เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 8
ที่ลานวัด บรรยากาศรำวงกำลังดำเนินไปอย่างคึกครื้น เสียงปืนจากการปะทะกันดังแว่วเข้ามา ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก สมิง ศรีนวล กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและคนอื่นๆ เริ่มเข้ามารวมตัวกันที่ลานกลางแจ้ง
“เสียงใครยิงกัน”
ชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“กำนันๆ”
“มีอะไร”
“พวกไอ้มเหศักดิ์มันยิงกับใครก็ไม่รู้ ที่ริมตลิ่งโน่น”
“ศรีไพรอยู่ไหน”
“นั่นซิ ศรีไพร ดาวแล้วก็บุญเหลือไม่ได้อยู่ในงาน”
“สมิงคิดว่า พวกไอ้มเหศักดิ์มันต้องมาชิงตัวศรีไพรแน่ๆ”
“งั้นก็แยกกัน สมิงกับศรีนวล ไปด้านโน้น ส่วนผู้ใหญ่ต้องกับพวกที่เหลือ ตามข้ามา”
น้อยและชาวบ้านบางส่วนซึ่งวิ่งไปหยิบปืนมาส่งให้กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและพวกชาวบ้าน จากนั้นทุกคนก็พากันแยกย้ายกัน
ที่ป่าใกล้หมู่บ้าน ดาว บุญเหลือ ศรีไพร กำลังต่อสู้อยู่กับบันลือ ดำ แดง แต่แล้วสักครู่ เถ้าแก่ชิ้นกับพวกลูกน้องก็พากันถือปืนเข้ามา ทำให้ฝ่ายของดาว บุญเหลือ ศรีไพร โย่งชะงัก และตกเป็นรองทันที
“เฮ้ย หยุด”
“อา เถ้าแก่นี่เอง”
“มากันทั้งพ่อทั้งลูกเลย ครอบครัวอบอุ่นดีนะ”
“ส่งตัวนังศรีไพรมา”
“ฝันกลางวันอีกแล้ว”
“ทำปากดี อยากตายใช่มั้ย”
เถ้าแก่ชิ้นจะยิงดาว แต่ศรีไพรเข้ามายืนขวางทางปืน ลูกน้องเถ้าแก่ชิ้นล้อมกรอบทุกคนไว้โย่งอาศัยช่วงชุลมุน หนีหายเข้าป่าไป”
“ถ้าอยากได้ตัวชั้น ต้องปล่อยดาวกับบุญเหลือไป” ศรีไพรบอก
“ไม่มีปัญหา”
“หนีไปก่อน” ศรีไพรหันไปบอกดาวกับบุญเหลือ
“ไม่ เราจะไม่ทิ้งกัน”
“ล่ำลากันพอแล้ว”
บันลือเข้าไปจับตัวศรีไพรแล้วดึงไปหาเถ้าแก่ชิ้น ดาวและบุญเหลือจะเข้าไปช่วยแต่ศรีไพรห้ามไว้
“อย่าดาว บุญเหลือ”
ศรีไพรห้ามดาวและบุญเหลือ แล้วหันไปหาเถ้าแก่ชิ้น
“เถ้าแก่ ปล่อยดาวกับบุญเหลือกลับไปก่อน ไม่งั้นชั้นจะไม่บอกในสิ่งที่เถ้าแก่ต้องการรู้”
“ก็ได้”
เถ้าแก่ชิ้นพยักหน้าให้ลูกน้องเปิดวงล้อม เพื่อให้ดาวและบุญเหลือออกไป
“รีบกลับไปซิ กลับไป” ศรีไพรบอก
จังหวะนั้นสมิง ศรีนวล ขวด เหิมและพวกลูกน้อง เดินเข้ามาบันลือหันไปเห็น
“ไอ้สมิง”
ศรีไพรอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังหันไปมองสมิง รีบสะบัดตัวหนี จากนั้นดาว บุญเหลือก็เข้ามาช่วยกันพาศรีไพรวิ่งหนีเถ้าแก่ชิ้น แล้วจากนั้นก็เกิดการยิงปะทะกัน
ดาว บุญเหลือ รีบพาศรีไพรไปสมทบกับสมิงและศรีนวล ขณะที่เถ้าแก่ชิ้น บันลือต่างช่วยกันระดมยิงไล่หลัง สมิงรีบออกไปช่วยด้วยการยิงสกัดไว้
“เร็ว”
ศรีนวลรีบออกไปรับตัวดาว บุญเหลือและศรีไพรมาเข้าที่กำบัง จากนั้นทุกคนต่างก็ช่วยกันยิงถล่มไปยังกลุ่มของเถ้าแก่ชิ้น บันลือและพวก
“พวกเราถอยก่อน”
พวกเถ้าแก่ชิ้นและบันลือถอย
อีกด้านหนึ่งเลอสรร จ่าสมหมายและตำรวจนอกเครื่องแบบ กำลังไล่ล่า กลุ่มมเหศักดิ์และลูกน้องซึ่งบัดนี้ กลุ่มของมเหศักดิ์และลูกน้องพากันหนีขึ้นมาบนฝั่ง เนื่องจากอยู่ในเรือสู้ไม่ค่อยถนัด
มเหศักดิ์วิ่งนำลูกน้องมาหลบอยู่ที่มุมต้นไม้มุมหนึ่ง เลอสรร จ่าสมหมายและตำรวจอื่นๆ พากันตามมาติดๆ แล้วเปิดฉากยิงต่อสู้กัน
กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและชาวบ้านพากันเข้ามาซุ่มดู
“นั่นคุณเลอสรรนี่”
“เป็นไงมาไงถึงมาเจอกับไอ้มเหศักดิ์ได้เนี่ยะ”
“ถ้าเข้าไปตอนนี้ พวกชาวบ้านอาจโดนลูกหลง บอกพวกชาวบ้านให้ซุ่มดูสถานการณ์ อย่าเพิ่งเข้าไป” ผู้ใหญ่ต้องส่งซิกให้ชาวบ้านหลบดูสถานการณ์ไม่ต้องไปต่อ “ผู้ใหญ่”
“ว่าไงกำนัน”
“ส่งใครไปบอกสมิงกับศรีนวลให้รีบหลบไปผาช่องลมเร็ว”
“ได้จ้ะ”
ผู้ใหญ่ต้องไปกระซิบกระซาบชาวบ้านคนหนึ่ง จากนั้นชาวบ้านคนนั้นก็หลบออกไป ขณะที่กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและชาวบ้านที่เหลือพากันเฝ้ามองการปะทะกันต่อไป
สมิง ศรีนวล ดาว บุญเหลือและลูกน้องคนอื่นๆ ต่างช่วยกันไล่ยิงพวกเถ้าแก่ชิ้นที่หนีแตกพ่ายไป สมิงรีบกลับมาเข้ากลุ่ม
“อย่าตามไปเลยศรีนวล”
“แต่โจรอย่างไอ้เถ้าแก่ชิ้น ถ้าปล่อยไว้ก็จะเหิมเกริมขึ้นทุกวัน”
“มันเป็นพวกมีอิทธิพล ต่อให้จับได้ก็เล่นงานมันไม่ได้”
“ทำไมล่ะสมิง คนทำผิดก็ต้องโดนลงโทษซิ”
“เถ้าแก่ชิ้นมันรู้จักคนใหญ่คนโต ไม่มีใครทำอะไรมันได้หรอก”
“นอกจากลูกปืน”
“ใช่ แต่วันนี้ยังไม่เหมาะ”
ทุกคนพากันกันเดินกลับ
ศรีไพร ขวด เหิมเดินมายังจุดที่เข่งนอนสลบอยู่ ศรีไพรหันไปคว้ากระติกน้ำจากเหิมมาราดใบหน้าของเข่ง เข่งฟื้นขึ้นมามองไปรอบๆ โย่งซึ่งหลบอยู่มุมหนึ่งรีบโผล่มาสมทบ
“ไอ้เข่งมันปล้ำศรีไพร จัดการมันเลย”
“เอายังไงศรีไพร”
“มันเป็นคนของสมิง คงต้องให้สมิงมาตัดสิน”
สมิงเดินเข้ามาพร้อม ศรีนวล ดาว บุญเหลือและคนอื่นๆ
“ข้าให้โอกาสคนผิดเพียงครั้งเดียว”
“แต่สมิงจะฆ่าชั้นไม่ได้นะ” เข่งบอกอย่างหวาดกลัว
“ทำไม”
“ชั้นเคยช่วยชีวิตสมิงไว้ สมิงจำไม่ได้เหรอ”
“เอ็งมีบุญคุณ เคยช่วยชีวิตข้าไว้ แต่ก็ทำความผิดซ้ำถึงสองครั้ง ข้าปล่อยเอาไว้ไม่ได้แล้ว” สมิงยกปืนขึ้นมาเล็งไปที่เข่ง เข่งรีบยกมือไหว้ “อย่า ชั้นไหว้ละ อย่าฆ่าชั้นเลย ศรีไพร ชั้นไหว้ละ อย่าทำชั้นเลย”
เข่งพยายามอ้อนวอน ขณะที่สายตาของสมิงนิ่งมากทำให้เข่งเริ่มรู้ตัวว่าต้องตายแน่ๆ แต่แล้วขณะที่สมิงกำลังจะลั่นกระสุน จู่ๆ ก็มีชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“สมิงๆ”
สมิงชะงักหันไปทางชาวบ้าน เป็นจังหวะที่เข่งได้โอกาสรีบวิ่งหนีหายเข้าป่า สมิงหันมาจะยิง แต่ศรีไพรมาห้ามไว้
“ปล่อยมันไปเถอะสมิง”
“ไอ้พวกงูเห่า เลี้ยงมันไว้ไม่ได้”
“แค่ให้มันออกจากผาช่องลม ก็คงไม่มีอะไรแล้ว”
สมิงยินยอม หันมาทางชาวบ้านที่วิ่งเข้ามาหา
“มีอะไร”
“กำนันให้มาส่งข่าวจ้ะ “
ชาวบ้านรายงานข่าวที่กำนันธงบอกมาให้สมิงและศรีนวลฟัง
เลอสรร จ่าสมหมายและตำรวจนอกเครื่องแบบ พากันยิงโต้ไปมากับกลุ่มของมเหศักดิ์ แล้วสักครู่เลอสรรก็จับได้ว่ากลุ่มของมเหศักดิ์กำลังล่าถอย เลอสรรรีบหันไปสั่งลูกน้อง
“พวกมันกำลังหนี พวกเราลุย”
เลอสรร จ่าสมหมายและตำรวจนอกเครื่องแบบ บุกเข้าไปยังฝ่ายตรงข้าม ทำให้ฝ่ายของมเหศักดิ์แตกกระจัดกระจายแล้วพากันหนีเข้าไปในป่า เลอสรร จ่าสมหมายและตำรวจพากันแยกย้ายติดตามไป
กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและชาวบ้าน ที่ยังซุ่มมองเหตุการณ์อยู่
“ตำรวจไม่ชำนาญป่า แบบนี้เสียเปรียบพวกมันแน่”
“งั้นผู้ใหญ่ไปช่วยพวกตำรวจทางโน้น พวกที่เหลือตามข้ามา”
กำนันธงแยกกับผู้ใหญ่ต้อง นำพวกชาวบ้านไปช่วยตำรวจ
จ่าสมหมายและพวกตำรวจพากันวิ่งตามพวกโจร แล้วยิงปะทะกัน สักครู่ผู้ใหญ่ต้องและพวกชาวบ้านก็เข้ามาสมทบกับจ่าสมหมาย
“อ้าว ผู้ใหญ่”
“ชั้นพาพวกชาวบ้านมาช่วย”
“ด้วยความยินดี”
จ่าสมหมายและผู้ใหญ่ต้อง ต่างช่วยกันยิงปะทะและตามพวกโจรไป
มเหศักดิ์วิ่งเข้าไปในป่า อาศัยความชำนาญ วิ่งซิกแซกไปมา เลอสรรตามมาติดๆ แต่แล้วมเหศักดิ์ก็หายไป เลอสรรหันไปทางตำรวจที่ติดตามมา
“แบ่งกำลังตามมันไป จับตายถ้าจำเป็น”
ตำรวจพากันแยกย้ายกันออกตาม ขณะที่เลอสรรและนายตำรวจอีกคนเดินแยกไป
เลอสรรและตำรวจติดตาม เดินตามหามาตามทาง แต่แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น นายตำรวจที่ติดตามล้มลงขาดใจตาย เลอสรรหันขวับไปที่ทิศทางการยิงแล้วพบว่าเป็นมเหศักดิ์นั่นเอง ทั้งคู่ต่างจ้องปืนคุมเชิงกันและกัน
“มอบตัวซะดีๆ มเหศักดิ์”
“ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอครับ ท่านรอง”
“ยังไงแกก็ไม่รอดแน่”
ทั้งคู่จ้องตากัน หากใครเผลอเพียงเสี้ยววินาที อาจถึงตายและแล้วสักครู่ ต่างฝ่ายต่างก็ลั่นกระสุนดวลปืนใส่กัน มเหศักดิ์ก็พุ่งตัวเข้าหลบกำบังต้นไม้ ขณะที่เลอสรรรีบพุ่งตัวเข้าชาร์จพยายามจับกุมแต่มเหศักดิ์ปัดป้องทำให้ปืนของทั้งคู่หล่นกระเด็นไป ทั้งคู่ตะลุมบอนไม่มีใครยอมใคร
กำนันธงและชาวบ้านพากันเข้ามากำนันธงยิงปืนขึ้นฟ้า เพื่อข่มขู่
“เฮ้ย หยุด”
มเหศักดิ์ชะงักเมื่อเห็นกำนันธงและพวก จึงรีบถอยหนีและหายเข้าป่าไป เลอสรรรู้สึกไม่พอใจที่กำนันธงเข้ามายุ่งทำให้มเหศักดิ์หนีรอดไปได้
“คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
“กำนันไม่น่าเข้ามา”
“ผมแค่จะมาช่วย”
“ผมกำลังจะจับมันได้อยู่แล้วนี่ถ้าไม่ใช่กำนัน ผมคงคิดว่าเป็นพวกเดียวกับโจรแน่”
เลอสรรมองหน้ากำนันธงด้วยความไม่พอใจ ขณะที่กำนันธงเองก็รู้สึกโกรธที่โดนกล่าวหา
เลอสรร จ่าสมหมายและตำรวจนอกเครื่องแบบคนอื่นๆ ยืนอยู่ต่อหน้ากำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง น้อย และชาวบ้านทุกคน
“วันนี้ที่บ้านเรามีงาน ชาวบ้านก็เลยมารวมตัวกันที่นี่” ผู้ใหญ่ต้องบอก
“แต่ข่าวที่ผมได้ยินมา มันไม่ใช่แค่ชาวบ้าน ใช่มั๊ยกำนัน”
“คุณเป็นตำรวจ ถ้ารู้อะไรก็บอกมาเลยดีกว่า”
“สมิงอยู่ไหน”
เลอสรร เดินมองสำรวจไปที่ชาวบ้านทุกคน ชาวบ้านได้แต่ก้มหน้า หลบสายตา กลัวจะโดนถามเรื่องสมิง
“มีใครเห็นสมิงหรือเปล่า บอกผมมาหน่อย” เลอสรรถามชาวบ้าน
“สมิงไม่อยู่หรอกครับ”
ผู้ใหญ่ต้องบอก
“แต่ผมได้ยินมาว่า ทุกปีสมิงจะมางานวันเกิดของลูกสาวกำนันธง ไหนบอกผมมาซิว่าเป็นเรื่องจริงใช่มั้ยกำนัน”
“ข่าวที่คุณได้ยินมาคงผิดแล้ว จะมีโจรที่ไหนกล้ามาในงาน บ้านลานเทต้อนรับเฉพาะคนดีเท่านั้นครับ”
“เรื่องนี้ผมยืนยันได้ คนลานเทไม่มีนักเลงหัวไม้ ถึงที่นี่จะเป็นบ้านป่าแต่ก็ไม่ใช่รังโจร”
“แล้วลูกสาวกำนันธงเจ้าของงานวันเกิดอยู่ที่ไหน” กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง และคนในหมู่บ้านต่างมองหน้ากันนิ่งๆ แต่ไม่มีใครตอบออกมา “ได้ยินที่ผมถามมั๊ยครับ ลูกสาวกำนันธงอยู่ที่ไหน”
“คุณจะพบกับศรีนวลมันทำไม”
“ผมต้องการสอบปากคำ ได้ข่าวมาว่ามีคนของสมิงมาอาศัยอยู่ที่นี่”
กำนันธงกับผู้ใหญ่ต้องอึกอักเล็กน้อย พยายามคิดหาทางออก
“คนไหนครับ ผมไม่เห็นมีใครแปลกหน้าซักคน”
“ใช่จ้ะ บ้านลานเทเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ใครแปลกหน้าเข้ามาก็ต้องรู้กันหมด”
“ถ้างั้นผมขอสอบปากคำพวกชาวบ้านหน่อย”
“ตามสบายครับ”
กำนันธงพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้แสดงพิรุธอะไร จากนั้นก็พยักหน้าตกลง
เลอสรร จ่าสมหมาย และตำรวจนอกเครื่องแบบเดินมาลงเรือเตรียมตัวกลับ โดยมีกำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง และพวกชาวบ้านพากันมาส่ง
“ยังไงผมต้องขอบคุณกำนันกับพวกชาวบ้านที่ให้ความร่วมมือกับผม”
“ผมก็ต้องขอโทษคุณเลอสรรด้วย ที่ไม่สามารถพาตัวลูกสาวผมมาได้ แต่ข้อมูลทุกอย่างที่ผมให้ไป มันก็คือสิ่งที่เชื่อถือได้”
“แสดงว่าข่าวเรื่องกำนัน กับลูกสาวไปชิงตัวคนของสมิงมาจากโจรมเหศักดิ์ไม่ใช่ข่าวจริง”
“คุณก็ได้ยินชาวบ้านยืนยันแล้วนี่ครับว่าไม่มีคนของสมิงมาอยู่ที่ลานเท”
“ถ้างั้นกำนันคิดว่า ไอ้โจรมเหศักดิ์ กับพวกมันมาทำอะไรวันนี้”
“เรื่องนี้ผมคงให้คำตอบคุณไม่ได้ เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เรือพร้อมแล้วครับ ท่านรอง” จ่าสมหมายบอก
“แล้วผมจะกลับมาใหม่”
“ลานเทเป็นของคุณ ที่ดินแถวนี้พวกเราคือผู้อาศัย คุณจะมาเมื่อไหร่ก็ได้”
“เอ้อ...ชั้นกับผู้กองระพี ต้องขอโทษกำนัน กับผู้ใหญ่ด้วยที่ เอ้อ....เคยมาสืบราชการลับที่นี่” จ่าสมหมายบอก
“ทีหลังก็บอกกันตรงๆ ดีกว่า เรามันคนบ้านนอก ไม่ชอบถูกหลอก”
“จ้ะๆ”
“งั้นผมลา”
เลอสรร จ่าสมหมาย และพวกพากันลงเรือ แล้วแล่นออกไป ผู้ใหญ่ต้องถอนหายใจแล้วหันมาหากำนันธง
“โชคดีนะที่ชาวบ้านเราหัวไว ไม่งั้นโดนสอบจนมุมแน่”
“ต่อไปคงต้องเตือนสมิงระวังตัวให้มากขึ้น โดนทั้งตำรวจ โดนทั้งโจร ไม่รู้ชีวิตมันจะลงเอยยังไง”
“เมื่อไหร่สมิงมันจะหมดเวรหมดกรรมซักทีก็ไม่รู้”
ทุกคนพากันเดินกลับไปยังหมู่บ้าน
ดาว บุญเหลือพากันยืนแอบมองเรือแล่นออกไปอยู่ที่ป่าริมน้ำ สักครู่สมิง ศรีนวลและศรีไพรก็พากันเดินเข้ามาสมทบ
“ไปกันหมดแล้ว”
“ความจริง ไม่เห็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ เลอสรรมันมาถึงถิ่นแบบนี้ ควรจะจัดการให้มันเด็ดขาดไปเลย”
“ถ้าทำแบบนั้น คนที่เดือดร้อนก็คือชาวบ้านลานเททุกคน สมิงก็รู้ว่าเขาคือเจ้าของที่ดิน”
“ก็ได้สมิงสัญญาว่าจะไม่ทำให้คนลานเทเดือดร้อน”
“นี่มีเรื่องอะไรกันจ้ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“นั่นซิ ท่านรองเลอสรรเป็นคุณพ่อของคุณเดือนด้วยใช่มั้ยครับ”
“ใช่ เขาคือพ่อของคุณเดือน คุณเกียรติกล้า แล้วก็...”
