xs
xsm
sm
md
lg

ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 8

ศิวะลากอรอุมาเข้ามา อรอุมาดิ้นพราดๆ รติรสเดินตามเข้ามา
“ปล่อยฉัน ! ฉันจะไปตบนังดาว”
“อร หยุดแล้วคุยกันให้รู้เรื่องได้ไหม” ศิวะว่า
“ฉันไม่มีอะไรต้องคุยกับคุณอีกแล้ว” อรอุมาทุบตีศิวะ “คุณมันทุเรศ น่ารังเกียจ ไม่เคยรู้จักพอ”
“อรหยุด ฟังผมก่อน คุณเข้าใจผิด ผมไม่ได้ทำอะไรกับดาว”
“ฉันไม่เชื่อ !”
อรอุมาหันไปเห็นประกายดาวยืนยิ้มมุมปากอยู่ห่างๆ เหมือนจะเยาะเย้ยอรอุมา อรอุมาถึงกับปรี๊ดแตก
“นังดาว แกเยาะเย้ยฉัน ! คอยดูนะ ถ้าวันนี้ฉันตบนังดาวล้างน้ำไม่ได้ อย่ามาเรียกฉันว่าอรอุมา”
อรอุมาวิ่งตามไปหาประกายดาว แต่ประกายดาวหันหลังเดินหายไปไหนที่มืด
“อร !” รติรสวิ่งตาม
“อยากบ้าก็เชิญตามสบายเล้ย” ศิวะว่า

อรอุมาวิ่งมาแต่ไม่เห็นประกายดาว
“นังดาว แกอยู่ไหน แน่จริงก็ออกมาเซ่ !”
ศิวะกับรติรสตามมาสมทบกับอรอุมา
“มันอยู่ไหนอร” รติรสถาม
“ถ้าฉันรู้ ฉันก็เข้าไปตบมันแล้วสิ” อรอุมาบอก
สิ้นคำเสียงประกายดาวก็ดังขึ้น
“ฉันอยู่นี่”
อรอุมากับรติรสหันไปด้านหลังก็เจอประกายดาวเอาน้ำในกะละมังสาดใส่หน้าเต็มๆ
“เอาน้ำไป เผื่อจะดับความบ้าของเธอได้บ้าง”
อรอุมากับรติรสร้องกรี๊ด
“นังดาว แก...แก”
อรอุมาจะพุ่งเข้าไปตบประกายดาว ประกายดาวเชิดหน้าใส่อย่างไม่เกรงกลัว
“เอาสิ ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในงานเหมือนเมื่อกี้แล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครอีก อ่อ...แล้วศิวะเคยบอกเธอหรือเปล่า ว่าฉันเทควันโด้สายดำ ถ้าเธอคิดจะลองดูก็ได้นะ”
อรอุมากับรติรสชะงักกึก
“จำเอาไว้ ฉันไม่รู้ว่าของๆ ฉันมันไปอยู่ในห้องเธอได้ยังไง แต่ฉันไม่เคยเข้าไปในห้องของเธอ และที่สำคัญ ฉันไม่เคยคิดจะแทงข้างหลังเธอ แค่ฉันเห็นหน้าผัวเธอ ฉันก็จะอ้วกอยู่แล้ว อย่าหึงไม่เข้าเรื่อง มันทุเรศ” ประกายดาวเดินออกไป
อรอุมากรี๊ด
“เธอจะกรี๊ดให้ได้อะไรขึ้นมา ตามไปตบมันสิ” รติรสยุ
“ตบให้มันทุ่มหรือไงล่ะนังโง่ ! แก..นังดาว ฉันกับแกจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อีกแล้ว”

ประกายดาวเดินเข้ามาในห้องอย่างหมดแรง
“ความไว้ใจที่ฉันอุตส่าห์สร้างให้คุณจันทรภานุ หมดสิ้นกันแล้ว” ประกายดาวลูบท้องตัวเอง “ลูกแม่...ทำไมถึงได้มีมารผจญมากขนาดนี้”
ประกายดาวเศร้า

สุรีย์ปรี๊ดแตก
“ชายต้องจัดการกับผู้หญิงคนนั้น”
“โทษคุณดาวฝ่ายเดียวมันไม่ยุติธรรมนะครับหม่อมแม่” จันทรภานุบอก
“การที่พวกเขาทะเลาะกัน แล้วทำให้งานเราล่มไม่เป็นท่า มันยุติธรรมกับเรางั้นเรอะ” สุรีย์ถาม
“หม่อมป้าพูดถูกที่สุดค่ะ นันคิดอยู่แล้วเชียวว่าเรื่องปักตะไคร้ต้องเป็นเรื่องบังเอิญ นังคุณดาวแซ่บจะตาย” นันทินีเสริม
“จัน แม่ไม่อยากให้ลูกไปยุ่งกับประกายดาวอีกแล้ว เชื่อแม่เถอะ อยู่ให้ห่างผู้หญิงคนนี้ไว้ แม่ไว้ใจ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปดูงานก่อนนะครับ”
“ชาย นี่ชายไม่ได้ฟังที่แม่พูดเลยใช่ไหม”
“ผมฟังอยู่ครับ แต่เรื่องที่คุณดาวจะเป็นคนยังไง ผมขออนุญาตตัดสินด้วยตัวเองเถอะนะครับ”
จันทรภานุเดินออกไป
“นี่ชายหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วเหรอ” สุรีย์ถาม
“หรือว่าคุณชายจะโดนเล่นของคะหม่อมป้า ใช่แล้ว นังประกายดาวมันต้องมีวิชาอาคมแน่ๆ ไม่งั้นมันปักตะไคร้ไล่ฝนทั้งๆ ที่มันไม่จิ้นแล้วไม่ได้หรอกค่ะ เราต้องพาคุณจันทรภานุไปอาบน้ำมนต์เก้าวัดนะคะ เก้าวัดน้อยไป เอาสิบแปดวัด เบิ้ลคูณสองไปเลยดีกว่าค่ะ” นันทินีบอก
สุรีย์ชักเบื่อนันทินี “หนูนันกลับห้องไปก่อนแล้วกัน ป้าอยากพักผ่อน”
นันทินีจ๋อย

จันทรภานุเดินเข้ามาหยุดยืนทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง หญิงนิ่มที่เปลี่ยนเสื้อแล้วเดินเข้ามาหาจันทรภานุ
“พี่ชายคะ”
“น้องหญิง หายตกใจหรือยังคะ”
“ค่ะ พี่ชายคะ เอ่อ...พี่คะ พี่ชายเชื่อที่คุณอรอุมาพูดหรือเปล่าคะ”
จันทรภานุเงียบ
“พี่ชายอย่าไปเชื่อนะคะ พี่ดาวไม่มีวันทำตัวแบบนั้นแน่ หญิงเชื่อใจพี่ดาว”
“พี่ก็เชื่อใจคุณดาวค่ะ”
จันทรภานุนึกถึงอดีต

ภาพเหตุการณ์ตอนที่อรอุมาด่าว่าเจอฝากล้องอยู่ในห้องนอนย้อนกลับมา
“ฝากล้องของนังนี่ก็ไปตกอยู่ในห้องฉัน”

เขานึกถึงตอนที่ประกายดาวบ่นว่าฝากล้องหาย
จันทรภานุถาม “ทำไมคุณไม่ปิดหน้าเลนส์”
“ฝามันหายไปไหนไม่รู้ค่ะ ฉันหาทั่วแล้วแต่ก็หาไม่เจอ”

เขานึกถึงตอนที่อรอุมาบอกว่าประกายดาวกับศิวะแอบไปกินกัน
“ไม่ต้องมาทำไม่รู้เรื่อง หนอย..ทำเป็นขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ที่แท้ก็แอบไปกินกับมัน เราดีนี่ ไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จ”

เขานึกถึงตอนที่เห็นศิวะกับรติรสจูบกัน

จันทรภานุนึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วก็พูด
“เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด หรือไม่ก็มีคนตั้งใจใส่ร้ายคุณดาว แต่ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ พี่จะไม่ยอมให้คุณดาวเสียหายทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย มันไม่ยุติธรรม พี่จะช่วยเธอ”
“ช่วยยังไงคะ” หญิงนิ่มถาม
จันทรภานุไม่ตอบแต่มีสีหน้ามุ่งมั่น

ศิวะถูกอรอุมาปากระเป๋าเสื้อผ้าใส่หน้า
“อร ! ผมไม่ได้มีอะไรกับดาว ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย จะให้ผมไปสาบานที่วัดก็ได้” ศิวะบอก
ศิวะพยายามจะเข้าไปอธิบายกับอรอุมา แต่อรอุมาก็คว้าของใช้ส่วนตัวของศิวะปาใส่ศิวะ
“ทำไมคุณไม่เชื่อใจผมบ้าง ผมเป็นผัวคุณนะ”
“ก็เพราะว่าคุณเป็นผัวฉันไง ฉันถึงรู้สันดานกินไม่อิ่มกินไม่เลือกของคุณดี แต่ต่อไปนี้ฉันจะรู้คนเดียวไม่ได้แล้ว” อรอุมาว่า
ศิวะตาโตเพราะตกใจกับสิ่งที่อรอุมาขู่มาก
“อย่านะอร”
“ช่วยไม่ได้ คุณทำฉันเจ็บ คุณต้องเจ็บกว่าร้อยเท่า”
อรอุมาปิดประตูดังปัง ศิวะเคาะประตู
“อร อย่าบอกแม่ผมนะอร จะให้ผมทำอะไร ผมยอม แต่ห้ามบอกคุณแม่ อร”

อรอุมาปิดประตูปัง ศิวะยังส่งเสียงดังอยู่ข้างนอก อรอุมาร้องไห้โฮเปลี่ยนจากอรอุมาผู้เข้มแข็งเมื่อสักครู่ราวกับเป็นคนละคน รติรสก้าวเข้ามาแตะไหล่อรอุมาเพื่อปลอบใจ
“เข้มแข็งไว้นะอร เธอทำถูกแล้ว ผู้ชายอย่างศิวะ ต้องใช้ไม้แข็งเท่านั้นถึงจะเอาอยู่”
อรอุมาโวยวาย “ฉันทำผิดอะไร ทำไมฉันถึงมีผัวไม่เหมือนคนอื่น”
รติรสหยั่งเชิง “เหนื่อยนัก เลิกกับเขามั้ย ?”
อรอุมานิ่งคิดเพราะคำว่าเลิกเข้ามาสะกิดใจ รติรสมองอรอุมาลุ้นๆ เพราะอยากให้ทั้งสองเลิกกัน แต่แล้วทิฐิก็ทำให้อรอุมากลับไปเป็นคนเดิม
“ไม่ ! เรื่องอะไรฉันจะต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ แล้วปล่อยให้พวกมันไปมีความสุขกัน”
รติรสกอดอรอุมาแต่มีสีหน้าเกลียดชังอรอุมามาก

ศิวะกระแทกแก้วเครื่องดื่มลงบนเคาน์เตอร์บาร์และเริ่มเมานิดๆ จันทรภานุก้าวเข้ามานั่งข้างศิวะ พนักงานเข้ามาหาจันทรภานุ
“เหมือนเดิมไหมครับคุณชาย”
“น้ำเปล่าก็พอ” จันทรภานุบอก
“วันนี้ไม่ใช่วันพระ ไม่ต้องกลัวผิดศีลห้าหรอกครับคุณชาย” ศิวะแขวะ
“ไม่ต้องรอให้เป็นวันพระหรอกครับ ถ้าประพฤติตัวอยู่ในศีลห้าได้ทุกวันจะดีกว่า ตัวคุณและ “คนอื่น” จะได้ไม่เดือดร้อน”
“คุณชายมีอะไรจะพูดกับผมก็พูดมาตรงๆ เถอะ หรือว่าคุณชายจะมาเรียกร้องค่าเสียหายเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำ คุณชายไปคุยกับอรดีกว่า”
“งานผมไม่ได้เสียหายมากนัก คุณพงศ์จัดการทุกอย่างให้ผ่านไปได้ด้วยดี แต่คนที่เสียหายมากที่สุดคือคุณดาว และคนที่มีหน้าที่จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยคือคุณ”
ศิวะจ้องจันทรภานุ
“คุณชายรักดาวเหรอ”
จันทรภานุไม่ตอบคำถาม “ผมมีความปรารถนาดีให้เธอ ผมไม่อยากให้เธอโดนพูดถึงเสียหาย ทั้งๆ ที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย มันไม่ยุติธรรม”
ศิวะหัวเราะกวนประสาท “คุณชายแน่ใจได้ยังไงว่าไม่ยุติธรรม อย่าลืมนะคุณชาย ผมกับดาวเราเคยเป็นแฟนกันมาตั้งหลายปี ไม่มีใครรู้ใจดาวดีเท่าผม คงไม่แปลกที่ดาวจะคิดถึงเรื่องเก่าๆ ของเรา อ่อ..ผมจะบอกความลับให้ ดาวชอบเอาชนะ ชอบความตื่นเต้น ตรงไหนที่คุณชายกับแฟนเก่าเคยๆ กันไว้ พาดาวไปเถอะ ถึงใจดาวแน่ๆ”
จันทรภานุกระชากคอเสื้อศิวะมาพูดใส่หน้า
“ความผิดพลาดที่สุดในชีวิตของผู้หญิงดีๆ อย่างคุณดาว คือการที่เธอเคยรักผู้ชายอย่างคุณ”
“คุณเชื่อใจดาวมากเกินไป”
“ผมไม่ได้เชื่อใจใคร ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็น”
ศิวะเริ่มอึ้ง “คุณเห็นอะไร”
“ถ้าเกิดคุณดาวโดนทำลายชื่อเสียงมากๆ กล้องวงจรปิดตรงสวนจะเป็นพยานให้คุณดาวได้ดีว่ารอยลิปสติกบนเสื้อคุณไม่ใช่ของเธอ”
ศิวะอึ้ง เขานึกถึงตอนที่เขากับรติรสพลอดรักกันในสวน

ศิวะไม่พอใจ
“คุณขู่ผมเรอะ”
“ใช่ ผมขู่ แต่ถ้าคุณทำให้คุณอรเลิกเข้าใจคุณดาวผิดได้ ผมก็เป็นลูกผู้ชายพอที่จะเก็บเรื่องของคุณเป็นความลับ”
จันทรภานุผลักศิวะออกแล้วจะเดินไป แต่แล้วเขาก็หันหลังกลับมา
“แต่ทางที่ดี คุณอยู่ห่างๆ คุณดาวไปเลยจะดีกว่า” จันทรภานุเดินไป
“ไอ้จันทรภานุ แกจะเสียใจที่คิดเป็นศัตรูกับฉัน”
ศิวะแค้น

วันต่อมา แดนดินปาหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะตรงหน้าประกายดาวด้วยความโมโห
“นี่มันอะไร”
“หนังสือพิมพ์” ประกายดาวตอบ
“ไม่ตลก”
“โถ...ไม่เห็นต้องซีเรียสเลย มันไม่มีอะไรสักหน่อย”
“ไม่มี ? แกพูดออกมาได้ยังไงว่าไม่มี ข่าวลงหนังสือพิมพ์หราว่าแกไปแย่งผัวชาวบ้านจนเมียเขาอาละวาดมาตบแกกลางงาน ยัยเมียไม่เอาน้ำกรดมาสาดหน้าแกก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
ประกายดาวทำดราม่า “พี่ดินเชื่อข่าว แต่พี่ดินไม่เชื่อดาว ดาวงอน ดาวน้อยใจ ไม่มีใครรักดาว ดาวเหมือนตัวคนเดียวบนโลก”
“แกกิน “สตรอ” เบอรี่ที่เชียงใหม่มากไปใช่ไหม”
ประกายดาวหยุดดราม่าทันที
“โห...แรง สงสารน้องฟ้า มีพ่อปากจัด” ประกายดาวว่า

