ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 8
วันต่อมาที่ร้านอาหารตุ้มเต๊ะอาหารทะเล น้าตุ้มถือตะหลิวเป็นไมค์กำลังร้องเพลง น้าเต๊ะกระโดดเข้ามาร่วมพร้อมส่งกระทะให้น้าตุ้ม น้าตุ้มรับกะทะมาผัดข้าวผัด น้าเต๊ะสับหมูด้วยมือสองข้าง สองคนร้องรับร้องส่งกันสนุกสนาน น้าตุ้มร่อนกะทะ ข้าวผัดลอยตกลงมาใส่จาน น้าเต๊ะเป็นคนรับ น้าเต๊ะเอาข้าวผัดไปเสิร์ฟ
ลูกค้าสนุกสนานกับเสียงเพลง น้าตุ้มกับน้าเต๊ะร้องเพลงจนจบเพลง ลูกค้าปรบมือชอบใจ น้าเต๊ะกับน้าตุ้มโค้ง
“ถ้าจะให้พวงมาลัยติดแบ๊งค์สีแดงซักใบสองใบก็ไม่ว่ากันนะคร๊าบ”
ลูกค้าหัวเราะชอบใจ น้าตุ้มหันไปเห็นบื้อเดินเข้ามาในร้านก็ดีใจสุดๆ
“ไอ้บื้อ”
บื้อยืนยิ้ม น้าเต๊ะหันมาเห็นบื้อก็ดีใจไปด้วยอีกคน
บื้อกินข้าวไม่หยุด น้าตุ้มกับน้าเต๊ะมองบื้อด้วยความประหลาดใจ
“ไปตายอดตายอยากจากที่ไหนมาห๊ะ”
บื้อเงยหน้าพูดทั้งๆ ที่ข้าวเต็มปาก
“ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืน” บื้อสำลัก
“เบาเว๊ยเบา อย่ามาตายตามพ่อกับแม่เอ็งในบ้านข้านะเว๊ย” บื้อรีบดื่มน้ำ น้าตุ้มตีน้าเต๊ะ
“ไอ้เต๊ะ ไอ้ปากปีจอ”
“แหม ข้าก็พูดเล่น เอ็งเข้าใจข้าใช่ป่าว” น้าเต๊ะสะกิดบื้อ
“เข้าใจจ๊ะ”
น้าเต๊ะกอดคอบื้อเข้ามา
“แบบนี้ค่อยสมกับที่เป็นหลานชายข้า ว่าแต่ทำไมเอ็งถึงกลับบ้านได้ล่ะคราวนี้”
“เล่ายาวนะ”
“ข้ามีเวลาคุยกับเอ็งทั้งวันล่ะไอ้บื้อ”
“ถ้างั้นขอกินก่อน”
บื้อก้มหน้ากินข้าว จากหน้ายิ้มก็เปลี่ยนเป็นเครียด น้าตุ้มกับน้าเต๊ะเห็นก็ผงะ มองหน้ากันแปลกใจ
ที่บ้านเช่าห่าน แหม่มเดินลงมาเห็นห่านนั่งถือถ้วยกาแฟ ขอบตาคล้ำก็ตกใจ
“ไม่สบายเหรอ”
“เปล่า นอนไม่หลับ ไม่สบายใจเรื่องบื้อ”
“ที่แท้ก็เป็นห่วง” แหม่มยิ้มแซว ห่านรีบพูด
“ไม่ได้ห่วง แต่รู้สึกไม่ดี ที่ว่าบื้อไปเมื่อวาน”
“นี่ถ้าไม่รู้ว่าแกกับบื้อไม่ถูกกัน ฉันคงนึกว่าพวกแกเป็นแฟนกัน” ห่านหันขวับ
“อย่าพูดแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ”
แหม่มเบ้หน้า ไม่นานโย่งเดินเข้ามาในบ้าน แต่งตัวหล่อ ใส่เสื้อเชิ๊ตแขนสั้น ติดกระดุมถึงคอ
“สวัสดีครับ”
สองสาวตกใจกับเสียงที่ดังก้อง ห่านกับแหม่มหันไปมองโย่ง
“มาทำไมแต่เช้า”
โย่งพุ่งเข้ามาหาแหม่ม แหม่มผงะ
“ลืมไปแล้วเหรอเมื่อวานแหม่มบอกว่าจะไปกินข้าวกับฉัน” โย่งยิ้มเห็นฟันขาว แหม่มอึ้ง
“จริงด้วย”
“แสดงว่าจำได้” โย่งยื่นแขนออกไปให้แหม่มควง “เราไปกันเลยนะครับ”
“ฉัน...เออ ฉันไม่ว่าง”
“โกหก วันนี้วันหยุดของเราสองคน” ห่านบอก แหม่มถลึงตาใส่ห่าน ห่านทำลอยหน้าลอยตาแล้วก็นึกขึ้นมาได้ รีบลุกขึ้นยืน หันมาทางโย่ง “เออ โย่ง บื้อโทรมาบ้างรึเปล่า”
“เปล่าครับ”
“อ้าว แล้วทำไมนายไม่โทรไปหาบื้อ ไม่ห่วงเพื่อนบ้างเหรอไง”
“มันก็แค่กลับบ้านที่ชลบุรีเอง”
“ก็นั่นแหละ เกิดรถทัวร์ที่บื้อนั่งประสางากับรถบรรทุกล่ะ”
“เออ มันก็จริง”
“ถ้างั้นรีบโทรไปหาบื้อสิ ถามว่าถึงบ้านเหรอยัง” โย่งเชื่อห่านง่ายๆ เอามือถือออกมากำลังจะกดโทรออก แล้วห่านก็เปลี่ยนใจ “เฮ้ย ไม่ต้องโทรแล้ว”
โย่งกับแหม่มหันไปมองห่าน ห่านยิ้มแฉ่งเหมือนนึกอะไรออก
บื้อกินข้าวเกลี้ยงจานจนดูไม่ออกว่าเป็นอะไร บื้อเงยหน้าขึ้นมา น้าตุ้มกับน้าเต๊ะยิ้ม
“อิ่มแล้วใช่มั๊ย”
“ยัง”
น้าตุ้มกับน้าเต๊ะหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ยัง” น้าตุ้ม น้าเต๊ะถามพร้อมกัน บื้อพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม น้าตุ้มกับน้าเต๊ะอึ้งมาก
น้าตุ้มกับน้าเต๊ะกำลังช่วยกันทำกับข้าวพลางมองบื้อพร้อมกัน
“มันเป็นอูฐรึเปล่า กินตั้งแต่เช้ายันเที่ยงก็ยังไม่อิ่ม”
“อาการแบบนี้คุ้นๆ แกว่ามั้ย”
น้าเต๊ะนึกออก หันมามองหน้าน้าตุ้ม
“อกหัก”
สองคนรู้ตัวว่าเสียงดังรีบเอามือปิดปาก ก่อนจะค่อยๆ เหลือบไปมองบื้อที่นั่งกินขนมไม่หยุด
“ตอนป.6 มันแอบหลงรักรุ่นพี่ที่โรงเรียน แต่เค้าเห็นมันเป็นแค่น้องชาย พอกลับมาถึงบ้าน มันกินตั้งแต่หัวค่ำจนถึงตีสาม”
“ตอนม. 5 มันแอบหลงรักรุ่นน้อง แต่เค้าเห็นมันเป็นพี่ชาย พอกลับมา มันกินข้าวตั้งแต่สามทุ่มถึงหกโมงเช้า”
“ไอ้บื้ออกหักแน่นนอน ไปถามมันดูสิ”
“ตะเองนั่นแหละ”
“ตะเองนั่นแหละ”
“ตะเอง”
“ตะเอง”
น้าตุ้ม น้าเต๊ะเกี่ยงกันไปมาจนเสียงบื้อดังขึ้นใกล้ๆ
“คุยอะไรกันเหรอครับ”
น้าตุ้มกับน้าเต๊ะหันไปเห็นบื้อก็ตกใจ สะดุ้งโหยง
“เวย”
น้าตุ้มกับน้าเต๊ะมองหน้ากัน มืองี้สะกิดกันยิกๆๆ แล้วน้าตุ้มก็ผลักน้าเต๊ะไปตรงหน้าบื้อ น้าเต๊ะตกใจมองหน้าน้าตุ้ม น้าตุ้มทำปากยื่นปากยาว น้าเต๊ะหันไปทางบื้อ
“เออ...บื้อ...แก...” บื้อจ้องหน้าอยากรู้ “อ่า...แก...”
แต่ยังไม่ทันถามเสียงโย่งก็ดังขึ้น
“บื้อ”
บื้อ น้าเต๊ะ น้าตุ้มหันไปมองเห็นโย่งยืนยิ้ม ไม่นานห่านกับแหม่มโผล่ออกมาจากด้านหลังโย่ง
“เซอร์ไพร์ส”
ห่านกับแหม่มพูดออกมาพร้อมกัน บื้อเหวอมากที่เห็นห่านมาที่นี่
ห่าน โย่ง แหม่ม ยกมือไหว้ น้าตุ้มกับน้าเต๊ะรับไหว้ บื้อแนะนำห่านกับแหม่ม
“นี่ห่านกับแหม่ม เพื่อนที่ทำงานครับ”
“กินอะไรกันมาเหรอยัง”
“ยังครับ” โย่งบอกเสียงดัง ทุกคนสะดุ้ง
“งั้นรอแป๊บ นี่กำลังทำอาหารอยู่ ไอ้บื้อมันกินรอบสองแล้ว”
“ครับพ้ม”
ทุกคนสะดุ้งอีกครั้ง น้าเต๊ะกับน้าตุ้มเดินออกไป ห่านหันมายิ้มให้บื้อ บื้อเมิน แล้วเดินออกไป ห่านเหวอ แหม่มสะกิด
“ท่าทางบื้อจะโกรธแกมากนะเนี่ย”
ห่านหันไปมองตามบื้อ สีหน้ากังวลใจ
บื้อยืนเอาเท้าแช่น้ำทะเล ห่านเดินมาใกล้มองบื้อหยั่งเชิง แล้วก็ทำเป็นมายืนข้างๆ บื้อ พร้อมกับกางแขน
“อากาศดีจังเลยนะ”
แต่แขนกลับกระแทกโดนหน้าบื้อเต็มๆ
“โอ๊ย”
ห่านตกใจรีบเข้ามาจับหน้าบื้อ
“ฉันขอโทษ เจ็บมั้ย”
บื้อไม่ตอบ หันไปเห็นห่านอยู่ตรงหน้าใกล้ๆ ก็ชะงัก ห่านมีสีหน้าเป็นห่วง บื้อรีบผละออก
“ไม่เจ็บ”
“หน้าแดงขนาดนั้น จะไม่เจ็บได้ไง”
“บอกว่าไม่เจ็บ ก็ไม่เจ็บดิ” บื้อบอกอย่างหงุดหงิดแล้วเดินหนี ห่านเริ่มไม่พอใจ เดินตาม
“มันจะมากไปแล้วนะ ฉันถ่อมาง้อนายถึงนี่ ยังจะไม่หายโกรธอีก” บื้อหยุดเดินหันมา
“ฉันไม่ได้โกรธ”
“ถ้าไม่โกรธ แล้วหนีกลับบ้านทำไม” บื้ออึ้ง หันไปทางอื่น
“คิดถึงบ้าน”
ห่านเดินอ้อมมาตรงหน้า
“ไม่จริง โกรธฉันใช่ป่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่านาย ฉันพูดจริงๆ นะบื้อ”
บื้อยังไม่พูด หันไปทางอื่น ห่านถอนใจ แล้วก็มองบื้อเจ้าเล่ห์ แกล้งวักน้ำทะเลสาดใส่ตัวบื้อ บื้อชะงัก
“เฮ้ย” บื้อ มองหน้าห่าน “ฮ่าๆๆ อยากเก๊กดีนัก สมน้ำหน้า ฮ่าๆๆ” บื้ออุ้มห่านขึ้นมา ห่านตกใจ “นายจะทำอะไร”
บื้อโยนห่านลงทะเล ห่านตกใจมาก
“ฮ่าๆๆ ยัยลูกหมาตกน้ำ ฮ่าๆๆ”
ห่านโกรธมากวักน้ำใส่หน้าบื้อไม่หยุด บื้อไม่ยอม วักน้ำใส่หน้าห่านกลับอย่างแรง สองคนสาดน้ำใส่กันด้วยอย่างเมามันส์
น้าตุ่มกับน้าเต๊ะที่กำลังอาหาร หันไปเห็นบื้อกับห่านเล่นน้ำกันก็มองตาค้าง
“ผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ ตะเองว่ามั๊ย”
น้าเต๊ะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยอย่างแรง
ที่กรุงเทพ นีรนุชกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้านอาหารหรู ไม่นานก็มีคนมาปิดตานีรนุช คนๆ นั้นก็คือ คุณชาย
“GUESS WHO?”
คุณชายทำแบบเหมือนที่นีรนุชเคยทำตอนอยู่สวิสฯ นีรนุชยิ้ม แล้วก็จับมือคุณชาย หยิกหลังมือเต็มแรง คุณชายเจ็บมาก
“โอ๊ย”
คุณชายปล่อยมือจากนีรนุช นีรนุชหันมาหัวเราะ คุณชายสะบัดมือไล่ความเจ็บ
“ยัยโหดเอ๊ย”
นีรนุชหัวเราะชอบใจไม่หยุด
“เจอกันอีกครั้ง ก็ต้องทำให้ประทับใจไม่รู้ลืมสิ”
คุณชายชูมือที่มีรอยหยิกแดง
“ไม่รู้ลืมจริงๆ” นีรนุชยิ้มไม่หุบ คุณชายส่ายหัว “มื้อแรกของการกลับมา อยากทานอะไร บัญชากระผมมาได้เลยครับ”
นีรนุชมองคุณชายแล้วก็ยิ้ม
กองชามก๋วยเตี๋ยวเรือกองอยู่บนโต๊ะ กองชามสูงๆ เป็นของนีรนุชที่กำลังนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนคุณชายกินไปได้แค่สามชาม คุณชายเหงื่อแตกเต็มหน้า เพราะเผ็ดมาก
“รสเผ็ดที่ไหน ก็สู้รสเผ็ดของเมืองไทยไม่ได้อีกแล้ว มันสุดยอดจริงๆ”
นีรนุชเห็นคุณชายดื่มน้ำอักๆๆ หน้าแดงก่ำ คุณชายหันไปทางพนักงาน
“ขอน้ำอีกเหยือกครับ”
คุณชายชูเหยือกขึ้นมาก่อนจะวางลงบนโต๊ะ นีรนุชหัวเราะ
“แกนี่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ไม่กินเผ็ด”
“ฉันไม่ไหวแล้ว เชิญแกกินไปคนเดียวเหอะ ผู้หญิงอะไรกินเผ็ดโคตรเก่ง”
นีรนุชลอยหน้าลอยกวนๆ แล้วก็นึกขึ้นมาได้
“ทำไมแกไม่ชวนคุณฮันนี่มาด้วยล่ะ”
“ฉันกลัวเค้าจะไม่ทานร้านแบบนี้น่ะสิ” นีรนุชพยักหน้าเข้าใจ
“ถ้างั้นคืนนี้ชวนคุณฮันนี่มาทานข้าวด้วยกัน” คุณชายพยักหน้า นีรนุชนึกได้ “ชวนบื้อมาด้วยนะ”
“อื้อ”
นีรนุชทานต่อ พนักงานเอาน้ำมาให้ คุณชายรีบเทน้ำดื่ม
บื้อเอาชุดของน้าตุ้มมาให้ห่านเปลี่ยน เพราะห่านกับบื้อตัวเปียกด้วยกันทั้งคู่
“ชุดของน้าฉัน ห้องน้ำอยู่ข้างหลัง”
ห่านรับชุดมาแล้วเดินออกไป บื้อหันหลัง กำลังจะไปเปลี่ยน เสียงห่านกรี๊ดดังขึ้น
“อ๊าย”
บื้อหันขวับไปมองด้วยความตกใจมาก
“ห่าน”
บื้อรีบวิ่งออกไปทันที
บื้อรีบเปิดประตูเข้ามาในห้อง ห่านโผกอดบื้อแน่น
“ช่วยฉันด้วย”
“อะไร” ห่านหลับตาเอาหน้าซุกอกบื้อ พลางชี้มือไปตรงแถวๆ ประตู บื้อหันไปเห็นกบตัวหนึ่งก็ยิ้มออกมา “ผู้หญิงร้ายกาจอย่างเธอกลัวกบเนี่ยนะ”
“นายบื้อ” บื้อยิ้มแหย “แล้วทำไมฉันจะกลัวไม่ได้”
บื้อกับห่านหันมาพร้อมกัน ทำให้จมูกชนกัน บื้อกับห่านผงะ ตกใจมาก รีบผละออกจากกัน
“เออ...” บื้อรีบไปที่กบ “ไปกันดีกว่าเจ้ากบน้อย”
บื้อค่อยๆ หยิบกบขึ้นมาแล้วเดินออกไป ห่านอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
บื้อยืนหลังพิงประตูห้องน้ำ ค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกดี
บื้อ ห่านกำลังนั่งกินข้าวกับโย่ง แหม่ม น้าเต๊ะและน้าตุ้ม
“ร้านน้าไม่มีคนแบบนี้ ไม่เจ๊งเหรอครับ”
จู่ๆ โย่งถามขึ้นมา น้าตุ้มกับน้าเต๊ะแทบสำลัก
“ไอ้บื้อ ไล่เพื่อนแกออกไปจากฉันเลย หนอย ปากเสีย”
“อุ้ย ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” โย่งรีบยกมือไหว้
“วันธรรมดา คนไม่ค่อยเยอะ แต่แกมาดูวันเสาร์อาทิตย์สิ”
“เงียบหยั่งกับป้าช้า”
“ใช่ เฮ้ย โธ่...ตะเองก้อ...แช่งกันเองซะแล้ว”
น้าตุ้มยิ้ม ห่าน แหม่ม โย่ง บื้อหัวเราะชอบใจ บื้อหันไปมองห่านแล้วก็ยิ้มมีความสุข น้าตุ่มเห็น รีบสะกิดให้น้าเต๊ะดู น้าเต๊ะหันไปมองก็มั่นใจว่าบื้อชอบห่านแน่นอน
พลันเสียงมือถือห่านดังขึ้น ห่านหยิบออกมาเห็นชื่อ
“คุณชาย...ห่านขอออกไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”
ห่านลุกเดินออกไป บื้อหันไปมองตามหน้าเศร้า น้าตุ้มกับน้าเต๊ะลอบสังเกต หันไปมองห่านเห็นห่านคุยไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไป น้าตุ้มกระซิบน้าเต๊ะ
“ลักษณะนี้แฟนโทรมาแน่นอน”
น้าตุ้มหันไปมองบื้อสงสาร
“โถ ไอ้บื้อเอ๊ย”
บื้อได้แต่ถอนใจ พลันเสียงมือถือบื้อดังขึ้น บื้อเห็นเบอร์แปลกก็กดรับสาย
“ฮัลโหล” บื้อชะงัก ยิ้ม “คุณน้องนุช” คนบนโต๊ะหันไปมองบื้อ “ทานข้าวเย็นกับคุณชายและคุณฮันนี่” บื้อหันไปทางห่าน “เออ...”
