วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 7
สนธยา สติแตก เกาะประตูรั้ว หลับตา แหกปากตะโกนไปนอกบ้าน
“ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย ใครก็ได้ช่วยที ผีหลอก”
เหล่าผียื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผีขุนศึกกระซิบถาม
“หลับตาเห็นด้วยรึไง”
สนธยานึกได้
“เออ นั่นสิ”
สนธยาลืมตาเจอเหล่าผี ยืนล้อมอยู่ เขาแหกปากดังกว่าเดิม
“อ๊าก...ผีหลอก” เขาหลับตาอีก “ไม่จริง เราฝันไป ตั้งสติไว้ มันแค่ภาพลวงตา เราไม่เห็นผี เราไม่เห็นผี”
สนธยาหลับตาอยู่ ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ มองไปรอบๆ เหล่าผีหายไป สนธยาดีใจ
“นั่นไง ไม่มี เราแค่ตาฝาด ผีหายไป ผีไม่มี ฮ่าๆ”
เหล่าผีนั่งยองๆ อยู่ข้างสนธยาที่ยืนอยู่
“อยู่นี่”
สนธยาก้มมอง เห็นผี ก็ตกใจ
“อ๊าก...ผีหลอก”
สนธยาหนีวิ่งเข้าบ้านไปเลย
สนธยาเปิดประตู หน้าบ้าน วิ่งเข้ามา มองซ้าย มองขวา กลัวลนลาน
“ไม่จริง นี่บ้านเรา ต้องไม่มีผี ต้องไม่มีผี”
ประตูที่สนธยาเพิ่งเปิด ค่อยๆถูกผลักปิด เหล่าผียืนอยู่ครบ พูดออกมาพร้อมเพียง
“มี”
“อ๊าก”
สนธยาตาเหลือกวิ่งหนีรนรานไป
สนธยาเปิดประตูห้องนอน ไม่เจอใคร เจอแต่เตียงเก่าๆ เดินเข้าในห้อง มองไปรอบๆ อย่างตื่นกลัว
“เอาวะ ในนี้ไม่มีผี เราอยู่ได้ ๆ”
ที่พื้น มีมือโผล่จากใต้เตียงยื่นมาจับขาทันที สนธยา ชะงัก เปลี่ยนเป็นสะอื้น แล้วแหกปาก
“อ๊าก”
สนธยาวิ่งออกไป ผีตายทั้งกลมคลานจากใต้เตียงออกมายิ้ม
สนธยาเปิดประตูครัว เจอผีนางทาส ตำน้ำพริกกับครกหินอยู่ ผีนางทาสหันมายิ้ม
“กินอะไรมั้ย”
“ม่าย”
สนธยาวิ่งหนีไปทันที
สนธยาเปิดประตูห้องน้ำ เจอผีงิ้วนั่งชักโครกอยู่หันมาชี้ หน้าดุ สนธยาสะอื้น
“ข...ขอโทษ อ๊าก”
สนธยาปิดระตูวิ่งหนีไป
สนธยาวิ่งออกจากเรือนหอมา แหกปาก ตะโกนลั่น
“ไม่ไหวแล้ว ไอ้พวกผีบ้า เอาบ้านฉันคืนมา...”
เหล่าผีปรากฏตัวมายืนข้างๆสนธยาทันที
“เมิงจะแหกปากทำไมนักหนา” ผีขุนศึกถามเสียงเยือกเย็น
สนธยาสะดุ้ง ถอย หลบ
“อ๊าก...ผี กลัวแล้ว อย่าเข้ามาๆ”
เจนนี่ สนิท ชมพู่ อาสา หรั่งมาซุ่มดูอยู่ที่มุมหนึ่ง เจนนี่เห็นสนธยาโดนผีหลอก จะเข้าไปช่วย
“นายสน...”
สนิทดึงไว้
“ไม่เห็นรึไง แหกปากขนาดนั้น มันโดนผีหลอกจนบ้าแล้ว”
“ดูดิ ไอ้คุณสนพูดคนเดียวเห็นมั้ยน่ะ” ชมพู่ชี้ไป
เจนนี่หันไปมองสนธยาอย่างเป็นห่วง
สนธยาคุยกับเหล่าผี เขากลัวมากๆ
“พ...พวกคุณ ต...ต้องการอะไร บุญรึเปล่า ทำบุญให้ก็ได้นะ”
ผีนางรำเบ้หน้า
“จะถามทำไม อย่างมึงจะทำอะไรได้”
ผีขุนศึกปราม
“ใจเย็น อย่างน้อยมันก็เคยช่วยเราจากไอ้หมอผีอีกาไว้”
สนธยารีบบอก
“ช...ใช่ ฉันเคยช่วยไม่ให้พวกนายถูกจับลงหม้อ พวกนายก็ควรตอบแทน ด้วยการไปเกิดซะทีสิ”
“ไม่ กูยังไม่เจอคุณหลวงของกู กูไม่ไปไหนทั้งนั้น” ผีนางทาสยืนยันเสียงแข็ง
“งั้นก็รีบๆออกจากบ้าน ไปหาคุณหลวงที่อื่นสิครับ”
“นี่มึงโง่ป่ะเนี่ย...ขนาดอยู่รวมกัน หมอผีอีกามันยังจะจับลงหม้อได้ ขืนแยกกันไป ก็เสร็จมันสิวะ” ผีงิ้วด่า
“ห๊ะ...แล้วจะให้ผีกับคนอยู่รวมกันที่นี่ เห็นกันจะๆ ตัวเป็นๆเนี่ยนะ ม่าย”
สนธยาส่ายหน้าไม่ยอม...เจนนี่แอบมองอยู่ เธอเป็นห่วงสนธยา
“ได้ยินมั้ย ไอ้คุณสนมันบอกว่าเห็นผี นี่มันบ้าหนักแล้วนะ” หรั่งกระซิบ
เจนนี่ยิ่งเป็นห่วง
“งั้นก็รีบไปพาเขาออกมาสิ”
อาสาส่ายหน้า กลัว
“หื่อ...ในนั้นมีผี จะให้เข้าไปตายรึไง”
“เออ งั้นเดี๋ยวฉันจัดการเองก็ได้”
เจนนี่ตัดสินใจ เดินหันหลังออกไป พวกสนิทงง
“อ้าวเฮ้ย ไหนบอกจะจัดการ แล้วมันไปไหนวะเฮ้ย”
หลวงพ่อตกใจเมื่อ เจนนี่มาขอให้ไปช่วยสนธยา
“ไล่ผี...” หลวงพ่อส่ายหัว “อาตมาไล่ไม่เป็น มันไม่ใช่กิจของสงฆ์”
“งั้นหลวงพ่อช่วยไปเจรจา ขอให้ผีไปอยู่ที่อื่นก็ได้ค่ะ ไม่งั้นนายสนต้องโดนผีหลอกไปตลอดชีวิตแน่”
หลวงพ่อคิดหนัก
“นะคะหลวงพ่อ ถือว่าทำบุญเถอะโปรดสัตว์ เถอะนะคะ”
“ไอ้สนมันเป็นคนนะโยม...แต่ก็นะ ถ้ามันเดือดร้อน อาตมาจะไม่ช่วยก็คงไม่ได้ แต่อาตมาไม่รับปากว่าจะคุยกับผีรู้เรื่องนา”
“เอาเถอะค่ะหลวงพ่อ รีบไปเถอะ ก่อนที่นายสนจะบ้าไปซะก่อน”
เจนนี่กับหลวงพ่อรีบลุกไป
สนธยานั่งพับเพียบ สวดมนต์ เมดเล่ย์ หลับตา ปากพึมพำ ตั้งใจจะไล่ผี
“สัพเพสัตตา อะเวราโหนตุ สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงสุขๆเป็นสุขเถิด อะนีฆา โหนตุอัพพยา ปัชชาโหนตุ...ไปยังเนี่ย” เขาแอบลืมตา
พวกผียืนอยู่ครบ ท้าวเอว กอดอก เซ็งๆ สนธยาสะดุ้ง
“เอ้ย” เขาหลับตาสวดต่ออย่างกลัวๆ “นะโมตัสสะ นะโมตัสสะ”
พวกสนิทแอบซุ่มอยู่นอกรั้ว ชมพู่เห็นสนธยาพับเพียบสวดมนต์ ก็แอบเมาท์
“ไอ้คุณสนมันโดนผีหลอกจนปลงแล้วมั้งเนี่ย สวดมนต์เป็นชั่วโมงแล้วนะ”
เจนนี่ เข้ามาสมทบ
“นายสนเป็นไงบ้าง”
สนิทพยักเพยิดไป
“นั่งสวดมนต์หัวโด่อยู่นั่น...ไหนบอกจะหาวิธีจัดการผี แล้วนี่ไปไหนมา”
“ฉันก็ไปพา...” เจนนี่หันไปไม่เห็นก็ตกใจ “เอ้า ไปไหนแล้วล่ะ”
เหล่าผียืนล้อมสนธยาอยู่ หลวงพ่อเข้ามายืนข้างๆเขา
“หยุดสร้างเวรสร้างกรรมเถอะโยมทั้งหลาย”
สนธยาจำเสียงได้ลืมตาขึ้น ดีใจ
“หลวงพ่อ”
หลวงพ่อยิ้ม เหล่าผีมองหน้าหลวงพ่อ ไม่พอใจ
พิมพ์ดาวถือช่อดอกไม้เข้ามา มณฑลตามมาส่ง โทนี่อยู่ในร้าน เห็นเข้าก็ไม่พอใจ
“ไปไหนกันมา”
พิมพ์ดาวกับมณฑลมองหน้ากันยิ้มๆ ไม่ยอมตอบ และไม่สนใจโทนี่“ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะคะหมวด”
พิมพ์ดาวยิ้มให้มณฑลแล้วเข้าร้านไป โทนี่มองหน้ามณฑลอย่างเคืองแค้น มณฑลจ้องตอบ ยิ้มให้ โทนี่หันหลัง จะเดินตามพิมพ์ดาวไป มณฑลรีบมาขวาง
“เดี๋ยวสิครับคุณโทนี่ พอดีเย็นนี้ ผมนัดดินเนอร์กับคุณดาวไว้ รบกวนคุณช่วยจัดโต๊ะพิเศษสำหรับสองที่ให้ผมด้วย...ขอบคุณนะครับ”
มณฑลออกไป โทนี่แค้นจัดหยิบ โทรศัพท์มาโทร
“ไอ้มณฑลกำลังจะออกไป จัดการตามแผน อย่าให้พลาดเด็ดขาด...”
