ไฟมารตอนที่ 8
พระอาทิตย์ยามอัสดงส่องแสงรอนๆ ใกล้จะลาฟ้าในอีกไม่นาทีข้างหน้า มะยมเดินทอดน่องกิริยาเศร้าซึมมาตามทางเดินเล็กๆ ริมน้ำ
หญิงสาวทอดสายตามองออกไปทั่ว เห็นท้องน้ำเงียบเหงา ไร้วี่แววผู้คน มะยมเดินทอดน่องไปต่อ เรื่อยๆ รู้สึกเศร้าเหลือเกิน จวบจนตะวันลับฟ้า ความมืดมิดเข้ามาห่อคลุมทั่วบริเวณแทนที่
เดินทอดอารมณ์อยู่ครู่ใหญ่ มะยมก็เดินออกมาริมทาง จะโบกแท็กซี่กลับคอนโด รถแท็กซี่จอดรับ มะยมเปิดประตูรถจะบอกจุดหมาย
“ปะ”
มะยมพูดคำว่า...ไปยังไม่ทันจบ จู่ๆ เห็นสรวงกับกรรณนรี วิ่งตามมา
โดยกรรณนรีร้องเรียกเสียงลั่น “ดะเดี๋ยวๆๆๆๆ อย่าเพิ่งไปมะยม”
กรรณนรีมาถึงดึงตัวมะยมออกมา สรวงบอกขอโทษแท็กซี่
“ไม่ได้ไปแล้วครับ ขอโทษครับ” แท็กซี่เคลื่อนตัวออกไป
มะยมหันมามองอาการงวยงง “กาว คุณสรวงมาได้ยังไง”
นิคเดินโผล่เข้ามาอีกทาง เอามือไขว้หลังซ่อนของขวัญ “ก็..รู้ว่าเวลาเศร้าๆ แกชอบ
มานี่ไง”
มะยมงงหนัก “นิค”
นิคเดินมาคว้าตัวมะยมกอดคอหมับ อีกมือยื่นกล่องของขวัญให้ “แฮปปี้เบิร์ธเดย์” นิคว่า
กรรณนรียื่นกล่องเค้กมาตรงหน้า “สุขสันต์วันเกิดจ้ะมะยม”
มะยมมองสองเพื่อนซี้อย่างตื้นตันใจ
ท่ามกลางแสงสลัวรางแทบจะมืดมิด เค้กรูปทรงปกติ ไม่ได้ตกแต่งวิจิตรหรูหรา ราคาไม่กี่บาท บนหน้าเค้กเขียนกำกับ “แฮปปี้เบิร์ธเดย์เพื่อนรัก...มะยม” มีเทียนปักอยู่ และถูกจุดขึ้น สรวง กรรณนรี และนิค ร่วมกันร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ มะยมน้ำตาคลอ
“เป่าเค้กได้แล้ว ไม่ใช่มาเป่าปี่ร้องไห้แงๆ” นิคแซว
มะยมกลั้วหัวเราะ “ก็ฉันซึ้งนี่...นึกว่าพวกแกจะลืมไปแล้ว”
กรรณนรีสวมกอดมะยม “วันเกิดเพื่อนรัก จะลืมได้ยังไง เป่าเค้กเลย เป่าเค้ก”
“ขอบใจนะ” มะยมเป่าเทียนบนเค้กวันเกิด ทั้งน้ำตา
ทุกคนเฮ ปรบมือ สรวงยิ้มบอก
“สุขสันต์วันเกิดครับ”
นิคเอามีดตัดเค้กยื่นให้ “ตัดเลยๆ อยากกิน”
“เดี๋ยว...แกะของขวัญที่แกให้ก่อน” มะยมว่า
“งั้นแกแกะไป ฉันจะกินเค้ก”
นิคบอกพลางคว้ามีดมาตักเค้กแก้อาการขวยเขิน มะยมค่อยๆ แกะของขวัญออกเห็นเป็นอูคูเลเล่ กรรณนรี กับสรวง เฮ มะยมทั้งยิ้มทั้งแปลกใจ
“นิค! ไหนแกบอกมีเงินห้าพัน แล้วแกซื้ออูคูเลเล่ให้ฉัน แกจะกินอะไร” มะยมเป็นห่วงนิค
“ก็กินเค้กไง” นิคหน้าจ๋อยๆ “เค้กหมดก็....เกาะแกกิน”
มะยมยิ้มย่อง “ขอบใจนะเพื่อน ขอบใจจริงๆ”
กรรณนรี กับนิค กอดมะยมเอาไว้ มะยมกอดอูคูเลเล่สุขใจ นิคบอก
“ไม่ต้องมาทำซึ้งกลบเกลื่อน เล่นเลยๆ”
มะยมจัดให้ตามขอ เล่นอูคูเลเล่เพลง “ยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอ” บรรยากาศชื่นมื่น รื่นเริง และสบายๆ
บางจังหวะกรรณนรีกอดมะยม นิคเอามือคลึงผม สรวงมองภาพบรรยากาศเพื่อนรักอย่างสุขใจ
สองคนอยู่ในห้องโถงบ้านคุณหญิสุดา สุขหฤทัยโกรธขึ้งออกอาการกระฟัดกระเฟียด สุดาหัวเราะ
“ยังไม่หายโมโหนังกรรณรีอีกเหรอฤทัย”
“ก็มันให้เราเอาเงินยัดปากผีตัวเอง มันก็แช่งเราสิคะคุณหญิงแม่” สุขหฤทัยหน้าง้ำ
“คำแช่ง ถือเป็นการต่ออายุให้ยืน”
สุขหฤทัยโกรธจนลืมตัว “งั้นฤทัยแช่งคุณหญิงแม่ดีมั้ยคะ อุ๊ย!” นึกได้รีบเอามือตบปากตัวเอง "ขอโทษค่ะ”
สุดาดุเอา “จะอารมณ์เสียทำไม ในเมื่อเธอตั้งใจยั่วนังกรรณรีเล่นอยู่แล้วนี่”
“มันก็จริงค่ะ” สุขหฤทัยตาดุดัน “ฤทัยอยากเห็นหน้ามัน เวลาที่ถูกจ้างให้ทำร้ายแม่มัน แต่
นั่นมันแค่แผนหลอก แผนจริง ที่นังกรรณรีมันต้องอยู่ในกำมือเรา...รอมันอยู่ค่ะ”
สาวแสบหรี่ตาร้าย ยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา
เวลาต่อมา สุขหฤทัยนั่งอยู่กวาดสายตามองหากาวินทร์ที่ในผับประจำ พอเห็นกาวินทร์เดินเข้ามา สุขหฤทัยก็ทำดราม่าใส่ชุดใหญ่ ทั้งแสร้งเมามาย ร้องห่มร้องไห้เสียอกเสียใจหนัก
กาวินทร์เดินมายืนมองอย่างงงๆ มิได้สำเหนียกสักน้อยว่ากำลังตกสู่บ่วงเล่ห์ที่สาวแสบขุดล่อ หัวเราะกวนใส่
“เอ้า...คนมีแฟน แต่มานั่งร้องไห้แถวนี้..แสดงว่าถูกเค้าทิ้ง ผู้ชายไม่เอา”
สุขหฤทัยแกล้งร้องไห้น่าสงสาร “อยากพูดอะไรก็พูดไป ฉันไม่มีแรงเถียงกับคุณหรอก”
กาวินทร์ชะโงกหน้าเข้ามามอง สุขหฤทัยร้องไห้ เป็นวรรคเป็นเวร
“จะสมน้ำหน้าฉันก็ได้นะ..สรวงเค้าทิ้งฉัน เค้าไม่เอาฉันอย่างที่คุณว่า ตอนนี้ฉันเหนื่อย ฉันยื้อสรวงไม่ไหวแล้ว...เค้าจะไปไหน ฉันก็จะให้เค้าไป”
สุขหฤทัยควักอินเนอร์ออกมาใช้ พร้อมกับคว้าแก้วเหล้ามากรอกปาก กาวินทร์คว้ามือรั้งเอาไว้
“ไม่เอาน่าคุณ...เหล้า แก้ปัญหาให้คุณไม่ได้”
“แต่มันทำให้ฉันเพลินได้...” สุขหฤทัย จะคว้าเหล้ามากินอีก
“เพลินแล้วคุณจะนั่งร้องไห้ทำไม?” กาวินทร์ดึงแก้วออก “อยากพูดอะไรพูดมา ผมจะฟัง”
กาวินทร์ตกหลุมพรางนางมารโดยไม่รู้ตัว
ผับเลิกแล้ว สุขหฤทัยแสร้งทำเป็นเมาอ้อแอ คอพับคออ่อนอยู่ที่ด้านนอก ท่าทางเซื่องๆ น่าเวทนา ร้องไห้ไม่หยุด
“สรวงเค้าไม่เคยรักฉัน ไม่เคยมองฉัน...เค้ารัก...กรรณนรี” สุขหฤทัยครวญคร่ำ
กาวินทร์มองสุขหฤทัยอย่างสงสาร “ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่คุณไม่ต้องห่วง ผมไม่ให้น้องสาวผม คบกับคุณสรวงเด็ดขาด”
สุขหฤทัยแกล้งถาม “ทำไม”
กาวินทร์ส่ายหน้า ไม่ยอมตอบ “คุณไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่า...คุณกลับไปทำดีกับคุณสรวงเถอะ...เผื่อซักวันเค้าจะรักคุณ”
สุขหฤทัยส่ายหน้าเหมือนยอมรับความพ่ายแพ้ “บอกแล้วไง ฉันเหนื่อย...ฉันพอแล้ว....ฉันจะไม่ยุ่งกับสรวงอีกแล้วฉันจะรอ...คนที่เค้ารักฉันเหมือนกัน ขอบใจมากนะที่อยู่เป็นเพื่อน”
สุขหฤทัยเดินโซเซผ่านหน้ากาวินทร์ แล้วแกล้งเซล้ม กาวินทร์คว้าตัวสุขหฤทัยเอาไว้ สุขหฤทัยร้องไห้สะอึกสะอื้น
“คุณเมามาก เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ฉันไม่อยากกลับบ้าน” สุขหฤทัยใส่จริตช้อนตาขึ้นมอง ซื่อๆ เหงาๆ “คุณจะพาฉันไปไหนก็
ได้นะ....ที่..ที่มีแค่เราเพียงสองคน”
กาวินทร์มองสุขหฤทัยด้วยสายตาอ่อนโยน
ไม่นานนัก กาวินทร์ประคองสุขหฤทัยเข้ามาในห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง สองคนอยู่ในสภาพเมามาย กอดกันหัวร่อยังกับถูกคอกันมาเป็นชาติ
สุขหฤทัยแกล้งทำท่าเมาอ้อแอ้ “ดื่มเป็นเพื่อนฉันต่อนะคะ ฉันอยากเมา”
“เอาสิ”
สุขหฤทัยหัวเราะยั่ว รีบรินเหล้าให้กาวินทร์ ทำทีเป็นคลอเคลียนัวเนียเพื่อมอมเมา แก้วแล้วแก้วเล่า กาวินทร์เริ่มมือไม้เปะปะเป็นปลาหมึก อยู่ในอาการตาปรือเมาหนักมากกว่าสุขหฤทัย
สุขหฤทัยใส่จริตหัวเราะคิก “อะไรใจร้อนจัง”
พลางสุขหฤทัยผลักกาวินทร์ลงบนเตียง คลอเคลียให้ตายใจ หยอกล้อ แล้วพลิกตัวให้กาวินทร์นอนคว่ำกระซิบบอกเสียงกระเส่า
“นอนรอฉันแป๊บหนึ่งนะ” พร้อมกับก้มลงจูบ แล้วปิดไฟเดินเข้าห้องน้ำ
สุขหฤทัยเบ้ปากใส่กระจกในห้องน้ำ ก่อนจะค่อยๆ แง้มประตูออกมา เห็นกาวินทร์นอนคว่ำหน้านิ่งท่าเหมือนเดิมคล้ายจะหลับไปแล้ว เพราะใจจริงกาวินทร์ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรสุขหฤทัยอยู่แล้ว นางมารร้ายมองอีกสักครู่ ก่อนจะรีบย่องไปที่ประตูอย่างว่องไว
ท่ามกลางความมืดมิดในห้อง ขณะที่กาวินทร์นอนนิ่งเหมือนจะหลับ หญิงสาวคนหนึ่งหุ่นลักษณะใกล้เคียงสุขหฤทัยเป๊ะ ก็ก้าวเข้ามาแทนที่ หญิงสาวผู้นั้นตรงไปที่เตียง ก่ายกอดสัมผัสเคล้าคลึง ชั่วครู่กาวิทร์ที่ทำท่าเหมือนจะหลับก็ตื่นขึ้นมาในอาการเคลิ้มคล้อย กอดรัดหญิงสาวผู้นั้นซุกไซร้ทั่วใบหน้า ไล่เรื่อยไปตามแรงเร้าในใจ แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามครรลองของมันเอง
เวลาผ่านไป ทุกอย่างเสร็จสม กาวินทร์นอนนิ่งหมดแรง โดยไม่รู้ว่ามีชายหุ่นกำยำคนหนึ่งเปิดประตูก้าวเข้ามาเงียบๆ ชายคนนั้นตรงไปที่ร่างหลับสนิทของกาวินทร์ กอดก่ายเคล้าคลึงอยู่อย่างนั้น
กลางดึก ห้วงเวลาเดียวกัน ภาพิศนอนหลับอยู่ จู่ๆ ก็สะดุ้งตัวตื่นโดยไม่มีสาเหตุ รู้สึกสังหรณ์ใจประหลาด ภาพิศหยิบมือถือกดโทร.ออก
ปลายสายเป็นแฉล้มที่นอนอยู่สะดุ้งงัวเงียตื่นขึ้นเพราะเสียงมือถือดัง แฉล้มรับสายหน้ายุ่ง มองดูหน้าจอ
“อ้าว!คุณ มีอะไร ถึงได้โทร.มาดึกดื่นขนาดนี้”
“ฉันฝันร้าย” ภาพิศหน้าหมอง
“ฝันถึงท่านอารักษ์เหรอ” แฉล้มถาม
“เปล่า...ฝันถึงอะไรฉันก็จำไม่ได้ แต่ฉันรู้สึก ไม่สบายใจยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก”
แฉล้มอยู่ในอาการง่วงมาก “ลึกๆ คุณกลัวว่าท่านอารักษ์จะไม่กลับมาหาคุณน่ะสิ ไม่มีอะไร
หรอก มันก็แค่ความฝัน นอนๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็หลับเอง”
แฉล้มวางสายหลับต่อ แต่ภาพิศกลับนอนไม่หลับ รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี เอามือลูบท้องตัวเองเบาๆ
ภาพิศไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับกาวินทร์ สัญญาณสังหรณ์จึงส่งถึงกันประสาแม่ลูก แต่ภาพิศไม่รู้ว่ามันคืออะไร
รุ่งเช้ากรรณนรีเดินลงมาจากชั้นบน จะไปทำงานเลย เกริกท่าทางโรยๆ เหงื่อแตกพลั่กเดินออกมาจากในครัว
“กับข้าวเสร็จแล้วลูก..มะ..มากินข้าวกัน โอะ!”
