วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 9
ผีทหารญี่ปุ่นมองรูปแสงจันทร์บนหิ้งอย่างตกใจ ที่คนรักเก่า เบาะแสเดียวที่รู้ว่า เถ้ากระดูกตัวเองอยู่ไหน ตายแล้ว
“แสงจันทร์ นี่แสงจันทร์ ตายแล้ว”
ผีทหารญี่ปุ่นหันมาหาพวกสนธยาหน้าตาดุ สนธยา เจนนี่ สนิทยืนรวมกัน หวั่นๆ ผีทหารญี่ปุ่น ยื่นหน้าเข้าไปชิด โกรธมากตะโกนก้อง
“พวกมึงหลอกกู”
สนิทปิดหู
“อื้อหือเต็มสองหู” สนิทไหว้อย่างตื่นกลัว “เราไม่ได้หลอกนะคุณผี ตั้งรูปขาวดำ มีกระถางธูปแบบนี้ ตายแล้วจริงๆ”
เจนนี่ปราม
“จะบ้าเหรอ น้าหนิด จะไปย้ำทำไมเล่า”
สนธยามองผีญี่ปุ่นหวาดๆ
“เราไม่ได้หลอกนะเคนจิ เราก็มาถึงที่นี่พร้อมนาย เรื่องคุณแสงจันทร์ตาย ใครจะไปรู้ล่ะ”
ผีเด็กส่ายหน้าเซ็ง
“เรียกว่าบื้อเถอะค่ะพี่ แฟนเขาอยู่มาตั้งแต่สมัยสงครามโลก คิดได้ไงว่าจะรอดมาถึงป่านนี้”
สนธยานึกได้
“นั่นสิ ลืมไป เอ้ย...หนูนี่ก็ซ้ำเติมอยู่ได้…ใจเย็นนะเคนจิ ฉันรู้นายกำลังผิดหวัง เสียใจ แต่เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เชื่อฉันสิ”
ผีทหารญี่ปุ่นแค้นๆ
“กูรอที่จะพาแสงจันทร์กลับบ้านมาเกือบ 70 ปี แต่เธอต้องมาตาย กูเองก็ต้องติดอยู่ที่นี่ เวลาทำให้ทุกอย่างดีขึ้นตรงไหนวะ”
เจนนี่กลัว
“ท่าทางเขาโกรธมากใช่มั้ย นายสน”
ผีทหารญี่ปุ่นชี้หน้ากราด
“ในเมื่อกูไม่ได้กลับบ้าน พวกมึงทุกคนก็ต้องชดใช้”
สนธยาตื่นกลัว
“ไม่มากหรอก แค่เหมือนจะฆ่าเราเท่านั้นเอง”
สนิทแค่นหัวเราะ
“ฮ่าๆ ก็แค่ตาย...แล้วจะอยู่ทำมะเขืออะไร วิ่งสิคร๊าบ”
สนิท เจนนี่ สนธยาวิ่งหนีทันที
ด้านนอกเรือนหอที่ริมรั้ว หมอเขมรป๋อง ทำจมูกฟุดฟิด ดมกลิ่นผี
“ที่เนี่ยนะ ที่บอกว่าผีดุ กระจอกมาก” หมอเขมรป๋องดมรักแร้ตัวเอง “ซื๊ด...กลิ่นข้ายังแรงซะกว่า ฮ่าๆ”
ชมพู่ อาสา หรั่งไปยืนมุมนึงรวมกัน
“นี่หมอหรือหมาแน่พี่ ดมกลิ่นผีได้แบบนี้ มันบ้าป่ะเนี่ย” หรั่งบ่นๆ
“เอาจริงๆนะ กูยังไม่รู้เลยมันเป็นใคร หมอเขมรที่กูแอดเฟซบุ๊คไปไม่ใช่หน้าแบบนี้” ชมพู่บอกอย่างสงสัย
หมอเขมรป๋องไปโผล่กลางวงเลย
“ใช่”
สามเกลอสะดุ้ง
“เฮ้ย”
หมอเขมรป๋องโชว์มือถือ หน้าจอเป็นเฟซบุ๊ค
“นี่ไง แกชื่อชมพู่ แอดเฟซฉันมา วันนี้นัดมาปราบผี ส่วนรูปในเฟซเป็นหน้าก่อนกรำศึก หลังจากล้างป่าช้า ลุยกับผีมา หน้าฉันก็เป็นแบบนี้” หมอเขมรป๋องชี้หน้าตัวเอง
อาสากระซิบกับชมพู่
“โห...นี่หลอกผู้บริโภคตั้งแต่ยังไม่ปราบผี หมอเขมรเมิงนี่ไว้ใจได้ป่ะเนี่ย”
หมอเขมรป๋องไม่สบอารมณ์
“ไม่เชื่อใช่มะ งั้นเข้าบ้านเลยไป เจอผีเมื่อไหร่ กูจะตื๊บให้ดู”
ชมพู่รีบห้าม
“ใจเย็นหมอ อย่าห้าวดีกว่า แค่ช่วยคุยกับผี ให้ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องเจอ ไม่ต้องทัก ไม่ต้องสวัสดี แค่นี้ก็หรูแล้ว”
“โอเค...” หมอเขมรป๋องเอากระดาษให้ “นี่เลขที่บัญชี ปราบผีเสร็จแล้ว อย่าลืมโอนค่าเหนื่อยมาด้วยนะ...ไป แค่เห็นหน้าหมอป๋อง รับรองผีกระเจิง ฮ่าๆ”
หมอเขมรป๋อง เดินนำเข้าบ้านไป สามเกลอตามหมอเขมรป๋องไปกลัวๆ
ในสนามบินยามค่ำคืน...เครื่องบินร่อนลงจอด ด้านนอกอาคารผู้โดยสาร พิมพ์ดาวลากกระเป๋าเดินทางมา โทรศัพท์หาสนธยาไม่มีใครรับสาย เธอจึงฝากข้อความ
“ดาวกลับมากรุงเทพแล้วนะสน เป็นไรรึเปล่า โทรหาไม่รับเลย ว่างโทรกลับดาวด้วยนะ” พิมพ์ดาววางสาย “ทำไรของเขานะ อุตส่าห์จะได้เจอกันแท้ๆ”
พิมพ์ดาว เผลอทำมือถือตก จะก้มเก็บ มีมือมาช่วยเก็บ พิมพ์ดาวเงยหน้ามอง มณฑลยิ้มให้
“หมวด...มาทำอะไรคะเนี่ย”
“ลืมแล้วเหรอครับว่าผมรับราชการอยู่ที่กรุงเทพ แล้วผมก็เคยสัญญา ว่าจะเป็นกำลังใจให้คุณดาวไงครับ” มณฑลยิ้มให้
สนธยา เจนนี่ สนิท ปีนรั้วบ้านออกมา สนธยาชี้ไปที่รถตู้
“น้าหนิดออกรถ”
สนิทรีบวิ่งไปที่ประตูคนขับ เปิดประตู ในรถ ข้างคนขับ ผีทหารญี่ปุ่นนั่งอยู่ ถีบสวนมา ปัง สนิทหงายหลัง ล้มนอนกับพื้น
“ฮือ ไปไม่ได้แล้ว ไอ้คุณสน ผีผลัก”
สนธยาตะโกน
“เคนจิ ปล่อยสองคนนี้ไป อย่าทำอะไรพวกเขา”
เจนนี่ปราม
“อยากตายรึไง หนีไปด้วยกันสิ”
“ขนาดน้าหนิด ยังโดนถีบขนาดนั้น จะให้หนียังไงเล่า”
เจนนี่นึกได้
“พระไง ตอนอยู่ที่เรือนหอ พระนายป้องกันผีได้”
สนธยาเอาพระออกมาจากคอ เจนนี่ถอดพระจากเขามาไหว้
“หลวงพ่อ ช่วยพวกหนูด้วย...น้าหนิด รับ”
เจนนี่โยนพระให้ สนิทรับ รีบเปิดประตูรถ ชูพระขู่
“อย่าเข้ามานะมึง พระนะมึง”
ผีทหารญี่ปุ่นที่นั่งข้างคนขับ หายตัวไปทันที สนิทโดดขึ้นนั่งที่คนขับสำเร็จ
“รอดแล้ว ผีกลัวพระ พวกเราหนี”
เจนนี่ วิ่งจับมือสนธยาไปขึ้นรถตู้ เธอเปิดประตูขึ้นนั่งหน้ากับสนิท สนธยาจะขึ้นตามแต่มีมีมือมากระชากเสื้อไว้ สนธยาหงายหลัง เจนนี่โผล่หน้าจากรถ
“สน”
สนธยา นอนหงายลงกับพื้น ผีทหารญี่ปุ่นเหยียบที่อกซ้ำอย่างโกรธเกรี้ยว
“มึงจะหนีไปไหน”
สนธยาหวาดกลัวสุดๆ
ชมพู่ อาสา หรั่ง พาหมอเขมรป๋องมาที่หน้าแคมป์ เสียงหมาหอนดังขึ้น สามเกลอ มองซ้าย มองขวา กลัวผี ชมพู่หันมาบอก
“แถวนี้แหละหมอ ช่วยเรียกพวกผีมาเจรจาแบบซ้อฟท์ๆ ให้ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมารบกวนซึ่งกันและกัน แล้วรีบไปเถอะนะ”
“เรียกมาแบบซ้อฟท์ๆ ใช่มะ ได้” หมอเขมรป๋องตะโกนชี้ไป “เฮ้ย พวกมึงอ่ะ”
อาสากับหรั่ง รีบกระโดดปิดปาก ล็อคคอหมอเขมรป๋อง
“มึงจะบ้ารึไง พูดกับเขาดีๆ อย่าหาเรื่องเขาดิครับ” หรั่งปราม
“ดูปากนะ” อาสาชี้ปากตนเอง “เจ -ระ- จา ไม่ใช่ ด่า โอเค๊”
หมอเขมรป๋องเซ็ง
“โห่ จะกลัวอะไรวะ ไอ้ผีพวกนี้ภพภูมิมันต่ำกว่าเรา ยังไงก็ด่าได้ เข้าใจป่ะ มันต่ำอ่ะต่ำ” หมอเขมรป๋องตะโกนอีก “เฮ้ย แน่จริงออกมาสิวะ ไอ้ผีชั้นต่ำ เซาะกราว จัณฑาล ปอดแหกนี่หว่า ออกมาสิ เฮ้ย”
ชมพู่ อาสา หรั่ง ถอยไปยืนรวมตัวกัน
“จะรอดเหรอพี่ ปากมันหมาขนาดนี้ ถ้าพวกคุณผีโกรธเอา งานเข้าเลยนะ” หรั่งหวาดกลัวกังวล
“นั่นดิ ตะกร้อครอบปากกูว่าไม่อยู่แน่ ยิงยาสลบมันเลยดีมะ” อาสาแนะหวาดๆ
“กูไม่รู้ รู้แต่กูเมื่อยๆ หนักๆ ล้าๆ ยังไงไม่รู้ดิ” ชมพู่จับคอ
ชมพู่ อาสา หรั่ง โดนเงาผีขี่คอ เรียงตัว ครบทั้งสามคนอยู่ เหล่าผีหัวเราะคลั่ง
“ฮ่าๆ”
สนธยา ถูกผีทหารญี่ปุ่น เหยียบอก พยายามเจรจากับผี
“ใจเย็นๆนะเคนจิ ถึงนายจะทำอะไรพวกฉัน คุณแสงจันทร์ก็ ไม่มีทางฟื้น...”
