xs
xsm
sm
md
lg

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 10

โย่งกลับมาที่ห้องเปิดผ้าห่มที่ห่มตัวบื้ออยู่ทำให้บื้อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจึงเห็นโย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กยืนอยู่ก็แปลกใจ บื้อลุกขึ้นนั่ง

“ฉันรู้ความจริงเรื่องที่ห่านกับคุณฮันนี่เป็นคนคนเดียวกันแล้ว” บื้อหันขวับไปมองลุงจ๊อดทันที ลุงจ๊อดก้มหน้าจ๋อยสนิท บื้อลุกขึ้นยืน “ทุกคนรู้กันหมด ยกเว้นฉัน ทำไมแกต้องโกหกฉันด้วย แกยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า”
โย่งจ้ำเดินออกไป บื้อได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันไปมองลุงจ๊อดอีกครั้ง ลุงจ๊อดก้มหน้างุด บื้อรีบเดินตามโย่งออกไป ลุงจ๊อดหันไปมองตามเจอโจ๊กจ้องหน้าก็รีบก้มหน้างุดอีกครั้ง

โย่งยืนอยู่ บื้อเดินตามออกมา โย่งได้ยินเสียงก็หันไป หน้าเอาเรื่อง
“โย่ง แกฟังฉันก่อน”
“อย่าเพิ่งพูด นอกจากเรื่องนี้ที่แกไม่บอกฉัน ยังมีเรื่องที่แกกับห่านไม่ได้เป็นแฟนกันอีกด้วยใช่มั้ย”
“ใช่”
“แกโกหกฉันสองเรื่อง”
“เรื่องที่ห่านแกล้งเป็นแฟนกันฉัน ฉันขอร้องให้ห่านช่วยเพื่อกันแอปเปิ้ลออกไป ที่ฉันไม่บอกแก เพราะแกมันปากสว่าง เก็บความลับไม่อยู่”
“แกด่าฉันเหรอ”
“ไม่ได้ด่า พูดเรื่องจริง หรือมันไม่จริง” โย่งชะงัก
“เออ...มันก็จริง แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมแกถึงช่วยห่าน ทั้งๆ ที่เรื่องที่ห่านกำลังทำ มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง”
“ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้ห่านมีความสุข” โย่งมองบื้อนิ่งคิดไปนิดนึง
“ไอ้บื้อ หรือว่าแกชอบห่าน”
“ใช่ ฉันชอบห่าน”
“ทั้งๆ ที่ห่านชอบคนอื่น แต่แกก็ยังช่วยห่านเนี่ยนะ ฉันไม่เข้าใจ”
“นี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้ฉันมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดห่าน ได้มองเห็นห่านอยู่ในสายตา ได้เป็นคนที่ยืนเคียงข้างเวลาที่ห่านทุกข์ใจ ฉันไม่ได้ต้องการให้ห่านหันมาชอบฉัน แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว”
โย่งมองบื้อด้วยความอึ้ง ถอนหายใจออกมาแล้วก็จับบ่าบื้อ บื้อหันมา
“แกนี่มันสุดยอดเลยบื้อ ความรักมันช่างยิ่งใหญ่อย่างนี้นี่เอง ได้ยินแบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันเกิดความพยายามที่จะเอาชนะใจแหม่มให้ได้”
“ขอบใจที่เข้าใจฉัน”
“แกไม่ต้องห่วง ฉันจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ รับรองไม่ปากสว่างแน่” บื้อพยักหน้าและยิ้มให้โย่ง

เช้าวันรุ่งขึ้น แหม่มเดินออกมาหน้าบ้านเจอโย่งยืนยิ้มแฉ่งรออยู่
“อรุณสวัสดิ์ครับแหม่ม” แหม่มทำหน้าเซ็ง เดินผ่านโย่งไปแบบไม่สนใจ โย่งเดินตาม “เราเป็นพวกเดียวกันแล้วนะ”
แหม่มหยุดเดินหันมา
“พูดเรื่องไร”
“เรื่องห่านไง”
“ห่านทำไม”
“ห่านกับคุณฮันนี่เป็นคนเดียวกัน” แหม่มช็อก อึ้ง
“นะ...นาย นายรู้ได้ไง”
“ฉันรู้จากบื้อ และไม่ใช่ฉันคนเดียวที่รู้ โจ๊กก็รู้แล้วเหมือนกัน แต่แหม่มไม่ต้องห่วง ผมรูดซิปปากสนิท รับรองไม่รั่วไหล”
“ก็ลองรั่วไหลสิ” แหม่มกระชากคอเสื้อโย่งเข้ามา “ นาย-ตาย-แน่”
โย่งกลืนน้ำลายเอื๊อก แหม่มปล่อยมือจากโย่ง แล้วจ้ำเดินออกไปทันที
“แหม่ม รอฉันด้วย”
โย่งรีบตามแหม่มไปติดๆ

โจ๊กเดินออกมาในชุดนักศึกษา เสียงกดออดดังขึ้น โจ๊กหันไปมองเห็นคุณหนูจ๋ายืนอยู่ โจ๊กเดินมาหาคุณหนูจ๋า
“มาหาพี่บื้อเหรอครับ”
“เปล่า หนูจ๋ามาหาโจ๊ก” โจ๊กนิ่วหน้าแปลกใจ
โจ๊กกับคุณหนูจ๋านั่งกันที่ม้านั่งในสวน
“หนูจ๋าเอายามาให้ ยาตัวนี้ดีมาก ทาแล้วจะไม่เป็นแผลเป็น”
“ขอบคุณนะครับ” โจ๊กรับยามาจากคุณหนูจ๋า แต่เผลอจับมือคุณหนูจ๋า โจ๊กตกใจรีบดึงมือออก “ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร โจ๊กกำลังจะไปมหาลัยเหรอ”
“ครับ”
“ติดรถหนูจ๋าไปลงหน้าปากซอยมั้ย”
โจ๊กมองคุณหนูจ๋าแล้วก็ยิ้มด้วยความยินดี

คุณหนูจ๋าขับรถ โจ๊กนั่งข้างๆ บรรยากาศในรถเงียบมาก โจ๊กทำตัวไม่ถูก ได้แต่นั่งตัวแข็ง เหล่มองไปทา คุณหนูจ๋าตั้งใจขับรถมาก โจ๊กหันมามองที่กระจกด้านหน้าพลางนึกย้อนกลับไปตอนที่คุยกับบื้อ
“อย่าโกหก เห็นหน้าแก พี่ก็รู้แล้ว ชอบเค้า แล้วทำไมไม่บอกเค้าไปตรงๆ”
“ไม่กล้า”
“การที่เราจะเจอใครซักคนที่ถูกใจ ไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่อมีโอกาส ก็ควรคว้าโอกาสนี้ไว้”
โจ๊กสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ตัดสินใจจะหันไปบอก แต่คุณหนูจ๋าจอดรถ โจ๊กแปลกใจ
“โจ๊ก ถึงแล้ว”
โจ๊กสะดุ้งตกใจ เผลอพูดออกมาลั่น
“ผมชอบคุณนะครับ” คุณหนูจ๋างง ตาโต
“ว่าไงนะ” โจ๊กหน้าซีด
“เอ่อ คือ ผมขอบคุณนะครับ คุณหนูจ๋า” คุณหนูจ๋ายิ้มแฉ่ง
“ไม่เป็นไร เพื่อนกัน”
โจ๊กหน้าจ๋อย เปิดประตูลงจากรถ

โจ๊กได้แต่มองตามรถคุณหนูจ๋าไปด้วยความเสียดายแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ลุงจ๊อดยื่นค่าเช่าให้น้อย น้อยจะดึงเงินแต่ลุงจ๊อดยื้อเอาไว้เลยเจอน้อยตีมือเพี๊ยะ ลุงจ๊อดจำต้องปล่อยเงิน น้อยเอานิ้วแตะน้ำลายแล้วนับเงิน

“ครบ”
“ก็ต้องครบสิจ๊ะแม่น้อย คนอย่างฉันไม่เคยเบี้ยว”
“ใช่ คนอย่างแกไม่เบี้ยวธรรมดา แต่เบี้ยวตลอดตลอด”
น้อยกระแทกคำว่า “ตลอดตลอด” ใส่หน้าลุงจ๊อด จนน้ำลายกระเด็นเต็มหน้าไปหมด ระหว่างนั้นเสียงมือถือน้อยดังขึ้น น้อยหยิบมือถือมากดรับสาย
“ค่ะคุณหนู จะให้ป้าซื้อขนมเหรอคะ เอาเยอะมั้ยคะ คุณหนูไปกับเพื่อน 10 คน โอเคค่ะ ป้าจัดให้เอง”
น้อยวางสาย ลุงจ๊อดมองๆ
“คุณหนูจ๋าจะไปไหนเหรอจ๊ะ”
“เที่ยวกับเพื่อน”
“ไปเมื่อไหร่”
“วันพรุ่งนี้”
“กลับเมื่อไหร่”
“แกจะถามมากทำไมห๊ะ”
“อยากรู้เฉยๆ”
“สาระแน”
น้อยสะบัดหน้าเดินออกไป ลุงจ๊อดส่ายหัว

ที่แผนกรองเท้าสตรีห้าง BKK Plaza แอปเปิ้ลกำลังหัวหมุนกับการเอารองเท้ามาให้ลูกค้าลองเห็นรองเท้าวางเกลื่อนเป็นสิบคู่
“ตกลงจะรับสีไหนดีคะ”
“ไม่เอา ไม่ถูกใจซักสี”
แอปเปิ้ลไม่พอใจ แต่ต้องฝืนยิ้มหวานออกมา
“ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ”
ลูกค้าเดินฉับๆ ออกไป แอปเปิ้ลหน้าหงิกทันที
“นังบ้า ลองเป็นสิบๆ สี ยังจะบอกว่าไม่ถูกใจอีก” แอปเปิ้ลหันไปทางปีโป้ที่กำลังนั่งอยู่ “ปีโป้ แกอย่ามากินแรงเพื่อนนะ ลุกขึ้นมาช่วยกันทำมาหากินเดี๋ยวนี้”
“แหม...เพิ่งได้นั่งแค่แป๊บเดียวเอง”
ปีโป้ลุกเดินมาช่วยแอปเปิ้ลเก็บรองเท้า
“นี่นังห่านมันยังลางานอีกเหรอ”
“ใช่น่ะสิ ถ้ามันไม่ลาก็คงจะเห็นมันแล้ว”
“เอาเปรียบที่สุด ถ้ามันกลับมาทำงานเมื่อไหร่ ฉันจะเล่นงานมันให้หนักเลยคอยดู”
แอปเปิ้ลฮึดฮัด แล้วก็ก้มลงเก็บรองเท้าต่อ

คุณชายกับห่านซึ่งแปลงโฉมเป็นฮันนี่เดินมาตามทางด้วยกัน คุณชายสีหน้าดีใจมากๆ
“ผมตื่นเต้นมากเลยครับที่จะได้เจอพ่อกับแม่ของคุณฮันนี่”
“ฮันนี่ก็ตื่นเต้นไม่แพ้คุณชายหรอกค่ะ คุณชายคะ” คุณชายหยุดเดินหันมา “เออ ฮันนี่มีเรื่องจะสารภาพกับคุณชายค่ะ” ห่านทำหน้าลำบากใจ คุณชายมองหน้าห่านด้วยความสงสัย ห่านยื่นมือซ้ายออกไป “ฮันนี่ทำแหวนหาย วันก่อนฮันนี่มาซื้อรองเท้าที่นี่ แต่ที่ไม่ได้บอกคุณชายเพราะต้องรีบไปทำธุระที่อื่นต่อ ฮันนี่คิดว่าฮันนี่ทำหายที่แผนกรองเท้าสตรีค่ะ” คุณชายนิ่งคิด

พรเพ็ญเข้ามาในห้องทำงานคุณชายเห็นห่านนั่งอยู่ด้วย ห่านยกมือไหว้พรเพ็ญ พรเพ็ญรับไหว้ คุณชายลุกเดินมาหา
“ผมมีเรื่องอยากให้คุณพรเพ็ญช่วยครับ” พรเพ็ญนิ่วหน้า
“คุณฮันนี่ทำแหวนหาย” พรเพ็ญชะงัก คุณชายยื่นมือไปตรงหน้าพรเพ็ญ “แหวนแบบเดียวกับผม”
พรเพ็ญมองแหวนที่มือคุณชายแล้วก็จำได้ทันที
พรเพ็ญรับไหว้แอปเปิ้ลแล้วก็สังเกตเห็นแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างขวาของแอปเปิ้ล พรเพ็ญชะงัก เพราะรู้สึกคุ้นแหวนเพชรมาก แอปเปิ้ลเห็นพรเพ็ญมองก็แปลกใจ
“คุณผู้จัดการมองอะไรคะ”
“แหวน”
แอปเปิ้ลดูแหวน แล้วหันไปมองพรเพ็ญ
“แหวนของคุณแม่แอปเปิ้ลน่ะค่ะ” ปีโป้เบ้หน้าเพราะรู้ว่าโกหก “ท่านให้ไว้นานแล้ว แต่เพิ่งจะเอามาใส่”
“คุณฮันนี่มั่นใจว่าทำหายที่แผนกรองเท้า ผมอยากให้คุณพรเพ็ญช่วยเป็นธุระเรื่องนี้ให้ที”
“พรเพ็ญทราบค่ะว่าแหวนของคุณฮันนี่อยู่ที่ไหน”
คุณชายอึ้ง ห่านนิ่วหน้าแปลกใจว่ารู้ได้ไง

พรเพ็ญเดินนำคุณชายและห่านเข้ามาในแผนกรองเท้าสตรี แอปเปิ้ลกับปีโป้เห็นก็รีบเข้ามาต้อนรับทันที แอปเปิ้ลกับปีโป้ไหว้อย่างนอมน้อม
“สวัสดีค่ะคุณผู้จัดการ คุณชาย คุณฮันนี่”
พรเพ็ญ คุณชาย ห่านเห็นแหวนที่มือแอปเปิ้ลก็เหล่มองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองแอปเปิ้ล ห่านลอบทำหน้าร้าย
“ฉันขอถามเธออีกครั้งนะอรนภาว่าแหวนเพชรที่เธอใส่ เธอได้มาจากที่ไหน”
แอปเปิ้ลกับปีโป้มองหน้ากัน แล้วก็หันมาทางพรเพ็ญ
“คุณแม่ให้แอปเปิ้ลมาค่ะ” พรเพ็ญนิ่ง คุณชายไม่พอใจ ห่านแทบจะเก็บความสะใจเอาไว้ไม่ไหว “คุณผู้จัดการถามทำไมคะ”
“เพราะแหวนของเธอ เหมือนกับแหวนของคุณชาย”
แอปเปิ้ลชะงัก คุณชายยื่นมือออกมา ทันทีที่แอปเปิ้ลกับปีโป้เห็นก็ตกใจมาก
“ตายแล้ว บังเอิญจังเลยนะคะ เหมือนจริงๆ ด้วย”
“มันต้องเหมือนสิ เพราะแหวนที่คุณใส่ ผมซื้อให้คุณฮันนี่”
แอปเปิ้ลสะดุ้ง ปีโป้หน้าเสีย ห่านเดินมาตรงหน้าแอปเปิ้ล

“ขอแหวนฉันคืนด้วยนะคะ”

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

แอปเปิ้ลหน้าซีดสุดๆ แล้วก็ถอดแหวนออก ส่งคืนให้ห่าน อย่างไม่มีข้อแก้ตัว ห่านรับแหวนมาใส่
“เธอเก็บของมีค่าได้ที่แผนก แต่ทำไมถึงไม่รายงานฉัน” พรเพ็ญถามเสียงเข้ม แอปเปิ้ลชะงัก
“แอปเปิ้ลไม่ได้เก็บได้ที่นี่นะคะ แอปเปิ้ลเก็บได้แถวหน้าห้องทำงานคุณผู้จัดการ” ห่านชะงัก
“คุณฮันนี่จะทำแหวนหล่นที่นั่นได้ยังไง อย่ามาโกหกฉันอรนภา”
“แอปเปิ้ลไม่ได้โกหกนะคะ อาจจะเป็นคนอื่นที่โกหกก็ได้” แอปเปิ้ลเหล่ห่าน
“คุณหาว่าฉันโกหกเหรอ” แอปเปิ้ลนิ่ง “แหวนวงนี้มีค่ากับฉันมาก ฉันจะจำผิดได้ยังไงว่าทำหายที่ไหน แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่เคยไปที่หน้าห้องทำงานคุณพรเพ็ญ”
“แต่ฉันมีพยานยืนยันว่าฉันเก็บแหวนได้จากที่นั่นจริงๆ ปีโป้บอกทุกคนไปสิ”
พรเพ็ญ ห่าน คุณชายหันไปมองปีโป้ ปีโป้ไม่กล้า
“ฉัน...เออ...ฉัน...ฉันไม่รู้” ปีโป้รีบก้มหน้า แอปเปิ้ลอึ้งที่ปีโป้ไม่พูด
“มีอะไรจะแก้ตัวอีกมั๊ย”
“แอปเปิ้ลไม่ได้โกหกนะคะ แอปเปิ้ลเก็บได้จากที่นั่นจริงๆ”
“พอได้แล้วอรนภา เธอทำผิด เพราะฉะนั้นอย่ามาโวยวายเปลี่ยนเรื่อง” แอปเปิ้ลพูดไม่ออก หันไปมองห่านไม่พอใจมาก ห่านทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “คุณชายจะให้พรเพ็ญจัดการยังไงดีคะ”
คุณชายหันไปมองแอปเปิ้ลที่ไม่กล้าสบตา

