วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 5
เช้าวันใหม่...สนธยามาตรงหน้าประตูรั้ว ยกสร้อยพระที่คอไหว้ ภาวนาพึมพำเสร็จ มองซ้ายขวากลัวๆ แล้วเอื้อมมือไปเปิดรั้ว มือสั่น ทันใดนั้นเสียงสนิทดังขึ้น
“ทำไรน่ะ”
สนธยาหลับตาปี๋ ยกมือไหว้ ทันที
“อ...อย่าทำไรผม ผ...ผมแค่อยากมาซ่อมเรือนหอ”
“ผมก็เหมือนกัน...”
สนธยาลืมตาหันไปเจอสนิท ถือพระพุทธรูปอยู่ ชมพู่ อาสา หรั่ง แขวนพระ ผ้ายันต์ ตระกุด เต็มคอ กลัวหนักกว่า สนธยาสะดุ้ง
“เฮ้ย...โห่ น้าหนิด หัวใจจะวาย”
“เดี๋ยว...ก่อนจะเป็นไร ช่วยไปเอาอุปกรณ์ เครื่องมือหากินของน้าเค้าออกมาก่อนได้มะ” ชมพู่ชี้ไปในบ้าน สนธยาอึ้งๆ
“ในนั้น”
“ทั้งเครื่องเจาะ เครื่องตัด จอบ เสียม ตะปู กรรไกร อยู่ตรงที่ผีโผล่มานั่นแหละ...ฝากด้วยนะ” สนิทตบบ่า
“ตลกแระๆ มาด้วยกัน ก็ไปด้วยกันสิ”
“อย่าเลย สนิทไม่อยากสนิทกับผี”สนิทเสียงอ่อย
“แต่น้าคิดดูดีๆ ถ้าไม่มีเครื่องมือ เราก็ไปรับงานอื่นไม่ได้นะ” หรั่งเตือน
สนิทโกรธ
“กรูไม่ได้เอาไปรับงานอื่น กรูจะเอามาขายกิน ไม่รู้รึไง ปีนี้ทั้งปี ก็มีงานซ่อมเรือนหอผีสิง ที่เดียวนี่แหละ” สนิทนึกได้รีบปิดปาก “...อุ๊บส์”
สนธยามองหน้า
“เดี๋ยวนะ สรุปผีอยู่บ้านผม แต่น้าซวยหนักกว่าอีกเนี่ยนะ”
สนิทสะอื้น
“เรียกว่าชุดใหญ่ คอมโบ้เซ็ทเลยดีกว่า ทั้งงาน เงิน เครื่องมือหากิน ผีท่านเอาไปทุกอย่าง”
สนธยานึกได้ยิ้มออกมา
“งั้นเราคงต้องร่วมมือกันแล้ว เพราะถ้าไล่ผีไปได้ ผมก็จะได้เรือนหอคืน น้าก็จะได้มีงาน วินวินทั้งคู่ ไป...พวกเราลุย”
สนธยาจะเข้าไปสนิทดึงไว้
“จะบ้าป่ะเนี่ย อยากตายเป็นผีไปอยู่กับพวกมันรึไง สู้กับผีก็ให้หมอผีมาสู้สิ”
อาสาขัดขึ้น
“น้าสิบ้า เมื่อคืนก็วิ่งป่าราบไปคนแล้ว จำไม่ได้รึไง”
“เอ็งไม่รู้อะไร นั่นมันหมอผีกระจอก แต่ของข้าคนเนี้ย ของจริง”
สนิทหน้าตามุ่งมั่นมาก
โทนี่เจ็บใจบ่นกับพิมพ์ดาว เรื่องมณฑล
“เชอะ แค่ตำรวจต่างถิ่น ทำมาเบ่ง”
“แต่เราก็เป็นฝ่ายเข้าใจเขาผิดจริงๆนี่คะ”
“ก็มันไม่ได้ใส่ชุดตำรวจ พี่จะรู้ว่ามันเป็นตำรวจได้ไงล่ะ”
“ช่างเถอะค่ะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ให้มันจบไปเถอะ”
โทนี่แค้น
“อย่าให้พี่เจออีกแล้วกัน ไม่งั้น มันโดนแน่”
โทนี่จับข้อมือ ยังเจ็บที่โดนบิด เสียงมณฑลดังขึ้น
“ยังไม่หายเจ็บอีกเหรอ คุณโทนี่”
พิมพ์ดาวหันไป มณฑลเดินเข้ามา
“สวัสดีครับคุณพิมพ์ดาว” มณฑลยิ้มให้
สนิทและพวก พาสนธยามาที่บ้านไม้เก่า บริเวณหน้าบ้านตกแต่งแนวแขกๆ ดูขลังๆ สนธยามองไปรอบๆ หวาดๆ
“ที่นี่น่ากลัวกว่าเรือนหอผมอีก นี่น้าพาผมมาที่ไหนเนี่ย”
สนิททำเสียงลึกลับ
“บ้านหมอซิง ท่านได้รับการสืบทอดวิชาปราบผีมาจากอินเดีย เป็นที่กล่าวขวัญในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คว่า เป็นหมอผีแขก ที่มีวิชาแก่กล้าที่สุด”
หรั่งตกใจ
“ห๊ะ หาหมอผีจากในเน็ต ช่างคอนทราสกันสุดๆ ไว้ใจได้ป่ะเนี่ย ไม่เข้ากันอย่างแรงเลยนะ”
"แล้วคิดว่าหมอผี จะหาได้ตามเซเว่นรึไง เราก็ต้องเซิร์จ กูเกิ้ลหาข้อมูลดิวะ”
เสียงสวดแบบแขกดังขึ้น
“นั่นไง เสียงบริกรรมคาถามาแล้ว ตามเสียงท่านไป”
สนิท เต้นทำคอยึกยักแบบแขก พาสนธยาและพวกตามเสียงไป
โทนี่รีบไปยืนขวาง พิมพ์ดาวจากมณฑล
“มาถึงนี่ อยากมีเรื่องรึไง”
“ถ้าคุณอยากมี ผมก็ไม่ขัด”
โทนี่หน้าเสีย ไม่นึกว่ามณฑลจะเอาจริง
“แต่ความจริงที่ผมมา ผมแค่อยากเอาของมาคืน”
มณฑลยื่นกระเป๋าให้พิมพ์ดาว
“ดาวนี่ขี้ลืมจริงๆ ขอบคุณนะคะ”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณ เป็นอนุญาตให้ผมชิมอาหารที่ร้านสักมื้อได้มั้ยครับ”
โทนี่ไม่พอใจ
“จะมากไปมั้งคุณตำรวจ”
พิมพ์ดาวสวนทันที
“ได้ค่ะ ถือว่าดาวเลี้ยงตอบแทนคุณก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้มาเบ่งกินฟรี คิดซะว่าผมเป็นลูกค้าคนนึงก็พอ”
“งั้นเชิญข้างในดีกว่าค่ะ”
พิมพ์ดาวเดินนำพาไปนั่ง มณฑลเดินผ่านหันมายักคิ้วยิ้มให้โทนี่ กวนๆ โทนี่ไม่พอใจ
สนธยา และพวกสนิทเดินตามเสียงสวด เจอหมอผีแขกกำลัง หลับตานั่งสมาธิ สวดภาวนาบนที่นั่งตะปู ทรมานตัวเองแบบโยคีในอินเดีย สนิทตกใจ
“โอ้โหย ศักดิ์สิทธิ์ๆ นี่เองที่เรียกว่าบำเพ็ญทุกอิริยาบถ ถึงขนาดนั่งบนตะปูแต่ก้นไม่ทะลุ ทำได้ไงเนี่ย”
หมอซิงลุกขึ้นมีแผ่นฟิวเจอร์บอร์ด ตัดพอดีรูปขากับก้นหมอผี วางรองอยู่บนที่นั่งตะปู หมอซิงพูดสำเนียงอินเดีย
“ก็มีเบาะรองนี่ไง อีนี่มีเรื่องเดือดร้อนใช่มั้ย ถึงมาหาฉันถึงนี่ได้จ๊ะนายจ๋า”
หรั่งเคืองทันที
“เซ็งเป็ด...ไหวป่ะเนี่ยน้าหนิด หลอกกันเห็นๆ”
“อีนี่ไม่ได้หลอก เพราะถ้าหลอกคงไม่เฉลยหรอก...เอางี้ ข้องใจใช่มั้ย งั้นเอากระดาษปากกานี่ไป เขียนชื่อใครก็ได้ลงในกระดาษอย่าให้ฉันเห็น”
หมอซิงยื่นปากกากระดาษแผ่นเล็กให้ สนธยารับมา อาสากับชมพู่ยุ
“เอาเลย ลองของเลย ลองของเลย”
สนธยานึกได้ ทำหน้ากวนๆ
“จะชื่อใครก็ได้ใช่มั้ย”
“ใครก็ได้ในโลกนี้ เขียนมาได้เลยจ้ะนายจ๋า”
สนธยายิ้มกวน เขียนๆ หมอซิงยื่นมือไป
“เสร็จแล้วเอาคืนมา ขอใช้ญาณวิเศษสัมผัสหน่อย”
สนธยาส่งกระดาษให้ หมอซิงกำไว้แล้วเอากระดาษคืนให้
“ทีนี้กำไว้แน่นๆ เดี๋ยวอีนี่จะทายละนะ”
สนธยากำกระดาษแน่น หมอซิงยกสองมือประสานกันแตะหน้าผาก
“โอม...เห็นแล้ว มีสองคน ชื่อสนิท กับ เจนนี่ ใช่มั้ย”
สนธยา ตกใจ ทำไมถึงรู้
“เฮ้ย”
สนิทเห็นหน้าสนธยาตกใจ รู้ว่าหมอซิงทายถูก รีบเชียร์
“โอ้โหย สุโค่ย ถูกใช่มั้ย...บอกแล้วหมอเค้าตัวจริง นี่ขนาดให้เขียนชื่อเดียว ดันเขียนไปสอง แต่หมอยังรู้ โอ้วศักดิ์สิทธิ์ๆ”
หรั่งขัดขึ้น
“เดี๋ยวนะ ไอ้เรื่องถูกนี่ไม่เท่าไหร่ แต่เขียนทั้งชื่อน้าหนิด กับน้องเจนนี่ นี่ยังไง แปลว่าชอบสองคนนี้มากใช่มะ”
สนธยาหน้านิ่งสวนขึ้นทันที
สนธยาหน้านิ่งสวนขึ้นทันที
“เกลียด”
“เห็นมั้ยว่าแล้ว” สนิทนึกได้ “อ้าวเฮ้ย ไอ้คุณสน จะหาเรื่องกันรึไง”
สนธยาเชิด
“ไม่สน แล้วหมอรู้ได้ไง ว่าฉันเขียนอะไรไป”
“รู้สิ ก็กระดาษนายอยู่นี่ ส่วนกระดาษที่ให้ไป ฉันเปลี่ยนให้เองจ้ะ นายจ๋า”
ทุกคนด่าพร้อมกัน
“เลว”
“ไม่เลวนะนายจ๋า ถ้าเลวคงไม่บอกให้รู้หรอก แล้วที่บอกนี่นายจะได้ไม่โง่ เดี๋ยวนี้ของปลอมเยอแยะ แต่หมอซิงคนนี้ ของจริงนะนายจ๋า”
“โอ้ว ศักดิ์สิทธิ์ๆ นอกจากจะช่วยแล้ว ยังให้ปัญญาเราอีกของเค้าดีจริงนะนายจ๋า” สนิทชื่นชม
“อีนี่ให้ฉันทายนะ ที่มาเนี่ย เจอผีหลอกมา จะให้ไปช่วยใช่มะ”
“เออว่ะ เริ่มศักดิ์สิทธิ์แล้ว รู้ได้ไงครับหมอ” อาสาถามอย่างสงสัย
“บอกแล้ว อีนี่ฉันของจริง แต่ขอเตือนไว้ ผีพวกนี้ร้ายมาก ถ้าให้ไปปราบ ฉันคิด 5 หมื่น”
สนธยาตะลึง
“5 หมื่น แพงขนาดนี้ปล้นกันดีกว่ามั้ง”
หมอซิงยิ้ม
“อีนี่ฉันเป็นหมอไม่ใช่โจร แล้วตอนนี้ผีที่เรือนหอนายมี 6 ตัว ฉันคิด 5 หมื่น แถมหนึ่งตัว ไม่แพงแล้วจ้ะนายจ๋า”
สนิทกล่อมสนธยา
“คิดดูดีๆ เรือนหอทั้งหลัง แค่เงินห้าหมื่น คุ้มนะ”
“ใช่ คุณสน เอาเหอะ เฮียหนิดจะได้มีเงินจ่ายเงินเดือนเราซะที” ชมพู่ยุ
สนิทหันมาหาหมอซิง
“แล้วถ้าหมอปราบไม่ได้ล่ะ”
หมอซิงหัวเราะร่า
“โฮ่ๆ อยากหัวเราะเป็นภาษาอินเดีย อีนี่ฉันหมอผีตัวจริงจ้ะนายจ๋า รับรองปราบได้ ...ชัวร์”
สนธยาลำบากใจ
มณฑลกินอาหารเสร็จเตรียมกลับ พิมพ์ดาวกับโทนี่มาส่ง
“ขอบคุณมากนะครับ อาหารร้านคุณดาวอร่อยจริงๆ นี่ถ้าประชาสัมพันธ์ดีๆ ลูกค้าต้องติดกันทั้งสมุยแน่ๆ”
“ก่อนหน้านี้ดาวเคยเชิญนักข่าวมาที่ร้านแล้วค่ะ แต่พอดีมีอุบัติเหตุซะก่อน ทุกอย่างเลยยิ่งแย่ลงกว่าเดิมอีก”
“งั้นถ้าคุณดาวไม่รังเกียจ ผมอยากขอเบอร์คุณไว้ เผื่อมีอะไรที่ผมจะช่วยได้...”