ผีทหารญี่ปุ่นกระทืบที่อกเขาเลย
“โอ๊ย”
เจนนี่ตกใจ
“สน”
เจนนี่เป็นห่วงรีบลงจากรถ ผีทหารญี่ปุ่นแค้นๆ
“พวกมึงให้ความหวังว่าจะพากูกลับบ้าน แต่ตอนนี้ คนรักกูตาย ไม่มีใครรู้อีกแล้วว่ากระดูกกูอยู่ที่ไหน กูไม่อยากฟังคำโกหกของมึงอีก”
ผีทหารญี่ปุ่นกระทืบซ้ำๆ สนธยาดิ้นทุรนทุราย ด้วยความเจ็บปวด เจนนี่ตกใจ ลงไปคุกเข่าไหว้ มองไปรอบๆ
“ขอร้องล่ะเคนจิ สนธยาแค่อยากช่วยนาย เขาไม่รู้เรื่อง อย่าทำอะไรเขาเลย ขอร้องเถอะ”
สนิทวิ่งโชว์พระมา
“ไอ้ผีญี่ปุ่น ไปซะ ไม่งั้นกูจะ...”
ผีทหารญี่ปุ่น หายตัวไปอยู่ด้านหลังทันที แล้วถีบสนิทหน้าคะมำ ผีทหารญี่ปุ่นหายตัวกลับมาหาสนธยาที่นอนอยู่
“ตายซะ”
ผีทหารญี่ปุ่น กระทืบซ้ำๆอีก สนธยาดิ้นไปมา ร้องเจ็บปวด
“พอ...อย่าทำอะไรสน พอแล้ว”
เจนนี่เอาตัวเข้าไปขวาง สนธยา ผีทหารญี่ปุ่น ยั้งเท้าไว้ทัน ผีเด็กมายืนข้างผีญี่ทหารญี่ปุ่น
“พอเถอะ ถ้าเขาตาย คราวนี้พี่ไม่ได้กลับบ้านจริงๆแน่”
ผีทหารญี่ปุ่นกับผีเด็ก ค่อยๆหายตัวไป เจนนี่ประคองสนธยาที่หมดสติในอ้อมกอด พยายามเขย่าเรียกสติ
“สน อย่าเป็นไรนะสน...สน”
เสียงอีการ้องดังขึ้น...อีกา ตัวนึงเกาะอยู่บนรถตู้ มองมาที่พวกสนธยา
หมอผีอีกานั่งสมาธิอยู่ ลืมตาขึ้นทันที ตาเบิกโพลง
“ในที่สุด กูก็เจอพวกมึงจนได้” หมอผีอีกาสูดหายใจ “แรงอาฆาตของผีอย่างมึง ช่างหอมยิ่งนัก กูจะไปเอาวิญญาณมึงกลับมา ฮ่าๆ”
หมอผีอีกาหัวเราะคลั่ง
ชมพู่ อาสา หรั่ง โค้งตัว ยืนหลังค่อมคุยกัน ถูกเงาผีขี่คออยู่ทั้งสามคน แต่ไม่รู้ตัว
“ไอ้หรั่ง ไอ้อาสา เมิงว่ามันแปลกๆมะ กูว่ากูเตี้ยอยู่แล้ว ทำไมยิ่งรู้สึกเตี้ยลงไปเรื่อยๆวะ” ชมพู่ถามอย่างสงสัย
“นั่นดิ นี่ถ้ากูคิดมาก กูคงนึกว่ามีอะไรขี่คอกูอยู่นะเนี่ย” อาสาเห็นด้วย
เงาผีที่ขี่คออาสาอยู่ กลายร่างเป็นผีงิ้วตัวเป็นๆ โน้มมากระซิบข้างหู
“แล้วลื้อรู้ได้ไงว่าไม่มี”
อาสายิ้ม
“นั่นไง” อาสานึกได้ ช็อค “อ...ไอ้หรั่ง ไอ้ชมพู่ เมื่อกี้เมิงได้ยินเสียงอะไรมั้ย”
หรั่งมีมือเงาผี ปิดหูอยู่จึงไม่ได้ยิน
“พี่ว่าอะไรนะ พูดดังๆไม่ได้ยิน”
อาสาสะอื้น
“กูถามว่า เมิงได้ยินใครกระซิบข้างหูอย่างกูมั้ย”
ชมพู่ถูกเงาผีที่ขี่คออยู่ปิดจมูก ปิดปาก
“แค่กๆ กูได้ยินแว่วๆ แต่ตอนนี้ไม่รู้เป็นไร กูหายใจไม่ออก”
หมอเขมรป๋อง ยิ้มเยาะ
“กูจะบอกให้นะ พวกมึงโดนผีอำ”
สามเกลอหันไปเห็น ตกใจ
“เฮ้ย”
“มันอำว่ามันจะหลอกมึงแต่มันไม่หลอก พวกเมิงปอดแหกไปเอง คิดมาก”
ชมพู่มองหมอเขมรป๋อง
“โอเค เรื่องพวกกูปอดแหกก็ส่วนปอดแหก แต่เมิงไปนอนตรงนั้น เพื่อ...”
หมอเขมรป๋องนอนคว่ำราบไปกับพื้น มีเงาผีสองตัวเหยียบอยู่ แต่ไม่รู้ตัว
“ทำไม๊ ก็กูเล่นโยคะ กูเมื่อย”
อาสาตื่นกลัว
“กูว่าไม่ใช่แระ มันต้องมีอะไรแน่ ผีแหงๆ ฮือ”
“เพ้อเจ้อ พวกมึงเนี่ยป๊อดจริงๆ มาๆ” หมอเขมรป๋องนอน กวักมือ “ถ้าอยากรู้มาเอากระจกส่องผีในย่ามกูมา”
หมอเขมรป๋องนอนแผ่ส่งย่ามให้ อาสาเดินหลังค่อมมาหยิบกระจกในย่ามไป
“คราวนี้ ถ้ามึงว่าผีอยู่ไหนมึงส่อง แต่เชื่อกูมึงจะไม่เห็นอะไร เพราะผีมันไม่มี...ถ้ามีป่านนี้กูรู้แล้ว เอาดิ๊ๆ”
อาสามือสั่น ค่อยๆส่องกระจก มองหลังตัวเอง ผีงิ้วที่ขี่หลังอยู่ หันมายิ้ม อาสาสะดุ้งเฮือกหลับตาปี๋
“นั่นไง กูว่าแล้ว”
ชมพู่สงสัย
“อะไรของมึงวะอาสา เห็นไรก็บอกดิ”
“พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ดูเองละกัน”
อาสาส่งกระจกให้ ชมพู่รับมาบ่นๆ
“มึงนี่นิสัยเสีย จะกั๊กทำไม เพื่อนถามมึงก็แค่...”
ชมพู่ส่องกระจก เห็นเงาผี ขี่คอตัวเองอยู่ ตาโต ชะงักทันที
“เฮือก...”
อาสาสะอื้น
“มึงเห็นอย่างกูใช่มั้ย”
ชมพู่ตาโต หน้าค้าง พยักหน้าแข็งๆ
“ดำไปหน่อย แต่กูว่าใช่”
หรั่งบ่นอย่างไม่เข้าใจ
“พี่สองคนคุยเรื่อง อะไรดำๆวะ มีอะไรพูดกันเคลียร์ๆไม่ได้หรือไง น้องจะได้...”
ชมพู่ยื่นกระจกใส่หน้า ส่องหรั่งทันที หรั่งเห็นเงาผีขี่หลังอยู่สะดุ้งเฮือก ชมพู่กับอาสาพูดพร้อมกันน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้
“เป็นไง เคลียร์มั้ย”
หรั่งหน้าตื่น สะอื้น
“เคลียร์แล้ว ชัดเลย ดำปี๋ แบบนี้อยู่ไม่ได้แล้ว เผ่นเถอะ จ๊าก”
ชมพู่ อาสา หรั่ง สะบัดๆหลัง แล้วรีบวิ่งไป หมอเขมรป๋องตะโกน
“เฮ้ยเดี๋ยว สงสัยกูเป็นเหน็บ พากูไปด้วย”
ชมพู่ หรั่ง อาสา วิ่งกลับมา ลากหมอเขมรป๋องที่นอนอยู่หนีไปเลย
โรงพยาบาลเล็กๆ...สนธยานอนพักอยู่บนเตียงในห้องพักไข้ ค่อยๆรู้สึกตัว ร้องเบาๆ เจ็บจากที่โดนทำร้าย
“โอ๊ย”
เจนนี่กับสนิท เห็นเขาฟื้น รีบเข้าไปดูอาการ
“สน เป็นไงมั่ง” เจนนี่ถามอย่างเป็นห่วง
สนธยายังระบมไม่หาย
“เจ็บ เจ็บไปหมด...ที่นี่ที่ไหน”
“โรงพยาบาล นายโดนเคนจิทำร้ายจนสลบ ฉันกับน้าหนิดเลยรีบพามาที่นี่”
“แต่ฉันจำได้ว่าเคนจิจะฆ่าฉัน แล้วฉันรอดมาได้ไง”
“ก็เจนนี่สิ มันเอาตัวเข้าไปขวางขอชีวิตคุณไว้ ไม่งั้นได้กลายเป็นผี ให้เคนจิกระทืบต่อแล้ว” สนิทบอก
สนธยาจับมือเจนนี่
“ขอบใจนะเจนนี่”
เจนนี่ยิ้มพยักหน้า สนธยาถอนใจ
“อย่างน้อยเราก็ปลอดภัย ที่ตอนนี้เคนจิไม่อยู่ที่นี่”
ผีทหารญี่ปุ่น ปรากฏตัวที่ปลายเตียง พร้อมผีเด็กทันที
“กูอยู่นี่”
สนธยาชะงักอึ้ง
ชมพู่ อาสา หรั่ง หมอเขมรป๋อง มาตั้งหลักในบ้าน สามเกลอ ยกมือไหว้อย่างหวาดกลัว
“คุณผีครับ เราต่างคนต่างอยู่เถอะนะคุณผี เอะอะมาขี่คอกันแบบนี้ เรารับไม่ด้าย” ชมพู่พูดเสียงสั่น
หมอเขมรป๋องเซ็งๆ
“เอาอีกแระ พวกมึงนี่เพ้ออีกแระ ผีมันจะเล่นกายกรรมหรือไง ถึงอยากมาขี่คอเมิง คิดเองเออเองทั้งนั้น”
“แล้วที่เห็นตัวเป็นๆในกระจกส่องผีล่ะหมอ” อาสาถาม
หมอเขมรป๋องสวนทันที
“ตาฝาด ขนาดมองธรรมดา ยังไม่เห็นผี แล้วผีมันจะมีได้ไง ไอ้โง่”
กลุ่มเงาผี ปรากฏตัวที่มุมหนึ่ง
“ปากดีนักนะมึง”
ผีงิ้วปรากฏตัวมาขวางกลุ่มเงาผีไว้
“ให้อั๊วสั่งสอนมันก็พอแล้ว ขืนพวกลื้อปรากฏตัว แล้วหมอผีอีกา มันฝ่ามนต์หลวงพ่อมาได้ เราจะซวยซะเปล่าๆ”
ผีขุนศึกเห็นด้วย
“งั้นจัดการมันให้หนัก”
เงาผีสลายตัวไป ผีงิ้วยิ้ม หรั่งหันมาหาหมอเขมรป๋อง
“เอางี้หมอ เพื่อความสบายใจ หมอมีของขลังป้องกันผีได้มะ”
หมอเขมรป๋องหยิบกระติกน้ำมนต์สแตนเลสออกมาจากย่าม เปิดฝา
“นี่ไง น้ำแร่มนต์จากเทือกเขาแอล์ป อิมพอร์ตมา ขวดละ 999 แค่รดนิดเดียวรับรอง ผี...”