ศรีนวลหันมาทางดาว เหมือนจะพูดว่าเป็นพ่อของดาว แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
“แล้วก็อะไรจ้ะแม่”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ลูกสองคนไม่ต้องรับรู้จะดีที่สุด”
“จ้ะแม่ ไม่รู้ก็ดีเหมือนกัน”
“ศรีไพรแข็งแรงดีหรือยัง”
“ยังไงก็เดินทางกลับผาช่องลมได้ละกันสมิง”
“ถ้างั้นก็กลับกันเลยดีกว่า”
“รักษาตัวนะศรีไพร อย่าเพิ่งทำอะไรหนักๆประเดี๋ยวแผลจะอักเสบเรื้อรัง”
“ขอบคุณศรีนวลมากที่ดูแลชั้นเป็นอย่างดี ลาทุกคนนะจ้ะ”
“ฝากลาลุงกำนัน น้าผู้ใหญ่ด้วย”
ศรีไพร สมิงพากันเดินไป ศรีนวล ดาว บุญเหลือมองตาม
เข่งวิ่งหนีมาในป่าล้มลุกคลุกคลานด้วยความหวาดผวาเนื่องจากกลัวสมิงตามมาฆ่า เข่งวิ่งมาหลบพักเหนื่อยอยู่ที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าอยู่ท่ามกลางวงล้อมของมเหศักดิ์และลูกน้อง เข่งตกใจกลัวโดนยิงตาย
“อย่ายิงๆ”
“เอ็งเป็นใคร”
“ชั้นเข่ง อย่ายิงชั้นเลยจ้ะ”
“เอ็งมาจากไหน”
“เอ้อ คือว่า...”
ดำ แดง บันลือ เถ้าแก่ชิ้น และพวกพากันเดินมา ดำเห็นเข่งก็จำได้
“มันเป็นพวกไอ้สมิง”
“มะ ฉันเก็บมันเอง” แดงเดินเข้ามาจะยิง แต่มเหศักดิ์ห้ามไว้
“เดี๋ยว ไอ้นี่มันน่าจะมีประโยชน์กับเรา”
“ใช่ ชั้นเห็นมันมีเรื่องกับนังศรีไพร นี่คงโดนสมิงไล่ฆ่ามาใช่มั๊ย” บันลือถาม
“จ้ะ ชั้นกลับผาช่องลมไม่ได้แล้วจ้ะ สมิงฆ่าชั้นแน่นอน ขอชั้นอยู่ด้วยนะพี่ ให้ชั้นทำอะไรชั้นทำได้ทุกอย่าง”
“แม้แต่ฆ่าไอ้สมิง”
“จ้ะ ถ้ามีโอกาส ชั้นแก้แค้นมันแน่”
“ไอ้นี่มันงูเห่า แว้งกัดได้แม้กระทั่งเจ้านายเก่าของมัน” เถ้าแก่ชิ้นพูดกับบันลือ บันลือจึงกระซิบตอบ
“แต่มันรู้ทางเข้าผาช่องลมนะเตี่ย”
“เออ...จริง มเหศักดิ์รับมันไว้ก็แล้วกัน”
“เอาล่ะ คนเลวอย่างเอ็งข้าจะลองเลี้ยงดู แต่อย่ามาทำเล่นกับไอ้นี่ก็แล้วกัน”
มเหศักดิ์ยิงเปรี้ยงเข้าไปที่ต้นไม้ข้างๆ ตัวเข่ง เพื่อเป็นแสดงความเฉียบขาดให้รู้แต่แรก เข่งตกใจตัวสั่น
วันต่อมาภายในห้องประชุมของกรมตำรวจมีตำรวจจำนวนหนึ่งกำลังเตรียมพร้อมประชุมกันอยู่ จ่าสมหมายกำลังนั่งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ระพีฟังอย่างออกรสชาติ
“พวกเราแค่ล่องเรือไป ยังไม่ทันขึ้นฝั่งเลยก็ปะทะกับไอ้พวกมเหศักดิ์”
“โจรมเหศักดิ์จริงๆ เหรอ”
“ใช่ ตัวจริงเสียงจริง แค่เห็นแว่บเดียวผมก็จำมันได้”
“พวกมันต้องการอะไรหรือว่าจะมาชิงตัวคนของสมิง”
“อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันผู้กอง”
“เอ้อ...แล้วมีใครเป็นอะไรมั้ย”
ระพีอยากถามถึงดาว แต่ไม่กล้าพูดตรงๆ ขณะที่จ่าสมหมายรู้ทันแต่แกล้งพูดยั่ว
“ใครของผู้กองน่ะ หมายถึงใคร”
“ดาวคงไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
“ฮื้อ...จ่าก็ อันนี้ไม่รู้เหมือนกันนะ เพราะว่าตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนกลับไม่เจอหน้าดาวเลย ไม่รู้ไปไหน”
“หรือว่าบาดเจ็บ”
“อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“โธ่...จ่า ทำไมไม่ดูให้ผมหน่อยล่ะ เป็นไงบ้างก็ไม่รู้”
“อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เลอสรรเดินเข้ามาด้านหลังจ่าสมหมาย
“วันนี้เราจะมาสรุปงานกันในเรื่องปฏิบัติการณ์ที่ลานเทเมื่อวันก่อนโอเคนะ” เลอกสรรบอก
“อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน แบบว่า...” จ่าสมหมายบอก แต่นึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่เสียงระพี “เฮ้ย...”
จ่าสมหมายหันไปดูต้นเสียงก็พบว่าเป็นเลอสรร
“จ่ามีปัญหาอะไร”
“ปะ เปล่าครับ ไม่มีปัญหาอะไรเลย แหะๆ”
“เอาละ เราเริ่มประชุมกันได้ คิดว่าทุกคนคงได้อ่านรายงานสรุปเหตุการณ์กันแล้ว ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วเราจะไม่เจอสมิงกับพวกที่ลานเท แต่ไอ้มเหศักดิ์และเถ้าแก่ชิ้นก็เป็นโจรก๊กสำคัญที่เราจะปล่อยไว้ไม่ได้ฉะนั้นระหว่างที่รอข้อมูลเรื่องผาช่องลม ผมอยากจะวางแผนจัดการกับไอ้มเหศักดิ์กับเถ้าแก่ชิ้นซะก่อน”
วันต่อมาที่บ้านท่านผู้ว่าทรงยศ ระพีกำลังนั่งคุยอยู่กับเดือน
“เหตุการณ์ที่ลานเทวันนั้น ได้ยินมาว่ามีคนโดนยิงหลายคนเหมือนกันครับ”
“มีใครบ้างคะ คุณระพีพอจะรู้หรือเปล่า”
“ถ้าหมายถึงดาว บุญเหลือ แม่ศรีนวลละก็ ผมไม่แน่ใจครับ รู้แต่ว่ามีคนบาดเจ็บแน่นอน”
“เดือนเป็นห่วงคนที่นั่นยังไงไม่รู้คะ”
“ผมเองก็เหมือนกัน”
“ถ้างั้นเราไปกันเถอะ”
“ครับ ผมรู้ว่าเดือนหมายถึงอะไร”
ระพีและเดือนพากันเดินออกจากห้องไป
ระพีพาเดือนมาที่รถของระพีซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน ขณะที่กำลังจะขึ้นรถ สร้อยเพชรซึ่งเดินเล่นอยู่แล้วนั้นก็รีบเข้ามาทัก
“จะไปไหนกันจ้ะวันนี้”
“เอ้อ...คือ ไป...”
“ไปไหน”
“ไปวัดค่ะคุณแม่ วันนี้เดือนกะจะชวนคุณระพีไปทำบุญที่วัดกันค่ะ คุณแม่จะไปด้วยกันมั้ยคะ”
“เอ้อ ไม่ดีกว่า แม่ไม่ค่อยถนัดเรื่องพระเรื่องเจ้า”
“แต่เดือนอยากให้คุณแม่ไปเป็นเพื่อนจัง”
“ไม่เอา ถ้าไปวัดแม่ไม่ไป เดือนไปกับคุณระพีเหอะ”
“งั้นผมไปนะครับ”
เดือนและระพีพากันเดินขึ้นรถแล้วขับออกไป สร้อยเพชรยืนโบกมือยิ้มมีความสุขที่เห็นเดือนกับระพีดูท่าจะไปกันได้ดี
บ้านกำนันธง ดาวกำลังจูงจักรยานมาจอดรอ ศรีนวลและน้อยช่วยกันหิ้วปิ่นโตลงมาจากบ้านมาหาดาว
“ปิ่นโตเนี่ยะ เป็นของตากับน้าผู้ใหญ่ ส่วนอันนี้เป็นของบุญเหลือ แล้วก็ของพวกนี้แบ่งๆ ให้ชาวบ้านที่มาช่วยลงแขกเกี่ยวข้าวกัน”
“จ้ะแม่ แล้วนี่แม่จะซ้อนจักรยานไปกับดาวหรือเปล่า”
“ยังไม่ไป แม่เคี่ยวมัสมั่นไว้ ประเดี๋ยวบ่ายๆ จะเอาไปส่งเอง ดาวล่วงหน้าไปก่อนเถอะ”
“จ้ะแม่”
ดาวขี่จักรยานลำเลียงปิ่นโตออกไป ศรีนวลขึ้นบ้านไป
ท่าเรือบ้านลานเทพมีเรือโดยสารหางยาวลำหนึ่งแล่นมาจอด ระพี เดือนพากันเดินขึ้นมาที่ท่าน้ำ
“ในที่สุดเดือนก็ได้กลับมาที่ลานเทอีกครั้ง”
“ครับ งั้น เรารีบไปที่บ้านกำนันธงกันก่อนดีกว่า”
“เดี๋ยวขอเดือนเก็บดอกไม้แถวนี้ไปฝากแม่ศรีนวลก่อน” เดือนเก็บดอกไม้ข้างทาง จากนั้นระพีและเดือนพากันเดินไปยังบ้านกำนันธง แต่แล้วเดือนหันไปเห็นดาวที่กำลังขี่จักรยานผ่านมา “คุณระพีคะ นั่น...ดาวนี่คะ”
ดาวมองเห็นระพีกับเดือนเดินเคียงคู่กันมาก็ชะงัก หยุดรถจักรยานมอง
“ดาว”
“คุณมาทำไม” ดาวถามเสียงห้วน
“ผมมาหา...”
