xs
xsm
sm
md
lg

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 9

แหม่มรีบนำเรื่องนี้ไปบอกห่าน ห่านมองแหม่มด้วยความอึ้งมาก เจ๊มะพร้าวลัลล้าดีใจ

“นังห่านเอ๊ย ชาติก่อนแกทำบุญด้วยอะไรห๊ะ ชาตินี้นางซินอย่างแกถึงมีเจ้าชายมาขอแต่งงาน”
“ยินดีด้วยนะเพื่อน ที่ฝันของแกเป็นจริง ได้ลงจากคาน เข้าไปอยู่ในวัง” เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหัวเราะชอบใจ แต่ห่านยังนิ่ง เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหันไปเห็นสีหน้าห่านก็แปลกใจ “นี่แกไม่ดีใจเหรอ”
“หรือว่าช็อกที่รู้ว่าคุณชายซื้อแหวนมาให้แก”
ห่านกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“ฉัน...ฉันไปก่อนนะ”
ห่านเดินตัวลอยๆ ออกไป เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ

บื้อไหว้ขอบคุณลูกค้า
“ขอบคุณมากครับ วันหลังเชิญมาใช้บริการอีกนะครับ”
บื้อหันไปเห็นห่านยืนอยู่ก็นิ่วหน้าแปลกใจ
บื้อมองห่านอึ้ง รู้สึกหน้าชาไปทั้งแทบ
“คุณชายซื้อแหวนมาให้เธอ?” ห่านพยักหน้า “เธอลังเลแล้วใช่มั้ย” ห่านส่ายหน้า
“ฉันไม่ได้ลังเล ยิ่งรู้แบบนี้ ฉันยิ่งต้องบอกให้คุณชายรู้เร็วที่สุด ฉันจะนัดคุณชายเจอเย็นนี้ ถ้าคุณชายจะเกลียดฉัน ฉันก็จะไม่โกรธ ให้มันจบตอนนี้ดีกว่าต้องยืดเยื้อต่อไป ไม่งั้นเราก็จะเจ็บด้วยกันทั้งคู่”
บื้อยกมือจับไหล่ห่าน
“โชคดีนะ ฉันจะเป็นกำลังใจให้”
ห่านยิ้มให้บื้อ สองคนยิ้มใหกัน แอปเปิ้ลที่ถือแก้วน้ำ ยืนกำแก้วน้ำแน่นจนน้ำกระชอกออกมากับภาพที่เห็นตรงหน้า

แอปเปิ้ลเดินมานั่งกระแทกตรงข้ามกับปีโป้และจีจี้ที่กำลังกินข้าวกันอยู่
“เอาน้ำไปให้บื้อแล้วใช่ป่ะ”
“ทิ้งไปแล้ว”
“อ้าว ไมอ่ะ ถ้าเปลี่ยนใจไม่อยากให้ เอามาให้ฉันก็ได้ ฉันไม่ถือ”
“บื้อกับนังห่านคืนดีกันแล้ว ฉันเห็นพวกมันอยู่ด้วยกัน”
“เอาน้ำแห้วมั๊ย เดี๋ยวไปซื้อให้”
“นังจี้”
จีจี้สะดุ้ง แล้วก็รีบกินกินกินไม่หยุด
“ฉันว่าแกตัดใจเหอะ บื้อคงไม่ใช่เนื้อคู่ของแก”
แอปเปิ้ลโมโหมาก ตบโต๊ะดังปัง ในขณะที่จีจี้กำลังกินข้าว ช้อนกระแทกเข้าปากจีจี้เต็มๆ จีจี้แทบสำลัก
“ฉันไม่ยอมแพ้นังห่าน ไม่มีวัน” แอปเปิ้ลบอกด้วยหน้าตาเคียดแค้น

คุณชายอยู่ที่ห้องทำงาน คุณชายรับโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ผมกำลังจะโทรหาคุณฮันนี่พอดี...คุณฮันนี่มีเรื่องจะคุยกับผมเหรอครับ ผมก็มีเรื่องอยากคุยกับคุณเหมือนกัน เราเจอกันที่ไหนดีครับ...ตกลงครับ”
คุณชายวางสาย เปิดลิ้นชักหยิบกล่องแหวนออกมาแล้วเปิดดูอีกครั้ง ทันใดนั้นสมเปิดประตูเข้ามา คุณชายเงยหน้าเห็นสมขยิบตาให้ก็รู้ทันที รีบเก็บกล่องแหวนใส่กระเป๋ากางเกง
ไม่นานคุณหญิงรื่นฤดีกับดาหลาก็เดินตามเข้ามา สมปิดประตูและยืนนอบน้อมอยู่ข้างหลัง
“คุณแม่”
“เห็นแม่แล้วทำไมต้องทำหน้าตกใจด้วยลูก”
“ผมแปลกใจน่ะครับ ปกติเวลาคุณแม่จะมา ต้องโทรหาผมก่อน”
“แม่อยากมาเซอร์ไพร์สลูกบ้างไม่ได้เหรอไง”
“ครับ”
คุณชายเหลือบไปมองดาหลาอย่างรู้ว่าดาหลาคงไปบอกอะไรคุณหญิงรื่นฤดีแน่ๆ
“แม่มารับลูกไปทานข้าวเย็น”
“ผมยังไม่เลิกงานเลยครับคุณแม่”
“ลูกเป็นผู้บริหาร จะเข้างาน เลิกงานตอนไหนก็ได้”
“ถ้าขืนผมทำแบบนั้น ผมจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับพนักงานคนอื่น แล้วแบบนี้ใครจะนับถือผมครับแม่”
“เอ๊ะตาชาย เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่ เถียงแม่ไม่หยุด” คุณหญิงรื่นฤดีต่อว่า คุณชายเงียบ
“คุณแม่อย่าตำหนิคุณชายเลยนะคะ ดาหลาเข้าใจคุณชายค่ะ”
“หนูดาหลานี่จะทำให้ลูกชายแม่เสียคนนะเนี่ย”
ดาหลาอมยิ้ม คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางคุณชาย
“ถือว่าแม่ขอก็แล้วกัน แหกกฎบริษัทซักวันเพื่อผม แค่นี้คงทำเพื่อแม่ได้ใช่มั้ย”
คุณชายมีสีหน้าลำบากใจมาก ดาหลาลอบทำหน้าสะใจ

เย็นวันนั้นที่บ้านเช่าบื้อ โจ๊กเดินถือแก้วน้ำออกมาจากในครัว พลางดื่มน้ำไปด้วย แต่ระหว่างนั้นคุณหนูจ๋าเดินถือถุงขนมเดินเข้ามา โจ๊กแทบสำลัก
“คุณหนูจ๋า” คุณหนูจ๋ายิ้ม โจ๊กเห็นเสื้อผ้า ข้าวของวางเกลื่อน ตามแบบบ้านชายโสดก็รีบเก็บอย่างลนลาน “จะมาทำไมไม่โทรมาก่อนล่ะครับ”
“หนูจ๋าเพิ่งกลับจากมหาลัย ทางผ่านอยู่แล้ว ก็เลยแวะมา...พี่บื้อล่ะ”
โจ๊กแอบผิดหวังที่คุณหนูจ๋าถามหาบื้อ
“ยังไม่กลับมาเลยครับ”
คุณหนูจ๋าเอาถุงขนมวางบนโต๊ะ..
“หนูจ๋าซื้อขนมมาฝากพี่บื้อ แล้วก็มีของโจ๊กกับลุงจ๊อดด้วยนะ”
“ขอบคุณครับ”
ระหว่างนั้นบื้อกลับมาพอดี คุณหนูจ๋าหันไปเห็นบื้อก็ยิ้มกว้างดีใจมาก โจ๊กแอบจ๋อย คุณหนูจ๋ายกมือไหว้
“สวัสดีค่ะพี่บื้อ หนูจ๋าซื้อขนมมาฝากค่ะ”
“ดีเลย พี่กำลังหิว”
บื้อเข้ามาดูขนมบนโต๊ะ คุณหนูจ๋ายิ้มดีใจมาก บื้อหยิบกิน
“อร่อยมาก”
“หนูจ๋าดีใจนะคะที่พี่บื้อชอบ”
บื้อหันไปด้านหลังที่โจ๊กยืน
“ขนมมั้ยโจ๊ก” แต่โจ๊กหายไปแล้ว
“อ้าว? ไปไหนแล้ว”

บื้อกับคุณหนูจ๋าแปลกใจ

บื้อเดินออกมาเจอโจ๊กเล่นอูคูเลเล่เหงาๆ คนเดียว ก็เดินมาหา
“เป็นไรน้อง” โจ๊กหน้าถอดสี
“เปล่า”
บื้อนั่งลงข้างๆ แล้วคล้องคอโจ๊ก
“อย่าโกหก เห็นหน้าแก พี่ก็รู้แล้ว ชอบเค้า แล้วทำไมไม่บอกเค้าไปตรงๆ”
“ไม่กล้า”
“การที่เราจะเจอใครซักคนที่ถูกใจ ไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่อมีโอกาสก็ควรคว้าโอกาสนี้ไว้”
บื้อพูดจบแล้วก็ตบหลังโจ๊กก่อนจะเดินออกไป พลางคิดถึงเรื่องของตัวเอง ส่วนโจ๊กคิดหนัก

ดาหลาประคองคุณหญิงรื่นฤดีเดินเข้ามาในร้านอาหาร มีคุณชายตามมาติดๆ แต่สีหน้ากังวลใจ คุณหญิงรื่นฤดีหันไปเห็นท่าทางคุณชาย
“เป็นอะไรตาชาย” คุณชายหันมา “ดูกระสับกระส่าย”
“เออ...คือ ความจริงแล้วผมมีนัดกับเพื่อนเย็นนี้น่ะครับ”
“โทรไปแคนเซิล เพื่อนจะมาสำคัญกว่าแม่กว่าหนูดาหลาได้ยังไง”
คุณชายพูดไม่ออก คุณหญิงรื่นฤดีกับดาหลาหันมายิ้มให้กัน คุณชายได้แต่ถอนหายใจด้วยความกลุ้ม
คุณหญิงรื่นฤดี ดาหลา คุณชายกำลังดูเมนูอาหาร มีพนักงานยืนรอรับออร์เดอร์ แต่คุณชายไม่มีกระจิตกระใจพยายามครุ่นคิดหาทางหนี
“น่าทานไปหมด ทานอะไรกันดีจ๊ะ” คุณหญิงรื่นฤดีหันไปถามดาหลา
“ปลาดีมั๊ยคะคุณแม่ จะได้ไม่อ้วน”
“ดีจ๊ะ” คุณชายขยับตัวไปมา จนคุณหญิงรื่นฤดีต้องหันมา “ลูกไม่เป็นอะไรแน่นะ”
“ผมอยากไปห้องน้ำน่ะครับ”
“ก็ไปสิ แล้วก็มานั่งบิดไปบิดมาอยู่ได้ ลูกคนนี้...”
คุณชายรีบลุกเดินออกไป ดาหลากับคุณหญิงรื่นฤดีหันมาดูเมนูกันต่อ

สมกำลังฮัมเพลง เช็ดรถอยู่ที่ลานจอดรถ มีมือมาสะกิดไหล่ สมหันไปพร้อมๆ กับพูด
“ใครวะ” สมเห็นคุณชายก็ตกใจมาก รีบยกมือไหว้ “อุ้ย...คุณชาย ขอโทษครับ”
“ผมมีเรื่องอยากให้พี่สมช่วย”
สมมองคุณชายนิ่วหน้าสงสัย

คุณชายเดินกลับมานั่งพร้อมเอามือถือวางไว้บนโต๊ะ อาหารถูกวางบนโต๊ะแล้ว ดาหลาตักอาหารให้คุณชาย
“ขอบคุณครับ”
คุณหญิงรื่นฤดียิ้มพอใจ ดาหลามีความสุข คุณชายทานอาหาร แต่สีหน้ามีความกังวล คอยเหลือบมองโทรศัพท์มือถือ ไม่นานเสียงมือถือดังขึ้น คุณชายดีใจ แต่พยายามไม่แสดงอาการออกมา คุณชายหยิบมือถือมากดรับสาย
“ฮัลโหล” คุณชายแกล้งทำเสียงตกใจ “ว่าไงนะ” ดาหลากับคุณหญิงรื่นฤดีหันไปมองคุณชายแปลกใจ “ฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้” คุณชายวางสาย หันไปทางคุณหญิงรื่นฤดีกับดาหลา “ที่ห้างฯเกิดเรื่องครับคุณแม่ ลูกค้ารายหนึ่งของเราโดนลิฟต์หนีบ เค้าไม่ยอมความท่าเดียว ถ้าไม่ได้พบกับผม”
คุณหญิงรื่นฤดีกับดาหลาตกใจ
“ตายจริง ถ้างั้นแม่ไปด้วย”
“ดาหลาไปด้วยค่ะ”
“ไม่ได้ครับ” คุณชายรีบพูด คุณหญิงรื่นฤดีกับดาหลานิ่วหน้า “เออ ผมไม่อยากคุณแม่กับคุณดาหลาต้องมายุ่งยาก เรื่องแค่นี้ผมจัดการเองได้ ขอโทษนะครับที่อยู่ทานข้าวด้วยไม่ได้แล้ว” คุณชายจับมือดาหลาแกล้งเอาใจ “ถ้ายังไง ฝากทานข้าวเป็นเพื่อนคุณแม่ผมด้วยนะครับ”
ดาหลามีท่าทีเอียงอาย
“ค่ะ”
“ได้เรื่องยังไง โทรมาบอกแม่ด้วยนะลูก”
“ครับ”
คุณชายรีบเดินออกไป โดยลืมมือถือไว้บนโต๊ะ แต่ยังไม่มีใครเห็น

คุณชายยื่นเงินให้สม สมรับเงินมายิ้มจนแก้มแทบปริ
“ขอบคุณครับคุณชาย วันหลังเรียกใช้บริการผมบ่อยๆ ได้นะครับ” คุณชายยิ้ม “ว่าแต่ คุณชายจะไปยังไงครับ นี่ใกล้ได้เวลานัดคุณฮันนี่แล้ว”
คุณชายดูนาฬิกาข้อมือ
“จริงด้วย” คุณชายมองไปที่ถนน “รถติดขนาดนี้ จะไปทันได้ไง”
คุณชายคิดแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง คุณชายยิ้ม

พนักงานเดินนำห่านซึ่งแปลงโฉมเป็นฮันนี่แล้วเข้ามาในห้อง ทันทีที่ห่านเข้ามาก็ชะงักเพราะภายในห้องถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีดอกไม้ประดับและมีเทียนที่ถูกจุดเอาไว้
“รอในนี้ซักครู่นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
พนักงานเดินออกไป ห่านมองไปรอบๆ ด้วยความงง ก่อนจะนั่งลง รอการมาของคุณชายอย่างใจจดใจจ่อ

ทางด้านคุณหญิงรื่นฤดีกับดาหลา ทั้งคู่กินกันไปคุยกันไป
“ดูท่าตาชายจะเริ่มอ่อนกับหนูแล้วนะจ๊ะ”
“ดาหลาก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันค่ะ”
“ถ้างั้นต่อไปนี้ แม่ต้องเปิดโอกาสให้หนูกับตาชายอยู่ด้วยกันสองต่อสองบ่อยๆ น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน ซักวันตาชายต้องหันมาชอบหนูแทนนังนั่น”
ดาหลายิ้มชอบใจ พลันเสียงปิ๊บจากมือถือคุณชายดังขึ้น แต่ดาหลาคิดว่าเป็นของตัวเอง หยิบมือถือขึ้นมาดู
“เสียงไม่ได้มาจากมือถือของดาหลา มือถือคุณแม่รึเปล่าคะ”
คุณหญิงรื่นฤดีหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดู
“ไม่ใช่ของแม่เหมือนกัน”
เสียงปิ๊บดังขึ้นอีกครั้ง คุณหญิงรื่นฤดีกับดาหลาหันไปเห็นมือถือคุณชายที่วางบนโต๊ะพร้อมกัน
“คุณชายไม่ได้เอามือถือไป”
ดาหลาหยิบมือถือมาดู ทันทีที่เห็นข้อความเตือนที่หน้าจอก็แทบช็อก คุณหญิงรื่นฤดีเห็นสีหน้าก็แปลกใจ
“มีอะไรเหรอจ๊ะ” ดาหลาหันไปทางคุณหญิงรื่นฤดี
“คุณชายตั้งเตือนว่ามีนัดกับนังฮันนี่เย็นนี้” คุณหญิงรื่นฤดีชะงัก “ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในห้างฯ ก็คงไม่ใช่ความจริง”

