กุหลาบไฟ ตอนที่ 5
“เฮ้ย...น้องเขาไม่อยากเล่นด้วย จะไปบังคับเขาทำไม”
วัยรุ่นเข้ามาผลักอกของสุทธิพงษ์
“แล้วแกจะมาแส่อะไรด้วยเนี่ย ไปเป็นพระเอกเอ็มวีที่อื่นไป๊”
สุทธิพงษ์ชกเปรี้ยงเข้าไปที่หน้า วัยรุ่น ชกกลับจนสุทธิพงษ์เซหงายล้มลงไปบนพื้นน้ำแข็ง วัยรุ่นตามไปค่อมตัวสุทธิพงษ์ไว้แล้วชกซ้ำๆ เข้าที่หน้าของสุทธิพงษ์ แก๊งวัยรุ่นพยายามยืนมุงไม่ให้คนอื่นเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น สุทธิพงษ์พยายามป้องปัดหมัดของวัยรุ่น ทันใดนั้นมีมือมากระชากหิ้วคอเสื้อวัยรุ่นคนนั้นปลิวออกจากตัวของสุทธิพงษ์ แก๊งทีมฮ็อคกี้ 3 คนยืนกอดอกอยู่อย่างพร้อมมีเรื่องอีก คนยืนหิ้วคอเสื้อวัยรุ่น อยู่ แก๊งวัยรุ่นค่อยๆ แตกออกจากกัน ทีมฮ็อคกี้คนหนึ่งเข้ามาช่วยพยุงให้สุทธิพงษ์ลุกขึ้น ทีมฮ็อคกี้ โยนวัยรุ่นลงกระแทกกับพื้นลานไอซ์อย่างแรง
“ยังอยากมีเรื่องต่ออีกหรือเปล่า”
แก๊งวัยรุ่นเงียบกริบ สุทธิพงษ์เข้าไปดึงตัวธิดารัตน์ออกมาจากแก๊งวัยรุ่นได้อย่างง่ายดาย แก๊งวัยรุ่นเข้าไปช่วยเพื่อนให้ลุกจากพื้นลานไอซ์ ทั้งหมดกำลังรีบหันหลังหนีไป สุทธิพงษ์เรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
แก๊งวัยรุ่นชะงัก
“เอากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์คืนมา”
ธิดารัตน์เพิ่งรู้ตัวรีบค้นหากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ในตัวเองแต่ไม่เจอ วัยรุ่นเอากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มาคืนถึงมือสุทธิพงษ์อย่างเซ็งๆ สุทธิพงษ์รับของแล้วเอาคืนด้วยการต่อยท้องวัยรุ่นอย่างแรงจนทรุด แก๊งวัยรุ่นมาช่วยกันพาเพื่อนกลับไปอยู่อีกฝั่งของลานเหมือนเดิม สุทธิพงษ์ยื่นของให้ธิดารัตน์ แล้วเดินไปตบไหล่ขอบใจทีมฮ็อคกี้ ธิดารัตน์มองสุทธิพงษ์ด้วยความประทับใจ
ธีรธรเดินผ่านร้านหนังสือ แต่ไปสะดุดตากับแผนที่ดาวที่วางโชว์อยู่ เขารีบเข้าไปดูในร้าน นิ่มนวลตามมาเกือบจะเดินเลยร้านไปก่อนจะตามเข้าไปดู
“แผนที่ดาว ไหนพี่ธีว่าเฉยๆ เรื่องดูดาวไงคะ”
“อ๋อ...พอดีเพื่อนพี่เขาสนใจ ก็เลยว่าจะซื้อไปฝาก”
ธีรธรหยิบแผนที่ดาวไปจ่ายเงินอย่างรวดเร็ว นิ่มนวลมองตามอย่างสงสัย
สุทธิพงษ์เดินหน้าปูดออกจากลานไอซ์ รู้สึกเหมือนมีใครเดินตาม แต่พอหันไปก็ไม่มีใคร เขาเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ ก็ยังรู้สึกว่ามีคนตามอยู่จึงตัดสินใจเดินก้มหน้างุดๆ ธิดารัตน์ซอยเท้าวิ่งตามมาไม่ห่าง สุทธิพงษ์หยุดกะทันหัน ธิดารัตน์วิ่งเสยหลังเขาเข้าอย่างแรง
“ตามมาทำไมเนี่ย”
“ไก่น้อยยังไม่ได้ขอบคุณเลยที่พี่ช่วยไก่น้อยไว้”
“คนไรวะชื่อไก่น้อย”
ธิดารัตน์ไหว้
“ไก่น้อยขอบคุณพี่มากนะคะที่ช่วยไก่น้อยไว้”
“น่าจะไปขอบใจทีมฮ็อคกี้มากกว่า”
“แต่พี่เป็นคนที่ตั้งใจช่วยไก่น้อยไว้ ไก่น้อยอยากขอบคุณมากกว่า”
“โอเคๆ ตามใจ นี่ก็ได้ขอบคุณแล้วไง ทำไมยังไม่ไปอีก”
ธิดารัตน์แบมือออกมา
“ขอเบอร์พี่หน่อย ไก่น้อยอยากรู้จัก”
ธีรธรพานิ่มนวลมานั่งในร้านกาแฟโต๊ะติดกระจกหน้าร้าน ผู้คนไปมาขวักไขว่ เด็กเสิร์ฟเดินมารับออเดอร์
“รับอะไรดีคะ”
“กาแฟร้อนค่ะ”
“ผมเอาลาเต้ร้อน ไม่ใส่น้ำตาลนะ”
เด็กเสิร์ฟเดินไป
“พี่ธีดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาลเหรอคะ”
ธีรธรพยักหน้า
“ใช่ นิ่มสงสัยอะไรเหรอ”
นิ่มนวลหน้าเสีย
“ก็ตอนที่อยู่ที่บ้าน นิ่มใส่น้ำตาลให้พี่ธีตั้งสองช้อนทุกครั้งเลย”
ธีรธรหัวเราะ
“อย่าคิดมากสิ พี่เป็นคนทานง่าย นิ่มก็รู้”
นิ่มนวลแอบน้อยใจที่ดูเหมือนว่าธีรธรที่เธอคิดว่ารู้จักเขาดีที่สุด แท้จริงแล้วเธออาจจะไม่รู้จักเขาเลย ธีรธรแกะถุงดูแผนที่ดาวอย่างสนใจ แต่ไม่สนใจนิ่มนวลเลย
สุทธิพงษ์พยายามเร่งฝีเท้าเดินหนีธิดารัตน์ที่ยังคงเดินตามมาไม่ห่าง เขาเดินชิดซ้าย เธอก็ชิดซ้าย เขาชิดขวา เธอก็ชิดขวา ไม่ว่าจะทำอะไรท่าไหน ธิดารัตน์ต้องทำตามทุกท่า สุทธิพงษ์เซ็ง
“เอาล่ะ...ฉันยอมแพ้แล้ว เอามือถือมา”
ธิดารัตน์ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ สุทธิพงษ์รับมาแล้วกดเบอร์ตัวเองแล้วโทรออก
เสียงโทรศัพท์ของธีรธรดังขึ้น เขากดรับสาย
“ว่าไงจ่า...เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้”
ธีรธรรีบเก็บแผนที่ดาวใส่ถุง แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมานับแบงก์พันให้นิ่มนวลปึกใหญ่
“พี่มีงานด่วน ฝากนิ่มดูไก่น้อยแทนพี่ด้วยนะ ถ้าหลานอยากกลับก็พานั่งแท็กซี่กลับบ้านได้เลยนะ ไม่ต้องรอพี่ ขอบคุณมากจ้ะ”
ธีรธรรีบออกไปจากร้าน ปล่อยให้นิ่มนวลนั่งงงและอึ้งว่าเดทครั้งแรกของเธอต้องจบแบบนี้หรือ
เทพกำลังนั่งดูละครที่นาถสุดาเล่นอยู่ เป็นฉากที่นางเอกมาหาพระเอกที่บ้านเพื่อจะบอกว่าเธอจะต้องแต่งงานกับคนอื่น เสียงออดห้องของดังขึ้น เทพเดินไปส่องดูตาแมวเห็นเป็นนาถสุดายืนอยู่เหมือนในทีวี เทพเปิดประตู นาถสุดาโผเข้ามากอด
“เทพ ฉันต้องหมั้นกับชูชิต”
เทพถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ยินสิ่งที่นาถสุดาบอก
รถตู้สีขาวธรรมดาที่จอดอยู่ในลานจอดรถคอนโดเซฟเฮาส์ของเทพ ธีรธรกับจ่านิด กำลังนั่งดูนาถสุดายืนกอดเทพจากจอมอนิเตอร์หนึ่งในหลายๆ จอที่มีอยู่ แต่ละจอแสดงภาพมุมต่างๆ ในคอนโดและในห้องของเทพ สามารถเลือกตัดสลับดูได้ว่าอยากดูกล้องไหนจากจอไหนก็ได้ ธีรธรมองหน้าจ่านิด
“แบบนี้ตอนที่อยู่ในห้องนอนเมื่อวาน จ่าก็...”
จ่านิดสลับกล้องไปที่ห้องนอนที่เห็นภาพชัดแจ๋ว เขาเน้นเสียง
“เต็มๆ...แต่ผมไม่ได้ดูหรอกครับ มันเป็นจรรยาบรรณ”
จ่านิดหยิบแผ่น DVD ให้
“แต่ผมไรท์ไว้ให้ผู้กอง”
ธีรธรอึ้งไม่รู้ว่าจะรับหรือไม่รับดี จ่านิดขำ
“ล้อเล่นน่ะครับ ใครมันจะไปทำอย่างงั้นกันเล่า”
จอมอนิเตอร์ตัวหนึ่งมีสัญญาณแดงกะพริบถี่ๆ
“ผู้การเรียก Conference ครับผู้กอง”
จ่านิดกดรับสัญญาณจากเสริมพงษ์ หน้าจอมอนิเตอร์เปลี่ยนเป็นหน้าของเสริมพงษ์
“เป้าหมายมาถึงแล้วใช่มั้ย”
“ครับผม”
“ผู้กอง ผมอยากให้คุณพยายามประกบนาถสุดาเอาไว้ เราน่าจะได้เบาะแสอะไรมากขึ้น”
“แล้วทำไมเราไม่ถามนายเทพล่ะครับ”
“อย่าลืมสิว่านาถสุดาเป็นนักแสดง แล้วก็เพิ่งประกาศตัวเป็นคนรักของนายชูชิต ผมไม่แน่ใจว่านาถสุดาจะจริงใจกับนายเทพมากแค่ไหน”
ธีรธรมองจอมอนิเตอร์ห้องเซฟเฮาส์ของเทพ นาถสุดานั่งกอดกับเทพคุยกันอยู่
ชูชิตเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้ามาในบ้าน ในมือหิ้วถุงเสื้อผ้า กระเป๋าแบรนด์เนมพะรุงพะรัง อรชรเดินลงมาจากข้างบนพอดี
“อารมณ์ดีอะไรกันคะ”
ชูชิตเข้าไปหอมแก้มทั้งสองข้าง อรชรมีความสุขที่สุด
“มาดูสิว่าพี่ซื้ออะไรมาฝากอรบ้าง”
อรชรแกะถุงออกมาดูด้วยความดีใจสุดๆ เข้าไปกอดและหอมแก้มชูชิต
“อรชอบทุกอย่างเลย ไม่น่าเชื่อว่าพี่ชิตจะรู้ใจอรขนาดนี้”
“ก็พี่ชิตรักอร พี่ชิตก็ต้องรู้ใจอรสิคะ”
“ปากหวานนะเนี่ย ทำตัวดีขนาดนี้ มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีหรอกจ้ะ พี่แค่อยากให้อรมั่นใจในตัวพี่เท่านั้นเองว่าตอนนี้พี่รักอรคนเดียวจริงๆ เดี๋ยววันนี้อรแต่งตัวสวยๆ นะ เราจะไปทานข้าวนอกบ้านกัน”
อรชรกอดชูชิตด้วยความรักสุดหัวใจ ชูชิตยิ้มแย้มแต่จริงๆแล้ว มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ
ธีรธรนั่งทานอาหารมื้อค่ำกับทุกคนที่บ้าน นิ่มนวลเห็นว่าทุกคนใกล้จะอิ่มกันแล้ว ก็รวบช้อนแล้วลุกขึ้น
“เดี๋ยวนิ่มไปยกของหวานมาเสิร์ฟก่อนนะคะ”
พันธ์พงษ์พูดขึ้น
“พี่อิ่มแล้ว คงทานต่อไม่ไหว ไก่น้อย พาพ่อออกไปนั่งเล่นที่หน้าบ้านหน่อยลูก”
นิ่มนวลเดินไปทางครัว ธิดารัตน์เข็นรถพาพ่อออกไปนั่งเล่นหน้าบ้าน กมลาเห็นสบโอกาสที่จะได้คุยกับธีรธรเรื่องนิ่มนวล
“คุณแม่คะ น้องนิ่มเธอดี๊ดีนะคะ ทั้งการบ้านการครัวไม่เป็นรองใคร แถมยังดูแลคุณแม่ได้อย่างดีไม่มีตกหล่นแบบนี้ คุณแม่ไม่อยากได้มาเป็นสะใภ้บ้างเหรอคะ”
“เรื่องนี้แม่ก็แล้วแต่พ่อธีเขา ถ้าพ่อธีเห็นดี แม่ก็ยินดีสนับสนุน”
กมลาหันไปหาน้องชาย
“ว่าไงล่ะธี คุณแม่ไฟเขียวแบบนี้ พี่เห็นธีกับน้องนิ่มก็คบกันมานานแล้ว เมื่อไหร่จะแต่งงานกันเสียที”
“พี่แก้ว ผมกับนิ่มเราไม่ได้เป็นแฟนกันนะครับ”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง นอกจากน้องนิ่ม พี่ก็ไม่เห็นว่าธีจะไปสนิทกับผู้หญิงที่ไหนเป็นพิเศษ”
“ผมกับนิ่ม เราเป็นได้แต่พี่น้องกันจริงๆ ครับพี่แก้ว”
วงทองสบตากับกมลาอย่างเริ่มกังวล
“เอาเถอะ แต่ธีก็ยังไม่มีใคร ทำไมไม่ลองเปิดใจกับน้องนิ่มดู บอกตรงๆ ว่าคุณแม่กับพี่ไม่อยากเสียคนดีๆ แบบน้องนิ่มไป”
“ทำไมถึงจะต้องกลัวเสียนิ่มไปด้วยล่ะครับ เพราะถึงผมจะแต่งงานกับคนอื่น แต่นิ่มก็ยังเป็นน้องสาวของผมเหมือนเดิม”
“นี่ธีไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งดูไม่ออกว่าน้องนิ่มรู้สึกยังไงกับธี”
นิ่มนวลถือถาดผลไม้มาถึงหน้าห้องทานอาหาร
“ผมยอมรับว่านิ่มเป็นผู้หญิงที่มีคุณสมบัติของการเป็นภรรยาที่ดี และเคยคิดที่จะลงเอยแต่งงานกับนิ่มอยู่เหมือนกัน”
นิ่มนวลได้ยินคำพูดของธีรธรแล้วเขินอยู่คนเดียว ยังไม่กล้าเข้าไป
“แต่ตอนนี้ผมได้เจอคนที่ผมรักและอยากจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วยแล้ว ผมคงจะแต่งงานกับนิ่มตามความต้องการของคุณแม่และพี่แก้วไม่ได้จริงๆ”
นิ่มนวลช็อคจนทำถาดขนมหล่นลงพื้นเสียงดัง ทุกคนหันมาเห็นนิ่มนวลร้องไห้ก็ตกใจ ธีรธรรีบลุกขึ้นมาจับมือปลอบ นิ่มนวลสะบัดมือออกอย่างรังเกียจ
