ต้นรักริมรั้ว ตอน 4
รถสปอร์ตคันหรูของแตงกวาขับพุ่งเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว จนชนซุ้มดอกไม้หน้าประตูกระจาย ! เธอก้าวลงจากรถแล้วมองบรรยากาศพิธีแต่งงานอย่างแค้น เธอชะงักกับรูปคู่ของนลินและกษิดิฐที่วางอยู่หน้าประตูบ้าน แล้วหยิบรูปเขวี้ยงทิ้งทันที
ปราณยืนเบื่อๆอยู่มุมนึงของสวนหน้าบ้าน เห็นแตงกวาเขวี้ยงรูปของคู่บ่าวสาวก็ยิ้ม
"สวนสนุกเปิดแล้วสิ"
ด้านหลังปราณ เอ็ดดี้กำลังคุยกับแขกในงาน แต่เมื่อหันมาเห็นแตงกวาก็ตกใจรีบวิ่งเข้าทางหลังบ้านเพื่อเข้าสู่ตัวบ้านในทันที
ภายในห้องรับแขก กษิดิฐและนลินนั่งที่แท่นรดน้ำสังข์ สารัชยืนอยู่ด้านหลังกษิดิฐมัญจายืนอยู่ด้านหลังนลิน ดารินทร์กับปภพเป็นคนตักน้ำใส่สังข์และยื่นสังข์ให้แขก ชลัช นันทิดา ยศภัทร กมลายืนเรียงรอรดน้ำให้กษิดิฐกับนลินตามลำดับ
ชลัชรดน้ำสังข์ให้เป็นคนแรก มองหน้ากษิดิฐอย่างจริงจัง
"ขอให้นายจำคำสัญญานั้นให้มั่น ! ไม่อย่างนั้น ...อย่าหาว่าไม่เตือน"
กษิดิฐยิ้มสู้ ชลัชเลื่อนไปรดน้ำสังข์ให้นลิน
"ขอให้ลูกมีความสุขกับทางที่ลูกเลือก แต่ถ้าทางนั้นมันไม่ได้ดี ก็กลับมาบ้านเรานะลูก"
ชลัชลูบหัวนลินอย่างรักสุดหัวใจแล้วเหลือบมองกษิดิฐด้วยสายตาจริงจังอีกครั้ง แล้วเดินออกไป
นันทิดาเดินเข้ามารดน้ำสังข์ต่อจากชลัช
"อาขอฝากบัวกับกบอีกครั้งนะจ๊ะ และครั้งนี้...อาไม่รับคืนอีกแล้วนะ"
กษิดิฐยิ้มให้นันทิดา เธอเลื่อนมารดน้ำสังข์ให้นลิน
"แม่ยังยืนยันกับคำที่แม่เคยบอกบัว ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเรื่องของโชคชะตา ไม่ว่าจะแต่งงานกันด้วยเหตุผลอะไร บัวก็ถือว่าเป็นผู้หญิงของกบแล้ว จำไว้นะลูก"
นันทิดาเดินออกไป
เอ็ดดี้แทรกกลุ่มแขกที่รอรดน้ำสังข์อยู่เข้ามาหากษิดิฐ
"เฮีย"
ปภพดึงเอ็ดดี้ออกไป
"นี่เอ็ดดี้ ! อย่าแซงคิวสิ เห็นมั้ยว่าผู้ใหญ่กำลังให้พรอยู่"
เอ็ดดี้มองไปทางหน้าบ้านอย่างระแวงว่า แตงกวาใกล้เข้ามา เอ็ดดี้พยายามเข้าไปหากษิดิฐอีก
"ผมมีเรื่องจะบอกเฮีย"
ทันใดนั้น เสียงแจกันดอกไม้ตกแตกดัง เพล้ง ! ดังมาจากทางประตูเข้าบ้าน ทุกคนหันไปเห็นว่าคนที่ปาแจกันตกแตกคือ แตงกวา
"ไม่ทันแล้ว" เอ็ดดี้พึมพำ
คู่บ่าวสาวมองแตงกวา เช่นเดียวกับที่แตงกวาจ้องประจันหน้ากับกษิดิฐและนลิน
ปราณเดินตามเข้ามาเพื่อแอบมองว่าจะเกิดอะไรขึ้น
มัญจารีบก้มลงไปกระซิบกับคู่บ่าวสาว
"เอาหมวกกันน็อกไหมกบ เผื่อประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย"
ภาพความชุลมุนในวันแต่งงาน เคยเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ภายใต้ตัวละครเดิมๆ
แตงกวายืนอยู่หน้ากษิดิฐ และนลินเหมือนในวันนี้ คู่บ่าวสาวต่างอึ้งอยู่ที่ตั้งรดน้ำสังข์
แตงกวายิ้มเย็นยะเยือก
"ตกใจอะไรกัน คิดว่างานมงคลขนาดนี้ แตงกวาจะพลาดเหรอ"
แตงกวายกน้ำสังข์ขึ้นทำท่าจะรดน้ำใส่มือ แต่กลับยกน้ำสังข์ขึ้นราดหัวนลินทันที ทุกคนในงานตกใจฮือฮา
"นี่เธอทำบ้าอะไรของเธอ"
"แค่นี้ยังน้อยไป คนคิดแย่งของชาวบ้านอย่างเธอควรโดนมากกว่านี้"
แตงกวาจะเขวี้ยงหอยสังข์ใส่นลิน กษิดิฐรีบลุกขึ้นเอาตัวป้องตัวนลินไว้ หอยสังข์เลยไปโดนหัวกษิดิฐแทน! ทุกคนในงานมองอย่างตกใจ คุณย่ายอแสง ยศภัทร กมลา ชลัช นันทิดา มัญจารีบวิ่งเข้าไปดู เลือดจากหัวไหลลงมาที่ไหล่ของกษิดิฐ
"กบ! กบหัวแตก"
กษิดิฐเอามือคลำหัวตัวเอง แล้วรู้สึกว่ามีเลือดไหล
ภายในงานวันนี้ ทุกคนมองแตงกวาอย่างอึ้งๆ ปราณยิ้มสะใจ
แตงกวาเดินเข้าไปหาคู่บ่าวสาว มัญจาได้สติก่อน รีบเข้ามาขวาง
"ถ้าจะก่อกวนงานแต่งกบกับบัวเหมือนคราวที่แล้วก็ออกไปเลย"
แตงกวาไม่สน ผลักมัญจาเซออกไป แล้วเดินไปหาคู่บ่าวสาว
"น้ำสังข์ มันไม่เหมาะกับพวกลักกิน ขโมยกิน มันต้องไอ้นี่..."
แตงกวาล้วงกระเป๋า
ทุกคนมอง สารัชมองแตงกวาล้วงบางอย่างในกระเป๋าอย่างระแวง
"อย่าบอกนะครับว่า ปืน"
กษิดิฐโผเข้ากอด เอาตัวปกป้องนลินไว้ทันที เจ้าสาวหลับตาปี๋อย่างกลัวสุดๆ
แตงกวาหยิบขวดเลือดออกมาสาดใส่นลิน แต่โดนเสื้อเจ้าบ่าวจนแดงฉานไปทั้งตัว
มัญจา ดารินทร์ สารัชโพล่ง "เลือด" ขึ้นพร้อมกัน
กษิดิฐ นลินมองเลือดที่ชุ่มเสื้อเจ้าบ่าวอย่างตกใจ
"ออกไปจากงานแต่งลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้"
ชลัชเข้ามาลากแตงกวาออกไป แตงกวาขัดขืนไม่ยอม
"ปล่อยแตงกวานะ"
ชลัชไม่ปล่อยพยายามจะลากแตงกวาออกไป
ยศภัทรรีบวิ่งมา
"คุณพ่อตาดึงอย่างนั้นมันเสียเวลา ต้องอย่างนี้"
ยศภัทรคล้องแขนแตงกวาแล้วยกขึ้น ชลัชยกอีกข้างช่วยกันหิ้วปีกแตงกวาออกไป
"บัว ฉันขอให้ผลกรรมของการแต่งงานจอมปลอมนี้ ทำให้เธอพังพินาศ บ้านร้อน เรือนเดือด กินน้ำตาแทนข้าว กินเลือดแทนน้ำ"
ทุกคนมองแตงกวาอย่างตกใจโดยเฉพาะกมลา นันทิดา กลัวคำสาปแช่งของแตงกวามาก ปราณยืนยิ้มอย่างสะใจ
ชลัช ยศภัทร หิ้วปีกแตงกวาออกมาที่หน้าบ้านอย่างโกรธจัด
"มาทางไหนรีบไปทางนั้นเลยนะแล้วถ้ามายุ่งกับบัวอีก ฉันแจ้งตำรวจจับเธอ" ชลัชบอก
"คุณอาก็รู้ว่าพ่อแตงกวาเป็นใคร แค่คดีก่อกวน ตำรวจทำอะไรแตงกวาไม่ได้หรอกค่ะ"
ยศภัทรมองแตงกวาอย่างหนักใจ พยายามอธิบาย
"แตงกวา อารู้นะว่าหนูรักตากบ แต่ตากบรักบัว หนูต้องยอมรับความจริง"
"ความจริงคือกบรักแตงกวาค่ะ เพียงแต่กบยังไม่รู้ใจตัวเองเท่านั้นเอง"
"ก็ในเมื่อวันนี้ตากบยังไม่รู้ใจตัวเองก็ปล่อยมันไปก่อน มันรู้ใจตัวเองเมื่อไหร่มันก็กลับไปหาแตงกวาเอง แตงกวากลับไปก่อนนะ"
"เห็นแก่ที่คุณอาเป็นพ่อของกบ แตงกวากลับก็ได้ค่ะ"
แตงกวาเดินผ่านซุ้มที่มีผ้าพันจัดเป็นซุ้มทางเข้า แตงกลาหยิบไฟแช็กซิปโปหรูหราไฮโซออกมา เธอหันมองยิ้มเยาะชลัชนิดนึงแล้วจุดไฟแช็กโยนใส่ซุ้มผ้านั้น ไฟลุกพรึ่บท่วมซุ้มทันที
แตงกวาหัวเราะลั่นแล้วเดินออกไปอย่างสะใจ
ชลัชมองแตงกวาอย่างโกรธจัด
"ไฟไหม้ ไฟไหม้"
ยศภัทรตะโกนก่อนวิ่งวุ่นหาน้ำมาดับไฟ
เอ็ดดี้ ปภพ มัญจา ดารินทร์ กษิดิฐ นลิน นันทิดา กมลา วิ่งออกมามองไฟที่กำลังไหม้ซุ้มอย่างตกใจ ปราณยิ้มสะใจมาก
อณุกาเดินเข้ามาในห้องพักที่เกาหลีพร้อมติณณ์
"เสียดายจริงๆที่น้องแตงกวากับคุณอภิชาติมีธุระด่วนต้องรีบกลับ พวกเค้าไม่อยู่แล้วพี่ก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม พี่กลับวันนี้เลยดีกว่า"
"ดูพี่ณุกาเกรงใจคุณอภิชาติมากเลยเค้าเป็นใครเหรอครับ"
"เจ้าของธุรกิจเรือเดินสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยแล้วก็มีเส้นสายอยู่ทุกวงการ ถ้าเราทำให้เค้าพอใจได้เส้นสายของเค้าก็ช่วยให้เราเป็นบริษัทโฆษณาอันดับ 1 ของวงการได้ไม่ยาก"
"พี่ณุกาก็รู้ว่าวงการนี้เค้าดูกันที่ผลงานไม่ใช่เส้นสาย"
"งานเราดีอยู่แล้วถ้ามีเส้นสายมาช่วยอีกทางมันก็จะเอื้อให้เราทำธุรกิจง่ายขึ้นไงจ๊ะ พี่อยากให้ติณณ์กลับเมืองไทย"
"แล้วงานทางนี้ละครับ"
"ให้คนอื่นดูไปก่อน เพราะงานที่พี่อยากให้ติณณ์ทำที่เมืองไทยสำคัญกว่า"
"งานอะไรเหรอครับ"
"ไว้ค่อยกลับไปคุยกันที่โน่น แต่ติณณ์ไม่ต้องกลับพร้อมพี่วันนี้หรอกนะ อยู่เคลียร์งานสักสองสามวันแล้วค่อยตามกลับไป"
"ครับ"
กษิดิฐหน้าเปื้อนเขม่าควัน เสื้อเปื้อนเลือดพูดอย่างรู้สึกผิด
"ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่แตงกวามาสร้างความวุ่นวาย จนทุกคนต้องเดือดร้อนไปด้วย"
กมลา นันทิดามองกษิดิฐอย่างสงสาร ยศภัทร ปภพ เอ็ดดี้ มัญญา ดารินทร์ นลิน มองกษิดิฐอย่างเข้าใจ สารัช ปราณมองกษิดิฐอย่างสะใจ ชลัชมองกษิดิฐอย่างโกรธจัด
"ฉันจะยกเลิกการแต่งงาน" ชลัชบอก
นลินมองปราณแล้วพูดกับชลัช
"ไม่ได้นะคะพ่อ"
"ต้องรอให้แตงกวาเอาปืนมายิงแทนการเอาเลือดมาสาดใช่มั้ยบัว ถึงจะเชื่อพ่อ"
"แตงกวาใจร้อนเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ได้อารมณ์รุนแรงขนาดจะฆ่าใครได้หรอกมั้งครับคุณพ่อตา" ยศภัทรบอก
"ที่คุณพูดอย่างนี้ได้เพราะคนที่แตงกวาจ้องจะทำร้ายคือลูกผมไม่ใช่ลูกคุณ"
"ผมพูดด้วยเหตุผลเพราะถ้าแตงกวาจะฆ่าบัวจริงๆวันนี้คงไม่แค่เอาเลือดหมูมาสาดหรอก"
"ก็จริงของคุณภัทรนะคะพ่อ" นันทิดาเห็นด้วย
"ที่สำคัญเจ้าสาวยังอยากแต่งงานกับเจ้าบ่าว ก็หมายความว่า ไม่มีอุปสรรคอะไรที่จะขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ได้ เราให้ตากบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาทำพิธีต่อเถอะนะคะ" กมลาบอก
"ให้บัวแต่งงานกับกบเถอะนะคะคุณพ่อ"
ชลัชมองนลินอย่างทั้งโกรธทั้งหนักใจ
ยศภัทรบอกกับลูก
"คุณพ่อตาไม่ว่าอะไรแล้วรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ"
กษิดิฐไหว้ชลัชอย่างทะเล้น
"ขอบคุณครับคุณพ่อตา"
กษิดิฐรีบวิ่งออกไปอย่างร่าเริง ชลัชมองตามอย่างโมโห คนอื่นๆยิ้มโล่งใจ ผิดกับปราณและสารัชที่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆที่การแต่งงานจะดำเนินต่อไป
เวลากลางคืน แตงกวาใส่ชุดราตรีสีดำสวยงามกำลังจะเดินออกจากบ้าน ลูกน้อง1, 2 วิ่งเข้ามาจับตัวแตงกวาไว้
"ไอ้พวกบ้าแกจับฉันไว้ทำไม ปล่อยฉันนะ"
"ขืนพวกมันปล่อย ลูกก็จะได้ไปอาละวาดที่งานแต่งไอ้กบอีกน่ะสิ"
แตงกวามองเห็นอภิชาติเดินเข้ามาก็ตกใจ
"คุณพ่อ"
"มันแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว หูตาลูกยังไม่สว่างอีกเหรอ ว่าไอ้กบมันไม่ได้รักลูก"
"กบรักแตงกวา แต่ที่ยอมแต่งงานกับบัวเพราะโดนบัววางแผนจับ"
"ไม่ว่าจะแต่งเพราะอะไรก็ตาม ไอ้กบมันก็แต่งงานกับผู้หญิงอื่นไปแล้ว ลูกจะทำอะไรได้"
"แฉไงคะ แตงกวาจะทำให้ทุกคนรู้ว่า บัววางแผนให้กบแต่งงานด้วย เพราะเรื่องงาน"
"คิดเหรอว่าจะมีใครเชื่อคำพูดของผู้หญิงที่เอาแต่อารมณ์ตัวเอง"
แตงกวาชะงักมองอภิชาติอย่างครุ่นคิด
"ขอบคุณคุณพ่อมากนะคะที่ทำให้แตงกวาได้สติ"
อภิชาติดีใจ
"ลูกจะเลิกยุ่งกับไอ้กบแล้วใช่มั้ย"
"ไม่ใช่ค่ะ แต่คุณพ่อทำให้แตงกวาได้สติว่า ไม่ควรแฉบัวด้วยคำพูด แต่ควรหาหลักฐานที่ทำให้ทุกคนเชื่อมาแฉยัยบัวให้ได้ต่างหากละคะ"
อภิชาติมองลูกสาวอย่างโมโห
หน้าห้องบอลรูมในโรงแรม แขกเริ่มเดินทยอยเข้ามา ยศภัทรเข้าไปต้อนรับแขกที่เดินเข้ามา ชลัชเดินตัดหน้าเข้ามา
"นี่แขกของผม"
"แหม จะแขกคุณหรือแขกผม มันก็เหมือนกันแหละ เราเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วนะ"
"คุณจะพูดอะไรก็พูดไป แต่นี่แขกผม"
ชลัชเดินนำแขกเข้าไปในงาน ยศภัทรมองชลัชอย่างเซ็งๆ
อณุกาเดินเข้ามาพร้อมปราณ ยศภัทร กมลา นันทิดาต้อนรับอณุกา
"สวัสดีค่ะ ดิฉัน อณุกาค่ะ"
ยศภัทรจะพูด "...คุณ..."