“สงสารน้องฟ้าที่มีอาเป็นบ้าแบบแก ไหนแกบอกว่าแกเลิกล้มเมกกะโปรเจคต์มีลูกแต่ไม่อยากมีผัวของแกแล้วไง แล้วทำไมแกยังไปหาคุณจันทรภานุอีก”
“ดาวไปทำงาน ไม่เชื่อพี่ไปถามไอ้ลินทร์กับไอ้จิตดูก็ได้”
“ลินทร์กับจิตสารภาพความจริงกับพี่หมดแล้ว”
“ไอ้เพื่อนทรยศ ! พักยกแปบ ดาวขอโทรไปด่าพวกมันก่อน”
ประกายดาวเห็นสีหน้ายิ้มอย่างผู้ชนะของแดนดินถึงรู้ตัว
“พี่ดินโกหกดาว” ประกายดาวกัดฟันกรอด “ร้ายมาก”
“ไม่งั้นฉันจะเป็นพี่แกได้เหรอดาว ว่าไง...ฉันจะทำยังไงแกถึงจะเลิกคิดอะไรแผลงๆ สักที หรือฉันจะต้องไปเตือนคุณจันทรภานุ”
“อย่านะ!”
“แกคิดว่าจะปิดเขาไปได้ตลอดเหรอวะ แกอย่าลืมนะดาว...ความลับไม่มีในโลก”

จันทรภานุขับรถเข้ามาจอด โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น
“ว่าไงคะตัวยุ่ง”
หญิงนิ่มคุยโทรศัพท์อยู่ที่ร้าน เธอถือไอแพดด้วยท่าทางตื่นเต้น
“หญิงอ่านเจอในอินเตอร์เน็ต เขาว่าดอกลิลลี่สีขาวมีความหมายว่าห่วงใย พี่ชายเอาไปให้พี่ดาวนะคะ พี่ดาวจะได้รู้ว่าพี่ชายเป็นห่วงพี่ดาวเรื่องข่าวมั่กๆ”
“บังคับให้พี่มาหาคุณดาวยังไม่พออีกหรือคะน้องหญิง”
“อย่ามาโทษว่าหญิงบังคับ คนอย่างพี่ชายยอมให้ใครบังคับซะที่ไหน”
“ก๋ากั๋นนักนะเรา แค่นี้นะคะ พี่ถึงแล้ว”
“โอเค งั้นดอกไม้ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ใช้ความจริงใจล้วนๆ ลุยเลยนะคะ พี่ดาวอยู่ห้องแน่นอน เมื่อเช้าหญิงโทรไปสืบกับพี่ดาวมาแล้ว”
จันทรภานุวางสาย เขาอมยิ้มนิดๆ แล้วลงจากรถ

จันทรภานุกำลังเดินเข้าไปในตัวคอนโด จู่ๆ รถคันหนึ่งก็เลี้ยวมาอย่างแรงและกำลังจะพุ่งชนร่างจันทรภานุ เสียงแตรดังลั่น จันทรภานุหยุดชะงักแล้วหันขวับไปมองด้วยความตกใจ

แดนดินลากแขนประกายดาวมาจากห้องพักแล้วมาหยุดแถวหน้าลิฟต์ ประกายดาวดิ้น
“ไม่เอา ! ดาวไม่ไป”
“แกต้องไป แกต้องไปสาบานต่อหน้าหลุมศพเตี่ยกับม้าว่าแกจะเลิกล้มความคิดบ้าๆ ของแกสักที”
“ไม่เอา ! ดาวไม่ไป” ประกายดาวมองไปข้างหลัง “อ้าว ไอ้จิต”
แดนดินไม่หันไป
“ฮ่าๆๆ ฉันไม่หลงกลแกหรอกไอ้ดาว”
ประกายดาวชี้ที่พื้น “แมลงสาบ”
“เฮ้ยๆๆๆ”
แดนดินสะดุ้งโหยงและปล่อยมือจากแขนประกายดาว ประกายดาวได้ทีก็วิ่งหนีกลับไปที่ห้อง
“ไอ้ดาว”
แดนดินวิ่งตามไปตะครุบตัวประกายดาว ประกายดาวดิ้นๆ สองพี่น้องยื้อยุดกันไปมาในตำแหน่งที่ห่างจากลิฟต์พอสมควร
ประตูลิฟต์เปิด ผู้ชายคนนึงก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์แล้วมุ่งหน้าเดินไปทางห้องประกายดาว ประกายดาวกับแดนดินยังคงสู้และเถียงกัน
“พี่ดิน เตี่ยกับม้านอนหลับสบายๆ พี่ดินไปกวน มันบาป”
“คนอย่างฉันไม่มีอะไรเสียตั้งแต่เกิดมามีน้องเพี้ยนๆ อย่างแกแล้ว”
ผู้ชายคนนั้นหยุดยืนฟังตรงมุมห้อง

หญิงนิ่มกดโทรศัพท์แล้วรอสาย
“เจอพี่ดาวหรือยังคะพี่ชาย” หญิงนิ่มฟังแล้วก็ตกใจ “อะไรนะ ?! พี่ชายไม่ได้ขึ้นไปหาพี่ดาว” หญิงนิ่มฟัง “มีคนไปแทน ? ใครคะ ?”

ประกายดาวพยายามอธิบายกับแดนดิน
“พี่ดินใจเย็นๆ ลองคิดให้ดีๆ นะ ตอนโทมัส เอดิสันทดลองสร้างหลอดไฟก็มีแต่คนบอกว่าเขาเพี้ยน สุดท้ายเป็นไง ตอนนี้ดาวอาจจะดูเพี้ยน แต่ถ้าสำเร็จ ดาวจะเป็นผู้บุกเบิกให้กับผู้หญิงทุกคนในโลกที่เต็มไปด้วยผู้ชายห่วยๆ ได้ค้นพบแสงสว่างทางสร้างความสุขให้ชีวิต”
“โอย...ตรูอยากเอาหัวโขกกำแพงตาย”
“พี่ดินอย่า สงสารกำแพง ยังไงพี่ดินก็เปลี่ยนใจดาวไม่ได้หรอก ดาวจะต้องมีลูก ดาวจะขอสเปิร์มจากคุณจันทรภานุมาทำกิฟต์ให้ได้”
ช่อดอกไม้จากมือผู้ชายคนนั้นหล่นลงพื้น เสียงกระดาษแก้วกระทบพื้น ประกายดาวกับแดนดินได้ยินจึงหันไปมอง ประกายดาวเห็นพงศ์จันทรยืนอยู่ ประกายดาวอึ้ง
“คุณพงศ์”

พงศ์จันทรนั่งจ้องประกายดาวที่นั่งตรงข้ามทำเอาประกายดาวประหม่าเพราะไม่รู้จะเอามือไม้ไว้ไหน
“เท่าที่ผมรู้ คุณเองก็เป้าหมายอันดับสองต่อจากคุณจันทรภานุ ถ้าไอ้ดาวมันชวดจากคุณจันทรภานุ คุณเก็บสเปิร์มของคุณไว้ให้ดี” แดนดินบอก
ประกายดาวไม่พอใจ “พี่ดิน”
“กล้าคิดก็ต้องกล้ารับ ดีซะอีก จะได้มีคนมาช่วยฉันยืนยันว่าสิ่งที่แกคิดอยู่ มันบ้า”
พงศ์จันทรพูดกับแดนดิน “ขอโทษนะครับ ผมขอพูดอะไรไม่สุภาพกับคุณดาวหน่อย”
“ตามสบายครับ” แดนดินบอก
พงศ์จันทรพูด “คุณดาว...ผมโคตรชอบคุณเลยว่ะ”
แดนดินกับประกายดาวอึ้ง
แดนดินงง “ชอบ ?”
“ครับ คุณดาวเป็นตัวของตัวเอง กล้าคิดกล้าทำ เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง มีแนวทางเป็นของตัวเอง บอกตรง...โดนใจผมมาก” พงศ์จันทรชูมือให้ประกายดาว
ประกายดาวตีมือพงศ์จันทรตอบ แต่แดนดินกุมขมับ
“อยากจะวิ่งเอาหัวโขกกำแพง”
พงศ์จันทรมองประกายดาวอย่างชื่นชม ประกายดาวทำหน้าไม่ถูกจึงหันไปมองนาฬิกาแขวน
“อุ้ย ใกล้เวลาน้องฟ้าเลิกเรียนพิเศษแล้ว ดาวไปรับน้องฟ้าด้วยคนนะ”
แดนดินรีบห้าม “ไม่ต้อง ! กรุณาอยู่ห่างน้องฟ้า เดี๋ยวลูกสาวฉันเพี้ยนตามแก” แดนดินพูดกับพงศ์จันทร “ถ้าคุณช่วยเปลี่ยนความคิดไอ้ดาวให้เหมือนคนปกติได้ ผมจะขอบคุณมาก”
“ถ้าไม่รีบไป ดาวจะไปรับน้องฟ้าด้วย”
“เออ ไปแล้ว”
แดนดินรีบออกไปจากห้อง
พงศ์จันทรหยิบหนังสือทำกิฟต์ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูพลางมองประกายดาวขำๆ
“คุณพงศ์คะ คือ...”
“ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องนี้จะเป็นความลับสุดยอดระหว่างเราสองคน แต่ผมขอถามอะไรคุณอย่าง ทำไมไม่ให้ผมเป็นเบอร์หนึ่ง”

ประกายดาวอ้ำอึ้ง “เอ่อ...คือ”
“มาถึงขนาดนี้แล้ว พูดกับผมตรงๆ เถอะครับ”
“คุณยังมีข้อเสีย แต่คุณชายไม่มี”
“ข้อเสียของผมคืออะไร”
“คุณใช้งานสเปิร์มบ่อย เด็กที่เกิดจากสเปิร์มของคุณอาจจะไม่แข็งแรง”
พงศ์จันทรโยกหัวประกายดาวอย่างเอ็นดู
“คิดได้ยังไง แต่ชอบ ชอบมากจริงๆ” พงศ์จันทรมองประกายดาวอย่างซึ้งๆ “แล้วถ้าต่อไปนี้ผมจะไม่ใช้แล้วล่ะ คุณจะเปลี่ยนให้ผมเป็นเบอร์หนึ่งไหม”
“ฉันตัดสินใจไปแล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไร สักวันผมจะทำให้คุณเปลี่ยนใจเลือกผมขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งให้ได้ อย่างแรก...ผมต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ เมื่อตะกี้คุณเบอร์หนึ่งมาที่นี่” พงศ์จันทรบอก

ภาพในอดีตย้อนกลับมา จันทรภานุข้ามถนน รถคันหนึ่งเบรกกะทันหัน จันทรภานุหยุดแล้วหันไปเจอพงศ์จันทรที่โผล่หน้าออกมาจากรถ
“อ้าว...คุณชาย ขอโทษนะครับ ผมรีบมากไปหน่อย คุณชายเป็นอะไรไหมครับ”
จันทรภานุยิ้มและส่ายหน้านิดๆ
“คุณชายมาหาคุณดาวเหรอครับ” พงศ์จันทรถาม
“ครับ”
“ดีเลยครับ ผมก็จะมาหาคุณดาวเหมือนกัน คุณชายรอผมแปบนะครับ เดี๋ยวเราขึ้นไปพร้อมกัน”
“งั้นผมไม่ขึ้นไปแล้วดีกว่า ฝากบอกคุณดาวว่า...ว่าอย่าลืมส่งไฟล์รูปให้ผมด้วย”

พงศ์จันทรนั่งเล่าให้ประกายดาวฟัง
“ผมรู้ว่าเขาไม่ได้มาหาคุณแค่จะบอกว่าอย่าลืมส่งไฟล์รูปหรอก”
“คุณคิดมากไปหรือเปล่า”
“ผู้ชายด้วยกันมองกันออกครับคุณดาว” พงศ์จันทรบอก
ประกายดาวนิ่งคิด

จันทรภานุเดินตรวจงานอยู่ในห้าง มีลูกน้องคอยจดงานตามที่จันทรภานุบอก ทั้งสองเดินมาหยุดที่มุมหนึ่ง จันทรภานุพบน้ำหยดลงบนพื้นจึงแหงนหน้ามองเพดาน
“ทำไมตรงนี้มีน้ำหยด” จันทรภานุถาม
“สงสัยแอร์จะมีปัญหาครับ”
“เรียกช่างแอร์มาดูด่วน แล้วก็รีบแจ้งให้เมดหาผ้ามาเช็ดน้ำ ตั้งป้ายระวังลื่นบอกลูกค้าไว้ด้วย”
“ครับ” ลูกน้องเดินออกไป
จันทรภานุออกไป จู่ๆ ประกายดาวก็โผล่มาทางข้างหลังจันทรภานุ
“จ๊ะเอ๋คุณชาย”
“คุณดาวมาช็อปปิ้งเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ ฉันมาหาคุณชาย เอาไฟล์รูปมาให้ค่ะ”
ประกายดาวส่งซีดีให้จันทรภานุ
“อ่อ ขอบคุณครับ”
ประกายดาวหลอกถาม “ที่จริง...ถ้าคุณชายอยากได้ไฟล์รูปจากฉันก็แค่โทรมาบอกฉันก็ได้ ไม่เห็นต้องไปหาฉันถึงคอนโดเลย”
“พอดีผมผ่านไปแถวนั้นก็เลยแวะไปบอกคุณดาวครับ”
“อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นฉันไม่กวนคุณชายแล้วนะคะ”
ประกายดาวจะเดินไปตรงที่มีน้ำ จันทรภานุจะร้องบอก
“คุณดาวระ...”
แต่ไม่ทัน เพราะเท้าประกายดาวเหยียบน้ำบนพื้น แล้วเธอก็ลื่น
“ว้าย !”
ประกายดาวหงายหลัง ล้มก้นจ้ำเบ้า
ใครบางคนกดถ่ายภาพ “แชะ” ตอนที่ประกายดาวหงายหลังล้มเอาไว้

ประกายดาวนั่งกองอยู่บนพื้น
“คุณดาว”
จันทรภานุช่วยประคองประกายดาว ประกายดาวมีสีหน้าเจ็บปวด
“คุณชาย..คุณชาย ห้องเครื่องของช้านพังแล้ว”
จันทรภานุงง “ห้องเครื่อง ?”
“คุณชายช่วยโทรเรียกพี่ดินให้มาพาฉันไปโรงพยาบาลที ฉันไม่อยากขยับเขยื้อนเดี๋ยวมันจะสะเทือนมากกว่านี้ ถ้าเกิดห้องเครื่องฉันพัง ฉันมีลูกไม่ได้ ฉันต้องตายแน่ๆ”
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว” จันทรภานุย่อตัวจะช้อนตัวประกายดาวขึ้น
ประกายดาวตัวแข็งไม่ยอมปล่อยมือจากท้องน้อยตัวเอง
“คุณชาย...”
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะพาคุณไปหาหมอ”
ประกายดาวโอบรอบคอจันทรภานุ จันทรภานุช้อนตัวประกายดาวขึ้น ประกายดาวมองหน้าจันทรภานุอย่างอบอุ่นหัวใจ
เสียงจันทรภานุดังก้องอยู่ในหัวของเธอ “ผมจะพาคุณไปหาหมอ...ผมจะพาคุณไปหาหมอ..ผมจะพาคุณไปหาหมอ”
จันทรภานุหันมามองประกายดาว ประกายดาวจ้องหน้าเขานิ่งโดยไม่ได้ร้องแล้ว
จันทรภานุถาม “มองผมทำไม”
“ฉันเคลิ้ม”
จันทรภานุงง “ฮะ ?”
“เอ่อ...ฉันบอกว่า ฉันหายเจ็บแล้วค่ะ”
จันทรภานุมองแบบไม่เชื่อ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“ฉันไม่ยอม ! ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
จันทรภานุกับประกายดาวหันไปมอง

ลูกค้าของห้างเกาะกลุ่มกันหน้าห้องน้ำ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโวยวายกับรปภ. จันทรภานุกับประกายดาวเดินเข้ามา
จันทรภานุถาม “เกิดอะไรขึ้น”
รปภ.หันไปโค้งเคารพจันทรภานุ แล้วแบมือส่งกล้องแอบถ่ายตัวเล็กๆ ให้จันทรภานุ
“คุณผู้หญิงพบกล้องแอบถ่ายติดอยู่ในห้องน้ำครับ”
จันทรภานุกับประกายดาวตะลึง
“เจอกล้องตรงไหน” จันทรภานุถาม
“ติดอยู่ตรงโถส้วม” ผู้หญิงคนนั้นบอก
“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ขอเวลาให้ทางเราได้ตรวจสอบความจริงก่อน แล้วเราจะรีบหาคนทำมาดำเนินคดีให้ได้”
“ไม่ทันแล้วมั้ง ป่านนี้ภาพอล่างฉ่างของฉันกับคนอื่นๆ ร่อนเน็ตไปถึงไหนต่อไหนแล้ว อะไรกัน...ห้างออกจะหรูหรา แต่ระบบรักษาความปลอดภัยห่วยแตก”
จันทรภานุไม่สบายใจ ประกายดาวมองด้วยความสงสาร