“คนที่พี่ธีรักคือไศลาใช่มั้ย”
ธีรธรหลบตาไม่กล้าตอบคำถาม
“พี่ธีเจอเขาไม่นาน พี่ธีก็รักเขาแล้ว แล้วกับนิ่มที่ทั้งรักและหวังดีกับพี่ธีมาตลอด พี่ธีเอาไว้ที่ไหน พี่ธีเคยคิดบ้างมั้ยว่านิ่มจะรู้สึกยังไง”
“พี่ขอโทษถ้าพี่ทำให้นิ่มเสียใจ แต่เรื่องของความรักมันบังคับความรู้สึกกันไม่ได้”
“แล้วที่ผ่านมาพี่ธีมาให้ความหวังนิ่มทำไม พี่ธีมาทำให้นิ่มรักทำไม”
ธีรธรจ้องหน้า
“นิ่ม...ถ้าพี่เคยทำอะไรให้นิ่มคิดแบบนั้น พี่ขอโทษจริงๆ พี่ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนิ่ม แต่พี่คิดกับนิ่มได้แค่น้องสาวจริงๆ”
นิ่มนวลตบหน้าเขาแล้วร้องกรี๊ดทรุดตัวลงไปร้องไห้กับพื้น วงทองเห็นนิ่มนวลทะเลาะกับธีรธรแล้วก็เสียใจตามจนเป็นลม กมลาตกใจมากที่เห็นแม่เป็นลมฟุบไป
“ธี ช่วยด้วย คุณแม่เป็นลม”
ธีรธรกับนิ่มนวลรีบเข้าไปประคองวงทอง
ไศลาพยายามจะนั่งสมาธิ แต่รู้สึกตัวเองว่าไม่สามารถสงบจิตใจได้ ลองเปลี่ยนเป็นลุกขึ้นเดินจงกรม แต่เดินไปได้แค่สามสี่ก้าวก็หยุด เธอเดินไปเดินมาอย่างรู้สึกร้อนรนอยู่ในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก จึงตัดสินใจคุกเข่าพนมมือหลับตาอธิษฐานถึงนักพรตเมฆขาว
“หลวงปู่คะ ไศก็สามารถตั้งใจกำหนดจิตได้เลย ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ไม่สามารถเข้าสมาธิได้ ขอหลวงปู่เมตตาไศด้วยค่ะ”
ไศลาสัมผัสได้ถึงลมวูบใหญ่วูบหนึ่งที่พัดมาปะทะใบหน้า ไศลาลืมตาขึ้นมาก็เห็นนักพรตเมฆขาวมายืนอยู่ตรงหน้า เธอก้มลงกราบ
“เอมา...เป็นธรรมดาของผู้มีจิตปฏิพัทธ์ต่อกัน ย่อมจะสื่ออารมณ์ได้ถึงกัน”
นักพรตเมฆขาวใช้ไม้เท้าขีดวงกลมบนอากาศ ในวงกลมเป็นเหมือนจอให้ไศลาเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไกลออกไป
“เจ้าตัดกังวลจากบ่วงที่เจ้ารักไม่ได้...เจ้าจงไปดู ว่าสิ่งที่เจ้ารัก มันมีอยู่จริงมั้ยคุ้มค่ากันมั้ย กับทุกข์ที่เจ้าเผชิญอยู่ในใจขณะนี้...ไป โอม”
ไศลาพบว่าตนเองนั่งอยู่ในรถของชูชิต เขาเดินมากับอรชร เธอเข้าไปจะทัก แต่เขากลับไม่เห็น เดินผ่านร่างเธอไป จึงรู้ว่า เธอเป็นเพียงกายทิพย์เท่านั้น ไศลานั่งหลังรถไปกับเขาด้วย ชูชิตขับรถพาอรชรออกไปทานอาหารค่ำตามที่บอกไว้
“วันนี้อรของพี่สวยมาก”
อรชรยิ้มหวานด้วยความดีใจ
“วันนี้พี่ชิตของอรก็ปากหวานมาก”
“แล้วรักมั้ย”
อรชรหอมแก้มชูชิต
“มากที่สุด”
ชูชิตขับรถจับมืออรชรไปอย่างแสนหวาน ไศลาเจ็บช้ำน้ำใจจนน้ำตาริน ขมขื่น รถขับไปได้สักพัก ชูชิตสังเกตเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับตามอยู่ตลอดเวลา เขาลองเร่งความเร็ว มอเตอร์ไซค์ก็เร่งตาม ลองเปลี่ยนเลนส์ มอเตอร์ไซค์ก็เปลี่ยนตาม เขาชะลอรถเข้าเลนส์ซ้ายแล้วจอด อรชรงง
“พี่ชิตจอดรถทำไมคะ รถเสียเหรอ”
ชูชิตมองกระจกหลังหน้าเครียด
“อรเห็นมอเตอร์ไซค์ที่จอดแอบอยู่ข้างทางมั้ย มันขับตามเรามาตั้งแต่เราออกจากบ้านแล้ว”
อรชรหันไปมองก็เห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่จริงๆ ก็เริ่มกลัว
“ใครกันคะพี่ชิต พวกปาปารัซซี่เหมือนคราวที่แล้วหรือเปล่า”
“ไม่ใช่หรอก สงสัยว่าจะเป็นคนที่นายใหญ่ส่งมา”
ชูชิตค่อยๆ ออกตัวรถอีกครั้ง ไศลามองรถที่แล่นตามมาอย่างอดเป็นห่วงน้องไม่ได้ อรชรเห็นมอเตอร์ไซค์ออกตัวตามมา
“แล้วทำไมนายใหญ่ต้องส่งคนมาตามพี่ชิตด้วย”
“นายอยากให้พี่ตามหาไศลาและกล่อมให้มาเป็นพวกเดียวกัน แต่พี่ปฏิเสธนายไป ดูท่าทางนายไม่พอใจพี่มาก อรก็รู้ใช่มั้ยว่าเวลานายโมโห...เป็นยังไง”
อรชรเซ็งเมื่อชีวิตต้องกลับมาพัวพันกับไศลาอีกครั้ง
“แล้วทำไมพี่ชิตถึงปฏิเสธนายไปล่ะ พี่ชิตเองก็อยากเจอพี่ไศมากไม่ใช่เหรอ”
“ทำไมพูดแบบนี้ พี่เป็นพี่เรานะ”
ไศลาชะโงกหน้าพูดกับอรชร แต่เธอไม่ได้ยิน
“พี่ไม่อยากให้อรต้องคิดมาก ไม่อยากให้เรื่องของไศลามาทำให้เรามีปัญหา”
มอเตอร์ไซค์เร่งความเร็วขึ้นมาจนทันรถของชูชิต คนขับมอเตอร์ไซค์ขับรถเข้าประชิดแล้วยกปืนมาจ่อที่ชูชิต อรชรร้องกรี๊ด ไศลาจำใจช่วยชูชิตทั้งน้ำตา เธอใช้พลัง ผลักปืนจากมือคนขับมอเตอร์ไซค์จนยิงไม่ออก ชูชิตหักพวงมาลัยออกขวาเบียดจนมอเตอร์ไซค์เสียหลักแล้วใช้จังหวะนั้นรีบเร่งความเร็วรถหนี แต่มอเตอร์ไซค์ก็ยังตามมาประกบได้อีก ชูชิตตัดสินใจเลี้ยวกลับ แล้วเร่งความเร็วหนี
นาถสุดาแต่งตัวเตรียมจะกลับ เทพลุกขึ้นมากอดนาถสุดาจากข้างหลัง
“คุณนาถ คุณเลิกทำงานให้นายดุลยศักดิ์เถอะนะ”
นาถสุดาเงียบไป
“เทพ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ ทำไมจู่ๆ คุณก็เปลี่ยนไปขนาดนี้”
“สิ่งที่เราทำมันเป็นบาป มันทำลายคน ทำลายชาติ”
“แต่มันทำให้เรามีวันนี้ ทำให้เรามีทุกอย่าง ทำไมอยู่ๆ เทพก็สนใจเรื่องบาปกรรมอะไรนั่น”
“ก็เพราะมันมีอยู่จริงน่ะสิ คุณนาถ เปลี่ยนมาเป็นพยานให้ตำรวจ คุณก็จะยังมีทุกอย่างเหมือนเดิม แล้วเราก็จะได้อยู่ด้วยกันไง คุณไม่อยากอยู่กับผมแล้วเหรอ”
“ขอฉันคิดดูก่อนแล้วกันนะ”
นาถสุดาหันมาหอมแก้มเทพแล้วเดินออกไป
ในที่สุดชูชิตกับอรชรก็ทำได้แค่แวะซื้อของมากินที่บ้าน ไศลายังคงอยู่ร่วมสถานการณ์กับทั้งสอง ชูชิตกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย จนเพิ่งสังเกตว่าอรชรนั่งยิ้มมองเขาอยู่ตลอดเวลา
“ทำไมไม่กินล่ะอร ไหนบอกว่าหิวไส้จะขาด”
“วันนี้อรรู้สึกว่าพี่ชิตน่ารักมาก”
ชูชิตหัวเราะ
“สงสัยจะเพี้ยนไปแล้วเมียเรา”
ไศลาเดินมานั่งร่วมโต๊ะ ช้ำใจ ไม่มีใครเห็น
“พี่ชิต อรถามจริงๆ เลยนะ พี่ชิตรักอรมั้ย”
ชูชิตพยักหน้า
“รักสิ”
อรชรดีใจหน้าบาน ไศลาพยายามห้ามใจ
“แล้วพี่ชิตเลิกรักพี่ไศลาได้แล้วเหรอ”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ตอนนี้พี่คิดแค่ว่าพี่มีอรแล้ว ก็ไม่อยากคิดถึงใครอีก”
ไศลาโกรธ เธอเพ่งจนแก้วน้ำที่ชูชิตรินอยู่แตก อรชรสะดุ้ง
“อุ๊ย”
“น้ำคงร้อนไปหน่อย”
“แล้วเรื่องนาย พี่ชิตจะเอายังไง”
ชูชิตถอนหายใจวางช้อน หยิบแก้วน้ำมาเติมดื่มใหม่
“พี่ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ไม่คิดว่าเขาจะทำขนาดนี้ ทำไมเขาไม่เข้าใจคนมีครอบครัวบ้างเลย”
อรชรสงสารชูชิตจับใจ
“พี่ชิต อรช่วยตามหาพี่ไศลาให้เอามั้ย”
“ไม่ต้องหรอก พี่ไม่อยากให้อรไม่สบายใจจริงๆ”
“แล้วอรจะปล่อยให้พี่อยู่แบบอันตรายอย่างนี้ทุกวันได้ยังไง”
“เดี๋ยวพี่อาจจะลองเข้าไปคุยกับนายดูอีกที”
“ไม่ต้องหรอกพี่ชิต จะเข้าไปให้เขายิงถึงที่ทำไม ให้อรช่วยนั่นล่ะ อรเชื่อใจพี่ชิตแล้ว ไม่ต้องกลัวมีปัญหาอะไรหรอก”
ชูชิตทำเป็นลำบากใจ
“จะดีเหรออร”
“ดี เชื่ออรเถอะ แต่มีข้อแม้อยู่อย่างนะ”
ชูชิตทำหน้าสงสัย
“อรต้องเป็นคนเจรจากับพี่ไศลาเอง”
ชูชิตใช้เวลาคิดนิดหนึ่งแล้วพยักหน้าตกลง อรชรตีหน้าเศร้ากับชูชิต แต่พอเธอกอดเขา แววตาเธอก็เปลี่ยนไป โดยที่ไม่รู้เลยว่า แววตาอาฆาตของอรชรนั้น ทำใส่หน้าของไศลาที่ยืนอยู่ด้านหลังชูชิตแบบเต็มๆ
ชูชิตนอนดูทีวีอยู่บนเตียง อรชรกำลังเตรียมตัวอาบน้ำเดินเข้าห้องน้ำ ชูชิตรอจนได้ยินเสียงเปิดน้ำ แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“ฮัลโหล วันนี้เอ็งทำงานได้ดีมาก พรุ่งนี้ข้าจะรีบโอนเงินไปให้แต่เช้าเลย แค่นี้นะ”
ชูชิตวางสายแล้วดูโทรทัศน์ต่ออย่างสบายใจ ที่สามารถสร้างสถานการณ์หลอกอรชรได้สำเร็จ ไศลาส่ายหน้า
“นี่มีใครจริงใจใส่กันมั่งมั้ยเนี่ย”
อรชรยืนอาบน้ำอย่างใช้ความคิด
“ถ้าเราตามไศลาไม่ได้ พี่ชิตแย่แน่ เอ๊ะ...แต่ถ้าไม่มีไศลาให้ตามอีกแล้วล่ะ”
อรชรยิ้มเจ้าเล่ห์ที่คิดแผนร้ายออกแล้ว ไศลาได้แต่ยืนอยู่ข้างๆเศร้าใจกับน้องของตน
ไศลาพยายามจะนั่งสมาธิ แต่รู้สึกตัวเองว่าไม่สามารถสงบจิตใจได้เธอลืมตาขึ้น นักพรตเมฆขาวมองอย่างปราณี
“กรรมของสัตว์”
ไศลาสัมผัสได้ถึงลมวูบใหญ่วูบหนึ่งที่พัดมาปะทะใบหน้า เธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นนักพรตเมฆขาวมายืนอยู่ตรงหน้า ไศลาก้มลงกราบ
“เอมา...เป็นธรรมดาของผู้มีจิตปฏิพัทธ์ต่อกัน ย่อมจะสื่ออารมณ์ได้ถึงกัน”
นักพรตเมฆขาวใช้ไม้เท้าขีดวงกลมบนอากาศ ในวงกลมเป็นเหมือนจอให้ไศลาเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไกลออกไป
“มีอีกสิ่งที่ข้าอยากให้เจ้าเห็น”
บุรุษพยาบาลกับพยาบาลเข็นเตียงวงทองเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ธีรธร กมลา นิ่มนวลยืนร้อนใจอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน นพรัชวิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน กมลาเดินเข้ามาหยิก มาตีธีรธร
“เป็นไงล่ะตาธี สะใจเธอหรือยัง ที่คุณแม่ต้องเจ็บแบบนี้ก็เพราะเธอคนเดียว ทำไมเธอถึงชอบหาเรื่องไม่สบายใจให้คุณแม่นักนะ ไม่อยากให้เป็นตำรวจ ก็ดื้อจะเป็น รู้มั้ยว่าคุณแม่ทั้งรักทั้งห่วงเธอแค่ไหน ทำไมเธอทำอะไรไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของท่านเลย”
นิ่มนวลเข้ามาห้ามกมลาทั้งน้ำตา
“พี่แก้วใจเย็นๆ ค่ะ พี่ธีไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้หรอกนะคะ”
“คอยดูนะ ถ้าคุณแม่เป็นอะไรไป ความผิดทั้งหมดเป็นของเธอคนเดียว”
ธีรธรยืนอึ้งกับสารพัดคำพูดของกมลาที่ทำให้สะเทือนใจ นพรัชออกมาจากห้องฉุกเฉิน พยาบาลวิ่งเอาแฟ้มเอกสารมาให้นพรัชเซ็นหน้าห้องฉุกเฉิน 3-4 แฟ้ม กมลาเข้าไปหา
“น้องหมอ คุณแม่พี่เป็นยังไงบ้าง”
นพรัชคุยไปเซ็นไป