คุณหญิงรื่นฤดีอึ้ง ดาหลาโมโหสุดๆ

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

ที่ร้านอาหารอีกแห่ง ห่านนั่งดูเวลาสีหน้าเป็นกังวลใจมากๆ
“ทำไมป่านนี้คุณชายยังไม่มาอีก”
ห่านถอนหายใจ ไม่นานคุณชายเปิดประตูเข้ามา ห่านหันไปมองพร้อมกับลุกขึ้นยืน คุณชายรีบเดินมาหา
“ขอโทษนะครับที่มาช้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฮันนี่รอคุณชายไม่นาน คุณชายคะ เรื่องที่ฮันนี่จะบอกคุณชาย...” ห่านตัดสินใจจะบอกความจริง คุณชายเอามือแตะปากห่าน
“ผมขอบอกเรื่องของผมก่อนนะครับ”
ห่านนิ่ง คุณชายเอามือออกแล้วก็หยิบกล่องแหวนออกมาจากกระเป๋ากางเกง ห่านมองอย่างรู้ทันทีว่ามันคืออะไร คุณชายเปิดกล่องแหวน ทันทีที่ห่านเห็นแหวนก็ตะลึง เพราะมันสวยมาก เพชรน้ำงามสุดๆ
“นี่เป็นแหวนคู่รัก ผมอยากให้คุณฮันนี่รับเอาไว้”
“มันมากเกินไป ฮันนี่รับไม่ได้”
“ทำไมล่ะครับ หรือว่าคุณฮันนี่ไม่รักผมแล้ว”
“ไม่ใช่ค่ะ แต่...” ห่านไม่กล้าพูดความจริง “แต่...”
คุณชายมองห่านลุ้นๆ

ภายในบ้านเช่าบื้อ อาหารที่ถูกจัดอย่างสวยงามถูกวางเต็มโต๊ะ โย่ง โจ๊ก ลุงจ๊อดมองตะลึง
“นี่เอ็งทำทั้งหมดนี่เหรอ?”
“ครับ” บื้อตอบรับ
“เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ไม่ยักรู้ว่าแกทำอาหารเป็น”
“ที่บอกว่าทำทั้งหมดนี่หมายถึงซื้ออาหารมา แล้วก็จัดใส่จาน”
“ถุย”
บื้ออมยิ้ม โจ๊กกลืนน้ำลายเอื๊อก
“กินได้ยังเฮีย ผมหิว”
“เดี๋ยว แขกยังมาไม่ครบ”
โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กมองสงสัย ไม่นานแหม่มเดินหน้ามึนๆ เข้ามาในบ้าน ทุกคนหันไปมอง โย่งดีใจมาก
“แหม่ม”
“ฉันเปิดทางให้แล้วนะเว๊ย” บื้อกระซิบกับโย่ง
“ขอบใจเพื่อน”
โย่งหันไปยิ้มหวานให้แหม่ม แหม่มเบ้หน้า บื้อมองโย่งกับแหม่มแล้วก็อมยิ้ม

ทางด้านห่านกับคุณชาย คุณชายยังลุ้นในสิ่งที่ห่านจะพูด
“แต่อะไรครับคุณฮันนี่” ห่านเครียด ไม่กล้า กลัว ตื่นเต้น สับสน ความรู้สึกต่างๆ ปะเดปะดังเข้ามาเต็มไปหมด คุณชายวางกล่องแหวนบนโต๊ะแล้วจับมือห่านสองข้างขึ้นมา “ได้โปรด อย่าปฏิเสธผมเลยนะครับ ถ้าคุณฮันนี่ไม่รับแหวน ผมคงเสียใจไปจนชั่วชีวิต” คุณชายมองหน้าห่านแววตาเศร้าสร้อย ยิ่งทำให้ห่านไม่พูดออกมา คุณชายปล่อยมือห่าน หันไปหยิบแหวนวงเล็กออกมาแล้วบรรจงสวมให้ที่นิ้วนางข้างซ้ายของห่าน ห่านรู้สึกตื้นตันขึ้นมาทันที “แหวนวงนี้ คือตัวแทนของผม ไม่ว่าคุณฮันนี่จะอยู่ไหน ผมจะอยู่ข้างๆ คุณเสมอ อย่าถอดออกนะครับ”
ห่านกลืนน้ำลายก่อนตอบออกมา
“ค่ะ”
คุณชายยิ้มดีใจมาก แล้วก็หยิบแหวนวงใหญ่ส่งให้ห่าน ก่อนจะยืนมือตัวเองออกไป ห่านสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้คุณชาย คุณชายดึงห่านเข้ามากอดแน่น ห่านรู้สึกดีมากจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้น ไม่นานคุณชายก็ผละออกมา
“ถึงตาคุณฮันนี่แล้วครับ” ห่านนิ่วหน้า “คุณฮันนี่มีเรื่องอะไรจะบอกผม”
“เออ... ฮันนี่...ฮันนี่ลืมไปแล้วค่ะ และอีกอย่าง มันก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องของคุณชาย” คุณชายยิ้ม ห่านรีบเปลี่ยนเรื่อง “เราสั่งอะไรมาทานกันดีกว่าค่ะ ฮันนี่หิวแล้ว”
“ผมออกไปเรียกพนักงานก่อนนะครับ”
คุณชายเดินออกไป ห่านนั่งลง มองแหวนที่นิ้วตัวเองแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

บื้อยกจานวางในซิ้งค์ล้างจาน ไม่นานแหม่มเดินเข้ามา
“ฉันช่วย”
“ไม่ต้อง”
“ไม่ได้ ฉันไม่ใช่พวกชอบกินฟรี”
“งั้นก็เอาไปล้างให้หมดเลย”
“ได้ ไม่มีปัญหา” แหม่มเข้ามาล้างจาน “ดูมีความสุขนะ มีเรื่องอะไรดีดี อยากเล่าสู่กันฟังป่ะ”
“ไม่มี” บื้ออมยิ้ม
“ไม่จริง มันต้องมีแน่ๆ ยิ้มไม่หุบแบบนี้” บื้อนิ่งไปพัก
“ฉันดีใจที่ห่านคิดจะบอกความจริงกับคุณชายว่าตัวเองเป็นใคร”
“ห่านบอกเธอเหรอ” แหม่มอึ้ง
“อื้อ...ที่ห่านนัดเจอกับคุณชายวันนี้ ก็เพราะเรื่องนี้”
“แล้ว ทำไมเธอต้องดีใจด้วย” บื้อชะงัก
“ก็...ฉันไม่อยากให้ห่านโกหก มันบาป”
“แค่นั้นจริงอ่ะ”
“จริงดิ”
“งั้นก็แล้วไป ฉันนึกว่าที่เธอดีใจ เพราะถ้าห่านบอกความจริงกับคุณชาย คุณชายอาจจะโกรธห่านจนเลิกกัน และถ้าเป็นแบบนั้น เธอก็จะมีโอกาส”
“โอกาสอะไร” บื้อนิ่วหน้า
“อย่าปิดฉันอีกเลยบื้อ ฉันรู้ว่าเธอชอบห่าน” บื้อหน้าถอดสี “ลึกๆ เธอก็อยากให้ห่านกับคุณชายเลิกกันใช่ป่ะล่ะ”
“ไปกันใหญ่แล้ว ไม่ใช่ซักหน่อย”
บื้อพูดจบก็รีบเดินออกไปเพราะมันคือความจริง แหม่มหันไปมองตามบื้อ
“ผู้ชายปากแข็ง”
แหม่มหันมาล้างจานต่อ
บื้อออกมายืนหน้าบ้าน คิดถึงสิ่งที่แหม่มพูด แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก

คืนนั้นคุณชายฮัมเพลงอารมณ์ดี กลับเข้ามาในบ้าน พลางดูแหวนที่นิ้ว แล้วก็ยิ้มไม่หุบ ก่อนจะเงยหน้าเห็นชนะศึกแอบอยู่ก็ตกใจ
“คุณพ่อ มายืนทำอะไรมืดๆ ครับ ผมตกใจแทบแย่”
“แกรีบออกไป”
“คุณพ่อจะให้ผมออกไปไหน ผมเพิ่งกลับเข้ามานะครับ”
“แกจะไปไหนก็เรื่องของแก แต่แกต้องออกไปจากบ้านตอนนี้ เดี๋ยวนี้”
คุณชายยังนิ่ง “ไปสิวะ ยังยืนทื่ออยู่ทำไม”

ทันใดนั้นเสียงคุณหญิงรื่นฤดีดังขึ้น
“จะไล่ลูกไปไหนห๊ะคุณ”
ชนะศึกหันขวับไปเห็นคุณหญิงรื่นฤดีเดินออกมาก็หน้าซีดหน้าจ๋อย รีบมายืนข้างคุณชาย คุณชายแปลกใจ คุณหญิงรื่นฤดีเดินมาตรงหน้าคุณชายแล้วยื่นมือถือออกไป
“ลูกลืมมือถือไว้ที่ร้านอาหาร”
คุณชายอึ้ง แต่คิดว่าคงไม่มีอะไร
“ขอบคุณครับ” คุณชายใช้มือขวารับมือถือคืนมาจากแม่
“ไปทานข้าวกับคุณฮันนี่มา สนุกมั้ย”
คุณชายผงะ ชนะศึกกระซิบกับคุณชาย
“พ่อถึงบอกให้แกรีบออกจากบ้าน เข้าใจหรือยัง”
คุณชายได้แต่กลืนน้ำลาย พูดไม่ออก คุณหญิงรื่นฤดีโมโหมาก
“เดี๋ยวนี้กล้าโกหกแม่เหรอ ลูกทำแบบนี้กับแม่ได้ไง เพราะผู้หญิงคนนั้นทำให้ลูกเปลี่ยนไปในทางที่แย่”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณฮันนี่ ที่ผมต้องโกหก เป็นเพราะคุณแม่บังคับผม คุณแม่ไม่ยอมรับในสิ่งที่ผมเลือก ผมถึงไม่อยากบอกความจริง”
“นี่แม่กลายเป็นคนผิด ส่วนลูกกลายเป็นคนถูกงั้นเหรอ”
“ใจเย็นก่อนคุณ”
“คุณจะออกไปไหนก็ไปเลยไป ไม่ต้องมาเข้าข้างลูก” ชนะศึกก้มหน้า
“จ๊ะ ไปก็ไปจ๊ะ”
ชนะศึกเดินคอตกออกไป แล้วก็ตกใจเพราะเห็นสมหลบอยู่ สมรีบเอานิ้วแตะปาก
“ชู่ว์” ชนะศึกรีบมาหลบกับสมและแอบดู
“แม่จะพูดกับลูกเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าลูกยังเลือกที่จะคบแม่นั่นก็ไม่ต้องมาเรียกแม่ว่าแม่อีกต่อไป เชิญเก็บข้าวของแล้วออกไปจากบ้านนี้ได้เลย”
คุณชายยืนนิ่ง กำมือแน่นแล้วก็จ้ำเดินออกไปทันที คุณหญิงรื่นฤดีหันไปมองตามลูกด้วยความเสียใจอย่างที่สุด ชนะศึกกับสมมองหน้ากันอย่างไม่สู้ดีนัก

คุณชายเอากระเป๋าเดินทางออกมากางบนเตียง แล้วเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบๆๆชุดออกมาใส่กระเป๋าแบบลวกๆ ชนะศึกเปิดประตูเข้ามาเห็นก็ตกใจมาก
“นี่แกจะไปจริงๆเหรอ”
“ครับ ผมไม่มีทางเลิกคบกับคุณฮันนี่แน่นอน เพราะฉะนั้นมันก็เหลือทางออกทางเดียว คือผมต้องไปจากที่นี่”
“แม่เค้าพูดไปเพราะความโกรธ ไม่ได้หมายความตามนั้นจริงๆ”
“ผมรู้ว่าคุณแม่พูดจริง ผมอาจจะดูเป็นลูกที่อกตัญญู แต่ผมก็รักตัวเอง และผมต้องการจะแต่งงานกับคนที่ผมรักเท่านั้น ขอโทษนะครับพ่อ”
คุณชายหันมาเก็บเสื้อผ้าต่อ ชนะศึกมองคุณชายสีหน้าเคร่งเครียด

บื้อนั่งชะเง้อคอยาวรอห่านที่หน้าบ้าน ด้วยใจจดจ่อ และตื่นเต้น ไม่นานห่านเดินกลับมา บื้อดีใจมาก รีบเดินไปหาทันที ห่านเห็นบื้อก็หยุดเดิน
“บอกคุณชายแล้วใช่มั้ย คุณชายว่าไงบ้าง”
ห่านนิ่ง พูดยากเหลือเกิน เลยตัดสินใจยื่นมือซ้ายไปตรงหน้าบื้อ บื้อแปลกใจก้มมองเห็นแหวนที่นิ้วนางก็อึ้ง หน้าถอดสี
“คุณชายให้แหวนฉัน ฉันก็เลยพูดไม่ออก ฉันขอโทษนะบื้อ ที่ฉันทำมันไม่ได้” บื้อฝืนยิ้ม
“มาขอโทษฉันทำไม หัวใจเธอ มันเป็นของเธอ ฉันเข้าบ้านก่อนนะ”
บื้อรีบหันหลัง สีหน้าเจ็บปวดทันที แล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน ห่านมองตามบื้อ ก้มมองแหวน แล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

แหม่มจับมือห่านดูแหวน ตาลุกวาว
“แสงเพชรสะท้อนเข้าตาฉันจนตาพร่าไปหมดเลยอ่ะ นี่ถ้าเจ๊เห็นเข้า กรี๊ดห้างฯแตกแน่” ห่านดึงมือกลับ
“ฉันจะใส่ได้ไง อยู่ที่ห้างฯ ฉันคือห่าน”
“เออ จริงด้วย ถ้างั้นแกก็ต้องถอดแหวนเก็บไว้ที่บ้านน่ะสิ”
“ไม่”
แหม่มนิ่วหน้า ห่านถอดแหวนออกมาวางบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็เปิดลิ้นชักหาของจนเจอสร้อยเงินเล็กๆ เส้นหนึ่ง ห่านเอาแหวนใส่ลงในสร้อย ก่อนจะเอามาสวมที่คอ แล้วหันไปทางแหม่ม
“คุณชายไม่ให้ฉันถอดแหวนวงนี้ เพราะฉะนั้น ฉันจะห้อยคอติดตัวไปตลอด”
“อย่าให้ใครเห็นเข้าก็แล้วกัน”
ห่านหันไปส่องกระจก มองแหวนที่ห้อยคออีกครั้ง สีหน้าตื้นตันดีใจ

คืนเดียวกันนั้นที่บ้านนีรนุช นีรนุชซึ่งอยู่ในชุดนอนเดินนำคุณชายที่ลากกระเป๋าเข้ามา
“แกต้องทำขนาดเลยเหรอวะชาย” นีรนุชหันมาถาม
“ฉันต้องทำให้คุณแม่รู้ว่าฉันไม่ใช่เด็กๆ ที่ต้องทำตามคำสั่งของคุณตลอดเวลา” นีรนุชยืดแขนมาลูบหัวชาย
“นี่แกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเหรอเนี่ย”
“ไอ้นุช”
“ล้อเล่น ก็อยากให้ขำ เดี๋ยวฉันพาไปที่ห้อง”
“พ่อแม่แกไม่อยู่เหรอ”
“ไม่อยู่ ไปทัวร์ยุโรป พ่อแม่ฉันเปรี้ยวป่ะล่ะ ลูกกลับจากสวิสฯไม่ทันไร ก็ไปเที่ยว ไม่อยู่ให้หายคิดถึงกันก่อน”
“แกมันพูดมาก พ่อแม่ก็เลยรำคาญจนต้องหนีไปไง”
“ไอ้ชาย เดี๋ยวไล่ให้ไปอยู่ที่อื่นซะเลย”
คุณชายเข้ามาบีบนวดไหล่นีรนุช
“โอ๋ๆ ล้อเล่นๆ”

นีรนุชค้อน คุณชายอมยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่เศร้า

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 9 (ต่อ)

เช้าวันต่อมาที่บ้านบ้านคุณชาย สมเดินบิดขี้เกียจออกมา มีผ้าเช็ดรถพาดที่บ่า

“เช้านี้อากาศช่างสดชื่นจริงจริ๊ง สงบจนได้ยินเสียนกร้อง จิ๊บๆๆ”
สมกำลังจะเช็ดรถ ทันใดนั้นเสียงคุณหญิงรื่นฤดีดังลั่นออกมาจากในบ้าน
“ว่าไงนะ”
สมสะดุ้ง หันขวับไปมองที่ตัวบ้านสีหน้าอยากรู้สุดๆ
สมย่องเข้ามาหลบและแอบฟัง เห็นคุณหญิงรื่นฤดีกำลังเหวี่ยงใส่ชนะศึก
“ลูกหอบกระเป๋าออกไปจากบ้านเมื่อคืน! แล้วทำไมคุณถึงไม่ห้ามลูกห๊ะคุณชนะศึก”
“เอ้า ก็คุณเป็นคนไล่ลูกออกไปจากบ้านเอง”
“ฉันเนี่ยนะ ฉันไปไล่ลูกตอนไหน” คุณหญิงรื่นฤดีงง
“ก็คุณบอกว่า” ชนะศึกเลียนเสียงและท่าทางคุณหญิงรื่นฤดี “ถ้าลูกยังไม่เลิกคบกับแม่นั่น ก็ไม่ต้องมาเรียกแม่ว่าแม่อีกต่อไป เชิญเก็บข้าวของแล้วออกไปจากบ้านนี้ได้เลย”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันจะทำยังไงดีคุณ ฉันจะทำยังไงดี”
สมเดินเสนอหน้าออกมา
“ทำใจครับคุณหญิง”
คุณหญิงรื่นฤดีกับชนะศึกหันขวับไปทางสม คุณหญิงรื่นฤดียิ่งโมโห
“ใครสั่งใครสอนให้แกเสนอหน้าออกความคิดเห็น รีบออกไปก่อนจะฉันจะจัดการกับแก” สมสะดุ้ง
“ครับๆ รีบไปทันที เดี๋ยวนี้เลยครับ”
สมรีบออกไปจากบ้าน คุณหญิงรื่นฤดีหน้าแย่ ชนะศึกได้แต่ถอนใจ