ระพีพูดยังจบ ดาวก็รีบขี่จักรยานหนีไปทันที
“เดี๋ยวซิ ดาว จะไปไหน”
“ดาว อย่าเพิ่งไป ดาว”
ดาวขี่จักรยานหนีไป ระพีและเดือนวิ่งตาม เดือนหันไปเห็นจักรยานของชาวบ้านจอดอยู่
“คุณระพีคะ จักรยาน”
ระพีคว้าจักรยานมาขี่แล้วรีบตามดาวไป เดือนยืนมองระพีลุ้นให้ตามให้ทัน
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ดาวปั่นรถจักรยานหนีระพีไปตามทาง ระพีปั่นเร่งขึ้นมาใกล้ๆ
“ดาว หยุดคุยกันก่อน จะไปไหน”
“อย่ามายุ่งกับชั้น ไปให้พ้น”
“ไม่ เราสองคนต้องคุยกันก่อน”
“ไม่คุย เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว”
“หยุด บอกให้หยุด”
ระพีปั่นจักรยานไปตีคู่แล้วพยายามจับดาวไว้ ทำให้รถของทั้งคู่ล้มลงไปข้างทาง ดาวรีบลุกขึ้นมาแต่โดนระพีจับตัวเอาไว้ได้
“ปล่อยนะ ปล่อยชั้น”
“ผมจะไม่ปล่อย จนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ไม่ ปล่อย”
ดาวพยายามดิ้นรน แต่ระพีกอดรัดเอาไว้แน่น
อีกมุมหนึ่งของบ้านลานเท บุญเหลือและกลุ่มชาวบ้านซึ่งพักกลางวันจากการช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าว กำลังเดินมาตามทาง บุญเหลือหันไปเห็นเดือน ซึ่งเดินตามหาระพีกับดาวอยู่ บุญเหลือจึงรีบเข้าไปหาด้วยความดีใจ
“บุญเหลือ”
“นี่ผมฝันไปหรือเปล่า”
“กำลังจะไปไหนกันเหรอ”
“พอดีไปช่วยชาวบ้านลงแขกเกี่ยวข้าวมาน่ะ แต่ตอนนี้พักกินข้าว ไม่รู้ว่าดาวไปเถลไถลอยู่ที่ไหน ป่านนี้ยังไม่เอาข้าวมาส่ง”
“ดาวขี่จักรยานหนีไปทางนี้”
“หนี หนีใคร”
“หนีคุณระพี”
“ระพี”
บุญเหลือรีบวิ่งไปยังทิศทางที่เดือนบอก ทำให้เดือนงุนงงไม่เข้าใจว่าบุญเหลือกำลังจะทำอะไร
ระพีพยายามกอดดาวเอาไว้ ไม่ให้ดาวหนีไปไหน ทำให้ดาวพยายามดิ้นรน ต่อสู้ แต่ก็สู้แรงของระพีไม่ได้
“ปล่อยชั้นนะ ปล่อย”
“ไม่ปล่อย”
“ชั้นบอกว่าปล่อย”
กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง และชาวบ้าน สองสามคน เดินเข้ามาหยุดมอง
“ปล่อยหลานผมเดี๋ยวนี้นะ คุณระพี”
ระพีชะงักหันมามอง เมื่อเห็นกำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง และชาวบ้านยืนมองด้วยสายตาดุดัน ก็ค่อยๆ ปล่อยดาวออกจากอ้อมแขน ดาวรีบหนีไปยืนข้างกำนันธง
“สวัสดีครับ กำนัน ผู้ใหญ่”
“คุณมาที่นี่อีกทำไม”
“คือผม...ต้องการมาปรับความเข้าใจกับดาวน่ะครับ”
“แต่หลานผมไม่มีอะไรจะต้องคุยกับคุณ ปล่อยพวกเราอยู่ตามประสาคนบ้านนอกเถอะครับผู้กอง เราไม่
อยากตกเป็นเครื่องมือของใครอีก”
“แต่ว่าทุกคนกำลังเข้าใจผมผิด คือว่าผม...”
“พอเถอะคุณระพี ไม่มีใครอยากฟังเรื่องโกหกของคุณอีกแล้ว แค่ที่คุณหลอกตาชั้น หลอกแม่ศรีนวล หลอกน้าผู้ใหญ่ แล้วก็หลอกพวกเราทั้งหมู่บ้าน มันก็เกินพอแล้ว ชั้นไม่อยากฟังเรื่องอะไรจากคุณอีก”
บุญเหลือวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นระพี บุญเหลือก็ตรงเข้าไปชกเปรี้ยง
“ไอ้ระพี”
ระพีโดนชกเซล้มลงไป เดือนรีบวิ่งเข้ามาประคองระพีขึ้นมา
“นี่มันอะไรกันคะ ทำไมต้องทำร้ายร่างกายกันด้วย”
“คุณเดือนหลีกไป นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับไอ้ระพี”
“มีเรื่องอะไรกัน ทำไมไม่พูดกันดีๆ”
“ผมจะไม่มีวันพูดดีกับคนที่ทำให้น้องผมเสียน้ำตาเด็ดขาด”
บุญเหลือพุ่งเข้าไปจะชกระพีอีก แต่ดาวดึงรั้งบุญเหลือเอาไว้
“พอเถอะพี่บุญเหลือ เรื่องนี้ดาวผิดเอง ดาวมันโง่ที่แอบชอบคนที่มีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว ดาวขอโทษค่ะคุณเดือนที่ไม่รู้มาก่อนว่าคุณสองคนหมั้นกันแล้ว”
บุญเหลือนิ่งอึ้ง ช็อก เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขารู้ว่าเดือนกับระพีเป็นคู่หมั้นกัน
“อะไรนะ คุณเดือนเป็นคู่หมั้นกับนายระพี”
“ค่ะ เราเป็นคู่หมั้นกัน เพียงแต่ว่า...”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ ไม่จริงๆ”
บุญเหลือรับความจริงไม่ได้จึงวิ่งหนีไปโดยไม่สนใจที่จะฟังต่อ เดือนสะเทือนใจที่เห็นสภาพของบุญเหลือ เธอรู้สึกผิด ขณะที่ดาวรู้สึกเป็นห่วงบุญเหลือเช่นกัน
“พี่บุญเหลือๆ”
ดาววิ่งตามบุญเหลือไป เดือนน้ำตาคลอ
“ทำไมเป็นแบบนี้ เดือนไม่ทันได้อธิบายอะไรเลย”
ระพีและเดือนจะวิ่งตามแต่ กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง และชาวบ้านขวางเอาไว้
“อย่าตามไปเลยครับผู้กอง ผมขอ”
สายตาของกำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง และชาวบ้านดูจริงจัง ขึงขัง ทำให้ระพีและเดือนต้องจำยอมปล่อยดาว และบุญเหลือไปโดยไม่ติดตาม
กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและชาวบ้าน กำลังยืนส่งระพีและเดือนลงเรือ
“สำหรับคุณระพี ถ้าไม่จำเป็นอย่ากลับมาที่นี่อีก แต่สำหรับคุณหนูเดือนในฐานะหลานเจ้าของที่ดิน เราคงห้ามอะไรคุณหนูไม่ได้”
“แต่ทุกคนกำลังเข้าใจเราผิดนะคะ คือว่า...”
“พอเถอะครับคุณหนูเดือน อย่าให้เรื่องมันวุ่นวายไปกว่านี้เลย เท่านี้หลานผมสองคนมันก็เจ็บปวดมากพอแล้ว”
“เรือพร้อมแล้วครับ”
ท่าทีของทุกคนทำให้เดือนและระพีจำยอมต้องลงเรือโดยว่าง่าย
“เอาเถอะครับ ไม่ว่าจะยังไง ผมก็หวังไว้ว่าสักวัน ทุกคนจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด”
ระพีและเดือนลงเรือ จากนั้นคนขับก็ขับเรือออกไป กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและพวกชาวบ้านมองตามไป
มุมหนึ่งของบ้าน บุญเหลือนั่งซึมอยู่ในเงามืด น้ำตาคลอ ข้างๆ กันก็เห็นดาวนั่งน้ำตาซึมเช่นกัน ศรีนวลเดินเข้ามาหยุดมองลูกสองคนด้วยความห่วงใย
“ทำไมไม่มีใครบอก ว่าคุณเดือนเป็นคู่หมั้นของไอ้ระพี”
“ชั้นขอโทษจ้ะพี่บุญเหลือ ที่ชั้นไม่บอกพี่ก็เพราะว่าชั้นไม่อยากให้พี่เสียใจ”
“ที่เค้าพูดกันว่าคนกรุงเทพฯไว้ใจไม่ได้ ชั้นก็เพิ่งเข้าใจวันนี้เอง”
“ดีแล้วหล่ะที่รู้ความจริงกันซะตั้งแต่วันนี้ ต่อไปเราจะได้ตาสว่าง ไม่โดนใครหลอกอีก ถ้าจะร้องไห้ ก็ร้องซะให้พอ แล้วต่อไปลูกของแม่จะได้ไม่ต้องร้องไห้กับเรื่องนี้อีก”
บุญเหลือและดาวโผเข้ากอดศรีนวล แล้วร้องไห้ โดยมีศรีนวลคอยปลอบโยน
รถของระพีแล่นขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านท่านผู้ว่าทรงยศ เดือนนั่งน้ำตาซึม พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล เช่นเดียวกับระพีซึ่งก็รู้สึกสะเทือนใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
“เดือนไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่มีใครยอมฟังเราอธิบายบ้างเลยคะคุณระพี”
“บางทีอาจเป็นความผิดของผมก็ได้ ผมเคยหลอกพวกเค้าตอนที่ปลอมไปเป็นสายสืบ พวกชาวบ้านเลยไม่ไว้ใจอีก”
“แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย ดาวกับบุญเหลือก็พลอยเป็นไปด้วย”
“ให้เวลาพวกเค้าอีกหน่อยเถอะครับ สักวันผมจะกลับไปอธิบายเรื่องทั้งหมดให้พวกเค้าฟัง”
“ถ้าคุณระพีไปคนเดียว เดือนกลัวว่าจะเป็นอันตรายนะคะ ยังไงให้เดือนไปด้วย อย่างน้อยชาวบ้านก็ยังเกรงใจเดือนบ้าง”
“ครับ ถ้าผมไปเมื่อไหร่ ผมจะบอกคุณเดือน เข้มแข็งไว้นะครับ แล้วอย่าให้ใครรู้ ไม่อย่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ของเดือนจะเป็นห่วง”
“ค่ะ เดือนจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง”
“แล้วเจอกันอีกนะครับ”
เดือนลงจากรถแล้วระพีก็ขับรถออกไป สร้อยเพชรเดินออกมาจากบ้านมารับเดือน
“ไงลูก วันนี้ไปเที่ยวไหนมาบ้าง สนุกไหม”
เดือนรีบปาดน้ำตาทำตัวเข็มแข็ง ร่าเริง
“สนุกค่ะแม่ คุณระพีพาไปเที่ยวสวนสนุกหลายแห่ง”
เดือนและสร้อยเพชรเดินคุยกันเข้าไปข้างในบ้าน
วันต่อมาที่กรมตำรวจ ที่ห้องทำงานเลอสรร เลอสรรกำลังต้อนรับรัฐมนตรีภาณุซึ่งมาปรึกษาเรื่องระพี
“ระยะหลังนี่ ผมสังเกตดูเจ้าระพีไม่รู้เป็นยังไง ท่าทางเศร้าๆ ซึมๆ ชอบกล”
“นั่นซิครับ ยายเดือนก็เหมือนกัน ท่าทางดูแปลกๆ เศร้าเหมือนกันเลย”
“หรือว่าจะทะเลาะกัน”
“แต่ผมสอบถามทางยายเดือนแล้ว เค้าก็ยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะกับผู้กอง ผมเลยไม่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากเรื่องอะไรกันแน่”
“หรือจะเป็นเรื่องงาน เพราะลูกชายผมมันเคยโวยวายเรื่องที่ผมไม่อยากให้ไปทำงานเสี่ยงอันตรายหรือท่านรองว่าไง”
“ถ้าถามผมในฐานะผู้บังคับบัญชา ผู้กองระพีเป็นคนหนุ่มมีฝีมือ แล้วถ้าหากไปขีดเส้นให้ทำแต่งานธุรการ ก็ย่อมอึดอัดเป็นธรรมดา”
รัฐมนตรีภาณุตัดสินใจได้ในที่สุด
“ก็ได้ท่านรอง ต่อไปผมจะไม่เข้ามายุ่งในเรื่องงานของเค้าอีก”
“ผมว่ามันเป็นทางออกที่ดีครับ”
“ก็ได้ครับ แต่ผมอยากให้ท่านรองดูแลเรื่องความปลอดภัยของลูกผมเป็นพิเศษ จะเป็นไปได้มั้ย”
“ได้ซิครับ ไม่มีปัญหา”
รัฐมนตรีภาณุยิ้มพอใจ
รถตู้ของเถ้าแก่ชิ้นกำลังแล่นมาตามทาง ภายในรถมีเข่งเป็นคนขับรถ เถ้าแก่ชิ้นนั่งคู่กับมเหศักดิ์ ที่ข้างถนน สายของเถ้าแก่ชิ้นคนหนึ่งแต่งตัวมิดชิด ปิดหน้าปิดตายืนรออยู่ริมถนน สักครู่ก็เห็นรถตู้เถ้าแก่ชิ้นแล่นมาจอดรับ สายสืบขึ้นรถแล้วเข่งรีบขับรถออกไป
ภายในรถสายสืบกำลังรายงานข่าวให้เถ้าแก่ชิ้นและมเหศักดิ์รู้
“ลื้อมีข่าวอะไร ถึงได้เรียกอั๊วะออกมาด่วนแบบนี้”
“มีข่าวว่าวันนี้ ตำรวจจะมาที่บ้านเถ้าแก่ครับ”
“อะไรนะ ตำรวจจะมาที่บ้านอั๊วทำไมวะ” เถ้าแก่ชิ้นตกใจ
“ไม่ใช่ตำรวจพื้นที่ครับเถ้าแก่ พวกนี้มาจากกองปราบครับ”
“ใครเป็นผู้บังคับบัญชา”
“ท่านรองเลอสรรครับ”
เถ้าแก่ชิ้นและมเหศักดิ์เริ่มหนักใจ
รถตำรวจแล่นมาจอดใกล้บ้านเถ้าแก่ชิ้น ระพีและตำรวจจำนวนหนึ่งลงจากรถ จากนั้นก็กระจายกำลังกันปิดล้อมพื้นที่ ระพีสังการพวกตำรวจสักครู่ก็เข้ามาหาเลอสรร ซึ่งแอบซุ่มอยู่กับจ่าสมหมายที่มุมหนึ่ง
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ ผู้กอง”
“พวกเราปิดล้อมพื้นที่ไว้หมดแล้วครับ มีคำสั่งให้บุกเมื่อไหร่ก็พร้อมปฏิบัติได้ทันทีครับ”
“สายรายงานว่าตอนนี้มเหศักดิ์กับเถ้าแก่ชิ้นไม่อยู่บ้าน ผมอยากให้รอสองคนนี่กลับมาก่อน จะได้ถอนรากถอนโคนทีเดียว”
บันลือและแดง เดินออกมาเตรียมขึ้นรถเหมือนจะออกไปข้างนอก