ชลัชเดินเข้ามาแทรก
"สวัสดีครับคุณอณุกา ขอบคุณมากนะครับที่จัดการเรื่องงานเลี้ยงคืนนี้ให้ลูกบัว"
อณุกายิ้ม
"ณุกาไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ ต้องชมปราณ ณุกาเพิ่งกลับจากเกาหลีเมื่อตอนบ่ายนี่เอง"
ยศภัทรดันตัวชลัชให้กระเด็นไป
"สวัสดีครับ ผมเป็นพ่อเจ้าบ่าวครับ เชิญคุณอณุกาเข้าข้างในเลยครับ"
ยศภัทรเดินนำอณุกากับปราณเข้าไปในห้องบอลรูม ชลัชมองยศภัทรอย่างไม่พอใจ นันทิดาเข้ามา
"อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ เห็นแก่งานของลูก"
"เพราะเห็นแก่งานของลูกไง ไม่อย่างนั้น..ฮึ่ม"
ชลัชหันไปต้อนรับแขกอื่นๆที่ทยอยเข้ามา
แขกที่มาร่วมงานก้มลงเซ็นชื่อในสมุดเซ็นก่อนรับของชำร่วยแล้วเดินไป ยศภัทรพาอณุกาและปราณมาเซ็นต์อวยพรและรับของชำร่วย
มัญจา ดารินทร์ สารัช ปภพและน้องจุงรีบยกมือไหว้อณุกาและปราณ แล้วรีบยื่นสมุดให้ อณุกากับปราณเซ็นต์แล้ว รับของชำร่วยไป
อณุกาถามยศภัทร
"แล้วเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวอยู่ไหนคะ"
มุมนึงหน้าห้องบอลรูม แขกกลุ่มหนึ่งยืนล้อมคู่บ่าวสาว เมื่อกลุ่มแขกทยอยเดินแยกกัน เข้าห้องจัดเลี้ยง จึงเห็นกษิดิฐและนลินที่แต่งชุดได้สง่าสมกัน นลินชะเง้อมองไปตรงทางเข้า
"มองหาใครเหรอบัว"
"คุณอณุกา บัวอยากคุยเรื่องของานคืน"
"เคยปล่อยสมองให้คิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงานบ้างไหม"
"จะให้คิดเรื่องอะไร"
กษิดิฐมองด้วยสายตากรุ่มกริ่ม
"ก็ความระ...(จะพูดว่ารัก)"
"นั่นคุณอณุกา.. ไปเร็วกบ"
นลินรีบเดินออกไป กษิดิฐมองตามแล้วถอนใจ
ปราณมองชุดเจ้าสาวที่สวยอย่างตะลึง กษิดิฐเดินตามมาแล้วมองปราณด้วยสายตาไม่พอใจ นลินยกมือไหวอณุกา
"ขอบคุณคุณอณุกามาก ๆ นะคะที่มางานบัว"
"ก็ฉันเป็นเจ้าภาพ จะไม่มาได้ยังไง อีกอย่าง ฉันจะมาพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าเธอแต่งงานจริงๆ ไม่ได้โกหกฉัน"
นลินชะงักแล้วคิดว่าจะทวงเรื่องงานกับอณุกาดีไหม
"เอ่อ...คุณอณุกาคะ บัวอยากพูดเรื่องงานโฆษณาประกันภัยที่..."
อณุกาพูดแทรก
"จะมาพูดเรื่องงานอะไรตอนนี้ล่ะจ๊ะ นี่มันงานแต่งนะ มีความสุขหน่อย"
อณุกายื่นกล่องให้
"ของขวัญแต่งงานจากเกาหลีจ้ะ"
กษิดิฐ นลินไหว้อณุกา
"ขอบพระคุณมากค่ะ"
นลินรับกล่องของขวัญ อณุกาเดินเข้างานไป ปราณเดินตาม
"จากเกาหลี"
นลินมองกล่องของขวัญแล้วตกใจ ยื่นกล่องให้กษิดิฐ
"เดี๋ยวบัวมานะ"
นลินวิ่งออกไปอย่างรีบร้อน กษิดิฐมองตามอย่างงงๆ
นลินดึงมัญจากับดารินทร์มาที่มุมนึง
"อะไรบัวอะไร" มัญจาถาม
"คุณณุกาเพิ่งกลับจากเกาหลี ป่านนี้คุณติณณ์ต้องรู้แล้วแน่ๆว่า บัวแต่งงานกับกบ"
"จบกันความหวังลมๆ แล้งๆ ของเพื่อนฉันที่มีต่อชายในฝัน"
"ฮือ...ทำไมชีวิตฉันต้องเป็นอย่างนี้ด้วย"
ดารินทร์มองนลินอย่างครุ่นคิด
"คุณติณณ์ฝากของขวัญแต่งงานมาให้บัวรึเปล่า"
"เปล่าค่ะ มีแต่ของคุณณุกา"
"ในฐานะที่พี่ทำงานที่นี่มา 5 ปี พี่บอกได้เลยว่าคุณติณณ์ยังไม่รู้"
มัญจา นลินมองดารินทร์อย่างงงๆ
"คุณติณณ์เป็นคนมีน้ำใจ ถ้ารู้ว่าบัวแต่งงานเค้าต้องฝากของขวัญมาให้ แต่นี่เค้าไม่ฝาก พี่มั่นใจว่าคุณติณณ์ยังไม่รู้เรื่องการแต่งงานของบัวแน่นอน"
"จริงเหรอคะพี่รินทร์"
"ระดับพี่ถ้าพูดว่ามั่นใจแปลว่าจริงร้อยเปอร์เซ็นต์"
นลินยิ้มดีใจ สบายใจเรื่องติณณ์ขึ้นมาก
"สบายใจแล้วก็รีบกลับเข้าไปในงาน แล้วก็ทำให้คุณณุกาเชื่อหมดใจเลยนะว่า เธอกับกบเป็นคู่รักที่อยากแต่งงานกันจริงๆ" มัญจาว่า
ผ่านเวลาเล็กน้อย กษิดิฐและนลินเดินเข้ามาจากประตู โดยมีสปอร์ตไลท์ส่องทางไปสู่เวทีและมีเพลงโรแมนติกคลอ กษิดิฐยื่นแขนให้นลินคล้อง เธอมองเสี้ยวหน้ากษิดิฐว่า จะอินกับบทบาทเจ้าบ่าวมากไปแล้ว เขาเดินจูงเธอเดินก้าวไปสู่เวที
กษิดิฐรู้สึกตื่นเต้นจนเดินสะดุดบันไดขึ้นเวทีจนเดินขากระเผลก
"เดินระวังหน่อยสิกบ"
"ก็มันตื่นเต้นนี่ บัวไม่ตื่นเต้นรึไง"
"จะตื่นเต้นทำไม ไม่ได้แต่งจริงๆซะหน่อย"
กษิดิฐจับมือนลินแล้วแอบขำ
"คนไม่ตื่นเต้น แต่มือเย็นอย่างกับน้ำแข็ง"
นลินมองค้อน กษิดิฐแอบยิ้มทะเล้นแล้วเดินกระเผลกขึ้นเวที
เอ็ดดี้ที่ทำหน้าที่พิธีกรมองเจ้านายที่เดินกะเผลกอย่างสงสัย
เอ็ดดี้แซว
"ไม่ทันไร เจ้าบ่าวเดี้ยงซะแล้ว จะมีผลกับการเข้าหอคืนนี้ไหมครับ"
กษิดิฐตอบทะเล้น
"ไม่ต้องห่วงครับ เพราะหน้าที่เจ้าบ่าวไม่ได้ใช้ขา แต่ใช้อย่างอื่น"
ที่โต๊ะ ยศภัทรผิวปากชอบใจ กมลาตีแขนให้เกรงใจชลัช ชลัชไม่พอใจ นันทิดาลูบแขน ชลัชให้ใจเย็นๆ อณุกายิ้มกับคำตอบของกษิดิฐ ปราณมองอย่างหมั่นไส้
กษิดิฐมองแขกแล้วขำ
"คิดลึกกันนะเนี่ย ผมหมายถึงใช้หัวใจ"
เอ็ดดี้ทำหน้าที่พีธีกรต่อ
"เอาล่ะครับ ...เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมอยากขอให้บ่าวสาว กล่าวอะไรกับแขกผู้มีเกียรติสักหน่อยนะครับ เริ่มจากคุณบัวก่อนแล้วกัน"
เอ็ดดี้ยื่นไมโครโฟนให้นลิน เธอหยิบกระดาษที่เขียนเตรียมไว้มาอ่าน กษิดิฐกระซิบถาม "อือหือ...นี่บัวมีโพยด้วยเหรอ"
"บัวไม่ใช่คนด้นสดอย่างกบนี่ .... สวัสดีค่ะ แขกทุกท่าน บัวขอบพระคุณทุกท่านที่เสียสละเวลามาเป็นสักขีพยานให้กับบัวและกบ งานนี้จะสมบูรณ์ไม่ได้ถ้าขาด แขกทุกๆท่าน โดยเฉพาะคุณพ่อ คุณแม่ของบัวและคุณพ่อ คุณแม่ของกบ"
ทันใดนั้นกษิดิฐยืนหาวเสียงดัง นลินชะงักมองหน้าเจ้าบ่าว
"ขอโทษครับ เตรียมงานแต่งหลายวัน เพลียไปหน่อย"
นลินพยายามข่มอารมณ์แล้วอ่านต่อ
"และอีกคนที่ขาดไม่ได้เลยคือคุณอณุกาที่จัดการเป็นเจ้าภาพให้บัว... สุดท้ายบัวและกบก็ต้องกราบขอโทษถ้ามีความผิดพลาดอะไร ..ขอขอบพระคุณค่ะ"
แขกในงานปรบมือให้นลิน
"คราวนี้ก็ถึงตาเจ้าบ่าวได้กล่าวอะไรบ้างนะครับ"
เอ็ดดี้ยื่นไมโครโฟนให้กษิดิฐ
"ผมก็อยากถามว่าอาหารอร่อยไหมครับ"
"อร่อย" แขกทุกคนตอบพร้อมกัน
"กินกันอิ่มไหมครับ"
แขกทุกคนตอบ "อิ่ม" พร้อมกัน
"อิ่มก็ดีครับ แล้วอย่าลืมใส่ซองด้วย พ่อผมฝากเตือนมา"
"นายกบ"
กษิดิฐขำแล้วพูดต่อ
"ถ้ามีอะไรบกพร่อง ผมสัญญาว่างานหน้าจะดีขึ้น"
"นี่เฮีย...งานแต่งนะครับไม่ใช่งานกาชาด เค้าจัดกันครั้งเดียวครับ ไม่ได้จัดกันทุกปี" เอ็ดดี้บอก
กษิดิฐพูดกวนๆ แล้วส่งตาหวานให้นลิน
"ก็ผมอยากจัดทุกปี... แต่กับภรรยาคนเดิมนะครับ"
แขกในงานทุกคนกิ๊วก๊าวกับคำพูดของกษิดิฐ นลินพยายามยิ้ม
ดารินทร์ มัญจา ยิ้มกับคำพูดของกษิดิฐ
ดารินทร์ มัญจาพูดพร้อมกัน
"เคลิ้มอ่ะ"
"นี่ขนาดแต่งปลอมๆยังหวานกว่าสามีฉันอีก"
"เดี๋ยวกลับบ้านจะเอาน้ำตาลให้กระสอบนึง หวานพอไหมจ้ะ" ปภพบอก
ดารินทร์แกล้งตีปภพ สารัชมองกษิดิฐหมั่นไส้
"ไม่เห็นจะหวานตรงไหนเลย ผมพูดดีกว่านี้"
"ก่อนเชิญเจ้าบ่าว เจ้าสาวลงจากเวที มีแขกหลายๆท่านฝาก ผมมาถามว่าเจ้าบ่าวประทับใจเจ้าสาวตรงไหนครับ" เอ็ดดี้ถามเจ้าบ่าว
ดารินทร์ มัญจา สารัช ปภพหันไปมองบนเวทีด้วยความสนใจ
กษิดิฐมองนลินแล้วคิดหาคำตอบ นลินมองลุ้นๆว่า กษิดิฐจะตอบอย่างไร
"ว่ายังไงครับ ตกลงเจ้าบ่าวประทับใจเจ้าสาวตรงไหน" พิธีกรถามย้ำ
"เอ่อ...บัวเขาเป็นคนมีน้ำใจครับ ถึงบางครั้งจะดูขี้บ่นและเจ้าระเบียบไปบ้าง แต่ลึกๆเพราะเขาห่วงผม ถึงจะบ่นว่าผมขี้เกียจ แต่ก็ยอมให้ลอกการบ้านทุกครั้ง ถึงจะแช่งให้ผม สอบตก แต่ก็เขาก็คอยติวหนังสือให้ผมทุกที แล้วเวลาที่ผมไปทะเลาะต่อยตีกับใคร ถึงเขาจะเชียร์ฝ่ายตรงข้าม แต่สุดท้ายก็กลับมาทำแผลให้ผมทุกที"
นลินมองอึ้ง ไม่คิดว่ากษิดิฐจะจำเรื่องราวเหล่านี้ได้
"ส่วนคำถามของเจ้าสาว มีคนในงาน อยากทราบว่าเจ้าบ่าวขอแต่งงานยังไงครับ"
นลินมองกษิดิฐอย่างอึ้งๆเพราะไม่ได้เตรียมกันไว้
ยศภัทร กมลาและนันทิดามองหน้ากัน เพราะรู้ว่ากษิดิฐและนลินไม่ได้มีการขอแต่งงานกันจริงๆ ยศภัทรบ่นๆ
"ใครช่างสรรหาคำถามอย่างนี้มาถาม"
"ผมเองครับ"
อณุกา ยศภัทร กมลา ชลัช นันทิดามองหน้าปราณ
ปราณยิ้มยียวน
"ผมไม่เคยเห็นคุณบัวกับคุณกบคบกัน อยู่ๆมาแต่งงานกัน ผมก็เลยอยากรู้ว่าเขาจะขอแต่งงานกันยังไง"
ยศภัทรมองปราณอย่างไม่พอใจ เพราะยศภัทรรู้เรื่องที่ปราณปล้ำนลิน
"ไอ้นี่มันกัดไม่ปล่อยอย่างที่กบบอกจริงๆ" ยศภัทรพึมพำ
บนเวที นลินมองแขกในงาน และเห็นแขกรอฟังนลินอยู่
"กบเขา...เอ่อ...ถือดอกไม้เข้ามาในบ้านบัว แล้วก็คุกเข่า"
"พอเลยบัวพอเลย กบเล่าเอง บัวครับบัวเป็นฝ่ายคุกเข่าขอผมแต่งงาน"
แขกในงานฮือฮา ชลัชมองกษิดิฐอย่างไม่พอใจ
"จริงเหรอครับซ้อ" เอ็ดดี้ถาม
นลินมองกษิดิฐอย่างเซ็งๆ
"บอกความจริงไปเล้ย คนเรารักใครขอใครแต่งงานต้องอย่าอาย"
"จริงค่ะ"
เอ็ดดี้ปรบมือปลาบปลื้ม
"เกิดมาเพิ่งเคยเห็นนี่ละครับ เจ้าสาวขอเจ้าบ่าวแต่งงาน ประทับใจมากครับ"
ทุกคนในงานปรบมือ ชลัชมองกษิดิฐอย่างไม่พอใจ
"ยอมรับแทนยัยบัวหน่อยก็ไม่ได้...ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย"
"ตากบมันเป็นคนซื่อโกหกใครไม่เป็น"
ชลัชมองยศภัทรอย่างหมั่นไส้
บนเวที นลินกระซิบกษิดิฐ
"ฉีกหน้าผู้หญิงเก่งอย่างนี้น่ะสิ ถึงไม่มีใครเอากบเป็นแฟน"
"ได้รับรู้เรื่องราวการขอแต่งงานที่สุดแสนประทับใจของบ่าวสาวไปแล้วนะครับ แต่ทุกอย่างจะไม่สมบูรณ์ถ้าจะไม่จบด้วยภาพประทับใจ"
กษิดิฐหันขวับไปหาเอ็ดดี้
"ภาพอะไรอีกวะ"
ปภพลุกขึ้นมาตะโกนเสียงดัง
"เจ้าบ่าวต้องจูบเจ้าสาวก่อน"
ดารินทร์กระซิบสามี
"เค้าแต่งงานหลอกๆนะปภพ"
"แต่งหลอก แต่ต้องการให้คุณณุกาเชื่อจริงก็ต้องยอม"
ดารินทร์เห็นด้วยทันใด ตะโกนสนับสนุน
"จูบเลย จูบเลย"
ดารินพยักหน้าให้มัญจาเลยตะโกนด้วย
"จูบเลยๆ"
น้องจุงตะโกนตาม
"จูบเลยๆ"
"อย่าจูบ อย่าจูบ"
ทุกคนมองสารัชอย่างเซ็งๆ
บนเวทีเอ็ดดี้มองกษิดิฐกับนลิน แล้วบอก
"ภาพนี้แหละเฮีย จูบเลย จูบเลย"
เสียงแขกในงานตะโกนก้อง
"จูบเลย จูบเลย จูบเลย"
นลินกับกษิดิฐมองหน้ากัน
"เสียงรบเร้าเยอะขนาดนี้ เฮียจะไม่จัดสักหน่อยเหรอครับ"
นลินชะงัก ฝืนยิ้มกับแขก แต่พูดกับกษิดิฐแบบกัดฟัน
"บัวไม่จูบนะ"
"ถ้าไม่จูบ พวกเค้าก็ไม่ให้เราลงจากเวทีนะ"
เสียงเชียร์ยังคงเร่งเร้า
"จูบเลย จูบเลย จูบเลย"
กษิดิฐพยายามโน้มน้าวสุดๆ
"เอาน่าบัว...แค่หอมแก้มก็ได้ จะได้จบๆ"
"แต่..."