“อย่าปฏิเสธฉันเลยนะบื้อ ฉันอยากเจอเธอ นะนะ มาทานข้าวกับฉันนะ”
“ได้ครับ แล้วเจอกันครับ”
บื้อวางสาย ห่านหันมา บื้อกับห่านมองหน้าอย่างรู้กัน
ทุกคนกินกันอิ่ม มีลูกค้าเข้ามาในร้าน
“น้าไปรับลูกค้าเถอะครับ ตรงนี้พวกผมจัดการเอง”
บื้อบอก น้าตุ้มกับน้าเต๊ะเดินออกไป น้าเต๊ะไปตรงที่ทำอาหาร น้าตุ้มไปรับลูกค้า
“รับอะไรดีคะ”
“กะเพราหมูสองที่”
น้าตุ้มหันไปทางน้าเต๊ะ
“อาหารสิ้นคิด 2 ที่”
ลูกค้าสะดุ้ง บื้อ ห่าน โย่ง แหม่มหัวเราะ
“โอเช”
น้าตุ้มเข้ามาช่วยน้าเต๊ะทำอาหาร ทำไปก็ร้องเพลง Battle กันไป ควงตะหลิว โยกกะทะกันไป ห่าน โย่ง แหม่มอึ้ง
“โอ้โฮ ร้องเพลงไป ทำอาหารไป เปรี้ยวอ่ะ”
“เมื่อก่อน น้าฉันเป็นนักร้อง” บื้อบอก
“สองคนเลยเหรอ”
“อื้อ น้าเต๊ะเป็นนักร้องเพลงแดนซ์ ส่วนน้าตุ้มร้องเพลงลูกทุ่ง”
“แล้วเจอกันได้ไง”
“พรหมลิขิตยังไงล่ะ”
ห่านหันไปมองน้าตุ้มกับน้าเต๊ะที่กำลังร้องเพลงลีลาเหลือเกิน บื้อหันมามองห่านแววตามีความหมาย
บื้อ ห่าน โย่ง แหม่ม ไหว้น้าตุ้มกับน้าเต๊ะ สองน้ารับไหว้
“ไปดีมาดี ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี นะลูกนะ”
“ไอ้เต๊ะ! นั่นมันคนตายแล้ว หลานกับเพื่อนแค่กลับกรุงเทพ”
“โทษที เมื่อก่อนเคยเป็นมัคทายกเก่า” ทุกคนยิ้ม
“รีบไปเถอะ”
บื้อ ห่าน โย่ง แหม่มไหว้น้าทั้งสองอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป น้าตุ้มกับน้าเต๊ะมองตาม
“ท่าทางไอ้บื้อจะชอบนังหนูคนนี้จริงๆ”
“นั่นสิ”
น้าตุ้มกับน้าเต๊ะถอนหายใจพร้อมกัน
สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงเทพ คุณหนูจ๋าเดินมาตามทาง มีน้อยเดินตามข้างๆ
“คุณหนูขา กลับบ้านเถอะนะคะ คุณหนูเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ควรพักผ่อนเยอะๆ”
“นั่งๆ นอนๆ มันเบื่อนี่คะ”
“แต่ถ้าเกิดคุณหนูไม่สบายขึ้นมาอีก มีหวังป้าโดนคุณนายด่าเช็ดเม็ดแน่ คุณหนูไม่สงสารป้าเหรอคะ”
คุณหนูจ๋าหยุดเดินแล้วก็หันไปมองน้อยที่กระพริบตาปริบๆ ทำหน้าขอความเห็นใจ
“กลับบ้านก็ได้ค่ะ แต่...หนูจ๋าขอให้อาหารปลาก่อนนะคะ” น้อยนิ่ง หนูจ๋าเข้ามาจับแขนอ้อน “นะคะป้าน้อยคนสวย นะๆๆ”
“ก็ได้ค่ะ ก็ได้”
“ขอบคุณมากนะคะป้า ถ้างั้นป้าช่วยไปซื้ออาหารปลาให้หนูจ๋าหน่อยนะคะ”
น้อยพยักหน้าแล้วก็เดินออกไป คุณหนูจ๋าไปยืนทอดสายตาอยู่ที่ริมบึง ไม่นานโจ๊กเดินมาพร้อมถือกระเป๋าอูคูเลเล่มาด้วย พอเห็นคุณหนูจ๋าก็ยิ้มดีใจมาก
โจ๊กรีบจัดเสื้อ จัดทรงผม แล้วก็เดินไปยื่นกระเป๋าอูคูเลเล่ให้คุณหนูจ๋า คุณหนูจ๋าเห็นก็ชะงักหันมามองโจ๊ก
“กระเป๋าใส่อูคูเลเล่ ผมให้คุณหนูจ๋าครับ”
คุณหนูจ๋าอึ้ง แปลกใจ
“ให้หนูจ๋า” โจ๊กยิ้มเขินๆ
“ครับ” คุณหนูจ๋ายิ้มกว้างรับกระเป๋ามาดู “ชอบมั้ยครับ”
“ชอบ ขอบใจมากนะ”
“ครับ เออ...ผมดีใจนะครับที่คุณหนูจ๋าชอบ” คุณหนูจ๋าหันมาดูกระเป๋า โจ๊กมองคุณหนูจ๋าตาเยิ้ม คุณหนูจ๋าหันไป โจ๊กหุบยิ้มแทบไม่ทัน แล้วทำเป็นดูปลา “ปลาสีสวยดีนะครับ”
คุณหนูจ๋านิ่วหน้าแปลกใจ ก้มมองปลาเห็นแต่ปลาสีดำๆ ก็แปลกใจมาก ระหว่างนั้นน้อยเดินมาเห็นโจ๊กก็ไม่พอใจ รีบจ้ำเดินเข้ามา
“แฮ่ม” โจ๊กสะดุ้ง หันไปเห็นน้อยก็ลุกขึ้นยืนไหว้ น้อยรับไหว้ “มาทำไม”
คุณหนูจ๋าลุกขึ้นยืนตอบแทน
“โจ๊กเอากระเป๋าใส่อูคูเลเล่มาให้ค่ะ”
“เอามาให้ทำไม”
“คุณหนูจ๋ายังไม่มี ผมก็เลยเอามาให้”
“แค่นั้นเหรอ”
“เออ แล้วก็ว่าจะถามด้วยว่าหายปวดท้องเหรอยัง”
“ถ้าไม่หายปวดท้อง หมอคงยังไม่ให้ออกจากโรงพยาบาล” โจ๊กอึ้งกับคำตอบของน้อย น้อยกอดอกมองโจ๊กไม่ชอบใจ คุณหนูจ๋าจับสังเกตได้ โจ๊กพูดไม่ออก น้อยหันไปทางคุณหนูจ๋า “อาหารปลาได้แล้วค่ะ”
น้อยเข้ามาแทรกกลางระหว่างโจ๊กกับคุณหนูจ๋า แล้วก็ส่งขนมปังให้คุณหนูจ๋า คุณหนูจ๋ารับขนมปังมาแล้วก็โยนให้ปลากิน โจ๊กยังยืนอยู่ไม่ยอมไปจนน้อยทนไม่ไหวหันไปทางโจ๊ก
“หมดธุระของเธอแล้ว ก็กลับบ้านไปสิจ๊ะ “
“เออ...ถ้างั้น ผมกลับนะครับ” โจ๊กไหว้น้อย น้อยรับไหว้ “ไปนะครับคุณหนูจ๋า”
คุณหนูจ๋าหันมายิ้มให้โจ๊ก โจ๊กเห็นสายตาของน้อยที่ถลึงใส่ก็รีบเดินออกไป น้อยถอนหายใจด้วยความกลุ้ม
คุณหนูจ๋ากับน้อยเดินมาด้วยกันตามทาง
“ทำไมป้าน้อยถึงพูดไม่ดีกับโจ๊กคะ”
“ป้าไม่ไว้ใจ ท่าทางนายโจ๊กคนนี้อยากใกล้ชิดคุณหนูจ๋า”
“โจ๊กเค้าเป็นเพื่อนหนูจ๋านะคะ แล้วหนูจ๋าว่าเค้าก็นิสัยดีออก”
“อย่าบอกนะคะว่าคุณหนูจ๋าชอบนายโจ๊ก” คุณหนูจ๋าตกใจ รีบพูด
“หนูจ๋าไม่ได้ชอบค่ะ หนูจ๋าไม่ได้คิดเรื่องอะไรแบบนั้นเลยนะคะ”
“ดีแล้วค่ะที่ไม่คิด ป้าอยากให้คุณหนูจ๋าเรียนหนังสือก่อน เรื่องความรักเอาไว้ทีหลัง”
“ค่า” น้อยยิ้มให้คุณหนูจ๋า แล้วก็เดินนำออกไปก่อน คุณหนูจ๋ามองตามน้อยแล้วก็คิดนิดนึง “แต่เรื่องความรัก มันห้ามกันไม่ได้นี่หน่า”
คุณหนูจ๋าหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาบื้อ แต่ติดต่อไม่ได้ ก็ได้แต่ถอนหายใจ
โจ๊กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กลับเข้ามาบ้าน พลางผิวปากอารมณ์ดี แล้วก็ต้องตกใจเพราะเจอลุงจ๊อดนั่งประแป้งหน้าขาว นุ่งผ้าขาวม้า ใส่เสื้อกล้าม นั่งพัดตัวเอง มองหน้าโจ๊ก
“ลุงมานั่งทำอะไรเงียบๆ”
“เหน็บกินก้น เอ็งหายไปไหนมา”
“จะรู้ไปทำไมครับ”
“ฮั่นแน่ ไอ้โจ๊ก ไอ้โจ๊ก เดี๋ยวนี้มีความลับกับข้างั้นเหรอ” โจ๊กเงียบ “ถึงเอ็งไม่บอก ข้าก็รู้ว่าเอ็งไปไหน” โจ๊กหันไปมองหน้าลุงจ๊อด ลุงจ๊อดชี้หน้า “เอ็ง ไปหาคุณหนูจ๋ามาใช่มั้ย” โจ๊กเงียบ พร้อมหลบตา ลุงจ๊อดตบเข่าฉาด “เวลาซื้อหวย ทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ” ลุงจ๊อดหันไปทางโจ๊กอีกครั้ง “เจียมตัวไว้บ้างนะเอ็งน่ะ เค้าเป็นใคร แล้วเอ็งเป็นใคร ใช้สมองคิดให้ดีๆ”
“เราเป็นคนเหมือนกัน” ลุงจ๊อดชะงัก “คนทุกคนมีค่าเหมือนกัน”
“คมน่ะเอ็ง ระวังเห๊อะโดนบาดแล้วมันจะเจ็บ เมื่อถึงเวลานั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
ลุงจ๊อดลุกขึ้น เอามือกุนก้น แล้วเดินออกไป โจ๊กจ๋อย
บื้อ ห่าน โย่ง แหม่มเดินกลับบ้านเช่ามาด้วยกัน
“แหม่มจ๋า” โย่งเรียก แหม่มทำหน้าเซ็งหันไป “อย่าลืมสัญญาของแหม่มนะจ๊ะ”
“สัญญาไร”
“เอ้า ก็ไปกินข้าวกับฉันไง”
“กินแล้วไง”
“กินแล้ว ตอนไหน” โย่งทำหน้างง
“ร้านน้าของบื้อไงล่ะ” โย่งได้แต่อ้าปากค้าง “เป็นอัลไซเมอร์ป่ะ แค่นี้ก็ลืม”
โย่งถึงกับพูดไม่ออก แหม่มหันไปลอบทำหน้าสะใจ แล้วก็จูงมือห่านเดินไปที่บ้าน โย่งหันมาทางบื้อ บื้อตบบ่าโย่งปลอบใจ ไม่พูดอะไร แล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน โย่งเศร้าสุดๆ
ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ห่านหยิบมือถือพลางเดินไปยืนที่ริมหน้าต่าง บื้อหยิบมือถือออกมามองและกดรับสาย
“มีไร”
บื้อเงยหน้าเห็นห่านยืนอยู่ริมหน้าต่าง บื้อเดินมายืนริมหน้าต่างบ้าง
“ฉันจะโทรมาบอกนายว่าฉันจะออกไปก่อน แล้วอีกสิบห้านาที นายค่อยตามออกไป โอเค้”
“อือ” บื้อจะวางสาย
“อย่าเพิ่งวาง” บื้อชะงัก “ช่วยฉันเลือกชุดหน่อยสิ”
“ให้แหม่มช่วยเลือกสิ”
“ฉันอยากได้มุมมองผู้ชาย ฉันอยากรู้ว่าใส่ชุดแบบไหน ผู้ชายถึงจะชอบ นะบื้อนะ ช่วยฉันหน่อยเหอะนะ” ห่านอ้อน
“เออๆ”
“นายนี่น่ารักที่สุดเลย ฉันวางสายล่ะนะ จะได้ไม่เปลือง “
ห่านวางสาย แล้วก็ผลุบเข้าไปในห้อง บื้อได้แต่ถอนหายใจ ห่านหยิบชุดสองชุดมาทาบกับตัวเอง สลับไปสลับมาให้บื้อดู บื้อชี้ไปที่ชุดทางขวา ห่านชูขึ้นมาให้บื้อดู บื้อพยักหน้า ห่านยิ้มแล้วก็เดินกลับเข้าไป บื้อได้แต่มองตามหน้าเศร้า แล้วก็เห็นมิสคอล บื้อกดเปิดดู เห็นชื่อ “คุณหนูจ๋า”
บื้อกำลังคุยโทรศัพท์มือถือกับคุณหนูจ๋า
“ช่วงนี้ที่ห้างฯกำลังจะมีงาน พี่ยังไม่ว่างสอน ขอเป็นอาทิตย์หน้านะ” คุณหนูจ๋ายิ้มแย้มดีใจ
“ได้ค่ะ เออ...พี่บื้อสบายดีนะคะ ไปเที่ยวสวิสมาสนุกมั๊ย แล้วไปที่ไหนมาบ้าง อากาศที่นั่นหนาวมั๊ย” บื้อหัวเราะ
“ถามเยอะแบบนี้ พี่ตอบไม่ถูก” คุณหนูจ๋าเขิน
“ขอโทษค่ะ หนูจ๋าดีใจที่ได้คุยกับพี่บื้อ”
บื้อยิ้มอย่างเอ็นดู
“พี่สบายดี ไปสวิสก็สนุก แต่อากาศหนาว แล้วก็ไปมาหลายที่ ไว้เจอกันวันไหน จะเล่าให้ฟัง”
คุณหนูจ๋ายิ้มดีใจ
“ค่ะ”
“เอ้อ เห็นโจ๊กบอกว่าคุณหนูจ๋าไม่สบาย หายยัง”
“หายแล้วคะ นี่กลับมาอยู่บ้านแล้ว”
คุณหนูจ๋าเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เลยรอฟังบื้อ บื้อรู้สึกเงียบนาน เลยพูดขึ้นมา
“มีอะไรจะพูดกับพี่อีกมั๊ย”
“เออ...อ...ไม่มีแล้วค่ะ แค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ”
คุณหนูจ๋าวางสายสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขมาก
ช่วงค่ำที่ร้านอาหารหรู นีรนุชจับมือบื้อพร้อมยิ้มดีใจ มีคุณชายกับห่านยืนอยู่ด้วย ห่านมองบื้อกับนีรนุชจับมือกันก็นิ่วหน้า
“ดีใจจังที่ได้เจอบื้อ” นีรนุชหันไปทางห่าน “กับคุณฮันนี่อีกครั้ง”
“ฮันนี่ก็ดีใจค่ะ”
“เรานั่งกันดีกว่านะครับ”
นีรนุชปล่อยมือจากบื้อ คุณชายเลื่อนเก้าอี้ให้ห่าน ห่านหันไปยิ้มขอบคุณให้คุณชาย บื้อมองแล้วก็แอบเศร้า เมินหน้าไปทางอื่น ทุกคนนั่งลง บื้อกับคุณชายนั่งตรงข้ามกัน ห่านกับนีรนุชนั่งตรงข้ามกัน
บื้อ ห่าน คุณชาย นีรนุช นั่งทานอาหารด้วยกัน เป็นอาหารฝรั่ง นีรนุชมองไปที่อาหารจานบื้อ
“สเต็กปลาน่ากินอ่ะ”
“ทานมั๊ยครับ ผมแบ่งให้”
“ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรเหมือนกัน”
“ถ้างั้นเราแบ่งกันคนล่ะครึ่ง”
“ได้ครับ”
นีรนุชกับบื้อหั่นอาหารจานตัวเองแบ่งกันคนล่ะครึ่ง ห่านมองท่าทางบื้อกับนีรนุชก็ยิ่งสงสัย คุณชายหันมาทางห่าน
“อร่อยมั๊ยครับคุณฮันนี่”
ห่านรู้ตัว หันไปยิ้ม
“อร่อยค่ะ” ห่านเห็นมุมปากคุณชายเปื้อน “คุณชายปากเปื้อนน่ะค่ะ ฮันนี่เช็ดให้นะคะ”
ห่านหยิบกระดาษมาบรรจงเช็ดปากให้คุณชาย บื้อหันไปมองก็รู้สึกไม่ชอบใจมาก ก้มหน้าก้มตากินกินกินจนเต็มปาก นีรนุชหันไปเห็น
“ระวังติดคอนะบื้อ”
พูดไม่ทันขาดคำ บื้อสำลัก นีรนุชรีบส่งแก้วน้ำให้บื้อ ห่านกับคุณชายหันมามอง บื้อรีบดื่มน้ำอักๆๆ
บื้อ ห่าน คุณชาย นีรนุชเดินออกมาจากร้านอาหารด้วยกัน
“แกกลับไปเลยนะชาย ฉันว่าฉันจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ ไม่ได้กลับมานาน อยากดูโน่นดูนี่ซักหน่อย”
“งั้นก็ตามใจ”
“ไปก่อนนะคะคุณฮันนี่”
“บายค่ะ”
“ฉันไปนะ” นีรนุชหันไปบอกบื้อ
“ครับ”
นีรนุชเดินออกไป คุณชายหันมาทางบื้อ
“ฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเอง คุณชายไปส่งคุณฮันนี่เถอะครับ”
ห่านมองบื้อ บื้อไม่มองแล้วก็หันหลังเดินออกไป คุณชายหันไปทางห่านและยิ้มให้พร้อมผายมือ
“เชิญครับ”
ห่านยิ้มและเดินออกไปกับคุณชาย
บื้อที่กำลังเดินอยู่ หยุดเดิน หันไปมองห่านกับคุณชายเห็นคุณชายจับมือห่านเดินสองคนหันมายิ้มให้กัน บื้อแทบใจสลาย ถอนหายใจ พอหันกลับมาก็เจอนีรนุชเดินหน้าตาตื่นกลับมาพอดี
“คุณน้องนุช กลับมาทำไมครับ”
นีรนุชมองหน้าบื้อ
นีรนุชรับมือถือคืนมาจากพนักงานเสิร์ฟ
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
พนักงานเดินออกไป นีรนุชหันมาทางบื้อสีหน้าสบายใจ
“ถ้ามือถือหายไป ฉันแย่แน่ เพราะเบอร์โทรสำคัญๆ อยู่ในนี้หมด ฉันไปนะ”
นีรนุชขยับตัวจะเดิน บื้อนึกอะไรได้ หันมา