หมอเขมรป๋องยังพูดไม่ทันจบ ผีงิ้วก็หยิบขวดน้ำมนต์แสตนเลสจากมือมา หมอเขมรป๋องเห็นขวดลอยกลางอากาศก็ตกใจ
“แว๊ก ข...ขวดลอย”
ผีงิ้วเทน้ำมนต์ใส่หัวหมอเขมรป๋องเลย ชมพู่กลัวตัวสั่น
“ไม่ได้ลอยอย่างเดียว ยังราดหัวหมอด้วยบอกแล้วไงว่ามี ผี”
หมอเขมรป๋องตื่นกลัว ชี้มือสั่นมาที่พวกชมพู่
“บ...บัดซบ ไอ้ผีชั้นต่ำ”
พวกชมพู่จับหมอเขมรป๋องหันไป ทางที่ขวดลอย
“ทางโน้น”
หมอเขมรป๋องทำเหี้ยม
“จะเล่นกับกูใช่มั้ย ได้ เดี๋ยวมึงเจอของจริง”
หมอเขมรป๋องท่าทางโกรธมาก
สนธยานั่งบนเตียงหวาดกลัว ที่เห็นผีทหารญี่ปุ่น
“ค...เคนจิ นายต้องการอะไรอีก”
สนิทมองซ้ายขวาหวาดกลัว
“ห๊ะ มาอีกแล้ว มึงจะตามจองล้างจองผลาญไปถึงไหน ไอ้กิมจิ”
เจนนี่บกมือไหว้
“เราช่วยนายเต็มที่แล้วนะเคนจิ ปล่อยเราไปเถอะนะ”
ผีทหารญี่ปุ่นมองกราด
“ได้ กูจะปล่อยพวกมึงไป”
สนธยาดีใจ
“นายจะปล่อยเราไป จริงดิ”
“แต่กูจะกลับไปอยู่ที่เรือนหอกับมึงด้วย”
สนธยาชะงัก
“ห๊ะ...ม…ไม่มีทาง นั่นมันเรือนหอฉัน”
ผีทหารญี่ปุ่นดุ
“กูไม่สน...ถ้ากูกลับบ้านไม่ได้ กูก็จะไปอยู่กับมึง ฮ่า”
สนธยาโกรธ
“ไอ้… ไอ้ผีเร่ร่อน ฉันไม่มีวันให้แกไปอยู่ที่เรือนหอเด็ดขาด ไปซะ ไปให้พ้น”
สนธยาคว้าของใกล้มือปาไปที่ผีทหารญี่ปุ่น แต่ผ่านร่างไป ผีทหารญี่ปุ่นหัวเราะลั่น เดือนซึ่งเป็นนางพยาบาล ได้ยินเสียงดังเข้ามาห้าม
“หยุด มีอะไรค่อยๆคุยกันสิคะ หยุดสิคะ หยุด”
เดือนเข้าไปล็อคตัว สนธยาไว้ ผีเด็กชี้ไป ที่เดือน
“พี่คนนี้ หน้าคุ้นจัง”
ผีทหารญี่ปุ่นเห็นหน้าเดือนตกใจอึ้ง
“แสงจันทร์”
สนธยาเห็นหน้านางพยาบาลก็อึ้ง
มณฑลขับรถมาส่งพิมพ์ดาวที่บ้าน ถือกระเป๋าลงมาให้ พิมพ์ดาวลงจากรถ ถือโทรศัพท์ลงมาหน้าตาไม่สบายใจ
“ใจเย็นนะครับ แฟนคุณเขาอาจติดธุระสำคัญอยู่ ถ้าเขารู้ว่าคุณดาวกลับมา เขาต้องรีบมาหาคุณแน่”
“แต่สนไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ดาวนานขนาดนี้เลยนี่คะ”
มณฑลยิ้ม
“ตอนนี้ที่สำคัญกว่า คือคุณควรรีบหางานที่คุณอยากทำ และทำให้สำเร็จ เพื่อพิสูจน์ให้แม่คุณเห็น พอหลังจากนี้ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น เชื่อผมสิครับ”
“ขอบคุณนะคะ ดาวโชคดีจริงๆ ที่มีหมวดเป็นเพื่อนที่ดีแบบนี้”
“คนที่โชคดี คือ คุณสน แฟนคุณต่างหาก”
พิมพ์ดาวยิ้มจ๋อยๆ
“หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะครับ”
พิมพ์ดาวพยักหน้า มณฑลยิ้มให้เดินขึ้นรถไป พิมพ์ดาวกดโทรศัพท์โทรหาสนธยาอีก
อ่านต่อหน้า 2
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 9 (ต่อ)
เดือนประคองสนธยาให้นอนลง สนธยามองไม่วางตา
“ตอนนี้คุณกำลังบาดเจ็บ พักผ่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะรีบตามคุณหมอมาให้”
ผีทหารญี่ปุ่น โผล่มาข้างเตียงพยายามเรียกเดือน
“แสงจันทร์ คุณได้ยินผมมั้ย ผมเคนจิไง แสงจันทร์”
ผีเด็กหันมาต่อว่าสนธยา
“พี่ก็นอนเฉยอยู่ได้ ช่วยหน่อยสิ”
สนธยาได้สติเรียกไว้
“เดี๋ยวครับคุณ…”
“เดือนค่ะ มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ”
ผีทหารญีปุ่นผิดหวัง
“ไม่จริง เธอคือแสงจันทร์...สนธยาช่วยผมด้วย เธอต้องจำผมได้สิ”
“คุณเดือน รู้จักคนญี่ปุ่นที่เชื่อเคนจิมั้ยครับ” สนธยาถาม
เดือนยิ้ม
“ไม่นี่คะ”
สนธยาอึ้ง หมดหวัง เดือนเดินออกไป ผีทหารญี่ปุ่นมองตามเศร้าๆ
“แสงจันทร์ ผมอยู่นี่ ทำไมคุณจำผมไม่ได้ คุณต้องจำผมได้สิ แสงจันทร์” ผีทหารญี่ปุ่นทรุดตัว คุกเข่า “แสงจันทร์”
สนธยาเข้าไปปลอบ
“ฉันพยายามแล้ว ขอโทษนะเคนจิ”
สนิทแปลกใจ
“เหมือนกันขนาดนี้ ถ้าบอกเป็นแฝดกัน นี่เชื่อสนิทเลยนะ”
เจนนี่นึกได้
“เฮ้ย ถึงไม่รู้จักเคนจิ เขาอาจรู้จักคุณแสงจันทร์ก็ได้นี่”
สนธยาหันไปมองหน้าเคนจิทันที มีหวัง
หมอเขมรป๋องเตรียมจะสู้กับผี ด่าผีท้าทาย
“ไอ้ผีชั้นต่ำ คิดผิดแล้วที่กล้ามาลองดีกับกู มึงต้องเจอนี่”
หมอเขมรป๋อง หยิบกระดูกที่เหลาจนแหลม 3 อัน ออกมาจากย่าม
“กระดูกผีเจ็ดป่าช้าสะกดวิญญาณ”
“โห แปลว่าถ้าคุณผีโดนกระดูกนี่สะกด จะนิ่ง อึ้ง สั่งอะไรก็เชื่อฟังเลยใช่มั้ยหมอ” ชมพู่ถามอย่างตื่นเต้น
หมอเขมรป๋องแสยะยิ้ม
“เดี๋ยวมึงคอยดูก็แล้วกัน”
หมอเขมรป๋องพึมพำท่องคาถา เป่าพรวดที่กระดูกอาคม แล้วขว้างออกไป ผีงิ้วตกใจ ใช้กระติกน้ำมนต์สแตนเลสที่ถืออยู่ ตีสวน กระดูกอาคม ชิ่งไปตามมุมต่างๆของบ้าน สามเกลอยืนเรียงแถว หันมองตามกระดูกอาคมกระทบชิ่ง พร้อมกัน ซ้ายขวาบนล่าง หมอเขมรป๋องหัวเราะร่า
“ฮ่าๆ กลัวจนหัวหดล่ะสิมึง กระดูกผีเจ็ดป่าช้ากระจายไปทั่ว โดนมึงเต็มๆ ใช่มั้ยล่ะ ไอ้ผีกระจอก”
ชมพู่ อาสา หรั่ง เซ็ง มีกระดูกอาคมคนละอัน จิ้มกลางหน้าผาก สามเกลอพูดออกมาพร้อมกัน
“เต็มๆ”
หมอเขมรป๋องหันไป ตกใจ
“แว๊ก...อะไรของพวกมึงเนี่ย ทำไมถึงซวยขนาดนี้”
“กูจะรู้มั้ยล่ะหมอ ที่รู้ๆ ช่วยเอากระดูกออกจากหน้ากูก่อนได้มั้ย” อาสาโวย
“ไม่ กูไม่เชื่อว่ากระดูกผีเจ็ดป่าช้าจะไม่ได้ผล มันต้องเจอชุดใหญ่”
หมอเขมรป๋องหยิบกระดูกแหลม ออกจากย่ามมาเต็มสองกำมือ พึมพำ ร่ายมนต์เสร็จ
“ตายซะ”
หมอเขมรป๋องปากระดูกออกไปอีก
“อยู่ก็โง่สิมึง”
ผีงิ้วหายตัวทันที สามเกลอที่มีกระดูกจิ้มหน้าอยู่แล้ว มองตามกระดูกไปคนละมุม สลับกันไปมาเสียงกระดูก โป๊งเป๊งๆ หมอเขมรป๋องหัวรัลั่น
“ฮ่าๆ คราวนี้ไม่รอดแน่มึง หนักเลยใช่มั้ยล่ะ”
สามเกลอ มีกระดูกจิ้มเต็มหน้ายังกะเม่น ทั้งสามสะอื้นชี้ตัวเอง
“ดูหน้ากูสิ”
หมอเขมรป๋องหันไปเห็นก็ตกใจ
“แว๊ก...อะไรเนี่ย พวกมึงเข้าใจมั้ย กูปากระดูกใส่ผี แล้วมึงจะเอาหน้าไปรับไว้ทำม๊าย”
หรั่งสะอื้น
“กูไม่ได้จะรับเลยไอ้หมอ มันมาของมันเอง”
“ได้ ถ้ากระดูกผีเจ็ดป่าช้าไม่ได้ผล คราวนี้เจอ ตะกรุดยักษ์”
หมอเขมรป๋องจะล้วงมือหยิบในย่าม สามเกลอจับบ่าห้ามไว้
“พอแล้ว”
ชมพู่ส่ายหน้าดิก
“ไม่ไหวแล้วไอ้หมอ เกิดมึงปาแล้วมันลอยมาทิ่มหน้ากูอีก กูรับไม่ด้าย”
ผีงิ้วปรากฏตัวอย่างโกรธกริ้ว
“ตลกมากเกินไปแล้วนะมึง กล้าเอาหมอผีกระจอกมาเล่นกับกู กูจะสอนให้สำนึก”
ผีงิ้วกระทืบเท้าเต็มแรง ประตูหน้าต่าง ทุกบานพากันปิด เรียงกันปังๆ ไฟในบ้านกระพริบติดๆดับๆ สามเกลอกับหมอเขมรป๋องพากันตื่นกลัว
“เอาแล้วไง ไอ้หมอ นี่แหละ ข...ของจริง” ชมพู่หวาดกลัวสุดๆ
นางพยาบาลเขียนแฟ้มรายงาน ปิดแฟ้ม หันหลังไปเก็บ หันกลับมาก็เจอหมอผีอีกายืนอยู่ เธอตกใจสะดุ้ง
“อุ่ย...ม...มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ”
“มาหาคนไข้ ชื่อสนธยา”
พยาบาลมองไม่ไว้ใจ
“เป็นญาติคนไข้เหรอคะ”
หมอผีอีกาไม่ตอบ แบมือเป่ามนต์ใส่ พยาบาลตาแข็งเดินนำไป หมอผีอีกายิ้มพอใจ