กษิดิฐไม่ฟัง แล้วเอามือประคองหน้านลินโน้มเอียงแล้ว ก้มหอมแก้มนลิน
ชลัชทำหน้าไม่สบอารมณ์ ปราณทำหน้าแอบหมั่นไส้ แล้วหยิบมือถือขึ้นถ่ายรูป
ดารินทร์กับมัญจาเอามือปิดปาก เพราะคาดไม่ถึงว่ากษิดิฐจะหอมนลิน สารัชปิดตาอย่างทนดูไม่ได้ ปภพส่งเสียงผิวปากล้อกษิดิฐ
แตงกวาดื่มไวน์และเปิดดูไอแพด เห็นรูปกษิดิฐหอมแก้มนลินที่ไลน์ ในไอแพด ที่ปราณส่งมาให้ เธอชะงักแล้วเขวี้ยงไอแพดทิ้ง กรีดเสียงร้องดังอย่างไม่พอใจ
"แอร๊ย"
บนเวทีกษิดิฐยังหอมแก้มนลินค้างอยู่ เขาค่อยๆถอนจมูกออกจากผิวแก้มของนลินแล้วมองตา พูดยียวนกลบเกลื่อนความเขิน
"เหม็นฉุย"
นลินตีหน้ายักษ์ใส่ อยากจะบีบคอกษิดิฐที่อยู่ตรงหน้า แต่ทำไม่ได้ เพราะแขกอยู่เต็มงาน
ต้นรักริมรั้ว ตอน 4 (ต่อ)
ปภพลุกขึ้น ตะโกนขึ้นมาอีก
"โอ๊ย หอมแก้มไม่นับ ต้องจูบปาก"
"เอางั้นเลยเหรอ"
ปภพพยักหน้า
ดารินทร์ตะโกนพร้อมปรบมือ
"จูบปาก จูบปาก จูบปาก"
มัญจากับน้องจุงตะโกน "จูบปาก" บ้าง
สารัชครวญ
"อย่าจูบขอร้องละครับ อย่า..."
บนเวทีนลินหน้าเสียยิ่งกว่าเดิม กระซิบบอกกษิดิฐ
"ไม่เอาแล้วนะกบ"
กษิดิฐเห็นนลินที่หน้าเสียก็พูดใส่ไมค์ทันที
"เอ่อ...จูบปาก ขอจูบกันสองต่อสองได้ไหมครับ ไม่อยากให้ใครเห็น ผมเขิน"
เสียงกลุ่มเพื่อนโห่ใส่กษิดิฐ
"อย่าเพิ่งเซ็งกันครับ เดี๋ยวผมทำอย่างอื่นให้เพื่อนเป็นการทดแทน"
นลินมองกษิดิฐสงสัยว่า จะทำอะไร กษิดิฐยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วจูงนลินเดินลงจากเวที
บริเวณพื้นที่ว่างหน้าเวที กษิดิฐจูงนลินมายืนตรงกลาง เขายิ้มให้นลินแล้วส่งสัญญาณให้เอ็ดดี้ที่พยักหน้าให้กับนักดนตรีและพนักงานดูแลเวที
ทันใดนั้นไฟตรงเวทีหรี่สลัวลง พนักงานเปิดเพลงเพลงหวานๆ จังหวะช้าๆ สำหรับเต้นรำ กษิดิฐพูดซึ้งๆ
"กบจำได้นะว่าบัวเคยบอกตอนเด็กว่า ถ้าบัวแต่งงาน บัวอยากให้เจ้าบ่าวของบัวพาเต้นรำ กบก็เลยจัดให้"
นลินไม่อยากเชื่อ
"จริงเหรอกบ"
กษิดิฐยิ้มแล้วผายมือแล้วโค้งลงเหมือนเจ้าชายขอเจ้าหญิงเต้นรำ นลินชะงัก แล้วค่อยๆยื่นมือให้กษิดิฐ เขาโอบเอวเธอทำท่าเตรียมพร้อมเต้นรำ
ฉับพลัน เพลงโจ๊ะในจังหวะ 3 ช่าก็ดังขึ้น เขาเต้นตามจังหวะอย่างเมามัน แล้วจับนลินเต้นด้วย
"นายกบ ทำไมต้องเป็นเพลงแบบนี้ด้วย"
กษิดิฐหัวเราะ
"ก็กบเต้นเพลงแบบอื่นไม่เป็น"
กษิดิฐจับนลินเต้น นลินเซ็ง
"คิดผิดหรือคิดถูกที่แต่งกับนายกบเนี่ย"
นลินจำใจเต้น แต่เต้นไปแล้วก็หัวเราะสนุกกับกษิดิฐ เอ็ดดี้ตะโกนลั่นอย่างมีความสุข"บ่าวสาวเปิดฟลอร์แล้ว ขอเชิญทุกท่านมาร่วมสนุกกับบ่าวสาวหน่อยคร้าบ"
ยศภัทรดึงกมลาออกไปที่ฟลอร์ทันที ทั้งคู่เต้นกันอย่างสนุกสนาน นันทิดาดึงชลัช แต่ชลัชไม่ยอมลุก
"งานแต่งลูกเรานะคะ"
ชลัชยอมลุกไปเต้น นันทิดาเต้นอย่างสนุกสนาน ชลัชเต้นเซ็งๆ ดารินทร์ดึงปภพ น้องจุงออกมาเต้น มัญจา เอ็ดดี้ออกมาเต้นด้วย สารัชนั่งมองทุกคนอย่างเซ็งสุดๆ ปราณมองคู่บ่าวสาวอย่างไม่พอใจ อณุกามองยิ้มสมใจที่กษิดิฐแต่งงานกับนลินแล้ว
ภายในงานแต่งงานค่ำคืนนั้น ทุกคนเต้นกันอย่างสนุกสนาน
ผ่านเวลามา ภายในห้องน้ำ ในโรงแรม มัญจา ดารินทร์ยืนซับหน้าที่หน้ากระจกอย่างเหนื่อยๆ
"เต้นซะหน้ามันเลย แต่บอกตรงๆนะว่า เห็นคุณกบกับบัวแต่งกัน แล้วพี่อยากให้พวกเค้ารักกันจริงๆ สองคนนั้นเหมาะกันม้ากมาก"
"อูย ...บัวกับกบรักกันยาก" มัญจาว่า
"ใครจะไปรู้ ส่งตัวเข้าห้องหอคืนนี้ บรรยากาศอาจเป็นใจให้คุณกบเผด็จศึกบัวก็ได้"
มัญจากับดารินทร์หัวเราะกันคิกคัก
ค่ำคืนนั้น ยศภัทร กมลา นันทิดานั่งอยู่บนเตียงเพื่อเตรียมอวยพรส่งตัวกษิดิฐ และนลิน ทั้งคู่นั่งอยู่ที่พื้นข้างๆ กมลามองนลินกับกษิดิฐอย่างตื้นตัน
"พ่อกับแม่ไม่มีอะไรจะบอกกับลูก นอกจากคำพูดที่คุณย่าบอกกับลูกในคืนส่งตัว"
วันส่งตัวบ่าวสาวเมื่อ 3 ปีที่แล้วคุณย่ายอแสงนั่งอยู่ที่เตียงเหมือนกับชลัช นันทิดา ยศภัทร กมลาในคืนนี้ กษิดิฐ นลินนั่งอยู่พื้นหน้าเตียงเหมือนเดิมเช่นเดียวกัน ชลัชและนันทิดานั่งข้างๆนลิน ยศภัทรและกมลานั่งข้างกษิดิฐ
คุณย่ายอแสงจับมือทั้งคู่มาวางซ้อนกัน
"ย่าขอบใจหลานทั้งสองคนที่ทำให้ความหวังของย่าเป็นจริง ย่ารู้ว่าตอนนี้หลานทั้งสองกำลังรู้สึกว่าโดนย่าบังคับ แต่วันข้างหน้า หลานทั้งสองจะเข้าใจว่า สายตาคนแก่อย่างย่านั้น มองไม่ผิด"
กษิดิฐยียวน
"แล้วถ้าคุณย่ามองผิด ผมตกนรกทั้งชีวิตเลยนะครับ"
นลินตีแขนกษิดิฐ
"ชั้นน่าจะพูดคำนั้นมากกว่า"
คุณย่ายอแสงดุหลานชาย
"ตากบ! แกเอาหมาออกจากปากแกสักห้านาทีได้ไหม แกรู้ไหมว่าแกมีบุญขนาดไหนที่ผู้หญิงดีๆอย่างหนูบัวยอมลดตัวมาแต่งงานกับแกน่ะ ต่อไปนี้แกควรจะให้เกียรติและดูแลหนูบัว ให้สมกับที่หนูบัวยอมเสียสละมาร่วมชีวิตกับแกทั้งชีวิตและให้ความสำคัญกับหนูบัวเป็นที่หนึ่ง เพราะตอนนี้หนูบัวเป็นสมบัติชิ้นสำคัญที่สุดในชีวิตของแก จงถนุถนอมเค้าทั้งกายและใจ อย่าให้ใครมาทำร้าย อย่าให้ความทุกข์ใดมาแผ้วพาน"
กษิดิฐก้มลงกราบที่ตักของคุณย่ายอแสงที่หันไปลูบหัวนลินอย่างเอ็นดู
"ส่วนหนูบัว ย่าขอบใจนะที่ยอมตกลงใจดูแลกบ และยอมที่จะวางใจให้เจ้ากบมันดูแล จำไว้นะ ไม่มีใครอีกแล้วที่จะดูแลเจ้าทั้งสองได้ดีเท่ากับเจ้าดูแลกันและกัน เพราะเจ้าทั้งสองคน เกิดมาคู่กัน"
นลินก้มลงกราบที่ตักของคุณย่ายอแสง คู่บ่าวสาวมองหน้ากัน
ยศภัทรกับกมลาลุกขึ้นจะเดินออกจากห้อง ชลัชยังคงมองนลินอยู่ด้วยความห่วง นันทิดาจับมือชลัชให้เดินออกจากห้อง
ชลัชลูบหัวนลินบอก
"อย่าลืมที่พ่อบอกนะลูก ถ้าอยู่ที่นี่ไม่ไหวก็กลับบ้านเรา"
ยศภัทรพูดล้อเลียนชลัช
"อย่าลืมที่พ่อบอกนะ ถ้าไหว...ขอหลานโหลนึง"
ชลัชมองยศภัทรอย่างไม่พอใจ
นลินกับกษิดิฐต่างล้มนอนแผ่ด้วยความเหนื่อย
"ถ้าไม่ใช่เพราะงาน บัวไม่ขอเหนื่อยแบบนี้อีกเด็ดขาด ไปอาบน้ำนอนดีกว่า"
นลินจะเดินออกไปเปิดประตูห้อง
"บัวๆ ห้องน้ำอยู่นี่จะไปไหน"
"อาบที่บ้านเพราะจะนอนที่บ้าน"
นลินเปิดประตูจะออกจากห้องแล้วชะงัก เมื่อเห็นเอ็ดดี้ยืนถือหมอนหน้าเมาอยู่หน้าห้อง
"ว๊าย"
" จะไปไหนคร๊าบ"
กษิดิฐเดินมาโวยทันที
"แกมายืนทำอะไรอยู่หน้าห้องฉันแบบนี้เนี่ย"
"เฝ้าหน้าห้อง ธรรมเนียมไทย วันส่งตัวคืนแรก ห้ามบ่าวสาวออกจากห้องเด็ดขาด เอาล่ะ...เฮียกับซ้อเข้าห้องไปได้แล้ว"
เอ็ดดี้วางหมอนลงที่พื้นก่อนล้มตัวลงนอนขวางที่หน้าห้องนอนกษิดิฐ นลินปิดประตูห้องอย่างเซ็งๆ ยศภัทรย่องเข้ามาหาเอ๊ดดี้ยื่นเงินให้ 1 พันบาท
"ขอบใจนะที่ช่วยทำหน้าที่เฝ้าประตูห้องตามธรรมเนียมของพ่อ"
"ขอบคุณครับ ขอให้คุณพ่อสมหวังได้หลานคืนนี้เลยนะครับ"
ยศภัทรมองประตูห้องกษิดิฐแล้วยิ้มสมใจ
นลินที่ใส่ชุดนอนเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ กษิดิฐใส่ชุดนอน นอนแผ่เต็มเตียง
นลินตีแขนกษิดิฐทันที
"กบนอนเต็มเตียงขนาดนี้ แล้วจะให้บัวนอนตรงไหน"
กษิดิฐพูดกวนทั้งๆที่หลับตา
"ก็นอนพื้นสิ"
"บัวเป็นผู้หญิงนะ"
"อ้าว...เค้ามีกฎห้ามผู้หญิงนอนพื้นเหรอ"
นลินโมโหที่โดนกวน เลยหยิบหมอนข้างขึ้นมาฟาดไปกษิดิฐที่นอนอยู่ไปเต็มแรง
"โอ๊ย งั้นก็นอนด้วยกันนี่แหละ เหมือนนอนด้วยกันตอนอนุบาลไง"
"ไม่เอา ตอนนี้เราโตแล้วนะกบ เราจะไม่นอนกันแบบนี้"
นลินนอนเอาเท้าไปทางหน้ากษิดิฐ
"นอนสลับฟันปลา"
กษิดิฐมองหมั่นไส้
"ไม่ยอมนอนดีๆ ขอให้คืนนี้บัวฝันว่าได้จูบกับผู้ชายที่บัวชอบ บัวจะได้ละเมอจูบตาตุ่มกบ ฮ่ะๆ"
นลินเซ็ง
"กบนี่หยาบคายกับผู้หญิงสุดๆเลย ไม่รู้แตงกวารักกบเข้าไปได้ยังไง"
"คนเรามันก็ต้องมีดีกันบ้าง"
"แต่บัวไม่เคยเห็นสักนี๊ด โอ้ยเหนื่อย นอนดีกว่า"
นลินหลับตา กษิดิฐยิ้มมีความสุขที่ในที่สุดก็ได้นอนเตียงเดียวกับนลิน เขากระโดดลงจากเตียงไปกดสวิตซ์ไฟห้อง นลินลุกขึ้นโวยทันที
"กบปิดไฟทำไมเนี่ย"
นลินกระโดดลงจากเตียงไปเปิดไฟห้องทันที
กษิดิฐขำ
"นี่บัวยังไม่เลิกกลัวความมืดอีกเหรอ"
นลินทำหน้าเซ็ง ไม่ตอบอะไร กษิดิฐปิดสวิตซ์ไฟทันที ต่างคู่ต่างปิด - เปิดกันไปมา
กษิดิฐชักรำคาญ
"แต่เปิดไฟกบนอนไม่หลับ"
นลินดึงกษิดิฐมานอนที่เตียง
"ก็ทำอย่างนี้สิ"
นลินเอาผ้าห่มคลุมโปงให้ กษิดิฐเปิดผ้าห่ม
"กบหายใจไม่ออก เดี๋ยวก็หลับไม่ตื่นฟื้นไม่มีกันพอดี"
นลินมองอย่างรำคาญ คิดๆแล้วไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กออกมา กษิดิฐมองอย่างงงๆ เธอพับผ้าขนหนูอย่างบรรจงแล้วบอก
"หลับตา"
กษิดิฐหลับตาอย่างว่าง่าย นลินเอาผ้าขนหนูที่พับวางปิดตา กษิดิฐยิ้มมีความสุข
"มืดรึยัง"
"มืดมาก"
"เฮ้อ...ไปนอนแล้วนะไม่ไหวแล้ว"
นลินล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน กษิดิฐเปิดผ้าขนหนูแอบมองนลินยิ้มอย่างมีความสุข