มณฑลยื่นโทรศัพท์ให้ โทนี่จะไปขวาง
“เฮ้ยๆ มันจะมากไปแระ...”
พิมพ์ดาวสวนทันที
“ขอบคุณนะคะผู้หมวด แต่ดาวไม่สะดวกจริงๆ ถ้าแฟนดาวรู้คงไม่สบายใจ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
โทนี่ชะงักแล้วยิ้มเยาะ มณฑลยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ แต่ยังไง ผมก็มาเป็นลูกค้าที่ร้านคุณดาวได้อีกใช่มั้ยครับ”
“ได้ค่ะ ยินดีที่สุดเลยค่ะ”
“แล้วไว้เราเจอกันอีกนะครับ”
มณฑลยิ้มให้ เดินจากไป โทนี่ตามมณฑลไป
มณฑลเดินมาที่รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของตัวเอง โทนี่ตามมาขู่ไล่หลัง
“ถ้าไม่จำเป็น ไม่ต้องมาอีกก็ได้นะ เพราะแค่เงินเดือนผู้หมวด คงไม่พอมากินอาหารที่นี่บ่อยๆมั้ง”
มณฑลยิ้ม
“นี่คุณดูไม่ออกจริงๆเหรอ ว่าผมไม่ได้ตั้งใจมากินอาหาร ผมตั้งใจมาจีบคุณดาวต่างหาก”
โทนี่โกรธ
“แต่น้องดาวมีแฟนแล้ว แกไม่ได้ยินรึไง”
“บอกตัวเองด้วยละกันครับคุณโทนี่...แต่ตราบใดที่คุณดาวยังไม่แต่งงาน ผมว่าผมก็มีสิทธิ์...”
มณฑลยิ้มไขกุญแจ ขับรถออกไป โทนี่แค้นๆ
เจนนี่มาหาโฉมฉายกับบำรุง คาดคั้นเรื่องประวัติเรือนหอ บำรุงกับโฉมฉายตกใจ ที่เจนนี่ไปเจอผีมา
“เจอผี”
“ก็เออดิ มันสิงอยู่ในบ้านที่ให้ฉันขาย ขนาดเอาหมอผีไปปราบ ยังวิ่งกระเจิง ดูแล้วไม่ได้มีผีแค่ตัวเดียวด้วยเนี่ย...”
“แล้วที่เอ็งไปสู้กับผีมา เค้าให้เลขเด็ดมามั่งป่ะ” โฉมฉายถาม
เจนนี่เซ็ง
“หยุด อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง นี่น้าไม่ได้บอกความจริงฉันใช่มั้ย ตกลงบ้านหลังนั้นมันยังไงแน่”
บำรุงกับโฉมฉาย ทำหน้าลำบากใจ
“โห่ เอ็งจะแคร์ทำไม ก็แค่บ้านธรรมดา” บำรุงจ๋อยๆ “ที่สร้างบนป่าช้าเก่า”
เจนนี่หน้าตื่นตกใจ
“ห๊ะ ป่าช้าเก่า ที่ผีมาอยู่กันเยอะๆอ่ะนะ”
“เฮ้ย แต่ก่อนสร้างบ้าน ยายข้าบอกว่า ซินแสเคยมาทำพิธีไปแล้ว ถ้าจะเหลือก็ไม่กี่ตัวหรอก” โฉมฉายบอกเลี่ยงๆ
“จะบ้ารึไง ผีนะไม่ใช่จิ้งจก มันไล่กันง่ายๆที่ไหนล่ะ...” เจนนี่คิดหนัก บ่นงึมงำ “แบบนี้มีหวัง ไอ้คุณสนซวยหนักแน่”
“ก็เรื่องของมันดิ มันซื้อบ้านไปแล้ว เอ็งจะห่วงอะไรมันนักหนาวะ” บำรุงพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เจนนี่คิดหนัก ห่วงสนธยา
สนธยา พวกสนิท พาหมอซิง มาที่เรือนหอ เตรียมจับผี มีอุปกรณ์ลังใหญ่ ชมพู่อาสาแบกมา สนธยาชี้ไป
“ที่นี่ล่ะครับ เรือนหอผม”
เจนนี่ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาขวาง รีบลงจากรถมา สนธยายิ้มดีใจ แต่ฟอร์มไม่สน
“นี่ไง ฉันหาหมอผีมาปราบผีได้แล้ว ไม่เห็นต้องง้อเธอซะหน่อย”
“ฉันไม่ได้มาทะเลาะด้วย นายไม่รู้หรอก ว่าตอนนี้นายกำลังเจอกับอะไรอยู่”
หมอซิงเดินก้าวนำเข้าบ้านไป สูดหายใจลึก
“โอ้ว กลิ่นวิญญาณฉุนกว่ากลิ่นข้าวแกงกระหรี่อีกนะนายจ๋า”
“จะไม่ฉุนได้ไง ก็ที่นี่มันเคยเป็นป่าช้ามาก่อน” เจนนี่โพล่งออกมา
ทุกคนยกเว้นหมอซิง ร้องออกมาพร้อมกัน
“ป่าช้า”
เจนนี่พยักหน้า
“ใช่ น้าบำรุง กับน้าโฉมเพิ่งบอกความจริง ฉันถึงรีบมาเตือน เปลี่ยนใจซะ ไปหาบ้านหลังอื่นเหอะ”
สนธยาไม่สน
“ไม่ ผมลงทุนกับบ้านหลังนี้ไปแล้ว เอาไปขายต่อ ก็ต้องโดนผีหลอกเหมือนผมอยู่ดี...จัดการเลยครับหมอ”
“โอเคจ้ะนายจ๋า แต่ก่อนอื่น ต้องเรียกมาคุยกันก่อน”
หมอซิงเปิดลังเอาปี่แขกออกมา สนิทสงสัย
“นี่หมอจะเป่าเรียกงูเหรอครับ”
“เรียกมาทำโรตีอะไร งูฉันมีอยู่แล้ว อีนี่จะเป่าเรียกผีต่างหาก”
หมอซิง เป่าปี่ เสียงปี่แขกโหนแหลม วังเวง ก้องกังวานไปทั่ว ทันใด เกิดฟ้าคะนอง ฟ้าผ่า เปรี้ยง สนธยา เจนนี่ สนิท และพวกหลับตาปี๋ มองซ้ายมองขวา เกาะกันกลัว
อ่านต่อหน้า 2
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ค่ำนั้น นักดนตรีที่โทนี่จ้างมา เป่าแซกโซโฟนอย่างไพเราะ แต่ในร้านยังเงียบ มีลูกค้านั่งอยู่โต๊ะเดียว กร่อยๆ โทนี่กับพิมพ์ดาว นั่งที่โต๊ะ มองไปรอบๆร้าน พิมพ์ดาวกังวล
“เสียเงินจ้างนักดนตรี ทั้งที่ลูกค้าน้อยแบบเนี้ย จะคุ้มกันเหรอคะพี่โทนี่”
“เราต้องสร้างความแตกต่าง ให้เป็นจุดขายสิน้องดาว มีดนตรีแจ๊สชิลๆให้ฟัง อีกหน่อยแขกต้องแน่นร้านแน่”
โทนี่ยกมือเรียก เด็กเสิร์ฟเอาเครื่องดื่มค็อกเทลสวยๆมาวางให้ โทนี่กับพิมพ์ดาว
“อะไรคะ”
“ดื่มฉลองให้กับความสำเร็จ”
“แต่ตอนนี้ดาวเห็นมีแต่รายจ่าย ยังไม่เห็นความสำเร็จเลยนะคะ”
“มองโลกในแง่ดีหน่อยสิครับ...เพื่ออนาคตของร้าน”
โทนี่ยกแก้ว ขึ้นขอชน พิมพ์ดาวยกแก้วจะชนด้วยอย่างเสียไม่ได้ มณฑลเข้ามาขัดพอดี
“สวัสดีครับคุณดาว”
พิมพ์ดาววางแก้วทันทียิ้มให้
“ผู้หมวด”
โทนี่ไม่พอใจ
“เมื่อกลางวันก็เพิ่งมาไม่ใช่รึไง มาทำอะไรอีกเนี่ย”
“ก็ติดใจไงครับ ผมถึงมาอีก” มณฑลยิ้มหวานให้พิมพ์ดาว “แต่มื้อนี้ ผมยังพาเพื่อนตำรวจกับเพื่อนสนิทที่อยู่ที่นี่ มาเป็นลูกค้าคุณดาวด้วยนะ”
โทนี่หันไปมอง เพื่อนมณฑลยืนเป็นกลุ่มใหญ่มากอยู่ด้านหลัง
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เพื่อนผมนิสัยดีทุกคน รับรอง พวกเขาจะช่วยแนะนำลูกค้าใหม่ๆ มาให้คุณดาวเพิ่มอีกแน่”
พิมพ์ดาวดีใจ
“ขอบคุณจริงๆค่ะหมวด งั้นเดี๋ยวเชิญผู้หมวดกับเพื่อนทางนี้เลยนะคะ เดี๋ยวดาวจัดที่นั่งให้”
“นั่งแถวๆนี้ก็ได้มั้ง เผื่อคุณตำรวจจะไม่เคยฟังดนตรีดีๆ”
โทนี่มองไปทางนักดนตรีที่เป่าแซก เชิงอวดๆ มณฑลขัดขึ้น
“เอ่อ คุณดาวครับ รบกวนขอที่ติดทะเลดีกว่า มาร้านอาหารริมทะเลทั้งที ผมก็อยากฟังเสียงทะเลมากกว่า ไม่ได้อยากฟังเสียงดนตรี”