อ่านต่อหน้าที่ 2


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 8 (ต่อ)

เวลาผ่านไป ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปหารถคันหนึ่งที่จอดอยู่ กระจกรถลดลงเผยให้เห็นศิวะที่นั่งอยู่ในรถ ศิวะยื่นซองเงินให้
“หลบหน้าไปไกลๆ สักพักค่อยกลับมา”
ศิวะเลื่อนกระจกขึ้นด้วยสีหน้าร้าย
“เตรียมเจ๊งได้เลยไอ้จันทรภานุ”

หน้าจอโทรศัพท์มือถือของหญิงนิ่มมีข้อความแชทดังขึ้น หญิงนิ่มหยิบขึ้นมาดู ที่หน้าจอมีข้อความมาจาก "คุณชายไร้หัวใจ" หญิงนิ่มดีใจและรีบเปิดอ่าน
"ผมมีคำถามก่อนนอน" หญิงนิ่มยิ้ม "สุดยอดวีรกรรมวัยเด็กของคุณคืออะไร"
หญิงนิ่มพิมพ์ตอบ "ถามทำไมคะ"

พงศ์จันทรนั่งพิมพ์แชทอยู่ในห้องนอน
"ผมกำลังหาข้อมูลทำวิจัย ว่าไงครับ สุดยอดวีรกรรมของคุณคืออะไร ขอเด็ดๆ เลยนะครับ รับรอง ผมไม่บอกใคร"
"อายจัง"
"ไม่ต้องอาย เราไม่รู้จักกันสักหน่อย"
หญิงนิ่มยิ้มเขินอายกับตัวเอง แล้วก็ตัดสินใจพิมพ์
"ตอนเด็กๆ ฉันเคยแอบสอยมะม่วงข้างบ้านกินค่ะ"
“แค่เนี่ย ?!”
“แค่นี้ก็แย่แล้ว พอพี่ชายของฉันรู้เรื่องเข้า เขาโกรธฉันมาก ไม่พูดกับฉันไปหลายวัน ฉันเข็ดมาจนถึงทุกวันนี้”
พงศ์จันทรยิ้มสมใจ
“ฮ่าๆ เข้าทาง” พงศ์จันทรพิมพ์ต่อ “พี่ชายคุณเป็นคนดีจัง”
“โลกนี้ไม่มีใครดีเท่าพี่ชายฉันอีกแล้ว”
“ไม่จริงหรอก ไม่มีใครเกิดมาดีพร้อม ทุกคนต้องมีข้อเสีย”
“ที่จริงก็มีนะคะ”
พงศ์จันทรตื่นเต้น “อะไรครับ”
“พี่ชายแสนดีเกินไป ดีจนฉันเป็นห่วงกลัวพี่ชายจะเจอคนไม่ดี”
พงศ์จันทรเซ็งมาก
พงศ์จันทรพูดกับตัวเอง “คุณจันทรภานุ ผมต้องหาให้ได้ ข้อเสียของคุณคืออะไร”


จันทรภานุกระเด้งลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วละเมอพูดคนเดียว
“ประชุม ! ประชุมเดี๋ยวนี้ ผมให้เวลาสามวินาที หาคำตอบมาให้ได้ กล้องแอบถ่ายมาอยู่ในห้องน้ำหญิงได้ยังไง จับเวลา หนึ่ง สอง ซั่ม !”
จันทรภานุพลิกตัวจนตกเตียง
“โอ๊ย !”
มีเบาะยาวๆ รองอยู่ด้านล่างเพราะจันทรภานุละเมอตกเตียงเป็นประจำ จันทรภานุตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกเจ็บปวดตามแขน
“ต้องหาเบาะนิ่มกว่านี้”
จันทรภานุประคองตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียง เขามองไปที่นาฬิกาก็เห็นว่าเป็นเวลา "04.00 น." จันทรภานุงัวเงียนิดหน่อยแต่นอนไม่หลับแล้ว เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์เตรียมทำงานต่อ
จู่ๆ จันทรภานุก็ชะงักเมื่อเห็นอะไรบางอย่างบนหน้าจอ มีข้อความโพสต์ในโซเชียลเน็ตเวิร์คเขียนว่า "ระวัง ! ห้างมีเดียมกรุ๊ป ความปลอดภัยห่วยขั้นเทพ" จันทรภานุตะลึง!

ประกายดาว มิลินทร์ c]tจิตสุภางค์นั่งอยู่ในตู้อบสมุนไพรที่โผล่มาแต่หัวกับมือ มิลินทร์อ่านโพสต์ในมือถือให้ประกายดาวกับจิตสุภางค์ฟัง
“เจอกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำ แต่คุณจันทรภานุเจ้าของห้างสุดหล่อยัดเงินปิดข่าวใครที่คิดจะเดินห้างมีเดียมเห็นทีต้องคิดหนัก ไม่ใช่แค่จะโดนแอบถ่าย แต่คุณอาจจะซวยเหมือนผู้หญิงคนนี้”
มีภาพประกายดาวลื่นล้มประกอบข้อความ
มิลินทร์จ้องในรูป “ใครวะ คุ้นๆ”
“ฉันเอง” ประกายดาวบอก
“แก ? อายแทนว่ะ”
“อายไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บนี่สิ ก้นกระแทกซะสะเทือนขึ้นมาถึงรากฟัน”
“อ๋อ...เข้าใจแล้วว่าแกลากพวกฉันมาอบสมุนไพรทำไม ที่แท้ก็จะซ่อมห้องเครื่อง” จิตสุภางค์ว่า จู่ๆ มิลินทร์ร้อง
“แก๊ๆ ! มีคนมาเม้นท์ว่า “เจ้าของห้างเป๊ะ แต่ห้างไม่เป๊ะ พูดเลย..ไม่เดิน !” มีนี่อีก “ใครจะไม่เดินห้างมีเดียมกรุ๊ปยกมือขึ้น” คนมายกมือเพียบเลยแก”
“โธ่...ลูกแม่ น่าสงสารจัง “ ประกายดาวเห็นใจ
มิลินทร์กับจิตสุภางค์มองหน้ากัน
“เกี่ยวอะไรกับลูกแกวะ”
“เอ้า ก็ตอนนี้คุณจันทรภานุต้องเครียดโฮกๆ แล้วความเครียดจะทำให้ระบบการทำงานของร่างกายแปรปรวน ลูกของฉันที่อยู่ในร่างของคุณชายก็ต้องอึดอัด ไม่สบายตัว พอเขาออกมาลืมตาดูโลก เขาจะอีคิวต่ำ อารมณ์แปรปรวนง่าย”
“จากประสบการณ์ของฉัน ขอเตือนเลยว่า ถ้าแกเลี้ยงลูกอารมณ์แปรปรวน แกจะเหนื่อยอย่างกับไปทำสงครามอ่าวเปอร์เซีย” จิตสุภางค์บอก
“เหนื่อย ฉันไม่กลัวหรอก แต่ฉันกลัวลูกเข้ากับคนอื่นไม่ได้ กลายเป็นเด็กมีปัญหา แต่ฉันจะไม่ยอมให้เป็นอย่างงั้น ฉันต้องช่วยเขา”
“ช่วย ? ช่วยยังไง” จิตสุภางค์ถาม
“ไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันต้องใช้ผู้ช่วย” ประกายดาวบอก

หญิงนิ่มยืนดูประกายดาวเลือกกระเป๋าอยู่ในร้าน บนโต๊ะมีกระเป๋าประมาณ 4-5 ใบที่ประกายดาวเลือกไว้แล้ว ประกายดาวหยิบอีกใบมาวางรวม
“เอาใบนี้อีกใบค่ะ ไม่ต้องลดให้พี่นะคะ น้องหญิงอาจจะยังไม่รู้ว่าพี่สวยและรวยมาก พี่ล้อเล่นค่ะ ของซื้อของขายจะมาลดกัน ทุนหายกำไรหดพอดี”
“พี่ดาวไม่ต้องอุดหนุนหญิงมากขนาดนี้ ยังไงหญิงก็ช่วยพี่ดาวคิดหาทางช่วยพี่ชายอยู่แล้ว”
“ที่พี่ซื้อไม่เกี่ยวกับเรื่องคุณชายหรอกค่ะ พี่อยากสนับสนุนเด็กที่ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองอย่างน้องหญิง พี่จะซื้อไปให้ยัยลินทร์เพื่อนพี่ ยัยนี่ชอบอัพอินสตาแกรม รับรองว่าอีกไม่นาน กระแสกระเป๋าร้านหญิงมาแน่ค่ะ”

หญิงนิ่มมองประกายดาวอย่างรู้สึกดี
“หญิงขอพูดอะไรอย่าง หญิงชอบพี่ดาวม้ากมาก พี่ดาวเป็นตัวของตัวเอง มีเสน่ห์ บนโลกจะมีผู้หญิงสักกี่คนที่เป็นเหมือนพี่ดาว”
“น้องหญิงพูดเหมือนคุณพงศ์เลยค่ะ”
หญิงนิ่มหุบยิ้ม “คุณพงศ์บอกชอบพี่ดาวเหรอคะ”
“ชอบแบบเพื่อนๆ กันน่ะค่ะ”
“แล้วพี่ดาวล่ะคะ ชอบคุณพงศ์หรือเปล่า”
“ชอบค่ะ” ประกายดาวบอก หญิงนิ่มหุบยิ้ม “เขาเป็นเพื่อนที่น่ารักคนนึง”
“แล้วถ้าแบบคนพิเศษ”
“เปล่าค่ะ”
“พี่ดาวอย่าโกหกหญิงนะ”
“โกหกแล้วพี่จะได้อะไรล่ะคะ พี่ไม่ได้ชอบคุณพงศ์...รับรอง คอนเฟิร์มค่ะ”
“เย้ ! ว่าแล้วเชียวว่าพี่ชายต้องเข้าใจผิด”
“อะไรนะคะ ?”
“หญิงบอกว่า หญิงคิดออกแล้วค่ะว่าจะช่วยคลายเครียดให้พี่ชายได้ยังไง”
ประกายดาวยิ้ม

จันทรภานุขับรถเข้ามาจอดหน้าร้านอาหาร จันทรภานุกับหญิงนิ่มที่นั่งมาด้วยลงจากรถ จันทรภานุคุยโทรศัพท์พลางนิ่วหน้าด้วยความเครียดตลอดเวลา หญิงนิ่มมองจันทรภานุอย่างสงสาร
จันทรภานุคุยโทรศัพท์ “เราจะไม่รอให้เพื่อนผมตามตัวไอ้โรคจิตเจ้าของกล้องมาได้ เพราะเราไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน ตอนนี้เราต้องเร่งเรียกภาพลักษณ์ที่ดีของห้างเรากลับคืนมา เรียกฝ่ายประชาสัมพันธ์เข้าประชุมกับผมด้วย”
จันทรภานุวางสาย หญิงนิ่มคว้าโทรศัพท์ของจันทรภานุไป
“น้องหญิงขา ขอโทรศัพท์ให้พี่เถอะนะคะ พี่ต้องโทรติดต่องาน”
“ไม่ค่ะ พี่ชายสัญญากับหญิงแล้วว่าจะให้เวลาหญิงสองชั่วโมง โดยที่ไม่มีงานมาเกี่ยวข้อง พี่ชายก็ต้องรักษาสัญญา”
“แต่ห้างเรากำลังแย่นะคะ”
“ถ้าพี่ชายต้องประชุมตั้งแต่เช้าจนค่ำ โทรศัพท์ทุกสองนาที พี่ชายก็จะแย่เหมือนกัน ผ่อนคลายสองชั่วโมงนะคะ”
จันทรภานุพยักหน้าอย่างจำใจ หญิงนิ่มยิ้มกว้างแล้วจูงมือจันทรภานุเข้าไปข้างในร้าน

หญิงนิ่มกับจันทรภานุเข้ามาในร้านเล็กๆ เก๋ๆ มีเวทีเล็กๆและเครื่องดนตรีสำหรับโชว์อยู่ในร้าน จันทรภานุมองไปบนเวที พอเห็นใครบางคนเขาก็แปลกใจ
“คุณดาว ?”
ประกายดาวอยู่บนเวทีกับมิลินทร์ ทั้งสองกำลังเล่นตลกกัน สองสาวถือพัดไว้คนละอัน จิตสุภางค์นั่งอยู่ที่โต๊ะข้างหน้าเวที
“พระอะไรสีเขียว” ประกายดาวถาม
มิลินทร์ตอบ “พระอินทร์”
“ถูก”
มิลินทร์ตีหัวประกายดาวดังโป๊ก
“พระอะไรสีชมพู” ประกายดาวถามต่อ
มิลินทร์ตอบ “พระลูกกวาด”
“ผิด ! พระอินเลิฟ”
ประกายดาวตีหัวมิลินทร์ดังโป๊ก
จิตสุภางค์กับหญิงนิ่มหัวเราะเอิ๊กอ๊าก จันทรภานุทั้งขำทั้งงง จิตสุภางค์แกล้งหันมาเห็นจันทรภานุ
“อ้าว...คุณชาย คุณหญิง มาทานข้าวเหรอคะ”
“ครับ”
“นั่งด้วยกันไหมคะ จะได้ดูยัยดาวเล่นตลกด้วยกัน”
“แล้วคุณดาวนึกยังไงครับ ถึงขึ้นไป”
“จิตท้ามันสองคนค่ะ ถ้ามันกล้าขึ้นไปเล่นตลก จิตจะยอมทิ้งลูกทิ้งผัวออกมาเที่ยวกับพวกมันสามคืน”
“พี่ดาวทุ่มทุนสร้างมากค่ะ” หญิงนิ่มบอก
“มานั่งด้วยกันเถอะค่ะ รับรองคืนนี้มีอะไรสนุกๆ อีกเยอะ”
จันทรภานุกับหญิงนิ่มนั่งโต๊ะเดียวกับจิตสุภางค์แล้วมองประกายดาวบนเวที
“ถ้างูตกลงไปในถังขยะ จะฉกอะไร” ประกายดาวถาม
มิลินทร์กลอกตาคิด “ฉก...แมว”
“ฉกกะปก นี่แน่” ประกายดาวตีหัวมิลินทร์
จันทรภานุหัวเราะ
ประกายดาวมองจันทรภานุหัวเราะด้วยความดีใจ
ประกายดาวคิดในใจ “ลูกจ๋า...แม่ยอมอายเพื่อหนู ถ้าโรงงานผลิตหนูเขาอารมณ์ดี หนูจะได้ไม่อึดอัด หนูจะต้องเป็นเด็กอารมณ์ดี”

หญิงนิ่มเช็ดมืออยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ เสียงแชทจากโทรศัพท์ดังขึ้น หญิงนิ่มหยิบขึ้นมาดูก็เห็นข้อความจาก "ชายไร้หัวใจ"
ข้อความเขียนว่า "คิดออกหรือยังครับ ว่าพี่ชายคุณมีข้อเสียอะไร"
หญิงนิ่มพิมพ์ตอบไปว่า "ทำไมคุณต้องสนใจกับข้อเสียของพี่ชายฉันจังเลยคะ"

พงศ์จันทรที่พิมพ์แชทอยู่ในห้องนอนรู้สึกตัว
“ถามมาก ไก่ตื่นแน่” พงศ์จันทรพิมพ์ตอบ "ผมแค่อยากแน่ใจว่าโลกนี้มีคนเฟอร์เฟ็คร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ"
พงศ์จันทรกดส่งไอคอนตัวการ์ตูนยิ้มเจื่อนๆ ตามด้วยข้อความ "ดื่มนมก่อนนอนหรือยังครับ"
หญิงนิ่มพิมพ์
"ยังค่ะ คืนนี้มาทำอะไรสนุกๆ กับว่าที่พี่สะใภ้" ตามด้วยไอคอนร่าเริง
พงศ์จันทรชะงักกึก
พงศ์จันทรพูดกับตัวเอง “ว่าที่พี่สะใภ้ ?...คุณดาว !”
พงศ์จันทรกดโทรศัพท์โทรออกหาประกายดาวแล้วรอฟังสาย