“ระบบความดันและหัวใจน่าเป็นห่วงมากนะครับ ตอนนี้กำลังรอดูผลตรวจเลือดเพิ่มเติม...ผมขอตัวก่อนนะครับ”
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบไฟ ตอนที่ 5 (ต่อ)
ค่ำนั้น ธีรธรเดินคอตกไร้ทิศทางอยู่ในโรงพยาบาล เสียงของกมลายังก้องอยู่ในหัว
“เป็นไงล่ะตาธี สะใจเธอหรือยัง รู้มั้ยว่าคุณแม่ทั้งรักทั้งห่วงเธอแค่ไหน ทำไมเธอทำอะไรไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของท่านเลย คอยดูนะ ถ้าคุณแม่เป็นอะไรไป ความผิดทั้งหมดเป็นของเธอคนเดียว”
ธีรธรทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ให้นั่งพักระหว่างทาง ชายหนุ่มเครียดหนัก ไม่รู้จะจัดการยังไงกับความรู้สึกของตัวเองดี เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่คืนนี้มีแต่กลุ่มเมฆมัวหม่น นาทีนี้เขาคิดถึงไศลาจับใจ
จอวงกลมของนักพรตเมฆขาวดับลงเป็นท้องฟ้าเหมือนเดิม ไศลายังมองค้างไปที่เดิม ใบหน้าอมทุกข์ของธีรธรยังติดอยู่ในใจของเธอ
“ไศช่วยคุณป้าได้มั้ยคะหลวงปู่”
นักพรตเมฆขาวหนักใจ
“การช่วยชีวิตคนเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าจะรักษาตัวให้พ้นจากบ่วงกิเลสตัณหา”
“ไศเพียงต้องการช่วยคุณป้าที่เคยมีบุญคุณช่วยเหลือไศตอนลำบาก ไศขอให้หลวงปู่เมตตาด้วยค่ะ”
นักพรตเมฆขาวถอนหายใจ
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทุกคนย่อมได้รับผลจากสิ่งที่ตัวเองเลือกทำ การจะช่วยผู้หญิงคนนั้นต้องใช้เวลาเพ่งจิตภาวนารักษาตลอดทั้งคืนติดต่อกัน 7 คืน และคนเจ็บต้องเป็นโยมอุปัฏฐากให้พระ 1 รูป”
ไศลากราบขอบคุณนักพรตเมฆขาว
“จะทำการใดก็เร่งมือเข้า เวลาของเขาเหลือไม่มากแล้ว”
เช้าวันใหม่...ชูชิตยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกในห้องนอน อรชรยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ชูชิตแต่งตัวเสร็จแล้ว เดินไปปลุก
“อร...อรจ๊ะ พี่ชิตจะไปทำงานแล้วนะคะ”
อรชรนอนนิ่งสนิท จนชูชิตเริ่มสงสัยยกมือไปอังหน้าผากดูว่าเธอมีไข้หรือเปล่า
“ตัวก็ไม่ร้อนนะ”
ชูชิตเขย่าตัวอีกครั้ง
“อร พี่ชิตไปทำงานก่อนนะคะ”
อรชรส่งเสียง อื้อ พร้อมพลิกตัวหนีด้วยความรำคาญ ชูชิตมองอรชรขำๆ แล้วเดินออกจากห้องไป สิ้นเสียงปิดประตูห้อง อรชรก็เด้งตัวขึ้นมาจากเตียงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก
“สวัสดีค่ะนาย ฉันอรชร ภรรยาของชูชิตพูดค่ะ”
ธีรธรนั่งหลับอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม มีมือมาเขย่าตัวปลุก
“คุณธีคะ”
ธีรธรงัวเงียเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นหูค่อยๆ ลืมตาเห็นไศลามายืนอยู่ตรงหน้า เขาทั้งตกใจ ทั้งดีใจจนตาสว่าง
“ไศลา คุณกลับมาแล้วเหรอ”
ธีรธรจะเข้าไปกอด ไศลาถอยห่างออกไปอย่างระวังตัว เขามองงงๆที่เธอดูเปลี่ยนไป
“คุณธีคะ ไศมาช่วยคุณป้าค่ะ”
ธีรธรพาไศลาไปพบนพรัช ขณะที่กมลา และนิ่มนวลอยู่ด้วย เขาบอกเรื่องที่ไศลาจะมาช่วยแม่ กมลาขัดขึ้นเสียแข็ง
“ฉันไม่อนุญาต จู่ๆ จะเอาใครมาทำอะไรคุณแม่ก็ไม่รู้ ไม่ใช่หมอจะมารักษาได้ยังไง มันจะเพี้ยนกันไปใหญ่แล้ว”
ธีรธรพยายามอธิบาย
“แต่ไศลาเคยทำสำเร็จมาแล้วนะครับ พี่แก้วลองถามไอ้หมอหรือนิ่มดูก็ได้”
กมลาหันไปมองหน้านพรัชแทนคำถาม
“ใช่ครับ ที่คุณแม่ดีขึ้นจนออกจากโรงพยาบาลได้คราวที่แล้ว เป็นเพราะการรักษาแบบของคุณไศลา”
กมลาหันไปส่งสายตาถามนิ่มนวล เธอพยักหน้าจ๋อยๆ
“ทำไมเราต้องมาเถียงเรื่องอะไรกันแบบนี้ด้วย นี่มันเรื่องของคนบ้าชัดๆ มีที่ไหนใช้พลังจิตรักษาโรงมะเร็งได้จริง”
“คุณแก้วคะ เพื่อเป็นการพิสูจน์แทนคำพูด ไศขอทดลองรักษาคุณป้าตอนนี้เลย และถ้าคุณป้าอาการดีขึ้น หวังว่าคุณแก้วคงจะอนุญาตให้ไศรักษาคุณป้าต่อนะคะ”
กมลาทำเมินหนีหน้าไศลาก่อนที่จะพยักหน้าให้แบบขอไปที
ทุกคนยืนมองวงทองที่นอนอยู่ในห้องไอซียู ผ่านกระจกหน้าห้อง เห็นพยาบาลเดินนำไศลาเข้าไปหาวงทอง ไศลาเดินไปยืนทำสมาธิที่ข้างเตียง เธอทำสมาธิเสร็จแล้วเดินมาปิดม่านไม่ให้คนนอกมองเห็นในห้องได้ แล้วเดินไปที่หัวเตียง หลับตาสวดมนต์แล้วเอามือวางบนหน้าผากวงทอง เธอสวดมนต์จนมีแสงสีทองระยิบระยับไหลออกมาจากมือแผ่ลงไปที่ศีรษะของวงทอง แล้วลากมือไล่ลงมาที่จมูก ปาก คอ หน้าอกจนมาหยุดที่ท้อง แสงสีทองยังไหลออกจากฝ่ามือไศลาไม่หยุด เข็มความดันและการเต้นของหัวใจของวงทองตัวเลขเริ่มกระเตื้องขึ้นเรื่อยๆ ไศลายังคงหลับตาสวดไม่หยุดแสงสีขาวกระจายตัวไปคลุมร่างวงทองไว้ทั้งหมด
บ่ายวันนั้น นาถสุดามาที่เซฟเฮาส์ เทพเปิดประตูให้เธอเข้ามาในห้อง เธอยื่นถุงของให้เขา
“ฉันซื้อก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าประจำมากินด้วยกัน”
เทพรับถุงอาหารแล้วเดินไปจัดใส่ชาม นาถสุดาเดินไปทิ้งตัวลงที่โซฟา
“เหนื่อยจังเลย วันนี้ที่กองนัดตั้งตีสี่ ง่วงจะแย่ ขับรถแทบจะหลับใน”
เทพเดินถือชามก๋วยเตี๋ยวของทั้งคู่มาวางบนโต๊ะ แล้วนั่งลงข้างกัน นาถสุดาตักก๋วยเตี๋ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย
“คุณนาถตัดสินใจที่จะกลับตัวกลับใจได้รึยังครับ”
นาถสุดาชะงักไป
“ถ้าฉันมีทางออกที่ดีกว่า คุณจะรับข้อเสนอของฉันมั้ย”
เทพมองอย่างสงสัยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เย็นนั้น นพรัชเดินถือแฟ้มประวัติของวงทองออกมาหาธีรธร กมลา และนิ่มนวลที่หน้าห้องฉุกเฉิน เขาเปิดแฟ้มชี้ให้ทุกคนดูความแตกต่างของตัวเลขในประวัติให้ทุกคนดู
“จากตัวเลขจะเห็นได้ชัดว่าตัวเลขความดัน และอัตราการเต้นของหัวใจของคุณป้าดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ได้รับการรักษาในแบบของคุณไศลานะครับ”
กมลาและนิ่มนวลดูรายงานจากแฟ้มแล้วก็อึ้งไป ธีรธรหันไปถามไศลา
“คุณจะทำยังไงต่อ จะให้คุณแม่กลับไปที่บ้านหรือเปล่า”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ไศไม่อยากให้คุณป้าต้องเหนื่อยกับการเดินทาง อีกอย่างคุณป้าก็ยังต้องรับการรักษาทางวิทยาศาสตร์คู่ไปด้วย”
“งั้นระหว่างนี้ นิ่มก็ดูแลคุณแม่อยู่ที่นี่ตามปกติ ส่วนไศลา ผมขอให้กลับไปพักที่บ้านเราเหมือนเดิม”
นิ่มนวลสบตาขอความช่วยเหลือจากกมลา
“แล้วทำไมไม่ให้ไศลาอยู่ช่วยน้องนิ่มดูแลคุณแม่ที่นี่ล่ะ”
“ไม่ได้หรอกครับ ไศลาเองก็ต้องพักผ่อนด้วย”
ไศลาสังเกตเห็นนิ่มนวลแอบน้อยใจ ที่ธีรธรดูเป็นห่วงเธอมากอย่างเห็นได้ชัด
“คุณนิ่มคะ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะมาแย่งคุณธีไปจากคุณหรอกนะคะ ฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณป้าจะหายเท่านั้น ฉันกล้ารับรองว่าฉันกับคุณธีไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าการเป็นคนรู้จักกัน...ใช่มั้ยคะคุณธี”
ธีรธรอึ้งที่ไศลาพูดปิดโอกาสเขาอย่างนั้น นพรัชได้โอกาส
“งั้นก็ดีเลย...นี่ก็เย็นแล้ว คุณไศยังไม่ได้ทานอะไรเลยใช่มั้ยครับ เดี๋ยวผมพาคุณไศไปทานข้าวแล้วกันนะครับ”
นพรัชหันมาคุยกับธีรธร
“เดี๋ยวฉันพาคุณไศไปทานข้าวเสร็จแล้วจะไปส่งที่บ้านเองนะ แกก็กลับกับพี่แก้วก็แล้วกัน”
ธีรธรถูกมัดมือชก ยืนมองนพรัชพาไศลาเดินออกไปอย่างพูดอะไรไม่ออก
โยคีศิลาดำนั่งเล่นอยู่ในห้อง ดุลยศักดิ์เดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี
“อยู่ดีๆ หมูก็วิ่งมาให้เชือด”
โยคีศิลาดำละสายตาจากหน้าจอ
“น้องสาวของนังไศลาโทรมาบอกว่าจะยอมเป็นตัวล่อให้นังไศลาออกมาหาเรา”
“เพื่ออะไร”
“ก็มาให้เราฆ่าทิ้งไงล่ะอาจารย์”
โยคีศิลาดำงง
“น้องสาวแท้ๆ ของไศลางั้นเหรอ”
ดุลยศักดิ์หัวเราะ
“ใช่สิ เอาเถอะ...เรื่องมันซับซ้อนเกินกว่าอาจารย์จะเข้าใจ แต่อาจารย์เตรียมตัวไว้ให้ดี งานนี้เราจะยิงนกทั้งฝูงทิ้งด้วยกระสุนแค่นัดเดียว”
ดุลยศักดิ์จะเดินกลับออกไปนอกห้อง แต่นึกบางอย่างได้จึงหันมาหาโยคีศิลาดำ
“อ้อ...เรื่องนี้อาจารย์ไม่ต้องบอกใครนะ”
โยคีศิลาดำพยักหน้าเรียบๆ ดุลยศักดิ์เดินกลับออกไป เสียงไอแพดของเขาดังเตือนขึ้น เขาเปิดหน้าจอขึ้นดู เป็นภาพแผนที่สถานที่หนึ่งในกรุงเทพ มีจุดสีแดงกะพริบฟ้องตำแหน่งเป้าหมายจึงหลับตาตั้งสมาธิ
จิตของโยคีศิลาดำมายืนอยู่ที่หน้าคอนโดซึ่งเป็นเซฟเฮาส์ของเทพ เขายืนมองวิวรอบๆ ตัวอย่างตั้งใจจดจำว่าที่นี่คือที่ไหนในกรุงเทพ ก่อนจะหลับตาอีกครั้ง
โยคีศิลาดำมายืนอยู่ที่หน้าห้องของเทพ บรรยากาศรอบตัวเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเต็มไปหมด ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้เลยเพราะถูกมนตร์ขาวของนักพรตเมฆขาวที่เสกไว้ช่วยคุ้มครองเทพ
“มีมนตร์ของใครบางคนขวางข้า...มันเป็นใคร”
โยคีศิลาดำเห็นเงาตะคุ่มๆ จึงเดินฝ่าหมอกไปดูเห็นนาถสุดาเดินออกมาจากห้องๆ หนึ่ง แต่โยคีศิลาดำไม่สามารถมองเห็นอย่างอื่นได้เลย นาถสุดาเดินผ่านหน้าเขาไปแล้วหยุดชะงัก เธอรู้สึกเหมือนมีใครมองจากข้างหลัง จึงหันมาดู แต่ก็ไม่มีใคร นาถสุดาเดินผ่านตัวโยคีศิลาดำย้อนไปดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมาจึงเดินกลับไปกดลิฟต์กลับลงไปข้างล่าง โยคีศิลาดำอยู่ในหมอกขาวลองเดินคลำทางดูด้วยความอยากรู้ เขาคลำไปจนเจอลูกบิดประตูห้องๆ หนึ่ง พยายามบิดลูกบิดห้องนั้น
