วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 3
สนธยาวางเป้ข้างตัว พร้อมกับยกมือไหว้หลวงพ่อ
“เรื่องบ้านเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ครับ หลวงพ่อ พรุ่งนี้ผมจะไปโอนบ้าน พอจ่ายเงินสด ทำเรื่องโอน ก็ย้ายเข้าอยู่ได้เลยครับ”
“เงินสด อย่าบอกนะ ว่าเอ็งมีเงินสดถึงขนาดซื้อบ้านได้”
สนธยาหน้าเจื่อนๆ
“แค่พอมีครับหลวงพ่อ คือผมพยายามเก็บเงินมาทั้งชีวิต แล้วบ้านที่ซื้อก็ไม่แพง ก็เลย...”
หลวงพ่อแทรกขึ้น
“อ้อ...ไอ้ที่เอ็งทำงานได้เงินเยอะแยะ แต่ยังอาศัยอยู่วัดไม่ออก ไปเช่าบ้าน เช่าแฟลตอยู่ ก็เพราะจะเก็บเงินซื้อบ้านสินะ”
สนธยายิ้มแหะๆ
“ครับ หลวงพ่อ ผมต้องขอโทษหลวงพ่อด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องขอโทษ เอ็งทำถูกแล้ว ถ้าไม่งก เอ๊ย ประหยัด เอ็งคงไม่มีเงินซื้อบ้านแบบนี้...เอ้าๆ ขอให้โชคดี ไม่มีอุปสรรค จะติดต่อเรื่องอะไรก็ขอให้สมหวัง สมปรารถนา”
สนธยายกมือไหว้รับพร
“ขอบคุณครับหลวงพ่อ” สนธยาก้มลงกราบ
“เออ รีบไป จะได้กลับมาดูฤกษ์ดูยาม หาวันย้ายเข้า ไหนจะต้องทำบุญบ้านอีก เดี๋ยวจะไปทำให้เอง ยกกันไปทั้งวัดนี่แหละ”
“ขอบพระคุณครับหลวงพ่อ งั้นผมขอกราบลาก่อนนะครับ”
สนธยาออกไป หลวงพ่อมองตามไปอย่างชื่นชม
พิมพ์ดาวทำบัญชีอย่างเซ็งๆ โทนี่เดินมาคุยด้วย
“เป็นไงครับน้องดาว เปิดร้านตั้งหลายเดือนแล้ว คิดจะขยายร้านบ้างรึยังครับเนี่ย พี่ช่วยได้นะ”
“ก็น่าจะขยายได้หรอกค่ะ ถ้าทุกครั้งที่พี่โทนี่พาเพื่อนมา แล้วคิดจะจ่ายค่าอาหารให้ร้านบ้าง ไมใช่เอาแต่ลงบัญชีไว้แบบนี้”
พิมพ์ดาวเอาบิลเป็นปึกให้ดู โทนี่หน้าเสียรีบแก้ตัว
“แหม ก็เพื่อนกันทั้งนั้น ทำร้านอาหารมันก็ต้องมีคอนเนคชั่นไว้พึ่งพาอาศัยกัน ไม่งั้นจะอยู่ได้ไงล่ะครับ”
“แต่ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ร้านดาวก็คงอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ รบกวนพี่โทนี่ เคลียร์บิลพวกนี้ให้ด้วยนะคะ”
“นี่น้องดาวไม่ไว้ใจพี่ กลัวพี่เบี้ยวรึไง พ่อแม่เราก็ทำธุรกิจด้วยกัน ร้านนี้พี่ก็ถือเป็นหุ้นส่วนคนนึงเหมือนกันนะ”
“งั้นหุ้นส่วนก็ควรรักษาผลประโยชน์ของร้านเป็นหลักใช่มั้ยล่ะคะ” พิมพ์ดาวยื่นบิลให้ “รบกวนด้วยนะคะ ดาวขอไม่เกินสิ้นเดือนนี้”
พิมพ์ดาว เอาบิลให้โทนี่แล้วเดินจากไป
“อยากให้เคลียร์ใช่มั้ย ได้ ฉันจะเคลียร์ให้ทั้งร้านเลย”
โทนี่มีแผนร้าย
สำนักงานเขต...สนธยาเซ็นเอกสารซื้อบ้าน บำรุงกับโฉมฉาย ที่นั่งข้างๆ มองลุ้น อย่างใจจดใจจ่อ สนธยาส่งเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสาร
“ซื้อ ขาย โอน เรียบร้อยบ้านหลังนี้เป็นของคุณเรียบร้อยแล้วครับ”
บำรุงที่นั่งข้างๆ กระโดดอย่างลืมตัว
“ไชโย้”
สนธยา หันมองบำรุงทันทีงงๆ โฉมฉายรีบดึงสามีไว้กัดฟันด่า
“จะออกนอกหน้าทำไมเล่า เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก”
บำรุง เจื่อนไป รีบแก้ตัว
“ก็...ก็ดีใจแทนน้อง ได้มีบ้านของตัวเองแล้วไง...ไชโย”
โฉมฉายฉีกยิ้มให้สนธยา
“ใช่จ้ะ ยินดีด้วยนะ ตอนนี้บ้านหลังนี้เป็นของคุณน้องโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยินดีด้วยๆ”
“แต่บอกไว้ก่อนนะ บ้านหลังนี้ ผมขายขาด ซื้อแล้วซื้อเลยไม่รับเปลี่ยน ไม่รับคืน โอเค๊”
“โอเคสิครับ บ้านหลังนี้ ผมตั้งใจทำเป็นเรือนหอ ยังไงผมก็ไม่เปลี่ยนใจแน่”
บำรุงกับโฉมฉายแอบสบตากันแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
สนธยาเดินออกมา ก้มดูแต่ใบโฉนดในมือ ยิ้มไม่หุบด้วยความปลาบปลื้มดีใจ ก่อนจะเดินไปทางหนึ่ง บำรุงกับโฉมฉายตามออกมา มองจนสนธยาลับตาไป แล้วหันมามองหน้ากัน
“สำเร็จ”
“ในที่สุด ฉันก็กำจัดไอ้บ้านสัปปะรังเคหลังนั้นได้ ยี้ฮ่า...” บำรุงพูดอย่างโล่งใจ
“ฝีมือเราสองคนนี่มันเทพจริงๆ ยะฮู้ว”
ทันใดนั้นเสียงเจนนี่ดังขึ้น
“หรา...นั่นฝีมือน้าสองคนหรา ไม่ใช่ฉันหรา”
บำรุงกับโฉมฉายหันไปมอง เห็นเจนนี่รออยู่ รีบเดินเข้ามาหา เจนนี่แบมือ
“ซื้อขายกันเรียบร้อยแล้วก็จ่ายมาซะดีๆ 30 เปอร์เซ็นต์อย่าเบี้ยว”
“ขืนเบี้ยวแกก็แฉพวกฉันหมดสิ เอาไป ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว”
โฉมฉายส่งซองให้เจนนี่รับไปดู เจนนี่เปิดซองออกนับเงิน
“คราวหน้า ถ้ามีอะไรจะขายอีกก็บอกนะ อย่างเจนนี่ขายให้ได้ทุกอย่าง หรือถ้าอยากจะขายกันเองก็ได้นะ” เจนนี่ชี้โฉมฉาย “แม่ครัว” เธอชี้บำรุง “คนขับรถ โอ๊ย...เห็นทางแล้วอ้ะ เก่งชะมัดเลยอ้ะฉัน”
เจนนี่เดินกระหยิ่มยิ้มย่องออกไป มองซองเงินในมืออย่างมีความสุข...บำรุงกับโฉมฉายมองตามไปด่าอุบอิบๆ
“นังนี่มันไว้ใจไม่ได้จริงๆกระล่อนหลอกแดกชาวบ้านไปทั่วแถมมันหัวไวอีกนะ ดูซิ แป๊บเดียวมันก็คิดออกแล้วว่าจะขายเรายังไง”
“ฉันได้เป็นคนขับรถ แกเป็นแม่ครัว”
“คนใช้ทั้งนั้น”
ทั้งสองด่าพร้อมกัน
“เลว”
ร้านเงียบไม่มีลูกค้าเข้า พิมพ์ดาวนั่งทำบัญชีอย่างเซ็งๆ โทนี่เข้ามาที่ร้าน เห็นที่ร้านไม่มีคน แกล้งทำไม่รู้เรื่อง
“ลูกค้าเพิ่งทยอยกลับเหรอครับน้องดาว ร้านเงียบเชียว”
“ยังไม่มีตั้งแต่เช้าเลยค่ะ”
“ก็พี่บอกแล้ว ทำธุรกิจ มันก็มีทั้งเจ้าเก่า ขาใหญ่ คอยขัดขา ถ้าไม่มีพรรคพวกมันก็ลำบากแบบนี้แหละ”
“แต่ถ้ามีพรรคพวกแล้วต้องดูแล ให้เขามากินฟรีที่ร้าน ดาวขอไม่มีดีกว่าค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงน่ะน้องดาว เรื่องเงินที่ค้างไว้ เดี๋ยวพี่รีบเคลียร์ให้…แต่ตอนนี้ พี่ว่ามาแก้ปัญหาเรื่องลูกค้าก่อนเถอะ เอางี้ให้พี่เชิญท่านผู้ว่า กับพวกนักข่าวมาที่ร้านมั้ยล่ะ พวกนี้รู้จักคนเยอะ จะได้ช่วยโปรโมตร้านให้”
“อย่าเลยค่ะ ดาวไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร”
“แต่ขืนปล่อยให้ร้านเงียบแบบนี้ ร้านเราจะอยู่ยังไงล่ะน้องดาว”
พิมพ์ดาวลังเล
“ก็ได้ค่ะ เชิญสัก 20 ที่ก็ได้...เดี๋ยวดาวขอตัวไปเช็คในครัวก่อน รบกวนพี่โทนี่ด้วยนะคะ”
โทนี่ยิ้มให้ รับปาก พิมพ์ดาวลุกไป โทนี่มองตาม
“รับรอง คราวนี้ ร้านเธอได้ดังสมใจแน่”
สนธยาเข้ามาสำรวจบ้าน ลากเจนนี่ตามมาด้วย เจนนี่มองไปรอบๆ หวาดๆ ไม่อยากมา
“ก็ซื้อขายกันเรียบร้อยแล้วไง จะตามฉันมาทำไมอีก”
“คุณครับ ลูกค้ายังไม่ทันจะเข้าอยู่ คิดจะทิ้งกันเลยรึไง ดูแลกันหน่อยสิ”
ไม่ทันขาดคำประตูดีดปัง ใส่หน้าสนธยาเต็มๆ
“โอ๊ย...”