เอกสารที่มีรูปแอปเปิ้ลแปะอยู่บนบอร์ดพร้อมข้อความตักเตือน เรื่องที่ทำผิดระเบียบวินัย เจ๊มะพร้าวกับแหม่มอยู่แถวหน้าสุด เจ๊มะพร้าวขำก๊ากด้วยความสะใจ
“ฮ่าๆๆ” เจ๊มะพร้าวหันมาทางแหม่มและคนอื่น “นี่แหละน้า ผลของการทำชั่ว ก็ต้องได้รับผลตอบแทนชั่วๆ กลับไป โดนหักเงินเดือน 10% ตั้งสามเดือน จำไว้นะพวกเราว่าอย่าเอาคนแบบนี้เป็นเยี่ยงอย่าง ประวัติเสียแบบนี้ คงไปทำงานที่อื่นไม่ได้แล้วล่ะ โฮะๆๆ”
ระหว่างนั้นพรเพ็ญเดินเข้ามา ทำเอาเจ๊มะพร้าว แหม่ม และคนอื่นๆ พากันยืนตัวลีบ
“สวัสดีค่ะคุณผู้จัดการ”
“ไม่มีการมีงานทำกันเหรอไงห๊ะ”
“มีค่ะ”
“เอ้า ถ้ามีแล้วยังยืนอยู่ทำไม สลายตัวแผนกใครแผนกมันเดี๋ยวนี้”
“รับทราบค่ะ”
เจ๊มะพร้าว แหม่ม คนอื่นรีบพากันแยกย้ายไปตามทาง พรเพ็ญส่ายหัวแล้วก็เดินออกไป ไม่นานแอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้รีบเดินออกมายืนข้างหน้าบอร์ดประกาศ แอปเปิ้ลฉีกกระดาษออกมาจากบอร์ด แล้วก็ขยำๆๆ ด้วยความโมโหมาก
“ใจเย็นเพื่อนแอ๊บ ระวังจะโดนข้อหาทำลายทรัพย์สินบริษัทอีกหนึ่งข้อหา”
“แกไม่ต้องพูดมากนังปลากะโห้ แกไม่ยอมช่วยฉัน”
“ใครจะกล้าช่วย แกไม่เห็นสายตาของคุณชาย คุณผู้จัดการแล้วก็คุณฮันนี่ที่มองฉันเหรอ? น่ากลัวจะตายไป”
“แต่จะว่าไปก็แปลกนะแอปเปิ้ล ทำไมคุณฮันนี่ต้องโกหกว่าทำแหวนหายที่แผนกรองเท้าสตรี ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง มันไม่ใช่แบบนั้น”
“นั่นสิ แล้วอีกอย่างถ้าแหวนวงนี้เป็นของคุณฮันนี่จริง ก็ไม่น่ามาหล่นหายที่หน้าห้องทำงานคุณผู้จัดการ”
“เออจริง ที่พูดมามีเหตุผล”
“ฉันว่าเรื่องนี้มันชักจะยังไงยังไงแล้วนะ”
แอปเปิ้ลคิดหนัก ปีโป้กับจีจี้คิดตามไปด้วย

คืนนั้นที่บ้านเช่าบื้อ ห่านยืนมองโย่งกับโจ๊กที่นั่งอยู่กับบื้อ ลุงจ๊อด และแหม่ม
“สรุปว่าทุกคนรู้ความจริงเรื่องฉันหมดแล้ว” ทุกคนพยักหน้ารับ ห่านถอนใจ “ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องคอยปิดบังอีก เอ้อ แล้วเรื่องบ้านฮันนี่ล่ะ นายหาได้เหรอยัง”
“นั่นแหละปัญหา ไม่รู้จะไปหาบ้านที่ไหน”
“พาไปที่อื่นแทนบ้านสิ อย่างเช่นร้านอาหาร”
“ไม่ได้ ถ้าพาไปร้านอาหาร ก็ต้องไปร้านอาหารหรูๆ เธอคิดว่าไอ้ห่านมันจะมีเงินจ่ายมั๊ย”
“มันก็จริง”
“นัดเจอกันที่สวนสาธารณะมั๊ยพี่”
“แปลกตายเลยน้องโจ๊ก นัดเจอกันที่สวนสาธารณะเนี่ยนะ” ห่านส่ายหัว ลุงจ๊อดนิ่งคิด นึกย้อนกลับไป
“คุณหนูจ๋าจะไปไหนเหรอจ๊ะ” ลุงจ๊อดถามน้อย
“ไปเที่ยวกับเพื่อน”
“ไปเมื่อไหร่”
“วันพรุ่งนี้”
ลุงจ๊อดตบเข่าฉาด ทุกคนหันไปมอง
“ข้านึกออกแล้วว่าจะใช้บ้านไหน”
ทุกคนมองลุงจ๊อดด้วยความสงสัย

วันต่อมาที่บ้านคุณหนูจ๋า ห่านยื่น Gift Voucher ให้น้อย น้อยรับมามอง
“Gift voucher สำหรับแต่งหน้าฟรี ฉันให้ป้าน้อยจ๊ะ”
น้อยดีใจแต่ทำเป็นเก็บอาการ
“จะดีเหรอหนูห่าน ให้กันฟรีๆ แบบนี้ ป้าเกรงใจ๊เกรงใจ”
“ป้าไม่ต้องเกรงใจห่านหรอก ป้ารับไว้เถอะนะจ๊ะ” น้อยรีบเก็บทันที
“ถ้างั้นก็ขอบใจนะ” น้อยยิ้มมีความสุข
“อันนี้ใช้ได้วันพรุ่งนี้วันเดียวนะจ๊ะ ป้าห้ามลืมไปเด็ดขาด นอกจากแต่งหน้าฟรีแล้ว ป้ายังจะได้เครื่องสำอางฟรีๆ มาใช้ด้วยนะ”
“ของฟรีแบบนี้ ป้าไม่มีทางลืมหรอกจ๊ะ”
ห่านยิ้มสบายใจ แล้วหลอกถามต่อ
“แล้วนี่คุณหนูจ๋าอยู่มั้ยคะ”
“คุณหนูจ๋าไปเที่ยวกับเพื่อน คุณผู้หญิง คุณผู้ชายก็ไม่อยู่ ไปทำธุระที่ต่างประเทศ ไม่มีใครอยู่บ้านซักคน นอกจากคนใช้อย่างป้า”

ห่านพยักหน้า หันไปลอบยิ้มพอใจ

คืนนั้นที่บ้านคุณชาย นีรนุชเดินเข้ามาในห้องนอนคุณชายเห็นเสื้อผ้าคุณชายเกลื่อนเต็มเตียงไปหมด

“โอ้โฮ นี่มันอะไรกันเนี่ย”
“ฉันไม่มีเสื้อผ้าใส่ไปพบคุณพ่อคุณแม่ของคุณฮันนี่”
“แล้วไอ้ที่กองอยู่เนี่ย ไม่เรียกว่าเสื้อผ้าเหรอ”
“มันก็ใช่ แต่ไม่มีชุดที่เหมาะสม”
นีรนุชเดินมาหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาดูๆ
“เสื้อตัวนี้ใส่กับกางเกงตัวนี้ ก็ดูดีออก”
“แต่ฉันเคยใส่แล้ว”
“เคยใส่แล้ว ก็ใส่ได้อีก ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย หัดประหยัดๆ ซะบ้าง”
“ตกลงจะเทศนาฉันอีกแล้วใช่มั้ย”
“ก็มันน่าให้เทศน์มั๊ยล่ะเจ้าคะคุณชาย”
คุณชายถอนใจหน้าเครียด นั่งลงบนเตียง นีรนุชตามมานั่งข้างๆ
“แกตื่นเต้นใช่ป่ะเนี่ย”
“ก็ต้องตื่นเต้นสิ ฉันกลัวคุณพ่อคุณแม่ของคุณฮันนี่จะไม่ชอบฉัน”
“ทำไมแกถึงคิดว่าเค้าจะไม่ชอบแก”
“ก็... เฮ้อ ไม่รู้สิ”
“อย่าเพิ่งจิตตก เรื่องยังไม่เกิดขึ้นก็คิดไปเองล่วงหน้า แกแค่เป็นตัวของตัวเองเท่านั้นก็พอแล้ว”
“งั้นเหรอ”
“อือ เรื่องที่ยากๆ แกก็ผ่านมาหมดแล้ว แค่ไปเจอพ่อแม่ของคนที่แกรัก มันไม่ยากหรอก ใช้ความจริงใจ” นีรนุชจิ้มนิ้วไปที่หน้าอกคุณชาย “ที่แกมี เชื่อฉัน”
คุณชายมองนีรนุช แล้วก็ดึงนีรนุชมากอดแน่น
“ไอ้ชาย แกกอดฉันทำไม”
“ฉันดีใจที่มีแกเป็นเพื่อนน่ะสิ กอดให้กำลังใจฉันหน่อยสิเพื่อนรัก”
นีรนุชยิ้มพลางส่ายหัวแล้วก็กอดคุณชาย คุณชายกอดนีรนุชแน่นขึ้น ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ

นีรนุชเดินออกมาเจอคุณหญิงรื่นฤดีเดินมาพอดี
“จะกลับแล้วเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ”
“อย่าเพิ่งกลับได้มั๊ย แม่มีเรื่องอยากคุยด้วย”
นีรนุชมองคุณหญิงรื่นฤดีด้วยความสงสัย
คุณหญิงรื่นฤดีหันมาทางนีรนุชสีหน้าไม่สบายใจมาก
“แม่สงสัยว่าหนูฮันนี่ จะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ” นีรนุชชะงัก
“ทำไมคุณแม่คิดแบบนั้นคะ”
“เพื่อนแม่ช่วยสืบเรื่องหนูฮันนี่ให้แม่ เค้าบอกว่าไม่มีใครในแวดวงสังคมเคยได้ยินชื่อพ่อชื่อแม่ของหนูฮันนี่มาก่อน” นีรนุชนิ่งฟัง “แม่ไม่สบายใจจริงๆ”
“คุณแม่อยากให้หนูทำอะไรคะ”
“ที่จะไปบ้านหนูฮันนี่วันพรุ่งนี้ แม่อยากให้ลูกไปด้วย ไปช่วยแม่จับผิด เออ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าไปช่วยแม่สังเกตการณ์ ถือว่าแม่ขอร้อง ตาชายเชื่อคำพูดของลูกมากกว่าแม่ ช่วยแม่หน่อยนะลูกนะ แม่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้วจริงๆ”
คุณหญิงรื่นฤดีส่งสายตาอ้อนวอน นีรนุชมองหน้าคุณหญิงรื่นฤดีอย่างครุ่นคิด

คุณชายกำลังคุยโทรศัพท์กับนีรนุช คุณชายนิ่วหน้า
“คุณแม่บอกแกแบบนั้น”
นีรนุชยืนอยู่หน้าบ้านคุณชาย
“ใช่”
คุณชายมีสีหน้าผิดหวัง
“คุณแม่ก็ยังพยายามกีดกันฉันอยู่ดี แล้วแกจะทำตามที่คุณแม่บอกรึเปล่า”
“ฉันจะไป แต่ไม่ได้ไปเพราะแม่แกบอก ฉันไปเพราะฉันเป็นห่วงแก”
“ขอบใจแกมากนะ”
คุณชายวางสาย สีหน้าเป็นกังวลใจสุดๆ

ที่บ้านเช่าห่าน ขณะนั้นห่านเดินเล่นอยู่ในสวนแล้วก็หยุดมองท้องฟ้าสีหน้าคิดหนัก แหม่มเดินออกมาเห็นห่าน ก็เดินมาหา
“ทำไมยังไม่นอนอีก เดี๋ยววันพรุ่งนี้ก็ไม่สวยหรอก”
ห่านหันไปเห็นแหม่มก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ฉันไม่สบายใจ”
“เรื่องไรอีก”
“เรื่องที่ใช้บ้านคุณหนูจ๋า รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหัวขโมยไงก็ไม่รู้ ที่ไม่ขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อน”
“แล้วในความเป็นจริง แกบอกเค้าได้ป่ะล่ะ”
“ไม่ได้”
“นั่นไง แล้วแกจะคิดมากทำไม? เราไม่ได้ไปขโมยของบ้านเค้า ไม่ได้ทำให้คนในบ้านเค้าเดือดร้อน เราแค่ยืมสถานที่ เพราะฉะนั้นอย่าคิดมาก เข้าใจ๊”
“อือ”
“ไหนยิ้มสิ ฉันจะได้รู้ว่าแกสบายใจแล้วจริงๆ”
ห่านยิ้ม แหม่มยิ้มดีใจ
“มันต้องแบบนี้สิ ไปนอนได้แล้ว”
ห่านพยักหน้าแล้วแหม่มกับห่านก็กอดคอกันเดินเข้าไปในบ้าน

วันต่อมาน้อยแต่งตัวราวกับเป็นคุณนายเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับคนใช้อีกหนึ่งคน
“ฉันไม่อยู่ ก็เฝ้าบ้านให้ดี ห้ามออกไปเที่ยวที่ไหน เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ”
น้อยเดินออกไป พอคล้อยหลังน้อยไม่นาน ลุงจ๊อดเดินออกมาหาคนใช้แล้วก็ยื่นแบงก์ร้อยให้
“ขอบใจนะจ๊ะ จะไปทำอะไรก็ไปนะ เดี๋ยวฉันดูแลเอง” คนใช้พยักหน้า เดินออกไปจากบ้าน ลุงจ๊อดเป่าปาก ไม่นานห่าน เจ๊มะพร้าว โจ๊กรีบเดินออกมา “ไอ้โจ๊ก ดูต้นทางให้ดีนะ”

โจ๊กพยักหน้า แล้วลุงจ๊อด ห่าน เจ๊มะพร้าวก็รีบเข้าไปในบ้าน

อ่านต่อเวลา 17.00น.

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ห้าง BKK Plaza น้อยแต่งตัวเป็นคุณนายเดินมาหาแหม่มที่รออยู่
“หนูแหม่ม ป้ามาสายรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
แหม่มพาน้อยเดินไปที่แผนกเครื่องสำอาง น้อยขึ้นนั่งบนเก้าอี้
“ป้ารอซักครู่นะคะ”
“จ๊ะ”
แหม่มหันไปทางพนักงานอีกคน
“ฝากด้วยนะ”
“จ๊ะ เจ๊มะพร้าวบอกแล้วว่าให้แต่งนานๆ”
แหม่มพยักหน้าแล้วก็เดินออกไป พนักงานเดินมาไหว้น้อย น้อยรับไหว้ จีจี้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็แปลกใจ

รถคุณชายแล่นมาจอดที่บ้านคุณหนูจ๋า สมรีบลงมาเปิดประตูให้คุณชาย คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึกลงจากรถ คุณหญิงรื่นฤดีมองสำรวจบ้านไปรอบๆ ชนะศึกกระซิบกับคุณหญิงรื่นฤดี
“บ้านหลังใหญ่เหมือนกันนะคุณ”
คุณหญิงรื่นฤดีไม่พูดอะไร ไม่นานห่าน ลุงจ๊อด เจ๊มะพร้าว เดินออกมา เจ๊มะพร้าวมีอาการตกประหม่าเล็กน้อยเพราะกลัวคุณชายจะจำได้
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่”
ชนะศึกกับคุณหญิงรื่นฤดีรับไหว้ คุณชายยิ้มให้ห่าน ก่อนจะหันไปทางเจ๊มะพร้าว เจ๊มะพร้าวรีบหลบหลังลุงจ๊อดผลุบแล้วก้มหน้าก้มตาจนคุณชายแปลกใจ
“คุณพ่อคุณแม่ของห่านค่ะ” ห่านแนะนำ คุณชายยกมือไหว้
“สวัสดีครับ”
“ไหว้พระเถอะ”
เจ๊มะพร้าวไม่หันมามอง ห่านเห็นท่าไม่ดี รีบเข้าไปสะกิด
“แม่คะ คุณชายไหว้น่ะค่ะ”
ห่านขยิบตาให้เจ๊มะพร้าว เจ๊มะพร้าวหันมาไหว้คุณชายอย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะ คุณคุณชาย”
คุณชายเหวอ คุณหญิงรื่นฤดีกับชนะศึกแปลกใจ ห่านรีบแก้ตัว
“แม่ฮันนี่รับไหว้น่ะค่ะ ฮันนี่ว่าเราเข้าไปในบ้านกันเถอะค่ะ” ห่านตัดบท รีบจับแขนเจ๊มะพร้าวแล้วหันหลัง “อย่าตื่นเต้นสิเจ๊” ห่านกระซิบบอก เจ๊มะพร้าวพยักหน้า ห่านหันมาทางคุณชาย คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึก “เชิญค่ะ”
ห่านกับเจ๊มะพร้าวเดินนำเข้าไป ตามมาด้วยลุงจ๊อด คุณชาย คุณหญิงรื่นฤดีและชนะศึก คุณหญิงรื่นฤดีกระซิบชนะศึก
“ท่าทางแม่ของหนูฮันนี่ดูแปลกๆ”
ชนะศึกไม่พูดอะไร คุณหญิงรื่นฤดีมองตามเจ๊มะพร้าวเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนก็ยิ่งสงสัย