โทนี่วางสาย มองตาม แค้นๆ
สนธยาหลบหลังหลวงพ่อ เหล่าผีไม่พอใจ
“หลวงพ่อครับช่วยผมด้วย”
“กลับไปซะ เรื่องของผีพระไม่เกี่ยว” ผีตายทั้งกลมตวาด
“อาตมาก็ไม่อยากเกี่ยวหรอก แต่พวกโยมกำลังทำบาปกับผู้อื่นจนพวกโยมจะไม่ได้ไปผุดไปเกิด อาตมาเลยต้องมาเตือน”
พวกผีมองหน้ากันลังเล เจนนี่กับสนิทและลูกน้องวิ่ง เข้ามาสมทบหลวงพ่อ สนิทดีใจคิดไปเองว่าหลวงพ่อจัดการผีได้
“เป็นไงบ้างครับหลวงพ่อ เงียบอึ้งกันแบบนี้ พวกเรารอดแล้วใช่มั้ย ไชโย้ ผีไปแล้ว”
“ไปเกาะอยู่หลังโยมแล้วน่ะ” หลวงพ่อบอกเรียบนิ่ง
“มิน่าหน่วงๆ เอ้ย...อย่าล้อเล่นสิครับหลวงพ่อ”
“เขาจะไปรึเปล่า ก็ให้อาตมาคุยให้รู้เรื่องก่อน” หลวงพ่อหันไปคุยกับพวกผี “ว่าไงทำไมพวกโยมถึงยังวนเวียนอยู่ที่นี่ มีอะไรให้ช่วยมั้ย”
พวกผีมองหน้ากัน ผีนางทาส ตัดสินใจ คุกเข่าไหว้หลวงพ่อ
“มีเจ้าค่ะ อิฉันชื่อ เจียม เป็นทาสในเรือนคุณหลวงอาทิตย์ เราสองคนรักกัน...แต่อิฉันถูกคุณหญิงใส่ร้ายว่าทำเสน่ห์ใส่คุณหลวง จนอิฉันถูกโบยจนสิ้นใจ...อิฉันอยากพบคุณหลวงอีกสักครั้ง ช่วยอิฉันด้วยเถอะเจ้าค่ะหลวงพ่อ” ผีนางทาสร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ส่วนอั๊วชื่อเล้ง เป็นดาวเด่นในคณะงิ้ว คนในคณะมันอิจฉา วางยาพิษ จนอั๊วเลือดออกเจ็ดทวาร ตายคาเวที แต่อั๊วยังเล่นงิ้วอีก เพราะมันคือชีวิตอั๊ว ผีงิ้ว” ร้องไห้ออกมา “ฮือๆๆ”
ผีนางรำแววตาแค้น
“ฉันไม่รู้ว่าใครฆ่าฉัน แต่มันทิ้งหลักฐานไว้ที่นี่...”
ผีนางรำเอี้ยวคอ เห็นเป็นรอยเหมือนเล็บเหล็ก 5 รู ทิ่มคอทะลุ แผลเหวอะหวะ สนธยาตกใจ สงสาร“ใครทำกับฉันแบบนี้ ฉันยังไม่อยากตาย ยังไม่อยากตาย” ผีนางรำร้องไห้
ผีทหารญี่ปุ่นคุกเข่าสะอื้น
“สงคราม ทำให้ผมต้องตาย แต่ผมอยากกลับไปตายที่บ้านเกิดผม ช่วยผมด้วย”
ผีตายทั้งกลมร้องไห้สะอื้นอย่างแค้นๆ
“ไอ้สารเลวนั่น มันทิ้งเราไป มันไม่ต้องการลูกฉัน แต่ฉันอยากอยู่กับลูก ลูกจ๋า ลูกจ๋า” ผีตายทั้งกลมร้องไห้คร่ำครวญลูบท้องตัวเอง
ผีขุนศึกคุกเข่า ไหว้
“ขอความกรุณาเถอะขอรับหลวงพ่อ เมียผมท้องแก่ใกล้คลอด ป่านนี้คงกำลังรอกระผมอยู่ กระผมหาทางกลับบ้านไม่เจอ ช่วยด้วยเถอะขอรับหลวงพ่อ” ผีขุนศึกก้มลงกราบ
“ช่วยด้วย ช่วยเราด้วย ช่วยเราด้วย”
เหล่าผี ก้มกราบ คร่ำครวญกับหลวงพ่อ ท้องฟ้า เกิดเมฆครึ้มคลื่นมาบังแสงอาทิตย์ ลมพัดต้นไม้ไหว ฝูงนกบินผ่าน ร้องระงม บรรยากาศ เศร้าโศก แสนหดหู่ เจนนี่ สนิท หรั่ง อาสา ชมพู่ เกาะกลุ่มกันอย่างตื่นกลัว มองไปรอบๆ รู้สึกได้ถึงความวังเวง ทรมาน สนธยามองเหล่าผีอย่างสงสาร เขาหันไปขอร้องหลวงพ่อ
“ช่วยพวกเขาด้วยเถอะครับ หลวงพ่อ”
หลวงพ่อส่ายหัว
“อาตมาช่วยไม่ได้จริงๆ”
เหล่าผีลุกขึ้นโกรธ ส่งเสียงดุ
“หลวงพ่อ”
ในคลินิก...หมอผีอีกานอนอยู่บนเตียงพยาบาล ลืมตาขึ้นทันที ตาเบิกโพลง
“มัน...ไอ้พวกผีเร่ร่อนมันยังอยู่ พลังพยาบาทของมัน ยังรอข้าอยู่ ฮ่าๆ”
หมอผีอีกา หัวเราะคลั่ง
พวกผีโกรธมาก ที่หลวงพ่อไม่ยอมช่วย จะเอาเรื่อง
“หมายความว่าไงที่หลวงพ่อช่วยไม่ได้ ท่านต้องช่วยเราสิ” ผีนางทาสโวยวาย
“พาข้ากลับบ้าน...ข้าจะไปจากที่นี่” ผีทหารญี่ปุ่นพูดเสียงเข้ม
ผีนางรำจ้องหน้าหลวงพ่ออย่างเอาเรื่อง
“หรือท่านไม่คิดจะช่วยเราแต่แรก ท่านหลอกเรา...อยากตายหรือไงหลวงพ่อ”
พวกผีจะขยับเข้าทำร้าย สนธยาเข้ามายืนกันหลวงพ่อไว้
“อย่านะ”
หลวงพ่อยิ้ม
“ใจเย็นๆ โยมทั้งหลาย อาตมารู้ว่าพวกโยมกำลังเป็นทุกข์สาหัส แต่คนที่จะช่วยโยมได้ไม่ใช่อาตมา”
“ขนาดพระยังช่วยไม่ได้ แล้วใครจะช่วยผีอย่างเราได้อีก” ผีงิ้วโวย
“ก็คนที่โยมกับเขามีกรรมร่วมกัน คนที่มองเห็น และจะพาพวกโยมไปจากที่นี่ได้ไงล่ะ”
สนิทดีใจ
“ฮ่าๆ รอดแล้วกู กูมองไม่เห็นผี”
อาสาโล่งใจ
“กูก็ไม่เห็น กูพามันไปไหนไม่ด๊าย”
ชมพู่หัวเราะ
“ฮ่าๆ กูก็ชอบแบ แต่ไม่ชอบกรรมร่วมกับใคร สั้นๆว่าไม่เกี่ยว”
“หรั่งก็ไม่เกี่ยวเหมือนกัน เรื่องผีขอบอกคำเดียวว่า โนว” หรั่งส่ายหน้าดิกๆ
เจนนี่ชี้เรียงตัว
“งั้นถ้าน้าหนิดไม่ใช่ ชมพู่ อาสา หรั่งไม่ใช่ ฉันก็มองไม่เห็นผีเหมือนกัน...” เธอนึกได้ก็ตกใจ “งั้นก็เหลือ...”
เหล่าผียืนเรียงแถวชี้ไปทางเดียวกันทันที
“มัน”
สนธยาสะดุ้ง หน้าเสีย
“ฮือ...ม่าย”
หลวงพ่อส่ายหัว ยิ้มปลงๆ
มณฑลขับรถมองกระจกหลัง เห็นรถตู้ขับตามมาจ่อท้าย เขาเอื้อมไป เปิดลิ้นชักหยิบปืนมาวาง ข้างตัว หน้าตาอย่างเตรียมพร้อม มณฑลเปิดไฟเลี้ยว หักรถเข้าข้างทาง รอจังหวะ รถตู้ที่ขับตามมา กลับขับผ่านไป มณฑลมองตามแปลกใจ
“เอาไงของมันวะ”
โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น พิมพ์ดาวโทรมา เขากดรับโทรศัพท์
“ครับคุณดาว”
“เป็นไงคะหมวด ปลอดภัยดีมั้ย พี่โทนี่ส่งคนไปทำอะไรหมวดหรือเปล่า”
“ครับ ลูกน้องโทนี่ตามผมมาจากที่ร้าน แต่ตอนนี้พวกนั้นขับรถตู้ไปทางสนามบิน ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณดาวไม่ต้องห่วงนะครับ”
“แต่หมวดแน่ใจนะคะ ว่าไม่ได้คิดมากไป”
“ไว้คืนนี้ก็รู้ครับ ถ้าโทนี่ทนเห็นเราเป็นแฟนกันได้ ผมอาจคิดมากไปก็ได้...รบกวนคุณดาวด้วยนะครับ”
มณฑลวางสาย ยิ้มอย่างมีหวัง
อ่านต่อหน้า 2
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 7 (ต่อ)
สนธยายกมือไหว้ถามหลวงพ่อ ไม่อยากไปกับพวกผี
“นั่นผีนะครับหลวงพ่อไม่ใช่แมวใช่หมู จะให้พาไปไหนยังไง แล้วที่สำคัญ ทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะครับ”
“เอ็งก็คิดดูดีๆสิวะ ว่าทำไมเอ็งต้องมาซื้อบ้านหลังนี้ที่พวกเขาอยู่”
สนธยาสวนทันที
“เพราะยัยเจนนี่หลอกผม”
เจนนี่สะดุ้ง
“อ้าวเฮ้ย”
“ก็ถูก แต่พอรู้ว่ามีผี เอ็งก็ยังปักใจจะอยู่ที่นี่ แล้วเอ็งก็เคยมีจิตเมตตาช่วยเขาไว้ ส่วนที่เอ็งตกหลังคาแล้วรอดมา จนมองเห็นเขาได้ ก็เพราะเขาช่วยเอ็งเช่นกัน แบบนี้ถ้าไม่เรียกทำกรรมร่วมกัน จะเรียกอะไรล่ะไอ้สน”
“ช่วยแล้วก็จบๆ กันไปไม่ได้เหรอครับหลวงพ่อ ทำไมผมยังต้องช่วยต่อด้วยล่ะครับ”
“เอ้าไอ้นี่ ก็เพราะเขากับเอ็ง ยังไม่หมดกรรมกันสิวะ”
“แปลว่าถ้านายสนไม่ช่วย พวกผีก็จะอยู่อย่างนี้ต่อไปเหรอคะ” เจนนี่ถามอย่างหวาดๆ
“ตอนนี้พวกเขาก็เหมือนวิญญาณเร่ร่อน รอการช่วยเหลือและปลดปล่อย แต่ถ้าไอ้สนอยากให้เขาอยู่เป็นเพื่อนต่อไป ก็ตามใจ”
พวกผีหันมามองสนธยา นิ่งๆ สยองๆ สนธยายิ้มเจื่อนๆ
“ขอผมช่วยให้เขารีบๆไปเกิดดีกว่า ขืนอยู่กันต่อไป ตายแน่ครับหลวงพ่อ”
ชมพู่ดีใจ
“แปลว่า คุณสนจะพาพวกผีไปหมดเลยใช่มั้ย งั้นเราก็จะได้ซ่อมบ้าน แล้วก็จะได้เงินแล้วสิ”
พวกสนิทดีใจมาก
“เย้”
“ไปได้ทีละตัวเท่านั้น ไม่เช่นนั้น ไอ้หมอผีอีกามันต้องตามกลิ่นวิญญาณเราแน่” ผีขุนศึกพูดขึ้น
หลวงพ่อหันมาบอกพวกสนิท
“โยมผีเขาบอกว่าไปได้ทีละตัวเท่านั้นแหละ”
“ดีมาก...” สนิทนึกได้ “ห๊ะ หมายความว่าไงหลวงพ่อ ไปได้ทีละตัว แล้วผีมีทั้งหมดกี่ตัว”
สนธยานับ
“หก”
สนิทชะงัก
“หกตัว...ไปทีละหนึ่ง แปลว่าเหลือที่บ้านเยอะกว่าสิ แล้วใครจะอยู่กับพวกพี่เขาล่ะคร๊าบ”
เจนนี่สวนทันที
“ก็พวกน้าไง”
ชมพู่ อาสา หรั่งส่ายหัวยิก หน้าสั่น สนิทท่าทางมั่นใจ
“เอาวะ ในฐานะที่น้าเป็นหัวหน้า น้าขอเสียสละ...”
