเข้าถึงตัวพวกมันอย่างรวดเร็วเกิดการต่อสู้ประชิดตัว ฤทธิชัยโชว์ฝีมือที่เหนือกว่า อึดใจก็จัดการพวกมันลงไปกองกันหมด ฤทธิชัยค่อยเปิดประตูเข้าไปด้านใน
อภิชาติแว่บเข้ามาในสวนไม่ห่างจากบ้าน...เขาพุ่งเข้าไปในพุ่มไม้ พวกมือปืนวิ่งตามมากราดปืนหาผู้บุกรุก ก่อนจะแยกย้ายกันค้นหา มือปืนคนหนึ่งเดินผ่านต้นไม้ต้นหนึ่ง อภิชาติโผล่มาเอาด้ามปืนซัดที่ท้ายทอยมันทรุดลงไป อภิชาติรีบวูบหายไปอีกด้านหนึ่ง มือปืนอีกคนหนึ่งเดินผ่านเข้ามา อภิชาติหลบอยู่เอาไม้ฟาดหน้าแข้งมันร้องลั่นทรุดลง อภิชาติโผล่มาเอาไม้ตวัดเข้าที่หน้ามันหงายผึ่งตกลงไปหลังพุ่มไม้ เหลืออีกคนเดียว กราดปืนส่ายไปมาย่องผ่านมาเจอเพื่อนนอนอยู่กับพื้น แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจออภิชาติยืนตรงหน้า มือปืนขยับแต่ถูกอภิชาติซัดเข้าให้ สลบไป
“ไอ้คุณหนึ่งนะไอ้คุณหนึ่งให้เราเป็นตัวล่ออยู่เรื่อย”
อภิชาติบ่นแล้วย้อนกลับไปที่บ้าน
ที่สถานีอนามัย...ป้าเนียนกับจันจิรากำลังตรวจคนไข้อยู่ จันจิราตรวจเสร็จพอดี คนไข้เดินออกไป ขณะเดียวกันนั้นโอ่ง ซึ่งเป็นอาสาสมัครในค่ายอาสาเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน
“ป้าเนียน”
“มีอะไรเหรอ ยัย โอ่ง”
จันจิราเดินเข้ามายืนกับป้าเนียนฟังโอ่ง
“พวกมันมาที่ค่ายอาสา”
ป้าเนียนตกใจ
“หา...พวกไหนอีกล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้”
จันจิราหน้าตื่น
“พวกมันมาเดินขบวนปิดค่ายอีกเหรอ”
“เปล่าจ้ะ แต่มันมาประกาศรับคนให้ไปทำงานกับมัน”
ไผ่เดินเข้ามาพอดี
“มีอะไรเหรอ”
ป้าเนียนหันไปบอก
“พวกมันมาเกณฑ์ชาวค่ายอาสาไปทำงาน”
“อืม...ผมไปที่โรงเลื่อย มันก็เอาพวกชาวบ้านเข้าไปทำงานเหมือนกัน”
จันจิราครุ่นคิด
“แปลกมาก แต่ก่อนมันจ้างพวกมือปืนมาจากถิ่นอื่นนี่นา”
ไผ่หน้าเครียด
“มันหลอกให้ชาวบ้านมาเป็นโล่มนุษย์ให้พวกมันมันรู้ว่า นางเสือไม่ทำอะไรชาวบ้าน”
“จันว่าเราไปดูพวกมันหน่อยดีกว่านะพี่ไผ่”
“ดีเหมือนกัน”
“งั้นเดี๋ยวเรากลับมารับป้าเนียนกลับบ้านนะจ๊ะ”
“เออ...ไปเถอะ”
ไผ่กับจันเดินออกไป ป้าเนียนมองตามส่ายหน้าแล้วหันไปตรวจชาวบ้านต่อ
ฤทธิชัยค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปในบ้าน มือถือปืนอย่างระวัง เขามองเห็นไฟสลัวออกมาจากห้องทำงานจึงเคลื่อนตัวเข้าไป ฤทธิชัยเห็นร่างหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตรงหน้ามีคอมพิวเตอร์แลบท็อปเปิดอยู่
โคมไฟตรงโต๊ะสะท้อนแสงออกมาใส่ตาของฤทธิชัยทำให้ร่างที่เห็นอยู่ในมุมมืด ฤทธิชัยหรี่ตามองฝ่าแสงไฟเข้าไปแต่เห็นไม่ชัดปืนในมือขยับเตรียมพร้อม
“ท่านณุพันธ์ ผมฤทธิชัย”
ร่างนั้นยังคงนิ่งเฉย ฤทธิชัยสังเกตมอง แล้วเคลื่อนกายเข้าไปจนใกล้ ขยับโคมไฟให้ส่องไฟได้เต็มที่
จึงได้รู้ว่านายณุพันธ์ ไม่หายใจนิ่งสงบ
“เราช้าจนได้”
ทันใดนั้นมีเงาวูบเข้ามา ฤทธิชัยตวัดปืนเข้าหาเป้าหมาย
รถตู้คันหนึ่งจอดอยู่หน้าค่ายอาสา วิวัฒน์ยืนถือโทรโข่งพูดกรอกเสียงอยู่
“ทุกคนที่ทำงานกับผม หรือเอาสินค้ามาขายกับผม จะได้สวัสดิการอย่างดีผมจะให้บัตรเครดิต” วิวัฒน์ยกบัตรให้ดู “ทุกคน สามารถเบิกเงินใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่”
เสียงพวกชาวบ้านเฮปรบมือชอบใจ ไผ่กับจันจิรายืนมองอยู่มุมหนึ่ง จันจิรากวาดตามองก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ
“ดูท่าทางพวกชาวบ้านจะหลงเชื่อพวกมัน”
“นั่นน่ะซิ ชาวบ้านไม่รู้ว่ามันจะหลอกให้ใช้เงิน สุดท้ายพอเป็นหนี้ไม่มีจ่ายมันก็กดราคาทุกอย่างได้เต็มที่...มีใครที่ไหนในโลกจะแจกเงินฟรีๆโดยไม่หวังผลตอบแทน”
ทั้งสองต่างเป็นกังวล
“เราจะทำยังไงดีพี่ไผ่”
“เราต้องล้มมันให้ได้เร็วที่สุด”ไผ่บอกทันที
ฤทธิชัยเล็งปืนไป อภิชาติเข้ามา…
“ใจเย็นเว้ยเพื่อน”
ฤทธิชัยผ่อนมือลง อภิชาติเดินเข้ามามองที่ร่างของนายณุพันธ์
“นายนี่มือหนักจริงๆ”
“เฮ้ย...ไม่ใช่ฝีมือฉัน”
“ตอนนี้เลยไม่มีใครที่จะเปิดโปงพวกมัน...เฮ้อ...เราเจอทางตันอีกแล้วเพื่อน”
ฤทธิชัยเห็นบางอย่าง
“เดี๋ยว...ที่มือกำอะไรอยู่นายลองดูซิ”
“นายดูเองดิ”
ฤทธิชัยเหล่ตวัดปืนเก็บ แล้วแกะนิ้วของนายณุพันธ์ออก เห็นเครื่องบันทึกข้อมูลขนาดเล็กชิ้นหนึ่งจึงค่อยๆ ดึงออกมาเก็บไว้
“แปลก...จากสภาพศพ...นายณุพันธ์ตายมาแล้วสองสามชั่วโมง แต่พวกมันเฝ้าข้างนอกเหมือนไม่รู้เรื่อง”
“อย่าบอกนะว่าพวกมันวางกำลังไว้คุ้มกันคนตาย”
ฤทธิชัยตาโต
“แย่แล้วเพื่อน กับดัก”
“ฉันว่า...เรารีบเผ่นได้แล้ว”
ทันใดกระสุนสาดเข้ามาในบ้าน ฤทธิชัยกับอภิชาติต่างพุ่งตัวหลบลงกับพื้นหลังเก้าอี้ กระสุนถูกสิ่งของกระจุยกระจาย สัตยาตะโกนเข้ามา
“เจ้าหน้าที่ล้อมไว้หมดแล้วให้เวลามอบตัวหนึ่งนาที”
ฤทธิชัยหันมาบอก
“ผู้กองสัตยา...มันคงโกรธที่นายตบหน้ามัน”
“ฉันไม่ชอบหน้ามันเลยว่ะ...ทำเป็นหนุ่มเมทโทร...เผลอๆก็เป็นเกย์อย่างที่แกว่า”
ฤทธิชัยอดขำไม่ได้
“ตกลงเราจะหนีพวกมันแบบไหน” อภิชาติถามอย่างสงสัย
“ขอคิดดูก่อน”
ฤทธิชัยนิ่งคิดเครียด
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 3 (ต่อ)
ฤทธิชัยที่หลบอยู่หลังเก้าอี้รีบบอกเมื่อคิดออก
“ฉันคิดออกแล้ว...นาย...”
อภิชาติขัดขึ้นทันที
“โน...โน...โน...ฉันไม่เป็นตัวล่อเด็ดขาด ตานาย”
“ฉันกำลังจะบอกว่า นายยิงสกัด ฉันจะออกไปก่อนเป็นตัวล่อ พอมันยิงฉันนายก็เผ่นไปอีกทาง”
“งั้นก็แล้วไป...เอาเลยเพื่อน ลุย”
“แล้วเจอกันที่รถ”
“โอเค...”
“พร้อม”
“เออน่า...”