พิมพ์ดาวพยักหน้า นำไป โทนี่มองหน้าไม่พอใจ มณฑลยิ้มกวนๆ แล้วเดินไป โทนี่แค้นมาก
หมอซิงเป่าปี่ไม่เลิก หน้าแดง เหนื่อย พวกสนธยา เจนนี่ สนิท นั่งเซ็งเริ่มตบยุง
“โอย หมอผีจริงป่ะเนี่ย เป่าตั้งนาน ผีไม่เห็นมาสักตัว” เจนนี่อุดหู
สนิทนึกได้
“หรือว่า ผีมันกลัวปี่ หนีไปแล้ว โอ้ว ศักดิ์สิทธิ์ๆ”
หมอซิงส่ายหน้า
“เปล่า อีนี่ผีออกมาตั้งนานแล้ว แต่มันเพลินกับเสียงปี่ของฉันอยู่ จริงมั้ยผีจ๋า”
หมอซิงเงยหน้า เหล่าผีอยู่บนหลังคา ยืนจ้องมาทางพวกหมอผี
“มนต์ของมัน เรียกเรามาได้ ท่าทางมันจะร้ายไม่ใช่เล่น” ผีทหารญี่ปุ่นพูดขึ้น
“งั้นจะเราจะทำไงกับมัน” ผีตายทั้งกลมถาม
“ไปถามมันดีกว่า จะเอาไงกับเรา...ไป” ผีนางทาสชวน
เหล่าผีหายตัวมาปรากฏตัวอยู่หน้าหมอซิง
“เรียกเราออกมาทำไม ไอ้หมอแขก” ผีขุนศึกชี้หน้าหมอซิง
“อีนี่ฉันต้องถามพวกนายมากกว่า มาสิงอยู่บ้านเขาทำไม ทำไมไม่ไปซะที”
ทั้งหมดพากันกลัว สนธยามองซ้ายขวา
“น...นี่มันมาแล้วเหรอหมอ อยู่ไหนอ่ะ”
“อย่าเพิ่งปอดแหก ให้ฉันคุยให้จบก่อน” หมอซิงหันไปพูดกับพวกผี “อีนี่ว่าไง ทำไมไม่ไป ตอบ”
“พวกข้าต่างหากที่อยู่ที่นี่มาก่อน มันต่างหากที่ต้องไป” ผีขุนศึกเถียง
“ได้ อีนี่ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง งั้นก็อย่าหาว่าแขกใจร้าย... ลงตะกร้าไปเลยจ้ะนายจ๋า”
หมอซิง เปิดหีบหยิบตะกร้าออกมา แล้วเริ่มเป่าปี่ พวกผีค่อยๆ ขยับตัวจะเดินลงตะกร้า แต่พยายามฝืนไว้ อย่างยากลำบาก เหล่าผีร้องลั่น
“เฮ้ย นี่เราควบคุมตัวเองไม่ได้ หยุดสิวะ ไม่นะ ไม่”
มณฑลและเพื่อนกินข้าวเสร็จกำลังจะกลับ ลาพิมพ์ดาว โทนี่อยู่ด้วย เพื่อนมณฑลยิ้มให้พิมพ์ดาว
“ขอบคุณนะคร๊าบคุณดาว อาหารอร่อยมาก วันหลังจะมากินบ่อยๆ มณฑลจะได้เลี้ยงบ่อยๆนะคร๊าบ”
“ทะลึ่งแระๆ รีบไปเลยไป แล้วอย่าลืมหาลูกค้ามาให้คุณดาวด้วย” มณฑลกำชับเพื่อน
พิมพ์ดาวยิ้มแย้ม
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณทุกคนมากนะคะ”
พวกเพื่อนมณฑลเดินนำไป พิมพ์ดาวเดินไปส่งมณฑล โทนี่เดินตามมาไกลๆ
“เพื่อนๆ หมวดนี่น่ารักดีนะคะ”
มณฑลเขิน
“ขอบคุณครับ”
พิมพ์ดาวยิ้มขำๆ
“อะไรคะ ดาวไม่ได้ชมหมวดซะหน่อย”
“เพื่อนกันก็ต้องเหมือนกัน ถึงจะคบกันได้นี่ครับ”
โทนี่แกล้งกระแอม
“แฮ่มๆ…”
“ดาวส่งแค่นี้นะคะ ขอบคุณจริงๆนะคะหมวด”
มณฑลเอานามบัตรให้
“ถ้าผมพอจะช่วยอะไร อย่าลืมบอกนะครับ ผมยินดี”
โทนี่รีบหยิบนามบัตรมาก่อนพิมพ์ดาว
“ขอบคุณนะครับ แต่ผมว่าหมวดช่วยรีบกลับบ้านให้ปลอดภัยดีกว่า ราตรีสวัสดิ์ครับ”
มณฑลยิ้มให้พิมพ์ดาวแล้วเดินจากไป
หมอผีซิงเป่าปี่ พวกผีขยับ จะเดินลงตะกร้า แต่พยายามฝืน อย่างจริงจัง โกรธเกรี้ยว
“อย่า...อย่าไปฟังมัน ขืนถูกมันจับไป พวกเราไม่ได้ไปเกิดแน่ หยุดสิวะ” ผีขุนศึกอุดหู
ผีนางรำเดินไปแข็งเป็นหุ่นพยายามฝืน
“ที่เราควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะเสี่ยงปี่ หยุดมันเดี๋ยวนี้”
“ให้เป็นหน้าที่อั๊วเอง”
ผีงิ้ว ยื่นพัดประจำตัวไปอุดรูปี่ทันที
“อุ๊บ”
หมอซิงเป่าปี่ไม่ออก พวกผีหยุดเดินหอบ หมอซิงพยายามเป่าสุดๆ แต่เป่าไม่ออก หน้าตาทรมานมาก ผีตายทั้งกลมโกรธจัด
“เห็นพวกฉันเป็นเพื่อนเล่นรึไง ปล่อยไว้ไม่ได้”
“งั้นก็ตัดมันซะ”
ผีขุนศึกเอาดาบฟันทันที ปี่หมอซิง ขาดเป็นสองท่อน พวกสนธยาเห็นปี่ขาดก็พากันตกใจ
“เฮ้ย...ปี่ขาด”
เจนนี่กลัว
“ล...แล้วเราจะโดนฟันเหมือนปี่มั้ยเนี่ยนายสน ฉันว่าแผ่นเหอะ”
“อีนี่ อย่าเพิ่งกลัวไป ฉันยังไหวอยู่...กล้ามาฟันปี่ฉัน แบบนี้ ต้องเจอถั่วอาคมนะนายจ๋า”
หมอซิงเอาตะกร้าใส่ถั่วอาคมขึ้นมามีสารพัดถั่วแบบที่แขกขาย หมอซิงหยิบถั่วใส่มือ ใส่ต้นหอม ผักโรย ครบสูตร แล้วเคี้ยว ท่องมนต์พึมพำแล้วพ่นออกไปใส่ พวกผีกรี๊ด เหมือนโดนไฟเผา
“อ๊าย...ร้อนด้วย เหม็นด้วย ทำไมทรมานแบบนี้”
หมอซิงแสยะยิ้ม
“อีนี่เห็นฤทธิ์ฉันหรือยัง ทีนี้จะยอมไปจากที่นี่มั้ย”
เหล่าผีร้องพร้อมเพียง
“ไม่...เราไม่ไป”
“อีนี่ไม่ไปใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวฉันห่ออย่างดี แล้วส่ง EMS ไปนรกให้เอง”
หมอซิงหยิบผ้าส่าหรีพับใหญ่สีแดง เป็นม้วน ออกมาจากหีบ แล้วหลับตาท่องมนต์ ทำมือวาดๆเขียนๆมนต์ลงบนผ้า หมอซิง ท่องมนต์เสร็จลืมตาขึ้น หน้ามั่นใจมาก พร้อมจัดการพวกผีเต็มที่
โทนี่ ดูนามบัตร มณฑล คุยโทรศัพท์สั่งลูกน้อง
“สั่งคนของเราสืบประวัติ ไอ้ผู้หมวดมณฑล บุญรักษา ดูซิว่าพวกมันที่นี่เป็นใคร แล้วมันพักที่ไหน แล้วรีบรายงานฉันด่วน”
โทนี่กดวางสาย
“จะเล่นกับฉัน คิดผิดแล้ว ไอ้ผู้หมวด”
โทนี่ยิ้มร้าย
หมอซิงถือพับผ้าส่าหรีสีแดง เตือนพวกผี
“อีนี่หมอใจดี จะให้โอกาสพวกแกอีกครั้ง จะไปจากที่นี่หรือจะโดนห่อเป็นโรตี แล้วส่งไปนรก ไม่ได้ไปผุดไปได้เกิดจ้ะนายจ๋า”
“กูไม่ป๊าย”
ผีนางทาสแหกปาก กรีดร้องดังลั่น น้ำตาไหลเป็นเลือด พวกสนธยาพากันอุดหู
“โอ๊ย”
สนธยาอุดหูเจ็บปวด
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ยหมอ โอ๊ย”
“อีนี่พวกผีมันกำลังขัดขืน ต้องรีบจัดการ...นายสน นายสนิทช่วยจับผ้าสาหรี่แล้ววิ่งไป อีนี่ฉันจะห่อวิญญาณพวกมันเอง”
“จะให้วิ่งไปปากซอยหรือไง ผีมันอยู่ไหน ยังไม่เห็นเลยเนี่ย” สนิทแย้ง
“อยู่หน้าเมิงนี่แหละ อย่ามีปัญหา ชูสูงๆ แล้ววิ่งไป อีนี่ที่เหลือฉันจัดการเอง เอานะ นึง ส่อง...”
สนธยากับสนิท จับมุมผ้าส่าหรี่สองข้าง ชูขึ้นแล้ววิ่งไป ปล่อยผ้าส่าหรี่ยาวออกจากพับ ตรงไปที่พวกผี พวกผีเห็นก็ตกใจ ผีขุนศึกส่งเสียงดุหยิบดาบออกมา
“กูไม่ใช่โรตีนะไอ้หมอผี...”