หรั่งแทรกทันที
“อยู่ซ่อมบ้านคนเดียวกับพวกผี”
“หนีไปอยู่วัดกับหลวงพ่อนี่แหละ”
ทุกคนเซ็ง
“โห่ย”
หลวงพ่อตัดบท
“เรื่องคนไว้ก่อนก็ได้ แต่ตอนนี้ โยมผีตนไหน เดือดร้อนต้องการให้ไอ้สนช่วยเป็นตนแรก ก็เลือกมาแล้วกัน”
สนธยาหันไปมองผี หวาดๆ พวกผียืนมองหน้ากัน เอาไงดี
หมอผีอีกา นั่งสมาธิอยู่ในบ้าน อีกาบินเข้ามาในห้อง ส่งเสียงร้อง หมอผีอีกาลืมตาขึ้น ยิ้ม
“ไม่ต้องห่วง พวกมันหนีไม่พ้นเงื้อมือข้าแน่ แต่ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องหาวิธีฟื้นพลังให้เร็วที่สุด ขอบใจพวกเจ้ามากที่คอยช่วยเหลือข้า”
หมอผีอีกา เอาซากอีกาที่วางอยู่ใกล้ๆขึ้นมา กัดดื่มเลือด หัวเราะคลั่ง
“ฮ่าๆ”
อีกาที่มาส่งข่าว รีบบินหนีไป
สนธยาหลับตาปี๋ถือถังสีใบใหญ่ บ่นอย่างกลัวๆ
“ก...ก็รู้นะว่าเป็นผี แต่ไม่มีวิธีเลือกอื่นที่มันดีกว่านี้หรือไง”
ผีงิ้วยื่นลูกตาให้ ลงใส่ถัง หลับตาอยู่ข้างนึง
“วิธีจับฉลากเหมือนหวยออกนี่แหละ ดีที่สวด”
ผีขุนศึกดึงฟันตัวเองออกมา วางใส่ถัง
“ใช่ จับเจอของของใคร คนนั้นก็ได้ไปก่อน...ฮ่าๆ”
เจนนี่แซวสนธยา
“ผู้ชายป่ะเนี่ย กลัวอะไรนักหนา รับปากจะช่วยแล้ว ก็ทำให้สุดสิ”
สนธยาหันมาเถียง
“เธอก็พูดได้ ไม่เห็นเขาควักลูกตาออกมาจับฉลากเหมือนฉันนี่”
หลวงพ่อตัดบท
“เอาล่ะๆ ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มกันเลย จะได้ไม่เสียเวลา”
“นิมนต์หลวงพ่อครับ”
“จะบ้ารึไง เอ็งช่วยเขา เอ็งก็จับสิวะ” หลวงพ่อโวย
เจนนี่เอาถังสีไปถือ ยื่นให้ สนธยาหลับตาล้วงลงไปในถัง
“อะไร หยุ่นๆ”
สนธยาลืมตาขึ้นมาตกใจ เห็นมืออีกมือจับมือสนธยาอยู่
“ม...มือ มือ อ๊าก”
สนธยาตกใจโยนมือที่ขาดอยู่ออกไป ผีทหารญี่ปุ่นรับมือที่ลอยมา แล้วเอาไปต่อกับมือข้างที่ขาด แล้วโค้งนอบน้อม
“ขอบคุณครับ สงครามสงบแล้ว ผมจะได้กลับบ้านซะที”
หลวงพ่อยิ้มบางๆ
“ดีใจด้วยนะโยม ยังไงอาตมาก็ขอฝากลูกศิษย์ด้วย มีอะไรก็เมตตา ช่วยเหลือกัน ลูกศิษย์อาตมาคนนี้มันพึ่งพาได้ จริงมั้ยไอ้สน”
หลวงพ่อหันไปหา สนธยากลัวเป็นลมไปเลย
“เอ่อ”
พวกเจนนี่สนิทประคองไว้ พยายามเรียก
“นายสน ๆ ไอ้คุณสน…”
ค่ำนั้น มณฑลกับพิมพ์ดาว นั่งทานอาหารใต้เสียงเทียน เขาตักอาหารป้อนให้เธอ ทดสอบอาการโทนี่
“เยอะไปรึเปล่าคะหมวด” พิมพ์ดาวกระซิบ
“อย่าลืมสิครับ ว่าตอนนี้เราเป็นแฟนกัน แล้วก็มีคนคอยจับตาดูเราอยู่”
ที่โต๊ะถัดไปไม่ไกล โทนี่นั่งดื่มไวน์ เครียดๆ ท่าทางไม่พอใจ พิมพ์ดาวที่ยอมชิมอาหารที่มณฑลป้อนให้
“คุณดาวนี่น่ารักจังเลยนะครับ
พิมพ์ดาวยิ้ม
“แค่การแสดงค่ะ”
มณฑลตัดสินใจ
“แล้วถ้าผมจะบอกว่าผม...”
โทนี่เข้ามาที่โต๊ะ
“เมื่อไหร่จะกลับซะที”
“ท่าจะเมาแล้วมั้งคุณโทนี่ นี่ยังหัวค่ำอยู่เลย”
โทนี่กระชากคอเสื้อมณฑล
“บอกให้ไป ก็ไปสิวะ อยากตายรึไง”
พิมพ์ดาวไม่พอใจ
“อะไรกันพี่โทนี่ ผู้หมวดเขาเป็นแขกของดาวนะ”
“แขกที่ต้องยอมเข้าโรงแรมไปกับมันเนี่ยนะ ไหนดาวบอกพี่ว่ามีแฟนแล้ว ทำไมต้องไปมั่วกับมันด้วย”
“ดาวจะคบใคร จะทำอะไรมันก็เรื่องของดาว พี่ไม่มีสิทธิ์...”
พิมพ์ดาวง้างมือ จะตบโทนี่ ฤดี เข้ามาพร้อมลูกน้องโทนี่
“หยุดนะดาว”
พิมพ์ดาวอึ้ง
“คุณแม่...”
มณฑลหันมองหน้าโทนี่ ทันที รู้ว่าเสียท่า โทนี่ยิ้มเยาะ แผนสำเร็จ
หลวงพ่อหลับตาสวดมนต์รอบๆร่างหลวงพ่อเกิดเป็นแสงสว่าง แผ่กระจายปกคลุมไปทั่วบ้าน พวกผีที่พนมมืออยู่มองไปรอบๆ หลวงพ่อลืมตาขึ้นยิ้ม
“อาตมาตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองดวงวิญญาณของพวกโยมและบ้านหลังนี้ จะได้ไม่มีใครทำร้ายพวกโยมได้ระหว่างที่ยังอยู่ที่นี่ พวกโยมไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
พวกผียกมือไหว้หลวงพ่อ ขณะเดียวกันนั้นรถตู้เข้ามาจอดหน้าบ้าน สนิทเป็นคนขับลงจากรถ สนธยา เจนนี่ ชมพู่ อาสา หรั่ง ลงตามมา สนิทเข้ามาหาหลวงพ่อ
“พร้อมแล้วครับหลวงพ่อ รถตู้วัดหลวงพ่อนี่เครื่องแรง สภาพเยี่ยม รับรองส่งคุณผีถึงที่หมาย ชัวร์”
หลวงพ่อหันมาหาสนธยา
“แล้วเจ้าสนล่ะพร้อมมั้ย”
สนธยาส่ายหัว
“งั้นก็ไปได้”
สนธยารีบขัด
“ด...เดี๋ยวสิครับหลวงพ่อ ให้ผมไปกับคุณผีสองคน ไม่ไหวจริงๆ....ไปด้วยกันหมดเลยเถอะนะครับหลวงพ่อ”
ชมพู่ผงะ
“อ้ะๆ อย่ามาเนียน เขาไม่ได้บอกว่าจะไปด้วยซะหน่อย ใครจะไปก็ไป ชมพู่ขอบาย”
อาสารีบบอก
“ผมก็เหมือนกัน ลูกสองเมียอีกสี่ ถ้าลูกเมียรู้ว่าเลือกไปกับผี ครอบครัวมีหวังเสียใจแย่”
“สำหรับผม แมนๆ บอกได้คำเดียวว่า กลัว ยังไงก็ไม่ไป” หรั่งยืนยัน
เจนนี่ เห็นสนธยา ลำบากใจหมดหวัง ตัดสินใจ
“ฉันไปด้วยก็ได้”
“จะบ้ารึไงเจนนี่ นั่นผีนะ”
“ฉันเองมีส่วนให้นายสนต้องเจอเรื่องแบบนี้ ขืนไม่รับผิดชอบ โดนพวกผีตามมาหักคอ ฉันก็ซวยดิ”
สนิทคิดหนัก
“เอาวะ ถ้าไอ้คุณสนปลดปล่อยผีไปไม่หมด น้าก็ไม่มีงาน งั้นน้าไปด้วย เดี๋ยวขับรถให้”
สนธยาซึ้งใจ
“ขอบคุณนะ น้าหนิด เจนนี่”
“ฉันไม่ได้ทำเพื่อนาย ฉันแค่ไม่อยากถูกผีตามหลอกต่างหาก”
หลวงพ่อตัดบท
“เอาล่ะ ถ้าตกลงกันได้ ก็รีบออกเดินทาง เป้าหมายยังอีกไกล ยังมีภารกิจที่เหลือรออยู่ โชคดีนะโยมนะ”
ผีทหารญี่ปุ่นกราบหลวงพ่อ
“ขอบพระคุณนะขอรับหลวงพ่อ” ผีทหารญี่ปุ่นหันไปพูดกับพวกผี “ลาก่อน เพื่อนรัก ถ้าชาติหน้ามีจริง เราคงได้เจอกันอีก”
พวกผีพยักหน้า ผีทหารญี่ปุ่นค่อยๆหายตัวไป สนธยาดีใจ
“เอ้า หายไปแล้วนี่ หรือว่าเขาไปเกิดแล้วครับหลวงพ่อ”
พอเปิดรถตู้ออกมา ผีทหารญี่ปุ่นนั่งอยู่ในรถตู้แล้ว
“อยู่นี่ เร็วสิ รออยู่”
สนธยากับเจนนี่ พยักหน้ากลัวๆ ขึ้นรถตู้ไป ชมพู่สะอื้นล่ำลาสนิท
“ไปที่ชอบที่ชอบนะน้าหนิด ไปแล้วไปลับ ไม่จำเป็นไม่ต้องกลับมานะ”
“อยากกินอะไร ก็มาเข้าฝันไอ้ชมพู่ละกันนะ” อาสาเสริม
หรั่งทำหน้าเศร้า
“โธ่น้าหนิด ไม่น่าเลย เห็นกันหลัดๆฮือ”
“กูยังไม่ตาย แค่ไปส่งผี ว่าแต่พวกเมิงเหอะ อยู่ที่นี่โชคดีละกัน”
สนิท รีบขึ้นรถตู้ ขับออกไปเลย
“ทำไมน้าหนิดมันรีบจังวะ” ชมพู่สงสัย
“นั่นดิ มันโดนผีหลอกจนเพี้ยนป่ะเนี่ย ไปกับผีแต่มาบอกให้เราโชคดี” หรั่งแปลกใจ
“กูว่ามันกลัวผีขรี้ขึ้นสมอง จนเบลอแล้วล่ะ” อาสาออกความเห็น
“เปล่า ที่เขาไปส่งแค่หนึ่ง แต่อยู่ที่นี่อีกห้า ฝากพวกโยมช่วยดูแลด้วยละกัน อาตมาลาล่ะ”
ขาดคำหลวงพ่อรีบเดินออกไป จีวรปลิว ชมพู่ อาสา หรั่งยืนอยู่ สะอื้น โดนพวกผียืนล้อม
“ฮือ หลวงพ่อ”
สนิทขับรถตู้ หวาดๆ เจนนี่นั่งเบียดกับสนธยาเบาะหน้าหลังคนขับ
“ตอนนี้เขาอยู่ในรถกับเราแล้วใช่มั้ย คุณสน” สนิทถามขึ้น
“อยู่...”