“นายแน่ใจนะว่าไม่อยากออกไปก่อน อยู่ที่หลังเดี๋ยวจะออกลำบาก ฉันเป็นห่วงนาย”
“ไม่ต้อง นายออกไปก่อนได้เลย”
“โอเคเพื่อน พร้อม”
“เออ...พร้อมเว้ย ไปได้แล้ว”
อภิชาติพูดจบก็โผล่ไปยิงสาดเปรี้ยงๆๆฤทธิชัยยิ้มแล้วดีดตัวพุ่งออกไปทางหน้าต่าง เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวมาจากด้านนอกอภิชาติดีดตัวออกไปอีกด้านหนึ่ง เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว
เจ้าหน้าที่ต่างล้อมกราดกระสุนเข้าไปในบ้านอึดใจ สัตยาก็เดินออกมายกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้หยุดยิง
“เข้าไปตรวจดู”
เจ้าหน้าที่แยกย้ายกันเข้าไป อึดใจก็โผล่ออกมา
“พวกมันหนีไปหมดแล้วครับ”
สัตยาหน้าเคร่งเครียดทันที
ฤทธิชัยขับรถมาบนถนนสายหนึ่ง โดยมีอภิชาตินั่งอยู่ช้างๆ สักครู่ ฤทธิชัยก็รู้สึกได้ว่ามีรถตามมา
“มีคนตามมา”
“เฮ้ย...คิดมากหรือเปล่า มันจะตามมาได้ยังไง”
“รถนายติดวิทยุบอกตำแหน่งหรือเปล่า”
“เออว่ะ...สงสัยมันเช็คไปที่บริษัทป้องกันรถหายของฉัน”
“ไอ้พวกนี้ตื๊อน่าดู...ป่านนี้สาวๆรอแย่”
“ฉันชักรำคาญไอ้พวกนี้เต็มที ล่อมันไปที่เงียบๆแล้วซ้อมซะให้เข็ด”
ฤทธิชัยยิ้มขับรถเลี้ยวพรวดไป รถพวกมันเลี้ยวตาม
ฤทธิชัยเลี้ยวรถเข้ามาในซอยเปลี่ยว รถของพวกมือปืนเลี้ยวตามเข้ามาจนกระทั่งมันเห็นรถของฤทธิชัยจอดอยู่หน้าตึกร้าง รถมือปืนขับเช้าไปเอาหน้ารถขวาง มือปืนต่างกรูกันออกมาที่รถ แต่ไม่มีใครอยู่ ทันใดนั้นมีเสียงดังมาจากในตัวตึก
“ข้างใน รีบเข้าไปดู”
พวกมันต่างแยกย้ายกันเข้าไป แต่แล้วเสียงปืนดังเปรี้ยง มือปืนทรุดไปหนึ่ง พวกมันหยุด ทันใดนั้นเสียงอภิชาติก็ดังออกมา
“อยู่นี่เว้ย”
พวกมือปืนหันควับไปเห็นอภิชาติยืนอยู่ ก็ตวัดปืนใส่ แต่ทันใดนั้นมีปืนยิงสาดมาจากอีกด้านหนึ่งพวกมันทรุดไปสอง มือปืนหันไปก็เห็นฤทธิชัยยืนอยู่ ในขณะเดียวกัน อภิชาติยิงใส่พวกมัน ทรุดไปอีกสอง
เหลือไอ้ตัวหัวหน้า ยืนโด่อยู่คนเดียว ฤทธิชัยจ้องปืนขู่
“ทิ้งปืน”
มือปืนคนนั้นโยนปืนทิ้งไม่กล้าขยับ อภิชาติหันมาบอกฤทธิชัย
“ฉันว่ายิงทิ้งให้หมดเรื่องหมดราวดีกว่า”
“โอเค...นายยิงก็แล้วกัน”
อภิชาติส่ายหน้า
“โน...โน...นายยิง...คราวที่แล้วฉันยิงไปแล้ว”
“อ๋อเหรอ...ฉันจำไม่ได้...โอเคฉันยิงก็ได้”
หัวหน้ามือปืนตื่นกลัวรนราน
“อย่ายิงเลยพี่...พี่อยากรู้อะไรต้องไปถามคุณโจหรือไม่ก็ ผู้กองสัตยา สองคนนั่นรู้แผนการทั้งหมด”
อภิชาติตะคอก
“แต่เอ็งตายแผ่นดินก็จะสูงขึ้น หันไป”
หัวหน้ามือปืนหันไปอภิชาติกับฤทธิชัยมองหน้ากันยิ้มขำ...แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของหัวหน้ามือปืนดังขึ้น ฤทธิชัยกับอภิชาติต่างมองหน้ากัน
อภิชาติกับฤทธิชัยเข้าไปยืนประกบ ปืนของอภิชาติจ่อที่พุงของหัวหน้ามือปืน
“รับสาย เร็วเข้า กดสปีคเกอร์”
หัวหน้ามือปืนล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาอภิชาติขู่
“แกตุกติก ตับแตกแน่”
หัวหน้ามือปืนกดรับสายเป็นสัตยาดังออกมา
“จัดการกับพวกมันได้หรือยัง”
อภิชาติกับฤทธิชัยต่างมองหน้ากัน ฤทธิชัยส่ายหน้า หัวหน้ามือปืนรีบกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“ยังครับ พวกมันหนีไปได้”
“เลวมาก...เอาล่ะฉันจะให้แกแก้ตัวอีกครั้ง ไปที่บ้านท่ากิ่ง จะมีคนรอแกอยู่...แกต้องเอาตัวท่านรองก้องเกียรติไปไว้ที่ใหม่ ถึงนั่นเมื่อไหร่ จะมีคำสั่งอีกที”
“ครับ”
“จำไว้ มีอะไรผิดพลาดคราวนี้ แกจบ”
สัตยาวางสาย ฤทธิชัยกับอภิชาติต่างมองหน้ากันคาดไม่ถึงอภิชาติพึมพำ
“ท่านรองก้องเกียรติอยู่บ้านท่ากิ่ง”
ฤทธิชัยยิ้ม “งั้นเราไปบ้านท่ากิ่ง”
ค่ำคืนนั้น...สมุนของโจสองสามคนยืนอยู่ตรงประตูหน้าบริษัทอินเตอร์บิส... ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้อง พวกสมุนของโจแหงนมองท้องฟ้า เห็นเงาของสายลมแวบผ่านไป มันมองอย่างสงสัย
“ในกรุงเทพ มีเหยี่ยวด้วยเหรอวะ”
“นกฮูกมากกว่า”
แต่พอมันก้มกลับลงมาก็เห็น นางเสือยืนอยู่ตรงหน้ามันสองคน สมุนโจขยับ
แต่ช้าไป ดาวกับจักจั่นเข้าประชิดตัวใช้สันมือสับเข้าที่สันคอของพวกมันสองคนทรุด อีกคนเหวี่ยงหมัดเข้ามาแต่จักจั่นหลบวูบแล้วใช้สันมือสับเข้าที่ต้นคอ มันทรุดไป สองสาวพยักหน้าให้กัน แล้วพุ่งไปที่ประตู เปิดพรวดเข้าไปด้านใน
ประตูลิฟต์เปิดเสียงดังติ๊ง สมุนโจสองคนที่เฝ้าหน้าลิฟต์หันไปดู ก็เจอร่างนางเสือสองคนออกมาจากลิฟต์ ดาวตวัดมือออกมา มีดสั้นพุ่งมาปักที่พวกมันดังตึบๆ พวกมันทรุดลง ดาวกับจักจั่นวิ่งโดดข้ามตัวสมุนสองคนเข้าไปที่ประตูห้องทำงานของโจ จักจั่นถอยมาแล้วถีบโครม ประตูหลุดมาทั้งแผง
“อุ๊บ...ขอโทษค่ะ เตะแรงไปหน่อย”
ดาวหันไปสั่ง
“ดูต้นทางอยู่ที่นี่”
“รับทราบ”
ดาวพุ่งเข้าไปในห้อง จักจั่นยืนกราดสายตาระวัง หันเข้าไปมองดาวในห้องเห็นดาวไปที่โต๊ะทำงานของโจ เปิดเครื่องคอม มือไล่ไปตามคีย์บอร์ดกดไปมาอย่างรวดเร็ว
“มีพาสเวิร์ด ขอเวลาหน่อย”
“อย่าช้าแล้วกันพี่สาว”
ดาวไล่นิ้วไปตามคีย์บอร์ดอีกเสียงตื๊ดแสดงว่าเข้าไม่ได้ ดาวหน้าเคร่งเครียด ทันใดนั้นเสียงจักจั่นก็ดังขึ้น
“โอ๊ะโอ...”
“อะไร”
“มีคนกำลังขึ้นลิฟต์มา”
“โอเค แป๊บนึง”
ดาวหลับตาสมาธิ อึดใจนิ้วกดที่คีย์บอร์ดรวดเร็วในที่สุดผ่านเข้าได้
“รหัสผ่าน” นิ้วดาวไล่บนคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว “เจอแล้ว แผนทั้งหมดของพวกมัน...บันทึก”
จักจั่นโยนเครื่องบันทึกจิ๋วให้ ดาวรับแล้วเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์กดเก็บข้อความ อึดใจ
“เรียบร้อย”
ดาวดึงเครื่องบันทึกจิ๋วออก โยนให้ จักจั่นรับเก็บไว้ ดาวคว้าเครื่องคอมแล้วทุ่มโครมกับพื้น
“ไปได้”
“เดี๋ยว...”
เสียงดังติ๊งประตูลิฟต์เปิดพวกสมุนโจออกมากันสองคน จักจั่นปล่อยมีดออกไปถูกมันเสียงดังตึบๆ พวกมันทรุดไป สองสาวพุ่งข้ามพวกมันเข้าไปในลิฟต์ จักจั่นยิ้มๆ
“ขอบใจที่เอาลิฟต์ขึ้นมาให้”
ดาวกดประตูลิฟต์ปิด
พวกสมุนโจสามสี่คนเอาปืนส่องรออยู่หน้าลิฟต์ ทันใดนั้นประตูลิฟต์เปิดออก พวกสมุนโจพากันอึ้งคาดไม่ถึงเพราะในลิฟต์ว่างเปล่า ดาวกับจักจั่นที่พรางตัวอยู่เห็นพวกมันสามสี่คนล้อมปิดทางอยู่หน้าลิฟต์จ้องเข้ามาที่ลิฟต์แต่ไม่เห็นอะไร พวกมันยืนมองหน้ากันอยู่หน้าลิฟต์ ทันใดนั้นร่างของพวกมันสองคนถูกต่อยกระเด็นไป พร้อมกับร่างของดาวกับจักจั่นที่ปรากฏตัวขึ้น สมุนโจคนนหนึ่งร้องขึ้น
“เฮ้ย...นางเสือ”
พวกสมุนโจขยับแต่ช้าไป ดาวกับจักจั่นพุ่งเข้าหา เกิดการต่อสู้ประชิดตัวกันขึ้นเพียงอึดใจเดียวพวกมันก็หมอบกันหมด ดาวกับจักจั่นต่างยิ้มให้กัน
“เยส เราทำสำเร็จ”
ทั้งสองเอามือตบไฮไฟว์กัน แล้วเดินออกไป
ที่เซฟเฮาส์ของอภิชาติ ดาวกับจักจั่นนั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าว ตรงหน้ามีเครื่องแลปท็อป ทั้งสองกำลังดูข้อมูลที่ได้มาจากคอมพิวเตอร์ของโจ ดาวอ่าน
“แผนยึดครองประเทศด้อยพัฒนาทั่วโลก”
“เลวจริงๆ” จักจั่นด่า
“หนึ่งใช้เงินซื้อนักการเมืองให้ได้มากที่สุด”
“โห...ข้อนี้ไม่ต้องคิดเลยโดนสุดๆ”
“สอง ใช้เงินหว่านกลุ่มคนจนที่ด้อยการศึกษาให้เป็นหนี้สินแล้วยึดพื้นที่ทำกินหรือบังคับให้ขายเสียงเลือกนักการเมืองที่ซื้อไว้”
“เพราะไอ้เสียงที่ขายนี่ล่ะ ที่ทำให้หลายประเทศพินาศมาแล้ว”
"สาม ส่งคนเข้าคุมองค์กรต่างๆรวมทั้งสถาบันการเงิน...สี่ ปลุกปั่นคนรุ่นใหม่ให้มีค่านิยมฟุ้งเฟ้อวัตถุนิยม ขาดจรรยาบรรณ...ห้า เปิดตลาดยาเสพติด ค้าอาวุธ ค้าผู้หญิง”
“แผนของมันชั่วจริงๆ...สงสัยว่าไอ้คนที่เป็นนายใหญ่นี่มันเป็นคนชาติไหนกันแน่”
“ ไม่ว่ามันจะเป็นคนชาติไหน ขืนมันคิดจะยึดแผ่นดินไทยละก็ นางเสือจะเด็ดหัวมันให้ได้”
จั๊กจั๋นบอกอย่างมุ่งมั่น
อภิชาติขับรถไปบนเส้นทางไปบ้านท่ากิ่ง ฤทธิชัยนั่งข้างๆพูดขึ้น
“เราทำเวลาได้ดี ยังเหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าจะเช้า”
“ดี เผื่อหาโรงแรมนอนพักเอาแรงซะหน่อย”
ฤทธิชัยไม่ตอบอภิชาติขับรถตะบึงไป
“มีรถตามมาอีกแล้วเพื่อน”
ดาวกับจักจั่นยังอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“มันมีค่ายย่อยอยู่ลึกตามชายแดนหลายจุด”
“ดี...เราจะบุกไปถล่มให้หมด”
“เอ...แต่ค่ายใหญ่ที่ติดตั้งเดียวเทียมตามข้อมูล ของวิศวกรที่ตายไม่เห็นบ่งไว้”
“มันต้องอยู่ที่ไหนซักแห่งซับซ้อนจนเราหาไม่เจอ”
ดาวนึกออก
“กำแพง”
จักจั่นแปลกใจ
“กำแพงอะไรเหรอพี่ดาว”
“มีพวกขนยาถูกพวกนินจาฆ่าตาย มีคนนึงพูดถึงกำแพงแต่พวกเราออกตามหาป่านนี้ก็ยังไม่เจอ แม้กระทั่งสายลมก็ไม่เห็น”
จักจั่นถึงกับอึ้งมองหน้าดาวอย่างคาดไม่ถึง
อภิชาติขับรถไป ฤทธิชัยมองไปข้างหน้าก่อนจะบอก
“มีปั๊มอยู่ข้างหน้า ปิดแล้ว”
“ดี...เข้าไปฉี่หน่อยดีกว่า”
อภิชาติขับรถเข้าไปปั๊มปิดแล้ว แต่ตรงห้องน้ำยังมีไฟเปิดสว่างอยู่ อภิชาติ กลับรถจอด ทั้งสองลงจากรถเดินเข้าไปในห้องน้ำ อึดใจก็มีแสงไฟเข้ามา เป็นรถตู้ของพวกมือปืน พวกมันจอดรถอยู่ห่างออกไปก่อนจะกรูกันออกมานอกรถ หัวหน้ามือปืนโบกมือให้พวกมันล้อมเข้าไปใกล้ห้องน้ำ แต่แล้วทันใดนั้นร่างของฤทธิชัย กับ อภิชาติก็โผล่มาสาดกระสุนเข้าใส่พวกมันล้มคว่ำไปหลายคน พวกมันถอยหลบตามมุมต่างๆ สาดกระสุนโต้ตอบ ฤทธิชัยหันมาบอก
“ยิงสกัด ฉันจะไปเอารถ”
ฤทธิชัยเดินสาดกระสุนใส่พวกมันก่อนจะเดินไปที่รถ อภิชาติยิงสกัดพวกมันล้มคว่ำไปอีกสอง ฤทธิชัย เข้าไปที่รถขับพรวดออกมารับ อภิชาติวิ่งมาขึ้นรถ ฤทธิชัยพรวดรถออกไปที่รถของพวกมัน อภิชาติกราดปืนยิงที่ยางเสียงยางแตกดังสนั่น รถฤทธิชัยพุ่งออกไป พวกมันไล่ยิงตามหลังมาเสียงดังสนั่น อภิชาติสะใจ
“เยส...”