เกริกยกมือจับหน้าอก ทำท่าทรุดจะเป็นลม กรรณนรีปราดมาหาอาการตกใจ
“พ่อ พ่อเป็นไร”
เกริกเอามือจับหน้าอกอยู่อย่างนั้น “ช่วงนี้เป็นไรไม่รู้ลูก พ่อเหนื่อยง่าย เจ็บๆ แน่นหน้าอก”
“เดี๋ยวกาวพาไปหาหมอ” กรรณนรีรีบเข้าประคองพ่อให้ลุก จะพาออกไป
เกริกยกมือห้าม “อย่าเพิ่งไปเลยลูก รอดูอีกสองสามวันก่อน”
“ไปวันนี้แหละจ้ะ....เผื่อพ่อเป็นอะไร จะได้รักษาได้ทัน”
กรรณนรีเป็นกังวล ประคองเกริกลุกขึ้นเดินจนได้ เกริกบอก
“งั้นพ่อไปเปลี่ยนเสื้อเดี๋ยว” เสียงมือถือกรรณนรีดัง เกริกบอก “รับโทรศัพท์เลยลูก เดี๋ยวพ่อไปเอง” เกริกเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง
กรรณนรีรับโทรศัพท์ “คะคุณสรวง”
สรวงกำลังจะออกไปทำงานเดินตรงมาที่รถ สีหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน
“มอนิ่งที่รัก ทำอะไรอยู่จ๊ะ”
“กำลังจะพาพ่อไปหาหมอค่ะ”
สรวงตกใจพูดรัวเร็วอย่างเป็นห่วง “เดี๋ยวผมพาไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่เป็นไรได้ยังไง? เดี๋ยวผมพาไป” สรวงไม่ยอม
“เจอกันที่โรงพยาบาลดีกว่าค่ะ” กรรณนรีบอก
เกริกเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินออกมาพอดี
ไม่นานนัก สรวงกับกรรณนรีกำลังช่วยกันประคองเกริกเดินเข้ามาที่โรงพยาบาล
“ค่อยๆ เดินครับพ่อ” สรวงเรียกสรรพนามเกริกว่าพ่อ เต็มปากเต็มคำ
เกริกยิ้มให้อย่างใจดี “ขอบใจมากนะ ที่มาเป็นเพื่อนกาว แต่ เรียกลุงจะดีกว่า”
สรวงหัวเราะแหะๆ “ครับคุณลุง”
กรรณนรีแอบอมยิ้มขำๆ “ไปค่ะพ่อ”
สองคนประคองพาเกริกเดินไป
จังหวะนั้น ที่ทางเดินด้านหน้าภาพิศเดินมาแต่ไกล สรวงเห็นเข้าพอดี
สรวงอึกอัก “เอ่อ...ผมว่าพาพ่อไปห้องน้ำก่อนดีกว่า คนเยอะ ท่าจะต้องรอนาน”
เกริกพูดพาซื่อ “ไม่เป็นไร ลุงไม่ปวด”
สรวงอ้อมตัวมาบังเกริกไว้ พร้อมกับขยิบตาบุ้ยใบ้ส่งซิกให้กรรณนรี “ไปเหอะ...รอหมอนาน”
กรรณนรีหันไปมองตามสรวง ก็เห็นภาพิศ กรรณนรีหน้าซีดจับมือเกริก
“จริงด้วยค่ะพ่อ” พูดเร่งๆ “ไปเข้าห้องน้ำก่อนค่ะ”
สรวงกับกรรณนรีจับมือพาเกริกไปเลย เกริกงง ได้แต่ร้องบอก
“พ่อไม่ปวดๆ”
สองคนแอบมองไปทางภาพิศ เห็นภาพิศยืนหันหลังอยู่ที่เคาน์เตอร์ติดต่อสอบถามของประชาสัมพันธ์โรงพยาบาล
ครู่ต่อมาภาพิศ อยู่ในห้องตรวจสภาพครรภ์ กำลังทำอัลตร้าซาวด์ มีหมอเวรเจ้าของไข้ และผู้ช่วยอยู่ด้วย
หมอถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณพ่อไม่มาด้วยเหรอคะ”
ภาพิศหน้าหมองลงแต่ฝืนยิ้มบอกออกไป “ติดงานค่ะ”
หมอมองจอพลางบอก “ทุกอย่างปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ช่วงนี้คุณแม่ต้องงดคาเฟอีน แอลกอฮอล์ รวมทั้งเนื้อสัตว์สำเร็จรูปทุกชนิดนะคะ”
หมอยิ้มให้ แต่ภาพิศหน้าหมองเศร้า รู้สึกโดดเดี่ยวราวกับอยู่คนเดียวบนโลก
เวลาเดียวกันสรวงกับกรรณนรีประคองเกริกออกมาจากห้องตรวจ เกริกบอกด้วยท่าทางหมองๆ จับน้ำเสียงได้ว่าหงุดหงิดไม่น้อย
“พ่อไม่เข้าใจ พ่อเป็นโรคหัวใจได้ยังไง? แล้วยังบอกให้ระวังภาวะหัวใจเฉียบพลันอีก แสดงว่าพ่อเป็นเยอะ”
กรรณนรีปลอบ “ไม่มีอะไรหรอก หมอคงอยากให้พ่อดูแลตัวเองมากขึ้นเท่านั้นเอง”
“คุณลุงรออยู่นี่นะครับ เดี๋ยวผมไปรับยาให้”
“ไปจ่ายตังค์ไปลูกไป” เกริกบอกกรรณนรี
“ค่ะ”
สรวงเดินไปกับกรรณนรี เกริกนั่งหน้าเครียด คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ชวนคุย
“ได้ลูกเขยหล่อจัง แต่ฉันว่าหน้าเค้าคุ้นๆ ยังไงไม่รู้ เป็นดารารึเปล่า”
“เปล่า แล้วก็ไม่ได้เป็นเขยด้วย”
“เรอะ...นึกว่าใช่” หญิงคนนั้นทำท่าคิดไปคิดมา “แต่ทำไมคุ้นหน้าเค้าจัง” แล้วนึกได้ “ใช่แล้ว...เค้าชื่อสรวง ลูกของ...”
หญิงคนนั้นยังพูดไม่ทันจบ ภาพิศเดินมาตรงบริเวณใกล้ๆ เกริกมองไปเห็นพอดี
“นุดี” เกริกรีบเดินตามไป หญิงคนนั้นอ้าปากค้าง
พอกรรณนรีกับสรวงเดินกลับมา ก็ไม่เห็นเกริกแล้ว
“อ้าว!พ่อไปไหน?” กรรณนรีแปลกใจมาก สองคนกวาดสายตามองหา
ภาพิศเดินหน้าเศร้ากำลังจะกลับแล้ว เกริกวิ่งตาม
“นุดี”
ภาพิศคุ้นหูในน้ำเสียง จึงหันมามอง ทั้งแปลกใจ ทั้งตกใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นชาเฉย เกริกถามอย่างห่วงใย
“นุดีเป็นอะไร”
“ฉันมาตรวจครรภ์” ภาพิศบอกเสียงเรียบ
เกริกหน้าเจื่อนถามอ้อมแอ้ม “แล้วเค้าไม่มาด้วยเหรอ”
ภาพิศปด “เค้ารออยู่ที่รถ คราวหลังถ้าเจอ ไม่ต้องทักก็ได้นะพี่”
พูดจบเท่านั้นภาพิศก็เดินออกไปเลย
เกริกหน้าเศร้าลงทันที จังหวะนั้นกรรณนรีกับสรวงเดินตามมา
“อ้าว!พ่อ มาอยู่นี่เอง”
“รออยู่นี่นะครับ เดี๋ยวผมเอารถมารับ” สรวงบอกแล้วเดินออกไปเร็วรี่
“ตะกี้ทำไมพ่อไม่รอกาวล่ะจ้ะ”
เกริกเสียงเครือนิดๆ “บังเอิญเจอคนรู้จัก”
“ใครคะ?”
“ไม่สำคัญอะไรหรอก...เค้าไปแล้ว”
ดวงตาเกริกเฉยชา เริ่มชินและทำใจยอมรับได้มากขึ้น
สายวันนั้นในขณะที่กาวินทร์นั่งทำงานอยู่ เสียงมือถือดัง กาวินทร์เห็นเป็นเบอร์สุขหฤทัย กาวินทร์ยิ้มดีใจ
“ผมรอสายคุณอยู่ นึกว่าคุณจะไม่ติดต่อมาซะแล้ว”
สุขหฤทัยเดินอยู่ในห้างเบ้ปากอย่างรังเกียจ “ติดต่อสิคะ...ในเมื่อฉันเองก็คิดถึงคุณจะตาย”
กาวินทร์ทำหน้างงๆ น้ำเสียงสุขหฤทัยฟังดูแปลกๆ
“อยากเห็นภาพความทรงจำของเราสองคนมั้ยคะ?..กรุณารอซักครู่ ฉันจะส่งไปให้คุณดู”
พลางสุขหฤทัยพักสายแล้วกดคลิปส่งไปให้กาวินทร์ทันที
ไฟมารตอนที่ 8 (ต่อ)
สักครู่หนึ่งเสียงมือถือดัง กาวินทร์รีบเปิดดู เห็นเป็นรูปขณะตัวเองกำลังมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวที่ไม่ใช่สุขหฤทัยอย่างโจ๋งครึ่ม ไม่ต่างจากหนัง3 เอ็กซ์ และที่น่าตกใจมากไปกว่านั้น มีอีกคนที่นอนเปลือยขนาบข้างกาวินทร์ ซึ่งหลับตาพริ้มคือผู้ชายร่างกำยำ เสียงมือถือดังอีกครั้ง
กาวินทร์กดรับโทร.ด่าสุขหฤทัยทันทีอย่างแค้นเคือง “วิตถาร”
สุขหฤทัยหัวเราะร่วน “คุณ...ไม่ใช่ฉัน และถ้าคลิปนี้หลุดออกไป ทุกคนก็คิดเหมือนคุณนั่นแหละ” สุขหฤทัยเน้นคำ “วิตถาร”
กาวินทร์โกรธจัด “เธอ”
สุขหฤทัยพูดใส่หน้าน้ำเสียงเย้ยหยัน “โถๆๆๆ...คิดเหรอว่าฉันจะหลงเสน่ห์แก เอาเข้าจริง แกมันก็แค่ไก่อ่อนไอ้แก้ว”
“คุณต้องการอะไร” กาวินทร์ตะคอกเสียง
“เดี๋ยวแกก็รู้” สุขหฤทัยพูดเป็นนัย ก่อนจะหัวเราะเยาะแล้ววางสายทันที
สีหน้ากาวินทร์เครียดเคร่ง ทั้งตกใจ และกลุ้มใจมาก
ระหว่างนั้นมาลินีเดินเข้ามาพร้อมกระเช้าขนม เคาะประตูห้องที่เปิดอยู่ ยิ้มหวาน
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก...พี่แก้ว”
กาวินทร์วสะบัดหน้ามองหงุดหงิดพูดเสียงกราดเกรี้ยว “มาทำไม”
มาลินีหน้าจ๋อย “วันนี้มดทำครีมพัฟที่พี่แก้วชอบ เลยเอามาให้” วางกล่องลง
“ไม่กินโว๊ย” กาวินทร์ขุ่นเคืองใจ ปาขนมทิ้งระบายอารมณ์
มาลินีตกใจมาก “พี่แก้ว” ห่วงกาวินทร์ มากกว่าตัวเอง “พี่แก้วเป็นอะไรคะ”
กาวินทร์ตะคอก “อย่ามาเซ้าซี้ได้มั้ย?ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่ง อย่ามายุ่ง”
กาวินทร์ผลุนผลันออกไป มาลินีวิ่งตามอย่างเป็นห่วง
กาวินทร์เดินลิ่วๆ มาอย่างขุ่นเคือง มาลินีวิ่งตามมาคว้าแขนไว้
“พี่แก้วๆ...อย่าเพิ่งไป พี่แก้วเป็นอะไร มดช่วยพี่แก้วได้ทุกอย่างนะคะ”
กาวินทร์รำคาญที่ถูกเซ้าซี้ แค่นเสียงเยาะ “ช่วยได้ทุกอย่าง”
“ค่ะ”
กาวินทร์พูดใส่หน้า “งั้นช่วยไปให้พ้นหน้าเดี๋ยวนี้เลย”
“พี่แก้ว”
กาวินทร์ตะคอก “ไป๊ แล้วไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก” จากนั้นพุ่งไปทีรถขับทะยานออกไป
มาลินีช็อก แทบล้มทั้งยืน ตกใจแต่ห่วงกาวินทร์มากกว่า รีบคว้ามือถือขึ้นมาโทร.ออกทันที
“พี่ภรต....พี่ภรตยุ่งหรือเปล่าคะ? ออกมาหามดได้หรือเปล่า”
ไม่นานนัก ภายในร้านอาหารแห่งนั้น ภรตนั่งทานข้าวกับมาลินีสองคน มาลินีน้ำตาคลอขณะบอกภรต
“มดไม่ได้ตั้งใจจะไปเซ้าซี้หรือวุ่นวายพี่แก้วนะคะ มดก็แค่เป็นห่วง มดไม่รู้ว่าพี่แก้วมีปัญหาอะไร ถึงได้ทำท่าขนาดนั้น”
“แก้วเป็นคนเก่ง เดี๋ยวแก้วก็แก้ปัญหาได้ มดไม่ต้องห่วง” ภรตตบหลังมือมาลินีเบาๆ
อีกมุมหนึ่ง มะยมกับนิคนั่งทานข้าวกันอยู่ สองคนมองเขม็ง ไปที่ภรต
“ช่วงนี้มดผอมไปมาก ทานข้าวๆ ทานเยอะๆ” ภรตตักอาหารให้ ดูแลใส่ใจมาลินีดีมาก
สองเพื่อนซี้หันมามองหน้ากัน
สองเพื่อนซี้เดินกันมาตามทาง นิคเอ่ยขึ้น
“เค้าถึงว่าโลกมันกลม นานๆ จะมาแถวนี้ที อุตส่าห์เจอจนได้”
“พี่มดไม่น่าทำอย่างนี้กับพี่แก้วเลย ตัวเองมีแฟนอยู่แล้วยังจะมากินข้าวกับคนอื่นอีก แล้วไหนยังจะจับมือจับไม้..ผู้หญิงอะไร นิสัยไม่ดี” มะยมตำหนิมาลินี
“นั่นน่ะสิ เห็นท่าทางติ๋มๆ หงิมๆ เอาเข้าจริง แรงเหมือนกันนะนี่”
“นี่แหละผู้หญิงชอบทำให้คนเค้าดูถูก”
“ปากดีๆ ว่าแต่เค้า อย่าทำเองแล้วกัน” นิคเหน็บ
“ดูหน้าฉันไว้ ไม่มีทาง”
สีหน้ามะยมขณะพูดดูมั่นใจมาก
8.-2-2
สองคนเดินเล่นมาตามทาง บริเวณละแวกบ้านกรรณนรี สรวงกุมมือเกี่ยวแขนกรรณนรีไว้ตลอดเวลา
“ขอบคุณมากนะคะที่มาอยู่เป็นเพื่อน”
สรวงยิ้มแฉ่ง “ผมเต็มใจ”
“ฉันก็..ซึ้งใจค่ะ”
“งั้นเปลี่ยนความซึ้งใจเป็นเลี้ยงข้าวผมซักมื้อนะ แต่คราวนี้งดปลาเค็ม ผมขอเป็นคนเลือกอาหารเอง เลือกร้านเอง และที่สำคัญ...”