สนธยาหงายหลังไป เจนนี่สะดุ้งโหยง มองไปรอบๆ ว่าฝีมือใครวะ ก่อนจะนั่งลงดูเขา
“เฮ้ยนายเป็นไงบ้าง คงไม่เป็นไรมากหรอกเนอะ แค่ประตูฟาดหน้า”
“อื้อหือ…ลองดูบ้างไหมล่ะ เดี๋ยวผมฟาดให้”
เจนนี่ยิ้มเนียนๆ ไป…สนธยามองไปที่ประตู
“แปลกจริง…อยู่ๆทำไมประตูถึงขยับได้เอง”
เจนนี่แก้ตัวแถไป
“ลมไง...ลมมันพัดมาวูบนึง ประตูมันก็เลยเปิด โอ้แม่เจ้า” เจนนี่ทำท่าโอเว่อทันที “นายนี่มันโชคดีชัดๆ เลย สถาปนิกที่ออกแบบบ้านหลังนี้ เขาใช้หลักแอร์โรไดนามิค ให้กระแสลมพัดผ่านให้ตลอดตัวบ้าน ทำให้อยู่สุขสบาย อย่างที่เขาเรียก อยู่เย็นเป็นสุขยังไงล่ะ ยังไม่พอนะ ตามหลักฮวงจุ้ยแล้วซินแสบอกอีกด้วยว่ามันเป็นการพัดเอาโชคลาภเข้าบ้าน โอ้โห นายนี่มันเฮงระเบิดจริงๆ เล้ย ให้ตายสิ”
สนธยาได้แต่มองอึ้งๆ เจนนี่ชะงัก
“อ้าว...อึ้ง...อึ้ง ก็บอกว่าโชคดีแล้วไง ไปเหอะ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน”
เจนนี่ขยับจะไป สนธยารีบเรียก
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกเล่า”
“ผมว่าบ้านหลังนี้ยังอยู่ไม่ได้นะ”
“อยู่ได้ ทำไมจะอยู่ไม่ได้ มีทุกอย่างพร้อมสรรพประทับใจแบบนี้ อยู่ๆไปเดี๋ยวก็ชินเองแหละ”
ประตูบานเดิม หลุดหล่นมาทั้งบานทันที โครม เจนนี่กับสนธยาตกใจ
“เฮ้ย”
“เห็นมะ แล้วถ้ามันเกิดเรื่องแบบนี้อีกล่ะ ถ้าอยู่ๆพื้นมันทรุด” สนธยามองบนคาน “คานหล่นลงมา” เขามองหน้าต่าง “หน้าต่างหนีบมือ” มองไปที่บันได “แล้วไหนบันไดจะถล่มอีก ถ้าผมมีลูกมีเมีย ลูกกับเมียผมก็ต้องเจ็บตัวกันหมดน่ะสิ โอ๊ย...ไม่ได้แล้วๆ”
เจนนี่กลัวๆ
“ด...ได้สิ นายอยากได้อะไรเดี๋ยวฉันหาให้ทุกอย่างเลย ยกเว้นอย่างเดียว ห้ามขายบ้านคืน เด็ดขาด”
“เปล่า ไม่ได้จะขาย แต่ผมจะเอาเงินก้อนสุดท้ายที่มีมา ซ่อมบ้าน”
เจนนี่ตาลุก
“โอ้โห นี่ยังมีเงินเหลือไว้ซ่อมบ้านอีกเหรอเนี่ย โอ้ว แม่เจ้า นายช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ตั้งแต่ขายของมายังไม่เคยเห็นใครเฮงอย่างนายมาก่อน ได้เลย ถ้านายอยากซ่อมบ้าน ฉันรู้จักช่างผีมือขั้นเทพ เดี๋ยวฉันจัดให้”
สนธยามองเจนนี่ไม่มั่นใจ เจนนี่ยิ้มแบ๊วให้ แต่แอบมีแผน
เจนนี่บรรยายสรรพคุณของสนิทให้สนธยาฟัง
“ช่างที่ฉันจะพานายไปรู้จัก เป็นช่างรับเหมาระดับประเทศ ชื่อน้าสนิท พวกตึกใหญ่ๆในกรุงเทพ ผ่านมือเขามาหมด...แต่ด้วยความที่คิวน้าหนิดแน่นมาก แกก็คงเบื่อๆ เลยผันตัวไปรับงานที่ร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง แต่ไม่ต้องห่วงนะ ยังไงฉันก็เรียกเขามาช่วยงานเราได้ คิดดูสิ ว่าทั้งชีวิตคลุกคลีอยู่กับงานก่อสร้างอย่างเดียว ฝีมือเขาจะโปรแค่ไหน”
ประตูโฮมโปรเปิดออก สนิทในชุดช่างเต็มยศ ใส่แว่นดำ อย่างเท่ห์เดินไปที่เคาเตอร์ ถอดแว่นดำออก พูดกับพนักงาน อย่างหล่อ
“ขอเอกสารที่เตรียมไว้ให้ผมด้วยครับ”
สนิทรับเอกสาร เดินไปแหกปากตะโกน อยู่หน้าประตู โฮมโปร
“สวัสดีคุณลูกค้าทุกท่าน โปรโมชั่นวันนี้ ซื้อไม้กวาด แถมที่ตักผงอเนกประสงค์ เชิญเข้ามารับชมสินค้าด้านใน ก่อนได้เลยคร๊าบ”
สนิทยืนแจกใบปลิวอยู่ โทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบมากดรับสาย
“ว่าไงเจนนี่ ยุ่งอยู่ ห๊ะ...มีงาน ลูกค้ารายใหญ่ เออก็ว่างสิวะ เออๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ลูกค้าเดินผ่านมา สนิทเอาใบปลิวให้ทั้งกอง
“ฝากแจกต่อด้วยนะ...งานเข้าแล้วโว้ย”
สนิทดีใจรีบวิ่งแจ้นไปทันที
สนิทมาหาเจนนี่กับสนธยาที่เรือนหอ
“นี่น้าสนิท เรียกแบบกันเองว่า น้าหนิด เป็นช่างรับเหมาชื่อดัง ลูกค้าที่ซื้อบ้านกับฉัน ใช้บริการน้าหนิดทั้งนั้น” เจนนี่แนะนำ
สนธยามองหน้าแล้วถาม
“ที่ว่าดัง นี่ดังทางไหนครับ”
สนิทลืมตัว
“ดังในทางเลว” เขานึกได้รีบแก้ “เอ้ย เร็ว หมายถึงทำงานเร็วงบไม่บาน...ทั้งงานเหล็ก งานไม้ งานซ่อม งานสี จะท่อรั่ว จั่วพัง หลังคาเจ๊ง...”
สนธยายกมือห้ามไม่ให้พูดต่อ
“โอเคๆ สรุปน้ามีเวลาซ่อมบ้านให้ผมใช่มั้ยครับ”
สนิทสวนทันที
“ไม่มี”
สนธยาชะงัก
“อ้าว”
“ถ้าลูกค้าทั่วไปไม่มี แต่นี่รู้จักเจนนี่ ลูกค้าเก่า เดี๋ยวน้าลัดคิวให้”
สนิทเอาไอโฟน มากดโทร เจนนี่ตาโต
“โห...น้าใช้ไอโฟนด้วย อย่างนี้แสดงว่างานเข้า เงินเข้า ลูกค้าปลื้ม มีเงินตลอดเลยดิ”
สนิทยิ้ม
“ก็นิโหน่ย” สนิทคุยโทรศัพท์
“ฮัลโหล คุณกำชัย คฤหาสน์คุณที่จองคิวไว้ให้ลงเสาเข็ม ผมเลื่อนไปก่อนนะ พอดีมีงานด่วน บาย” เขาวางสายหันมายิม “โอเค ว่างแระ”
เจนนี่หันไปตบหลังสนธยาพลั่กๆ
“โอ๊ย นายนี่โชคดีจริงๆ อยากได้บ้านก็ได้ อยากซ่อมบ้านน้าหนิดก็ลัดคิวให้ ถูกแจ็คพ็อต 3 งวดติด ยังไม่โชคดีเท่านี้เลย รู้ตัวป่ะเนี่ย”
สนธยายิ้ม สนิทยิ้มหวาน ยักคิ้วให้สนธยา
เจนนี่ลากตัวสนิทไปแอบคุยที่มุมหนึ่งของเรือนหอ
“รู้กฎแล้วนะน้า 30 เปอร์เซ็นต์จากราคาซ่อม โกงลูกค้าไม่ว่าแต่อย่ามากล้าโกงฉัน”
“รู้น่ะ โกงกันมากี่หลังแล้ว ไม่ต้องมาเตือน ไม่เบี้ยวหรอกน่ะ”
สนิทเข้ามากับเจนนี่ สนธยายืนรออยู่
“โอเค หลังจากไปสำรวจพื้นที่โดยรอบมาแล้ว สรุป บ้านคุณ...”
สนิทยังพูดไม่จบ สนธยาขัดขึ้นทันที
“เรือนหอครับ”
“โอเค จะเป็นเรือนหอ บ้าน คอนโด กระต๊อบอะไรก็ตาม น้าหนิดขอรับประกัน ว่าคุณจะได้เข้าอยู่ที่นั่นภายในหนึ่งเดือน”
“สบาย มีเวลาตั้งเดือน ว่าแต่ทีมงานคุณภาพของน้า พร้อมกันป่ะ” เจนนี่ถาม
“พร้อม...เดี๋ยวน้าจะเรียกให้มารู้จักทีละคน เริ่มคนแรกที่…ไอ้ชมพู่ ช่างประปา โคตรเหง้าสักหลาด มันเป็นช่างประปามาตั้งแต่ปู่ของปู่ของปู่ เรื่องเดินท่อ ต่อชักโครก ซ่อมก๊อก ทุกอย่างไว้ใจได้”
ชมพู่กำลังเปิดใช้มือกด จะเปิดก๊อกน้ำ ที่อ่างล้างหน้าใช้เท้ายันขอบอ่างช่วยเสริมแรง
“ฮึ๊บ...ทำไมมันแข็งงี้วะ”
ชายใส่แว่น เดินเข้ามาในห้องน้ำส่องกระจก เหล่มองชมพู่
“มองอะไรๆ คนฉี่เสร็จจะล้างมือ แปลกรึไง เดี๊ยะๆ” ชมพู่หันไปกดก๊อก “จะเอาไงกับกรูวะ ฮึ๊บ”
ชมพู่หมั่นไส้ โถมทั้งตัวกดเปิดก๊อก ชายคนนั้นมาสะกิดไหล่
“อะไรของเมิง กรูจะล้างมือ มายุ่งไรด้วยเนี่ย”
“สั้นๆเลยนะ...กรูช่วย”
ขาดคำชายคนนั้นค่อยๆหมุนก๊อกที่อ่าง จนน้ำไหลออกมา ชมพู่ไม่ยอมบ่นยาว
“ใครใช้เมิงเนี่ย เรื่องแค่นี้กรูรู้ กรูเป็นช่างประปา แค่อยากทดสอบความแข็งแรงของก๊อกเนี่ย ผิดตรงไหน มันผิดตรงไหน” ชมพู่ชี้หน้า “ทีหลัง อย่าให้เจออีกนะเมิง”
ชายคนนั้นยกมือไหว้เดินจ๋อยๆ ออกจากห้องน้ำไป ชมพู่ทำฮึดฮัด
“โธ่ อีแค่หมุนก๊อก กรูไม่ได้โง่ กรูรู้...”
ชมพู่หมุนก๊อกทันที แต่ก๊อกน้ำหัก หลุดติดมือ น้ำพุ่งกระจายเข้าหน้า ไม่ยอมหยุด ชมพู่เซ็ง
สนิทบรรยายสรรพคุณของช่างคนต่อไป
“และสำหรับ ช่างในทีมน้าคนต่อไป มันชื่อ อาสา ช่างไฟ เคยเห็นไฟวันคริสมาสต์ ปีใหม่ ที่ติดยาวทั้งถนน หรือไฟคอนเสิร์ตที่ราชมังมั้ย นั่นแหละ อาสา ติดมาแล้ว”
เถ้าแก่ร้านขายทีวีเรียกอาสามาซ่อมปลั๊กไฟข้างกำแพง
“เนี่ย ปลั๊กมันเสีย เสียบแล้วไม่มีไฟ ลื้อลองซ่อมหน่อยดิ”
อาสามาดูปลั๊กเล็งๆไปมา ดูเสร็จหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าๆ สบาย ก่อนอื่น เราต้องทดสอบก่อนว่าปลั๊กเสียอย่างที่เฮียว่าจริงมั้ย วิธีการก็ง่ายมาก แค่หาปลั๊กอะไรก็ได้มาเสียบ”
อาสา หยิบปลั๊กตัวผู้แถวนั้นมาลองเสียบเข้าไปที่ปลั๊กไฟ เกิดไฟสปาร์คขึ้นทันที ทีวีรอบร้านที่เปิดอยู่ ดับเรียงกันทันที พรึ่บๆ ไฟในร้านดับตามพรึ่บๆ ทั้งร้านมืดสนิทเพราะไฟช็อต อาสาตกใจ
“อุ๊ยตาย นี่มันปลั๊กพ่วงทีวีนี่นา”
เถ้าแก่เอาไฟฉายส่องหน้าอาสา
“แล้วไงอ่ะเมิง ตกลงเสียมั้ย”
อาสายิ้มแหยๆ
“เสียจ้ะ”
“กรูก็ว่าเสีย แต่คราวนี้ไม่เสียแค่ปลั๊กแล้วล่ะ”
“ทำไมอ่ะเฮีย”
“ก็เมิงนี่แหละจะเสียชีวิตไปด้วย ไอ้ชิกหาย เล่นซะทีวีร้านกรูช็อตหมด เมิงตาย”
เถ้าแก่เอาไฟฉายไล่ตี อาสารีบวิ่งหนี
สนิทโม้ประวัติทีมช่างให้สนธยากับเจนนี่ฟังต่อ
“และสุดยอดทีมช่างคนสุดท้ายที่น้าภูมิใจนำเสนอ ไม่ว่างานก่อ งานฉาบ งานเท มันทำได้หมด มันชื่อ ไอ้หรั่ง ช่างปูน”
หรั่งเดินเข้ามาทันทียกมือไหว้
“สวัสดีคร๊าบ”
แต่หรั่งไหว้ยาว จนเลยทุกคนไป สนิทเรียก
“ทางนี้…แหม เปิดตัวมา ก็ฮาเลยนะเมิง”
“อ้าว น้าไม่เห็นมีเล่าประวัติอะไรของฉัน อย่างคนอื่นมั่งเลยอ่ะ”
“พอแระ...หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ให้งานของเราพิสูจน์ตัวเราเองดีกว่า”
ชมพู่กับอาสาโผล่ขึ้นมาจากข้างหลังสนิท
“จริงด้วย”
เจนนี่ตัดบท
“โอเค มากันครบทีมแล้วใช่มั้ย ถ้างั้นก็...”