ผีญี่ปุ่นชักดาบซามูไร
“ไฮ้”
ผีนางรำชี้ไป
“มันมาแล้ว ระวัง”
สนธยากับสนิทวิ่งชูผ้าส่าหรีตรงมาทางพวกผี ผีขุนศึกกับผีญี่ปุ่นมายืนหน้าเหล่าผี ชูดาบพุ่งตรง วิ่งสวนตัดกับผ้าส่าหรีที่พุ่งมา
“ย๊าก”
สนธยากับสนิท ที่กางผ้าส่าหรีวิ่งมาเจอ ผีญี่ปุ่นกับผีขุนศึกวิ่งถือดาบสวนไป ผ้าส่าหรีขาดกลาง เป็นทางยาว เจนนี่ เห็นผ้าส่าหรี่ขาด รีบตะโกนร้องเตือน
“นายสน น้าหนิด ระวัง”
สนธยากับสนิท ดูผ้าในมือ ขาดเป็นทางก็ตกใจพากันร้องลั่น
“เฮ้ย”
สนธยาหน้าตื่น
“ม...มันขาดได้ไงเนี่ย”
หมอซิงกลัว เอามือป้องหน้า ตัวสั่น
“ด...ได้สินายจ๋า ก็มันเอาอีดาบ วิ่งผ่ามาจ่อหน้าฉันอยู่เนี่ย”
ผีขุนศึก กับ ผีญี่ปุ่น ถือดาบชี้หน้าหมอซิง
“ห๊ะ อยู่ตรงนี้ มันจะฆ่าเราเนี่ยนะ” เจนนี่รีบถอย
สนธยารีบวิ่งมาบังเจนนี่ไว้ เอาพระที่คอชูขึ้น
“ย...อย่านะ ออกไป…หมอซิง รีบจัดการสิ”
เจนนี่แอบมองสนธยาประทับใจ หมอซิงกลัวๆค่อยๆ ปัดดาบที่ชี้หน้าออกไป
“อีนีใจเย็นนะนายจ๋า มีอะไรค่อยๆคุยกันได้”
พวกผีเดินมาสมทบผีขุนศึกกับผีญี่ปุ่น ยืนเป็นกลุ่มใหญ่ต่อหน้าหมอซิง
“ไม่คุย...ถ้ามึงไม่ไป กูจะฆ่ามึง” ผีนางทาสตะคอกขู่
เหล่าผีร้องขึ้นพร้อมเพียง
“ฆ่าๆ”
หมอซิง ส่ายหัวสะอื้น เข่าทรุด เหล่าพวกผียืนเป็นวง ล้อมหมอซิงไว้
มณฑลขับรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาจอด แล้วลงจากรถเข้าโรงแรมไป...มุมหนึ่งนักเลง 3 คนออกมาจากมุมมืด มามองๆที่รถมณฑล นักเลงคนหนึ่งหยิบโทรศัพท์มาโทรหาโทนี่
“รถมอเตอร์ไซค์...ไม่ผิดตัวแน่แล้วครับนาย”
โทนี่คุยโทรศัพท์ยิ้ม
“แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
“ขึ้นโรงแรมไปแล้วครับ”
“ถ้ามันไม่อยู่ งั้นก็จัดการรถมันซะ...แล้วที่สำคัญห้ามทิ้งหลักฐานให้ตามถึงฉันได้เด็ดขาด”
โทนี่วางสาย ยิ้มเยาะ
“เชอะ ...ไอ้หมวดกระจอก”
พวกสนธยา กับหมอผีซิง คุกเข่า ยกมือไหว้ เหล่าผีที่ยืนล้อมอยู่ ใกล้ตัวหมอซิงมีหีบอุปกรณ์ปราบผีวางอยู่
“อีนี่อย่าทำไรพวกฉันเลยนะนายจ๋า อยากอยู่ที่นี่ อยู่ไปฉันยกให้แต่ปล่อยฉันไปเถอะนะนายจ๋า”
“จะบ้ารึไงหมอ นี่เรือนหอผมนะ” สนธยาโวยวาย
หรั่งกลัวตัวสั่น
“เอาชีวิตรอดก่อนเถอะคร๊าบ เค้าอยากได้อะไรก็ให้เค้าไปเถ๊อะ”
“ใช่ๆ ตอนนี้น้าว่า พวกคุณผีคงยืนรอยำใหญ่เราอยู่แล้ว” สนิทโชว์แขน “นี่ไงขนลุกทั้งตัว...ถึงไม่เห็นแต่ก็รู้สึกด้าย”
อาสากับชมพู่ไหว้รอบทิศอย่างสั่นๆ
“ปล่อยเราไปเถอะครับ อย่าฆ่าเราเลย ไปเราไปเถ๊อะ”
เจนนี่เห็นด้วยกับหรั่ง
“นั่นสิ นายสนถอยก่อนเถอะ รักษาชีวิตไว้ก่อนเถอะนะ”
เหล่าผีที่ยืนล้อมพวกสนธยาอยู่ยิ้มเยาะ หมอซิงอ้อนวอน
“ใจเย็นนะนายจ๋า อย่าเพิ่งฆ่าเราเลย อีนี่ฉันสัญญาว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเด็ดขาด”
สนธยารีบขัด
“เฮ้ย เดี๋ยวสิหมอ ทำไร ปรึกษาผมก่อนสิ”
“อีนี่ชั่วโมงนี้ ต้องเชื่อฉัน เดี๋ยวขอหยิบกระดาษ ปากกามาเขียนสัญญาให้พวกคุณผีก่อน”
หมอซิงล้วงมือลงไปในหีบอุปกรณ์ ผีขุนศึกชี้หน้าข่มขู่
“ถ้ามึงโกหกล่ะก็ กูจะกุดหัวพวกมึงให้หมด”
หมอซิงล้วงมืออยู่ในหีบ
“กลัวแล้วล่ะนายจ๋า แต่เสียใจด้วยนะ สัญญาที่บอกน่ะของปลอม แต่อันนี้ ของจริง”
หมอซิงจับงูจากหีบมาโยนลงไปกลางวง เหล่าผี ถอยหลังผงะ พวกสนตกใจผวา
“งู”
หมอซิงหัวเราะ
“ฮ่าๆ อีนี่ไม่ใช่งูธรรมดา แต่เป็นอสรพิษปลุกเสก ถ้าผีตัวไหนโดนกัด ได้ตายแล้วตายอีก ไม่ได้ไปเกิดแน่จ้ะนายจ๋า ฮ่าๆ”
งู ตั้งท่าจะฉก พวกผีถอยไปรวมกัน ตั้งรับ
นักเลงคนหนึ่งกำลังตัดสายเบรก มอเตอร์ไซค์มณฑล นักเลงอีกคนคอยดูต้นทาง ยามเข้ามาเห็นพอดี ชี้ไป
“ทำไรน่ะ”
นักเลงอีกคนโผล่มาจากอีกทาง ทุบจากด้านหลัง ยามสลบไป นักเลงทั้งสองช่วยกันลากยามไป
นักเลงยิ้ม ตัดสายเบรกต่อ มณฑลมาที่ลานจอดรถ ล้วงตามกระเป๋า มองที่พื้น เหมือนหาอะไรบางอย่าง
“อุตส่าห์หยิบนามบัตรมา เบอร์ร้านคุณดาว อยู่ไหนเนี่ย”
มณฑลมองหา จนหันไปเห็นนักเลงยุ่งกับรถตัวเองอยู่
“เฮ้ย”
นักเลงรู้ตัวลุกขึ้น มณฑลชิงลงมือ รีบวิ่งมากระโดดถีบนักเลงล้มลง นักเลงอีกสองคนเข้ามาล็อคจากด้านหลัง มณฑลศอก ทั้งสองหน้าหงาย แล้วต่อยอีกคนลงไปกอง นักเลงคนหนึ่งหยิบมีดขึ้นมาจะแทง มณฑลหลบได้ เตะมีดกระเด็น แล้วกระโดดเตะปาก นักเลงทั้งสามเห็นว่าสู้ไม่ไหวลุกขึ้นรีบวิ่งหนี มณฑลจะวิ่งตาม ได้ยินเสียงร้องให้ช่วย
“ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย”
มณฑลรีบไปประคองยามที่ถูกทำร้ายขึ้นมา แล้วหันไปเหลือบมองที่มอเตอร์ไซค์ตัวเองเห็นสายไฟ สายเบรกหลุดลุ่ยรู้ว่าสายเบรกถูกตัด มณฑลครุ่นคิดสงสัย
พวกสนธยาพากันกลัวงู ยืนรวมตัวกันหลังหมอซิง เจนนี่กลัวตัวสั่น
“น...นั่นมันงูนะหมอ ขืนโดนกัด เราก็ตายเหมือนกันนะ”
“อีนี่แค่เจ็บ แต่ไม่ตาย งูพวกนี้ ฉันปลุกเสกไว้กัดผีโดยเฉพาะไม่ต้องกลัวนะจ้ะนายจ๋า”
พวกผียืนรวมตัวกันกลัวๆ ผีนางทาสโกรธมาก
“แกนี่ร้ายกว่างูอีกนะไอ้หมอ ฉันอุตส่าห์จะปล่อยแกไป แต่แกกลับจะมาแว้งกัดพวกฉัน ไอ้ทรยศ”
“อีนี่ช่วยไม่ได้ ฉันแค่ทำงานของฉัน ถ้างานไม่สำเร็จ ก็ไม่ได้เงินสิจ้ะนายจ๋า”
ผีตายทั้งกลมเจ็บแค้นมาก
“งั้นคราวนี้ ก็ไม่ต้องปราณีมันแล้ว ฆ่ามัน”
พวกผีจะเข้าหา งูทำท่าจะฉก พวกผีถอย พวกสนธยาคอยเชียร์
“กัดเลยๆ”
ผีนางรำโมโห
“ไอ้งูเปรต นี่ก็จะกัดอยู่ได้ ทำอะไรกันสักอย่างสิ”
พวกผีลังเล ไม่มีใครกล้า หมอซิงหัวเราะ
“ฮ่าๆ อีนี่ป๊อดกันล่ะสิ ใครจะกล้าสู้กับงูฉันล่ะ ขืนโดนกัดไม่ได้ไปเกิดเลยนะจ้ะนายจ๋า”
“เดี๋ยวอั๊วลุยเอง”
ผีงิ้วก้าวมาข้างหน้า เหล่าผีหันไปมอง
“คนจีน กินดีงูเป็นยา ไอ้งูแค่นี้ ปล่อยเป็นหน้าที่อั๊ว”
หมอซิงหัวเราะ
“ฮ่าๆ อีนี่ฉันเตือนแล้วไม่ฟังใช่มั้ย งั้นอย่าให้พวกมันรอดไปได้ ส่งมันลงนรกไปเลย ลูกพ่อ ลุยเลย...กัดมัน กัดมัน”
หมอผีชี้นิ่วสั่ง งูพุ่งเข้าใส่ ผีงิ้ว ใช้ความไว เบี่ยงตัวหลบ แล้วจับตัวงู เหวี่ยงย้อนศรกลับไปทางหมอซิง งูลอยละล่องขึ้นกลางอากาศ พวกสนธยาหันหน้ามองตามงู ตกใจกับสิ่งที่เห็น
“เฮ้ย”
หมอซิงถูก งูกัดคอ ดิ้นสู้ ใช้มือจับตัวงูอยู่
“จ๊าก...อีนี่ช่วยฉันด้วย”
สนิทหน้าตื่น
“ช่วยไงล่ะ งูกัดเข้าคอแบบนี้ ช่วยตัวเองแล้วกัน จ๊าก”
“ทุกคนรีบพาหมอซิง ไปหาหมอ ด่วน” สนธยาออกคำสั่ง
สนิท วิ่งนำ สนธยา เจนนี่วิ่งตาม ชมพู่ อาสา หรั่ง ลากหมอซิง ที่จับงูอยู่ออกจากบ้านไป พวกผีงิ้วยิ้มเยาะ
“นี่แหละที่เขาว่า หมองูตายเพราะงู ฮ่าๆ” ผีงิ้วหัวเราะสะใจ
“อย่าเพิ่งประมาทไป ดูท่าทาง ไอ้หนุ่มนั่น มันต้องมาทวงเรือนหอมันอีกแน่” ผีทหารญี่ปุ่นเตือน
ผีนางทาสเหยียดยิ้มเยือกเย็น
“ปล่อยให้มันรอดไปหลายครั้ง ถ้ามันยังไม่หลาบจำ เราก็ต้องทำให้มันสำนึก”
“งั้นคราวหน้า ถ้ามันยังกล้ามาอีกล่ะก็...”