“อะไรคะ?”
สรวงยื่นข้อเสนอ “คุณต้องสวยเหมือนอย่างกับวันนั้น”
กรรรณนรียิ้มกว้าง “ด้วยความเต็มใจค่ะ”
ถึงค่ำคืนวันนัด กรรณนรีแต่งตัวอยู่หน้ากระจกในห้อง สีหน้าอิ่มเอิบมีความสุขมาก
ส่วนที่หน้าบ้าน เกริกกับสรวงคุยกันอยู่ เกริกถามท่าทีอ่อนโยนแต่น้ำเสียงจริงจัง
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว..ลุงขอเปิดอกคุยกันตรงๆ อย่างลูกผู้ชาย”
“ได้เลยครับคุณลุง”
“สรวงจริงจัง จริงใจกับกาวแค่ไหน”
สรวงบอกอย่างจริงจังและเด็ดเดี่ยว “ผมรักกาว และจริงจังกับกาวครับ”
เกริกถามต่อ “ถึงขั้นจะตบจะแต่ง”
ถึงแม้สรวงจะหนักใจเรื่องพ่อแม่แต่ก็ตอบอย่างจริงใจ “ครับ”
เกริกยิ้มบางๆ “ได้ฟังอย่างนี้ลุงก็โล่งใจ งั้นวันหลัง พาพ่อแม่มากินข้าวด้วยกันหน่อยนะว่าแต่พ่อแม่สรวงอยู่ไหน? ชื่ออะไร? ทำอะไรอยู่”
สรวงอึกอัก หน้าตาเลิ่กลั่ก เกริกยิ่งจ้องหน้า
จังหวะนั้นกรรณนรีในชุดสวยงาม เดินแกมวิ่งมาถึงพอดี
“เสร็จแล้วค่ะ....กาวสวยมั้ยคะพ่อ”
เกริกยิ้ม ชมลูกสาว “สวย..สวยมากเลยลูก”
กรรณรีมองเห็นสรวงหน้าเจื่อนๆ ก็แปลกใจ “กำลังคุยอะไรกันอยู่คะ”
เกริกยิ้ม “ชวนสรวงเค้าคุยเรื่องพ่อแม่...” หันมาทางสรวง “ว่าไง ยังไม่ได้ตอบลุงเลยพ่อแม่ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่”
กรรณนรีรีบตัดบทบอกเร็วๆ “ค่อยคุยกันวันหลังแล้วกันนะคะ กาวหิวแล้ว” หันมาบอกสรวง “ป่ะคุณ”
“เดี๋ยวผมมาคุยใหม่ด้วยนะครับคุณลุง” สรวงยกมือไหว้ลา
เกริกยกมือรับไหว้ “อืมห์ๆ” มองสรวงที่พากาวออกไป ยิ้มเอื้อเอ็นดู พึมพำอย่างอารมณ์ดี
“ลูกสาวเรา จริงๆ เล้ย”
สรวงคว้ามือกรรณนรีพาเดินไปที่รถ
“ดีนะที่คุณมา ไม่งั้นผมแย่แน่ๆ”
“นั่นน่ะสิ จะปิดพ่อได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้”
สรวงพูดจริงจัง “ถึงเวลาก็คงต้องเปิด” สรวงมองกรรณนรีสายตากรุ้มกริ่ม “ว่าแต่คุณยังไม่ได้ถามผมเลย”
“ถามอะไรคะ”
“ก็...” สรวงคว้าตัวกาวมากอดเลียนเสียงกรรณนรีล้อ “กาวสวยหรือเปล่าคะ”
กรรณนรีเอามือดันหน้าอกสรวงออก “ก็แล้วทำไมจะต้องให้ถาม ...อยากบอกก็บอกเองสิคะ”
สรวงยื่นหน้าเข้าใกล้ๆ “คุณสวยน่ารัก แล้วก็น่าจุ๊บมาก” แล้วจูบทันที
ระหว่างนั้นสองป้าเดินมาด้วยกันเห็นเข้าพอดี ตาโตรีบแอบมอง
กรรณนรีเขินทุบสรวงพัลวัน
“คุณนี่...”
“ทำไมน้อยไปเหรอ? งั้นอีกซักสองสามที” สรวงขโมยจูบอีกฟอด
“พอได้แล้วค่ะ ฉันหิว”
สรวงยิ้มกริ่ม “ผมก็หิว แต่หิวคุณ”
กรรณนรีเขินใหญ่ “คุณนี่พูดจา” เอามือตีปากสรวงเบาๆ “น่าตีปากจริงๆ”
“ก็ตีสิ..แต่ตีด้วยปากคุณนะ” สรวงยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก ทำท่าให้กรรณนรีจูบ
“ไปกินข้าวได้แล้วค่ะ ฉันหิวแล้ว” กรรณนรีจับมือสรวงให้ขึ้นรถ
สรวงกระเซ้า “หิวก็กินผมก่อนไง”
สองหนุ่มสาวหัวเราะ ขึ้นรถขับออกไป
จังหวะเดียวกันสองป้าขาเมาท์ มองสองคนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มองตามไม่วางตา จักจั่นเปิดประเด็นตีเป็นหวย หลังจากงวดก่อน ตีออกมาตรงๆ 3 ตัว คือ 279
“ไง...งวดนี้ออกอะไรป้าตั๊กแตน”
“ไม่รู้...มันคงไม่ออก เจ็ดเก้า จูบกาวทุกงวดหรอก ป่ะ” ตั๊กแตนจับมือพาเดินไป
จักจั่นงง “ไปไหน”
“ไปซื้อยากัน ตากุ้งยิง แหม้…เห็นบ่อยเหลือเกิน จูบกาว 79 เนี่ย” ป้าตั๊กแตนบอก
จากนั้นสองป้าขาเม้าท์คอหวยหัวเราะคิกคัก แล้วพากันเดินไปทางปากซอย
ด้านสุขหฤทัยแดนซ์กระจายอยู่กับกลุ่มเพื่อนก๊วนไฮโซอย่างมีความสุข และสนุกสนานภายในผับ สักครู่หนึ่งกาวินทร์เดินตาขวางเข้าไปหาอย่างเอาเรื่อง
“มานี่” กาวินทร์กระชากข้อมือสุขหฤทัย
สุขหฤทัยสะบัดมือออก บอกเสียงกร้าว “ปล่อยฉัน”
“เอาคลิปมาแลกกัน”
สุขหฤทัยหัวเราะเยาะ “ปล่อยซี้ ปล่อยไปเลย....ฉันจะแจ้งความว่าแกลวนลามฉัน ทุกคน
ต้องเห็นใจฉัน แต่คลิปของแก ดูก็รู้ว่าแกเต็มใจ มันอุบาทว์ อุจาดตา” หัวเราะก้อง “ไม่เชื่อ....จะส่งให้นังกรรณนรีมันดู” พลางทำท่าจะกด
กาวินทร์ร้องลั่น “อย่า”
แต่ช้าไปแล้ว มือของสุขหฤทัยกดส่งคลิปให้กรรณนรี กาวินทร์หน้าซีดเผือด ขณะที่สุขหฤทัยหัวเราะลั่น
“เธอ” กาวินทร์ปราดเข้ามา
“เกมนี้มันเพิ่งเริ่มต้นค่ะคุณกาวินทร์”
สุขหฤทัยหัวเราะลั่นอย่างสะใจ กาวินทร์ได้แต่แค้นใจ
ภายในร้านอาหารยามนั้น สรวงกับกรรณนรีนั่งทานข้าวด้วยกัน สองคนสวีทหวานเหมือนคู่รัก ข้าวใหม่ ผลัดกันตักอาหารป้อนให้กัน เอาอกเอาใจกันไปมา จังหวะหนึ่งเสียงมือถือกรรณนรีดัง สรวงแกล้งแซวเสียงดุ
“ใคร”
กรรณนรียิ้มขำ “ไม่รู้” หยิบมากดดู เห็นเป็นคลิปกาวินทร์นอนเปลือยกายล่อนจ้อน นอนเคียงผู้หญิงและผู้ชายขนาบข้างละคน กรรณนรีช็อก หน้าซีดเผือด
“อะไร” สรวงมองอย่างประหลาดใจ
“ไม่มีอะไร ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ มีธุระ”
กรรณนรีรีบลุก อารามรีบร้อนจัดจนทำมือถือหล่น
ด้านภรตอยู่ที่บ้านโทร.หากรรณนรี เสียงมือถือของกรรณนรีดัง สรวงก้มลงหยิบ เห็นเป็นเบอร์ภรต กรรณนรีไม่ได้สนใจคว้ามือถือแล้ววิ่งออกไป
สรวงโกรธจัด “เดี๋ยวกรรณนรี เดี๋ยว” ชายหนุ่มวางเงินบนโต๊ะแล้ววิ่งตามออกไป
กรรณนรีวิ่งหน้าซีดออกมา จะโบกแท็กซี่ สรวงตามมากระชากมือไว้
“มีเรื่องอะไรกรรณรี”
กรรณนรีลนลานร้อนใจ “บอกแล้วไงฉันมีธุระด่วน”
สรวงแดกดัน “ธุระกับนายภรตน่ะเหรอ”
กรรณนรีบอกอย่างรำคาญ “ไม่ใช่”
เสียงมือถือกรรณนรีดัง สรวงกระชากมาดู
“ถ้าไม่ใช่ แล้วนายภรตจะโทร.มาทำไมนักหนา”
กรรณนรีกระชากคืนมา “ฉันไม่รู้”
สรวงไม่ยอมกระชากแขนกรรณนรี “ยังจะปากแข็งอีก”
กรรณนรีชักฉุน ผลักสรวงออก “เอ๊ะ! คุณนี่..ทำไมชอบใช้อารมณ์ บอกว่าฉันมีธุระก็ธุระสิ”
“ทั้งๆ ที่อยู่กับฉัน แต่พอเค้าโทร.มาเธอก็รีบไป”
กรรณนรีตะโกนใส่หน้า “แล้วแต่คุณจะคิด” แล้วผลักสรวงออก รถแท็กซี่มา กรรณรีก้าวขึ้นไปบอกออกรถทันที
สรวงหัวเสีย
ส่วนภรตหน้านิ่ว ถือมือถือนิ่ง กังวลใจที่กรรณนรีไม่ยอมรับสาย
ด้านกรรณนรีนั่งอยู่ในรถ มองมือถือ ดูภาพอุบาทว์ของพี่ชาย แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
กลับถึงบ้านกรรณนรีร้องไห้ขณะที่กาวินทร์หน้าเครียด กรรณนรีถามเสียงขุ่น ไม่ดังมากกลัวพ่อได้ยิน
“ทำไมพี่แก้วทำแบบนี้”
กาวินทร์ย้อนเสียงดัง “พี่ทำอะไร”
กรรณนรีเสียงเข้มกว่าเดิม “ทำอย่างที่พี่แก้วทำไง”
กาวินทร์กลบเกลื่อน “ก็แล้วมันเสียหายตรงไหน ฉันเป็นผู้ชาย”
กรรณนรีทั้งโกรธ ทั้งหงุดหงิด พูดขัดขึ้น “ถ้าเป็นผู้ชาย ถ้าไม่เสียหาย งั้นพี่แก้วก็ให้เค้าปล่อยคลิปเลยสิ...มานั่งกลุ้มอยู่ทำไม”
กาวินทร์อึ้ง กรรณนรีว่าต่อ
“นี่พี่แก้วเองก็รู้ว่ารูปพวกนั้น มันอุบาทว์มันไม่ธรรมดา พี่แก้วถึงได้กลุ้มอย่างนี้”
กาวินทร์เครียด สีหน้าเป็นกังวล “พี่จะไม่กลุ้ม ไม่คิดเลย ถ้า...ถ้าพี่ไม่กลัวพ่อเห็น”
“ใช่! พ่อเห็น พ่อต้องหัวใจวายตายแน่ๆ” กาวินทร์ได้แต่ทำหน้ากลุ้มใจ
สรวงว่ายน้ำอยู่ที่สระในคฤหาสน์ สุขหฤทัยลงไปว่ายด้วย ยั่วยวนสุดขีด สรวงโกรธกรรณนรี ปล่อยให้สุขหฤทัยกอดจูบตามใจ
“ฤทัยจะทำให้คุณลืมกรรณรีให้ได้ค่ะ”
ท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนที่สลัวราง สรวงว่ายน้ำอยู่ในสระในบ้าน สรวงดำผุดดำว่ายระบาย
อารมณ์โกรธ หงุดหงิด และหึงหวงกรรณนรี
สักครู่หนึ่งสรวงเคลื่อนตัวมาพิงขอบสระ หน้าตาบูดบึ้ง ระหว่างนั้นสุขหฤทัยเดินนวยนาดเข้ามา พอมาถึงก็ถอดเสื้อคลุมออก หย่อนกายลงไปในสระ สรวงมองอย่างแปลกใจ
“คุณหญิงแม่ อยากให้ฤทัยมาอยู่เป็นเพื่อนสรวงค่ะ” สุขหฤทัยว่า
สรวงยืนนิ่งไม่ตอบโต้ใดๆ สุขหฤทัยเคลื่อนตัวเข้าหา เอามือโอบรอคอสรวง มองด้วยแววตาเย้ายวน
“ฤทัยจะทำให้คุณลืมกรรณนรีให้ได้ค่ะ”
สุขหฤทัยยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ จรดริมฝีปากจูบสรวงแผ่วเบา สรวงเคลื่อนตัวออกทันที
สุขหฤทัยอารมณ์ค้าง ฉุนกึก “สรวงคะ”
สรวงหันมาพูดใส่หน้า “ผมไม่ต้องการลืมกรรณนรี”
สุขหฤทัย ตวัดสายตามองสรวง เห็นสรวงเดินขึ้นจากสระ คว้าชุดคลุมมาสวมทับเดินเข้าบ้านไปแล้ว สุขหฤทัยตาเขียวปั๊ด แววตามีแต่ความเคียดแค้นชิงชังกรรณนรี
เช้านั้นกรรณนรีเดินหน้าเซียวมาจะเข้าออฟฟิศ แต่แล้วต้องชะงักเมื่อสุขหฤทัยเดินตรงเข้ามาหา
“เห็นคลิปแล้วใช่มั้ย”
“แล้วไง?”