ฤทธิชัยยิ้มขับรถไปอย่างเร็ว
จักจั่นเดินไปมาแล้วทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา
“เอ คุณหนึ่งกับคุณอภิชาติเป็นยังบ้างก็ไม่รู้เงียบไปเลย”
“คงไม่มีอะไรหรอกน่า”
เสียงโทรศัพท์ของดาว ดังขึ้น ดาวยิ้ม
“พูดถึงก็โทรมาเลย” ดาวกดรับ “ว่าไงคะคุณหนึ่ง ช่วยแวะซื้อบะหมี่มาฝากได้มั๊ยจ๊ะ”
อภิชาติเปลี่ยมาเป็นคนขับรถ ส่วนฤทธิชัยนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ
“เราได้เบาะแสของท่านรองแล้วครับ”
“ที่ไหนคะ”
“บ้านท่ากิ่งครึ่งทางระหว่างกรุงเทพกับบ้านดอนเสือ กำลังเดินทางไป ได้เรื่องยังไงผมจะรีบส่งข่าว ไม่ต้องเป็นห่วง”
“โอเคค่ะ...เอคุณหนึ่งใส่สร้อยที่ดาวให้อยู่หรือเปล่า”
“โธ่...ต้องใส่ซิครับ สุดที่รักให้ทั้งที”
“ดีมากค่ะ ห้ามถอดเด็ดขาด เป็นวิทยุบอกตำแหน่งของคุณหนึ่ง”
“โห...นึกว่าให้ด้วยความรัก ที่แท้เอาไว้คอยตามจับผิดผมนี่เอง”
“ไม่ได้จับผิดหรอกค่ะดาวเชื่อใจคุณหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เพราะดาวรักดาวเป็นห่วงตะหาก”
ฤทธิชัยยิ้ม
“ค่อยชื่นใจหน่อย”
“งั้นพรุ่งนี้เช้าเจอกันที่บ้านท่ากิ่ง...เลิฟยู”
ดาวกดตัดสาย ฤทธิชัยเรียก
“เดี๋ยว...”
จักจั่นหันมาถามเมื่อดาววางสายลง
“สองคนนั่นปลอดภัยดีนะคะ”
ดาวยิ้ม
“จ้ะ..ไปเตรียมตัว เรามีเรื่องต้องลุยอีกแล้ว”
จักจั่นพนักหน้ารับทันที
ทางด้านอภิชาติหน้าเหวอ โวยวายทันที
“อ้าว...ไหนว่าจะให้ฉันพูดกับคุณจักจั่นไง”
“สองคนนั่นจะมาสมทบกับเราตอนเช้า”
“อ้าว...เกิดพวกมันมารับก่อนล่ะ”
“สร้อยที่คุณดาวให้ฉันมีเครื่องบอกตำแหน่ง...คุณดาวบอกว่ารักฉัน”
“อ้าว...เฮ้ย ไม่รักแล้วจะแต่งงานกับนายทำไมวะ แค่นี้ทำเป็นซึ้งเกินเหตุ”
“ก็เพราะแต่งงานแล้วซิเพื่อน ถึงต้องซึ้ง คนแต่งงานแล้วไม่ค่อยบอกรักกันหรอก”
อภิชาติคิดๆ
“เออว่ะ...จริงของนาย เอ...ฉันจำไม่ได้ว่าหลังแต่งงาน คุณจักจั่นเคยบอกว่ารักฉันหรือเปล่า”
“เฮ้ย...คิดมากน่า เห็นเรียกแก สวีทฮาร์ท ดาร์ลิงตลอด...ไม่ใช่เหรอ”
“อืม...คนละอย่างกับคำว่ารักนี่หว่า รีบต่อโทรศัพท์ให้ ฉันเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะถามคุณจักจั่นดู”
“เฮ้ย ถามอะไรกันตอนนี้...ขับรถไป”
อภิชาติหงุดหงิด ฤทธิชัยอดขำไม่ได้ ทันใดนั้นมีเสียงตึงตึงมาจากทางกระโปรงหลังรถที่เขาจับหัวหน้ามือปืนขังไว้ อภิชาติตะโกนไป
“เงียบๆเว้ย เดี๋ยวลงไปยิงทิ้งซะหรอก”
ฤทธิชัยขำ อภิชาติเหล่แล้วขับรถไป
อภิชาติขับรถเข้ามาจอดที่โรงแรมบ้านท่ากิ่ง
“ยังเหลือเวลาให้พัก 3-4 ชั่วโมงก่อนเช้า”
ฤทธิชัยบุ้ยไปที่ท้ายรถ
“แล้วไอ้หมอนั่น”
“ให้มันนอนท้ายรถนั่นแหละ อยากเป็นผู้ร้ายก็ต้องลำบากหน่อย”
“นายเอาโทรศัพท์ของมันมาแล้วใช่มั้ย”
“แน่นอน ใครโทรมาค่อยออกมาลากคอมันขึ้นมารับสาย”
ฤทธิชัยยิ้ม
“เดี๋ยวนี้นายโหดขึ้นกว่าเดิมนะเพื่อน”
“ก็เฉพาะกับไอ้พวกเลวนี่แหละ ไปฉันง่วงแล้ว”
แต่แล้วสายตาของทั้งสองก็มองไปที่หลังรถเห็นมีรอยกระสุนอยู่เต็ม ทั้งสองค่อยๆเดินไปเปิดท้ายรถออก เห็นหัวหน้ามือปืนถูกกระสุนปืนดับไปแล้ว
“มิน่ามันถึงดิ้นโครมคราม”
ฤทธิชัยหน้าเครียด “ยุ่งแล้วซิ”
เช้าวันใหม่...อภิชาติ กับฤทธิชัย เดินมาพยุงร่างไร้วิญญาณของหัวหน้ามือปืนมา ที่ตลาดบ้านท่ากิ่ง อภิชาติยัดปืนเหน็บที่เอวของมันให้เห็นด้ามปืนโผล่มา
“แกว่าจะได้ผลเหรอวะ” อภิชาติถาม
“ก็บอกไปว่ามันถูกยิง เราเป็นลูกน้อง”
ฤทธิชัยกับอภิชาติกราดสายตาไปมา ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของหัวหน้ามือปืนดังขึ้น อภิชาติกดรับสาย...ทันใดนั้นรถตู้เข้ามาจอดพรวดตรงหน้าของทั้งสาม หน้าต่างด้านหน้าลดลง มือปืนโผล่หน้ามา
“เกิดอะไรขึ้น”
ฤทธิชัยรีบบอก
“มันถูกยิง”
“ขึ้นรถ”
ประตูรถตู้เปิด ทั้งสามขึ้นรถไป ในรถไม่มีใคร มือปืนหันมาถาม
“เหลือแค่เอ็งสามคนเหรอ”
“เออ...ไอ้สองคนนั่นฝีมือมันสูง” ฤทธิชัยบอก
มือปืนคนนั้นไม่พูดอะไรขับรถออกนอกตลาดไป ฤทธิชัยกับอภิชาติลอบสบตากันเตรียมพร้อม
รถตู้วิ่งลัดเลาะเข้ามาในป่าลึก...ในที่สุดก็จอด ตรงหน้าถ้ำลึกลับแห่งหนึ่ง มือปืนหันมาบอก
“ลง”
ฤทธิชัยทำเป็นตกใจ
“อ้าว...มันตายแล้วพี่”
“ทิ้งมันไว้บนรถ”
มือปืนลงจากรถ ฤทธิชัยกับอภิชาติลงตาม มีพวกมือปืนอีก 4-5 คนยืนระวังอยู่หน้าถ้ำ พวกมันทักทายกัน แล้วเดินผ่านพวกมือปืนเข้าไป
พวกมือปืนพาอภิชาติกับฤทธิชัยไปถึงมุมหนึ่ง มีกรงเหล็กสร้างไว้ ภายใน มีร่างของก้องเกียรติถูกมัดติดกับเก้าอี้ ปากถูกมัด อยู่ในสภาพหมดสติ มือปืนหันมาบอก
“มันพูดมาก เลยโดยอัดจนน่วม”
อภิชาติกับฤทธิชัยต่างลอบมองหน้ากันอย่างสงสัย เดินเข้าไปที่ลูกกรงกราดตามองก้องเกียรติ
“พวกเอ็งรับช่วงต่อได้เลย เดี๋ยวจะมีรถมาพาไปที่ใหม่” มือปืนออกคำสั่ง
แต่ทันใดนั้นเสียงโจก็ดังเข้ามา
“สวัสดีครับ คุณอภิชาติ คุณฤทธิชัย”
อภิชาติ กับ ฤทธิชัย หันขวับปืนอยู่ในมือเรียบร้อย โจกับมือปืนนับสิบ ยืนส่องปืนมา โจยิ้ม
“นึกว่าจะเก่ง แกสองคนหลงกลจนได้”
ฤทธิชัยกับอภิชาติต่างมองหน้ามันอย่างเคร่งเครียด
“แกสองคนไม่มีทางรอดออกไปจากที่นี่”
ฤทธิชัยกับอภิชาติกราดสายตามองพวกมัน หาทางหนี สถานการณ์คับขัน
จั่นเป็นคนขับรถโดยมีดาวนั่งอยู่ข้างๆ ตามฤทธิชัยกับอภิชาตืมาถึงที่ราวป่าห่างออกไปจากถ้ำ ทันใดนั้นสร้อยที่ห้อยอยู่ที่คอของดาวมีจุดแดงกระพริบพร้อมเสียงดังตื๊ดๆๆ
“สัญญาณอยู่ไม่ไกลจากนี่”
“จักจั่นรู้สึกว่ามันง่ายไปหน่อย ว่ามะพี่ดาวทุกครั้งที่เราจับพวกมันได้ มีแต่คนรับคำสั่ง ไม่มีใครรู้เรื่องอะไรเลย อยู่ๆมีเบาะแส ท่านรองโผล่มา”
“คิดอยู่เหมือนกัน แต่พี่เชื่อว่าคุณหนึ่งก็ต้องรู้ข้อนี้ดีนอกจากว่าพวกมันจะวางแผนได้อย่างแนบเนียน” ดาวคิดได้ “ให้สายลมช่วยดูด้วยดีกว่าเพื่อความมั่นใจ” ดาวหลับตา “สายลม”
ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้อง ร่างของสายลมปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เสียงสัญญาณดังตื๊ดๆๆ
อภิชาติกับฤทธิชัยกราดสายตามองพวกมัน โจตะคอก
“ทิ้งปืนซะ”
อภิชาติพยายามหาทางออก
“อย่าลืมว่าถ้าแกยิงพวกฉัน กระสุนก็ถูกท่านรองไปด้วย นายใหญ่แกจะไม่ว่าเอาเหรอเพื่อน”
โจยิ้มหยัน
“เสียท่านรอง แลกกับการตายของแกสองคน คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม”
ฤทธิชัยกับอภิชาติต่างมองหน้ากันแล้วยิ้ม ปืนที่ถืออยู่ในมือต่างเล็งไปที่แสกหน้าของโจ ฤทธิชัยยิ้มเหี้ยม
“อย่างน้อยก็เอาแกไปด้วย”
“ใช่ ฉันชอบคนเก่ง”
โจหน้าเสีย มันยืนนิ่งกราดสายตาไปมา...ทันใดนั้นมีเสียงสั่งดังก้องออกมา
“ยิง”
ฤทธิชัยกับอภิชาติเหนี่ยวไกกระสุนเข้าแสกหน้าโจกระเด็นหงายไป แต่แล้วพวกมันสาดกระสุนออกมาดังสนั่นหวั่นไหวกระสุนถูกร่างของอภิชาติ กับ ฤทธิชัย จนเซไปมา ร่างของก้องเกียรติที่อยู่ในห้องขังถูกกระสุนจนฟุบ
อภิชาติกับฤทธิชัยสาดกระสุนเข้าใส่พวกมันทรุดไปสองสามคนแต่ในที่สุดถูกกระสุนปืนพวกมันจนเซไปทรุดอยู่ตรงหน้ากรงขัง พวกมันสาดกระสุนไม่ยอมหยุดเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว
จุดแดงที่สร้อยคอกระพริบส่งเสียงตื๊ดๆๆๆ ทันใดนั้นเสียงหยุดลงไฟหยุดกระพริบ ดาวตกใจ
“คุณหนึ่ง”
จักจั่นจอดรถพรวด ดาวจับที่สร้อยจ้องดูหน้าเคร่งเครียด จักจั่นหันมาถาม
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ไม่ดีแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้องดังขึ้น ดาวเปิดประตูรถลงอย่างรวดเร็ว จักจั่นตามออกมาติดๆ เสียงสายลมร้องก้อง ดาวหลับตาอึดใจ ภาพของฤทธิชัยกับอภิชาติถูกยิงจนฟุบแวบเข้ามาให้เห็น ดาวลืมตาขึ้น
“แย่แล้ว”
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 3 (ต่อ)
ภายในถ้ำบ้านท่ากิ่ง...ฤทธิชัยและอภิชาติที่ถูกยิงบาดเจ็บอยู่หน้ากรงขัง สายตาพร่าพราง ขณะที่โจนอนตายรวมอยู่กับพวกมือปืนหลายคน แต่แล้ว โจอีกคนหนึ่งกับมือปืนสองคนเดินออกมาจากหลังถ้ำ ตรงมายืนที่ฤทธิชัย กับ อภิชาติ มันยิ้มเยาะหันไปมองร่างโจที่นอนตายอยู่
“แกคงนึกว่าแกเก็บฉันได้แล้วซิ ไอ้นั่นน่ะมันของปลอม แต่ฉันเป็นตัวจริงหรือเปล่าแกก็ไม่รู้”
ฤทธิชัยกัดฟันสู้กับความเจ็บปวด แค้นใจที่สุดท้ายเขาก็หลงกลพวกมันจนได้ ฤทธิชัยจ้องนิ่งหายใจแรง โจยิ้มเยาะ
“ปล่อยให้พวกมันตายที่นี่”
“แล้วคนของเราที่บาดเจ็บ”
“สงเคราะห์พวกมันหน่อยก็แล้วกัน”
โจเดินออกไป มือปืนหันไปตวัดปืนยิงใส่พวกตนเองที่บาดเจ็บอยู่ ดับไป ก่อนจะเดินตามโจออกไป ฤทธิชัยฟุบลงไปด้วยความเจ็บปวด
โจกับพวกมือปืนออกมานอกถ้ำ แต่แล้วโจก็หยุด หันกลับไปมอง
“คิดดูอีกที ระเบิดปิดปากถ้ำไปเลยดีกว่า เห็นคนตายแล้วไม่ฝังจะโหดเกินไป”
พวกลูกน้องหัวเราะชอบใจ ก่อนจะเอาลูกระเบิดมือโยนไปที่ปากถ้ำเสียงระเบิดตูมๆๆๆๆ หินพังลงมาถล่มปิดปากถ้ำโจมองอย่างสะใจ จากนั้นขึ้นรถขับกันออกไป
ดาวกับจักจั่นในชุดนางเสือ พุ่งไปตามยอดไม้อย่างรวดเร็ว กระทั่งถึงหน้าถ้ำ เสียงของสายลมร้องก้อง เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าฤทธิชัย กับอภิชาติอยู่ข้างใน ทั้งสองก้าวไปยืนตรงหน้าถ้ำ สะบัดมือออกไปข้างหน้า เป็นพลังกระแทกก้อนหินที่ปิดปากถ้ำกระจัดกระจายเปิดออก หลังจากฝุ่นจางลง สองสาวรีบพุ่งเข้าไปในถ้ำ
ทันใดนั้นมือปืนจำนวนนับสิบตีวงล้อมเข้ามาที่หน้าถ้ำ รถจิ๊ปโจพรวดเข้ามา โจยิ้มเยือกเย็น
“นางเสือ...นายใหญ่คาดไว้ไม่ผิด นางเสือต้องมีอะไรเกี่ยวพันกับไอ้สองคนนั่นจริงๆ”
หัวหน้ามือปืนแย้ง
“แต่นางเสือช่วยชาวบ้านทุกคนนะนาย”
โจตวาดทันที
“เอ็งไม่ต้องเสือก”
โจหันไปสั่งให้มือปืนเข้าไปในถ้ำ
“เก็บพวกมันเรียบร้อยเมื่อไหร่...รีบรายงานข้าทันที”
สั่งแล้ว ก็บอกให้คนขับรถขับออกไปจากบริเวณนั้น
ภายในถ้ำ...ดาวกับจักจั่นพบพวกมือปืน นอนตายระเกะระกะอยู่แล้วก็เห็นฤทธิชัยและอภิชาติ นอนอยู่หน้ากรงขัง ถูกยิงบาดเจ็บแน่นิ่งอยู่ ดาวตกใจ
“คุณหนึ่ง”
จักจั่นก็ตกใจไม่แพ้กัน
“คุณอภิชาติ”
ทั้งสองต่างวิ่งเข้าไป ดาวรีบตรวจดูฤทธิชัยแล้วใจหาย
“ลมหายใจอ่อนมาก”
จักจั่นถึงกับร้องให้ออกมา
“คุณอภิชาติ เราจะทำยังไงดีพี่ดาว เราจะทำยังไงดี”
“จักจั่นมองพี่...”