“เดี๋ยวครับ” นีรนุชหันมา บื้อเดินไปหา “ผมว่าง ผมพาคุณน้องนุชเที่ยวได้นะครับ ตอบแทนที่คุณดูแลผมเป็นอย่างดีตอนอยู่ที่สวิส”
นีรนุชมองบื้อด้วยความสนใจ
รถตุ๊กตุ๊กแล่นมาจอดหน้าบื้อกับนีรนุช ลุงจ๊อดโผล่หน้าออกมา
“แฟนเหรอไอ้บื้อ”
“ไม่ใช่ลุง” บื้อหันไปยิ้มแหยให้นีรนุช นีรนุชขำ “เชิญขึ้นเลยครับ”
นีรนุชก้าวขึ้นสามล้อ บื้อขึ้นตามไป ลุงจ๊อดขับรถสามล้อออกไปทันที
ลุงจ๊อดขับรถ นีรนุชมีความสุขมาก เอามือถือออกมาถ่ายรูปตลอด แล้วก็หันไปถ่ายรูปบื้อ บื้อเอามือถือจากมือนีรนุชมาถ่ายรูปให้นีรนุช แล้วสองคนก็ถ่ายรูปกันเอง ลุงจ๊อดลอบมองกระจกด้านหน้ารถแล้วก็อมยิ้ม
คุณชายขับรถอยู่ดีๆ ก็จอด ห่านแปลกใจหันไปทางคุณชาย
“คุณชายจอดรถทำไมคะ”
“อย่าเพิ่งกลับบ้านเลยนะครับ”
ห่านแปลกใจ คุณชายเปิดประตูลงจากรถ ห่านมองตามสงสัย
ห่านเดินมายืนข้างคุณชายที่ยืนมองแม่น้ำ
“แม่น้ำตอนกลางคืน สวยมากเลยนะครับ”
“ค่ะ”
คุณชายจับมือห่านขึ้นมา ห่านหันไปมอง
“ผมเคยฝันว่าถ้าผมมีคนรัก ผมจะชวนเธอมานั่งดูแม่น้ำด้วยกัน ตอนนี้ฝันของผมเป็นจริงแล้ว” ห่านยิ้มเขิน คุณชายจับแขนห่านสองข้างให้หันมา “ผมรักคุณฮันนี่มากนะครับ” ห่านหัวใจพองโตมาก “แค่ผมคิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ที่จะทำให้ผมต้องเสียคุณไป ผมก็เจ็บแล้ว” ห่านอึ้ง คุณชายมองหน้าห่านจริงจัง “ผมมีเพื่อนหลายคน ที่ผิดหวังในความรัก เพราะเค้ามีความลับต่อกัน” ห่านหน้าถอดสี แต่พยายามทำหน้าให้เป็นปกติ “ผมไม่อยากให้คู่ของเราเป็นแบบนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ขอให้พูดกันตรงๆ อย่าโกหก” ห่านยิ่งใจเสีย “คุณฮันนี่รับปากผมได้มั๊ย”
“ไม่โกหก” กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น “ค่ะ”
ห่านฝืนยิ้มออกมา คุณชายดีใจ ดึงห่านเข้ามากอด ห่านมีสีหน้าไม่สบายใจอย่างมาก
ลุงจ๊อดเดินนำบื้อกับนีรนุช พูดจาไปเรื่อยๆ
“สมัยก่อนชาวต่างชาติเรียกกรุงเทพว่า "บางกอก" ที่มาของคำว่า "บางกอก" มีข้อสันนิษฐานว่าอาจมาจากการที่แม่น้ำเจ้าพระยาคดเคี้ยวไปมา”
นีรนุชกับบื้อมองลุงจ๊อด
“ลุงแกจะพูดถึงเช้ามั้ยเนี่ย”
“นั่นสิครับ ผมว่าเราไปทางโน้นกันดีกว่า”
บื้อกับนัรนุชย่องไปอีกทาง ลุงจ๊อดยังพล่ามไม่หยุด
“บางแห่งมีสภาพเป็นเกาะเป็นโคก จึงเรียกกันว่า "บางเกาะ" หรือ "บางโคก" หรือไม่ก็เป็นเพราะบริเวณนี้มีต้นมะกอกอยู่มาก จึงเรียกว่า "บางมะกอก" ต่อมาจึงเหลือแต่คำว่าบางกอก เป็นไง ความรู้ประวัติศาสตร์ของข้า แจ่มมั้ยล่ะ เฮอะๆๆ” ลุงจ๊อดหันมา ไม่มีใครแล้วก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน “หายไปไหนกันหมดวะเนี่ย”
ลุงจ๊อดถูหัวตัวเองอย่างแรง
บื้อกับนีรนุชซื้อของกินตามทาง นีรนุชเอาหมวกมาใส่ให้บื้อ แล้วก็เอาหมวกใส่ให้ตัวเอง บื้อเอามือถือนีรนุชมาถ่ายรูปให้ ทั้งคู่เดินผ่านร้านขายอูคูเลเล่ บื้อเอาอูคูเลเล่ออกมาเล่น ทำให้คนแถวนั้นหันมามอง นีรนุชมองบื้อแววตาชื่นชม บื้อกับนีรนุชมีความสุขกับการเดินเล่นและช็อปปิ้ง
คืนนั้นห่านนอนไม่หลับ แหม่มนอนหันหลังอยู่ข้างๆ ห่านนึกถึงคำพูดของคุณชาย
“ผมรักคุณฮันนี่มากนะครับ” ห่านหัวใจพองโตมาก “แค่ผมคิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ที่จะทำให้ผมต้องเสียคุณไป ผมก็เจ็บแล้ว” ห่านอึ้ง คุณชายมองหน้าห่านจริงจัง “ผมมีเพื่อนหลายคน ที่ผิดหวังในความรัก เพราะเค้ามีความลับต่อกัน” ห่านหน้าถอดสี แต่พยายามทำหน้าให้เป็นปกติ “ผมไม่อยากให้คู่ของเราเป็นแบบนั้น มีอะไรก็พูดกันตรงๆ อย่าโกหก” ห่านยิ่งใจเสีย “คุณฮันนี่รับปากผมได้มั๊ย”
ห่านกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“ค่ะ”
ห่านลุกขึ้นนั่ง พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เวรแล้วไอ้ห่าน ถ้าคุณชายรู้ว่าแกโกหก เค้าจะโกรธแกมากแค่ไหน”
ห่านหน้าเครียด เป็นกังวลใจอย่างมาก
วันต่อมาที่ห้าง BKK Plaza พรเพ็ญถือโทรโข่งสีหน้าจริงจัง ต่อหน้าบื้อ ห่าน แหม่ม โย่ง เจ๊มะพร้าว แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้และพนักงาน
“วันนี้เป็นวันแรกของมิดไนท์เซล ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงาน บริการลูกค้าด้วยความขยันขันแข็ง ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูแลลูกค้าประหนึ่งเป็นคนในครอบครัวของเรา ทุกคนพูดพร้อมกัน”
“ดูแลลูกค้าประหนึ่งเป็นคนในครอบครัวของเรา” ทุกคนพูดพร้อมกัน
“ดังๆ”
“ดูแลลูกค้าประหนึ่งเป็นคนในครอบครัวของเรา” ทุกคนพูดเสียงดังฟังชัด
“ดีมาก สลายการชุมนุม และไปปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว”
ทุกคนแยกย้ายกันเดินออกไป ห่านหันไปทางบื้อที่กำลังจะเดินออกไป
“บื้อ” บื้อหันมา “ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย”
บื้อมองห่านสงสัย ห่านหันหลังเดินไปก่อน บื้อเดินตามห่านออกไป แอปเปิ้ลหันมาเห็นพอดีก็มองตามด้วยความสงสัย
“ท่าทางลับๆ ล่อๆ น่าสงสัย” แอปเปิ้ลหันไปทางปีโป้ “แกไปก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”
แอปเปิ้ลรีบเดินออกไป ปีโป้เดินไปอีกทาง
ห่านกับบื้อเดินมาคุยกันที่มุมหนึ่ง บื้อมองห่านหน้านิ่ง แล้วก็ถอนหายใจ
“นายไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเหรอ หลังจากที่ฟังเรื่องของฉัน”
“ฉันเคยบอกเธอไปแล้ว ว่าให้เธอหยุดแต่เธอยืนยันว่าไม่ แล้วเธอจะให้ฉันพูดไรอีก”
“ก็...พูดอะไรก็ได้ ให้ฉันรู้สึกดีขึ้น”
“ยังไงก็ไม่มีวันรู้สึกดีขึ้น เพราะเธอรู้แก่ใจว่าสิ่งที่เธอทำมันผิด เธอกำลังโกหกคุณชาย และนั่นเป็นสิ่งที่คุณชายไม่ชอบ” ห่านเงียบ พูดไม่ออก “ถ้าเธอสารภาพความจริง คุณชายอาจจะโกรธจนไม่มองหน้าเธออีก แต่ถ้าเธอยังโกหกต่อไป เธอก็คงจะมีแค่ความสุขลมๆ แล้งๆ บนความหวาดระแวงไปตลอดจนกว่าความลับจะแตก และเมื่อถึงวันนั้น...”
ห่านมองหน้าบื้อ แอปเปิ้ลเดินมาตามทาง มองหาห่านกับบื้อ
“หายไปไหนแล้ว”
แอปเปิ้ลเดินตามหาต่อ
“นายอาจจะมองว่าฉันโง่ ที่ตักตวงเอาความสุขของวันนี้ โดยที่ไม่คำนึงถึงผลของวันข้างหน้า แต่ฉันยอมโง่ เพราะถ้าฉันไม่ยอมคว้าความสุขในวันนี้ไว้ ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะมีโอกาสมีความสุขแบบนี้อีกเมื่อไหร่”
ห่านบอก บื้อถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แล้วไอ้ความสุขที่เธอว่าน่ะ มันคือความสุขในแบบที่เธอต้องการแน่เหรอห่าน” เจอคำถามนี้เข้าไป ห่านถึงกับนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก แล้วบื้อก็เห็นแอปเปิ้ลเดินมา บื้อตกใจ รีบเอามือปิดปากห่าน ห่านร้องอู้อี้ๆ “ฉันเห็นแอปเปิ้ล”
ห่านตกใจ บื้อเหล่ ห่านเหล่ตามเห็นแอปเปิ้ลกำลังเดินมา บื้อคิดหาทางแล้วก็นึกออก ดันห่านติดกำแพง แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ห่านตกใจ
“นายจะทำอะไร”
บื้อพูดไม่ขยับปาก
“เฉยๆ”
ห่านนิ่วหน้า แอปเปิ้ลเห็นบื้อกับห่านก็ตกใจ รีบหาที่หลบและแอบดู บื้อยื่นหน้าเข้าไปใกล้ห่าน โดยที่ไม่พูดอะไร ห่านตื้นเต้นมาก แอปเปิ้ลตกใจเพราะภาพที่เห็นเหมือนบื้อจูบห่าน แอปเปิ้ลกำมือแน่น
“น่าเกลียด บัดสีที่สุด กลางวันแสกๆ ทนดูไม่ได้แล้ว”
แอปเปิ้ลจ้ำเดินออกไป
บื้อหน้าอยู่ห่างกับห่านไม่ถึงคืบ บื้อจ้องหน้าห่านไม่วางตา แต่ห่านกลอกตาไปมองตรงที่แอปเปิ้ลซ่อนตัว ห่านไม่เห็นแอปเปิ้ลก็รีบผละออกจากบื้อ
“ยัยแอ๊บไปแล้ว เฮ้อ” บื้อแอบเซ็ง หันไปทางห่าน “ฉันไปทำงานก่อนนะ”
บื้อพยักหน้า ห่านจ้ำเดินออกไป บื้อมองตามแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
บรรยากาศมิดไนท์เซล ลูกค้ามากมายเต็มห้างฯ พนักงานทำงานกันให้วุ่นวาย เดินกันขวั่กไขว่ ที่แผนกรองเท้าสตรี ลูกค้ามากมายกำลังเลือกและลองรองเท้า รองเท้าเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด ห่านวิ่งวุ่นหัวฟู แอปเปิ้ลกับปีโป้ก็เช่นกัน ห่านแบกกล่องรองเท้าหลายกล่องมาให้ลูกค้าลอง
“ขอทางหน่อยนะคะคุณลูกค้า ขอโทษนะคะ”
แอปเปิ้ลเห็นห่านก็หมั่นไส้ แกล้งเตะรองเท้าบนพื้นออกไปขวางทางห่าน ห่านไม่เห็น สะดุดรองเท้าล้มลง กล่องหล่นพื้น รองเท้ากระจายออกมาแยกคู่ แยกสี่ ลูกค้าหันมามอง ห่านรีบลุก
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ”
แอปเปิ้ลหัวเราะเยาะ ห่านเงยหน้ามอง แต่ไม่อยากมีเรื่องเพราะกำลังทำงานเลยก้มหน้าก้มตาเก็บรองท้า พลันมีมือๆ หนึ่งมาช่วยเก็บแล้วส่งให้ห่าน ห่านยังไม่ทันเงยหน้ามอง
“ขอบคุณค่ะ”
ห่านเงยหน้าเห็นว่าคนๆ นั้นคือน้องนุช ห่านตกใจมาก เผลอพูดออกมา
“คุณน้องนุช”
นีรนุชชะงัก แอปเปิ้ลหันมาจับตามอง
“ทำไมรู้จักชื่อฉันคะ”
ห่านหน้าซีด รีบลุกขึ้นยืน เหรอหราสุดๆ
“เออ”
นีรนุชมองหน้าห่าน ห่านที่กำลังแย่ก็มีระฆังมาช่วยชีวิต นั่นก็คือคุณชายที่เดินเข้ามา
“น้องนุช” นีรนุชหันไปเห็นคุณชายเดินมาหา ห่านเห็นเป็นโอกาสดีรีบหลบออกไป นีรนุชหันมาอีกที ห่านหายไปแล้ว “มองหาอะไร”
“เปล่า ประชุมเสร็จแล้วเหรอ”
“อือ”
นีรนุชหันไปมองหาห่านอีกครั้งก็ไม่เจอแล้วจริงๆ จึงเดินออกไปกับคุณชาย ห่านโผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อน มองตามนีรนุชกับคุณชายพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เกือบซวยแล้วมั๊ยล่ะ”
คุณชายกับนีรนุชเดินมาด้วยกันตามทาง
“แกว่าพนักงานขายรองเท้า รู้จักชื่อแก”
“อือ เค้ารู้จักชื่อฉันได้ไงก็ไม่รู้”
“พนักงานคนนั้นใส่แว่นรึเปล่า”
“ใส่”
“ถ้างั้นก็ไม่แปลก คนนั้นเป็นแฟนกับบื้อ บื้อคงเอารูปแกให้เค้าดูน่ะ”
“อ๋อ มิน่า ฉันงงเลย” คุณชายหยุดเดินหันมา
“ฉันมีวิธีทำให้แกหายงง”
“ยังไง” คุณชายยิ้มเจ้าเล่ห์ เอามือขยี้ผมนีรนุช นีรนุชตกใจ “เฮ้ย! ไอ้ชายหยุดนะ ผมฉันเสียทรงไปหมดแล้ว”
คุณชายไม่หยุด ขยี้ผมนีรนุชจนยุ่งเหยิง นีรนุชเลยจี้เอวคุณชาย คุณชายสะดุ้ง
“เอ๊ย อย่าจี้ อย่า อย่า”
“นึกว่าแกล้งคนอื่นเป็นคนเดียวเหรอไง นี่แน่ นี่แน่”
คุณชายวิ่งหนี นีรนุชไล่จี้ไปตามทาง คุณชายวิ่งออกไป ขณะที่นีรนุชกำลังจะตาม ดาหลากลับเดินออกมา ทำให้นีรนุชชนดาหลาเต็มๆ คุณชายหยุดวิ่งและหันไปมอง
“ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษแล้วฉันหายเจ็บมั๊ยห๊ะ! นี่ห้างสรรพสินค้านะยะ ไม่ใช่สนามเด็กเล่น โตแล้วยังจะทำตัวเป็นเด็กอีก” นีรนุชเหวอ ที่ดาหลาต่อว่าเธอไม่หยุด คุณชายไม่พอใจแทนเพื่อนเดินมาตรงหน้าดาหลา ดาหลาเปลี่ยนท่าทีทันที “คุณชายขา”
ดาหลายิ้มหวาน แต่คุณชายไม่สนใจดาหลาหันไปทางนีรนุช
“เกิดไรขึ้น”
ดาหลานิ่วหน้า แปลกใจ
“ฉันวิ่งชนเค้า”
คุณชายหันมาทางดาหลาสีหน้าไม่พอใจ
“เพื่อนผมชนคุณดาหลาเหรอครับ”
“พะ...เพื่อน เออ เพื่อนของคุณชายเหรอคะ”
“ครับ เพื่อนสนิท สนิทมาก เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ” คุณชายโอบนีรนุช “เป็นเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดด้วย”
ดาหลารีบฉีกยิ้มจริงใจทันที
“ดาหลาต้องขอโทษด้วยนะคะ ดาหลาไม่ทราบว่าคุณเป็นเพื่อนสนิทของคุณชาย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“แกไม่เป็น แต่ฉันเป็น” ดาหลาอึ้ง
“ชาย”
“ถ้าน้องนุชไม่ใช่เพื่อนผม คุณจะเอาเรื่องเค้าใช่มั้ย”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือ...ดาหลา...”