“คนหน้าด้านนี่มันถนัดพูดแต่คำว่า แล้วไง จริงๆ นะ”
“แล้วคุณจะให้ฉันพูดว่าอะไร? ในเมื่อคุณมีเป้าหมายในการทำอยู่แล้ว”
สุขหฤทัยหัวเราะเยาะ “หน้าตาจืดๆ นึกว่าจะโง่ๆ เอาเข้าจริง...เธอก็คิดเป็นเหมือนกันนี่ งั้น...เรามาคุยกันแบบคนฉลาดเค้าคุยกันหน่อยเป็นไร” ยิ้มยั่วเป็นนัย
กรรณนรีมองจ้องหน้าสุขหฤทัยเขม็ง ไม่เข้าใจว่าจะมาไม้ไหน?
สองนางมารร้ายข่มขู่ และรุกหนัก บีบบังคับกรรณนรีให้ไปแย่งอารักษ์คืนมาจากภาพิศ ไม่งั้นจะปล่อยคลิปเซ็กซ์วิตถารเห็นทุกซอกทุกมุมของกาวินทร์ลงเน็ตแน่ๆ
สุดานั่งยิ้มเหยียดท่าทางสบายอารมณ์รออยู่ในร้านอาหาร ขณะที่สุขหฤทัยพากรรณนรีเข้ามา
“ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง” สุดาทักทาย
“คุณต้องการอะไร?”
“เหมือนเดิม เธอต้องแย่งท่านอารักษ์มาจากนังภาพิศให้ได้”
“ไม่งั้น” สุขหฤทัยหยิบมือถือขึ้นมาขู่ “คลิปอุบาทว์วิตถารของพี่ชายเธอ คนได้เห็นทั่วประเทศแน่”
สุดาหาข่าวมาแล้วเป็นอย่างดี “คนอื่นอาจจะไม่เท่าไหร่...แต่พ่อเธออาจจะหัวใจวายตายได้นะ นอกซะจากเธออยากให้พ่อเธอตายไวๆ ก็ไม่ว่ากัน”
วินาทีนั้นกรรณนรีมองสุดากับสุขหฤทัยอย่างชิงชัง ที่เอาความเป็นตายของพ่อมาต่อรอง หญิงสาวน้ำตาคลอเบ้าด้วยความคับแค้นใจ
สุดากับสุขหฤทัยยิ้มให้กันอย่างเป็นต่อ
โปรดติดตาม "ไฟมาร" ตอนต่อไป เวลา 12.00 น.
ไฟมารตอนที่ 8 (ต่อ)
สรวงว่ายน้ำอยู่ในสระที่บ้าน จังหวะหนึ่งชายหนุ่มๆ ค่อยๆ ลดตัวลงจุ่มน้ำในสระจนมิดหัวในท่าทีหงุดหงิด ก่อนที่จะโผล่ศีรษะขึ้นมาแล้วสะบัดหน้าอย่างแรง เพราะยังคิดเรื่องกรรณนรีอยู่นั่นแล้ว
สักครู่หนึ่งสรวงขึ้นจากสระ คว้ามือถือขึ้นมา
ขณะนั้นกรรณนรีเดินอยู่ริมถนน สีหน้ายังอื้ออึง คิดหนักที่ถูกสุดา กับสุขหฤทัยข่มขู่เรื่องคลิปพี่ชาย เสียงมือถือดัง กรรณนรีตกอยู่ในภวังค์ มองเหม่อ จึงไม่ได้ยิน
สรวงที่นั่งอยู่เก้าอี้ริมสระ จากหงุดหงิดเริ่มเป็นห่วงกรรณนรีขึ้นมา
มะยมกับนิคทำงานกันอยู่ ครู่ต่อมามะยมลุกเดินมาหายืนมองนิคทำงาน
“โห! ภาพสวยว่ะ เป๊ะเลย แกถ่ายได้วะนิค” มะยมมองรูปดาราในจอคอมพ์ของนิค
“ถ่ายเองที่ไหน? ฉันไปเซฟมาจากเน็ต” นิคว่า
“อ้าว! แกนี่” มะยมเซ็ง
“ไม่ต้องห่วง ฉันให้เครดิตเจ้าของภาพเค้าด้วยโว๊ย”
“แหงล่ะ! ลายน้ำเค้าใหญ่ขนาดนั้น ถ้าแกยังลบออก ก็ชั่วแล้วล่ะ”
เสียงโทรศัพท์ดัง มะยมแซวนิคต่อ
“เจ้าของภาพ เค้าโทร.มาเก็บค่าลิขสิทธิ์กับแก” ก่อนจะหันไปรับสาย “สตาร์ อินเทรนด์ค่ะ”
“ผมสรวงนะครับ พอดีผมโทร.เข้ามือถือกาวติดต่อไม่ได้ ทราบมั้ยครับว่ากาวอยู่ไหน”
เย็นนั้น กรรณนรีออกมาจากบ้านเซเลบที่ไปสัมภาษณ์ เดินออกมาพ้นหัวมุมถนน จู่ๆ หญิงสาวเห็นโลกหมุนคว้าง ดวงตาพร่าเลือน สรวงเลี้ยวรถเข้ามาพอดี ในจังหวะที่กรรณนรีล้มทรุดลง สรวงเห็นก็ตกใจ
“กรรณนรี” สรวงจอดรถ รีบลงมาประคองกรรณนรีทันที
สรวงอุ้มกรรณนรีเข้ามาในห้องพักส่วนตัวในห้องทำงาน วางร่างกรรณนรีลงตรงโซฟา แล้วเอาผ้าเย็นมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ท่าทีขอสรวงห่วงใยและอาทร สักครู่กรรณนรีก็รู้สึกตัว ลืมตามามองเห็นหน้าสรวง ก็แปลกใจ
“คุณสรวง...”
“เธอไม่สบาย”
กรรณนรีมองสรวงอย่างคนขวัญเสีย ทั้งเจ็บปวดเหลือจะข่ม หญิงสาวผวาตัวโผเข้ากอดสรวงแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้น สรวงยิ่งตกใจหนัก
“เป็นไรกรรณรี” สรวงกอดปลอบลูบหลังลูบไหล่ “มีอะไรบอกฉัน”
“ฉัน...” กรรณนรีมองจ้องตาสรวง น้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาไหลรินออกมาเป็นทาง
“เธอไม่ไว้ใจฉันเหรอ” สรวงจ้องหน้าจับกิริยาหญิงคนรัก
“คุณเป็นคนเดียวที่ฉันไว้ใจ” กรรณนรีซุกหน้าซบลงกับอกของสรวงเหมือนเด็กเสียขวัญ
“แล้วทำไม” สรวงมองด้วยสายตาตัดพ้อ
“เพราะฉันไม่อยากให้คุณทุกข์ใจไปกับฉัน”
สรวงคาดคั้น “กรรณนรี บอกฉันเถอะ”
“อย่าให้ฉันต้องพูดอะไรตอนนี้เลย...ฉันขอร้องนะคะ....ขอแค่ฉันได้อยู่กับคุณ” กรรณนรีร้องไห้ออกมาอีก “ฉันไม่อยากคิดถึงเรื่องอื่น ฉันจะไม่คิดถึงคนอื่น แต่ฉันจะทำตามใจตัวเอง” หญิงสาวมองหน้าสรวงด้วยแววตาเว้าวอน “นาทีนี้ฉันจะทำตามใจฉันเอง ช่วยพาฉันไปในที่ที่มีเราแค่สองคนได้มั้ยคะ”
บรรยากาศเวิ้งว้างริมทะเลยามค่ำคืนคืนดูเงียบสงบ น่ากลัว กรรณนรีวิ่งลงทะเลด้วยท่าทีซวนเซลักษณะคล้ายคนเมา เธอยิ้มแย้ม หัวเราะร่า แต่ข้างในสุดจะขมขื่น
จังหวะนั้นกรรณยกมือชูขึ้นเหนือหัว โยกย้ายไปมาเหมือนเต้นระบำกลางทะเล
“วู้! มีความสุขที่สุดเล้ย” กรรณนรีตะโกนก้อง
สรวงวิ่งตามลงมาคว้าตัวเอาไว้อย่างเป็นห่วง “บอกแล้วไม่ให้กินเหล้า เธอเมามากแล้ว
กรรณรี ขึ้นไป” พร้อมกับทำท่าจะพาขึ้นจากทะเล
กรรณนรียื้อมือสรวงไว้ “ไม่ขึ้น...เต้นระบำด้วยกันนะคุณสรวง” แล้วจับมือของสรวงไว้ทั้ง
สองข้างแกว่งไกวไปมาเหมือนเต้นระบำ “สนุกมั้ยคะคุณสรวง สนุกมั้ย” กรรณนรีหัวเราะเริงร่า
สรวงมองอย่างห่วงใย “เธอเมามากแล้วกรรณนรี ไป” ดึงแขนจะพาขึ้นอีก
กรรณนรีหัวเราะ “ไม่...ฉันเมาที่ไหนกันคะ” พูดไม่ทันขาดคำ ก็เสียหลักลื่นไถลไปตามแรงน้ำ
สรวงมองอยู่รีบเข้าไปประคองตัวไว้ “นี่เหรอไม่เมา ขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยเธอ”
สรวงกอดร่างกรรณนรีแล้วลากกึ่งประคองพาขึ้นฝั่ง กรรณนรียื้อตัวไว้หัวเราะคิกคัก
“ไม่ขึ้น.. เล่นทะเลด้วยกันก่อนน่าคุณสรวง”
สรวงไม่ฟัง ทั้งฉุดทั้งดึงกรรณนรีขึ้นฝั่งมาจนได้ กรรณนรีเนื้อตัวอ่อนปวกเปียกกิริยาคุมสติไม่อยู่
สุดท้ายสรวงจึงต้องคว้าตัวกรรณนรีอุ้มขึ้นฝั่งไป
สรวงอุ้มกรรณนรีที่เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก แทบจะหมดสติเข้ามาในห้องนอน ภายในบ้านพัก เนื้อตัวของกาวเปียกปอน สรวงวางร่างกรรณนรีลงบนเตียง บ่นเบาๆ
“เธอเปียกหมดเลย ถ้าไม่สบาย จะว่ายังไงฮึ”
กรรณนรีสวนกลับเสียงเครือ จิตตกขึ้นมาอีก “ก็จะได้ตายๆ ไปเลย”
สรวงห่วงมากมองด้วยแววตาลึกซึ้ง “กรรณรี...เธอมีเรื่องกลุ้มใจอะไร ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้”
กรรณนรีบอกทั้งน้ำตาคลอเบ้า “ไม่มี ฉันบอกแล้วไงคะ..ฉันแค่ต้องการทำตามใจตัวเอง” กอด
คอสรวงเอาไว้ มองอย่างลึกซึ้ง ทั้งรัก ทั้งกลุ้มใจ เสียใจเต็มตื้น “คุณสรวง..ฉันขอบคุณนะคะที่คุณมากับฉัน อยู่เป็นเพื่อนฉัน”
สรวงมองจ้อง บอกด้วยเสียงจริงจัง “เพราะฉันรักเธอไง กรรณรี...” สรวงยกมือเกลี่ยผมที่ระหน้าผากออก บอกเสียงนุ่ม “รัก...และเป็นห่วงเธอ”
กรรณนรีสะท้อนใจ น้ำตาคลออีก “ในชีวิตฉัน จะได้เจอคนดีๆ อย่างคุณอีกมั้ยน้อ...ฉันรักคุณค่ะคุณสรวง”
กรรณนรีรั้งใบหน้าสรวงลงมาหาก่อนจะจูบอย่างแผ่วเบา สรวงจูบตอบนุ่มนวลเช่นกัน เป็นรสจูบที่ไม่ได้เต็มไปด้วยอารมณ์เสน่หาเหมือนเคย แต่ดูเป็นการปลอบประโลมมากกว่า
“เธอรอนี่นะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้” สรวงบอกพลางจะไป
กรรณนรียื้อไว้มองอย่างลึกซึ้ง “อย่าไปไหนได้มั้ยคะ...ฉันอยากอยู่กับคุณ” คว้าตัวสรวงไว้
สรวงมองกรรณนรีไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร แต่ก็ยอมนั่งลงข้างๆโดยดี กรรณนรีกอดสรวงไว้
ค่อยๆ จูบประทับที่แก้มสรวงแผ่วเบาพร้อมกับกระซิบบอก