พยาบาลตกอยู่มนต์ เดินนำหมอผีอีกามาเปิดประตูห้องให้ ที่เตียงพยาบาล มีม่านปิดอยู่ หมอผีอีการีบวิ่งไป กระชากม่านเปิดออก ที่เตียงพยาบาลว่างเปล่า สนธยาหายไปแล้ว หมอผีอีกาแค้นจัด
“มึง”
เดือนถือกระเป๋าสะพาย ออกมาจากหน้าโรงพยาบาล เดินกลับบ้าน พวกสนธยาซุ่มมองอยู่มุมหนึ่ง สนธยาจะรีบตามไป เจนนี่ดึงไว้
“เดี๋ยว นายยังไม่หาย เกิดเขาเจอตอนนี้ ก็รู้ว่าหนีจากโรงพยาบาลมาสิ”
“แล้วถ้าไม่ไปถาม จะรู้ว่าเขารู้จักคุณแสงจันทร์มั้ยล่ะ”
เจนนี่ยิ้มมีแผน
“ฉันมีวิธี”
ไฟในเรือนหอ กระพริบ ติดๆ ดับๆ ผีงิ้วหัวเราะลั่น หน้าหลอนมาก
“ฮ่าๆ”
หมอเขมรป๋อง ชมพู อาสา หรั่งพากันกลัว
“โหพี่ จะอยู่ทำไมเนี่ย หรั่งกลัวขรี้จะแตกแล้ว เผ่นเถอะ”
อาสามองหน้าหรั่ง
“มึงเห็นมั้ย เขาปิดประตูหน้าต่าง ทำไฟติดๆดับๆแบบนี้ มึงจะหนียังไง๊”
“ไม่ต้องกลัว” หมอเขมรป๋องหยิบไฟฉายออกมาจากย่าม “กูมีไฟฉาย”
ชมพู่เซ็งเลย
“โห่ย...ไอ้หมอ มึงเข้าใจมั้ยว่าไฟมันไม่ได้เสีย แต่ที่เป็นแบบนี้ คุณผีจะเล่นมึงแล้ว”
“กูไม่กลัว แหมทำมาเป็นของลอย ไฟดับนั่นนี่” หมอเขมรป๋องตะโกน “เป็นเดวิด คอปเปอร์ฟิวหรือไง ถ้าแน่จริง ออกมาให้เห็นสิ ไอ้ผีกระจอก”
หรั่งยกมือไหว้
“ไอ้หมอ...ขอร้องอย่าไปท้าเขา”
หมอเขมรป๋องไม่สน
“ทำไมกูจะท้าไม่ได้ ไอ้ผีขี้ป๊อด ไอ้ผีใจมด ติ๋มหรือไงแน่จริงมาสิวะ”
ผีงิ้ว โผล่มาเลยหน้าชิดหมอเขมรป๋องมาก
“มาแล้ว”
หมอเขมรป๋องสะดุ้งโหยง
“จ๊าก”
เดือนเดินมาถึงหน้าบ้าน ไขกุญแจ เข้าบ้านไป รถตู้ของพวกสนธยา ขับตามมา จอดที่ริมถนน สนธยาชี้ไป
“นั่นคุณเดือน เข้าบ้านไปแล้ว บอกแล้วให้รีบตามไปแต่แรก เห็นมั้ยเล่า”
เจนนี่ยิ้ม
“ก็เห็นแล้วไงว่าใช่...จำไม่ได้รึไง ที่นี่ที่ไหน”
ผีทหารญี่ปุ่นที่ดูอยู่อึ้งไป
“บ้านแสงจันทร์”
หมอเขมรป๋อง ชมพู่ อาสา หรั่ง เจอผีงิ้วตัวเป็นๆ ก็เกาะกลุ่มกันกลัวตัวสั่น
“ไอ้หมอออ สาแก่ใจรึยัง มึงไปเรียกเขาออกมาเนี่ย ถามพวกกูมั่งมั้ย” หรั่งโวย
หมอเขมรป๋องสะอื้น
“ตอบสั้นๆ เลยนะ กูเสียใจ”
ชมพู่อยากจะร้องไห้
“กูสิเสียใจยิ่งกว่า ดูสิ ผีตัวเป็น ยืนหัวโด่อยู่เนี่ย มึงจะเคลียร์ยังไงกับเขา”
หมอเขมรป๋องกลัวตัวสั่น
“ตอบสั้นๆ อีกที กูเสียใจ”
“ไม่ทันแล้วไอ้หมอ นาทีนี้ ถามเขาสั้นๆ เลยดีกว่า” อาสามองหน้าผีงิ้ว “กลับไปที่ชอบ ได้มั้ยคุณผี”
ผีงิ้วส่ายหัว
“กูอยู่ของกูดีๆ มึงท้ากูออกมา กูก็จะจัดให้หนัก”
ผีงิ้วค่อยๆถอดหัวออกมาถือไว้ ทั้งหมดตกใจร้องลั่น
“ผีหิ้วหัว...แว๊ก”
ทั้งหมดวิ่งพังประตูออกจากตัวเรือนหอไปเลย ผีงิ้วหัวเราะ
“มึงหนีกูไม่พ้นหรอก ฮ่าๆ”
อ่านต่อ 17.00 น.
เดือนเปลี่ยนชุดอยู่บ้าน เดินลงมาเห็นประตูในบ้านเปิดอยู่ แปลกใจ เดินไปปิด หันกลับมาเจอพวกสนธยา ยืนอยู่ในบ้านแล้วเดือนตกใจ
“พวกคุณ ต...ต้องการอะไร...” เดือนตะโกน “ช่วยด้วยๆ”
สนธยารีบบอก
“ใจเย็นคุณเดือน เราไม่ทำร้ายคุณ เราแค่อยากรู้ว่าคุณกับคุณแสงจันทร์ เป็นอะไรกันแน่”
เดือนชะงัก
“ร...รู้จักยายฉันด้วยเหรอ”
ผีทหารญี่ปุ่นอึ้งพึมพำออกมา
“ถ้างั้นเธอก็เป็น...”
สนธยาพูดกับเดือน
“ครับ แต่คุณแน่ใจนะว่าไม่รู้จักทหารญี่ปุ่นที่ชื่อเคนจิ”
เดือนกลัวๆ ส่ายหัว ไม่รู้จัก
“งั้นคุณตา คุณเป็นใคร พอจะบอกได้มั้ยคะ” เจนนี่ถาม
เดือนส่ายหัว
“แม่ไม่ค่อยเล่าเรื่องตาให้ฉันฟัง รู้แต่ตาทิ้งยายไปตั้งแต่สงคราม ก่อนแม่เกิดด้วยซ้ำ”
สนธยามองเดือน
“มันอาจฟังดูเหลือเชื่อนะครับคุณเดือน แต่ผมรู้จักคุณตาของคุณ และแน่ใจว่า เขาคือทหารญี่ปุ่น ที่ชื่อเคนจิ”
เดือน อึ้ง ไม่มั่นใจ สนธยามองไปที่ผีทหารญี่ปุ่นที่ยืนอยู่ต่อหน้ารูปแสงจันทร์อย่างเศร้าๆ ทรุดตัวคุกเข่า
“แสงจันทร์ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษ”
ทั้งหมดออกมายืนที่หน้าบ้านแสงจันทร์...ท้องฟ้ามีพระจันทร์เต็มดวง ผีทหารญี่ปุ่น ยืนมองพระจันทร์อย่างเศร้าหมอง มุมหนึ่งพวกสนธยายืนมองผีทหารญี่ปุ่นอยู่ เจนนี่หันมาถาม
“เคนจิคงเสียใจมากใช่มั้ย”
สนธยาเห็นใจ
“เขาไม่ยอมพูดอะไร ได้แต่ยืนมองพระจันทร์”
เดือนออกมาจากบ้าน ถือซองกระดาษน้ำตาลเก่าๆมาด้วย
“ฉันไปค้นของเก่าๆของยายมาแล้ว ไม่เจออะไรยืนยันเรื่องที่พวกคุณเล่าให้ฟังมาก นอกจาก...”
เธอยื่นซองให้ สนธยาเปิดซองออกดู หยิบการ์ดประวัติคนไข้ ดูเก่ามาก ออกมามองในตำแหน่งชื่อ เขียนด้วยลายมือว่า เคนจิ สนธยาอึ้ง
“คุณแสงจันทร์ ยังคิดถึงเคนจิ เขายังเก็บเรื่องราวของเคนจิไว้จริงๆด้วย”
ผีทหารญี่ปุ่นอึ้ง สนธยามองการ์ดประวัติคนไข้ในมือ
“ถึงมันจะเป็นแค่กระดาษใบเล็กๆ แต่ผมเชื่อว่าความรักที่ทั้งคู่มีให้กัน ท่ามกลางสงครามที่เกิดขึ้น...”
ในอดีตตอนที่แสงจันทร์เจอเคนจิครั้งแรก...ทหารญี่ปุ่น วางร่างเคนจิลงบนเตียงเลือดโชก
“เขาก็คนเหมือนกัน รีบช่วยเขาเถอะ”
แขนแสงจันทร์ ถูกมือเคนจิยื่นมาจับ แสงจันทร์หันไปมอง เคนจิ บาดเจ็บ แต่พยายามพูด พะงาบๆ
“ขอบ...คุณครับ”
แสงจันทร์ยิ้มเล็กๆ เป็นมิตร
“มันก็คงเป็นเครื่องเตือนใจได้ว่า เขาสองคนเคยรักกันแค่ไหน...แม้ทั้งคู่จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่คุณแสงจันทร์ก็คง เฝ้ารอการกลับมาของเคนจิเสมอ” สนธยาบอก
ในอดีตแสงจันทร์ป้อนข้าวให้ เคนจิ ยิ้ม...เคนจิทำกายภาพเดินซ้ำๆ อีก2-3 ครั้ง แต่ล้มทุกครั้ง แสงจันทร์เข้าไประคองทุกครั้ง ที่เคนจิล้ม...เสียงหวอสงครามดังขึ้น แสงจันทร์พยายามพยุงเคนจิ แต่ไม่ไหวล้มลงอีก เคนจิส่ายหัว
“ไปเถอะแสงจันทร์ ไม่ต้องห่วงผม”
“ไม่ เราต้องไปด้วยกัน”
เสียงระเบิดดังขึ้น พื้นดินสะเทือน เศษปูน ล่วงลงมาจากเพดาน แสงจันทร์ตกใจเอามือปิดหู
“ว้าย”
เคนจิลุกขึ้น กอดแสงจันทร์ไว้แนบอก
“ไม่ต้องกลัว อยู่กับผม หลบที่นี่ก่อน”
เคนจิพาแสงจันทร์ก้มต่ำ มุดไปหลบใต้เตียงพยาบาลกอดแสงจันทร์ไว้ มองไปรอบๆ ไม่เหลือใคร เขาหันมาสบตาเธอพอดี ท่ามกลางเสียงหวอสงคราม เสียงปืน เสียงระเบิด ทั้งคู่ค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าหา และจูบกันในที่สุด
สนธยาเล่าเรื่องเคนจิ
“และเคนจิเองก็คงตามหา และพยายามทำทุกวิธีที่จะกลับมาหาคุณแสงจันทร์เช่นกัน”
สนธยาหันไปมอง ผีทหารญี่ปุ่นน้ำตาไหล
“แสงจันทร์”
เจนนี่หันมาถามเดือน
“แต่นอกจากหลักฐานพวกนี้ คุณแสงจันทร์ได้เก็บเถ้ากระดูกของเคนจิไว้หรือเปล่าคะ หรือคุณเดือนพอทราบมั้ยคะ ว่าเถ้ากระดูกของเคนจิถูกเก็บไว้ที่ไหน”
“ไม่แน่ใจนะคะ แต่ก่อนแม่จะเสีย ท่านสั่งให้เอาอัฐิของยาย กับของท่าน ไปโปรยรวมกับอัฐิอีกชุดบนหิ้งพระ แม่บอกแค่ว่า สุดท้าย ท่านก็อยากให้ครอบครัวของเราได้อยู่ด้วยกัน”
ผีทหารญี่ปุ่น น้ำตาไหลพราก สนิทอึ้ง
“อะไรนะครับ ไม่แน่ใจ ไม่มีอะไรคอนเฟริ์ม แถมโปรยไปแล้วอีกต่างหาก งั้นก็หมายความว่า...”