ชมพู่ อาสา หรั่ง แบมือแล้วพูดแทรกทันที
“เบิกตังค์”
“ตลกแระ งานยังไม่เริ่มจะเบิกแมวอะไร” สนิทปรามพรรคพวกก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้สนธยา “ยกเว้น คุณสนจะใจดีให้เบิกล่วงหน้า”
สนธยายิ้มบางๆ
“เอาไว้ก่อนเถอะครับ ขอดูงานสักอาทิตย์นึงก่อน ถ้าพวกน้าซ่อมเรือนหอผมคืบหน้า รับรองผมจ่ายแน่”
เจนนี่หันไปหาสนิท
“โอเค งั้นน้าหนิด มาตั้งแคมป์คนงาน เตรียมเริ่มงานคืนนี้ได้เลย”
สนิท เจนนี่ และพวกลูกน้องมองหน้ากัน ยิ้มๆ
คืนนั้น สนิทกับเหล่าลูกน้องตั้งวงเหล้าบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านร้าง โดยมีแคมป์คนงานสังกะสีตั้งใกล้ๆ สนิทชูแก้ว
“เอ้า เฉี่ยว”
ทุกคนชนแก้ว
“ชน”
สนิทท่าทางเบิกบานใจ
“สั้นๆเลยนะงานนี้รวยเละ เพราะนี่คือขุมทองแห่งใหม่ของเรา ฮ่าๆ”
“เละแค่ไหนอ่ะน้า รายนี้ กินสักห้าหมื่นป่ะ” ชมพู่ถาม
“น้อยไป ระดับป๋าหนิด กินทั้งทีต้องไม่ต่ำกว่าแสน บอกมันไปว่าไอ้นั่นพังไอ้นี่ซ่อม ไอ้โน่นเปลี่ยน มั่วๆไป มันไม่รู้หรอก”
“โห สุดยอด เกิดมาไม่เคยเห็นใครเลว เอ๊ย...สมองเร็ว คิดไวได้แบบนี้ เรียกว่า ที่สุดอ้ะ” อาสาชม
“ใช่ เรียกว่า สุดยอด อภิมหาความ” หรั่งรัวลิ้น “เร็วๆ”
สนิทยกมือห้าม
“พอแระ ไม่ต้องชมกรูมาก เดี๋ยวชาวบ้านรู้หมด ว่ากรูเป็นคนยังไง”
“มันจะเป็นยังง้าย ก็เป็นคนชั่ว หัวล้าน หน้าแก่ ชอบหลอกลูกค้า” ชมพู่พูดตรงๆ
สนิทสวนทันที
“เดี๋ยวๆ แล้วคิดว่ากรูแคร์มั้ย”
ทุกคนพูดออกมาพร้อมเพียงกัน
“ไม่แคร์”
สนิทยิ้มชอบใจ
“ดีมาก เอ้าชนๆ มาบูมด้วย บูมด้วย”
ชมพู่ กอดคอนำบูม ไปกอดคอสนิทด้วย สนิทหน้าไมค่อยเต็มใจ
“เอ้า...เหนื่อยเราไม่เหนื่อย เมื่อยเราไม่เมื่อย เราซ่อมได้เรื่อยๆ เราไม่เมื่อย เราไม่เหนื่อย...เสนียด”
สมชาตินั่งกินข้าวกับสนธยาในร้านอาหารตามสั่ง สมชาติตกใจ ช้อนคาปากไปพูดไป
“ห๊ะ ว่าไงนะ ซื้อบ้านแล้ว”
สนธยาดึงช้อนออกจากปากให้ สมชาติเมาท์ต่อ
“ซื้อที่ไหน เท่าไหร่ แพงไหม แถมเครื่องทำน้ำอุ่นหรือเปล่า ถ้าแถมพี่ขอ...”
สนธยาพูดแทรก
“ใจเย็นครับพี่ เรื่องบ้านไม่แพงหรอก บ้านเดี่ยวในเมืองแต่ได้ราคานี้ ผมว่าถูกสุดๆแล้วล่ะ”
“เอ้า แล้วทำไมมันถูกล่ะ หรือว่าบ้านจะไม่ดี”
“ดีครับ ผมเข้าไปตรวจสภาพมาแล้ว ถึงจะเก่าไปหน่อย แต่ซ่อมสักนิด รับรองเหมือนใหม่ ย้ายเข้าอยู่ได้เลย”
“อืม ถ้าบ้านดี ทำเลดี แต่ราคาถูก ยิ่งน่าสงสัย พี่ว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ...เฮ้ย หรือมันอาจเคยมีคดีฆาตกรรม การฆ่าตัวตาย ไม่ก็สังหารหมู่”
“พอๆ เถอะพี่ นั่นบ้านผม ไม่มีเรื่องพวกนั้นหรอก”
“เฮ้ย ก็ไม่แน่ อาจจะมีแต่เอ็งไม่รู้ก็ได้”
“ถึงมีก็ไม่กลัว ผมเป็นคนไม่กลัวผีอยู่แล้ว คนก็อยู่ส่วนคนผีก็ส่วนผี ไม่มายุ่งเกี่ยวกัน ทุกอย่างก็โอเค”
“ก็แล้วไป แต่ยังไง ก็น่าจะพาพระหรือซินแส เข้าไปทำพิธีหน่อยเผื่อมีโปรโมชั่นติดมา...ไอ้ที่เตือนเนี่ยหวังดีนะ ส่วนอิจฉาเนี่ย อีกเรื่องหนึ่ง”
“โห่พี่จะอิจฉาอะไรผม ผมก็แค่เด็กวัด”
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วนี่ เอ็งมีบ้านของตัวเองแล้ว... ต่อไปพี่จะเรียกเอ็งว่า เด็กบ้านละกัน ดูบ้านๆพื้นๆ ต่ำๆดี เผื่อมันจะช่วยลดความอิจฉาของพี่ลงได้บ้าง โอเค๊”
“แล้วแต่พี่เลยครับ พี่มีพระคุณกับผม ช่วยให้ผมมีงาน มีเงินซื้อบ้าน...เอางี้ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง พี่อยากกินอะไร สั่งเลย เต็มที่”
สนิทยกขวดเหล้าเทดู ไม่เหลือสักหยด ทุกคนเมาปลิ้น
“เฮ้ย หมดได้ไงแว้ ยังไม่มาว เอาเหล้ามาเพิ่มดิ๊”
“ที่ไหนอ่ะพี่ แถวนี้ไกล๊ไกล ขืนขับออกไป ก็โดนจับดิ” หรั่งขัดขึ้นเสียงอ้อแอ้
“ไม่สน กรูอยากกินอีก ไปดูในบ้านดิ๊ ว่ามีป่ะ”
“ได้ เดี๋ยวชมพู่ไปเอง”
ชมพู่ลุกขึ้นเอียงๆ แต่เดินไปอีกทางออกนอกบ้าน สนิทดึงขาไว้
“ทางนี้”
สนิทชี้เข้าบ้าน ชมพู่ยืนโงนเงน
“เอ้า...รู้ทางนี่หว่า พี่รู้ทาง ก็นำไปดิ รอไรแว้”
“เมิงนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไปใช้พี่เขาได้ไง” อาสาผลักสนิท “เอ้าไอ้นี่ก็นั่งบื้ออยู่ได้ รู้ทางก็ไปเอาเหล้ามาดิคร๊าบ”
“เมาแล้วลามเป็นขี้กลากเลยนะ งั้นพวกเมิงอยู่นี่ ป๋าหนิดจัดเอง”
สนิทลุกขึ้น เซๆ เดินเข้าบ้าน ชมพู่ อาสา หรั่งนั่งรอ
สนิทเดินเซ เข้ามาใกล้ตัวบ้าน
“ทำมาย บ้านมันไกลจังวะ”
เสียงวิญญาณทั้งชายและหญิงเริ่มดังขึ้น อย่างโกรธเกี้ยว ผีนางทาสคำราม
“มัน...พวกมันเข้ามาในเขตเรา ฆ่ามัน ฆ่ามันซะ”
“เดี๋ยว ตอนนี้ มันกำลังขาดสติ เราต้องหลอกมัน หลอนมัน ใช้มันให้ปล่อยเราออกไป แล้วค่อยฆ่า” ผีนางรำแนะนำ
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” ผีขุนศึกร่ายมนต์ “โอม...มันผู้ใดได้สดับมนต์ของข้า หูมันจงฟัง จิตมันจงสั่ง มันจะฟังและทำตามคำสั่งเพียงแต่ข้า”
สนิทหยุดชะงัก ผีขุนศึกออกคำสั่ง
“โอม เจ้าผู้ต้องมนต์ของข้า เจ้าจงตามเสียงข้ามาทางนี้ ทางนี้”
เหล่าผีพากันส่งเสียงเรียก
“ทางนี้...ทางนี้...ทางนี้ ฮ่าๆ”
สนิทเดินตามเสียงเลาะไปทางข้างบ้าน
อ่านต่อหน้า 2
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 3 (ต่อ)
สนธยากับสมชาติ กินข้าวกันเสร็จ จ่ายเงินเรียบร้อย
“โอเคพี่ อิ่มแล้ว แยกย้ายกันกลับละกันนะ” สนธยาจะลุก
“เดี๋ยว อิ่มแล้วแต่มีเรื่องคาใจอยู่” สมชาติยิ้ม “พาพี่ไปดูเรือนหอหน่อยดิ”
“ไม่ดีมั้ง นี่เพิ่งเริ่มซ่อม ยังไม่เสร็จเลย”
“เฮ้ย พี่อยากเห็นเอ็งตั้งแต่เริ่มจนประสบความสำเร็จ...เหมือนที่เอ็งเริ่มทำงาน จนมีเงินซื้อบ้านไง”
“โห ซึ้งอ่ะ...แต่ผมว่ารออีกนิดเหอะ”
“อ้าว กั๊กๆ ไหนบอกพี่เป็นผู้มีพระคุณไง ที่พี่อยากไปดูเพราะเป็นห่วงเผื่อจะมีอะไร ช่วยได้”
สนธยามองหน้า
“เอาความจริง”
สมชาติสวนทันที
“เผื่อหนีเมียไปอาศัย เป็นเซฟเฮาส์”
สนธยายิ้ม
“นั่นไง หาเรื่องให้ผมหัวแตกแล้วไง”
ขณะเดียวกันนั้นโทรศัพท์สนธยาดังขึ้น พิมพ์ดาวโทรมา เขาดีใจรีบกดรับ
“คุณดาว...”
สนิทตามเสียงของผีขุนศึกมาเรื่อยๆ จนมาเจอต้นไม้แห้งยืนต้นตาย เป็นที่ที่ไหเก็บวิญญาณของพวกผีฝังอยู่ ผีขุนศึกสั่งเสียงเยือกเย็น
“ตามมา ฟังข้า ตามเสียงข้ามา”
สนิทเดินตรงมา แต่แล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ เลยผ่านต้นไม้ไปเลย ผีขุนศึกดุ
“หยุด”
สนิทหยุดทันที ผีขุนศึกเสียงจริงจังหลอนๆ
“วิญญาณของพวกข้าทรมานอยู่ที่นี่มาแสนนาน เจ้าจงรีบมาปลดปล่อยข้า...กลับมา”
สนิทหันหลังแล้วเดินกลับมา ผีขุนศึกสั่งเสียงดัง
“คุกเข่า”
สนิทคุกเข่า อยู่หน้าต้นไม้ เกิดเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าขึ้นทันที
สนธยาคุยโทรศัพท์กับพิมพ์ดาว
“ทุกอย่างที่นี่เรียบร้อยดีครับ แล้วคุณดาวเป็นไงบ้าง เหนื่อยมากมั้ย...ผมคิดถึงคุณมากเลยนะครับ”
“ดาวก็คิดถึงสนค่ะ...แต่ช่วงนี้ ลูกค้าน้อยลงไปเยอะ พรุ่งนี้ดาวต้องจัดแถลงข่าวโปรโมทร้าน ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง แต่ดาวจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เร็วที่สุด แล้วจะรีบกลับไปหาสนนะ”
“ผมเองก็จะทำเรือนหอของเราให้สวยที่สุด เพื่อรอคุณดาวกลับมา...ผมรักคุณดาวนะครับ...สวัสดีครับ” สนธยาวางสาย
สมชาติหันมาแซว
“ฮิ้ว...หวานขนาดนี้ เป็นพี่นะ รีบกลับจากสมุยมาหาเอ็งแล้ว”
“ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้นพี่ แต่ผมกับคุณดาวต่างก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ...พรุ่งนี้ผมจะไปช่วยซ่อมเรือนหอให้เสร็จเพื่อ...คุณดาว” สนธยายิ้มมีหวัง
เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังไปทั่ว ชมพู่ อาสา หรั่ง ยังนั่งมึนๆ แหงนหน้ามองฟ้า
“อยู่ๆ ทำไมฝนจะตกวะ” อาสาถามอย่างสงสัย
“นั่นดิ แล้วนี่ น้าแกไปเอาเหล้าถึงไหน นี่กรูจะสร่างแล้วนะ” ชมพู่บ่น
“งั้นไปดูน้ากันหน่อยดีกว่า ไปๆ” หรั่งชวน
ชมพู่ อาสา หรั่ง ลุกไป จะไปตามสนิท
สนิทนั่งคุกเข่าอยู่หน้าต้นไม้ ผีขุนศึกสะกดเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง โหยหวน
“ที่ใต้ต้นไม้แห่งนี้ มีไหอาคมที่สะกดวิญญาณพวกข้าอยู่ เจ้าจงขุดมันขึ้นมา”
เหล่าผีต่างมองลุ้น
“ขึ้นมาๆ”
สนิทหน้านิ่งตกอยู่ในมนต์ ฟ้าร้องเสียงดัง ผีขุนศึกสั่งต่อ
“เพื่อปลดปล่อยพวกข้า”
เหล่าผีพากันส่งเสียงพร้อมกัน
“ปล่อยข้า ปล่อยๆ”
ผีขุนศึกสั่งเสียงเฉียบ
“ให้เป็นอิสระ ณ. บัดนี้”
เหล่าผีเสียงดังกึกก้อง
“เดี๋ยวนี้...”