“ฉันจะเป็นของคุณคนเดียว...รักฉันนะคะคุณสรวง รักฉัน”
สรวงคว้ามือหญิงสาวมาจูบแผ่วเบา “ฉันรักเธอ รักมาก”
กรรณนรีมองสรวง สายตาเต็มไปด้วยคำถาม “แล้วทำไม”
“ฉันรอเธอได้...จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมของเรา เธอจะเป็นเจ้าสาวที่บริสุทธิ์ งดงามสำหรับฉันกรรณรี นอนนะ..ไม่ต้องกลัว ฉันจะอยู่ข้างๆ เธอ”
สรวงกอดประคองกรรณนรีให้นอนลงบน ตะแคงตัวลงนอนข้างๆ ทำท่าปลอบประโลมเหมือนกรรณนรีเป็นเด็กเล็กๆ กรรณนรีน้ำตาจะไหล รีบซุกหน้าลงกับอกสรวงไม่ให้ชายหนุ่มเห็น สรวงกอดนิ่ง สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความแคลงใจ ขณะพึมพำเสียงอ่อนโยน
“นอนนะคนดี ฉันจะอยู่ข้างๆ เธอ”
สรวงก้มลงจูบที่หน้าผากกรรณนรีอย่างแผ่วเบา
วันต่อมา ที่ฟิตเนส สถานออกกำลังกายสำหรับคนท้อง ภาพิศออกกำลังกายอยู่ อีกมุมสุดาแอบมองอยู่เป็นระยะ ดวงตายังเต็มไปด้วยความเกลียดชังเหมือนเดิม
สักพักหนึ่ง ภาพิศรู้สึกเหมือนมีคนแอบมอง ภาพิศหันขวับมองหา สุดารีบฉากหลบ แต่หลบอย่างมีแผน พอให้เห็นแว่บๆ ภาพิศเขม้นมอง ก่อนจะเดินตามออกมาอย่างสงสัย
สุดาเดินฉับๆ หนีอย่างรวดเร็ว ทิ้งจังหวะพอให้ภาพิศมองเห็นหลังไวๆ ภาพิศเดินแกมวิ่งอุ้ยอ้ายตามมา
ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกแผ่วๆ จากด้านหลัง “คุณ”
ภาพิศหันขวับไปมองตามเสียง แต่ไม่เห็นใคร ภาพิศสงสัยเดินย่องกลับไป จนถึงหัวมุมตรงด้านหน้าฟิตเนส กวาดสายตามองก็ไม่เห็นใครอีก ภาพิศทำหน้าสงสัยก่อนจะถอนหายใจออกมา คิดว่าตัวเองคงหูแว่วไป แต่พอหันตัวกลับมา คราวนี้ต้องร้องสุดเสียงเมื่อชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเต็มแรง จนร่างของภาพิศล้มลงไป
“ว๊าย”
“เดินยังไงคุณ”
ผู้หญิงคนนั้นทำเสียงดุใส่ แล้วเดินไปเลยโดยไม่สนใจ ภาพิศรู้สึกเจ็บแปล๊บ รีบเอามือประคองท้องอย่างรวดเร็วโดยอัตโนมัติ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกเดินไป ไม่เป็นอะไรมาก
ส่วนอีกมุม สุดาแอบมองอยู่ ด้วยสีหน้าผิดหวัง
ตรงมุมลับตาในลานจอดรถที่ด้านนอกฟิตเนสแห่งนั้น สุดาจ่ายเงินค่าจ้างให้ผู้หญิงสองคนที่จ้างมาเพื่อสร้างสถานการณ์ก่อนหน้านี้
สุดาถามด้วยน้ำเสียงกระชาก “ตกลงมันเป็นไรมั้ย”
หญิงคนที่ชนภาพิศหน้าแหยๆ “คงไม่ค่ะ แต่ฉันก็ชนสุดแรงเลยนะคะ”
“ไม่น่าเลย” สุดาทำเสียงจิ๊จ๊ะ ฮึดฮัดขัดใจแล้วขึ้นรถขับออกไปอย่างหัวเสีย
เสร็จจากออกกำลังกาย ภาพิศมาเดินซื้อของเตรียมไว้ให้ลูกในท้องกับแฉล้ม
“โชคดี นี่ถ้าเด็กในท้องเป็นอะไรแย่เลย” แฉล้มว่าหลังรู้เรื่อง
ภาพิศกุมท้องตัวเองอย่างหวงแหน ขณะที่แฉล้มทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะตั้งข้อสังเกตออกมา
“แต่ฉันว่ามันแปลกๆ คราวก่อนคุณก็เหยียบสบู่เกือบล้มในห้องน้ำ นี่ก็มีคนมาชน เป็นไปได้มั้ยคุณ จะเป็นฝีมือของคุณหญิงสุดา”
ภาพิศท้วง “กำลังท้องอยู่ ฉันไม่อยากคิดเรื่องร้ายๆ”
“ระวังหน่อยก็ดีนะคุณ ยัยคุณหญิงอาจจะไม่อยากจบ เหมือนที่คุณอยากให้จบก็ได้ ไม่งั้นจะมีเรื่องกับคุณบ่อยๆ ทำไม? ดีไม่ดี ตอนนี้อาจจะคิดแผนอะไรอยู่ก็ได้”
ภาพิศหวั่นไหวครุ่นคิดตามคำพูดแฉล้ม สีหน้าทั้งกังวลและไม่สบายใจ
สายวันนั้นเกริกเดินออกมาจากห้อง แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นกาวินทร์นอนฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะ เกริกมองอย่างแปลกใจ
“อ้าว!ยังไม่ไปทำงานอีก” เกริกปลุกเสียงอ่อนโยน “แก้ว..แก้วไม่สบายหรือเปล่าลูก” เกริกชะงัก “กลิ่นเหล้าหึ่งเลย” จังหวะนั้นกาวินทร์งัวเงียตื่นขึ้นมา “ทำไมดื่มขนาดนี้แก้ว”
กาวินทร์โวยวาย “ผมกลุ้มใจ”
“มีเรื่องอะไร?” กาวินทร์นิ่ง เกริกถอนใจ “จะเรื่องอะไร ลูกก็น่าจะตั้งสติ แก้ปัญหาไปทีละเปลาะ ในเมื่อลูกก็รู้ว่าเหล้ามันแก้ปัญหาไม่ได้ อย่างดีมันก็แค่” เสียงเครือสั่น “เมา แล้วก็แค่ให้ลืมความทุกข์ไปวันๆ”
กาวินทร์เครียดจนพาลใส่พ่อ “ก็ผมทำอย่างพ่อไง อยากลืมปัญหา” เสียงดังระบายอารมณ์ “ปัญหาที่มันแก้ไม่ได้”
กาวินทร์เดินออกไป เกริกมองแก้วเหล้าบนโต๊ะสะท้อนใจตัวเอง
เกริกถือขวดเหล้าแก้วเหล้าเดินมาที่กำแพงหลังบ้าน มองนิ่งๆ แล้วขว้างขวดเหล้าในมือใส่กำแพง พร้อมกับหยิบขวดเหล้าที่วางเกลื่อนบนพื้นปาใส่กำแพงไม่ยั้ง ก่อนที่จะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้เสียใจ คับแค้นใจ
เกริกตัดใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะเลิกดื่มเหล้า
ในขณะที่สุขหฤทัย แหวกว่ายน้ำออกกำลังกายอย่างมีความสุข เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ดังลั่น
สุขหฤทัยขึ้นมาจากสระคว้าผ้ามาคลุมร่าง เดินไปหยิบมือถือ แสยะยิ้มเมื่อเห็นชื่อหน้าจอ
“ว่าไงคะ...ว่าที่ดาราหนังเอวี”
กาวินทร์เดินอยู่ตามทาง หน้าตาบุดบึ้งโกรธเกรี้ยว แต่พยายามข่มอารมณ์พูดเสียงอ่อนโยน นุ่มนวล
“ผมขอคุยด้วยหน่อย”
“ตอนนี้ไม่ว่าง” สุขหฤทัยปรายตามองดูเล็บมือตัวเองไม่สนใจ “กำลังแคะขี้เล็บอยู่”
กาวินทร์พยายามกดข่มความโกรธลงไป “คุณฤทัย..ผมขอร้องล่ะนะ..ผมอยากคุยกับคุณดีๆ”
“ถ้าเรื่องคลิปนั่น ฉันไม่คุย”
กาวินทร์ข่มอารมณ์ พูดเสียงนุ่มนวล “เรื่องคลิปนั่นผมก็ไม่สนแล้วเหมือนกัน ..ผมอยากคุยกับคุณเรื่องอื่น ..เรื่องสำคัญที่คุณจำเป็นต้องรู้”
สุขหฤทัยฉงน “เรื่องสำคัญ....เรื่องอะไร”
กาวินทร์พูดเสียงหวาน “เราต้องคุยกันครับ ผมขอร้อง...ผมอยากให้เราคุยกัน...นะครับ”
น้ำเสียงของกาวินทร์อ้อนวอน แต่ดวงตาเป็นประกายวาววับ เหี้ยมเกรียม
สองคนนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง กาวินทร์กับสุขหฤทัยเดินมาด้วยกัน ท่าทีของสุขหฤทัยเชิดหยิ่ง ขณะที่กาวินทร์เดินตามตัวลีบ แสร้งทำเป็นยอมหญิงแสบสุดหัวใจ
ขณะเดียวกันที่ด้านในตรงเคาน์เตอร์ มาลินีที่มาส่งขนมเห็นสองคนพอดี รีบทำธุระให้เสร็จๆ บอกเจ้าของร้านว่า
“ไว้วันหลังมดจะทำขนมสูตรใหม่ๆ มาให้ชิมนะคะ ขอบคุณค่ะที่ไว้ใจ”
มาลินีรับเงิน แล้วเดินออกมา ขณะที่กาวินทร์พาสุขหฤทัยมานั่งตรงโต๊ะในมุมหนึ่ง สุขหฤทัยเชิด แต่ท่าทางเต็มไปด้วยความอยากรู้ ในขณะที่กาวินทร์ทำทีเป็นหลงรักสุขหฤทัยเต็มเปา มองด้วยสายตาอ่อนโยน พูดคำหวานเอาใจ
“ผมดีใจมากที่คุณมา”
“นายมีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า เรื่องสำคัญของนายคืออะไร?”
กาวินทร์ทำท่าเขินๆ แบบหนุ่มเพิ่งหัดจีบสาว “ผม...ผม อยากขอโอกาสจากคุณ”
“ก็บอกแล้วไง ถ้าเป็นคลิปนั่นไม่มีทาง” สุขหฤทัยเย้ย
“เรื่องคลิปผมไม่สนใจแล้ว ที่ผมสนใจ ที่ผมแคร์ ก็คือคุณ”
สุขหฤทัยมองอย่างงงๆ ขณะที่กาวินทร์แต่งนิยายว่า
“ผมไม่ใช่ผู้ชายมักง่าย มักมาก แต่คืนนั้นที่ผม..ทำอย่างนั้น ก็เพราะคุณ”
“เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“เพราะผมรักคุณไง...ผมต้องการคุณ”
มาลินีเดินผ่านมาพอดีได้ยินเต็มๆ แต่มาลินีเดินมาจากด้านหลัง กาวินทร์จึงไม่เห็น มาลินีอึ้ง อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติรีบเดินผ่านไป สุขหฤทัยจ้องกาวินทร์ท่าทีงุนงง
“ผมคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคุณ..ก็เลย...”