“ท่านรองครับ ที่บ้านมีความเคลื่อนไหวครับผม”
เลอสรรหยิบกล้องส่องทางไกลมาดูความเคลื่อนไหว
“บันลือกำลังจะออกไปข้างนอก”
“เอาไงดีครับท่านรอง ถ้าพวกมันออกไปเสียก่อน เราเสียเที่ยวแน่”
“สั่งพวกเราเตรียมพร้อม ได้ยินสัญญาณเมื่อไหร่ก็บุกเลย”
ระพีหันไปหยิบวิทยุสื่อสารมาสั่งการ
บันลือและแดงเดินมาที่รถ สักครู่ดำก็วิ่งออกจากบ้านมาส่งข่าว
“พี่บันลือ”
“เถ้าแก่โทรมา บอกมีธุระด่วน”
บันลือลงจากรถรีบเข้าไปในบ้าน บันลือเดินมารับโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
เถ้าแก่ชิ้นโทรศัพท์อยู่อีกที่หนึ่ง
“บันลือ ลื้อรีบออกจากบ้านเร็ว”
“มีอะไรเตี่ย”
“พวกสายตำรวจส่งข่าวมา วันนี้จะมีตำรวจจากกองปราบมาที่บ้าน”
“พวกมันจะมาทำไมเตี่ย”
“อั๊วะไม่รู้ แต่ทางที่ดี ลื้อรีบออกมาจากบ้านตอนนี้เลย”
บันลือวางโทรศัพท์ แล้วเห็นแดงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“พี่บันลือ ตำรวจมาซุ่มอยู่หน้าบ้านเต็มไปหมดเลย” บันลือตกใจ
หน้าบ้านเถ้าแก่ชิ้น จ่าสมหมายถือโทรโข่งแล้วยืนขึ้นมาพูด
“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอให้ทุกคนเดินออกมารวมกันที่หน้าบ้าน เปิดทางให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นโดยสันติ ย้ำโดยสันติ”
พอขาดคำก็มีกระสุนปืนจากในบ้านยิงสวนมายังโทรโข่งของจ่าสมหมายกระเด็นไป จ่าสมหมายหลบวูบรอดหวุดหวิด
“มันไม่สันติกับเราแล้วครับท่านรอง”
“งั้นก็บุกเลย”
เลอสรร ระพี จ่าสมหมายและตำรวจทุกคนช่วยกันยิงตอบโต้กับพวกโจรในบ้าน
เสียงปืนจากการปะทะกันแว่วเข้ามา รถตู้ของเถ้าแก่ชิ้นแล่นมาจอด
“มันยิงกันแล้ว” เถ้าแก่ชิ้นบอก
“บันลืออยู่ในบ้าน คงกำลังจะฝ่าวงล้อมออกมา”
“ลื้อช่วยลูกชายอั๊วะด้วยนะมเหศักดิ์”
“ไม่ต้องห่วงเถ้าแก่ คนอย่างมเหศักดิ์ไม่ทิ้งเพื่อนแน่นอน”
มเหศักดิ์คว้าปืนแล้วเดินลงจากรถไป เถ้าแก่ชิ้นมองไปยังบ้านด้วยความวิตกเป็นห่วงบันลือ
ภายในบ้านบันลือ ดำ แดงและลูกน้องกำลังช่วยกันยิงตอบโต้พวกตำรวจที่กำลังปิดล้อมบ้าน บันลือหันไปคว้าระเบิดมือแล้วปาออกไป
“โดนปิดประตูตีแมวแบบนี้ เราเสร็จแน่พี่บันลือ”
“เอ็งก็เปิดทางออกให้ได้ซิวะ”
“เอารถฝ่าออกไปดีมั๊ยพี่”
“งั้นเอ็งรีบไปสตาร์ทรถไว้เร็ว”
แดงวิ่งฝ่ากระสุนไปที่รถแล้วเปิดประตูขึ้นไปสตาร์ทรถรอ ขณะที่บันลือ ดำและลูกน้องยังคงยิงตอบโต้ บันลือหันไปสั่งการลูกน้องอื่นๆ
“ปาระเบิดออกไป เปิดทางให้รถออก”
“ได้เลยพี่ลือ”
ลูกน้องปาระเบิดออกไปเพื่อเปิดทาง เมื่อได้จังหวะ บันลือและดำก็วิ่งตามไปที่รถ แล้วขับรถฝ่ากระสุนออกไป
เลอสรร ระพี จ่าสมหมายและตำรวจพากันหลบระเบิด ทำให้เสียงจังหวะเปิดโอกาสให้รถของบันลือแล่นออกมา เลอสรรจึงรีบสั่งการ
“ยิงที่ยาง พยายามจับเป็น อย่าให้พวกมันออกไปได้”
ตำรวจช่วยกันระดมยิงไปที่ยางรถ สักครู่รถก็วิ่งต่อไม่ได้ บันลือ ดำ แดงลงจากรถ แล้วใช้รถเป็นที่กำบังยิงสกัดไม่ให้ตำรวจเข้ามาได้ง่ายๆ
อีกด้านหนึ่ง มเหศักดิ์บุกเข้ามากระหน่ำยิง ทำให้พวกตำรวจเริ่มเสียกระบวนและล่าถอย
“ผู้กอง แบ่งกำลังกันออกไป ผมจะจัดการไอ้มเหศักดิ์ ส่วนผู้กองไปจัดการไอ้บันลือ จ่าสมหมาย ไปจัดการพวกที่อยู่ในบ้าน”
“ครับผม”
ทุกคนแยกย้ายกันออกไป
มเหศักดิ์ยิงตำรวจล้มลงตายหลายคนและเมื่อเลอสรรนำกำลังตำรวจเข้ามาเสริมกำลัง มเหศักดิ์มองเห็นก็จำเลอสรรได้ทันที
“ไงท่านรอง วันนี้นึกยังไงมาเยี่ยมพวกเราถึงบ้าน”
“มอบตัวซะมเหศักดิ์ ไม่งั้นเราคงได้เห็นดีกันแน่”
“ถ้าท่านรองแน่จริง ก็จับผมให้ได้ซิ”
มเหศักดิ์หยิบระเบิดออกมาและปามายังจุดที่เลอสรรหลบอยู่ ระเบิดตูมใหญ่ เลอสรรกระโดดหลบระเบิดมเหศักดิ์รีบวิ่งเข้ามาชาร์จเลอสรร แต่เลอสรรเตะอาวุธของมเหศักดิ์กระเด็นไป
“ผมไม่มีอาวุธแล้ว เข้ามาจับผมซิท่านรอง”
“ยกมือขึ้น”
เลอสรรจ้องปืนมาที่มเหศักดิ์ แล้วเดินเข้าไปเพื่อใส่กุญแจมือ แต่มเหศักดิ์อาศัยจังหวะเข้ามาแย่งปืน เลอสรรสะบัดหนีทำให้ปืนหลุดกระเด็นออกไป ทั้งคู่เปิดฉากสู้กัน
บันลือ ดำ แดง ซึ่งหลบกระสุนยิงตอบโต้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่รถ ขณะที่ระพีและลูกน้องรุกคืบใกล้เข้ามา บันลือเห็นท่าไม่ดีจึงรีบชิ่งหนีคนเดียว ปล่อยดำและแดงยิงสกัดให้
บันลือวิ่งหนีมาคนเดียว ระพีซึ่งแอบตามมาพุ่งตัวเข้าไปชาร์จแล้วจากนั้นทั้งคู่ก็กอดปล้ำ ต่อสู้กัน แต่บันลือสู้ระพีไม่ได้จึงพยายามหาทางหนี บันลือหันไปหยิบท่อนไม้มาแล้วฟาดเปรี้ยงไปที่ระพีทำให้ระพีเสียจังหวะ บันลือรีบวิ่งหนีไป
อีกมุมหนึ่ง มเหศักดิ์ต่อสู้อยู่กับเลอสรร แต่ขณะต่อสู้กันก็เห็นบันลือวิ่งหนีเข้ามา ระพีวิ่งตามมาติดๆ มเหศักดิ์ร่วมมือกับบันลือ ขณะที่เลอสรรร่วมมือกับระพี มเหศักดิ์รีบหันไปกระซิบบอกบันลือ
“รถจอดรออยู่ข้างนอก หาจังหวะแล้วรีบวิ่งออกไป”
บันลือและมเหศักดิ์สู้กับเลอสรรและระพี เลอสรรและระพีดูจะเหนือกว่าเนื่องจากมเหศักดิ์และบันลือ ซึ่งทั้งคู่ไม่ได้สู้เต็มที่แต่เป็นการสู้เพื่อหนี สักครู่ก็เห็นดำและแดง วิ่งเข้ามา ดำและแดงเล็งปืนจะยิงฝ่ายตรงข้าม แต่กระสุนพลาดเป้า เลอสรรและระพีหลบได้ทัน
จังหวะที่เลอสรรและระพีหลบกระสุนนั่นเองที่มเหศักดิ์และบันลือพากันวิ่งหนีออกไป ดำและแดงยิงสกัดไว้สักครู่ก็วิ่งตามเจ้านายไป
รถของเถ้าแก่ชิ้นจอดรออยู่ มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดง พากันวิ่งเข้ามาขึ้นรถ เลอสรรและระพีพากันวิ่งติดตามมา แต่ไม่ทันรถของเถ้าแก่ชิ้นขับออกไปแล้ว ระพีรีบวิ่งไปที่รถตำรวจคันหนึ่งซึ่งจอดอยู่ห่างออกไป แล้วขับรถมารับเลอสรร จากนั้นระพีก็ขับตามไป
ภายในรถตู้ของเถ้าแก่ชิ้น มเหศักดิ์หันไปหยิบอาวุธซึ่งอยู่หลังรถมา จากนั้นก็เปิดหน้าต่าง เอี้ยวตัวออกมาข้างรถ เล็งเป้ายิงใส่รถของระพีและเลอสรร ระพีขับรถหลบกระสุน จังหวะที่มเหศักดิ์เปลี่ยนกระสุน เลอสรรโผล่ออกมาจากหน้าต่างรถ แล้วระดมยิงใส่ไปที่รถเถ้าแก่ชิ้น ขณะที่บันลือก็โผล่ออกมาจากหน้าต่างรถ แล้วยิงตอบโต้เช่นกัน
ภายในรถของระพีและเลอสรร เลอสรรหลบเข้ามาเปลี่ยนกระสุน สักครู่ก็โผล่ออกไปยิงตอบโต้ ขณะที่มเหศักดิ์ก็ยิงระเบิดเข้ามา แต่ระพีตั้งสติขับรถหลบรอดได้อย่างหวุดหวิดแต่ก็เสียหลักต้องจอดอยู่ข้างทาง เครื่องดับ ทำให้รถตู้ของพวกโจรแล่นหนีห่างออกไป
เลอสรร และระพีรีบลงจากรถ ไปดูความเสียหาย
“ผู้กอง คุณรีบวิทยุขอกำลังเสริมเร็ว”
“ครับผม”
ระพีรีบกลับมาในรถ แล้วหยิบวิทยุสื่อสารมา เพื่อขอกำลังเสริม
“จากอินทรีย์เรียกกางเขนๆ ทราบแล้วตอบ”
“กางเขนรับทราบ”
“ขอกำลังเสริมเพื่อสกัดจับคนร้าย บนเส้นทางมุ่งหน้าอ่างทองช่วงบางไทร และขอให้ตั้งด่านสกัดด่วน”
“ตอนนี้เรามีด่านอยู่ช่วงบางไทร ขอทราบลักษณะรถคนร้าย”
ระพีบอกลักษณะรถคนร้าย
“คาดว่าอีก 5 นาทีถึงด่าน คนร้ายมีอาวุธหนัก ขอให้ทุกคนระวังตัว”
“กางเขนรับทราบ”
“เอาละ ลองสตาร์ทเครื่อง” เลอสรรบอกระพีหลังจากไปซ่อมรถกลับมา ระพีสตาร์ทเครื่อง รถติดอีกครั้ง เลอสรรรีบขึ้นรถ “เอาละ ไปกันได้แล้ว”
ระพีรีบขับรถออกไป
ด่านตรวจบนถนนแห่งหนึ่ง ตำรวจจำนวนหนึ่งพากันวิ่งตั้งรั้วลวดหนาม และกรวยกั้นถนน เพื่อทำจุดสกัด รถตู้ของเถ้าแก่ชิ้นแล่นตรงเข้ามา ขณะที่ตำรวจที่ด่านพากันโบกมือให้หยุด
รถตู้หยุดห่างจากด่านออกไป สักครู่ประตูรถก็เปิดออก มเหศักดิ์เดินลงมา จากนั้นก็ยกปืนเอ็ม 79 ยิงระเบิดตูม ใส่ด่าน ระเบิดตูมใหญ่ระเบิดที่ด่านตำรวจ ทำให้ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่กระโดดหลบกัน ด่านพังทลาย มเหศักดิ์ขึ้นรถแล้วจากนั้นรถตู้ก็พุ่งเข้าใส่ด่านตำรวจ ตำรวจที่ด่านช่วยกันยิงใส่รถ ขณะที่รถแล่นผ่านด่านออกไป
รถตู้ของเถ้าแก่ชิ้นวิ่งมาตามถนนแห่งหนึ่ง แล้วรีบเลี้ยวเข้าไปที่ถนนทางแยกเล็กๆ แห่งหนึ่งเมื่อหลบพ้นถนนใหญ่แล้วรถก็จอด เถ้าแก่ชิ้น บันลือ มเหศักดิ์ ดำ แดง เข่งพากันลงจากรถ
“จะไปไหนกันต่อ”
“เข้าป่าดีที่สุด “
“แล้วถ้าพวกมันตามมาทันล่ะ ไม่ตายกันหมดเหรอ”
“แต่ถ้ายังอยู่บนถนน ยังไงก็เป็นเป้าให้ตำรวจแน่นอน”
“ใช่...ด่านนี้เรารอด แต่ก็ยังต้องเจอด่านข้างหน้าอีก”
“แล้วจะไปทางไหนกันดีละเตี่ย”
“ตามมา”
มเหศักดิ์เดินนำทุกคนเข้าป่าไป
รถตำรวจแล่นมาตามถนนแล้วชะลอจอดข้างทาง เลอสรร ระพี พากันลงจากรถ ยืนมองไปรอบๆ
“ผมติดต่อกับด่านข้างหน้าแล้วครับท่านรอง รถของพวกมันยัง ไปไม่ถึง”
“แต่ผมว่ามันคงไม่โง่ วิ่งไปตามถนนเส้นหลักแน่”
“ใช่ครับ แล้วถนนแถวนี้ มีทางแยกหลายสายครับ”
รถตำรวจอีกคันแล่นเข้ามาจอด จ่าสมหมายและตำรวจ อีก 2-3 คนรีบลงมาหาเลอสรร
“ว่าไงจ่า จัดการสมุนเถ้าแก่ชิ้นเรียบร้อยใช่มั้ย”
“จับพวกสมุนมันได้เกือบหมด แต่ก็มีเล็ดลอดไปได้บ้าง ตอนนี้ส่งให้ตำรวจท้องที่เอาไปขังเรียบร้อยแล้วครับผม”
“ผู้การจะแกะรอยพวกมันไปเหรอครับ ผมจะได้เรียกกำลังเสริมมาช่วย”
“ใกล้มืดแล้ว เราไม่ชำนาญพื้นที่ อันตราย มันอาจจะสูญเสีย กลับไปวางแผนกันใหม่ดีกว่า หรือผู้กองว่าไง”
“ผมเห็นด้วยครับผม”
ทุกคนพากันขึ้นรถ แล้วจากนั้นก็ขับรถออกไป
มเหศักดิ์เดินนำเถ้าแก่ชิ้น บันลือ ดำ แดง เข่ง มาหยุดยืนหน้าโรงมวยเถื่อน บันลือรู้สึกสงสัยที่มเหศักดิ์พาทุกคนมาที่นี่
“พามาที่นี่ทำไม”
“โรงมวยที่นี่ มีเงินสะพัดทุกวัน ถ้ากบดานอยู่ที่นี่ไม่อดอยากแน่”
“แต่นี่มันถิ่นของไอ้สมิง”
“ไม่ต้องกลัวเถ้าแก่ ผมมีวิธี”
มเหศักดิ์เดินนำทุกคนเข้าไปด้านในโรงมวย
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
วันนี้เป็นวันหยุดในโรงมวยจึงไม่มีการชก เห็นเพียงลูกน้องเสี่ยเฮง 2-3 คนกำลังเก็บกวาดพื้นที่ เมื่อมเหศักดิ์เดินเข้ามา พวกลูกน้องพากันชะงักมอง ไม่ไว้วางใจ
“มาหาใคร”
มเหศักดิ์ไม่ตอบแต่ลั่นกระสุนเข้าใส่ ทำให้ลูกน้องเสี่ยเฮงขาดใจตาย
ประตูห้องทำงานเปิดออก เสี่ยเฮงและพวกได้ยินเสียงปืนรีบวิ่งออกมา แต่แล้วกลับพบว่ามเหศักดิ์และพวกคอยดักอยู่ที่หน้าประตู ทำให้เสี่ยเฮงและพวกตกอยู่ในวงล้อม เสี่ยเฮงเริ่มหวาดกลัว
“พวกเอ็งต้องการอะไร”