เจ๊มะพร้าว ห่าน ลุงจ๊อดพาคุณชาย คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึกเข้ามาในบ้าน เห็นภาพถ่ายครอบครัวที่ไปเที่ยวตามประเทศต่างๆ ถ่ายกับเทพีเสรีภาพ หอไอเฟล ภูเขาไฟฟูจิ ปีระมิดซึ่งเป็นภาพที่ตัดต่อขึ้นมา
“ครอบครัวของเรา รักการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ เราเดินทางมาแล้วเกือบครึ่งค่อนโลก ไปมาแล้วทุกที่ ทั้งอเมริกา อังกิต จีน พม่า ลาว ญี่ปุ่น คนมันรวย ช่วยไม่ได้น่ะครับ ฮ่าๆๆ”
ลุงจ๊อดโม้ไม่หยุด จนห่านรู้สึกลุงจ๊อดโม้มากไปแล้ว
“พ่อคะ เราไม่ได้รวยมากหรอกนะคะ” ห่านปรามแต่ ลุงจ๊อดยังไม่รู้ตัว
“ไม่รวยมาก แต่รวยโคตรๆ ใช่มั้ยลูก ฮ่าๆๆ”
ชนะศึกหัวเราะตามไปด้วย คุณชายยิ้มๆ ส่วนคุณหญิงรื่นฤดีหน้าตาบอกบุญไม่รับ ห่านอึ้ง เลยต้องหัวเราะตามไปด้วย
“แหมคุณพ่อเนี่ย ยิงมุขอีกแหละ คุณพ่อฮันนี่เป็นคนตลกน่ะค่ะ ใช่มั้ยค่ะคุณแม่”
เงียบ ห่านแปลกใจ ทำไมเงียบ หันไปเห็นเจ๊มะพร้าวกำลังหยิบแจกันแก้วสวยงามขึ้นมาขัดๆ ถูๆ ห่านชะงัก ทุกคนหันไปมองตามห่าน ห่านรีบเดินไปหาเจ๊มะพร้าว
“แจกันอะไร ทำไมมันสวยแบบนี้”
“คุณแม่คะ” เจ๊มะพร้าวไม่หันมา “คุณแม่” เจ๊มะพร้าวยังนิ่ง ทุกคนนิ่วหน้ามอง ลุงจ๊อดเริ่มเหงื่อตก ห่านทนไม่ไหว แอบหยิกเอวเจ๊มะพร้าวเต็มแรง “คุณแม่”
เจ๊มะพร้าวตกใจมาก
“ว้าย แหกแหกแหก”
เจ๊มะพร้าวเผลอโยนแจกัน แจกันกำลังจะร่วงลงพื้น ห่านตกใจรีบคว้าหมับเอาไว้ได้ทัน แล้วก็หันไปค้อนเจ๊มะพร้าว
“คุณแม่ขา ฮันนี่รู้ว่าคุณแม่เป็นคนรักความสะอาด แต่อย่าเพิ่งขัดอะไรตอนนี้เลยนะคะ แขกเหรื่อเต็มบ้าน”
เจ๊มะพร้าวรีบหันไปฉีกยิ้มให้คุณชาย คุณหญิงรื่นฤดีและชนะศึก
“ขอโทษทีน่ะฮะ เดี๊ยนเคยตัว เห็นอะไรเป็นไม่ได้ อยากขัดอยากถูไปซะหมด โฮะๆๆ” เจ๊มะพร้าวปิดปากหัวเราะ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ เพราะผมก็เป็นคนชอบทำความสะอาดบ้านเหมือนกัน”
“ตายแล้ว” เจ๊มะพร้าวเผลอเดินเข้ามาจับแขนชนะศึก “แสดงว่าเรามีนิสัยเดียวกัน”
“ใช่ครับ ฮ่าๆๆ”
“โฮะๆๆ” คุณหญิงรื่นฤดีไม่พอใจ
“แฮ่ม” เจ๊มะพร้าวกับชนะศึกรู้ตัว เจ๊มะพร้าวรีบเอามือออกไป คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางลุงจ๊อด “เห็นหนูห่านบอกว่าคุณสมชาย เป็นเจ้าของธุรกิจฟาร์มผักออร์แกนิกใช่มั้ย”
“โอ้ ใช่แล้วครับ”
“ดิฉันไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจประเภทนี้ อยากให้คุณสมชายช่วยเล่าให้ฟังว่ามันทำยังไง”
ลุงจ๊อดชะงักเหล่มองห่าน ห่านรีบตอบแทน
“ผักออร์แกนิกเราปลูกในน้ำ ไม่ได้ปลูกในดินค่ะ”
“ใช่ครับใช่”
“เรื่องนั้นดิฉันทราบ แต่อยากรู้กระบวนทางด้านธุรกิจ ว่ามันทำเงินยังไง”
ลุงจ๊อด เจ๊มะพร้าว ห่านเหวอ
“คุณแม่ครับ ผมว่าเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องซีเรียสกันเลยนะครับ”
“จริงด้วยค่ะ เรื่องนี้ถ้าจะคุย มันต้องคุยกันยาวๆ”
“ใช่ครับ /ใช่ค่ะ” ลุงจ๊อดกับเจ๊มะพร้าวรีบสนับสนุน
“ผมว่าเราไปเดินชมบ้านกันดีกว่า เชิญครับเชิญ”

ลุงจ๊อดเดินนำทุกคน พลางลอบถอนหายใจพร้อมกับห่านและเจ๊มะพร้าว

ที่แผนกเครื่องสำอาง พนักงานกำลังแต่งหน้าให้น้อย น้อยนั่งอย่างมีความสุข จีจี้เดินมาเมียงๆ มองๆ แล้วก็สะกิดพนักงาน
“ใครอ่ะ”
“ญาติเจ๊มะพร้าว”
“ญาตินังเจ๊เหรอ”
พนักงานพยักหน้า หันไปแต่งหน้าต่อ จีจี้นิ่วหน้ามองสงสัย

บ้านคุณหนูจ๋า เจ๊มะพร้าวกับลุงจ๊อดเดินนำห่าน คุณชาย คุณหญิงรื่นฤดีและชนะศึก
“บ้านคุณสมชายนี่ใหญ่โตกว้างขวางดีนะครับ”
“แน่สิครับ บ้านหลังนี้ราคาหลายร้อยล้าน” ห่านแทบสำลักในความเวอร์ของลุงจ๊อด “ผมอยากสร้างบ้านหลังใหญ่ให้เมียกับลูกผมอยู่ สวนที่ทุกคนเห็นนี่ก็หมดไปหลายล้านเหมือนกัน หญ้านี่อิมพอร์ตเข้ามาจากญี่ปุ่นเลยนะครับ”
“พ่อคะ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” ห่านรีบปราม
“ลูกสาวผมเป็นคนถ่อมตัวอย่างนี้แหละครับ ไม่ชอบอวดร่ำอวดรวย ไม่เหมือนผม เรามีเราก็อยากอวด เงินเราเอง ใครจะทำไม จริงมั๊ยครับ ฮ่าๆๆ”
“แหม คุณสมชายนี่พูดถูกใจผม ผมเห็นด้วย ฮ่าๆๆ”
ขณะที่ชนะศึกกับลุงจ๊อดกำลังหัวเราะเอิ๊กอ๊าก คุณหญิงรื่นฤดีก็หันไปเห็นรูปถ่ายคุณหนูจ๋าวางบนชั้น คุณหญิงรื่นฤดีชะงัก
“นี่รูปใครคะ”
ลุงจ๊อด ห่าน เจ๊มะพร้าวหันไปมอง ทันทีที่เห็นก็ตกใจมาก ลุงจ๊อดถึงกับหยุดขำกลางอากาศ สามคนมองหน้ากันว่าเอาไงดี

โจ๊กอยู่นอกบ้าน ยืนมองผ่านประตูรั้วไปที่ตัวบ้านคุณหนูจ๋าสีหน้ากังวลใจ ด้านหลังเห็นรถแล่นมาจอด แต่โจ๊กไม่ได้สนใจ ไม่นานนีรนุชลงจากรถมองโจ๊กด้วยความแปลกใจ
“น้องคะ”
โจ๊กหันไปเห็นนีรนุชก็แปลกใจว่าใคร
“นี่ใช่บ้านคุณฮันนี่รึเปล่า”
“ใช่ครับ คุณเป็นใคร”
“พี่เป็นเพื่อนคุณชาย” โจ๊กมองๆ “คุณแม่ของคุณชายนัดให้พี่มาที่นี่”
โจ๊กมองนีรนุช คิดว่าจะทำยังไงดี

ภายในบ้านเจ๊มะพร้าว ห่าน ลุงจ๊อดยังคงมองหน้ากันแล้วเจ๊มะพร้าวก็นึกออก
“นี่คือน้องสาวของยัยฮันนี่ค่ะ”
ห่านหันขวับไปมองเจ๊มะพร้าวอึ้ง ไม่นึกว่าจะใช้มุขนี้
“คุณฮันนี่มีน้องสาวด้วยเหรอครับ” คุณชายถามอย่างแปลกใจ
“เออ คือ อ่า มะ มีมีค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีมองห่านอย่างสงสัย พยายามจับผิด
“แล้วน้องสาวอยู่ไหนคะ ทำไมไม่ออกมา”
“อ๋อ แกเรียนอยู่ที่อเมริกาค่ะ อีกหลายปีกว่าจะกลับ”
“เหรอครับ ทำไมคุณฮันนี่ไม่เคยเล่าเรื่องน้องสาวให้ผมฟังเลย” ห่านทำเป็นตกใจ
“ฮันนี่นี่แย่จังเลยที่เล่าแต่เรื่องของตัวเอง ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ไม่ได้ถามคุณฮันนี่ด้วย”
ห่านยิ้มเจื่อนๆ หันไปลอบมองเจ๊มะพร้าวด้วยสายตาตำหนิ เจ๊มะพร้าวทำหน้าไม่ถูก

โจ๊กยังยืนคุยกับนีรนุชที่หน้าบ้าน
“ถ้ายังไงพี่รอตรงนี้ก่อน ผมขอเข้าไปบอกพี่ห่(ห่าน) เออ พี่ฮันนี่ก่อนนะครับ”
“จ๊ะ”
โจ๊กรีบเปิดประตูเข้าไปในบ้าน นีรนุชมองตามโจ๊ก
“เด็กคนนี้ท่าทางแปลกๆ”
นีรนุชสงสัย แล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านทันที
บื้อ โย่ง แหม่มนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ในห้องอาหารพนักงาน แต่ทั้งสามคนกินอะไรไม่ลง แล้วก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน สามคนชะงัก มองหน้ากัน
“กินไม่ลงกันใช่มะ” บื้อกับโย่งพยักหน้าก่อนจะวางช้อนส้อม
“เป็นห่วง”
“ฉันก็ห่วง”
“ฉันก็ห่วงเหมือนกัน แล้วยิ่งห่านไม่ติดต่อมาแบบนี้ ยิ่งใจเสีย เฮ้ย หรือว่าจะโดนจับได้แล้ว” แหม่มเขกหัวโย่ง โย่งเจ็บ
“ปากเหรอน่ะ” แหม่มต่อว่าโย่ง
“ที่โย่งพูด ก็อาจเป็นไปได้” บื้อบอกแหม่มกับโย่งหันไปมองบื้อ “คิดจะตบตาคนอย่างคุณหญิง รื่นฤดีไม่ใช่เรื่องง่าย ที่สำคัญยัยห่านไม่ใช่พวก18 มงกุฎ ไม่ใช่มืออาชีพ ไม่เนียน” แหม่มหน้าเสีย
“แย่แล้ว ถ้าเกิดคุณหญิงจับผิดไอ้ห่านได้ล่ะ”
“บอกได้คำเดียวว่าซวย”
แหม่ม โย่งถอนหายใจพร้อมกัน บื้อกังวลใจสุดๆ

บื้อยืนไหว้ศาลพระภูมิหน้าห้าง สีหน้าเคร่งเครียดมาก
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ผมรู้ว่าสิ่งที่ห่านทำ มันไม่ถูก แต่ผมเป็นห่วงห่านมาก ผมขอให้ท่านคุ้มครองห่านให้รอดปลอดภัย อย่าได้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ถ้าห่านรอดกลับมา ผมจะ...ผมจะมาร้องเพลงให้ท่านฟังนะครับ”
บื้อไหว้ท่วมหัว ก่อนจะปักธูปลงในกระถางธูปสีหน้ากังวลใจเป็นห่วงห่านมาก

ที่บ้านคุณหนูจ๋า โจ๊กเดินด้อมๆ มองๆ เข้ามาในบ้านเห็นลุงจ๊อดยังโม้เรื่องบ้าน ออกท่าออกทางสุดฤทธิ์ มีห่าน คุณชาย เจ๊มะพร้าว ชนะศึก คุณหญิงรื่นฤดีตั้งใจฟัง โจ๊กพยายามโบกมือเรียกห่าน ห่านหันมาเห็นโจ๊กพยักหน้าให้ห่านมาหา
ห่านเห็นทุกคนยังตั้งใจฟังลุงจ๊อด ก็ค่อยๆ เดินเลี่ยงออกไป โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ห่านเดินมาหาโจ๊กตรงมุมหนึ่ง
“มีไรโจ๊ก”
“เพื่อนคุณชายมา”
“เพื่อนคุณชาย ใคร”
“ไม่รู้”
“เอ้า แล้วทำไมไม่ถาม”
“เค้าบอกว่าแม่คุณชายนัดให้เค้ามาที่นี่” ห่านชะงัก ชักใจไม่ดี
“หรือจะเป็นคุณดาหลา? เพื่อนคุณชายที่ว่านี่ผู้หญิงใช่มั๊ย”
“ใช่พี่ ผู้หญิง”
“แย่แล้ว” ห่านหน้าเสียเพราะคิดว่าเป็นดาหลา พลันนีรนุชเดินมาพอดี
“คุณฮันนี่คะ” ห่านหันไปเห็นนีรนุช ก็ผงะ
“คุณน้องนุช”
นีรนุชยิ้มให้ห่าน ห่านโล่งใจสุดๆ ที่ไม่ใช่ดาหลา โจ๊กกระซิบห่าน
“ตกลงแย่มั้ยพี่ห่าน” ห่านยิ้มกับนีรนุช แต่พูดกับโจ๊ก
“ไม่แล้วล่ะ”

ห่านกับนีรนุชยิ้มให้กัน

ที่แผนกเครื่องสำอาง ห้าง BKK Plaza พนักงานกำลังแต่งหน้าให้น้อย น้อยมีความสุขมาก พลันเสียงมือถือดังขึ้น
“แป๊บนึงนะจ๊ะ”
พนักงานหยุดทำ น้อยหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายและกดรับสาย โดยไม่ได้มองว่าใครโทรมา
“ฮัลโหล” น้อยตกใจตาโต “คุณผู้หญิง” พนักงานมองน้อยงงๆ “เออ คือ นะ...น้อย น้อยอยู่บ้านค่ะ ห๊ะ! อีกครึ่งชั่วโมง จะมีคนมาส่งของที่บ้าน ได้ค่ะได้ น้อยรอรับเองค่ะ” น้อยวางสาย พนักงานเข้ามาแต่งหน้าต่อ เห็นว่าเขียนตาไปได้ข้างเดียว น้อยลุกขึ้นยืนและหันไป “หยุด ฉันต้องกลับบ้านแล้ว”
น้อยรีบวิ่งออกไป พนักงานเหวอมาก
“ยังแต่งหน้าไม่เสร็จเลยนะคะคุณลูกค้า” พนักงานเกาหัวงงๆ

นีรนุชไหว้คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึก ลุงจ๊อด และเจ๊มะพร้าว ลุงจ๊อดยังจำนีรนุชไม่ได้ว่าเคยเจอกัน
“นี่คุณน้องนุช เป็นเพื่อนสนิทของคุณชายค่ะคุณพ่อคุณแม่”
นีรนุชหันมายิ้มให้เจ๊มะพร้าวกับลุงจ๊อด พอเห็นหน้าน้องนุชเต็มๆ ลุงจ๊อดก็นึกออกทันที
ภาพในอดีตแว๊บเข้ามา...รถตุ๊กตุ๊กแล่นมาจอดหน้าบื้อกับนีรนุช ลุงจ๊อดโผล่หน้าออกมา
“แฟนเหรอไอ้บื้อ”
“ไม่ใช่ลุง”
ลุงจ๊อดช็อกมาก นีรนุชเองก็รู้สึกคุ้นหน้าลุงจ๊อด
“ฉิบ-หาย”
ทุกคนหันขวับไปมองลุงจ๊อด ลุงจ๊อดรีบดึงวิกลงมาปิดครึ่งหน้า ทำให้ผมด้านหลังร่นมาครึ่งหัว ทุกคนตกใจมาก ห่านเหวอ รีบพูดให้ลุงจ๊อดรู้ตัว
“คุณพ่อคะ คุณพ่อเป็นอะไรคะ”
ลุงจ๊อดหันมาทำเสียงแหบ
“พะ...พ่อ...พ่อ พ่อรู้สึกไม่ค่อยฉบาย ขอไปนอนพักก่อนจะได้มั้ย”
ห่านหันไปมองทุกคน ยิ้มแหยๆ นีรนุชมองลุงจ๊อดด้วยความสงสัย เพราะคุ้นหน้ามากเหลือเกิน