ดาหลาอยู่ที่บ้านถึงกับสำลักกาแฟที่ดื่ม ระหว่างคุยโทรศัพท์มือถือกับคุณหญิงรื่นฤดี
“คุณชายออกไปจากบ้าน แล้วคุณชายไปไหน ไปอยู่กับใครคะ คุณแม่ไม่รู้ได้ไงคะ คุณแม่เป็นแม่ของคุณชายนะคะ” ดารัณเดินมาได้ยินพอดีก็แปลกใจ “แค่นี้ก่อนนะคะคุณแม่ ดาหลาปวดหัวจวนจะระเบิดแล้ว” ดาหลาวางสาย หันไปทางดารัณ สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างแรง “คุณชายทะเลาะกับคุณหญิงแม่เรื่องนังฮันนี่ก็เลยเก็บเสื้อผ้าออกไปจากบ้านแล้วค่ะ” ดารัณตกใจ นั่งลงข้างดาหลา “นี่ดาหลาหมดหวังในตัวคุณชายแล้วใช่มั้ยคะ”
“ยังลูก ลูกยังไม่หมดหวัง เพราะว่าตอนนี้ แม่มีข้อมูลเด็ดเกี่ยวกับตัวนังฮันนี่”
ดาหลามองดารัณด้วยความสงสัย

คุณหญิงรื่นฤดี ดาหลา ดารัณนั่งด้วยกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่นัดคุณหญิงให้ออกมาพบกะทันหัน เพราะคุยที่บ้านคุณหญิงไม่สะดวกจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดีใจด้วยซ้ำที่คุณดารัณโทรมานัด นึกว่าหนูดาหลาจะโกรธจนไม่ยอมพูดกับฉันแล้ว” ดาหลายกมือไหว้คุณหญิงรื่นฤดีอย่างสวยงาม
“ดาหลาต้องกราบขอโทษคุณแม่ ที่เมื่อเช้าดาหลาพูดไม่ดี คือดาหลากำลังสับสนน่ะค่ะ”
“แม่เข้าใจ แม่ไม่โกรธหนูเลยจ๊ะ”
“ขอบพระคุณคุณแม่มากนะคะ”
“ว่าแต่คุณดารัณมีเรื่องร้อนใจอะไรเหรอคะ”
“ฉันให้นักสืบที่เก่งที่สุดในประเทศไทยสืบหาประวัติครอบครัวของยัยฮันนี่ แต่ไม่พบ!” คุณหญิงรื่นฤดีชะงัก “ไม่มีนักธุรกิจทำฟาร์มผักออร์กานิคที่ชื่อคุณสมชายหรือคุณเคเค และในแวดวงไฮโซก็ไม่มีเซเลบที่ชื่อฮันนี่ ไม่มีใครรู้จักเธอคนนี้เลยซักคนเดียว คุณหญิงว่ามันแปลกมั๊ยคะ”
คุณหญิงรื่นฤดีฟังแล้วก็คิดตาม
“ดาหลากับคุณแม่มีความคิดตรงกันว่านังฮันนี่เป็นเศรษฐีจอมปลอมค่ะ”
“ตายจริง ถ้าเป็นแบบนั้น ตาชายก็ตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ แม่จะไปบอกให้ตาชายรู้”
“ไม่ได้นะคะคุณแม่ ถ้าบอกไปตอนนี้ คุณชายไม่เชื่อแน่ แถมต้องพาลโกรธคุณแม่เอาอีกแน่ๆ”
“เราต้องใจเย็นและวางแผนให้รัดกุมที่สุดก่อนค่ะคุณหญิง”
คุณหญิงรื่นฤดีมองหน้าดาหลากับดารัณด้วยความสงสัย

คุณหนูจ๋าใส่ชุดนักศึกษา ขับรถมาตามทาง ทันใดนั้นเสียงดังปัง คุณหนูจ๋าตกใจมาก
“ว้าย”
คุณหนูจ๋ารีบจอดรถ ดับเครื่องแล้วเปิดประตูรถลงมา
คุณหนูจ๋าเห็นยางรถแบน คุณหนูจ๋าถึงกับเซ็ง ถึงกับถอนหายใจออกมา
“ทำไงล่ะที่นี้? เฮ้อ”
ระหว่างนั้นโจ๊กในชุดนักศึกษาเดินออกมาเห็นคุณหนูจ๋าก็แปลกใจ รีบเดินมาหา
“คุณหนูจ๋าครับ”
“โจ๊ก” โจ๊กเห็นล้อรถ
“ยางแบนเหรอครับ”
“อยู่ดีๆ ก็ระเบิด ไม่รู้หนูจ๋าขับรถโดนอะไร”
“มีแม่แรงมั๊ยครับ ผมเปลี่ยนล้อให้”
“แป๊บนะ”
คุณหนูจ๋าเปิดท้ายรถ โจ๊กวิ่งมายกแม่แรง
โจ๊กเอาล้อรถออกมาดู
“ตะปูตัวเบอเริ้ม ต้องเอาไปปะแล้วล่ะครับ ถ้าไงผมจะเอายางอะไหล่ใส่ให้ก่อน”
“หนูจ๋าคงเอาไปยางไปป่ะไม่ทัน ต้องรีบไปเรียน”
“งั้นเอางี้ ผมขับรถไปส่งคุณหนูจ๋าที่มหาลัย แล้วผมจะเอายางไปปะให้ แล้วจะเอารถกลับมาส่งคืนคุณหนูจ๋าดีมั๊ยครับ”
“แล้วโจ๊กไม่ต้องไปเรียนเหรอ”
“ผมฝากเพื่อนจดเลคเชอร์ได้ ไม่มีปัญหาครับ”
“เอางั้นก็ได้”
โจ๊กยิ้มอย่างเต็มใจ แล้วก็เดินไปเอายางอะไหล่มาเปลี่ยน
โจ๊กเปลี่ยนยางรถ อากาศร้อน ทำให้โจ๊กเหงื่อท่วมหน้า โจ๊กเอาเขนเสื้อเช็ดเหงื่อแล้วก็เร่งมือเปลี่ยนยางต่อคุณหนูจ๋าเห็นก็เปิดกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ยื่นไปตรงหน้าโจ๊ก โจ๊กหันไป
“เช็ดเหงื่อก่อนสิ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมใช้เสื้อเช็ด”
“อย่าเลย มันสกปรก เอาผ้าฉันไปเช็ดเถอะ”
“ขอบคุณนะครับ แล้วผมจะซักมาคืนให้”
โจ๊กเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่หน้า สีหน้ามีความสุขมากๆ

โจ๊กขับรถมาจอดหน้ามหาวิทยาลัย แล้วทั้งโจ๊กทั้งคุณหนูจ๋าก็ลงจากรถพร้อมกัน
“ขอบใจนะโจ๊ก”
“บ่ายๆ ผมมารับนะครับ”
คุณหนูจ๋าพยักหน้าแล้วก็เดินออกไป โจ๊กยิ้มปลื้ม ขึ้นรถแล้วก็ขับออกไป ขณะนั้นมีร้ายมองตามคุณหนูจ๋า สีหน้าร้ายกาจ
โจ๊กกำลังขับรถ เหลือบเห็นสมุดคุณหนูจ๋าหล่นอยู่บนพื้น โจ๊กเอื้อมมือหยิบขึ้นมาแล้วก็นิ่วหน้า

คุณหนูจ๋าเดินมาตามทาง เจอคนร้ายพุ่งออกมาขวางหน้า พร้อมกับเอามีดสั้นออกมา คุณหนูจ๋าตกใจสุดๆ กอดกระเป๋าสะพายแน่น
“ส่งกระเป๋ามา”
“ไม่”
คุณหนูจ๋าจะหนี แต่คนร้ายคว้ากระเป๋าคุณหนูจ๋าได้ทัน พยายามแย่ง แต่คุณหนูจ๋าไม่ยอมปล่อย
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
คนร้ายตกใจ เอามีดขู่คุณหนูจ๋า
“ถ้าแกไม่หยุดแหกปาก ฉันกระซวกไส้แกแตกแน่”
คุณหนูจ๋าไม่กล้าร้อง คนร้ายดึงกระเป๋าคุณหนูจ๋ามาอย่างแรง แล้วก็วิ่ง คุณหนูจ๋าหน้าเสีย
โจ๊กขับรถเข้ามาในมหาวิทยาลัยกำลังจะจอด ทันใดนั้นคนร้ายวิ่งตัดหน้ารถจนล้มไปบนพื้น โจ๊กเบรกเอี๊ยด ทันทีที่เบรกสนิท โจ๊กรีบลงจากรถ สีหน้าตกใจ
“เป็นไรรึเปล่าครับ”
คนร้ายไม่ตอบคุณหนูจ๋าวิ่งออกมาพอดี เห็นเหตุการณ์ก็รีบหันไปบอกโจ๊ก
“โจ๊กช่วยด้วย เค้าขโมยกระเป๋าหนูจ๋า”
โจ๊กตกใจหันไปมองคนร้าย คนร้ายรีบลุกจะหนี แต่เจอโจ๊กกระโดดถีบ คนร้ายล้มหน้าคว่ำ กระเป๋ากระเด็นไปบนพื้น โจ๊กเข้ามาจัดการ แต่คนร้ายเอามีดสั้นออกมา ตวัดไปโดนแขนโจ๊ก โจ๊กเจ็บ คุณหนูจ๋าเห็นตกใจ
“โจ๊ก ระวัง”
โจ๊กแย่งมีดกับคนร้ายทำให้มีดหล่นพื้น คนร้ายเห็นท่าไม่ดี เลยวิ่งหนี โจ๊กหยิบกระเป๋าบนพื้นขึ้นมาส่งคืนให้คุณหนูจ๋า คุณหนูจ๋าเห็นเลือดออกที่แขนโจ๊ก
“เลือดเธอออก”
โจ๊กมองไปที่แผลบนแขน
คุณหนูจ๋าเอายาทาที่แขนให้โจ๊ก ก่อนจะปิดพลาสเตอร์
“ขอโทษนะที่ทำให้โจ๊กต้องเจ็บตัว”
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณหนูจ๋าไม่โดนมันทำอะไรนะครับ”
“ไม่เลย”
“ที่นี่เป็นมหาลัยแท้ๆ มันยังกล้าเข้ามาอีก”
“หนูจ๋าบอกรปภ.แล้วล่ะ เค้าจะดูกล้องวงจรปิดแล้วก็จะแจ้งตำรวจจับ”
“ดีแล้วครับ ไม่งั้นผมห่วงแย่” โจ๊กชะงัก “เออ ห่วงคนในมหาลัยนี้น่ะครับ เออ คุณหนูจ๋าครับ ผมว่าผมอยู่รอจนคุณหนูจ๋าดีกว่า แล้วเราค่อยเอายางรถไปปะด้วยกัน หลังจากที่คุณหนูจ๋าเลิกเรียนแล้ว”
“ก็ได้”
โจ๊กยิ้มให้คุณหนูจ๋าด้วยความสบายใจ

โถงกลางของห้าง BKK Plaza มีคัทเอ้าท์โรงเรียน GLION และ LES ROCHES ตั้งอยู่ / มีธงสวิสฯประดับตกแต่ง / แผ่นพับ โบรชัวร์ โรงเรียนและการท่องเที่ยว ถูกจัดวางบนโต๊ะ / มีการสาธิตกับทำครัวซองค์ โดยเชฟจากสวิส / มีการทำฟองดูชอคโกแลต ฯลฯ ผู้คนมากมายเข้าชมงาน ได้รับความสนใจมาก
นีรนุชกำลังแนะนำให้กับกลุ่มเด็กวัยรุ่น
“โรงเรียนการโรงแรมGlion เป็นโรงเรียนการโรงแรมที่ติดอันดับ 1ใน3 ของโรงเรียนการโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก Glion ยังได้รับการยอมรับจาก New England Association of Schools and Colleges (NEASC) อีกด้วยนะคะ ส่วนสถานที่ตั้งของโรงเรียนก็มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม อยู่บนเทือกเขาในเขตสวิส-ฝรั่งเศส จากหน้าต่างห้องของหอพัก มองลงไปจะเห็นทะเลสาบเจนีวา”
นีรนุชหันไปทางจอทีวีด้านหลังเห็นภาพวิวทิวทัศน์ของโรงเรียน ทำให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นพากันตื่นตาตื่นใจกันสุดๆ
“น่าเรียนมากเลยค่ะพี่”
นีรนุชยิ้มดีใจ
“ถ้างั้นเอาโบรชัวร์ไปอ่านก่อนนะคะ”
นีรนุชเอาโบรชัวร์แจกทุกคน
คุณชายกับพรเพ็ญยืนมองผู้คนที่ทยอยกันเดินเข้าไปชมงานไม่ขาดสายก็ยิ้มด้วยความดีใจ
“เป็นไปตามที่คุณชายคาดการเอาไว้ไม่มีผิดเลยนะคะ ว่าเราจะได้กลุ่มลูกค้าที่เป็นนักเรียน นักศึกษาและวัยทำงานเพิ่มมากขึ้น”
“และยอดขายของห้างฯเรา ก็ต้องกระเตื้องขึ้นอย่างแน่นอนครับคุณพรเพ็ญ”
“ค่ะ”
คุณชายยิ้มมีความสุข ยกมือขึ้นมากอดอก ทำให้พรเพ็ญเห็นแหวนที่คุณชายใส่ พรเพ็ญชะงัก
“คุณชายแต่งงานแล้วเหรอคะ”
คุณชายมองพรเพ็ญ มองแหวนและอมยิ้ม
“ยังครับ แค่แหวนคู่รักน่ะครับ”
“แหวนคู่รัก ถ้าให้พรเพ็ญเดา แหวนอีกวงต้องอยู่กับคุณฮันนี่แน่ๆ เลยใช่มั๊ยคะ”
“ใช่ครับ”
คุณชายยิ้มกริ่ม พรเพ็ญอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้

อีกด้านหนึ่งที่ห้องอาหารพนักงาน ห่านกำลังจะกินข้าว เจ๊มะพร้าวกับแหม่มเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาหา
“ห่าน ห่าน”
“มีอะไร”
“ที่ชั้น 1 มีงาน เค้าว่ามีให้ชิมฟองดูช็อกโกแลตด้วยนะ เจ๊ฝันอยากกินมานานแล้ว มาแจกฟรีถึงที่แบบนี้ พลาดไม่ได้”
“พวกเราไปไม่ได้นะเจ๊ พวกเราเป็นพนักงาน เกิดคุณผู้จัดการเห็นเข้าได้เป็นเรื่องแน่”
“คุณผู้จัดการไม่เห็นหรอก ไปแค่แป๊บเดียวเอง ฉันกับเจ๊อยากกิน นะห่านนะไปนะ...นะนะนะ”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มส่งสายตาวิงวอนจนห่านอ่อนใจ

คุณหญิงรื่นฤดี ดาหลา ดารัณเดินเข้ามาที่โถงกลางของห้าง นีรนุชหันไปเห็นคุณหญิงรื่นฤดีก็รีบเดินเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้
“คุณแม่ สวัสดีค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีหันไปเห็นนีรนุชก็อ้าแขนเข้ามาสวมกอด ดารัณกับดาหลาหันไปมอง ดารัณแปลกใจ กระซิบกับดาหลา
“ใคร”
“เพื่อนสนิทคุณชายค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีผละออกมา
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สบายดีนะลูก”
“ค่ะ คุณแม่ก็สบายดีนะคะ”
“ความจริงก็ไม่ค่อยสบายซักเท่าไหร่”
ระหว่างนั้นคุณชายเดินมาเห็นคุณหญิงรื่นฤดีก็ชะงัก
“คุณแม่”
คุณหญิงรื่นฤดีหันไปเห็นคุณชายก็รีบเดินมาหาพร้อมกับจับมือ
“ตาชาย แม่ขอโทษนะลูก ที่เมื่อวานแม่เกรี้ยวกราดกับลูกมากเกินไป” คุณชายอึ้ง นีรนุชมอง ดาหลากับดารัณยิ้มร้ายให้กัน “แม่นั่งคิดนอนคิดทั้งคืน แม่ตัดสินใจว่าแม่จะไม่บังคับลูกอีกต่อไป” คุณชายยิ้มหน้าบาน “ไหนๆ ลูกก็คิดจะจริงจังกับหนูฮันนี่ แม่ว่าครอบครัวเรากับครอบครัวเค้าก็ควรจะทำความรู้จักกันเอาไว้”
“ได้ครับ ผมจะรีบบอกคุณฮันนี่” คุณชายเข้ามากอดคุณหญิงรื่นฤดี “ขอบคุณคุณแม่มากนะครับ”

คุณชายยิ้มดีใจสุดๆ ผิดกับคุณหญิงรื่นฤดีที่หน้าร้าย หันไปลอบมองดาหลากับดารัณ สามคนยิ้มให้กันที่แผนสำเร็จ