“ไปกันเถอะ”
คุณชายโอบพานีรนุชเดินออกไป ดาหลาหันไปมองคุณชาย กำมือแน่นด้วยความโมโหโกรธแค้นมากๆ
ดาหลาเข้ามาในห้องน้ำแล้วร้องกรี๊ดๆๆไม่หยุด พนักงานคนหนึ่งออกมาจากห้องส้วม มองดาหลาแบบงงๆ เลยเจอดาหลาหันไปแว๊ดใส่
“มองอะไร จะไปทำอะไรก็ไปสิ” พนักงานลนลานออกไป ดาหลาหันมามองตัวเองในกระจก “เพราะแกคนเดียวนังฮันนี่ ฉันต้องกำจัดแกให้พ้นไปจากชีวิตคุณชายให้ได้ แกคอยดู”
ร้านกาแฟภายในห้องนีรนุชมองหน้าคุณชายสีหน้าประหลาดใจ คุณชายกำลังจิบกาแฟ
“ผู้หญิงคนนั้น คือคนที่แม่แกจะให้แกแต่งงานด้วย” คุณชายพยักหน้า นีรนุชกลุ้มแทนเพื่อนขึ้นมาเลย “อย่ายอมเชียวนะ”
“แกนี่สมกับเพื่อนรักฉันจริงๆ ฉันไม่มีทางยอม ต่อให้ฉันรักคุณแม่มากแค่ไหนก็ตาม”
“ฉันเห็นใจแกจริงๆ ว่ะชาย”
คุณชายจับมือนีรนุช
“มีแกให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ฉันไม่มีวันท้อง่ายๆ”
นีรนุชกับคุณชายยิ้มให้กัน
ห่านกำลังเอารองเท้ามาจัดวางบนชั้น พลันเสียงนีรนุชดังขึ้น
“คุณห่านคะ”
ห่านหันไปเห็นนีรนุชก็ตกใจ ทำรองเท้าร่วงลงพื้น นีรนุชช่วยเก็บขึ้นมา ห่านรีบรับรองเท้ามาถือไว้
“คุณ...คุณรู้จักชื่อฉัน”
“ฉันรู้ทุกอย่างค่ะ”
ห่านหน้าซีดสุดๆ นึกว่ารู้เรื่องที่เธอคือฮันนี่
“ทำไมคุณรู้”
“ชายบอก” ห่านตกใจมาก
“ห๊ะ นี่คุณชายก็รู้เหรอคะ หัวขาดแน่ๆ”
“แต่คุณเป็นแฟนกับคุณบื้อ ไม่ทำให้หัวขาดหรอกนะคะ”
“แฟนบื้อ” ห่านเหวอ
“ค่ะ ฉันถามชายว่าคุณรู้จักชื่อฉันได้ไง ชายบอกว่าบื้อคงเอารูปฉันให้คุณดู” ห่านโล่งอก
“ใช่ค่ะใช่ บื้อเอารูปที่ไปเที่ยวสวิสมาให้ฉันดูค่ะ แล้วก็บอกว่าคุณเป็นเพื่อนคุณชายชื่อคุณน้องนุช”
ห่านกับนีรนุชยิ้มให้กัน ห่านหันไปลอบถอนหายใจ
ที่แผนกชุดชั้นในชาย บื้อยื่นถุงให้ลูกค้า ก่อนจะยกมือไหว้
“ขอบคุณมากครับ”
ลูกค้าเดินออกไป บื้อหยิบมือถือออกมามองแล้วก็กดชื่อห่านขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้โทรออก สุรเดชก็เดินเข้ามาหาบื้อพร้อมกับเด็กผู้ชายมากมาย บื้อวางมือถือบนชั้น แล้วก็ยกมือไหว้สุรเดช
“สวัสดีครับพี่สุ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
“คิดถึงพี่ชิมิ”
สุรเดชจะเข้ามากอด บื้อรีบถอยหลัง แล้วยิ้มแหย
“วันนี้เรามีโปรโมชั่น ซื้อครบ 1000 ได้รับคูปองส่วนลดหนึ่งร้อยบาทสำหรับชิ้นต่อไป”
“พี่เบื่อแบบเดิมๆ แล้ว มีแบบใหม่ๆ เข้ามาบ้างใหม่”
“มีครับ มีครับ มีแบบบิกินนี่ แบบเอวต่ำ แบบสั้น แบบสายเดี่ยว”
“อื้อ อันหลังนี่น่าสนใจ เด็กๆ จ๊ะ อยากได้แบบไหน หยิบมาได้เลยนะจ๊ะ” เด็กๆ ของสุรเดชเดินไปเลือกกางเกงในชาย สุรเดชเข้ามาควงแขนบื้อ “ไปช่วยพี่เลือกกางเกงในนะจ๊ะ”
“ครับ”
สุรเดชหยิกแก้มบื้อ
“น่ารักที่สุด”
บื้อหน้าแหย สุรเดชควงบื้อเดินออกไป โดยที่มือถือบื้อยังถูกวางลืมทิ้งเอาไว้
แผนกเครื่องสำอาง เจ๊มะพร้าวกำลังขายของให้อาซ้อ แข่งกับจีจี้
“ซื้อของกับมะพร้าวดีกว่าค่ะซ้อ ครบ 3000 แถมครีมบำรุงผิวสำหรับกลางคืน”
“ของจี้ดีกว่าค่ะซ้อ ซื้อชุดแต่งหน้า แถมกระเป๋าใส่เครื่องสำอางกับมาร์สหน้าสิบแผ่น”
ซ้อสนใจหันไปดูของจีจี้ จีจี้ทำท่าเยาะเย้ย
“มะพร้าวแถมแต่งหน้าฟรีให้ซ้อ 5 ครั้งเลยค่ะ”
ซ้อหันขวับ หันมาทางเจ๊มะพร้าว เจ๊มะพร้าวมองจีจี้เยาะเย้ย
“จี้แถมแต่งหน้าฟรี 5 ครั้ง แถมนวดหน้าอีก 5 ครั้งเลยค่ะ” ซ้อหันขวับ
“จริงเหรอ”
“จริงค่ะ” ซ้อหันมาทางจีจี้ เจ๊มะพร้าวโกรธมาก ถึงกับพูดไม่ออก จีจี้หันมาเยาะ “หมดมุขแล้วสินะเจ๊” จีจี้ยกมือปิดปาก “โฮะๆๆ”
จีจี้รีบหันไปขายของให้ซ้อ เจ๊มะพร้าวหัวเสียมาก ระหว่างนั้นแหม่มเดินมาหาเจ๊มะพร้าว
“เจ๊”
“แกมาได้ไง แผนกแกไม่ยุ่งเหรอ”
“ขายหมดแล้ว”
“ห๊ะ! นี่ขนาดเศรษฐกิจตกต่ำนะเนี่ย”
“ฉันมีเรื่องอยากเม้าท์ คันปากยิบๆ ตั้งแต่เมื่อวาน”
จีจี้หันไปเห็นแหม่มกับเจ๊มะพร้าวก็ตาโตด้วยความสนใจ จีจี้ค่อยๆ เถิบเข้าไปใกล้โดยที่เจ๊มะพร้าวกับแหม่มไม่รู้ตัว
“เรื่องไร จัดมาด่วน เผื่อจะทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้น” แหม่มกระซิบ เจ๊มะพร้าวไม่ได้ยิน “ดังๆ ฉันฟังแกไม่รู้เรื่อง”
“ฉันสงสัยว่าบื้อจะแอบชอบไอ้ห่าน”
“น้องบื้อเนี่ยนะแอบชอบห่าน”
จีจี้ได้ยินก็สงสัยมาก
ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 8 (ต่อ)
จีจี้ลากแอปเปิ้ลมาตามทาง
“มีไรนังจี้ ฉันกำลังยุ่งวุ่นวาย ขายของแทบไม่ทันแล้วเนี่ย”
“ฉันได้ยินนังแหม่มบอกกับนังเจ๊ว่าบื้อแอบชอบห่าน”
“จะแอบชอบได้ไง ก็เค้าเป็นแฟนกัน” แอปเปิ้ลชะงัก จีจี้มองหน้าแอปเปิ้ลประมาณว่า “เข้าใจยัง” แอปเปิ้ลนึกขึ้นมาได้เอง “แสดงว่าบื้อโกหก”
จีจี้พยักหน้า แอปเปิ้ลมีสีหน้าไม่พอใจ
แอปเปิ้ลเดินเข้ามาที่แผนกชุดชั้นในชายด้วยสีหน้าเอาเรื่องสุดๆ แอปเปิ้ลมองไปรอบๆ ไม่เห็นบื้อ ก็หยิบมือถือออกมากดโทรออก ไม่นานเสียงมือถือบื้อดังขึ้น แอปเปิ้ลชะงักเพราะได้ยินใกล้ๆ แอปเปิ้ลเดินหาเห็นมือถือบื้อวางบนชั้น แอปเปิ้ลวางสาย หยิบมือถือบื้อขึ้นมาดู จังหวะที่หยิบดันไปโดนปุ่มบางอัน ทำให้แฟ้มภาพปรากฎขึ้นมาที่หน้าจอ
แอปเปิ้ลชะงัก สงสัย แล้วก็กดเปิดดู แอปเปิ้ลแทบช็อกเพราะมีแต่รูปที่บื้อแอบถ่ายห่านตอนเป็นฮันนี่ที่สวิส
“คุณฮันนี่ ทำไม หรือว่าความลับของนังห่านก็คือบื้อกับคุณฮันนี่เป็นแฟนกัน ส่วนนังห่านคือตัวหลอก”
แอปเปิ้ลอ้าปากด้วยความตกใจ
ดาหลากำลังต้อนรับลูกค้าชาวเกาหลี
“ฮวัน-ยอง-ฮัม-นี-ดา (ยินดีต้อนรับค่ะ)” ดาหลาโค้งพร้อมยิ้มให้อย่างงดงาม ลูกค้าโค้งตอบแล้วก็เดินออกไป ดาหลารีบหุบยิ้มแล้วก็ขยับปากไปมา “ยิ้มตั้งแต่เช้า เมื่อยหน้าไปหมดแล้ว” ดาหลาหยิบกระจกพกพาจากกระเป๋ากระโปรงออกมาส่อง “หน้าจะย่นมั้ยเนี่ย สงสัยเย็นนี้ต้องจัดโบท็อกซ์ซักสองเข็ม” ดาหลาเก็บกระจก หันไปข้างหลัง แล้วก็ตกใจสุดขีด เพราะแอปเปิ้ลยืนอยู่ใกล้มาก “อ๊าย”
“มาทางนี้ค่ะ” แอปเปิ้ลจับแขนดาหลา ดาหลารีบสะบัดแขนออก
“อะไรของเธอ”
“ฉันมีเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อฮันนี่มาบอกคุณ” ดาหลานิ่ง “สนใจขึ้นมาบ้างแล้วใช่มั้ยคะ”
ดาหลามองแอปเปิ้ลด้วยความสนใจจริงๆ
แอปเปิ้ลพาดาหลามายังมุมลับตาคนแล้วเอารูปถ่ายฮันนี่ที่สวิสฯ ที่อยู่ในมือถือบื้อให้ดาหลาดู ดาหลามองรูปด้วยความประหลาดใจ
“นี่หมายความว่านังฮันนี่กำลังสวมเขาให้คุณชาย”
“ใช่ค่ะ จากที่แอปเปิ้ลประมวลเหตุการณ์ แอปเปิ้ลคิดว่า นังฮันนี่เป็นพวกสิบแปดมงกุฎที่ต้องการปอกหลอกคุณชายมาบำเรอแฟนของตัวเอง”
“แสดงว่านายบื้ออะไรนี่ก็เป็นแมงดาน่ะสิ”
“น่าจะแบบนั้นแหละค่ะ” แอปเปิ้ลมีสีหน้าผิดหวังอย่างแรง “เฮ้อ แอปเปิ้ลล่ะเสียใจแล้วก็เสียดายบื้อจริงๆ ถ้าแอปเปิ้ลรวยกว่านี้ แอปเปิ้ลจะยอมให้บื้อมาสูบมาเกาะจนเลือดหมดตัวตาย แอปเปิ้ลก็ยอม”
“เราต้องจับนังฮันนี่ให้ได้คาหนังคาเขา ทำให้คุณชายเห็นถึงความร้ายกาจของมัน”
“ใช่ค่ะ และถ้าเราทำสำเร็จ คุณชายก็จะต้องเกลียดนังฮันนี่ ส่วนนังห่านก็จะต้องโดนไล่ออก”
“ไม่แค่นังห่าน แต่ยังมีนายบื้ออีกคนที่ต้องโดนไล่ออกเหมือนกัน”
แอปเปิ้ลฟังแล้วก็หน้าเสียเป็นห่วงบื้อขึ้นมา
ที่แผนกชุดชั้นในชาย บื้อกำลังง่วนหามือถือ บื้อถอยชนสุรเดชที่ยืนอยู่ข้างหลัง สุรเดชกอดบื้อจากด้านหลังหมับ บื้อตกใจรีบผละออกห่างทันที
“พี่สุ”
“จ๋า” สุรเดชเสียงกระเซ่า บื้อหน้าแหย “อุ้ย น้องบื้อหาไรอยู่เหรอจ๊ะ?”