เช้าวันรุ่งขึ้น บริเวณรั้วของบ้านทั้ง 2 หลัง ชลัชในชุดทำงานด้อมๆมองๆไปทางบ้านกษิดิฐ น้ำถูกฉีดมาจากบ้านกษิดิฐโดนชลัช
"เฮ้ย"
ยศภัทรโผล่มาจากหลังต้นไม้ มือถือสายยางรดน้ำต้นไม้อยู่
"อ้าว... คุณพ่อตามาด้อมๆ มองๆ แอบดูหนุ่มสาวเข้าหอใช่มั้ย มาๆผมจะเล่าให้ฟัง ลูกชายผมกับลูกสาวคุณนะไวไฟกันมาก จุดปั๊บ ติดพรึ่บ ไม่เกิน 3 เดือนได้หลานชัวร์"
"เลิกพูดจาไม่ให้เกียรติลูกสาวผมซะที บัวแต่งงานกับนายกบเพื่อรักษาชื่อเสียง ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นเมียนายกบจริงๆ"
"แต่ลูกชายผมตั้งใจเป็นสามีลูกสาวคุณจริงๆนะ แล้วเชื้อมันก็ไม่ทิ้งแถวด้วย ผู้ชายตระกูลผมอยู่ใกล้ผู้หญิงคนไหนไม่เคยพลาด ป่านนี้บัวคงเป็นลูกสะใภ้ผมเต็มตัวไปแล้ว"
"ยังไม่หยุดดูถูกบัวใช่มั้ย ผมจะไปหยุดคุณเอง"
ชลัชปีนรั้วข้ามฝั่งไปบ้านกษิดิฐอย่างโมโห
"เลือดร้อนอย่างนี้ต้องใช้น้ำช่วย จะได้ใจเย็นลง"
ยศภัทรฉีดน้ำใส่ชลัช
"เฮ้ยๆๆ"
กมลา นันทิดาได้ยินเสียงชลัชก็วิ่งออกมาดูอย่างตกใจ
"ทะเลาะอะไรกันคะ คุณชลัช" นันทิดาว่า
"ว้าย"
เสียงเอะอะของกมลาดังเข้ามาในห้องนอน
"คุณภัทรหยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุด"
บนเตียง... นลินและกษิดิฐนอนหลับหันหัวไปทางเดียว เหมือนคนนอนปกติ เพียงแต่นอนใกล้กันมาก แต่ทั้งสองยังไม่รู้สึกตัว กษิดิฐได้ยินเสียงยศภัทร
"ผมหยุดคุณพ่อตาจะได้ซัดผมน่ะสิ"
กษิดิฐพลิกตัวอย่างงัวเงีย
"เอะอะอะไรกันแต่เช้า"
กษิดิฐจะดึงผ้าห่มมาจะนอนต่อ แล้วเห็นร่างนลินนอนอยู่ เขาชะงักว่า นลินอยู่ที่นี่ได้ยังไง
"เราแต่งงานกับยายบัวแล้วนี่หว่า"
กษิดิฐเห็นนลินนอนหลับตาพริ้มก็มองเคลิ้ม ก่อนยื่นหน้าไปใกล้ๆ ทำท่าเหมือนจะจูบ
ทันใดนั้น นลินพลิกหน้ามาทำให้แก้มของนลินไปโดนปากของเขาทันที นลินตกใจ ลืมตาตื่น เห็นแก้มติดกับปาก ก็อ้าปากร้อง กษิดิฐเอามือปิดปากนลินไว้
"อย่าร้อง ตื่นเช้า ปากเหม็น"
นลินคว้าหมอนมาตีกษิดิฐ
"พ่อกบกับพ่อบัวปะทะคารมอะไรกันก็ไม่รู้ รีบลงไปดูเร็ว"
กษิดิฐกับนลินรีบวิ่งออกไปทันที
ทั้งคู่ใส่ชุดนอนวิ่งตามกันลงมา นันทิดากำลังเอาผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้ ชลัชเนื้อตัวเปียกปอน
ยศภัทรยิ้มขำสะใจ กมลาตีแขนสามีอย่างปรามๆ กษิดิฐเห็นแล้ว ก็รู้ว่ายศภัทรแกล้งชลัชเลยร่วมด้วย
"โธ่ นึกว่าทะเลาะกันที่แท้ก็เล่นสงกรานต์ ทำไมไม่ชวนผมเลยละครับคุณอา"
ชลัชมองกษิดิฐอย่างโมโห
"เรียกคุณอาไม่ได้แล้วนะ ต้องเรียกว่าคุณพ่อตา"
"ฉันไม่เต็มใจรับนายเป็นลูกเขย เรียกคุณอาเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว"
"แต่ผมขอเรียกคุณพ่อตานะมันติดปากไปแล้ว... ที่คุณพ่อตาไม่ชวน ก็คงเพราะไม่อยากกวนเวลาของข้าวใหม่ปลามัน รู้ว่าเมื่อคืนใช้พลังเยอะ"
"ว่าแล้วก็ขอไข่ลวกโด๊ปสักสองโหล"
นลินตีแขนกษิดิฐ
"กบ พ่อแม่บัวกับคุณอารู้ว่า เราแต่งงานกันหลอกๆอย่าพูดให้พวกท่านเข้าใจบัวผิดสิ... บัวกับกบไม่มีอะไรกันนะคะ"
ชลัชหัวเราะลั่น พูดใส่หน้ายศภัทร
"ฮะๆๆ ผู้ชายตระกูลผมอยู่ใกล้ผู้หญิงคนไหนไม่เคยพลาด...ขี้โม้"
ยศภัทรหน้าเจื่อน นันทิดากับกมลายิ้มขำ
"บัว...พ่อไปส่งที่ทำงานนะลูก"
"ผมกับบัวทำงานตึกเดียวกัน บัวไปกับผมอยู่แล้ว คุณอาอย่าลำบากเลยครับ"
"สำหรับฉันการดูแลลูกไม่ใช่เรื่องลำบาก ฉันอยากไปดูให้แน่ใจว่า แตงกวาจะไม่มาราวีลูกสาวฉันอีก"
กษิดิฐพูดจริงจัง
"ผมจะไม่ยอมให้แตงกวาทำร้ายบัวอีกแล้วครับ ผมสัญญาว่าจะปกป้องบัวด้วยชีวิตของผม"
ชลัช นลิน มองกษิดิฐอย่างอึ้งๆ เพราะไม่ค่อยเห็นกษิดิฐจริงจังอย่างนี้มาก่อน ยศภัทร กมลา นันทิดารู้ว่ากษิดิฐพูดจริง และมองอย่างชื่นชม
นันทิดาพูดกับชลัช
"เมื่อวานคุณก็เห็นแล้วว่า กบเอาตัวรับเลือดหมูแทนบัว... คุณคงรู้นะคะว่า กบจะปกป้องลูกเราด้วยชีวิตอย่างที่เค้าพูดจริงๆ"
กษิดิฐยิ้มแฉ่งที่นันทิดาเข้าข้าง ชลัชมองกษิดิฐอย่างหมั่นไส้สุดๆ
นลินสะพายกระเป๋าถือไอแพด เดินเข้ามาในตึกอย่างรีบร้อน กษิดิฐสะพายกระเป๋าวิ่งตามเข้ามา
"ลงจากรถได้ก็วิ่งแจ้นเข้าตึกเลย ไม่คิดจะรอผัวบ้างเหรอจ๊ะ เมียจ๋า"
นลินไม่พอใจ
"เมียจ๋าๆๆ...เลิกเรียกบัวอย่างนี้ซะทีได้มั้ย บัวอาย"
"อายนี๊ดนุง แต่คุณณุกาเชื่อว่าบัวแต่งงานกบจริงๆ มันสุดแสนจะคุ้ม"
"จัดงานจริงจังขนาดนั้น คุณณุกาเชื่อแล้วล่ะว่าบัวกับกบแต่งงานกันจริงๆ เพราะฉะนั้นอย่าเรียกบัวว่า เมียจ๋าอีกเข้าใจมั้ย"
"เข้าใจ แต่ไม่ทำมีอะไรมั้ยจ๊ะ เมียจ๋า"
"พูดกับคนกวนประสาทอย่างกบนี่ เสียเวลาเปล่าจริงๆ...รีบเข้าออฟฟิศดีกว่า บัวอยากได้งานบัวคืนใจจะขาดแล้ว"
นลินรีบเดินไปที่หน้าลิฟต์ กษิดิฐรีบตาม แล้วทั้งคู่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นแตงกวายืนกอดอกมองรออยู่หน้าลิฟต์ กษิดิฐรีบเอาตัวไปบังนลิน แตงกวามองอย่างเจ็บปวด
"ไม่ต้องปกป้องกันขนาดนี้หรอกค่ะ แตงกวาไม่ทำอะไรบัวหรอก แต่ที่มารอเพราะอยากขึ้นลิฟต์ไปทำงานพร้อมกบเท่านั้นเอง"
กษิดิฐมองแตงกวาอย่างสงสาร แต่ไม่เชื่อว่าแตงกวาจะไม่ทำอะไรนลินเลยจะหลีกเลี่ยงการปะทะ
"อีกนานเลยกว่ากบจะขึ้นไป กบจะไปซื้อกาแฟก่อน"
นลินยื่นหน้ามาจากหลังกษิดิฐ
"ไม่ต้องซื้อ บัวรีบ"
นลินกดปุ่มหน้าลิฟต์ ลิฟต์เปิดออก นลินดึงกษิดิฐเข้าลิฟต์ แตงกวามองอย่างไม่พอใจแล้วยิ้มเยาะ เพราะมีแผนยั่วประสาท ก่อนเดินตามเข้าไป
แม่กับเด็กชายวัย 6 ขวบคนหนึ่งวิ่งมาเข้าลิฟต์ด้วย
กษิดิฐกดลิฟต์ชั้น 15 แล้วถามแม่เด็ก
"ชั้นไหนครับ"
"น้องแม็กกดเองครับ 1 2 3 4 5 6 7"
กษิดิฐมองน้องแม็กที่กดลิฟต์อย่างเซ็งสุดๆ แล้วพึมพำ
"ขอบคุณสวรรค์ที่ประทานนรกให้ลูกแต่เช้า"
ในลิฟต์ ทั้ง 3 คนยืนชิดด้านในของลิฟต์ กษิดิฐยืนกลางขั้นระหว่างแตงกวากับนลิน
แตงกวาเกาะแขนกษิดิฐอย่างออดอ้อน
"วันนี้ไปทานกลางวันกับแตงกวานะคะ"
"เคโร๊ะน้อยต้องไปกินกับฉัน"
กษิดิฐมองนลินอึ้งๆ
"เคโร๊ะน้อย"
แตงกวามองนลินอย่างไม่พอใจ
"งั้นไปดูหนังกันตอนเย็นก็ได้"
"เคโร๊ะน้อยต้องกลับบ้านพร้อมฉัน เลิกยุ่งกับกบซะทีเถอะแตงกวา กบแต่งงานกับฉันแล้วนะ"
"งานแต่งหลอกๆแบบนั้น เค้าไม่เรียกว่างานแต่งหรอก เค้าเรียกว่าโชว์ละครสัตว์"
"งั้นเหรอ... งั้นก็มีอีกหลายโชว์เลยที่เธอพลาด แต่ไม่เป็นไรฉันจะโชว์ให้เธอดูเองว่าเมื่อคืนฉันกับกบโชว์อะไรให้แขกดูบ้าง..โชว์แรกก่อนเลย"
นลินหอมแก้ม กษิดิฐอึ้ง รู้สึกอบอุ่น ยิ้มมีความสุข แตงกวามองนลินอย่างโมโห กระชากกษิดิฐออกจากนลินตวาดลั่น
" กบเป็นของฉันนะ"
แม่ กับลูกแม็กสะดุ้งเฮือกมองเหตุการณ์อย่างตกใจ แม่ดึงแม็กไปกอดกันกลมอยู่มุมหนึ่ง
"นั่นมันอดีต เพราะตอนนี้กบเป็นของฉัน" นลินคล้องแขนกษิดิบอีกข้าง
แตงกวามองนลินอย่างโกรธจัด นลินยิ้มเยาะสะใจ กษิดิฐมองนลินอย่างหนักใจแล้วหันไปมองแตงกวาอย่างกลัวว่าจะอาละวาด
ลิฟต์เปิดออก แม่รีบดึงแม็กออกจากลิฟต์ไปอย่างหวาดกลัว
"ต๊าย..ถึงชั้น 7 แล้วเหรอ ไม่อยากถึงออฟฟิศเลยอยากอยู่กับกบนานๆ"
นลินกดลิฟต์ชั้น 8 9 10 11 12 13 14 กษิดิฐถอนหายใจอย่างเซ็งสุดๆ
อณุกานั่งอ่านงานในไอแพดอย่างสบายใจในห้อง ปราณนวดไหล่ให้อย่างเอาใจ
"ดูคุณสบายใจจังเลยนะครับ ไม่หนักใจเลยเหรอที่คุณบัวแต่งงานแล้ว แล้วคุณต้องคืนงานประกันภัยให้คุณบัวอย่างที่รับปาก"
"จะหนักใจทำไม ในเมื่อบัวเก่งกว่าแตงกวา ถ้าไม่มีบัวโปรเจ็กต์อาจจะล้ม ฉันว่าเป็นโชคดีนะที่จะได้บัวกลับเข้ามาในโปรเจ็กต์"
"แต่ถ้าคุณคืนงานให้คุณบัว คุณแตงกวาก็จะไม่พอใจ แล้วคุณอภิชาติก็อาจจะไม่พอใจไปด้วยจนหยุดให้ความช่วยเหลือบริษัทเราก็ได้นะครับ"
อณุกาหันไปมองปราณยิ้มร้าย
"ฉันคิดไว้แล้วว่าจะคืนงานให้บัว โดยที่แตงกวาไม่โกรธได้ยังไง"
ปราณมองอณุกาอย่างสงสัย
บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด ลิฟต์เปิดเป็นระยะ แตงกวามองนลินอย่างแค้นใจพยายามหาเหตุมาปลอบใจตัวเองเพื่อเอาชนะนลิน
"กะอีแค่หอมแก้ม...เพื่อนกันก็หอมกันได้ ยังไงฉันก็ไม่เชื่อว่าเธอกับกบแต่งงานกันจริงๆ"
"แหม...โชว์แรกมันก็พื้นๆ อย่างนี้แหล่ะแต่โชว์ต่อไป รับรองเป็นโชว์ที่เพื่อนกันไม่ทำแน่"
นลินจับกษิดิฐหันหน้ามาหา เขากลัวแตงกวาอาละวาดนลิน
"อย่าเลยบัว"
"บัวก็แค่อยากทำให้แตงกวาดูว่าเราโชว์อะไรกันบ้าง ไม่ต้องเกรงใจแฟนเก่าหรอกน่า"
นลินยกมือขึ้นประคองหน้ากษิดิฐเหมือนจะจูบ เขาจ้องหน้าด้วยหัวใจหวั่นไหว นลินยื่นหน้าเหมือนจะจูบปาก
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