สนิทยกมือขึ้นชูเหนือหัว เตรียมจะขุด ทันใดนั้นเสียงของสามสหายดังขัดขึ้น
“น้าหนิด”
ชมพู่ อาสา หรั่ง เข้ามาลากสนิทให้ลุกขึ้น
“โห่ ไรเนี่ย ไหนว่าจะมาหาเหล้ากิน มานั่งขุดหาแย้อะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย” ชมพู่โวยวาย
“ถามได้ก็น้าเขามาวแล้วไง” หรั่งบอก
อาสาส่ายหน้าเซ็ง
“โอย ขืนเมาเป็นแมวแบบนี้ ไม่ต้องกินแล้ว ไปเหอะกลับๆ”
ชมพู่อาสา หิ้วปีกสนิทขึ้นมาแล้วเดินจากไป ผีขุนศึกพยายามเรียก
“กลับมา กลับมา มาปล่อยกู ไม่งั้นพวกมึง จะไม่ได้อยู่อย่างมีความสุขเด็ดขาด”
เหล่าผีหน้าตื่นส่งเสียงเรียกระงม
“กลับมา...กลับมา....กลับม๊า...”
เสียงโหยหวนกึกก้องรอบบริเวณต้นไม้ยืนตายซาก
สนธยา มากราบขอพร พระประธานในศาลาการเปรียญ
“ขอให้บุญกุศล ความดีที่ผมทำมา ช่วยดลบันดาลให้เรือนหอของผม ซ่อมได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ย่ามีอุปสรรคอะไรเลยนะครับ หลวงพ่อ” สนธยาก้มกราบ
หลวงพ่อเข้ามาเห็นพอดี
“มาขอพรพระท่านไว้ก็ดี แต่ขอแล้ว เอ็งต้องลงมือทำด้วยนะ”
“พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปซ่อมบ้านให้เสร็จเป็นวันแรก ผมควรทำยังไงให้ทุกอย่างราบรื่นดีครับหลวงพ่อ”
“จะซ่อมบ้าน ก็หาช่างดีๆเก่งๆสิวะ แต่ก่อนจะเข้าบ้าน ก็ต้องทำใจให้สงบ ดูฤกษ์ยามให้ถูกต้อง หาสิ่งดีๆ ที่เป็นมงคลเข้าบ้าน ที่จะช่วยให้บ้านร่มเย็น ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น ง่ายดายก็แค่นั้นแหละ”
“ขอบคุณครับหลวงพ่อ”
สนธยากราบ หลวงพ่อยิ้ม เดินจากไป สนธยางง
“สิ่งดีๆ ที่จะช่วยให้บ้าน ร่มเย็น ราบรื่น ง่ายดาย...อะไรวะ”
เช้าวันใหม่...สนิทชี้สั่งงาน ชมพู่ อาสาหรั่ง
“เดี๋ยวเอ็งซ่อมในบ้าน พวกเอ็งจัดการข้างนอก ส่วนข้าจะไปนอน คำนวณค่าแรงหน่อย...ไป”
ลูกน้องแยกย้าย เจนนี่เข้ามา
“ไงน้า เรียบร้อยดีป่ะ”
“ก็ดี แต่ถ้าเอ็งไม่มาตามจิกขอส่วนแบ่ง ก็จะดีกว่านี้เยอะ”
“โห ฉลาดอ่ะ ไม่เสียแรงที่ทำธุรกิจกันมาหลายปี อ้ะ” เจนนี่แบมือ
“จะบ้ารึไง เพิ่งเริ่มงานวันแรก เขายังไม่จ่ายค่าแรงเว้ย”
สนธยาอารมณ์ดี ลั๊ลลา ถือต้นกล้วย ต้นอ้อยเข้ามา
“หวัดดีคร๊าบ น้าหนิด รบกวนหน่อยสิครับ”
สนิทรีบรับกล้วยกับอ้อย
“จะกวนให้พวกผมกินเหรอครับ...ได้”
“เอ้ย เปล่า จะให้หาที่ปลูกเอาฤกษ์ เอาชัยหน่อย กล้วยกับอ้อยถ้าปลูกในบ้าน เขาว่า ทำอะไรก็จะง่าย ความรักก็จะหวานชื่น”
“สรุปปลูกเอาฤกษ์เฉยๆ ไม่ได้จะงก ปลูกไว้กินเองใช่มะ” เจนนี่แดกดัน
สนธยายิ้ม
“กิน...รบกวนน้าช่วยหาที่ปลูกให้ผมด้วยนะ”
“ไม่มีปัญหา คุณสนมาตรวจงานคราวหน้า ทั้งกล้วยทั้งอ้อย ลูกดกแน่”
“งั้นต้องรีบปลูกอย่างด่วนแล้วล่ะ เพราะตั้งแต่วันนี้ ผมจะมาช่วยน้าหนิดทุกวัน รับรองงานเสร็จเร็วกว่ากำหนด ชัวร์”
เจนนี่ชะงัก
“ห๊ะ ล..แล้วคุณจะซ่อมเรือนหออย่างเดียว ไม่ทำการทำงานหรือไง”
“เรื่องงาน ผมฝากลูกพี่เคลียร์ได้...เอางี้ เดี๋ยวผมไปหาที่ ปลูกข้างนอกเองดีกว่า น้าจะได้รีบทำงาน”
สนธยาออกไป สนิทมองหน้าเจนนี่ เซ็งๆ
“ช่วยเอามันไปปลูกกล้วยปลูกอ้อยที่อื่นได้มะ ขืนอยู่นี่ ทำอะไรไม่ถนัดแน่”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเอง”
เจนนี่มองตามสนธยามีแผน
ร้านชมทะเล by พิมพ์ดาว...นักข่าว นักการเมืองท้องถิ่นที่มาเป็นแขก ทยอยเดินเข้าร้าน โทนี่ยืนทักทาย สวัสดีนักข่าว
“เชิญครับ รบกวนด้วยนะครับ ฝากกระจายข่าวด้วยนะครับ”
แขกเดินเข้าร้านจนหมด พิมพ์ดาวยืนอยู่มุมหนึ่ง เธอมองแขกที่เข้ามาในงานตื่นเต้น โทนี่เข้ามาหา
“พร้อมรึยังครับน้องดาว”
“ค่ะ”
โทนี่เดินไปพูดเปิดตัวพิมพ์ดาว ต่อหน้าแขกวีไอพี ที่นั่งพร้อมที่โต๊ะอาหาร
“สวัสดีครับทุกท่าน ร้านชมทะเล byพิมพ์ดาว ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทุกท่านให้เกียรติมาเป็นแขกวีไอพีของเรา และก่อนที่ทุกท่านจะได้ชิมอาหารรสเลิศ เคล้าบรรยากาศแสนโรแมนติค ผมขอแนะนำผู้ที่เป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ คุณพิมพ์ดาวครับ”
โทนี่ผายมือ พิมพ์ดาวเดินเข้ามา แขกพากันปรบมือ
“สวัสดีค่ะทุกท่าน ร้านชมทะเล by พิมพ์ดาวของเรา เป็นร้านอาหารไทย ที่เปิดใหม่บนเกาะสมุย โดยจะเน้นเสิร์ฟอาหารทะเลสดๆ รวมถึงมีอาหารอาตาเลี่ยนไว้บริการ โดยอาหารจานแรกที่เราจะเสิร์ฟในวันนี้ เป็นซิกเนเจอร์ ของทางร้าน”
บริกรนำอาหาร มีฝาครอบสีเงิน ดูหรูหรา มาเสิร์ฟให้แขก
“นั่นก็คือ...”
บริกรเปิดฝาครอบจาน ต่อหน้าลูกค้าหญิงป้า ไฮโซ ลูกค้ามองอาหารในจาน ตาโต ช็อค
“อ๊าย”
บริเวณต้นไม้ที่ฝังไหสะกดวิญญาณ เสียงพวกผีพากันเซ็งแซ่
บริเวณต้นไม้ที่ฝังไหสะกดวิญญาณ เสียงพวกผีพากันเซ็งแซ่
“ไอ้พวกใจบาปพวกนั้น มันมาที่นี่อีกแล้ว บอกแล้วให้ฆ่ามันซะ” ผีนางทาสโวยวาย
“แต่ถ้ามันยังอยู่ แผนที่จะใช้มันให้ปล่อยเราไป อาจสำเร็จก็ได้” ผีตายท้องกลมเตือน
สนธยาถือจอบมา ผีตายท้องกลมตาลุกวาว
“นั่นไง พวกมันมาแล้ว”
ผีงิ้วรีบบอก
“งั้นช่วยกันเรียก ให้มันรีบมาทางนี้สิ”
สนธยาเล็งหาที่ ตัดสินใจขุด เหล่าผีพากันเรียก
“ทางนี้ๆ”
สนธยายกจอบง้าง ตั้งท่าจะขุดดิน ใกล้ต้นไม้ เจนนี่เข้ามา
“หยุ๊ด”
สนธยาชะงักมือไว้
“เอาน้ำมาให้”
เจนนี่ยื่นกระติกน้ำให้ สนธยายิ้ม
“ขอบคุณนะ แต่ผมยังไม่หิว”
เหล่าผีส่งเสียงดุ
“ขุดๆ”
สนธยาง้างจะขุดดินต่อ เจนนี่ เบรกอีก
“อ้ะๆ แน่ใจเหรอว่าจะปลูกตรงนี้ มีต้นเก่าอยู่แล้วนี่”
“แต่ต้นนี้มันตายแล้ว ผมจะเอาต้นใหม่ปลูกแทนไง”
“โอย ลำบากขนาดนี้ ปลูกที่อื่นง่ายกว่ามั้ยอ่ะ”
เหล่าผีแย่งกันพูด
“อย่าไปฟังมัน ขุดตรงนี้ ขุดเลยๆ”
“งั้นคุณจะให้ผมปลูกที่ไหน”
เจนนี่ยิ้ม
“กินน้ำไป คุยไป ดีป่ะ”
สนธยารับน้ำไปกิน เจนนี่ยิ้มหวาน เหล่าผีพากันกรี๊ด
พิมพ์ดาวกับโทนี่ รีบมาดูลูกค้าหญิงป้า ที่ร้องแหกปาก
“เกิดอะไรขึ้นครับ” โทนี่ถามอย่างตกใจ
ลูกค้าหญิงป้า ชี้ไปในจานอาหาร กลัว มือสั่น
“น...นั่น”
โทนี่หยิบจานอาหารขึ้นมาดู ใกล้หน้าหญิงป้ากว่าเดิม แล้วหยิบจิ้งจกที่อยู่ในจานออกมา พิมพ์ดาวตกใจ
“ห๊ะ”
เหล่าลูกค้าตะลึง
“จิ้งจก”
ลูกค้าหญิงป้าแหกปาก
“อ๊าย”
หญิงป้าปัดจานจากมือโทนี่ที่อยู่ตรงหน้าสุดแรง จนตกไปกลางโต๊ะอาหาร อาหารในจานกระเด็นกระจาย ลูกค้าอื่นกลัวเลอะลุกหนี ไม่ทันตั้งตัว เซล้ม ดึงกัน อลหม่าน ลูกค้าส่วนหนึ่ง ยืนรุมด่าพิมพ์ดาวที่ยืนหน้าซีดอยู่
“อะไรเนี่ย ทำแบบนี้ได้ไง สกปรกที่สุด...เนี่ยนะจะมาเปิดร้านที่นี่”
พิมพ์ดาวอึ้งทำอะไรไม่ถูก พูดไม่ออก โทนี่รีบประคอง กันพิมพ์ดาวออกไป
“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆนะครับ ขอโทษครับ”
สนธยาตกใจกับแผนของเจนนี่กับสนิท พ่นน้ำที่เจนนี่ให้พรวด
“ห๊ะ สร้างแปลงปลูกต้นไม้ สามหมื่นห้า”
“ใจเย็น ที่เราจะสร้างเนี่ย เป็นแปลงปลูกผักออแกนิค แบบครบวงจร ติดสปริงรดน้ำ มุ้งกันแมลง แผงโซล่าเซล...” สนิทนำเสนอ
เจนนี่ขัดขึ้น
“ก็เว่อร์ไปน้า คุณสนแค่อยากหามุมปลูกต้นไม้ เราก็สร้างซุ้มระแนงให้เป็นสัดส่วนหน่อย หมื่นห้าก็พอแล้ว”
สนธยาส่ายหน้า
“หมื่นห้า...ก็แพงอยู่ดีแหละ”
“แต่ถ้าคุณปลูกมั่วๆ เดี๋ยวรากต้นไม้ไชบ้านทรุด เรื่องใหญ่อีกนะ” เจนนี่ใส่ไฟ
“งั้นขอผมคิดดูก่อนละกัน”