สุขหฤทัยเบ้หน้าทำท่ารังเกียจเดียดฉัน “อี๋! ไม่ต้องพูดต่อ ฉันขยะแขยงไม่อยากฟัง” ลุกจะเดินออกไป
กาวินทร์รีบบอกน้ำเสียงจริงจัง “แต่ผมรักคุณนะฤทัย”
สุขหฤทัยไม่สน เดินเชิดออกไป
กาวินทร์วางเงินไว้ที่โต๊ะทำหน้าฮึดฮัด บ่นงึมงำกับตัวเอง
“ยัยบ้า ถ้าฉันได้คลิปคืน ฉันไม่บ้าตามตื้อเธอหรอก” แล้วตามออกไป
มาลินีเดินออกมาที่หน้าร้านแล้ว หน้าซีดใจสั่น ลึกๆ เสียใจแต่ทำเป็นไม่สน อารามช็อกหูอื้อตาลาย จึงเผลอชนเก้าอี้ข้างๆ แทบล้ม สุขหฤทัยหันมาตามเสียง จำมาลินีได้ เดินเข้ามายิ้มเยาะ
“ไงได้ยินไอ้แก้วมันบอกรักฉัน ถึงกับเข่าอ่อนเลยเหรอยะ”
มาลีนีหันมาเผชิญหน้าทำเป็นเข้มแข็ง “ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับพี่แก้ว พี่แก้วจะบอกรักคุณมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”
สุขหฤทัยหัวเราะ “จริงเร้อ...” เชยคางมาลีนีขึ้นมา “แต่หน้าตาของเธอเหมือนปลาขาดน้ำ
เลยนะยัยหน้าจืด” สะบัดมือออกจากหน้ามาลินี “ไม่ต้องกลัว คนอย่างฉันไม่เคยแย่งของๆ ใคร โดยเฉพาะคนอย่างไอ้แก้ว เพราะฉันกับมันคนละชั้นกัน” เดินหนีไปโดยไม่สนใจ
กาวินทร์มาเห็น หน้าซีดเผือด หันมาโวยใส่มาลินีทันที
“มดพูดอะไรกับคุณฤทัย
มาลินีไม่ตอบ มองกาวินทร์อย่างเสียใจ กาวินทร์รีบลากแขนมาลินีไป กลัวสุขหฤทัยเห็น
“มานี่เลยมด มานี่”
ที่บริเวณลานจอดรถ กาวินทร์เหวี่ยงมาลินีออกไปเต็มแรง ถามตะคอก
“มดพูดอะไรกับคุณฤทัย บอกพี่มาเดี๋ยวนี้
มาลินีเข้มแข็งขึ้นมากไม่เหมือนเดิม “พี่แก้วคงลืมไปแล้วมังคะ ว่าวันนี้ไม่ว่าในฐานะไหน
เราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่ามดจะทำอะไร มดไม่จำเป็นต้องพูดต้องบอกพี่แก้วค่ะ” พลางจะเดินหนี
กาวินทร์ฉุน คว้ามือมาลินีกระชากกลับมา พูดแทบเป็นคำรามตามนิสัย
“ได้...ถ้าเรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับคุณฤทัย....พี่กำลังตามจีบเค้า อย่าทำให้แผนพี่เสียนะมด”
“คนที่จะทำให้ทุกอย่างเสียคือพี่แก้ว ไม่ใช่มด โดยเฉพาะถ้าคุณฤทัยเค้าเห็นพี่แก้วมาจับมือมดอย่างนี้ ปล่อยค่ะ” สะบัดมือออก กาวินทร์จำต้องปล่อย “ส่วนเรื่องที่พี่แก้วจะรักใครชอบใคร ก็เชิญไปบอกให้เค้าฟังเถอะค่ะ ไม่ต้องมาบอกมด เพราะมดไม่อยากฟัง”
กาวินทร์เยาะ “เพราะมดหึง”
“มันเลยจุดนั้นไปแล้วต่างหากล่ะค่ะ พี่แก้ว...ไม่ได้อยู่ในความสนใจของมดอีกแล้วค่ะ”
พูดจบมาลินีเดินหนีอย่างไม่แยแส แก้วได้แต่ฮึดฮัด ขัดใจ มาลินีไม่ยอมเหมือนเดิมแล้ว
แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้อง ทำให้กรรณนรีรู้สึกตัว มองสภาพตัวเอง เห็นอยู่ในชุดใหม่ใส่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีขาวของสรวง กรรณนรีตกใจ สรวงโผล่หน้าเข้ามายิ้มละไม
“นี่! ไม่ต้องทำท่าสำรวจโลกขนาดนั้น ผมไม่ได้ทำอะไรคุณซักหน่อย” เข้ามานั่งข้างๆกอดกระเซ้า “ก็แค่หอมนิดหอมหน่อย แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เท่านั้นเอง”
กรรณนรีซาบซึ้งใจ “คุณจะทำก็ได้นี่คะ...ในเมื่อฉันเต็มใจ
สรวงกอดจริงจัง “อย่างที่บอก เพราะผมรักคุณไงกรรณรี ผมรอวันของเราได้”
กรรณนรีมองซึ้ง สรวงกระเซ้า ทำท่าเหมือนเสือจะขย้ำเหยื่อ
“นี่! อย่ามองผมด้วยสายตาอย่างนี้ เดี๋ยวผมกลายเป็นสรวงเสือหื่นปล้ำคุณขึ้นมาจะยุ่ง...” ฉุดให้ลุกขึ้น “ไป..อาบน้ำ เดี๋ยวนายสอระวง จะสำแดงฝีมือทำอาหารเช้าให้คุณชิม” สรวงเดินออกไพร้อมรอยยิ้มกว้าง หันหน้ามาสั่งเสียงดุ “อาบน้ำๆ”
กรรณนรีเยื้อนยิ้ม มองสรวงอย่างเต็มตื้น ก่อนจะเดินตามออกไป
อ่ า น ต่ อ ห น้ า 4
ไฟมารตอนที่ 8 (ต่อ)
กาวตามสรวงเข้าไปในครัว เห็นสรวงทำอาหารเช้า จำพวกเมนูไข่อยู่ ทั้งไข่ดาว ไข่คน ไส้กรอก อย่างคล่องแคล่ว อีกมือก็หันไปจับขนมปังเข้าเครื่องปิ้ง
“ฉันช่วยดีกว่าค่ะ” กรรณนรีบอก
“ไม่ต้อง ตอนผมเรียนอยู่เมืองนอก ผมทำทานบ่อยๆ อีกอย่าง...” หันมาจ้องหน้ากรรณนรีพูดแซว “เหม็นขี้ฟัน รีบไปอาบน้ำเร็วเข้าคุณ...หรือจะต้อง..ให้ผมอาบให้”
สรวหันตัวมาทำท่าย่างเท้าเข้ามา กรรณนรีถอยหลังกรูด
“ไม่ต้องค่ะ ฉันอาบเองได้”
“งั้นก็รีบไปอาบเร็วๆ จะได้ออกมาทานอาหารเช้า” สรวงเหลียวมองท้องฟ้าด้านนอกยิ้มกริ่ม “เอ๊ะ!หรืออาหารเที่ยงดี”
กรรณนรีหมั่นไส้ค้อนขวับ “คุณนี่”
“มัวแต่ค้อนอยู่นั่นแหละ ไปอาบน้ำได้แล้ว คุณนายตื่นสาย” สรวงขยับตัวจะเข้ามาอีก
กรรณนรีวิ่งหนีไป สรวงมองตามยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปง่วนกับการทำอาหารต่ออย่างสุขใจ
กรรรณรีเดินเข้ามาในห้องน้ำ มองกระจกดวงตาหมองครุ่นคิดฝันอยากมีครอบครัวอบอุ่นกับสรวง
กรรณนรีฝันถึงบ้านหลังเล็กๆ น่ารักๆ ที่จะได้ใช้ชีวิตครอบครัวกันอย่างอบอุ่น มีกรรณนรี มีสรวง และลูกสาวน่ารักวัยสองขวบ สองคนช่วยกันเลี้ยงลูกไปมา
สรวงอาบน้ำ กรรณนรีแต่งตัว สรวงอุ้มลูกสาว กรรณนรีป้อนข้าว สองคนพาลูกไปเดินเล่นใบหน้ายิ้มแย้ม เปี่ยมสุข
กรรณนรีดึงตัวเองกลับมา น้ำตาไหลพรากๆ ร่ำร้องในใจ
“ต่อไป...คุณคงรังเกียจฉันมาก แต่นับวัน ฉันยิ่งรักคุณ...คุณสรวง”
กรรณนรีร้องไห้ ส่วนด้านนอก สรวงถือกระทะไข่ดาวเข้ามาเคาะประตูเรียก
“นี่คุณ เข้าไปหลับในห้องน้ำอีกรอบรึไง...ออกมาได้แล้วคุณนายตื่นสายไข่ดาวสุกจนจะเป็นไข่พระจันทร์อยู่แล้ว เอ๊ะ!หรือจะต้องพังประตูเข้าไป”
“ค่ะๆ...เสร็จแล้วค่ะ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
บนโต๊อาหาร ภาพแห่งความสุข แสนโรแมนติก ระหว่างสรวง กับกรรณนรี สองคนตักอาหารป้อนให้แก่กันและกัน สองคนหยอกล้อ กอดหอม เคล้าคลอ ภาพความสุขที่กรรณนรีจะเก็บจำไว้ในใจหลังจากพ้นวันนี้ไปแล้ว
เวลาเดียวกันทางด้านสุดากับสุขหฤทัยคุยกันอยู่ที่ห้องโถงในคฤหาสน์ ท่าทีสุดาดูเป็นกังวล
“นังกรรณนรีมันยังไม่ติดต่อมาอีกเหรอ”
“ยังเลยค่ะคุณหญิงแม่”
“มันไม่กลัวรึไง”
“ฤทัยมั่นใจ ยังไงมันต้องกลัว....กลัวว่าพ่อมันจะตายถ้าเห็นคลิปอุบาทว์นั่น”
“ก็แล้วทำไมมันไม่ติดต่อกลับมา..มัวทำอะไรอยู่”
สองคนทำท่าจิ๊จ๊ะขัดใจ
ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าตรงโค้งทะเล สรวงจับมือกรรณนรีเดินเล่นท่ามกลางแสงสะท้อนผิวน้ำทะเลยามเย็นระยิบระยับตา
“ฉันอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้จัง”
สรวงยิ้มกว้าง รวบตัวกรรรนรีมากอด “แต่ฉันไม่...เพราะฉันอยากอยู่กับเธอนานๆ ตลอดไป
เราจะสร้างครอบครัวเล็กๆ ด้วยกันนะกรรณรี มีเธอ มีฉัน มีลูก” ยิ้มยั่วตาหยี พลางพูดกระเซ้า “ถ้าไม่นับมรดกของพ่อ เงินเดือนของฉันอาจจะไม่ได้มากมายอะไรแต่ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ให้เธอกับลูกลำบาก แต่อาจจะต้องมีบางมื้อ ที่ฉันจะให้เธอกินบะหมี่สำเร็จรูป”
“ฉันไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน ไม่ใช่ผู้หญิงหน้าเงิน บะหมี่สำเร็จรูปฉันก็กินได้ ถ้ากินกับคุณ”
“ไม่เอาอ่ะ” ผลักกรรณนรีออกพูดเย้า “ถึงตอนนั้น ฉันคงไม่อิ่ม เธอหากินเองแล้วกัน”
กรรณนรีหมั่นเขี้ยวทุบตีสรวง “จริงๆเลยคุณนี่”
สรวงคว้าตัวมากอดใหม่ มองตาหวานฉ่ำ “ใครจะให้เธอลำบาก...ถึงฉันจะให้เธอกินบะหมี่สำเร็จรูป ฉันก็จะให้เธอกินแบบคัพ แพงกว่าแบบซองนิดนึง”
กรรณนรีอมยิ้มหัวเราะขำ “คุณนี่ ยังไงฉันก็พร้อมลำบากไปกับคุณค่ะ”
สรวงหอมหน้าผากกรรณนรีฟอดใหญ่ “ชื่นใจ” จับแขนสองข้างมองจ้องหน้า บอดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “รู้มั้ยเห็นเธอทุกข์ ฉันก็ทุกข์ด้วย เพราะฉะนั้นมีอะไร เธออย่าเก็บไว้คนเดียว”
กรรณนรีมองตอบอย่างซึ้งใจ “ค่ะคุณสรวง”
“ฉันรักเธอ”
“ฉันก็รักคุณค่ะ”
สรวงตระกองกอดกรรณนรีไว้แนบอก สองหนุ่มสาวทอดสายตามองพระอาทิตย์จนลับขอบฟ้าไป
สรวงขับรถมาส่งกรรณนรีที่บ้านตอนกลางคืน สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรัง
“ฉันถือช่วยค่ะ”
สรวงยิ้ม “ผมลูกผู้ชายหิ้วของแค่นี้จะให้” ทำน้ำเสียงล้อราวกับพระเอกลิเก “นางผู้ซึ่งเป็นที่รักหิ้วได้ยังไง”
กรรณนรียิ้มขำกับคำพูดเชยเฉิ่มที่สรวงคัดสรรมา “เสร็จจากนี้แล้วจะไปเล่นลิเกที่วิกไหนคะ? ฉันจะได้ตามไปเป็นแม่ยก”
“ยกที่นี่แหละ ยกหัวใจให้หมดเลย” สรวงหัวเราะร่า “ป่ะ..พอแล้วเลี่ยน เข้าบ้าน”
กรรณนรีหัวเราะกิ๊กกั๊ก “ฉันนี่แหละควรจะพูดประโยคนี้ ไปค่ะ”
สองคนเดินเข้าไปในบ้านกระหนุงกระหนิง
สองคนเข้ามาตรงห้องนั่งเล่นในบ้าน สรวงยกมือไหว้แล้วส่งของให้เกริก ที่ยื่นมือมารับของพลางถาม
“หิ้วอะไรมาฝากเยอะแยะ”
“ของทะเลน่ะครับคุณลุง”
“ขอบใจๆ ทานอะไรกันมาหรือยัง? เดี๋ยวลุงทำให้”
สรวงมองไปยังกรรณนรียิ้มตาหวาน “อิ่มแปล้เลยครับ”
“งั้นก็กลับได้แล้วค่ะ”
“แล้วเจอกัน คุณลุงครับ..ผมกลับนะครับ”
“ไหว้พระๆ” เกริกเดินหิ้วของเข้าครัวไป ปากบ่นแต่สีหน้าแช่มชื่น “ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
กรรณนรีมองตามสรวงหน้าเศร้า...รู้ดีว่าต่อไปจะทำอย่างนี้อีกไม่ได้แล้ว
ระหว่างนั้นกาวินทร์ที่มองมานานจากบันไดเดินเข้ามาหากรรณนรีบอกเสียงเข้ม
“มาคุยกับพี่หน่อยสิกาว”
บริเวณมุมหนึ่งตรงหน้าบ้าน กาวินทร์กับกรรณนรีเดินออกมาด้วยกัน กาวินทร์ถามหน้าเครียดเป็นห่วงอยู่ในที
“ทำไมกาวยังคบกับเค้าอยู่ ทั้งๆ ที่กาวก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
กรรณนรีน้ำตาคลอ “กาว...แค่อยากทำตามหัวใจตัวเอง”