"ว่าแล้วว่าเธอต้องทนดูไม่ได้ แต่แบบอารมณ์ฉันมันไปแล้วน่ะ ฉันหยุดตัวเองไม่ให้จูบกบไม่ได้จริงๆ...มามะพ่อเคโร๊ะน้อย"
นลินยื่นหน้าไปหา กษิดิฐเริ่มเคลิ้มอยากจูบนลินจริงๆ นลินชะงักไม่กล้า แต่ทำทีหันมาพูดกับแตงกวา
"เพื่อไม่ให้เธอเจ็บมากไปกว่านี้ ฉันเซ็นเซอร์ให้ก็ได้ คิดเอาเองละกันว่า ฉันกับกบทำอะไรหลังไอแพด"
นลินยกไอแพดมาบังหน้าตัวเองกับหน้ากษิดิฐ แล้วพูดแบบไม่มีเสียง
"แกล้งจูบกัน"
กษิดิฐถอนหายใจเซ็งๆที่ไม่ได้จูบจริง
"ทำไงอ่ะ"
"ขยับหัวแบบพระเอกนางเอกในละครไง"
แตงกวาคิดว่าทั้งคู่จูบกันจริงๆ กรี๊ดลั่นลิฟต์ ก่อนเปิดลิฟต์ออกไปอย่างทนไม่ไหว
ลิฟต์ปิดลง นลินหัวเราะลั่นอย่างสะใจ
"ฮะๆๆ คิดว่าเธอร้ายเป็นคนเดียวเหรอแตงกวา"
กษิดิฐมองนลินอย่างเป็นหนักใจ
"กบไม่อยากให้บัวยั่วโมโหแตงกวาอย่างนี้เลย กบกลัวว่าเวลาไม่ได้อยู่ด้วยแล้วแตงกวาหาเรื่องจะไม่มีใครปกป้องบัว"
"ถ้ากบหมายถึงที่ออฟฟิศก็หมดห่วงได้เลย มิ้นท์ พี่ริน สารัช อยู่กันครบ พวกเค้าไม่ยอมให้แตงกวาทำอะไรบัวหรอก"
กษิดิฐพยักหน้ายิ้มสบายใจขึ้น
ผ่านเวลาเล็กน้อย มัญจา ดารินทร์ สารัชเดินสวนสนามกันไปมาในห้องทำงานอย่างร้อนใจ
"ทำไมยังไม่มาอีกเนี่ย" มัญจาพูดพลางมองหน้าห้อง
"สงสัยเมื่อคืนจะหนัก" ดารินทร์บอก
มัญจาตกใจ
"หมายความว่า บรรยากาศเป็นใจจนกบเผด็จศึกบัวอย่างที่พี่รินคิดจริงๆ"
สารัชโวยวาย
"ไม่จริง คุณบัวไม่มีทางยอมให้คุณกบแตะเนื้อต้องตัวหรอก"
"เอ้าๆคิดกันไปโน่น พี่ก็แค่ลุ้น แต่พี่ไม่รู้หรอกว่าคุณกบเผด็จศึกบัวจริงๆ มั้ย"
"อ้าว..แล้วที่พี่บอกว่าเมื่อคืนหนัก"
"พี่หมายถึงหนักกับการจัดงาน แต่งงานทีนึงเหนื่อยจะตายพี่ผ่านมาแล้ว"
"อ๋อ"
นลินเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
"มาแล้วๆ... คุณอณุกาสั่งไว้ว่าถ้าบัวมาถึงให้รีบไปหาด่วน"
"สงสัยจะคืนงานให้น่ะ" ดารินทร์ว่า
"บัวไปหาคุณอณุกาก่อนนะคะ"
นลินจะออกไป สารัชเรียก
"คุณบัวครับ รักเสมอถึงเธอมีคนอื่น...โชคดีนะครับ"
นลินยิ้มให้สารัชอย่างขอบคุณ แล้วรีบเดินออกไป มัญจา ดารินทร์มองสารัชที่มองตามนลินด้วยแววตาเศร้าสร้อยอย่างเซ็งๆ
นลินเปิดประตูห้องอณุกาแล้วชะงัก แตงกวานั่งอยู่ก่อนแล้วมองนลินอย่างไม่พอใจ
ปราณมองนลินด้วยสายตาโลมเลีย อณุกาหน้าเครียด นลินเดินเข้ามาพูดกับอณุกาอย่างกังวล
"คุณณุกาจะคืนงานประกันภัยให้บัวแล้วใช่มั้ยคะ"
"ยังคืนให้ไม่ได้"
นลินมองอย่างร้อนใจ แตงกวายิ้มเยาะสะใจ
"ไหนคุณณุกาบอกว่า ถ้าบัวแต่งงานจะคืนงานให้ไงคะ"
"ในที่สุดก็สารภาพแล้วว่า แต่งงานกับกบเพราะอยากได้งานคืน"
"ฉันแค่ทวงคำพูดที่คุณณุการับปาก ไม่ได้สารภาพอะไร"
"อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยครับ แค่นี้คุณอณุกาก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว"
อณุกาลุกไปยืนถอนหายใจ มองผ่านกระจกไปนอกตึกอย่างเครียดจัด นลิน แตงกวามองอณุกาอย่างสงสัย
ผ่านเวลาเล็กน้อย แตงกวาพูดอย่างตกใจ
"ลูกค้าประกันภัยอาจจะเปลี่ยนใจให้บริษัทอื่นทำแทนเรา"
"แต่ลูกค้าชอบไอเดียที่เราพรีเซนต์แล้ว ทำไมถึงจะเปลี่ยนละคะ" นลินถาม
"บริษัทเค้าทำโครงการบ้านพักที่เขาใหญ่ด้วย แล้วเค้าก็อยากทำโฆษณาประกันภัยกับบ้านเขาใหญ่พร้อมกัน ด้วยการจ้างบริษัทโฆษณาบริษัทเดียว"
"หมายความว่าเราต้องขายไอเดียบ้านพักเขาใหญ่ให้ผ่าน เพื่อจะได้ได้โปรเจกต์ประกันภัยด้วย"
"ใช่...ฉันเลยอยากให้เธอกับแตงกวารีบไปคิดงานบ้านเขาใหญ่มาเสนอ เพราะต้องพรีเซนต์ลูกค้าพรุ่งนี้"
นลินกระตือรือร้นมาก
"ขอข้อมูลโครงการบ้านเขาใหญ่ด้วยค่ะ"
"อยู่ที่ทรายแก้วไปเอาได้เลย"
"บัวขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ"
อณุกายิ้มพยักหน้า นลินรีบออกไป
แตงกวาพูดกับอณุกาอย่างไม่พอใจ
"พี่ณุกาตั้งใจเอางานประกันภัยคืนให้บัวใช่มั้ยคะ ถึงได้ให้บัวคิดงานเขาใหญ่แข่งกับแตงกวา"
"เพราะพี่ไม่อยากคืนงานให้บัว แต่ก็ไม่อยากผิดคำพูดที่รับปากไว้ต่างหากล่ะ ถึงให้บัวคิดงานบ้านเขาใหญ่"
แตงกวามองอณุกาอย่างแปลกใจ
"ยังไงพี่ก็เลือกงานของแตงกวาอยู่แล้ว แล้วทั้งงานประกันภัย งานบ้านเขาใหญ่ก็จะเป็นของแตงกวาคนเดียว"
แตงกวายิ้มสะใจ
อณุกา ปราณมองหน้ากัน ยิ้มสมใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
อ่านต่อ 17.00 น.
ต้นรักริมรั้ว ตอน 4 (ต่อ)
ภายในห้องทำงาน นลินนั่งอ่านข้อมูลบ้านเขาใหญ่อย่างตั้งใจ มัญจาถือกาแฟ ดารินทร์ถือขนม สารัชถือถุงผลไม้เดินเข้ามา
"เติมคาเฟอีนให้ร่างกายหน่อย" มัญจาว่า
"กับน้ำตาลอีกนิด" ดารินทร์บอก
"แล้วก็วิตามินจากผลไม้ รับรองสมองแล่นคิดงานชนะคุณแตงกวาแน่นอน"
นลินมองทุกคนอย่างซึ้งใจ
"ยังไงก็แพ้"
ทุกคนหันไปมองเห็นแตงกวาเดินเข้ามา ปราณที่เดินผ่านมาเห็นแตงกวาเดินเข้าไปในห้องนลินก็ชะงัก แล้วไปแอบดูที่มุมหนึ่ง
"เรื่องกบฉันยังชนะเรื่องงานฉันจะแพ้เธอได้ยังไง"
"ใช่ๆ คนเราเวลาดวงพุ่งหยิบจับอะไรคู่แข่งก็แพ้หมดแหล่ะ"
แตงกวามองนลิน มัญจาอย่างไม่พอใจ
"จะว่าไป ดูแต่รูปไอเดียมันไม่ค่อยบรรเจิดเท่าไหร่ ไปดูสถานที่จริงแล้วนอนที่นั่นสักคืนดีกว่า"
"ผมไปเป็นเพื่อน" สารัชเสนอหน้า
"คนมีสามีไม่ต้องการเพื่อนหรอกย่ะ" ดารินทร์บอก
"พี่รินรู้ใจสมกับที่มีสามีแล้วจริงๆ บัวจะชวนกบไปค่ะ นอนดูดาว ท่ามกลางขุนเขา ฮันนีมูลชัดๆ"
นลินยิ้มเยาะเดินผ่านแตงกวาที่ไม่พอใจไป ปราณมองแตงกวา ครุ่นคิดมีแผน
กษิดิฐนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ นึกถึงเหตุการณ์ที่นลินหอมแก้ม แล้วยิ้มอย่างมีความสุข ปภพที่นั่งอยู่ด้วยมองกษิดิฐอย่างงงๆ
"คุณกบครับ คุณกบ"
กษิดิฐตื่นจากภวังค์ หันมองปภพ
"แบบของผมเป็นไงบ้างครับ" ปภพถาม
"สวยครับ เอาเสนอลูกค้าได้เลย"
"ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณแกล้งแต่งงานกับบัว"
"ทำไมละครับ"
"ก็คุณยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดูมีความสุข เหมือนตอนที่ผมแต่งงานกับคุณรินไม่มีผิดเลยน่ะสิ"
"อย่างนั้นเลยเหรอครับ"
ยังไม่ทันที่ปภพจะตอบ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นลินเปิดประตูเข้ามา
"กบ กลับบ้านเก็บกระเป๋า เราจะไปเขาใหญ่กัน"
กษิดิฐมองนลินอย่างงงๆ
แตงกวานั่งหงุดหงิดมากอยู่ที่โต๊ะ เมื่อนลินกับกษิดิฐจะไปเขาใหญ่ด้วยกัน ปราณเดินยิ้มเข้ามาอย่างมีแผน
"เครียดที่คุณบัวกับคุณกบจะไปเขาใหญ่ด้วยกันเหรอครับ"
"คุณรู้ได้ยังไง"
"บังเอิญว่าผมเดินผ่านห้องทำงานคุณบัว เลยได้ยินคุณบัวพูดพอดี ผมช่วยคุณได้นะครับ"
"พี่ณุกากำลังพยายามจับคู่ฉันกับคุณติณณ์เพื่อเอาใจคุณพ่อ แต่คุณกลับช่วย...คุณอยากกำจัดกบให้พ้นทางเพื่อจะงาบบัวได้ง่ายขึ้นละสิ"
"คุณนี่ช่างสังเกตเหมือนกันนะ เอาเป็นว่าถึงความต้องการเราจะคนละอย่าง แต่ก็มีเป้าหมายเดียวกันคือทำให้คุณบัวกับคุณกบเลิกกัน แล้วถ้าวันนี้คุณไม่อยากให้คุณกบไปกับคุณบัว ผมก็เตรียมการไว้แล้วรอแค่คำสั่งคุณเท่านั้น"
แตงกวามองปราณอย่างครุ่นคิด
กษิดิฐ นลิน เดินมาที่ลานจอดรถ
"เดินเร็วๆ สิกบ แถวนี้รถติดจะตายกว่าจะถึงบ้าน กว่าจะเก็บของกว่าจะถึงเขาใหญ่เดี๋ยวก็มืดพอดี"
"มืดก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ยังไงเราก็ค้างที่นั่นอยู่แล้ว"
"แต่ไปถึงเร็ว บัวก็จะมีเวลาทำงานมากขึ้น"
"กบว่าบัวหมกมุ่นกับเรื่องงานมากเกินไปนะ บัวควรจะใช้ชีวิตในแง่มุมอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานบ้างชีวิตจะได้มีความสมดุล"
"บัวไม่ต้องการความสมดุลอะไรอีกแล้ว เพราะงานคือความสุขเดียวของบัว"
กษิดิฐมองนลินอย่างหนักใจ ทั้งคู่เดินมาถึงรถ
"เฮ้ย...ยางแบน" กษิดิฐบอก
นลินมองล้อฝั่งตัวเอง
"ข้างนี้ก็แบน"
กษิดิฐวิ่งไปดูล้อหลังทั้งสองข้าง
"เฮ้ย แบนทั้ง 4 ล้อเลยไปลุยดงตะปูตรงไหนมาเนี่ย"
นลินถอนหายใจอย่างเซ็งสุดๆ
ปราณคุยโทรศัพท์กับคนขับรถ
"ทำดีมาก"
ปราณวางสายจากคนขับรถแล้วพูดกับแตงกวา
"คนของผมปล่อยลมยางรถคุณกบเรียบร้อยแล้วครับ"
"แค่ยางแบน แค่ตามช่างมาเปลี่ยนล้อกบกับบัวก็ไปเขาใหญ่กันได้แล้ว"
"ระดับผมไม่คิดแผนที่ให้ใครแก้เกมง่ายๆหรอกครับ.. ผมคิดทุกอย่างไว้หมดแล้ว แค่คุณทำตามที่ผมบอก รับรองคุณกบไม่ได้ไปเขาใหญ่กับคุณบัว"
แตงกวามองปราณอย่างแปลกใจ
ผ่านเวลามา รถของบริษัทเปลี่ยนยางขับมาจอดรับบัตรที่ป้อมยาม คนขับรถของปราณวิ่งมาที่รถบริษัทยางแล้วพูดกับคนขับ
"พวกคุณจะมาเปลี่ยนยางรถที่ยางแบนทั้ง 4 ล้อใช่มั้ย"
"ใช่ครับ"
"ผมเป็นคนโทรไปเอง...พอดีเจ้านายผมโทร.ให้บริษัทเพื่อนเค้ามาเปลี่ยนให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องใช้บริการพวกคุณแล้วล่ะ ค่าเสียเวลาของพวกคุณ"