เทพยืนล้างจานอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงประตูกุกกักก็คิดว่านาถสุดาลืมของไว้ จึงเดินไปเปิดประตู ทันทีที่เปิด มีกลุ่มควันสีขาวพวยพุ่งออกมามากมาย โยคีศิลาดำเห็นกลุ่มควันพุ่งออกมาผิดปกติก็ค่อยๆ ถอยออกมาตั้งหลัก...เทพมองๆแต่ไม่พบใครเลยปิดประตูอย่างงงๆ...กลุ่มควันค่อยๆจางกลายเป็นคงที่ตอนนี้กลายเป็นผีป่าขนรุงรังเต็มตัว ตาเป็นสีแดง มีเขี้ยวงอกจากปาก
“ไอ้คง” โยคีศิลาดำตะลึง
คงกระโจนเข้าบีบคอ หมายจะขย้ำกินด้วยความหิวกระหาย โยคีศิลาดำพยายามแกะมือของคงออกจากตัว ทั้งทุบ ทั้งตีแต่ไม่สามารถสู้แรงได้
“ไอ้คง เอ็งจำข้าไม่ได้เหรอเนี่ย”
โยคีศิลาดำกำมือตัวเองขึ้นเสก เมื่อแบออกมากลายเป็นกริชแหลมคมขนาดพอดีมือ เขาเอากริชปักลงไปบนมือของคงที่บีบคอตัวเองอยู่ คงร้องคำรามโหยหวน ยอมปล่อยมือออกจากคอ คงโกรธกว่าเดิม ตรงเข้าตะปบอย่างรวดเร็วอีกครั้ง โยคีศิลาดำพยายามใช้มือป้องปัดการทำร้ายของคงจนแขนเหวอะได้เลือด คงได้กลิ่นเลือดยิ่งคลั่งจัด กระโดดเข้ากัดต้นแขนจนเลือดชุ่มปาก โยคีศิลาดำพยายามแกะ เอาตัวคงเข้ากระแทกกำแพงหรือจะสะบัดยังไงคงก็ไม่ยอมปล่อย โยคีศิลาดำตัดสินใจใช้กริชปักลงไปที่กลางหลัง คงแหงนหน้ากรีดร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด แล้วสลายร่างเป็นควันหายลับไป โยคีศิลาดำกุมหัวไหล่ที่เป็นแผลหลับตาพยายามตั้งสมาธิกลับร่าง
นพรัชแอบเขิน ที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับไศลาลำพังเสียที
“คุณไศลาอยากทานอะไร บอกมาเลยครับ เดี๋ยวผมจัดให้ พาไปได้ทุกที่”
ไศลาเกรงใจ
“คุณนพคะ จะเป็นอะไรมั้ยคะถ้าไศอยากจะขอนอนพักที่นี่ดีกว่าออกไปทานอาหารข้างนอก”
นพรัชอึ้งไปเล็กน้อย
“อ้าว...แล้วคุณไศลาไม่หิวเหรอครับ”
ไศลาส่ายหน้า
“ไม่หิวเลยค่ะ”
“งั้นผมขับรถพาไปส่งที่บ้านธีเลยดีมั้ยครับ”
“จะรบกวนคุณนพมากไปมั้ยคะ ถ้าไศจะขอให้คุณนพจัดที่พักให้ที่นี่ ไศนอนที่ไหนก็ได้ค่ะ”
นพรัชแปลกใจ
“ทำไมอย่างนั้นล่ะครับคุณไศลา อยู่ที่บ้านธีจะสะดวกสบายมากกว่าหรือเปล่า”
“คือจริงๆ แล้วการรักษาคุณป้าจะต้องทำตลอดทั้งคืนติดต่อกัน 7 คืนค่ะ ไศก็ควรจะต้องนอนที่นี่อยู่แล้ว”
“อ๋อ...แล้วทำไมเมื่อกี้คุณไศลาไม่บอกเจ้าธีมันล่ะครับ”
ไศลาเงียบไป ไม่รู้จะตอบคำถามยังไง
“ไม่เป็นไรครับ งั้นเดี๋ยวผมพาคุณไศลาไปพักที่ห้องทำงานผมก่อน แล้วผมจะให้คนจัดที่พักให้ เชิญทางนี้ครับ”
ธีรธรกับกมลาเดินคุยกันมาเพื่อจะไปขึ้นรถกลับบ้าน กมลาหันไปเห็นไศลาเข้าไปในห้องแล้วมีนพรัชตามเข้าไป กมลารีบสะกิดให้ธีรธรหันไปดู ธีรธรไม่ค่อยพอใจ แต่เก็บอาการไว้ไม่ให้พี่สาวรู้
“คู่นี้เขาเป็นแฟนกันเหรอ”
“ไม่รู้สิครับ”
“อ้าว...หมอนพเขาเป็นเพื่อนสนิทของธี แล้วยายไศลาก็รู้จักกับธี เรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้”
ธีรธรเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ
“เอ๊ะ...แต่เขาเพิ่งมารู้จักกันเพราะธีไม่ใช่เหรอ แหม...หนุ่มสาวสมัยนี้ไวไฟกันน่าดู เปิดปุ๊บติดปั๊บ ธีน่าจะดูไว้เป็นตัวอย่างนะ...อ้าว หายไปไหนแล้ว”
กมลาหันมาปรากฏว่าธีรธรเดินหนีนำลิ่วไปไกลแบบไม่รอแล้ว กมลาต้องรีบจ้ำตามไปอย่างเซ็งๆ
โยคีศิลาดำลืมตาขึ้นพบว่าตัวเองนั่งอยู่ที่เดิมในบ้านดุลยศักดิ์เรียบร้อยแล้ว รู้สึกเจ็บที่แผลหัวไหล่และแขน เขาแปลกใจมาก เมื่อหันไปดูพบว่าแผลมีเลือดออกด้วย
“เจ้าของวิชาที่เราเจอวันนี้มันไม่ธรรมดา”
โยคีศิลาดำร่ายมนต์ใส่มือแล้วเป่าไปเสกที่แผลทั้งหัวไหล่และแขน แผลค่อยๆ ประสานแต่ไม่หายสนิท เขายังรู้สึกเจ็บที่แผล เอามือจับดูยังมีเลือดติดมือมาไม่น้อย ชูชิตเดินเข้ามาในห้อง
“นายให้มาเชิญอาจารย์ไปทานมื้อเย็น”
โยคีศิลาดำส่ายหัว
“ไม่ล่ะ ข้าอยากพักมากกว่า”
โยคีศิลาดำพูดเสร็จลุกเดินออกจากห้องไป ชูชิตมองตามงงๆ
“เหนื่อยตรงไหน วันๆ ไม่เห็นจะได้ทำอะไรเลย”
ค่ำนั้น นพรัชพาไศลามาที่ห้องพักแพทย์ของโรงพยาบาล เธอเดินเข้าไปดูสภาพห้องพักที่ใหม่เอี่ยม มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง นพรัชยื่นกุญแจห้องให้
“ห้องนี้เป็นห้องพักสำหรับแพทย์ที่เข้าเวรดึกหรือต้องนอนค้างที่โรงพยาบาลครับ คุณไศลาพออยู่ได้มั้ยครับ”
“อยู่ได้สิคะ ออกจะสะดวกสบายขนาดนี้ แล้วไศมาใช้ห้องนี้แล้ว พวกคุณหมอจะไปนอนไหนกันล่ะคะ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ เรายังมีอีกหลายห้อง คุณไศลาจะพักนานแค่ไหนก็ตามสบายเลยนะครับ จากที่นี่เดินไปห้องคุณป้าก็ไม่ไกลด้วย น่าจะสะดวกดี”
ไศลาไหว้
“ไศต้องขอบคุณคุณนพมากนะคะ”
“โอ๊ย...ไม่เป็นไรเลยครับ ผมแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรด้วยซ้ำ”
เสียงโทรศัพท์มือถือของนพรัชดังขึ้น เขาดูเบอร์
“ไอ้ธีโทรมา”
นพรัชกดรับสาย
“ฮัลโหล...ว่าไงเพื่อน”
ธีรธรคุยโทรศัพท์เดินไปเดินมาในบ้านอย่างงุ่นง่าน
“นี่แกอยู่ที่ไหน...โรงพยาบาล แล้วเมื่อไหร่แกจะมาส่งไศลาซะที...อะไรนะ ไม่มาแล้ว นี่...ไอ้หมอ อย่ามาฉวยโอกาสกันแบบนี้นะโว้ย”
เสียงธีรธรดังชัดออกมาจากลำโพง นพรัชหันไปเห็นไศลากำลังจับตามองอยู่ก็รู้สึกอายพยายามกระซิบ
“ฉวยโอกาสอะไรกันเล่า ก็คุณไศลาบอกเองว่าจะนอนที่นี่”
เสียงโวยของธีรธรดังลั่นออกมาไม่หยุด นพรัชหน้าเจื่อนคุยไปมองไศลาที่ยืนกอดอกมองอยู่ตลอดเวลา นพรัชเริ่มทำตัวไม่ถูก คุยอึกๆ อักๆ ระหว่างนั้นธีรธรยังโวยมาไม่หยุด ไศลาตัดสินใจเดินไปขอโทรศัพท์จากนพรัชคุยกับธีรธรเอง...ธีรธรกำลังโวยได้ที่
“ฉันไม่สนใจว่าไศลาจะว่ายังไง แต่ถ้าแกไม่อยากมีเรื่อง แกต้องขับรถพาไศลามาส่งที่บ้านฉันเดี๋ยวนี้ เข้าใจมั้ย”
“คงไม่ได้หรอกค่ะคุณธี ไศตัดสินใจแล้วว่าจะนอนที่นี่จนกว่าจะรักษาคุณป้าเสร็จ คุณธีอย่าทำให้คุณนพต้องลำบากใจเลยนะคะ”
ไศลายื่นโทรศัพท์กลับไปให้นพรัช
“ฮัลโหลๆ อ้าว...วางไปซะแล้ว”
นพรัชหันไปมองไศลาที่กำลังนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ที่โซฟานั่งเล่น
“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ เชิญคุณไศลาตามสบายนะครับ มีอะไรโทรหาผมได้ตลอดเวลา”
ไศลาเงียบ นพรัชจ๋อย ค่อยๆ เปิดประตูกลับออกไปอย่างเงียบๆ
โยคีศิลาดำนั่งสมาธิอยู่ในห้อง ปากก็สวดมนต์ท่องคาถาฟื้นฟูร่างกายไปด้วยกายสั่นเทิ้ม เหงื่อกาฬผุดขึ้นมาเต็มหน้ามีอาการพะอืดพะอม ก่อนจะอาเจียนพรวดออกมาเป็นเลือดกระจายเต็มไปหมด โยคีศิลาดำค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างยากลำบากค่อยๆ หลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน
ในอดีต บริเวณกลางป่าใหญ่...เด็กชายสองคนวิ่งเล่นต่อสู้กันอย่างสนุกสนาน โยคีศิลาดำผู้เป็นน้องวิ่งหนี นักพรตเมฆขาวผู้เป็นพี่ มาถึงริมลำธาร เขาวิ่งไปแอบดักรอพี่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งแล้วนึกสนุกหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาเสกแล้วโยนลงไปที่พื้น กิ่งไม้กลายเป็นงูเห่าเลื้อยไปมาอยู่ที่ทางเดิน พี่ชายวิ่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากมาตามทาง ก็ต้องเบรคตัวโก่งเมื่อเห็นงูเห่าเลื้อยวนไปมาเหมือนดักรอไม่ให้เขาได้ไปต่อ
พี่ชายชะเง้อมองดูเห็นน้องชายนั่งแอบหัวเราะอยู่ไม่ไกลก็เข้าใจแผน เขาหันหาก้อนหินใกล้ตัวแล้วหยิบขึ้นมาเสกก่อนจะโยนใส่งูเห่าที่เลื้อยอยู่ ก้อนหินกลายเป็นพังพอนตัวโตพุ่งเข้าไปกัดงูเห่าทันที น้องชายเห็นงูเห่ากำลังเสียเปรียบก็ตั้งจิตสมาธิเพ่งมอง งูเห่ากลายร่างเป็นแมวตัวใหญ่กัดหัวพังพอนกรึ๊บเดียวจอด พี่ชายไม่ยอมเสียทีตั้งจิตสมาธิเพ่งไปที่พังพอน พังพอนกลายเป็นหมาฝรั่งตัวโตอมหัวแมวน้อยมิดพอดีปาก น้องชายไม่ยอมแพ้เสกเปลี่ยนแมวเป็นเสือโคร่งตัวโต เสือโคร่งแทนที่จะตะปบหมา กลับหันมาตะปบเข้าที่น้องชายอย่างกะทันหัน เขายกแขนขึ้นเป็นกำบัง ทำให้โดนเล็บเสือข่วนเป็นแผลเหวอะหวะน่ากลัว ร่างกระเด็นไป เสือพุ่งกระโจนจะตามไปจัดการ พี่ชายรีบตั้งสติเสกคาถาเป่าพรวดให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เสกขึ้นมาหายไปให้หมดสิ้น ก่อนจะรีบเข้าไปประคองคนน้องชายที่ยังเจ็บหนักไว้
“พี่เมฆา ทำไมแผลไม่หายไปด้วยล่ะ”
“ศิลา เจ้าไปเรียนคาถาเสกเสือตัวนั้นมาจากไหน”
โยคีศิลาดำถึงจะเจ็บแผลอยู่มาก แต่ก็อดตกใจกับคำถามของพี่ชายไม่ได้
“ข้าไม่รู้ ข้าจำไม่ได้”
“บาดแผลจากสัตว์เวทมนตร์ที่มีพลังที่เหนือกว่าเรา จะเป็นพิษให้เราต้องทรมาน แม้ว่าเราจะทำลายสัตว์ตัวนั้นไปแล้วก็ตาม”
“พี่เมฆา ช่วยด้วย ข้ายังไม่อยากตาย”
นักพรตเมฆขาวใช้ฝ่ามือทาบลงไปบนแผลของน้องชายแล้วหลับตาท่องคาถา แผลของโยคีศิลาดำมีเลือดสีดำจำนวนมากไหลออกมาเข้าสู่ฝ่ามือของพี่ชาย นักพรตเมฆขาวสีหน้าเจ็บปวดทรมานแต่ก็ยังฝืนใช้ฝ่ามือดูดเลือดสีดำออกจากแผลของน้องชาย แต่แล้วเขาก็ทนไม่ไหว เลือดสีดำพุ่งพรวดออกมาทางปาก โยคีศิลาดำรู้สึกดีขึ้นทันทีลุกขึ้นมาประคองพี่ชาย
“พี่เมฆา พี่ทำอะไรลงไป”
“ข้าแบ่งพิษออกมาจากตัวเจ้า เจ้าดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”
โยคีศิลาดำตกใจ
“พี่เมฆา แล้วพี่จะเป็นอะไรมั้ย”
“ไม่ต้องห่วง พี่ไม่เป็นไร”
นักพรตเมฆขาวหมดแรงสลบไป โยคีศิลาดำตกใจ
“พี่เมฆา พี่เมฆา”
ไศลาเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เตรียมจะออกไปหาวงทอง เธอเปิดประตูห้องออกไปเจอธีรธรที่กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูพอดี
“คุณธี มีธุระอะไรคะ”
“ผมมารับคุณกลับบ้าน”
“ไศคงไปกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ ขอตัวนะคะ ฉันต้องรีบไปหาคุณป้า”
ไศลาเดินเบี่ยงตัวไป ธีรธรคว้าแขนเอาไว้ ไศลาหันมามองเป็นเชิงตำหนิ ทำให้เขาต้องรีบปล่อยมือออก
“ไศลา บอกผมหน่อยอะไรทำให้คุณเปลี่ยนไปขนาดนี้”
ไศลาเดินไปไม่แม้แต่จะหันมามอง ธีรธรรีบเดินตามไปอย่างหงุดหงิดใจ
โยคีศิลาดำนอนเพ้อกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง มีมือมาลูบผ่านหน้าของเขาอย่างช้าๆ และนิ่มนวล เขาหยุดละเมอ...นักพรตเมฆขาวยืนอยู่ข้างเตียงของโยคีศิลาดำถอยหลังออกมาจากเตียงแล้วหายแว้บไป โยคีศิลาดำรู้สึกตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากเตียงเหงื่อแตกพลั่ก เขามองไปรอบๆ ห้องแต่ไม่เจออะไรก่อนจะลองจับแผลดูพบว่าแห้งหายสนิท ไม่เจ็บแล้ว เขาพึมพำเบาๆ
“พี่เมฆา”
นิ่มนวลนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ไศลากับธีรธรเปิดประตูเข้ามาในห้อง นิ่มนวลแอบงงว่าธีรธรมาด้วยได้ยังไง นิ่มนวลเตรียมตัวเก็บของส่วนตัว ไศลาดูนาฬิกา
“เจอกันอีกทีตอนเช้านะคะ”
ไศลาเดินไปเปิดประตูส่งทั้งสอง ธีรธรหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก แต่ทำอะไรไม่ได้ จำต้องยอมเดินตามนิ่มนวลออกไปโดยดี
อ่านต่อหน้าที่ 3
กุหลาบไฟ ตอนที่ 5 (ต่อ)
ธีรธรเดินออกมาจากห้องอย่างหงุดหงิด เดินนำนิ่มนวลลิ่วๆ
“พี่ธีคะ แล้วเราจะไปไหนกันคะ”
ธีรธรเหวี่ยงๆ
“ก็กลับบ้านสิ”
นิ่มนวลเห็นท่าทีหงุดหงิดของเขาแล้วก็อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้ เธอแวะนั่งเก้าอี้ระหว่างทางเพราะรู้สึกอ่อนใจหมดแรงเดินตามเขา ธีรธรเดินๆ อยู่หันไปไม่เห็นนิ่มนวลแล้วก็ตกใจ จึงเดินย้อนหลังมาจนเจอนิ่มนวลนั่งหน้าบูดอยู่ระหว่างทาง
“เป็นอะไรไปอีกล่ะนิ่ม”
“นิ่มควรต้องเป็นฝ่ายถามพี่ธีมากกว่านะคะว่า พี่ธีเป็นอะไร”
“พี่ก็โอเค ไม่ได้เป็นไรนี่”
“นิ่มไม่ได้ตาบอดนะคะ จะได้ดูไม่ออกว่าพี่ธีกับไศลามีปัญหากัน แต่นิ่มอยากรู้ว่าแล้วนิ่มเกี่ยวอะไรด้วย พี่ธีถึงได้ทำตัวเสียมารยาทกับนิ่มแบบนี้”
ธีรธรรู้สึกผิดที่ทำให้เธอเสียใจ แต่ไม่อยากยอมรับ
“นิ่มคิดมากไปเอง พี่ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไร”
นิ่มนวลรู้สึกเอือมธีรธรมาก
“พี่ธีกลับไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวนิ่มกลับเองดีกว่า”
“อย่าเลย เดี๋ยวพี่แก้มจะมาว่าพี่ได้อีกว่าไม่ดูนิ่ม”
นิ่มนวลเหลืออด
“ทำไมต้องกลัวคนนั้นคนนี้ว่า ทำไมพี่ธีถึงไม่เคยคิดถึงความรู้สึกนิ่มเองบ้างเลย”
“ถ้าแค่เรื่องกลับบ้านมันจะใหญ่โตขนาดนี้ ก็แล้วแต่นิ่มแล้วกันนะ”
“ถ้าเป็นไศลา พี่ธีก็คงจะไม่ทำแบบนี้ใช่มั้ยคะ”
ธีรธรมองหน้า
“ถ้าเป็นไศลา เขาจะไม่ทำกับพี่แบบนี้เหมือนกัน”
ธีรธรหันหลังเดินไปอย่างไม่สนใจ นิ่มนวลสุดฝืนน้ำตาไม่ให้ไหลมองตามธีรธรที่เดินห่างเธอออกไปทุกที เธอจะทนกับความรู้สึกพ่ายแพ้แบบนี้ได้อีกกี่ครั้ง
เช้าวันใหม่...ธีรธรกับจ่านิดนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะตัวเอง นาถสุดาหิ้วถุงพะรุงพะรังเดินเข้ามาในห้องทำงาน
“สวัสดีค่ะคุณธี สวัสดีค่ะพี่จ่า”
“แหม...คุณนาถ ทำบุญกับคนแก่แต่เช้านะครับ” จ่านิดแซว
นาถสุดาถือถุงขนมมาวางไว้บนโต๊ะจ่านิด
“พอดีนาถไปถ่ายละครที่เพชรบุรีมาค่ะ เลยซื้อขนมหม้อแกงมาฝาก หวังว่าคงชอบทานกันนะคะ”
“โอ๊ย...คนอย่างผม ของฟรีมีหรือจะไม่ปลื้ม ขอบคุณมากนะครับคุณนาถ”
นาถสุดาถือถุงขนมมาให้ธีรธร
“ของคุณธีเป็นแบบพิเศษใส่ใจ เอ้ย...ใส่เม็ดบัวด้วยนะคะ”
จ่านิดส่งสายตาเคลิ้มชวนขำให้ ธีรธรอดอมยิ้มขำจ่านิดไม่ได้ นาถสุดาดีใจคิดว่าธีรธรยินดีกับของฝากเป็นพิเศษ
“ขอบคุณมากนะครับคุณนาถ วันก่อนผมต้องขอโทษด้วย พอดีคุณแม่ไม่สบายกะทันหัน เลยไม่ได้แจ้งคุณนาถล่วงหน้า”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ นาถเข้าใจ แล้วตอนนี้คุณแม่เป็นยังไงบ้างแล้วคะ”
“ยังอยู่ที่โรงพยาบาลครับ แต่อาการค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว”
“งั้นวันนี้เรียนเสร็จแล้ว นาถขอไปเยี่ยมด้วยนะคะ”
“ถ้าคุณนาถสะดวก ผมก็ยินดีครับ” ธีรธรยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
โยคีศิลาดำมายืนหน้าตึกเซฟเฮาส์ของเทพจุดเดียวกับที่มาในนิมิต เขายืนมองวิวรอบๆ ตัวอย่างมั่นใจว่ามาไม่ผิดที่
“ที่นี่ไม่ผิดแน่”
โยคีศิลาดำจะเดินผ่านประตูกระจกเข้าไปในตึก แต่มี รปภ. มากั้นไว้
“ขอโทษครับผม ที่นี่มีกฎห้ามบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าครับผม”
โยคีศิลาดำจับแขนของ รปภ. ภาพนิมิตเกิดขึ้นในหัวของเขาเห็นเหตุการณ์ในอดีตที่ รปภ. คนนี้เคยทำแบบเดียวกันนี้กับนาถสุดามาก่อน โยคีศิลาดำยิ้ม
“ขอโทษด้วยนะหนุ่ม”
โยคีศิลาดำถอยออกมาจากประตูกระจก เขาเห็นภายในตึกเต็มไปด้วยหมอกควันขาวเต็มไปหมด
ธิดารัตน์ใช้โน้ตบุ๊คแชทคุยสุทธิพงษ์ พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มีพันธ์พงษ์นั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกล กมลาเดินลงมาจากข้างบน ธิดารัตน์รีบเปลี่ยนหน้าจอคอมเป็นทำรายงาน
“ไก่น้อย อาบน้ำแต่งตัวสิลูก จะได้ไปเยี่ยมคุณยายกัน”
ธิดารัตน์เซ็ง
“ไม่ไปไม่ได้เหรอคะคุณแม่ ไหนคุณแม่ว่าคุณยายยังไม่ฟื้น”
“เราก็ต้องไปช่วยน้านิ่มดูแลคุณยายบ้างสิ เราเป็นลูกเป็นหลานแท้ๆ จะมาให้น้านิ่มเขาทำคนเดียวได้ยังไง”
“นี่คุณแม่ห่วงน้านิ่มจริงๆ หรือว่ากลัวคุณยายแบ่งมรดกให้น้านิ่มมากกว่าคะ”
“เอ๊ะ...เด็กคนนี้ มันก็ทั้งสองอย่างนั่นล่ะ ไปๆ รีบไป”
ธิดารัตน์ลุกขึ้นไปเข็นพันธ์พงษ์ กมลาสงสัย
“เดี๋ยวๆ แล้วนั่นจะพาคุณพ่อไปไหน”
“ก็พาไปอาบน้ำ เตรียมตัวไปเยี่ยมคุณยายด้วยกันไงคะ”
“เรานั่นล่ะไปคนเดียว”
“แล้วจะให้คุณพ่ออยู่คนเดียวได้ไงล่ะคะคุณแม่”
“อยู่คนเดียวที่ไหน คนใช้เยอะแยะ จะเอาไปให้เป็นภาระทำไม”
ธิดารัตน์เห็นพันธ์พงษ์หน้าเสียก็สงสาร
“แต่คุณแม่คะ...”
“นี่...อย่าให้แม่ต้องอารมณ์เสียนะ”
ธิดารัตน์จำใจต้องทำตามคำสั่งแม่ กมลาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน แล้วหันไปเรียกคนรับใช้เสียงดัง
“จันๆ พาคุณพันไปนั่งเล่นที่ระเบียงหน่อยไป” กมลาลดเสียงเบาลง “นั่งขวางตาอยู่ได้”
จันเข้ามาเข็นรถพันธ์พงษ์ออกไปตามคำสั่งกมลา
ในห้างสรรพสินค้า...ธีรธรใส่หมวก ใส่แว่นดำ เดินหลบๆ ซ่อนๆ พยายามอยู่ห่างจากนาถสุดาที่ไม่มีทีท่าว่าอยากจะปิดบังตนเองเลยแม้แต่น้อย นาถสุดาต้องเป็นฝ่ายไปกึ่งจูงกึ่งลากเขาให้เข้ามาเดินใกล้ๆ กับตัวเอง
“คุณนาถครับ เราไปทานร้านที่เงียบกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอครับ”
“ก็คุณธีบอกเองว่าขอใกล้ๆ ง่ายๆ นาถก็ตามใจแล้วไงคะ”
“ผมไปรอในรถได้มั้ยครับ”
นาถสุดาดึงตัวธีรธรเข้ามาประชิดแล้วกระซิบ
“จากประสบการณ์ตรงนะคะ หมวกกับแว่นของคุณธีนี่ล่ะค่ะ ตัวทำให้โดดเด่น”
ธีรธรรีบถอดหมวกและแว่นดำออกแทบไม่ทัน นาถสุดากับธีรธรมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกัน อีกมุมของห้าง ปาปารัสซี่กำลังเก็บภาพหวานของทั้งคู่ได้อย่างจุใจ
นาถสุดากับธีรธรเลือกเข้าร้านอาหารร้านหนึ่ง บริกรเดินมารับออเดอร์อาหาร
“ขอเป็นราดหน้าทะเลไม่ใส่เส้นนะคะ ยำวุ้นเส้น แล้วก็โซดามะนาว”
“ผมขอข้าวผัดอเมริกัน ต้มยำกุ้ง น้ำเปล่าครับ”
บริกรเดินออกไป
“เดี๋ยวนาถขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
“ให้ผมไปด้วยมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้นาถแอบดูป้ายแล้วว่าอยู่ตรงนี้เอง”
นาถสุดาเดินออกไปจากร้าน
นิ่มนวลนั่งน้ำตาคลอ เพิ่งเล่าเรื่องที่ทะเลาะกับธีรธรเมื่อคืนให้กมลาฟังจบ ธิดารัตน์นั่งฟังอยู่ด้วย
“มิน่า...เมื่อคืนน้องนิ่มถึงไม่ได้กลับบ้าน ไม่เป็นไรนะนิ่ม เดี๋ยวพี่จะจัดการพ่อตัวดีให้”
ธิดารัตน์หันมาบอก
“คุณแม่คะ ไก่น้อยขอออกไปเดินซื้อขนมแถวนี้หน่อยนะคะ”
“จะออกไปทำไมล่ะลูก ขนมในห้องนี้ก็มีเยอะแยะ”
“อยู่แต่ในห้อง ไก่น้อยเบื่อแล้วค่ะ”
“ถ้างั้นก็ตามใจ รีบไปรีบมานะ”
ธิดารัตน์ออกจากห้องไปทันที
นาถสุดาเดินเลี้ยวมาทางเข้าห้องน้ำ เดินเฉี่ยวกับปาปารัซซี่ที่ถ่ายรูป จังหวะเดินเฉี่ยวกัน ปาปารัซซี่แอบยื่นแทบเล็ตขนาดเล็กให้เธอรับไว้ นาถสุดาเดินเข้าห้องน้ำมาเปิดรูปในแทบเล็ตดู หน้าจอเห็นเป็นรูปเธอกับธีรธรที่ดูแล้ว น่าสงสัยว่าจะเป็นมากกว่าเพื่อนกันเป็นสิบรูป นาถสุดาพอใจในผลงานมากหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความ หน้าจอโทรศัพท์ของนาถสุดาพิมพ์ข้อความว่า
“ห้องในสุด”
แล้วกดส่ง เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังเบาๆ 3 ครั้ง นาถสุดาแง้มประตูดูเห็นเป็นปาปารัซซี่ เธอรีบเปิดประตูให้เขาเข้ามาในห้องน้ำด้วยกัน นาถสุดายิ้มหวานส่งสัญญาณมือว่างานโอเคมาก เธอเข้าไปกอดแล้วเอามือจับแก้มปาปารัซซี่เหมือนว่าปลื้มในผลงานมาก ปาปารัซซี่เคลิ้มตาม นาถสุดาเปลี่ยนจากจับแก้มมาเป็นจับหน้าของเขาแล้วจับหักคอกร๊อบเดียวดับ จากนั้นรีบประคองร่างปาปารัซซี่ให้นั่งบนชักโครกก่อนที่จะร่วงลงไปกองกับพื้น เธอจัดการค้นตัวเอาของทุกอย่างในตัวปาปารัซซี่มาไว้ที่กระเป๋าตัวเองทั้งหมด แล้วก้มดูพื้นว่าห้องข้างๆ ไม่มีคนเข้าก็ปีนจากข้างบนข้ามมาทำเป็นเข้าห้องน้ำห้องติดกันแล้วเดินสวยๆ ออกจากห้องน้ำไป