สนธยาแทรกขึ้น
“เคนจิไม่มีทางกลับบ้านได้แล้ว”
เดือนมาส่งพวกสนธยา เจนนี่ล่ำลา สนธยายังอึ้ง หน้าเอ๋อไม่รู้เรื่อง
“ขอบคุณมากค่ะ ขอโทษจริงๆนะคะ ที่มารบกวน”
เดือนพยักหน้า กลับเข้าบ้านไป เจนนี่ลากสนธยาที่ยืนอึ้งๆ เบลอๆออกมา พาไปที่หน้ารถตู้
“เป็นไรมากป่ะเนี่ย มีสติหน่อยสิ”
สนธยายังคงอึ้งๆ
“นี่ฉันเรือนหอฉันต้องมีผีติดอยู่ตลอดไปใช่มั้ยเจนนี่”
“เออน่ะ อยู่ๆไปก็ชินเองแหละ”
เจนนี่เปิดประตูรถ ผีเด็กนั่งอยู่ในรถแล้วพูดขึ้น
“ป๊อดแบบนี้ สงสัยจะยาก”
สนธยาสะดุ้ง
“เว้ย ผีทั้งตัวเนี่ยนะ ใครจะชินได้ แล้วไหนพวกผีที่ยังอยู่ที่บ้านอีก” สนธยาชี้เจนนี่ “เธอไม่เป็นฉัน เธอไม่...”
มือผีทหารญี่ปุ่นมาจับบ่า สนธยาสะอื้น
“นั่นไง ไม่ทันขาดคำ มันถึงตัวแล้ว จะเอาอะไรกับฉันอีก...เคนจิ”
สนธยาหันไป ผีทหารญี่ปุ่นหน้าตาดูมีชีวิต เหมือนคนปกติ
“เคนจิ...นี่นาย”
ผีทหารญี่ปุ่นยิ้ม
“นายพาฉันมาส่งถึงบ้านแล้วสนธยา ถึงฉันจะไม่ได้กลับประเทศญี่ปุ่น แต่ฉันมั่นใจว่าได้อยู่กับครอบครัวที่นี่ ไม่มีเรื่องอะไรที่ฉันต้องเป็นห่วงอีกแล้ว ขอบใจมากนะสนธยา ลาก่อน”
ผีทหารญี่ปุ่นร่างค่อยๆกลายเป็นแสงสว่างแล้วสลายไปในที่สุด สนธยาดีใจโล่งใจ
“เคนจิ...เคนจิไปแล้ว เคนจิไปเกิดแล้ว ภารกิจแรกสำเร็จแล้ว”
เจนนี่ดีใจด้วย
“น้าหนิด ภารกิจสำเร็จ...ยะฮู้”
สนธยากอด เจนนี่กับสนิท ทั้งสองงงๆ แต่ก็ดีใจไปด้วย มุมมืดไกลๆ หมอผีอีกาที่เฝ้าดูอยู่ เดินออกมา
“โชคมึงยังดีที่กูมาช้าไป แต่คราวหน้าอย่าหวังเลยว่าจะรอดไปได้”
หมอผีอีกาแค้นๆ
เช้าวันใหม่...สนธยา เจนนี่ สนิทกรวดน้ำอบู่บนศาลาการเปรียญ หลวงพ่อให้พร
“จัตตาโร ธรรมมา วัตทันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง”
สนธยา เจนนี่ สนิทไหว้ หลวงพ่อ
“ไง เหนื่อยมั้ยล่ะ”
“หนักเลยครับหลวงพ่อ แต่พอช่วยดวงวิญญาณเคนจิได้สำเร็จ ผมก็สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ” สนธยาบอกอย่างโล่งใจ
หลวงพ่อพยักหน้า
“ถึงจะมีอุปสรรคแค่ไหน แต่ถ้าเอ็งตั้งมั่นในความดี เอ็งย่อมได้ผลดีตอบแทน จำไว้”
สนิทขัดขึ้น
“แต่ผมทำดีมาตั้งนาน ไม่เห็นได้ดีสักทีเลยครับหลวงพ่อ”
หลวงพ่อยิ้ม
“งั้นก็ทำต่อไป”
สนธยายิ้มไว้หลวงพ่อ ขณะเดียวกันนั้นโทรศัพท์สนธยาสั่น เขาเอาโทรศัพท์มาดู
“คุณดาว”
พิมพ์ดาวคุยโทรศัพท์กับสนธยาอยู่ที่บ้าน
“สน นี่สนอยู่ที่ไหน ดาวโทรไปตั้งหลายครั้ง ทำไมไม่โทรกลับดาวบ้าง”
สนธยาหลบมาคุยโทรศัพท์กับพิมพ์ดาวมุมหนึ่ง สีหน้าลำบากใจ
“ขอโทษนะครับคุณดาว ตอนนี้ผมมีงานสำคัญมากจริงๆ แต่คุณดาวไม่ต้องห่วงนะครับ อีกไม่นานทุกอย่างจะเรียบร้อย เรือนหอของเราต้องเสร็จสมบูรณ์ คุณดาวรอผมอีกนิดนะครับ”
“แต่ตอนนี้ดาวกลับมากรุงเทพแล้ว สนมาเจอดาวได้มั้ย”
โทรศัพท์ถูกตัดสายไป
“สนๆ”
พิมพ์ดาวไม่พอใจ
สนธยามองโทรศัพท์ในมือ ไม่สบายใจ เจนนี่มาถามหยั่งเชิง
“ไม่ได้คุยกันตั้งนาน ทำไมรีบวางซะล่ะ”
สนธยาหน้าเครียด
“ฉันไม่อยากให้คุณดาวสงสัย ว่าฉันเจอกับอะไรอยู่”
“แล้วนายคิดว่าจะปิดแฟนนายได้นานแค่ไหนกัน”
“ฉันจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วค่อยบอกความจริงกับคุณดาว...ไปน้าหนิด กลับไปที่เรือนหอ...เรายังมีภารกิจรออยู่”
สนธยาเดินไป สนิทตามไป เจนนี่มองตามเป็นห่วง
อ่านต่อตอนที่ 10
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 10
สนิทขับรถตู้กลับเข้ามาที่เรือนหอ สนธยา เจนนี่ ลงจากรถ สนธยามองไปรอบๆ
“ทำไมเงียบแบบนี้...พวกพี่ชมพู่ ที่ต้องอยู่ซ่อมเรือนหอ ไปไหนหมด”
สนิทอยู่ที่นั่งคนขับ ไม่ยอมลงจากรถ โผล่หัวออกมา แหกปากตะโกนเรียก
“ไอ้ชมพู่ ไอ้อาสา ไอ้หรั่ง นี่มึงคิดจะอู้รึไง ออกมาสิวะ”
เจนนี่ขัดขึ้น
“แล้วน้าจะอยู่บนรถทำไม ลงไปเรียกพวกเขาสิ”
“เกรงใจ ที่นี่คุณผีเยอะ น้าไขข้อไม่ดี กลัวหนีไม่ทัน” สนิทตะโกนอีก “ไอ้ชมพู่ ไอ้อาสา ไอ้หรั่งออกมา ไม่มา กูไล่ออก”
ชมพู่ อาสา หรั่ง ที่โดนผีหลอก โผล่หัวฟูๆ ออกมาจากในแคมป์ สามเกลอสะอื้น
“น้าหนิด ช่วยด้วย เค้าโดนผีหลอก”
สนธยา เจนนี่ สนิทเห็นพวกชมพู่ หัวฟูก็ตกใจ
“ห๊ะ ก็ไหนคุยกันว่าจะทำภารกิจให้แล้วไง ทำไมยังมาหลอกอีกเนี่ย” สนธยาน้ำเสียงไม่พอใจ
ผีงิ้วปรากฏตัวข้างสนธยาเลย
“ก็พวกมันปากหมา กวนเตียน อั๊วก่อนนี่หว่า”
สนธยาสะดุ้ง
“เว้ย...ย...ยังไงเนี่ยพี่ชมพู่ คุณผีเขาบอก พี่ไปกวนเขาก่อน ไหนมาเคลียร์ดิ”
พวกชมพู่ อาสา หรั่ง เดินมาสมทบ ตัวสั่นๆ
“เปล่านะ พวกเราโคตรเป็นมิตรและแสนดี คนที่กวนคุณผี ไอ้หมอเขมรต่างหาก” ชมพู่เถียง
เจนนี่ชะงัก
“ห๊ะ มีหมอเขมรมาด้วย แล้วไหนล่ะหมอ”
หมอเขมรป๋อง โผล่หัวมาจากใต้ท้องรถตู้
“อยู่นี่ พาเขากลับไปที เขาอยากกลับบ้าน”
สนิทสะดุ้ง
“เฮ้ย มึงเป็นนินจาเต่าหรือไง ไป๊...ไปเคลียร์กับคุณผีเขาก่อน”
หรั่งไปเปิดประตูรถจะให้สนิทออกมา
“เชิญครับน้า เนียนมานานแระ งั้นมาเคลียร์ด้วยกันเลย”
สนิทลงรถมา
“ดีมาก” สนิทนึกได้ รีบปีนกลับ “เว้ย ไม่ได้ ต้องขับรถ ถ้ากูไม่ไปส่ง มึงคิดว่าคุณผีทหารญี่ปุ่นจะได้ไปเกิดรึไง”
ผีงิ้วดีใจ
“ห๊ะ ผีทหารญี่ปุ่นไปเกิดแล้ว สวดยอด...งั้นต่อไปก็...”