จักจั่นได้สติหยุดมองดาว
“พี่ต้องการให้เธอเข็มแข็ง...เข้าใจมั๊ย”
จักจั่นพยักหน้า น้ำตาอาบหน้า
“ท่านรองอยู่โน่น เข้าไปตรวจดูเร็วเข้าว่าตัวจริงหรือตัวปลอม”
จักจั่นตั้งสติสะบัดมือใส่ลูกกรงกระเด็นออกไปแล้วเข้าไปที่ร่างของก้องเกียรติ ดึงผ้าปิดปากค่อยๆตรวจดูหารอยหน้ากาก ในที่สุดก็ดึงหน้ากากออกมา เป็นตัวปลอม
“ตัวปลอม...ไอ้โจนั่นก็ต้องปลอม”
“มาช่วยพี่เร็วเข้า...คุณหนึ่งกับคุณอภิชาติลมหายใจแผ่วเต็มที”
จักจั่นพุ่งเข้ามา ดาวเอามือแตะหน้าอกของฤทธิชัย จักจั่นทำตามเอามือแตะที่หน้าอกของอภิชาติ
“ตั้งสมาธิ ใช้พลังให้เต็มที่ ช่วยหนักให้เป็นเบาก่อน”
ทั้งสองต่างหลับตาตั้งสมาธิ แสงเป็นสีทองที่มือของทั้งสองคนแต่แล้วเสียงสายลมร้องก้อง ดาวลืมตาหันขวับไปทางหน้าถ้ำ
“ที่แท้เป็นแผนซ้อนแผน จักจั่นอยู่ช่วยคุณหนึ่งกับคุณอภิชาติที่นี่พี่จะไปจัดการกับพวกมัน”
“จักจั่นเองค่ะ...จักจั่นจะฆ่าพวกมันให้หมด”
จักจั่นแค้นใจ พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว...”
ดาวจะห้ามแต่ไม่ทันแล้ว ดาวเอามืออีกข้างหนึ่งแตะที่หน้าอกของอภิชาติ หลับตาปล่อยพลังต่อ แสงสีทองปรากฏที่มือของดาวทั้งสองข้าง ถ่ายทอดพลังให้ทั้งสองคน
มือปืนนับสิบเคลื่อนกายเข้ามาในถ้ำอย่างช้าๆ ปืนในมือพร้อมยิง ทันใดนั้น พวกมันก็หยุดกึกเมื่อร่างของจักจั่นในชุดนางเสือ ยืนขวางทางอยู่ดวงตาเป็นประกายโหดเหี้ยม หัวหน้าตะโกนสั่งทันที
“เก็บมัน”
เหล่ามือปืนต่างสาดกระสุนเข้าใส่ จักจั่นดีดตัวไปมา ยิงแล้วแวบหาย ปรากฏตัว อีกครั้งที่ตำแหน่งของพวกมันแล้วยิงอีก พวกมือปืนส่ายปืนตามยิงกันวุ่นวาย จักจั่นแวบไปหามือปืนสองคน เพื่อนมันสาดปืนตามยิงโดนพวกมันกันเองร้องลั่น
จักจั่นจัดการพวกมันคว่ำจนหมด แล้วพุ่งตัวออกไปหน้าถ้ำ
ฤทธิชัย กับ อภิชาตที่ได้รับพลังจากดาว เริ่มขยับตัวหายใจถี่ แต่ยังอ่อนแรงดาวลืมตาขึ้นมอง
“คุณหนึ่ง...คุณอภิชาติ”
ฤทธิชัยไอออกมาเป็นเลือด หอบหายใจตายังคงหลับไม่รู้สึกตัว ไม่มีเสียงตอบแต่แล้วเสียงปืนดังแว่วเข้ามา เสียงสายลมร้องก้อง
“จักจั่น”
ดาวพะว้าพะวง ในที่สุดตัดสินใจออกไปหน้าถ้ำ
จักจั่นกราดปืนในมือสาดกระสุนไปรอบๆ เธอกำลังยิงพวกนินจา 5 คนที่โดดไปมาหลบหลีกกระสุนปืนของจักจั่นอย่างคล่องแคล่วมีฝีมือ จักจั่นกราดปืนตาม แต่ ทันใดนั้นมีเชือกตวัดมารัดที่ข้อมือของเธอทั้งสองข้างปืนหลุดกระเด็น นินจาสองคนดึงแขนของจักจั่นทั้งสองข้างไว้ อีกสามคนเคลื่อนตัวเข้ามาพร้อมดาบในมือมันเคลื่อนตัวเข้าใกล้ นินจาคนหนึ่งโดดเข้าฟัน
ดาวเข้ามาขวาง ใช้มีดสั้นรับดาบของมันเสียงดังแคร๊งสนั่น...ดาวตวัดมือกระแทกหน้าอกของนินจาคนนั้นกระเด็นออกไปร่วงกับพื้น ดาวตวัดฉับตัดเชือกที่มัดข้อมือจักจั่นขาดสะบั่น ก่อนจะสะบัดมีดไปยังนินจาอีกคนหนึ่งที่ดึงเชือกอีกข้างหนึ่งเสียงดังตึบเข้าที่ซอกคอมันตายกลางอากาศร่างกระเด็นไปไกล
จักจั่นสะบัดเชือกหลุดจากมือแล้วลุยกับอีกนินจาคนหนึ่ง ดาวลุยกับอีกสองคนที่เหลือ ติดพันกันอยู่หลายกระบวนท่า...พักหนึ่งพวกนินจาก็ดีดตัวหนีไป...ดาวกับจักจั่นแค้นลืมตัวโดตามพวกมันออกไป แต่แล้วดาวก็นึกได้
“จักจั่น คุณอภิชาติ”
จักจั่นร่อนลงมาที่เดิม ดาวบอกอย่างร้อนใจ
“เราต้องรีบแล้ว”
จักจั่นขับรถไปบนเส้นทางไปบ้านดอนเสือ ดาวนั่งด้านหน้า ร่างของฤทธิชัยกับอภิชาติถูกพิงไว้ที่เบาะหลังรัดเข็มขัดไว้เรียบร้อย ดาวพูดโทรศัพท์กับไผ่
“พี่ไผ่ คุณหนึ่ง กับคุณอภิชาติ บาดเจ็บสาหัสเตรียมรถไว้ให้พร้อม แล้วให้น้องจันมารอที่ค่ายลุงเดช”
ดาวกดวางสาย จักจั่นน้ำตานองหน้าขับรถพุ่งตะบึงไป
จันจิราถือกระเป๋าฉุกเฉิน ยืนอยู่กับป้าเนียนอย่างร้อนใจ ป้าเนียนหันไปเห็น
“มาแล้ว”
รถมอเตอร์ไซด์ของไผ่จอด
“เร็วเข้า”
จันจิรารีบมาซ้อนท้าย ไผ่พรวดออกไปทันที ป้าเนียนมองตามอย่างเป็นกังวล
“สาธุ ขอให้คุณหนึ่ง กับ คุณอภิชาติปลอดภัยด้วยเถิด”
ที่ค่ายลุงเดช...ร่างของฤทธิชัยกับอภิชาติอยู่บนท้ายรถกระบะ จันจิรารีบไปตรวจอาการอย่างรวดเร็ว ขณะที่ทุกคนยืนล้อมรถมองอย่างเป็นห่วง ครู่หนึ่ง...ดาวหันมาบอกไผ่
“พี่ไผ่ต้องไปที่ถ้ำพระภิกษุ”
ลุงเดชรีบสั่งการณ์
“เร็วเข้า...แสงจัดคนตามไป”
แสงตะโกนสั่งสมาชิกโจร
“เฮ้ย ห้าคนตามข้ามา”
ทุกคนต่างวิ่งกันวุ่นวาย ดาวกับจักจั่นรีบโดดขึ้นไปนั่งคอยดูอภิชาติและฤทธิชัยใกล้ๆกับจันจิราที่คอยซับเลือดอยู่ตามร่างกาย ไผ่ประจำที่คนขับ ลุงเดชนั่งด้านหน้าข้างๆไผ่ ส่วนแสงขึ้นรถไปกับสมาชิกโจร 5 คน รถทั้งสองคนวิ่งพรวดออกไป แม่สมพรหน้าซีดพูดไม่ออก...