เจนนี่หวาดกลัว
“นั่งเบาะหลังอย่างสงบ ไม่ทำอะไรเราใช่มั้ย”
“ป...เปล่า นั่งติดกับเธอเนี่ย”
ผีทหารญี่ปุ่นนั่งข้างเจนนี่หันมามอง เจนนี่ผวากระโดดนั่งตักสนธยา
“เฮ้ย แล้วจะนั่งบื้อทำไม บอกให้เขาไปนั่งทีอื่นสิ”
“ค...คุณผีครับ”
ผีทหารญี่ปุ่นหันมา ช้าๆ
“เคนจิ...ผมชื่อเคนจิ”
“คุณเคนจิครับ บ้านที่จะให้ไปส่งอยู่ไหนครับเนี่ย” สนธยาถาม
“เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น”
สนธยาตะลึง
“ญี่ปุ่น ขับรถตู้ไป ชาติไหนจะถึงล่ะครับเนี่ย”
“งั้นขับเรือไป เหมือนที่ผมนั่งเรือรบ แล้วมาตายที่เมืองไทยนี่...ไปที่อู่ต่อเรือ”
สนธยากลัวๆ
“อ...อู่ต่อเรืออีกตั้งไกล พี่ช่วยเขยิบไปนั่งข้างหลังได้มั้ย ไม่ต้องเบียดกันขนาดนี้ก็ได้”
“ไม่เห็นรึไง ว่าข้างหลังมีคนนั่งอยู่”
สนธยาหันมาถามเจนนี่งงๆ
“เขาบอกที่เบาะหลังมีคนนั่งอยู่”
ทั้งสองหันไปดู เจนนี่ไม่เห็นมีใคร
“ไหนอ่ะ ไม่เห็นมี”
เบาะหลัง ผีเด็กหญิงปรากฏตัวขึ้น โบกมือยิ้มให้ สนธยาเห็นเต็มตาสะดุ้งโหยง
“เฮ้ย”
ชมพู่ อาสา หรั่งอยู่ในแคมป์คนงาน นั่งกระจุกกันพากันกลัว มองซ้ายขวา สวดมนต์
“พุทโธ ธัมโม สังโฆ ๆ”
“เงียบแบบนี้ ผีนอนยังวะ” ชมพู่ถามเบาๆ
อาสานิ่งคิด
“นั่นดิ ถ้าเขานอนแล้ว เรากลับไปนอนมั่งเถอะ”
หรั่งขัดขึ้น
“แต่ถ้าเรากลับไป เขาไม่ตามเราไปที่บ้านเหรอพี่”
เสียงเตะสังกะสีดัง เปรี้ยง ทั้งสามสะดุ้งสุดตัว
“เฮ้ย”
ทั้งสามตัวสั่นรีบสวดมนต์ต่อ
เหล่าผียืนรวมกันอยู่นอกแคมป์...ผีงิ้วเตะสังกะสี ผนังแคมป์ระบายอารมณ์
“นี่ถ้าไอ้หนุ่มนั่นช่วยผีทหารญี่ปุ่นไม่สำเร็จ...เราไม่ต้องติดอยู่ที่นี่ กับไอ้พวกปอดแหกนี่ ตลอดไปรึไงวะ”
ผีขุนศึกขัดขึ้น
“รอมาเป็นชาติแล้ว รออีกนิดจะเป็นไรล่ะ”
ผีนางรำยังมีท่าทีเจ็บแค้น
“ไม่ ข้าไม่อยากรออีกต่อไป ข้าอยากรู้ว่าใครข้าฆ่า ข้าจะฆ่ามัน”
“ข้าก็เหมือนกัน ข้าจะไปหาคุณหลวง เดี๋ยวนี้”
ขาดคำของผีนางทาส เสียงอีกาดังร้องขึ้น บินผ่านไป ผีตายทั้งกลมมองขึ้นไปบนฟ้า
“เสียงนี้ ...มัน... มันอยู่นั่น”
ผีตายท้องกล้มชี้ไปที่รั้ว...หมอผีอีกาปรากฏตัว ท่องคาถาพึมพำ แล้วค่อยๆยื่นมือผ่านรั้วเข้ามาแต่แล้วหมอผีอีกาสะดุ้งเหมือนไฟช็อต รีบชักมือกลับ ยิ้มๆ
“มนต์คาถาคุ้มครอง แปลว่ามีคนอยากช่วยให้พวกเจ้าอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยสินะ”
เสียงอีการ้อง บอกข่าว หมอผีอีกายิ้ม
“ไม่สิ มีคนพาพวกเจ้าหนึ่งตนออกไป...ดี ข้าจะได้ไม่ต้องบุกเข้าไปให้เสียเวลา แต่เมื่อไหร่ที่ข้าหาวิธีทำลายมนต์คุ้มครองนี้ได้ วิญญาณพวกเจ้าต้องเป็นของข้าฮ่าๆ”
หมอผีอีกาหัวเราะคลั่ง พวกผีเห็นหมอผีอีกา ยืนหัวเราะที่นอกรั้ว มองหน้ากัน คิดหนัก ผีขุนศึกหันมาบอกพรรคพวก
“อดทนรอที่นี่อีกนิด ถ้าไอ้หมอผีมันเอาวิญญาณเราไปได้ ภารกิจเราไม่มีวันสำเร็จแน่”
พวกผีพยักหน้าเห็นด้วย แล้วค่อยๆหายตัวไป
อ่านต่อตอนที่ 8
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 8
ผีเด็กหญิง นั่งอยู่ที่เบาะแถวหลังสุด โบกมือให้สนธยาแล้วยิ้ม
“ให้หนูไปด้วยนะ หนูอยากไปหาพ่อกับแม่...”
สนธยาตกใจรีบ หันกลับมานั่ง ตาโต ตื่นกลัว แต่พยายามเก็บอาการ เจนนี่ถามอย่างสงสัย
“เป็นอะไร นายสน”
สนธยาเสียงสั่น
“ผ...ผี”
เจนนี่ไม่รู้เรื่อง
“ก็ใช่ไง...ก็เราจะไปอู่ต่อเรือ พาผีทหารญี่ปุ่นกลับบ้าน”
“ม...ไม่ใช่ ผีทหารญี่ปุ่นนั่งอยู่นี่” สนธยาชี้ไป “แต่ข้างหลังมี...ผีเด็ก”
เจนนี่ตกใจ
“ห๊ะ...ผีเด็ก”
สนิทขับรถอยู่ เบรคกะทันหัน สนธยากับเจนนี่เบรคตัวโก่ง หัวจะทิ่มกระแทกเบาะ
“เว้ย น้าหนิด ขับดีๆดิ เบรคแบบนี้ กลัวไม่ตายรึไง” เจนนี่โวยวาย
“น้าว่าตายซะยังดีกว่า ม...เมื่อกี้ได้ยินแว่วๆ มีผีเด็กมาด้วยใช่มั้ย”
สนธยาสั่นๆ
“ช...ใช่”
สนิทหวาดกลัว
“งั้นช่วยเชิญลงไปสักตัวได้มั้ย เอะอะก็รับแต่ผีมา เมิงจะพามาทั้งป่าช้า ให้หัวกรูโกร๋นกว่านี้รึไง๊”
ผีเด็กมาโผมาที่เบาะหน้าข้างสนิททันที
“ไม่...หนูจะหาพ่อแม่ ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
ผีเด็กไม่พอใจ เอื้อมมือไปบีบแตรรถ เสียงดังสนั่น
“ปี๊น”
สนิทตกใจ สนธยาอุดหู
“โอ๊ย น้าไปไล่เขา เขายอมที่ไหนเล่า”
“งั้นเขาไม่ไป กูไป”
สนิทเอื้อมมือไปจะเปิดประตู ผีทหารญี่ปุ่นเอื้อมมือไปจับมือสนิทไว้ ส่งเสียงดุ
“ไม่ เมิงต้องพากูกลับบ้าน”
สนธยารีบบอก
“จ...ใจเย็นคุณผี...น้าหนิด รีบๆขับไปเหอะ ไม่งั้น เขาไม่ปล่อยเราไปแน่”
สนิทสะอื้น
“นั่นสิ มองไม่เห็น แต่มืองี้เย็นเจี๊ยบ รู้สึกได้ บอกเขาช่วยย้ายไปนั่งหลังเหมือนเดิมได้มั้ย น้าไปเดี๋ยวนี้แหละ ฮือ”
สนิทรีบขับรถออกไป
พิมพ์ดาวตกใจ ที่แม่มาที่สมุย
“น...นี่แม่มาทำไมคะ”
“ฉันต้องถามเธอมากกว่า อุตส่าห์ให้มาดูแลร้านถึงนี่ แทนที่จะตั้งใจทำงาน กลับมาสร้างแต่ปัญหา”
ฤดีมองมณฑล
“เปล่านะคะ แม่กำลังเข้าใจผิด” พิมพ์ดาวเถียง
“จะผิดได้ไง เรื่องร้านก็ทำจนเกือบเจ๊งไปทีแล้ว ดีที่โทนี่เขาช่วยไว้ แล้วนี่ยังมาเรื่องผู้ชายอีก...ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆนะพิมพ์ดาว”
“แต่แม่คะ...”