“มือถือครับ ผมจำได้ว่าวางไว้ตรงนี้ แต่ไม่รู้หายไปไหน”
“ไม่ต้องหาหรอก พี่ซื้อให้ใหม่”
“ไม่ดีหรอกครับ”
“ดีสิจ๊ะ ดีมากด้วย พี่อยากซื้อของให้บื้ออยู่แล้ว แต่ไม่รู้จะซื้ออะไรให้”
บื้อพูดไม่ออก ระหว่างนั้นเสียงประกาศดังขึ้น
“ประกาศ ผู้ใดทำมือถือหาย กรุณามารับที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ชั้น 1 ขอบคุณค่ะ”
“มือถือผม ผมไปก่อนนะครับ”
บื้อรีบเดินออกไป สุรเดชเอามือที่กอดบื้อมาสูดดมชื่นใจ
บื้อรีบมาที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อขอรับมือถือคืน บื้อเอามือถือมาดู ยิ้มดีใจ เงยหน้ามองประชาสัมพันธ์
“ของผมจริงๆ ว่าแต่ ใครเป็นคนเอามือถือมาให้เหรอ”
“ลูกค้าน่ะ”
บื้อพยักหน้าอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร ก่อนจะเดินออกไป แอปเปิ้ลเดินออกมาจากที่ซ่อน หันไปทางประชาสัมพันธ์
“ขอบใจนะที่ช่วย แล้วฉันจะเอาเทสเตอร์เครื่องสำอางจากจีจี้มาให้”
ประชาสัมพันธ์ยิ้มชอบใจ
พรเพ็ญยืนตรงหน้าพนักงานทุกคน ข้างๆ เป็นคุณชายกับดาหลา แถวหน้าพนักงานมีห่าน บื้อ เจ๊มะพร้าว แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ พรเพ็ญยกโทรโข่งขึ้นมา
“เช้าวันนี้ ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะประกาศ เรื่องที่ว่านี้ เรียกได้ว่า เป็นวาระสำคัญแห่งห้างฯบีเคเคพลาซ่าของเรา”
ทุกคนมองหน้ากันสงสัย คุณชายกับดาหลายังนิ่ง “มีพนักงานของเราคนหนึ่ง ทำความผิดมหันต์ ยากที่จะให้อภัย พนักงานคนนี้ มีเจตนา ตั้งใจ ที่จะหลอกลวงคุณชาย” ทุกคนฮือฮา ต่างพากันพึมพำว่าเป็นใคร “พนักงานคนนั้นก็คือ นางสาวหฤทัย มุ่งหมายมั่น”
ห่านสะดุ้งเฮือก แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ยิ้มสะใจ เจ๊มะพร้าว แหม่ม บื้ออึ้ง โย่งนิ่วหน้า ห่านแกล้งตีหน้าซื่อ
“ฉันไปทำอะไรให้คุณชายเหรอคะ”
“ยังจะปากแข็งอีกเหรอคะคุณฮันนี่”
ห่านหน้าถอดสี หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เจ๊มะพร้าว แหม่ม บื้อ แทบช็อก แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้แทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
“ฉันกับคุณชายรู้ความจริงหมดแล้ว ว่าแกกับคุณฮันนี่ คือคนเดียวกัน”
ห่านพูดไม่ออก บอกไม่ถูก คุณชายเดินมาตรงหน้าห่าน แววตาเต็มไปด้วยความเสียใจและโกรธ
“คุณทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง คุณโกหกผม! ทั้งๆ ที่เราสัญญาว่าจะไม่โกหกกัน”
“ฉันอธิบายได้นะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหก แต่ฉันไม่มีโอกาสจะบอก...”
“ไม่ต้องอธิบาย ทุกอย่างมันชัดเจนดีอยู่แล้วว่า
“คุณตั้งใจ” ผมเสียความรู้สึกกับคุณจริงๆ คุณทำให้ความทรงจำดีดีที่ผมมีต่อคุณ มันหายไปจนหมดสิ้น ผมเกลียดคุณ คุณได้ยินมั้ย” ห่านหน้าเสีย น้ำตาคลอ “ผม-เกลียด-คุณ”
คุณชายจ้องห่านตากร้าว ห่านพูดไม่ออก ได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อก ดาหลาเข้ามาควงแขนคุณชาย
“อย่าเสียใจให้กับคนที่เค้าไม่เห็นคุณค่าของคุณชายเลยนะคะ” คุณชายหันไปทางดาหลา
“ขอโทษนะครับ ที่ผ่านมาผมไม่เคยพูดดีหรือทำดีกับคุณเลย ผมเพิ่งรู้วันนี้ว่าคุณคือคนที่จริงใจกับผม”
ห่านเสียใจสุดๆ ดาหลายิ้มให้คุณชายก่อนจะปรายตามองห่านอย่างผู้ชนะ แล้วก็ควงแขนคุณชายพากันเดินออกไป พรเพ็ญมองห่านพร้อมส่ายหน้าก่อนจะเดินออกไป ห่านหันไปเห็นแอปเปิ้ล ปีโป้และจีจี้ สามคนยิ้มเยาะใส่ห่าน แล้วก็เดินออกไป ห่านหันไปทางเจ๊มะพร้าวกับแหม่ม ขยับจะเข้าไปหา
“อย่าเข้ามาใกล้พวกฉันสองคน พวกฉันไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับแก”
ห่านอึ้ง พูดไม่ออก เจ๊มะพร้าวกับแหม่มเดินออกไป ห่านหันไปทางโย่ง โย่งมองห่านสายตาผิดหวัง ส่ายหัวเอือมๆ แล้วก็เดินออกไป ห่านรีบหันไปทางบื้อ
“บื้อ นายคงไม่เดินหนีฉันไปอีกคนนะ”
“ฉันเคยเตือนเธอแล้วห่าน แต่เธอไม่ฟัง ฉันทนเห็นหน้าเธอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ลาก่อน”
บื้อมองห่านอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะเดินจากห่านไป ทุกคนทยอยกันเดินออกไปจนหมด เหลือห่านที่ยืนเคว้งคว้างตามลำพังอย่างเหงาๆ เศร้าๆ ห่านถึงกับทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างหมดแรง
ห่านนอนกระสับกระส่ายคิ้วขมวด เหงื่อผุดเต็มหน้า
“ไม่ ไม่นะ ทุกคนอย่าทิ้งฉันไป อย่า” ห่านสะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นเพดานห้อง หันไปเห็นแหม่มนอนข้างๆ ก็ลุกขึ้นนั่งอย่างโล่งอก “ฝัน? เฮ้อ”
ห่านหน้าเครียดมากๆ เริ่มเป็นกังวลใจ
เช้ารุ่งขึ้น ห่านกำลังใส่บาตร สีหน้าไม่สบายใจ ก่อนจะคุกเข่าก้มกราบพระแล้วก็เงยหน้าขึ้นมา
“พระคุณเจ้าคะ คือ...” ห่านคิดไปพูดไป “หนูมีเพื่อนคนหนึ่ง เค้าโกหกคนที่เค้ารักว่าเค้าเป็นคนรวย แต่เค้าไม่ได้ตั้งใจที่จะโกหกนะคะ เค้ากลัวว่าถ้าบอกความจริงจะทำให้คนที่เค้ารัก เกลียดเค้า พระคุณเจ้าว่าเพื่อนหนูควรจะทำไงดีคะ”
“การโกหกเพียง 1 เรื่อง ก็สามารถทำลายสัมพันธภาพทั้งมวลและทำลายชีวิตทุกด้าน” ห่านอึ้ง “มันก็เหมือนการเล่นพนัน ทุกครั้งที่เราโกหก เรากำลังพนันกับการถูกจับโกหก” ห่านคิดตามแล้วก็เห็นจริง “มุสาวาท ที่เพื่อนของโยมกำลังทำ คือ มายา แสดงอาการหลอกคนอื่นว่าตัวเองเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้ อาตมาแนะนำให้เพื่อนของโยมบอกความจริง ถ้าคนรักของเพื่อนโยมเค้ารักเพื่อนโยมด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ เค้าจะให้อภัย”
ห่านตั้งใจฟัง และคิดตามที่พระพูด
ห่านเดินกลับเข้ามา สีหน้ายังคิดหนัก คิดถึงคำพูดของพระ
“การโกหกเพียง 1 เรื่อง ก็สามารถทำลายสัมพันธภาพทั้งมวลและทำลายชีวิตทุกด้าน มันก็เหมือนการเล่นพนัน ทุกครั้งที่เราโกหก เรากำลังพนันกับการถูกจับโกหก // มุสาวาท ที่เพื่อนของโยมกำลังทำ คือ มายา แสดงอาการหลอกคนอื่นว่าตัวเองเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้ อาตมาแนะนำให้เพื่อนของโยมบอกความจริง ถ้าคนรักของเพื่อนโยมเค้ารักเพื่อนโยมด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ เค้าจะให้อภัย”
ห่านหยุดเดินและถอนหายใจ ก่อนจะหันไปเห็นบื้อกำลังรดน้ำต้นไม้ ห่านดีใจ เหมือนเห็นที่พึ่ง รีบเดินไปที่ริมรั้ว”
“บื้อ”
บื้อไม่ได้ยิน ยังคงรดน้ำต้นไม้ ห่านมองเห็นก้อนหินบนพื้น หยิบขึ้นมา ปาไปโดนบื้อแบบเฉียดๆ บื้อสะดุ้ง หันไป ทำให้น้ำจากสายยางเข้าหน้าห่านเต็มๆ ห่านแทบสำลัก บื้อตกใจรีบวางสายยางลงบนพื้น
“โทษๆ” ห่านเอามือปาดหน้า
“ขอบใจที่ช่วยล้างหน้าให้” บื้ออมยิ้มขำๆ “ไม่ต้องมายิ้ม” บื้อรีบหุบยิ้ม “ฉันมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับนาย...”
ห่านกำลังจะพูดต่อ แต่เสียงมือถือบื้อดังขึ้นซะก่อน ห่านเงียบ บื้อชะงัก หยิบมือถือขึ้นมา
“แป๊บนะ”
บื้อกดรับสาย ยืนหันหลังให้ห่าน
“ครับคุณน้องนุช” ห่านผงะ “เสื้อที่เราไปซื้อด้วยกันใส่ไม่ได้” ห่านชะงักกับสิ่งที่ได้ยินเห็นบื้อยิ้มแย้ม “คืนนี้ผมพาไปเปลี่ยนเองครับ ไปได้สิครับ แล้วเจอกันนะครับ” บื้อวางสาย “ห่าน...”
บื้อหันมาหาห่านแต่ห่านหายไปแล้ว บื้อนิ่วหน้าแปลกใจว่าห่านหายไปไหน
ห่านเดินหน้านิ่วเข้ามาในบ้าน มีอารมณ์ไม่พอใจนิดๆ
“ได้สิครับ เดี๋ยวคืนนี้เจอกัน แหวะ...ชิ ทำเป็นพูดเพราะ ทีกับเราล่ะกระโชกโฮกฮาก ว่าแต่เค้าไปซื้อเสื้อด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ระหว่างนั้นแหม่มเดินออกมาเห็นโต๊ะอาหารโล่ง
“ยังไม่ทำอาหารเช้าอีกเหรอ”
“ไม่ทำ ไม่มีอารมณ์”
ห่านหน้าหงิกเดินออกไป แหม่มงงมาก
“อ้าวเฮ๊ย แล้วจะกินอะไรเนี่ย”
แหม่มถอนใจ ทำหน้าเอือมระอา
เมื่อถึงที่ทำงาน ห่านกำลังล้างมืออยู่ในห้องน้ำ ห่านทำหน้าอย่างเซ็งเมื่อนึกถึงเรื่องบื้อกับนีรนุช
“โอ๊ย ทำไมถึงหงุดหงิดแบบนี้เนี่ย”
ห่านถอนใจอย่างแรง ประตูเปิดออก ห่านมองผ่านทางกระจกเห็นแอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ เดินเรียงหน้าเข้ามาข้างใน ห่านหันไปมองสีหน้าประหลาดใจ รู้สึกไม่ดี ไม่นานดาหลาเดินตามเข้ามา ห่านมั่นใจว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
จีจี้ปิดประตูและล็อก ห่านกลืนน้ำลายเอื๊อก ในใจหวาดหวั่น แต่ทำใจดีสู้เสือ
“อุ๊บ ห้องน้ำเต็ม ฉันออกไปก่อนนะ”
ห่านขยับจะออกไป แต่เจอจีจี้เดินมาขวางหน้าประตู ห่านหยุดกึก หันไปเจอดาหลาเดินมาประจันหน้า
“จะหนีความจริงไปไหน”
ห่านหน้าเสีย คิดในใจ...
“อย่าบอกนะว่าพวกเค้ารู้กันแล้ว ฝันเป็นจริงเหรอเนี่ย” ห่านทำหน้าตาย พูดออกมา “ความจริงเรื่องอะไร”
ดาหลากอดอก ทำหน้าเยาะ
“เรื่องแกกับนังฮันนี่ยังไงล่ะ”
ห่านอึ้ง “ซวยแล้ว ตายแน่” ห่านกลืนน้ำลายเอื๊อก เหงื่อผุดเต็มหน้า พูดไม่ออก
“เงียบแบบนี้ แสดงว่าเป็นความจริง”
“ช่ายยย” ปีโป้กับจีจี้เห็นด้วย ห่านทำใจดีสู้เสือ
“ฉะ ฉัน ฉัน กับคุณฮันนี่ ทำไมเหรอ”
“ความจริงแล้ว แกกับคุณฮันนี่ เป็น...” ห่านลุ้นมากจนเหงื่อหยดติ๋ง “เป็นคนรู้จักกัน” ห่านเหวอ
“คนรู้จัก”
“ฉันเห็นรูปคุณฮันนี่ในมือถือบื้อเต็มไปหมด” ห่านอึ้ง นิ่วหน้าแปลกใจ “นั่นแสดงว่าคุณฮันนี่กับบื้อต้องมีอะไรที่พิเศษต่อกัน ส่วนแก...ก็คือตัวหลอก แกทำให้ทุกคนเข้าใจว่าแกกับบื้อเป็นแฟนกัน”
“ถูกต้อง ทั้งแก ทั้งนังฮันนี่ และนายบื้อ ร่วมมือกันหลอกคุณชาย”
“ช่ายยยย”
“แบบนี้เค้าเรียกว่าเป็นสิบแปดมงกุฎ”
“ช่ายยยย”
“สารภาพมาซะตอนนี้ ถ้าไม่อยากให้ฉันแจ้งตำรวจจับพวกแกข้อหาหลอกหลวงกระทำชำเรา” ดาหลาบอก แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ ห่านสะดุ้ง
“แค่หลอกลวงก็พอค่ะคุณดาหลา” แอปเปิ้ลแย้ง ดาหลาพยักหน้า หันไปทางห่าน
“สารภาพความจริงมาซะ เพราะคนที่ฉันต้องการเล่นงานคือนังฮันนี่ไม่ใช่แก ถ้าแกยอมพูดความจริง ฉันอาจจะไม่เอาเรื่อง”
ดาหลาเอามือถือออกมา เตรียมกดอัดเสียงห่าน ห่านนิ่งไปสองวินาทีพยายามครุ่นคิดจนนึกออก
“ที่คุณพูดมาทั้งหมดถูกต้อง” ดาหลา แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ยิ้มดีใจ คิดว่าห่านสารภาพ “แต่...” ทั้งสี่คนหุบยิ้ม “มันถูกต้องแค่ครึ่งเดียว ความจริง ฉันกับบื้อมีปัญหากันมาซักพักแล้ว หลังจากบื้อกลับมาจากสวิสฯ บื้อก็มาบอกฉันว่าเค้าแอบชอบคุณฮันนี่ ฉันเสียใจมาก แต่บื้อก็บอกว่าเค้าจะลืมคุณฮันนี่ให้ได้ ฉันนึกว่าเค้าลืมไปแล้ว แต่ที่ไหน...เค้ายังมีคุณฮันนี่อยู่ในใจเสมอ” ห่านแกล้งร้องไห้อย่างหนัก ทุกคนเหวอ เพราะเรื่องกลับตาลปัตร “แต่วันนี้ ฉันจะไม่ทนอีก ขอบใจมากนะแอปเปิ้ล” ห่านจับมือแอปเปิ้ลแน่น