“ทั้งหมดที่เอ็งมี”
มเหศักดิ์ยกปืนขึ้นมาเล็งไปยังร่างของเสี่ยเฮง
“อย่านะ ไม่งั้นเรื่องถึงสมิงแน่”
มเหศักดิ์ลั่นกระสุนปลิดชีวิตเสี่ยเฮง ขณะที่ดำ แดง เข่ง บันลือต่างก็ช่วยกันฆ่าลูกน้องเสี่ยเฮง เมื่อจัดการทุกคนเสร็จ มเหศักดิ์หันมาหาเถ้าแก่ชิ้น
“ต่อไป เราจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ห้ามทุกคนแพร่งพรายเรื่องเสี่ยเฮง ถ้าใครถามก็บอกว่าเสี่ยเฮงไม่อยู่”
“แล้วศพพวกมันล่ะ”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา เดี๋ยวพวกชั้นช่วยจัดการให้”
ดำ แดง เข่ง ช่วยกันลากศพ เสี่ยเฮงและลูกน้องออกจากห้องไป
“เพื่อความปลอดภัย ต่อไป ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าออกไปเพ่นพ่านให้คนในหมู่บ้านเห็น”
“แล้วจะอยู่อย่างงี้กันอีกนานแค่ไหนล่ะเตี่ย”
“จนกว่าเราจะยึดผาช่องลมมาเป็นของเราได้สำเร็จ”
เถ้าแก่ชิ้นคาดหวังในความสำเร็จ
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บริเวณท่าน้ำ ชาวบ้านกำลังยืนมุงดูศพที่ลอยมาติดท่าน้ำ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังช่วยกันลากศพขึ้นมาท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ
รถของระพีแล่นมาจอด ระพีเดินลงมาหาจ่าสมหมายซึ่งล่วงหน้ามาก่อน จ่าสมหมายหันมาเห็นรีบเข้ามารายงาน
“ชาวบ้านแจ้งเหตุศพชายไม่ทราบชื่อลอยน้ำมาติดที่ท่าเรือ ตอนนี้เจ้าหน้าที่เอาขึ้นมาได้แล้วครับ”
“ไหนผมขอดูหน่อย”
จ่าสมหมายเดินนำระพีไปยังเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังช่วยกันห่อศพโดยมีผ้าคลุมหน้าอยู่
“เปิดหน้าให้ผู้กองดูหน่อย” จ่าสมหมายบอกกับเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่เปิดผ้าคลุมหน้าศพเสี่ยเฮงออก ระพีมองอึ้ง เนื่องจากจำเสี่ยเฮงได้
“จ่า นั่นเสี่ยเจ้าของโรงมวยที่ลานเทหรือเปล่า”
“ใช่จริงๆ ด้วยครับผู้กอง”
“ต้องถูกยิงทิ้งแน่ๆ แล้วเอาศพมาทิ้งน้ำครับ”
“ใครฆ่า”
ระพีครุ่นคิดพยายามหาสาเหตุของการฆ่าเสี่ยเฮง
ภายในโรงมวยเถื่อน นักเลงจำนวนหนึ่งพากันทยอยเข้ามายืนออกัน โดยนักเลงพวกนี้เป็นลูกน้องใหม่ที่ดำ แดง เข่ง ไปกวาดต้อนคนที่เคยรู้จักกันให้มาอยู่ในแก๊ง เนื่องจากลูกน้องเก่าๆ โดนจับ และตายไปเกือบหมด
เถ้าแก่ชิ้น บันลือ มเหศักดิ์ ยืนมองลูกสมุนชุดใหม่ด้วยความพอใจ
“ไอ้พวกนี้ เป็นนักเลงที่ผมเคยรู้จัก บางคนก็เพิ่งออกจากคุก บางคนเคยคุมบ่อน คุมซ่อง”
“ส่วนของผมกับไอ้เข่ง ก็หามาได้เป็นสิบคน รับรองเรื่องงานไว้ใจได้แน่นอนครับเถ้าแก่”
“ถ้าจะมาเป็นลูกน้องอั๊ว ใจต้องถึง มาทำงานด้วยกันรับรองไม่อดอยาก”
“อย่าปลอดแหก ให้ข้าเห็นนะ ข้าไม่เลี้ยงแน่”
“ตอนนี้เราก็มีลูกน้องทำงานแล้ว เรื่องทุกอย่างอั๊วยกให้ลื้อบริหาร”
“เอาละ ต่อไปพวกเอ็งทุกคนจะมีหน้าที่ดูแลโรงมวยแห่งนี้ ห้ามแพร่งพรายเรื่องเสี่ยเฮงให้คนอื่นรู้เด็ดขาดทำให้เหมือนว่าเสี่ยเฮงยังอยู่ ถ้าใครถามหาก็ให้บอกว่าเสี่ยอยู่ในห้องทำงานไม่ว่าง” มเหศักดิ์สั่งลูกน้อง
“แล้วเรื่องโปรแกรมมวยที่กำลังจะชกละพี่มเหศักดิ์”
“จัดชกมวยต่อไป อย่ามีพิรุธให้คนอื่นจับได้ แล้วห้ามบอกใครว่าพวกข้าหนีมากบดานที่นี่ เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจครับ”
ลูกน้องทุกคนประสานเสียงขานรับดังกึกก้อง เถ้าแก่ชิ้น บันลือ มเหศักดิ์ยิ้มอย่างพอใจ
วันต่อมาชาวบ้านทยอยกันเดินเข้ามาในโรงมวย โดยมีลูกน้องชุดใหม่ของเถ้าแก่ชิ้นยืนคอยดูแลความเรียบร้อย ในกลุ่มชาวบ้านมีเหิม ขวด แต่งตัวคล้ายชาวบ้านเดินปะปนเข้าไปด้านใน
ในโรงมวย มวยกำลังชกกัน ท่ามกลางเสียงเชียร์ของชาวบ้าน ทุกอย่างดูเป็นปกติ เหิมกับขวดกำลังจะเดินไปที่หน้าห้องทำงานเพื่อเข้าหาเสี่ยเฮง แต่แล้วก็โดนลูกน้องใหม่กั้นเอาไว้
“จะไปไหน”
“หาเสี่ย”
“เสี่ยไม่ว่าง”
“ไปบอกเสี่ยว่า คนจากผาช่องลมมาหา”
“เสี่ยไม่ว่าง ยังไงก็พบไม่ได้”
ขวดชักหงุดหงิด
“เฮ้ย! อะไรวะ”
“ใจเย็น”
“กลับไปได้แล้ว อย่ามาเกะกะแถวนี้”
เหิมดึงขวดให้เดินหนีออกไป แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินออกจากโรงมวย ดำ แดง เข่ง เพิ่งเดินออกจากห้องทำงาน ลูกน้องรีบเข้าไปรายงาน
“เมื่อกี้มีคนจะมาขอพบเสี่ยเฮง แต่ผมไล่มันกลับไปแล้ว”
“ใครวะ”
“เห็นบอกว่า เป็นคนมาจากผาช่องลม”
ดำ แดง เข่ง มองหน้ากัน
ทางเดินในป่า ขวดและเหิมเดินคุยกันมา
“ห้ามชั้นทำไม ไอ้คนแบบนี้มันต้องสั่งสอน”
“ใจเย็น ไม่สังเกตเหรอว่าไอ้พวกที่โรงมวย มันมีแต่หน้าใหม่ๆ ทั้งนั้น”
“เออ...นั่นซิ ข้าก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน”
“รีบกลับไปบอกสมิงกันดีกว่า”
เข่งและลูกน้องจำนวนหนึ่งตามมาด้านหลัง
“นึกว่าจะรอดกลับผาช่องลมได้รึ ไอ้ขวด ไอ้เหิม”
เข่งและลูกน้อง ระดมยิงใส่ขวดและเหิม ขวดและเหิมหนีไปอีกด้าน แล้วเจอ ดำ แดงและลูกน้องดักรอ ขวดและเหิมหนีกันไปคนละทิศละทาง
มเหศักดิ์รู้สึกหงุดหงิด เมื่อได้ยินรายงานจาก ดำ แดง เข่ง ที่กลับมารายงานเรื่องขวดและเหิมหนีรอดไปได้
“ปัดโธ่เว้ย มันมากันแค่ 2 คน พวกเอ็งอยู่กันเป็นโขลง ปล่อยให้มันหลุดไปได้ยังไงวะ”
“ไอ้พวกโง่ มันน่านัก”
บันลือเข้าไปตบหน้า ดำ แดง เข่ง สั่งสอน
“ไอ้สมิงมันต้องรู้แน่ๆ เอาไงดีมเหศักดิ์”
“ถ้ามันยกพวกมาจากผาช่องลมเมื่อไหร่ เราก็ย้อนรอยบุกเข้าไปยึดผาช่องลมเลยดีมั๊ยเถ้าแก่”
“เอาไงเอากัน ไหนบอกมาซิว่ามีแผนยังไง”
มเหศักดิ์วางแผนให้เถ้าแก่ชิ้น และบันลือฟัง
วันต่อมาที่ห้องประชุมของกรมตำรวจ เลอสรรและตำรวจอื่นๆ กำลังนั่งฟังระพีและจ่าสมหมายสรุปเรื่องคดีเสี่ยเฮงให้ฟัง
“ผลชันสูตรออกมา สรุปว่าเป็นเสี่ยเฮงตายด้วยกระสุนปืน 9 มม. และคนร้ายเอาศพมาทิ้งแม่น้ำเพื่ออำพรางคดี คาดว่าน่าจะเสียชีวิตไม่เกิน 24 ชั่วโมง”
“แล้วตำรวจท้องที่อยุธยาว่ายังไง”
“น่าแปลกครับที่ไม่มีรายงานเรื่องเสี่ยเฮงหายตัวไป โรงมวยก็ยังเปิดตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“สายของเราไปถามหาเสี่ยเฮงที่โรงมวย แต่คนที่โรงมวยกลับบอกว่าเสี่ยอยู่ในห้องทำงาน ไม่ได้ไปไหน”
“เรื่องนี้แปลก ทีมพวกเราคงต้องลงไปลานเทกันอีก”
“พวกเราพร้อมครับผม”
“งั้นเอาเป็นว่า ขอผมเคลียร์งานที่นี่สักสองสามวัน เสร็จเมื่อไหร่เราจะลงไปลานเทกันทันที”
“ครับผม”
เลอสรรเดินออกจากห้องประชุมไป
“ได้ไปลานเทกันอีกแล้วนะครับผู้กอง”
“ไปคราวนี้ ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นอีก”
ระพีรู้สึกกังวลกับการกลับไปลานเทในสถานการณ์ที่ยังมีคนเข้าใจผิดอยู่
บ้านท่านผู้ว่าทรงยศ เดือนมีอาการไม่สบาย หลังกลับมาจากลานเทกับระพี เดือนนอนหลับอยู่บนเตียงแล้วเพ้อด้วยพิษไข้ สร้อยเพชร บัวและสาวใช้ กำลังช่วยกันดูแลเช็ดตัวเพื่อลดไข้ คุณนายศรีสอางค์และท่านผู้ว่าทรงยศพากันเดินเข้ามาในห้อง
“ได้ข่าวว่าแม่เดือนไม่สบาย เป็นยังไงบ้าง”
“เห็นบ่นครั่นเนื้อครั่นตัวมาตั้งแต่กลับมาจากเที่ยวกับตาระพีคราวที่แล้ว ตกดึกก็จับไข้เลยค่ะ”
“คงจะไปเที่ยวกันมาแล้วผิดอากาศ”
“แล้วเธอพาไปหาหมอหรือยัง”
“ยังค่ะ ไข้ไม่สูงมาก นี่ก็ทานยาลดไข้ไปแล้ว พรุ่งนี้ถ้าอาการไม่ดีสร้อยเพชรว่าจะพาไปหาหมอค่ะคุณพ่อ”
เดือนเริ่มเพ้อเพราะพิษไข้
“พี่ดาว พี่บุญเหลือ อย่าเข้าใจเดือนผิดนะคะ อย่าเพิ่งไป พี่ดาว”
“เพ้ออีกแล้ว ไม่รู้เป็นอะไร เพ้อถึงแต่สองคนนี่” สร้อยเพชรบ่น
“เธอหมายถึงใคร”
“ก็นังเด็กที่ชื่อดาว กับอีกคนที่ชื่อบุญเหลือน่ะซิคะคุณพ่อ ไม่รู้ยายเดือนไปติดอกติดใจอะไรนักหนา ถึงกับเอามาเพ้อเป็นเรื่องเป็นราว หรือยายเดือนอาจจะไปโดนพวกนั้นทำของใส่มาก็ได้นะคะ”
“ทำขงทำของอะไรแม่สร้อยเพชรพูดจาอะไรให้มันเป็นมงคลหน่อยสิ”
“ของแบบนี้มันก็ต้องระแวงกันไว้ก่อนซิคะคุณแม่ แม่เดือนเป็นลูกคุณเลอสรร พวกที่ลานเท มันคงไม่ได้ชอบหน้าอะไรนักหรอกค่ะ”
“ไม่เอาละ ชั้นไม่พูดกับเธอแล้ว กลับห้องกันเถอะค่ะ ยังไงพรุ่งนี้ค่อยมาดูใหม่”
คุณนายศรีสอางค์และท่านผู้ว่าทรงยศพากันเดินออกไป เดือนเริ่มเพ้อถึงดาวและบุญเหลืออีกครั้ง
“พี่ดาว พี่บุญเหลือ”
“มีอะไรกันนักหนา เพ้อถึงแต่ชื่อสองคนนั่น”
สร้อยเพชรรู้สึกหงุดหงิด ไม่ชอบใจที่เดือนเพ้อถึงดาวและบุญเหลือ
ท่านผู้ว่าทรงยศและคุณนายศรีสอางค์กำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขก ท่านผู้ว่าทรงยศกำลังสงสัยเรื่องของ ดาวกับบุญเหลือ แต่คุณนายศรีสอางค์ค่อนข้างลำบากใจไม่ค่อยอยากรื้อฟื้นเรื่องลานเท แต่อีกใจก็อยากรู้เช่นเดียวกัน
“ชั้นไม่เข้าใจเลย ทำไมคุณจะต้องสงสัยอะไรในเรื่องที่มัน...” คุณนายศรีสอางค์ถอนใจ “ความจริงชั้นเองก็อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน”
“นี่ถ้าคนที่แม่เดือนเพ้อถึง มันไม่ได้อยู่ลานเท ชั้นเองก็คงไม่ได้อยากรู้อะไรนักหรอกแม่ศรีสอางค์”
“นั่นซิคะ แต่เราไม่ควรไปรื้อฟื้นเรื่องที่ลานเทขึ้นมาอีกเลย”
ลุงมหาเดินเข้ามาหา
“คุณท่านเรียกหาผมหรือครับ”
“ใช่ ชั้นอยากจะถามอะไรแกสักหน่อย”
“เรื่องอะไรครับ”
“เรื่องลานเท”
“ที่ลานเทมีอะไรเหรอครับ”
คุณนายศรีสอางค์ มองไปรอบๆ แล้วรู้สึกว่าไม่ควรที่จะมาพูดกันตรงนี้
“คุยกันตรงนี้คงไม่เหมาะ ไปที่สวนดีกว่า”
“ครับท่าน”
อ่านต่อเวลา 1700น.
คุณนายศรีสอางค์ ท่านผู้ว่าทรงยศและลุงมหาพากันเดินออกจากบ้านไป โดยไม่รู้ว่าเลอสรรยืนมองอยู่มุมหนึ่งด้วยความสงสัย
“มีเรื่องลึกลับอะไรเกี่ยวกับลานเท”
เลอสรรตัดสินใจแอบเดินตามไปเงียบๆ
มุมหนึ่งของสวน ท่านผู้ว่าทรงยศ คุณนายศรีสอางค์และลุงมหากำลังยืนคุยกันอยู่
“คุณท่านมีอะไรจะถามกระผมเหรอครับ”
“ยายเดือนหลานชั้นมันเป็นไข้ แล้วเมื่อกี้ชั้นได้ยินมันนอนเพ้อถึงเด็กที่ชื่อดาวกับบุญเหลือ ชั้นก็เลยสงสัย อยากจะรู้จักเด็กสอง คนนี้ให้มากขึ้น”
“เด็กที่ชื่อบุญเหลือ ได้ยินว่าเป็นเด็กกำพร้าที่แม่ศรีนวลเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนหนูดาว ที่เคยมาเมื่อครั้งที่แล้วก็เป็นลูกของแม่ศรีนวลกับ...” ลุงมหาไม่กล้าพูดต่อ
“กับใคร...”