โทรศัพท์มือถือของประกายดาวที่วางอยู่บนโต๊ะมีสายของ "คุณพงศ์" เข้ามา จิตสุภางค์รับสาย แล้วปิดหูข้างหนึ่งก่อนจะตะโกนคุยเสียงดัง เพราะเสียงบรรยากาศในร้านดัง
“ฮัลโหล ฮัลโหล คุณพงศ์ ไม่ใช่ดาวค่ะ จิตค่ะ” จิตสุภางค์ฟังแล้วตอบ “ดาวอยู่ไหน ? ดาวอยู่บนเวทีค่ะ”
ระหว่างนั้นหญิงนิ่มก็เดินกลับเข้ามานั่งข้างจันทรภานุ

มิลินทร์เต้นเซ็กซี่อยู่บนเวที ทุกคนในร้านหัวเราะขำ มิลินทร์โพสต์ท่าเต้นจบ ทุกคนในร้านปรบมือ มิลินทร์คว้าไมโครโฟนมาพูดใส่ประกายดาว
“ถึงตาแกแสดงความสามารถพิเศษ คนในร้านจะได้โหวตว่าฉันกับแกใครสมควรจะได้เป็นมิสเฟอร์เฟ็ค”
“ฉันยอมแพ้” ประกายดาวบอก
“ม่ายด้าย แกยอมแพ้ง่ายๆ มันไม่สมศักดิ์ศรีฉัน ถ้าเรื่องเต้นแกไม่ถนัด ฉันยอมให้แกร้องเพลง”
“ร้องเพลง ฉันก็ไม่ถนัด”
“งั้นหาผู้ช่วย” มิลินทร์พูดกับแขกในร้าน “ใครจะมีน้ำใจช่วยดาวบ้างคะ”
หญิงนิ่มยกมือขึ้น
“พี่ชายค่ะ”
จันทรภานุตกใจ “น้องหญิง !”
“ขึ้นไปสนุกกับพี่ดาวนะคะ คลายเครียดค่ะ”
“แต่พี่...”
มิลินทร์พูดใส่ไมโครโฟน “เชิญคุณจันทรภานุบนเวทีค่ะ”
จิตสุภางค์นำปรบมือ แขกในร้านปรบมือตาม จันทรภานุจำใจต้องขึ้นไปบนเวที หญิงนิ่มกับจิตสุภางค์ตีมือกันเพราะแผนสำเร็จ
“ร้องเพลงอะไรดีคะคุณชาย” ประกายดาวถาม
“ผมไม่ค่อยรู้จักเพลง”
“งั้นเอาเพลงที่คุณชายรู้จักก็ได้ค่ะ” ประกายดาวบอก

จิตสุภางค์ หญิงนิ่มและทุกคนในร้านนั่งหน้าเหวอ บรรยากาศเงียบกริบ สาเหตุมาจากทำนองเพลง "หนุ่มบาวสาวปาน" ที่จันทรภานุเลือกร้องบวกกับเสียงร้องสุดเพี้ยนของจันทรภานุ
"กรีดยางอยู่ใต้ไม่ปลอดภัย มาขับวินมอเตอร์ไซค์อยู่ใน กทม.ไอ้ไข่นุ้ยลูกทักษิณรูปหล่อ ไม่ชอบเพลงฮาทคอร์ชอบเพลงคาราบาว"
ถึงจังหวะเพลงจะมันส์ แต่จันทรภานุก็ร้องนิ่งๆ ไม่ทิ้งมาดคุณชาย จิตสุภางค์เอียงตัวไปหามิลินทร์
“ฉันได้สัจธรรมข้อใหม่ หน้าตาดีไม่ได้หมายความว่าเสียงดี”
มิลินทร์กระซิบตอบ “น่ารักดีออก”
จันทรภานุเริ่มอาย เขาหันมากระซิบกับประกายดาว
“พอไหม เดี๋ยวแขกหนีหมดร้าน”
“เราไม่เน้นเพราะค่ะ เราเน้น "ฟิวลิ่ง" ประกายดาวร้องพลงต่อ "สาวจันทร์น้องนางจากบ้านนามาเสี่ยงดวงชะตาเพื่อจะเจอโชคดีจบ ม.3 ยังไม่ข้าม ม.4 เลือกอาชีพสตรีขายบริการ”
จันทรภานุยิ้มแล้วร้องเพลงกับประกายดาวโดยร้องผิดบ้าง เพี้ยนบ้าง แต่ก็ร้องไปหัวเราะไป มิลินทร์ กับจิตสุภางค์ช่วยกันตะโกนร้องและชูนิ้วเป็นเขาควาย หญิงนิ่มช่วยปรบมือตามประสาสาวเรียบร้อย บรรยากาศในร้านสนุกสนาน

พงศ์จันทรก้าวเข้ามาในร้าน เขามองจันทรภานุบนเวทีก็เห็นจันทรภานุร้องเพลงเพี้ยนมาก พงศ์จันทร์ยิ้มมุมปากเยาะๆ
“ฮ่าๆ เจอแล้วสิ่งที่พงศ์จันทรเหนือกว่าจันทรภานุ”

ประกายดาวกับจันทรภานุร้องเพลงจบ ทุกคนปรบมือและส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด จันทรภานุกับประกายดาวเดินลงมาที่โต๊ะของเพื่อนๆ แต่ก่อนถึงโต๊ะ ประกายดาวก็หยุดแล้วพูดกับจันทรภานุ
“คุณชายคะ”
“ครับ”
“ฉันรู้ว่าคุณเครียดเรื่องงานมาก แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นคุณชายเครียด ปล่อยวางบ้างเถอะนะคะ ชีวิตเรามีเวลาแค่ช่วงเดียว ไม่รู้สั้นหรือยาว มีความสุขให้ทันดีกว่า”
“ขอบคุณครับ”
จันทรภานุกับประกายดาวมองตากันอย่างรู้สึกดี สักพักประกายดาวก็เป็นฝ่ายรู้สึกตัวจึงหลบสายตาแล้วเดินไปที่โต๊ะเพื่อน หญิงนิ่มปราดเข้ามาเกาะแขนจันทรภานุ
“พี่ชายร้องเพลงเก๊งเก่งค่ะ”
“โกหกผิดศีลห้านะคะน้องหญิง”
พงศ์จันทรเดินเข้ามา
“คุณหญิงไม่ได้โกหกหรอกครับ คุณชายร้องเพลงเก่งจริงๆ” พงศ์จันทรบอก
หญิงนิ่มชักสีหน้าไม่พอใจ “นายปลาไหล ! เอ่อ...คุณพงศ์ มาได้ยังไง”
“ผมรู้ว่าทุกคนสนุกกันอยู่ที่นี่ ผมจะพลาดได้ยังไง”
“คุณรู้ได้ยังไงคะ” ประกายดาวถาม
พงศ์จันทรมองไปที่จิตสุภางค์ จิตสุภางค์ยิ้มหวาน
“มาถึงเร้วเร็วนะคะ” จิตสุภางค์บอก
พนักงานเดินเข้ามาถาม
“อ้าว...คุณพงศ์ เวทีกำลังว่าง โชว์ลูกคอสักเพลงไหมครับ”
“คุณพงศ์เคยร้องเพลงที่นี่เหรอคะ” มิลินทร์สงสัย
“ขาประจำเลยครับ มาทีไรต้องร้องเพลงทุกที เสียงก็ดี เจ้าของร้านตื้อให้ คุณพงศ์มาเป็นนักร้องประจำ แต่คุณพงศ์ยังไม่ใจอ่อนสักที” พนักงานบอก
“ว้าว...ให้เกียรติร้องให้เราสักเพลงนะคะ” มิลินทร์เชียร์
พงศ์จันทรเกาเท้าทอยทำเป็นเขินอาย

พงศ์จันทรยื่นแบงค์พันให้พนักงานเสิร์ฟ
“พูดดีกว่าที่เตี๊ยม พี่ให้เพิ่มหนึ่งพัน”
“ขอบคุณครับพี่ ว่าแต่คุณๆ เขาไม่จับได้แน่นะว่าผมพูดโอเว่อร์เกินความจริง”
“คอยดูเองแล้วกัน”
พงศ์จันทร์ยิ้มมั่นใจ

บนเวที พงศ์จันทรจับกีต้าร์ โดยแค่เริ่มสะกิดกีต้าร์ เสน่ห์ความเท่ก็พุ่งถึงขีดสุด มิลินทร์กับจิตสุภางค์กรี๊ด ประกายดาว จันทรภานุ และหญิงนิ่มนั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกัน
ประกายดาวปรามเพื่อน “เฮ้ยๆ เก็บอาการหน่อย”
พงศ์จันทรเริ่มร้องเพลงรัก เขาหันไปยักคิ้วให้หญิงนิ่ม หญิงนิ่มเบ้หน้าใส่อย่างหมั่นไส้ พงศ์จันทรมองประกายดาวเพราะตั้งใจบอกความรู้สึกผ่านทางสายตาและท่าทาง มิลินทร์กับจิตสุภางค์มองตามสายตาของพงศ์จันทรไปที่ประกายดาว ประกายดาวยิ้มให้พงศ์จันทรตามมารยาท
“ทำไมไอ้ดาวไม่ละลายว่ะ ขนาดฉันมีลูกมีผัวแล้ว ยังแทบอยากจะลงไปชักแหง่กๆ อยู่บนพื้น” จิตสุภางค์ว่า
“แสดงว่ามันมีคนอยู่ในใจแล้วอะดิ๊” มิลินทร์บอก
มิลินทร์พยักหน้าไปที่จันทรภานุ จันทรภานุนั่งหน้าตึง เขามองประกายดาวสลับกับพงศ์จันทรไปมาและเกิดอาการหึงจับใจแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงยกแก้วน้ำดื่มเป็นระยะๆ
อภิเชษฐ์เดินเข้ามาในร้าน จันทรภานุหันไปเห็นก็โบกมือทักทาย
“ไอ้เชษฐ์”
อภิเชษฐ์โบกมือกลับ แล้วชี้นิ้วส่งสัญญาณให้จันทรภานุออกไปข้างนอก จันทรภานุหันไปบอกหญิงนิ่ม
“เดี๋ยวพี่มานะคะ”
หญิงนิ่มยิ้ม จันทรภานุลุกขึ้นไปหาอภิเชษฐ์
พงศ์จันทรยังคงร้องเพลงจีบประกายดาว หญิงนิ่มหมั่นไส้
“พี่ดาวไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหญิงหน่อยสิคะ”
ประกายดาวยิ้มรับแล้วเดินออกไปกับหญิงนิ่ม พงศ์จันทรมองตามสองสาว หญิงนิ่มหันมาแลบลิ้นใส่พงศ์จันทร

หญิงนิ่มกับประกายดาวเดินออกมาจากในร้าน ประกายดาวหยุดเดินและควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า
“พี่ลืมโทรศัพท์ รอแปบนะคะ”
ประกายดาวจะเดินกลับเข้าไปในร้าน แต่หญิงนิ่มดึงแขนไว้
“พี่ดาวรอตรงนี้เถอะค่ะ หญิงเข้าไปเอาให้เอง” หญิงนิ่มโกหก “หญิง..หญิงลืมของไว้ด้วย”
หญิงนิ่มไม่รอช้ารีบเข้าไปในร้าน ประกายดาวจะห้ามแต่ก็ไม่ทันแล้ว

พงศ์จันทรเห็นหญิงนิ่มเข้ามาในร้านคนเดียว พงศ์จันทรยิ้มอย่างมีแผนแล้วเล่นกีต้าร์เพลงใหม่
“เพลงนี้ ผมขอมอบให้กับผู้หญิงคนนั้นครับ” พงศ์จันทรพูด
ทุกคนหันไปมองหญิงนิ่มเป็นตาเดียว หญิงนิ่มเหวอ
แล้วพงศ์จันทรก็ร้องเพลง "เลดี้ ของ 25 hours"
"you're so sexy lady รู้ไหมใจฉันละลาย sexy lady เธอนุ่มนวลเกินบรรยาย
stop me baby make me crazy ใครว่านางฟ้าอยู่บนฟ้า"
พงศ์จันทรลงจากเวทีเข้าไปร้องใกล้ๆ หญิงนิ่ม หญิงนิ่มทั้งอายทั้งเขิน เธอจะเดินหนีแต่พงศ์จันทรก็ดักหน้าไว้ทำให้หญิงนิ่มไปไหนไม่ได้

ประกายดาวหยุดยืนอยู่ตรงนั้น แล้วเธอได้ยินเสียงจันทรภานุกับอภิเชษฐ์คุยกันอยู่หลังพุ่มไม้
“ฉันเช็คกล้องวงจรปิดหน้าห้องน้ำในห้างแกแล้ว ไม่มีใครมีพิรุธเลยว่ะ ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นการจัดฉากเพื่อดิสเครดิตห้างแก มากกว่าจะเป็นฝีมือของพวกโรคจิตจริงๆ”
ประกายดาวเดินเข้าไปใกล้อภิเชษฐ์กับจันทรภานุ
จันทรภานุสงสัย “ใครมันจะอยากดิสเครดิตฉัน”
“ที่ผ่านมาแกเคยมีปัญหากับใครบ้าง”
จันทรภานุคิด เขานึกถึงตอนที่กระชากคอเสื้อศิวะ

จันทรภานุหยุดคิด
“ฉันเคยมีปัญหาอยู่คนเดียว” จันทรภานุบอก อภิเชษฐ์แปลกใจ “คุณศิวะ”
“ศิวะสามีคุณอรอุมาน่ะเหรอ”
“อืม”
“แล้วแกไปมีปัญหาอะไรกับเขาวะ”
“ฉันเคลียร์กับเขาเรื่องปัญหาของคุณดาวกับคุณอร ฉันไม่อยากให้คุณดาวเสียหายเพราะคุณอรเข้าใจคุณดาวผิดอีก”
ประกายดาวที่ฟังอยู่รู้สึกซึ้งมาก
อภิเชษฐ์หันไปเห็นประกายดาวแอบฟังอยู่ก็ลอบยิ้มแล้วหลอกถาม
“จันทร์ แกชอบคุณดาวใช่ไหม”
ประกายดาวใจเต้น
จันทรภานุถามกลับ “ถามทำไม”
“เพื่อนมีความรัก เพื่อนสนิทอย่างฉันไม่มีสิทธิ์รู้หรือไงวะ ว่าไง...แกชอบคุณดาวใช่ไหม”
ประกายดาวลุ้น จันทรภานุนิ่ง
อภิเชษฐ์เร่งเร้า “เฮ้ย ชอบก็บอกชอบ จะเป็นอะไรไปวะ แกชอบคุณดาวใช่ไหม”
จันทรภานุหันหน้ากลับมาอภิเชษฐ์และกำลังขยับปากจะพูด “ชะ...”
ทันใดนั้นมิลินทร์ก็วิ่งกรี๊ดออกมาจากในร้าน
“กรี๊ด ไอ้ดาวๆๆ”
ประกายดาว จันทรภานุ และอภิเชษฐ์หันไปมองมิลินทร์ จันทรภานุแปลกใจที่เห็นประกายดาวอยู่ตรงนั้น ประกายดาวอ้าปากค้างแล้วหันไปขยิบตาให้มิลินทร์เงียบๆ
“ไอ้ลินทร์ ชู่ว์”
แต่มิลินทร์ไม่เก็ทจึงตรงเข้ามากระชากแขนประกายดาว
“เข้ามาในร้านเดี๋ยวนี้ คุณพงศ์ร้องเพลงโปรดของแกด้วย เท่ห์มว้าก ขอบอก”
มิลินทร์ดึงแขนประกายดาวเข้าไปข้างใน
จันทรภานุเศร้า อภิเชษฐ์มองอย่างเข้าใจ
“รู้แล้วว่าอะไรอุดปากแกไม่ให้พูดว่าแกชอบคุณดาว เพราะคุณพงศ์ใช่ไหม”
“ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่าเรื่องชื่อเสียงของห้างอีกแล้ว แกช่วยสืบหาตัวการให้ที ถ้าฉันรู้ว่ามันเป็นใคร ฉันจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด”

อ่านต่อหน้าที่ 3


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 8 (ต่อ)