“ที่ทำให้ฉันตาสว่าง ฉันจะไปบอกเลิกกับบื้อเดี๋ยวนี้”
ห่านหันหลังจ้ำเดินออกไปทันที แอปเปิ้ล ปีโป้ ดาหลา จีจี้อ้าปากค้าง
“ไหงเป็นงี้ล่ะ”
“มันไม่ใช่เรื่องแบบที่พวกเราคิดซักนิด โอ๊ย มึนไปหมดแล้ว”
“อย่ามัวแต่พูดมาก รีบตามไปดูเหอะ”
ทั้งสี่คนรีบวิ่งออกไปทันที
บื้อกำลังเอากางเกงในใส่หุ่นโชว์แต่ใส่ไม่เข้าเพราะกางเกงในฟิต บื้อพยายามดึง...ดึงสุดแรง จนล้มไปบนพื้น หุ่นผู้ชายล้มทับบื้อ บื้อเจ็บปวด แล้วก็ผงะ เพราะเห็นนีรนุชยืนอยู่
“คุณน้องนุช” บื้อหน้าแดงซ่านด้วยความเขิน รีบลุกขึ้น แล้วจับหุ่นให้ยืน แต่หุ่นยืนไม่อยู่ ล้มไปบนพื้นอีก นีรนุชหัวเราะ “ช่างมันเถอะครับ คุณน้องนุชมาไงครับเนี่ย”
“ขับรถมาน่ะสิ”
“จริงด้วย ผมนี่ก็ถามอะไรแปลกๆ แต่เรานัดเจอกันคืนนี้ไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่ แต่ฉันมีคุยงานกับชาย เห็นยังไม่ถึงเวลาก็เลยมาหาคุณ”
บื้อพยักหน้าเข้าใจ ระหว่างนั้นนั่นเอง ห่านจ้ำเดินเข้ามาที่แผนก พอเห็นนีรนุชก็ผงะไปเล็กน้อยก่อนจะรีบหันไปทางบื้อทำหน้าเศร้าราวกับถูกทำร้ายมา
“บื้อ”
บื้อหันไปเห็นสีหน้าห่านที่จริงจังมากก็แปลกใจ ด้านหลังห่าน ดาหลา แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ตามมาติดๆ บื้อยิ่งงงที่เห็นคนพวกนั้น นีนุชแค่มองๆ ห่านเดินมาหยุดตรงหน้าบื้อ
ดาหลา แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้หยุดเดินตาม นีรนุชหันไปมองห่านกับบื้อ แล้วห่านก็ตบหน้าบื้อเสียงดังเพี๊ยะ บื้อหันไปมองห่านสีหน้างงมาก กำลังจะอ้าปากถาม แต่ห่านรีบพูดเสียงดัง
“คนหลายใจ เราเลิกกัน” บื้อพูดไม่ออก ได้แต่อ้าปากค้างและหน้าชาไปทั้งซีก ห่านหันหลังจ้ำเดินออกไปทันทีพลางพึมพำกับตัวอง “ขอโทษนะบื้อ”
“หมดสนุกแล้วสิ” ดาหลาหันไปทางแอปเปิ้ล “คราวหน้าคราวหลัง ถ้าจะมาบอกอะไรฉัน กรุณาตรวจสอบให้ดีก่อน เพราะมันเสีย-เว-ลา”
ดาหลาจ้ำเดินพรวดๆ ออกไป แอปเปิ้ลไม่พอใจ หันไปมองห่าน เจ็บใจที่เล่นงานไม่ได้ แล้วก็เดินออกไป จีจี้กับปีโป้รีบเดินตาม นีรนุชรีบเข้ามาดูบื้อ
“เจ็บมากมั๊ยบื้อ”
บื้อจับหน้าตัวเองที่แดงเป็นรอยฝ่ามือ สีหน้าเจ็บปวด
ที่แผนกเครื่องสำอาง เจ๊มะพร้าวกำลังติดขนตาให้แหม่ม
“ดวงตาสโมกี้อายด้วยอายแชโดว์สีเข้มๆ ที่แกทา จะสวยคมขึ้นเมื่อแกติดขนตาปลอมลงไปอีก เอาซักสองชั้นก็แล้วกันนะ”
“แสดงว่าฉันจะสวยเข้มข้นเลยใช่ป่ะเจ๊”
“ใช่ย่ะ สวยเข้มข้นเหนียวหนืดไปเลยล่ะ”
“เอ๊ะ นี่เจ๊ชมหรือด่ากันเนี่ย” เจ๊มะพร้าวยิ้ม แล้วแหม่มก็นึกอะไรออก “เออ นี่เจ๊ ฉันเพิ่งนึกอะไรออก ว่าจะเม้าท์กับเจ๊ตั้งแต่มาถึง”
“จัดมาด่วน”
“เมื่อเช้าห่านมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ หงุดหงิดงุ่นง่าน หน้าหงิกหน้างอ แถมยังไม่ยอมทำข้าวเช้าให้ฉันกินอีกด้วย”
“แล้วมันจะหงุดหงิดเรื่องอะไร ในเมื่อตอนนี้ชีวิตมันก็ดีไปซะหมด”
“ก็นั่นไง ฉันก็สงสัยอยู่”
ระหว่างนั้นจีจี้เดินมา เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหันไปมอง เจ๊มะพร้าวอดแขวะไม่ได้
“ต้องรายงานคุณผู้จัดการซักหน่อยแล้ว ที่ปล่อยให้ช้างเข้ามาเดินในห้างฯW
จีจี้ลืมตัว ทำท่าช้าง ยกมือขึ้นมาเป็นงวง
“แปร๋นนน เฮ้ย ฉันไม่ใช่ช้าง” เจ๊มะพร้าวกับแหม่มเบ้หน้า จีจี้ปรับโทนเสียงกลับมาตามเดิม “ยังชิลกันได้อยู่อีกเหรอ”
เจ๊มะพร้าวพูดแบบไม่มองหน้า ติดขนตาไปด้วย
“ถ้าคิดจะพูดอะไรที่ไม่สร้างสรรค์ ก็หุบปากไปซะนังคชสาร”
จีจี้ไม่พอใจ แล้วก็พูดเสียงดัง
“นังห่านเลิกกับบื้อแล้ว”
เจ๊มะพร้าวยังไม่รู้ตัว แต่แหม่มชะงัก
“แล้วไง”
“ห่านกับบื้อเลิกกันนะเจ๊” แหม่มย้ำอีกครั้ง เจ๊มะพร้าวนึกได้ ตกใจ
“ห๊ะ”
“ถึงกับช็อก แบบนี้สร้างสรรค์มากพอมั๊ย”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหันไปมองจีจี้ จีจี้เดินปิดปากหัวเราะออกไป เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองหน้ากัน
“หรือว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ห่านหงุดหงิดเมื่อเช้า”
เจ๊มะพร้าวคิดตามที่แหม่มพูดแล้วก็เห็นด้วย
ห่านกลับมาที่แผนกรองเท้าสตรีแล้วแกล้งทำหน้าเศร้า แอปเปิ้ลกับปีโป้คอยลอบสังเกตการณ์ ห่านเหลือบไปเห็นเจ๊มะพร้าวกับแหม่มซ่อนอยู่หลังหุ่นโชว์ก็ชะงัก เจ๊มะพร้าวกวักมือเรียกห่าน ห่านแกล้งทำหน้าจะร้องไห้ ก่อนจะหันไปทางแอปเปิ้ลกับปีโป้
“แอปเปิ้ล ปีโป้ ฉันขอไปห้องน้ำหน่อยนะ”
แอปเปิ้ลทำเป็นเห็นใจ
“ไปเถอะจ๊ะห่าน ในภาวะแบบนี้ ฉันเห็นใจ และเข้าใจ ถ้าเธอจะลาป่วยก็ได้นะ ฉันกับปีโป้จะทำงานแทนเธอเอง”
ปีโป้เหวอที่แอปเปิ้ลพูดดีกับห่าน
“ขอบใจ แต่ฉันคิดว่าฉันยังทำไหว”
แอปเปิ้ลพยักหน้า ห่านเดินออกไป ปีโป้หันไปมองแอปเปิ้ลไม่เข้าใจ
“ญาติดีกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ฉันไม่ได้ญาติดีกับมัน แต่ฉันดีใจที่มันเลิกกับบื้อของฉัน นั่นก็เท่ากับว่าฉันมีโอกาสที่จะได้บื้อเป็นผัว โฮะๆๆ”
แอปเปิ้ลหัวเราะมีความสุข ก่อนจะเดินออกไป ปีโป้หันไปมองตาม
“ใครว่าแกมีโอกาสคนเดียว ฉันก็มีโอกาสเหมือนกัน”
แล้วปีโป้ก็ควักลิปสติกออกมาจากกระเป๋ากระโปรงเอาขึ้นมาทาปาก
ห่านหลบมาคุยกับเจ๊มะพร้าวและแหม่มที่มุมลับตาคน เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองห่านด้วยความตกใจ
“แกตบหน้าบื้อ”
ห่านพยักหน้า สีหน้ารู้สึกผิด
“แกตบหน้าน้องบื้อของเจ๊ทำไม น้องบื้อของเจ๊ทำอะไรผิด ทำอะไรไม่รู้จักคิด”
“นั่นสิ ครั้งนี้แกทำไม่ถูกน่ะห่าน ป่านนี้บื้อเสียใจแย่แล้ว”
“โอ๊ย หยุด! ฟังฉันก่อน ที่ฉันทำแบบนี้ เพราะมีเหตุผล”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองหน้าห่าน
นีรนุชยังอยู่กับบื้อ นีรนุชเอายาหม่องให้บื้อ
“ขอบคุณครับ” บื้อรับยาหม่องมาเปิด “คุณน้องนุชพกยาหม่องติดตัวด้วยเหรอครับ”
“เหมือนคนแก่ใช่มั้ย” บื้อยิ้มอย่างยอมรับว่าใช่ “ฉันชอบเมารถน่ะ ก็เลยต้องพกไว้” บื้อพยักหน้าแล้วก็ทายาที่หน้า แต่แสบ บื้อไม่ค่อยกล้าทา “ทาแบบนี้ มันจะหายมั๊ยเนี่ย ฉันทาให้ดีกว่า”
นีรนุชเอายาหม่องจากมือบื้อ บื้อมองๆ
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองห่านอย่างเป็นห่วง หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
“พวกมันคิดได้ไง จับแพะมาชนแกะชัดๆ”
“คนเราถ้ามันจะหาเรื่อง มันก็หาได้ทุกเรื่องแหละจ๊ะ แต่โชคดีที่แกมีไหวพริบก็เลยเอาตัวรอดไปได้”
“แต่ก็อย่าเพิ่งสบายใจไป เจ๊มั่นใจว่าพวกนั้นมันยังจ้องจับผิดแกอยู่ จะว่าไปก็สงสารบื้อของเจ๊จริงๆ ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวก็ต้องมาถูกตบกลางที่สาธารณะ ถูกหาว่าเป็นผู้ชายหลายใจ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำ โถๆๆ”
ห่านนิ่ง รู้สึกผิดมากๆๆ
“ป่านนี้บื้อไม่โกรธแกไปแล้วเหรอ”
“ฉันไปขอโทษบื้อก่อนนะ”
ห่านรีบเดินออกไป แหม่มกับเจ๊มะพร้าวมองตามด้วยความเป็นห่วง
ห่านมาหาบื้อที่แผนกชุดชั้นในชายแต่ไม่เจอจึงยืนอยู่กับพนักงานคนหนึ่ง
“ไม่รู้บื้อไปไหน”
ห่านนิ่วหน้า เป็นกังวลใจ
ที่มุมพักผ่อน นีรนุชกำลังทายาที่หน้าให้บื้อ บื้อแสบ
“อดทนหน่อย จะได้หาย”
“ครับ”
ระหว่างนั้นห่านเดินมาเห็นนีรนุชกับบื้อก็อึ้ง ห่านยืนนิ่งไปสามวินาที ก่อนจะรีบตั้งสติ แล้วก็หันหลังเดินหนีไป เป็นจังหวะที่นีรนุชทาให้บื้อเสร็จ
“ขอบคุณครับ”
นีรนุชมองบื้ออย่างเป็นห่วง
“โอเครึเปล่า” บื้อนิ่วหน้า
“เรื่องอะไรครับ”
“ก็ที่...แฟนคุณ...” บื้อนึกได้
“อ๋อ...เออ คนอกหัก คงไม่โอเคง่ายๆ มั้งครับ”
บื้อยิ้มเศร้าๆ นีรนุชมองบื้อเห็นใจ บื้อหันไปลอบทำหน้าไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ช่วงพักกลางวัน แม่ค้าตักกับข้าวให้บื้อนิดนึงก่อนจะยื่นจานให้ บื้อรับจานมาแบบงงๆ
“แค่นี้เองเหรอป้า ตั้ง 25 บาทเลยนะ”
“สำหรับคนหลายใจอย่างแก” บื้อสะดุ้ง “ไม่สมควรจะได้กินอะไรด้วยซ้ำ ฉันให้แค่นี้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
แม่ค้ากระแทกช้อนเสียงดัง! บื้อเหวอ แม่ค้าเดินออกไป บื้อส่ายหัว ถอนใจ ก่อนจะเดินมานั่ง พนักงานสาวๆแถวนั้นหันมามองบื้อเป็นตาเดียว แล้วก็ซุบซิบกันระหว่างที่บื้อกินข้าว
“นั่นไงคนที่อยู่แผนกชุดชั้นในชาย ได้ข่าวว่านอกใจแฟน ไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น”
บื้อผงะ เงี่ยหูฟัง พลางกินข้าวไปด้วย
“ทำอะไรน่าเกลียดที่สุด พวกผู้ชายเจ้าชู้ ฉันเกลียดนัก”
“ใช่ ผู้ชายประเภทนี้ ต้องโดนเจี๋ยนถึงจะรู้สึก”
บื้อถึงกับสำลักอาหารไม่หยุด พวกพนักงานสามคนพากันลุกเดินออกไป สวนทางกับโย่งที่ตาลีตาเหลือกเข้ามาเห็นบื้อนั่งอยู่ก็รีบพุ่งเข้ามานั่งตรงข้าม
“แกทำแบบนี้กับห่านได้ยังไงไอ้คนไม่มีจิตสำนึก ไอ้คนไม่มีหัวใจ” บื้อสุดทนวางช้อน
“หยุด! ฉันฟังคนอื่นด่ามามากพอแล้ว ฉันไม่อยากฟังแกด่าอีก”
“แต่แกต้องฟัง ฉันรู้ว่าแกแอบมีกิ๊ก แกทำกับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างห่านได้ไงวะ ไอ้คนใจดำ”
“ไปกันใหญ่แล้ว”
“ใช่ มันไปกันใหญ่แล้ว ตอนนี้ทุกคนพูดเรื่องแกกันหมด แกเคยคิดถึงใจฉันบ้างมั๊ย”
“มันเกี่ยวไรกับแก”
“เอ้า ก็ห่านเป็นเพื่อนสนิทแหม่ม ฉันเป็นเพื่อนสนิทแก แกทำให้ห่านเสียใจ แหม่มต้องไม่พอใจแก แล้วก็ต้องพาลมาไม่พอใจฉันด้วย”
“ที่แท้ก็ห่วงตัวเอง”
บื้อลุกขึ้นยกจานเดินไปเก็บ โย่งลุกเดินตาม
“ก็เออสิวะ ถ้าฉันจีบแหม่มไม่ติด มันเป็นเพราะแก ไอ้บื้อ”
โย่งพูดจบก็เดินออกไป บื้อเซ็งมาก
“โธ่เว๊ย มันไม่ใช่อย่างที่แกเข้าใจ แต่ฉันพูดไม่ได้”
บื้อหงุดหงิดมากหันไปเห็นคนมองอยู่ก็รีบสงบเสงี่ยมแล้วก็เดินออกไป
นีรนุชมาหาคุณชายที่ห้องทำงาน คุณชายปิดแฟ้ม เงยหน้ามองนีรนุชที่นั่งตรงข้าม
“ตกลงว่างานโปรโมทโรงเรียนการโรงแรม Gilon และโรงเรียนการโรงแรม Les Roches รวมทั้งการท่องเที่ยวสวิสฯ จะจัดเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ฉันมั่นใจว่างานนี้ต้องสำเร็จเกินคาด”
“อะไรจะมั่นใจขนาดนั้น”
“เอ้า ไม่มั่นใจได้ไง งานนี้ใครเป็นคนจัด”
“นักเรียนเกรดเอวิชาการจัดการ และการบริหาร”
“ถูกต้อง รับรองแกไม่ผิดหวัง”
“ยะ”
“ฉันช่วยแกเต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นถึงคราวที่แกต้องทดแทนบุญคุณฉันบ้าง”
“อะไรอ่ะ มีทวงบุญคุณด้วย”
“ฉันจะจัดสัมมนาที่ต่างจังหวัด เกี่ยวกับหัวข้องานบริการ เลือกเฉพาะพนักงานดีเด่น ฉันอยากให้แกเป็นวิทยากรให้ฉัน”
“ได้เลยเพื่อนเลิฟ เออ นี่ชาย บื้อถูกแฟนบอกเลิกล่ะ”
“ห๊ะ” คุณชายอึ้ง
“ฉันอยู่ในเหตุการณ์ เห็นบื้อโดนตบหน้าเต็มๆ”
“แบบนี้ไม่แย่ไปเลยเหรอ”
“แย่สิ แย่มากด้วย น่าเป็นห่วง”