ไศลานอนหลับอยู่บนเตียง จู่ๆ ก็มีลมวูบหนึ่งพัดเข้ามาอย่างแรง เธอตกใจตื่นมาเห็นนักพรตเมฆขาวยืนอยู่ข้างเตียง เธอก้มลงกราบเหมือนอย่างที่เคยทำ ไศลาตกใจที่เห็นรอยเลือดหยดที่พื้น เธอเงยหน้ามองขึ้นไปตามรอยเลือดเห็นนักพรตเมฆขาวยืนโงนเงนมีเลือดออกจากปากตลอดเวลา
“หลวงปู่ หลวงปู่เป็นอะไรไปคะ”
นักพรตเมฆขาวพยายามจะพูด แต่ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมานอกจากเลือดสดๆ ไศลารีบเข้าไปประคองนักพรตเมฆขาวมานอนที่เตียง
“หลวงปู่ต้องการให้ไศช่วยหลวงปู่ใช่มั้ยคะ”
นักพรตเมฆขาวพยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน ไศลาไม่รอช้า เอามือวางบนอกของเขาแล้วหลับตาเพ่งกระแสจิตทันที มือของเธอมีพลังสีขาวสว่างไหลลงไปบนอกของนักพรตเมฆขาว ไศลาสะดุ้งเฮือก มือของเธอเปลี่ยนจากแสงสีขาวสว่างโดนสีดำขุ่นจากตัวของนักพรตเมฆขาวดันย้อนขึ้นมา ไศลาพยายามเพ่งจิตสู้กับพลังมืดนั้น แสงสีขาวและสีดำบนมือมีการดันไปดันมาอย่างรุนแรง ไศลาและนักพรตเมฆขาวต่างเหงื่อกาฬแตกพลั่ก พลังสีขาวของไศลาเริ่มหมดพลังถอยหลังให้พลังมืดมาจนเกือบจะสุด เธอกำลังอ่อนแรงเต็มที่แล้วกัดฟันเฮือกสุดท้ายเพ่งกระแสจิตสู้ พลังมืดโดนพลังขาวสว่างของไศลาไล่ออกไปจากตัวนักพรตเมฆขาวจนหมดสิ้น ไศลาทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอตกใจตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเคาะประตู เธอเดินไปเปิดประตู นพรัชยืนยิ้มถือถุงอาหารรออยู่
“ผมซื้อข้าวกลางวันมาให้ครับ กลัวตื่นมาแล้วจะหิว”
ไศลารับถุงอาหารจากนพรัช
“ขอบคุณคุณนพมากนะคะ ไศเกรงใจจัง”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมเต็มใจ ผมไปทำงานต่อก่อนนะครับ”
“บ๊ายบายค่ะ”
ไศลาปิดประตูเอาข้าววางไว้บนโต๊ะรับแขก แล้วเดินเข้าห้องนอนเตรียมตัวอาบน้ำแต่ต้องไปสะดุดตาที่รอยเลือดบนหมอนและที่นอนของตัวเอง
“หรือว่าเราไม่ได้ฝันไป”
สุทธิพงษ์นั่งกินข้าวอยู่ในร้านอาหารตามสั่ง กินไปอ่านหนังสือพิมพ์ไป ธิดารัตน์เดินผ่านมาหยุดหน้าร้านแต่ไม่เห็นเขาเพราะหนังสือพิมพ์บังหน้าอยู่ เธอมองซ้ายมองขวาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหา ได้ยินเสียงโทรศัพท์สิทธิพงษ์ดังขึ้นมาจากในร้าน ธิดารัตน์หันไปเห็นสิทธิพงษ์กำลังวางหนังสือพิมพ์จะกดรับสายพอดี เธอกดวางสายแล้วเดินเข้าไปหา
“นัดเดททั้งที ทำไมมาร้านตามสั่งอย่างนี้ล่ะ”
“มาถึงก็บ่นเลย กินไรมั้ย สั่งสิ”
“ไม่เอาล่ะ เค้าอิ่มแล้ว”
เด็กเสิร์ฟคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในร้าน
“เฮียๆ มีดารามา”
ธิดารัตน์สนใจลุกขึ้นไปดูว่าดาราคือใคร เห็นนาถสุดากำลังเดินซื้อของอยู่แถวหน้าโรงพยาบาล มีธีรธรเป็นคนช่วยพาฝ่าวงล้อมกลุ่มคนที่มามุงดู ธิดารัตน์แปลกใจ
“น้าธีมากับเขาได้ไงเนี่ย”
ธิดารัตน์กลับเข้าไปหาสุทธิพงษ์ในร้าน
“ตัวเอง เค้าไปก่อนนะ”
“เฮ้ย...เดี๋ยวสิ แล้วเงินที่เรายืมล่ะ”
ธิดารัตน์หยิบเงินในกระเป๋าให้สองพัน แล้วรีบออกจากร้านไป
กมลากับนิ่มนวล ช่วยกันเช็ดตัววงทอง
“ป่านนี้ไม่รู้ไก่น้อยไปซื้อขนมถึงไหน” กมลาบ่น
“เด็กวัยรุ่นก็แบบนี้ล่ะค่ะพี่แก้ว ให้นั่งเฉยๆ นานๆ แกคงเบื่อ”
เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น
“นั่นไง คงจะกลับมาแล้ว”
กมลาหันไปมองก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นนาถสุดา
“สวัสดีค่ะ พี่แก้ว คุณนิ่ม” นาถสุดาไหว้
กมลากับนิ่มนวลตกตะลึงไปชั่วขณะ
“นะ...นาถสุดา ชิดชนก”
ธีรธรเปิดประตูตามเข้ามา...กมลารับของเยี่ยมจากนาถสุดา
“ขอบคุณคุณนาถสุดามากนะคะ ที่อุตส่าห์มีน้ำใจมาเยี่ยมคุณแม่”
“คุณแม่ของคุณธีป่วย ยังไงนาถก็ต้องมาเยี่ยมให้ได้อยู่แล้วค่ะ”
นิ่มนวลแอบสะอึกกับคำพูดของนาถสุดา ธิดารัตน์เปิดประตูเข้ามาในห้อง
“ไก่น้อยมาพอดี มาสวัสดีคุณน้านาถสุดาเร็วลูก นี่ไก่น้อยค่ะ ลูกสาวคนเดียวของพี่”
ธิดารัตน์ไหว้นาถสุดา
“สวัสดีค่ะ คุณน้าสวยจังเลย ไก่น้อยขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ”
“ได้สิคะ”
“ตายแล้วไก่น้อย ทำไมไปกวนคุณน้าอย่างงั้นล่ะลูก แต่ไหนๆ ก็ถ่ายแล้วคุณแม่ขอแจมด้วยคนนะคะ”
ธิดารัตน์เอามือถือให้ธีรธรถ่ายรูปให้จนเสร็จ นาถสุดายิ้มหวาน
“หลานไก่น้อยคะ ช่วยถ่ายรูปคู่น้านาถกับน้าธีให้ด้วยได้มั้ยคะ”
“ได้เลยค่ะ”
นาถสุดาเดินมาจูงมือธีรธรไปถ่ายรูปคู่ด้วยกัน ด้วยแอคชั่นแสนหวาน นิ่มนวลถึงกับต้องเมินหน้าหนีภาพบาดใจตรงหน้า
“เดี๋ยวเราไปทานข้าวด้วยกันทั้งหมดนี่เลยนะคะ นาถขออนุญาตเป็นเจ้ามือเอง”
“อย่าดีกว่าครับคุณนาถ คุณน่าจะรีบกลับไปพักผ่อนมากกว่า”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นานๆ จะมีโอกาสดีๆ อย่างนี้”
นิ่มนวลไม่ค่อยพอใจ
“เดี๋ยวนิ่มขอตัวกลับบ้านก่อนดีกว่านะคะ วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย”
กมลาไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะนิ่ม น่าจะไปด้วยกันก่อน ไปหลายคนสนุกดี”
นาถสุดายิ้มแย้มบอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่แก้ม ให้คุณนิ่มกลับไปพักผ่อนดีกว่า โอกาสหน้ายังมี...จริงมั้ยคะคุณนิ่ม”
นิ่มนวลฝืนยิ้มพยักหน้าตอบนาถสุดา
ไศลาเดินไปที่ห้องวงทอง ระหว่างทางหันไปเห็นธีรธรกับนาถสุดาเดินคู่กันมา เธอรีบไปหลบอยู่มุมตึก ธีรธรกับนาถสุดาเดินคุยกันอย่างถูกคอ เหมือนมีแค่สองคนอยู่บนโลกนี้ มีกมลา ธิดารัตน์และนิ่มนวลเดินตาม นาถสุดารู้สึกเหมือนมีใครแอบมอง พยายามแอบมองหาแต่ไม่เห็นใคร
“เดินไปที่รถกันก่อนเลยนะคะ นาถขอเข้าห้องน้ำกับโทรศัพท์คุยงานแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวตามไป”
ชูชิตนั่งกินอาหารเย็นกับอรชรที่บ้าน โทรศัพท์มือถือของชูชิตดัง หน้าจอเห็นเป็นเบอร์นาถสุดา อรชรไม่ค่อยพอใจ ชูชิตรับสาย
“ฮัลโหล”
ชูชิตหันมาถามอรชร
“อรติดต่อไศลาได้หรือยัง รู้มั้ยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”
อรชรส่ายหน้า
“อรบอกว่าไม่รู้”
ชูชิตวางสายงงๆ
“มีอะไรเหรอคะพี่ชิต”
“นาถสุดาโทรมาถามหาไศลา สงสัยนายให้โทรมามั้ง”
อรชรได้ยินว่านายโทรมาตามก็ร้อนตัวกลัวว่าจะซวย
ไศลาเดินเหม่อลอยคิดถึงภาพธีรธรกับนาถสุดา เดินคุยหยอกล้อกันก็อดรู้สึกหดหู่ไม่ได้ เมื่อเธอเดินเลี้ยวผ่านมุมตึก ก็ต้องตกใจที่เห็นนาถสุดายืนดักรออยู่ข้างหน้า ทั้งสองคนประจันหน้ากันในระยะเกือบประชิด
“ไม่คิดว่าเราจะเจอกันได้ง่ายขนาดนี้สินะไศลา”
ไศลาตัดสินใจค่อยๆ ถอยหลังแล้ววิ่งหนี นาถสุดาวิ่งตามมาจิกผมไศลาจนหน้าหงาย ไศลาใช้ศอกถองเข้าที่ท้องน้อย นาถสุดาถึงกับจุก แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากหัว ไศลาซ้ำด้วยหลังมือไปที่หน้า นาถสุดาหน้าหงาย ยอมปล่อยมือออกจากหัวไศลา คนเริ่มออกมายืนดู ไศลาไม่อยากให้คนรู้จึงรีบวิ่งหลบหายไป นาถสุดาจะออกตัววิ่งตาม แต่ได้ยินเสียงธีรธรเรียกเสียก่อน
“คุณนาถ เป็นอะไรไปครับ”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เดินอยู่ดีๆ ก็วูบไป”
ธีรธรประคองให้ลุกขึ้นมา
“เดินไหวมั้ยครับ”
นาถสุดาพยักหน้า แต่ตอนลองเดินแกล้งทำเป็นเซไปพิงอกเขา
“ผมไปเอารถเข็นให้ดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ นาถยังไหว ขอแค่จับมือคุณธีเดินก็พอค่ะ”
ไศลายืนแอบอยู่แถวนั้น หันไปเห็นมือประสานมือของธีรธรกับนาถสุดาพอดี เธอรีบหันหลังกลับ ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่ามันเจ็บจี๊ดเข้าไปถึงในหัวใจ
กมลายืนตบยุงรอชะเง้อคอยนาถสุดากับธีรธรอยู่ที่ลานจอดรถ นิ่มนวลยืนรอเศร้าๆ และธิดารัตน์ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่แถวนั้น
“เมื่อไหร่จะมาสักทีนะ ชักจะหงุดหงิด เดี๋ยวก็ไม่ปงไม่ไปมันซะเลย”
ธิดารัตน์เงยหน้ามาเห็นธีรธร เดินจับมือกับนาถสุดามาพอดี
“มาแล้วค่ะคุณแม่ จับมือกันเดินหวานแหววมากมาย” ธิดารัตน์ตื่นเต้น
นิ่มนวลหันไปมองตามเสียงของธิดารัตน์ ภาพที่เธอเห็นคือภาพคู่รักหนุ่มหล่อ สาวสวยที่เดินจับมือคุยหยอกล้อกันกะหนุงกะหนิง นิ่มนวลต้องรีบหันหน้าหนีไปทางอื่นก่อนที่จะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ แต่ความจริงคือนาถสุดาเดินไม่ค่อยจะตรงทาง ธีรธรต้องคอยตั้งหลักไว้ไม่ให้ล้ม
ชูชิตดูโทรทัศน์ไปหาวไป อรชรหันมาบอก
“ง่วงก็ขึ้นไปอาบน้ำนอนดีกว่ามั้ยคะพี่ชิต”
“ก็ดีเหมือนกันนะ เผื่อจะตาสว่างมาดูบอลคืนนี้ซะหน่อย”
ชูชิตลุกขึ้นไปข้างบน อรชรรอจนแน่ใจว่าเขาเข้าห้องไปแล้ว ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก
“พงษ์ เจอพี่ไศหรือยัง อะไรกัน จนป่านนี้ยังไม่เจออีก วันนี้ได้ไปดักรอที่บ้านหรือเปล่า โอ๊ย...แกนี่อะไรๆ ก็เป็นเงินเป็นทองนะ พรุ่งนี้ก็แวะมาเอาแล้วกัน แล้วทำงานให้มันคุ้มค่าจ้างด้วยนะ”
อรชรกดวางสายอย่างหงุดหงิด
ไศลานั่งดูรูปครอบครัวในกระเป๋าสตางค์อย่างเศร้าๆตามลำพัง เธอใช้นิ้ววนไปที่ใบหน้าของพ่อ แม่และดารณีด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ
“ไศขอโทษนะคะคุณพ่อ คุณแม่ น้องดาที่หลงออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ไศสัญญาว่าจากนี้ ไศจะทำทุกอย่างที่จะเอาคืนพวกมันอย่างสาสม”
สายตาของไศลาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัว
อ่านต่อหน้าที่ 4
กุหลาบไฟ ตอนที่ 5 (ต่อ)