สนธยาเริ่มปวดท้อง เอามือกุมท้อง เจนนี่รีบถาม
“เป็นไรอ่ะ”
“ม...มันตุ่ยๆ... ไม่ไหวแล้ว ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
สนิทขวางไว้
“ไม่ได้ ห้องน้ำยังซ่อมไม่เสร็จ”
“เอ้า ผมปวดท้อง จะให้ไปเข้าห้องน้ำไหนล่ะ”
“ปั๊มไง บ้านก็ได้ เอาเรื่องที่ปลูกต้นไม้ไปคิดด้วย เข้าห้องน้ำไปด้วยคิดออกแน่” เจนนี่แนะ
“อู๊ย ไม่คิดแล้ว น้าหนิด เอาที่ต้นไม้หลังบ้านแหละ ปลูกเลย”
สนธยารีบวิ่งออกไป เจนนี่คุยแผนกับสนิท
“ไม่ต้องทำเรียบร้อยนักนะน้า นายนั่นจะได้แก้ปัญหาอีก ส่วนเราก็จัดการเรื่องบ้าน ไปตามแผน”
สนิทยกนิ้วโป้งให้เจนนี่
ค่ำนั้น สนิทคุมคนงานขุดดินใกล้ต้นไม้ที่ฝังไห ชมพู่หันมาถาม
“ขุดตรงไหน ดีอ่ะน้า”
“ตรงไหนก็ได้ ขุดมันหลายๆหลุมไปเลย”
หรั่งขัดขึ้น
“แต่ต้นไม้ที่จะปลูกมีสองต้นเองนะน้า”
“กรูไม่ได้ขุดแค่ปลูกต้นไม้ แต่ขุดเยอะๆ จะได้เสียเวลากลบใหม่ ได้ค่าเสียเวลาเพิ่มอีก ไม่ดีรึไง”
“แล้วคุณสนไม่ด่าเอาเหรอเฮีย” อาสาถามอย่างสงสัย
“ก็บอกไปสิว่าดินแฉะ ดินแข็ง ปลูกไม่ขึ้น มั่วไปอะไรก็ได้ มันไม่รู้หรอก เอ้าขุดๆ”
ชมพู่กับอาสา นำคนงานไปขุด...พวกผีดีใจกันใหญ่ ผีขุนศึกหันมาบอกเพื่อนดีใจสุดๆ
“พวกเจ้าได้ยินมั้ย โอกาสที่เราจะเป็นอิสระมาถึงแล้วฮ่าๆ”
เหล่าผีหัวเราะอย่างเริงร่า
“ฮ่าๆ”
สนิทนั่งกินเหล้าคนเดียวอยู่กลางบ้านรกๆ เริ่มเมา เสียงฟ้าร้องดังลั่น ไฟในบ้านที่ติดอยู่ ดับพรึ่บ
“ฮะๆ คิดว่าจะทำอะไรกรูได้รึไง”
สนิทจุดตะเกียง
“ความมืดไม่เป็นอุปสรรคกับความเมาเว้ย”
สนิทยกแก้วขึ้นดื่มอีก ชมพู่ อาสา หรั่งวิ่งหอบเข้ามา
“น้าๆ” ชมพู่เรียก
“ทำไม จะมาขอเมาด้วยรึไง ไม่ด้าย พวกเมิงต้องทำงาน กรูเมาได้คนเดียว ฮ่าๆ”
“เปล่าน้า เราขุดเจอไอ้นี่”
อาสาโชว์ ไหโบราณมียันต์สีแดงแปะอยู่ เสียงฟ้าร้องดังสนั่น สนิทตาลุกโชน
“เฮ้ย นี่มันเหล้านี่หว่า”
“เหล้าอะไรฝังอยู่ใต้ดิน มั่วแล้ว” อาสาแย้ง
สนิทยกตะเกียงขึ้นส่องดู
“ก็เหล้าเถื่อนไง ฝังแบบนี้ แสดงว่าต้มเองชัวร์”
“มาเป็นไหแบบนี้ ผมว่าปลาร้าแล้วมั้ง” หรั่งออกความเห็น
“ปลาร้าบ้านเมิงสิ นี่มันเหล้าโบราณเก่าเก็บ” สนิทดมๆ “พิสูจน์จากกลิ่นแล้ว ไม่ต่ำกว่าห้าสิบปี”
“ไม่ใช่แระๆ เหล้าที่ไหน มียันต์เบ้อเร่อแปะอยู่แบบนี้”
อาสาชี้ที่ยันต์ สนิทถีบเลย
“นี่แน่ะยัน นี่มันยี่ห้อ ไม่เห็นรึไง แดงขนาดนี้ เหล้าเรดๆ”
“เมาแล้วน้า ทรงแบบนี้ ไม่ใช่เหล้าแล้วล่ะ” หรั่งขัดคอ
สนิทชักโมโห
“บอกว่าใช่ก็ใช่สิวะ”
ชมพู่ อาสา หรั่ง เถียงพร้อมกัน
“ไม่”
สนิทยังยืนยัน
“ใช่”
ชมพู่กับ อาสาแย้ง
“ไม่”
“ไม่เชื่อใช่มั้ย งั้นเปิด”
สนิทกระชากยันต์ออกจากไห เกิดฟ้าผ่า ฟ้าร้องทันที เหล่าผีหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆ”
ควันสีดำพวยพุ่งออกจากไหทันที ชมพู่กับอาสา เห็นกลุ่มควัน กลัว ถอยหลัง อาสาชี้มาที่ไห
“ห...ไห ที่ไหมีควัน”
“จะมีได้ไง นี่มันไหเหล้า” สนิทก้มดูในไห “อ้าวเฮ้ย เหล้าก็ไม่มีนี่หว่า”
ชมพู่ตื่นกลัว
“ไม่มีก็ดีแระ งั้นวันนี้ บ้านใครบ้านมันเถอะ”
สนิทไม่ยอม
“ไม่...กรูจะกินต่อ ใครกลับ กรูโกรธ”
“อ...โอเค งั้นฉันไปซื้อเหล้าให้น้าเพิ่มก่อนนะ” อาสาวิ่งไปเลย
“เดี๋ยวชมพู่ไปซื้อน้ำแข็งด้วย” ชมพู่วิ่งตามไป
“งั้นหรั่งตามไปจ่ายตังค์ จ๊าก” หรั่งวิ่งไปอีกคน
สนิท ตะโกนไล่หลัง
“เออ...ไปกันให้หมด กรูอยู่คนเดียวก็ได้เว้ย”
ฟ้าผ่าดังสนั่น แสงจากฟ้าผ่า เผยให้เห็นที่ด้านหลังสนิท มีทั้งผีขุนศึก ผีตายทั้งกลม ผีนางรำ ผีนางทาส ผีญี่ปุ่น ผีงิ้ว ยืนกันอยู่ หัวเราะลั่นอย่างดีใจ
อ่านต่อตอนที่ 4
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 4
ท้องฟ้าดำมืดเกิดฟ้าแลบ ฟ้าผ่า สายฟ้าฟาด
ในเรือนหอ ที่มืดอยู่ มีแสงแวบวับจากฟ้าผ่าลอดเข้ามา เหล่าผีที่ถูกปล่อยตัวออกมาจากไหอาคม ยืนหัวเราะคลั่ง ผีขุนศึกที่แต่งชุดนักรบโบราณเต็มยศ มีดาบปักค้างอยู่ที่อก ค่อยๆดึงดาบออกมาจากแผล
“ในที่สุด...ในที่สุด กูก็เป็นอิสระ ฮ่าๆ”
ผีขุนศึกชูดาบขึ้น ด้านนอกฟ้าผ่าเปรี้ยง แสงฟ้าผ่าสาดไปทั่ว เสียงดังกึกก้อง...ผีนางรำในชุดไทยใส่ชฎา หน้าขาว ปากแดง สวมเล็บทองเหลืองยาว ขยับเล็บไปมาเหมือนจะบดขยี้อะไรสักอย่างด้วยความแค้น
“ดวงวิญญาณของเรา ถูกสะกดอยู่ในไหอาคม ก็เพราะไอ้หมอผีนั่น”
ผีทหารญี่ปุ่น อยู่ในชุดเครื่องแบบสมัยสงครามโลก มอมแมม เปื้อนเลือด แขนขาด ลำตัวเต็มไปด้วยรอยรูกระสุน เลือดทะลักออกมาไม่หยุด
“เราต้องตามไปฆ่ามัน”
ผีตายทั้งกลม ผีสาวยุคปัจจุบัน ใส่ชุดคลุมท้อง ท้องใหญ่ใกล้คลอดในมือมีตุ๊กตาที่เตรียมไว้ให้ลูก
“ป่านนี้มันคงแก่ตายไปแล้วล่ะ จริงมั้ยลูกจ๋า...” ผีตายทั้งกลมเอามือลูบท้องคุยกับลูก
ผีนางทาส ในชุดผ้าแถบ สะอื้น ร้องไห้อย่างเศร้าหมอง
“ในเมื่อวิญญาณของเราถูกปลดปล่อย งั้นข้าขอออกไปตามคุณหลวงของข้า คุณหลวง...”
ผีนางทาสจะไป ผีงิ้วแต่งหน้าดุเป็นแบบงิ้วจีนตัวร้าย สะบัดพัดห้ามไว้ เสียงดัง ดุดัน
“อั๊ยย่ะ...หยุดคร่ำครวญเสียทีเถอะวะ”
ผีนางทาสชะงัก
“เราทุกคนต่างมีภารกิจต้องทำเหมือนกัน แต่ตอนนี้เราจะทำตามอำเภอใจมิได้” ผีขุนศึกมองไปรอบๆ “ทุกสิ่งเปลี่ยนไปมาก เราไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไรรอเราอยู่”
“แล้วไอ้พวกที่มันมาวุ่นวายกับเราล่ะ” ผีทหารญี่ปุ่นถาม
ผีขุนศึกส่งเสียงดุดัน
“ก็ไล่มันไปสิวะ”
ผีขุนศึกชี้ดาบไป เกิดแสงจากฟ้าผ่าสว่างจ้า...เหล่าผีเห็นสนิทนอนกับพื้น หลับไปนานแล้วก็หน้าเหวอ
“อ้าว”
ผีตายทั้งกลมส่ายหน้าเซ็ง
“เมาหลับแบบนี้ ไล่ยังไงมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก”
“แต่ข้างนอก ยังมีอีกสามคนที่ขุดเราขึ้นมา” ผีนางรำชี้ไป
ผีขุนศึกมองตามหน้าเหี้ยม
“งั้นจะช้าทำไม ไปสิ”
เหล่าผีกลายร่างเป็นควันดำพุ่งออกไป อย่างเร็ว
ชมพู่เปิดประตูรั้ว มือสั่น ตะกุกตะกัก ไขผิดไขถูก อาสากับหรั่งเร่ง
“รีบเปิดสิวะ เดี๋ยวไอ้ที่อยู่ข้างในเมื่อกี้ ก็ตามมาหรอก” อาสาเร่ง
“ร...รีบอยู่ ม...มือมันสั่น” ชมพู่เสียงสั่น
หรั่งคิดๆ
“แต่น้าหนิดยังอยู่ข้างใน นี่เราจะทิ้งเค้าไว้จริงดิ”
ชมพู่นึกได้ชะงัก
“เออนั่นดิ...งั้นเมิงไปช่วยละกัน กรูไปเอง”
ชมพู่รีบไขประตูต่อ หรั่งหน้าตื่น
“จะบ้ารึไง ไปด้วยสิ...”
ชมพู่เร่งเปิดรั้ว เหล่าผี ปรากฏตัว ยืนล้อมไว้ทันที
“ให้ช่วยมั้ย” เหล่าผีพูดเสียงเยือกเย็น
“ก็ช่วยสิวะ เมิงจะยืนเฉยๆ รอไอ้ควันดำๆ ที่จากไหนั่น ตามมาบีบคอรึไง” ชมพู่บ่น
“เออใช่ ถามโง่ๆ” หรั่งนึกได้ “เดี๋ยวนะ เมื่อกี้พูดกับใคร”
ชมพู่ตื่นกลัวสะอื้น
“ล...แล้ว ตัวเองไม่ได้ถามเค้าเหรอ”
“ค...เค้าเปล่า” หรั่งเสียงสั่น
อาสาหวาดหวั่น
“เค้าก็เหมือนกัน...แล้วใครถามอ่ะ”
ผีขุนศึกกระซิบข้างหู
“กูเอง ไอ้ตัวที่เมิงปล่อยมาจากไหนี่ไง”
ผีขุนศึกโชว์ไหให้ดู สามเกลอหันไป ไม่เห็นผี แต่เห็นไหลอยได้ ชมพู่ขยี้ตา
“เห็นมั้ย”
“ห...เห็น” อาสาเอามือปัดๆบนไห “นั่นไง ม...ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน ชัดเลย ผีหลอก จ๊าก”
ชมพู่ อาสา หรั่ง รีบเปิดรั้ว วิ่งแจ้นไปทันที
เช้าวันใหม่ สนิทเมาหลับนอนอยู่ที่พื้น เจนนี่ มาปลุก
“น้าหนิดๆ...”