“เราจะช่วยอะไรบื้อได้บ้าง”
“เย็นนี้เราชวนบื้อไปหาอะไรหนุกๆ ทำกันดีกว่า เป็นการให้กำลังใจ”
“เยี่ยม” คุณชายเอื้อมมือมาขยี้หัวน้องนุช “ทำไมฉันถึงมีเพื่อนฉลาดแบบนี้นะ”
นีรนุชเอามือคุณชายออก
“โอ๊ย พอได้แล้ว เอะอะขยี้ผมตลอด”
นีรนุชรีบเซ็ทผม คุณชายหัวเราะ
“ถ้างั้น ฉันชวนคุณฮันนี่ไปด้วยนะ”
นีรนุชพยักหน้า คุณชายยิ้มมีความสุข
ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ห่านวิ่งมาหลบมุมคุยโทรศัพท์กับคุณชาย สีหน้าสดชื่นมาก
“ได้สิคะคุณชาย ฮันนี่ว่างค่ะ”
“ดีครับ ผมไปรับนะครับ”
“ไม่ต้องค่ะ ฮันนี่ออกมากับคุณแม่ พอเสร็จธุระแล้วจะตามไปเจอที่นั่นเลย ว่าแต่ทำไมคุณชายถึงนัดกะทันหันแบบนี้ล่ะคะ”
“บื้อน่ะสิครับ” ห่านชะงัก “บื้ออกหัก ผมกับน้องนุชก็เลยอยากปลอบใจ”
ห่านนิ่ง ยังรู้สึกผิดที่ตบหน้าบื้อไปเต็มแรง
คุณชายวางสาย ยิ้มไม่หุบ จนนีรนุชจับได้
“ยิ้มแบบนี้ แสดงว่าคุณฮันนี่ตกลง”
คุณชายพยักหน้า ไม่นานเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ”
ดาหลาเปิดประตูเข้ามา คุณชายหุบยิ้ม นีรนุชหันไปมอง ดาหลาเห็นนีรนุชก็เข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเองทันที
“สวัสดีค่ะคุณน้องนุช สบายดีนะคะ”
“ค่ะ” นีรนุชหันไปทางคุณชาย “ฉันไปก่อนนะ”
“จะรีบไปไหน ฉันยังคุยธุระกับแกไม่จบ”
คุณชายขยิบตาให้นีรนุช เพราะไม่อยากอยู่กับดาหลาสองต่อสอง นีรนุชเข้าใจรีบทำเป็นนึกออก
“จริงด้วย”
คุณชายหันไปทางดาหลา
“คุณดาหลามีธุระอะไรรึเปล่าครับ”
ดาหลาไม่ค่อยพอใจแต่ต้องยิ้ม
“ไม่เชิงว่าเป็นธุระน่ะค่ะ เรียกว่าอะไรดีล่ะ เรียกว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณชายจะดีกว่า”
คุณชายกับนีรนุชนิ่วหน้า
“มีอะไรก็พูดมาเลยครับ” ดาหลาหันไปมองนีรนุช “น้องนุชเป็นเพื่อนผม รู้ได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว”
“ก็ดีค่ะ จะได้ช่วยๆ กันฟัง ดาหลารู้มาว่าพนักงานแผนกชุดชั้นในชายที่คุณชายพาไปสวิสฯ” คุณชายกับนีรนุชชะงัก “กับคุณฮันนี่แอบคบกัน” คุณชายผงะ นีรนุชนิ่งฟัง “ดาหลาก็แค่มาเตือน เพราะเป็นห่วงคุณชาย ไม่อยากให้คุณชายโดนหลอก ดาหลามาบอกแค่นี้แหละค่ะ”
ดาหลาหันไปยิ้มให้นีรนุชแล้วก็หันหลังเดินออกไป หน้าเปลี่ยนเป็นร้ายกาจ ทันทีที่ดาหลาออกไป นีรนุชหันมาทางคุณชาย
“ชาย ฉันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความจริง”
“ฉันรู้ ฉันไม่เชื่อที่คุณดาหลาพูดหรอก เค้าพยายามจะทำให้ฉันเข้าใจคุณฮันนี่ผิด แต่ฉันเชื่อใจคุณฮันนี่ เพราะว่าเราสัญญากันแล้วว่าจะไม่โกหก และจะไม่มีความลับต่อกัน”
คุณชายพูดทั้งๆ ที่ก็แอบกังวลใจ นีรนุชหันมาคิด
นีรนุชเดินออกมาตามทาง พลางคิดถึงคำพูดของดาหลา
“ดาหลารู้มาว่าพนักงานแผนกชุดชั้นในชายที่คุณชายพาไปสวิสฯ กับคุณฮันนี่มีบางอย่างต่อกัน”
นีรนุชนึกย้อนกลับไปตอนที่ห่านตบหน้าบื้อเสียงดังเพี๊ยะ บื้อตกใจ นีรนุชอึ้ง ดาหลา แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ตาโต พนักงานแถวนั้นหันมามองบื้อเป็นตาเดียว บื้อหันไปมองห่านสีหน้างงมาก กำลังจะอ้าปากถาม แต่ห่านรีบพูดเสียงดัง
“คนหลายใจ เราเลิกกัน”
นีรนุชหยุดเดิน คิดหนัก
“หรือว่าบื้อจะแอบชอบคุณฮันนี่จริงๆ”
นีรนุชครุ่นคิดไม่หยุด
เย็นวันนั้นคุณชายกับนีรนุชพาบื้อมาที่ปีนเขาจำลอง คุณชาย บื้อ นีรนุชอยู่ในชุดสำหรับปีนเขา บื้อยิ้มกับสิ่งตรงหน้า ก่อนจะหันไปทางนีรนุช
“ขอบคุณนะครับที่พาผมมาที่นี่ ผมอยากมาตั้งนานแล้ว แต่มันต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น”
“เจ้าของที่นี่เป็นเพื่อนที่เรียนการโรงแรมกับฉัน ฉันก็เลยขออนุญาตเป็นพิเศษ ไม่ยักรู้ว่าคุณชอบปีนเขา”
“ที่สุดเลยครับ ผมปีนเลยได้มั๊ย เห็นแล้วคันมือ”
“ได้สิ” บื้อสีหน้ามีความสุขมาก ก่อนจะเดินออกไป นีรนุชหันไปทางคุณชาย “เอาเลยมั๊ยชาย”
“ยัง รอคุณฮันนี่ก่อน แกไปเล่นเหอะ”
นีรนุชพยักหน้า เดินไปหาบื้อที่กำลังใส่อุปกรณ์
คุณชายดูนาฬิกาข้อมือ เงยหน้าไปตรงประตูทางเข้าแล้วก็เห็นห่านที่เป็นฮันนี่แต่งตัวสีสันจัดเต็ม คุณชายยิ้มกว้าง เดินเข้าไปหา
“สวัสดีครับคุณฮันนี่” ห่านกับคุณชายยิ้มให้กัน
บื้อกับนีรนุชกับปีนเขาด้วยกัน นีรนุชหันไปมองบื้อทึ่งๆ
“คุณบื้อ คุณดูเหมือนนักปีนเขามืออาชีพเลย”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
“อย่าถ่อมตัว คุณเก่งจริงๆ”
บื้อยิ้มแล้วก็เหลือบไปเห็นห่าน บื้อหยุดปีนเห็นคุณชายกับห่านจับมือ ยิ้มให้กัน นีรนุชหันไปมองตามบื้อ แล้วก็ชะงักที่เห็นบื้อมองห่าน นีรนุชนิ่วหน้า หันไปเห็นบื้อออกแรงปีนเขาด้วยความหงุดหงิด
“คุณน้องนุชกับบื้อล่ะคะ” ห่านถามคุณชาย
“นู่นครับ”
ห่านหันไปเห็นบื้อกับนีรนุชกำลังปีนเขาด้วยกัน คุณชายหันมาจับสังเกตท่าทางของห่านที่มีต่อบื้อ.
“วันนี้มีคนมาบอกผมว่าคุณกับบื้อแอบคบกัน” ห่านตกใจหันขวับ
“ไม่จริงนะคะ คุณชายอย่าไปเชื่อ ฉันกับบื้อจะแอบคบกันได้ยังไง ในเมื่อตั้งแต่กลับจากสวิสฯ ฉันยังไม่เจอเค้าเลย คุณชายอย่าไปเชื่อข่าวโคมลอยพวกนั้นนะคะ” ห่านรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน คุณชายหัวเราะชอบใจ ห่านนิ่วหน้า “คุณชายหัวเราะอะไร”
“ความจริงผมไม่เชื่อเรื่องที่เค้าบอกหรอกนะครับ ผมแค่เล่าให้คุณฮันนี่ฟัง แต่เห็นคุณพูดไม่หยุดขนาดนี้ ผมรู้แล้วล่ะว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้” ห่านโล่งอก ยิ้มออกมา คุณชายจับมือห่าน “เราไปหาพวกเค้ากันดีกว่าครับ”
ห่านพยักหน้า คุณชายจูงมือห่านเดินไปด้วยกัน
อ่านต่อเวลา 17.00น.
บื้อกับนีรนุชลงมาถึงพื้น แต่นีรนุชข้อเท้าพลิก ทำให้เซ บื้อรีบเข้ามาประคองนีรนุชเอาไว้ได้ทัน แต่นีรนุชเจ็บข้อเท้า ทำให้กะเผลก บื้อรีบเข้ามาประคองอีกครั้ง
“สงสัยข้อเท้าจะพลิก”
“นั่นสิ แย่จัง อดปีนต่อเลย” นีรนุชทำหน้างอแงเหมือนเด็ก บื้อเห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ นีรนุชแปลกใจ “หัวเราะอะไร”
“คุณนี่ก็เด็กเหมือนกันนะ พอไม่ได้อะไรดั่งใจก็ทำหน้า” บื้อเลียนแบบสีหน้านีรนุช นีรนุชหัวเราะชอบใจ บื้อหัวเราะตามไปด้วย คุณชายกับห่านเดินมาถึงพอดี
“หัวเราะอะไรกันอยู่”
บื้อกับนีรนุชหันไป บื้อไม่มองหน้าห่าน ในขณะที่ห่านมองบื้อตลอด
“ไม่มีไร”
“เดี๋ยวนี้มีความลับกับฉันเหรอ” คุณนายทำน้ำเสียงน้อยใจ นีรนุชลอยหน้าลอยตากวน
“คนเราทุกคน มันก็ต้องมีเรื่องส่วนตัว ที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้” คุณชายโอบห่านเข้ามา
“แต่ฉันกับคุณฮันนี่ไม่มีความลับต่อกัน ใช่มั้ยครับ”
บื้อปรายตามองห่าน ห่านฝืนยิ้ม
“ค่ะ”
คุณชายหันไปทางนีรนุชเย้ยๆ
“ดีนะที่ฉันเลือกแกเป็นเพื่อน เพราะถ้าได้แกเป็นแฟน มีหวังปวดหัวตาย”
“นึกว่าปวดหัวเป็นคนเดียวเหรอไง ถ้าได้แกเป็นแฟน ฉันก็ปวดหัวเหมือนกัน”
คุณชายกับนีรนุชหัวเราะ บื้อตัดบท
“ผมว่าคุณนีรนุชไปนั่งก่อนดีกว่านะครับ”
“ค่ะ”
บื้อประคองนีรนุช คุณชายกับห่านเห็นว่านีรนุชขาเจ็บ
“อ้าว...เจ็บขาเหรอ” คุณชายถามอย่างเป็นห่วง นีรนุชพยักหน้า “ผมพาน้องนุชไปเอง ฝากบื้อสอนคุณฮันนี่ปีนเขาหน่อยนะ”
บื้อกับห่านอึ้ง มองหน้ากัน แล้วคุณชายก็ประคองพานีรนุชเดินออกไป ห่านกับบื้อทำหน้ากันไม่ถูก
บื้อกำลังใส่อุปกรณ์ให้ห่าน ห่านมีสีหน้าไม่พอใจ
“นายดูสนิทสนมกับคุณน้องนุชมากเลยนะ”
บื้อไม่ตอบแต่ผละออกมา
“เสร็จแล้ว”
ห่านมองบื้อไม่พอใจ จะปีนแต่ปีนไม่ขึ้น จับแล้วมือก็ลื่นจนหลุดมือ เซ ล้มไปบนพื้น บื้อยืนเฉย ห่านหันไปแว๊ดใส่บื้อไม่พอใจ
“ทำไมไม่ช่วยรับ”
“ไม่ทัน” บื้อตอบน้ำเสียงนิ่งและราบเรียบ ห่านลุกขึ้นยืน
“ไม่ทันหรือไม่อยากช่วยกันแน่” บื้อไม่ตอบ หันมาใส่อุปกรณ์ให้ตัวเอง ห่านยืนมองนิ่ง บื้อใส่เสร็จกำลังจะปีนขึ้นไป ห่านรีบพูด “ฉันขอโทษ ที่ตบหน้านาย”
“ขอโทษแล้วมันช่วยให้อะไรดีขึ้นมั๊ย ตอนนี้ทุกคนในห้างฯ คิดว่าฉันนอกใจเธอจริงๆ ฉันกลายเป็นไอ้คนหลายใจในสายตาของทุกคน”
ห่านอึ้ง บื้อออกแรงปีนขึ้นไปอย่างต้องการระบายอารมณ์ ห่านพยายามจะปีนเขาตามบื้อ แต่ไม่สำเร็จ
“ฉันรู้ว่านายโกรธ แต่ฉันรู้สึกผิดจริงๆ” บื้อไม่สน ปีนขึ้นไป ปีนไม่หยุด ห่านพยายามปีน ปีนขึ้นไปได้หน่อยนึง
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ที่ทำลงไปเพราะมีความจำเป็น นายหันมาคุยกับฉันหน่อยได้มั้ย” บื้อไม่หัน เร่งปีนเขาต่อไป ห่านสุดทน โพล่งออกไป “เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้านายไม่แอบถ่ายรูปฉันที่สวิสฯ”
บื้อหยุด ห่านมองบื้อ
“เป็นความผิดของฉันอีกงั้นสิ” บื้อถามอย่างโมโห ห่านเงียบ แล้วก็ทำโวย
“ก็...ก็แล้วนายถ่ายรูปฉันทำไม”
“หน้าตาเธอตอนนั้นมันน่าเกลียด ฉันก็เลยถ่ายเก็บไว้ดูขำๆ ตอนเครียดน่ะสิ”
“ไอ้บื้อบ้า”
บื้อยังไม่ทันพูดต่อก็เหลือบเห็นคุณชายเดินมา บื้อรีบหันไปปีนเขา ห่านกำลังจะเรียก แต่เสียงคุณชายดังขึ้น
“คุณฮันนี่ครับ”
ห่านก้มมองเห็นคุณชาย ทำให้มือลื่น ร่วงลงไป
“ว้าย”
คุณชายรีบเข้าอุ้มห่านเอาไว้ได้ทัน บื้อก้มมองก็จ๋อยสนิท แล้วก็รีบปีนเขาขึ้นไป ห่านลอบมองบื้อเป็นห่วงความรู้สึก
บื้อ ห่าน คุณชาย นีรนุช เดินออกมาด้วยกัน นีรนุชเดินไม่ค่อยกะเผลกแล้ว
“ขอบคุณคุณน้องนุชมากนะครับ วันนี้ผมสนุกมาก ทำให้ลืมเรื่องไร้สาระไปได้จนหมด” บื้อเหล่มองห่าน ห่านไม่พอใจ คุณชายหันไปทางห่าน ห่านรีบฉีกยิ้มกว้าง
“คุณฮันนี่ล่ะครับ สนุกมั้ย”
“ที่ไหนมีคุณชาย ฮันนี่ก็สนุกทุกที่แหละค่ะ โดยเฉพาะวันนี้ ฮันนี่สนุกม๊ากมากๆๆ มากเป็นพิเศษเลยล่ะค่ะ” ห่านทำเวอร์มากกว่าปกติ
ห่านควงแขนคุณชาย บื้อไม่อยากมอง คุณชายหันไปทางบื้อกับนีรนุช
“เราไปหาอะไรทานกันต่อมั้ย”
“ฉันบายล่ะ ขอกลับไปพักดีกว่า พรุ่งนี้ยังมีธุระอีกเพียบที่ต้องทำเดี๋ยวจะเดินไม่ไหว”
คุณชายพยักหน้า นีรนุชหันไปทางบื้อ
“ส่วนนัดของเราเลื่อนไปก่อนนะบื้อ”
“ครับ”
“คู่นี้มีความลับกันอีกแล้วนะ” นีรนุชกับบื้อยิ้ม ห่านหงุดหงิดมากขึ้น “บื้อล่ะ ไปทานข้าวด้วยกันมั้ย”
“ไม่ล่ะครับ”
“เหลือเราสองคน” คุณชายหันมาหาห่าน
“ฮันนี่ก็ไปไม่ได้เหมือนกันค่ะ”
“อ้าว”
“ขอโทษด้วยนะคะ ฮันนี่มีนัดทานข้าวกับครอบครัว”
“ผมไปด้วยได้มั้ย” ห่านหน้าถอดสี บื้ออึ้ง “อยากไปสวัสดีคุณพ่อคุณแม่ของคุณฮันนี่นานแล้ว”
“เออ...คือ วันนี้ไม่สะดวก ไว้ให้ฮันนี่บอกพวกท่านก่อนนะคะ”
“ก็ได้ครับ”
“งั้นฮันนี่ไปนะคะ คนรถรออยู่” ห่านปรายตามองบื้อ คุณชายพยักหน้า ห่านหันไปทางนีรนุชกับบื้อ “ไปนะคะ แล้วไว้เจอกัน” ห่านมองบื้อมีความหมาย ห่านยิ้มและเดินออกไป บื้อมองตามห่าน
อ่านต่อพรุ่งนี้เวลา 09.30น.