เช้าวันใหม่...ธีรธรนอนเปิดกระจกหลับอยู่ในรถ ที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล หลับไปตบยุงตามหน้าตามแขนไป เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขากุลีกุจอตื่นขึ้นมาปิดเสียงโทรศัพท์มือถือดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือบอกเวลา 6.00 น. เขารีบลงจากรถ
นิ่มนวลตักข้าวต้มใส่ในชามกมลาเสร็จแล้วเดินมาจะตักให้ พันธ์พงษ์ที่ท่าทีกระอักกระอ่วนเหมือนอยากจะบอกอะไรนิ่มนวลแต่ไม่กล้า ธิดารัตน์ส่งเสียงมาก่อนตัว
“มาแล้วค่ะ โจ๊กจมูกข้าวเป๋าฮื้อของคุณพ่อ ไก่น้อยอุ่นให้ร้อนๆ หอมฉุยเลย”
ธิดารัตน์เดินถือชามโจ๊กมาวางไว้ข้างหน้าพันธ์พงษ์ นิ่มนวลหันมาส่งสายตาถามกมลา ที่อึกอักไม่รู้จะตอบยังไงดี
“โอ๊ย...ก็แค่ของเหลือจากที่น้องนาถเขาพาไปกินข้าวเท่านั้นเอง มันจะอร่อยอะไรนักหนา”
ธิดารัตน์กำลังป้อนโจ๊กให้พันธ์พงษ์อยู่หันมาเถียงแม่
“ทำไมคุณแม่พูดไม่นึกถึงความรู้สึกคุณพ่อแบบนี้ล่ะคะ”
ธิดารัตน์หันมาพูดกับพันธ์พงษ์
“ไม่จริงนะคะคุณพ่อ โจ๊กนี่ไก่น้อยเป็นคนตั้งใจสั่งมาฝาก คุณพ่อโดยเฉพาะ ไม่ใช่ของเหลือจากบนโต๊ะค่ะ ตอนแรกไก่น้อยจะสั่งโจ๊กหมูธรรมดา แต่อานาถบอกว่าให้สั่งเป๋าฮื้อมาบำรุงคุณพ่อ อานาถเนี่ยทั้งสวยแล้วยังใจดีมากๆ อีกนะคะคุณพ่อ”
กมลาหันไปเห็นนิ่มนวลหน้าเจื่อนไปแล้วก็สงสาร
“เอาเถอะ...จะเหลือหรือไม่เหลือมันก็ของค้างคืนนั่นล่ะ” กมลาเสียงหวานเปลี่ยนเรื่อง “แล้วนี่ธีไปทำงานแล้วเหรอน้องนิ่ม ไม่เห็นมาทานด้วยกัน”
นิ่มนวลส่ายหน้า สีหน้าหดหู่กว่าเดิม
ธีรธรแปรงฟัน ล้างหน้าล้างตา หวีผมอย่างรวดเร็วเช็คกลิ่นปากอีกรอบจนมั่นใจ แล้วเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีออกจากห้องน้ำไป
ไศลาเดินออกมาจากห้องวงทองด้วยอาการสะโหลสะเหลมองเห็นภาพตรงหน้าหมุนๆ งงๆ รู้สึกหน้ามืด เดินเซจะล้ม ธีรธรเดินกำลังจะมาถึงหน้าห้องทันเห็นเธอกำลังจะล้มพอดี เขารีบวิ่งเข้าไปหา นพรัชเข้ามาช่วยประคองได้ทันเวลาก่อนธีรธร
“ไหวมั้ยครับคุณไศลา”
ธีรธรต้องเบรกชะงักเมื่อเห็นว่านพรัชเข้ามาช่วยแล้ว
นพรัชเข็นรถเข็นที่ไศลานั่งมาส่งที่หน้าห้องพัก เธอพยายามลุกไขกุญแจประตู แต่ไม่ไหว
“ให้ผมช่วยดีกว่านะครับ”
นพรัชรับกุญแจจากไศลามาไขเปิดประตูห้องจนเสร็จ แล้วหันมาเห็นไศลาหลับคารถเข็นไปแล้ว
“อ้าว...หลับไปซะงั้น”
นพรัชตัดสินใจอุ้มเธอจากรถเข็น ธีรธรยืนแอบมองด้วยความปวดใจ
นพรัชอุ้มไศลานอนลงบนเตียง อมยิ้มมองหญิงสาวตอนหลับ รู้สึกโชคดีที่ได้เห็นมุมนี้ของเธอ นพรัชก้มเข้าไปใกล้ๆ หน้าไศลาอย่างอดใจไม่ไหว เขาหยุดรักษาระยะห่างระหว่างเขากับเธอแล้วเปลี่ยนเป็นลูบหัวไศลาด้วยความรู้สึกดีที่อยู่ในใจ นพรัชห่มผ้าให้อย่างทนุถนอมแล้วออกจากห้องไป
นพรัชปิดประตูออกมาจากห้องพักไศลาแล้วเดินออกไป ธีรธรยืนแอบอยู่ในมุมหนึ่งไม่ไกลมากรอจนนพรัชลับตาไปจึงเดินออกมาที่ประตูห้องไศลาทำท่าจะเคาะประตู...แต่ก็เปลี่ยนใจยืนคอตกอยู่หน้าห้องพัก
อรชรนั่งตะไบเล็บอยู่ในห้องรับแขก ได้ยินเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น คนใช้พาโยคีศิลาดำเข้ามาในบ้าน ทันทีที่ได้เห็นหน้า เขาก็มองเธอด้วยสายตาที่พึงพอใจ อรชรรู้ตัวแต่ทำเป็นเชิดใส่
“เอียด พาใครเข้ามาในบ้าน”
“คุณเขามาหาคุณนาถค่ะ”
เอียดหันไปหาโยคีศิลาดำ
“เชิญคุณรอตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวเอียดจะไปตามคุณนาถให้”
โยคีศิลาดำนั่งลงที่เก้าอี้รับแขก สายตายังมองอรชรไม่หยุด อรชรอึดอัดลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ไม่ต้องหรอกเอียด เดี๋ยวฉันไปตามให้เอง” อรชรแดกดันเบาๆ “มองอยู่ได้ ไม่มีมารยาท”
โยคีศิลาดำมองตามอรชรไปด้วยสายตาถูกใจจริงๆ
นาถสุดานอนใส่ที่ปิดตาหลับอยู่บนเตียง เสียงเคาะประตูดังขึ้นถี่ๆ แบบไม่เกรงใจคนในห้อง นาถสุดาตื่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิดตะโกนไป
“โอ๊ย...จะเคาะอะไรกันนักกันหนา พ่อแม่ใครตายหรือไง”
เสียงเคาะประตูเร่งเสียงและความถี่ขึ้นดังมากกว่าเดิมอีกสามเท่า นาถสุดาลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยความโมโห ประตูเปิดมาเห็นอรชรยืนทำหน้าตายิ้มยั่วอยู่หน้าห้อง
“มีอะไร เคาะเสียงดังอยู่ได้...ไม่มีมารยาท”
อรชรจะเถียงกลับแต่เปลี่ยนใจ
“มีผู้ชายมาหา รออยู่ที่ห้องรับแขก”
นาถสุดาจะถามต่อ แต่อรชรชิงหันหลังเดินหนีไปเสียก่อน
นาถสุดาอาบน้ำแต่งตัวแล้ว เดินเข้ามาในห้องรับแขกเห็นโยคีศิลาดำนั่งกอดอกรออยู่ก็แปลกใจ
“อาจารย์…มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมต้องมาถึงที่นี่”
“เจ้าเจอเทพแล้ว ทำไมไม่บอกข้า”
นาถสุดายืนตัวชาเมื่อรู้ว่าถูกจับได้เรื่องเทพ เธอมองซ้ายขวาอย่างระวังตัวแล้วเดินเข้าไปกระซิบ
“บ้านนี้มีกล้องวงจรปิดทั้งหลัง เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ”
โยคีศิลาพยักหน้า นาถสุดาเดินนำโยคีศิลาดำออกไป อรชรยืนแอบดูเหตุการณ์ทั้งหมดจากชั้นบนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก
“ฮัลโหล...พงษ์ อยู่ไหนเนี่ย”
นาถสุดาขับรถพาโยคีศิลาดำ ออกมาถนนนอกเมืองที่ไม่ค่อยมีรถผ่าน
“ตอนนี้เทพไปเป็นพยานคดีค้ายาข้ามชาติให้ตำรวจค่ะ”
โยคีศิลาดำอึ้งไปที่ได้รู้ความจริง
“ไอ้พวกตำรวจมันบังคับใช่มั้ย”
นาถสุดาส่ายหน้า
“เขาเต็มใจค่ะอาจารย์ เทพเปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคนกับที่เราเคยรู้จัก เขายังมาขอให้นาถไปเป็นพยานด้วย เขาบอกว่าถ้านายถูกจับเข้าคุก ทุกอย่างจะจบ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ นายมีสายอยู่มากมาย แถมยังใช้เงินซื้อทุกอย่างไว้หมดแล้ว”
“แล้วทำไมไม่บอกให้เทพกลับมา”
“เขาไม่ยอมค่ะอาจารย์ เอาแต่พูดซ้ำๆ ว่าอยากมีชีวิตใหม่ ไม่อยากกลับมาเป็นแบบเดิม พูดวนอยู่แต่เรื่องกลัวบาปกลัวกรรม ทีแต่ก่อนไม่เห็นกลัว”
“พาข้าไปหาเทพ เราต้องรีบพาเทพกลับมาก่อนที่ดุลยศักดิ์จะรู้เรื่องนี้”
“อาจารย์คะ แต่นาถมีอีกแผน”
โยคีศิลาดำมองผ่านกระจกหลัง เห็นมอเตอร์ไซค์ของสุทธิพงษ์ขับตามมาในระยะไม่ไกลมาก
“ไอ้มอเตอร์ไซค์ข้างหลังนี่เป็นพวกใคร ขับตามมาตั้งนานแล้ว ท่าทางจะมือใหม่ ตามซะเด่นเลย”
นาถสุดาหันไปมองกระจก เห็นรถก็จำได้ว่าเป็นสุทธิพงษ์
“อ๋อ...ไอ้พงษ์ น้องเมียชูชิตค่ะ สงสัยพี่สาวจะส่งมาสืบ”
“จะเอามันไว้มั้ย”
นาถสุดาหน้าเจ้าเล่ห์ คิดแผนชั่วออก
“อย่าเพิ่งเลยค่ะ โง่อย่างนี้...น่าจะมีประโยชน์”
นพรัชเดินถือถุงข้าวกล่องมาแขวนไว้ให้ไศลาที่หน้าห้องพัก แล้วเดินกลับไปทำงานต่อ ธีรธรโผล่ออกมาจากที่ซ่อนพร้อมถุงข้าวกล่องเหมือนกัน เขาเดินมาถึงหน้าประตูห้องไศลาจัดแจงหยิบถุงข้าวของนพรัชออกจากลูกบิด มองถุงข้าวกล่องของนพรัชในมืออย่างใช้ความคิดว่าจะเอาไว้ที่ไหนดี ไศลาเปิดประตูออกกะทันหัน ทั้งสองเห็นกันแล้วตกใจหน้าเหวอ
นาถสุดาขับรถมาจอดในปั๊ม โยคีศิลาดำลงจากรถเข้าร้านกาแฟ ส่วนนาถสุดาลงจากรถเดินแยกไปทางห้องน้ำ สุทธิพงษ์ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดแล้วเดินเข้าไปในร้านกาแฟ โดยเลือกนั่งโต๊ะที่ใกล้โยคีศิลาดำที่สุดแต่หันหลังให้ สักครู่นาถสุดาใส่แว่นดำเดินเนียนๆ มานั่งที่โต๊ะโยคีศิลาดำ ถามเสียงเข้ม
“มีอะไรก็รีบพูดมา ฉันไม่มีเวลามาก”
“ผมพบคุณไศลาแล้ว”
โยคีศิลาดำพุดให้สุทธิพงษ์ได้ยิน สุทธิพงษ์ที่กำลังยกกาแฟขึ้นซดแทบพุ่งพรวด
“ที่ไหน” นาถสุดาทำเป็นตื่นเต้น
“โรงพยาบาลนพเวช คุณจะให้ทำยังไงต่อ เก็บมันเลยมั้ย”
“ยังก่อน จับตามันไว้ แล้วรอคำสั่งฉันเท่านั้น”
โยคีศิลาดำลุกเดินออกไปจากร้านกาแฟ นาถสุดาทิ้งเวลาสักพักก็เดินตามโยคีศิลาดำออกไป สุทธิพงษ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรชร
“พี่อร พงษ์รู้แล้วว่าพี่ไศอยู่ที่ไหน”
นาถสุดานั่งอยู่ในรถ เห็นสุทธิพงษ์นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในร้านก็ยิ้มพอใจ
ในห้องพักไศลา...ธีรธรจัดข้าวกล่องลงจานให้อย่างขะมักเขม้น
“นี่คุณเห็นไศกินจุขนาดนี้เลยเหรอ กินสองคน ข้าวห้ากล่อง”
ธีรธรจำใจต้องบอกความจริง
“ไม่ใช่แค่ของผมคนเดียวหรอก ไอ้หมอมันซื้อมาแขวนให้คุณด้วย”
ธีรธรยื่นจานข้าวให้
“คุณทานที่ผมซื้อมาให้นะ เดี๋ยวผมจัดการของไอ้หมอเอง”
ไศลามองยิ้มๆ ขำท่าทางของเขา ธีรธรทำเป็นไม่สนใจตักข้าวในจานตัวเองเข้าปากหน้าตาเฉย
“ทำไมต้องบังคับด้วย ไม่คิดว่าไศจะอยากทานจานของคุณนพมากกว่าเหรอ”
ธีรธรส่ายหัว
“ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ที่ไอ้หมอจะรู้ใจคุณมากกว่าผม อิมพอสสิเบิ้ล”
ไศลาอดขำท่าทางทะเล้นของธีรธรไม่ได้
“กล้าพูดนะเนี่ย แล้วทำไมวันนี้ถึงได้เลิกงานเร็วล่ะคะ ไม่นัดสาวที่ไหนเหรอ ปกติเห็นคิวทองจะแย่”
“ผมมาหาคุณตั้งแต่เช้าแล้ว แต่คุณเหนื่อยมากจนหลับไปตั้งแต่ออกมาจากห้องคุณแม่”
ไศลาตกใจ
“จริงเหรอ แล้วคุณธีเป็นคนพาไศกลับมาที่นี่เหรอ”
ธีรธรเห็นสายตาซึ้งใจของไศลาแล้วแทบอยากจะสวมรอยแทนนพรัช แต่ทำไม่ลง เขาตอบไม่เต็มเสียง
“ไม่ใช่ผมหรอก ไอ้หมอพาคุณนั่งรถเข็นมาส่ง”
ไศลาทำหน้าหมดอารมณ์สนใจ หันไปกินข้าวต่อ
“แต่จริงๆ ผมก็จะเข้าไปช่วยคุณอยู่แล้วนะ แต่ไอ้หมอมันอยู่ใกล้กว่า เสียดาย...ช้าไปนิดเดียว”
ไศลาแอบยิ้ม
“แล้วผมก็โต๋เต๋รอคุณตื่นอยู่แถวนี้ทั้งวัน เพราะผมอยากเจอคุณ...ผมคิดถึงคุณ”
ธีรธรส่งสายตาหวานให้ ไศลาก้มหน้าอดเขินไม่ได้