สนิทไม่ยอมตื่น เจนนี่ตะโกนใส่
“เจ้าหนี้มา”
สนิทสะดุ้งไหว้ทันที
“ข...ขอเถอะคร๊าบ วันนี้ผมยังไม่มี” แล้วเขาก็นึกได้ “โห่...ไอ้เจนนี่”
“แหมน้า ยังไม่ทำงานก็เมาเละแล้ว เดี๋ยวลูกค้าก็จับได้หรอก”
“ไม่ต้องห่วง น้ามี ลูกน้องไว้ใจได้...” สนิทมองไปรอบๆ “อ้าว เฮ้ยไอ้สามตัวนั้นไปซื้อเหล้าถึงไหน ยังไม่กลับมาอีกวะ”
ชมพู่ อาสา หรั่ง เข้ามาหัวฟู ท่าทางกลัวๆ สามเกลอส่งเสียงพร้อมเพียง
“ม...มาแล้ว”
ชมพู่มองซ้ายขวา กระซิบ
“นี่น้า เมื่อคืนเจอไรป่ะ”
“เจอไรล่ะ บอกจะไปซื้อเหล้าแต่หนีกลับกันหมด ให้กรูอยู่คนเดียวเนี่ย”
“แล้วไป งั้นสงสัย เมื่อคืนคงตาฝาด” หรั่งพูดลอยๆ
เสียงหมาหอนดังขึ้นทันที อาสา ชมพู่ หรั่ง กระโดดกอดกันกลัวๆ
“ชัดเลย หอนกลางวันแสกๆแบบนี้ ไม่ฝาดแล้วล่ะ...ฉันแพ้เสียงหมา ขอลางานยาวเลยละกันนะ”
เจนนี่กลัว
“น...นี่สามคน เป็นไรกัน เมื่อคืนเจออะไรงั้นเหรอ”
“ก็เจอ…”
ชมพู่จะบอก สนธยาเข้ามาในชุดช่าง
“สวัสดีทุกคน มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ”
เจนนี่แปลกใจ
“อ...อ้าว คุณ มาทำไมอีกเนี่ย”
“มาซ่อมเรือนหอผมต่อไง น้าหนิดมีอะไรให้ผมทำ บอกมาได้เลย”
สนิทกระซิบเจนนี่
“บอกมันให้ไปไกลๆได้มะ”
เจนนี่กระซิบ
“น้าก็บอกเองดิ เมื่อวานเอาสลอดให้กินจนท้องเสีย ยังมาได้ อะไรก็ห้ามไม่อยู่แล้ว”
“เอ่อ น้าหนิด ถ้าคุณสนมาช่วยแล้ว งั้นเราสามคนไปนะ”
ชมพู่จะไป สนิทรีบขัดขึ้นเสียงเข้มมาก
“จะบ้ารึไง เจ้านายอุตส่าห์มา ห้ามลา ห้ามสาย ห้ามตายเด็ดขา รีบพาคุณสนไปตรวจความเรียบร้อยรอบบ้าน แล้วหางานเบาๆให้ช่วย ด่วน”
อาสา ชมพู่ หรั่ง พาสนธยาเดินไปนอกบ้านอย่างไม่เต็มใจนัก พวกผียืนปรากฏกายขึ้นทันทีท่าทางโกรธเกรี้ยว พวกสนธยาเดินไปมองไม่เห็น ผีนางรำจ้องมองสายตาเอาเรื่อง
“มันคิดจะลองดีกับพวกเรา”
“ที่ของเรา จะให้ใครมาวุ่นวายไม่ได้เด็ดขาด” ผีงิ้วท่าทางเอาจริง ผีขุนศึกชักดาบ
“งั้นเราต้องกำจัดพวกมันไปซะ”
เหล่าผีหันตามสนธยาไปพรึ่บ อย่างแค้นๆ
สนิทตอกตะปูอยู่ พวกคนงาน ช่วยกันซ่อมเรือนหอด้านนอกตามมุมต่างๆ สนธยาเดินเข้ามา ถือค้อนมาจะช่วย สนิทรีบห้าม
“โอ๊ะๆ อย่าลำบากเลยคุณสน งานพวกนี้ผมทำเองได้”
“ไม่เป็นไรน้า ช่วยกัน จะได้เสร็จเร็วๆ”
สนธยาตั้งท่าจะตอกตะปู...ขณะเดียวกันนั้น ช่างคนหนึ่งปีนบันได้ใช้เกรียงขูดสีจากผนัง ทันใดนั้นมีเท้ายื่นเข้ามาค่อยๆถีบบันไดให้ล้มลง ช่างคนนั้นเซแล้วตกจากบันได
“เฮ้ยๆ”
เสียงโครมดังสนั่น ช่างล้มลงนอนกองกับพื้น บันไดล้มทับ หมดสติ
สนธยากับสนิทอยู่ใกล้ๆ ตกใจ รีบเข้าไปดู
“พี่ๆ เป็นไรเปล่าพี่” สนธยาถามอย่างเป็นห่วง
อาสา พาช่างอีกคนที่เลือดออกเข้ามาทันที
“ซวยแล้ว น้าหนิด ช่างโดนเลื่อยบาดมือ ทำไงดี”
“กรูเป็นช่าง ไม่ใช่หมอ ก็รีบพาไปหาหมอสิ”
ชมพู่กับหรั่งพาช่างอีกคนที่หัวแตกเข้ามา
“เฮ้ยๆ พาไอ้นี่ไปด้วย มันโดนกระเบื้องเจาะหัว” ชมพู่ตะโกนบอก
สนธยาถอนใจ
“ทำไมมีแต่อุบัติเหตุเนี่ยน้า เตือนช่างให้ระวังหน่อยสิ”
“ผมว่าไม่ใช่อุบัติเหตุหรอกคุณสน” หรั่งออกความเห็น
สนิทรีบแย้ง
“ไม่ใช่อะไร ก็เห็นอยู่ ว่าพวกมันซุ่มซ่าม”
ชมพู่มองหน้าสนิท
“พร้อมกันหมดเลยเนี่ยนะ เมื่อคืนน้าไปลบหลู่อะไรไว้มากกว่ามั้ง”
สนิทโวย
“อ้าวไอ้นี่ กรูอยู่ดีๆ หาเรื่องให้กรูแล้วไงแล้ว เดี๊ยะๆ”
สนิทแกล้งทำท่าเอาค้อนจะตีอาสา แต่จู่ๆ ค้อนเด้งกลับมา ฟาดปากสนิทหน้าหงาย
“อุ๊บ”
สนิทปล่อยค้อน เอามือกุมปากทันที
“น้าหนิด...เป็นไงมั่ง”
สนธยารีบไปดู สนิทเอามือออก พูดไป หน้านิ่ง แต่เลือดจากปากไหล เป็นทาง
“ไม่เป็นไร อุบัติเหตุ นิดหน่อย”
เจนนี่รีบวิ่งเข้ามาแจ้งข่าว
“น้าหนิด คนงานโดนต่อต่อย...” เจนนี่เห็นสนิทตกใจ “เฮ้ย แล้วน้าโดนใครต่อยมาเนี่ย”
เจนนี่รีบเข้าไปดู สนิทพูดไปเลือดไหลไป
“ไม่มี ทำตัวเอง”
สนธยาหันมาบอกเจนนี่
“เจนนี่ ช่วยพาทุกคนไปโรงพยาบาลก่อน เดี๋ยวผมตรวจความเรียบร้อย จะได้ไม่มีอุบัติเหตุอีก...แล้วจะรีบตามไป”
เจนนี่ ชมพู่ อาสา หรั่งพาสนิทกับคนงานออกไป สนธยายืนคนเดียวมองไปรอบบ้านอารมณ์เสีย
สนธยาทำงานอยู่ ชั้นสองของเรือนหอ พวกผียืนรวมกลุ่มกันอยู่ ผีนางทาสชี้ไปที่สนธยา
“ดูสิ ไอ้หนุ่มนั่นมันยังดื้ออยู่อีก”
“ฆ่ามันทิ้งเลยดีมะ” ผีทหารญี่ปุ่นถามขึ้น
“ไม่จำเป็นต้องฆ่า แค่ไล่มันไปก็พอแล้ว” ผีงิ้วแนะ
“ใช่ เกิดมีใครตายขึ้นมา ผู้คุมวิญญาณอาจมาถึงเร็วขึ้นก็ได้” ผีขุนศึกบอก
ผีตายทั้งกลมคิดตาม
“งั้นก็หลอกมันให้เป็นบ้าไปซะ”
“เสียดาย ยังหนุ่มแท้ๆ แต่ต้องมาเป็นบ้าไปซะแล้ว ฮ่าๆ” ผีนางรำหัวเราะร่า
“ฮ่าๆ”
เหล่าผีพากันหัวเราะ ชี้ไปที่สนธยาที่ทำงานอยู่
สนธยาเก็บอุปกรณ์ช่าง บ่นเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
“แล้วแบบนี้เมื่อไรเรือนหอจะเสร็จเนี่ย ทำไมต้องเจอเรื่องซวยๆแบบนี้”
ผีตายทั้งกลมปรากฏตัว ประชิดหน้าสนธยา ทันที โกรธมาก
“แกว่าใครตัวซวย”
“มันมองไม่เห็นเรา คงไม่รู้หรอก ว่ากำลังเจอกับอะไรอยู่...งั้นต้องทำให้มันรู้ ว่าถ้าไม่ไปจากที่นี่ มันนั่นแหละ จะซวยที่สุด”
ขาดคำผีนางรำ ชูเล็บยาวขึ้นไปกรีดหลอดไฟ ทำให้หลอดไฟที่อยู่บนหัวแตกโพล๊ะต่อหน้า สนธยา
“เฮ้ย”
หลอดไฟทั่วบ้าน ไล่แตกต่อๆกันหมดทุกดวง โพล๊ะๆ สนธยาเริ่มกลัว
“อ...อะไรวะ”
สนธยาจะวิ่งออกจากบ้าน เก้าอี้เลื่อนมาขวางทันที เขาหน้าเหวอตกใจ แต่พยายามปลอบใจตัวเองหลับตาพึมพำ
“ตั้งสติไว้ ไม่มีอะไร แค่ลมพัด แค่ลมพัด”
สนธยาที่หลับตาอยู่ ถูกดึงกระชาก ถอยหลัง
“เฮ้ย”
สนธยาร้องลั่นล้มกลิ้งกับพื้น มองซ้าย ขวา เริ่มกลัว
“ม...ไม่ต้องกลัวนะไอ้สน แกเป็นคนดี ค...คนดี ผ...ผีคุ้ม”
“นี่แน่ะ คุ้ม”
ผีงิ้วเตะเข้าเป้าทันที สนธยากุมเป้าร้องลั่น
“โอ๊ะ...ต...แตก...แล้ว”
“โถ เป็นไรมากมั้ยรูปหล่อ” ผีตายทั้งกลมตบ สนธยาหน้าหัน
“โอ๊ย”
ผีขุนศึกสั่งเสียงดุ
“กระทืบมัน”
พวกผีรุมยำใหญ่ สนธยา โดนผีซ้อม ล้มลุก คลุกคลาน หนีออกมา ก็โดนลากกลับเข้าวงไปซ้อมใหม่ สนธยาถูกผลักไปติดกำแพง ทรุดตัวลงนั่ง ผีทหารญี่ปุ่น หยิบเกรียงขูดสี ขว้างเหมือนมีดสั้น พุ่งมาปักที่พื้น เฉียดเป้าสนธยาไปนิดเดียว เขาสะดุ้งสติแตก
“พอแล้ว...ไอ้พวกผีบ้า แน่จริงออกมาสิวะ”
เหล่าผีแยกเขี้ยว ยื่นหน้าเข้าใกล้ ประจันหน้า สนธยายังมองไม่เห็น ไม่รู้ตัว
มุมหนึ่งของร้านอาหาร พิมพ์ดาวดูหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว เปิบพิศดาร ร้านอาหารไฮโซ ชมทะเล by พิมพ์ดาวเสิร์ฟเมนูจิ้งจก พิมพ์ดาวแอบปาดน้ำตา ขณะเดียวกันนั้นมีมือเข้ามายื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เธอหันไปเห็นโทนี่ ก็ชะงักไม่รับผ้าเช็ดหน้า รีบปาดน้ำตา