อรอุมาในชุดนอนเดินเข้ามาที่โต๊ะกินข้าว บนโต๊ะตัวนั้นจัดเตรียมอาหารเช้าเอาไว้อย่างดี มีแก้วน้ำส้ม แจกันดอกไม้ อาหารจานหลักมีฝาครอบสวยงาม
“วันนี้ทำอะไรให้ฉันทาน ดูเว่อร์เชียว” อรอุมาถาม
คนใช้ประจำบ้านที่ยืนอยู่มีสีหน้าอึดอัด
“มีอะไรหรือเปล่า”
คนใช้อึกอัก “เอ่อ...”
“อึกอักๆ อยู่ได้ น่ารำคาญ”
อรอุมาเปิดฝาครอบอาหารออกก็เห็นมีไข่ดาววางเป็นรูปหัวใจ ตกแต่งด้วยไส้กรอก มะเขือเทศ แตงกวา และมีซอสมะเขือเทศเขียนว่า "ผมขอโทษ"
อรอุมาเซ็ง “ปัญญาอ่อน”
ศิวะถือช่อดอกกุหลาบย่องมาข้างหลังโดยทำหน้าทะเล้นเต็มที่ กะว่าจะเซอร์ไพร้สอรอุมาเต็มที่ อรอุมาพูดขึ้นโดยไม่ได้หันหลังไปมอง
“หยุดอยู่ตรงนั้น !”
ศิวะชะงักกึก อรอุมายังไม่หันไปมอง
“ทั้งคนทั้งดอกไม้ เอาไปให้พ้นๆฉัน เดี๋ยวนี้” อรอุมาว่า
“โธ่...อร อรเล่นรู้ทันผม ผมจะง้ออรยังไงล่ะครับ”
“คุณก็หัดเอามุขที่ใช้ง้อนังพวกผู้หญิงของคุณมาใช้กับฉันดูบ้างสิ เผื่อฉันจะรู้ไม่ทัน”
“ผมเคยง้อใครที่ไหน ผมง้อคุณคนเดียว ผมรักคุณนะอร”
“เก็บคำว่ารักของคุณไว้เถอะ ฉันฟังแล้วจะอ้วก !” อรอุมาสั่งคนใช้ “ไล่ออกไปด้วย ถ้าไม่ยอมออก เรียกตำรวจมาจับได้เลย” อรอุมาเดินปึงปังขึ้นห้องไป
“อร ! อร ผมรักคุณนะอร”
ยังไม่ทันขาดคำก็มีแจกันลอยลงมาหาศิวะ ศิวะกระโดดหลบแทบไม่ทัน
ศิวะบ่นกับตัวเอง “นังบ้า ถ้าแกไม่รวย อย่าคิดว่าฉันจะง้อ”
โทรศัพท์ของศิวะดังขึ้น ศิวะดูหน้าจอแล้วก็ประหลาดใจ
“ดาว ?”

ประกายดาวคุยโทรศัพท์อยู่ที่คอนโด
“โอเค ที่เดิมนะคะ อ่อ...ระวังเมียคุณมาเจอเข้าล่ะ ฉันไม่อยากตกเป็นข่าวอีก แล้วเจอกันค่ะ”
ประกายดาววางสายด้วยสีหน้ามีแผน มิลินทร์นั่งดื่มกาแฟอยู่ในห้องด้วย
“แกเอาจริงเหรอวะดาว”
“คุณชายต้องเดือดร้อนเพราะปกป้องฉัน จะให้ฉันอยู่เฉยๆ ได้ยังไง”
“แกจะช่วยคุณชายเพราะหวังผลเรื่องสเปิร์มหรือเปล่า”
“งานนี้สเปิร์มไม่เกี่ยว ความหวังดีล้วนๆ”
มิลินทร์เตือน “แต่แกกำลังเล่นกับไฟอยู่นะดาว”
“เพื่อช่วยคุณจันทรภานุ ต่อให้ฉันต้องวิ่งเข้าไปนรก ฉันก็จะไป”
ประกายดาวมีสีหน้ามุ่งมั่น

ศิวะนั่งรออยู่ในรถ เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเป็นระยะๆ และมีท่าทางกระสับกระส่ายอย่างคนที่คอยมานานแล้ว
“ทำไมไม่ออกมาสักที”
ศิวะกดโทรศัพท์โทรออก แต่ปลายสายไม่รับสาย ศิวะวางสายอย่างหงุดหงิด
“ไม่รับสาย ! ดาวมัวทำอะไรอยู่ “หิว” จะแย่อยู่แล้ว”
ศิวะตัดสินใจลงจากรถเดินเข้าไปข้างในฟิตเนส

ศิวะเดินเข้ามาข้างในฟิตเนสพร้อมมองหาประกายดาว แล้วสายตาของเขาก็หยุดชะงักไปที่ห้องหนึ่ง ศิวะเห็นประกายดาวกำลังเล่นโยคะพิลาทีส ศิวะไล่มองหุ่นเฟิร์มและฟิตของประกายดาวไปทุกสัดส่วน เขามองทึ่งๆ แล้วนึกไปไกลถึงเรื่องอย่างว่า ศิวะยิ้มตาเยิ้มและกลืนน้ำลายเอื๊อก

ประกายดาวเล่นเสร็จก็หยิบผ้าขนหนูมาซับเหงื่อ ก่อนจะหันมาเห็นศิวะ
“ศิวะ! เข้ามาทำไม บอกให้คอยข้างนอกไง เดี๋ยวก็ตกเป็นข่าวกันอีกหรอก เมียนายหูตาอย่างกับสัปปะรด”
“ไม่เข้ามาแล้วจะเห็นของดีเหรอ” ศิวะมองประกายดาวตาวิบวับ “ดาวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ จะได้ไปกันสักที ดาวมีเรื่องจะคุยกับเราไม่ใช่เหรอ”
ประกายดาวหน้าบึ้ง “ขอเรียกเหงื่ออีกสักหน่อย เหงื่อออกแค่นี้ ยังไม่สะใจ”
“ดาวโกรธอยู่”
ประกายดาวแสร้งทำประหลาดใจ “รู้ได้ยังไงว่าเราโกรธ”
“ลืมไปแล้วเหรอ เมื่อก่อน...เวลาที่ดาวโกรธ ใครเป็นคนพาดาวมาเรียกเหงื่อระบายอารมณ์ที่นี่ เวลาดาวเสียใจ...ใครเป็นคนพาดาวไปปีนผาถ่ายรูป เวลาดาวดีใจ ใครเป็นคน”
ประกายดาวตัดบท “พอ!” ประกายดาวยิ้มหวานแต่ประชด “เราจำได้แล้วว่าเราเคยคบกัน”
“ดีใจจังที่ดาวไม่เคยลืมเรื่องของเรา ตกลงใครทำให้ดาวโกรธครับ”
ประกายดาวมองศิวะแล้วทำท่าเหมือนจะพูด ศิวะมองประกายดาวอย่างอยากรู้มากแต่แล้วประกายดาวก็ไม่พูด
“ช่างมันเถอะ พูดไปก็ของขึ้นเปล่าๆ เราไปกันเลยก็ได้”
ประกายดาวเดินออกไปจากห้อง ศิวะมองตาม

ประกายดาวเดินมาตามทางเดิน ศิวะเดินตามหลังมา
“ดาว เดี๋ยวสิดาว”
ประกายดาวหยุดเดินแล้วลอบยิ้มกับตัวเอง เพราะนึกถึงสิ่งที่คุยกับมิลินทร์

เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมาเมื่อตอนที่ประกายดาวคุยกับมิลินทร์
“แน่ใจเหรอว่าไอ้ศิวะจะเชื่อเรื่องที่แกสตรอเบอรี่” มิลินทร์ถาม
“ฉันรู้สึกสันดานเขาดี อะไรก็ตามที่ฉันไม่อยากพูด ทำให้เขารู้ยากๆ เขาจะยิ่งกระเหี้ยนกระหือรืออยากที่จะรู้ และเขาก็จะเชื่อไปเองว่ามันเป็นเรื่องจริง” ประกายดาวบอก

ศิวะเดินมาขวางหน้าประกายดาว ประกายดาวหุบยิ้มแล้วปรับสีหน้าเป็นบึ้งตึง
“ดาวต้องบอกเรา ใครทำให้ดาวโกรธ”
“เราไม่อยากพูด”
“พูดเถอะ เราไม่อยากเห็นดาวไม่สบายใจ ถ้าดาวยังเห็นเราเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ดาวต้องบอกเรา”
“เอาไว้เราค่อยไปคุยกันนะ”
ประกายดาวจะเดินไป แต่ศิวะไม่ยอม
“ไม่ ! ดาวต้องบอกเราเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเราก็จะยืนถามดาวอยู่อย่างนี้ จะมีใครมาเห็น เราก็ไม่สนใจ”
“เฮ้อ...จะมีใครทนลูกตื้อของนายได้บ้างไหม”
ศิวะภูมิใจ “พูดเลย ไม่มี บอกเรามาซะดีๆ ใครทำให้ดาวของเราโกรธ”
ประกายดาวตอบ “คุณชายจันทร์”
ศิวะแปลกใจ

จันทรภานุจามเสียงดัง
“ตายแล้ว ! คุณชายจันทร์ไม่สบาย เป็นอย่างที่นันคิดไว้จริงๆ คุณชายเครียดมาก จะต้องป่วยเข้าสักวัน ดีนะคะที่นันตัดสินใจมาอยู่ใกล้คอยดูแลคุณชาย น้องหญิงโทรเรียกรถพยาบาลสิคะ แล้วก็โทรเรียนหม่อมป้าด้วย” นันทินีตื่นตูม
“คุณนันครับ ผมไม่ได้...”
“คุณชายอย่าเพิ่งพูดอะไรเลยค่ะ เดี๋ยวเชื้อโรคจะเข้าคอ” นันทินีหยิบกระดิ่งขึ้นมาสั่นถี่ๆ แล้วตะโกน “ยะฮู้...ใครอยู่ข้างนอก หาน้ำอุ่นมาให้คุณชายจันทร์เดี๋ยวนี้”
“คุณนัน !” จันทรภานุเสียงดังขึ้น นันทินีเงียบกริบ “ผม..ไม่ได้..เป็นอะไร”
นันทินีดราม่า “คุณชายดุนัน นันขอโทษค่ะที่นันหวังดีกับคุณชายมากเกินไป”
“ผมขอโทษ แต่ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
“คุณชายไม่รู้หรอกค่ะ เวลานันเห็นคุณชายเครียด นันเครียดกว่าล้านเท่า ถ้าเป็นไปได้ นันอยากแบกความเครียดของคุณชายมาไว้กับตัวเอง คุณชายจะได้ไม่เครียด”
“ถ้าไม่อยากให้พี่ชายเครียด พี่นันต้องเล่นตลกให้พี่ชายดูเหมือนพี่ดาวค่ะ” หญิงนิ่มบอก
“ฮะ ! อย่างคุณดาวน่ะเหรอ เล่นตลกให้คุณชายดู แค่ได้ยินก็ตลกฝืดแล้ว” นันทินีว่า
“ฝืดหรือเปล่าไม่รู้ แต่พี่ชายก็ได้หัวเราะ ได้คลายเครียดอย่างที่พี่ดาวตั้งใจ”
“ตั้งใจ ตกลงวันนั้นคุณดาวตั้งใจทำเพื่อพี่เหรอคะ” จันทรภานุถาม

ประกายดาวกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะในมุมกาแฟที่ฟิตเนส
“ตั้งใจสิ ! ประกายดาวไม่ได้ใช้แค่กล้องถ่ายรูป แต่ใช้ใจใส่เข้าไปด้วย แต่คุณชายจันทร์เอาเราไปว่าให้คนอื่นฟัง ว่ารูปถ่ายเราห่วยแตก! เราไม่ได้ใช้นิ้วมือกดชัตเตอร์ แต่ใช้นิ้วเท้ากด พูดอย่างนี้เอามีดมาแทงเราดีกว่า” ประกายดาวระบาย
“เราคิดว่าดาวกับคุณชายกิ๊กกันอยู่ซะอีก” ศิวะบอก
“คุณชายจันทร์กับเราก็เหมือนดอกฟ้ากับหมาวัด”
“อย่างคุณชายน่ะเหรอเป็นหมาวัด”
“เราต่างหากที่เป็นหมา คุณชายเป็นดอกฟ้า เรามิอาจเอื้อมหรอก แต่เราอยากรู้มากเลย ใครที่มันปล่อยข่าวดิสเครดิตห้างคุณชาย”
“ดาวจะรู้ไปทำไม”
“เราอยากขอบคุณเขา อย่างคุณชายจันทร์ต้องโดนเล่นงานซะบ้าง จะได้รู้ว่าเวลาที่โดนคนอื่นตำหนิในสิ่งที่ไม่ได้ทำ รู้สึกยังไง” ประกายดาวตบหน้าตัวเองไปมา “อ้าย! หยุดเดี๋ยวนี้นะประกายดาว หยุด ! อย่าคิด”
“เฮ้ย ดาว จะบ้าเหรอ”
“อย่าห้ามเรา เราต้องห้ามคิดชั่วๆ ของตัวเอง”
“ดาวอยากให้คุณชายจันทร์โดนเล่นงานมากกว่านี้ใช่ไหม เราช่วยดาวได้นะ” ศิวะบอก
ประกายดาวสงสัย “ช่วย ?”
“ช่าย แต่ดาวต้องสัญญาก่อน ถ้าเราเล่นงานชายจันทร์ได้สำเร็จ ดาวจะตอบแทนให้เราอย่างงาม”
“นายจะทำอะไรล่ะ”
“ไม่บอก แต่รับรองสำเร็จ”
“เซลฟ์ไปปะ”
“อย่าดูถูกเรา เราเคยทำสำเร็จมาแล้ว”
“ทำอะไร”
ศิวะหันซ้ายหันขวาเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น ประกายดาวลุ้นมากเพราะใกล้จะรู้ความจริงแล้ว มือประกายดาวกดอัดเสียงในโทรศัพท์ ศิวะเข้ามากระซิบบอกประกายดาว
“เราเป็นคน...”
ประกายดาวลุ้น แต่ศิวะดันหันไปเห็นรติรสถือกระเช้าดอกไม้เข้ามา พนักงานเข้าไปไหว้ต้อนรับแล้วพารติรสเดินไปทางหนึ่ง
“รส !”
ประกายดาวหันมองตาม
ประกายดาวบ่น “มีมารผจญจนได้” ประกายดาวพูดพร้อมหันกลับไปหาศิวะ “เราไปคุยต่อกัน”
ศิวะหายตัวไปแล้ว ประกายดาวเหวอเพราะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นศิวะ
“เฮ้ย ! กลัวเพื่อนเมียอย่างกับกลัวเมีย”

ศิวะวิ่งมาที่มุมสระน้ำ
“ถ้ารสเห็นเข้า รสต้องบอกยัยอร งานเข้าสองเด้งแน่”
ศิวะวิ่งหลบมาตามทาง เสียงโทรศัพท์เข้า ศิวะล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงดูหน้าจอก็เห็นชื่อ “เสงี่ยม”
ศิวะวิ่งไปกดรับสายไป
“ฮัลโหล”
ประกายดาวพูดโทรศัพท์ “นายหายหัวไปไหน! เรายังคุยกันไม่จบเลย สรุปว่านายเคยทำอะไรคุณชาย”

ศิวะวิ่งไม่ทันระวังจึงชนกับผู้ชายคนหนึ่งเข้าอย่างแรง ศิวะกระเด็นไปไกลมาก
“เฮ้ย !”
โทรศัพท์ศิวะลอยไปตกบ่อน้ำ

ปลายสายตัดไป ประกายดาวพูดใส่โทรศัพท์
“ฮัลโหลๆ ศิวะ”

ศิวะมีสีหน้าเจ็บปวดจากการที่ก้นกระแทกพื้นจนแทบจะลุกไม่ขึ้น
“โอย...อูย...”
ชายคนที่เขาวิ่งชนก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าศิวะและส่งมือให้จับ ศิวะจับตอบแต่ยังไม่ทันได้มองหน้า
“ขอบคุณครับ” ศิวะพูด
ศิวะเงยหน้าขึ้นมองถึงเห็นว่าชายคนนั้นเป็นเกย์กล้ามปูคนหนึ่ง
“เจ็บก้นมากไหมครับ” เกย์ถาม
ศิวะเหวอ

รติรสถือกระเช้าดอกไม้เข้ามาในห้อง ผู้หญิงที่นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะเห็นรติรสก็ดีใจ
“รส !!”
“ยินดีด้วยนะจ๊ะ ขอให้กิจการฟิตเนสของเธอรุ่งเรือง ขอกอดหน่อย ม๊วฟ ม๊วฟ” รติรสบอก
รติรสกับผู้หญิงคนนั้นจุ๊บแก้มซ้ายขวาของกันและกัน แต่รติรสกลอกตาเหลือกเพราะไม่ได้มีความจริงใจอย่างอยู่ต่อหน้าเลย
ทันใดนั้นรติรสก็หันไปเห็นอะไรบางอย่างที่ทีวีกล้องวงจรปิด ภาพในจอคือภาพของศิวะที่สลัดมือออกจากเกย์กล้ามปูแล้วจะเดินไป แต่เกย์กล้ามปูไปขวางหน้าศิวะ ศิวะชกโครมแล้วเดินออกไป
รติรสแปลกใจ “ศิวะ !?”