ในถ้ำพระภิกษุ...ร่างของฤทธิชัยกับร่างของอภิชาติถูกวางลงบนแท่น ขณะเดียวกัน แท่งอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่เอามาจากมือของณุพันธ์ หล่นลงจากร่างกระเป๋าเสื้อของฤทธิชัยมาอยู่ตรงข้างๆร่างของทั้งสองคน...ลุงเดชเดินเข้ามาหาดาว
“ลุงกับสมาชิกโจรจะรอข้างนอก”
ดาวพยักหน้า ลุงเดชกับแสงและสมาชิกโจรเดินออกไป...ดาว จักจั่น ไผ่ จันจิรา ต่างนั่งคุกเข่าลงข้างๆแท่นที่วางร่างทั้งสอง ดาวพนมมือ
“คุณหนึ่งกับคุณอภิชาติช่วยคนดีปกป้องแผ่นดิน ถูกคนชั่วทำร้าย ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองด้วย”
ทุกคนก้มลงกราบแล้วเงยขึ้นมองร่างของฤทธิชัยกับอภิชาติที่นิ่งสงบ
ด้านหน้าถ้ำ...ลุงเดชกับแสงต่างยืนนิ่ง มองไปทางหน้าถ้ำ สมาชิกโจรกระจายกำลังกันระวังป้องกันรอบๆบรรยากาศเงียบสงบ
ที่ค่ายสำรวจ...โจจ้องที่หน้าเจอคอมพิวเตอร์แลบท็อปอยู่
“เราเก็บไอ้ฤทธิชัยกับอภิชาติเรียบร้อยตามแผนครับ”
หน้าจอเห็นเงาใบหน้าของคนๆหนึ่ง ซึ่งก็คือนายใหญ่
“แล้วนางเสือ”
โจยิ้ม
“พวกมันมาตามแผน พวกมันเกี่ยวพันกันอย่างที่ท่านบอกจริง ผมจะรีบรายงานทันทีที่ได้ผลสรุปเรียบร้อย”
“ดี”
จอดับวูบ โจยิ้ม ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น โจรับสาย
“พวกเราตายหมด...ไอ้พวกบ้า เลวมากใช้คลื่นวิทยุตามหาตำแหน่งของพวกมันแล้วส่งคนไปจัดการให้เร็วที่สุด”
โจวางสายโครม ด้วยความโมโห ที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด
ภายในถ้ำ...ดาวกับทุกคนต่างนั่งล้อมแท่นศิลาด้วยความหวัง ทันใดนั้นมีประกายสีทองปรากฏเหนือแท่นที่ร่างของฤทธิชัยและอภิชาตินอนอยู่ ทุกคนต่างถอยห่างออกมา ประกายสีทองค่อยๆขยายเป็นวงกว้างแล้วกลายเป็นม่านสีทองคลุมพื้นที่ตรงแท่นเป็นรูปสี่เหลี่ยม ทุกคนต่างมองด้วยความตื่นเต้น ทันใดนั้นก็เห็นหัวกระสุนค่อยๆลอยขึ้นมาจากร่างของทั้งสองคนอย่างช้าๆ แล้วกระจายหายไปในที่สุด ทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจ มีความหวัง จักจั่นปราดจะเข้าไปแต่ถูกม่านสีทองกระแทกกั้นไว้
“ทำไมเข้าไม่ได้”
“คงเพื่อป้องกันคุณหนึ่งกับคุณอภิชาติ จนกว่าจะปลอดภัย”
ขาดคำดาวก็ยกมือพนม ทุกคนต่างยกมือพนมตามอย่างตื่นเต้นดีใจ
ด้านนอกถ้ำ...ลุงเดชกับแสงปรึกษากันเบาๆ
“อย่าหาว่าฉันลบหลู่เลยนะ อาการสองคนนั่นหนักมากเกินกว่...”
แสงยังพูดไม่จบ ลุงเดชแทรกขึ้น
“ข้ารู้...แต่เองอย่าเพิ่งหมดหวัง ทำดีพระย่อมคุ้มครอง”
แสงพยักหน้า ลุงเดชได้แต่ถอนใจ ทั้งสองหันไปมองที่หน้าถ้ำ ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้อง เสียงสายฟ้าคำราม ลุงเดชหน้าตื่น
“สายลม...สายฟ้า...มีคนมา”
แสงสั่งการกับสมาชิกโจรทันที
“พวกเรากระจายกำลังออกไปดู”
ทันใดนั้น พวกของโจก็ล้อมเข้ามารอบตัว ลุงเดชตะโกนลั่น
“ทุกคนสะกัดไว้อย่าให้พวกมันหลุดเข้าไปในถ้ำ”
ลุงเดช แสง สมาชิกโจร ต่าง แยกย้ายกันหาที่กำบังขณะที่เสียงปืนสาดเข้ามาดังสนั่นหวั่นไหว
ภายในถ้ำ...ทั้งหมดเฝ้ารอฤทธิชัยและอภิชาติ เสียงปืนดังก้องเข้ามาจักจั่นชะงัก
“อย่าบอกนะว่าเป็นพวกมัน”
ไผ่แปลกใจ
“พวกมันมาถึงที่นี่ได้ยังไง”
“น้องจัน...อยู่คอยดู คุณหนึ่งกับคุณอภิชาติ”
ดาวพุ่งออกไป ไผ่ และ จักจั่น ตามไปติดๆ จันจิรามองตาม หันไปทางแท่นศิลา กระชากปืนมาตรวจกระสุน
หน้าทางเข้าถ้ำ...ร่างของสมาชิกโจรถูกปืนล้มลง ลุงเดช กับ แสง กำลังยิงสกัดพวกมัน พวกมันนับสิบๆแห่ล้อมกันเข้ามากระสุนถูกพวกมันล้มตายไปหลายคน แต่พวกมันมีมากกระสุนปลิวเข้ามาถูกสมาชิกโจรล้มไปสองสามคน สถานการณ์คับขัน แต่แล้วดาว จักจั่น และ ไผ่ ปรากฏ ตรงหน้า ต่างเดินบุกเข้าหา ปืนในมือเลือกยิงพวกมือปืนล้มไปทีละคน พวกมันสู้พลางถอยพลางเข้าราวป่า ทั้งหมดต่างก้าวตามไล่ยิงไป ลุงเดชกับแสง เข้าไปตรวจร่างของสมาชิกโจรที่เหลือแค่สามคนแต่ต่างก็ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส
ภายในถ้ำ...จันจิราเฝ้าระวังดูแสงสีทองครอบคลุมร่างของฤทธิชัยและอภิชาติอยู่ ทันใดนั้นเงาสามเงาแวบเข้ามา จันจิราหันขวับเป็นร่างของนินจาสามคนอยู่ตรงหน้า จันจิราตวัดปืนยิงเปรี้ยงๆๆๆ นินจาดีดตัวหลบไปมา
คนหนึ่งดีดตัวเข้ามาเตะที่ข้อมือของเธอ ปืนหลุดจากมือมันหมุนจระเข้ฟาดหางโครม ร่างของจันจิรากระเด็นเข้าไปในม่านสีทองแน่นิ่งกับพื้น...นินจาสามคนดีดตัวเข้ามาที่แท่น ที่มีม่านแสงสีทองคลุมอยู่ มันต่างมองกัน
ในราวป่า...ดาว ไผ่ จักจั่น เดินยิงกราดเข้าหาพวกมือปืน พวกมันถูกกระสุนล้มลงทีละคนสองคน
ทันใดนั้นมีระเบิดควันลงมายังร่างทั้งสามตูมๆๆๆๆ พอควันจาง ก็เห็นพวกนินจานับสิบรายล้อม ทั้งสามไว้ ส่วนพวกมือปืนถอยหายเข้าป่าไปจนหมด ไผ่กวาดตามอง
“โห...มากันมากแบบนี้...ทุ่มทุนน่าดู”
“อย่าให้พวกมันรอดไปได้แม้แต่คนเดียว” ดาวบอกเสียงเข้ม
จักจั่นพยักหน้า
“แน่นอนที่สุด”
“งั้นขอลุยก่อน”
ไผ่พุ่งตัวออกไปหาพวกมัน...ทันใดนั้นพวกนินจาแปรขบวน แยกย้ายกันล้อม ทั้งสามคนไว้ เป็น สี่ต่อหนึ่ง
ภายในถ้ำ...นินจาสามคนกำลังจ้องร่างที่อยู่ในม่านแสงสีทอง เห็นร่างของฤทธิชัยกับอภิชาตินอนอยู่บนแท่น ส่วนร่างของจันจิรานอนสลบอยู่ข้างๆแท่น มันมองหน้ากันอีกครั้งแล้วพุ่งเข้าไป แต่แล้วพวกมันก็ต้องกระเด็นออกมาคลุกฝุ่นอยู่กับพื้นเพราะถูกม่านสีทองสกัดไว้...พวกนินจาดีดตัวลุกขึ้น ต่างยกนิ้วชี้และนิ้วกลางแตะที่ดาบ ท่องมนต์อยู่อึดใจแล้วเดินเข้าหาม่านสีทอง ก่อนจะยกดาบฟันม่านสีทองเสียงดังตึ้มๆๆ ม่านสีทองสะท้านเป็นรอยร้าว พวกมันระดมฟันอย่างไม่ยั้ง ม่านสีทองเริ่มสะเทือนหนักขึ้น แต่แล้ว เสียงลุงเดชดังขึ้น
“เฮ้ย...”
พวกนินจาหันกลับมา ลุงเดชกับแสงยืนอยู่มีปืนลูกซองในมือส่องมาที่พวกมัน แสงคำราม
“มากไปแล้วเพื่อน”
ทั้งสองสาดกระสุนเข้าใส่มันตูมๆๆๆ พวกมันตวัดดาบแล้วพุ่งแวบไปมาอย่างรวดเร็ว นินจาพุ่งเข้ามาหาลุงเดชและแสง มันตวัดดาบเข้าใส่ ลุงเดชกับแสงต่างยกปืนต้านต่อสู้กับพวกมัน แต่แล้วแค่อึดใจผ่านไปลุงเดช กับ แสง ก็เสียเปรียบ ถอยกรูด
ทั้งสองรีบถอยห่างออกมาพวกนินจาขยับตัวล้อมเข้าไป
ในราวป่า...ดาว จักจั่น ไผ่ ต่อสู้กับพวกนินจาแบบสี่ต่อหนึ่งอย่างดุเดือด จังหวะหนึ่งดาวสะบัดมือปล่อยพลังมันกระเด็นออกไป แต่แล้วมันแวบกลับเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว ล้อมเอาไว้
“ทุกคนระวัง พวกมันส่งคนมีฝีมือมาอีกขั้นหนึ่ง”
“ทราบแล้วเปลี่ยน”
“งั้นขอลองก่อน”
ไผ่โดดเข้าหาพวกมันอีก...ดาว จักจั่น ไผ่ สามคนต่อสู้เคลื่อนไหวอยู่ในวงล้อมของพวกนินจาที่เก่งขึ้นการโต้ตอบมีมากขึ้น ยากที่จะล้มเหมือนที่ผ่านมา
ภายในถ้ำ...ลุงเดช กับ แสง ต่างถือปืนในลักษณะอาวุธ เพราะกระสุนหมด ยืนคู่กันเตรียมรับพวกนินจาสามคนที่มีฝีมือเหนือกว่า พวกนินจาสะบัดดาบไปมาพร้อมกัน แล้วพุ่งเข้าฟันพร้อมกัน ลุงเดชกับแสงตวัดปืนสกัดออกไปเสียงดังตึบๆ ร่างของพวกนินจาสามคนกระเด็นไปกลิ้งที่พื้น แต่พวกมันก็ดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นสายตาของพวกนินจาถึงชะงักอึ้ง เพราะตรงหน้าของพวกมันคือ ร่างของฤทธิชัย กับ อภิชาติ ที่ยืนยิ้มอยู่ ลุงเดชกับแสงยืนอยู่ทางด้านหลัง อภิชาติกวาดสายตามองพวกนินจา
“พวกเองก็มาก่อกวนหนวกหูอะไรแถวนี้...”