ฤดีสวนทันที
“ไม่ต้องพูด กลับไปคุยที่โรงแรม”
พิมพ์ดาวมองหน้ามณฑล ฤดีสั่งเสียงแข็ง
“ไปสิ”
พิมพ์ดาวออกไปกับฤดี มณฑลจะตามไป โทนี่ขวางไว้
“ทั้งหมดเป็นแผนนายใช่มั้ย”
โทนี่ยิ้มเย้ย
“เออดิ คิดว่าแกฉลาดคนเดียวรึไง”
มณฑลแค้น
“ไอ้โทนี่...”
“อย่าอารมณ์เสียสิหมวด ยอมรับเถอะว่าแกโง่เองที่ประเมินฉันต่ำไป คิดเหรอว่าฉันจะเชื่อว่าน้องดาวเขาสนแก”
มณทลจ้อง...โทนี่เข้าไปกระซิบ
“แล้วที่สำคัญ แกคงยังไม่รู้สินะ ว่าอีกหน่อยน้องดาวต้องเป็นของฉัน...”
โทนี่ยิ้มเยอะแล้วเดินออกไป มณฑลเจ็บใจ
ชมพู่ หรั่ง อาสา ทนอยู่กับผีไม่ไหว มาหาหลวงพ่อที่วัด
“หลวงพ่อครับ ให้พวกผมทำอย่างอื่นเถอะครับ พวกผมอยู่เฝ้าผีที่เรือนหอไม่ไหวจริงๆ มันทนไม่ด้าย” ชมพู่พูดอย่างหวาดๆ
“ใช่หลวงพ่อ อยู่กับผีมันทำตัวไม่ถูก รู้แต่ขนลุกตลอดเวลา...พอตี 1 ปั๊บ เอาละ หมาเริ่มหอน โบร้ว” หรั่งอธิบาย
“พอตี 2 ปุ๊บ ลมพัด เสียงดัง ซู่...ซ่า...ซู่...ซ่า” อาสาทำท่าขนลุก
“แล้วพอตี 3 ล่ะ” หลวงพ่อถาม
“สองทุ่ม พวกผมก็เผ่นแล้ว ใครจะอยู่ล่ะหลวงพ่อ” ชมพู่ตอบกลัวๆ
หลวงพ่อหน้าเหวอ
“อ้าว แล้วทิ้งเขามาแบบนี้ ไม่กลัวโยมผีตามมารึไง”
“กลัวสิครับ พวกผมเลยจำเป็นต้องมาขอ ของคุ้มครอง” หรั่งไหว้ “ขอแม่นๆสัก 6 ตัวนะหลวงพ่อ”
หลวงพ่อมองหน้า
“เพื่อนเล่นรึไง...ของคุ้มครองอาตมาไม่มี แค่คิดดี พูดดี ทำดีก็พอแล้ว”
อาสาชะงัก
“ห๊ะ...แค่เนี้ย กันผีได้ โม้รึเปล่าครับหลวงพ่อ”
“นั่นไงคิดเลวแล้ว...ไปทำอย่างที่อาตมาบอกดูก่อน พวกผีจะมายุ่งทำไม เขาก็รู้ พวกโยมอยากช่วยเขา”
ชมพู่สะอื้น
“ช่วยตัวเองก่อนได้มั้ย ตอนแรกไม่มีใครบอกเลยว่าต้องอยู่ผี พอถึงตอนนี้เราก็หนีไม่ด้าย”
หลวงพ่อถอนใจ
“เฮ้อ จะช่วยใครทั้งทีก็อย่ามีอคติ ควรช่วยด้วยจิตเมตตาสิโยม”
อาสา กระซิบกับเพื่อนๆ
“หลวงพ่อให้เราอยากช่วยผี อยู่ไปก็ไม่เวิร์ค หาทางอื่นเหอะ”
ชมพู่ขัดขึ้น
“ถ้าจะหนี ก็กลัวผีไปหักคอ ถ้ากลับเรือนหอ ก็ต้องอยู่กับผี แล้วเมิงจะมีทางไหนอีก”
“เอาน่ะ มีก็แล้วกัน” อาสาบอกอย่างมีแผน
รถตู้ขับเข้ามาที่อู่ต่อเรือ ที่มีลักษณะเหมือนโกดัง สนธยา เจนนี่ สนิทลงจากรถมา เจนนี่มองซ้ายขวา ถามสนธยา
“ตอนนี้ผีทหารญี่ปุ่นอยู่ไหน กลับไปยังอ่ะ”
“ยัง ฉันว่าเขาคงกำลังหาทางกลับอยู่เหมือนกัน”
สนธยามองไป ผีทหารญี่ปุ่นยืนอยู่กลางอู่ต่อเรือ มองไปรอบๆ ท่าทางผิดหวัง สนิทบอกกับสนธยา
“งั้นก็รีบๆเถอะครับ แอบเข้ามาแบบนี้ ขืนใครมาเห็นเข้า มีหวังได้เข้าคุกก่อนแน่”
“ไม่มี...เรือรบที่เคยพาผมมา เรือที่จะพาผมกลับบ้าน มันหายไป” ผีทหารญี่ปุ่นโกรธ “ทำไม...ทำไมทิ้งกูกันไปหมด”
สนธยาเห็นใจ
“สงครามจบไปนานแล้วเคนจิ...ญี่ปุ่นยอมแพ้ พวกเขาต้องถอนกำลังกลับไป ไม่มีเรือรบญี่ปุ่นเหลือแล้วล่ะ”
ผีทหารญี่ปุ่น หายตัวมาอยู่ข้างๆ สนธยาทันทีท่าทางโกรธเกรี้ยว
“แต่กูยังอยู่ที่นี่ ถ้ากูไม่ได้กลับบ้าน ก็ไม่มีใครได้กลับเหมือนกัน”
ผีทหารญี่ปุ่นหันไป ประตูรถตู้ที่เปิดอยู่ กระชากปิด ประตูทางเข้าอู่ต่อเรือ เลื่อนปิดทันที พวกสนธยา ตกใจ
“เฮ้ย”
บนหลังคารถตู้ ผีเด็กนั่งแกว่งขาอยู่
“รีบช่วยเขาซะ ไม่งั้นพี่ตายแน่”
ผีทหารญี่ปุ่น กระชากคอเสื้อสนธยา ยื่นหน้าเข้าใกล้จะเอาเรื่อง สนธยาหน้าเหวอ
ชมพู่ อาสา หรั่ง ถือถาดของเซ่น ผลไม้ ไก่ หมู มาวางที่หน้าแคมป์คนงาน เตรียมไหว้พวกผี ขมพู่หันไปคุยกับเพื่อน
“ชัวร์ป่ะเนี่ยไอ้อาสา ทำบุญให้ผี แล้วผีจะไม่มายุ่งกับเราแน่นะ”
หรั่งหวาดๆ
“นั่นดิ ไม่ใช่ยิ่งทำ พวกเขาจะยิ่งมา ไม่ไหวนะพี่”
อาสามสั่นใจ
“เออน่ะ ถ้าเขาอิ่ม จะมารบกวนเราได้ไงวะ แล้วตอนอธิฐานก็อย่าลืมบอกเขา ไม่ต้องมาทัก ไม่ต้องมาหา ต่างคนต่างอยู่ โอเค๊”
“โอเค”
หรั่งกับชมพู่หันไปจะหยิบถาดผลไม้มาไหว้ ถาดของเซ่น ผลไม้ถูกแกะกิน เหลือแต่เปลือก ไก่ หมูแหว่งหาย หรั่งกับชมพู่อึ้ง ชะงัก ชมพู่รีบหันไปสะกิดอาสา ที่มัวแต่จุดธูป ไม่รู้เรื่อง
“อาสา พอเหอะ ไม่ต้องไหว้แระ”
“ไหว้สิวะ เมิงมาอยู่ที่เขา ต้องเคารพเขาดิ”
“เชื่อเหอะพี่ ไม่ทันแล้วแหละ” หรั่งบอกเสียงสั่น
อาสาโกรธ
“เอ๊ะ พวกเมิงนี่พูดไม่รู้เรื่องรึไง ไม่อยากให้เขาหลอก แค่ไหว้เขาจะยากตรง...” อาสาหันไปเห็นก็ตกใจ “แว๊กก น...นี่เมิงแอบกินของไหว้หมดรึไง ไอ้ชมพู่”
“เอาจริงๆ กรูก็อยากตะกละอย่างที่เมิงว่าเลยนะ แต่เสียใจ” ชมพู่สะอื้น “กรูไม่ได้กิน”
“ใช่ พี่ก็เห็นอยู่ ว่าพี่ชมพู่ไม่ได้กิน พี่เองไม่ได้กิน ผมไม่ได้กิน แล้วใครกินอ่ะพี่” หรั่งถามอย่างกลัวๆ
กลุ่มควันสีดำ ที่เป็นเงาผี มีผลไม้ คอไก่ หัวหมู ลอยอยู่ ดูสยอง เหล่าผีตอบพร้อมเพียง
“กู...”
ทั้งหมดผงะ หรั่งตื่นกลัว
“พวกพี่ไม่เห็นอะไรใช่มั้ย”
อาสาสะอื้น ส่ายหัว
“เปล่า ไม่เห็นเลย ว่าคอไก่มันลอยได้”
ชมพู่อึ้งตะลึง
“แถมไม่ได้ยินเสียงเขาพูดว่า กู...เลยสักนิด”
หรั่งกลัวตัวสั่น
“งั้นเราต้องไปเช็คประสาทหู ประสาทตา กันหน่อยแล้วล่ะ เพราะมันเต็มๆเลยพี่ จ๊าก”
ทั้งสามวิ่งออกไป
ผีทหารญี่ปุ่นกระชากคอเสื้อสนธยา จะเอาเรื่อง
“ถ้ากูไม่ได้กลับบ้าน พวกมึงก็ต้องตายอยู่ที่นี่”
สนธยา รีบเจรจา
“แต่ถ้านายฆ่าฉัน ใครจะพานายกลับบ้านเล่า”
สนิทโวยทันที
“ห๊ะ...ฆ่ากันอีกแล้ว นี่ส่งถึงที่ไม่พอ ต้องต่อเรือกลับญี่ปุ่นให้ด้วยรึไง จะเอาไงกับกูอีก”
เจนนี่ยกมือไหว้หวาดกลัวสุดๆ
“เราสัญญาจะช่วยทุกอย่าง อย่าทำอะไรเราเลยนะ”
ผีทหารญี่ปุ่นส่งเสียงดุ
“กูไม่เชื่อ ไม่มีเรือ ก็ไม่มีทางกลับญี่ปุ่น มึงต้องตาย”
ผีทหารญี่ปุ่นบีบคอ สนธยาจะขาดใจ ผีเด็กวิ่งมาชี้สนธยา ชอบใจ
“ตายแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์” ผีเด็กกางแขนวิ่งไปรอบๆสนธยาหัวเราะคลั่ง น่ากลัว “ฮ่าๆ”
สนธยาเห็นผีเด็กวิ่งกางแขน คิดได้ พูดอย่างลำบาก
“เดี๋ยว เครื่องบินไง แค่กๆ” สนธยาหันไปบอกกับเจนนี่ “เครื่องบินไปญี่ปุ่นบอกเขาสิ”
เจนนี่เห็นด้วย
“เออใช่ เดี๋ยวนี้ เขานั่งเครื่องบินไปญี่ปุ่นกันแล้ว เราจะหาทางส่งเถ้ากระดูกนายกลับญี่ปุ่น เราจะส่งนายกลับบ้าน”
ผีทหารญี่ปุ่นคิดๆสงบลง
“บ้าน”
ผีญี่ปุ่นค่อยๆปล่อยมือจากคอเสื้อ สนธยารีบถอยออกมารวมกับเจนนี่และสนิท
“ถามสิ กระดูกเขาอยู่ไหน แล้วรีบส่ง EMS ไปเลย ด่วน” สนิทบอกอย่างรนราน
สนธยาหันไปหาผีทหารญี่ปุ่น
“นายรู้หรือเปล่า เถ้ากระดูกนายอยู่ที่ไหน”
ผีทหารญี่ปุ่นส่ายหัว
“ไม่รู้”
สนธยาหน้าเหวอ
“อ้าว...”