“กับตาเลอสรรหรือเปล่า” ท่านผู้ว่าทรงยศถามอย่างสงสัย
“เรื่องนี้ผมตอบไม่ได้จริงๆ เพราะตั้งแต่คุณเลอสรร ได้แม่ศรีนวลเป็นเมียแล้วทิ้งไป คนที่ลานเทก็แทบจะตัดขาดจากผมเลย”
“ลูกชายชั้นมันไม่ได้ตั้งใจจะทิ้ง มันประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อมใครๆ ก็รู้”
“แต่แม่ศรีนวล กำนันธง และคนที่ลานเทไม่รู้นี่ครับ คุณเลอสรรสัญญาว่าเรียนจบเมื่อไหร่แล้วจะกลับไปแต่งงานกับศรีนวล แต่ก็ผิดสัญญา”
“ชั้นผิดเอง ชั้นโกหกตาเลอสรร ปกปิดไม่ให้มันจำเรื่องในอดีตได้ ตาเลอสรรก็เลยจำความรักครั้งแรกของมันไม่ได้”
“ถ้าจะผิด คงไม่ใช่แค่คุณท่านคนเดียวหรอกครับ ผมเองก็ผิดเหมือนกัน ทุกวันนี้ก็ยังคงละอายใจอยู่ไม่หายที่ทำให้ผัวเมียต้องพรากจากกัน”
“พอๆ จะมาสำนึกผิดอะไรกันตอนนี้ ชั้นนี่แหละที่ผิด แต่ชั้นก็มีเหตุผลของชั้น ไม่มีแม่คนไหนหรอกที่จะยอม
ให้ลูกชายไปแต่งงานกับผู้หญิงบ้านนอกคอกนาสิ่งที่ชั้นทำลงไปก็เพื่ออนาคตของลูก”
“แต่คุณไม่ควรไปโกหกว่าแม่ศรีนวลไปทำเสน่ห์ใส่ตาเลอสรร”
“เรื่องทำเสน่ห์ คนพูดคือแม่สร้อยเพชร แต่ตอนนี้มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ฉะนั้นเราไม่ควรไปรื้อฟื้นขึ้นมาอีก”
เลอสรรยืนฟังเรื่องราวทั้งหมดอยู่ที่มุมหนึ่ง ทุกอย่างในหัวปั่นป่วนสับสนแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน ลุงมหาเหลือบไปเห็นเลอสรก็รู้สึกตกใจ
“คุณเลอสรร”
ทุกคนหันไปมองแล้วตกใจ
สร้อยเพชรกำลังร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าท่านผู้ว่าทรงยศ คุณนายศรีสอางค์และเลอสรร
“สร้อยเพชรไม่ยอมนะคะ คุณพ่อคุณแม่ช่วยห้ามคุณพี่ สร้อยเพชรไม่อยากให้คุณพี่ไปลานเท”
“คุณพ่อ คุณแม่ครับ ในเมื่อความจริงเปิดเผยออกมาแบบนี้ ถ้าผมไม่ไปที่นั่น ผมมันก็ไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
“แต่คุณกำลังจะกลับไปรื้อฟื้นอดีต ไม่สนใจความรู้สึกของชั้นเลย ถึงศรีนวลจะเป็นเมียคุณจริง แต่มันก็แค่ความรักของวัยรุ่น คุณไม่ควรกลับไปรื้อฟื้นมันอีก”
“ผมแค่จะกลับไปขอโทษพวกเค้า ไปถามพวกเค้าว่าต้องการให้ผมรับผิดชอบอะไรบ้าง”
“แล้วถ้าพวกมันต้องการให้คุณกลับไปแต่งงานอยู่กินกับมันล่ะคะ คุณจะทำมั้ย”
“เรื่องนี้ผมตอบไม่ได้ แต่ผมอยากให้คุณมั่นใจว่ายังไงผมก็จะไม่ทิ้งคุณกับลูกแน่นอน”
“คุณพ่อ คุณแม่ ช่วยสร้อยเพชรด้วยซิคะ”
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็ทำใจซะเถอะนะแม่สร้อยเพชร ถึงวันนี้จะห้ามได้ แต่สักวันแม่เชื่อว่าตาเลอสรรก็ต้องไปที่ลานเทจนได้”
“ถูกของแม่ศรีสอางค์ เธอเป็นเมียตกเมียแต่ง จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ควรต้องกลัวอะไร” สร้อยเพชรเดินบีบน้ำตาร้องไห้ออกไป “กลับไปลานเทคราวนี้ มันเหมือนการกลับไปซ้ำเติมแผลเก่า แกจะต้องอดทนให้ถึงที่สุดนะตาเลอสรร”
“ครับคุณพ่อ”
“แม่อยากให้แกสืบเรื่องหนูดาวว่าหนูดาวเป็นลูกสาวของแกหรือเปล่า”
“ครับคุณแม่ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน”
เลอสรรก้มลงกราบ ท่านผู้ว่าและคุณนายศรีสอางค์ มุมหนึ่งห่างออกไปสร้อยเพชรยืนแอบมองอยู่ด้วยสายตาริษยาสุดๆ
ภายในห้องเดือน บัวกำลังป้อนข้าวต้มให้กับเดือนซึ่งฟื้นไข้แล้ว สักครู่สร้อยเพชรเดินเข้ามา เมื่อสร้อยเพชรมองเห็นเดือนก็หงุดหงิดพาลพะโล
“เพราะแกคนเดียวยายเดือน เรื่องนี้เป็นเพราะแกคนเดียว”
“อะไรกันคะ คุณแม่”
“ถ้าแก ไม่พูดจาเพ้อเจ้อถึงพวกมัน เรื่องก็จะไม่เป็นแบบนี้” สร้อยเพชรหันไปพาลบัว “ออกไป มาอยู่เสนอหน้าทำไม ออกไป”
บัวรีบคลานออกจากห้องไป
“ใจเย็นๆ ค่ะ คุณแม่ มีเรื่องอะไรกันคะ” สร้อยเพชรร้องไห้ออกมา
“แม่กลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว คุณพ่อกำลังจะทิ้งทิ้งพวกเราแล้ว”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะคุณแม่ เกิดอะไรขึ้นเดือนไม่เข้าใจ”
“ตาเกียรติกล้าอยู่ไหน เรื่องนี้มีแกกับตาเกียรติกล้าเท่านั้นที่จะช่วยแม่ได้ คนอื่นไม่มีใครช่วยแม่เลย”
สร้อยเพชร้องไห้ฟูมฟาย เล่าเรื่องให้เดือนฟัง
สร้อยเพชรเล่าเรื่องให้เกียรติกล้าและเดือนฟังจนจบ โดยบิดเบือนเรื่องเข้าข้างตัวเองทำให้เดือนและเกียรติกล้าเห็นใจแม่
“คุณพ่อทำแบบนี้ได้ยังไง คุณแม่ยังอยู่ทั้งคน แล้วแบบนี้สมบัติของคุณปู่คุณย่าก็ไม่เหลือถึงเราเลยน่ะซิ”
“ใช่ลูก ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่านังเด็กที่ชื่อว่าดาวนั่น เป็นลูกของคุณพ่อกับนังศรีนวลหรือเปล่า ถ้าเกิดใช่ขึ้นมา แกสองคนรับรองเป็นหมาหัวเน่าแน่นอน”
“แต่พี่ดาว ไม่น่าจะใจดำแบบนั้นกับพวกเรานะคะคุณแม่”
“ไปเรียกมันพี่ทำไม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นลูกคุณพ่อแกจริง แกนึกเหรอว่ามันจะดีกับแกจริงๆ มันเป็นพี่คนโต ยังไงมันก็ต้องได้สมบัติก่อนใครๆ”
“แบบนี้ที่ดินลานเทก็ไม่เหลือถึงเราเลยซิครับ”
“ไม่เฉพาะที่ดินลานเทหรอกลูก บ้านหลังนี้ก็อาจจะไม่เหลือถึงพวกเราด้วยซ้ำ ที่ซุกหัวนอนเราก็จะไม่มี พวกแกต้องช่วยแม่นะ”
“เราต้องช่วยแม่เพื่อปกป้องตัวเองไว้ก่อน พี่เดือนต้องเลือกว่าจะยืนข้างศัตรูหรือว่าอยู่ข้างพี่น้อง”
คำพูดของเกียรติกล้าและสร้อยเพชร เริ่มทำให้เดือนไขว้เขว
“ยังไง พี่ก็ต้องเลือกยืนข้างคุณแม่อยู่แล้ว”
“ถ้าเลือกข้างคุณแม่ พี่เดือนก็ต้องลืมเรื่องในอดีตทั้งหมด อย่าใจอ่อนไปกับพวกมัน”
“จำไว้นะลูกเดือน เลือดของตระกูลเรามันเข้มข้นเกินกว่าที่จะเห็นคนอื่นดีกว่าแม่ ดีกว่าน้องของเรา”
“ค่ะคุณแม่ หนูสัญญา”
คำพูดของสร้อยเพชรและเกียรติกล้า ทำให้เดือนเริ่มไขว่เขวไปในที่สุด
เช้าวันรุ่งขึ้นเลอสรรกำลังเดินลงบันไดมา ที่เชิงบันได เดือนและเกียรติกล้ายืนรออยู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง เลอสรรมองเห็นก็ชะงักแต่ก็ยังเดินต่อลงมาหา
“แกสองคนคงรู้เรื่องหมดแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะคุณพ่อ เดือนกับตาเกียรติกล้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”
“ถ้างั้นแกสองคนคงเข้าใจพ่อนะ ที่ต้องทำแบบนี้”
“ไม่ครับ ผมไม่เข้าใจ คุณพ่อกำลังจะทิ้งคุณแม่ คุณพ่อไม่รักพวกเราแล้ว”
“อย่าทำตัวเป็นเด็กซิเกียรติกล้า พ่อไม่ได้ทำอย่างที่แกกล่าวหา”
“ถ้าคุณพ่อไม่ได้ทำ คุณพ่อก็อย่าไปซิครับ เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว คุณพ่อทำเฉยๆ ไปซะ ก็หมดเรื่อง”
“พ่อทำแบบนั้นไม่ได้ พ่อทำผิดเอาไว้ พ่อต้องกลับไปขอโทษ เดือนเข้าใจพ่อใช่มั้ย”
“ค่ะ เดือนเข้าใจ แต่ถ้าขอคุณพ่อได้ เดือนก็อยากจะขอร้องไม่ให้คุณพ่อไปลานเท”
“พวกแกสองคนคงจะฟังคุณแม่มากไปหน่อย ทุกอย่างมันจะไม่เป็นอย่างที่คิดหรอก เอาไว้กลับมาเมื่อไหร่ พ่อจะมาปรับความเข้าใจกับแม่ของแก ขอตัวนะ”
เลอสรรเดินเลี่ยงออกไป เดือนรีบเข้าไปกอดไว้จากด้านหลัง
“คุณพ่อ พวกเรารักคุณพ่อนะคะคุณพ่ออย่าทิ้งพวกเรานะคะ”
“วางใจเถอะเดือน พ่อจะไม่ทิ้งเดือน ไม่ทิ้งเกียรติกล้า แล้วก็แม่ของลูกเด็ดขาด”
เลอสรรกอดลูกปลอบโยนแล้วเดินออกไป สร้อยเพชรยืนแอบมองด้วยความหงุดหงิดที่เดือนและเกียรติกล้าห้ามเลอสรรไม่สำเร็จ
ระพี จ่าสมหมายและตำรวจนอกเครื่องแบบ ยืนรอเลอสรรอยู่ที่ท่าเรือ สักครู่ก็เห็นรถเลอสรรแล่นมาจอด เลอสรรเดินลงจากรถเข้ามาสมทบกับคนอื่นๆ
“ทีมพวกเรา พร้อมปฏิบัติแล้วครับผม”
“ดีมาก แต่จำไว้อย่างนึงนะ การไปคราวนี้ ภารกิจของพวกคุณคือการสืบเรื่องคดีเสี่ยเฮง อีกอย่างหนึ่ง ผมไม่อยากให้ทำอะไรเอิกเกริก คนร้ายจะรู้ตัว”
“ไม่มีใครรู้แน่นอนครับ เพราะวันนี้เป็นวันชิงแชมป์มวย จะมีชาวบ้านแห่ไปดูมวยกันเยอะแยะ แล้วพวกเราก็จะปะปนเข้าไปอยู่ในกลุ่มชาวบ้าน รับรองเนียนแน่นอน ครับ”
“เอาละ ไปกันได้แล้ว”
ทุกคนพากันเดินลงเรือไป
เรือแล่นมาตามลำน้ำ ทุกคนในเรือพยายามทำตัวกลมกลืนเหมือนชาวบ้าน ที่บริเวณริมน้ำ น้อยกับผู้ใหญ่ต้อง กำลังช่วยชาวบ้านเก็บผักตบชวาที่ลอยมาติดริมตลิ่งแล้วลากขึ้นมา
“เออๆ ลากขึ้นมาให้หมด ไม่งั้นมันลอยมาปิดทางเต็มไปหมด”
“เอาขึ้นมาแล้วจะทิ้งไว้แบบนี้น่ะเหรอผู้ใหญ่”
“เอาไปทำปุ๋ย หรือเอาไปตากแห้งแล้วสานเป็นกระเป๋า สานเป็นเปลยวนก็ได้”
เรือของพวกเลอสรรแล่นผ่านไป ผู้ใหญ่ต้องหันไปมองสังเกตการณ์
“แล้วนั่นมันเรือบ้านไหนวะ”
“เรือพวกมาดูมวยนั่นแหละผู้ใหญ่”
“ท่าทางมันคุ้นๆ ยังไงไม่รู้นะ”
ผู้ใหญ่ต้องมองสังเกตไปยังเรือที่กำลังแล่นห่างออกไป
ท่าเรือบ้านลานเท วันนี้มีเรือแล่นเข้ามาจอดกันหลายลำ ชาวบ้านทยอยกันขึ้นจากเรือเพื่อไปดูมวยกัน เรือของตำรวจนอกเครื่องแบบแล่นเข้ามาจอด เลอสรร ระพี จ่าสมหมายและตำรวจนอกเครื่องแบบคนอื่นๆ พากันลงจากเรือ
“เอาละ ผมจะแยกไปทำธุระ พวกคุณแยกย้ายกันปฏิบัติงานตามแผน” เลอสรรบอก
“แล้วท่านรองจะไปไหนครับ”
“ผมมีธุระที่บ้านกำนันธง มีอะไรไปตามผมที่นั่น”
“งั้นผมให้จ่าสมหมายไปเป็นเพื่อนนะครับ”
“ไม่ต้อง เรื่องนี้เป็นธุระส่วนตัว ถ้าพวกคุณมีปัญหาอะไร ไปตามผมได้ที่นั่น”
“ครับผม”
ระพี จ่าสมหมาย และตำรวจนอกเครื่องแบบพากันแยกตัวออกไป เลอสรรเดินไปยังบ้านกำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง และน้อย เพิ่งเดินเข้ามาแอบมองอยู่ที่มุมหนึ่ง
“คุณเลอสรร กำลังจะไปที่บ้านกำนันธง”
“ต้องเจอกับศรีนวลแน่ๆ เลยผู้ใหญ่”
“ประเดี๋ยวข้าจะออกไปถ่วงเวลาไว้ เอ็งรีบไปบอกกำนันธงกับแม่ศรีนวลเร็ว”
“จ้ะ”
น้อยรีบวิ่งไป ผู้ใหญ่ต้องเดินเข้าไปหาเลอสรร
ผู้ใหญ่ต้องรีบเดินเข้าไปทักทายกับเลอสรร
“สวัสดีครับคุณเลอสรร”
“อ้าว...ผู้ใหญ่ต้อง ครับสวัสดีครับ”
“เอ้อ คุณเลอสรรมาลานเท จะมาสอบปากคำชาวบ้านเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ”