คนขับรถช่างรับเงิน 500 บาทจากคนขับรถของปราณ
นลิน กษิดิฐอยู่ที่ลานจอดรถ นลินหงุดหงิดมาก
"รอเป็นชั่วโมงแล้ว ทำไมช่างยังไม่มาอีก"
"บัวก็บอกเองว่า แถวนี้รถติดช่างคงกำลังเดินทางอยู่น่ะ"
นลินถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แตงกวาสะพายกระเป๋าเดินมาเห็น ก็ทำทีไปถาม
"อ้าวบัว...ไหนว่าจะชวนกบไปเขาใหญ่ออกจากออฟฟิศตั้งนานแล้วทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ"
นลินกำลังหงุดหงิดเรื่องยางรถ ไม่ตอบ
"รถกบยางแบน กำลังรอช่างน่ะ"
"เสียเวลาทำงานตายเลย ฉันล่วงหน้าไปก่อนละกันนะ"
"เธอจะไปบ้านเขาใหญ่เหรอ"
"ก็ไปหาแรงบันดาลใจในการคิดงานเหมือนเธอไง แตงกวาไปก่อนนะกบ ต้องส่งงานพรุ่งนี้ขืนช้าจะทำงานไม่ทัน"
แตงกวาเดินออกไป นลินมองตามอย่างร้อนใจ
"กบรอช่างไปนะ บัวจะนั่งแท็กซี่กลับไปเอารถที่บ้านแล้วไปเขาใหญ่"
นลินออกไปอย่างรีบร้อน กษิดิฐรีบเดินตามอย่างร้อนใจ
"บัว...บัว"
นลินเดินไปที่ลิฟต์ลานจอดรถอย่างรีบร้อน กษิดิฐเดินตามมาขับแขนไว้
"บัวจะไปเขาใหญ่คนเดียวเหรอ"
"ก็ใช่น่ะสิ...มัวแต่รอช่างของกบ เดี๋ยวแตงกวาทำงานเสร็จก่อน บัวก็ชวดทั้งสองโปรเจกต์พอดี"
"กบไปด้วย...เอารถกบจอดไว้ที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยมาเอา"
"ที่นี่จอดรถค้างคืนไม่ได้"
"เอ็ดดี้กำลังเข้าออฟฟิศเดี๋ยวให้เอ็ดดี้มาขับไปก็ได้"
"อย่าให้งานของบัวสร้างความยุ่งยากให้คนอื่นเลย กบรอช่างไปนั่นแหล่ะ บัวไปคนเดียวได้"
"แต่กบอยากไปด้วย"
"แต่บัวไม่มีเวลามานั่งรอกบ"
กษิดิฐน้อยใจ
"ในขณะที่บัวจะทำอะไรกบมีเวลาให้เสมอ"
นลินมองกษิดิฐอย่างไม่พอใจ
"ถ้าไม่มีเวลาก็บอก ไม่ใช่บอกว่าเต็มใจทำให้แล้วมาทวงบุญคุณทีหลัง"
"แค่พูดให้ฟัง ก็หาว่าทวงบุญคุณอย่างนี้มันหาเรื่องกันนี่"
"กบนั่นแหล่ะที่หาเรื่อง...แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกอย่างที่เคยทำให้บัวนะ แล้วต่อไปนี้ก็ไม่ต้องทำให้อีกแล้ว บัวไม่อยากโดนทวงบุญคุณ"
นลินเดินออกไปอย่างหงุดหงิด กษิดิฐมองอย่างน้อยใจ
"ได้ ได้เล้ย ทำดีแค่ไหนก็ไม่เห็นคุณค่า กบก็ไม่รู้จะทำไปทำไมเหมือนกัน"
มุมหนึ่ง แตงกวาแอบมองยิ้มสะใจกดโทรศัพท์หาปราณ
"ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณบอก...ขอบคุณนะคะคุณปราณ"
กษิดิฐนั่งรอช่างอย่างเซ็งๆ แตงกวาขับรถมาจอดแล้วลงจากรถ
"ช่างยังไม่มาอีกเหรอกบ"
"ยังเลย...แตงกวาบอกจะไปเขาใหญ่ไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่ไปอีก"
"ห่วงกบน่ะ เลยวนรถกลับมาดูว่า รถกบเรียบร้อยรึยังแล้วนี่เมียสุดที่รักของกบไปไหน"
"กลับไปเอารถที่บ้านไปเขาใหญ่"
"นี่บัวทิ้งกบให้รอช่างคนเดียวเหรอ"
กษิดิฐถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
"ไม่เป็นไรนะ...แตงกวาจะอยู่กับกบเอง"
กษิดิฐมองแตงกวาอย่างซึ้งใจ แตงกวายิ้มสะใจที่ทำคะแนนกับกษิดิฐได้
"ตั้งนานแล้วยังไม่มา ท่าทางช่างของกบจะไม่ได้เรื่องแล้วล่ะ เดี๋ยวแตงกวาโทร. หาช่างประจำของคุณพ่อดีกว่ารวดเร็วทันใจไม่ต้องรอนาน"
แตงกวากดโทรศัพท์อย่างกระตือรือร้น กษิดิฐมองแตงกวาอย่างรู้สึกผิดที่เธอดีกับเขาทุกอย่าง
นันทิดา กมลานั่งทำกระเป๋าเดคูพาจกันอยู่
"ลายนี้ก็สวยนะคะ" นันทิดาบอก
แท็กซี่จอดหน้าบ้าน นลินลงจากแท็กซี่วิ่งเข้าบ้านอย่างรีบร้อน นันทิดา กมลามองอย่างแปลกใจ
"อ้าวบัว ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะลูก"
"บัวต้องไปทำงานที่เขาใหญ่ค่ะ"
"ไปกับใคร กับเพื่อนที่ทำงานเหรอ"
"คนเดียวค่ะ"
"อ้าว...บอกตากบสิ ตากบจะได้ไปเป็นเพื่อน"
"กบรู้แล้วค่ะ แต่ตอนนี้รถกบยางแบนรอช่างอยู่ที่ตึก บัวรีบมากรอกบไม่ไหวเลยจะไปคนเดียว บัวไปเก็บของก่อนนะคะ"
นลินวิ่งเข้าบ้านไปอย่างรีบร้อน นันทิดามองลูกสาวอย่างเป็นห่วง กมลาครุ่นคิด
กษิดิฐ แตงกวา นั่งในร้านกาแฟอยู่ในตึก แตงกวาหยิบแก้วกาแฟเย็นป้อนอย่างเอาใจ
"นั่งร้อนที่ลานจอดรถตั้งนานดื่มหน่อยนะจะได้หายร้อน"
"กบกินเองก็ได้"
"แต่แตงกวาอยากป้อน ดื่มหน่อยนะคะกบ"
กษิดิฐมองแตงกวาอย่างเกรงใจแล้วดื่มกาแฟ แตงกวายิ้มสมใจ
เสียงมือถือกษิดิฐดังขึ้น หน้าจอเขียนว่าแม่
"สวัสดีคร้าบ คุณนายกมลาคนสวย"
กมลายืนคุยโทรศัพท์กับกษิดิฐ อยู่ที่มุมหนึ่งในบ้าน
"ทำไมกบถึงปล่อยให้บัวไปเขาใหญ่คนเดียวล่ะลูก"
"บัวไม่ได้บอกแม่เหรอครับว่าเค้าไม่มีเวลารอกบ"
"น้ำเสียงอย่างนี้แสดงว่างอน"
"คนที่เห็นงานสำคัญกว่าความรู้สึกคนอื่น ถูกงอนบ้างก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอครับ ไม่ต้องแก้ตัวแทนบัวเลยครับคุณนาย ยังไงกบก็ไม่ไป"
แตงกวามองกษิดิฐแล้วยิ้มสมใจ
นลินขับรถมองหาทางเข้าบ้านเขาใหญ่อย่างร้อนใจ
"วนตั้งหลายรอบแล้วทำไมยังไม่เจอซะที"
นลินคิดๆแล้ว กดโทรศัพท์หากษิดิฐ
กษิดิฐ แตงกวายังนั่งในร้านกาแฟ เสียงมือถือกษิดิฐดังขึ้น กษิดิฐหยิบมาดูเห็นเป็นชื่อนลิน
ก็ไม่ยอมรับสาย
"ไม่รับสายเมียสุดที่รักเหรอคะ"
"ไม่ล่ะ ไม่มีอารมณ์"
แตงกวายิ้มสะใจ ช่างที่เปลี่ยนล้อเดินเข้ามาเอากุญแจมายื่นให้
"รถคุณเรียบร้อยแล้วครับ"
"เท่าไหร่ครับ"
"แตงกวาจ่ายให้แล้วค่ะ"
"ไม่ต้องหรอก แตงกวากบจ่ายเอง"
"แต่แตงกวาอยากจ่ายให้ แตงกวาอยากดูแลกบ แต่ถ้ากบอยากตอบแทน ก็ช่วยพาแตงกวาไปทานข้าวหน่อย แตงกวายังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน หิว"
กษิดิฐมองแตงกวาอย่างเกรงใจ
"แตงกวาเลือกร้านเลย แล้วไปเจอกันที่ร้าน จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาเอารถที่นี่อีก"
แตงกวายิ้มดีใจที่กษิดิฐยอมพาไปกินข้าว
นลินยังกดโทรศัพท์หากษิดิฐ
"โทรตั้ง 3 รอบแต่ยอมรับสาย เชิญนายงอนไปถึงชาติหน้าเลยนะ ฉันโทรถามพ่อก็ได้"
นลินวางสายแล้วจะโทรหาชลัช
"เดี๋ยวพ่อรู้ว่าหลงทางได้ห่วงจนตามมาแน่"
นลินตัดสินใจไม่โทรหาชลัช วางโทรศัพท์แล้วขับรถหาทางเข้าบ้านเขาใหญ่ต่อไป
แตงกวาเดินเข้ามานั่งในร้านอาหารหรู มองหากษิดิฐแต่ไม่เจอ แตงกวาหยิบโทรศัพท์มากด
"แตงกวาอยู่ที่ร้านแล้ว กบอยู่ไหนคะ"
"หน้าร้านกำลังเดินเข้าไป"
"งั้นแตงกวาสั่งอาหารรอเลยนะคะ"
แตงกวาวางสายยิ้มสมใจ
กษิดิฐเดินมาถึงหน้าร้าน กำลังจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า เห็นมิสคอลของนลินที่โทรมาถึง 3 ครั้งก็ชะงัก มองอย่างเป็นห่วง
"โทรมาตั้ง 3 ครั้งเป็นอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้"
กษิดิฐตัดสินใจโทรกลับไปหานลิน นลินขับรถอยู่เห็นโทรกลับมาก็มองอย่างงอนๆ
"ฉันหลงมาไกลมากจนต้องถามทางคนแถวนี้แล้วย่ะ ไม่ต้องพึ่งนายแล้ว"
นลินปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่อย่างนั้น ไม่รับสายกษิดิฐ
กษิดิฐวางสายจากนลิน ครุ่นคิดแล้วเดินไปหาแตงกวา
"แตงกวากบมีธุระสำคัญต้องรีบไปขอโทษด้วยนะ"
กษิดิฐจะเดินออกไป แตงกวาดึงแขนไว้
"ธุระสำคัญอะไร"
กษิดิฐตอบอย่างเกรงใจ
"ไปหาบัว"
กษิดิฐแกะมือแตงกวาที่จับแขนอยู่ แล้วเดินออกไปอย่างรีบร้อน แตงกวามองตามอย่างโกรธจัด
"ไปหาบัวน่ะเหรอธุระสำคัญ คนที่อยู่กับกบที่บ้านเขาใหญ่คืนนี้ต้องเป็นฉันคนเดียวเท่านั้น"
แตงกวาครุ่นคิดอย่างแค้นใจ
ค่ำวันเดียวกัน บ้านเขาใหญ่สวยงามหลังหนึ่ง ตั้งโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางขุนเขา บรรยากาศรอบๆมืดมิด นลินขับรถมาจอดหน้าบ้านมองรอบๆอย่างหวาดกลัว เธอดับเครื่องรถ แต่เปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้ หยิบไฟฉายที่อยู่ในลิ้นชักแล้วเปิดประตูมองรอบๆอย่างหวาดกลัว แล้วตัดสินใจลงจากรถ
นลินเดินตามแสงไฟหน้ารถ พร้อมใช้ไฟฉายส่องทางเดินมาหน้าบ้าน เธอส่องไฟฉายไปยังผนังหาสวิตช์ไฟ ป้าชื่น สารรูปน่ากลัวถือปิ่นโตโผล่หน้ามาจากทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
"หาสวิตซ์ไฟเหรอ"
นลินเห็นป้าชื่นในความมืด ก็กรีดเสียงร้องลั่น
"ว๊าย"
ป้าชื่นกดเปิดไฟหน้าบ้าน
"ไม่ต้องกลัว ป้าเป็นคน"
นลินมองป้าชื่นอย่างหวาดหวั่นและกลัว
ผ่านเวลาเล็กน้อย บ้านเขาใหญ่ถูกเปิดไฟสว่างไสวสวยงาม ป้าชื่นถือปิ่นโตเดินนำนลินเข้ามา
"ผู้จัดการโทรมาบอกว่า คืนนี้จะมีคนมาค้างที่นี่ ป้าเลยกลับบ้านไปทำกับข้าวมาให้ เลยยังไม่ทันได้เปิดไฟไว้น่ะ นี่นะข้าวของคุณ"
"ขอบคุณมากค่ะ"
"บ้านป้าอยู่ปากทางโน่น ขาดเหลืออะไรก็ขับรถไปเรียกนะ"
"ค่ะ"
ป้าชื่นเดินออกไป นลินมองบรรยากาศสวยงามในบ้านยิ้มพอใจ