บื้อเดินออกมามีเสียงแมวร้องเมี๊ยวเมี๊ยว บื้อหยุดเดิน หันไปมองหาที่มาของเสียง แล้วก็เห็นห่านซ่อนอยู่ ห่านกวักมือเรียกบื้อ บื้อนิ่วหน้าแล้วก็เดินเข้าไปหา
“ทำไมยังไม่กลับ มายืนรอเมี๊ยวๆ บ้าป่ะเนี่ย” ห่านตีแขนบื้อดังเพี๊ยะ บื้อสะดุ้ง “โอ๊ย”
“นายเป็นคนรถของฉัน นายต้องเป็นคนพาฉันกลับบ้านสิ”
“ฉันมีแต่รถสองประตู 20 หน้าต่าง นั่งได้รึเปล่า”
“สบายมาก ฉันชอบรถที่มีหน้าต่าง ลมมันเย็นดี”
ห่านพูดจบก็สะบัดพรืดเดินออกไป บื้อถอนหายใจแล้วก็เดินตาม
บื้อกับห่านเดินขึ้นรถเมล์ ห่านหาที่นั่งแล้วก็นั่งลงริมหน้าต่าง บื้อกำลังจะนั่งข้างๆ แต่มีผู้ชายคนหนึ่งพุ่งมานั่งข้างห่านแทน ห่านชะงัก บื้อผงะก็เลยเดินไปนั่งที่นั่งแถวข้างๆ
บื้อนั่งนิ่ง ห่านนั่งนิ่ง แต่หันไปมองบื้อเป็นระยะๆ ผิดกับบื้อที่ไม่มองห่าน ผู้ชายที่นั่งข้างห่าน กำลังดูทีวีจากมือถือ ใส่หูฟัง ห่านมองบื้ออีกครั้ง แล้วก็ตัดสินใจเรียก
“บื้อ” ห่านเรียกจังหวะเดียวกับที่ผู้ชายข้างๆ หัวเราะเสียงลั่น ห่านเหล่ผู้ชายไม่พอใจ “บื้อ” ผู้ชายข้างๆ หัวเราะขึ้นมาอีก ห่านกำมือแน่น เริ่มจะทนไม่ไหว “บื้อ”
ผู้ชายข้างๆ หัวเราะก๊ากดังมากกว่าเดิม ห่านสุดทนลุกขึ้นยืน
“โว๊ย” บื้อ ผู้ชาย ทั้งรถหันมามองห่านเป็นตาเดียว “จะหัวเราะอีกนานมั๊ยห๊ะ” ห่านท้าวเอว “จะไม่ไหวแล้วนะเว๊ย” ผู้ชายกลืนน้ำลายเอื๊อก ห่านหันไปเห็นคนจ้องมาที่เธอจึงพาลใส่ “มองทำไม อยากมีปัญหาเหรอ” ห่านถลกแขนเสื้อ คนทั้งรถหันขวับไปทางอื่น “ลุกขึ้น” ห่านสั่งผู้ชายที่นั่งข้างๆ ผู้ชายรีบลุกท่าทางนอบน้อมทันที
“ครับ” ห่านหันไปทางบื้อ
“นายมานั่งข้างฉัน” บื้อนิ่วหน้า ยังนั่งนิ่ง ห่านเหวี่ยงเต็มที่ “บอกให้มานี่”
บื้อยังงงๆ แต่ผู้ชายข้างห่านรีบไปหาบื้อ
“เร็วพี่ ผมไม่อยากโดนกินหัว”
บื้อลุกขึ้น ผู้ชายนั่งแทน บื้อเดินมาหาห่าน ห่านนั่งลง บื้อนั่งข้างๆ
“มีไร”
“ฉันตัดสินใจแล้ว ว่าฉันจะ ฉันจะบอกความจริงคุณชายว่าฉันเป็นใคร ฉันไม่อยากโกหกเค้าอีก”
“เยส” บื้อดีใจสุดๆ คนทั้งรถหันมามองบื้อเป็นตาเดียว บื้อลุกขึ้นท้าวเอวพูดเหมือนห่าน “มองทำไม อยากมีปัญหาเหรอ” คนทั้งรถไม่กล้า รีบหันขวับไปทางอื่น บื้อนั่งข้างห่าน หน้าบานมาก “ฉันดีใจที่เธอคิดได้”
“ดีใจมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“ก็ต้องดีใจสิ ฉันจะได้ไม่ต้องห่วง” บื้อพูดออกไปแล้วก็ชะงัก
“ห่วงฉัน” บื้อรีบกลับคำ
“ห่วงตัวฉันเองต่างหาก ไม่อยากตกนรกไปพร้อมกับเธอยัยคอห่าน” ห่านตีแขนบื้อ
“คนบ้า คนเห็นแก่ตัว” ห่านตีรัว
“เจ็บ! หยุด หยุด”
บื้อจับแขนห่านดึงเข้ามาใกล้ ทั้งคู่ชะงักกันไป แล้วรถก็เบรคเอี๊ยดเต็มแรง บื้อกับห่านทรงตัวไม่อยู่ หัวโขกกันดังโป๊ก
“โอ๊ย”
บื้อกับห่านจับหน้าผากตัวเองด้วยความเจ็บ สองคนมองหน้าแล้วก็อมยิ้มขำๆ
บื้อกับห่านเดินกลับบ้านด้วยกัน ห่านมีสีหน้ากังวลใจ บื้อหันมาเห็น
“ตื่นเต้นที่จะบอกความจริงเหรอ”
“นิดหน่อย แต่ฉันกลัวคุณชายจะเกลียดขี้หน้าฉันมากกว่า นายว่าคุณชายจะเกลียดฉันมั๊ย”
“นี่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าคุณชายรักที่ตัวตนของเธอหรือแค่ภายนอก ถ้าเค้ารักเธอที่เป็นเธอ ฉันเชื่อว่าเค้าจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่กับเธอไปตลอดชีวิต”
ห่านฟังบื้อแล้วก็ค่อยมีกำลังใจขึ้นมา ห่านยิ้ม
“ขอบใจนะบื้อ นายเป็นคนที่เข้าใจฉันที่สุด”
ห่านเข้ามากอดบื้อ บื้อนิ่ง ค่อยๆ ยกมือเหมือนจะกอดห่าน แต่เปลี่ยนใจยืนนิ่งเหมือนเดิม บื้อหน้าเศร้าสุดๆ
คุณชายยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน
“พรุ่งนี้แกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ”
“ที่ไหน” นีรนุชถามอย่างแปลกใจ คุณชายยิ้ม
เช้าวันรุ่งขึ้นคุณชายพานีรนุชมาที่ร้านเพชร พนักงานเอาแหวนคู่รักมาให้คุณชายกับนีรนุชดู
“แหวนคู่รักค่ะ”
“แกจะขอคุณฮันนี่แต่งงานเหรอ”
“ยัง! แหวนนี้จะทำให้ทุกคนรู้ว่าคุณฮันนี่มีเจ้าของแล้ว”
“น้ำเน่ามาก”
“ฉันเรียกแกมาช่วยเลือกแหวน ไม่ใช่ให้มาด่า เอาแบบไหนดี”
คุณชายยกกล่องแหวนคู่รักขึ้นมาสองกล่องให้นีรนุชช่วยเลือก นีรนุชชี้ไปที่กล่องหนึ่ง
“อันนี้”
คุณชายเอาแหวนมาดูสีหน้ามีความหวัง
บ้านเช่าห่าน แหม่มเปิดประตูออกมาแต่ต้องผงะที่เจอโย่งยืนถือดอกชบาหนึ่งดอกยืนอยู่ แหม่มเห็นดอกชบาก็ชะงักไปนิดนึง
“สวัสตอนเช้าครับพ้ม” โย่งพูดเสียงดังฟังชัด แหม่มถามอย่างไม่พอใจ
“มาไมแต่เช้า” โย่งยื่นดอกไม้ไปให้
“ผมเอาดอกไม้มาให้แหม่มครับพ้ม”
“ฉันไม่เอา”
แหม่มจะปิดประตูบ้าน แต่โย่งดันประตูเอาไว้ แล้วยื่นดอกชบาไปใกล้หน้าแหม่ม แหม่มหน้าตาตื่น
“รับดอกชบาน้อยๆ ของผมด้วยเถอะนะครับ ดอกชบานี้แทนความจริงใจจากผม”
“ก็บอกว่าไม่เอา ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ เอาไปไกลๆ ฉัน”
“ผมรู้ว่าแหม่มโกรธที่บื้อนอกใจห่าน แต่แหม่มอย่ามาโกรธผมสิครับ ผมกับบื้อเป็นคนล่ะคนกัน และที่สำคัญ ผมเป็นคนรักเดียวใจเดียว ไม่มีวันนอกใจแหม่มแน่นอนครับพ้ม”
แหม่มสุดทน ผลักโย่งออกไป
“ฉันบอกให้ออกไป ออกไป” แต่โย่งไม่ยอม กลับเอาดอกไม้ยัดใส่มือแหม่ม แหม่มตกใจมาก “ไม่นะ...ไม่...ไม่ฮัดเช้ย” แหม่มจามเสียงดังเข้าหน้าโย่งเต็มๆ โย่งถึงกับผงะ
แหม่มยังคงจามไม่หยุด ดึงกระดาษมาสั่งน้ำมูกเสียงดังฟืดฟาดโย่งหน้าเสียอย่างแรง ห่านเดินเอายากับน้ำมาให้
“ยาแก้แพ้” ห่านวางแก้วกับยาบนโต๊ะ
“ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าแหม่มแพ้ดอกชบา”
แหม่มเอากระดาษที่สั่งน้ำมูกออก โย่งกับห่านผงะ เพราะแหม่มจมูกแดงแป๊ด ห่านกับโย่งอดที่จะขำออกมาไม่ได้
“ตลกมากนักเหรอ”
ห่านกับโย่งเงียบ แหม่มกินยา
“แล้วนึกไงถึงเอาดอกไม้มาให้แหม่ม”
“ผมกลัวแหม่มไม่พอใจที่ไอ้บื้อนอกใจห่าน แล้วก็จะพาลมาโกรธผมน่ะสิ”
ห่านเงียบ แหม่มหันไปมองห่าน แล้วก็หันไปทางโย่ง
“นายกับบื้อคนล่ะคน ฉันแยกแยะออก”
“หมายความว่าแหม่มไม่โกรธผม”
“เออ” แหม่มตอบแบบรำคาญ โย่งลุกขึ้นยืนทำท่าดีใจมากๆ จนแหม่มกับห่านเหวอ โย่งรู้ตัวรีบยืนตรงตรงทำความเคารพ
“ขอบคุณมากนะครับแหม่ม ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ”
โย่งหันไปทำท่าศรรักปักอกใส่แหม่ม ก่อนจะเดินออกไป แหม่มเบ้หน้า
“ปวดหัว” แหม่มหันไปทางห่าน “แล้วเรื่องบื้อ แกจะเอายังไงต่อไป”
“ก็ให้คนเข้าใจกันไปว่าฉันกับบื้อเลิกกันแล้ว”
ห่านได้แต่ถอนหายใจ
ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง พนักงานทำแซนวิชเสร็จ ดาหลาที่ยืนรออยู่ยื่นกล่องพลาสติกไปให้
“ใส่กล่องนี้”
“ค่ะ”
พนักงานหันไปรับกล่องมาใส่แซนวิช ดาหลาสีหน้ายิ้มแย้ม
“คุณชายต้องชอบแน่ๆ”
คุณชายนั่งอยู่ในห้องทำงานมองแหวนคู่รัก สีหน้ามีความสุขมาก ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น คุณชายรีบปิดกล่องและวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
“เชิญครับ”
ตุ๊กติ๊กเปิดประตูเข้ามา
“ทุกฝ่ายพร้อมกันที่ห้องประชุมแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
คุณชายลุกขึ้นเดินตามตุ๊กติ๊กออกไป
ดาหลาเดินมาถึงหน้าห้อง ตุ๊กติ๊กเห็นดาหลาก็รีบลุกขึ้นมาต้อนรับอย่างเอาหน้า
“สวัสดีค่ะ คุณดาหลาคนสวยมาหาคุณชายเหรอคะ”
“อือฮึ”
“คุณชายติดประชุม คุณดาหลาเข้าไปรอในห้องก่อนมั้ยคะ” ดาหลาพยักหน้าแล้วก็เดินเข้าไปในห้อง ตุ๊กติ๊กมองตามสีหน้าปลาบปลื้ม “เป๊ะเวอร์”
ดาหลาเข้ามาในห้องทำงานคุณชายวางกล่องแซนวิชไว้บนโต๊ะ
“เขียนโน้ตซักหน่อยดีกว่า” ดาหลาหยิบกระดาษโน้ตบนโต๊ะกับปากกาขึ้นมาเขียนพร้อมกับพูดไปด้วย “ดาหลาทำสุดฝีมือ ใส่หัวใจลงไปทั้งดวง หวังว่าคุณชายคงจะชอบนะคะ ดาหลา”
ดาหลายิ้มแล้วก็เอาโน้ตวางบนกล่องแซนวิช หันไปเก็บปากกา แล้วก็เห็นกล่องแหวน ดาหลาอยากรู้ หยิบกล่องแหวนขึ้นมาเปิดก็ชะงัก
“แหวน” ดาหลานิ่วหน้าสงสัย
ภายในห้องประชุมคุณชายนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ มีพรเพ็ญและผู้บริหารคนอื่นนั่งกันอยู่
“วันนี้ผมมีโปรเจ็กต์สองอย่างที่จะคุย เรื่องที่หนึ่ง คือการจัดงานโปรโมทโรงเรียนการโรงแรมและการท่องเที่ยวประเทศสวิสฯ เรื่องที่สองคือการจัดสัมมนาให้กับพนักงานดีเด่น...” ทุกคนตั้งใจฟัง คุณชายเปิดแฟ้มตรงหน้าแล้วก็
ชะงัก “ผมหยิบแฟ้มมาผิด ซักครู่นะครับ”
“พรเพ็ญไปหยิบให้มั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรครับ” คุณชายลุกเดินไปโทรศัพท์ในห้องแต่ไม่มีคนรับสาย “คุณตุ๊กติ๊กไปไหน”
ดาหลายังอยู่ที่ห้องทำงานคุณชายและคงมองแหวนด้วยความสงสัย
“คุณชายซื้อให้ใคร? อย่าบอกนะว่าให้นังฮันนี่”
คุณชายเปิดประตูพรวดเข้ามา ดาหลาหันไป คุณชายชะงักที่เห็นดาหลาถือกล่องแหวน ก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที รีบเข้ามากระชากกล่องแหวนไปจากมือดาหลา
“คุณไม่มีสิทธิ์มาหยิบของของคนอื่นดู”
ดาหลาอึ้ง แอบไม่พอใจ แต่จำต้องฝืนยิ้ม คุณชายรีบเอากล่องแหวนเก็บใส่ลิ้นชัก แล้วหันไปทางดาหลา
“ทำไมคุณชายพูดกับดาหลาแบบนี้คะ ทำไมคุณชายชอบทำเหมือนดาหลาเป็นคนอื่น อย่าลืมสิคะว่าคุณหญิงแม่ของคุณชาย ต้องการให้เราสองคนแต่งงานกัน”
“นั่นเป็นความต้องการของคุณแม่ ไม่ใช่ของผม อีกอย่างนึง แหวนที่คุณเห็นผมซื้อให้คุณฮันนี่ ผมขอตัวไปประชุมก่อนนะครับ”
คุณชายจ้ำเดินออกไป ดาหลากำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น หยิบกล่องแซนวิชขึ้นมาปาทิ้ง
“บ้าเอ๊ย”
ดาหลาจิกตา กัดกราม ก่อนจะนึกอะไรออก
คุณหญิงรื่นฤดีกำลังทำเล็บและทำผมอยู่ในร้านทำผม
“คุณหญิงน่าอิจฉามากนะคะที่ได้ลูกสะใภ้เป็นนางสาวไทยสยาม หนูว่าหลานคุณหญิงต้องออกมาหน้าตาน่ารักแน่ๆ เพราะพ่อก็หล่อ แม่ก็สวย” พนักงานบอก คุณหญิงรื่นฤดีหัวเราะชอบใจ
“เข้าใจพูด ถ้าฉันมีหลานเมื่อไหร่ จะพามาให้ดูที่ร้านเลย”
“พูดแบบนี้ แสดงว่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ใช่มั้ยคะ”
คุณหญิงรื่นฤดีอมยิ้มไม่ตอบ ไม่นานเสียงมือถือที่วางข้างตัวดังขึ้น คุณหญิงรื่นฤดีเหลือบมองเห็นชื่อ “ดาหลา”
“ตายแล้ว อายุยืนจริงๆ หนูดาหลา”
พนักงานยิ้ม คุณหญิงรื่นฤดีที่มือกำลังทาเล็บ เลยทำได้แค่กดรับและเปิดสปีคเกอร์โฟน
“ว่าไงจ๊ะหนูดาหลา”
“ฮือๆๆ คุณแม่ขาช่วยดาหลาด้วยค่ะ ดาหลาไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้วจริงๆ”
คุณหญิงรื่นฤดีตกใจ พนักงานสีหน้าอยากรู้สุดๆ
ขณะนั้นดาหลาอยู่ที่แผนกเสื้อผ้าสตรี ดาหลาแกล้งร้องไห้พลางช็อปปิ้งดูเสื้อผ้าไปด้วย
“ดาหลาเห็นคุณชายซื้อแหวนให้ผู้หญิงคนนั้นค่ะคุณแม่”
คุณหญิงรื่นฤดีตกใจ พนักงานหูผึ่ง คุณหญิงรื่นฤดีเหล่พนักงานอย่างรู้สึกเสียหน้ามากเลยตัดสินใจกดปิดสปีคเกอร์โฟน แล้วหันไปทางพนักงาน
“เธอออกไปก่อน”
“ค่ะ”
พนักงานเดินออกไปอย่างเสียดาย คุณหญิงรื่นฤดีหยิบมือถือขึ้นมาพูดโดยไม่สนใจว่าเล็บจะเสีย
“หนูแน่ใจได้ยังไงว่าตาชายซื้อแหวนให้แม่คนนั้น”
ดาหลาเดินไปพูดไป
“คุณชายพูดกับดาหลาเองว่าซื้อแหวนให้นังฮันนี่” แหม่มที่ยืนหันหลังจัดชุดอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเต็มสองรูหู แหม่มค่อยๆ หันไปมองดาหลา แล้วก็ทำทีเป็นจัดเสื้อผ้า แต่ขยับไปทีล่ะนิดๆ เพื่อแอบฟัง “ดาหลาคงไม่มีวาสนาได้เป็นลูกสะใภ้คุณแม่แล้วล่ะค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีไม่พอใจมาก
“ไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม แม่จะจัดเรื่องนี้ให้หนูเอง หนูรอแม่อยู่ที่ห้างฯ แม่จะไปหาเดี๋ยวนี้”
ดาหลาวางสายสีหน้ายิ้มอย่างพอใจ แล้วก็เดินออกไป แหม่มหันมาเต็มตัวมองตามดาหลาสีหน้าครุ่นคิด
จบตอนที่ 8
อ่านต่อตอนที่ 9 พรุ่งนี้เวลา 09.30น.