บื้อกลับมาบ้านที่ชลบุรีและนั่งเหม่อมองทะเลนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
“บอกคุณชายแล้วใช่มั้ย คุณชายว่าไงบ้าง”
ห่านนิ่ง พูดยากเหลือเกิน เลยตัดสินใจยื่นมือซ้ายไปตรงหน้าบื้อ บื้อแปลกใจ ก้มมองเห็นแหวนที่นิ้วนางก็อึ้ง หน้าถอดสี
“คุณชายให้แหวนฉัน ฉันก็เลยพูดไม่ออก ฉันขอโทษนะบื้อ ที่ฉันทำมันไม่ได้” บื้อฝืนยิ้ม
“มาขอโทษฉันทำไม นั่นมันหัวใจของเธอ ฉันเข้าบ้านก่อนนะ”
บื้อทอดถอนหายใจอย่างหนัก น้าตุ้มกับน้าเต๊ะเดินมายืนมองบื้อจากข้างหลัง สีหน้าเป็นห่วง
“ตะเอง เค้าว่าหลานเราดูแปลกๆ นะ”
“นั่นสิ กลับมาคราวนี้ ไม่เหมือนคราวที่แล้ว ไม่ยอมกินอะไรซักอย่าง เอาแต่นั่งมองทะเล ตั้งแต่มาถึง”
“นี่มันก็หลายชั่วโมงแล้วนะ”
น้าเต๊ะกับน้าตุ้มมองหน้ากัน แล้วก็ตัดสินใจเดินไปนั่งประกบบื้อ บื้อยังคงนิ่งมองทะเล
“บื้อ เที่ยงแล้ว อยากกินไร เดี๋ยวน้าทำให้กิน”
“ผมไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องกิน กินอาหารไม่ตรงเวลา ระวังจะเป็นโรคกระเพาะ”
“ผมไม่หิว”
“กินซักนิดก็ยังดี”
“ผมไม่หิว”
น้าเต๊ะกับน้าตุ้มมองหน้ากัน แล้วก็ผละออกมาคุยกันข้างหลังบื้อ
“อาการหนัก”
“นั่นสิ ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ Something wrong ชัวร์”
น้าเต๊ะกับน้าตุ้มมองหน้ากันด้วยความสงสัย ขณะที่บื๊อยังคงเหม่อลอย คิดหนักเรื่องห่าน

ห้างฯ BKK Plaza เจ๊มะพร้าวกับแหม่มยืนตรงหน้าฟองดูช็อกโกแล็ต เจ๊มะพร้าวกับแหม่มยื่นหน้าเข้ามาดูสีหน้าตื่นเต้น กลืนน้ำลายเอื๊อกอยากกินมากมีห่านยืนอยู่ใกล้ๆ หันไปมองรอบๆ สีหน้ากังวลใจ
เชฟฝรั่งเอาไม้จิ้มผลไม้สองไม้ จุ่มลงไปในช็อกโกแล็ต ก่อนจะยื่นให้เจ๊มะพร้าวกับแหม่ม
“For you, Beautiful women”
“Thank you”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหยิบไม้จิ้มผลไม้มาจากฝรั่ง เจ๊มะพร้าวหันไปทางแหม่ม
“เค้าพูดว่าอะไร”
“เค้าบอกว่าสำหรับคุณคนสวย”
เจ๊มะพร้าวยิ้มหน้าบานหันไปทางเชฟ
“ยูตาแหลมมากๆ” เจ๊มะพร้าวชี้ลูกกะตาเชฟ “ยัวร์อายส์” แล้วทำท่าแหลมๆ “ฟิ้วๆๆ เลิฟยู จุ๊บๆ”
เชฟฝรั่งยิ้มอย่างชอบใจ ห่านกังวลใจจนทนไม่ไหว
“กินกันเสร็จยัง เดี๋ยวคุณผู้จัดการมาเห็นเข้า”
“ขออีกชิ้น แหม...เคยกินแต่จิ้มจุ่ม ฮิๆ”
แหม่มพยักหน้าเห็นด้วย ห่านพูดไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจ แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ เดินมาเห็นห่าน เจ๊มะพร้าวและแหม่มเข้าก็หยุดเดิน
“นังห่านมาทำอะไรตรงนี้”
“จะมาทำอาร้ายยย ก็อู้งานน่ะสิ”
“กล้าเนอะ เอาเวลามาเที่ยวเล่น แต่จะว่าไป ไอ้ช็อกโกแล็ตนี่มันก็น่ากินอยู่นะ เราไปชิมกันบ้างมั๊ย”
“ไปสิ”
ปีโป้กับจีจี้จะเดินออกไป แต่แอปเปิ้ลคว้าคอเสื้อสองคนเอาไว้ได้ทัน ปีโป้กับจีจี้ชะงัก หันมา
“แกสองคนห้ามไป เพราะฉันมีวิธีเล่นงานนังห่านกับเพื่อนของมันแล้ว”
ปีโป้กับจีจี้มองสงสัยเห็นแอปเปิ้ลมองไปด้านหนึ่ง เลยหันไปมองตามแล้วก็เห็นพรเพ็ญยืนคุยกับลูกค้าอยู่ แอปเปิ้ลยิ้มมุมปากร้ายกาจ

พรเพ็ญยืนอยู่กับลูกค้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มจริงใจ
“หลังจากเดินดูงานมาเหนื่อยๆ เมื่อยๆ ขอเชิญแวะทานอาหารที่ชั้นสามได้เลยนะคะ ทางห้างฯบีเคเคพลาซ่าของเรา มีร้านอาหารมากมายไว้รองรับทั้งไทย จีน ฝรั่ง ญี่ปุ่นและเกาหลีค่ะ”
ลูกค้าพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไป พรเพ็ญยิ้มมีความสุข พลันเสียงมือถือดังขึ้น พรเพ็ญหยิงมือถือขึ้นมากดรับสาย
“สวัสดีค่ะ พรเพ็ญรับสายค่ะ ...อรนภา”
พรเพ็ญฟังแล้วก็นิ่งไป

เจ๊มะพร้าวกับแหม่มยังคงกินฟองดูช็อกโกแล็ตไม่หยุด ห่านอยากจะบ้าตาย ลนลานไปหมดแล้ว
“เจ๊ แหม่ม กินเสร็จยัง”
“ชิ้นสุดท้าย”
“ชิ้นสุดท้ายของเจ๊นี่มันชิ้นที่ห้าแล้วนะ”
“ชิ้นสุดท้ายแล้วจริงๆ”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหันไปกินกันต่อ ห่านถอนหายใจ พลันมีมือมาสะกิด ห่านหันขวับไปก็ตกใจเพราะคือพรเพ็ญ ห่านกำลังจะอ้าปากพูด พรเพ็ญเอานิ้วแตะปากตัวเองให้ห่านเงียบ แล้วก็ปัดมือไล่ห่าน ห่านถอยหลัง หน้าเสียอย่างแรง
พรเพ็ญสะกิดแหม่ม แหม่มหันไป แทบช็อก พรเพ็ญเอานิ้วแตะปาก ยกมือไล่แหม่มให้ออกไป แหม่มถอย พรเพ็ญเข้ามายืนข้างๆ เจ๊มะพร้าวแทน เจ๊มะพร้าวไม่ได้หันมามองเพราะกำลังเพลินกับของกิน
“เจ๊หยุดกินไม่ได้เลยนังแหม่ม มันอร่อยไปหมดทุกอย่าง”
“งั้นหยุดยาวเลยมั๊ย จะได้กินทั้งวัน”
“ก็ดีเหมือนกัน”

เจ๊มะพร้าวที่กำลังเอาผลไม้เข้าปาก ชะงัก หันไปเห็นพรเพ็ญก็รีบพ่นผลไม้ออกมา “แอ๊ะแอ๋” หน้าเสียสุดๆ ห่านกับแหม่มก้มหน้าจ๋อย

ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มเดินมาตามทางด้วยกัน หน้าอย่างเซ็ง
“เวรจริงๆ ต้องมาโดนเซ็นใบตักเตือนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะฟองดูช็อกโกแล็ตแท้ๆ คอยดูนะ เจ๊จะไม่กินมันอีกเลยตลอดชีวิต”
“ฉันบอกแล้วเห็นมั๊ยว่าให้รีบๆ กิน จะได้รีบไป ฉันเลยพลอยโดนหางเลขไปด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำ”
เจ๊มะพร้าวหยุดเดิน หันมามองห่านไม่พอใจ
“พูดงี้หาว่าเจ๊เป็นต้นเหตุทำให้แกซวยงั้นเหรอ”
แหม่มกับห่านหยุดเดิน หันไปมองเจ๊มะพร้าว
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แล้วหมายความว่าแบบไหน”
“เจ๊โมโหแล้วก็อย่าพาลสิ” เจ๊มะพร้าวหันไปทางแหม่ม
“ฉันพาลเหรอนังแหม่ม”
“เออ...ก็...ก็นิดนึงอ่ะเจ๊” เจ๊มะพร้าวฉุนกึก
“แกสองคนสนิทกัน ก็ต้องเข้าข้างกันสิ”
ห่านกับแหม่มเหวอ พูดไม่ออก
“อ้าว ทำไมเจ๊พูดแบบนี้”
“นั่นสิ เราก็สนิทกันทั้งสามคนนะเจ๊ อย่าหงุดหงิดเลยนะ”
“พวกแกไม่ต้องมาพูด ฉันไม่อยากฟัง”
ระหว่างนั้นแอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้เดินออกมาด้วยกัน
“อุ๊ย ต๊ายตาย ภาพหาดูยากส์ กัดกันเองซะแหละ”
แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้พากันหัวเราะร่วน ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มไม่พอใจ แล้วห่านก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“เธอเป็นคนฟ้องคุณผู้จัดการใช่มั๊ย”
“ฉันไม่ได้ฟ้อง ฉันแค่บอกให้คุณผู้จัดการรู้” ห่าน แหม่ม เจ๊ผงะ “พวกเธอทำผิดกฎ ก็ต้องได้รับการลงโทษ จะมาโวยวายทำไม”
“จริงที่สุด” เจ๊มะพร้าวฉุน
“แต่ถ้าไม่มีหมาตัวไหนคาบข่าวไปฟ้อง” แอปเปิ้ลสะดุ้ง “คุณผู้จัดการก็จะไม่มีทางรู้”
“นังเจ๊มันว่าแกเป็นหมาน่ะเพื่อนแอ๊บ”
“ฉันรู้! ไม่ต้องแปล” แอปเปิ้ลหันไปทางเจ๊มะพร้าว “พูดแบบนี้ต้องการมีเรื่องใช่มะ”
เจ๊มะพร้าวถลกแขนเสื้อเดินมาตรงหน้า
“ใช่ ไม่ได้ต้องการมีแค่เรื่องเดียวนะ อยากมีหลายๆ เรื่องเลยล่ะ”
เจ๊มะพร้าวผลักอกแอปเปิ้ลเต็มแรงจนแอปเปิ้ลเซจะล้ม จีจี้รีบประคองรับเอาไว้ได้ทัน แอปเปิ้ลโกรธมาก ห่านกับแหม่มเห็นท่าไม่ดี
“นังเจ๊! กล้าผลักฉันเหรอ”
“มากกว่าผลัก ฉันก็กล้า”
เจ๊มะพร้าวเข้ามากระชากผมแอปเปิ้ล ทุกคนหน้าตาตื่น แอปเปิ้ลกรี๊ดลั่น
“อ๊าย”
เจ๊มะพร้าวตบหน้าแอปเปิ้ลผั๊วะๆ ไปที่แก้มซ้ายแก้มขวา แอปเปิ้ลถึงกับมึนเซล้มไปบนพื้น ทรงตัวไม่อยู่อีกต่อไป เจ๊มะพร้าวปัดมือ สีหน้าอย่างผู้ชนะ
“นังจี้ นังปีโป้ พวกแกยืนเฉยอยู่ทำไม จัดการมันสิ”
จีจี้กับปีโป้พยักหน้ารับ รีบเข้ามาจัดการเจ๊มะพร้าว ปีโป้จะตบแต่เจ๊มะพร้าวหลบทัน แล้วสวนกลับปีโป้จนหน้าหงายเลือดกำเดาไหลออกจมูก
“ว้าย เลือด เลือด เอิ๊ก”
ปีโป้หน้ามืดเป็นลม แอปเปิ้ลตกใจ รีบกระดึบๆ เข้ามาดูปีโป้
“ปีโป้ ปีโป้”
จีจี้หัวเสียหันไป เจ๊มะพร้าวเงื้อมือกำลังจะตบ เจอจีจี้จับแขนสองข้างแล้วล็อกแน่น ก่อนจะเอาหัวโขกเจ๊มะพร้าวเต็มแรง เจ๊มะพร้าวถึงกับมึน
“โอ๊ย”
ห่านกับแหม่มตกใจ
“เจ๊”
จีจี้ปล่อยเจ๊มะพร้าว เจ๊มะพร้าวทรุดลงกับพื้น จีจี้จะเข้ามาซ้ำแต่เจอห่านพุ่งเข้ามากัดแขน แหม่มกระโดดขึ้นหลังจีจี้แล้วล็อคคอจีจี้แน่น จีจี้ร้องลั่น
“อ๊าย ปล่อยฉันนะนังชะนีสองตัว ปล่อย”
แหม่มกับห่านไม่ปล่อย แอปเปิ้ลเริ่มดีขึ้นก็รวบรวมกำลังลุกขึ้น กระชากห่านให้ออกจากจีจี้ แล้วตบห่านจนหน้ากัน จีจี้ถอยหลังอัดแหม่มกระแทกกำแพง แหม่มเจ็บปวด ร่วงลงพื้น
แอปเปิ้ลกระชากคอเสื้อห่านเข้ามา แต่มือดันกระชากติดสร้อยคอห่านที่ใส่แหวนด้วย สร้อยห่านขาดร่วงลงพื้นพร้อมกับแหวนคุณชายโดยที่ไม่มีใครเห็น แอปเปิ้ลจะตบหน้าห่านอีกข้างแต่ห่านเบี่ยงตัวหลบ เท้าเตะโดนสร้อยกับแหวนกระเด็นไปอยู่ใต้ชั้นแถวนั้น ห่านหันมากระทืบเท้าแอปเปิ้ลอย่างแรง แอปเปิ้ลเจ็บจนสะดุ้ง
“โอ๊ย นังห่าน”
แอปเปิ้ลหัวเสียมาก ไม่รู้จะเอาคืนยังไง ตัดสินใจถอดรองเท้า ขณะนั้นปีโป้ฟื้น ลุกขึ้นมานั่ง หน้ายังมึน
แอปเปิ้ลปารองเท้าใส่ห่าน ห่านหดหัวหลง รองเท้าลอยไปโดนหน้าปีโป้เต็มๆ ทำให้ปีโป้สลบไปอีกครั้ง รองเท้ากระเด็นไปอยู่ใต้ชั้นที่เดียวกับสร้อยและแหวนของห่าน
แอปเปิ้ลหัวเสียที่ไม่โดน ถอดรองเท้าอีกข้าง ปาไปอีก ห่านหลบได้อีกครั้ง คราวนี้รองเท้าลอยไปกระแทกหน้าพรเพ็ญที่เดินออกมาพอดี๊พอดี ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าว จีจี้ช็อกมาก โดยเฉพาะแอปเปิ้ล
พรเพ็ญหน้าหงาย ก่อนจะกลอกตามองทุกคน มีรอยรองเท้าปรากฎบนหน้า ทุกคนซีด เงียบ ปิดปากสนิท พรเพ็ญหน้านิ่งมากก่อนจะหยิบรองเท้าบนพื้นขึ้นมา แล้วมองเรียงตัว
“รองเท้าของใคร”
ไม่มีใครยอมรับ พรเพ็ญมองไปที่เท้าเปลือยเปล่าของแอปเปิ้ลอย่างรู้ทันทีว่าแอปเปิ้ลเป็นเจ้าของรองเท้า

พรเพ็ญเดินไปเดินมาตรงหน้าเจ๊มะพร้าว ห่าน แหม่ม แอปเปิ้ล ปีโป้และจีจี้ ทุกคนมีสภาพยับเยิน ผมเผ้ายุ่งเหยิง มีรอยฟกช้ำตามแขน เจ๊มะพร้าว ห่าน ปีโป้ แอปเปิ้ลมีรอยแดงบนหน้า ทุกคนก้มหน้างุด กลืนน้ำลายด้วยความกลัว แล้วพรเพ็ญก็หยุดเดิน
“พวกเธอทุกคน” ทุกคนสะดุ้ง “มีพฤติกรรมที่แย่มาก แย่ที่สุด คิดว่าที่นี่เป็นโรงงิ้วเหรอไง ถึงได้ตีกันไม่เลิกรา ฉันเองก็พูดอยู่บ่อยครั้ง ว่าให้ทุกคนรักกันเสมือนพี่เสมือนน้อง มีความสามัคคีปรองดอง พูดไปก็เหมือนพูดเข้าหูซ้าย ทะลุออกจมูกขวา”
“หูขวา” ทุกคนพูดพร้อมกัน
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ คือไม่เข้าไปในหัวสมอง ไม่มีสติ ไม่รู้จักคิด ไม่มีมารยาท ไม่มีความศิวิไลต์ ไม่มีดั้ง” ประโยคสุดท้ายพรเพ็ญพูดใส่หน้าปีโป้ ปีโป้สะดุ้ง พึมพำ
“มันเกี่ยวไรกะดั้งฉันด้วยเนี่ย” พรเพ็ญเดินมาตรงหน้าจีจี้
“ไม่มีจริยธรรมและศีลธรรม มีแต่ไขมันทั้งนั้น” จีจี้สะดุ้ง ก้มหน้ามิดจนไม่เห็นคอ เอามือกุมเป้า พรเพ็ญถอยออกมามองหน้าทุกคน สีหน้าเอาจริง “และเพื่อเป็นการสั่งสอนให้พวกเธอรู้จักจำ ฉันจะไม่ตัดเงินเดือน ฉันจะไม่ให้เซ็นใบตักเตือนอีก แต่...ทุกคนต้องได้รับการลงโทษ”