สนธยาแทรกขึ้น
“ใช่...ต่อไปก็ตาพวกนาย อยู่ที่ใครจะให้ฉันช่วยเป็นรายต่อไป”
เหล่าเงาผีปรากกฎตัวข้างผีงิ้วทันที พรึ่บ
ในสถานีตำรวจ...มณฑล มารายงานตัว ตะเบ๊ เคารพสารวัตร
“ผม ร้อยตำรวจโท มณฑล บุญรักษา กลับมารายงานตัวแล้วครับ”
“ไง หมวดกลับบ้านที่สมุย พักผ่อนเต็มที่ พร้อมที่จะเริ่มงานแล้วสินะ”
สารวัตรหยิบแฟ้มงานให้
“อ้ะ คดีบุกรุก มีเจ้าของอู่ต่อเรือเขาร้องเรียนมา”
มณฑลเปิดแฟ้มดู เห็นภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด พวกสนธยา ลงจากรถตู้ 3-4 ภาพ หนึ่งในนั้นมีภาพ สนธยาถูกขยาย เห็นหน้าชัดเจน
“ภาพจากกล้องวงจรปิด แบบนี้ก็หาตัวผู้ต้องสงสัยไม่ยากนี่ครับ”
“ใช่ เราค้นประวัติแล้ว ใบหน้าผู้ต้องสงสัย คล้ายกับนายคนนี้”
สารวัตร เอารูปถ่ายบัตรประชาชนหน้าสนธยา ขยายลง A4 ให้ มณฑลดู
“สนธยา...ชื่อคุ้นๆ”
ผีงิ้วยืนปรึกษากับเหล่าเงาผี
“คราวที่แล้วจับฉลาก คราวนี้โอน้อยออกมะ ว่าใครจะให้ไอ้หนุ่มช่วยเป็นรายต่อไป”
“ถ้ามันช่วยเราได้จริง ข้าว่า เราต้องช่วยผู้หญิงก่อน” ผีขุนศึกแนะ
สนธยายิ้ม
“แมนมาก ผีขุนศึก”
ผีงิ้วพยักหน้า
“อั๊วเห็นด้วย งั้นให้สาวๆ เลือกกันเอง โอกาสมาถึงแล้ว เต็มที่”
ผีทั้งกลมหน้าเศร้า
“ฉันเลือกแล้วว่าจะเก็บลูกไว้ แต่ผู้ชายคนนั้นมันไม่ยอม แล้วฉันจะเลือกอะไรได้อีก”
ผีนางทาสสะอื้น
“ข้าเองก็อยากไปหาคุณหลวงใจจะขาด แต่ไม่รู้คุณหลวงอยู่ที่ไหน”
ผีนางรำหน้าตาแค้นจัด
“แต่ฉันรู้...ที่โรงละครนั่น ใครที่มันฆ่าฉัน มันต้องชดใช้”
เงาสีดำ ร่างหนึ่ง แยกตัวจากกลุ่ม พุ่งเข้าไปที่รถตู้ ประตูรถตู้ถูกกระชากออก ผีนางรำตัวเป็นๆนั่งอยู่ท่าทางแค้นๆ
“ไป...ไปฆ่ามัน ไปเดี๋ยวนี้”
สนธยาสะดุ้ง
“ห...โหดมาเลย จะไหวมั้ยเนี่ย”
สามเกลอกับหมอเขมรป๋อง พูดออกมาพร้อมกันอย่างหวาดกลัว
“ไม่ไหว ให้เราไปช่วยมั้ยอ่ะครับ”
ผีงิ้วโผล่หน้ามา เอามือโอบส่งเสียงดุ
“ไม่...มึงกับกูยังเคลียร์กันไม่จบ”
สามเกลอกับหมอเขมรป๋องร้องลั่น
“จ๊าก”
ชมพู่ อาสา หรั่ง หมอเขมรป๋องวิ่งเข้าเรือนหอ ผีงิ้วหายตัวตามทันที เงาผีสลายตาม เจนนี่หวั่นๆ
“ตกลง คราวนี้ โหดกว่าเดิมใช่มั้ยสน”
สนธยา ยิ้มแหย ๆ พยักหน้า
พิมพ์ดาวเปิดคอมพิวเตอร์ หน้าจอคอม เป็นเว็บหางาน
“รปภ. ช่างไฟฟ้า ผู้ช่วยพยาบาล...ต้องมีสักงานที่เราทำได้สิ”
ฤดีกลับมา เห็นพิมพ์ดาวหางานอยู่ เข้ามานั่งใกล้ๆ ลองคุยดีด้วย
“เปลี่ยนใจกลับสมุยยังทันนะลูก ลูกจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไง”
“แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ดาวจะอยู่ที่นี่ ด้วยตัวเองให้ได้”
ฤดีโกรธ
“ฉันให้โอกาสแกไม่รู้กี่ครั้ง ทำไมแกไม่ให้โอกาสตัวเองบ้าง นี่แกจะอวดดีไปถึงไหนห๊ะ ดาว”
“ก็เพราะแม่คิดว่าดาวทำอะไรไม่ได้ด้วยเองรึเปล่าล่ะคะ แม่ถึงว่าดาวอวดดี”
“ได้ ถ้าเก่งนัก งั้นแกอยากทำอะไรก็เชิญ แล้วอย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”
ฤดีปึงปังออกไป พิมพ์ดาวมองตามแม่ส่ายหัวเซ็ง ขณะเดียวกันนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พิมพ์ดาวกดรับสาย
“สวัสดีค่ะหมวด...สน สนธยา นามสกุล เจริญสุข หมวดถามทำไมเหรอคะ”
“วันก่อน ผมเห็นคุณดาวกังวลเรื่องแฟน เลยถามข้อมูลไว้ เผื่อจะช่วยติดต่อเขาได้...แล้วผมจะโทรไปนะครับคุณดาว”
มณฑลวางสาย หยิบกระดาษเอกสารบัตรประชาชน ของสนธยาขึ้นมา
“งานเข้าแล้ว สนธยา”
ในรถตู้...สนธยานั่งติดหน้าต่างเบาะหลังคนขับ เจนนี่ นั่งข้างๆ สนธยา ท่าทางหวาดๆ
“น...น้าหนิด แอร์หน๊าวหนาว ขนลุกตลอด เบานิดนึงได้มั้ยอ่ะ”
“ม...ไม่ใช่แอร์หรอก” สนธยายื่นหน้าไป “ที่นั่งข้างๆมากกว่า”
ผีนางรำ นั่งประกบ เจนนี่นั่งกลาง ระหว่างสนธยากับผีนางรำ เจนนี่กลัวกระซิบสนธยา
“แล้วที่มีตั้งเยอะ ทำไมต้องมานั่งตรงนี้”
ผีนางรำยื่นหน้ามาข้างเจนนี่ ถามสนธยา
“แกจะช่วยฉัน ฆ่ามันใช่มั้ย”
สนธยาส่ายหน้า กลัวๆ
“หึ... ฆ่าคนไม่ได้ เดี๋ยวผมติดคุก”
“งั้นแกต้องหาคนที่มันฆ่าฉัน ฉันจะฆ่ามัน”
“จะดีเหรอคุณผี เวรระงับด้วยการไม่จองเวรนะ”
“ไม่ต้องมาสอน ไม่อยากฟัง”
“ฮือ...คุยข้ามหัวไปมาอยู่ได้ เขากลัวไม่รู้รึไง ไปคุยกันที่อื่นได้มั้ย”
ขาดคำ ผีเด็กปรากฏตัว นั่งตักเจนนี่เลย
“ไม่ได้ พี่คนเนี้ยดุ๊ดุ หนูว่าอย่าไปกวนเขาดีกว่า”
สนธยากลัว
“ดีใจด้วยนะ เจนนี่ ตอนนี้ผีเด็กมานั่งตักเธออีกตัวแล้วล่ะ”
เจนนี่สะอื้น
“ฮือ ข...ขอบใจ...น้าหนิดเหยียบให้มิดเลยได้มั้ย ไม่งั้นจะโดดลงตรงนี้แหละ ฮือ”
“โห่ย...แล้วเอ็งจะให้น้าเหยียบไปไหน บอกตรง น้ายังไม่รู้เลยเนี่ย”
สนธยามองหน้าผีนางรำที่นั่งหน้านิ่ง
รถตู้เข้ามาในวิทยาลัยนาฏศิลป์ จอดที่หน้าโรงละคร ผีนางรำพูดขึ้น
“ที่ที่เราจะไป คือโรงละครเก่า ที่ฉันเรียนนาฏศิลป์ที่นั่น และเป็นที่เดียวกับที่ฉัน...ตาย”
สนธยา เจนนี่ สนิท ลงมาจากรถตู้ เด็กนักเรียนนาฏศิลป์ วิ่งผ่านพวกสนธยา ไปเป็นกลุ่ม สนธยามองไปรอบๆ เห็นนักเรียนนาฏศิลป์ ซ้อมรำ นั่งอ่านหนังสือ นั่งกับเพื่อนตามมุมต่างๆ
“คนเยอะขนาดนี้ จะหาฆาตกรยังไงเนี่ย”
“เอางี้ ไล่ถามทีละคนเลยดีกว่า”
สนิทจะไป สนธยาดึงไว้
“จะบ้าเหรอน้าหนิด เราไม่ได้มาแจกทอง เรามาหาคนร้าย ใครจะยอมรับเล่า”
“แต่ถ้าผีนางรำ ยืนยันว่าเธอตายที่นี่ ก็ต้องมีคนรู้เรื่องสิ แบบตำนานผีในโรงเรียนอะไรเงี้ย” เจนนี่ออกความเห็น
สนธยาคิดตาม
“ตำนาน...ใช่แล้ว โรงเรียนต้องมีการบันทึกประวัติเก็บไว้ ฉันรู้แล้ว ว่าจะเริ่มที่ไหน”
ชมพู่ หรั่ง อาสา หมอเขมรป๋อง อยู่ในเรือนหอ กลัวตัวสั่น
“เมื่อกี้เห็นคุณผีมะ กูว่าเขาเอาจริงนะ ไม่งั้นคงปล่อยเราไปแล้วล่ะ” ชมพู่บอกเสียงสั่น
อาสาหันไปต่อว่าหมอเขมรป๋อง
“เพราะมึงแหละไอ้หมอ ไปเปรี้ยวใส่เขา ทีนี้จะเคลียร์ไงเนี่ย”
“ใช่ มาตัวเป็นๆ เห็นกันจะๆ หรั่งงี้กลัวขรี้จะแตกแล้วนะคร๊าบ”
“ไม่เป็นไร อั้นไว้ก่อน ชั่วโมงนี้ต้องหนีเอาตัวรอด” หมอเขมรป๋องแนะ
“โห่ พูดไม่คิด เขาเป็นผี หายตัวแว๊บบ ไปได้ทุกที่ แล้วมึงจะหนียังไง” อาสาแย้ง
หมอเขมรป๋องคิดๆ
“เอางี้...มึงเคยดูหนังผีจีนสมัยก่อนมั้ย”
ผีงิ้วโผล่มาข้างหลังหมอเขมรป๋อง ตอบแทนทันที
“เคย”
หมอเขมรป๋องไม่รู้ตัว ยังโม้กับพวกชมพู่ไม่หันไปมอง
“นั่นแหละ เวลาหนีผี เขากลั้นหายใจแบบนี้” หมอเขมรป๋องอุดจมูก “ยังไงผีก็ไม่เห็น”
สามเกลอมองผีงิ้วที่อยู่ข้างหลังหมอเขมรป๋อง พยักหน้า
“เห็น”
หมอเขมรป๋องอุดจมูก ยังไม่รู้
“ไม่เห็น จะเห็นได้ไง มึงลองรึยัง”
“ไม่ต้องลอง...เห็นแล้ว” สามเกลอพูดพร้อมกันแล้วจับหัวหมอเขมรป๋องหันไปขางหลัง
หมอเขมรป๋องอุดจมูกอยู่ เห็นผีงิ้วก็สะอื้น
“เออใช่ กูก็เห็น”
“เหมือนกัน กู...ก็...เห็น” ผีงิ้วพูดเสียงเยือกเย็นน่าหวาดกลัว
“จ๊าก”
สามเกลอและหมอเขมรป๋องร้องลั่นวิ่งหนีไป
“มึงหนีกูไม่พ้นหรอก ไอ้พวกปัญญาอ่อน ฮ่าๆ”
ผีงิ้วหัวเราะร่า
ในห้องสมุดของวิทยาลัยนาฎศิลป์...สนธยาหาประวัตินางรำในหนังสือรุ่น เขาหยิบหนังสือวางเป็นตั้งๆอยู่บนโต๊ะ ผีเด็กนั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ เจนนี่กับสนิท ขนหนังสือมาให้อีกเป็นตั้ง
“ไหวมั้ยเนี่ยไอ้คุณสน นักเรียนจบปีนึงตั้งหลายร้อย ย้อนหลังยี่สิบปีก็เป็นพัน เป็นหมื่น” สนิทกระซิบ “แถมบรรณารักษ์ก็ดุ๊ดุ นี่ไม่โกหกว่าเป็นพ่อ...นักเรียน เขาไม่ให้มาดูหรอกนะ”
“เอาน่ะน้า ค่อยๆหาไป เดี๋ยวก็เจอน่ะ”
“ไล่ดูทีละคนเนี่ยนะ กว่าจะเจอก็แก่พอดี” เจนนี่บอกเซ็งๆ
ผีเด็กเดินถือหนังสือเข้ามา พูดกับสนธยาลอยๆ
“พี่ก็ขอให้พี่นางรำช่วยหาสิคะ ไม่เห็นยากเลย”
ผีเด็กเดินไปนั่งอ่านหนังสือ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สนธยามองตามงงๆ คิดไม่ถึง
“เออจริง ถามเจ้าตัวก็หมดเรื่อง...” สนธยามองไปรอบๆ “นี่คุณผี คุณช่วย...”