ฤทธิชัยมองหยัน
“ทางที่ดี ต้องส่งไปอบรมซะหน่อย”
“ในนรก...เหมาะที่สุด”
ฤทธิชัยหันไปหาลุงเดชกับแสง
“ฝาก ลุงเดช กับ ลุงแสงไปดูคุณจันจิราดีกว่าครับ ทางนี้พวกเราจัดการเอง”
ลุงเดชกับแสงถอยไปที่ร่างของจันจิราที่เพิ่งได้สติขยับตัวลุกขึ้นมา ฤทธิชัยกับ อภิชาติแยกห่างกันพร้อมตั้งรับ...พวกมันคำราม นินจาคนหนึ่งโดดเข้าฟัน ฤทธิชัยหลบวืด เตะโครมเข้าให้ มันกระเด็นไปไกลจนกระแทกผนังถ้ำ ดังโครม อภิชาติตะลึง
“โว่ว...ไปกินอะไรมาวะเพื่อน”
“ไม่รู้เหมือนกันเพื่อน”
นินจาทนทายาทมันดีดตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว อภิชาติอึ้งๆ
“เฮ้ย...ท่าทางพวกมันเป็นรุ่นปรับปรุงใหม่”
พวกนินจาโดดเข้ารุมล้อมทั้งสอง จันจิรามองอย่างแปลกใจไม่หาย
“เป็นไปได้ยังไง สองคนนั่นลุกขึ้นมาได้ยังไง”
ในราวป่า...จักจั่นก้มหลบวูบแล้วหมุนตัวตบเปรี้ยงเข้าให้ นินจากระเด็นออกไป แต่แล้วมันก็แวบกับมาใหม่พลางตีวงล้อมไว้แน่นหนาเหมือนเดิม พวกมันแปรขบวนล้อมสามคนเอาไว้ เป็นกลุ่มสี่ต่อหนึ่งอย่างเดิม ดาวกราดสายตามองพวกมันพึมพำเบาๆ
“ที่แท้มันคิดถ่วงเวลาพวกเรา...พี่ไผ่ จักจั่น แหกวงล้อมพวกมันกลับไปที่ถ้ำเร็วที่สุด”
ดาวพูดจบก็ตวัดบุกเข้าหาพวกนินจาคนหนึ่ง มันฟันฉับ ดาวเอามือซ้ายตวัดมีดสั้นรับมีด ส่วนมือขวากระแทกหน้าอกนินจาโครมกระเด็นไปทรุดที่พื้นกระอักเลือดออกมา ดาวกราดสายตาหันไปมองนินจาสามคนที่เหลือ...จักจั่นตวัดปืนยิงใส่นินจาคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาพร้อมหันกลับมาเอาฝ่ามือกระแทก นินจาอีกคนที่เงื้อดาบหมายฟันกระเด็นออกไป
ไผ่จระเข้ฟาดหางนินจาคนหนึ่งกระเด็นไปแล้วหันไปสะบัดมีดใส่อีกคนหนึ่งเข้าที่ซอกคอเสียงดังตึบมันทรุด...ทันใดนั้นพวกนินจาก็ดีดตัวถอยไปพร้อมกัน แล้วพุ่งหายเข้าไปในแนวป่า ดาวรีบบอก
“ถ้ำ...เร็วเข้า”
ดาวพุ่งออกไปก่อน ไผ่กับจักจั่นตามไปติดๆ
ภายในถ้ำ...นินจาคนหนึ่งฟันฉับเข้ามา ฤทธิชัยเอามือประกบกันรับดาบของมันไว้ได้แล้วปัดออกข้างก่อนจะยันเท้าโครมใส่มันปลิวออกไป แต่ดาบของมันยังอยู่กับเขา ฤทธิชัยตวัดดาบขึ้นสูงแล้วคว้าด้ามไว้ พร้อมรับดาบของนินจาอีกคนหนึ่งที่ฟันเข้ามาพอดีเสียงดังสนั่น ฤทธิชัยดันดาบมันขึ้นสูงแล้วตวัดดาบผ่านลำตัว นินจาคนนั้นร้องลั่นแล้วทรุดลง
อภิชาติเตะนินจาที่เหลือกระเด็นออกไปที่พื้น แต่นินจาดีดตัวขึ้นมาใหม่ หันไปมองเพื่อนมันอีกคนหนึ่งที่เหลือ ในที่สุดมันสองคนต่างถอยแล้วพรวดออกจากถ้ำไป ฤทธิชัยหันไปถาม
“ลุงเดช ลุงแสง เกิดอะไรขึ้นครับ”
อภิชาติยังงงๆ
“แล้วคุณจัน ลุงเดชกับลุงแสงมาที่นี่ได้ยังไง”
ลุงเดชกับแสงได้แต่มองสำรวจทั้งสองอย่างไม่เชื่อสายตา
นอกถ้ำ...ร่างของนินจาสองคนพุ่งออกมาจากถ้ำ พรวดเข้าราวป่า แต่แล้วเงาสีเงินสองเล่มลอยเข้าหามันอย่างรวดเร็ว เพราะว่าพวกมันกำลังลอยตัวอยู่ไม่มีทางหลบพ้น ร่างของพวกมันร่วงลงกับพื้นแน่นิ่งไป ดาว จักจั่น ไผ่ ร่อนลงมา
“โชคดีเรากลับมาทัน...คิดไม่ถึงว่ามันจะส่งคน ตามมาเล่นงานเราถึงนี่”
จักจั่นนึกได้
“คุณอภิชาติ คุณหนึ่ง”
ทั้งสามคนรีบเข้าไปดูในถ้ำ...
ภายในถ้ำ...จันจิรากับลุงแสง มอง ฤทธิชัย กับ อภิชาติ สำรวจไปทั่วอย่างไม่เชื่อสายตา
“คุณหนึ่งกับคุณอภิชาติหายแล้ว”
ฤทธิชัยไม่เข้าใจ
“เราสองคนเป็นอะไรเหรอครับ”
ขณะเดียวกัน ดาว กับ จักจั่นมาถึง
“คุณอภิชาติ”
จักจั่นพรวดเข้ามากอดอภิชาติซบหน้าที่อกสะอื้นเบาๆ อภิชาติกอดจักจั่นไว้ในอ้อมแขน
“โอ๋...โอ๋ ดาร์ลิง...ใครรังแกบอก เดี๋ยวผมตืบมันเอง”
จักจั่นยิ้มทั้งน้ำตากอดซบที่อกของเขา ลุงเดช แสง จันจิราต่างยิ้มกับภาพตรงหน้า ไผ่เดินเข้ามาเอามือโอบจันจิราอย่างโล่งใจที่เห็นทุกคนปลอดภัย บรรยากาศสดชื่นมีความสุข ดาวเดินเข้ามาหาฤทธิชัยน้ำตาซึมด้วยความดีใจ ฤทธิชัยยิ้มให้
“คุณดาวมาได้ยังไง”
“คุณหนึ่งจำไม่ได้...”
ฤทธิชัยยิ้ม
“ทำไมจะจำไม่ได้ ผมเป็นคนบอกคุณเองว่าผมจะมาช่วยท่านรอง”
ดาวยิ้มทั้งน้ำตา แต่แล้วดาวสีหน้าก็เปลี่ยนไป
“ใช่แล้วพวกมัน...”
ดาวปราดไปที่แท่นศิลา เห็นเครื่องบันทึกข้อมูลจิ๋วที่ตกออกจากตัวของฤทธิชัยวางอยู่ที่พื้น ดาวหยิบมาชูให้ดู
“พวกมันตามมาได้เพราะไอ้นี่”
“เครื่องบันทึกจิ๋วที่ผมได้มาจากนายณุพันธ์ ที่แท้เป็นเครื่องวิทยุบอกตำแหน่ง”
อภิชาติแปลกใจ
“มีพวกมันตามมาอีกเหรอครับ”
ดาวกำมือจนเครื่องบันทึกแหลกแล้วยิ้ม
“ไม่มีแล้วค่ะ”
ลุงเดชยิ้มโล่งใจ
“ลุงว่าพวกเรากลับไปคุยกันที่ค่ายดีกว่า”
“นั่นน่ะซิครับ ผมเริ่มจะหิวแล้ว”
ทุกคนต่างยิ้มที่ฤทธิชัยกับอภิชาติปลอดภัยในที่สุด สามคู่ต่างโอบเดินกันออกไป เหลือลุงเดชกับแสงยืนมองตาม
“เห็นหรือยังไอ้แสง ข้าบอกเอ็งแล้วคนดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องคุ้มครอง”
แสงยิ้ม “อืม”
ลุงเดชเดินออกไป แสงได้แต่ส่ายหน้ายังไม่เชื่อตาตัวเองแล้วเดินออกไป
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 3 (ต่อ)
ที่ค่ายสำรวจ...โจกำลังตรวจเช็คอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ มือปืนเข้ามารายงาน
“สัญญาณของพวกมันหายไปแล้วครับ นาย”
โจเงยหน้าขึ้นหน้าเคร่งเครียด
“ข้าไม่สนเรื่องสัญญาณ ตกลงพวกมันทำงานสำเร็จหรือเปล่า พวกนางเสือตายหรือเปล่า”
“ยังไม่มีรายงานเข้ามาครับ”
“เอ็งรีบออกไปก่อนที่ข้าจะยิงเอ็งทิ้ง”
มือปืนรีบลนลานออกไป โจหยิบแก้วกาแฟบนโต๊ะขว้างตามหลังมันไปอย่างเสียอารมณ์
ค่ายสมาชิกโจร...ร่างของสมาชิกโจรที่เสียชีวิตถูกวางลงตรงลานหน้าค่าย ทุกคนต่างหน้าเศร้าสลด ดาวพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ศัตรูกล้าแข็งขึ้นทุกวัน เราต้องสูญเสียพี่น้องสมาชิกไปมากแล้ว...ดาวอยากให้ทุกคนถอนตัว ก่อนที่จะสายเกินไป”
เสียงสมาชิกโจรพึมพำ ทุกคนต่างมีท่าทีแค้นใจ สมาชิกโจรคนหนึ่งตะโกนขึ้น
“เราไม่ยอมถอนตัว เราจะสู้เพื่อกำจัดคนชั่วไปจากแผ่นดิน”
สมาชิกโจรอีกคนเสริม
“ไม่ให้เลือดพี่น้องเราต้องเสียเปล่า”
เสียงโห่ร้องดังขึ้น ลุงเดชก้าวออกมา
“หนูดาวเพียงแต่เป็นห่วงทุกคนเท่านั้น เอาล่ะใครจะสมัครใจอยู่ก็อยู่ ใครจะถอนตัวก็ไม่เป็นไร”
เสียงสมาชิกโจรต่างโห่ร้อง ดาว จักจั่น ไผ่ จันจิรา ต่างยิ้มด้วยความตื้นตันใจแสงหันไปบอกสมาชิกโจร
“เอาล่ะแยกย้ายกันได้”
ทุกคนต่างแยกย้าย ลุงเดช เข้ามาคุยกับดาว
“ไอ้นินจาสองคนที่บุกเข้าไปในถ้ำมันหนีไปได้...ป่านนี้พวกมันต้องรู้ว่าคุณฤทธิชัย กับ คุณอภิชาติ ยังไม่ตาย”
ดาวยิ้ม
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พวกมันออกมาเจอกับพวกเราพอดี...ดาวจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ลุงเดชยิ้มพยักหน้าอย่างพอใจ
แสงเดินมาที่พวกสมาชิกโจรชุมนุมคุยกันอยู่ สามสี่คน
“ไอ้ผันมานี่”
ผันเดินเข้ามาหา
“เอ็งเอาเงินที่ยึดมาจากพวกมัน ไปแจกจ่ายให้ครอบครัวลูกเมียของพี่น้องที่สูญเสีย แล้วคอยดูแลให้ดีอย่าให้ลำบาก”
“ครับพี่”
ผันเดินออกไป แม่สมพรเดินเข้ามายืนกับแสงถอนใจ
“พี่แสง”
“อย่าขอร้องให้ฉันถอนตัวเลย แม่สมพร ฉันจะช่วยลูกกวาดล้างคนชั่วออกไปจากแผ่นดินให้หมด”
แม่สมพรยิ้ม
“ฉันจะบอกว่าถ้าพี่แสงถอนตัว ถูกฉันเล่นงานแน่ พี่แสงไม่ต้องห่วงฉัน พี่แสงส่งพวกชั่วลงนรกให้หมด”
แสงอึ้งคาดไม่ถึง
“แม่สมพร เป็นครูเขาพูดแบบนี้ได้เหรอ”
“กับไอ้พวกนี้ ฉันว่ายังน้อยไป”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน แสงโอบแม่สมพรแล้วเดินออกไป
ค่ำคืนนั้น...ดาวกับฤทธิชัยอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันที่ระเบียงบ้าน ดาวเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง...
“ที่แท้เรื่องเป็นแบบนี้เอง” ฤทธิชัยถอนใจ “ผมจำได้แล้ว...ณ วินาทีนั้น ผมแค้นใจที่ไม่สามารถกำจัดคนชั่วให้พ้นจากแผ่นดินได้หมด แล้วก็ใจหายเพราะห่วงคุณดาว”
“ดาวรู้ว่าคุณหนึ่งรักดาว แต่ถ้าวันหนึ่งคุณหนึ่งต้องจากดาวไป ดาวจะไม่เสียใจแต่ดาวจะภูมิใจในสิ่งที่คุณหนึ่งกระทำและสุขใจในความรักของคุณหนึ่งที่มีต่อดาว”
“แต่ผม...”
“ไม่มีแต่ค่ะ...เช่นกัน ถ้าดาวเป็นอะไรไป ดาวไม่อยากให้คุณหนึ่งเสียใจ ดาวอยากให้คุณหนึ่งสุขใจในความรักของดาว และภูมิใจในสิ่งที่ดาวกระทำคือกำจัดคนชั่วให้พ้นจากแผ่นดิน”
ฤทธิชัยจ้องมองดาวอย่างลึกซึ้ง ตื้นตันใจ ไม่มีคำพูดใดๆ ในที่สุดชายหนุ่มก็ก้มลงจูบที่หน้าผากหญิงสาวด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง
อภิชาติกับจักจั่นอยู่ในห้องนอน ทั้งสองนอนคุยกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น...
“หมายความว่าผมกับนายหนึ่งอาจจะมีพลังนางเสือ เหมือนกับคุณกับคุณดาว”
จักจั่นพยักหน้า
“จักจั่น พี่ดาว แล้วก็พี่ไผ่ตอนได้รับพร ก็มีแสงสีทองปกคลุมร่างกายเหมือนกัน”
“แล้วผมจะแน่ใจแค่ไหนว่ามีพลังหรือไม่มี”
“พรุ่งนี้เราจะไปทดสอบกัน”
“เยส...”