จันทรภานุนั่งยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงตอนที่ประกายดาวเล่นตลกบนเวที
จันทรภานุหัวเราะออกมาได้ แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นได้จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดแต่แล้วก็ลังเล

ประกายดาวเดินสะพายกระเป๋ามาตามทางเดินพร้อมคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“ไอ้ลินทร์ แกเชื่อฉัน ฉันนั่งยันนอนยันได้เลย ศิวะต้องรู้เรื่องดิสเครดิตห้างคุณชายแน่นอน แต่นี่ไม่รู้ศิวะหายหัวไปไหน โทรศัพท์ปิดเครื่อง แต่ไม่เป็นไร ฉันทำให้เขาตายใจได้แล้ว หลอกถามใหม่คงไม่ยาก”
โทรศัพท์ของประกายดาวมีสายเข้า ประกายดาวลดโทรศัพท์ดูหน้าจอ
“แค่นี้ก่อนนะไอ้ลินทร์ โรงงานผลิตลูกฉันโทรมา” ประกายดาวรับสาย “สวัสดีค่ะคุณชาย”
จันทรภานุถาม “คืนนี้คุณดาวว่างไหมครับ ไปทานข้าวกันไหม”
“ได้สิคะ ที่ไหนเอ่ย”
“ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแถวสุขุมวิทครับ มีเชฟจากอิตาลีบินมาทำให้ทาน บรรยากาศก็ดี มีนักดนตรีเล่นไวโอลีน”
“ว้าว...โรแมนติกจัง” ประกายดาวนึกอะไรขึ้นได้ “แต่เอ๊ะ ! นี่ไม่ใช่การเดทใช่ไหมคะ”
“แล้วถ้าใช่ล่ะครับ”
“ไม่ใช่ดีกว่าค่ะ” ประกายดาวคิดหาเหตุผล “ฉัน ฉันไม่อยากเกร็งน่ะค่ะ แต่ถ้าเราไปทานกันในฐานะเพื่อน ฉันจะรีแลคซ์กว่า”
“ตามใจคุณดาว เพื่อนก็เพื่อน คืนนี้ผมไปรับคุณดาวที่คอนโดนะครับ”
หญิงนิ่มที่แอบฟังอยู่รู้สึกชอบใจ
“ในที่สุดพี่ชายก็ชวนผู้หญิงไปดินเนอร์ในรอบหลายปี น้องที่ดีอย่างเราก็ต้องช่วยเคลียร์ทาง กำจัดพวกเห็บเหาไปให้ไกลๆ ซะ”

พงศ์จันทรกำลังคอมเมนต์แผ่นฟิวเจอบอร์ดงานกับพนักงาน
“ผมไม่ซื้อคอนเซ็ปต์นี้นะ เชยไป แล้วก็ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วย เอาไปแก้มาใหม่”
พนักงานรับคำก่อนจะหยิบแผ่นฟิวเจอร์แล้วเดินออกไป
พงศ์จันทรหลับตา เขาเอนตัวกับพนักเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยและเครียด ทันใดนั้นก็มีโทรศัพท์เข้า พงศ์จันทรดูหน้าจอเห็นชื่อ “หญิงนิ่ม”
พงศ์จันทรยิ้มออกมาทันที เขากดรับสายแล้วร้องเพลงแซว
“ยูโซเซ็กซี่เลดี้ รู้ไหมใจฉันละลาย เซ็กซี่เลดี้ เธอนุ่มนวลเกินบรรยาย”
“ถ้าไม่หยุดร้อง ฉันจะวางสาย” หญิงนิ่มว่า
“กลัวแล้วครับ มีสิ่งใดให้ผมรับใช้หรือครับคุณหญิง”
“คืนนี้นายว่างหรือเปล่า”
“จะชวนผมดินเนอร์เหรอครับ”
“ไม่เชิง จะไปหรือเปล่าล่ะ”
“คุณหญิงเอ่ยปากชวนเองทั้งที คนสามัญชนอย่างกระผมจะปฎิเสธได้อย่างไร”
หญิงนิ่มใช้ความอดกลั้นสุดชีวิต เธอพยายามพูดเสียงปกติ
“โอเค งั้นเจอกัน”

จันทรภานุเดินเข้าลิฟต์แล้วกดปิด ทันใดนั้นเสียงของแดนดินก็ดังขึ้น
“รอด้วยครับ”
จันทรภานุรีบกดปุ่มเปิด แดนดินวิ่งถือกล่องใส่อาหารมาที่ลิฟต์ แดนดินจ้องชายจันทร์
“คุณชายจันทร์ ! ผมแดนดิน เป็นพี่ชายดาวครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ มาหาดาวเหรอครับ”
“ครับ ผมมารับคุณดาวไปทานข้าวน่ะครับ”
แดนดินเป็นห่วงน้อง “ไปกันดึกจัง”
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะพาคุณดาวมาส่งไม่เกินเที่ยงคืน”
แดนดินยิ้ม เขานึกถึงตอนที่ประกายดาวประกาศเจตนารมณ์
เสียงประกายดาวดังในหัวของแดนดิน “ยังไงพี่ดินก็เปลี่ยนใจดาวไม่ได้หรอก ดาวจะต้องมีลูก ดาวจะขอสเปิร์มจากคุณชายจันทร์มาทำกิฟต์ให้ได้”

แดนดินยิ้มอย่างมีแผน แล้วยื่นมือให้จันทรภานุจับ
“คุณชายครับ ผมมีความลับจะบอก”
จันทรภานุแปลกใจ

เสียงเคาะประตูห้องประกายดาวดังขึ้น ประกายดาวในชุดเดรสสั้นเข้ารูปเดินมาเปิด
“มาถึงเร็วจังเลยค่ะคุณ...”
ประตูห้องเปิดกว้าง ประกายดาวเห็นดินแดนยืนอยู่กับจันทรภานุ
“พี่ดิน !?”
“จ๋าจ้ะน้องรัก”
แดนดินยิ้มเจ้าเล่ห์ดูเหมือนมีความอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา
“พี่ดินจะมาทำไมไม่บอกดาวก่อน”
“วัลย์ให้พี่แวะเอาแกงมาให้ พี่กะว่าถ้าแกไม่อยู่ พี่จะใส่ตู้เย็นไว้ ไม่คิดเล้ยว่าจะได้มาเจอคุณชายจันทร์ ห้องแกน่าจะอยู่สูงกว่านี้นะ พี่กับคุณชายจะได้มีเวลาคุยกันในลิฟต์นานขึ้น”
“พี่ดินคุยอะไรกับคุณชาย” ประกายดาวถาม
“คุยไม่มากหรอก แต่เป็นเรื่องแกล้วนๆ” แดนดินว่า
ประกายดาวเหวอ แต่แดนดินไม่เปิดโอกาสให้ประกายดาวถาม
“นี่ยังแต่งตัวไม่เสร็จนี่ จะยืนเฉยอยู่ทำไม รีบๆ ไปแต่งตัวซะสิ ให้คุณชายคอยนาน เสียมารยาท อะไรกันเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้ มัวแต่เอาสมองไปคิดเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องอยู่ล่ะสิ”
ประกายดาวดึงกล่องอาหารมาจากมือแดนดิน
“ฝากขอบคุณพี่วัลย์ด้วย จบธุระ พี่ดินกลับไปได้แล้ว”
“ไม่กลับ” แดนดินพูดทันที “ฉันจะอยู่คุยกับคุณชายจันทร์ เชิญนั่งก่อนเถอะครับคุณชาย กว่าไอ้ดาวจะแต่งตัวเสร็จก็คงไม่ต่ำกว่าสิบนาที”
“ฉันขอเวลาสองนาทีค่ะ”
ประกายดาววางกล่องแกงไว้บนโต๊ะกลางแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องเพราะไม่อยากให้แดนดินอยู่กับจันทรภานุ

แดนดินกับจันทรภานุนั่งที่โซฟา แดนดินมองไปที่กล่องแกงแล้วก็นึกแผนออก เขาลุกขึ้นไปหยิบชามและช้อนส้อมมา
“คุณชายจันทร์ลองชิมแกงมัสมั่นฝีมือภรรยาผมนะครับ” แดนดินชวน
“ไม่เป็นไรครับ”
“เป็นครับ ผมอยากอวด”

แดนดินพูดไปก็หยิบกล่องอาหารมาเปิดฝา
“แต่ต้องขอเตือนไว้ก่อนนะครับ ถ้าคุณชายจันทร์ทานแกงมัสมั่นของภรรยาผมคุณชายจะไม่สามารถทานแกงมัสมั่นที่อื่นได้อีกเลย”
แดนดินเปิดฝากล่องแกงโดยจงใจให้น้ำแกงกระฉอกใส่เสื้อจันทรภานุเต็มๆ
“เฮ้ย ! ขอโทษครับคุณชาย คุณชายอยู่นิ่งๆ ครับ ผมเช็ดให้”
แดนดินคว้าผ้าขนหนูแถวนั้นมาเช็ดน้ำแกงที่เสื้อจันทรภานุแต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเปื้อน ประกายดาวเปิดประตูออกมาจากในห้อง
“คุณชาย ! พี่ดินทำอะไรคุณชาย”
“อุบัติเหตุนิดหน่อย แกมาก็ดีแล้ว แกช่วยดูแลคุณชายทีนะ พี่ต้องรีบกลับไปส่งลูกเข้านอน แล้วเจอกันนะครับคุณชาย” แดนดินรีบออกไปจากห้อง
“อะไรของเขาจะมาก็มา จะไปก็ไป” ประกายดาวพูดกับจันทรภานุ “เสื้อคุณชายเปื้อนเยอะเลย ถอดส่งซักดีกว่าค่ะ ไม่เกินชั่วโมงก็เสร็จ”
ประกายดาวเดินเข้าไปในห้อง จันทรภานุสาละวนกับการเช็ดคราบเปื้อนบนเสื้อของเขา

แดนดินเดินออกมาจากห้องด้วยหน้าตามีแผนร้าย
“ไอ้ดาว เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือประกายดาวยังมีแดนดิน”

ประกายดาวเดินกลับออกมาพร้อมผ้าขนหนู
“ผ้าค่ะคุณชาย”
ประกายดาวหยุดชะงักและตาค้างเพราะเห็นจันทรภานุยืนหันหลังถอดเสื้อ โชว์แผ่นหลังขาวน่าเจี๊ยะอยู่ ประกาวดาวขยำผ้าขนหนูในมือแล้วคิดในใจ
“โห...ผิวสวยมาก ขาวเนียนอมชมพู ถ้าลูกได้ผิวคุณชายก็เป๊ะเว่อร์”
จันทรภานุหันหน้ามาหาประกายดาวก็เจอประกายดาวจ้องอยู่ จันทรภานุคิดถึงสิ่งที่แดนดินบอก

เหตุการณ์ตอนที่แดนดินพูดกับจันทรภานุในลิฟท์ย้อนกลับมา
“ผมมีความลับของไอ้ดาวจะบอก” แดนดินป้องปากพูดเหมือนเป็นความลับระดับชาติ “ถ้าไอ้ดาวอยู่ใกล้ผู้ชายขาว ล่ำ ปากแดงอย่างคุณชาย อาการหื่นของไอ้ดาวจะกำเริบ”
จันทรภานุตกใจ “หื่น !”
แดนดินพูดต่อ
“ถ้าไอ้ดาวหลบสายตาคุณชาย แสดงว่าต่อมหื่นของมันเริ่มกระดิก”

ประกายดาวชักสายตาหลบสายตาของจันทรภานุแล้วส่งผ้าขนหนูให้
“ผ้าค่ะคุณชาย”
จันทรภานุขมวดคิ้วโดนยังไม่ยื่นมือไปรับ ประกายดาวแปลกใจที่จันทรภานุไม่รับผ้าสักทีจึงส่งให้อีกครั้ง
“คุณชายคะ”
จันทรภานุรู้ตัวจึงรีบรับผ้าขนหนูมา
“ขอเสื้อด้วยค่ะ ฉะ..ฉัน..จะเอาไปซัก”
จันทรภานุอ้าปากค้างเพราะท่าทางของประกายดาวเหมือนที่แดนดินพูดเป๊ะ

ภาพตอนที่แดนดินพูดกับจันทรภานุผุดขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง
“ถ้ามันพูดติดๆ ขัดๆ ล่ะก็ แสดงว่าสติมันเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คุณชายต้องระวังไว้ให้ดี อยู่ให้ห่างมันในรัศมีห้าสิบเมตร อย่าให้มันโดนตัวคุณชายได้แม้แต่ปลายเล็บ ไม่งั้นอาการระยะสุดท้ายของไอ้ดาวจะปะทุ”

ประกายดาวกำลังจะเดินออกไป แต่เท้าของเธอเหยียบน้ำแกงทำให้ลื่น
“ว้าย !”
จันทรภานุคว้าแขนประกายดาวแล้วดึงเข้าไปในอ้อมกอดอันเปลือยเปล่า ประกายดาวผละออกทำท่าทางปกติ
“ฉันเอาเสื้อไปซักก่อนนะคะ”
ประกายดาวหันหลังเดินไป จันทรภานุมองตามพลางใช้ความคิด
“ไม่เห็นเป็นอะไรอย่างที่คุณดินพูด” จันทรภานุนึกอะไรขึ้นได้ “เอ่อ...คุณดาวครับ”
ประกายดาวหันหน้ามาในสภาพเลือดกำเดาไหลออกจมูก
จันทรภานุตกใจ “คุณดาว !”
“คะ ?”
“เลือด”
ประกายดาวเพิ่งรู้ตัว “ว้าย !” ประกายดาวปาดจมูกไปมา
จันทรภานุไม่รอช้ารีบสาวกระดาษทิชชู่ไปโปะที่จมูกประกายดาว
“เงยหน้าไว้ครับ”
ประกายดาวเงยหน้า จันทรภานุประคองประกายดาวลงไปนอนบนโซฟา ประกายดาวจ้องไปที่หัวนมของจันทรภานุ ประกายดาวตาปรือจะเป็นลม เธอเอนตัวลงไปบนโซฟา จันทรภานุต้านแรงไม่อยู่จึงล้มลงไปด้วยทำให้ทั้งสองอยู่ในท่านอนโอบกัน
หน้าประกายดาวจ่ออยู่ใกล้กับกล้ามของจันทรภานุ หัวใจประกายดาวเต้นแรงมาก เลือดกำเดาไหลออกมาเพิ่มอีก จันทรภานุใช้มือข้างที่ว่างสาวกระดาษทิชชู่มาซับเลือดกำเดาให้ประกายดาวเพิ่มอีก
“ทำไมเลือดกำเดาคุณออกเยอะมาก”
“ก็เพราะคุณล่ำ เฮ้ยๆ ไม่ใช่ๆ เพราะฉันอึดอัด คุณชายออกไปให้ห่างๆ ฉันเถอะค่ะ นะคะ ฉันขอร้อง”
จันทรภานุยอมถอยออกไปยืนมองประกายดาว ประกายดาวนอนแหงนหน้าแล้วสาวทิชชู่มาซับจมูกเอง โดยพยายามไม่มองจันทรภานุไม่งั้นเลือดจะพุ่งปรี๊ด
“ใส่เสื้อไว้ก่อนก็ได้ค่ะ เปื้อนหน่อยแต่ยังดีกว่าเป็นหวัด หรือจะเอาเสื้อคลุมก็ได้ค่ะ ในห้องน้ำมี”
จันทรภานุมองประกายดาวแล้วยิ้มเอ็นดู