นลินยืนมุมสวยงามมุมหนึ่ง ใช้ไอแพดถ่ายรูปบ้านและบรรยากาศรอบๆที่เปิดไฟสว่างไสวสวยงาม เธอมองรูปในไอแพดยิ้มอย่างมีความสุข แตงกวาสั่งลูกน้องให้มาปฏิบัติการรังควานนลิน
ชาย 1 มีผ้าขาวคลุมใส่หน้ากากผีวิ่งผ่านไปด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว นลินรู้สึกเหมือนมีอะไรวิ่งผ่าน เธอหันไปมองอย่างตกใจ แต่ไม่เห็นใคร
"สงสัยจะตาฝาด"
นลินเดินออกไป
นลินเดินมาอีกมุมหนึ่งแล้วยกไอแพดขึ้นถ่ายรูปได้ 2-3 รูปแล้ว ก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อเห็นชาย คลุมผ้าขาว ใส่หน้ากากผีออกมายืนจังก้าที่มุมหนึ่งในหน้าจอไอแพด
นลินละสายตาจากไอแพด มองเห็นชาย 1 ยังยืนอยู่ที่เดิม
"แอร๊ย"
นลินกรีดร้องดัง พร้อมๆกับไฟทั้งรีสอร์ตดับพรึ่บลง เธอกรีดร้องหนักและดังกว่าเดิม
"ออกไปจากที่ของข้าเดี๋ยวนี้ ออกไป"
"แอร๊ย... ผะ ผะ ผี"
นลินวิ่งหนีออกไปทางหนึ่ง ชาย 1 หัวเราะลั่นย่างสามขุมตามไป
นลินถือไอแพดวิ่งหน้าตั้งมาแอบหลังพุ่มไม้ ไม้ท่อนหนึ่งตกอยู่ที่พื้น เธอหยิบมาถือให้ความอุ่นใจ ชาย 1 เดินหัวเราะลั่นมาทางที่นลินแอบอยู่
"เอ็งหนีข้าไม่พ้นหรอกฮะๆๆ"
นลินกลัวสุดขีด ชาย 1 เดินผ่านพุ่มไม้ที่นลินแอบไป
นลินแอบมอง ถอนหายใจโล่งอกจะวิ่งไปที่บ้านพัก แล้วนลินก็ต้องกรีดสุดเสียงเมื่อมีมือหนึ่งมาจับบ่าไว้
"แอร๊ย"
นลินหันไปเอาไม้ฟาดหัวเจ้าของมือนั้นเต็มแรง กษิดิฐล้มลง ร้องอย่างเจ็บปวด
"โอ๊ย"
ความมืด ทำให้นลินเห็นหน้ากษิดิฐไม่ชัดจะตามไปซ้ำ กษิดิฐรีบเอาไฟฉายส่องหน้าตัวเอง
"อย่า"
นลินชะงัก มองกษิดิฐอย่างแปลกใจ
"กบ"
แตงกวาขับรถระหว่างทางที่จะไปเขาใหญ่ ใส่สมอลทอล์คพูดโทรศัพท์อย่างโกรธจัด
"อะไรนะ ไปกันตั้งหลายคน แต่ทำให้บัวออกจากบ้านไปได้แล้ว ตอนนี้ก็มีผู้ชายมาอยู่เป็นเพื่อนบัวแล้ว อย่าคิดนะว่าจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข"
แตงกวาเหยียบคันเร่ง เร่งความเร็วรีบไปเขาใหญ่
ชลัชเพิ่งกลับจากทำงานเดินเข้ามาในบ้าน แล้วชะงัก เมื่อเห็นยศภัทรนั่งอ่านหนังสืออยู่ ยศภัทรตะโกนอย่างดีใจ
"คุณดา คุณกมลา คุณพ่อตากลับมาแล้วคร้าบ"
นันทิดา กมลาใส่ผ้ากันเปื้อนเดินออกมาจากครัว
"กับข้าวเสร็จพอดีตั้งโต๊ะเลยนะคะ" นันทิดาบอก
"ตั้งเลยครับเพราะผมหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว" ยศภัทรบอก
"รอบัวก่อน"
"ถ้ารอบัวคงต้องหิ้วท้องจนไส้บิดเพื่อกินเย็นพรุ่งนี้"
"บัวไปทำงานที่เขาใหญ่แล้วค้างที่นั่นค่ะ"
"แต่คุณชลัชไม่ต้องห่วงนะคะ...ตากบตามไปดูแลบัวแล้ว" กมลาบอก
"เป็นไงลูกชายผม รักลูกสาวคุณมากจนตามไปดูแลทุกที่"
"นายกบไปดูแลบัว เพราะกลัวโดนผมเตะ ไม่ได้ไปเพราะรักบัว"
"ถ้าตากบกลัวคุณ คงไม่กล้าทะลึ่งตึงตังยั่วประสาทคุณอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้หรอก .. เชื่อผมเถอะ ว่าที่ตากบตามไปดูแลบัว เพราะตากบรักบัวจริงๆ"
ชลัชชะงักไปนิดนึง ครุ่นคิดตามที่ยศภัทรบอก เริ่มเชื่อ แต่ฟอร์มกลบเกลื่อน
"กะล่อนทั้งพ่อ ทั้งลูกอย่างนี้เห็นทีผมจะเชื่อไม่ลง"
"เวลาจะทำให้คุณเชื่อเอง"
"ไปจัดโต๊ะแล้วคุยกันต่อตอนทานข้าวเถอะค่ะ" กมลาบอก
"ผมช่วยครับ จัดเสร็จเร็วคุณพ่อตาได้ทานข้าวเร็ว จะได้หายดุ เอ๊ยหายจากที่ทำงานมาเหนื่อยๆ"
กมลาตีแขนยศภัทรอย่างปรามๆ นันทิดามองชลัชที่ถลึงตาใส่ยศภัทรอย่างขำๆ ยศภัทร กมลา นันทิดาเดินออกไป ชลัชครุ่นคิดบางอย่าง
กษิดิฐยืนบนเก้าอี้ปีนดูแผงสวิตช์ไฟ นลินส่องไฟฉายให้พร้อมพูดอย่างหวาดกลัว
"นอกจากเห็นเต็มสองตาแล้ว มันยังพูดกับบัวด้วยนะว่า ออกไปจากที่ของข้าเดี๋ยวนี้... ที่นี่มีผีจริงๆนะกบ"
กษิดิฐไม่สนใจเรื่องผี แต่ถามว่า
"บัวบอกว่าป้าที่ดูแลบ้านมาสับสวิตซ์ไฟขึ้นให้หมดแล้วใช่มั้ย"
"กบฟังที่บัวพูดรึเปล่าเนี่ย ได้ยินมั้ยบัวบอกว่าที่นี่มีผี"
"ได้ยิน...แต่กบไม่เชื่อ"
กษิดิฐดึงไฟฉายมาจากนลิน แล้วบอก
"ถ้าเป็นผีจริงคงมีอิทธิฤทธิ์ทำให้ไฟดับได้ โดยไม่ต้องมาสับสวิตซ์ไฟลงหมดแผงอย่างนี้หรอก"
กษิดิฐส่องไฟฉายไปที่แผงไฟ เห็นว่าถูกสับลงหมด เขาสับสวิตซ์ไฟขึ้น ไฟติดพรึ่บสว่างทั้งบ้าน แล้วปีนลงจากเก้าอี้
"ถ้าเป็นคนแล้วจะปลอมเป็นผีมาหลอกบัวทำไม"
"จิ๊กโก๋บ้านนอกอาจจะอยากแกล้งสาวกรุงเทพ หรือชาวบ้านที่อยากอนุรักษ์ธรรมชาติเลยไม่อยากโปรโมตให้คนมาเที่ยวที่นี่ สารพัดเหตุผล"
"กบนี่เวลาใช้สมองก็ดูเป็นคนมีความคิดเหมือนกันนะ...เสียดายไม่ค่อยใช้"
"ถ้าใช้สมอง กบคงไม่สนความห่วง จนต้องตามมาโดนบัวตีหัวถึงเขาใหญ่นี่หรอก"
"ลองไม่ห่วงสิ บัวจะได้จุดธูปฟ้องคุณย่า...มา...บัวจะรับผิดชอบสิ่งที่บัวทำกับกบเอง"
นลินพูดกับกษิดิฐ
"นอนลง"
กษิดิฐงง
"นอน"
"อือ"
"บัวจะทำอะไร"
"อย่าถามมากน่ามันเสียเวลา"
นลินผลักกษิดิฐล้มลงบนโซฟา
"บัวๆ...กบว่าตรงนี้มันประเจิดประเจ้อเกินไปนะ"
"แค่เอาผ้าห่อน้ำแข็งประคบหัวโน มันประเจิดประเจ้อตรงไหน หา"
นลินถือผ้าห่อน้ำแข็งมานั่งข้างโซฟา
"โธ่ นึกว่าจะทำอะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านั้น" กษิดิฐพึมพำ
นลินได้ยิน
"น่าตื่นเต้นกว่านี้ กบคิดว่าบัวจะทำอะไร"
"ไม่ได้คิด กบพูดเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้นเอง"
นลินเสยผมกษิดิฐขึ้นอย่างเบามือ
"ก่อนพูดก็ใช้สมองให้เยอะๆ"
กษิดิฐชะงักมองนลินอย่างมีความสุข นลินเอาห่อน้ำแข็งประคบหัวโนให้กษิดิฐ
"จะได้ไม่เป็นคนพูดเรื่อยเปื่อย"
กษิดิฐมองนลินที่ประคบหัวโนให้อย่างมีความสุข
"เรียบร้อย"
กษิดิฐโวยวาย
"หัวกบโนยังกับลูกมะนาว บัวรับผิดชอบด้วยการประคบน้ำแข็งแค่สองจึ๊กแค่นี้เองเหรอ"
"แค่หัวโนจะให้บัวดูแลกบถึงเช้าเลยรึไง บัวไม่ว่างต้องทำงาน"
นลินลุกขึ้นจะไปทำงาน แล้วชะงักเมื่อเห็นแตงกวาเดินเข้ามา เธอยิ้มเยาะแล้วแกล้งล้มทับเอาหัวซบอกกษิดิฐที่ยังนอนบนโซฟา
"อุ๊ย เวียนหัว"
กษิดิฐมองนลินอย่างงงๆ แตงกวามองนลินอย่างโมโห กษิดิฐมองแตงกวาอย่างเกรงใจ
"อย่านอนตรงนี้เลยไปนอนในห้องสบายกว่า"
"จริงด้วย อีกอย่างนอนในห้องกบจะได้ดูแลประคบประหงมบัวได้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจแฟนเก่าไร้มารยาทที่ยืนมองเราตาขวางอย่างนี้"
ทั้งคู่ลุกขึ้น นลินกุมขมับ
"โอ๊ยๆ เดินไม่ไหวกบอุ้มบัวเข้าห้องหน่อย"
กษิดิฐมองแตงกวาอย่างเกรงใจ
"กบ"
กษิดิฐรีบอุ้ม นลินยิ้มเยาะอย่างสะใจ แตงกวาโกรธจัด
กษิดิฐอุ้มนลินเข้ามาในห้อง ปิดประตูแล้ววางนลินลง
"บอกแล้วไงว่า ไม่อยากให้ยั่วโมโหแตงกวา"
"กบทำให้แตงกวาเลิกแกล้งบัวได้เมื่อไหร่ บัวจะเลิกยั่วโมโหแตงกวาเมื่อนั้น"
กษิดิฐมองนลินอย่างหนักใจ นลินทำเสียงออดอ้อน
"อย่าสิกบ บัวเวียนหัวอยู่นะ"
กษิดิฐมองนลินอย่างตกใจ นลินกระซิบ
"แกล้งทำเหมือนว่าเรากำลังจะมีอะไรกัน"
"ว่าไงนะ"
"กบแต่งงานกับบัวเพราะอยากให้แตงกวาเลิกยุ่งกับกบไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่อยากทำให้แตงกวาเชื่อว่าเรามีอะไรกันจริงๆ แล้วแตงกวายุ่งกับกบไปตลอดชีวิต บัวไม่รู้ด้วยนะ"
นลินจะเดินไปที่เตียง กษิดิฐรีบดึงนลินไว้แล้วส่งเสียออดอ้อน
"ก็กบทนไม่ไหวนี่จ๊ะเมียจ๋า..ไม่แน่น้า ถ้าคืนนี้บัวยอมกบ บัวอาจจะหายเวียนหัวเป็นปลิดทิ้งเลยก็ได้"
แตงกวาเดินมาถึงหน้าห้องได้ยินเสียงออดอ้อนของทั้งคู่ก็ยิ่งโกรธ
"ก็ได้อ่ะ แต่กบอย่ารุนแรงเหมือนเมื่อคืนนะ วันนี้บัวไม่สบาย ทะนุถนอมบัวหน่อย"
"เบามือที่สุดในโลกเลยจ้ะเมียจ๋า"
แตงกวาทุบประตูห้องอย่างโกรธจัด
"กบ เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ เปิด"
ทั้งคู่ยืนอยู่ที่ประตูห้องได้ยินเสียงแตงกวาเคาะประตู นลินก็หัวเราะขำ
"มีอะไรค่อยคุยกับกบพรุ่งนี้นะแตงกวา ตอนนี้กบไม่ว่าง กบต้องปั้นหลานไปให้คุณพ่อคุณแม่น่ะ... วันนี้ เมียจ๋าใส่ชุดนางแมวยั่วสวาทนะ เคโร๊ะน้อยอยากกระโจนใส่นางแมว อ๊บๆๆ"
นลินมอง กษิดิฐขำ
"แม๊ว..."
"เมียจ๋ารีบไปเปลี่ยนชุดสิ กบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว"
แตงกวากรีดเสียงร้องดังลั่น นลิน หัวเราะคิกคักที่แกล้งแตงกวาได้
"ช่วยด้วย ช่วยด้วย"
นลิน กษิดิฐมองหน้ากันอย่างตกใจ
ต้นรักริมรั้ว ตอนที่ 4 (จบตอน)
แตงกวายังยืนกรีดเสียงร้องลั่นอยู่หน้าห้อง
"แอร๊ย...ช่วยด้วย"
กษิดิฐ นลินวิ่งออกมาจากห้องอย่างตกใจ
"แตงกวาเป็นอะไร" กษิดิฐถาม
"แตงกวาเห็นใครก็ไม่รู้ผ่านไปที่หน้าต่าง"
"หรือจะเป็นผีตัวนั้น" นลินว่า
แตงกวาผวากอดกษิดิฐ
"ที่นี่มีผีด้วยเหรอ... กบแตงกวากลัว แตงกวาขอนอนด้วยคนนะ"
นลินมองแตงกวาอย่างรู้ทัน
"ด้าย... ถ้าเธอรับปากว่าจะไม่มอง"
นลินแกะมือแตงกวาออกแล้วโน้มคอกษิดิฐมาจ้องตา
"ตอนเคโร๊ะน้อยกระโจนใส่นางแมว... แม๊ว..."