อภิชาติยิ้ม จักจั่นมองอย่างแปลกใจ
“ยิ้มอะไรคะ”
“แค่คิดเล่นๆ มีพลังแบบนี้ ถ้าผมกับคุณทะเลาะกันบ้านคงพังเละแน่”
จักจั่นหน้าหงิก
“อ๋อคิดจะหือเหรอ”
“เฮ่...เปล่าจ้ะ...คุณนี่ยิ่งดุยิ่งสวย...ขอหอมหน่อยนะ”
อภิชาติหอมฟอดเข้าให้ จักจั่นหน้างอแต่แล้วก็ยิ้มออกมา อภิชาติกอด แน่นขึ้น
“ยังไงผมก็ยอมคุณทุกอย่างอยู่แล้ว สวีทฮาร์ท”
“จริงนะ”
“จริงซิครับ”
อภิชาติกอดแล้วหอมแก้มจักจั่น ทันใดนั้นไฟดับวูบ มืดสนิท ได้ยินแต่เสียงสองคนคุยกัน
“เกิดอะไรขึ้น”
“ใจเย็นครับ...ผมแค่ลองใช้พลังดับไฟดู”
“อ๋อ...อุ๊ย...คุณชาติอะ...”
ทั้งสองคนหัวเราะให้กันอย่างขำๆ
เช้าวันใหม่...ไผ่กับจันจิราจูงกันลงมาจากบ้านเจอป้าเนียนพอดี
“สองคนนี่ตื่นแต่เช้า...จะไปไหนกันจ๊ะ”
“จะไปดูการทดสอบพลังของคุณหนึ่งกับคุณอภิชาติจ้ะ”
ป้าเนียนถอนใจ
“เฮ้อ...โล่งอกไปที คุณหนึ่งกับคุณอภิชาติปลอดภัย”
“ไป...ผมไปส่งป้าเนียนที่อนามัยก่อน”
ป้าเนียนยิ้มรับ
“ขอบใจจ้ะ”
ทั้งหมดเดินไปขึ้นรถ แล้วออกจากบ้านไป
ไผ่ขับรถมาจอดใต้ต้นไม้ แล้วลงรถมากับจันจิรา เดินไปยังลานกว้างที่มีต้นไม้อยู่รอบๆ ทั้งสองเห็น ดาวยืนอยู่กลางลาน ตรงหน้าของฤทธิชัยกับอภิชาติ ส่วนลุงเดช แสง จักจั่น ยืนมองอยู่ห่างออกไป
ไผ่กับจันจิราเดินเข้าไปยืนกับลุงเดช และ แสง มองดู ทั้งสามคนที่ลานกว้าง...
“ท่าทาง จะสนุกแน่”
ดาวบอกกับสองหนุ่ม...
“แค่ตั้งสมาธิ แล้วทำตามดาวนะจ๊ะ ทั้งสองคนเลย”
ดาวกางมือขึ้น ร่างของเธอค่อยๆลอยขึ้นช้าๆ ครู่หนึ่งก็ลอยลงมาที่พื้นอย่างเดิม ฤทธิชัยกับอภิชาติตั้งสมาธิ ครู่หนึ่งร่างของทั้งสองคนค่อยๆลอยขึ้นอย่างช้าๆแต่แล้วก็ตกแอกลงมาต่างเซเล็กน้อย
“ใจเย็นๆค่ะ...ลองใหม่อีกค่ะ”
ทั้งคู่ตั้งสมาธิใหม่ แล้วร่างก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ ดาวยิ้ม
“ดีค่ะ...คราวนี้ค่อยๆบังคับให้ลงช้าๆ”
ร่างของฤทธิชัยกับอภิชาติค่อยๆลอยลงมาอย่างช้าๆ จนถึงพื้น ดาวพอใจมาก
“ดาวเชื่อว่าคุณสองคนได้พรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับพวกเราแล้วค่ะ เหลือแค่ตั้งสมาธิและใช้พลังออกมาตามที่สมองสั่งการเท่านั้น”
“แบบนี้เหรอครับ”
ขาดคำร่างของอภิชาติแวบหายไปโผล่ตรงหน้าของจักจั่น
“ฮัลโหล”
จักจั่นตกใจสะบัดมือออกไปกระแทกอภิชาติลอยไปตกห่างออกไปกระแทกพื้นดังโครม จักจั่นหน้าตื่น
“คุณอภิชาติ”
จักจั่นพรวดไปหาอภิชาต ประคองให้หนุนตักแล้วเขย่าตัว
“คุณอภิชาติ...จักจั่นขอโทษค่ะ”
ทุกคนวิ่งตามกันเข้ามาดูล้อมวงรอบ ฤทธิชัยขำๆ
“นายอภิชาติ มันสำออยน่ะครับ คุณจักจั่น”
อภิชาติลืมตาขึ้น
“ไอ้คุณหนึ่ง ขัดจังหวะความสุขนะเพื่อน”
จักจั่นยิ้มออก
“ไม่เป็นไรนะคะ”
อภิชาติยิ้มตอบ
“ไม่เป็นไรครับ ผมมีพลังซุปเปอร์แล้วนี่...เย้”
ทุกคนต่างพากันยิ้มพอใจ
ที่ห้องทำงานของโจ...จอคอมพิวเตอร์ มีรูปเงาของนายใหญ่นั่งอยู่
“เอ้อ...พวกเราล้มเหลวในการกำจัดนางเสือครับท่าน” โจเสียงอ่อย
“ท่านเลือกเอา ถ้านางเสืออยู่ท่านก็ต้องไป”
“เอ้อ...คือ...ผมจะเตือน ท่าน คายามัง ให้เร่งมือขึ้นอีกครับท่าน”
คอมดับ โจถอนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วสั่งลูกน้อง
“เตรียม เฮลิคอปเตอร์ ให้พร้อม”
ในถ้ำหลังกำแพงมนต์...คายามัง นั่งสมาธิเหงื่อแตก ตรงหน้าคือ รูปปั้นของนางงูเก็งกองขนาดสูงประมาณ 30 เซ็นต์ ตั้งอยู่ตรงหน้า เลยไปจากรูปปั้น เป็นแท่นศิลา มีร่างของสาวสวยอายุประมาณ 20 นอนอยู่ มือและเท้าทั้งสองข้างถูกมัดตรึงอยู่กับแท่น
คายามังท่องมนต์ ทันใดนั้นมีแสงจากรูปปั้นลอย เข้าร่างของหญิงสาวที่อยู่บนแท่นอย่างช้าๆ หญิงสาวดิ้นร้องไปมาเสียงดัง ในที่สุดก็เงียบไป แสงรางๆจากรูปปั้นจางหายไป ขณะเดียวกันนั้นโจเดินเข้ามาที่แท่นศิลา คายามังลืมตาลุกขึ้นเดินมาที่แท่น
“เหลวอีกเช่นเคย...ทำไม” โจถามเสียงเครียด
“วิญญาณนางงูเก็งกองไม่ชอบร่างที่ได้มา”
“อาจารย์อยากได้ร่างผู้หญิงผมก็หามาให้ ตอนนี้มาอ้างโน่นอ้างนี่”
“ยังสวยและสาวไม่พอ ในอดีตนางงูเก็งกองเป็นคนสาวและสวย ต้องหาร่างที่สาวและสวยมากกว่านี้”
“บ้าที่สุด...นายใหญ่ ไม่พอใจมาก” โจ มองรูปปั้นอย่างเสียอารมณ์ “ท่านแน่ใจเหรอว่า ไอ้รูปปั้นบ้าบอนี่จะได้ผล”
คายามังยิ้ม
“ท่านไม่รู้อะไร...นี่คือหุ่นปลุกเสกของนางงูเก็งกองของโบราณกว่าร้อยปี พลังอำนาจมหาศาล ถ้าเราทำสำเร็จ นางเสือไม่มีทางต้านได้”
“งั้นก็รีบทำให้สำเร็จ ก่อนที่หัวของอาจารย์กับผมจะขาดซะก่อน”
“เราต้องหาผู้หญิงมาอีก”
โจพยักหน้า มองหญิงสาวที่แน่นิ่งอยู่บนแท่นศิลาแล้วถอนใจ...
ในราวป่าใกล้ๆค่ายสำรวจ ลุงเดช แสง และสมาชิกโจร ซุ่มตรวจสอบสถานการณ์อยู่ แล้วก็เห็นรถบรรทุกขนไม้ออกมาจากราวป่า ทางด้านหลังค่าย ลุงเดชพูดขึ้นเบาๆ
“พวกมันกำลังขนไม้ออกไป เราต้องสกัดมัน”
“แต่พวกมันมีสัมปทานถูกต้องตามกฎหมายนะลุงเดช” แสงแย้ง
“แล้วเอ็งถูกต้องตามกฎหมายเหรอ...รีบไปจัดการกับพวกมัน”
แสงโบกมือให้สัญญาณ สมาชิกโจรต่างเคลื่อนขบวนออกไป
ลุงเดช แสง และสมาชิกโจรอยู่ในราวป่า แสงกวาดตามอง
“ยุ่งละซิ พวกมันมีเจ้าหน้าที่คุมมาด้วย”
ทุกคนมองไปเห็นรถขนไม้ มีรถจิ๊ปเจ้าหน้าที่คุมมาด้วย 5 คน
“หนูดาวบอกว่าอย่าทำร้ายเจ้าหน้าที่” แสงบอก
ลุงเดชหนักใจ
“งั้นเราก็จัดการแค่รถขนไม้ของพวกมัน เตือนเจ้าหน้าที่ก่อน”
“พวกเอ็งตามข้ามา”
แสงกับสมาชิกโจรเคลื่อนตัวออกไป ลุงเดชมองตาม
รถจิ๊ปของเจ้าหน้าที่นำขบวนรถขนไม้มา ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ยกมือให้ขบวนหยุด เพราะตรงหน้าคือ แสง ที่คาดผ้าปิดหน้ายืนอยู่ แสงยกมือชี้ไปในราวป่า เจ้าหน้าที่หันไปก็เห็น สมาชิกโจรสองคน ที่บ่าแบกเครื่องยิง อาร์ พี จี อยู่
“เจ้าหน้าที่กรุณาเคลื่อนรถออกไป”
คนขับรีบขับรถออกห่างจากรถขนไม้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่สมาชิกโจรยิงจรวดออกมาสองลูก พุ่งเข้าใส่รถบรรทุกไม้ เจ้าหน้าที่ต่างกระโดดลงจากรถจิ๊ป จรวดถูกรถบรรทุกไม้ระเบิดตูม ลุงเดชที่อยู่ในราวป่ากับสมาชิกโจรที่เหลือมองอย่างพอใจ
“ทุกคนถอย”
รถของสัตยากับรถจิ๊ป บรรทุกเจ้าหน้าที่ 5 นายวิ่งเข้ามาในบริเวณค่ายอาสาแล้วจอด สัตยาก้าวลงมาจากรถพร้อมเจ้าหน้าที่ ชายค่ายอาสาเดินเข้ามาทักทาย
“ค่ายอาสายินดีต้อนรับ”
“ขอพบคุณดาว หรือไม่ก็คุณจักจั่น”
ชายค่ายอาสาพยักหน้า แล้วเดินออกไป สัตยากราดสายตามองรอบๆ ทันใดนั้น เสียงดาวดังขึ้น
“มีธุระอะไรมิทราบ”
สัตยาหันกลับไปก็พบดาวกับจักจั่นยืนอยู่
“คิดผิดหรือเปล่าที่มาถึงที่นี่” จักจั่นมองหยัน
สัตยายิ้มกวนๆ
“คุณก็รู้ว่าผมต้องมาสอบถามเกี่ยวกับคุณฤทธิชัย และ คุณอภิชาติ”
ดาวยิ้ม
“ไม่เกี่ยวกันแล้วค่ะ”
จักจั่นเสริม
“แล้วก็ไม่สนด้วย”
สัตยายิ้มหยัน
“อย่ามาลูกไม้กับผม สามีหายไปทั้งคนพวกคุณไม่สนใจได้ยังไง”
ดาวมองหน้า
“ได้ซิคะ...เพราะเราหย่ากันแล้ว”
“ใช่หย่ากันแล้ว” จักจั่นเสริมอีก
สัตยาไม่ค่อยพอใจ
“เฮอะ อยู่ๆก็เอาเรื่องหย่ามาอ้างปัดเรื่องให้พ้นตัว ใครๆก็รู้ว่าไม่จริง คุณคิดว่าพวกเราโง่หรือไง”
ดาวยิ้มกวนๆ
“นี่คุณ...เดี๋ยวนี้แค่หมอดูทักว่าให้หย่า ก็หย่ากันได้แล้วไม่ผิดกฎหมาย...ไม่เกี่ยวกับเรื่องอะไรทั้งนั้น”
จักจั่นตัดบท
“จบเรื่องแล้ว ออกไปได้...นอกจากว่าคุณจะมาสมัครเป็นชาวค่ายคอยจับตาดูพวกคนทำชั่ว...พวกคนตัดไม้ทำลายป่าแถวนี้”
สัตยาพูดไม่ออก...โบกมือให้ทุกคนขึ้นรถแล้วเคลื่อนขบวนออกไป ดาวกับจักจั่นต่างมองหน้ากัน ต่างยิ้มให้กัน
“พวกมันคงแค้นน่าดู”
“ไว้รอให้นางเสือถล่มค่ายของพวกมันก่อน พวกมันจะต้องแค้นมากกว่านี้”
ดาวยิ้มเยือกเย็น
ทั้งหมดเดินเข้ามาในเซฟเฮ้าส์ของดาว อภิชาตพูดขึ้นทันที...