อ่านต่อหน้าที่ 4


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 8 (ต่อ)

แดนดินกำลังล้างจานและหัวเราะก๊าก ขณะที่นภาวัลย์กำลังเก็บและเช็ดโต๊ะ
“คุณแกล้งน้องดาว ถ้าน้องดาวโกรธ วัลย์จะสมน้ำหน้าให้”
“ผมไม่ได้แกล้ง ผมพูดเรื่องจริง เวลาไอ้ดาวมันอยู่ใกล้ผู้ชายถอดเสื้อ มันจะเขินซะจนไม่กล้าสบตา พูดติดๆ ขัดๆ สุดท้ายก็เลือดกำเดาออก”
“แต่คุณไปบอกคุณชายว่าน้องดาว...หื่น คุณชายจะมองน้องดาวไม่ดีนะคะ”
“นั่นแหละที่ผมต้องการ ไอ้ดาวจะไม่กล้าคิดทำเรื่องพิเรน”
“แสดงว่าคุณไม่อยากมีหลาน”
“อยากสิ แต่ขอมาแบบปกติทั่วไปดีกว่า สงสารเด็ก แต่เอาเถอะคุณ เจอวิธีสกัดดาวรุ่งของผมไป ไอ้ดาวคงต้องเสียเวลาหาเป้าหมายใหม่อีกนาน” แดนดินบอก

ประกายดาวลุกขึ้นจากโซฟา บนโต๊ะใกล้ตัวมีกระดาษทิชชู่กองพะเนิน จันทรภานุใส่เสื้อคลุมอาบน้ำนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ไม่ไหลแล้ว เดี๋ยวฉันเอาเสื้อลงไปซักให้นะคะ”
เสียงท้องประกายดาวร้องดังจ๊อก ประกายดาวกุมท้อง
“อุ้ย!” ประกายดาวยิ้มเจื่อนๆ “แฮะ...ก็คุณชายโฆษณาร้านไว้ซะเยอะ ฉันก็เลยหิ้วท้องรอตั้งแต่กลางวัน”
“ถ้ารอให้ซักเสื้อเสร็จ คุณจะทนไหวเหรอ”
“ไหวค่ะ” ประกายดาวตีท้องตัวเองเบาๆ “อดทนกันก่อนนะ อย่าเพิ่งซุกซน”
“คุณคุยกับใคร”
“พยาธิค่ะ”
จันทรภานุอึ้งและเหวอเพราะไม่คิดว่าจะเจอคำตอบนี้ เขาหลุดหัวเราะแล้วโยกหัวประกายดาว
“คุณนี่บ๊องจริงๆ”
ประกายดาวยิ้มทะเล้น แต่รอยยิ้มนั้นกลับสะกดให้จันทรภานุมิอาจละสายตาไปจากใบหน้าของเธอ ประกายดาวเองก็โดนสะกดจากสายตาอันอ่อนหวานของจันทรภานุ ทั้งสองจ้องตากัน บรรยากาศพาไปจนทำให้จันทรภานุโน้มตัวลงไปจะจูบประกายดาว
ประกายดาวใจเต้นแรงแต่กายไม่เคลื่อนไหว ใบหน้าของจันทรภานุเข้ามาใกล้มากจนแทบจะสัมผัสได้ถึงไออุ่นลมหายใจของเขา ประกายดาวหลับตาและเชิดหน้านิดๆ เพื่อรอรับสัมผัสนั้น ปากจันทรภานุใกล้แตะริมฝีปากของประกายดาว
ทันใดนั้นเสียงท้องของจันทรภานุก็ดัง “จ๊อก” ขัดบรรยากาศโรแมนติก ทั้งสองปล่อยหัวเราะแต่ก็สบตากันด้วยความเขินเป็นระยะๆ จันทรภานุตีท้องตัวเองเบาๆ
“เดี๋ยวเถอะนะ มาประสานเสียงอะไรกันตอนนี้”
“เราอย่าทรมานพยาธิของเรากันเลยค่ะ ทานข้าวกันที่นี่เลยดีกว่า เราอุตส่าห์มีแกงมัสมั่นที่อร่อยที่สุดในสามโลกแล้ว”

หญิงนิ่มนั่งกินข้าวกับพงศ์จันทร หญิงนิ่มเขี่ยอาหารไปมาเพราะอิ่มมากแล้ว พงศ์จันทรสังเกตอาการของหญิงนิ่ม
“อิ่มแล้วไม่ต้องกินต่อก็ได้นะ” พงศ์จันทรบอก
หญิงนิ่มแย้ง “ฉันยังไม่อิ่ม”
“แต่หมูชิ้นนั้นคุณนั่งเขี่ยอยู่สิบนาทีแล้วนะ”
หญิงนิ่มเหวอและรีบแก้ตัว “เขาเรียกว่า ละเลียดย่ะ ไม่ใช่กินมูมมามให้อิ่มๆ เสร็จๆ ไปเหมือนใครบางคน”
“ตามใจ เชิญคุณละเลียดไปก่อนแล้วกัน ผมขอโทรศัพท์ก่อน”
“โทรหาใคร”
“ลูกน้อง จะสั่งแก้งาน”
“จริงอ้ะ ?”
“ผมจะโกหกคุณเพื่ออะไรครับคุณหญิง”
“มากินข้าวแต่โทรคุยเรื่องงาน เสียมารยาท ฉันไม่ให้โทร เอาโทรศัพท์มานี่”
หญิงนิ่มจะคว้าโทรศัพท์พงศ์จันทร์ แต่พงศ์จันทรหลบ
“อะๆ มือถือคนอื่นดูได้แต่ตา มืออย่าต้อง ความลับจะเผย”
“ย่ะ ! พ่อคนความลับเยอะ”
“ผมไม่โทรศัพท์ แต่ขึ้นไปร้องเพลงแทนได้ไหม เหงาปาก”
“เชิญ แต่ห้ามพาดพิงถึงฉัน”
พงศ์จันทรยิ้มแล้วเดินขึ้นไปบนเวที หญิงนิ่มมองนาฬิกา
“พี่ชายกับพี่ดาวจะกลับกันหรือยังนะ เราจะได้ปล่อยนายปลาไหลกลับสักที” หญิงนิ่มจะโทรศัพท์ แต่ก็เปลี่ยนใจ “โทรไปอาจจะขัดจังหวะสวีท ทนมาได้ตั้งหลายชั่วโมง ทนต่ออีกนิดแล้วกัน”
พงศ์จันทรกำลังเตรียมไมโครโฟน เตรียมกีต้าร์ พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟอีก
“ว้าว น่าทานจัง ถ่ายรูปอวดคุณชายไร้หัวใจดีกว่า”
หญิงนิ่มถ่ายรูปแล้วกดส่งแชทในมือถือ
“น่าทานไหมคะ” หญิงนิ่มกดส่ง
พงศ์จันทรดันเอาไมโครโฟนไปจ่อตรงกระเป๋ากางเกงพอดี เสียงข้อความแชทจากโทรศัพท์จึงดังลั่น หญิงนิ่มมองพงศ์จันทร พงศ์จันทรหยิบขึ้นมาดูข้อความพอเห็นว่ามาจากหญิงนิ่มเขาก็เผลอเงยหน้าสบตากับหญิงนิ่มตามสัญชาตญาณ หญิงนิ่มแปลกใจ
“เอ๊ะ !”
พงศ์จันทรเห็นอาการของหญิงนิ่ม
พงศ์จันทรพูดลอดไรฟัน “ซวยแล้วไอ้พงศ์” พงศ์จันทรแกล้งทำเป็นกดแชทตอบพร้อมกับอมยิ้มนิดๆ เหมือนว่าคุยกับคนอื่นอยู่
หญิงนิ่มโล่งใจ “เฮ้อ...ช่างบังเอิญกันดีแท้”


ประกายดาวกับจันทรภานุนั่งกินข้าวด้วยกันบนโต๊ะเรียบง่ายๆ ริมระเบียงคอนโดที่มีแค่แกงหนึ่งถ้วย ข้าวเปล่าสองจาน
“มีกับข้าวแค่อย่างเดียวคุณชายทานได้ใช่ไหมคะ”
“ถึงจะมีกับข้าวแค่อย่างเดียว แต่มื้อนี้จะเป็นมื้อที่พิเศษสุดในชีวิตผม”
“ทำไมคะ”
“เพราะมี..” จันทรภานุมองประกายดาว “แกงมัสมั่นอร่อยที่สุดในสามโลก”
ประกายดาวยิ้ม แล้วทั้งสองก็เริ่มทานอาหารกัน
ทั้งสองกินไป พูดคุยกัน หัวเราะกันไปทั้งโรแมนติกและสนุกสนาน จันทรภานุลอบมองความสดใสของประกายดาวเป็นระยะๆ

หญิงนิ่มกับพงศ์จันทรเดินออกมาจากในร้าน
“ขอบคุณมากสำหรับอาหาร ไปล่ะ” หญิงนิ่มจะเดินไป
พงศ์จันทรคว้าแขนหญิงนิ่มไว้
“เดี๋ยวสิคุณหญิง”
“มีอะไรอีกล่ะ”
“คุณชวนผมมากินข้าว มานั่งกินอาหารช้าๆ ถ่วงเวลาให้ผมอยู่กับคุณนานๆ บอกผมมาดีกว่า คุณคิดอะไรอยู่”
“คิดอะไร ไม่ได้คิดอะไรนี่”
“ไม่จริง คุณคิด...ไม่ซื่อกับผมใช่ไหม ยอมรับมาซะดีๆ ว่าคุณชอบผม”
“เมาแกงเขียวหวานหรือไง” หญิงนิ่มว่า
“คุณชอบผมใช่ไหม”
“นายจะทำบ้าอะไร จะสะกดจิตฉันหรือไง”
“คุณชอบผมใช่ไหม”
พงศ์จันทรก้าวเข้าไปใกล้หญิงนิ่ม หญิงนิ่มถอยจนหลังติดกำแพง
“ถอยออกไปนะ”
“คุณชอบผมใช่ไหม”
หญิงนิ่มกระทืบส้นรองเท้าใส่เท้าพงศ์จันทร พงศ์จันทรร้องโอ๊ยดังลั่น หญิงนิ่มผลักพงศ์จันทรแล้ววิ่งหนีออกไป
“จำเอาไว้ อย่าหลงตัวเองให้มันมาก ชิ”
หญิงนิ่มแลบลิ้นใส่พงศ์จันทรแล้ววิ่งออกไป พงศ์จันทรสะบัดเท้าเร่าๆ แต่ก็มองตามและยิ้ม

ศิวะขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านอรอุมา เขาลงจากรถกำลังเดินเข้าบ้าน จู่ๆ ก็มีมือมากระชากแขนศิวะไปที่หลังเสา ศิวะตกใจร้องเฮ้ยแล้วค่อยเห็นว่าคนที่ดึงเขาคือ รติรส
“วันนี้คุณหายไปไหนมา ฉันโทรหาคุณไม่ติดเลย” รติรสถาม
“โทรศัพท์ผมตกน้ำ เพิ่งจะไปถอยมาใหม่” ศิวะบอก
“ตกที่ไหน ฟิตเนสหรือเปล่า”
“คุณเห็นผมที่ฟิตเนสด้วยเหรอ”
“เห็นสิ เอ๊ะ ! คุณพูดเหมือนคุณรู้ว่าวันนี้ฉันไปฟิตเนส”
“เอ่อ...ผม ผมไม่รู้”
“แล้วทำไมต้องตกใจ”
ศิวะหลบตา “เปล่านี่ ไม่ได้ตกใจอะไร”
รติรสจ้องศิวะอย่างคาดคั้น
“ศิวะ...คุณปิดบังอะไรฉันอยู่ หรือว่าคุณนัดเจอกับใคร”

อรอุมาเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน เธอมองไปที่ห้องรับแขกก็ไม่เห็นรติรส
“ยัยรสหายไปไหน”

รติรสดึงแขน จ้องตาเพื่อคาดคั้นศิวะ
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ คุณไปฟิตเนสกับใคร”
ศิวะหนักใจ แล้วก็หันไปเห็นอรอุมาเดินสอดส่ายสายตาออกมาจากในบ้านมุ่งตรงมาทางนี้
“รส อร !”
ศิวะดึงมือรติรสจะพาไปหลบ แต่รติรสสะบัดมือศิวะแล้วหันไปเรียกอรอุมา
“อรจ้ะ ฉันอยู่นี่”
ศิวะเหวอ
“ไปยืนทำอะไรตรงนั้น” อรอุมาเห็นศิวะ “ศิวะ” อรอุมาเชิดหน้าเพราะยังโกรธอยู่
“วันนี้ฉันเจอคุณศิวะที่ฟิตเนสของเพื่อนสมัยเรียนเมืองนอก ก็เลยจะเช็คเรทติ้งสักหน่อยว่าโอเคไหม แต่คุณศิวะก็ไม่ยอมบอกว่าไปฟิตเนสกับใคร สงสัยคงต้องให้เธอช่วยถามให้แล้วแหละ” รติรสว่า
“ฉันไม่อยากรู้” อรอุมาบอก
อรอุมาจะกลับเข้าบ้าน แต่รติรสดึงไว้แล้วกระซิบกดดัน
“ไม่ได้นะอร เสียทองเท่าหัวดีกว่าถูกผัวสวมเขา เราต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม โดนผัวทิ้ง อับอายไปทั้งชาตินะเธอ”
อรอุมาคล้อยตามจึงหันไปถามศิวะอย่างคาดคั้น
“ศิวะ วันนี้คุณไปกับใคร”
รติรสยิ้มสมใจ ศิวะเหงื่อแตกซีด เขาตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี
ศิวะนึกถึงตอนที่อรอุมาขู่ว่าจะฟ้องแม่ของเขา
อรอุมาตะคอก
“ฉันถามว่าคุณไปกับใคร !”
“ผมยอมรับก็ได้ ! ผมไปเจอเจ้าของบริษัททัวร์ ผมจะพาอรไปเที่ยวยุโรป”
“แล้วทำไมต้องปิดบัง” รติรสถาม
“ผมจะเซอร์ไพร้สอรเพื่อเป็นการขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ผมจะบันดาลให้ทริปนี้เป็นทริปที่วิเศษที่สุด ผมจะพาอรไปทุกที่ที่อรชอบ จัดฉากเซอร์ไพร้สอรหน้าหอไอเฟล...ที่ๆ เราจูบกันครั้งแรก ไปโรม..ที่ๆ ผมขออรแต่งงาน อรจะได้จำได้ว่าวันนั้นเราสัญญากันว่าอะไร”
อรอุมากับศิวะพูดพร้อมกัน “เราจะรักกันตลอดไป”
“ศิวะ” อรอุมาโผกอดศิวะ “ฉันรักคุณ”
“ผมก็รักคุณ”
อรอุมายิ้มทั้งน้ำตาอย่างมีความสุข ขณะที่ศิวะกับรติรสจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่อง

ประกายดาวเดินออกมาส่งจันทรภานุ
“ขับรถดีๆ นะคะคุณชาย ตั้งสติก่อนสตาร์ท อย่าประมาท ชีวิตคุณชายจันทร์มีค่ามีความหมายกับใครหลายคน”
“รวมทั้งคุณด้วยหรือเปล่า”
“แน่นอนค่ะ”
จันทรภานุมองประกายดาวอย่างรู้สึกดี ประกายดาวสะท้านอายต่อสายตาคู่นั้น
“ว่าแต่เรื่องกล้องวงจรปิดในห้องน้ำเป็นยังไงบ้างคะ ได้เบาะแสคนร้ายหรือยัง”
“ไอ้เชษฐ์สงสัยว่าผู้หญิงคนที่ไปพบกล้องในห้องน้ำน่าจะมีส่วนรู้เห็น ภาพในกล้องไม่มีเธอติดเลยด้วยซ้ำ แต่เธอก็ยังเที่ยวไปบอกหนังสือพิมพ์ทุกฉบับว่าเธอเสียหายมาก ผมขอโทษก็แล้ว ยินดีจะจ่ายค่าเสียหายก็แล้ว แต่เธอก็ไม่ยอม เหมือนกับว่าอยากจะให้ห้างของผมเสียชื่อให้ได้”
ประกายดาวพยักหน้าอย่างใช้ความคิด