ทันใดนั้นหนังสือรุ่นเก่าเล่มนึงที่วางอยู่บนโต๊ะ พลิกเปิดออก ทันที สนธยา สนิท เจนนี่ รีบเข้าไปดูเห็นรูปนักเรียนนาฏศิลป์ยืนเรียงกัน 4-5 แถว แต่รูปดูเก่า เบลอ มองหน้าไม่ชัด ที่ใต้รูปมีชื่อนักเรียนพิมพ์อยู่
“โห เก่าแท้ เบลอขนาด จะให้ชัดต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องแล้วมั้ง” สนิทบ่น
สนธยานึกได้มองไปรอบๆ
“แล้วคุณชื่อจริงชื่ออะไร บอกผมหน่อยสิ”
ผีนางรำ ปรากกฎตัวข้างสนธยา
“วันขวัญ...ชื่อจริงฉันชื่อ วันขวัญ”
สนธยา มองไล่ชื่อนักเรียนแต่ละคนใต้รูปแล้วดีใจ
“นี่ไง วันขวัญ แถวบน คนสุดท้าย”
สนธยา เจนนี่ สนิท เงยหน้ามองรูป ตกใจ
“เฮ้ย...ท...ทำไม รูปคุณเป็นแบบเนี้ย” สนธยาชี้ที่รูป
ผีนางรำหันมองที่รูปในหนังสือรุ่น รูปเธอสมัยเป็นนักเรียน ยืนแถวบนสุดขวามือ ถูกขูดทำลาย จนไม่เห็นใบหน้า ผีนางรำแค้น
“มัน...ฝีมือมันแน่ๆ”
พิมพ์ดาวมาสมัครงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง เธอนั่งตรงข้ามกับผู้จัดการอย่างลุ้นๆ ผู้จัดการปิดแฟ้มที่อ่าน
“ผลการเรียนคุณก็ดีนะ แต่เสียใจ บริษัทเราเน้นประสบการณ์ การทำงานมากกว่า”
พิมพ์ดาวจ๋อย พยักหน้า
“ค่ะ”
พิมพ์ดาวมาสมัครงานอีกหลายๆบริษัทแต่ไม่มีที่ไหนรับเธอเข้าทำงานเลย...พิมพ์ดาวถือแฟ้มสมัครงานเดินมาอย่างผิดหวัง
“โอ๊ย ทำไมงานมันหายากแบบนี้ นี่ฉันคิดถูกหรือคิดผิดกันเนี่ย”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พิมพ์ดาวรับสาย
“พิมพ์ดาว พูดค่ะ...ประชาสัมพันธ์โรงแรม” พิมพ์ดาวลังเล “เอ๊ะ แต่ดาวจำไม่ได้ว่าเคย ส่งใบสมัครไป...” เธอรีบตอบรับ “เดี๋ยวสิคะ ทำได้ค่ะ พรุ่งนี้ดาวจะรีบไปเลยนะคะ...สวัสดีค่ะ” พิมพ์ดาววางสายดีใจ “เยส”
พิมพ์ดาวยิ้ม เดินออกไป
อ่านต่อหน้า 4
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ชมพู่ อาสา หรั่งวิ่งออกมาหยุดที่หน้าแคมป์
“นี่เราจะอยู่ให้ผี มันหลอกทำไมเนี่ย ไม่ไหวแล้ว หนีกลับบ้านเถอะ” หรั่งชวน
“แหกตาดูสิ มึงจะไปยังไง เห็นที่รั้วมั้ย ดำปี๋เลยน่ะ” ชมพู่ด่า
ที่รั้วมีกลุ่มเงาผี ลอยอยู่ อาสามองอย่างหวาดกลัว
“ฮือ ไปก็ไม่ได้ อยู่ก็ไม่ดี นี่กูจะมีทางเลือกอะไรมั่งมั้ย”
หมอเขมรป๋อง เข็นถังขยะเปียกกทม.เข้ามา
“มี”
ชมพู่หันไปมอง
“นี่มึงเอาถังขยะมาทำไมไอ้หมอ เก็บเสบียงไว้กินตอนหนีผีรึไง”
หมอเขมรป๋องเปิดฝาดมเคลิ้มๆ
“ฮ้า หอมฉุยกำลังเปียก...จะบ้ารึไง เอาไว้หลบผีสิวะ ไม่เคยดูบ้านผีปอบรึไง”
“เดี๋ยวนะ เท่าที่จำได้ บ้านผีปอบมันลงตุ่มนะ” อาสาแย้ง
หมอเขมรป๋องทำหน้าเซ็ง
“โห่ เชยว่ะ ลงตุ่ม ผีที่ไหนมันก็รู้ ลงถังขยะเนี่ยแหละ ผีคิดไม่ถึงชัวร์ ว่าเราจะกล้า”
ชมพู่มองหน้า
“กูก็ไม่คิดว่ากูจะกล้าหรอกนะ หนีผีลงถังขยะ มึงบ้าป่ะเนี่ย”
“เอางี้ ถ้ากูยอมลงนะไอ้หมอ มึงเหยียบหน้ากูได้เลย” อาสาไม่เอาด้วย
“ใช่ ถึงจะกลัวผีแค่ไหนเราก็ไม่มีทางลงเด็ดขาด” หรั่งก็ไม่เอา
ผีงิ้ว โผล่มาข้างหลังถังขยะทันที ผ่าง สามเกลอและหมอเขมรป๋องสะดุ้งโหยง
“แว๊ก”
ชมพู่ อาสา หรั่ง หมอเขมรป๋อง รีบปีนลงถังขยะ ทุลักทุเล ปิดท้ายที่ผีงิ้วปีนตามลงไปแล้วปิดฝา ถังขยะสั่นๆ พร้อมกับมีเสียงร้องดังลั่นออกมา
“จ๊าก”
ฝาถังขยะเปิด ขยะพุ่งกระจาย พวกชมพู่ หรั่ง อาสา หมอเขมรป๋อง ตะกายออกมาจากถังขยะ ขยะติดเต็มตัว วิ่งหนี ผีงิ้วปีนตามออกมา
“จะหนีไปไหน”
ผีงิ้ววิ่งตามไป
มุมนึงของวิทยาลัยนาฎศิลป์...สนธยา เจนนี่ สนิท ดูรูปผีนางรำในหนังสือรุ่นที่ถูกขูดใบหน้าจนหายไป
“นี่ถ้าไม่เกลียดกัน ทำไม่ได้ขนาดนี้หรอกนะเนี่ย” เจนนี่บอก
“วันขวัญ เธอรู้ใช่มั้ยว่าฝีมือใคร” สนธยาถาม
ผีนางรำ นิ่ง แค้น
“ฉันไม่มีวันลืมมันแน่...มันกับฉันเป็นศัตรูกัน ตั้งแต่ฉันเรียนที่นี่”
ผีนางรำเล่าเรื่องในอดีต สมัยเป็นนักเรียนนาฏศิลป์ซ้อมฟ้อนเล็บ อย่างสวยงาม ตั้งใจ มาลัย กับเพื่อนนักเรียนหญิง เข้ามา ท่าทางโกรธ มาลัยผลักวันขวัญเลย
“โอ๊ย...” วันขวัญไม่ยอม “อะไรเนี่ย”
“ฉันเป็นประธานรุ่น ตำแหน่งนางรำงานบูชาครูก็ควรเป็นของฉัน ทำไมต้องสะเออะมาแย่ง...คิดว่าแกเก่งนักรึไง”
“ก็เก่งไง ฉันถึงชนะคนหลงตัวเองอย่างแกได้”
“แก”
มาลัยตบวันขวัญหน้าหัน วันขวัญไม่ยอมหันมาตบมาลัยกลับ สองคนพุ่งเข้าใส่กัน จิกผม ครูวิ่งเข้ามา
“หยุด หยุด เดี๋ยวนี้ หยุด”
ครูจับมาลัยกับวันขวัญแยกจากกัน
“มาลัย ทำหนูก่อนนะคะครู” วันขวัญฟ้อง
ครูดุทั้งสองคน
“นี่เหลือไม่กี่วัน ก็จะเรียนจบแล้ว ยังจะทะเลาะกันอีก...พวกเธอต้องถูกลงโทษ”
วันขวัญกับมาลัย จ้องหน้ากันแค้นๆ
มาลัยใช้ผ้าถูพื้นโรงละคร มองวันขวัญไม่พอใจ วันขวัญขัดเล็บเหล็กที่จะใช้รำ เย้ย ไม่สนใจ มาลัยทนไม่ไหว ปาผ้าลงพื้น
“จะมากไปแล้ว ครูสั่งทำโทษด้วยกัน แกก็ช่วยกันสิ”
วันขวัญไม่สน
“ไม่ว่าง...เพราะงานบูชาครูพรุ่งนี้ นางรำอย่างฉันต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม...อุ๊ยลืมไป แกคงไม่เข้าใจสินะ เพราะนางรำปีนี้...ไม่ใช่แก”
“นี่แกไม่จบใช่มั้ย”
มาลัยจะเข้าไปตบ วันขวัญจับเล็บเหล็กจะแทง
“เอาสิ”
ขณะเดียวกันนั้น เพื่อนหญิงเข้ามาตาม
“มาลัย...หนังสือรุ่นเสร็จแล้ว”
มาลัยเหวี่ยงทันที
“แล้วทำไม”
“ก็ครูใหญ่จะให้ประธานนักเรียนไปตรวจ ก่อนไปเก็บที่ห้องสมุด”
มาลัยมองหน้าวันขวัญ
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
มาลัยออกไป วันขวัญยิ้มเย้ย
สนธยา ฟังเรื่องที่ผีนางรำเล่าถึงมาลัย
“เท่าที่ฟังคุณกับมาลัยก็แค่ทะเลาะกัน แล้วทั้งคู่ก็ยังเด็ก เรื่องฆ่ากันไม่น่าเป็นไปได้”
ผีนางรำส่งเสียงดุทันที
“แกว่าฉันโกหกงั้นเหรอ”
“เปล่า มันแค่ไม่มีหลักฐาน”
ผีนางรำแค้น
“แต่คนที่อยู่กับฉันก่อนตายคือมาลัย แล้วมือของมัน ก็เปื้อนเลือดเต็มไปหมด”
สนธยาอึ้ง
ในแคมป์คนงาน...ชมพู่ อาสา หรั่ง หมอเขมรป๋อง กลัวตัวสั่น ชมพู่พยายามอ้อนวอนผี
“คุณผีครับ ชมพู่ไม่รู้คุณผีต้องการอะไร ถึงตามราวีเราแบบนี้ แต่บอกตรงๆ...เขาเหนื่อย เธอเลิกหลอกเขาซะทีเถอะ ขอร้อง เขาทนไม่ได้”
“บ้าป่ะเนี่ยไอ้ชมพู่ คิดว่าผีมันจะรู้เรื่องไง” หมอเขมรป๋องขัดขึ้น
อาสาทั้งกลัวทั้งเหนื่อย
“แล้วจะให้ทำไงไอ้หมอ สู้ก็แล้ว หนีก็แล้ว กูยังไม่อยากตาย”
“ทำใจสิวะ ก็ผีมันโง่ พูดไม่รู้เรื่อง ไม่งั้นจะมาหลอกมึงแล้วหลอกมึงอีกรึไง” หมอเขมรป๋องโวย
ผีงิ้วโผล่มากลางวงทันที
“ด่ากูอีกแล้วนะ ไอ้หมอ”
ผีงิ้วตบกบาลหมอเมรป๋อง ทั้งหมดร้องลั่น
“แว๊ก”
ผีงิ้วกระชากคอหมอเขมรป๋อง
“ปากหมาไม่เลิกนะมึง นี่มึงอยากถูกหักคอจริงๆใช่มั้ย”
หมอเขมรป๋องกลัวตัวสั่น
“เปล่านะ เปล่า เขาล้อเล่น”
“แต่กูไม่เล่น ...มึงตาย”
ผีงิ้วบีบคอ หมอเขมรป๋องไอแค่กๆ หายใจไม่ออก หรั่งตกใจ
“ซวยแล้ว ไอ้หมอตายแน่ ทำไงดี...ไอ้หมอ”
สนธยา เจนนี่ สนิท ปรึกษากัน หาฆาตรกรที่ฆ่าผีนางรำ
“ไหนสน ขอดูหน้าคนชื่อมาลัยหน่อยซิ”
สนิทดูรูปมาลัยในหนังสือรุ่น
“หน้าตาก็ดี แต่โหดมาก...” สนิทตะโกนเสียงดัง “นังฆาตกร”
เจนนี่ปราม