ผีขุนศึกค่อยๆ เอามือบิดคอตัวเอง แล้วบิดต่อไปช้าๆ หลอนๆ จนคอหมุนกลับมาได้ครบรอบ
“ฮ่าๆ”
เหล่าผีหัวเราะคลั่ง
อ่านต่อตอนที่ 6
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 6
เช้าวันใหม่...หลวงพ่อนั่งอ่านหนังสือธรรมะอยู่ สนธยาเข้ามากราบหลวงพ่อ ท่าทางหนักใจ
“เป็นไงหน้าเครียดๆ...เรื่องบ้าน มีปัญหารึไง”
“ครับหลวงพ่อ...หลวงพ่อครับ ผมมีเรื่องอยากจะถาม…ผีมีจริงมั้ยครับ”
หลวงพ่อสวนทันที
“มี”
สนธยาสะดุ้ง
“หมายถึงในหนัง ในทีวี มีเยอะแยะที่ว่าผี คือคนตายที่แล้วแต่ในทางธรรม เมื่อคนเราตาย ก็จะไปเกิดในภพภูมิใหม่ทันที จะไปเป็นสัตว์ เปรต อสูรกาย มนุษย์ เทวดา ก็แล้วแต่บุญที่ทำไว้”
“แล้วถ้าผีที่ยังไม่ไปเกิด แต่มาหลอกเรา เราทำไงดีครับหลวงพ่อ”
“ก็หนีสิวะ เจอคนหลอกเองยังไม่อยากอยู่ด้วย เจอผีจะอยู่ทำไม...”
“แล้วถ้าหนีไม่ได้จริงๆล่ะครับ”
“ก็ตั้งสติ อยู่กับปัจจุบัน คิดดี ทำดีเข้าไว้ แต่เอ็งไม่ต้องกลัวส่วนใหญ่ คนกับผีก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่เกี่ยวกันหรอก”
“ไม่เกี่ยวกันแน่นะครับหลวงพ่อ”
“คนกับผีอยู่คนละภพภูมิ ไม่เกี่ยวกัน ยกเว้น เขาหรือเอ็งตั้งใจจะเกี่ยวกันเท่านั้นแหละ”
สนธยาทำหน้าลำบากใจ กลืนน้ำลายเอื๊อก
หน้ารั้ว เรือนหอ พวกสนิทตกใจกับสิ่งที่สนธยาตัดสินใจ
“อยู่กับผี”
“นี่นายจะบ้ารึไง นั่นผีนะ ผ..อี...ผี ไม่กลัวมันหักคอเอารึไง” เจนนี่โวยวาย
“ใจเย็นๆ หลวงพ่อบอกว่าที่จริง ผีกับคน ต้องต่างคนต่างอยู่ ไม่เกี่ยวกัน เพราะฉะนั้น ถึงพวกเขาจะอยู่ที่นี่ เราก็ต้องอยู่ได้”
“มันจะไม่เกี่ยวได้ไง สมมติเราอยู่นี่ แก้ผ้าอาบน้ำอยู่ จู่ๆ ผีมาขโมยกางเกงใน...” ชมพู่ทำท่าผีหลอก
“แหว่ แบบนี้เกี่ยวมั้ย”
สนธยาส่ายหน้า
“ไม่เกี่ยว พี่ชมพู่ คิดมากไปเปล่า ผีจะมาขโมยกางเกงในไปเพื่อ...”
“โอเค เรื่องกางเกงในอาจไม่เกี่ยว แล้วถ้าเราเข้าส้วมอยู่ ส้วมซึมด้วยนะ แล้วจู่ๆ ผีโผล่มา...แหว่ จะทำไงล่ะคร๊าบ” หรั่งถาม
สนธยาส่ายหน้าอีก
“เพ้อเจ้อแระ นั่นผีนะ จะมาดมกลิ่นนาย เพื่อ…”
“งั้นสมมติ เราอู้งาน กินข้าว เมาเหล้า ร้องเกะ แล้วอยู่ดีๆผีมา ...แหว่” อาสาถามบ้าง
สนธยายกมือห้าม
“พอๆ ในเมื่อทุกคนรับปากแล้ว ก็ต้องช่วยซ่อมเรือนหอให้เสร็จ น้าหนิดเองก็ไม่มีงานไม่ใช่หรือไง ถ้าซ่อมไม่เสร็จ ผมไม่จ่ายค่าแรงนะเอ้า”
สนิทมองหน้า
“ชิชะ เอาเรื่องเงินมาขู่ คิดว่ากลัวรึไง...ไปพวกเรา ผ้ายันต์ ตะกรุด ของขลัง มีเท่าไหร่ ขนออกมา ไปซ่อมบ้าน”
เจนนี่ดึงไว้
“เฮ้ยน้าหนิด แต่ในบ้านมีผีนะ”
สนิทจ๋อย
“รู้ เรื่องผีน้าก็กลัว แต่ที่กลัวยิ่งกว่า น้ากลัวอดตาย”
ชมพู่ อาสา หรั่ง พูดพร้อมกัน
“เหมือนกันเลยคร๊าบ”
สนิทมีฮึด
“ไปพวกเรา ไปหน้าด้านสู้ผี พวกเรา บุก”
สนิท ชมพู่ อาสา หรั่ง เปิดรั้ว หยิบกล่องเครื่องมือ วิ่งเข้าเรือนหอ ตรงไปที่แคมป์ เอา พระพุทธรูป ผ้ายันต์มา ออกจากกล่องเครื่องมือ เอาใบหนาด มาแปะๆเอาสายสิญจน์วนๆ ล้อมแคมป์คนงานไว้
หน้ารั้วเรือนหอ...สนธยาหันมาคุยกันเจนนี่
“คุณเองก็เหมือนกัน ขายบ้านให้ผม ก็ต้องช่วยอยู่ดูแลจนกว่าจะซ่อมเสร็จ ไม่งั้น ผีตามไปหลอกนะเอ้า...” เขาทำท่าหลอก “แหว่”
สนธยาเข้าบ้านไป เจนนี่เซ็ง บ่นๆ มุบมิบๆ
พิมพ์ดาวตกใจ ที่มณฑลมาเล่าเรื่องที่ถูกตัดสายเบรกรถให้ฟัง
“ตัดสายเบรก นี่มันพยายามฆ่าเลยนะคะ”
“ครับ นี่ถ้าไม่รู้ตัวก่อน ผมคงไม่ได้มาคุยกับคุณดาวตรงนี้แน่”
“แล้วหมวดรู้มั้ยคะว่าเป็นฝีมือใคร”
“ถ้าที่กรุงเทพ อาจเป็นพวกผู้ต้องหาที่ผมตามอยู่ แต่นี่สมุยบ้านเกิดผม ผมไม่รู้จริงๆ ว่าฝีมือใคร”
โทนี่เข้ามา เห็นมณฑล ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พิมพ์ดาวหันไปบอก
“พี่โทนี่คะ หมวดมณฑลถูกลอบทำร้าย”
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับหมวด พรรคพวกที่นี่ผมเยอะ น่าจะช่วยหาศัตรูของหมวดได้นะ”
“ขอบคุณ แต่ผมจัดการเองได้”
“ได้ยินแล้วนะน้องดาว หมวดเขาเก่ง จัดการเองได้ พี่ขอตัวก่อน...แล้วเจอกันอีกนะครับหมวด”
โทนี่ยิ้มให้มณฑลเดินจากไป มณฑลมองตามสงสัย
“ขอตัวสักครู่นะครับ คุณดาว”
มณฑลลุกไป
มณฑลมาคุยโทรศัพท์กับเพื่อนตำรวจ
“เฮ้ย...ฉันมีเรื่องรบกวน นายช่วยสืบประวัติ นายโทนี่ หุ้นส่วนร้านคุณดาวให้หน่อยสิ เอาอย่างละเอียดเลยนะ...โอเค ขอบใจ”
มณฑล คิดหนัก
สนิท อยู่ในแคมป์คนงาน ที่มีสายสิญจน์ของขลังล้อมรอบ มอง ซ้าย ขวาอย่างกลัวๆ เอาขันมาพรมน้ำมนต์ให้ลูกน้องและ สนธยากับเจนนี่
“นี่น้ำมนต์หลวงพ่อวัดปากซอย เพิ่งขอมาสดๆ มาๆ พรมกันไปให้ทั่ว จะได้แคล้วคลาดๆ”
“จะไหวเหรอน้า เดี๋ยวน้ำมนต์ก็แห้งแระ แล้วเวลาไปทำงานในบ้านผีมันจะกลัวรึไง” ชมพู่แย้ง
“ไม่ต้องกลัว กรูรอบคอบเสมอ”
สนิทเอา ฟ็อกกี้ใส่น้ำมนต์ แจกให้คนละอัน
“อ่ะรุ่นพกพา น้ำมนต์แห้งเมื่อไหร่ เมิงฉีดกันให้ชุ่มเลยนะ”
ชมพู่ อาสา หรั่งรับฟ๊อกกี้น้ำมนต์มาฉีดตามตัวหน้าตา ขณะเดียวกันนั้นหน้าแคมป์ ปรากฏเป็นกลุ่มควันสีดำ ผีงิ้วโผล่ออกมา
“ไอ้พวกหน้าด้าน มันยังกล้ามาลองดี...จะเอาไงวะ”
ผีงิ้วหยิบก้อนหินที่พื้นปา เข้ามาในแคมป์ โครม ทุกคนสะดุ้ง
“เฮ้ย”
เจนนี่กลัวมาก
“ฉ...ฉันว่าน้ำมนต์เอาไม่อยู่แล้วมั้งน้าหนิด”
“ม...ไม่มีอะไร ล...ลมพัดๆ ป...ไปทำงานเถอะ”
สนธยา รีบออกจากแคมป์ พวกสนิทและเจนนี่รีบตาม วิ่งเข้าตัวบ้าน ผ่านเงาดำไป ผีนางรำสั่งการ
“ไป ตามพวกมันไป ไล่มันไปให้ได้”
กลุ่มเงาลอยตามพวกสนธยาไป
สนธยากับเจนนี่และพวกสนิท ช่วยกันซ่อมบ้าน สนิท กลัว ไร้สติ ทาสีนาฬิกาแขวนผนัง ไม่รู้ตัว มองไปรอบๆตัวซ้าย ขวา
“ป...แปลกเนอะ บ...บ้านยังไม่ติดแอร์แต่มันเย้น เย็น”
สนิท มีเงาดำห่อหุ้มเกาะที่หลังอยู่...หรั่ง เอารองเท้าแตะตอกตะปูอยู่อย่างไร้สติ กลัวมาก
“ย...เย็นรึเปล่าไม่รู้ รู้แต่ตรงนี้ม...เหม้น เหม็น แค่กๆ”
เงาดำก่อตัวเป็นร่างคน เอานิ้วอุดจมูกหรั่งอยู่...สนธยา เอาเกรียงขูดสีผนัง
“เอาน่ะ ไม่ต้องสนใจ รีบๆทำต่อเถอะ”
เงาดำ ที่ลอยใกล้ตัวสนธยา ปรากฏเฉพาะหน้าผีขุนศึกแว่บหนึ่งอย่างโกรธมาก
“ออกไปซะ”
สนธยาสะดุ้ง
“เฮ้ย”
เจนนี่ชะงักหันมาถาม
“เป็นไรรึเปล่านายสน”
สนธยาหวาดๆ
“ไม่เป็นไร แค่หูแว่ว ท...ทำงานต่อเถอะ”
สนธยาทำงานต่อ ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเงาผีลอยมารวมกัน ผีนางทาสโกรธ
“พวกมันดูถูกเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน”
“งั้นก็ต้องทำให้มัน รู้สึก”
ผีทหารญี่ปุ่นหยิบค้อนขึ้นมา พวกสนิทเห็นค้อนลอยจากพื้น
“ค...ค้อน”
เจนนี่ตกในตะโกนลั่น
“นายสนระวัง”
สนธยาไม่รู้ตัว หันไปตามเสียงเรียก
“อะไร...”