“หลังจากผมตาย ผมก็จำอะไรไม่ได้อีก รู้แค่อยากกลับบ้าน กับแสงจันทร์...”
สนธยาชะงัก
“แสงจันทร์”
“คนรักของผม นางพยาบาลที่เคยช่วยชีวิตผมไว้” ผีทหารญี่ปุ่นบอกเสียงเศร้า
“คนรักของนาย เป็นคนไทยงั้นเหรอ” สนธยาถาม
ผีทหารญี่ปุ่นพยักหน้าช้า ๆ
พิมพ์ดาวคุยกับแม่อย่างตกใจ
“กลับกรุงเทพ...ไม่นะคะ ตอนนี้ทุกอย่างที่ร้านกำลังดีขึ้น ดาวจะได้พิสูจน์ตัวเองให้แม่เห็น ดาวจะไม่ทิ้งที่นี่ไปเด็ดขาด”
“รวมถึงตำรวจคนนั้นด้วยใช่มั้ย”
“มณฑลเขาไม่เกี่ยวนะคะแม่ เราเป็นเพื่อนกัน ดาวมีคนรักอยู่แล้ว แม่ก็รู้เรื่องดาวกับ...”
ฤดีรีบขัด
“หยุด...แม่บอกกี่ครั้งแล้ว เรากับไอ้เด็กวัดนั่น มันคนละชั้นกัน แม่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ดาวได้สิ่งที่ดีที่สุด ทำไมไม่ฟังกันบ้าง”
“งั้นแม่ควรจะให้โอกาส ให้ดาวเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองบ้างสิคะ”
“ได้ ถ้าเธออยากอยู่ที่นี่ต่อ ฉันก็จะอนุญาต”
พิมพ์ดาวดีใจ
“จริงเหรอคะแม่”
“แต่มีข้อแม้ ว่าเธอต้องหมั้นกับโทนี่”
พิมพ์ดาวตกใจ
“แม่”
ผีทหารญี่ปุ่น นั่งดูรูปถ่ายขาวดำ ของแสงจันทร์ใส่ชุดพยาบาล หน้าเศร้า รำลึกความหลัง สนธยา มองอย่างสงสาร เจนนี่กระซิบสนธยา
“เงียบไปนานแล้วนะ คุณผีเขาทำอะไรอยู่อ่ะ”
“ดูรูป คนรักที่ชื่อ แสงจันทร์”
สนิทกระซิบบ้าง
“แค่ตัวเดียวก็แย่แระ ถ้าเรียกแฟนมาด้วย นี่ยิ่งหัวโกร๋นเลยนะ”
“ใครว่าตัวเดียว ผีเด็กอีกตัว” สนธยาชี้ไปกลัวๆ “เกาะหลังผมอยู่เนี่ย”
ผีเด็กขี่หลังสนธยาอยู่ เจนนี่กับสนิท มองที่หลังสนธยา สะดุ้ง
“ช่วยลงไปก่อนได้มั้ย ขอคุยกับพี่เคนจิก่อนเถอะนะ”
ผีเด็กหายตัวไปนั่งตักสนิทเลย สนิทไม่รู้เรื่อง
“ก็ได้ ยังไงพี่ก็หนีหนูไม่ได้อยู่แล้ว”
สนธยาเข้าไปหา
“เคนจิ”
“คุณเองก็มีคนรักใช่มั้ย...สนธยา” ผีทหารญี่ปุ่นถามเรียบๆ
สนธยาพยักหน้า
“ผมกับแสงจันทร์ ก็รักกันมาก...ในสมัยสงคราม ผมเจอกับเธอครั้งแรกที่โรงพยาบาล ตอนนั้นผมได้รับบาดเจ็บ...”
ผีทหารญี่ปุ่นนึกถึงความหลัง เขาเล่าเรื่องในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2...ในโรงพยาบาล นางพยาบาลรูปร่างอ้วน กำลังใส่ยาแผลที่มือที่เป็นแผลเลือดออก แผลเล็กมาก
“เป็นไง เจ็บมากมั้ยคะ” พยาบาลอ้วนยิ้มหวาน
ชายอ้วนที่เป็นแผล นั่งบนเตียงพยาบาล ยิ้มหวาน
“เจ็บครับ”
สองคนทำแผล เขินกันไปมา ทันใดนั้น เสียงหวอ เสียงปืน เสียงระเบิดดังขึ้น บรรยากาศสงคราม พยาบาลกับชายอ้วนลนลาน เพื่อนทหารญี่ปุ่น ประคองร่าง เคนจิที่บาดเจ็บเลือดเต็มตัว เลือดไหลอาบหน้า เข้ามา ทหารญี่ปุ่นตวาด
“หลบไป”
ชายอ้วนหลบออกไป ทหารญี่ปุ่น วางร่างเคนจิลงบนเตียงเลือดโชก
“ช่วยเขา”
พยาบาลอ้วนมองๆ
“โห โดนขนาดนี้ จองวัดเถอะ”
“ไทย ญี่ปุ่น...เป็นมิตรกัน...ช่วยเดี๋ยวนี้” ทหารญี่ปุ่นบังคับ
พยาบาลอ้วนโกรธ
“นี่แกบุกประเทศฉัน ยังจะบังคับให้ฉันช่วยแกอีก มิตรที่ไหน ทำกันแบบนี้ ห๊ะ”
แสงจันทร์ในชุดพยาบาล เข้ามา เห็นสองฝ่ายเถียงกัน รีบห้าม
“พอแล้วพี่ เขาก็คนเหมือนกัน รีบช่วยเขาเถอะ”
แขนแสงจันทร์ ถูกมือเคนจิยื่นมาจับ แสงจันทร์หันไปมอง เคนจิ บาดเจ็บ แต่พยายามพูด พะงาบๆ
“ขอบ...คุณครับ”
แสงจันทร์ยิ้มเล็กๆ เป็นมิตร
อ่านต่อหน้า 4
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 8 (ต่อ)
แสงจันทร์ดูแลพยุงเคนจิที่มีผ้าพันแผล อาการเริ่มดีขึ้น นั่งบนเตียง แสงจันทร์หันไปหยิบอุปกรณ์ หันมา โชว์เข็มฉีดยา เคนจิกลัวกลืนน้ำลาย...แสงจันทร์ป้อนข้าวให้ เคนจิ ยิ้ม
ผีทหารญี่ปุ่นชะงักหยุดเล่า แล้วพูดขึ้นอย่างซึ้งใจ
“แสงจันทร์เป็นคนมีน้ำใจ เธอไม่รังเกียจศัตรูอย่างผม เธอดูแลผมเหมือนคนในครอบครัวและที่สำคัญ เธอทำให้ผม รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้าน ทั้งที่อยู่ท่ามกลางสงคราม”
ผีทหารญี่ปุ่นเล่าเรื่องราวในอดีตต่อ...
เคนจิทำกายภาพ พยายามเดินแต่ล้ม แสงจันทร์เข้าไปประคอง เคนจิทำกายภาพเดินซ้ำๆ อีก2-3 ครั้ง แต่ล้มทุกครั้ง แสงจันทร์เข้าไประคองทุกครั้ง ที่เคนจิล้ม...แสงจันทร์ประคองเดินคู่ไปกับเคนจิ เขาโบกมือไม่เป็นไร ลองเดินเอง จนเริ่มเดินได้ หลายก้าว แสงจันทร์ยิ้มปรบมือ เชียร์ เคนจิหันมายิ้มให้ เข่าอ่อน ล้มอีก แสงจันทร์รีบวิ่งไปประคอง
แสงจันทร์ประคอง เคนจิเข้าห้องพยาบาลมาถึงเตียง เขาก้าวพลาด ล้มลงบนเตียงดึงเธอล้มลงไปด้วย แสงจันทร์เงยหน้าสองคนสบตา เสียงหวอสงครามดังขึ้น กระชากทั้งคู่ออกจากความโรแมนติค แสงจันทร์รู้สึกตัว รีบลุกจากเตียง
“รีบไปที่หลุมหลบภัยก่อน เคนจิ”
แสงจันทร์พยายามพยุงเคนจิ แต่ไม่ไหวล้มลงอีก เคนจิส่ายหัว
“ไปเถอะแสงจันทร์ ไม่ต้องห่วงผม”
“ไม่ เราต้องไปด้วยกัน”
เสียงระเบิดดังขึ้น พื้นดินสะเทือน เศษปูน ล่วงลงมาจากเพดาน แสงจันทร์ตกใจเอามือปิดหู
“อ๊าย”
เคนจิลุกขึ้น กอดแสงจันทร์ไว้แนบอก
“ไม่ต้องกลัว อยู่กับผม หลบที่นี่ก่อน”
เคนจิพาแสงจันทร์ก้มต่ำ มุดไปหลบใต้เตียงพยาบาล เสียงปืนดังรัว เสียงระเบิดดังขึ้น เสียงหวอสงครามดังไม่หยุด พยาบาลอ้วนวิ่งตะโกนผ่านหน้าห้องไป ไม่เห็นสองคนที่อยู่ใต้เตียง
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที ช่วยด้วย”
เคนจิ กอดแสงจันทร์ไว้ มองไปรอบๆ ไม่เหลือใคร หันมาสบตาพอดี ท่ามกลางเสียงหวอสงคราม เสียงปืน เสียงระเบิด ทั้งคู่ค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าหา และจูบกันในที่สุด
สนธยานั่งเท้าคาง ยิ้มเคลิ้ม หน้าแดง ฟังผีทหารญี่ปุ่นเล่าเรื่องแสงจันทร์ เจนนี่ เอามือมาโบกๆ ผ่านหน้าแต่เขาไม่รู้สึกตัว เจนนี่ผลักเลย
“เป็นไรเนี่ย หน้าแดงขนาดนี้ เมารึไง”