ห่านกับเจ๊มะพร้าวมองลุงจ๊อดด้วยความตกใจ
“ลุงเคยเจอคุณน้องนุช”
ลุงจ๊อดกระชากวิกตัวเองออกมา
“ใช่น่ะสิ ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนไอ้บื้อ”
“ห๊า ฟะ แฟนแฟนน้องบื้อเหรอ” เจ๊มะพร้าวตกใจ ส่วนห่านใจไม่ดี
“ลุงเข้าใจผิดแล้ว เค้าไม่ได้เป็นแฟนกับบื้อซักหน่อย”
“ที่ข้าเจอกับคุณน้องนุชก็เป็นเพราะไอ้บื้อบอกให้ข้าเอาตุ๊กตุ๊กมารับมันกับคุณน้องนุชไปเที่ยว แถมตอนเดินเที่ยวก็คุยกระหนุงกระหนิง แล้วยังทิ้งข้าหนีไปกันสองต่อสองอีก แบบนี้จะไม่ใช่แฟนได้ไงวะ”
ห่านหน้าเสียอย่างแรง แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเพราะกำลังกังวลเกี่ยวกับนีรนุช เจ๊มะพร้าวคิดแล้วก็ตกใจ
“บระเจ้า” ห่านกับลุงจ๊อดหันไป “ถ้าเกิดคุณน้องนุชจำลุงขึ้นมาได้ล่ะ”
“บรรลัยล่ะงานนี้”
ลุงจ๊อดอยากจะบ้าตาย เจ๊มะพร้าวเองก็หน้าซีด ห่านคิดหนัก

คุณหญิงรื่นฤดียืนอยู่ในห้องรับแขกหันมาทางคุณชาย นีรนุช และชนะศึกที่นั่งกันอยู่
“แปลกและประหลาดที่สุด”
“อะไรแปลก อะไรประหลาดเหรอคุณ”
“ก็พ่อแม่ของยัย เอ่อ...หนูฮันนี่น่ะสิ พูดจาแปลกๆ ทำตัวประหลาดๆ”
“คุณแม่กำลังจ้องจับผิดอยู่นะครับ ผมไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย”
“หนูนุช หนูรู้สึกแบบเดียวกับแม่ใช่มั้ย”
“เออ...” นีรนุชชะงัก
“บอกมาเลยลูก พูดความจริง ไม่ต้องเกรงใจใคร” คุณหญิงรื่นฤดีปรายตามองคุณชาย
“น้องนุชเพิ่งมา ก็เลยยังไม่รู้สึกอะไรค่ะ” คุณหญิงรื่นฤดีพูดไม่ออก หันไปทางชนะศึก
“ผมไม่เห็นจะรู้สึกซักนิดว่าพวกเค้าแปลก ออกจะสนุกสนานด้วยซ้ำ”
“ใช่ครับคุณพ่อ คุณพ่อคุณแม่ของคุณฮันนี่เป็นกันเองมากๆ เลยนะครับ” คุณหญิงรื่นฤดีหัวเสียที่ไม่มีใครเข้าข้าง

โจ๊กยังยืนดูต้นทางอยู่ที่หน้าบ้านคุณหนูจ๋า โจ๊กเห็นมอเตอร์ไซด์รับจ้างแล่นมาจอด โจ๊กตกใจเพราะคนที่ลงมาจากรถคือน้อย โจ๊กอ้าปากค้าง หน้าซีด น้อยรีบจ่ายเงินให้คนขับแล้วรีบเดินมาที่หน้าบ้านท่าทางลนลาน
“อ้าว นายโจ๊ก มายืนทำอะไรหน้าบ้านห๊ะ”
น้อยถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นโจ๊ก
“เออ...ผม...ผม ผมมาหาคุณหนูจ๋าครับ”
“คุณหนูไม่อยู่ มีอะไร”
“อ่า...มะ...ไม่ ไม่มีครับ”
น้อยหงุดหงิดๆ แล้วก็รีบเปิดประตูเข้าไป โจ๊กหันขวับไปมองตาม รีบหยิบมือถือออกมาโทรหาห่านด้วยความร้อนรนมาก
เสียงมือถือห่านดังขึ้น ห่านหยิบมือถือออกมากดรับสาย ลุงจ๊อดกับเจ๊มะพร้าวมองห่าน
“ว่าไงโจ๊ก” ห่านฟัง แล้วตกใจสุดขีด “ป้าน้อยกลับมาแล้ว”
เจ๊มะพร้าวกับลุงจ๊อดแทบล้มทั้งยืน

น้อยเดินพรวดพราดเข้ามาในบ้านแล้วหยุดกึก เพราะเห็นคุณชาย นีรนุช คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึกนั่งอยู่ ทั้งหมดหันไปมองน้อยเป็นตาเดียวอย่างสงสัยว่าใคร
“พวกแกเป็นใคร! เข้ามาบ้านฉันได้ไง”
คุณชาย นีรนุช คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึก มองหน้ากันด้วยความงงและอึ้งเพราะน้อยแต่งหน้าเสร็จครึ่งเดียว คุณหญิงรื่นฤดีลุกขึ้นยืน
“แล้วคุณเป็นใคร มาขึ้นเสียงกับแขกของเจ้าของบ้านได้ไง”
“แขกของเจ้าของบ้าน” ชนะศึกลุกขึ้นยืนค่อยๆ พูด
“คุณสมชายกับคุณหญิงกุหลาบเชิญพวกเรามา”
“คุณสมชาย คุณหญิงกุหลาบ ใครวะ”
คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึก คุณชาย นีรนุชมองหน้ากัน แล้วคุณชายกับนีรนุชก็ลุกขึ้นยืน
“คุณพ่อคุณแม่ของคุณฮันนี่ไงครับ”

“คุณฮันนี่ ใครอีกวะ?” น้อยรำคาญ หงุดหงิด “พูดจาไม่รู้เรื่อง ที่นี่ไม่มีสมชาย ไม่มีกุหลาบ ไม่มีฮันนงฮันนี่อะไรทั้งนั้น ออกไปให้หมดเลยนะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งความ”

น้อยพูดจบประโยค ลุงจ๊อดก็พุ่งเข้ามาปิดปากน้อย น้อยตาเหลือก กลอกตามองลุงจ๊อด เจ๊มะพร้าวและห่านแบบงงๆ จำไม่ได้ว่าใคร คุณชาย นีรนุช คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึกหันไปมองลุงจ๊อดที่ลากน้อยออกไป เจ๊มะพร้าวตามออกไปติด
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ นี่เป็นป้าของฮันนี่เองค่ะ คุณป้าของฮันนี่สติไม่ดีน่ะค่ะ อย่าถือสาเลยนะคะ ฮันนี่ต้องกราบขอโทษคุณพ่อคุณแม่” ห่านยกมือไหว้คุณหญิงรื่นฤดีกับชนะศึก “คุณชายแล้วก็คุณน้องนุชจริงๆ วันนี้คงไม่สะดวกแล้ว คือคุณป้าอาการกำเริบแบบนี้ ฮันนี้ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลแล้วล่ะค่ะ”
คุณชายลุกขึ้นสีหน้าเป็นห่วง
“มีอะไรให้ผมช่วยมั๊ยครับ”
“นั่นสิคะ บอกมาได้เลยนะคะคุณฮันนี่” นีรนุชบอก
“ไม่มีค่ะ ฮันนี่จัดการเอง ถ้ายังไงฮันนี่ไปส่งทุกคนที่รถนะคะ เชิญค่ะเชิญ” ห่านผายมือ
คุณชาย นีรนุช คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึกมองหน้ากัน ห่านกลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความตื่นเต้น

ห่าน คุณชาย นีรนุช คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึก เดินมาที่รถเห็นสมนอนหลับกรนสนั่นหวั่นไหว ชนะศึกเดินเคาะประตูคนขับ
“สม นายสม ไอ้สม” ชนะศึกเรียกเสียงดัง สมสะดุ้งตื่นตกใจ
“ครับพ้ม” สมเห็นชนะศึกมองก็ชะงัก ยิ้มแหย รีบเปิดประตูรถลงมา “ขอโทษครับ หลับเพลินไปนิดส์เดียว”
ห่านยกมือไหว้ชนะศึกกับคุณหญิงรื่นฤดี
“ฮันนี่ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ ฮันนี่รู้สึกไม่ดีจริงๆ ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ คุณฮันนี่ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น เรื่องแบบนี้มันเป็นเหตุสุดวิสัย เป็นเรื่องที่เข้าใจได้”
“จริงอย่างที่ชายบอกค่ะ คุณฮันนี่อย่าคิดมาก”
“ค่ะ”
“ถ้าไงพรุ่งนี้ ชวนคุณพ่อคุณแม่คุณฮันนี่มาทานข้าวที่บ้านผมดีมั้ยครับ”
คุณหญิงรื่นฤดีผงะ จะอ้าปากพูด แต่ชนะศึกรีบพูดขึ้นมาก่อน”
“เป็นความคิดที่ดีมากเจ้าชาย ตกลงนะหนูนะ” ห่านหน้าถอดสี
“เออ คือ ไม่ได้ค่ะ” คุณหญิงรื่นฤดีโล่งใจ “คืนนี้คุณพ่อคุณแม่ของฮันนี่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ไปนานหลายเดือนกว่าจะกลับ”
“น่าเสียดาย แต่ไม่เป็นไร ไว้พ่อแม่หนูกลับมาเมื่อไหร่ เราค่อยทานข้าวกัน”
“ค่ะ งั้นฮันนี่ขอตัวไปดูคุณป้าก่อนนะคะ”
ห่านยิ้มๆ แล้วก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน คุณหญิงรื่นฤดีชะเง้อจนเห็นห่านเดินเข้าไปในบ้านก็หันมาทางทุกคน
“เชื่อฉันกันเหรอยังว่าที่นี่มีแต่เรื่องแปลกประหลาด อยู่ดีๆ ก็มีป้าสติไม่ดีโผล่มาซะงั้น ไม่รู้บ้าจริงรึเปล่า”
“ผมว่าเค้าไม่สบายจริงๆ นะคุณ คนสติดีที่ไหนจะแต่งหน้าแค่ครึ่งเดียว”
“คุณแม่เลิกจับผิดคุณฮันนี่ซักทีเถอะครับ ผมว่าการที่คุณฮันนี่ต้องมาดูแลคุณป้า มันน่าเห็นใจมากกว่า คุณฮันนี่ เธอน่าสงสาร”
คุณชายหน้าเศร้า ทำเอาคุณหญิงรื่นฤดีพูดไม่ออก
“ลูกคิดแบบนี้ถูกต้องแล้ว มีอะไรที่พอจะช่วยคุณฮันนี่และครอบครัวของเค้าได้ก็ขอให้รีบช่วย ไม่ต้องคิดลังเล”
“ครับพ่อ”
คุณชาย นีรนุช ชนะศึกก็เดินไปด้วยกัน คุณหญิงรื่นฤดีหัวเสียและโมโหมาก ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“ตายจริง เกือบไปแล้ว”
คุณหญิงรื่นฤดีหันไปมองที่ตัวบ้านคุณหนูจ๋า แล้วก็นึกย้อนกลับไปตอนที่คุยกับดาหลาและดารัณ
คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางดาหลากับดารัณ
“จะให้ฉันนัดพ่อแม่ยัยฮันนี่มาทำความรู้จักกันเนี่ยนะคะ”
ดาหลากับดารัณพยักหน้า
“พอคุณหญิงไปถึงบ้านพวกมัน ซึ่งฉันคิดว่าต้องไม่ได้เป็นบ้านของพวกมันจริงๆ คุณหญิงก็ถ่ายรูปบ้านมาให้ฉัน”
“พร้อมกับเขียนที่อยู่มาด้วยนะคะคุณแม่ ส่วนที่เหลือดาหลากับคุณแม่จะจัดการสานต่อให้เองค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีมองหน้าดาหลากับดารัณครุ่นคิด
คุณหญิงรื่นฤดีหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปบ้านคุณหนูจ๋าเอาไว้แล้วก็ยิ้มมุมปากสีหน้าพอใจ

ภายในบ้านคุณหนูจ๋า ลุงจ๊อดลากน้อยออกมา มีเจ๊มะพร้าวตามมาด้วย น้อยส่งเสียงอู้อี้ๆ พยายามดิ้นจนหลุดจากลุงจ๊อดสำเร็จ น้อยมองหน้าลุงจ๊อดกับเจ๊มะพร้าวเพราะจำไม่ได้
“แกสองคนเป็นใคร” น้อยคิดแล้วรีบเอามือปิดหน้าอก “คิดจะปล้ำฉันใช่มั้ย อย่านะ เกิดมา 40 กว่าปี ยังไม่เคยผ่านมือชาย”
ลุงจ๊อดสุดทนตัดสินใจเอาหัวโขกน้อยเต็มแรง น้อยตาเหล่ ลุงจ๊อดเจ็บหัว เจ๊มะพร้าวตกใจ แล้วน้อยก็หมดสติไปกองกับพื้น ลุงจ๊อดจับหัวด้วยความเจ็บ ห่านรีบเดินเข้ามา เห็นสภาพน้อยก็ตกใจ
“ลุงทำอะไรป้าน้อยอ่ะ”
“ไม่ต้องห่วง ยังไม่ตาย แต่ข้าเนี่ยนะ เจ็บหัวจนจะตายแล้ว อุ๊ยยย”
“ครอบครัวคุณชายกลับไปเหรอยัง”
“กลับไปหมดแล้วเจ๊ รีบเคลียร์ที่นี่ ก่อนที่ป้าน้อยจะฟื้นเถอะ”
เจ๊มะพร้าวพยักหน้า แล้วห่าน เจ๊มะพร้าว และลุงจ๊อดก็รีบเดินออกไป

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ห้องอาหารพนักงานของห้าง BKK Plaza พรเพ็ญเอากระดาษมาวางบนตัก เปิดกล่องอาหารซึ่งตกแต่งสวยงามน่ารักคิกขุ พรเพ็ญหยิบช้อนส้อมขึ้นมากินข้าว จีจี้โผล่หน้าออกมาทางด้านหลัง ตามมาด้วยปีโป้ และแอปเปิ้ลที่อยู่ล่างสุด
“จีจี้ แกเข้าไปฟ้องคุณผู้จัดการเลย”
“ทำไมเป็นฉันล่ะ ที่ฉันมาเล่าให้เธอฟัง เพราะจะให้เธอเป็นคนไปบอกคุณผู้จัดการ”
“เรื่องเก่าฉันยังไม่ทันจาง ฉันไม่อยากสร้างเรื่องใหม่ แล้วอีกอย่างนี่เป็นเรื่องบาดหมางระหว่างแกกับนังเจ๊เพราะฉะนั้น แกต้องทำเอง”
“ถูกต้อง”
แล้วแอปเปิ้ล ปีโป้ ก็ยืดตัวขึ้นยืนประกบจีจี้ จีจี้ถอนใจ แอปเปิ้ลกับปีโป้มองหน้ากัน แล้วก็พยักหน้าพร้อมกัน ก่อนจะถอยหลังแล้วถีบบั้นท้ายจีจี้เต็มแรง จีจี้ถลาไปด้านข้างโต๊ะพรเพ็ญ
“อ๊าย”
จีจี้ล้มหน้าคว่ำข้างโต๊ะพรเพ็ญ พรเพ็ญหันไปมองจีจี้ด้วยความประหลาดใจ จีจี้เจ็บมาก เงยหน้าขึ้นมา หันไปทางแอปเปิ้ลกับปีโป้จะเอาเรื่อง แต่สองคนนั้นวิ่งออกไปแล้ว
“จิรศักดิ์” จีจี้ผงะหันไปทางพรเพ็ญ “ทำอะไร”
จีจี้ลุกขึ้นยืนกุมเป้า ทำตัวลีบ
“ผมมีเรื่องจะบอกคุณผู้จัดการครับ”
“รอก่อน ฉันกำลังกินข้าว”
“แต่เรื่องนี้มันสำคัญมากเลยนะครับ ผมเห็นเจ๊มะพร้าวใช้สิทธิ์ในทางที่ผิดโดยการให้ญาติตัวเองมาแต่งหน้าฟรีครับ”
พรเพ็ญหันไปมองจีจี้ด้วยความสนใจทันที จีจี้พยักหน้าหงึกๆ ว่าเป็นความจริง พรเพ็ญหรี่ตาครุ่นคิด

พรเพ็ญกำลังนั่งดูเอกสารบนโต๊ะ เอกสารเขียนว่า “รายชื่อพนักงานดีเด่นที่จะได้สัมมนา” มีชื่อหลายคน แต่พรเพ็ญไล่สายตามาที่ชื่อ สมรศรีซึ่งก็คือเจ๊มะพร้าว พรเพ็ญเอาปากกาขีดชื่อเจ๊มะพร้าวทิ้ง
คุณชายกับนีรนุชกลับมาที่ห้าง ทั้งคู่เดินเข้ามายืนที่หน้าป้ายโรงเรียน GLION ก่อนจะหยุดและหันมาคุยกัน
“ฉันเข้าใจคุณฮันนี่แล้วล่ะว่าทำไมคุณฮันนี่ถึงไม่ค่อยอยากให้ฉันมาเจอครอบครัวของเค้า เค้าคงจะอายเรื่องป้า”
“ฉันก็คิดเหมือนแก ไม่มีใครในโลกนี้ ที่จะสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่างหรอกนะ”
“ฉันอยากช่วยคุณฮันนี่ว่ะ อยากหาหมอดีๆ มาช่วยรักษาป้าของเค้า บางทีป้าของคุณฮันนี่ อาจจะกลับมาเป็นปกติ”
“ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกนะ”
“ขอบใจมาก งั้นฉันไปทำงานก่อนนะ”
นีรนุชพยักหน้าแล้วคุณชายก็เดินแยกออกไป