ทุกคนมองพรเพ็ญสงสัย พรเพ็ญหน้าเหี้ยม

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 9 (ต่อ)

ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าว แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ ใส่ชุดแมสคอตรูปสัตว์ต่างๆ เดินเรียงหน้ากระดานออกมาทางประตูหลังห้าง ทุกคนยังไม่ใส่หัวแต่ถือหัวเอาไว้ในมือ ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าว หันมาประจันหน้ากับแอปเปิ้ล ปีโป้ และจีจี้
“คอยดูนะ พวกฉันจะต้องแจกใบปลิวได้หมดก่อนพวกแก” แอปเปิ้ลแค่นยิ้ม
“อย่าดีแต่พูด”
“เดี๋ยวแกก็รู้ว่าฉันไม่ได้ดีแต่พูด”
เจ๊มะพร้าวกับแอปเปิ้ลจ้องหน้าท้าทาย แล้วทั้งหมดก็ใส่หัวพร้อมกัน
ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวแจกใบปลิวตรงประตูหนึ่ง อีกประตูเป็นแอปเปิ้ล ปีโป้และจีจี้ ทั้งหมดแย่งกันแจกใบปลิวลูกค้าเพื่อนให้หมดๆ
แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ แจกได้เร็วกว่า ทำให้ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มไม่พอใจ แอปเปิ้ลหันมายิ้ม เชิดหน้าใส่ แล้วก็หันมาแจกใบปลิวต่อ ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มมองหน้ากัน
เจ๊มะพร้าว ห่าน แหม่ม เดินไปตรงหน้าแอปเปิ้ล ปีโป้และจีจี้ แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้หันมามอง แล้วเจ๊มะพร้าว ห่าน แหม่มก็จับหัวแมสคอตของแอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ หมุนไปทางด้านหลังพร้อมกัน ทำให้แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้มองไม่เห็นทาง เดินชนกันเองจนล้มไปบนพื้น ใบปลิวร่วงกระจายเต็มไปหมด
เจ๊มะพร้าว ห่าน แหม่มยกมือขึ้นมาปิดปาก หัวเราะพร้อมกันอย่างมีความสุขและสะใจ

ที่ชลบุรี บื้อยังคงนั่งอยู่ที่เดิม แต่หน้าเริ่มซีดเหมือนจะไม่สบาย น้าตุ้มกับน้าเต๊ะปิดร้านเสร็จก็หันมามองบื้อ สีหน้ากลัดกลุ้ม
“ตะเอง ไอ้บื้อ ไม่ยอมลุกไปไหนเลย ไม่อึ ไม่ฉี่ ไม่กิน ไม่ดื่ม น่าเป็นห่วง”
น้าตุ้มมองน้าเต๊ะอย่างเห็นด้วย น้าตุ้มตัดสินใจเดินหยุดข้างหลังบื้อ
“บื้อ” บื้อยังนั่งนิ่ง น้าตุ้มจับไหล่ “บื้อ”
ทันใดนั้นบื้อล้มไปบนพื้น นอนนิ่งเพราะหมดสติไปแล้ว น้าตุ้มกับน้าเต๊ะตกใจมาก รีบเข้ามาดูบื้อ
“บื้อ” น้าเต๊ะจับตัวบัวแล้วสะดุ้งตกใจ “ตัวร้อนจี๋”
น้าตุ้มจับไปที่หน้าผากบื้อแล้วก็ตกใจ สีหน้าเป็นห่วงสุดๆ

ที่ห้างฯ BKK Plaza ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าว เดินหัวเราะคิกคักออกมาพร้อมกัน
“คิดแล้วยังตลกไม่หาย สมน้ำหน้าพวกมันจริงจริ๊ง ฮ่าๆๆ”
ห่านกับแหม่มหัวเราะไม่หยุด แล้วห่านก็ค่อยๆ หยุดหัวเราะ
“เจ๊” เจ๊มะพร้าวหยุดขำและหันมา “ฉันขอโทษนะที่ฉันพูดไม่ดีกับเจ๊”
“เจ๊ก็ต้องขอโทษแกเหมือนกันที่ฉันพูดไม่ดี”
“เจ๊ไม่ต้องขอโทษฉัน ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ”
“แกนั่นแหละ ไม่ต้องขอโทษ”
แหม่มองสองคนสลับกันไปมา แล้วก็สุดทน
“หยุดขอโทษกันได้แล้ว” ห่านกับเจ๊มะพร้าวหันไปมองแหม่ม “เอาเป็นว่า ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม เรายังเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องที่รักกัน โอป่ะ”
“โอ...อ...อ”
ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มยิ้มให้กันอย่างรู้สึกดีๆ แล้วแหม่มก็เหลือบไปเห็นที่คอห่านก่อนจะชะงัก
“ห่าน สร้อยแกไปไหน”
ห่านหุบยิ้ม รีบเอามือจับที่คอ จับๆๆ แล้วก็ตกใจมาก
“เฮ้ย”
ห่านมองเจ๊มะพร้าวกับแหม่มหน้าเสียอย่างแรง

แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ เดินหาของกันมาตามทาง แอปเปิ้ลใส่รองเท้าข้างเดียว
“รองเท้าอีกข้างหายไปไหนเนี่ย? แกสองคนไปหาทางโน้นไป”
จีจี้กับปีโป้เดินออกไปหาตรงอื่น แอปเปิ้ลมองหาเห็นชั้น เดินไปหยุดและย่อตัวพร้อมเอามือควานหาใต้ชั้น มือแอปเปิ้ลควานเจอรองเท้า แอปเปิ้ลยิ้มรีบดึงรองเท้าออกมา แต่ดันสร้อยกับแหวนของห่านติดมาด้วย แอปเปิ้ลชะงักหยิบสร้อยกับแหวนขึ้นมาก็ตาลุกวาว
“แหวนเพชร”
ปีโป้กับจีจี้ได้ยิน หันมาเห็นก็ตาโตรีบเดินมาหา
“ฉันเจอแหวนเพชร”
“เพชรจริงรึเปล่าเพื่อนแอ๊บ”
“จริงไม่จริงไม่รู้ รู้แต่ว่ามันสวยมาก”
แอปเปิ้ลใส่นิ้วนางขวาทันที
“ฉันว่าเอาไปให้คุณผู้จัดการหาเจ้าของดีกว่า”
“เกิดจะเป็นแม่พระขึ้นมารึไงห๊ะนังจี้! ฉันไม่มีทางเอาไปให้คุณผู้จัดการหรอก ใครเก็บได้ คนนั้นก็เป็นเจ้าของ”
แอปเปิ้ลปลาบปลื้มกับแหวนมากแล้วก็ใส่รองเท้าข้างที่หาเจอ ทิ้งสร้อยลงถังขยะแถวนั้น ก่อนจะเดินออกไป ปีโป้กับจีจี้รีบเดินตามไปติดๆ ไม่นานห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มเดินออกมา ห่านสีหน้าวิตกสุดๆ
“ใจเย็นห่าน เจ๊ว่ามันตกอยู่แถวนี้แหละ”
“แหวนเพชรเม็ดเป้งขนาดนั้น จะไม่มีคนเก็บไปแล้วเหรอเจ๊”
เจ๊มะพร้าวกับห่านมองหน้ากัน ห่านหน้าเสียอย่างแรงแล้วก็ลงมือหาแหวน

โย่งกำลังคุยโทรศัพท์สีหน้าตื่นตระหนกสุดๆ
“บื้อเป็นอะไรนะครับ” โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กกำลังกินข้าว ลุงจ๊อดแทบสำลัก “ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล” ลุงจ๊อดกับโจ๊กตกใจ จ้องหน้าโย่งอย่างอยากรู้ “ครับๆ ขอบคุณครับน้า”
โย่งวางสาย ลุงจ๊อดจับแขนโย่งหมับ สีหน้าตื่นเต้นมาก
“ไอ้บื้ออยู่โรงพยาบาล อย่าบอกนะว่า...”
“ใช่ลุง บื้อ...”
ลุงจ๊อดหน้าแย่มาก จะร้องไห้
“อย่า อย่าพูด ข้าไม่อยากฟัง ข้า ข้าทำใจไม่ได้”
ลุงจ๊อดรีบวิ่งออกไป โจ๊กกับโย่งหันไปมองตามด้วยความงง
“ลุงจ๊อดเป็นไร ผมยังพูดไม่ทันจบ จะบอกว่าไอ้บื้อเป็นไข้หวัดใหญ่ ไข้สูงจนเป็นลมก็เลยพาส่งไปโรงพยาบาล ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย”
“ลุงผมก็เวอร์แบบนี้แหละครับ อย่าสนใจเลย กินข้าวต่อเหอะพี่”
โจ๊กถอนใจ โย่งเกาหัวงงๆ สองคนกินข้าวต่อ อย่างไม่สนใจ

ห่านกับแหม่มเดินกลับบ้านเช่าด้วยกัน ห่านหน้าแย่มากๆๆ
“คุณชายต้องโกรธฉันมากแน่ๆ ถ้ารู้ว่าฉันทำแหวนหาย”
“ของแบบนี้ ใครตั้งใจทำหายกัน มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันว่าคุณชายน่าจะเข้าใจ”
ห่านถอนใจ แล้วทั้งห่านกับแหม่มก็เห็นลุงจ๊อดยืนก้มหน้าอยู่หน้าบ้านเช่า ห่านกับแหม่มแปลกใจ เดินเข้าไปหา
“ลุงจ๊อดมายืนทำอะไรตรงนี้จ๊ะ”
ลุงจ๊อดเงยหน้า น้ำตา น้ำมูกอาบแก้ม ห่านกับแหม่มยิ่งตกใจ
“ลุงร้องไห้ทำไม?” ลุงจ๊อดหันมาจับไหล่ห่านสองข้าง
“ไอ้บื้อ” ห่านกับแหม่มนิ่งฟัง “ไอ้บื้อ ตายแล้ว”
ห่านกับแหม่มตกใจมาก ลุงจ๊อดแหกปากร้องไห้สุดเสียง ห่านแทบทรุดลงกับพื้น ใจเสียอย่างแรง
“ไม่จริง ลุงอย่ามาอำแบบนี้สิ มันไม่ดีรู้มั๊ย”
“ข้าร้องไห้ขนาดนี้ เอ็งยังคิดว่าข้าอำอีกเหรอ” ลุงจ๊อดแหกปากร้องต่อ “ความเป็นความตาย ใครเค้าจะกล้าเอามาพูดเล่นกัน”
ห่านปากคอสั่น หัวใจเต้นไม่หยุดด้วยความอึ้งมากๆ
“แล้วตอนนี้ บื้ออยู่ไหน”

“ชลบุรี”

ทันทีที่ห่านรู้ ห่านรีบจ้ำเดินออกไปทันที แหม่มหันไปมองตาม
“ห่าน แกจะไปไหน”
ห่านไม่ตอบ เห็นมอเตอร์ไซด์รับจ้างแล่นมาก็รีบโบก มอเตอร์ไซด์จอด ห่านรีบซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ออกไป แหม่มได้แต่ยืนมองตาม อย่างทำอะไรไม่ถูก

ห่านนั่งซ้อนท้าย สีหน้าร้อนรนมาก คนขับหันไปทางห่าน ตะโกนคุยกันลั่น
“น้องยังไม่ได้บอกพี่เลยว่าจะไปไหน”
“ชลบุรี”
“ช่องนนทรี”
“ชลบุรี”
“อ๋อ นนทบุรี”
“ไม่ใช่” ห่านตะโกนสุดเสียง “ชลบุรี”
คนขับเบรคเอี๊ยด หันมาอย่างตกใจ
“ห๊ะ นี่พี่ไม่ได้ฟังผิดใช่มั๊ย”
“พี่ไม่ได้ฟังผิด ฉันให้พิเศษ พี่ช่วยพาฉันไปหน่อยนะ”
คนขับคิดนิดนึงแล้วก็พยักหน้า ก่อนจะบิดคันเร่ง รีบขับออกไปทันที

แหม่มกับลุงจ๊อดมองโย่งด้วยความตกใจมาก
“บื้อเป็นไข้หวัดใหญ่”
โย่งพยักหน้า โจ๊กยืนอยู่ข้างๆ
“แล้วทำไมเอ็งไม่รีบบอกข้าว่าไอ้บื้อมันยังไม่ตาย”
“เอ้า ฉันจะไปรู้ได้ไง ว่าลุงจะคิดอกุศลแบบนั้น”
“นั่นสิลุง” ลุงจ๊อดขยี้หัวตัวเอง
“เวรแล้วมั๊ยล่ะ”
“เวรมากๆ ด้วย”
“ทำไม”
แหม่มหันไปมองโย่ง โย่งกับโจ๊กมองแหม่มด้วยความสงสัย
แหม่มโทรหาห่าน สีหน้าไม่สู้ดี มีโย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กช่วยกันลุ้นอยู่ข้างๆ แหม่มวางสายหันมา
“ห่านไม่รับโทรศัพท์” โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กถอนหายใจ “ถ้าให้เดา ฉันว่าห่านไปชลบุรีแล้วล่ะ”
โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กหันมามองหน้าแหม่ม สีหน้ากังวลใจ
ห่านมาถึงชลบุรีกลางดึก ห่านเคาะประตูร้านตุ๊มเต๊ะอาหารทะเลไม่หยุด สภาพห่านหัวฟู เว่อร์มั่กๆ หน้ามัน
“น้าตุ้ม น้าเต๊ะ” ห่านทุบประตูปังๆๆ “ น้าตุ้ม น้าเต๊ะ อยู่มั๊ยคะ”
ไม่มีเสียงตอบ ห่านตัดสินใจเดินอ้อมไปข้างร้าน ไม่นานรถกะบะแล่นมาจอด ไฟหน้ารถดับ น้าเต๊ะเปิดประตู เดินตรงมาที่ประตูหน้าร้าน ขณะที่กำลังจะเปิดประตู มีมือมาสะกิดไหล่ น้าเต๊ะหันไปก็ตกใจสุดขีดเพราะสภาพของห่าน
“เวย ผะผะ ผีผี” น้าเต๊ะควักพระออกมาชู “อย่านะ ข้ามีพระ ข้ามีพระ”
ห่านตกใจตามไปด้วยกระโดดกอดแขนน้าเต๊ะ
“ไหนคะผี ไหนคะ ไหน ไหน”
น้าเต๊ะหันมาทางห่าน ปากคอสั่น
“ก็แกนั่นแหละ” ห่านชะงัก ผละออกมา ชี้หน้าตัวเอง
“หนูเนี่ยนะคะผี หนูไม่ใช่ผีนะคะน้าเต๊ะ” ห่านแหวกผมที่ปิดหน้าออก “หนูห่านไงคะ เพื่อนของบื้อ”
น้าเต๊ะผงะ มองห่านเต็มตาแล้วก็โล่งอก
“หนูห่าน”
“ค่ะหนูเอง หนูเสียใจเรื่องบื้อด้วยนะคะ ตอนนี้น้าเอาบื้อไปไว้ที่ไหนคะ”
น้าเต๊ะนิ่วหน้ามองห่านไม่เข้าใจ ห่านหน้าแย่สุดๆ

ห่านมองบื้อที่นอนหลับให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงของโรงพยาบาลด้วยความโล่งอกสุดๆ ก่อนจะหันไปทางน้าตุ้มกับน้าเต๊ะ
“บื้อเป็นไข้หวัดใหญ่”
“ใช่จ๊ะ มันไข้ขึ้นสูงมาก จนเป็นลม น้าก็เลยรีบพามาส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าอยู่ดูอาการซักคืน ถ้าไม่มีไข้ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว” ห่านเหวอมาก
“หนูเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ แค่ไอ้บื้อมันเป็นหวัด หนูยังถ่อมาหากลางดึกกลางดื่นแบบนี้ ไอ้บื้อฟื้นมาเห็นหนูคงจะดีใจ”
ห่านพูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มแหย
“ห่าน เออ เป็นห่วงน่ะค่ะก็เลยรีบมา เออ ถ้าไงห่านอยู่ดูแลบื้อให้ก็ได้นะคะ คุณน้าจะได้กลับไปพักผ่อน”
สองคนมองกันแบบรู้ทันว่าห่านกับบื้อมี Something wrong กันแน่ๆ
“ก็ดีเหมือนกันนะตะเอง” น้าเต๊ะทำท่าหาวง่วงนอน “ห๊าว...ง่วงนอนแล้ว”
“จ้ะๆ เดี๋ยวเค้าจะเกาหลังให้” น้าตุ้มพยักหน้ากับเต๊ะและหันไปทางห่าน “ขอบใจหนูมากนะจ๊ะ”
“ค่ะ”
น้าตุ้มกับน้าเต๊ะเดินออกไป ห่านหันไปมองบื้อแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