“เดี๋ยวสิน้า ถ้าเข้าใจผิดนี่ งานเข้าเลยนะ”
“นั่นสิ วันขวัญ เธอช่วยเล่าเรื่อง เอ่อ” สนธยาลำบากใจ “วันที่เธอตาย ให้ฟังหน่อยสิ”
ผีนางรำเริ่มเล่าเรื่องในอดีต
“วันนั้นเป็นวันสุดท้าย ที่ฉันได้ทำหน้าที่นางรำ...ที่หลังเวที ทุกอย่างเงียบสงบ ทุกคนมัวแต่ไปเตรียมงานกันข้างนอก...การรำครั้งนั้นฉันตั้งใจเป็นพิเศษ เพราะมันคือการประกาศให้ทุกคนรู้ว่า ฉันเก่งที่สุด”
วันขวัญในชุดรำ ใส่เล็บเหล็กยาว หลับตาพนมมือ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำสมาธิ ทันใดนั้นมีเสียงแก้วหล่นดังเพล้ง...วันขวัญที่ไหว้ทำสมาธิลืมตาขึ้นทันที โกรธ
“นี่แกแกล้งฉันรึไง”
ม่าน ทางเข้าสู่เวที มาลัยก้มเก็บแก้วน้ำแสตนเลสที่หล่นอยู่ หน้าม่าน ไม่พอใจ
“ครูสั่งให้เอาน้ำมาให้ ฉันแค่เผลอทำหก อย่าโรคจิต ขี้ระแวงไปหน่อยเลยน่ะ”
วันขวัญเย้ย
“ครูเขาปลดแกจากประธาน มาเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วหรือไง”
“เขาเห็นวันนี้เป็นวันสุดท้าย เลยอยากให้ฉันเลิกทะเลาะกับแกต่างหาก...อีโง่”
วันขวัญไม่จำเป็น ไหนๆ วันนี้เป็นวันสุดท้าย ฉันก็จะบอกให้...ฉันเกลียดแกตั้งแต่วันแรกที่มาเรียนที่นี่แล้ว ชอบทำตัวเด่น เก่งไปซะทุกอย่าง”
วันขวัญเดินเข้าไปหามาลัย เผชิญหน้า
“แต่สุดท้าย แกก็แพ้ฉัน”
วันขวัญจ้องหน้ายิ้มเยาะ มาลัยหน้าแค้น เสียงพิธีกรดังเข้ามาหลังเวที
“ต่อไป เชิญทุกท่านพบกับ การแสดงชุดพิเศษ รำฟ้อนเล็บ จากตัวแทนนักศึกษาปีสุดท้าย...นส.วันขวัญ เจิดจ้า”
เสียงปรบมือดัง เสียงเพลงไทยเดิมทีใช้ฟ้อนดังขึ้น วันขวัญยิ้มเย้ย
“ได้ยินมั้ย ทุกคนรอชื่นชมฉันอยู่...หลบไป”
วันขวัญเบียดมาลัยออกไปจากม่าน ทางเข้าเวที แสงสีการแสดงกำลังเริ่ม สาดเข้ามาที่หน้า วันขวัญยิ้ม ก้าวเท้า จะผ่านม่านเข้าสู่เวที แต่แล้วกลับหงายหลังเหมือนถูกกระชากอย่างแรง สายตาวันขวัญ เห็นเวทีเต็มไปด้วยแสงสีข้างหน้า ค่อยๆเงยหงายขึ้น เสียงล้มกระแทกดังพลั่ก
“เกิด...เกิดอะไรขึ้น”
สายตาวันขวัญ มองเพดาน มาลัยเข้ามาหน้าตื่น มาลัยค่อยๆยกมือสองข้างของตัวเองขึ้นมาดู เต็มไปด้วยเลือด ช็อคสุดขีด เธอร้องสุดเสียง
“กรี๊ด”
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 10 (จบตอน)
ผีนางรำเล่าถึงอดีตที่ถูกมาลัยทำร้ายอย่างเศร้าสลด
“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าใครฆ่าฉัน...จนฉันได้กลับมาที่นี่ แล้วฉันก็จำได้...ใบหน้าสุดท้ายที่ฉันเห็น กับมือเปื้อนเลือดของมัน”
ผีนางรำหันมองหน้าสนธยาทันที ที่คอมีเลือดไหล เต็มไปหมด แค้นมาก
“นังมาลัยมันฆ่าฉัน ฉันจะฆ่ามัน”
สนธยา ผงะเซถอยหลัง เจนนี่ตกใจ
“ป...เป็นไรสน”
“ค...เขาจะฆ่ามาลัย”
“ใจเย็นคุณผี มาลัยคงไม่อยู่ที่นี่แล้วล่ะ เลิกจองเวรเถอะ...” สนิทพยายามปลอบ
ผีนางรำพุ่งเข้าไปบีบคอทันที สนิทหายใจไม่ออก ชี้คอตัวเอง
“แค่กๆ...ช...ช่วย...ด้วย”
เจนนี่ตกใจ
“ต...ตกลง วันขวัญ เราจะตามหามาลัยให้ ขอร้อง ปล่อยน้าหนิดเถอะ”
ผีนางรำจ้องสนิท
“จำไว้ ไม่ต้องมาสอนกู ใครทำกู มันต้องชดใช้”
ผีนางรำปล่อยสนิท สนธยากระซิบ
“คิดดีแล้วเหรอเจนนี่ นี่เท่ากับเราจะช่วยกันฆ่ามาลัยนะ”
“แล้วนายจะปล่อยให้น้าหนิดตายต่อหน้าต่อตารึไงเล่า”
ผีนางรำตวาด
“หุบปาก...ไปตามหานังมาลัยเดี๋ยวนี้”
ผีงิ้วบีบคอหมอเขมรป่อง ค่อยๆยกตัวขึ้น ขาลอยจากพื้น เริ่มชัก หรั่งสะอื้น
“ดูดิพี่ ชักใหญ่แล้ว ไอ้หมอจะตายป่ะเนี่ย”
ชมพู่ยกมือไหว้
“ไม่นะคุณผี อย่าฆ่าไอ้หมอเลย ได้โปรด เขาขอร้อง”
ผีงิ้วหันมาดุ
“งั้นกูจะฆ่ามึง”
ชมพู่รีบบอกทันทีเสียงสะอื้น
“อย่า เขายังไม่อยากตาย ให้เป็นหน้าที่ไอ้หมอเถอะ ดีแล้วล่ะ”
หมอเขมรป๋องหันมา ทันที
“จะบ้ารึไง แค่นี้กูก็จะตายอยู่แล้ว แค่กๆ” หมอเขมรป๋องชักแหง่กๆ
“โธ่คุณผี ผมไหว้ล่ะ ไอ้หมอจะตายแล้ว อภัยให้มันเถอะ” อาสาขอร้อง
“ไม่...มันลบหลู่กู แล้วยังไม่สำนึก มันก็ต้องตายคามือกูนี่แหละ”
ผีงิ้วบีบคอหมอเขมรป๋องอีก หรั่งสะอื้น
“เร็วสิไอ้หมอ ไม่ได้ยินรึไง สำนึกผิดแล้วขอโทษคุณผีซะ ไม่งั้นตายนะมึ๊ง”
หมอเขมรป๋องส่งเสียงอึกอัก
“ม...ไม่”
อาสาด่าทันที
“โธ่ ไอ้บ้า จะมาหยิ่งอะไรตอนนี้ รีบขอโทษเขาสิ กูไม่อยากได้ผีเพิ่ม”
หมอเขมรป๋องพยายามพูดออกมา
“ไม่...ไม่ถนัด บีบคอกูอยู่ พูดไม่ออก แค่กๆ”
ชมพู่ส่ายหน้า
“เลิกกวนตีนได้มั้ยไอ้หมอ อยากขอโทษ มึงก็ยกมือไหว้เขา กราบที่อกเขาเลยก็ได้”
“เขา...ขอ...โทษ” หมอเขมรป๋องยกมือไหว้
ผีงิ้วยอมปล่อย หมอเขมรป๋อง ร่วง ลงกับพื้น ผีงิ้ว เชิดใส่
“ดีนะ วันนี้กูไม่อยากทำบาป แต่จำไว้ ถ้ามึงกล้ามาลองดีกับกูอีกล่ะก็ มึง” ผีงิ้วหันไป มองที่พื้นหมอเขมรป๋องหายไปแล้ว “อ้าว เฮ้ย ไปไหนวะ”
หมอเขมรป๋องอยู่นอกรั้วแล้ว ไกลๆ
“ไม่ไหว แค่นี้ก็อยู่ไม่ได้แล้ว ลาล่ะคร๊าบ”
ชมพู่เจื่อนๆ
“อุ๊ยตาย ไอ้หมอรอดไปแล้ว แปลว่าเราเองก็ต้องรอดเหมือนกันใช่ป่ะ”
“จะถามทำไม๊ คุณผีเขาใจดี เขาก็ต้องปล่อยเราไปสิครับ” หรั่งบอก
ผีงิ้วเอาหน้ามาชิด
“ไม่...ไอ้หมอมันมาได้เพราะพวกมึง เพราะงั้น ต้องอยู่เคลียร์กันก่อน “
สามเกลอ ร้องลั่น
“จ๊าก”
ฤดีนั่งอ่านหนังสือ พิมพ์ดาวกลับมาบ้าน
“แม่โทรหาแกตั้งหลายครั้ง ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“ดาวไปสมัครงานตั้งหลายที่ ไม่สะดวกคุยนี่คะ”
“แล้วไง ไม่มีใครรับแกเข้าทำงานใช่มั้ยล่ะ”
“มีแล้วค่ะ เป็นงานโรงแรมที่ดาวถนัด พรุ่งนี้เขาเรียกไปทำงานวันแรก ขอบคุณนะคะที่แม่เป็นห่วง”
ฤดีทำหน้าไม่พอใจ พิมพ์ดาวยิ้ม เดินจากไป ฤดีมองตาม แต่กลับแอบยิ้ม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร
“ขอบใจมากนะโทนี่ ยัยดาวไม่เอะใจอะไรสักนิด แผนของเธอนี่ร้ายจริงๆ”
สนธยา เจนนี่ สนิทเดินกลับมาที่รถตู้ คิดหนัก
“เรื่องที่ผีนางรำตาย มันก็ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว แล้วนี่เราจะไปหาตัว มาลัยที่ไหน” สนธยาบ่นอย่างหนักใจ
“ถ้าเขาฆ่าคนตายจริง ป่านนี้คงติดคุก ไม่ก็หนีไปอยู่ที่ไหนสักที่มั้ง” เจนนี่ออกความเห็น
“พูดว่าไม่มีทางหาเจอ ยังเข้าใจง่ายกว่า แล้วนี่น้าจะโดนลูกหลงอีกมั้ยเนี่ย” สนิทจับคอตัวเอง กลัวๆ
ผีเด็กปรากฏตัวมาดึงขาสนธยาไว้
“พี่ๆ อย่าเพิ่งไป อยู่เล่นไล่จับกับพวกพี่เขาก่อนนะ”
ผีเด็กชี้ไปที่กลุ่มนักเรียนนาฏศิลป์ 4-5 รีบวิ่งมาทางพวกสนธยา
“ซวยแล้ว หนีเร็ว”
นักเรียนหญิงคนหนึ่งในกลุ่มวิ่งชนเข้ากับสนธยา
“ขอโทษค่ะ”
นักเรียนหญิงเงยหน้ามองสนธยา ผีนางรำปรากฏตัว มองมาที่สนธยาทันที แค้นมาก
“มัน...ต้องเป็นมันแน่ๆ”
สนธยามองนักเรียนหญิงอึ้งๆ
“ไม่ เด็กคนนี้ หน้าไม่เหมือนมาลัย...”
“หมายถึงมันต่างหาก”
ผีนางรำชี้ไป ครูมาลัย อายุประมาณ 40 ใส่แว่น ถือไม้เรียว เดินมาไกลๆ ดูโหดๆ นักเรียนหญิงหันไปมอง ตกใจ
“ครูมาลัย”
นักเรียนหญิงคนนั้นวิ่งหนีไป สนธยาอึ้ง
“ครู...มาลัย”
ผีนางรำแค้น
“กูจะฆ่ามัน”
ผีนางรำหน้าโหด ขยับเล็บเหล็ก เหมือนจะขยี้บางสิ่ง ให้แหลกคามือ
อ่านต่อตอนที่ 11