ค้อนลอยตรงมาที่หน้า สนธยาเบี่ยงหลบ ค้อนตีเข้าผนัง เฉียดหัวเขาไปนิดเดียว สนธยาเหวอสุดขีด
มณฑลดูโทรศัพท์ มีประวัติและรูปโทนี่ ที่เพื่อนตำรวจ ส่งมาให้ขึ้นอยู่
“ค้าของเถื่อน เลี้ยงมือปืน เปิดบ่อนแต่ใช้ธุรกิจพ่อบังหน้าเลยไม่มีหลักฐาน...เส้นใหญ่ แต่เลวไม่ใช่เล่นเลยนะโทนี่” มณฑลคิดหนัก
พิมพ์ดาวยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้มณฑล
“ยุ่งอยู่รึเปล่าคะ ดาวจะได้ไม่กวน”
มณฑลรีบเก็บโทรศัพท์
“ไม่ครับ ผมมีเรื่องจะถามคุณดาวอยู่พอดี คุณดาวรู้จักคุณโทนี่นานรึยังครับ”
“ไม่กี่เดือนค่ะ...พ่อแม่เราทำธุรกิจร่วมกัน แม่เลยให้เขามาช่วยดาวเรื่องร้าน หมวดมีอะไรรึเปล่าคะ”
“ผมแค่สงสัยอะไรบางอย่าง แต่ผมว่าคุณดาวคงช่วยผมได้”
โทนี่เข้ามาพอดี
“ยังไม่กลับอีกเหรอหมวด”
“จะกลับเดี๋ยวนี้ล่ะครับ ผมกับคุณดาวจะไปข้างนอกพอดี”
โทนี่ชะงัก
“ข้างนอก...ไปไหน แล้วใครจะดูร้าน”
“เอ้า คุณอยู่ คุณก็ดูไปสิครับ คุณดาวกับผมมีธุระ ไปกันรึยังครับคุณดาว”
มณฑลมองหน้าพิมพ์ดาวยิ้มให้อย่างรู้กัน
“ค...ค่ะ ฝากร้านด้วยนะคะพี่โทนี่”
พิมพ์ดาวออกไปกับมณฑล โทนี่มองตามแค้นๆ รีบหยิบโทรศัพท์มาโทร
“คุณดาวกำลังออกจากร้าน พวกแกรีบตามไป แล้วโทรรายงานฉันด้วย”
โทนี่แค้นจัด
สนธยาตกใจ รีบหนีออกมา จากกำแพง กลัวค้อนตีหัวซ้ำ พวกสนิทมารวมตัว หลบหลังสนธยา
“อยู่ไม่ได้แล้วนายสน เล่นถึงตายเลยนะ รีบไปเถอะ” เจนนี่บอกอย่างหวาดๆ
พวกสนิทเห็นด้วย
“ช...ใช่ เรายังไม่อยากตาย”
สนธยาหน้าตามุ่งมั่น
“ไม่...ถ้าจะหนี ฉันก็ต้องหนีไปตลอด...นี่มันเรือนหอฉัน ฉันต้องทำให้ครอบครัวฉันมีความสุข ยังไงฉันก็จะอยู่ที่นี่”
เงาผีลอยรวมกันอยู่
“ไอ้นี่มันใจเด็ดไม่ใช่เล่น” ผีขุนศึกชม
ผีนางรำยิ้มเยาะ
“ดี งั้นกูจะควักหัวใจมันมาดู เดี๋ยวนี้แหละ
เงาผีนางรำ แยกตัว พุ่งจากกลุ่มไปหาสนธยา เขายิบสร้อยพระออกมาไล่ผีพอดี
“ไปซะ ไอ้พวกผี ออกไปจากที่นี่”
เงาผีนางรำพุ่งไปเจอพระที่ห้อยคอเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า กระจายจางไป ผีนางรำร้องลั่น
“อ๊าย...ร้อนเหลือเกิน ช่วยด้วย”
ผีนางทาสโกรธมาก
“พวกเราฆ่ามัน”
กลุ่มเงาผีหยิบอุปกรณ์ช่าง ของมีคม เลื่อย จอบ เสียม ขวาน ขึ้นมา เงาผีถือสว่านไฟฟ้ายาว กดหมุนโชว์เสียง วี๊ดๆ ชวนสยอง ทั้งหมดเห็น อุปกรณ์ต่างๆ ลอยได้ ตกใจ โวยวาย
“ซวยแล้ว ลอยเห็นๆ ชุดใหญ่ ตายแน่ๆ” สนิทบอกอย่างตื่นกลัว
กลุ่มเงาผีถืออุปกรณ์ลอยเข้าใกล้จะเล่นงานสนธยา เงาผีขุนศึก แยกตัวมา ก่อตัวเป็นเงาคนร่างใหญ่ หยิบดาบเงาสีดำออกมา
“เดี๋ยว ให้ข้ากุดหัวมันเอ็ง มันจะได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรี”
ผีขุนศึกตวัดดาบทันที ฟึ่บ สร้อยพระของสนขาดต่อหน้า พระที่ห้อยคอล่วงลงพื้นทันที เจนนี่ตกใจสุดขีด
“สน”
ในบ้านหมอผีอีกา มีอีกา 2 - 3 ตัว จิกกินซากสัตว์อยู่ห้องร้องดังลั่น หมอผีอีกาในชุดดำ นั่งสมาธิทำพิธี มีเทียนสีดำล้อมลอบ ตรงหน้ามีกองหัวกะโหลก โครงกระดูกวางอยู่ ในห้องเต็มไปด้วยของขลัง ทางไสยดำ หมอผีอีกา สูดหายใจลึก ลืมตา
“อ้า...ข้ารู้ แรงอาฆาตของไอ้พวกผีเร่ร่อน คราวนี้มันช่างแรงกว่าทุกครั้ง พวกเจ้าก็สัมผัสได้ใช่มั้ยล่ะ”
เหล่าอีการ้องรับ หมอผีอีกาพยักหน้า
“ดี งั้นพวกเจ้าจงตามมันไป...นำข้าไป เพื่อเอาดวงวิญญาณพวกมันมาเพิ่มพลังให้แก่ข้า...ข้าจะได้ไม่ต้องคอยเสพ เศษซากวิญญาณพวกนี้อีก” เขาหยิบกะโหลกขึ้นมาดู “ไปสิ...ไปเดี๋ยวนี้...ไป”
หมอผีอีกา ปาหัวกะโหลกใส่อีกา เหล่าอีกาบินออกไป หมอผีอีกา ถือไม้เท้าประจำตัวสีดำ รูปหัวอีกา ลุกขึ้นมา หัวเราะคลั่ง
“ฮ่าๆ”
สนธยาเซถอยหลัง เจนนี่กับพวกสนิทรีบประคอง
“นายสน เจ็บตรงไหนรึเปล่า อย่าตายนะ” เจนนี่ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่...ไม่เป็นไรเจนนี่ แค่สร้อยขาด”
“ตอนแรก แค่สร้อยขาด แต่ตอนนี้หัวขาดแน่ๆ ดูสิครับ มันมาแล้ว” หรั่งชี้ไป
อุปกรณ์ช่างของมีคมลอยอยู่ในอากาศ ค่อยเคลื่อนๆ ตรงเข้ามาหาทั้งหมด ชมพู่หน้าตื่น
“นี...นี่ไง น...น้าหนิด วันก่อน อยากได้เครื่องมือช่างคืนไม่ใช่รึไงรีบไปเอาสิ”
“จ...จริงด้วย เค้าเอามาให้แล้ว ฉีดน้ำมนต์ด้วยนะ เค้าจะได้ทำอะไรไม่ได้ไง...ฟิ๊ดๆๆ”
อาสาเอาฟ๊อกกี้น้ำมนต์ฉีดหน้าสนิท
“อื้อหือ เมิงจะฉีดทำมะเขืออะไร ตอนนี้ให้กินทั้งตุ่ม กรูว่าเอาไม่อยู่แล้ว หนีก่อนเถอะคร๊าบ”
สนิทนำทีมวิ่งหนี เจนนี่ลากสนธยาวิ่งตามไป
พวกสนิท นำทีม วิ่งออกมาจากในบ้าน เงาดำ พุ่งมาปิดรั้ว ดักทาง ปัง !!! ทั้งหมดตกใจ ผงะ
“เฮ้ย”
“อยากอยู่กันนักใช่มั้ย งั้นเมิงต้องตายกันอยู่ที่นี่” ผีทั้งกลมคำราม
ทั้งหมดหันหลังไป กลุ่มเงาผีแต่ละตัว ถืออุปกรณ์ ของมีคม เข้ามาประจันหน้า ผีขุนศึกยิ้มเย้ย
“เสียใจด้วยไอ้หนุ่ม ที่เมิงจักไม่ได้อยู่กับคนรัก และไม่ได้กลับไปหาครอบครัวเหมือนกู...ตายซะ”
กลุ่มเงาผี ยกอาวุธลอยขึ้น จะฆ่า ทันใดนั้นเสียงอีการ้องดังพร้อมกับบินโฉบมาที่พื้นขวางหน้ากลุ่มเงาผี จู่ๆ เสียงร่ายคาถาเข้มขลัง ดังกังวานไปทั่ว กลุ่มเงาพวกผี ร้องเจ็บปวดทุรนทุราย ปล่อยอาวุธในมือ ทันที
“โอ๊ย...กูเจ็บ กูปวด...ทำไมทรมานแบบนี้ โอ๊ย”
มณฑลขับรถโดยมีพิมพ์ดาวนั่งอยู่ข้างๆ มณฑลมองกระจกหลัง เห็นชายชุดดำขับมอเตอร์ไซค์ตามมาก็แอบยิ้ม พิมพ์ดาวหันมาถาม
“มีอะไรรึเปล่าคะ แล้วนี่เราจะไปไหนกันคะเนี่ย”
“ไปตกปลาใหญ่”
พิมพ์ดาวงง
“ตกปลา...จะไปทะเลตอนนี้เนี่ยนะคะ”
“เปล่าครับ เราจะเข้าโรงแรม”
พิมพ์ดาวตกใจ
“โรงแรม”
มณฑลเลี้ยวรถ เข้าโรงแรมที่ตัวเองพักอยู่ทันที มอเตอร์ไซค์ที่ตามมา รีบชะลอ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรรายงานโทนี่
อ่านต่อหน้า 4
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 6 (ต่อ)
โทนนี่รับโทศัพท์อย่างตกใจ
“อะไรนะ มันพาน้องดาวเข้าโรงแรม...ก็รีบตามไปสิวะ...” โทนี่วางสาย “ระยำเอ๊ย”
โทนี่แค้นจัด
เงาผี ที่เกาะกลุ่มอยู่ เริ่มบิดเบี้ยว ตะเกียกตะกาย กรีดร้อง เจ็บปวดจากโดนมนต์
“โอ๊ย หยุด พอแล้ว อย่าทำกับกูแบบนี้”
สนิทเห็นอาวุธจากเหล่าผี ตกอยู่ที่พื้นก็ดีใจ