ศิวะนอนหลับอยู่ข้างอรอุมา ทั้งสองนอนเปลือยกายก่ายกัน มือถือศิวะดังแต่ศิวะไม่ตื่น อรอุมางัวเงียตื่นขึ้นมา
“คุณ โทรศัพท์”
“ช่างมันเถอะ” ศิวะบอก
โทรศัพท์มือถือของศิวะดังไม่หยุดทำให้อรอุมานอนไม่หลับ
“จะโทรมาอะไรนักหนา”
อรอุมาลุกหยิบโทรศัพท์มาดูหน้าจอก็เห็นชื่อ "เสงี่ยม"
“เสงี่ยมนี่มันใครเนี่ย ฉันจะด่าให้”
ศิวะลืมตาโพลงแล้วรีบหันมาคว้าโทรศัพท์ไปจากมืออรอุมา
“เอ่อ..เจ้าของบริษัททัวร์ครับ”
“งั้นคุณคุยเถอะ ฉันจะทำเป็นไม่รู้เรื่องแผนเซอร์ไพร้สของคุณก็แล้วกันนะคะ”
อรอุมาจุ๊บแก้มศิวะแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ศิวะมองจนอรอุมาปิดประตูแล้วค่อยรับโทรศัพท์ เขาป้องปากพูดเสียงกระซิบ
“ฮัลโหลดาว”

ประกายดาวคุยโทรศัพท์
“นายหายไปไหนมา”
“เราขอโทษ เมื่อวานเรามีธุระกะทันหันจริงๆ โทรศัพท์ก็ดันมาตกน้ำ เราอยากโทรหาดาวใจแทบขาด แต่เราโทรไม่ได้ ดาวอย่าโกรธเราเลยนะครับ”
ประกายดาวเบ้หน้าจะอ้วกแต่ก็ตอบไปด้วยน้ำเสียงปกติ
“โกรธแล้วจะโทรมาเหรอ แล้วนี่นายจะมาเจอเราได้หรือเปล่า เราคุยเรื่องคุณชายจันทร์ค้างกันไว้”
ศิวะไม่เชื่อ “ดาวโกรธคุณชายจันทร์จริงๆ เหรอ”
“แล้วทำไมถึงคิดว่าจะไม่จริง”
“ไม่มีอะไร ผมก็แค่ไม่เคยเห็นดาวอาฆาตใครมากขนาดนี้ ดาวไม่ได้คิดทำอะไรอยู่แน่นะ”
“ก็ถ้าไม่เชื่อก็ตามใจ”
“เชื่อสิ ผมเชื่อดาวอยู่แล้ว เรายินดีจะช่วยดาวด้วย แต่ท่าทางเรื่องนี้เราต้องคุยกันยาว เราไม่นัดเจอกันข้างนอกดาว”
“แล้วจะไปเจอที่ไหน”

ประกายดาว มิลินทร์ และจิตสุภางค์คุยเฟชไทม์แบบเห็นหน้ากันอยู่
มิลินทร์กับจิตสุภางค์ตกใจ “คอนโดแก”
“ศิวะมันต้องคิดไม่ซื่อแน่ๆ มันถึงร่ำร้องอยากมาห้องแก ให้ไอ้จิตไปอยู่เป็นเพื่อนเถอะ” มิลินทร์บอก
“เฮ้ย ! ฉันต้องไปรับลูก แกไปเองสิ” จิตสุภางค์ว่า
“ฉันมีประชุมตอนบ่าย” มิลินทร์บอก
“อ้าวเหรอ งั้นฉันให้เฮียเชาลางานครึ่งวันไปรับลูกแทนก็ได้” จิตสุภางค์พูด
“เกรงใจเขา ฉันเลื่อนประชุมเอง” มิลินทร์บอก
สองสาวเสนอตัวกันไปมา ประกายดาวร้องห้าม
“หยุดทั้งสองคนเลย ! ขอบใจมากที่พวกแกห่วงฉัน แต่ไม่ต้องมีใครมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอก อย่างศิวะ ฉันรับมือไหว อุ้ย !” ประกายดาวแตะที่ตาขวา
“เป็นอะไร”
“ตาขวากระตุก”
จิตสุภางค์กับมิลินทร์ตกใจ “หา !”
“ขวาร้าย ซ้ายดีน่ะสิ แกต้องระวังตัวให้มากๆ แล้วแหละดาว”
ประกายดาวไม่สบายใจ

ภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องทำงานของฟิตเนสเป็นภาพประกายดาวกับศิวะเดินอยู่ด้วยกัน รติรสที่นั่งดูอยู่กับเพื่อนถึงกับกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูด
“ศิวะ คุณอย่าคิดว่าจะหลอกฉันได้เหมือนนังอร”
“รสจะดูภาพมุมอื่นอีกไหม” เพื่อนถาม
“ไม่เป็นไรจ้ะ แค่นี้ก็เกินพอแล้ว”
รติรสทำหน้าร้าย

ศิวะขับรถเข้ามาจอดหน้าคอนโดประกายดาว เขาหยิบช่อดอกไม้จากที่นั่งข้างๆ มาถือ
“โกรธคุณชายจันทร์ อยากแก้แค้นคุณชายจันทร์ คิดว่าผมจะโง่เชื่อคุณหรือไง ถ้าคุณโกรธเขาจริง คนอย่างคุณไม่ขอความช่วยเหลือจากผมหรอก แต่ถ้าคุณขอให้ผมช่วย ผมก็จะช่วยคุณให้ถึงสวรรค์เลย”
ศิวะหยิบที่ดับกลิ่นปากมาฉีดใส่ปากเพื่อเตรียมเผด็จศึกเต็มที่

เสียงเคาะประตูห้อง ประกายดาวเปิดประตูออกก็เจอศิวะยืนถือช่อดอกไม้ช่อโตอยู่
“แค่นี้พอจะแทนคำขอโทษเรื่องเมื่อวานได้ไหม” ศิวะถาม
“บอกแล้วไงว่าไม่โกรธ แต่ยังไงก็ขอบใจนะ” ประกายดาวรับช่อดอกไม้ “เข้ามาสิ”
ประกายดาวเดินนำศิวะเข้าไปในห้อง ศิวะนั่งลงที่โซฟา ประกายดาวเดินนำช่อดอกไม้ไปวางบนโต๊ะ
แล้วกดโทรศัพท์ซ้ำๆ ด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“มีอะไรหรือเปล่า” ศิวะถาม
“มือถือเป็นอะไรไม่รู้ เปิดเครื่องไม่ติด ฉันต้องโทรไปคอนเฟิร์มงานกับลูกค้าด้วย”
“เอาของเราไปโทรก่อนสิ”
“ขอบใจ รอเราคุยงานแปบนะ”
“สำหรับดาว เรารอได้เสมอ”
ประกายดาวพยายามทำหน้าให้เป็นปกติ เธอรับโทรศัพท์ของศิวะแล้วหยิบนามบัตรบนโต๊ะขึ้นมาทำท่ากดเบอร์ ประกายดาวคุยโทรศัพท์พลางเดินเข้าไปในห้องนอน
“พี่จีจี้คะ ดาวเองค่ะ”
พอประกายดาวเดินเข้าไปในห้องนอน ศิวะก็ลุกเดินไปล็อคกลอนประตูอย่างเงียบเชียบแล้วยิ้มร้าย
“ผมจะเป็นผู้ชายคนแรกของคุณ...ประกายดาว”

จันทรภานุคุยงานกับพนักงาน
“ถึงข่าวจะเริ่มซา แต่เราก็ต้องหาทางเรียกความมั่นใจของลูกค้ากลับคืนมา ก่อนที่คู่แข่งจะเอาเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนโจมตีเรา ผมฝากพวกคุณไปคิดด้วย แล้วเดี๋ยวเรานัดประชุมกัน”
“ค่ะคุณชาย” พนักงานเดินออกไป
เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์ของจันทรภานุดังขึ้น จันทรภานุเปิดอ่านแล้วนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ

ศิวะเทผงสีขาวลงในแก้วน้ำส้มแก้วโต ส่วนตาก็คอยมองไปในห้องนอนอย่างระแวดระวังว่าประกายดาวจะออกมาหรือยัง
ศิวะนึกได้ “ใจแข็งอย่างดาว ต้องจัดหนัก เพื่อความชัวร์” ศิวะเทยาลงไปอีกเยอะแล้วคนให้ละลาย “จิบเดียวจอด”
ทันใดนั้นเสียงประกายดาวตะโกนก็ดังขึ้นจากในห้องนอน
“ศิวะ ช่วยด้วย !!”
ศิวะสะดุ้งโหยงจนแก้วน้ำส้มแทบกระฉอก ประกายดาวตะโกนร้องสลับกับเสียงเคาะประตูปังๆ ศิวะรีบวางแก้วน้ำส้มไว้บนโต๊ะแล้ววิ่งเข้าไปในห้องนอนทันที

ศิวะวิ่งเข้ามาในห้องแล้วมองหาว่าประกายดาวร้องมาจากตรงไหน
“ศิวะ! ศิวะ ! ได้ยินเราหรือเปล่า”
ประกายดาวร้องสลับกับทุบประตูห้องน้ำ ศิวะปราดไปที่หน้าห้องน้ำ
“ดาว ดาวเป็นอะไร”

ประกายดาวยืนหน้าประตูในห้องน้ำด้วยท่าทางร้อนรน กระวนกระวายมากๆ
“ลูกบิดเสีย เปิดประตูไม่ได้”
ศิวะตกใจ “เปิดประตูไม่ได้”

รถอรอุมาเบรกเอี๊ยดหน้าคอนโดประกายดาว อรอุมาเป็นคนขับ รติรสอยู่นั่งข้างๆ อรอุมามีสีหน้าโกรธจัด
“มันอยู่ห้องอะไร” อรอุมาถาม
“ห้อง...”
อรอุมากระชากกระดาษมาจากมือรติรส
“เอามานี่” อรอุมาอ่านไม่ออก “ลูกน้องพ่อเธอใช้มือหรือเท้าเขียน”
“มันหาที่อยู่นังดาวให้เราได้เร็วขนาดนี้ก็ดีถมเถแล้ว” รติรสอ่าน “ห้อง “1 2 3”
อรอุมาลงจากรถจะเข้าไปในตึก รติรสวิ่งตามลงมาเป่าหู
“สั่งสอนมันให้เข็ดเลยนะอร อย่าให้มันมาลักกินขโมยกินของๆ เราได้อีก แต่ระวังๆ หน่อยนะ นังดาวมันร้ายกาจกว่าที่เราคิด”
“เรามีตั้งสองคน จะไปกลัวอะไร” อรอุมาบอก
“อุ้ย เรื่องผัวเมีย ฉันไม่อยากยุ่ง”
อรอุมาทำหน้าไม่เชื่อคำพูดของรติรส เธอหันไปเห็นรถศิวะจอดอยู่
“รถศิวะ !”
รติรสสะบัดหน้ามองตามแล้วก็โกรธปรี๊ด
“มากินกันถึงที่เลยเรอะ !” รติรสว่า
รติรสคว้ากระถางต้นไม้เล็กๆ แถวนั้นปราดเข้าไปจะฟาดใส่รถศิวะ แต่อรอุมารีบห้าม
“อย่า !”
“ศิวะทำขนาดนี้ เธอยังจะปกป้องเขาอีกเรอะ”
“แต่รถ ฉันซื้อ”
“ฉันจ่ายคืนเอง ขอฉันสั่งสอนไอ้ผู้ชายมักมากให้สะใจก่อนเถอะ”
รติรสผลักอรอุมากระเด็น รติรสเงื้อมือกำลังจะฟาดกระถางต้นไม้ใส่รถ แต่มีมือเข้ามาคว้ามือรติรสไว้ได้ทันพอดี รติรสกับอรอุมาหันไปมองก็เห็นว่าเป็นจันทรภานุ
อรอุมาแปลกใจ “คุณชาย ?”


ประกายดาวนั่งอยู่บนโถส้วมพร้อมกับตะไบเล็บพลางพัดให้ตัวเองเพราะอากาศร้อน เหงื่อแตกพลั่กๆ
“เจอกุญแจหรือยังศิวะ” ประกายดาวถาม
ศิวะปีนเก้าอี้หากุญแจบนหลังตู้แต่หาได้มือเดียวเพราะแขนอีกข้างเจ็บเนื่องจากใช้กระแทกประตูมากไป
“เจอก็เปิดให้แล้วสิ โอ๊ย” ศิวะกุมแขนข้างที่เจ็บ
“ก็บอกแล้วว่าอย่าทำเป็นโชว์แมนพังประตู เป็นไงล่ะ แขนเดี้ยงซะเอง ฉันว่านายไปตามช่างมาเปิดประตูเถอะ ฉันจะได้พานายไปหาหมอ”
“ไม่ไป วันนี้เราจะอยู่ที่นี่กับดาว เรามีเรื่องต้องคุยกับดาวเยอะเลย”
ประกายดาวชักสีหน้าไม่ไว้ใจ
ทันใดนั้นเสียงออดก็ดังขึ้น ประกายดาวชะงักหยุดตะไบเล็บ
“ใครวะ” ศิวะสงสัย
ศิวะลงจากรถเก้าอี้ไปส่องที่ตาแมวแต่ก็ไม่เห็นใครยืนอยู่หน้าห้อง ศิวะแปลกใจจึงเปิดประตูออกไปดู

ศิวะเปิดประตูยื่นหน้าออกมาก็เจออรอุมา รติรส และจันทรภานุยืนอยู่ข้างๆ ประตู
“อร !”
“ไอ้ผัวชั่ว” อรอุมาว่า
อรอุมาเงื้อมือจะตบศิวะ แต่จันทรภานุคว้ามืออรอุมาไว้
“คุณอร อย่าลืมที่เราตกลงกันว่าคุณจะใจเย็น”
อรอุมายอมลดมือลง
“อร คุณกำลังเข้าใจผิดนะ ผมกับดาว เราไม่ได้มีอะไรกัน” ศิวะบอก
ประกายดาววิ่งออกมาจากในห้องนอน พอเห็นรติรสกับอรอุมาเธอก็อึ้ง
“มาได้ไง ?”
รติรสเห็นประกายดาว
“ไปทัวร์สวรรค์กันมากี่รอบแล้วล่ะ เหงื่อถึงได้ท่วมตัวซะขนาดนั้น” รติรสว่า
ประกายดาวตอบ “ฉันเปล่า”
“ตอแหล”
อรอุมาแทรกตัวเบียดจันทรภานุแล้วพุ่งเข้าไปผลักประกายดาว ประกายดาวยังไม่ทันตั้งตัวจึงถูกผลักกระเด็นแขนไปฟาดกับตู้อย่างแรง
ประกายดาวร้อง “โอ๊ย”
จันทรภานุตกใจ “คุณดาว!”
อรอุมาปราดเข้าไปจะเล่นงานประกายดาวอีก แต่ประกายดาวหลบทัน อรอุมาถลาไปที่โต๊ะที่มีแก้วน้ำส้มของศิวะตั้งอยู่ รติรสล็อคแขนประกายดาว
“จัดการมันเลยอร” รติรสบอก
ประกายดาวสะบัดตัวออกจากรติรสจนรติรสกระเด็นไปล้มใส่ศิวะ ทั้งสองล้มกลิ้งไปหน้าประตู อรอุมาคว้าแก้วน้ำส้มได้ก็หันมาจะสาดใส่หน้าประกายดาว แต่จันทรภานุพุ่งมาขวางประกายดาว อรอุมาจึงสาดน้ำส้มใส่หน้าจันทรภานุเต็มๆ
อรอุมากับประกายดาวตกใจ “คุณชาย!”
จันทรภานุไอค่อกแค่กเพราะสำลักน้ำส้ม
“คุณชาย ! อรขอโทษค่ะ อรไม่ได้ตั้งใจ”
ประกายดาวส่งกระดาษทิชชู่ให้จันทรภานุ
“ทีนี้จะคุยกันดีๆ ได้แล้วใช่ไหม” จันทรภานุถาม
อรอุมาจ๋อย

จบตอนที่ 8

กำลังโหลดความคิดเห็น