บื้อคุยโทรศัพท์มือถือสีหน้าเป็นห่วงแล้วก็ค่อยๆ หยุดเดิน
“แล้วคุณชายจับได้รึเปล่าว่าเธอโกหก”
ห่านอยู่ที่บ้านเช่า เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเป็นห่าน กำลังใส่แว่นตาฟังโทรศัพท์
“ฝีมือชั้นนี้แล้ว ไม่มีทางจับได้แน่นอน” บื้อชะงัก
“แสดงว่ารอดปลอดภัยกลับมา”
“ใช่”
บื้ออึ้ง นึกย้อนกลับไปตอนที่บนไว้กับศาลพระภูมิ
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ผมรู้ว่าสิ่งที่ห่านทำ มันไม่ถูก แต่ผมเป็นห่วงห่านมาก ผมขอให้ท่านคุ้มครองห่าน ให้รอดปลอดภัย อย่าได้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเลย ถ้าห่านรอดกลับมา ผมจะมาร้องเพลงให้ท่านฟังนะครับ”
บื้อกลืนน้ำลายเอื๊อก

คุณหญิงรื่นฤดีนัดเจอกับดารัณและดาหลาที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง คุณหญิงรื่นฤดียื่นมือถือที่ถ่ายภาพบ้านคุณหนูจ๋าให้ดารัณกับดาหลาดู
“ฉันถ่ายภาพบ้านตามที่คุณบอก” คุณหญิงรื่นฤดีนึกได้ หยิบกระดาษโน้ตออกมา “นี่เป็นที่อยู่ ฉันเขียนมาให้แล้วค่ะ”
ดารัณรับกระดาษจดที่อยู่มา แล้วก็มองหน้าคุณหญิงรื่นฤดีสีหน้าพอใจ
“คุณหญิงไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่เกินวันพรุ่งนี้ เราจะรู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของนังฮันนี่จริงๆ หรือว่าเป็นของใคร”
“ฝากด้วยนะคะคุณดารัณ ตาชายจะได้ตาสว่างซักที”
“จะต้องขอบคุณทำไมคะคุณแม่ อย่าลืมว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
ดาหลาจับมือคุณหญิงรื่นฤดี คุณหญิงรื่นฤดียิ้มให้ดาหลาแล้วดาหลาก็หันไปมองดารัณ สองแม่ลูกยิ้มร้ายให้กัน

บื้อเดินสีหน้ากลุ้มใจมาตามทาง
“ปากหนอปาก ไม่น่าไปบนอะไรแบบนั้นเล้ย”
สุรเดชคล้องกระเป๋าที่แขน เดินมาตามทาง สุรเดชเห็นบื้อก็รีบรีบเซ็ทผม ก่อนจะปรี่เข้ามาหา
“บื้อจ๋า” บื้อหันไปเห็นสุรเดชก็ยกมือไหว้
“สวัสดีครับพี่สุ พี่สุมาซื้อ...”
“อ๊ะๆ” สุรเดชรีบพูดขัดขึ้น เอานิ้วส่ายไปมาตรงหน้าบื้อ “พี่ไม่ได้มาซื้ออันเดอร์แวร์จ๊ะ แต่พี่มาหาคุณชาย” บื้อทำหน้าเข้าใจ ระหว่างนั้นสุรเดชเห็นคุณชายเดินมา “อุ๊ยตาย อายุยืนชะมัด พูดถึงปุ๊บก็เจอตัวเลย ไว้ค่อยเม้าท์กันนะจ๊ะ”

“ครับ”

สุรเดชส่งจูบให้บื้อก่อนจะเดินไปหาคุณชาย บื้อหน้าแหยๆ หันไปมองตามเห็นคุณชายยกมือไหว้สุรเดช แต่คุณชายไม่เห็นบื้อ เพราะยืนหันหลังให้
“คุณชายครับ ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย เรื่องเกี่ยวกับแฟนคุณชายน่ะครับ” บื้อได้ยิน นิ่วหน้า
“แฟนคุณชาย ก็ยัยห่านน่ะสิ”
บื้อรีบหาที่หลบและแอบฟังด้วยความอยากรู้
“คุณฮันนี่น่ะเหรอครับ” คุณชายย้อนถาม
“ใช่ครับใช่ วันนั้นพอรู้จากคุณชายว่าคุณฮันนี่อยู่คอนโดเดียวกับผม ผมก็ไปหาคุณฮันนี่ที่ห้องวันรุ่งขึ้น เพราะอยากทำความรู้จักกันไว้ แต่คุณชายรู้อะไรมั้ยครับ ห้องนั้นไม่ใช่ห้องของคุณฮันนี่”
คุณชายชะงัก บื้อได้ยินเต็มๆ ก็อึ้งมาก รีบตั้งใจฟังต่อ
“พี่สุไปห้องผิดรึเปล่าครับ”
“ไม่ผิดครับ พี่จำได้ คุณชายบอกว่าห้อง 216 ใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“เจ้าของห้อง บอกว่าเค้าอยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้ว ไม่มีทางที่จะมีคนอื่นมาอยู่”
คุณชายนิ่งไปอย่างพูดไม่ออก บื้อเป็นห่วงห่านสุดๆ

บื้อรีบโทรศัพท์หาห่าน ขณะนั้นห่านกำลังซักผ้า ห่านยืนเหยียบผ้าในกะละมังสีหน้าตกใจ ขณะที่คุยโทรศัพท์
“คุณสุของนายบอกคุณชายไปแบบนั้น”
บื้อผละออกห่างโทรศัพท์ เพราะเสียงห่านดังมาก
“พี่สุไม่ใช่ของฉัน และใช่เค้าบอกคุณชายว่าห้องนั้นไม่ใช่ห้องของเธอ ฉันรีบโทรมาบอก เพื่อให้เธอคิดหาข้อแก้ตัวกับคุณชายเอาไว้ก่อนที่เค้าจะโทรมาซักจนเธอตอบไม่ได้”
ห่านเครียดมาก มือตกลงข้างตัว สีหน้าแย่มากว่าจะทำยังไงดี

คุณชายกลับมาที่ห้องทำงานคิดเรื่องที่สุรเดชบอก หน้าเครียดมากๆ หยิบมือถือขึ้นมา กดชื่อ “ฮันนี่” แต่ยังไม่ทันกดโทรออก ห่านก็โทรเข้ามา คุณชายรีบกดรับสาย
“ครับ คุณฮันนี่ อยากเจอผม ที่ไหนดีครับ” คุณชายตั้งใจฟัง
ห่านนัดเจอกับคุณชายที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ห่านกับคุณชายนั่งอยู่ด้วยกัน บรรยากาศชวนอึดอัด แล้วห่านก็ตัดสินใจพูดขึ้นมาก่อน
“คุณชายคะ” คุณชายมองหน้า “ฮันนี่มีเรื่องอยากบอกคุณชาย เรื่องคอนโดของฮันนี่ ความจริง ฮันนี่ขายคอนโดไปตั้งหลายปีแล้ว” คุณชายชะงัก “แต่ที่ฮันนี่โกหกคุณชาย เพราะฮันนี่ไม่อยากให้คุณชายมาที่บ้านฮันนี่ คุณชายก็เห็นแล้วว่าที่บ้านฮันนี่มีปัญหาอะไร”
“เรื่องคุณป้าของคุณ”
“ใช่ค่ะ”
คุณชายไม่พูดอะไรออกมา ทำให้ห่านใจคอไม่ดี กลัวคุณชายโกรธ
“ฮันนี่รู้นะคะว่าคุณชายไม่ชอบคนโกหก ฮันนี่ก็ไม่ได้อยากโกหกคุณชาย เพียงแต่ฮันนี่กลัว กลัวคุณชายจะรังเกียจคุณป้าของฮันนี่น่ะค่ะ”
คุณชายมองห่านด้วยความเข้าใจทุกอย่าง ก่อนจะจับมือห่านเอาไว้
“ผมไม่รังเกียจคุณป้าของคุณฮันนี่เลยนะครับ ผมสงสารท่านด้วยซ้ำ และผมก็เข้าใจคุณฮันนี่ ว่าทำไมคุณต้องโกหก”
“หมายความว่า คุณชายไม่โกรธ”
“ครับ ผมไม่โกรธ จำไว้นะครับ ไม่ว่าคุณฮันนี่จะมีปัญหาอะไร หนักหนาสาหัสแค่ไหน ผมก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง และเป็นกำลังใจให้คุณฮันนี่”
“ขอบคุณคุณชายมากนะคะ ฮันนี่โชคดีจริงๆ ที่ได้มาเจอคุณชาย”
“ผมต่างหากล่ะครับที่โชคดี ที่สวรรค์ส่งผู้หญิงจิตใจดีอย่างคุณฮันนี่มาให้ผม”
ห่านยิ้มกว้างอย่างมีความสุขมาก คุณชายกระชับมือห่านแน่นอย่างให้กำลังใจ

คืนนั้นเมื่อกลับถึงบ้าน บื้อฟังเรื่องที่ห่านเล่าจบก็สีหน้าสลดทันที
“คุณชายน่ารักเนอะ นายว่ามะ”
“อื้อ”
“ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะ ไม่ดีใจกับฉันเหรอ”
“ดีใจสิ”
“ดีใจแล้วทำหน้าแบบนี้เนี่ยนะ ยิ้มให้ฉันดูหน่อย” บื้อฝืนยิ้มหน้าแหย ห่านไม่พอใจ “เนี่ยนะยิ้มของนาย”
บื้อหุบยิ้ม ห่านยกมือขึ้นมาจับหน้าบื้อสองข้าง บื้อตกใจ พยายามจะผละออกห่าง
“ทำไร”
แต่ห่านดึงให้แก้มบื้อทั้งสองข้างให้ยกขึ้น
“ทำให้นายยิ้มไง” แต่หน้าบื้อตลกมาก ห่านทนไม่ไหว ขำก๊ากออกมา “ฮ่าๆๆ หน้านายตลกมากอ่ะ”
บื้อไม่พอใจ ยื่นมือไปจับหน้าห่านแล้วบีบแก้มจนปากห่านกลายเป็นปากหมู บื้อขำก๊าก ทั้งๆ ที่ห่านยังจับหน้าอยู่
“ฮ่าๆๆ หน้าเธอก็ตลกเหมือนกัน ฮ่าๆๆ”
บื้อกับห่านหัวเราะพร้อมกัน สายตาประสานกันพอดี๊พอดี ทั้งคู่จึงค่อยๆ หยุดหัวเราะ มือที่จับหน้าเริ่มคลาย ก่อนจะรู้สึกแปลกๆ บื้อกับห่านรีบเอามือออกจากหน้าของกันและกัน แล้วก็เก้อเขินกันไป
“ฉันไปนอนก่อนนะ”
บื้อกับห่านผงะที่พูดพร้อมกัน แล้วก็หันหลัง ทั้งคู่ทำหน้าไม่ถูก แล้วก็จ้ำเดินเข้าไปที่บ้านของตัวเอง

อีกด้านหนึ่งที่บ้านคุณหนูจ๋า บ้านคุณหนูจ๋าทั้งหลังมืดสนิท น้อยนอนกรนบนโซฟากลางหน้าผากหัวปูดจากที่ลุงจ๊อดเอาหัวโขกทำให้น้อยสลบจนหลับไปเลย ไม่นานน้อยก็รู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมา น้อยเห็นทั้งบ้านมืดสนิทก็ตกใจ รีบเด้งตัวขึ้นมานั่ง
“ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย” น้อยมองไปรอบๆ หน้าตาตื่นตระหนก “มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
น้อยนิ่งพยายามนึก ภาพเหตุการณ์ตอนที่กลับถึงบ้านย้อนกลับมา น้อยรีบกลับเข้ามาในบ้านเจอคุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึก คุณชาย นีรนุช / ลุงจ๊อดมาปิดปาก ลากออกไป น้อยด่าลุงจ๊อดกับเจ๊มะพร้าว จนกระทั่งลุงจ๊อดเอาหัวโขกหัวน้อย น้อยจับที่หน้าผากตัวเองแล้วก็ตกใจเพราะหัวปูด
“เฮ้ย ขโมย ต้องเป็นไอ้พวกหัวขโมยแน่ๆ มีของหายไปบ้างรึเปล่าเนี่ย”
น้อยลนลานรีบลุกเดินออกไปทันที
ในครัว ขณะนั้นจุ๊บแจง คนใช้กำลังจกส้มตำอย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานน้อยจ้ำเดินหน้าตาเอาเรื่องมาหา
“นังจุ๊บแจง” จุ๊บแจงแทบสำลักหันไปทางน้อย “ยังนั่งจกส้มตำได้สบายใจอีกนะแก ฉันบอกให้แกเฝ้าบ้านดีๆ ตอนที่ฉันไม่อยู่ แล้วแกปล่อยให้มีคนแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้ เข้ามาในบ้านได้ยังไง ดีนะที่ไม่มีของหาย”
“จะมีใครเข้ามาได้ไง ในเมื่อลุงจ๊อดบอกว่าจะดูแลบ้านให้” น้อยผงะ
“ลุงจ๊อด ไอ้จ๊อดที่ขับตุ๊กตุ๊ก”

จุ๊บแจงพยักหน้าหงึกๆ น้อยนิ่วหน้าสงสัยมาก

เช้าวันรุ่งขึ้น ที่หน้าห้าง BKK Plaza โย่งหันไปมองรอบๆ ไม่มีคนก็หันไปข้างหลัง
“ไอ้บื้อ ออกมาได้แล้ว” บื้อค่อยๆ เดินออกมาพร้อมกับกีตาร์ มีเม้าท์ออร์แกนคล้องที่คอ บื้อถอนใจด้วยความตื่นเต้น โย่งตบบ่าบื้อ “รีบๆ เลยแก ตอนนี้ยังไม่มีคนมาทำงาน” บื้อพยักหน้า โย่งออกไปยืนข้างๆ นับจังหวะให้ “วัน ทรู ทรี”
บื้อเป่าเม้าท์ออร์แกน แล้วก็เล่นกีตาร์ไปด้วย ก่อนจะร้องเพลงออกมา โย่งโบกมือตามพยายามให้กำลังใจเพื่อน
อีกด้านหนึ่ง ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มเดินมาด้วยกัน เจ๊มะพร้าวกินหมูปิ้งไปด้วย
“น้องบื้อของเจ๊ไม่มากับแกด้วยเหรอ”
“ไม่รู้ออกไปแต่เช้า”
พลันเสียงร้องเพลงของบื้อลอยมา ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวหยุดเดิน มองหน้ากัน
“ใครมาร้องเพลงแต่เช้าว่ะ”
“เสียงดังมาจากตรงโน้น”
ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวตัดสินใจเดินไปตามที่มาของเสียงพร้อมกัน

บื้อเริ่มมั่นใจที่จะร้องมากขึ้น โย่งโยกตามมีเต้นน้อยๆ ระหว่างนั้น ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“นายบื้อ”
“ที่ออกมาแต่เช้าก็เพราะ...” แหม่มชี้ไปที่บื้อ ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวก็เดินไปหาโย่ง บื้อยังไม่เห็นเพราะหลับตาร้องเพลงกำลังอิน “โย่ง”
โย่งหันมาพอเห็นสามสาวก็แทบช็อก
“เฮ้ย”
“บื้อเพี้ยนป่ะเนี่ย มาร้องเพลงที่หน้าห้างฯทำไม”
“อ่า...คือ เออ ไม่มีอะไร” โย่งอึกอักปฏิเสธ
“มันต้องมี เจ๊มั่นใจ บอกเจ๊มานะน้องโย่ง ถ้าไม่บอก เจ๊จะจูบ” เจ๊มะพร้าวยื่นหน้าเข้าไป โย่งรีบหลบหลังแหม่ม
“ไม่ได้นะเจ๊ ผมเก็บจูบแรกให้แหม่มคนเดียว” แหม่มหันไปตีหัวโย่ง
“นี่แน่ ทะลึ่ง”
“จะบอกไม่บอกห๊ะโย่ง” ห่านถาม โย่งตัดสินใจบอก
“ที่ไอ้บื้อมันร้องเพลง ก็เพราะเธอ” ห่านชะงัก เจ๊มะพร้าวกับแหม่มสงสัย ห่านหันไปมองบื้อที่ยังอินกับการร้องเพลง โย่งพูดต่อไป “มันเป็นห่วงเธอมากก็เลยมาบนศาลพระภูมิ ขอให้เธอปลอดภัยกลับมา แล้วมันจะมาร้องเพลงให้ท่านฟัง”
ห่านไปมองบื้อที่กำลังร้องเพลงแววตาซาบซึ้ง จนเผลอยิ้มออกมา แหม่มสีหน้าห่านก็นิ่วหน้าแปลกใจ เพลงใกล้จบบื้อลืมตาขึ้นมาเห็นห่านก็ผงะ แต่จำต้องร้องเพลงต่อไปจนจบ บื้อลุกขึ้นยืน หันไปมองห่าน ทำหน้าไม่ถูก รู้สึกอาย