“เคนจิกำลังเล่าเรื่องคนรัก เธอไม่มีความรัก จะไปรู้อะไร”
“รู้...แต่ฉันไม่แสดงออกย่ะ”
สนิทแทรกขึ้น
“เอ่อ...ไม่ทราบ จะเถียงกันอีกนานมั้ย ตกลงคุณผีว่าไง จำเรื่องกระดูกได้หรือยังเนี่ย”
สนธยาหันไปหาผีทหารญี่ปุ่น
“ฟังนะเคนจิ ตอนนี้เบาะแสเดียวที่จะตามหาเถ้ากระดูกนายได้ ก็คือคุณแสงจันทร์ หลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้น”
ผีทหารญี่ปุ่นพยักหน้า
“หลังจากที่เรารอดจากสงครามในวันนั้น แสงจันทร์ก็ดูแลผมจนหายดี มันทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่าเรารักกัน จนผมตัดสินใจ”
ผีทหารญี่ปุ่นเล่าเรื่องราวในอดีต...คืนนั้น แสงจันทร์กับเคนจิ เดินมาด้วยกัน จนถึงริมน้ำหน้าบ้านของแสงจันทร์
“แสงจันทร์ ผมมีเรื่องสำคัญจะบอก” เคนจิจับมือ “แต่งงานกับผมนะ”
แสงจันทร์ตะลึง
“เคนจิ…”
“ผมสัญญาจะดูแลคุณให้ดีที่สุด...คุณอยู่ที่นี่ตัวคนเดียว ไม่มีใคร แต่งงานแล้วกลับไปบ้านที่ญี่ปุ่นกับผมเถอะนะ”
แสงจันทร์ยิ้ม
“แต่ฉันเป็นคนไทย ถึงพ่อแม่ฉันจะเสียไป แต่บ้านฉัน ชีวิตฉัน ทุกอย่างของฉันอยู่ที่นี่ ฉันไปไม่ได้หรอกเคนจิ”
“แต่ผมอยากให้คุณอยู่กับผม ผมรักคุณมาก คุณไม่รักผมเหรอแสงจันทร์”
แสงจันทร์ ไม่ตอบ แต่หยิบรูปถ่ายตัวเองจากกระเป๋าออกมา
“ทุกครั้งที่คุณคิดถึงฉัน รูปใบนี้ จะเป็นตัวแทน เพื่อบอกว่าฉันรัก...และคิดถึงคุณยิ่งกว่า”
แสงจันทร์ยื่นรูปให้ เคนจิรับรูปมา
“แต่ผมอยากให้เราได้อยู่ด้วยกัน”
ทันใดนั้น เสียงหวอสงครามดังขึ้นทันที ไกลออกไปกลุ่มทหารญี่ปุ่น วิ่งผ่านเคนจิเตรียมไปรบ เคนจิมองตาม แสงจันทร์หันมาบอก
“ไปทำหน้าที่ของคุณเถอะเคนจิ ตอนนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่สำคัญกว่า ไม่ต้องห่วงฉัน”
เคนจิจ้องตาหญิงสาว
“จบสงคราม ผมจะมารับคุณกลับบ้านที่ญี่ปุ่นนะแสงจันทร์...ผมสัญญา”
เคนจิดึงแสงจันทร์มากอด แล้วรีบวิ่งไป แสงจันทร์มองตามเป็นห่วง
ผีทหารญี่ปุ่นหน้าเศร้าหมองลง
“แต่หลังจากคืนนั้น...ผมก็ไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้...ผมตายในสงคราม...ไม่ได้กลับญี่ปุ่น ไม่แม้แต่จะได้กลับไปหาแสงจันทร์อีก”
สนธยาสงสารผีทหารญี่ปุ่น ผีเด็กที่นั่งข้าๆสนธยาบ่น
“เศร้าจัง แบบนี้จะรู้มั้ยเนี่ยว่ากระดูกพี่เขาอยู่ไหน ไม่งั้นพี่เขาก็ต้องกลับไปอยู่บ้านพี่สนสิ”
สนธยานึกได้
“ม...ไม่ สองคนรักกันขนาดนั้น คุณแสงจันทร์ต้องตามหา แล้วเก็บเถ้ากระดูกเคนจิไว้สิ”
ผีทหารญี่ปุ่นมีหวัง
“นายคิดอย่างนั้นเหรอ”
สนธยามั่นใจ
“ชัวร์”
เจนนี่กระซิบ
“แต่เวลามันผ่านมานานแล้วนะ คุณผีเขาจำได้เหรอว่าบ้านแฟนเขาอยู่ที่ไหน”
“บ้านริมน้ำ ที่ผมสัญญาว่าจะกลับไปรับเธอ ผมไม่มีวันลืม” ผีทหารญี่ปุ่นบอกอย่างมั่นใจ
สนธยายิ้ม
“ไปน้าหนิด เจนนี่ เราจะไปหาคุณแสงจันทร์คนรักของเคนจิแล้วเราจะพาเคนจิกลับบ้าน”
สนธยายิ้มมั่นใจ
หรั่งเอามือถือถ่ายไปรอบบ้าน ตามมุมต่างๆ พากย์ เสียงเลียนแบบคนอวดผี
“สวัสดีคุณผู้ชม ตามหลักวิทยาศาตร์ ผีคือพลังงาน ซึ่งอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่อาจจับภาพได้ผ่านกล้อง หรือเครื่องมืออิเล็คทรอนิคส์ ซึ่งหลักฐานก็คือคลิปผีที่ปรากฏในสื่อต่างๆ แต่การมาของเราในครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อล่าท้าผี แต่เพื่อเจรจาอย่างสันติ เราจึงหวังว่า คุณผีอาจจะออกมาให้เราเห็น...ก็เป็นได้...โอ๊ย”
อาสาตบกบาล หรั่งเกาหัว
“ตบหรั่งทำไมเนี่ย”
อาสาหยิบมือถือจากหรั่งมา
“เมิงพูดแบบนี้ก็เท่ากับชวนเขาออกมาสิวะ ที่เราเอากล้องมาส่องตามวิธีเมิงเนี่ย กูแค่อยากรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน จะได้ไม่ไปอยู่ด้วย”
“อ้าวพี่ ถ้าไม่ชวนเขาออกมา เราจะเห็นมั้ยล่ะ”
ชมพู่เห็นด้วยกับหรั่ง
“จริงไอ้หรั่งพูดถูก เมิงก็ฟังน้องมั่งสิวะ”
อาสามองหน้าชมพู่
“หรา...ฟังมันชวนผี แล้วถ้าเขาออกมา เมิงวิ่งมั้ย”
“วิ่ง” ชมพู่เปลี่ยนทันทีหันไปต่อว่าหรั่ง “ทีหลังทำไร ก็คิดหน้าคิดหลังสิวะไอ้หรั่ง”
“เอ้ย...แต่คราวที่แล้วพี่อาสาไหว้ผีพลาดไปแล้ว ให้ผมตัดสินใจมั่งดิ”
หรั่งเอามือถือคืนจากอาสา ชมพู่เสี้ยมต่อทันที
“เออใช่ น้องมันอยากเกิด ก็เชื่อใจมันมั่งสิวะ”
“ไม่ ใครอยากเห็นผีก็ตามใจ กูไม่อยาก เอามือถือมา” อาสาดึงไป
“เฮ้ย แต่นั่นมือถือผม เอาคืนมาดิ” หรั่งแย่งกลับ
“ไม่สน มือถือมึง แต่กูจะถือ เอามานี่” อาสาดึงไปอีก
“เฮ้ย พี่ก็ถือมือถือพี่ดิ เอาคืนมา”
อาสากับหรั่งแย่งมือถือกัน
“เอาไป เอามาๆ”
ชมพู่รำคราญตะโกนขึ้น
“หยุ๊ด...กูถือเอง”
ชมพู่จะหยิบมือถือ หันไปชะงัก มองอีกที จับมือหรั่งกับอาสามาดู มือถือหายไปแล้ว ชมพู่งงๆ
“ไปไหนแล้วอ่ะ”
เสียงเหล่าผีดังขึ้นพร้อมเพียง
“อยู่นี่…”
ชมพู่ อาสา หรั่งหันไป กลุ่มเงาผีถือมือถือ ถ่ายรูป มีแฟลชสว่างวาบ แชะๆ สามเกลอ ถูกถ่ายรูป แอ๊คท่ากลัวเวอร์ชั่นต่างๆ แชะๆ จนวิ่งออกจากบ้าน
สนิทขับรถตู้มาตามถนนริมแม่น้ำ เขาหันมาถาม
“ไงเนี่ย ขับรถวนจนจะตกน้ำอยู่แล้ว ตกลงจำได้รึยังว่าบ้านริมน้ำมันหลังไหนแน่”
“ขับไปเถอะน้า ให้เวลาเขาหน่อยสิ” สนธยาหันไปหาผีทหารญี่ปุ่น “พอจะนึกออกมั้ยเคนจิ ว่าบ้านคุณแสงจันทร์อยู่ที่ไหน”
เคนจิที่นั่งอยู่เบาะหลังหน้าเศร้า
“ขับผ่านมาหลายรอบแล้ว”
สนธยาหน้าเหวอ
“อ้าว งั้นก็เจอบ้านแล้วสิ แล้วทำไมไม่บอกล่ะ”
ผีทหารญี่ปุ่นถอนใจ
“ผมผิดสัญญากับแสงจันทร์ ไม่รู้จะพบหน้าเธอได้ยังไง”
สนธยาหันกลับมา เห็นใจ หนักใจ เจนนี่ถามสนธยา
“คุณผีเขาเป็นไร เล่าให้ฟังมั่งดิ”
“เขาเคยสัญญาว่าจะมารับคุณแสงจันทร์กลับญี่ปุ่น แต่ทำไม่ได้ ก็เลย...”