“ทำตามหัวใจตัวเอง แต่ถ้าพ่อรู้ พ่อเจ็บน่ะเหรอ? เมียก็ถูกเค้าแย่งไป ลูกก็ยังจะถูกเค้าพรากไปอีก โดยผู้ชายที่มาจากตระกูล อริยะวรรต”
“มันไม่มีวันนั้นหรอกค่ะพี่แก้ว...” กรรณนรีสะอื้นเสียงดังขึ้น “มันไม่มีทางมีวันนั้น”
กาวินทร์ไม่เข้าใจ และยุ่งยากใจ “พี่ไม่เข้าใจ กาวพูดเหมือนจะตัดใจแต่กาวก็ไปกับมัน”
“กาวบอกแล้วไงคะว่าขอทำตามหัวใจตัวเอง ครั้งแรก และครั้งสุดท้าย..และนับจากวันนี้ ระหว่างกาวกับคุณสรวง มันจะไม่เหลืออะไรอีกแล้วค่ะ”
กรรณนรีผลุนผลันวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
ทันทีที่ประตูห้องนอนปิดลง กรรณนรีปล่อยโฮออกมาสุดกลั้น ก่อนจะปาดน้ำตาทิ้งโทร.หาสุขหฤทัย ที่กำลังเอาเท้าแช่อ่างน้ำอุ่น มีคนมาขัดเท้าให้ สุขหฤทัยรับสายอย่างเป็นต่อ หยอดเสียงเย้าแกมเย้ย
“ว่าไงจ๊ะกรรณนรี”
กรรณนรีเสียงเครือแต่ยังเข้มแข็ง “ฉันตกลงทำตามข้อบังคับของคุณ...แต่ทันทีที่งานสำเร็จ คุณต้องทำลายคลิปบ้าๆ พวกนั้น รวมทั้งไปจากชีวิตของฉัน”
สุขหฤทัยหัวเราะเย้ย “ข้อเสนอของเธอเบบี๋มากเลยกรรณนรี คลิปอุบาทว์ของพี่ชายเธอ ฉันไม่อยากเก็บไว้ให้มันเป็นเสนียดหรอก”
กรรณนรีโกรธจัด “งั้นก็ทำลายมันเดี๋ยวนี้เลยสิ”
“ก็บอกแล้วไง ฉันเก็บไว้เป็นเครื่องต่อรองกับเธอ” เสียงเข้ม “ฟังอีกครั้ง ยิ่งเธอทำงานเสร็จเร็วแค่ไหน คลิปก็จะถูกทำลายเร็วเท่านั้น”
สุขหฤทัยวางสายยิ้มอย่างพอใจ
กรรณนรีน้ำตาไหลออกมาอีก คับแค้นใจนัก
ขณะที่นิคกับมะยมเดินเข้ามา จ๋าเดินหน้าตาตื่นมาหาพร้อมซองสีขาว ยื่นให้ตรงหน้า
มะยมร้องลั่น “เฮ้ย! พี่จ๋า...เรื่องอะไรมายื่นซองขาวกันแต่เช้า”
“ผมเข้าออกงานตรงเวลานะครับไม่เคยขาด ไม่เคยเกเร ไม่เคยลาเจ็บลาป่วย” นิคสยองด้วย
“ก็ใครว่าพี่จะไล่เธอสองคนออกล่ะ”
มะยมกับนิคมองหน้ากัน ก่อนหันมามองจ๋างงๆ
“แล้วซองอะไรครับ”
“จดหมายลาออกของกาว”
สองคนตกใจตาโต ร้องประสานเสียง “หา! กาวลาออก”
นิคกับมะยมเดินออกมาที่หน้าออฟฟิศ
“โทร.หากาวเลยแก” นิคบอก
“โทร.จนมือหงิกอยู่เนี่ย แต่กาวไม่รับสาย เฮ้อ!กาวนะกาว มีปัญหาอะไรทำไมไม่บอก” มะยมว่า
นิคหน้ายุ่ง “นั่นน่ะสิ มัวทำอะไรอยู่นะกาว”
กรรณนรีอยู่ในร้านเสริมสวยสุดหรู กำลังนั่งทำผม เพื่อแปลงโฉมตัวเอง แต่กรรณนรีนั่งนิ่ง เฉยเมย ดวงหน้าราวกับหุ่นปั้น
ในเวลาต่อมา สุดากับสุขหฤทัยยืนอยู่ที่ชายทะเล กรรณนรีในชุดเดรสสั้น เสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะ สวยและเซ็กซี่มากเดินเข้ามา พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปกลายเป็นสาวมาดมั่น
“ฉันมาแล้ว”
สุดากับภาพิศหันมามอง สองคนยิ้มพอใจ
“ฤทัยรสนิยมดีมากเลยจ้ะ ถึงเปลี่ยนนางสลัมให้กลายเป็นผู้ดีขึ้นมาได้” สุดาว่า
“นับจากวันนี้ บทบาทของ ศุภาวีร์ ผู้หญิงคนใหม่ของท่านอารักษ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว” สุขหฤทัยเสริมต่อ
สุดากำชับเสียงเข้ม “จำไว้หน้าที่ของเธอคือแย่งท่านอารักษ์มาจากนังภาพิศให้ได้...เธอทำสำเร็จเร็วแค่ไหน คลิปอุบาทว์ๆ ของพี่ชายเธอก็จะถูกทำลายเร็วแค่นั้น”
“ทำให้ได้เร็วๆ นะจ๊ะ ศุภาวีร์” สุขหฤทัยพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดเย้ย “แย่งท่านอารักษ์มาจากนังภาพิศให้ได้”
สองคนเดินไป กรรณนรีมองตามอย่างแค้นเคือง คำรามก้องในใจ
“นอกจากแย่งนายอารักษ์มาจากคุณภาพิศ สิ่งที่ฉันจะทำคือ ทำให้นายอารักษ์หย่าจากคุณให้ได้ คุณหญิงสุดา”
แววตากรรณนรีวาวโรจน์
ขณะที่อารักษ์นั่งทอดอารมณ์อยู่ที่บ้านพักริมทะเล สีหน้าของอารักษ์เคร่งเครียด ไม่สบายใจ จังหวะนั้นกรรณนรีในชุดแต่งตัวสุดเซ็กซี่ เสื้อสายเดี่ยว มีผ้าคลุมสะโพก ผมยาวสยาย อ่อนหวาน เดินลัดเลาะมาตามชายหาด
พอเห็นอารักษ์ กรรณนรีก็แสร้งทำทีจะเป็นลม ซวนเซโงนเงน อารักษ์เห็นก็ตกใจ วิ่งเข้ามาหา
“คุณ...เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ”
ทันทีที่อารักษ์ประคอง กรรณนรีก็ซบหน้าลงกับอกอารักษ์กิริยาอ้อนๆ
อารักษ์รู้สึกแปลกๆ เขย่าตัวเรียก “คุณ”
“ฉันไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ” กรรณนรีช้อนตา เงยหน้าขึ้นมองแบบมีจริต
อารักษ์จำได้ มองอย่างตะลึงแล เพราะกรรณนรีเปลี่ยนไป สวยขึ้นมาก “เธอ...เธอชื่อก้าง ที่เป็นนักข่าวใช่มั้ย”
กรรณนรีบอกเสียงเศร้า “ค่ะแต่ต่อไปได้โปรดอย่าเรียกฉันว่าก้างกรุณาเรียกฉันว่า...ศุภาวีร์”
อารักษ์มองกรรณนรีไม่เข้าใจ ขณะที่กรรณนรีซบหน้าลงกับอกอารักษ์ออดอ้อนอีก
“ท่านขา....ฉันอยากตาย..ฉันอยากตาย”
อารักษ์ตบหลังเบาๆ ปลอบ “อย่าพูดเรื่องตาย มีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนหนูเอง”
อารักษ์ประคองกอดกรรณนรีเดินเข้าไปยังที่พัก ท่าทางเจ้าชู้มาก
ที่ด้านหลังสองคน สุดากับสุขหฤทัยแอบมองอยู่ พอเห็นอารักษ์ประคองกรรณนรีเข้าไปด้านใน สองคนก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะตามไป
อารักษ์ประคองกรรณนรีลงนั่งที่เก้าอี้ตรงระเบียงหน้าบ้านพัก กรรณนรีร้องไห้สะอึกสะอื้นใส่จริต อารักษ์ปลอบกรรณนรีเหมือรผู้ใหญ่ใจดี แต่แอบถึงเนื้อถึงตัว จับมือไม้ตลอดเวลา
“ไม่เอาน่า..หนูจะร้องไห้ทำไมแค่ผู้ชายคนเดียว”
กรรณนรีแอ๊บเสียงเศร้า “ก็หนูรักเค้า” กรรณรีเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวว่าหนู
อารักษ์จับมือปลอบ “ฉันเข้าใจ แต่ผู้ชายดีๆ ยังมีอีกเยอะ ที่จะไม่ทำให้หนูเสียใจ อย่างฉันคนหนึ่งไง”
กรรณนรีช้อนตามองใส่จริตจกร้าน หูตาแพรวพราวยั่วยวน “ท่านพูดจริงหรือคะ”
“จริงสิ...” อารักษ์เกลี่ยผมออกให้กรรณนรีแบบเอ็นดูแต่แอบแต๊ะอั๋ง “ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตา
ผู้หญิง โดยเฉพาะคนสวยๆ อย่างหนู...” ชายสูงวัยกลั้วหัวเราะ “แปลกจัง..ที่ผ่านมาฉันปล่อยหนูมาได้ยังไง”
กรรณนรีชม้ายตามอง “ก็สายตาท่าน มีแต่คุณหญิงสุดาแล้วก็คุณภาพิศ”
อารักษ์ยิ้ม ถอนหายใจ “แต่ตอนนี้สุดากับภาพิศกำลังจะกลายเป็นอดีตไปแล้วล่ะ”
“ท่านพูดจริงเหรอคะ”
“ตั้งแต่ฉันได้เจอหนู..ฉันก็คิดว่า ถึงเวลาที่ฉันควรทำให้มันเป็นเรื่องจริงซักที”
อารักษ์จับมือกรรณนรี ดึงเข้ามากอด กรรณนรีจำต้องโอนอ่อนผ่อนตาม แต่ดวงตาเกลียดชัง
ขณะเดียวกันที่ด้านหลัง สุขหฤทัยกับสุดาแอบมองอยู่ ยกมือถือถ่ายไว้อย่างรวดเร็ว
กลางหว่างบรรยากาศสวยงามที่ชายทะเลเย็นนั้น สุดายืนอยู่กับสุขหฤทัย สองคนยิ้มร้ายสะใจอยู่ ที่แผนการลุล่วงไปหนึ่งเปลาะ
สุขหฤทัยยื่นมือถือให้สุดา “ส่งไปให้นังภาพิศมันดูเลยค่ะคุณหญิงแม่”
สุดารับมายิ้มอย่างพอใจ กดเบอร์โทร.ภาพิศแล้วส่งไปทันที
ขณะที่ภาพิศกำลังช็อปปิ้งของใช้เด็กอ่อน สัญญาณมือถือดัง ภาพิศรับมาดู ภาพแทนสายตาเห็นอารักษ์กอดผู้หญิงคนหนึ่งไม่เห็นหน้า ภาพิศจ้องมองดู
สุดายิ้ม รอจังหวะกดโทร.หา ทำเสียงเศร้าแต่หน้ายิ้มหยัน
“คุณน้องเห็นแล้วใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ”
“ผู้หญิงคนใหม่ของท่านอารักษ์....มีคนส่งมาให้พี่...ถึงเวลาที่เราควรจะร่วมมือกันได้แล้วนะคะ”
สุดาผุดยิ้มร้ายออกมา ในขณะที่ภาพิศหน้าเครียดเคร่ง
สุดากับภาพิศนั่งด้วยกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง สุดาแสร้งทำทีเป็นกลัดกลุ้ม
“พี่ไม่คิดเลยจริงๆ แค่คุณน้องท้องไม่เท่าไหร่ ท่านก็มีผู้หญิงคนใหม่ซะแล้ว”
“คุณหญิงทราบมั้ยคะว่าผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร” ภาพิศคาใจมาก
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน...รู้แค่ว่า...ทั้งสาว ทั้งสวย...ยิ่งถ้าเทียบกับคุณน้องแล้วล่ะก็ เหมือนแม่กับลูกเลยล่ะค่ะ”
ภาพิศหน้าตาบูกบึ้ง ความหึงหวงแล่นพล่าน สุดาลอบมองยิ้มอย่างพอใจ พูดต่อ
“นี่ล่ะค่ะพี่ถึงว่า...ถึงเวลาที่เราควรร่วมมือกันซักที เพราะพี่คนเดียวคงเอาท่านไม่อยู่หรอก” สุดาแอบเหน็บ “ก็ขนาดคุณน้องคนเดียว พี่ยังแทบตาย”
“ค่ะฉันจะร่วมมือกับคุณหญิง สืบดูให้รู้ผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร”
ภาพิศพูดตาวาวโรจน์
ที่หน้าร้านอาหาร ภาพิศคุยโทรศัพท์ ปรึกษาแฉล้มที่อยู่ปลายสาย
“คุณจะไปอยากรู้ทำไมคะ?..รู้ไป คุณก็ไม่สบายใจเปล่าๆ” แฉล้มว่า
“แต่เพราะผู้หญิงคนนั้นทำให้ท่านไม่มาหาฉัน...” ภาพิศพูดพลางเอามือลูบท้อง พูดเสียงเครือ
“ทั้งๆ ที่ฉันท้อง ฉันกำลังมีลูกกับท่าน”
ด้านหลังภาพิศยามนั้น สุดาเหยียดยิ้มอย่างพึงใจ ที่เห็นภาพิศทุรนทุรายเจ็บปวด
“ฉันว่าคุณทำใจให้สบายดีกว่าค่ะ...อย่าไปเต้นตามคุณหญิงสุดาเลย” แฉล้มเตือนอีก
“ฉันไม่ได้เต้นตามคุณหญิงสุดา...แต่ฉันเต้นเพื่อลูกของฉัน...ฉันจะทำยังไงถ้าท่านหลงผู้หญิงคนนั้นจนไม่ยอมกลับมา”
คุณหญิงสุดายิ้มพอใจมาก ขณะที่ภาพิศคำราม
“คุณต้องช่วยฉันต้องสืบมาให้ได้ ผู้หญิงที่มาเหยียบย่ำหัวใจฉันมันเป็นใคร”
แฉล้มทำหน้าเซ็งๆ ขณะวางสาย
สุดายิ้มหยัน สีหน้าสาแก่ใจมาก
มะยมกับนิคเดินหน้าเซียวออกมาจากออฟฟิศกำลังจะกลับบ้าน เจอสรวงเดินยิ้มเข้ามาหา
“กาวอยู่มั้ยครับ วันนี้ผมติดต่อกาวทั้งวันไม่ได้เลย”
นิคกับมะยมมองหน้ากัน ก่อนหันไปมองสรวง
ไม่นานนัก สามคนนั่งคุยกันอยู่ในร้านอาหาร มะยมเอ่ยขึ้นก่อน
“เราสองคนก็ติดต่อกาวไม่ได้เหมือนกันค่ะ”
“ไม่ได้แค่เราสองคน ที่ออฟฟิศก็ติดต่อกาวไม่ได้เหมือนกัน” นิคบอก
สรวงหน้าตาฉงน “กาวเป็นอะไร”
“มะยมก็ไม่ทราบค่ะ ว่ากาวมีเรื่องอะไร กาวถึงได้ลาออก”
สรวงตกใจ “ลาออก”
“ที่บ้านกาวไม่รู้...รู้เรื่องนี้รึยัง??