“ไม่เป็นไรนะน้องดาว ถือว่าทุกอย่างเรามาเริ่มกันใหม่ ไว้รอให้เรื่องเงียบกว่านี้ เราค่อยหาวิธีดึงลูกค้ากลับมา น้องดาวไม่ต้องเสียใจนะ”
“ดาวอุตส่าห์ตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่ทั้งนักข่าว คนใหญ่คนโตที่นี่ เจอเรื่องแบบนี้เข้าไป ใครจะอยากมาร้านเราอีกล่ะคะ”
“ก็จริงนะครับ กว่าจะกู้ชื่อเสียงกลับมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่...” โทนี่ทำหน้าลำบากใจ “ตอนนี้ที่พี่จะช่วยน้องดาวได้ ก็คือเคลียร์ค่าใช้จ่ายในร้านตามที่รับปากไว้...เงินนี้คงจะช่วยให้ร้านอยู่ได้อีกสักพัก”
โทนี่เอาเช็คให้ พิมพ์ดาวรับมา
“ขอบคุณนะคะ”
“แต่เรื่องที่จะทำร้านต่อ น้องดาวลองคุยกับคุณแม่ดูดีมั้ยครับ เผื่อท่านจะเห็นใจ ให้น้องดาวกลับไปฝึกงานที่กรุงเทพ”
“กลับไปเป็นลูกแหง่ในสายตาคุณแม่น่ะเหรอคะ ดาวยอมลำบากอยู่ที่นี่ดีกว่า”
“อย่าเพิ่งโกรธสิน้องดาว ความจริงธุรกิจนี้มันอาจจะยากเกินไป…”
พิมพ์ดาวรีบแทรก
“ไม่ค่ะ ดาวทำได้ จะยากแค่ไหน ดาวก็ต้องทำให้ทุกคนยอมรับร้านดาวให้ได้...ขอตัวนะคะ”
พิมพ์ดาวเข้าร้านไป โทนี่ยิ้ม หยิบโทรศัพท์มาโทร
“สวัสดีครับคุณน้า คุณน้าอาจต้องทนคิดถึงลูกสาวหน่อยนะครับ เพราะน้องดาวคงจะอยู่ที่นี่ไปอีกนาน...ได้ครับ แล้วผมจะคอยดูแลน้องดาวให้เอง อ้อ...ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น คงต้องรบกวนคุณน้าด้วยนะครับ...ขอบคุณครับ”
โทนี่วางสาย ยิ้มพอใจทุกอย่างเป็นไปตามแผน
เหล่าผียืนประจันหน้า สนธยากล้าๆกลัวๆตะโกนด่าผี ทั้งที่มองไม่เห็น
“เอาสิวะ ถ้าฉันช็อคตายขึ้นมา ฉันจะเป็นผีไปหลอกพวกแก คอยดูสิ”
ผีนางทาสชี้หน้า
“ยังจะหน้าด้านมาขู่ผีอีกนะมึง”
“คิดว่ากลัวรึไง บ้านนี้ฉันซื้อมาถูกกฎหมาย ไม่ใช่ที่ของแกนะเว้ย”
“แกซื้อแต่ฉันสิงอยู่ที่นี่ แกแหละที่มาเบียดเบียนพวกฉัน” ผีนางรำโวย
“เป็นผีก็อยู่ส่วนผี หรือถ้าอยากยุ่งกับคนนัก ก็ไปเกิดใหม่สิ”
ผีทหารญี่ปุ่นโกรธ
“ส่งมันไปเกิดเลยดีมั้ย”
สนธยาลุกขึ้น
“ทางที่ดีเราต่างคนต่างอยู่ดีกว่า ให้ฉันซ่อมเรือนหอเสร็จเดี๋ยวทำบุญไปให้ แล้วไม่ต้องมายุ่งกันอีก”
ผีขุนศึกชักโมโห
“พูดมาก กูชักรำคาญ ฆ่ามันเลยดีกว่า”
เหล่าผีหยิบของใกล้มือ พวกของมีคม อุปกรณ์ก่อสร้างขึ้นมา สนธยาเห็นของลอยได้หน้าเหวอ ยกมือไหว้
“ช...ชัดเลย มีอะไรค่อยๆคุยกันเถอะนะครับ”
เหล่าผีตะโกนพร้อมเพียง
“ไม่คุย”
พวกผีปาของใส่ สนธยาทนไม่ไหว วิ่งหนีทันที
อ่านต่อหน้า 4
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 4 (ต่อ)
บริเวณทางเดิน...สนิทมีผ้าก๊อซปิดจมูก เจนนี่ ชมพู่ อาสา หรั่ง ดูแลสนิท ปิดแผลให้ สนิทร้องเจ็บ
“อ...โอ๊ย”
“สมน้ำหน้า ทีหลังก็อย่าซุ่มซ่ามสิ” เจนนี่ประชด
“ไม่ได้ซุ่มเลย ถือค้อนอยู่ดีๆ มันก็ฟาดมาครึ่งปากครึ่งจมูก หน้าแทบแหกเนี่ย” สนิทเถียง
“แบบนี้แถวบ้านเรียก ผ...ผีผลัก” ชมพู่บอกอย่างหวาดๆ
“ตลกแระ...ผีเผออะไร น้าเค้าโง่เองต่างหาก” เจนนี่แย้ง
สนธยาเข้ามาอย่างโกรธๆ ดึงแขนเจนนี่ไปคุย
“เจนนี่...ทำไมคุณต้องมาหลอกขายบ้านผีสิงให้ผมด้วย”
เจนนี่สะบัดมือ
“พูดอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”
“โกหก...ที่พวกช่างเจออุบัติเหตุก็เพราะเรื่องผี ผมเองก็เพิ่งเจอผีหลอกมา ส่วนคุณ ที่รีบคะยั้นคะยอให้ซื้อบ้าน เพราะรู้ว่าที่นั่นมีผีใช่มั้ย”
สนิทมองหน้าเจนนี่
“อ้าว ยังไงๆ เจนนี่ นี่น้าพวกเดียวกับแก แกยังหน้าด้าน หลอกน้าไปซ่อมบ้าน ผีสิงอีกเนี่ยนะ”
“นี่น้า ฉันก็รู้แค่ว่าบ้านมันเก่าเลยให้ไปซ่อม ส่วนเรื่องผีเผออะไรเนี่ย ใครเชื่อก็บ้าแล้ว”
ทุกคนโพล่งออกมาพร้อมกัน
“เราเชื่อ”
สนธยาแบมือ
“คืนเงินผมมาเลย ไม่ก็หาบ้านใหม่ให้ผม ไม่งั้นผมจะเรียกตำรวจ”
เจนนี่หน้าตื่น
“จะบ้ารึไง คุณซื้อบ้านจากน้าโฉม ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เกี่ยวกับฉันที่ไหนล่ะ”
สนธยาไม่พอใจ
“นี่คุณหลอกให้ผมเอาเงินเก็บทั้งชีวิตไปซื้อบ้าน เพื่อให้ผมกับคนรักไปอยู่กับผี แล้วจะไม่รับผิดชอบเนี่ยนะ...นี่ใจคุณทำด้วยอะไรเนี่ย”
เจนนี่อึกอัก
“ฉ...ฉันก็แค่ทำงานของฉัน คุณต่างหากที่ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนั้นเองนี่”
สนธยาทนไม่ไหว
“เออ ผมมันโง่...โง่ที่ซื้อบ้านหลังนั้น โง่ที่ฝันว่าสักวันจะมีครอบครัวที่ดี...แต่ที่ผมว่าผมโง่ที่สุด คือโง่ที่หลงเชื่อคุณเนี่ยแหละ”
สนธยาเสียใจ เดินจากไป เจนนี่มองตาม อึดอัด ลำบากใจ
สนธยานั่งเศร้า ที่ป้ายรถเมล์ คอตกหมดหวัง ขณะเดียวกันนั้นมีมือยื่นขวดน้ำดื่มให้ สนธยาหันไปเห็นเจนนี่เป็นคนยื่นให้ก็มองเคืองๆ
“อยากได้เรือนหอคืน ไม่ได้อยากได้อย่างอื่น”
“อย่าเพิ่งเหวี่ยงได้มะ ฉันไม่รู้ว่าบ้านนั้นมีผีจริงๆนี่”
“ไม่จริง คุณขายบ้านผีสิงให้ผมทั้งหลัง จะไม่รู้ได้ไง”
“เอ้า ก็ฉันเป็นแค่นายหน้า ไม่ได้อยู่บ้านนั้นซะหน่อย แล้วถึงมันจะมีผีจริง นายคิดว่าเจ้าของบ้านจะบอกฉันมั้ยล่ะ”
“จะโบ้ยว่าเป็นความผิด เจ้าของบ้านว่างั้นเหอะ”
“นี่...ที่ฉันมา ไม่ได้คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นความผิดฉันหรอกนะ ฉันมาเพราะสงสารนายกับแฟนต่างหาก”
สนธยาดีใจ
“แปลว่าคุณจะช่วยหาเรือนหอใหม่ให้ผมงั้นเหรอ”
“ไม่มีปัญญาขนาดนั้นหรอก”
“เอ้า แล้วจะช่วยไงล่ะ”
เจนนี่ คิดหนัก
ค่ำนั้น...พิมพ์ดาว พาลูกน้องมาแจกใบปลิวโปรโมทร้าน มีกระเป๋าสตางค์สะพายข้างตัว
“ร้านชมทะล by พิมพ์ดาว ร้านอาหารเปิดใหม่ลด 50 % ถ้าว่าง เชิญไปชิมได้นะคะ...”
โทนี่ตามมาเจอ มองอย่างไม่พอใจ
“น้องดาวครับ นี่มันตลาดโต้รุ่งนะ ทาเก็ตก็ไม่ใช่ลูกค้าร้านเราซะหน่อย ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย”
“ทำไมคะ...ที่นี่มีทั้งนักท่องเที่ยว ทั้งคนท้องถิ่น ตอนนี้ขอแค่มีลูกค้าเข้าร้าน ต่อให้ลำบากกว่านี้ดาวก็จะทำค่ะ”
“แต่เราพีอาร์ทางอื่นก็ได้นี่ครับ เฟซบุ๊ค แอป ไลน์ก็เยอะแยะ”
“ดาวทำไปหมดแล้ว หรือถ้ามีวิธีอื่นที่จะช่วยร้านเราได้อีก พี่โทนี่ก็บอกมาสิคะ”
โทนี่จ๋อย พูดไม่ออก
“ถ้าพี่โทนี่ ไม่ชอบวิธีโปรโมทร้านของดาวแบบนี้ ก็ช่วยหลีกทางให้ด้วย ดาวจะทำงานต่อ”
โทนี่ต้องหลบทางให้ พิมพ์ดาวแจกใบปลิวต่อ โทนี่ยืนเจื่อนๆอยู่ แต่ไม่ช่วย
“ร้านชมทะเล by พิมพ์ดาว ร้านอาหารเปิดใหม่ลด50 % ถ้าว่างเชิญไปชิมได้นะคะ...”