เจนนี่หันไปพูดเลย
“นี่คุณผี คุณกับแฟนรักกันมากนะ แฟนคุณต้องดีใจที่คุณมาหาแน่ ฉันเป็นผู้หญิงเหมือนกันรู้ดี เชื่อฉันดิ”
ผีทหารญี่ปุ่น มองอย่าง มีหวัง
“แป๊บนะเคนจิ...” สนธยาหันไปถามเจนนี่ “มั่วป่ะเนี่ย เกิดไปเจอ คุณแสงจันทร์ด่ามานี่ ซวยเลยนะ”
“สัญญากับเขาไว้ ยิ่งไปช้า จะยิ่งโดนมากกว่า รีบไปเหอะน่ะ”
ผีทหารญี่ปุ่นกลัว
“งั้นบ้านหลังที่ 8 ถัดจากโรงพยาบาลที่ผ่านมานั่นแหละ ร...รีบไปเลย”
สนธยาหันไปบอกสนิท
“ไปเลยน้าหนิด วนกลับไปที่โรงพยาบาล พาเคนจิไปหาคุณแสงจันทร์ ด่วน”
ผีเด็กสะกิดสนธยา ยิ้มยื่นนิ้วโป้งให้ สนธยายิ้มแหย ยกนิ้วโป้งตอบ แต่แอบหันมายิ้มมีหวัง
พิมพ์ดาวโทรศัพท์หาสนธยา แต่เขาไม่รับสาย เธออารมณ์เสีย
“นี่มันเรื่องสำคัญนะสน รับสายสิ”
โทนี่เข้ามาข้างหลัง
“โทรหาใครคะน้องดาว”
“ไม่ใช่เรื่องของพี่โทนี่”
“อ้าว คุณแม่ยังไม่ได้บอกเหรอคะ ว่าน้องดาวต้องหมั้นกับพี่ แล้วเราก็จะแต่งงานกัน อีกหน่อยเรื่องของดาวก็คือเรื่องของพี่”
พิมพ์ดาวโกรธเดินหนี โทนี่ดึงแขนไว้
“ยังคุยไม่จบ จะไปไหนเล่า”
พิมพ์ดาวดิ้น มณฑลเข้ามาขวางต่อยโทนี่คว่ำ แล้วรีบพาดาวไป
“ไปเถอะครับคุณดาว”
มณฑลพาพิมพ์ดาวออกไป
รถตู้จอดที่ริมถนน หน้าบ้านแสงจันทร์ ทั้งหมดลงจากรถมา สนธยาถือโทรศัพท์ในมือ มองกังวล มีชื่อพิมพ์ดาวขึ้นที่โทรศัพท์ ผีเด็กดึงขาเขา
“เร็วสิ พี่เคนจิรออยู่ เร็วสิคะ”
สนธยาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า เดินไป เจนนี่แอบเห็นเดินตามไป
ผีทหารญี่ปุ่นมายืนหน้าบ้าน มีรั้วปิดอยู่ พวกสนธยาเดินมาสมทบ
“ข้างนอกอาจจะดูเปลี่ยนไป แต่ที่นี่แหละบ้านแสงจันทร์ ผมจำได้” ผีทหารญี่ปุ่นมั่นใจ
“งั้นเราเข้าไปเลย”
สนธยาจะเข้าไปสนิทขวางไว้
“เดี๋ยว บางที เจ้าของบ้านอาจยังไม่อยากให้เราเข้าไปก็ได้นะ”
“จะบ้าเหรอน้าหนิด ถ้าเขารู้ว่าเคนจิกลับมา เขาต้องอยากให้เราเข้าไปสิ”
สนธยาจะเดิน สนิทขวางไว้อีก
“เชื่อน้า รอเจ้าของบ้านมาก่อนดีกว่า”
“โห่น้า เคนจิรอมาเป็นชาติแล้ว จะรออะไรอีก”
เจนนี่จะไป สนิทขวางไว้ยิ้ม
“ฟังนะ น้าหวังดี...เพราะถ้ามึงไม่รอเนี่ย มึงจะเข้าบ้านยังไง โซ่ล็อคบ้านอันเท่าควายขนาดนี้ ห๊ะ”
สนิทหลบออกมา เห็นโซ่คล้องกุญแจบ้านอันใหญ่มากล็อคประตูอยู่ สนธยาเซ็งเลย
“นี่แปลว่าคุณแสงจันทร์ไม่อยู่ ต้องรอเขากลับมาอีกงั้นเหรอ”
“ถ้านายรีบมาก ก็อย่าป๊อด กระดูกคุณผีญี่ปุ่น คงอยู่ในบ้านนี้แหละ เดี๋ยวฉันลุยเอง”
เจนนี่เหวี่ยงๆ ไปปีนรั้วเลย สนธยาตกใจ
“เฮ้ย เจนนี่ลงมา เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า เจนนี่...”
สนธยามองซ้ายขวา เกรงๆ
ชมพู่ อาสา หรั่ง มาเกาะรั้ว ดูลาดเลา
“เอาไงพี่ชมพู่ พี่อาสา นี่เราจะกลับเข้าไปในเรือนหอจริงดิ” หรั่งถามหวาดๆ
อาสาพยักหน้า
“จริงดิวะ รับปากกับทั้งหลวงพ่อ ทั้งผีไว้ ผิดสัญญามันบาปนะ”
ชมพู่กับหรั่งถามพร้อมกัน
“เอาความจริง”
อาสาจ๋อยๆ
“กูไม่กล้ากลับบ้าน อยู่กับพวกเมิงดีกว่า กลัวผีตามไปหักคอ”
ชมพู่ท่าทางมุ่งมั่น
“พวกมึงไม่ต้องกลัว ตั้งแต่มาที่เรือนหอ กูก็รู้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ วันที่พวกเราต้องเผชิญหน้ากับผีกันแค่สามคน เพราะฉะนั้น…”
หรั่งแทรกขึ้น
“พี่จองศาลางานศพร่วมกันไว้แล้ว”
ชมพู่พยักหน้า
“วัดดอน ศาลา 4...จะบ้ารึไง...คนอย่างกูไม่ยอมตายง่ายๆ กูก็ต้องหาตัวช่วยสิวะ”
หรั่งชะงักแปลกใจ
“ตัวช่วยไว้สู้กับผี พี่ชมพู่หมายถึง...”
ชมพู่ยิ้มมีแผน
“เราเคยมีหมอผีไทย หมอผีแขกมาปราบผีแล้วใช่มั้ย คราวนี้ละมึงเจอหมอผีเขมร คอนเนคชั่นกรู รับรองสนุก”
ชมพู่ หันไป อาสากับหรั่งหายไปแล้ว
“อ้าว เฮ้ยไปไหนวะ”
อาสากับหรั่งไปยืนกลัวอยู่มุมหนึ่ง ทั้งสองชี้ไป
“ชมพู่ ดูนั่น”
ชมพู่หันไป เจอหมอเขมรป๋องเอาหน้าแนบ ก็สะดุ้ง
“จ๊าก แหก ๆ”
“กลัวอะไร ข้านี่แหละจะมาช่วยเอ็งปราบผี”
หมอเขมรป๋องหัวเราะคลั่ง
พิมพ์ดาวร้องไห้ มณฑลปลอบใจ
“เข้มแข็งไว้ ปัญหาแค่นี้ อย่าพึ่งยอมแพ้สิคุณดาว”
“แต่แม่กำลังบังคับให้ดาวแต่งงานกับพี่โทนี่ สนเองก็ยังไม่พร้อมที่จะแต่งกับดาว แล้วหมวดจะให้ดาวทำไงล่ะคะ”
“คุณก็ไม่ต้องแต่ง แต่แค่พิสูจน์ ว่าคุณอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งใคร คุณเองก็ต้องการอย่างนั้นไม่ใช่เหรอครับ”
“นี่หมวดหมายถึง...”
“ถ้าคุณอยู่ที่นี่ คุณไม่มีวันหนีโทนี่พ้นแน่ แต่ถ้าคุณอยากเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง คุณควรกลับไปเริ่มใหม่ที่กรุงเทพ และทำมันให้สำเร็จให้ได้”
“แต่ร้านดาว คือทุกอย่างที่ดาวสร้างมาเลยนะคะ”
“บางครั้ง เราต้องทิ้งบางสิ่ง เพื่อสิ่งที่ดีกว่า ผมเชื่อว่าคุณทำได้ แล้วผมจะเป็นกำลังใจให้นะครับ”
พิมพ์ดาวยิ้มเล็กๆ
พิมพ์ดาวมาบอกแม่จะกลับกรุงเทพ ฤดีตกใจ
“จะบ้ารึไง จะกลับกรุงเทพ ทั้งที่ที่นี่ มีทุกอย่างรอเธออยู่แล้วเนี่ยนะ”
“ทุกอย่างที่แม่หาให้ ดาวไม่ต้องการหรอกค่ะ”
พิมพ์ดาวมองโทนี่ที่โกรธมาก
“ไม่ฉลาดเลยนะครับ น้องดาว พี่ว่า...”
พิมพ์ดาวสวนทันที
“หยุด...ชีวิตฉันคุณไม่เกี่ยว”
ฤดีขัดขึ้น
“แต่ลูกต้องอยู่ที่นี่ แม่จะไม่ยอมให้ลูกกลับกรุงเทพ ไปเจอกับไอ้เด็กวัดนั่นเด็ดขาด”
พิมพ์ดาวมองหน้าแม่
“เสียใจค่ะแม่ ดาวจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว แล้วแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ กลับถึงกรุงเทพเมื่อไหร่ ดาวจะจัดการชีวิตของดาวเองทุกอย่าง แม่คงต้องไม่ต้องมาลำบากอะไรกับดาวอีก...ลาก่อนนะคะพี่โทนี่ หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีก”
พิมพ์ดาวเดินออกไป
“เดี๋ยวสิดาว ๆ” ฤดีตามไป
“คิดว่าจะหนีฉันพ้นรึไง ไม่มีทาง”
โทนี่มองตามอาฆาต
สนิทใช้ลวด พยายามไขประตูเข้าบ้าน ทุกคนมุงช่วยกันลุ้น ผีทหารญีปุ่นยืนดูอยู่ด้วย
“ไงน้าหนิดได้มั้ย” เจนนี่ถามอย่างร้อนใจ
“โห่ น้าเนี่ยเอกช่างก่อสร้าง โทช่างกุญแจ ยังไงต้องได้สิวะ” สนิทโอ่
ผีทหารญี่ปุ่นสะกิดสนธยา
“รอแสงจันทร์กลับมาก็ได้ นี่โจรชัดๆเลยนะ”
สนธยาเห็นด้วย
“ไปรอข้างนอกเถอะน้าหนิด เดี๋ยวคุณแสงจันทร์กลับมา นึกว่าเราเป็นโจร งานเข้าพอดี”
“โห่ย บอกว่าอีกนิดเดียว ก็อีกนิดเดียวสิวะ หนิดเอาอยู่น่ะ”
สนธยาเซ็ง ผีเด็กมาดึงขาสนธยา
“พี่ๆให้หนูช่วยป่ะ”
“อย่าพึ่งได้มั้ย ผู้ใหญ่เขายุ่งอยู่”
ผีเด็กดึงขาอีก
“แต่หนูช่วยได้จริงๆนะ”
“นี่...หนูตายแล้ว แถมยังเป็นเด็ก จะช่วยอะไรได้”
“ง่ายๆเลยนะ แบบนี้ไง”
ผีเด็กเดินทะลุประตูบ้านเข้าไปลูกบิดประตูค่อยๆบิด ประตูเปิดออก ผีเด็กยืนอยู่หน้าประตูท้าวเอว เย้ย
“ชัดป่ะ”
สนิทดีใจ
“เฮ้ย ประตูเปิดแล้ว ประตูเปิดแล้ว”
“เร็วสินายสน รีบไปหาเถ้ากระดูกคุณผีญี่ปุ่นเร็วเข้า”
สนิทกับเจนนี่ ลากสนธยา เข้าบ้านไป สนธยาเดินผ่านผีเด็ก ยกมือไหว้ ผีเด็กกอดอกยักไหล่
ทั้งหมดเข้ามา ช่วยกันหา สนธยามองหาตามชั้นวางของ ลิ้นชักต่างๆ
“อยู่ไหน...เถ้ากระดูก จะเก็บไว้ไหนนะ”
เจนนี่มาสะกิด หน้าจ๋อยๆ
“เจอแล้วนายสน”
สนธยาดีใจ
“เถ้ากระดูกงั้นเหรอ”
เจนนี่กระซิบเศร้าๆ
“คุณแสงจันทร์ แต่ไม่รู้ใช่คนเดียวกันรึเปล่า”
“คนที่หน้าไทยๆ ยิ้มสวยๆ ใช่มั้ย”
เจนนี่พยักหน้า
“ใช่...แถมใส่ชุดนางพยาบาลด้วย”
สนธยาดีใจทันที
“ใช่”
“แล้วที่ว่าเขาสวย สวยขนาดนี้ได้มั้ย”
เจนนี่ชี้ไปด้านบนที่หิ้งบูชา มีรูปขาวดำ แสงจันทร์ในชุดพยาบาล รูปเดียวกับที่ให้เคนจิพร้อมกระถางธูปตั้งอยู่ สนธยาตะลึง
“คุณแสงจันทร์”
ผีทหารญี่ปุ่น ที่หาของอยู่หันมาเห็น อึ้งๆ
“แสงจันทร์...ไม่...ไม่จริง...ม่าย”
อ่านต่อตอนที่ 9