แหม่มเดินไปเดินมาอยู่ที่บ้านเช่า พลางโทรหาห่านไปเรื่อยๆ
“ปิดเครื่องไปแล้ว ไอ้ห่านนะไอ้ห่าน ทำไมทำให้ฉันเป็นห่วงขนาดนี้นะ”
แหม่มหน้าแย่มาก จะร้องไห้ โย่งเดินมาที่ริมรั้ว
“ยังโทรหาห่านไม่ได้เหรอ?”
แหม่มพยักหน้า เดินมาใกล้โย่ง
“แล้วเธอล่ะ”
“ติดต่อบื้อไม่ได้เหมือนกัน เบอร์บ้านน้า เบอร์มือถือน้ามัน ฉันก็ไม่มี” แหม่มน้ำตาซึม
“โธ่เว๊ย ถ้าเกิดห่านเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะทำไง”
โย่งอึ้งที่เห็นน้ำตาแหม่มไหล โย่งยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ แหม่มชะงัก
“อย่าเพิ่งคิดในแง่ร้าย ห่านเป็นคนดี ฉันเชื่อว่าคนดีผีคุ้ม ห่านต้องไม่เป็นอะไร”
แหม่มฟังโย่งพูดแล้วก็พยักหน้า ทันใดนั้นเสียงมือถือดังขึ้น แหม่มกับโย่งดีใจพูดพร้อมกัน
“ห่าน”
แหม่มยกมือถือขึ้นดู แต่เห็นว่าไม่ใช่เบอร์ห่าน
“ไม่ใช่ห่าน ใครก็ไม่รู้”
โย่งนิ่วหน้า แหม่มกดรับสาย
“ฮัลโหล” แหม่มฟังแล้วดีใจ “ไอ้ห่าน แกจริงๆ ด้วย” โย่งดีใจตามไปด้วย “ตอนนี้แกอยู่ไหน”

ห่านใช้โทรศัพท์สาธารณะที่โรงพยาบาลโทรหาแหม่ม
“ฉันอยู่โรงพยาบาล บื้อไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่นอนรอดูอาการ”
แหม่มเปิดสปีคเกอร์โฟน ให้โย่งได้ยินด้วย
“งั้นก็ค่อยยังชั่ว ว่าแต่มือถือแกเป็นไร ทำไมฉันโทรหาไม่ได้”
“แบตหมดน่ะสิ ไม่รู้ตัวเลย คืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าบื้อจนกว่าบื้อจะฟื้น ถ้าไงพรุ่งนี้ฝากแกลางานให้ฉันที”
“ได้ ฉันจัดการเรื่องงานให้แกเอง ฝากเยี่ยมบื้อด้วยนะ”
“ฉันฝากเยี่ยมด้วยอีกคนนะห่าน”
ห่านชะงักได้ยินเสียงโย่ง
“แกกับโย่งอยู่ด้วยกันเหรอ” โย่งยิ้มแฉ่ง
“ใช่จ้า ฉันกับแหม่ม เรา...อยู่...ด้วย..กัน..สอง..ต่อ....สอง” โย่งเน้นทุกคำ แหม่มรีบพูด
“อยู่ด้วยกันสองต่อสองก็จริง แต่ต่างคนต่างอยู่ในรั้วบ้านของตัวเอง แค่นี้นะห่าน” แหม่มวางสาย หันไปจ้องหน้าโย่ง โย่งจ๋อย “วันหลังพูดจาให้มันเคลียร์ๆ ชัดๆ เข้าใจป่ะ”
โย่งเงยหน้าทำความเคารพ
“เข้าใจครับพ้ม”
แหม่มส่ายหัวเอือมๆ แล้วก็หันหลังเดินออกไป โย่งตะโกนไล่หลัง
“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะครับแหม่ม”
แหม่มยกมือปิดหู แล้วก็รีบจ้ำเดินเข้าไปในบ้าน โย่งมองตามแหม่มแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข

เช้าวันรุ่งขึ้น ห่านฟุบหลับอยู่ข้างเตียงบื้อที่ยังนอนหลับ บื้อมีสีหน้าดีขึ้น ปากเริ่มมีสีเลือด ไม่นานบื้อรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมา แล้วก็หันไปเห็นห่านฟุบหลับอยู่ บื้ออึ้ง
“ห่าน! ไม่จริง ฉันต้องฝันไปแน่ๆ”
บื้อหลับตาอีกครั้ง ห่านขยับตัว ตื่นขึ้นมาก็ลุกขึ้นนั่ง มองบื้อว่าเป็นไงบ้าง พอเห็นบื้อหลับก็ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ บื้อลืมตาขึ้นมาไม่เห็นห่านก็แอบผิดหวัง
“ฝันจริงๆ ด้วย ยัยคอห่านจะมาที่นี่ได้ไง? เฮ้อ”
บื้อประคองตัวเองขึ้นมานั่ง แล้วก็ทำหน้าเศร้า แล้วห่านก็เดินออกมาจากห้องน้ำเห็นบื้อฟื้นก็ดีใจมาก
“บื้อ” บื้อตกใจ หันขวับไปเห็นห่านก็ตะลึงงัน ห่านยิ้มร่า วิ่งเข้ามาโผกอดบื้อแน่น บื้องงสุดๆ “ฉันดีใจจริงๆ ที่นายฟื้น” บื้อยังนิ่ง ห่านผละออกมาเห็นหน้าบื้อเหวอๆ ก็แปลกใจ “บื้อ นายเป็นอะไร”
“ช่วยหยิกแก้มฉันที” ห่านงงๆ แต่ก็ทำตาม หยิกแก้มบื้อเต็มแรง บื้อร้องลั่น “อ๊าก” ห่านยังไม่ปล่อย “พอๆปล่อยได้แล้ว เจ็บ”
ห่านปล่อยมือ พลางอมยิ้ม บื้อจับหน้าตัวเองด้วยความเจ็บสุดๆ
“ไข้ขึ้นจนเพี้ยนรึเปล่า มาบอกให้หยิกแก้ม แล้วก็มาบ่นว่าเจ็บ”
“ฉันอยากรู้ว่าฉันฝันรึเปล่า ถึงเห็นเธออยู่ที่นี่”
“รู้แล้วใช่มะ ว่าไม่ได้ฝัน” บื้อพยักหน้า
“ว่าแต่ เธอมาได้ไง” ห่านยิ้มๆ

บื้อแทบสำลักกับสิ่งที่ห่านบอก
“ลุงจ๊อดบอกเธอว่าฉันตาย”
“อื้อ ฉันตกใจแทบแย่ พอรู้เข้าก็รีบนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างมาหานายที่นี่”
“นั่งมอไซด์รับจ้างมาหาฉัน” บื้ออึ้ง
“อื้อ”
บื้อนิ่งเงียบ มองหน้าห่าน จนห่านแปลกใจ
“มองหน้าฉันทำไม? หน้าฉันมันทรุดมากเลยใช่ป่ะ”
“เปล่า นึกไม่ถึง ว่าเธอจะทำแบบนี้”
“ฉันห่วงนายมากนะบื้อ นายเป็นเพื่อนฉันนะอย่าลืม”
บื้อแป้วๆ กับคำว่า “เพื่อน”
“แล้วนี่ ไม่ต้องไปทำงานเหรอ”
“ฉันบอกให้แหม่มลางานให้ฉันแล้ว”
“เธอกลับไปเหอะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
“ฉันไม่กลับ นายช่วยฉันตั้งหลายครั้ง ให้ฉันตอบแทนนายบ้างเถอะ นะบื้อนะ”
บื้อได้แต่ถอนหายใจออกมา
“ขอบใจ”
ห่านยิ้มกว้างด้วยความดีใจ แล้วบื้อก็เหลือบไปเห็นมือซ้ายของห่านไม่มีแหวนก็แปลกใจมาก
“แหวนเธอหายไปไหน”
ห่านเพิ่งนึกขึ้นได้ ก้มมองนิ้วนางมือซ้ายของตัวเอง แล้วก็หน้าเศร้า ก่อนจะเงยหน้ามองบื้อ
“ไม่รู้ทำหายที่ไหน แต่ก็ช่างมันเถอะ นายหิวเหรอยัง ฉันจะได้ไปหาซื้ออะไรมาให้นายกิน” บื้อพยักหน้า “อยากกินไร”
“อะไรก็ได้”
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันมา”
ห่านลุกขึ้นเดินออกไป บื้อมองตามห่านอย่างรู้ว่าห่านเป็นอะไร
“เธอกำลังเศร้าอยู่ใช่มั๊ยยัยคอห่าน” บื้อถอนหายใจ
ห่านออกมายืนหน้าห้องพัก ยกมือซ้ายขึ้นมามองอีกครั้ง แล้วก็รู้สึกใจหายที่แหวนหายไป สีหน้าเศร้าสร้อย

แหวนเพชรที่คุณชายให้ห่านอยู่บนนิ้วของแอปเปิ้ลที่กำลังเดินเฉิดฉายมาตามทาง มีปีโป้เดินมาด้วย ปีโป้มองแหวนเพชร แล้วก็เบ้หน้าหมั่นไส้
“ใส่โชว์ขนาดนี้ ระวังเถอะจะเจอโจรตัดนิ้วเอาแหวนเพชรให้”
“ถ้าโจรจะเอานิ้วฉัน ฉันจะเอานิ้วแกให้มันตัดก่อน”
“ขอบใจ เฮ้ย เพื่อนแอ๊บพูดจาไม่น่ารักเลยนะ”
“ก็แกอยากแช่งฉันก่อนทำไม”
แอปเปิ้ลยักไหล่แล้วก็เจอพรเพ็ญเดินสวนมา แอปเปิ้ลกับปีโป้รีบสงบเสงี่ยม และยกมือไหว้พร้อมกัน
“สวัสดีค่ะคุณผู้จัดการ”
พรเพ็ญรับไหว้แล้วก็สังเกตเห็นแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างขวาของแอปเปิ้ล พรเพ็ญชะงักเพราะรู้สึกคุ้นแหวนเพชรมาก แอปเปิ้ลเห็นพรเพ็ญมองก็แปลกใจ
“คุณผู้จัดการมองอะไรคะ”
“แหวน”
แอปเปิ้ลดูแหวน แล้วหันไปมองพรเพ็ญ
“แหวนของคุณแม่แอปเปิ้ลน่ะค่ะ” ปีโป้เบ้หน้าเพราะรู้ว่าโกหก “ท่านให้ไว้นานแล้ว แต่เพิ่งจะเอามาใส่”
“เหรอ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็น แต่ก็ช่างเถอะ”
“แอปเปิ้ลกับปีโป้ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

พรเพ็ญพยักหน้า แอปเปิ้ลกับปีโป้เดินออกไป พรเพ็ญยังพยายามครุ่นคิดว่าเคยเห็นแหวนวงนี้ที่ไหน

โถงกลางของห้าง นีรนุชกำลังแนะนำคนที่เข้ามาชมงาน เรื่องโรงเรียน
“ทางโรงเรียนการโรงแรม GLION ไม่ได้ผลิตบุคลากร เพื่อให้มาทำงานด้านโรงแรมอย่างเดียว แต่เราเป็นโรงเรียนสอนการเป็นผู้บริหารค่ะ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือธุรกิจด้านอื่นๆ ก็สามารถมาเรียนที่นี่ได้ทั้งนั้น” ระหว่างนั้นคุณชายวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหานีรนุช สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจมาก “ถ้าสนใจ โทรหาดิฉันได้เลยนะคะ”
นีรนุชยื่นนามบัตรให้ผู้ชมงาน ผู้ชมงานเดินออกไป นีรนุชหันไปเจอคุณชายพอดี
“แย่แล้วน้องนุช” นีรนุชนิ่วหน้า “ฉันติดต่อคุณฮันนี่ไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงป่านนี้ ฉันเป็นห่วงเค้ามาก ไม่รู้ว่าเค้าอยู่ไหน ฉันจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ถ้าคุณฮันนี่เป็นอะไรขึ้นมา ฉัน ฉันตาย ตายแน่ๆ”
“ใจเย็นก่อนสิชาย”
คุณชายโวยลั่นเพราะกำลังห่วงฮันนี่
“แกก็พูดได้สิว่าให้ใจเย็น” นีรนุชสะดุ้งที่คุณชายเสียงดัง “แกไม่ได้มาเป็นฉันนี่! ฉันรักคุณฮันนี่มาก เค้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด”
“ฉันรู้ว่าแกรักและเป็นห่วงเค้ามาก แต่แกเอาแต่โวยวายแบบนี้ มันจะช่วยให้อะไรดีขึ้นมั้ยห๊ะ”
คุณชายอึ้งแล้วก็สงบลง นีรนุชมองคุณชายสีหน้าครุ่นคิด

นีรนุชมาที่แผนกชุดชั้นในชายและยืนอยู่กับพนักงานคนหนึ่ง
“บื้อลาป่วยเหรอคะ” พนักงานพยักหน้า “แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
นีรนุชคิดนิดนึง

อีกด้านหนึ่ง ห่านตักข้าวต้มขึ้นมายื่นไปตรงหน้าบื้อ
“ฉันกินเอง” บื้อบอก
“ไม่ได้ ให้ฉันป้อนนายเหอะ”
“ไม่ต้อง”
“อย่าดื้อได้ป่ะ”
บื้อจะอ้าปากพูด แต่ห่านยัดช้อนใส่ปากบื้อทันที บื้อสำลัก
“แค่กๆๆ” ห่านตกใจ รีบเทน้ำใส่แก้ว
“สำลักเลยเห็นมั๊ย” ห่านยื่นแก้วน้ำให้บื้อ บื้อรับมาดื่ม “คราวนี้จะเลิกดื้อได้เหรอยัง” บื้อนิ่งไม่ตอบ วางแก้วน้ำบนโต๊ะ ห่านตักข้าวต้มป้อนบื้อ บื้อยอมให้ห่านป้อน ห่านยิ้ม “ดีมาก ว่าง่ายๆ จะได้โตเร็วๆ”
“ฉันไม่ใช่เด็ก”
“เด็กสิ เด็กดื้อ”
ห่านบีบจมูกบื้อด้วยความหมั่นไส้ บื้อร้องลั่น
“โอ๊ย ตกลงเธอมาดูแลฉัน หรือมาฆ่าฉันกันแน่”
ห่านหัวเราะชอบใจ แล้วก็ป้อนข้าวต้มบื้อต่อ
“กินซะ”
บื้อกินข้าว จังหวะที่ห่านก้มหน้าตักข้าวบื้อมองห่านแล้วก็ลอบยิ้มอย่างสุขใจ พอห่านหันมาบื้อก็รีบทำหน้านิ่งน้าตุ้มกับน้าเต๊ะแอบมองบื้อกับห่านอยู่ตรงประตูแล้วก็ยิ้มกรุ่มกริ่ม
“สงสัยเราจะมีหลานอุ้มกันเร็วๆ แล้วล่ะมั๊งตะเอง”
“นั่นสิตะเอง เอ หรือว่าเราจะทำกันเองเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องรอไอ้บื้อมัน ดีมะดีมะตะเอง”
“บ้าเหรอตะเอง” น้าตุ้มเขินพร้อมตีแขนน้าเต๊ะรัว “บ้าๆๆ เค้าอายนะ”
“ว่าเค้าบ้า แล้วรักเค้าป่ะล่ะ”
“รักสิ ไม่รักไม่แต่งด้วยหรอก บ่องตงเลยอ่ะตะเอง”
น้าเต๊ะกับน้าตุ้มหยอกกันไปมาดูน่ารักน่าหยิกน่าหมั่นไส้ในคราวเดียวกัน
“เค้าว่าเรากลับบ้านกันดีกว่า เพราะไอ้บื้อมีคนดูแลดีแล้ว”
น้าตุ้มพยักหน้า สองคนพากันเดินออกไป ไม่นานหมอเดินเข้ามากับพยาบาล ห่านกับบื้อหันไปเห็น
“หมอขออนุญาตตรวจคนไข้หน่อยนะครับ”
“ค่ะ”
ห่านลุกขึ้นเดินออกไป หมอกับพยาบาลเดินเข้ามาหาบื้อ พยาบาลปิดม่านตรงเตียง
พยาบาลเปิดม่านออกมา หมอหันมาทางห่าน
“คนไข้ไม่มีไข้แล้ว ถ้าจะกลับบ้านก็กลับได้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ห่านหันไปมองบื้อ สองคนยิ้มให้กัน