“ผมอยากจะคุยธุระส่วนตัวกับกำนันธง ไม่เกี่ยวกับงานราชการ”
“ตอนนี้มวยกำลังจะชกพอดีเลย ไปดูมวยกันก่อนมั้ยครับ”
“ไม่ดีกว่าผู้ใหญ่ นี่กำนันธงอยู่บ้านใช่มั้ย”
ผู้ใหญ่ต้อง พยายามถ่วงเวลาเลอสรร ต่างๆ นานา
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
บ้านกำนันธง ขณะนั้นศรีนวลกำลังกวาดลานบ้านอยู่ สักครู่ก็เห็นดาวและบุญเหลือเดินลงจากบ้านกำลังจะไปดูมวยกัน
“นั่นจะไปไหนกัน ดาว บุญเหลือ”
“ไปดูมวยจ้ะแม่ เย็นๆ กลับ”
“วันนี้คนเยอะ ระวังจะมีเรื่องมีราวนะ”
“ถึงมีเรื่อง พวกเราก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ลูกแม่ศรีนวลซะอย่าง”
“แม่ไปด้วยกันมั้ยจ้ะ มวยคู่ชิงน่าลุ้นสนุกนะแม่”
น้อยวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“ศรีนวลๆ”
“มีอะไร วิ่งหน้าตาตื่นมาเชียว”
กำนันธงได้ยินเสียง เดินออกจากบ้านมาดู
“มีโจรปล้นบ้านที่ไหนเหรอวะนังน้อย”
“ไม่ใช่โจรจ้ะกำนัน มีคนมาจ้ะ มีคนมา”
“ใครมาวะ”
“คุณเลอสรรจ้ะ กำลังมาที่นี่”
กำนันธงและศรีนวล นิ่งอึ้งไม่คาดฝัน ขณะที่ดาวและบุญเหลือยืนงง ไม่เข้าใจเหตุการณ์
“เขามาทำไมที่นี่”
“หรือว่าคุณเดือนกลับไปฟ้องพ่อให้มาเล่นงานพวกเรา”
“เอ็งพาเด็กสองคนนี่หลบไปก่อน พ่อจะอยู่รับหน้าเขาเอง” กำนันธงบอกศรีนวล
“จ้ะพ่อ”
“ทำไมต้องหลบด้วยล่ะจ๊ะ ดาวอยากรู้ว่าพ่อคุณเดือนมาทำอะไรทีนี่”
“อย่าเพิ่งรู้อะไรตอนนี้เลย ดาว บุญเหลือตามแม่มา”
ศรีนวลพาดาวและบุญเหลือเดินออกไป กำนันธงหันไปหาน้อย
“น้อย เอ็งไปเตรียมปืนเอาไว้”
“ได้จ้ะ”
น้อยวิ่งเข้าบ้านไป กำนันธงยืนมองตรงไปยังทางเดินเข้าบ้านรอคอยเลอสรร
เลอสรรกำลังเดินมากับผู้ใหญ่ต้อง ศรีนวลยืนแอบมองอยู่หลังต้นไม้ ข้างๆ ศรีนวลเห็นดาวและบุญเหลือยืนหลบอยู่ด้วยกัน ศรีนวลมองเลอสรร ด้วยความรู้สึกหวิวๆในหัวใจ เพราะแม้เวลาจะผ่านมานานถึง 20 ปี แต่ครั้งใดที่เจอกันความรู้สึกรักและห่วงใยก็ยังเต็มเปี่ยมในหัวใจ ศรีนวลแอบมองเลอสรรไปจนลับตา
ดาวและบุญเหลือสังเกตเห็นความรู้สึกของศรีนวลก็ยิ่งทำให้สงสัย
“แม่ มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ ทำไมแม่ต้องน้ำตาคลอด้วย”
ศรีนวลรีบปาดน้ำตากลบเกลื่อน ซ่อนความรู้สึกไว้
“ไม่มีอะไร แถวนี้ฝุ่นเยอะไปหน่อยน่ะ มันเลยเข้าตา”
“แล้วนี่เราจะไปที่ไหนกันดีครับ”
“ไปดูมวยกันดีกว่า ที่นั่นคนเยอะดี”
“ก็ดีเหมือนกัน งั้นเราไปกันเถอะ”
ดาว บุญเหลือและศรีนวลพากันเดินไปที่โรงมวย
เลอสรรเดินมากับผู้ใหญ่ต้อง ขณะที่กำนันธงยืนรออยู่ด้วยสายตานิ่งเฉย
“กำนัน คุณเลอสรรมีธุระจะคุยด้วย” ผู้ใหญ่ต้องบอก
“ครับ สวัสดี...เอ้อ”
“คุณมาทำไม” กำนันธงตัดบท
“ผมมาขอพบศรีนวล” คำตอบนี้ทำให้กำนันธงอึ้ง
“คุณจะพบศรีนวลลูกสาวผมทำไม”
“ผมอยากจะมา ขอโทษ ศรีนวล และกำนันธง ในเรื่องที่ผ่านมา”
“ถ้าเป็นเรื่องที่คุณพาตำรวจมาสอบปากคำพวกชาวบ้านเมื่อวันก่อน พวกเราไม่ได้ติดใจอะไร คงไม่ต้องขอโทษ”
“ผมหมายถึงเรื่องระหว่างผมกับศรีนวลเมื่อ 20 ปีที่แล้วครับ”
กำนันธงมองหน้าเลอสรรนิ่ง พยายามคาดเดาว่าเลอสรรจะมาไม้ไหน เพราะกว่า 20 ปีที่เลอสรรห่างหายไป และทำเหมือนไม่รู้จักกัน จู่ๆ วันนี้ก็เอาเรื่องในอดีตกลับมาพูดอีก
“ผมกับศรีนวลจำอะไรไม่ได้แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องกลับมารื้อฟื้นมันอีก”
“ผมรู้ว่าผมทำผิด ถ้ากำนันธงกับศรีนวลจะโกรธมันก็ยุติธรรมแล้ว ความผิดของผมมันมากจนเกินกว่าทุกคนจะให้อภัย”
“ถ้ารู้อย่างงั้น คุณกับศรีนวลก็ไม่จำเป็นต้องพบกัน ปล่อยให้เวลามันลบเรื่องเลวๆ ออกไปจากชีวิตพวกเราเถอะครับ”
กำนันธงเดินหนีขึ้นบ้านไป เลอสรรจะเดินตาม แต่ผู้ใหญ่ต้องกันเอาไว้
“อย่าเพิ่งตามไปเลยครับคุณเลอสรร ยังไงคุณนั่งรออยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวผมจะลองไปเจรจาดู”
“ก็ได้ครับ รบกวนผู้ใหญ่เจรจาให้ผมที ไม่งั้นผมคงจะกลับกรุงเทพฯไม่ได้จนกว่าจะได้เจอกับศรีนวลซะก่อน”
ผู้ใหญ่ต้องเดินตามกำนันธงเข้าบ้านไป ทิ้งเลอสรรยืนรออยู่ที่ลานบ้าน
กำนันธงเดินมาหยุดยืนนิ่งสงบสติอารมณ์ระงับความโกรธที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง สักครู่ผู้ใหญ่ต้องก็เดินเข้ามาหา
“กำนัน คุณเลอสรรเขาบอกว่า...”
“ไปบอกให้มันกลับไป”
“แต่เขาบอกจะไม่กลับ จนกว่าจะได้เจอกับแม่ศรีนวล”
“ชั้นไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันต้องการอะไรกันแน่ 20 ปีที่มันลืมสัญญา ปล่อยให้ข้ากับลูกต้องอับอาย เจ็บปวดทรมาน แล้วจู่ๆ วันนี้มันก็กลับมาเปิดบาดแผล ทำให้ข้ากับศรีนวลต้องเจ็บปวดอีกครั้ง”
“น่าจะฟังคุณเลอสรรเขาก่อนนะกำนัน เรายังไม่รู้เลยว่าเขาจะมาไม้ไหน”
“ไม่ว่าจะไม้ไหน มันก็ไม่ได้ช่วยให้ข้ากับลูกหายเจ็บ ถ้ามันจะไม่กลับก็ปล่อยมันข้าไม่สนใจ”
ผู้ใหญ่ต้องสังเกตท่าทีของกำนันธงแล้วก็รู้ว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดต่อ ผู้ใหญ่ต้องจึงเดินเลี่ยงออกไป ทิ้งกำนันธงอยู่กับความเจ็บปวดเงียบๆ
น้อยซึ่งแอบอยู่แถวนั้นรีบเข้าไปหาผู้ใหญ่ต้อง โดยน้อยถือปืนไว้ในมือ
“กำนันให้ชั้นเตรียมปืนเอาไว้ เอาไงดี ประเดี๋ยวถ้ากำนันแกคลั่งขึ้นมา แล้วเอาปืนไปยิงคุณเลอสรรตายเรื่องมันจะไปกันใหญ่”
“ชักจะไม่ได้การแล้ว”
ผู้ใหญ่ต้องเริ่มกังวล
ที่โรงมวย ระพีและจ่าสมหมาย ซึ่งทำตัวกลมกลืนกับพวกชาวบ้านที่มาเชียร์มวยยืนสังเกตการณ์อยู่ โดยในโรงมวยขณะนี้ยังเป็นการชกมวยของมวยคู่รองๆ ลงไป ยังไม่ใช่คู่เอก
ที่หน้าห้องทำงานเสี่ยเฮงมีลูกน้องยืนคุมเชิงอยู่ สักครู่ก็มีชาวบ้านคนหนึ่งเดินมาจะเข้าห้องเสี่ยเฮงแต่โดนกันไว้
“จะไปไหน”
“หาเสี่ยเฮง”
“เสี่ยไม่ว่าง”
“แต่เสี่ยนัดไว้ว่าให้มาวันนี้”
“เสี่ยไม่ว่าง ห้ามเข้า”
“งั้นไปบอกเสี่ยด้วย ว่าทิดใหม่มาหา”
“แล้วจะบอกให้”
ชาวบ้านเดินออกไปงงๆ ที่ไม่ได้เข้าพบเสี่ยเฮง ระพีและสมหมายยืนแอบมอง
“เสี่ยเฮงตายไปแล้ว งั้นใครอยู่ในห้อง”
“อยากรู้ก็ต้องไปดูซิจ่า”
ระพีเดินนำจ่าสมหมายไปที่มุมหนึ่งข้างๆ ห้อง ซึ่งค่อนข้างมืด
มุมข้างห้อง ระพีและจ่าสมหมายเดินเข้ามา ระพีพยายามหาช่องสำหรับแอบมองเข้าไปด้านใน โดยจ่าสมหมายคอยดูต้นทางให้
“ดูต้นทางไว้นะ”
“ไม่ต้องห่วง”
ระพีหาช่องมองเข้าไปด้านในห้องแล้วระพีก็เห็นอาวุธปืนและกระสุนมากมาย ขณะนั้นบันลือนั่งหันหลังอยู่ บันลือหันมาหยิบกระสุนปืนบรรจุในแม็กกาซีนระพีจึงเห็นหน้าชัดๆ
“ไอ้บันลือ”
จ่าสมหมายสะดุ้งโหย่ง ไม่คาดคิด
“อะไรนะผู้กอง”
“พวกมันอยู่ที่นี่”
ระพีเปิดทางให้จ่าสมหมายมาเห็นด้วยตาตัวเอง จ่าสมหมายรีบมาส่องในรูแอบดู
“โอ้โห อยู่กันครบทีมเลยครับ”
บันลือ ดำ แดง อยู่กันพร้อมหน้า
“รีบส่งข่าวให้ทีมของพวกเรารู้ตัวว่ากำลังเจอกับอะไร”
“ครับผม”
จ่าสมหมายรีบเดินออกไปกระซิบตำรวจนอกเครื่องแบบที่ปะปนอยู่ในโรงมวยและยืนกระจายไปตามจุดต่างๆ
สักครู่ประตูห้องทำงานเสี่ยเฮงเปิดออก บันลือ ดำ แดง เดินออกมา แล้วเดินไปยังมุมข้างเวทีมวย ระพียืนมองสังเกตการณ์
ศรีนวล ดาว บุญเหลือ พากันเดินเข้ามาในโรงมวย ท่ามกลางชาวบ้านที่แห่กันมาเชียร์มวยคู่ชิงแชมป์อย่างแน่นขนัด บุญเหลือเดินนำทุกคนมายังมุมหนึ่ง
“ยืนดูตรงนี้ดีกว่าแม่ ไม่ต้องเบียดใคร”
ศรีนวลดูจะเหม่อๆ ไม่ได้สนใจเรื่องมวยมากนัก เนื่องจากจิตใจยังคงกังวลในเรื่องที่เลอสรรมาหา ดาวสังเกตเห็น
“แม่ แม่เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเหม่อๆ ยังไงชอบกล”
“แม่แค่อึดอัดนิดหน่อย ดาวกับบุญเหลือไม่ต้องห่วง”
“ต่อไปเป็นคู่ชิงแล้ว สงสัยมวยจะมันนะแม่”
ดาวและบุญเหลือ พยายามดูแลเอาใจศรีนวล เพราะทั้งคู่เองก็รู้สึกว่าศรีนวลกำลังซ่อนความรู้สึกเศร้า ลึกๆ เอาไว้
ที่มุมมืดข้างเวที บันลือ ดำ แดง ยืนมองอยู่
“นั่นนังดาวกับแม่ศรีนวลนี่ พี่บันลือ”
“ไม่ยักรู้ว่าวันนี้พวกมันจะมาที่นี่”
“เอาไงดีพี่”
“ฮึ่...งั้นเดี๋ยวหาอะไรหนุกๆ ทำกันดีกว่า”
บันลือ ดำ แดง พากันเดินออกไป
บนเวทีมวย มวยคู่รองชกเสร็จ โฆษกสนามยกมือให้ฝ่ายผู้ชนะ จากนั้นโฆษกสนามมวยก็มาประกาศมวยคู่พิเศษ
“คู่ต่อไป เป็นมวยคู่พิเศษ นัดล้างตาระหว่าง ดาว บ้านลานเท”
ดาว ศรีนวล บุญเหลือ แปลกใจ ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ หันมาส่งเสียงเชียร์
“เฮ้ย อะไรเนี่ยะ”
“มีใครเล่นตลกหรือเปล่า”
“นั่นซิ แม่ว่ามันแปลกๆ นะ”
“กลัวอะไรดาว ยังไงใครก็สู้เอ็งไม่ได้อยู่แล้ว ขึ้นไปโชว์หน่อย” ชาวบ้านบอก
“ขึ้นเลยๆๆ”
ชาวบ้านส่งเสียงเชียร์ ดาวโดนดันให้ขึ้นเวที ชาวบ้านส่งเสียงเรียกร้อง ศรีนวลพยักหน้าอนุญาต ดาวเลยเดินขึ้นเวทีไป ท่ามกลางชาวบ้านที่ส่งเสียงเฮกันกึกก้อง ระพีดาวที่ยืนอยู่บนเวที
“มวยคู่พิเศษมันไม่มีในโปรแกรมนี่”
“นั่นซิผู้กอง มันยังไงๆ อยู่นะ”
บนเวที โฆษกเริ่มประกาศต่อ
“ดาว บ้านลานเท นักมวยขวัญใจชาวลานเท วันนี้จะมาประกบคู่กับ บันลือ ศิษย์ชิ้น”
บันลือเดินขึ้นมาบนเวที พร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ที่แท้ก็เป็นแผนของแก”
“กลัวเหรอจ้ะน้องดาว”
“คนอย่างชั้นไม่เคยกลัวใคร”
“งั้นก็จัดเต็ม”
ระฆังมวยดังขึ้น ดาวและบันลือก็เริ่มเปิดฉากการชก โดยที่บันลือพยายามยั่วยวนให้ดาวโกรธ ขณะที่ดาวซัดแต่ละหมัดไปที่บันลือทำให้บันลือถึงกับงงๆ
ในป่าใกล้ผาช่องลม สมิง ศรีไพร ขวด เหิมและลูกน้อง กำลังเดินทางมากลางป่า
“ตอนนี้ไม่มีใครเห็นเสี่ยเฮงเลยสมิง ไม่รู้หายไปไหน”
“บางทีอาจจะโดนฆ่าตายไปแล้วก็ได้”
“ไม่ว่าเสี่ยจะอยู่หรือตาย ยังไงข้าก็จะไม่เก็บพวกมันเอาไว้แน่”
“เราลัดไปทางนี้ อีกไม่นานก็ถึงโรงมวย”
สมิงและพวกพากันเดินไป กลุ่มของมเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้น เข่งและลูกน้องแอบมองอยู่