สุทธิพงษ์เดินออกมาจากร้านกาแฟ มาที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หยิบกุญแจรถในกระเป๋าแต่ไม่เจอ เขาก้มหน้าก้มตาค้นตัวเองหากุญแจรถรู้สึกเหมือนมีเงาดำๆ พาดผ่านตัวเอง สุทธิพงษ์เงยหน้าขึ้นมาดูเจ้าของเงาเห็นโยคีศิลาดำกำลังยืนมองอยู่
“แอบฟังคนอื่นคุยกันมันเสียมารยาทนะเด็กน้อย”
สุทธิพงษ์ตั้งท่าจะวิ่งหนี โยคีศิลาดำแค่ดีดนิ้ว ขาเขาหยุดกึกเหมือนโดนคำสั่ง เขาพยายามจะสั่งขาตัวเองให้วิ่งหนี แต่ทำไม่ได้ พยายามก้มลงไปยกขาตัวเองให้ค่อยๆ ออกเดินทีละก้าว โยคีศิลาดำเดินวนมายืนประจันหน้า สุทธิพงษ์เงื้อหมัดขวาชก โยคีศิลาดำจ้องที่หมัด หมัดของสุทธิพงษ์สั่นค้างไว้เหมือนถูกหยุดกลางอากาศ สุทธิพงษ์เงื้อหมัดซ้ายชก โยคีศิลาดำจ้องที่หมัดซ้ายหมัดสั่นค้างไว้เหมือนถูกหยุดกลางอากาศอีกเหมือนกัน สุทธิพงษ์เหงื่อแตก กลัวจนลนลาน
โยคีศิลาจ้องตากระพริบตาข้างซ้าย สุทธิพงษ์ใช้หมัดซ้ายต่อยเข้าหน้าตัวเองอย่างแรง โยคีศิลาดำกระพริบตาข้างขวา สุทธิพงษ์ใช้หมัดขวาต่อยเข้าหน้าตัวเองอย่างแรงอีกครั้ง โยคีศิลาดำกระพริบตาทั้งสองข้าง สุทธิพงษ์กำหมัดทั้งสองข้างต่อยเข้าที่หน้าของตัวเองอย่างแรงจนล้มลงไปนอนสลบกับพื้น โยคีศิลาดำยืนมองด้วยความพอใจ นาถสุดาเดินเข้ามาหา
“จิตของเด็กนี่ควบคุมง่ายมาก ถึงข้าจะรู้จากเจ้าว่ามันโง่ แต่นึกไม่ถึง ว่าจะโง่ได้มากขนาดนี้”
“นายโทรมาเรียกรวมตัวที่บ้านเย็นนี้ค่ะ”
นาถสุดากับโยคีศิลาดำมองหน้ากันอย่างรู้ดีว่า ดุลยศักดิ์จะต้องมีอะไรพิเศษแน่
ธีรธรกับไศลายืนช่วยกันล้างจาน ไศลาล้างน้ำยาล้างจาน ธีรธรล้างน้ำเปล่าและคว่ำจาน ไศลาล้างมือ ธีรธรฉวยโอกาสเอามือไปกุมมือเธอช่วยล้างให้จนเสร็จ ไศลาเขินดึงมือออก แล้วแกล้งเอามือสะบัดน้ำใส่หน้าเขาแล้วแลบลิ้นใส่ ธีรธรแกล้งกลับด้วยการเอามือเปียกน้ำปาดทั้งหน้าของเธอแล้วแลบลิ้นเลียนแบบ ไศลาเอาคืนด้วยกวักน้ำจากก๊อกน้ำใส่ ธีรธรพยายามเข้าไปแกล้งบ้าง แต่เธอเอาตัวบังก๊อกน้ำไว้ ธีรธรใช้ตัวดันแกล้ง ไศลาสู้แรงเขาไม่ไหวเซเสียหลักทำท่าจะล้ม ธีรธรตกใจรีบเข้าไปประคองไว้ทัน ทั้งสองใกล้กัน แรงดึงดูดในตัวของทั้งคู่เริ่มทำงานอีกครั้ง ใบหน้าทั้งสองค่อยๆ เคลื่อนเข้าหากัน ไศลาตั้งสติขึ้นได้บอกกับตัวเองในใจ
“ไม่ได้นะไศลา ตอนนี้เธอจะยังรักใครไม่ได้”
ใบหน้าธีรธรใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไศลาหยิบจานที่วางอยู่มากั้นระหว่างกลางหน้าของตัวเองกับเขา ธีรธรจูบกับจานเข้าอย่างจังรู้สึกสัมผัสแปลกๆ ลืมตาขึ้นเห็นจานเต็มหน้า ไศลายืนหัวเราะขำที่แกล้งเขาได้สมใจ ธีรธรหมั่นเขี้ยว
“อยากเล่นแบบนี้ใช่มั้ย”
ธีรธรโผเข้าไปจะกอด ไศลากระโดดหลบจนเขาต้องคว้าลมแทน ไศลาหัวเราะคิกคัก เขาโผกอดเธอครั้ง คราวนี้สำเร็จ ทั้งสองประสานสายตาหวานกันอีกครั้ง เสียงเคาะประตูห้องดังขัดจังหวะขึ้น ไศลาผลักอกธีรธรออก เดินไปเปิดประตู ธีรธรมองตามไปด้วยความเสียดาย
ดุลยศักดิ์ ชูชิต นาถสุดา โยคีศิลาดำนั่งรวมกันอยู่ในห้อง
“สายรายงานมาว่าเจอนังไศลาแล้วที่โรงพยาบาลนพเวช แผนของเราคือให้ชูชิตไปเจรจาให้มันยอมมาเป็นพวกเรา และถ้ามันไม่ยอม ก็ให้จัดการเก็บมันซะ”
ไศลาเปิดประตูเห็นเป็นนพรัชยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง
“เมื่อเย็นผมเอาข้าวมาแขวนไว้ให้หน้าห้อง คุณไศลาได้ทานหรือยังครับ”
ธีรธรรีบเดินมาโชว์ตัวให้นพรัชเห็น
“ฉันช่วยกินแล้วเรียบร้อย ขอบใจมากนะหมอ”
นพรัชเห็นธีรธรอยู่ในห้องกับไศลาก็หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย
“ไอ้ธี แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะ”
ไศลาชิงตัดบทก่อนที่ธีรธรจะทันตอบอะไรนพรัช
“คุณนพมีธุระอะไรกับไศหรือเปล่าคะ”
“ผมเห็นว่าได้เวลาที่คุณไศลาจะไปหาคุณแม่ เลยเดินมารับครับ”
ธีรธรรีบขัดขังหวะ
“เดี๋ยวฉันก็จะไปหาคุณแม่เหมือนกัน แกไปทำงานต่อเถอะเดี๋ยวฉันดูแลไศลาเอง”
ไศลาหันมาส่งสายตาดุใส่ธีรธรด้วยความหมั่นไส้ในความกร่างของเขา ธีรธรทำลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ
“คุณนพรอไศแป๊บนะคะ ขอไปเอากระเป๋าก่อน”
ธีรธรมองตามไศลาที่วิ่งไปเอากระเป๋าสะพายในห้องนอนอย่างงงๆ ธีรธรหันมามองหน้านพรัชที่ยักคิ้วให้อย่างผู้มีชัยชนะ ธีรธรเซ็งที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน
ชูชิตนั่งดูทีวีอยู่คนเดียว กดรีโมตเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ด้วยอาการหงุดหงิด เขากดปิดทีวีแล้วลุกขึ้นหันไปมองนาฬิกาบอกเวลา 3 ทุ่ม จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากำลังจะกดโทรออกอรชรเดินเข้ามาพอดี ชูชิตถามอย่างหงุดหงิด
“หายไปไหนมา โทรไปก็ไม่รับสาย”
อรชรเดินเข้ามากอดประจบ
“อรขอโทษนะคะ พอดีพงษ์ไม่สบายหนัก อรก็เลยต้องไปดูน้อง แล้วดันลืมโทรศัพท์ไว้ในรถอีก พี่ชิตทานอะไรหรือยังคะ เดี๋ยวอรไปทำให้เอามั้ย”
ชูชิตแกะมืออรชรออกด้วยหน้าตาซีเรียส
“วันนี้นายเรียกพี่ไปบอกว่าไศลาอยู่ที่โรงพยาบาลนพเวช อรต้องเร่งเรื่องไศลาได้แล้วนะ เราช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว”
“แน่ใจนะคะว่ามาเร่งอรเพราะกลัวนาย ไม่ใช่เพราะอยากเจอพี่ไศลาจริงๆ”
ชูชิตโมโห
“พี่คิดว่าเราเลยจุดที่จะคุยเรื่องนี้มาแล้วนะ พี่ให้เวลาอรอีกสองวัน ถ้ายังไม่สำเร็จ พี่คงต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง”
ชูชิตเดินหนีขึ้นชั้นบนไปอย่างหงุดหงิด อรชรมองตามด้วยสายตาไม่พอใจ
“อยากเจอมันมากใช่มั้ย”
ธีรธรยืนจับมือคุยกับแม่ที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่
“ผมให้เวลาคุณแม่นอนพักอีกคืนเดียว พรุ่งนี้คุณแม่ต้องตื่นขึ้นมาคุยกับผมแล้วนะครับ ผมคิดถึงคุณแม่มากเลยนะครับ”
นพรัชกับไศลายืนมองอยู่ห่างๆ นพรัชหันมาถามเบาๆ
“คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วสินะครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ถ้าไม่ได้เจอกับตัว ผมคงทำใจให้เชื่อเรื่องแบบนี้ลำบาก”
“ไศเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ”
ธีรธรวางมือแม่ลงบนเตียงแล้วห่มผ้าให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินมาหานพรัชกับไศลาที่ยืนรออยู่
“ไศลา...ผมฝากคุณแม่ด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณธี คุณป้ามีบุญคุณกับไศมาก ไศต้องทำให้ดีที่สุดอยู่แล้วค่ะ”
“พบกันพรุ่งนี้เช้านะครับ”
ไศลายืนส่งธีรธรกับนพรัชเดินออกไปจากห้อง ธีรธรหันมาสบตากับไศลา ทั้งคู่ยิ้มให้กันก่อนออกจากห้องไป
ดุลยศักดิ์นอนให้นาถสุดานวดตัวอยู่บนเตียง เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
“เข้ามาได้”
โยคีศิลาดำเปิดประตูเข้ามา
“ฉันอยากให้อาจารย์ไปจัดการเก็บนังไศลาคืนนี้เลย”
นาถสุดากับโยคีศิลาดำสบตากัน
“แล้วนายไม่รอให้นายชูชิตเจรจากับไศลาก่อนเหรอคะ”
“ฉันไม่ไว้ใจไอ้ชูชิต แค่ไม่อยากขัดคอมันเท่านั้น ไปได้แล้วอาจารย์ พรุ่งนี้เจอกัน”
โยคีศิลาดำพยักหน้าแล้วเดินออกไปจากห้อง
อรชรเดินหลบเข้ามาในครัว แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“ฮัลโหลพงษ์เหรอ แกต้องไปหาพี่ไศลากับฉันเดี๋ยวนี้...เจ็บแผล อย่ามาสำออยนักเลย...ไม่ได้ ยังไงแกก็ต้องไปกับฉัน...ฮัลโหล ฮัลโหลพงษ์”
อรชรกดโทรศัพท์หาสุทธิพงษ์อีกครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้แล้ว
“ไอ้พงษ์ นี่แกกล้าปิดเครื่องใส่ฉันเหรอเนี่ย”
อรชรหยุดตั้งสติใช้ความคิด
“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”
อรชรเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบบัวลอยน้ำขิงในช่องแช่แข็งมาเข้าไมโครเวฟ...เวลาผ่านไปอรชรเปิดไมโครเวฟจัดการเทบัวลอยน้ำขิงใส่ถ้วยมองซ้ายมองขวาดูต้นทางให้ชัวร์ก่อนจะรีบหยิบผงยานอนหลับที่ซ่อนไว้เทลงไปในถ้วย
ธีรธรกับนพรัชเดินมาด้วยกันตามทางเดิน นพรัชเหมือนมีอะไรอยากจะพูดกับธีรธร แต่ไม่กล้า
“เฮ้ย ธี...ช่วงนี้งานยุ่งมั้ยวะ”
“ก็เรื่อยๆ นะ”
นพรัชเว้นจังหวะไปสักพัก
“เฮ้ย ธี...แล้วจ่านิดเป็นไงบ้างวะ”
“ก็สบายดี”
นพรัชเว้นจังหวะอีกครั้ง
“เฮ้ย ธี...แล้ว...”
ธีรธรสวนทันที
“เฮ้ย ไอ้หมอ เราก็เป็นเพื่อนกันมานานนะ ฉันว่าแกมีอะไรก็น่าจะพูดกับฉันตรงๆ เลยดีกว่า”
นพรัชพยักหน้าเข้าใจและเห็นด้วย เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะถาม
“โอเค แกก็ชอบคุณไศลาเหมือนกันใช่มั้ย”
นพรัชจ้องตาธีรธรอย่างต้องการความจริง ธีรธรไม่หลบสายตาเหมือนกัน
“ใช่ ฉันชอบไศลา”
นพรัชถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เออ ก็แค่นี้ล่ะที่ฉันอยากรู้”
ธีรธรงง
“ฉันแค่อยากรู้ความรู้สึกจริงๆ ของแก จะได้รู้ว่าฉันควรทำยังไงต่อไป”
ธีรธรดีใจ
“นี่อย่าบอกนะว่าแกจะหลีกทางให้ฉัน”
“เพ้อเจ้อ ฉันจะหลีกทางแกให้โง่ทำไม ในเมื่อคุณไศลาเขาก็ยังไม่ได้เลือกใคร แถมแกยังมีเรื่องที่บ้านอีกหลายด่าน บอกตรงๆ นะ คะแนนฉันได้เปรียบกว่าเยอะวะ”
นพรัชทำท่าข่มขำๆ ธีรธรส่ายหัวยิ้มๆ
“ฉันก็ยอมรับนะว่าแต้มต่อแกเยอะมาก แต่คนนี้ฉันก็สู้สุดใจเหมือนกันวะ”
เพื่อนรักทั้งสองมองตากันอย่างรู้ใจ และต่างพอใจที่ได้เคลียร์กันเพื่อความยุติธรรมของการแข่งขันหัวใจที่กำลังจะเกิดขึ้น ธีรธรเข้าไปกอดคอนพรัชแล้วเดินไปด้วยกัน
จบตอนที่ 5