“เฮ้ยนั่น พ....พวกผีมันวางอาวุธแล้ว”
“มันจะไปหยิบอันที่ใหญ่กว่ามารึเปล่า” หรั่งออกความเห็น
สนิทมองหน้า
“เอามาเฉาะหัวเมิงรึไง มันวางอาวุธแปลว่ายอมแพ้ ไม่ฆ่าเราแล้วสิวะ”
“งั้นเรารีบออกจากที่ก่อนเถอะ นายสน” เจนนี่จะไป
สนธยารีบขัด
“เดี๋ยวสิ ได้ยินเสียง ใครสวดอะไรมั้ย”
เสียงสวดคาถาเริ่มดังเข้ามา ทั้งหมดพยายามมองหา สนธยาชี้ไป
“นั่นไง อยู่นั่น”
หมอผีอีกา อยู่บนหลังคาเรือนหอ ชี้ไม้เท้ารูปหัวอีกาลงมา นั่งสมาธิสวดภาวนาอยู่ ทั้งหมดเห็นหมอผีอีกาก็ตกใจ สนิทชี้ไป
“เฮ้ย แล้วนั่นช่างซ่อมหลังคารึไง ขึ้นไปอยู่บนนั้นทำไมวะ”
ชมพู่ส่ายหน้าเอือม
“จะบ้าเหรอน้า เห็นก็รู้แล้วว่าหมอผี เขามาช่วยจับผีต่างหากเล่า”
กลุ่มเงาผีลอยขึ้นไปบนหลังคา ประจันหน้าหมอผีอีกา ผีขุนศึกตวาดลั่น
“มึงเป็นใคร มายุ่งทำไม กูไปทำอะไรให้มึง”
หมอผีอีกาลืมตาขึ้น ยิ้ม
“ใครๆก็เรียกกูว่าหมอผีอีกา ที่กูมาเพราะวิญญาณผีน่าสมเพช ขาดคนอุทิศส่วนกุศลให้อย่างพวกมึง ช่างเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท เหมาะที่กูจะเสพไว้เพิ่มพลังไงล่ะ ฮ่าๆ”
ผีทั้งกลมด่าสวน
“มึงสิน่าสมเพช เอาเปรียบผี กูอยู่ของกูดีๆ จะมารังแกพวกกู ไอ้หมอผีชั่ว”
หมอผีอีกาฉุนกึก
“ปากดีนัก ดูซิ ถ้ามึงเจอไอ้นี่ แล้วยังจะปากดีอีกมั้ย”
หมอผีอีกา หยิบหม้อออกจากย่าม มาวางตรงหน้า เตรียมทำพิธี เหล่าผีตกใจ
“หม้ออาคม”
มณฑลจอดรถ พิมพ์ดาวกลัว รีบเปิดประตู จะลงรถทันที มณฑลรีบดึงไว้
“เดี๋ยวสิคุณดาว”
“ปล่อยนะ...ปล่อย” พิมพ์ดาวตะโกน “ช่วยด้วย”
มณฑลขยับเข้าใกล้ รีบปิดปาก พิมพ์ดาวดิ้น
“ใจเย็นสิครับ ผมไม่มีวันทำร้ายคุณ คุณดาวเชื่อผมสิครับ”
มณฑลจ้องตา พิมพ์ดาวเริ่มสงบลง
“ที่ผมพาคุณมาที่นี่เพราะอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง ไว้ใจผมเถอะนะ”
มณฑลค่อยๆปล่อยมือ ที่ปิดปากพิมพ์ดาวไว้
“จะให้ไว้ใจได้ไง อยู่ดีๆก็พาฉันเข้าโรงแรมเนี่ยนะ”
มณฑลยิ้ม
“ขนาดคุณยังเชื่อขนาดนี้ ผมว่าป่านนี้โทนี่ต้องคลั่งตายแน่ๆ”
พิมพ์ดาวแปลกใจ
“พี่โทนี่ มันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย”
“จำได้มั้ยครับ ที่ผมเคยบอกว่าอยู่ที่นี่ไม่มีศัตรู แล้วก็ไม่รู้ว่าใครส่งคนมาทำร้ายผม...”
พิมพ์ดาวนึกได้
“อย่าบอกนะ ว่าหมวดคิดว่า พี่โทนี่...”
“ครับ เมื่อกี้ตอนออกจากร้าน ก็มีคนสะกดรอยตามเรามาตลอด แล้วผมก็แน่ใจ ว่าโทนี่คงไม่พอใจ ที่ผมได้อยู่ใกล้คุณ” มณฑลสบตา ยิ้ม
“คุณเลยใช้ดาวเป็นเครื่องมือเนี่ยนะ”
“ขอโทษจริงๆครับ แต่ผมกลัวว่า ถ้าโทนี่อันตรายอย่างที่ผมคิด...วันนึง เค้าอาจทำร้ายคุณก็ได้”
“แต่คุณก็ไม่มีหลักฐานซะหน่อย”
“นี่ไงครับ ผมเลยจำเป็นต้องให้คุณดาวช่วยพิสูจน์ แต่ผมสัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกินเลยเด็ดขาด”
“คุณจะให้ดาวช่วยยังไง”
“เราจะแกล้งเป็นแฟนกัน”
พิมพ์ดาวอึ้ง
กลุ่มเงาผีลอยสูงเมื่อเห็นหม้ออาคมก็พากันกลัว รีบลอยต่ำลงมา ผีนางรำหวาดกลัวสุดๆ
“มัน...มันจะจับเราลงหม้ออาคม ไม่นะ”
สนิทดีใจชี้ไปบนหลังคา
“ซวยแล้วไอ้พวกผี หมอเอาหม้อออกมาแบบนี้ พวกแกเสร็จแน่”
“ไม่นะ ข้าจะไม่กลับลงไปในนั้นเด็ดขาด” ผีนางทาสสะอื้น “ข้าต้องไปหาคุณหลวง...คุณหลวง”
เงาผีนางทาสพุ่งแยกตัวไป จะออกจากบ้าน หมอผีอีกา หยิบแผงขนกาดำขึ้นมา ท่องคาถา แล้วซัดออกไป ขนกาปลิวมาปักที่พื้นตรงรั้ว 4 มุมของบ้าน กลายเป็นเขตควันสีดำ ปกคลุมไปทั่วอาณาเขตบ้าน เงาผีนางทาสพุ่งมาชนเขตรั้วที่มีควันสีดำจะฝ่าไป แต่กระเด็นกลับ กรีดร้อง
“โอ๊ย เจ็บ กูเจ็บ ทรมานเหลือเกิน”
เงาผีปรากฏใบหน้าผีนางทาส ขึ้นมาแว่บนึง กระอักเลือดกับพื้น แค้นสุดขีด
“แค่กๆ มึง”
หมอผีอีกาหัวเราะสะใจ สนธยามองที่พื้นตกใจ เห็นกองเลือดไหลเป็นทาง
“เลือด”
อาสาชี้ไป ดีใจ
“จริงด้วย ไอ้พวกผี มันโดนมนต์หมอเข้าแล้ว ยี้ฮ่า”
“เอาเลยหมอจับมันลงหม้อเลย เอาอีกๆ” ชมพู่เชียร์
สนธยาปราม
“จะบ้ารึไง นั่นเลือดนะ แสดงว่าต้องมีคนเจ็บสิ”
สนิทขัดขึ้น
“คนที่ไหนนั่นมันผีต่างหาก...ผีเจ็บ ผีก็เจ็บเป็นด้วยเว้ย ผีเจ็บฮ่าๆ”
พวกสนิทพากันหัวเราะชอบใจ เจนนี่หันมาหาสนธยา
“เป็นไรป่ะเนี่ย พวกผีจะโดนจัดการ จะไม่มีผีที่เรือนหอนาย นายไม่ดีใจรึไง”
สนธยาจ้องมองที่กองเลือด สับสน คำพูดของหลวงพ่อแว่บเข้ามา
“คนกับผีอยู่คนละภพภูมิ ไม่เกี่ยวกัน ยกเว้น เขาหรือเอ็งตั้งใจ จะเกี่ยวกันเท่านั้นแหละ”
สนธยาไม่สบายใจหนัก
“แต่เขากำลังเจ็บ”
กลุ่มเงาผีหน้าเหล่าผีทั้ง 6 สลับกันปรากฏในเงาดำ ร้องขอความช่วยเหลือ แต่หน้าผีทั้งหมดบิดเบี้ยว ชวนสยอง จนจำไม่ได้
“ช่วยด้วย ปล่อยเราไป ช่วยเราด้วย”
สนธยากุมขมับปวดหู ได้ยินเสียงเหล่าผี ที่คร่ำครวญอยู่ทันที
“โอ๊ย”
เจนนี่ตกใจ
“นายสน เป็นไร นายสน”
สนธยามีกลุ่มควันดำล้อมรอบ ใบหน้าเหล่าผีแต่ละตัว บิดเบี้ยวจนจำไม่ได้ สลับกันออกมา ร้องไห้ เจ็บปวด น่าเวทนา ผีตายทั้งกลมร้องไห้
“ปล่อย...ปล่อยฉันไป ฉันจะอยู่กับลูก ลูกจ๋า ลูก”
สนธยาหน้าตื่น
“ใครน่ะ เสียงใคร โอ๊ย”
ผีทหารญี่ปุ่นครวญคราง
“ผมอยากกลับบ้าน...หยุดสงครามซะที บ้าน บ้าน...บ้าน”
ผีนางรำเคียดแค้น
“ใครฆ่ากู กูยังไม่อยากตาย มึงใช่มั้ย มึงๆ มึง”
ผีนางทาสร้องไห้สะอื้น
“คุณหลวงเจ้าขา คุณหลวงอยู่ไหน ทำไมปล่อยให้มันทำกับบ่าวอย่างนี้”
ผีงิ้วสะอึกสะอื้น
“อั๊วต้องออกไปแสดงเป็นครั้งสุดท้าย ทำไม ทำไมต้อง ฆ่าอั๊ว”
ผีขุนศึกโวยวาย
“กูอยากกลับไปหาลูกเมีย ปล่อยกูไป เอาเมีย เอาลูกกูคืนมา...ปล่อยกู”
หมอผีอีกา หลับตา นั่งบริกรรมคาถา หรั่งตะโกนเชียร์
“เอาเลยหมอ จับมันลงหม้อ ไม่ต้องผุดไม่ต้องเกิดเลยหมอ เอาเลย”
เหล่าผีร้องครวญคราง
“ช่วยด้วย อย่าทำเราเลย ช่วยด้วย”
สนธยาปวดหัว ทนไม่ไหว สะบัดมือจากเจนนี่ รีบวิ่งไปเอาบันได พาดกับตัวบ้าน แล้วปีนขึ้นไป เจนนี่ตกใจ
“นายสน จะบ้ารึไง ลงมา”
สนธยาตะเกียกตะกายปีนขึ้นไปบนหลังคา ใกล้กับที่ หมอผีอีกา นั่งบริกรรมคาถาอยู่ สนิทเห็นสนธยา ปีนขึ้นไปหาหมอผีอีกา ตกใจ
“นี่มึงจะไปช่วยเขาจับผีหรือไง ไอ้คุณสน ลงม๊า...”