“คราวนี้ รังของพวกเอ็งจะต้องโดนถล่มสิ้นซากแน่”
“ใจเย็นเถ้าแก่ ถึงพวกมันไม่อยู่ แต่ก็อย่าประมาทไอ้เสือเฮี้ยน ไอ้คนนี้มันไม่ใช่โจรกระจอกแน่นอน ไอ้เข่ง เอ็งจำทางเข้าผาช่องลมได้ใช่มั้ย”
“ชั้นจำได้แน่นอน มเหศักดิ์”
“งั้นก็รีบนำทางไป”
เข่งรีบนำทางทุกคนไปยังผาช่องลม
ที่ลานหน้าบ้านกำนันธง เลอสรรนั่งรออยู่นาน ทำให้เขาเริ่มกระวนกระวายและตัดสินใจจะเดินขึ้นบ้านไป แต่ผู้ใหญ่ต้องซึ่งคุมเชิงอยู่ รีบห้ามปรามไม่ให้เลอสรรขึ้นไปหากำนันธงที่ด้านบน
“คุณเลอสรรจะไปไหนครับ”
“ชั้นจะขึ้นไปถามกำนันธงว่าศรีนวลจะกลับเมื่อไหร่”
“แต่ผมว่าอย่าขึ้นไปเลยครับ”
“ทำไมล่ะ หรือว่าศรีนวลอยู่ข้างบนบ้าน”
“เปล่าๆ ครับ ศรีนวลไม่ได้อยู่ข้างบน”
“ชั้นไม่เชื่อ ท่าทางผู้ใหญ่ดูมีพิรุธ ศรีนวลต้องอยู่ข้างบนบ้านแน่ๆ”
เลอสรรผลักผู้ใหญ่ต้องให้หลีกทางแล้วจากนั้นก็ขึ้นบันได เดินเข้าไปด้านใน
เลอสรรเดินเข้ามาในบ้านแล้วตะโกนหาศรีนวล
“ศรีนวลๆ”
เลอสรรเดินไปเปิดประตูห้องต่างๆ เพื่อค้นหาศรีนวล ผู้ใหญ่ต้องรีบตามขึ้นมาดูเหตุการณ์ แต่ไม่พบกำนันธง แถวนั้น น้อยโผล่มาจากมุมหนึ่งแล้วกวักมือเรียกผู้ใหญ่ต้องให้ตามมา ผู้ใหญ่ต้องเดินตามน้อยไป
“กำนันอยู่ไหน” ผู้ใหญ่ต้องกระซิบถามน้อย
“ลงบันไดหลังบ้านไปแล้ว สงสัยหนีไปสงบสติอารมณ์ ผู้ใหญ่รีบตามไปดูดีกว่า”
“ดีเหมือนกัน”
ผู้ใหญ่ต้องและน้อยพากันแอบย่องหายไปทิ้งเลอสรรเดินสำรวจมุมต่างๆ ของบ้าน
“ศรีนวล เธออยู่ไหน ศรีนวล”
เลอสรรเดินไปเปิดประตูห้องที่ตนเองเคยนอน ก็รู้สึกชะงัก คลับคล้ายคลับคลา เขายืนนิ่งมองเตียงที่เคยนอน แล้วจู่ๆ ความทรงจำครั้งนั้นก็กลับมา
ภาพในอดีตเมื่อครั้งที่เลอสรรไม่สบายแล้วศรีนวลเช็ดตัวให้
ที่โรงมวย ดาวและบันลือกำลังชกกันท่ามกลางเสียงเชียร์ของชาวบ้าน ท่าทางของบันลือดูเหมือนจะพยายามออมแรงเอาไว้ไม่ยอมออกหมัด แล้วหลอกล่อให้ดาวปล่อยหมัด แล้วยั่วยวนดาวไปเรื่อยๆ เพื่อทำให้ดาวเหนื่อยหมดแรง
ศรีนวลและบุญเหลือยืนเชียร์ ระพี จ่าสมหมายยืนแอบมองอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ซัดไปเลยดาว เอาเลยๆ”
ศรีนวลสังเกตเห็นความผิดปกติ
“บุญเหลือ”
“ครับแม่”
“แม่ว่ามันแปลกๆ อยู่นะ”
“แปลกยังไงครับ”
“ทำไมไอ้บันลือมันไม่ออกหมัดเลย”
“เออ จริงด้วยหรือว่ามันจะกลัว”
“แม่ว่าไม่ใช่ มันกำลังยั่วให้ดาวหงุดหงิด มันกำลังยั่วให้ดาวหงุดหงิด”
เสียงระฆังหมดยก ดาวและบันลือต่างก็แยกเข้ามุม ศรีนวลและบุญเหลือรีบเข้าไปหาดาว
“ดาว ออมแรงไว้บ้าง”
“แต่ดาวหมั่นไส้ อยากจะน็อกมันเร็ว”
“ใจเย็นๆ ดาว ระวังจะตกหลุมพรางของมัน”
“หลุมพรางอะไร”
“มันจะหลอกล่อให้ดาวหมดแรง แล้วมันจะบุก”
ระฆังดังอีกครั้ง ดาวลุกขึ้นจากมุม แล้วเดินเข้าไปชก
หน้าโรงมวย สมิง ศรีไพร เหิม ขวดและลูกน้องพากันเดินเข้ามาหลบมุม แอบมองบรรยากาศโรงมวย สมิงมองไปที่บรรดานักเลงที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็รู้สึกผิดปกติ
“มีอะไรสมิง”
“ไอ้พวกที่คุมหน้าประตู ไม่ใช่ลูกน้องเก่าของเสี่ยเฮง”
“พวกมันพกปืนกันทุกคน”
“แบบนี้อันตรายแน่”
“ถ้างั้นพวกเราแยกกัน สมิงกับศรีไพรจะเดินปนไปกับพวกชาวบ้านเข้าไปข้างใน ส่วนที่เหลือคุมเชิง รอสัญญาณที่ด้านนอก”
“ตกลงสมิง”
สมิง ศรีไพร ซ่อนอาวุธปืนเอาไว้ในเสื้อ แล้วจากนั้นก็พรางตัวเดินปนไปกับกลุ่มชาวบ้านที่กำลังเดินไป โรงมวย
แดง ซึ่งแอบมองอยู่ในมุมหนึ่ง เห็นสมิงก็จำได้ แดงรีบเดินไปหาบันลือ
บนเวที ขณะนั้นดาวและบันลือกำลังชกกัน ดาวถูกยั่วให้หงุดหงิด จึงไล่ชกบันลืออย่างลืมตัว ทำให้บันลือหลอกล่อให้ดาวเข้ามาที่มุมของตัวเอง
แดงเดินมาข้างเวที พยายามส่งสัญญาณมือให้บันลือเห็น บันลือหันมองก็เริ่มแผนการ บันลือทำทีเป็นกำลังจนมุม ถูกไล่ถลุงอยู่ที่มุม ขณะที่ดำซึ่งอยู่แถวนั้นส่งปืนให้ในจังหวะเผลอนั้นเอง ทำให้บันลือคว้าตัวดาวเอาไว้ได้แล้วเอาปืนจ่อ
ศรีนวล บุญเหลือตกใจ เช่นเดียวกับระพี ซึ่งยืนมองอยู่ก็ตกใจ ชาวบ้านหวาดกลัว พยายามจะหนีออกจากโรงมวย แต่ออกไม่ได้ เพราะประตูโดนปิด พวกนักเลงชักปืนออกมาข่มขู่ให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ศรีนวล บุญเหลือ รีบโดดขึ้นเวทีไป แต่เกรงบันลือจะยิงดาว
“ปล่อยลูกชั้นนะ ปล่อยดาวเดี๋ยวนี้”
“อย่าเข้ามา ไม่งั้นนังดาวตายแน่”
พวกนักเลงลูกน้อง ชักปืนออกมาเล็งใส่ศรีนวล และบุญเหลือ ทั้งคู่รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นรอง
“แม่ ใจเย็นๆ”
“สมิง ออกมาซีวะ จะหดหัวอยู่ทำไมวะ ฉันรู้นะว่าแกมาที่นี่” สมิงเดินมายืนในมุมสว่างทำให้ทุกคนเห็นหน้าชัด ส่วนศรีไพรแอบปะปนกับชาวบ้านยังไม่ปรากฏตัว “ฮ่ะๆ ในที่สุดแกก็มา”
“ปล่อยดาวเดี๋ยวนี้”
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นนังนี่ตาย”
“แกต้องการอะไร ฉันจะยอมทุกอย่าง ขอเพียงอย่าทำอะไรลูกสาวของชั้น”
ระพีและจ่าสมหมาย แปลกใจ และเข้าใจว่าดาวเป็นลูกสาวของสมิง
“อ้าว ที่แท้ ดาวก็เป็นลูกสาวของสมิง”
“มิน่า ทุกคนที่ลานเทถึงได้ปกปิดเรื่องของสมิงมาตลอด”
“ชีวิต ต้องแลกด้วยชีวิต ถ้าแกอยากให้นังดาวปลอดภัย แกก็ต้องยอมเป็นตัวประกันแทน”
“ก็ได้”
สมิงตัดสินใจยอมเป็นตัวประกันแทนดาว
ที่บ้านกำนันธง เลอสรรยืนมองเตียงนอนน้ำตาคลอ รู้สึกผิดเพราะความทรงจำต่างๆ ระหว่างเขากับศรีนวลกลับมา ขณะนั้นกำนันธงเดินเข้ามายืนด้านหลังเลอสรร น้อยยืนถือปืนห่างออกไป
“คุณทำลายชีวิตผู้หญิงคนนึงให้ตายทั้งเป็น ทิ้งให้ศรีนวลจมอยู่กับความทุกข์ทรมานมา 20 กว่าปี ทุกคนกำลังจะลืมมัน แต่คุณก็ยังมีหน้ากลับมาอีก”
“มันเป็นความผิดของผมเอง ศรีนวลอยู่ที่ไหนครับ”
“ผมขอร้องครับคุณเลอสรร คุณออกไปจากชีวิตพวกเราซะ”
“ไม่ครับ ผมทำไม่ได้”
กำนันธงหันไปคว้าปืนจากน้อยมาถือแล้วเล็งมายังร่างของเลอสรร เลอสรรชะงัก แต่แล้วเสียงปืนจากโรงมวยเถื่อนก็ดังแว่วเข้ามา ทำให้กำนันธงกับเลอสรรนิ่งฟัง สักครู่ผู้ใหญ่ต้องวิ่งหน้าตื่นเข้ามาพร้อมชาวบ้านคนหนึ่ง
“คุณกลับไปซะคุณเลอสรร” กำนันธงบอก
“กำนัน เกิดเรื่องแล้ว”
“มีอะไร”
“ไอ้บันลือมันยึดโรงมวย ตอนนี้ยิงกันแล้ว” ชาวบ้านบอก
“รีบไปเถอะกำนัน ศรีนวล ดาว แล้วก็บุญเหลืออยู่ที่นั่น”
“ศรีนวล”
กำนันธง เลอสรร ผู้ใหญ่ต้อง พากันวิ่งออกไป
บรรยากาศในโรงมวยตึงเครียด สมิงยืนมองบันลือนิ่ง ขณะที่ศรีนวลพยายามห้ามปรามไม่ให้สมิงตกเป็นเหยื่อ
“สมิง อย่าทำแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรศรีนวล ไม่ต้องห่วง คนอย่างสมิงไม่ตายง่ายๆ หรอก”
“จับมัน” บันลือสั่งลูกน้อง
พวกนักเลงลูกน้องพากันกรูเข้ามาจับสมิงไว้ โดยสมิงก็ยอมให้จับแต่โดยดี
“เอาล่ะ แกปล่อยดาวได้แล้ว”
“ฮ่ะๆ ปล่อยก็โง่ซิ ฮ่ะๆ ตายซะเถอะไอ้สมิง”
บันลือเล็งปืนมายังสมิง แล้วลั่นกระสุนออกมา ระพี จ่าสมหมาย ตกใจ
ก่อนที่บันลือจะยิงสมิง ศรีไพรก็กระโดดเข้าไปเตะปืนบันลือทำให้กระสุนวิ่งพลาดเป้าไป จากนั้นสมิงก็สะบัดตัวหลุดออกจากการจับกุม แต่โดนพวกลูกน้องบันลือรุมทำร้าย ศรีนวล บุญเหลือ และศรีไพร พยายามจะช่วยดาว แต่โดนแดง ดำและลูกน้องมาขวางไว้ ดำ แดง ต่อสู้กับศรีนวล สักครู่ก็ชิ่ง ปล่อยให้พวกลูกน้องรับมือแทน บันลือรีบพาดาวหนี
บันลือพาตัวดาว หนีมาโดยมีลูกน้องอีกส่วนหนึ่งคอยคุ้มกัน ระพีและจ่าสมหมายเข้ามาขวางไว้
“ปล่อยดาวเดี๋ยวนี้”
“คุณระพี” ดาวแปลกใจที่เห็นระพี
“ปล่อยก็โง่ซิวะฮ่ะๆ อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นนังดาวตายแน่”
บันลือเอาปืนมาขู่ทำท่าจะยิงดาว ทำให้ระพีและจ่าสมหมายไม่กล้าเข้ามาช่วย พวกลูกน้องบันลือรีบเข้ามาขวางแล้วต่อสู้กับระพี จ่าสมหมาย บันลือรีบพาดาวหนีไป
หน้าโรงมวย ขวด เหิมและลูกน้องสมิง พากันบุกไปที่หน้าประตูโรงมวย เพื่อพังประตูเข้าไปช่วย สักครู่ประตูโรงมวยก็เปิดออก ทำให้ชาวบ้านพากันวิ่งหนีวุ่นวาย ขณะที่พวกลูกน้องทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ใช้ปืนยิงและต่อสู้กัน
ดำและแดง พากันหนีออกมาด้านนอก พยายามหลอกล่อให้ ขวด เหิมและลูกน้องสมิงเข้าไปด้านในโรงมวย ทุกคนหลงกลตามติดเข้าไปด้านใน
บันลือจับดาวเป็นตัวประกัน พาหนีออกมา บันลือหันไปสั่งดำ แดง
“ปิดประตูโรงมวยเร็ว ปิด”
ดำ แดง และพวกลูกน้องพากันปิดประตูโรงมวย ทำให้ทุกคนโดนขังเอาไว้ด้านใน ดาวแปลกใจว่า บันลือกับพวกกำลังจะทำอะไร
“นั่นแกจะทำอะไร”
“ฮ่ะๆ ทำสุสานฝังไอ้พวกข้างในน่ะซิ ฮ่ะๆ”
“หมายความว่า”
ดำ แดง พากันดึงสายชนวน และกล่องสำหรับจุดระเบิดออกมา บันลือหันไปสั่งการ
“ระเบิดพวกมันทิ้ง ให้มันตายไปพร้อมๆ กัน”
“อย่านะ อย่า”
ดาวดิ้นรนแล้วเตะกล่องจุดระเบิดกระเด็นไป บันลือโมโหเหวี่ยงร่างของดาวออกมาแล้วตบฉาด ดาวเซถลาล้มลง แดงและดำ หยิบกล่องจุดระเบิดมาดู เห็นสายชนวนหลุด
“สายชนวนหลุด”
“หลุดก็ต่อใหม่ซิวะ เร็ว”
ดาวพยายามลุกขึ้นมา บันลือหันไปเห็นรีบชักปืนเข้าไปจ่อ
“แกหมดประโยชน์แล้ว ตายล่วงหน้าไปก่อนละกันนังดาว”
ขณะที่บันลือกำลังจะลั่นกระสุนใส่ดาว กำนันธง เลอสรร ผู้ใหญ่ต้องและพวกชาวบ้านก็ปรากฏตัว
“หยุดนะ ไม่งั้นเอ็งตายแน่ ไอ้บันลือ”
บันลือ ดำ แดง ชะงัก หันไปมองเห็นกำนันธง เลอสรร และพวกมีปืนก็เลยไม่กล้ายิงดาว
“ตา ช่วยด้วย พวกมันกำลังจะระเบิดโรงมวย”
ยังไม่ทันที่ดาวจะพูดจบ บันลือก็เข้าไปล็อกดาวเอาไว้ไปตัวประกันอีกครั้ง
“เอาซิ ยิงเลย ฮ่ะๆ ต่อสายชนวนเสร็จแล้วใช่มั้ยไอ้ดำ”
“เรียบร้อยพี่บันลือ ใครแหยมเข้ามา ไอ้พวกข้างในตายแน่”
“แม่ศรีนวล สมิง พี่บุญเหลือ คุณระพี และคนอื่นๆ อยู่ข้างในหมดเลยจ้ะตา”
ดาวบอก กำนันธง เลอสรร ผู้ใหญ่ต้อง และคนอื่นพากันชะงักนิ่งไม่กล้าทำอะไร
จบตอนที่ 8
อ่านต่อตอนที่ 9 เวลา 17.00น.