ห่านประคองบื้อเข้ามาในบ้าน
“ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องประคอง”
“นายจะไปไหน ฉันจะพาไป”
“ห้องน้ำ”
“อุ้ย”
ห่านยิ้มแหย บื้อเดินออกไป ห่านนั่งลงพลันเสียงมือถือบื้อดังขึ้น ห่านหันไปมองหาที่มาของเสียง เห็นมือถือบื้อวางบนโต๊ะอาหารที่ห่างออกไป ห่านเดินไปหยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วก็ชะงัก
“คุณน้องนุช โทรหาบื้อทำไม”
ห่านตัดสินใจจะรับแทนหรือไม่รับดีนะ ห่านคิดๆๆ แล้วก็ตัดสินใจกดรับสาย
“บื้อไม่อยู่ มีอะไรฝากเรื่องไว้ได้ค่ะ” ห่านบอกเสียงแข็ง
นีรนุชชะงักกับเสียงที่ได้ยิน
“นั่นคุณฮันนี่รึเปล่าคะ”
ห่านอึ้ง .ฉิบหายแล้วกรู ทำไงดี คิดๆๆ แล้วก็ดัดเสียงใหญ่
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ทราบนั่นใครพูด” นีรนุชนิ่วหน้า
“ฝากบอกบื้อว่าน้องนุชโทรมานะคะ ขอบคุณค่ะ” นีรนุชวางสาย หน้างงๆ

“ทำไมเสียงเหมือนคุณฮันนี่ล่ะ”

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 9 (ต่อ)

ห่านวางสาย ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หันไปเห็นบื้อเดินออกมาพอดี
“คุณน้องนุชโทรหานาย? เค้าไม่ได้บอกว่าโทรมาเรื่องอะไร”
บื้อได้ยินก็รีบเดินมาหยิบมือถือกดโทรออกทันที
“ครับคุณน้องนุช” ห่านมองอย่างสนใจ อยากรู้ “ผู้หญิงที่รับโทรศัพท์ผมเมื่อกี๊?” บื้อหันไปทางห่าน “เพื่อนน่ะครับ คุณน้องนุชโทรหาผม มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ...คุณชายติดต่อคุณฮันนี่ไม่ได้” ห่านชะงัก บื้อมองหน้าห่าน “ผมไม่ได้คุยกับคุณฮันนี่เลยครับ ครับ สวัสดีครับ”
บื้อวางสาย ห่านหน้าเสีย
“ฉันว่าเธอรีบโทรหาคุณชายดีกว่านะ”
“จะโทรได้ไง แบตมือถือฉันหมด ใช้เบอร์นายก็ไม่ได้”
ห่านกลุ้ม บื้อมองห่านแล้วคิด

คุณชายเดินดุ่มๆ เข้ามาในคอนโดสุรเดช รปภ.เห็นก็รีบมาขวางทางไว้
“กรุณาแลกบัตรก่อนเข้าไปด้วยนะครับ”
“ครับ” คุณชายรีบหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา “ห้อง 210”
พอได้ยินชื่อห้อง รปภ.ชะงักแล้วอมยิ้มกรุ่มกริ่ม สีหน้าสอดรู้สอดเห็นมาก
“แฟนใหม่คุณสุเหรอครับ”
คุณชายชะงัก เลยยังไม่ทันหยิบบัตรประชาชนยื่นให้
“ใครคือคุณสุเหรอครับ”
“เอ้า ก็เจ้าของห้องที่คุณจะขึ้นไปไงครับ คุณสุรเดช”
“สุรเดช”
“ใช่ครับ”
“ชื่อคุ้นๆ”
คุณชายนิ่วหน้า ไม่นานสุรเดชเดินออกมา เห็นคุณชายก็จำได้ทันที
“คุณคุณชาย”
คุณชายกับรปภ.หันไปมอง
“พูดถึงก็มาพอดี”
“พี่สุรเดช”
“อุ๊ย จำพี่ได้ด้วยเหรอครับ ปลื้มใจจังเลย”
“คุณคนนี้ มาหาคุณสุครับ”
สุรเดชมองคุณชายแปลกใจ
“คุณชายมาหาสุ แล้วรู้ได้ไงว่าสุพักที่นี่”
คุณชายงงมาก ไม่เข้าใจ
“เออ..ซความจริง ผมไม่ได้มาหา...”
แต่เสียงมือถือคุณชายดังขึ้นมาก่อนที่จะได้พูดต่อ คุณชายหยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วก็กดรับสาย
“สวัสดีครับ...คุณฮันนี่ คุณฮันนี่อยู่ไหนครับ ผมโทรหาคุณฮันนี่ตั้งแต่เช้า แต่ติดต่อไม่ได้ ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่”

ห่านกำลังใช้โทรศัพท์บ้านของบื้อคุยกับคุณชาย มีบื้อยืนอยู่ข้างๆ
“ฮันนี่มาทำธุระที่ต่างจังหวัดกับคุณพ่อคุณแม่น่ะค่ะ มือถือแบตหมด ต้องขอโทษคุณชายด้วยนะคะ”
คุณชายโล่งใจ ด้านหลังสุรเดชกับรปภ.ยืนมองคุณชาย
“ไม่เป็นไรครับ แค่รู้ว่าคุณฮันนี่ปลอดภัย ผมก็สบายใจแล้ว นี่ถ้าคุณฮันนี่ไม่โทรหา ผมจะขึ้นไปหาที่ห้องแล้วนะครับ” ห่านอึ้ง
“หาที่ห้อง” ห่านหันไปมองหน้าบื้อ
“ใช่ครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่คอนโดคุณฮันนี่”
“คุณชายอยู่ที่คอนโด”
ห่านลมแทบจับ บื้อตาโต
“ครับ แต่น่าแปลกนะครับ ผมบอกเลขห้องไป เค้าบอกว่านั่นไม่ใช่ห้องคุณฮันนี่” ห่านตกใจมาก
“คุณชายบอกเลขห้องอะไรไปเหรอคะ”
“210 ครับ”
“คุณ...คุณชายบอกผิดค่ะ ฮันนี่อยู่ห้อง 216 ต่างหาก”
“อ้าว เหรอครับ” ห่านรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ว่าแต่คุณชายมีอะไรจะคุยกับฮันนี่คะถึงพยายามโทรหา” ห่านฟังแล้วตกใจมาก “ห๊ะ คุณหญิงแม่ของคุณชายอยากทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ของฮันนี่”
ห่านหันไปมองหน้าบื้อด้วยความอึ้ง บื้อเองก็อึ้งไปด้วย
“ครับ คุณแม่ผมท่านเข้าใจผมแล้วว่าผมรักคุณฮันนี่มากแค่ไหน ท่านก็เลยอยากทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ในเมื่อเราคบกัน ก็ควรจะให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้ทำความรู้จักกัน” ห่านอึกอัก
“เออ คือ...”
“ทำไมคุณฮันนี่ทำเสียงแบบนี้ หรือว่าคุณฮันนี่ไม่อยากให้ผมเจอพ่อแม่ของคุณ”
“ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่แบบนั้น แต่...” คุณชายหน้าเสีย
“แต่เพราะมีผมเป็นแฟน คุณฮันนี่ก็เลยอาย”
“ไม่ใช่ค่ะ ฮันนี่ไม่เคยอายที่ได้คุณชายเป็นแฟนนะคะ” ห่านรีบพูด ห่านหันไปมองบื้อ บื้อส่ายหัวแล้วพูดแบบไม่ออกเสียง
“ห้ามรับปาก ห้ามนะ”
ห่านหน้าแย่มาก สับสน ลำบากใจ
“คุณฮันนี่ครับ ผมรักคุณฮันนี่ด้วยความจริงใจ ผมอยากให้ครอบครัวของเราคน ได้มีโอกาสรู้จักกัน เราจะได้สนิทกันมากขึ้น คุณฮันนี่อย่าปฏิเสธผมเลยนะครับ” คุณชายทอดเสียงอ้อนขอความเห็นใจ ห่านนิ่ง บื้อพูดเสียงเบา
“อย่านะ”
ห่านสับสนใจ วุ่นวายใจ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว
“ตกลงค่ะ ฮันนี่จะไปบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าคุณชายอยากเจอ”
บื้อฟังแล้วแทบหมดแรงยืน คุณชายยิ้มกว้างออกมา

“ผมดีใจที่สุด ขอบคุณนะครับคุณฮันนี่”

.

คุณชายวางสายด้วยความดีใจมากพร้อมทำท่าเยส
“เยส” คุณชายหันไปเห็นสุรเดชกับรปภ.มองอยู่ก็เขิน “เออ”
“ตกลงติดต่อเพื่อนได้แล้วเหรอครับ”
“ใช่ครับ ผมบอกเบอร์ห้องผิดไปน่ะครับ”
“อ๋อ”
“แล้วก็ไม่ใช่เพื่อนผม แต่เป็นแฟนผมครับ”
“ผู้หญิงที่เป็นข่าวกับคุณชาย”
“ครับ” คุณชายยิ้มเขินๆ
“โลกกลมจังเลยนะครับที่มาอยู่คอนโดเดียวกับผม ว่าแต่อยู่ห้องอะไรครับ เผื่อผมจะได้ไปทำความรู้จัก”
“216 ครับ” สุรเดชพยักหน้า “ถ้าไงผมขอตัวนะครับ” คุณชายขยับจะเดิน
“เดี๋ยวครับคุณคุณชาย” คุณชายยั้งเท้าเอาไว้ได้ทัน “ถ้าคุณชายมีคิวว่างเมื่อไหร่ บอกผมนะครับ ผมอยากได้คุณชายกับแฟน ขึ้นปกแมคกาซีนของผม”
“ได้ครับ”
สุรเดชยิ้มพอใจ คุณชายยิ้มและเดินออกไป

ห่านถึงกับทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ บื้อยืนมอง
“ทำอะไรโดยไม่คิดอีกแล้วนะยัยคอห่าน” บื้อตวาดลั่น “รับปากคุณชายไปได้ไง”
“ฉันไม่อยากให้คุณชายโกรธฉันนี่ นายช่วยฉันด้วยนะ นะบื้อนะ..นะนะนะ” ห่านจับแขนบื้อแล้วทำเสียงอ้อน บื้อน้อยใจ
“เธอมันก็เป็นแบบนี้ตลอด ไม่อยากให้คุณชายโกรธ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะต้องเดือดร้อนไปกับเธอทุกครั้ง”
บื้อโมโห แอบมีเสียใจด้วย ก่อนจะจ้ำเดินออกไป ห่านอึ้ง
“บื้อ นายโกรธเหรอ”
บื้อไม่ตอบ เดินลิ่วไปตรงชายหาด ห่านถอนใจแล้วก็รีบเดินตามไปทันที

บื้อยืนนิ่งอยู่ที่ริมหาดพยายามสะกดอารมณ์ ห่านเดินออกมายืนข้างๆ เอามือสะกิดแขนบื้อ
“บื้อ” บื้อไม่สน เอาแขนหลบ ห่านมาตรงหน้า บื้อหันหน้าไปทางอื่น ห่านสุดทนจับหน้าบื้อให้หันมา บื้อชะงัก
“ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่คนดี และฉันก็ชอบทำไม่ดีกับนาย แต่นายอย่าโกรธฉันเลย ฉันไม่มีใครอีกแล้วจริงๆ”
บื้อเอามือห่านออก
“ใครว่าเธอไม่มีใคร เธอยังมีเจ๊มะพร้าว แล้วก็แหม่ม”
“แต่นายเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉัน” บื้อหันไปทางอื่น ห่านถอนใจ “ฉันรู้ว่านายเบื่อที่ต้องคอยช่วยฉัน เบื่อที่ต้องคอยพูดห้ามไม่ให้ฉันทำเรื่องนี้”
“ใช่ ฉันเบื่อ แต่ฉันไม่ได้เบื่อเธอ ฉันเบื่อตัวเอง ที่ห้ามใจไม่ให้ช่วยเธอไม่ได้ซักที” ห่านชะงัก
“บื้อ”
“ฉันขอถามอะไรอย่าง วันที่เธอไปหาคุณชายเพื่อที่จะบอกความจริง เธอตั้งใจที่จะสารภาพจริงๆ ใช่มั๊ย”
ห่านนิ่ง กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น”
“ก่อนจะไปพบคุณชาย ฉันตั้งใจแบบนั้น แต่พอเห็นหน้าคุณชาย” ห่านเสียงอ่อน อย่างรู้สึกผิด “หัวใจของฉัน มันสั่งไม่ให้ฉันพูด” บื้อผิดหวัง
“ฉันช่วยเธอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ไม่ได้อีกแล้วจริงๆ” บื้อหันหลังจะเดิน ห่านดึงชายเสื้อบื้อเอาไว้
“ไม่ได้นะบื้อ นายต้องช่วยฉัน ถ้านายไม่ช่วยฉัน แล้วฉันจะทำไงต่อไป ฉันทำเรื่องนี้คนเดียวไม่ได้”
บื้อกำมือแน่น หันมา
“ทำไมเธอถึงได้เห็นแก่ตัวแบบนี้ เธอมันก็คิดถึงแต่ความสุขของตัวเอง เธอเคยคิดถึงความสุขของฉันบ้างมั๊ย”
บื้อตะคอกใส่ห่านเต็มแรง ทำเอาห่านตกใจมากถึงกับน้ำตาคลอ บื้อเห็นน้ำตาห่านก็แอบอึ้ง แต่หันหลังอย่างตัดใจ จ้ำเดินออกไป ห่านได้แต่ยืนมองตามบื้อด้วยความใจหาย

บื้อจ้ำเดินมาตามทาง เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เร็วขึ้น เร็วๆๆ แล้วก็หยุดนึกถึงเหตุการณ์ที่สวิสเซอร์แลนด์
“ถ้าที่ผ่านมาฉันไม่มีนายคอยช่วย ป่านนี้ฉันคงเละไปแล้วตะหากเล่า”
“เฮ๊ย” ห่านตะปบบื้อไว้เลย
“เพราะฉะนั้น จากนี้ไป นายจะทิ้งฉันไม่ได้”
“เฮ๊ย” บื้อสะบัดแขนห่านออก ห่านตะปบไว้
“นายจะต้องคอยช่วยเหลือฉันตลอดไป ช่วยไม่ได้ เพราะนายดันมารู้ความลับของฉันตั้งแต่แรก” บื้อดิ้นๆ ไม่ยอม
“ไม่ ไม่เอา จะบ้า”
“ไม่บ้าล่ะ” ห่านหันไปเห็นช็อกโกแล็ตในหม้อแถวนั้น ก็เอานิ้วจุ่มขึ้นมา บีบปากบื้อ เอาช็อกโกแล็ตปาดเข้าไปในปากบื้อแล้วก็ปาดใส่ปากตัวเอง “นี่แน่ะ ช็อกโกแล็ตร่วมสาบาน ฉันถือว่านายสัญญา นายสาบานกับฉันแล้วว่าจะไม่ทิ้งฉัน”
บื้อพยายามสะบัดหนี แต่ห่านรัดตัวไว้แน่น
“ไม่ๆ” ห่านกระชากบื้อมาใกล้ชิ้ดดดด “จะอยู่กับฉันตลอดไป”
บื้อคิดแล้วก็ตัดใจไม่ช่วยไม่ได้ บื้อโมโหตัวเอง
“โธ่เว๊ย”
บื้อกลับหลังหัน รีบวิ่งกลับไปที่เดิม

บื้อกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาเห็นห่านนั่งอยู่ที่ริมชายหาดที่เดิม บื้อหยุดมองห่าน ก่อนจะตัดสินใจเดินมานั่งข้างๆ ห่านหันไป
“ฉันยินดีรับคำขอโทษจากนาย”
“สรุปว่าฉันผิด” ห่านพยักหน้า
“ใช่สิ นายตะคอกใส่หน้าฉัน นายผิด”
“ขอโทษ ไม่ตั้งใจ”
“ให้อภัย” ห่านยิ้มแฉ่งออกมา “ที่นายกลับมา เพราะนายกลับมาช่วยฉันใช่มั๊ย” บื้อมองหน้าห่าน
“ใช่ เพราะฉันสัญญาเอาไว้ว่าจะไม่ทิ้งเธอ”
“ช็อกโกแล็ตร่วมสาบาน” บื้อพยักหน้า “ขอบใจนะบื้อที่ทำเพื่อฉันอีกครั้ง นายรู้มั๊ยว่าตลอดชีวิตฉันที่ผ่านมา ฉันไม่เคยมีความสุข ฉันรู้สึกตัวเองเป็นคนไม่มีค่า เพราะแม้แต่พ่อแม่ก็ยังทิ้งฉันไป แต่คุณชาย ทำให้ฉันรู้จักกับความสุขอีกครั้ง และรู้ว่าตัวเองมีค่ามากแค่ไหน คนเราจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ในเมื่อฉันยังมีลมหายใจ ฉันก็จะทำทุกอย่าง เพื่อให้ฉันมีความสุขมากที่สุด”
บื้อเงียบ มองห่านอย่างเห็นใจแต่ไม่แสดงออก
“ไม่ต้องพูดมาก รีบคิดดีกว่าว่าแก้ปัญหานี้ยังไง จะหาใครมาเป็นพ่อเป็นแม่ของเธอ? แล้วไหนจะบ้านสุดหรูของคุณฮันนี่อีก”