พวกผีร้องเจ็บปวด
“ช่วยด้วย เจ็บเหลือเกิน ปล่อยเราไปเถอะ ขอร้อง”
สนธยาขยับเข้าใกล้ หมอผีอีกาลืมตาขึ้น หันมา
“จะทำอะไรวะ”
สนธยากระโดดคว้าหม้ออาคมมา แล้วเอาฟาดหน้าหมอผีอีกาทันที เปรี้ยง เจนนี่ สนิท ชมพู่ อาสา หรั่ง เห็นหมอผีอีกาโดนทำร้ายก็ตกใจ สนิทหน้าตื่น
“เฮ้ย...หม้อฟาดหมอ ไม่นะ”
หมอผีอีกาหน้าหงายเลือดกบปาก สลบหลับไปบนหลังคา สนธยาลุกขึ้นหอบเหนื่อยถือหม้อจะเดินลง แต่กลับก้าวพลาด สะดุดหลังคา เสียหลัก
“เฮ้ยๆ...เฮ้ย”
หม้ออาคมลอยขึ้นกลางอากาศ ปลิวหาย...สนธยาล่วงจากหลังคาลงมาที่พื้นด้านล่างหน้าเรือนหอ เจนนี่ตกใจ
“นายสน”
เจนนี่ สนิทและพวกวิ่งเข้าไปดู ช่วยกันเขย่าตัวสนธยาเรียกสติ
“สนอย่าตายนะ อย่าตายนะ” เจนนี่เรียกอย่างเป็นห่วง
สนธยาในอ้อมกอดเจนนี่ พยายามลืมตามมอง แต่ลืมไม่ขึ้นสายตาเขาเห็นภาพเลือนลาง นอกจากภาพของพวกเจนนี่ สนิทที่อยู่ตรงหน้า ยังมีเงาดำของกลุ่มคนมายืนมุงเพิ่มขึ้นอีก เจนนี่เขย่าตัวเรียก
“สนฟื้นสิ ฟื้นสิ”
ผีขุนศึกหันมาบอกเหล่าผี
“ช่วยมัน มันช่วยเรา เราต้องช่วยมัน”
เหล่าผีเห็นด้วย
“ช่วยมันๆ”
เจนนี่ตะโกนสุดเสียง
“ฟื้น”
สายตาสนธยาดับวูบ
สนธยาหลับอย่างมีความสุข มุมหนึ่งของวัด เสียงเด็กหญิงดังขึ้น
“ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย ตื่นสิพี่ ตื่น ตื่น”
เด็กหญิงเอามือมาบีบจมูก
“พี่สนต้องช่วยหนูนะ ตื่นเดี๋ยวนี้ ตื่น”
สนธยาหายใจไม่ออก ค่อยๆลืมตา ตาโต สะดุ้งรีบลุก
“เฮ้ย อะไรเนี่ย”
เด็กผู้หญิงตัวเล็กนั่งอยู่ใกล้ๆ สนธยาทำหน้าเศร้า
“ตื่นแล้ว ก็ช่วยหนูซะทีสิ”
“ช่วยอะไรล่ะ จะฆ่าฉันอยู่แล้วเนี่ย แล้วนี่หนูเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”
“พ่อแม่ทิ้งหนู เขาไม่มารับหนู”
“นี่เราเคยเจอกันมาก่อนใช่มั้ย ทำไมหน้าคุ้นจัง”
เด็กหญิงยิ้ม
“คุ้นใช่มั้ยล่ะ แล้วแบบนี้นึกออกรึยัง”
เด็กหญิงยิ้มอยู่ ค่อยๆหันคอ จนคอหมุนได้จนรอบ หัวเราะเยาะ
“ฮิๆ”
สนธยาตกใจแทบช็อก
“ฮ...เฮ้ยย...ผ...ผ..ผี”
สนธยานอนที่ศาลา สะดุ้งตื่นกระเด้งตัวขึ้น จากฝัน
“ผี...ผีหลอก ผีหลอก”
พวกเจนนี่กับสนิทและหลวงพ่อนั่งอยู่ใกล้ๆ รีบเข้าไปดู
“ไอ้สนๆ เอ็งแค่ฝันไป ไม่มีอะไร ตั้งสติไว้” หลวงพ่อแนะ
สนิทโกรธ
“มีสิหลวงพ่อ พวกผมโดนผีหลอก จนหมอผีจะปราบผีได้อยู่แล้ว แต่ไอ้คุณสนเนี่ย ดันไปทำลายพิธี...” สนิทจะเอาเรื่องสนธยา “ห่าน เอ๊ย ตื๊บซ้ำซะดีมั้ยเนี่ย”
สนิทโกรธจะเตะ ชมพู่ อาสา หรั่ง รีบดึงไว้ เจนนี่หันไปดุ
“พอเหอะน้า แค่นี้เขาก็จะตายแล้ว...” เจนนี่หันไปหาสนธยา “เป็นไง ไหวป่ะเนี่ย ไปโรงพยาบาลมั้ย”
อาสาขัดขึ้น
“แหม...ไปแล้วมีเงินจ่ายรึไง พามาวัดน่ะชัวร์กว่า เกิดเป็นไรปุ๊บ ก็ส่งเมรุปั๊บ แค่จุดไฟปุ๊บ…”
สนธยาแทรกขึ้น
“พอๆ เรือนหอยังไม่เสร็จ คิดว่าฉันจะยอมตายง่ายๆรึไง”
หรั่งถอนใจ
“อั้ยยะ โดนผีหลอกขนาดนี้ ยังจะหน้าด้านไปอีกเนี่ยนะ”
“เฮ้ยนี่เมิงเห็นใจคุณสนบ้างสิวะ เขาอยากมีเมีย มีลูก มีเรือนหอก็ปล่อยเขาไป...” ชมพู่ผลักสนธยา “ไปดิ ไปเลย ไปอยู่กับผีนั่นแหละ จะได้จบๆ”
“ไปแน่ แต่เงินค่าจ้าง กับเครื่องมือที่อยู่ในบ้าน ไม่เอาใช่มั้ย”
ทุกคนเสียงอ่อย
“เอา”
หลวงพ่อส่ายหัว
“เฮ้อ กรรมแท้ๆ ยิ่งยึดก็ยิ่งติด ยิ่งถือก็ยิ่งหนัก ปล่อยวางกันบ้างเถอะโยม”
สนธยาไหว้
“ขอโทษครับหลวงพ่อ บ้านหลังนั้นคือทั้งชีวิตของผม ผมจำเป็นต้องกลับไปจริงๆ”
“ถ้าเอ็งยืนยัน ข้าก็คงห้ามไม่ได้ ว่าแต่ตอนนี้เอ็งหายเป็นปกติแล้วแน่นะ”
“แค่เจ็บนิดหน่อย แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอกครับหลวงพ่อ”
หน้าศาลา ผีเด็กหญิงในความฝันของสนธยาวิ่ง หัวเราะ ผ่านประตูไป
“ฮิๆฮะๆ”
สนธยาหันไปเห็นก็ตกใจ
“เฮ้ยนั่น...เด็กคนนั้น”
ทุกคนหันไปมอง แต่ไม่เห็น เจนนี่สงสัย
“ใครที่ไหน ไม่มีซะหน่อย ฉันว่านายยังไม่หายหรอก พักก่อนเถอะ”
“ไม่ ฉันจะกลับไปซ่อมเรือนหอให้เสร็จ ผมลานะครับหลวงพ่อ”
สนธยารีบออกไป เจนนี่รีบเรียก
“เดี๋ยวสินายสน ๆ”
สนิทยกมือไหว้
“หลวงพ่อ สนใจจะไปเจิมเรือนหอ ไอ้คุณสนหน่อยมั้ยครับ”
“ยังไม่ว่าง ต้องไปตอบปัญหาธรรมผ่านเฟซบุ๊ค เชิญโยมก่อนละกันนะ”
หลวงพ่อเดินออกไป พวกสนิทเซ็งๆ ที่มุมหน้าต่าง ผีเด็กหญิงยืนมองอยู่ ยิ้มเย็น
สนธยามาที่เรือนหอ เอาฟ๊อกกี้น้ำมนต์ฉีดไปทั่ว ชูสร้อยพระแขวนคอองค์เดิมเข้ามาอย่างกลัวๆ
“ผมมาดีนะคุณผี ถ้าอยากได้บุญก็จะทำไปให้ แต่ช่วยออกมาคุยกันดีๆ...คุยแล้วก็รีบๆไปเถอะนะ”
สนนธยา เดินไปตามห้องต่างๆ เปิดประตู ตามหาผี เขาเปิดประตูห้องนอน
“ไม่มี”
สนธยาเปิดประตูห้องครัว
“ไม่มี”
สนธยาเปิดประตูห้องน้ำ
“นี่ก็ไม่มี”
สนธยาปิด แล้วเปิดประตูใหม่
“อ้ะๆ เปิดอีกที ก็ไม่มี”
สนธยากลับมายืนที่หน้าเรือนหอ มองไปรอบๆ
“ข้างในไม่มี ข้างนอกก็ไม่มี” สนธยาดีใจ “หรือว่าจะไปเกิดแล้ว” เขายกมือไหว้ “ขอให้พวกผีทั้งหลาย ไปแล้วไปลับ อย่ากลับมาเลยเถอะ เจ้าประคู๊ณ”
ด้านหลังสนธยา มีเท้าหลายข้างหนึ่งยื่นมาถีบก้น สนธยากระเด็นหน้าคะมำ
“ใครวะ”
สนธยาหันกลับไป เห็นเหล่าผียืนเรียงกันตัวเป็นๆ ครบทีม สนธยาช็อค
“ผ...ผี”
เหล่าผียิ้มสยอง
อ่านต่อตอนที่ 7