“เห็นมั๊ยคุณดาวก็มีเซฟเฮ้าส์”
จักจั่นเหล่ๆ
“เหรอ...แต่ไม่เหมือนกับของคุณหรอก”
อภิชาติรีบเฉไป
“โอเค...ยอม...ไปดูข่าวดีกว่า”
ดาวกับฤทธิชัยต่างยิ้มขำ อภิชาติเดินไปกดเปิดทีวี
“ดูซิเรื่องนายณุพันธ์ไปถึงไหนแล้ว”
ที่จอทีวี นักข่าวหญิงกำลังอ่านข่าว...
“พบร่างของนายณุพันธ์ นามมงคลดีเสียชีวิต อยู่ในบ้านสวน ผู้กองสัตยาสันนิษฐานว่าเป็นอดีตนายตำรวจพิเศษนายฤทธิชัยกับนายอภิชาติ ร่วมมือกันสังหารนายณุพันธ์ เพื่อปกปิดความผิดเรื่องสัมปทานโครงการต่างๆของรัฐบาล ที่ตนเองมีส่วนพัวพันกับท่านรองก้องเกียรติ ที่หลบหนีอยู่ในขณะนี้”
อภิชาติปิดทีวี บ่นอย่างแค้นๆ
“นายสัตยานี่โกหกเป็นไฟ”
ฤทธิชัยหน้าเครียด
“พวกมันได้เปรียบ มันคุมไว้หมดทุกด้าน ทั้งสื่อ ทั้งองค์กรการเงิน ส่งออก และบุคคลเกือบทุกภาคส่วน”
“มีทางเดียวที่จะโค่นพวกมันได้ เราต้องหาตัวท่านรองก้องเกียรติ...คณะกรรมการและรัฐมนตรีตัวจริงให้พบเพื่อเปิดโปงทำลายพวกมันให้เร็วที่สุด”
อภิชาตบอก ฤทธิชัยเสริม...
“เมื่อนั้นการอนุมัติทุกอย่างก็จะถือว่าเป็นโมฆะ ยกเลิกหมด”
จักจั่นคิดๆหนักใจ
“แต่กว่าจะหาคนพวกนั้นเจอ...ก็อาจจะสายเกินไป”
ดาวขัดขึ้น
“ไม่หรอก...ถ้าถล่มค่ายของพวกมันสกัดกั้นการทำงานของพวกมันทุกอย่าง วิธีนี้พอจะถ่วงเวลาได้บ้าง”
ฤทธิชัยถอนใจอย่างหนักใจ
“ผมแค่หวังว่าคนพวกนั้นยังมีชีวิตอยู่”
ทุกคนต่างหน้าเคร่งเครียดกังวล
ในถ้ำหลังกำแพงมนต์...พวกมือปืนยืนระวังกันตามจุด มีพวกนินจาเดินกันไปมา สามสี่คน มือปืนคนหนึ่งเดินมาที่กรงที่คุมขังก้องเกียรติ อีกคนหนึ่งเดินออกไปเพื่อเปลี่ยนเวรกัน ขณะเดียวกันนั้นนายใหญ่ซึ่งปลอมตัวเป็นฤทธิชัยเดินมาที่ลูกกรง
“ไงท่านรอง สบายดี”
“ผมว่าคุณเป็นคนบ้า หลงใหลในผลงานของตัวเอง วันๆเอาแต่ปลอมตัวเป็นคนโน้นคนนี้”
นายใหญ่ยิ้มหยัน
“ผมแค่อยากให้คุณจำภาพคุณฤทธิชัยเป็นครั้งสุดท้าย เพราะคุณจะไม่ได้เห็นอีกแล้วทั้งคุณฤทธิชัยและคุณอภิชาติ”
ก้องเกียรติอึ้งนิ่งงันไป นึกกังวลใจ
ฤทธิชัยกับอภิชาติดูรายการข่าวทางทีวีอยู่ด้วยกัน ดาวกับจักจั่นเดินเข้ามาในห้องรับแขก ในมือมีถ้วยกาแฟคนละสองถ้วย ดาวเดินมานั่งข้างๆ ฤทธิชัยที่นั่งอยู่ตรงโซฟาแล้วส่งถ้วยกาแฟให้
เช่นเดียวกับจักจั่นที่ส่งถ้วยกาแฟให้อภิชาติ ที่นั่งถัดไปแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ อภิชาติรับมายิ้มแย้ม
“แท็งคิ่ว สวีทฮาร์ท”
“พวกมันปล่อยข่าวอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า”
“กำลังเช็คอยู่ครับ”
ดาวครุ่นคิดสงสัย
“พูดถึงข่าว...แปลกนะคะ ไม่เห็นเพื่อนคุณติดตามเรื่องคดีของคุณสองคนเลย”
“ผมบอกมันให้เลิกตามข่าวที่พัวพันกับผม...หรือท่านรองเพื่อความปลอดภัยของมันเอง”
ฤทธิชัยแปลกใจ
“คิดไม่ถึงว่ามันจะฟังนาย ปกติมันชอบเจาะลึกข่าวเด็ดไม่ยอมเลิกรา”
อภิชาติยิ้มๆ
“ฉันสัญญาว่าเรื่องจบเมื่อไหร่ มันจะได้สัมภาษณ์เป็นคนแรก”
“มิน่า”
ดาวบุ้ยหน้าไปที่ทีวี
“พูดถึงก็มาเลย”
กำจร ปรากฏขึ้นที่หน้าจอ
“พบร่างของวัยรุ่นสาว อายุประมาณ 20 ปีอยู่ในราวป่า ไม่ห่างจากบ้านดอนเสือ”
ภาพในทีวีเป็นภาพของหญิงสาวสวย นอนตายอยู่ในพงป่า
“นับว่าเป็นรายที่สามแล้วในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สาเหตุการตายเกิดจากหัวใจล้มเหลว ไม่มีร่องรอยของการใช้กำลังล่วงเกินทำร้ายแต่อย่างใด”
ภาพในทีวีเปลี่ยนเป็นหน้ากำจร
“ตำรวจกำลังติดตามหารอยคนร้ายอย่างเร่งรีบ ที่หน้าสนใจก็คือทุกราย มีหน้าตาสวยและรูปร่างดีทุกคน ผม...กำจร แสงรุ่งเรือง รายงาน”
จักจั่นเจ็บแค้น
“ไอ้พวกบ้าเก่งแต่รังแกผู้หญิง เจอเมื่อไหร่ละก็...”
ดาวขยับตัวขึ้นอย่างสนใจ
“อายุยังน้อยกันทั้งนั้น...แต่หัวใจล้มเหลว เป็นเรื่องที่แปลกมาก แล้วทำไมต้องอยู่ใกล้เขตบ้านดอนเสือ”
ทุกคนต่างมองหน้าดาว เห็นด้วยเช่นกัน ฤทธิชัยนิ่งคิด
“หรือว่าเป็นพวกมัน นายชาติ นายลองเช็คดู”
“จัดให้...”
อภิชาติบอกทันที...
กำจรนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น กำจรรับสาย
“สวัสดีครับ...เฮ้ยเพื่อน” กำจรกราดสายตาไปมาพูดเบาลง “พวกแกสร้างวีรกรรม...ดังระเบิดเลยเพื่อน”
อภิชาตินั่งอยู่ในรถกระบะ ที่จอดอยู่ริมถนนในเขตป่าดอนเสือคุยโทรศัพท์กับกำจร
“เออ...เออ...มีเรื่องถามเรื่องพวกผู้หญิงที่ตาย แกรู้อะไรมั่ง”
“แกโทรมาก็ดีแล้ว...ผู้หญิงที่ตายส่วนมากเป็นนางแบบ ที่สำคัญทุกคนผ่านการสัมภาษณ์งานที่เอเจ่นเดียวกัน ทายซิว่า เอเจ่นนี้เป็นบริษัทในเครือของใคร”
“อินเตอร์บิส”
“เต็มๆเลยเพื่อน”
“งั้นแค่นี้ก่อน”
“อย่าลืมนะเพื่อน ฉันได้สัมภาษณ์เป็นคนแรก”
“เออ...แกระวังตัวด้วย”
อภิชาติวางหู ครุ่นคิดกราดสายตาไปรอบๆ ดึงหมวกปิดหน้า เล็กน้อย แล้วเคลื่อนรถกระบะออกไป
ที่เซฟเฮาส์ของดาวในเขตป่าดอนเสือ...ทั้งหมดนั่งล้อมกันอยู่ที่โต๊ะอาหารในห้องครัว บนโต๊ะมีถ้วยกาแฟ ขนม แลบท็อป วางอยู่ อภิชาติบอกกับทุกคน
“เอเจ่นที่สัมภาษณ์ อยู่ในเครือของ อินเตอร์บิส”
จักจั่นพยักหน้าเข้าใจ
“นึกแล้วว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับพวกมัน”
ฤทธิชัยครุ่นคิด
“สัมภาษณ์ที่เดียวกัน ตายลักษณะเดียวกัน พวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่”
“เมื่อถึงเวลา คำตอบต้องโผล่ออกมาจนได้ ตอนนี้เราควรจะเริ่มแผนถล่มค่ายของพวกมันได้แล้ว” ดวงตาของดาวเป็นประกายวับ “พรุ่งนี้...”
โจอยู่ในห้องทำงานกำลังคุยกับนายใหญ่อยู่
“อาวุธส่งไปที่บ้านดอนมะเดื่อ ยาส่งไปที่บ้านโคกเนินปลวก ส่วนเงินสดส่งไปที่ บ้านหนองปลาชุม อีกสองสามวัน ผมจะไปตรวจความเรียบร้อย”
โจวางสาย ยิ้มอย่างพอใจ
วันใหม่...ที่ตลาดหมู่บ้านหนองปลาชุม ดาวกับ ฤทธิชัยในชุดเข้มรัดกุมหน้าตามอมแมมเล็กน้อย ต่างใส่แว่นดำทรงกลมกรอบทองแบบโบราณเดินเข้ามาในตลาด กราดสายตาไปทั่ว เห็นพวกมือปืนยืนกันตามจุดต่างๆ มีปืนครบมือ ฤทธิชัยพูดเบาๆ
“พวกมัน...อยู่บนแผ่นดินไทยแท้ๆ ทำตัวเหนือกฎหมาย”
“ที่นี่อยู่ลึกจากบ้านดอนเสือมากกว่าห้าสิบกิโล กฎหมายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันอยู่ที่นี่”
“คุณแน่ใจเหรอว่าที่นี่เป็นค่ายของพวกมัน อาจเป็นแค่พวกชุมโจรก็ได้”
“จากข้อมูลที่ได้มาจากคอมพิวเตอร์ของนายโจ นี่คือหนึ่งของค่ายนับสิบที่อยู่ในแผนที่ของมัน”
“อืม...คุณคิดว่ามันปล่อยข้อมูลล่อให้พวกเรามาติดกับหรือเปล่า”
“ยังไงก็ต้องเสี่ยงดู...”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน แล้วเดินเข้าไปในบาร์ สายตากราดรอบๆ เห็นภายในบาร์มีพวกมือปืนยืนกันเป็นจุดๆ พวกชายฉกรรจ์ นั่งกันอยู่หลายโต๊ะ มีหญิงสาว 3-4 คนคอยดูแลแขก มีคนเสิร์ฟ 2-3 คนถือถาดเครื่องดื่ม เสิร์ฟให้กับพวกมัน
ฤทธิชัยกับดาวเดินมาหยุดที่บาร์ พนักงานที่อยู่หลังบาร์เดินเข้ามา ฤทธิชัยหันไปสั่ง
“ขอน้ำส้มสองแก้ว”
ทุกคนหันมามองทั้งสองเป็นตาเดียว มีเสียงหัวเราะงึมงำ พนักงานคนนั้นส่ายหน้า
“ไม่มี”
“งั้นเอาโซดาเปล่าๆมาสองแก้ว”
พนักงานทำหน้าเบื่อๆแล้วเดินจากไป ดาวยิ้ม
“สั่งน้ำส้มนี่ได้ผลจริงๆ พวกมันสนใจกันทั้งบาร์เลย”
มือปืน 5 คนเดินเข้ามาตีวงตรงหน้า ได้แต่ยืนมองไม่พูดอะไร พนักงานเอาโซดามาวางตรงหน้า ของดาวกับฤทธิชัย มือปืนคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
“พวกเอ็งมาจากไหนกัน ไม่เคยเห็นหน้า”
ฤทธิชัยกับดาวหันมาเอาหลังพิงบาร์ ทุกคนเริ่มขยับตัว คอยดูเหตุการณ์ ต่างจ้องมายังหนุ่มสาวเป็นตาเดียว
ฤทธิชัยกับดาวยิ้มกราดสายตามองพวกมัน
โปรดติดตาม ตอนต่อไป เวลา 17.00 น.