ห่านคิดตามที่บื้อพูดแล้วก็กังวลใจ

เจ๊มะพร้าวรับโทรศัพท์ห่านด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“แกจะให้เจ๊ปลอมตัวเป็นคุณนายกุหลาบแม่ของแกW
ห่านอยู่กับบื้อ คุยผ่านสปีคเกอร์โฟน
“ใช่จ๊ะ”
ขณะนั้นเจ๊มะพร้าว ติดขนตาให้ซ้อคนเดิมอยู่
“แกไปให้คนอื่นช่วยเถอะ งานนี้เจ๊ไม่ทำ เจ๊กลัวคุณชายจะจำเจ๊ได้”
“คุณชายไม่มีทางจำเจ๊ได้ เพราะฉันจะแปลงโฉมเจ๊ เอาให้ไม่เหลือเค้าเดิม” เจ๊มะพร้าวเครียด ไม่ได้มองมือที่ติดขนตาให้ซ้อ “เจ๊ช่วยฉันเถอะนะ ฉันขอร้องล่ะเจ๊ เจ๊ไม่สงสาร ไม่เห็นใจฉันบ้างเหรอไง ช่วยฉันนะเจ๊ นะเจ๊นะ”
เจ๊มะพร้าวนิ่ง ตัดสินใจ
“ก็ได้”
เจ๊มะพร้าวเห็นว่าตัวเองติดขนตาล่างให้ซ้อก็ตกใจมาก แต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว

ห่านดีใจสุดๆ ที่เจ๊ะมะพร้าวรับปากจะช่วย
“ขอบคุณมากนะเจ๊ เจ๊น่ารักที่สุดในโลกเลย ฉันรักเจ๊นะ จุ๊บจุ๊บ” ห่านวางสาย หันไปทางบื้อสีหน้ายินดีมาก “คราวนี้ก็เหลือคนที่จะเป็นพ่อ และบ้านของคุณฮันนี่”
“ลุงจ๊อด” ห่านชะงัก
“ให้ลุงจ๊อดมาเป็นพ่อฉัน” บื้อพยักหน้า “แต่ลุงจ๊อดไม่รู้เรื่องนี้”
“ถึงเวลาที่ต้องบอกแล้ว”
“เฮ้อ...เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”
บื้อเห็นมือห่านแล้วก็นึกขึ้นมาได้
“ว่าแต่ เธอจะทำไง เรื่องแหวนที่คุณชายให้เธอ”
“จริงด้วย จนป่านนี้ยังนึกไม่ออกว่าทำหายที่ไหน คุณชายจะโกรธฉันมั๊ยเนี่ย” ห่านกลุ้มใจ

คุณชายยืนมองหานีรนุชที่โถงกลางของห้างเห็นนีรนุชกำลังพูดคุยกับลูกค้าที่เข้ามาชมงานอยู่หน้าบู๊ธฟองดูช็อกโกแล็ต คุณชายยิ้มและเดินเข้าไปหา นีรนุชกำลังอธิบายไปยิ้มไป
“ฟองดู” แปลว่า ทำให้ละลาย เป็นวิธีการทานอาหารแบบโบราณของชาวสวิสเรียกได้ว่า เตรียมง่าย กินกันง่ายๆ มีอะไรก็ใส่ๆ ลงไป”
ระหว่างนั้นคุณชายเดินเข้ามา
“น้องนุช”
นีรนุชหันไปทางคุณชาย แล้วก็หันไปทางลูกค้า
“เชิญชิมฟองดูช็อกโกแลตฟรีได้เลยนะคะ”
นีรนุชเดินมาหาคุณชาย
“ฉันติดต่อคุณฮันนี่ได้แล้ว แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ ครอบครัวฉันกับครอบครัวคุณฮันนี่จะได้พบกัน” นีรนุชฟังจบก็หน้านิ่ง จนคุณชายแปลกใจ “แกไม่ดีใจกับฉันเหรอ?”
“ดีใจสิ”
“ดีใจ แล้วทำไมไม่ยิ้ม”
“เวลาดีใจ ก็ไม่เห็นต้องยิ้มเสมอไป ถ้าหมดเรื่องแล้ว ฉันไปทำงานต่อนะ”
นีรนุชหันหลังจะเดินหนี แต่คุณชายจับแขนน้องนุชเอาไว้
“แกโกรธฉัน?” นีรนุชเงียบ “ฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจที่จะเสียงดังใส่แก ฉันกำลังเป็นห่วงคุณฮันนี่”
“แกจะห่วงเค้าแค่ไหน แกก็ต้องมีสติ ไม่ใช่ใช้อารมณ์” คุณชายทำหน้าจ๋อย
“ครับคุณแม่ ผมขอโทษนะค๊าบบบ คุณแม่อย่าโกรธผมเลยนะ”
“ไอ้ชาย ฉันไม่ใช่แม่แก ไม่ต้องมาเรียก”
“ไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่ โคตรดุ เค้าเสียใจ”
“พอเลยพอ หยุดทำหน้าทุเรศๆ ได้แล้ว อายคนอื่นเค้าบ้าง แกเป็นถึงผู้บริหาร”
“ก็เพื่อนรักโกรธขนาดนี้ จะไม่ให้ทำหน้าเศร้าได้” คุณนายยื่นนิ้วก้อยออกไป “ดีกันนะ...นะนะนะ”
คุณชายทำหน้าออดอ้อน นีรนุชถอนใจแล้วก็เอานิ้วก้อยเกี่ยวนิ้วก้อยคุณชายเอาไว้ คุณชายยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แล้วก็กอดคอนีรนุชดึงเข้ามาขยี้หัว
“ขอบใจนะเพื่อนเลิฟ”
“โอ๊ย หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
นีรนุชพยายามเอามือคุณชายออกไป แต่คุณชายไม่สนใจ ขยี้ผมนีรนุชไม่หยุด

ที่ห้องอาหารพนักงาน แหม่มกินขนมไปคุยกับเจ๊มะพร้าวไปด้วย
“ไอ้ห่านจะให้เจ๊เป็นแม่มัน เพื่อไปเจอกับครอบครัวคุณชาย”
“เออ เจ๊กลุ้มอยู่เนี่ย แต่จะไม่ช่วยไอ้ห่านก็ไม่ได้ สงสารมัน”
“เจ๊ไม่ต้องกังวลนะ เรื่องแอคติ้ง ฉันเทรนด์ให้เจ๊เอง รับรองจากพนักงานขายเครื่องสำอางจะกลายเป็นคุณนายไฮโซขึ้นมาทันที”
ระหว่างนั้นเจ๊มะพร้าวเห็นแอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้เดินมาก็รีบสะกิดแหม่มไม่ให้พูด แหม่มหันไปเห็นแอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ก็เบ้หน้าแล้วก็หันมากินขนม แอปเปิ้ลกับปีโป้เห็นแหม่มกับเจ๊มะพร้าวแค่สองคนก็เดินหน้ากวนตรีนมาหา
“อ้าว หายไปไหนหนึ่งตัว เอ๊ย! ไม่ใช่สิ หนึ่งคน”
“นั่นสิ ปกติเห็นอยู่กันเป็นฝูง”
“ฮ่าๆๆ”
เจ๊มะพร้าวไม่พอใจ ขยับตัวจะเอาเรื่อง แหม่มรีบจับแขนห้ามเอาไว้แล้วกระซิบเตือน
“อย่าเจ๊! เราเพิ่งโดนคุณผู้จัดการลงโทษมา ขืนก่อเรื่องอะไรอีก มีหวังคราวนี้โดนไล่ออก”
เจ๊มะพร้าวนึกได้ ก็เลยข่มใจ อดกลั้น แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้มองหน้ากัน
“วันนี้มาแปลก ไม่ตอบโต้”
“สงสัยจะไร้น้ำยา”
แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้หัวเราะ แอปเปิ้ลยกมือขวาขึ้นปิดปาก ทำให้แหม่มเห็นแหวน แหม่มผงะ จำแหวนได้ทันที แหม่มลุกขึ้นยืน ดึงมือแอปเปิ้ลมาดูแหวนใกล้ๆ
“แกเอาแหวนนี่มาจากไหน” แอปเปิ้ลดึงมือออก
“แหวนของแม่ฉัน”
“ไม่จริง แหวนนี่ไม่ใช่ของแม่แก แต่เป็นของห่าน”
แหม่มชะงักที่หลุดปาก แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้นิ่วหน้า ไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน เจ๊มะพร้าวอึ้ง
“แกว่าแหวนวงนี้เป็นของใครนะ”
แหม่มอึกอัก หน้าถอดสี
“เออ...ฉัน ฉันไม่ได้พูด”
“แกพูด! ฉันได้ยิน”
“ฉันก็ได้ยิน เหมือนแกบอกว่าแหวนวงนี้เป็นของนังห่...” แหม่มรีบขัดขึ้นทันที
“ฉันถามว่าแหวนนี่ของแม่แกแน่ใจเหรอต่างหากล่ะ ไม่ได้พูดชื่อห่านซักนิด จริงป่ะเจ๊”
“จริง ฉันไม่เห็นได้ยินเลย”
แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ ไม่ค่อยเชื่อ
“ตกลงแหวนวงนี้ แกขโมยมาใช่มั๊ย” แอปเปิ้ลหน้าถอดสี
“ฉันไม่ได้ขโมย แม่ฉันให้ฉันมากับมือ ใช่มะปีโป้ จีจี้”
“ห๊ะ” ปีโป้ยังตั้งตัวไม่ติด แอปเปิ้ลหันไปจ้องหน้า “เออ ชะชะใช่ใช่”
“พ่อแอปเปิ้ลเป็นคนให้”

“ตกลงพ่อหรือแม่กันแน่”

แอปเปิ้ลถลึงตาใส่จีจี้ จีจี้รู้ตัวว่าพูดผิด

“แม่ ฉันพูดว่าแม่”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองหน้าแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลรีบตัดบท
“นึกได้ว่ามีธุระ ไปก่อนนะ”
แอปเปิ้ลรีบเดินออกไปพร้อมกับปีโป้และจีจี้ เจ๊มะพร้าวรีบสะกิดแหม่ม
“แหวนนั่นทำไมเหรอ”
“มันเป็นแหวนที่คุณชายให้ห่านน่ะสิเจ๊”
เจ๊มะพร้าวตกใจ ครุ่นคิด
“แสดงว่านังแอปเปิ้ลเก็บได้ แล้วก็ขี้ตู่เอาเป็นของตัวเอง นังนี่มันร้ายกาจชะมัด”
แหม่มเงียบ อย่างเห็นด้วยกับเจ๊มะพร้าว

ห่านยกมือไหว้ลาน้าตุ้มกับน้าเต๊ะ สองคนรับไหว้
“ขอบใจหนูมากนะที่มาช่วยดูแลบื้อทั้งวัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ บื้อเป็นเพื่อนของหนู” น้าตุ้มกับน้าเต๊ะชะงัก
“อ้าว นี่เป็นแค่เพื่อนเหรอ น้านึกว่าหนูเป็นแฟนไอ้บื้อ”
บื้อแทบสำลัก ทำหน้าไม่ถูก ห่านรีบปฏิเสธ
“อุ๊ย ไม่ใช่ค่ะ ห่านมีแฟนอยู่แล้ว” น้าตุ้มกับน้าเต๊ะอึ้ง หันไปมองเห็นบื้อแอบจ๋อยๆ บื้อรีบตัดบท
“ผมไปนะครับ” บื้อไหว้น้าตุ้มกับน้าเต๊ะ แล้วรีบเดินออกไป ห่านยิ้มให้น้าทั้งสองคน แล้วก็เดินตามบื้อไปทันที น้าตุ้มกับน้าเต๊ะหันมามองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ
“มันยังไงกันอ่ะตะเอง”
“นั่นสิ เพื่อนภาษาอะไร ป้อนข้าวกันด้วย” น้าตุ้มกับน้าเต๊ะงงกันสุดๆ

เมื่อกลับถึงบ้านเช่า ลุงจ๊อดมองบื้อกับห่านสีหน้าตะลึงงันหลังจากรู้ความจริงเรื่องห่านปลอมตัวเป็นฮันนี่
“หนูห่านปลอมตัวเป็นคุณฮันนี่แฟนคุณคุณชายเจ้าของห้างสรรพสินค้าบีเคเคพลาซ่า” บื้อกับห่านพยักหน้าพร้อมกัน “พระเจ้าช่วยกล้วยทอด เหมือนในละครไม่มีผิด แล้วพวกเอ็งมาบอกข้าทำไม”
“พวกเราอยากให้ลุงช่วยปลอมตัวเป็นพ่อของห่าน”
“ห๊ะ ให้ข้าเป็นพ่อหนูห่าน”
“จ๊ะ” ห่านจับแขนลุงจ๊อด “ลุงช่วยฉันด้วยเถอะนะ แล้วฉันจะช่วยลุงทำงานบ้านทุกอย่าง”
“ตกลง”
เอ๊ย ตัดสินใจเร็วไปป่ะลุง”
“ของแบบนี้ ทำไมต้องตัดสินใจนานว่ะ”
“ขอบคุณลุงมากนะคะ แต่ว่าเรื่องนี้ลุงห้ามบอกใครเด็ดขาด แม้กระทั่งโจ๊ก”
“หรือไอ้โย่ง”
“พวกเอ็งพูดอะไรกับข้า ข้าลืมไปหมดแล้ว”
ลุงจ๊อดยิ้ม ห่านกับบื้อโล่งอก ระหว่างนั้นโย่งกับโจ๊กกลับเข้ามาพร้อมกัน โย่งเห็นบื้อก็ดีใจ
“ไอ้บื้อ” ห่าน บื้อ ลุงจ๊อดรีบทำนิ่ง “หายดีแล้วเหรอวะ”
“อื้อ”
โจ๊กเห็นสีหน้าลุงจ๊อดก็สงสัย
“ลุง” ลุงจ๊อดรีบลุกขึ้น
“ข้า ข้าไปขับตุ๊กตุ๊กก่อนนะเว๊ย”

ลุงจ๊อดไม่กล้าสบตาโจ๊ก รีบเดินออกไป โจ๊กหันไปมองตามด้วยความสงสัยมาก

ห่านมองแหม่มสีหน้าประหลาดใจเมื่อรู้ว่าแหวนอยู่ที่แอปเปิ้ล
“แหวนอยู่ที่นังแอ๊บ”
“อือ...ฉันมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นแหวนของแก”
“เลวมากที่เอาของของคนอื่น มาเป็นของตัวเอง แบบนี้มันต้องเจอบทเรียนที่สาสม” ห่านหรี่ตาร้ายกาจ

คืนนั้นลุงจ๊อดขับรถตุ๊กตุ๊กเข้ามาจอด ก่อนจะลงจากรถ ก็เจอโจ๊กเข้าชาร์จ ลุงจ๊อดสะดุ้งตกใจมาก
“ไอ้โจ๊ก ข้าหัวใจจะวาย”
“สารภาพมาว่าลุงปิดบังอะไรเอาไว้” ลุงจ๊อดหน้าซีด หลบตา
“พูดอะไรของเอ็ง ข้าไม่เข้าใจ”
“ลุงเข้าใจ ไม่งั้นลุงไม่หลบตาฉันหรอก บอกฉันมานะลุง ลุงมีความลับอะไรกับพี่บื้อและพี่ห่าน” ลุงจ๊อดหันมาทำโวยวาย
“ข้าเป็นลุงเอ็งนะเว๊ย ให้เกียรติกันบ้าง”
“ลุงอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง บอกความจริงฉันมาเดี๋ยวนี้” ลุงจ๊อดกลืนน้ำลายเอื๊อก...
“ข้า ข้าบอกไม่ได้”
ลุงจ๊อดรีบจ้ำเดินจะเข้าไปในบ้าน แต่โจ๊กรีบพูดขึ้นมา
“ถ้าลุงไม่บอกฉัน ฉันจะจุดธูปไหว้พ่อกับแม่บนสวรรค์ ให้ลงมาพาลุงไปอยู่ด้วย” ลุงจ๊อดตกใจ หันขวับ
“ไอ้โจ๊ก ไอ้หลานไม่รักดี เอ็งแช่งข้าเหรอวะ”
“ฉันไม่ได้แช่ง ฉันจะทำแบบที่ฉันพูดจริงๆ”
โจ๊กหน้าเอาจริง ขยับตัวจะออกไป ลุงจ๊อดขยี้หัวตัวเองอยากจะบ้าตาย
“ข้าบอกก็ได้ แต่เอ็งต้องรับปากว่าเอ็งจะไม่บอกให้ไอ้โย่งรู้” โจ๊กพยักหน้า “เอ็งเคยเห็นข่าวแฟนคุณคุณชายเจ้าของห้างบีเคเคพลาซ่ารึเปล่า”
“คุ้นๆ แต่ฉันไม่ได้สนใจ”
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อฮันนี่ ฮันนี่กับหนูห่านเป็นคนเดียวกัน”
โจ๊กอึ้ง แต่เสียงโย่งดังขึ้น
“ลุงว่าอะไรนะ”
ลุงจ๊อดสะดุ้งหันไปเห็นโย่งยืนอยู่ก็ถึงกับตบหัวตัวเอง
“ซวยแล้วกู”

โย่งจ้องลุงจ๊อด สีหน้าอยากรู้สุดๆ

จบตอนที่ 9

อ่านต่อตอนที่ 10 เวลา 1700น.
กำลังโหลดความคิดเห็น