ห่าน บื้อ แหม่ม โย่ง เจ๊มะพร้าวยืนอยู่ด้วยกัน
“ขอบใจที่เป็นห่วง”
“ไม่ได้ห่วง ฉันก็แค่กลัวแขนเสื้อของฉันจะเปื้อนน้ำตาของเธออีก” บื้อรีบพูด ห่านเบ้หน้า
“เชื่อก็ได้ ว่าไม่ได้ห่วง”
“ใกล้เวลาเข้างาน ฉันไปตอกบัตรก่อนนะ” บื้อตัดบทรีบจับแขนโย่งให้เดินออกไปห่านหันไปมองตาม
“นี่ รอฉันด้วยสิ ไป เจ๊ แหม่ม”
ห่านรีบเดินไปเดินข้างๆ บื้อ เจ๊มะพร้าวเดินตาม แหม่มมองห่านนิ่วหน้าสงสัยว่าห่านจะชอบบื้อรึเปล่า

ที่บอร์ดประกาศมีเอกสารแปะอยู่ เจ๊มะพร้าว ห่าน แหม่ม แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ และพนักงานคนอื่นกำลังแย่งกันดู
“รายชื่อพนักงานดีเด่นที่ได้เข้าร่วมสัมมนาที่จังหวัดชลบุรี”
ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มตื่นเต้นมาก สามคนยืนบังทำให้แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้มองไม่เห็น
“ดูเสร็จแล้วก็หลีกสิยะ คนอื่นเค้าจะได้ดูมั๊ง” ห่านหันขวับ
“ฉันยังดูไม่เสร็จ”
แอปเปิ้ลไม่พอใจหันไปส่งซิกให้จีจี้ จีจี้พยักหน้ารับแล้วก็แทรกกลางเข้าไประหว่างห่านกับเจ๊มะพร้าว ทำเอาห่านเซไปชนแหม่ม เจ๊มะพร้าวก็เซไปกระแทกคนอื่น แอปเปิ้ลกับปีโป้ยิ้มเยาะ ก่อนจะเดินมาตรงหน้าบอร์ด ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวไม่พอใจอย่างแรง
“ไหนดูสิว่ามีชื่อพวกเรารึเปล่า”
“มันต้องมีอยู่แล้วล่ะปีโป้ พนักงานดีเด่นอย่างพวกเราสามคน” ปีโป้กับจีจี้พยักหน้ายอมรับ “ต้องได้ไปสัมมนาครั้งนี้ ไม่เหมือนคนบางคน” แอปเปิ้ลเหล่ห่าน แหม่มและเจ๊มะพร้าว “ไม่รู้จะมาดูทำไม๊ รู้อยู่ว่ายังไงก็ไม่ได้”
“พูดมากไปแล้วยัยแอ๊บ! ครึ่งปีที่ผ่านมา ฉันทำยอดขายแซงหน้ายัยช้างน้ำแบบไม่เห็นฝุ่น พนักงานดีเด่นตัวแม่อย่างฉัน ยังไงก็ต้องได้ไป”
“อย่าเพิ่งโอ้อวดเลยเจ๊ เกิดไม่ได้ขึ้นมา จะหน้าแหก”
“แหก แหกแหก แหกแหก ฮ่าๆๆ”
เจ๊มะพร้าวกำมือแน่นโมโหมาก แล้วปีโป้ก็หันไปเช็คชื่อ พอเห็นชื่อตัวเองปีโป้ดีใจกรี๊ดลั่น
“อ๊าย” ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวหันไปมองปีโป้ “มีชื่อพวกเราสามคนด้วยล่ะ”
แอปเปิ้ล จีจี้รีบดูที่บอร์ดแล้วก็กรี๊ดกร๊าด
“มีจริงๆ ด้วยอ่ะ นี่ไงๆ ชื่อฉัน”
“ชื่อฉันด้วย”
ห่าน เจ๊มะพร้าว และแหม่มไม่พอใจ แอปเปิ้ลหันไปทางห่าน
“พวกเราดูเสร็จแล้ว อ่ะ เชิญ”
แอปเปิ้ลเชิดใส่ห่านแล้วก็เดินออกไป ปีโป้กับจีจี้ตามติด ห่านค้อนแอปเปิ้ลแล้วก็หันไปดูที่บอร์ด แหม่มกับเจ๊มะพร้าวเข้ามายืนดูข้างๆ ห่าน ห่านดูรายชื่อ สีหน้าตื่นเต้น
“มีชื่อฉัน มีชื่อแกด้วยแหม่ม”
“เหรอๆ”
ห่านกับแหม่มตีมือกันด้วยความตื่นเต้นดีใจ แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้เบ้หน้า
“แล้วชื่อเจ๊ล่ะ ชื่อเจ๊อยู่ไหน” เจ๊มะพร้าว ห่านกับแหม่มช่วยกันหา แต่ไม่มี สองคนหน้าเสียอย่างแรง หันมาทางเจ๊มะพร้าวที่หน้าเสียไม่แพ้กัน “ทำไมไม่มีชื่อเจ๊”
“คุณผู้จัดการอาจจะลืมใส่”
แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้เดินมาตรงหน้าบอร์ด
“ไหนขอฉันดูหน่อยสิ” แอปเปิ้ลแกล้งหาชื่อเจ๊มะพร้าว “ไม่มีจริงๆ ด้วยอ่ะ”
ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวยืนนิ่ง เจ๊มะพร้าวรู้สึกเสียหน้ามาก
“ตายแล้ว ไม่มีชื่อเจ๊ได้ไงอ่ะ เอ หรือว่าเจ๊จะตกอันดับจากนักขายมือหนึ่ง กลายเป็นนักขายมือบ๊วย ฮ่าๆๆ”
จีจี้หัวเราะ แอปเปิ้ลกับปีโป้หัวเราะตาม เจ๊มะพร้าวเสียใจมาก เลยวิ่งร้องไห้ออกไป ห่านกับแหม่มเป็นห่วง
“เจ๊ เจ๊”

ห่านกับแหม่มหันไปค้อนแอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ แล้วก็รีบตามเจ๊มะพร้าวออกไป สามคนยิ้มเยาะ

เจ๊มะพร้าวหลบมายืนน้ำตาซึมในมุมที่ลับตา ห่านกับแหม่มตามมายืนประกบ
“เจ๊ไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่เจ๊ตั้งใจทำงาน ทำยอดขายดีมาตลอด แล้วทำไม เจ๊ถึงไม่ได้ไป เจ๊ไม่เข้าใจ เจ๊ไม่เข้าใจ”
ห่านกับแหม่มมองหน้ากัน แล้วห่านก็นึกออก
“เอางี้มั้ยเจ๊ ไปถามคุณผู้จัดการกัน” เจ๊มะพร้าวหันไปทางห่าน
“จะดีเหรอ”
“ดีสิเจ๊ ฉันว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
“ฉันเห็นด้วยกับห่าน ไปถามให้มันรู้คำตอบ ดีกว่าต้องมาไม่เข้าใจอยู่แบบนี้”
เจ๊มะพร้าวหันไปมองหน้าห่าน ห่านพยักหน้า

โย่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาตามทางเห็นบื้อเดินอยู่ ก็ยิ้มกว้าง รีบวิ่งมาหา
“ไอ้บื้อ” บื้อหันมา โย่งหยุดเดินตรงหน้าบื้อ “แกรู้ยังว่าพวกเราได้ไปสัมมนาที่ชลบุรี”
“ทำไม”
“เอ้า ก็เพราะพวกเราเป็นพนักงานดีเด่นของห้างฯไง แล้วอีกอย่างห่านกับแหม่มก็ได้ไปสัมมนาด้วย วู้วู้” บื้อฟังแล้วก็แอบดีใจ แต่ไม่แสดงออก ส่วนโย่งเพ้อไปแล้ว “เคยมีคนบอกฉันว่าถ้าเรามีคนที่ชอบ แล้วพาไปสารภาพรักที่ทะเลจะไม่ผิดหวัง เพราะบรรยากาศที่นั่น มันโคตรจะโรแมนติก มีทั้งหาดทราย สายลม ท้องทะเล ท้องฟ้ากว้างใหญ่ แค่คิดก็สะท้านไปหมดแล้ว”
โย่งเอามือสองข้างมาประสานกัน แล้วก็ยิ้มไม่หุบ สีหน้าฝันหวานมาก บื้อยืนนิ่งแล้วก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา

พรเพ็ญกำลังทำงาน พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น พรเพ็ญเงยหน้า
“เชิญ”
เจ๊มะพร้าวเปิดประตูเข้ามา มีห่านกับแหม่มตามเข้ามาด้วย พรเพ็ญนิ่วหน้า
“สวัสดีค่ะคุณผู้จัดการ คือดิฉันมีเรื่องอยากถามค่ะ”
“ว่ามาเลยสมรศรี”
“ดิฉันสงสัยว่าทำไมดิฉันถึงไม่ได้เป็นพนักงานดีเด่นที่จะได้เข้าร่วมสัมมนาด้วยคะ”
“ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ” เจ๊มะพร้าว ห่าน แหม่มมองหน้ากันงงๆ ก่อนจะหันไปมองพรเพ็ญพร้อมกัน พรเพ็ญลุกขึ้นยืน “เธอใช้สิทธิ์ในการเป็นพนักงานในทางที่มิชอบ การกระทำของเธอเป็นการทำเพื่อพวกพ้อง ตั้งใจกอบโกย เอาแต่ได้ หาประโยชน์ใส่ตัวและครอบครัว”
เจ๊มะพร้าว ห่าน แหม่มยิ่งไม่เข้าใจ
“คุณผู้จัดการหมายความว่ายังไงคะ”
“ฉันรู้ว่าเธอให้ญาติของเธอมาแต่งหน้าฟรี” ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มตกใจ “ทั้งๆ ที่ทางห้างฯ ไม่ได้มีนโยบายแบบนั้น แต่เธอกลับลักลอบ กระทำการที่ไม่สมควร เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่ใช่พนักงานดีเด่นอีกต่อไป
เจ๊มะพร้าวใจเสีย ห่านรู้สึกผิดมาก ขยับตัวจะพูด แต่เจ๊มะพร้าวจับแขนห่านห้ามเอาไว้ ห่านหันไปมอง เจ๊มะพร้าวยกมือไหว้พรเพ็ญ
“ดิฉันขอโทษค่ะ ต่อไปดิฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก”
“สำนึกผิดก็ดี ไปทำงานได้แล้ว”
“ค่ะ”
ห่านหันไปมองเจ๊มะพร้าวยังไม่ยอมออกไป เจ๊มะพร้าวต้องจับแขนห่านพาเดินออกไป แหม่มรีบตามไปติดๆ

พอออกจากห้องทำงานพรเพ็ญ ห่านหันไปทางเจ๊มะพร้าวสีหน้าแย่มากๆ มีแหม่มยืนข้างๆ
“ทำไมเจ๊ไม่ให้ฉันบอกคุณผู้จัดการว่ามันไม่ใช่ความผิดของเจ๊ มันเป็นความคิดของฉัน ฉันทำให้เจ๊เดือดร้อน”
“ช่างเถอะห่าน เจ๊จะยอมรับความผิดครั้งนี้เอง”
“ทำไม”
“ปีนี้แกได้กลับมาเป็นพนักงานดีเด่นอีกครั้ง หลังจากที่แกพลาดตำแหน่งนี้ให้นังแอ๊บมาหลายปี นี่เป็นสิ่งที่แกพยายามมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอห่าน” ห่านอึ้ง น้ำตารื้นขึ้นมาทันที แหม่มเองก็เช่นกัน เจ๊มะพร้าวจับไหล่ห่านทั้งสองข้าง “เจ๊เคยได้รับความสุขจากการเป็นพนักงานดีเด่นมาแล้ว เจ๊อยากให้แกรู้ว่าการที่เรามีความสุขจากความพยายามของเรา มันภาคภูมิใจ มันเต็มตื้น มันเปรมปรีดิ์มากแค่ไหน จดจำช่วงเวลานี้เอาไว้ให้ดี รวมทั้งแกด้วยนะแหม่ม”
“เจ๊รู้มั้ยว่าเจ๊ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนร่วมงานของฉัน แต่เจ๊ยังเป็นครอบครัวของฉัน ครอบครัวที่ฉันไม่เคยมี” ห่านหันไปทางแหม่ม “แกด้วยนะแหม่ม”
แหม่มพยักหน้า แบะปากร้องไห้ แล้วห่านก็กอดเจ๊มะพร้าว แหม่มเข้ามาสวมกอดด้วยอีกคน น้ำตาแห่งความซาบซึ้งรินไหล ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ

บ้านเช่าบื้อ โจ๊กกำลังทำความสะอาดอูคูเลเล่ ทันใดนั้นน้อยเดินเข้ามาในบ้าน โจ๊กเห็นก็ชะงัก รีบวางอูคู่เลเล่และลุกขึ้นยืนยกมือไหว้
“สวัสดีครับป้าน้อย”
“ไอ้จ๊อดอยู่ไหน”
โจ๊กยังไม่ทันตอบ เสียงลุงจ๊อดร้องเพลงลูกทุ่งดังออกมา โจ๊กกับน้อยหันไปมองเห็นลุงจ๊อดนุ่งผ้าขาวม้า ใส่เสื้อกล้าม ปะแป้งขาวเต็มหน้า มีผ้าขนหนูคล้องคอเดินออกมา ทันทีที่เห็นน้อยก็สะดุ้งโหยง
“อุ้ย” ลุงจ๊อดรีบฉีกยิ้ม “แม่น้อย วันนี้ดูสวยเป็นพิเศษเลยนะจ๊ะ ว่าแต่ไปไงมาไงจ๊ะเนี่ย”
น้อยเดินมาตรงหน้าลุงจ๊อด
“ไม่ต้องมาทำปากหวาน ฉันรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว” ลุงจ๊อดกับโจ๊กตกใจมาก โจ๊กรีบเดินมายืนข้างลุงจ๊อด “เมื่อวาน แกให้เงินนังจุ๊บแจง เพื่อแลกกับการที่แกจะดูแลบ้านให้ฉัน” ลุงจ๊อดกับโจ๊กโล่งอกที่เป็นเรื่องนี้ “แกทำแบบนั้นทำไม มีจุดประสงค์อะไร”
น้อยตะคอกใส่หน้าลุงจ๊อด น้ำลายเข้าหน้าเต็มๆ ลุงจ๊อดถึงกับผงะ
“เออ ใจเย็นก่อนนะจ๊ะแม่น้อย”
“เย็นงั้นเหรอ” น้อยกระชากผ้าขนหนูที่คล้องคอลุงจ๊อดเข้ามา “ฉันเย็นไม่ไหวแล้ว”
น้อยพูดใส่หน้าลุงจ๊อด กลิ่นปากน้อยพวยพุ่งเข้าหน้าลุงจ๊อดเต็มๆ
“แม่น้อยกินข้าวผัดปลาเค็มมาใช่มั้ยจ๊ะ”
“แกรู้ได้ไง” น้อยปล่อยลุงจ๊อดงงๆ
“กลิ่นปากแม่น้อยน่ะสิจ๊ะ”
น้อยเช็คกลิ่นปากตัวเองก็แทบอ้วกเหมือนกัน
“แกไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง แกทำแบบนั้นทำไมไอ้จ๊อด”
ลุงจ๊อดพูดไม่ออก ได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อก โจ๊กคิดหาทางแก้ แล้วก็นึกออก
“เป็นเพราะผมเองครับ ผมเอง” ลุงจ๊อดหันไปมองโจ๊กงง น้อยหันไปมองโจ๊กสงสัย “ผมอยากทำเซอร์ไพร์สคุณหนูจ๋าน่ะครับ” ลุงจ๊อดกับน้อยนิ่วหน้า “ผมก็เลยให้คนเข้าไปช่วยเตรียมงานในบ้าน แต่พอป้าน้อยกลับมา แผนผมก็ล่ม คือผมไม่รู้ว่าคุณหนูจ๋าไม่อยู่บ้านน่ะครับ”
“อ๋อ มิน่าเธอถึงยืนอยู่ที่หน้าบ้าน”

“ใช่ครับใช่”

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ลุงจ๊อดโล่งอกที่ป้าน้อยเชื่อ โจ๊กเองก็เช่นกัน
“ที่ทำแบบนี้ เพราะชอบคุณหนูของฉันเหรอ”
“เออ...ค...ครับ”
“เธอไม่เหมาะสมกับคุณหนู” โจ๊กอึ้ง ลุงจ๊อดชะงัก ไม่นึกว่าน้อยจะพูดตรงๆ “คุณหนูจ๋าเธอมีฐานะ มีชาติตระกูล ควรจะได้กับคนที่มีความเท่าเทียมกัน เธอไม่คู่ควรกับคุณหนูจ๋าของฉันด้วยประการทั้งปวง” โจ๊กเจ็บไปถึงหัวใจ “ตัดใจซะ จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง อ้อ...แล้วอีกอย่างต่อไปนี้ก็อย่ามาเจอคุณหนูของฉันอีกเด็ดขาด”
โจ๊กกับลุงจ๊อดพูดไม่ออก น้อยพูดจบก็เดินออกไป ลุงจ๊อดโมโหแทนหลาน
“พูดแบบนี้ได้ไงวะ ไม่รักษาน้ำใจกันซักนิด”
ลุงจ๊อดหันไปมองเห็นโจ๊กเดินออกไป ลุงจ๊อดได้แต่มองตามด้วยความสงสัย