“ผมจะลอง แวะไปถามดู”
สีหน้าของสรวงกังวลหนัก
สรวงแวะไปหากรรณนรีที่บ้านด้วยความร้อนใจ เจอเกริกที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่ สรวงยกมือไหว้ เกริกรับไหว้ถามแปลกใจ
“อ้าว! แล้วกาวล่ะ?” สรวงยิ่งแปลกใจ เกริกมองเข้าไปในรถ “ลุงก็นึกว่ามาส่งกาว”
สรวงรู้ทันทีว่าเกริกไม่รู้เรื่องกรรณนรีลาออก “พอดีผมผ่านมาทางนี้เลยแวะมาหากาวนะครับ”
“กาวยังไม่กลับจากทำงานเลย มะ...เข้ามานั่งรอก่อน”
สรวงท่วงท่าขรึมลง “ขอบคุณครับแต่ผมต้องรีบกลับไปทำงานต่อ บอกกาวด้วยนะครับผมมาหา”
สรวงเดินออกไป เกริกมองตามอย่างงุนงง สองป้าวิ่งมาท่าทางตื่นเต้น ในมือป้าตั๊กแตนมีหนังสือติดมาด้วย
“พ่อเกริกๆ”
“ว่าไงป้า”
“กาวมีแฟนเป็นคนดังก็ไม่บอก” จักจั่นยิ้ม
เกริกยิ้มขำ “ดังอะไร”
ตั๊กแตนโชว์หนังสือในมือหรา “นี่ไง?..เค้าลงหนังสือด้วย ล้อ..หล่อ”
เกริกรับมาดู เห็นสรวงถ่ายรูปลงปกหนังสือ เกริกอ่านข้อความโปรยปก
“ผ่าหัวใจหนุ่มในฝันของสาวๆ สรวง อริยะวรรต”
เกริกทิ้งหนังสือในมือลง วิ่งตามสรวงออกไป สองป้างง
“เอ้า! ทิ้งหนังสือทำไม”
ตั๊กแตนนึก “ฉันว่ามันคุ้นๆ นะ สรวง อริยะวรรต” สองป้ามองหน้ากันต่างคนต่างนึก “ลูกชายท่านอารักษ์ผัวใหม่ของนุดี” ตั๊กแตนโพล่งขึ้น
สองคนมองหน้ากันอย่างตกใจ
ขณะที่สรวงกำลังจะขึ้นรถ เกริกตามเข้ามาท่าทางร้อนรนตกใจ
“เดี๋ยวก่อนคุณ”
“ครับคุณลุง” สรวงหันมาหา
“ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าคุณ....คุณนามสกุล อริยะวรรต”
สรวงตกใจหน้าซีดเผือด ขณะที่เกริกมองขมขื่น
“คุณเป็นอะไรกับพลตรีอารักษ์” สองคนมองหน้ากัน ต่างคนต่างอึดอัด ลำบากใจ
สรวงตอบอย่างลำบาก “ผม....ผมเป็นลูกชาย”
สีหน้าเกริกเจ็บปวด เหมือนหัวใจถูกทุบอย่างแรง เกริกเอามือกุมหัวใจ
“พ่อคุณพรากเมียผมไปแล้ว ผมขอ...คุณอย่าพรากกาวไปจากผมอีกเลย
สองคนประสานสายตากัน เกริกมองมาอย่างเจ็บปวด พยายามข่มน้ำตาไม่ให้ไหล หันหลังกลับแต่แล้วเกริกก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะล้มทรุดลงไป สรวงตกใจ รีบเข้ามาประคอง
“คุณลุงๆๆ”
เกริกนอนนิ่งอยู่บนเตียง สรวงมองอย่างเสียใจ กาวินทร์เปิดประตูวิ่งพรวดเข้ามา
“พ่อ” หันมาเห็นสรวง “แก” กาวินทร์คำรามกระชากคอเสื้อสรวง เงื้อหมัด อย่างโมโห ก่อนจะข่มอารมณ์ได้ ผลักออกไปแรงๆ
“คุณกลับไปเลยไป”
“ขอผม” สรวงเป็นห่วงเกริก
กาวินทร์สวนขึ้นทันที พร้อมกับชี้ไปที่ประตู “ผมบอกให้ไป อย่าให้ต้องมีการต่อยกันหน้าคนป่วยเลย ผมขอร้อง”
สรวงถอนหายใจเดินออกไป ปิดประตูลง แต่ปิดไม่สนิท
กาวินทร์ผวาเข้าไปกอดเกริกที่นอนหมดสติอยู่ จับมือเกริกร้องครวญคร่ำ
“พ่อ...พ่อต้องไม่เป็นอะไรนะ” กาวินทร์บอกเสียงเข้ม “พ่อต้องไม่เป็นอะไร?” มองอย่างหนักใจ “แค่เรื่องนายสรวง พ่อยังเป็นขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นเรื่องผม....พ่อคง...”
กาวินทร์หลับตานิ่ง ซบหน้าลงยังมือที่กุมมือเกริกอยู่ สรวงยังยืนอยู่ที่ประตูแอบฟัง นึกเป็นห่วงเกริก สีหน้าฉงน ไม่เข้าใจ สิ่งที่กาวินทร์พูดออกมา
ภรตเดินมาส่งมาลินี สองคนเดินมาตามทาง ในมือของทั้งคู่ถือพุงพะรุงพะรัง มาลินียิ้มบอกภรต
“ขอบคุณมากนะคะพี่ภรต อุตส่าห์ไปซื้อของเป็นเพื่อนมด”
“พี่เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำน่ะ”
มาลีนีหน้าหมองแต่ฝืนยิ้มให้ดูสดใส “คนไม่มีใครก็อย่างนี้นะคะ ...ขอให้เราสองคน
ผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปได้เร็วๆ นะคะ”
“พี่ก็หวังอย่างนั้น” ภรตแหงนหน้ามองฟ้าร้องเพลงฮิต “โปรดส่งใครมารักฉันที...อยู่อย่างนี้มันหนาวเกินไป”
สองคนร้องท่อนต่อมาร่วมกัน “อยากจะรู้รักแท้มันเป็นเช่นไร มีจริงใช่ไหม โปรดส่งใครมาเป็นคู่กัน ที่ไม่ทำให้ฉันเดียวดายช่วยมาทำให้ฉันเข้าใจ และได้รักใครกับเขาสักครั้ง”
ทั้งร้องเฮ้ หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน จังหวะนั้นเสียงมือถือมาลีนีดัง
“เอ้า! ใครโทร.มา”
มาลินีมองดู “พี่แก้ว” ยิ้มบางๆ ออกมา
ภรตบอก “รับสิ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ...เกิดพูดผิดหู เดี๋ยวพี่แก้วจะรำคาญมดอีก ขอบคุณมากค่ะพี่ภรต แล้วเจอกันค่ะ”
“โอเค...แล้วเจอกันมด”
สองคนโบกมือบ๊ายบายให้กันอย่างเพื่อน มาลินีมองมือถือ ตัดสินใจปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น ขณะเดินเข้าบ้านไป
กาวินทร์นั่งหน้าเครียดอยู่ด้านนอกโรงพยาบาล ถอนหายใจ มองมือถือมาลินีไม่ยอมรับสาย
กาวินทร์โทร.หากรรณนรี แต่ไม่ติด กาวินทร์โทร.เข้าเบอร์ออฟฟิศน้องสาว ซึ่งมีเพียงเสียงโทรศัพท์ดังแต่ไม่มีคนรับ กาวินทร์ตัดสินใจกดโทร.หามดอีกครั้ง แต่มาลีนีไม่รับสายเหมือนเดิม
นาทีนั้นกาวินทร์รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างเหลือเกินแล้ว
คืนเดียวกันนั้น จ๋า นิค และมะยม เดินเข้ามาในออฟฟิศ สตาร์ อินเทรนด์ จ๋าเอ่ยขึ้น
“เฮ้อ! กว่าจะประชุมเสร็จแทบตาย...เออแล้วนี่เราสองคน เตรียมตัวทันหรือเปล่า?”
“ทันสิพี่...ขืนไม่ทัน ผมก็ถูกไล่ออก”
“งั้นก็ตามไปเก็บภาพน้องฟ้ากับเสี่ยวินัยมาให้ได้” จ๋ากำชับ
“แน่นอนค่ะ ถ้าน้องฟ้าบอกเลิกเสี่ยวินัยแล้ว แต่ยังแอบไปกับเสี่ยวินัยอีก แล้วมีรูป มีหลักฐานว่าไปด้วยกัน คราวนี้ไม่มีคนเห็นใจน้องฟ้าแน่” มะยมบอก
“โอเค งั้นแยกย้าย” จ๋าคว้ากระเป๋าเดินออกไป
นิคถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับบ่นออกมา “เฮ้อ! เป็นนักข่าว ตามข่าวคนนั้นคนนี้ได้ แต่เพื่อนอยู่ไหน หาไม่ได้ ตามไม่เจอ เสียชื่อหมด”
“ก็ขอให้คุณสรวงตามกาวเจอก็แล้วกัน”
มะยมว่าสองคนมองหน้ากันห่วงกรรณนรีเหลือแสน
วันต่อมาภาพิศในชุดคลุมท้อง ท่าทางอิดโรยเดินนำสรวงเข้ามาในบ้าน
“นั่งก่อนค่ะคุณสรวง....มีอะไร ถึงได้มาหาพี่คะ”
“คุณได้ข่าว” สรวงทำท่าจะเรียกชื่อกาว แต่แล้วพูดเลี่ยง “ก้างหรือเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ ช่วงนี้พี่แพ้หนักไม่ได้ไปไหนเลย? มีอะไรเหรอคะ”
“ก้างหายไปไหนก็ไม่รู้ไม่มีใครติดต่อได้..ผมเลยคิดว่า เค้าอาจจะติดต่อคุณ”
“เปล่าค่ะ ไม่ได้ติดต่อมาเลย” สีหน้าภาพิศกังวลขึ้นมา “ก้างหายไปไหน อุ๊ปส์!”
ภาพิศคลื่นไส้ ทำท่าจะอาเจียน สรวงปราดเข้าช่วยทันที
ภาพิศอาเจียนอยู่ในบ้าน มีสรวงคอยเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ทำตามคำพูดที่พ่อฝากฝังภาพิศไว้
“คุณจะไปหาหมอมั้ย”
ภาพิศยิ้มเจื่อน “ไม่ค่ะ อย่างที่บอก ช่วงนี้พี่แพ้หนัก เชิญคุณสรวงตามสบาย ถ้าก้างติดต่อมาพี่จะบอกน้องเค้าว่าคุณสรวงเป็นห่วงมาก”
“งั้นผมกลับนะครับ” พอจะกลับเสียงมือถือดัง สรวงรับ “ครับคุณแม่”
สุดาอยู่ที่บ้านบีบน้ำตา “สรวง..คุณพ่อมีผู้หญิงคนใหม่อีกแล้วนะลูก”
สรวงตกใจ “ผู้หญิงคนใหม่” สรวงหันมามองภาพิศ เห็นภาพิศหน้าถอดสี ดูออกว่าเสียใจมาก
สุดาแสร้งทำเป็นเสียงเครือสั่น “แม่อยากรู้มากว่ามันเป็นใคร”
สรวงหันหน้าไปมองภาพิศ เห็นภาพิศนั่งนิ่งน้ำตาคลอเบ้า
ภาพิศน้ำตาไหล ขณะบอกสรวงด้วยสีหน้าเจ็บช้ำ
“อย่างที่คุณหญิงบอกน่ะค่ะ ท่านมี “ผู้หญิง” คนใหม่ พี่เข้าใจนะคะคุณสรวง แต่ที่พี่ไม่เข้าใจ ทำไมท่านต้องทิ้งลูกไปด้วย”
สรวงสะท้อนใจ สงสารภาพิศ ฉุนอารักษ์ “คุณพ่ออาจจะคิดถึงแต่ตัวเอง”
ภาพิศร้องไห้โฮออกมา “มันทำให้พี่คิดถึงตัวเอง..ตอนที่พี่ทิ้งลูกพี่มา...เพราะพี่ก็นึกถึงแต่ตัวเองเหมือนกัน” รีบบอก “แต่พี่ไม่ได้ต้องการความสุขสบายนะคะคุณสรวง....พี่ต้องการแค่ใครซักคนที่รักพี่ เข้าใจพี่ อยู่กับพี่..และตอนนั้นท่านก็คือผู้ชายคนนั้น”
สรวงพูดต่อด้วยน้ำเสียงขมขื่น “และพี่ก็ยอมทิ้งลูกมา”
ภาพิศพยักหน้า “ทั้งๆ ที่พี่รักลูกสุดหัวใจ...แต่ตอนนี้บาปกรรมมันกำลังสนองพี่ค่ะคุณสรวง บาปกรรมมันกำลังสนองพี่” ภาพิศร้องไห้จนตัวโยน ยกมือลูบท้องตัวเองอย่างน่าเวทนา
สรวงมองภาพตรงหน้านึกสะท้อนใจ
โ ป ร ด อ่ า น ต่ อ ไ ฟ ม า ร ต อ น ที่ 9