พิมพ์ดาวแจกใบปลิวไม่ทันระวัง โจรที่ทำทีซื้อของอยู่ด้านหลัง กระชากกระเป๋าสะพายพิมพ์ดาวไปทันที
“กระเป๋า...ช่วยด้วยๆ” พิมพ์ดาวตกใจร้องลั่น
โทนี่เลิ่กลั่กมองซ้ายขวาทำอะไรไม่ถูก ที่มุมหนึ่ง มณฑล ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ เซอร์ๆ ยืนซื้อของเห็นโจรวิ่งผ่านหลังไป ได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย รีบทิ้งของวิ่งตามโจรไป
บริเวณหน้าเรือนหอ พระจันทร์เต็มดวง มีเมฆดำเคลื่อนมาบัง เสียงหมาหอนรับกันเป็นทอดๆอย่างโหยหวน สนธยา เจนนี่และแก๊งสนิท เข้ามาท่าทางกลัวๆ ประตูเรือนหอด้านในปิดอยู่บรรยากาศน่าหวาดหวั่น
“จ...เจนนี่ น้าหนิดเป็นช่างรับเหมา ไม่ใช่หนิด จิตสัมผัส แกจะเอาน้ามาเจอผีทำม๊าย” สนิทบ่นอย่างหวาดกลัว
“จริง น้าหนิดปอดแหก กลัวผีที่สุด จะช่วยไรได้” หรั่งประชด
ชมพู่ขัดขึ้น
“เฮ้ย ทำไมเมิงต้องไปว่าน้าหนิดด้วยวะ เค้าไม่ได้ปอดแหก แค่เรียกว่า ใจมด ใจตุ๊ด ใจแมว ถึงจะถูก”
“ถูก...” สนิทนึกได้ “เว้ย นี่จะหลอกด่ากูทำไมเนี่ย”
“เลือกเอาแล้วกัน จะโดนผีหลอก หรือเจ้าหนี้ยิงทิ้ง ถ้าไม่ช่วยกันไล่ผี น้าก็ไม่มีงานทำ แล้วจะเอาเงินที่ไหนจ่ายหนี้” เจนนี่เสียงเข้ม
อาสาเห็นด้วย
“ก็จริงนะ น้าเบี้ยวเงินเดือนพวกผมหลายงวดแล้ว ไล่ผีหาเงินใช้หนี้ซะทีเหอะ ส่วนพวกผม...ขอลา”
อาสา ชมพู่ หรั่งเตรียมชิ่ง สนิทดึงไว้
“ไม่ได้ ต้องอยู่หัวโกร๋นด้วยกันก่อน...ใครไป กรูไล่ออก”
อาสา ชมพู่ หรั่ง ชะงัก สนธยาตัดบท
“เอาล่ะพอๆ สรุปที่คุณบอกจะช่วย คือให้พวกเราไล่ผีกันเอง เนี่ยนะ”
“ใครจะคิดสั้นขนาดนั้น ฉันมีตัวช่วยต่างหาก” เจนนี่เถียง
ทันใดนั้นเกิดลมกรรโชกแรง ฟ้าผ่า ประตูข้างในเรือนหอเปิดออกทันที หมอผีที่ยืนอยู่ในเรือนหออยู่แล้ว หัวเราะลั่น
“ฮ่าๆ ไม่ต้องห่วง ไม่มีผีตัวไหน รอดมือข้าไปได้ ฮ่าๆ”
หมอผีหัวเราะ ก้าวออกมาจะพ้นประตู แต่ขาลึกลับยื่นมาขวาง หมอผีไม่ระวัง สะดุดล้ม หน้าฟาด
“โอ๊ย”
เจนนี่ และพวกรีบไปประคอง
“เป็นไงบ้างหมอ” เจนนี่ถามอย่างเป็นห่วง
หมอผีกวาดตามองไปรอบๆ
“จากที่ไปสำรวจมา บ้านนี้ มีวิญญาณสิงอยู่เต็มไปหมด ทุกคนต้องระวังไว้”
ประตูเรือนหอที่หมอผีออกมา ปิดปัง ทุกคนสะดุ้งโหยง
“เฮ้ย”
ประตูรั้วด้านหน้าเลื่อนมาปิด ทุกคนตื่นตระหนก
“เฮ้ย”
พวกสนธยาตกอยู่ในวงล้อมไม่มีทางหนี พวกผีปรากฏตัวขึ้นหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆ”
พวกสนธยาพากันกลัว
โจรวิ่งถือกระเป๋าพิมพ์ดาว นำมา มณฑลวิ่งตามมาทัน กระโดดถีบจนโจรล้มลง โจรลุกขึ้นเอามีดออกมาแทง มณฑลหลบได้จับโจรตีเข่า มีดหลุดจากมือ มนฑลจับโจรล็อคเอามือไพล่หลัง
“ย...ยอมแล้ว” โจรร้องลั่น
“เอากระเป๋ามา”มณฑลตวาด
โจรยอมส่งกระเป๋าให้มณฑล พิมพ์ดาวกับโทนี่วิ่งตามมา
“ช่วยด้วย”
มณฑลหันไปมองพิมพ์ดาว โจรได้โอกาสสะบัดหนี มณฑลจะตามไป แต่โทนี่วิ่งเข้ามาใกล้ตะโกนเสียงดัง ชี้มาที่มณฑล
“หยุดนะเว้ย อย่าหนีนะ”
มณฑลชะงัก
“อะไรคุณ”
โทนี่ชี้หน้า
“แกเป็นพวกเดียวกับมันใช่มั้ย”
โทนี่ไม่รอฟังคำตอบ เข้าต่อยเลย แต่มณฑลหลบได้ จับข้อมือโทนี่บิด
“อ...โอ๊ย”
พิมพ์ดาววิ่งมาห้าม
“นี่คุณทำอะไรเนี่ย ปล่อยเค้านะ”
มณฑลปล่อยผลักโทนี่ไป
“บอกคนของคุณเถอะ อยู่ดีๆจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยากมีปัญหารึไง”
พิมพ์ดาวชะงัก
“ตำรวจ”
“ใช่ ผมเป็นตำรวจ เชิญพวกคุณไปให้ปากคำที่โรงพัก”
สนธยากับเจนนี่และพวกสนิท พากันแอบหลังหมอผีอย่างกลัวๆ
“ม...หมอครับ ประตูปิดเองแบบนี้ ผ...ผีมาแล้วใช่มั้ย มันอยู่ไหนครับหมอ” สนิทถามเสียงสั่น
หมอผีชี้ไปมั่ว
“ทางนั้น”
พวกผียืนอยู่ตรงข้ามที่หมอชี้ ต่างโบกมือเรียก
“ทางนี้”
หมอผีชี้มั่ว
“แล้วก็ทางนี้ ทางโน้น ทางโน่น เต็มไปหมด”
ผีตายทั้งกลมโกรธ
“ไอ้หน้าด้าน ไอ้พวกหลอกลวง แบบนี้ต้องหลอกมันให้เข็ด”
“ค่อยๆเล่นกับมัน อย่าเพิ่งรีบให้มันตายเร็วนัก” ผีนางรำยิ้มโหด
สนธยามองไปรอบ
“แปลว่าเรือนหอผม มีผีอยู่ทุกที่เลยเหรอครับหมอ”
หมอผีพยักหน้า
“ใช่ แต่ถ้าอยากเห็นชัด ระบุพิกัด หมอมีวิธี”
หมอผีหยิบขวดยาขึ้นมาจากย่าม
“นี่...น้ำตาหมาเป็นหมัน ใช้เบิกเนตรให้เห็นวิญญาณ สนมะขวดละ199 แต่ถ้าซื้อตอนนี้แถมฟรีหนึ่งขวด”
ทุกคนส่ายหัว
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวหมอจัดเอง”
ผีทหารญี่ปุ่นแสยะยิ้ม
“ไอ้หมอนี่มันพอมีวิชาอยู่บ้าง ดี จะได้สนุกกันหน่อย”
หมอผีเอาน้ำยาป้ายตา แล้วลืมตาขึ้น เห็นพวกผียืนรวมกันอยู่ ไล่ไปทีละตัว หมอผีสะดุ้ง
“เฮ้ย...ม...มาเป็นแก๊งเลย ทั้งผีขุนศึก ผีนางรำ ผีนางทาส ผีตายทั้งกลม ผีญี่ปุ่น ผีงิ้ว นี่อินกับประชาคมอาเซี่ยนหรือไง ถึงมารวมตัวกันแบบนี้”
“พูดมากนักนะไอ้หมอผี”
ขาดคำผีงิ้วใช้พัดโบก หมอผีกระเด็น กลิ้ง
“หมอ”
พวกสนธยารีบวิ่งไปดู
หมอผีส่ายหน้า
“ม...ไม่เป็นไร เล่นแรงแบบนี้งั้นต้องเจอมนต์ข้า ช่วยกันท่องตาม” หมอผีร่ายคาถา “โอม...ไป...ไป”
พวกสนธยายกมือไหว้ส่งเสียงไล่ตามหมอผี
“ไป...ไป”
หมอผีส่งเสียงดุ
“ไปลงนรก...”
พวกสนธยาพูดตาม
“ไปลงนรก”
“ซะเถอะที่รัก ฉันจะลงโทษเธอ”
พวกสนธยาร้องเป็นเพลงต่อเลย
“เวลาของเธอหมดแล้ว...เว้ย นั่นมันเพลงแล้ว”
ผีขุนศึกมองเอือมๆ
“ปัญญาอ่อน”
ผีขุนศึกถีบเลย หมอผีกระเด็นติดรั้วบ้าน เลือดกระอัก พวกสนธยามองตาม
“หมอ”
เหล่าผีชี้หมอผี หัวเราะเยาะ
“ฮ่าๆ”
หมอผีเจ็บจุก
“ฮึ่ย ไอ้ผีพวกนี้มันไม่ธรรมดาซะแล้ว แบบนี้มันต้องเจอนี่...”
หมอผีเอาข้าวสารออกมา ท่องคาถา แล้วปาใส่ ผีนางทาสกระโดดขวางรับข้าวสารไปเต็มๆ
“อย่า...อ๊าย”
หมอผีแสยะยิ้ม
“ไงล่ะ เจอข้าวสารเสกข้าเข้าไป เจ็บใช่มั้ยล่ะ”
ผีนางทาสชี้หน้าด่า
“เจ็บสิ ไอ้เนรคุณ”
หมอผีตกใจ
“เฮ้ย”
ผีนางทาสโกยข้าว ที่ตกอยู่ไป ด่าไป
“ชาวนา บรรพบุรุษ เมิงปลูกข้าวกว่าจะได้แต่ละเม็ด ต้องเหนื่อยยาก แสนสาหัส แต่เมิงกลับเอาข้าวมาปาเล่นเนี่ยนะ ไอ้พ่อแม่ไม่สั่งสอน...เอาของเมิงคืนไป”
ผีนางทาสรวบรวมข้าวสารแล้วปาคืนทันที เจนนี่ไม่รู้เรื่องหันมาถามหมอผี
“อึ้งทำไมล่ะหมอ เป็นไงมั่ง”
หมอผีไม่ทันตอบ กลับโดนปาข้าวสารคืนติดเต็มๆ หน้า
“นี่ไง โดนมันด่าเรื่องปาข้าวไม่พอ โดนมันปาคืนอีก...เสียหมอมั้ยล่ะ”
สนธยาชะงัก
“แปลว่า ข้าวสารเสก ไม่ได้ผล งั้นทำไงดีล่ะหมอ”
“ถึงขั้นนี้” หมอผีเอามีดหมอออกมาจากย่าม “คงต้องมีใครลงนรกกันไปข้างนึง”
หมอผีร่ายมนต์ใส่มีดหมอ เตรียมจะสู้กับผี สนธยากับเจนนี่แอบอยู่ด้านหลัง
“โอม...”
หมอผีท่องมนต์เป่าพรวด ที่มีด
“มาสิวะ...ไอ้พวกผี อยากตายก็เข้ามา”
เหล่าผีมองมาที่หมอผี ผีงิ้วมองเย้ย
“เล่นอาวุธ เลยเหรอเมิง”
หมอผีหัวเราะ
“ฮ่าๆ ปอดแหกล่ะสิ ถ้ากลัวก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ”
“กูกลัวเมิง จนใจสั่นไปหมดแล้วเนี่ย”
ขาดคำผีตายทั้งกลมล้วงมือเข้าไปในเสื้อ หยิบหัวใจเต้นตุ๊บๆ เลือดโชกออกมา เหล่าผีหัวเราะเย้ย
“ฮ่าๆ”
หมอผีเริ่มกลัว ผีขุนศึกจ้องนิ่ง
“เลิกเล่นได้แล้ว เดี๋ยวข้ากุดหัวมันเอง”
ผีขุนศึกชักดาบยาวออกมา
“เฮ้ย”
ผีขุนศึกค่อยๆ กวัดแกว่งดาบ เดินเข้าหาหมอผี เตรียมเชือดอย่างใจเย็น หมอผีตกใจมองมีดหมอในมือ แล้วมองดาบขุนศึก ยื่นมีดไปขู่มือสั่น หมอผียื่นมีดไป มือสั่น
“ย...อย่า อย่าเข้ามานะเว้ย ถ้าเข้ามากรูจะ...”
ไม่ทันขาดคำ ผีขุนศึกฟันดาบเดียว มีดในมือหมอผีกระเด็น ข้ามหัวไปฟิ้ว พวกสนธยามองตามมีดหมอที่ลอยไปแล้วนึกได้หันไปหาหมอผี
“หมอ”
“เรียกอยู่ได้ ผีขุนศึกมันอยู่ตรงหน้า จะเอาดาบฟันคอเมิงอยู่แล้ว วิ่งเซ่”
หมอผีหันหลังวิ่งนำคนแรก พวกสนธยาแหกปากร้องลั่น
“จ๊าก” ทุกคนวิ่งหนีกระเจิง ตามหมอผีที่นำทีม ปีนรั้วข้ามไป
พวกสนธยาวิ่งมาหยุดหอบในซอยทางเข้าเรือนหอ เจนนี่หอบเหนื่อย
“ไม่ ม...ไม่ไหวแล้ว”
สนิทมองหา
“ล...แล้วหมอผีล่ะ”
หมอผีวิ่งรั้งท้ายตามมาทันที แต่ยังไม่หยุด วิ่งผ่ากลางวง ผ่านทุกคนไปฟิ้วหายไปเลย สนิทหน้าเหวอ
“อ้าวเฮ้ย หมอผีอยู่นั่น แล้วเราจะอยู่ทำไมไปสิคร๊าบ”
พวกสนิทวิ่งตามไป เจนนี่จะไปด้วยแต่สนธยาดึงไว้ชี้ตามหมอผีอย่างหอบๆ
“น...นั่นนะตัวช่วยเธอ จ้างหมอผีห่วยๆ แบบนั้นมา นี่คิดจะมาหลอกเงินฉันอีกรึไง”
เจนนี่โกรธ
“ใช้สมองคิดหน่อยได้ป่ะ ถ้าจะหลอกนาย ฉันจะเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วยทำไมเล่า”
“จะได้เนียนไง หลอกฉันมาครั้งนึงแล้ว จะหลอกอีกที ก็ต้องลงทุนหน่อยใช่มั้ยล่ะ”
“บ้าป่ะเนี่ย อุตส่าห์ช่วยแล้วยังมาด่าอีก ถ้าเก่งนักก็หาคนมาปราบผีเองเลยไป”
เจนนี่โกรธเดินสะบัดออกไป
“เฮ้ยเจนนี่ เดี๋ยวดิ ๆ...แล้วเราจะหาใครมาช่วยปราบผีได้ล่ะเนี่ย”
สนธยาลำบากใจ
อ่านต่อตอนที่ 5