บื้อนั่งกินข้าวอยู่ในห้องอาหารพนักงานตามลำพัง สีหน้าครุ่นคิดถึงสิ่งที่โย่งพูด
“เคยมีคนบอกฉันว่าถ้าเรามีคนที่ชอบ แล้วพาไปสารภาพรักที่ทะเลจะไม่ผิดหวัง เพราะบรรยากาศที่นั่น มันโคตรจะโรแมนติก มีทั้งหาดทราย สายลม ท้องทะเล ท้องฟ้ากว้างใหญ่ แค่คิดก็สะท้านไปหมดแล้ว”
บื้อยิ้มแล้วก็คิดเพ้อไปอีก
ในความคิดบื้อ บื้อกับห่านยืนอยู่ด้วยกันริมทะเลขณะที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน
“นายมีอะไรจะคุยกับฉัน?” บื้อจับมือห่านขึ้นมา “ฉันรักเธอ” ห่านอึ้ง บื้อกระชับมือห่านแน่น “เธอได้ยินฉันมั้ยว่าฉันรักเธอ”
“ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้ รู้มั้ยว่าฉันเองก็คิดแบบเดียวกับนาย”
บื้อประหลาดใจดีใจสุดๆ ห่านยิ้ม
“หมายความว่าเธอเองก็รักฉัน” ห่านพยักหน้า “แล้วคุณชายล่ะ”
“ฉันกับคุณชายไม่เหมาะสมกัน ฉันบอกเลิกคุณชายไปแล้ว”
“จริงเหรอห่าน”
“อื้อ ฉันรู้แล้วว่านายคือคนที่ดีกับฉันที่สุด ฉันรักนายนะบื้อ”
บื้อดีใจมาก แล้วบื้อกับห่านก็ค่อยๆ เคลื่อนหน้าเข้ามาประหนึ่งว่าจะจูบกัน

บื้อกำลังหลับตายิ้มพริ้มทำปากจู๋เหมือนจะจูบ ห่านเดินถือจานข้าวเห็นบื้อก็แปลกใจ วางจานข้าวตรงข้ามบื้อ
“บื้อ”
“จ๋า” ห่านชะงัก บื้อลืมตาเห็นห่านจ้องหน้าก็ผงะ “เฮ๊ย”
บื้อหันไปมองรอบๆ เห็นว่าอยู่ในห้องอาหาร บื้อเหวอ ทำหน้าไม่ถูก ห่านนั่งลงตรงข้าม จ้องหน้าใกล้ๆ
“นายเป็นอะไร ทำไมต้องทำปากจู๋”
“เออ ฉัน...บริหารปาก” บื้อรีบก้มหน้ากินข้าวกินๆๆ ห่านมองอาการแปลกๆของบื้อแล้วแย็บถาม
“เป็นไร ถามจริง คิดถึงคุณน้องนุชจนเพี้ยนเหรอ”
“ทำไมฉันต้องคิดถึงเค้า”
“เอ้า ก็นายกับเค้า กำลังคบหาดูใจกันอยู่ไม่ใช่เหรอ” ห่านหลอกถามน้ำเสียงประชด บื้อแทบสำลักข้าวที่กำลังกิน
“ใครบอกเธอ”
“ลุงจ๊อด”
“แล้วเธอก็เชื่อเนี่ยนะ ลุงจ๊อดเคยบอกกับเธอว่าฉันตายมาแล้วครั้งนึง เธอยังจะเชื่ออีกเหรอ”
“ก็...ฉันเห็นนายสนิทสนมกับเค้า ตั้งแต่ตอนอยู่ที่สวิส แล้วอีกอย่างคุณน้องนุชเค้าก็น่ารัก การศึกษาดี มีชาติตระกูล ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องชอบกันทั้งนั้น”
“แต่ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ชอบเค้า” บื้อบอกเสียงดัง ห่านแอบสบายใจ
“ไม่ชอบก็ไม่ชอบสิ ทำไมต้องเสียงดังใส่ฉันด้วย หรือว่า...นายมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” บื้อชะงัก “นายมีคนที่ชอบอยู่แล้วใช่มะ”
“ไม่มี” ห่านโล่งอก
“งั้นก็ดี”
“ว่าไงนะ” ห่านตกใจที่พูดแบบนั้นออกไป เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เออ...ฉันเห็นชื่อนายได้ไปสัมมนาด้วยนี่”
“อือ”
“ดีจัง ที่นายไปด้วย”
“ฉันไปด้วยเนี่ยนะดีกับเธอ อย่าฝืนพูดเลย”
“ไม่ได้ฝืน ฉันดีใจจริงๆ เพราะงานนี้คุณชายก็ไป และถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันจะได้สบายใจว่ามีนายคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ ไง”
ห่านยิ้มและก้มหน้ากินข้าว บื้อมองห่านด้วยความเซ็ง

ห้องประชุมของห้าง BKK Plaza คุณหญิงรื่นฤดีกำลังอ่านแฟ้ม มีพรเพ็ญยืนอยู่ด้วย
“งบประมาณการไปสัมมนาที่ชลบุรี” คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางพรเพ็ญ
“เป็นนโยบายของคุณชาย เพื่อให้กำลังพนักงานค่ะ”
“ตาชายนี่เอาใจใส่ลูกน้องดีจริงๆ”
พรเพ็ญยิ้ม พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น คุณหญิงรื่นฤดีกับพรเพ็ญหันไปเป็นดาหลาที่เปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณแม่ ดาหลารู้จากพนักงานว่าคุณแม่มา ก็เลยมาสวัสดีค่ะ”
“หนูดาหลานี่น่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ แม่เข้ามาตรวจบัญชีน่ะจ๊ะ เอ้อ...จริงสิ หนูไปสัมมนาด้วยรึเปล่า”
“สัมมนาอะไรคะ”
“อ้าว หนูไม่รู้เหรอว่าตาชายจะพาพนักงานดีเด่นไปสัมมนาที่ชลบุรี”
“ไม่ทราบค่ะ”
“ถ้างั้นหนูไปนะจ๊ะ แม่จะบอกตาชายให้เอง เพราะหนูก็เป็นพนักงานดีเด่นคนหนึ่งเหมือนกัน จริงมั๊ยคุณพรเพ็ญ” พรเพ็ญเหวอไปนิดนึง
“เออ ใช่ค่ะ”
พรเพ็ญยิ้มๆ ดาหลาดีใจ ไหว้คุณหญิงรื่นฤดีอีกครั้ง
“กราบขอบพระคุณคุณแม่มากนะคะ ความจริงดาหลาก็ไม่ได้ดีอะไรมากขนาดนั้น”
“ถ่อมตัวเรื่อยเลย”
พลันเสียงมือถือดาหลาดังขึ้น ดาหลาหยิบขึ้นมาเห็นชื่อก็ชะงัก
“คุณแม่โทรมาค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีรู้ทันทีว่าเรื่องอะไร หันไปทางพรเพ็ญ
“คุณพรเพ็ญออกไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับหนูดาหลา”
“ค่ะ”
พรเพ็ญเดินออกไป ดาหลารีบเข้ามานั่งข้างคุณหญิงรื่นฤดีแล้วกดรับสาย
“ค่ะคุณแม่... รู้แล้วเหรอคะว่าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านของใคร”

คุณหญิงรื่นฤดีกับดาหลามองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น

รถคุณหญิงรื่นฤดีแล่นมาจอดหน้าบ้านคุณหนูจ๋า สมรีบลงจากรถมาเปิดประตูให้คุณหญิงรื่นฤดีกับดาหลา ทั้งสองคนลงจากรถ
“คุณผู้หญิงมาบ้านคุณฮันนี่อีกทำไมครับ” คุณหญิงรื่นฤดีหันไปค้อน สมรู้ตัว รีบก้มหน้า เอามือกุมเป้า “ขอโทษที่ทำตัวสาระแนครับ”
“รู้ตัวก็ดี”
“เราไปกดออดกันเถอะค่ะคุณแม่”
ดาหลากับคุณหญิงรื่นฤดีเดินตรงหน้าที่กดออดที่หน้าบ้านคุณหนูจ๋า สมมองอย่างสงสัย ดาหลากดออดแต่ไม่มีคนมาเปิดประตู สองคนมองหน้ากัน
“ทำไมไม่มีคนมาเปิดประตู?”
ดาหลากดออดอีกครั้งก็ยังไม่มีคนเดินออกมา ไม่นานเสียงรถดังขึ้น คุณหญิงรื่นฤดี ดาหลา สมหันไปมองเห็นรถแท็กซี่แล่นมาจอด ไม่นานคุณหนูจ๋าลงจากรถแท็กซี่พร้อมกระเป๋าเดินทาง แท็กซี่แล่นออกไป คุณหนูจ๋าหันไปทางคุณหญิงรื่นฤดีกับดาหลานิ่วหน้าสงสัยว่าใคร
ทันทีที่คุณหญิงรื่นฤดีเห็นหน้าคุณหนูจ๋าเต็มๆ ก็จำได้ทันที หันไปกระซิบกระซาบกับดาหลา
“นี่เป็นน้องสาวของยัยฮันนี่”
ดาหลาชะงัก คุณหนูจ๋าลากกระเป๋าเดินทางมาตรงหน้าคุณหญิงรื่นฤดีกับดาหลา
“ไม่ทราบมาหาใครคะ?”
“หนูอยู่บ้านนี้เหรอจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีมองไปกระเป๋าเดินทาง แล้วก็นึกย้อนกลับไปตอนเห็นรูปคุณหนูจ๋าจึงถามห่าน
“แล้วน้องสาวอยู่ไหนคะ ทำไมไม่ออกมา”
“อ๋อ แกเรียนอยู่ที่อเมริกาค่ะ อีกหลายปีกว่าจะกลับ”
คุณหญิงรื่นฤดีหันไปมองหน้าคุณหนูจ๋า
“เห็นคุณแม่บอกว่าอีกหลายปีกว่าจะกลับไม่ใช่เหรอจ๊ะ?” คุณหนูจ๋านิ่วหน้า
“เออ หนูว่าพวกคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ว่าแต่พวกคุณเป็นเพื่อนกับแม่ของหนูเหรอคะ”
“ใช่จ๊ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีนึกย้อนกลับไป
“คืนนี้คุณพ่อคุณแม่ของฮันนี่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ไปนานหลายเดือนกว่าจะกลับ”
“นี่คุณพ่อคุณแม่หนูอยู่มั้ยจ๊ะ” คุณหญิงรื่นฤดีถามขึ้นมา
“ท่านไปต่างประเทศค่ะ คงอีกนานกว่าจะกลับ”
“อ๋อ”
“ไม่ทราบพวกคุณชื่ออะไรคะ เผื่อคุณพ่อคุณแม่โทรมา หนูจะได้บอก”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ” คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางดาหลา “เรากลับกันเถอะ”
คุณหนูจ๋าไหว้ดาหลากับคุณหญิงรื่นฤดี ดาหลากับคุณหญิงรื่นฤดีขึ้นรถ สมขึ้นรถแล้วขับออกไป คุณหนูจ๋าไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร

คุณหญิงรื่นฤดี ดาหลามานั่งคุยกับดารัณที่ร้านกาแฟ
“ทุกอย่างที่ยัยฮันนี่พูดเมื่อวานเป็นความจริง ทั้งเรื่องที่มันมีน้องสาวและเรื่องที่พ่อแม่ของมันไปต่างประเทศ”
“เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อที่อยู่บ้านที่คุณหญิงให้ฉันมา เจ้าของไม่ได้ชื่อคุณสมชายกับคุณหญิงกุหลาบ”
“หรือว่าพวกมันเพิ่งเปลี่ยนชื่อค่ะ”
“เป็นไปได้”
“ถ้างั้นขอเวลาฉันอีกซักหน่อย ฉันจะให้นักสืบ สืบแบบเจาะลึก ขุดให้ถึงรากถึงโคนของพวกมันเลยค่ะ”
ดารัณบอก คุณหญิงรื่นฤดีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

คืนนั้นบื้อกับโย่งกลับเข้าบ้านพร้อมหิ้วถุงกับข้าวมาด้วย
“ลุงจ๊อด” ลุงจ๊อดเดินออกมา
“ลุงกินข้าวยัง ผมซื้อกับข้าวมาเพียบ”
“ข้ากินอะไรไม่ลงหรอกเว๊ย”
“ทำไมล่ะลุง ลดความอ้วนเหรอ”
“ไอ้โจ๊กน่ะสิ”
บื้อกับโย่งมองลุงจ๊อดอย่างสงสัย

โจ๊กนั่งซึม บื้อเดินมานั่งข้างๆ ยื่นจานกับข้าวให้โจ๊ก โจ๊กหันมามอง
“ยำรวมมิตร ร้านนี้เผ็ดโคตร”
“ผมไม่อยากกิน”
บื้อเอาส้อมจิ้มกิน แล้วก็เผ็ดมาก จนหน้าแดง น้ำหูน้ำตาไหล
“นี่ถ้าเกิดเรากำลังเศร้า แล้วกินอาหารจานนี้เข้าไป จะไม่มีใครรู้เลยว่าเราร้องไห้ คงนึกว่าเป็นเพราะเผ็ด” โจ๊กหันไปมองบื้อเห็นบื้อน้ำตาไหลก็ชะงัก บื้อมองโจ๊ก ยื่นจานออกไป “สนใจยัง” โจ๊กหยิบส้อมจิ้มปลาหมึกขึ้นมามีพริกติดขึ้นมาด้วย แล้วก็กินเข้าไป โจ๊กจิ้มกินเข้าไปอีกสองสามคำ บื้อเห็นก็ตะลึง “ใจเย็นน้องชาย”
โจ๊กเคี้ยวทั้งน้ำตา น้ำตาที่เกิดจากความเศร้าและเผ็ดปนกัน
“มันเผ็ดจนน้ำตาร่วงจริงๆ พี่บื้อ”
โจ๊กน้ำตาไหลสองข้าง บื้อมองโจ๊กด้วยความเห็นใจ เอาจานวางบนโต๊ะ แล้วหันมาทางโจ๊กที่ยกแขนเสื้อเช็ดน้ำตาและน้ำมูก
“มันเผ็ดจนเจ็บเลยใช่มะ”
โจ๊กพยักหน้า หันมา น้ำตายังคลอๆ เบ้า
“ใช่พี่ ทั้งเจ็บทั้งชา” บื้อเอามือคล้องคอโจ๊ก
“ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน คนอื่นไม่เกี่ยว คนเดียวที่โจ๊กต้องแคร์คือคนที่โจ๊กรักเท่านั้น”
บื้อพูดจบก็ลุกเดินออกไป โจ๊กได้แต่นั่งนิ่ง คิดตามที่บื้อพูด

ห้องนอนห่านกับแหม่ม แหม่มเอาบิกินนี่ตัวจิ๋ว สีสันซัมเมอร์ มาวางบนเตียง ห่านมองอึ้ง
“แกจะเอาบิกินนี่ไปด้วย”
“ใช่ ฉันจะใส่แหวกว่ายในทะเล”
“ก่อนที่แกจะได้แหวกว่าย แกคงโดนคุณผู้จัดการด่าแหลกก่อน”
“เหรอ”
“เออสิ เราไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว”
“เซ็งเลยอ่ะ” ระหว่างนั้นเสียงมือถือห่านดังขึ้น ห่านหยิบมาเห็นชื่อก็ยิ้มแย้ม แต่แววตาไม่ได้ประกายเหมือนตอนอยู่กับบื้อ แหม่มมองๆ “คุณชายล่ะสิ”
ห่านไม่ตอบ แต่กดรับสาย
“ค่ะ คุณชาย” แหม่มมองห่าน จับสังเกตท่าทางและสีหน้าแววตา “วันพรุ่งนี้คุณชายจะชวนฮันนี่ไปชลบุรี” ห่านตกใจหันไปมองแหม่ม “เพราะคุณชายมีสัมมนาที่นั่นเหรอคะ”

แหม่มรีบกระโดดมายืนข้างห่าน เงี่ยหูจนติดกับมือถือห่าน

คุณชายเดินคุยโทรศัพท์อยู่ในบ้าน
“คุณฮันนี่ไปนะครับ” ห่านสีหน้าไม่สบายใจ แหม่มมองหน้าห่าน “ผมขอร้องนะครับ เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน เหมือนตอนที่ไปสวิสฯ” คุณชายบอกเสียงอ้อน ห่านนิ่งคิด
“ตกลงค่ะ”
แหม่มตกใจที่ห่านรับปาก ผิดกับคุณชายที่ดีใจมาก
“คุณฮันนี่ตกลงเหรอครับ ผมดีใจที่สุดเลย”
“ฮันนี่ขอไปเจอคุณชายที่โน่นนะคะ ค่ะ...สวัสดีค่ะ” ห่านวางสาย หันมาหาแหม่ม
“แกเพิ่งบอกฉันเองว่าเราไปทำงาน แล้วแกจะปลีกตัวไปหาคุณชายได้ไง”
“ไม่รู้เป็นไร พอได้ยินเสียงอ้อนๆ ของคุณชาย แล้วมันปฏิเสธไม่ลงซักกะที”
“เฮ้อ...ไอ้ห่านเอ๊ย”
ห่านหน้าแหย แหม่มได้แต่ถอนหายใจ

คุณชายวางสายสีหน้ายิ้มแย้มดีใจ พอหันไปก็เจอคุณหญิงรื่นฤดีเดินมา คุณชายชะงัก
“คุณแม่ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
“แม่มีเรื่องจะคุยกับลูก แม่จะให้หนูดาหลาไปสัมมนาที่ชลบุรีกับลูกด้วย” คุณชายชะงัก
“เออ...แต่คุณดาหลาเป็นพนักงานฝึกหัด ไม่ใช่พนักงานประจำ”
“จะพนักงานฝึกหัด หรือพนักงานประจำก็คือพนักงานเหมือนกัน แล้วอีกอย่างหนูดาหลาเองก็ทำงานดี ลูกน่าจะมีรางวัลให้ ตกลงตามนี้นะจ๊ะ แม่จะได้โทรบอกหนูดาหลา” คุณชายพูดไม่ออก “กู๊ดไนท์นะจ๊ะลูก”
คุณหญิงรื่นฤดีจับแก้มคุณชายแล้วก็หันหลังเดินออกไป สีหน้ายิ้มอย่างพอใจ คุณชายเซ็งมาก พูดไม่ออก
คุณชายเดินหน้าเครียดเข้ามาในห้องรับแขกแล้วได้ยินเสียงผิวปาก คุณชายหยุดเดิน หันไปมองหาที่มาของเสียงก็เห็นชนะศึกกับสมแอบอยู่
“คุณพ่อ พี่สม”
“ชู่ว์”
ชนะศึกกวักมือเรียกคุณชายให้เข้ามุม คุณชายแปลกใจ แต่ก็เดินมาหา
“มาทำอะไรอยู่ในที่มืดๆ ตรงนี้ครับ”
“พ่อหลบแม่แกอยู่น่ะสิ พ่อมีเรื่องสำคัญจะบอก” คุณชายนิ่วหน้า “ไอ้สม บอกไป”
“เอ้า ไหงเป็นผมล่ะครับ ไหนคุณผู้ชายบอกว่าจะพูดเอง”
“แกอยู่ในเหตุการณ์ เก็บรายละเอียดได้ดีกว่าฉัน เล่าไปสิ”
“ครับๆ วันนี้คุณผู้หญิงให้ผมพาไปบ้านคุณฮันนี่มาครับ อ้อ คุณดาหลาก็ไปด้วยครับ” คุณชายอึ้ง
“แม่กับคุณดาหลาไปที่นั่นอีกทำไม”
“ผมไม่ทราบครับ แต่ตอนที่ไปถึง เจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ได้ยินคุณผู้หญิงบอกคุณดาหลาว่าเป็นน้องสาวคุณฮันนี่” คุณชายกับชนะศึกมองหน้ากัน “คุยกันไม่นาน คุณผู้หญิงก็กลับบ้านครับ”
“ถ้าให้พ่อเดา พ่อว่าแม่แกคงจะไปจับผิด ท่าทางแม่แกสงสัยหนูฮันนี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่รู้ไปจงเกลียดจงชังอะไรเค้านักหนา” คุณชายถอนหายใจด้วยความกลุ้ม “พ่อว่าแม่เค้าไม่หยุดเท่านี้แน่ เค้าต้องทำอะไรที่มันรุนแรงมากขึ้น ต่อไปนี้ถ้าแม่เค้าพูดอะไร ลูกห้ามเชื่อเด็ดขาด ถึงจะมีหลักฐาน ลูกก็ต้องห้ามเชื่อ เพราะหลักฐานมันทำปลอมกันขึ้นมาได้”
“ครับพ่อ”
คุณชายมีสีหน้าไม่สบายใจ ชนะศึกกับสมมองคุณชายอย่างเห็นใจ

หลายวันต่อมาที่ห้างฯ BKK Plaza ห่านยืนอยู่หน้าห้างคนเดียว ห่านชะเง้อคอยาวรอแหม่ม ขณะนั้นพนักงานกำลังทยอยเอากระเป๋าเก็บในรถทัวร์ที่จอดข้างหลัง ไม่นานแหม่มก็กระหืดกระหอบวิ่งมาพร้อมกับถุงขนมมากมาย
“แกซื้ออะไรมาเยอะแยะ” แหม่มชูถุงขึ้นมา
“หมูปิ้ง ปาท่องโก๋ ขนมครก แซนวิช ข้าวไข่เจียว”
“นี่กะกินไปตลอดทางเลยใช่ป่ะ”
“เยส”
ห่านกับแหม่มเห็นแอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้เดินมาในชุดไปทะเล นุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยืดสีสันแสบตา จีจี้มีห่วงยางห้อยไว้ที่คอ ใส่ที่คาดผมรูปปลาโลมา ปีโป้กับแอปเปิ้ลใส่หมวกปีกกว้าง ทั้งสามคนหิ้วกระเป๋าเดินทางมาด้วยกัน ห่านกับแหม่มเห็นแล้วก็อ้าปากค้าง แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้หยุดเดินตรงหน้าห่านกับแหม่ม
“ตะลึงกันเลยเหรอ ก็งี้แหละ คนมันสวย ช่วยไม่ได้”
แอปเปิ้ล จีจี้ และปีโป้โพสท่าพร้อมกัน
“ไม่ได้ตะลึง แต่ไม่เข้าใจ พวกเราไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว จะแต่งตัวเวอร์กันไปทำไม”
“เอ้า คนเราก็ต้องสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน จะให้มาทำตัวซีดๆ เชยๆ อย่างพวกเธอ ฉันทำไม่เป็น”
“ช่าย”
ห่านกับแหม่มเบ้หน้า ไม่นานพรเพ็ญ คุณชาย และนีรนุชเดินมาด้วยกัน จีจี้เห็นรีบสะกิดแอปเปิ้ลกับปีโป้ แอปเปิ้ลกับปีโป้หันไปมอง สามคนรีบตรงไปเข้าพรเพ็ญ คุณชายและนีรนุชทันที
“สวัสดีค่ะคุณผู้จัดการ คุณคุณชาย คุณน้องนุช”
สามสาวยกมือไหว้พร้อมกัน คุณชาย พรเพ็ญ นีรนุชรับไหว้
“แต่งตัวจะไปล่อเสือล่อตะเข้กันที่ไหนยะ” พรเพ็ญถาม แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้สะดุ้ง ห่านกับแหม่มแอบลอบยิ้มสะใจ “ไปเปลี่ยนชุดที่มันสุภาพมากกว่านี้”
“ทำไมล่ะคะ พวกเราจะไปทะเลกันไม่ใช่เหรอคะ มันก็แต่งตัวให้เข้ากับสถานที่ที่จะไป”
“กล้าเถียงฉันเหรออรนภา”
“อุ้ย ไม่กล้าค่ะ”
“คุณพรเพ็ญครับ ผมว่าไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่อยากให้พวกเราคิดว่าไปทำงาน คิดซะว่าได้ไปเที่ยวดีกว่า”
คุณชายบอก แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ยิ้มกว้างดีใจ ห่านกับแหม่มแอบเซ็ง
“ได้ค่ะ ทยอยกันขึ้นรถได้แล้ว เดี๋ยวจะถึงช้ากว่ากำหนดการที่ระบุเอาไว้”
พนักงานทยอยกันขึ้นรถ ห่านกับแหม่มเดินผ่านหน้าพรเพ็ญ คุณชายและนีรนุช ห่านกับแหม่มยกมือไหว้ ห่านเอาแต่ก้มหน้าไม่ค่อยกล้าสบตา แล้วก็รีบขึ้นรถไปกับแหม่ม
ไม่นานบื้อกับโย่งเร่งฝีเท้าเดินออกมา ทั้งสองคนยกมือไหว้พรเพ็ญ
“นายบัญชา นายยิ่งยง ทำไมเพิ่งมาห๊ะ”
“พวกผมสองคนต้องเอาจักรยานไปเก็บน่ะครับ”
“ขึ้นรถๆ”
บื้อกับโย่งพยักหน้ารับ บื้อหันไปยิ้มให้นีรนุชกับคุณชายแล้วก็ขึ้นไปบนรถกับโย่ง พลันเสียงมือถือคุณชายดังขึ้น คุณชายหยิบออกมากดรับสาย
“ครับ”
“คุณชายรอดาหลาก่อนนะคะ อีกไม่เกินห้านาที ดาหลาจะถึงแล้วค่ะ”
คุณชายวางสาย สีหน้าครุ่นคิด แล้วก็นึกออก หันไปทางนีรนุชกับพรเพ็ญ
“เรารีบไปกันเถอะ”
คุณชายรีบคว้ามือนีรนุชขึ้นรถ พรเพ็ญแปลกใจ

“เอ้า! รอพรเพ็ญด้วยค่า”

บนรถทัวร์ ห่านกับแหม่มนั่งด้วยกัน แอปเปิ้ลกับปีโป้นั่งด้วยกัน จีจี้นั่งหลังสุดคนเดียว บื้อกับโย่งนั่งด้วยกัน
คุณชาย นีรนุช พรเพ็ญ ขึ้นมาบนรถ คุณชายหันไปทางคนขับ
“ออกรถเลย”
“ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย” นีรนุชถามอย่างแปลกใจ
“น่า”
แล้วดาหลาก็ขึ้นมา
“ซอรี่ ขอโทษนะคะทุกคนที่ดาหลามาช้า”
ดาหลาแต่งตัวจัดเต็มไม่แพ้แอปเปิ้ล ปีโป้และจีจี้ คุณชายเซ็งมาก นีรนุชเห็นสีหน้าคุณชายก็เลยรู้ว่าทำไมคุณชายเร่ง ดาหลาเข้ามาควงแขนคุณชายทันที
ห่านมองดาหลาไม่พอใจ แหม่มหันไปทางห่าน
“โอป่ะวะ”
“ไม่ค่อยอ่ะ”
ห่านเมินหน้าไปทางอื่น บื้อหันไปมองห่านอย่างห่วงความรู้สึก

เมื่อถึงชลบุรี ทุกคนเข้าพักที่โรงแรมริมทะเล พรเพ็ญ คุณชาย นีรนุชหันมาทาง บื้อ ห่าน แหม่ม โย่ง แอปเปิ้ล จีจี้ ปีโป้และดาหลา
“ทุกคนไปเก็บของที่ห้อง แล้วมาเจอกันที่ห้องอาหาร พอทานข้าวเสร็จ เราค่อยเริ่มสัมมนากันนะครับ”
“ฉันจะเรียกชื่อ แล้วก็มาเอากุญแจที่ฉัน อรนภา จินตนา” แอปเปิ้ลเดินออกมารับกุญแจกับพรเพ็ญ
ดาหลาแกล้งเดินไม่ค่อยสะดวกมาหาคุณชายที่ยืนอยู่คนเดียว ขณะที่พนักงานแต่ล่ะคนเดินไปเอากุญแจกับพรเพ็ญ
“คุณชายขา ดาหลารู้สึกมึนหัวจังเลยค่ะ สงสัยเป็นเพราะอากาศร้อน”
ดาหลาจับแขนคุณชาย ทำเสียงออดอ้อน ห่านหันไปเห็นคุณชายกับดาหลาก็ยืนจ้องตาเขม็งด้วยความไม่พอใจ แต่พยายามอดกลั้น
“ยัยนางงามนี่มันสตอตัวแม่จริงๆ แกว่าป่ะ” แหม่มบอก ห่านไม่ตอบ
แอปเปิ้ลเปิ้ลที่ยืนใกล้ๆ ห่าน เห็นสายตาห่านที่มองคุณชายกับดาหลาก็แปลกใจ คุณชายแกะมือดาหลาออก
ห่านกับแหม่มยิ้มสะใจ
“ไปโรงพยาบาลมั๊ยครับ ผมจะให้คนพาไป” คุณชายบอกเสียงเอือม
“ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง ถ้าได้นอนพักคงจะหาย คุณชายช่วยพาดาหลาไปส่งที่ห้องได้มั้ยคะ”
ดาหลาทำตาปริบๆ นีรนุชเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างดาหลากับคุณชาย
“ฉันพาไปเองค่ะคุณดาหลา เพราะห้องของเราอยู่ติดกัน” นีรนุชชูกุญแจขึ้นมา “ฉันรับกุญแจมาให้คุณแล้ว รีบไปพักเถอะค่ะ เพราะเรามีกิจกรรมอีกมากที่ต้องทำ”
นีรนุชควงแขนดาหลาลากออกไป ดาหลาเหวอ คุณชายอมยิ้ม ห่านเองก็สบายใจ บื้อหันไปเห็นแอปเปิ้ลมองห่านไม่วางตาก็นึกเป็นห่วง ขยับเดินมาหาห่านกับแหม่ม
“นี่...ที่ 10 นาฬิกา” บื้อหมายถึงตำแหน่งที่แอปเปิ้ลยืนอยู่ ห่านไม่เข้าใจทำหน้างงๆ
“ไอ้บ้า! นี่มันจะเที่ยงแล้วย่ะ”
“หึ๊ย ทางนู้น” บื้อบุ้ยใบ้หน้าไปทาง 10 นาฬิกา “มีคนมองเธออยู่ทางนู้น”
ห่านหันไปมองจึงเห็นแอปเปิ้ล
“อ้าว แล้วก็ไม่บอก มาบอกทำไม 10 นาฬิกา” ห่านส่ายหน้าเอือม “ เปลี่ยนถ่ายซะมั่งนะนาฬิกาน่ะ”
“เออๆๆ เอาว่า ระวังตัวหน่อย ระวังจะถูกจับได้ที่นี่”
“ไม่มีทาง ฉันเนียนอยู่แล้วย่ะ ฉลาดด้วย”
บื้อมองหน้าห่าน แล้วก็เดินออกไป แหม่มหันมาทางห่าน
“ระวังอย่างที่บื้อบอกก็ดีนะแก ยัยแอ๊บมันไม่ธรรมดา”
ห่านมองแอปเปิ้ลที่ยังยืนมองเหล่ ๆ อยู่ ห่านทำท่าไม่กลัว

แอปเปิ้ลอยู่ในห้องพักยืนกอดอก สีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก หันมาทางปีโป้กับจีจี้ที่กำลังเลือกชุดกันอยู่
“ฉันว่านังห่านต้องแอบชอบคุณคุณชาย”
ปีโป้กับจีจี้หันไปมองแอปเปิ้ล
“อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น” แอปเปิ้ลถลามานั่งร่วมด้วย
“ฉันเห็นสายตาที่นังห่านมองคุณคุณชายกับคุณดาหลา เหมือนคนที่กำลังหึงแฟนตัวเอง”
“เวอร์แหละแอปเปิ้ล แค่เห็นสายตาก็รู้ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ฉันมีประสบการณ์มาก่อนย่ะ แล้วอีกอย่างเรื่องอ่านสายตาคน เป็นงานถนัดของฉัน”
“ถ้างั้นอ่านสายตาฉันสิ ว่าฉันกำลังคิดอะไร”
จีจี้จ้องหน้าแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลหันไปมอง
“แกกำลังคิดว่าแกอยากนอนมากแล้วใช่มั้ย” จีจี้ตกใจ เอามือปิดปาก
“คุณพระ รู้ได้ไง”
“ขี้ตาเต็มตาแกซะขนาดนี้ ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ”
“อุ้ย”
“ถ้าแกสองคนไม่เชื่อฉัน ก็ลองจับสังเกตนังห่านดูก็แล้วกัน”
แอปเปิ้ลบอกด้วยสีหน้ามั่นใจ ปีโป้กับจีจี้มองหน้ากันด้วยความสงสัย

คุณชายกับนีรนุชยืนอยู่ด้วยกันในห้องอบรม บื้อ ห่าน แหม่ม โย่ง ดาหลา พรเพ็ญ แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้และพนักงานคนอื่นนั่งกันอยู่
“หัวข้อในการสัมมนาครั้งนี้ คือ การเป็นนักบริการที่ดี” ระหว่างที่คุณชายพูด ห่านมองคุณชายด้วยความชื่นชม มองไปก็ยิ้มไป ระหว่างนั้นแอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ก็มองห่านไม่วางตา “ผมได้รับเกียรติจากสุดยอดนักบริการที่จบจากโรงเรียนการโรงแรมกลียองประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ผมเรียนจบมา” คุณชายหันไปยิ้มให้นีรนุช ดาหลาไม่พอใจ “และปัจจุบันก็เป็นพีอาร์ให้กับทางโรงเรียนอีกด้วย” คุณชายผายมือไปทางนีรนุช “คุณน้องนุชครับ”
ทุกคนปรบมือ นีรนุชหันมายิ้มแล้วก็หันไปสบตากับบื้อพอดี บื้อเลยยิ้มให้ ห่านหันไปเห็นบื้อยิ้มให้นีรนุชก็เกิดความหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ฉันไม่ได้เป็นสุดยอดนักบริการอย่างที่ชายพูดหรอกนะคะ ฉันแค่ทำหน้าที่ของฉันให้เต็มที่ในทุกๆ งานที่ได้รับมอบหมายก็เท่านั้น เรามาเริ่มกันเลยนะคะ”

คุณชายพยักหน้าให้นีรนุช แล้วเดินไปนั่งข้างพรเพ็ญ นีรนุชยิ้มแย้มให้กับทุกคน

จบตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น