"แค่คืนเดียวอดใจกันไม่ไหวเลยรึไง"
กษิดิฐท่าทางคึกมาก
"บัวน่ะอดใจไหว แต่คนที่อดใจไม่ไหวน่ะกบเอง"
แตงกวามองกษิดิฐอย่างโกรธจัด แล้วกรี๊ดเสียงลั่นบ้านเดินกระแทกเท้าออกไป นลินหัวเราะลั่นอย่างสะใจ กษิดิฐมองแตงกวาอย่างรู้สึกผิด มองนลินอย่างหนักใจ
กษิดิฐอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนแล้วนั่งเล่นเกมส์ในไอแพดอย่างเมามันอยู่บนเตียง นลินอาบน้ำเสร็จเดินออกมาตากผ้าเช็ดตัว แล้วเดินไปหยิบไอแพดที่โต๊ะ
"บัวไปทำงานนะ"
นลินจะเดินออกจากห้อง
"บัวๆๆ...ออกจากห้อง เดี๋ยวแตงกวาเห็นก็รู้หรอกว่าเราไม่ได้...เอ้อ"
"จริงด้วย... ฝันไว้ว่ามาเขาใหญ่จะได้มองดาว มองพระจันทร์ไปคิดงานไป แต่สุดท้ายต้องมานั่งอุดอู้ทำงานในห้อง เพราะกบคนเดียวที่ทำให้ชีวิตบัวต้องเป็นอย่างนี้"
"นี่แม่คุณ positive thinking หรือที่ภาษาไทยเรียกว่าคิดบวกน่ะเป็นมั้ย คิดในมุมกลับบ้างสิว่า ถ้าไม่ใช่เพราะกบยอมแต่งงานด้วย บัวอาจจะถูกคุณณุกาไล่ออกแล้วก็หมดโอกาสชิงงานคืนไปแล้ว"
"จะทวงบุญคุณอีกแล้วเหรอ"
"ให้คิดบวก ยังคิดลบได้อีกว่า กบทวงบุญคุณ บ้าป่ะ"
"ถ้าบัวไม่บ้า คงไม่คิดสั้นแต่งงานกับกบหรอก"
กษิดิฐชะงัก มองนลินอย่างเจ็บปวด นลินพูดโดยไม่ได้คิด ไม่ได้สังเกตอาการของกษิดิฐ เลยไม่รู้ว่ากษิดิฐเจ็บจริง
"กบ..กบ"
เสียงแตงกวาดังขัดจังหวะขึ้นมาอีก
"รอบแรกบอกเห็นคนที่หน้าต่าง รอบสองบอกว่ามีตุ๊กแกในห้อง..รอบนี้อะไรอีกล่ะ"
"จะอะไรก็ช่างเค้าเถอะ" กษิดิฐว่า
"ก็อยากจะช่างนะ แต่ถ้าเค้าร้องเรียกกบทั้งคืนอย่างนี้ บัวคงหนวกหูจนไม่มีสมาธิทำงาน"
กษิดิฐคิดๆแล้วยิ้มอ่อนโยน
"กบมีวิธี"
นลินนั่งบนเตียง กษิดิฐนั่งตรงข้าม
"กบมาหาแตงกวาหน่อย...กบ"
เธอมองกษิดิฐอย่างงๆ เขาเอามือปิดหูให้เธออย่างอ่อนโยน
"ยังได้ยินเสียงแตงกวาอยู่มั้ย"
นลินไม่ได้ยิน ตะโกนถาม
"ว่าไงนะ"
กษิดิฐมองนลินอย่างเซ็งๆ เอามือที่ปิดหูนลินออก
"กบถามว่าได้ยินเสียงแตงกวามั้ย"
"ตอนกบปิดหูอย่าว่าแต่เสียงแตงกวาเลย เสียงกบบัวก็ไม่ได้ยิน"
"งั้นบัวทำงานไปนะ...กบจะแปลงร่างเป็นโปรแกรมออแดซิตี ( Audacity) ตัดเสียงรบกวนให้เอง"
กษิดิฐเอามือปิดหูนลินอย่างอ่อนโยน เธอทำงานอย่างมีความสุขโดยไม่มีเสียงรบกวน เขามองเธออย่างมีความสุข
แตงกวานั่งในห้องตะโกนเรียกกษิดิฐอย่างโมโห จนเสีงเริ่มแหบ ไอ คอแห้ง
"กบ มาหาแตงกวาหน่อย กบ กบ กบ"
แตงกวาตะโกนจนเหนื่อย เจ็บปวดกับกษิดิฐ และแค้นนลิน
"กบไม่ได้รักบัว กบแค่กำลังหลงบัว บัว ฉันไม่มีวันยอมแพ้เธอ"
ยามเช้าสดใสของบรรยากาศบนเขาใหญ่ นลินยังคงนอนคุดคู้ หลับคาไอแพดอยู่บนเตียง
กษิดิฐนอนบนพื้น พอตื่นขึ้นมาก็รีบลุกไปมองนลินอย่างเป็นห่วง เขาค่อยๆลุกขึ้นหยิบผ้าห่มย่องไปห่มให้นลินอย่างเบามือเพราะกลัวเธอตื่น นลินขยับตัว เขาก้าวขาค้างกลางอากาศไม่กล้าเดินต่อเพราะกลัวจะรบกวนนลิน จนเขามั่นใจว่า เธอหลับเหมือนเดิม จึงถอนใจอย่างโล่งอก แล้วรีบหยิบผ้าขนหนูเข้าไปอาบน้ำ
นลินขยับตัวตื่นแล้วเห็นว่ามีผ้าห่มคลุมตัวอยู่ จึงดึงผ้าห่มมาดูแล้วมองไปรอบห้อง แต่ไม่เห็นกษิดิฐ เธอมองผ้าห่มที่คลุมตัวแล้วยิ้ม
ภายในห้องครัว กษิดิฐกำลังทำอาหารเช้า นลินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินมองไปข้างนอก แกล้งตะโกนเสียงดังกะให้แตงกวาได้ยิน
"เคโร๊ะน้อยทำอะไรให้เค้ากินเหรอ เค้าช่วยนะ"
กษิดิฐมองนลินอย่างรู้ทันว่า คิดจะพูดยั่วให้แตงกวาได้ยิน
"อย่าดีกว่า บัว ต้มไข่ยังเละเลย"
นลินเซ็ง
"ดูถูกกันเกินไปแล้วนะ บอกมาเลยว่าจะให้ทำอะไร"
กษิดิฐยิ้มกรุ่มกริ่ม
กษิดิฐตอกไข่ใส่กระทะให้นลินทอด เธอหลบน้ำมันกระเด็นไปด้านหลังกษิดิฐ เขาเห็นท่าทีของนลินแล้วก็ยิ้มขำๆ เขายื่นมีดให้นลินหั่นหัวหอม เธอหั่นแล้วก็แสบตา นลินจะเช็ดตาแต่มือเปื้อน เขายกเสื้อตัวเองขึ้นเช็ดให้เธอ ทั้งคู่สบตากัน นลินจามใส่หน้าเขา กษิดิฐเซ็ง
กษิดิฐปอกมะเขือเทศให้กลายเป็นดอกกุหลาบเพื่อจัดจาน นลินทึ่งที่เขาทำได้ ลองหยิบมาปอกบ้าง เขาช่วยสอน ทั้งสองคนปอกมะเขือเทศให้เป็นดอกกุหลาบแล้วเอามาอวดกัน นลินเผลอมีความสุขที่ได้ทำอะไรเช่นนี้ อย่างไม่รู้ตัว กษิดิฐก็มีความสุขที่เห็นนลินมีความสุข
นลินเอาจานอาหารมาวางแล้วมองไปทางประตูห้องแตงกวา กษิดิฐถือจานอาหารมาวางแล้วนั่งกิน
"ทำไมป่านนี้แตงกวายังไม่ออกจากห้องมาอีกล่ะ"
"ออกแล้ว"
นลินชะงัก
"อะไรนะ"
"ตอนกบลงมา เห็นแตงกวาขับรถออกไปพอดี ไปนานขนาดนี้คงกลับกรุงเทพไปแล้ว"
" อ้าว แล้วทำไมกบไม่บอกบัวตั้งแต่แรก ปล่อยให้ทำกับข้าวอยู่ได้"
กษิดิฐแกล้งตีหน้าซื่อ
"อ้าว ก็นึกว่าบัวอยากทำ"
นลินเซ็ง
"ถ้าแตงกวาถึงออฟฟิศก่อนต้องพรีเซนต์งานตัดหน้าบัวแน่ๆ"
นลินรีบกดมือถือหามัญจา
"มิ้นท์ ...เดี๋ยวบัวจะส่งอีเมล์คอนเซ็ปต์งานโฆษณาบ้านพักตากอากาศไปให้ ฝากมิ้นท์ปริ้นให้คุณณุกาดูก่อน บัวจะรีบไปให้เร็วที่สุด"
นลินวิ่ง ขึ้นข้างบนไปเอากระเป๋า กษิดิฐอาหารยังคาปากมองนลินอย่างเซ็งสุดๆ
นลินวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องทำงาน มัญจา ดารินทร์ สารัช นั่งถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
"ทำไมลูกค้ามาก่อนเวลาล่ะ"
"พี่ว่าแตงกวาต้องโทรขอเลื่อนเวลาลูกค้าแน่เลย" ดารินทร์บอก
"แต่ฉันพรีเซนต์งานแข่งกับแตงกวาแทนเธอแล้วนะ" มัญจาบอก
"แล้วลูกค้าเลือกงานใคร แตงกวาหรือบัว"
"พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันครับ"
"คุณณุกาคุยกับลูกค้าเป็นการส่วนตัว คุยเสร็จก็บอกว่า รอบัวมาก่อนแล้วถึงจะบอกว่าลูกค้าเลือกงานของใคร"
ผ่านเวลาเล็กน้อย นลิน แตงกวา นั่งในห้องอณุกา ปราณนั่งอยู่ด้วย ปราณยิ้มให้อณุกาที่นั่งอยู่อย่างรู้กัน
"ตกลงลูกค้าเลือกงานของ …"
นลินลุ้น
"น้องแตงกวา" อณุกาบอก
นลินชะงักแล้วตามมาด้วยความผิดหวัง แตงกวาหันไปยิ้มเยาะนลินอย่างสะใจ
"แล้วก็ของบัวด้วย"
แตงกวาหน้าเจื่อนมองอณุกาอย่างตกใจ
ปราณแกล้งทำเป็นไม่รู้แผนอณุกา
"งานของคุณบัวกับคุณแตงกวาคนละคอนเซ็ปต์กันเลย ทำไมลูกค้าถึงเลือกของทั้งสองคอนเลยละครับ"
"ลูกค้าชอบทั้งสองไอเดีย แล้วก็เชื่อว่า ถ้าเอาสองคอนเซ็ปต์มารวมกันจะลงตัวมาก...เพราะฉะนั้นงานโฆษณาบ้านเขาใหญ่กับโฆษณาประกันภัย บัวกับน้องแตงกวาต้องทำด้วยกัน"
นลิน แตงกวามองหน้ากันอย่างตกใจ
ในเวลาต่อมา นลิน มัญจา ดารินทร์ สารัชกำลังเดินไปร้านอาหารข้างทาง ริมถนนหน้าตึกภัทรฯ นลินบ่นอย่างเซ็ง
"ไม่อยากเชื่อเลยว่า จะต้องทำงานกับแตงกวา นรกชัดๆ"
"เอาน่าบัว คิดซะว่า อย่างน้อยเธอก็ได้งานคืน" มัญจาบอก
"ในฐานะที่พี่มีประสบการณ์ผ่านความเครียดมาก่อน พี่ขอแนะนำให้บริโภคของหวาน ไอติมฝั่งโน้นอร่อยเว่อร์"
"เดี๋ยวผมไปซื้อให้"
"ไม่เป็นไรสารัช บัวไปซื้อเอง"
นลินจะเดินข้ามถนน มอเตอร์ไซต์คันหนึ่งขี่มาอย่างเร็วเกือบเฉี่ยวนลิน เธอกระโดดหลบทัน
"จะรีบไปไหนเนี่ย"
นลินจะข้ามถนน รถยุโรปคันนหึ่งขับแซงขวามาจะชน นลินมองด้วยความตกใจตะลึงงัน รถยุโรปคันนั้นเฉี่ยวร่างนลิน ทำให้เธอล้มกลิ้ง เพื่อนๆตกใจ ตะโกนเรียกพร้อมกัน "บัว"
คนขับรถยุโรปลงมาจากรถ
"คุณบัว"
ดารินทร์ มัญจา สารัชมองไปที่ชายคนนั้น โพล่งเรียกขึ้นพร้อมกัน
"คุณติณณ์"
ภายในห้องทำงาน อณุกาพูดโทรศัพท์กับติณณ์อย่างตกใจ
"ติณณ์ขับรถชนบัว..แล้วบัวเป็นยังไงบ้าง"
ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ติณณ์ยืนคุยโทรศัพท์ มีมัญจา ดารินทร์ สารัช นั่งหน้าเครียดอยู่ใกล้หน้าห้องฉุกเฉิน
"เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีหัวแตก แต่อาการอื่นยังไม่ทราบคุณหมอกำลังตรวจคุณบัวอยู่ครับ"
"หมอตรวจเสร็จแล้วโทรบอกพี่ด้วยนะ"
อณุกาวางสาย แล้วพูดกับตัวเอง
"เธอยังช่วยงานฉันได้อีกเยอะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปล่ะบัว"
กษิดิฐเดินเข้ามาในออฟฟิศ ปภพ เอ็ดดี้นั่งทำงานอยู่แล้ววิ่งไปหา มองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา
"อะไรของแก"
"สำรวจร่างกายเฮียไง อยากรู้ว่าไปฮันนีมูนที่เขาใหญ่หักโหมจนมีส่วนไหนสึกหรอรึเปล่า"
"ฉันน่ะไม่มีอะไรสึกหรอ แต่ถ้าแกกวนประสาทฉันมากๆ แกนั่นแหละจะฟันหลอ"
ปภพหัวเราะขำ
"โอ้ว... ลีลาท่าทางเยี่ยงนี้คล้ายว่าจะอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดอะไรมาเหรอครับ"
"หงุดหงิดคนที่เห็นแก่งานจนไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น"
"คุณบัวเหรอครับ"
กษิดิฐถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
"โอ้ย เดี๋ยวก็หาย...ตั้งแต่ผมรู้จักเฮียมา เฮียไม่เคยโกรธซ้อได้จริงๆสักที ตอนนี้หงุดหงิดแต่เดี๋ยวตอนกลางวันก็ไปชวนซ้อกินข้าว"
"รู้ดีนักนะ"
"จะได้สมกับเป็นเหลนรักเฮียไงครับ"
กษิดิฐ ปภพมองเอ็ดดี้หัวเราะขำ
ทุกคนยังนั่งหน้าเครียดอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน หมอเดินออกมาทุกคนรีบกรูไปหา
"คนไข้ปลอดภัยครับ"
ทุกคนถอนหายใจโล่งอก
"อาการจากอุบัติเหตุ มีแค่หัวแตกกับกระดูกแขนเคลื่อน ไม่น่าเป็นห่วง แต่ที่น่าห่วงคือเลือดคนไข้จางมาก อาจจะเป็นเพราะพักผ่อนน้อย"
"พักนี้บัวทำงานหนักน่ะค่ะ" มัญจาบอก
"หมอให้ยานอนหลับแล้วคนไข้จะได้พักผ่อน คนไข้ต้องพักที่โรงพยาบาลสักสองวันก่อนนะครับ"
มัญจา ดารินทร์ สารัชโล่งอกที่นลินไม่เป็นอะไร
"ผมเข้าไปดูคุณบัวก่อนนะครับ"
ติณณ์เดินออกไปอย่างรีบร้อน
"โล่งอกไปที ที่ยายบัวไม่เป็นอะไร" มัญจาว่า
"เรื่องนั้นโล่งอกไปได้ แต่อีกเรื่องน่ะสิ" ดารินทร์บอก
มัญจาดึงดารินทร์ออกห่างมาจากสารัช แล้วบอก
"บัวไม่อยากให้คุณติณณ์รู้ว่า แต่งงานแล้ว"
"ซุบซิบอะไรกัน"
"เรื่องของผู้หญิง ผู้ชายไม่เกี่ยว" มัญจาว่า
"ทำอย่างกับว่าอยากเกี่ยวนักนี่"
สารัชพูดแล้ว เดินออกไปอย่างงอนๆ
"ทำไงดีละคะพี่ริน ถ้ากบรู้ว่าบัวโดนรถชนก็ต้องรีบมาหา แล้วคุณติณณ์ก็ต้องรู้ว่าบัวแต่งงาน แล้วความหวังของบัวที่มีต่อชายในฝันก็ต้องดับวูบ"
"ยังไงมันก็ต้องดับ แต่ให้บัวเป็นคนดับเองคงจะดีกว่า..บัวไม่ได้เป็นอะไรมาก รอให้คุณติณณ์กลับไปก่อนแล้วค่อยโทรบอกคุณกบก็ได้"
เสียงมือถือดารินทร์ดัง เธอหยิบมากดรับ
"ว่าไง"
"บัวถูกรถชนเหรออาการหนักรึเปล่า" ปภพถาม
"คุณรู้ได้ยังว่าบัวถูกรถชน คุณกบบอก แล้วตอนนี้คุณกบก็กำลังมาหาบัวที่โรงพยาบาล"
"กบรู้ได้ยังไงว่าบัวถูกรถชน"
บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน สารัชโวยวาย
"อย่ามากล่าวหากันสิ ผมไม่ได้บอกบอกคุณกบนะ"
"ฉันกับพี่รินก็ไม่ได้บอก ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะใคร"
"คุณแม่ของคุณบัวมั้ง"
มัญจา ดารินทร์มองสารัชอย่างสงสัย สารัชยิ้มแหย
"ผมโทรบอกแม่คุณบัวน่ะ"
นันทิดาวิ่งจากบ้านมาหากมลาและยศภัทร
"ฉันโทรบอกตากบให้รีบไปดูหนูบัวแล้ว ตากบอยู่ใกล้กว่าน่าจะถึงก่อนเรา" กมลาบอก
"ขอบคุณนะคะ งั้นเราไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณชลัชจะไปเจอที่โรงพยาบาล"
ยศภัทร กมลา นันทิดา รีบเดินไปที่รถอย่างรีบร้อน
หน้าห้องฉุกเฉินมัญจาต่อว่าสารัชอย่างโมโห
"นายจะโทรบอกใคร ทำไมไม่บอกฉันก่อน"
สารัชถามหน้าซื่อ
"อ้าว ...ผมโทรบอกคุณแม่ของคุณบัว มันผิดตรงไหนล่ะครับ"
ดารินทร์กับมัญจามองหน้ากันเซ็งๆ ดารินทร์กระซิบมัญจา
"ลืมรึเปล่าว่า สารัชไม่รู้ว่าบัวรู้สึกยังไงกับคุณติณณ์"
มัญจากระซิบตอบ
"แต่ตอนนี้กบกำลังมา ถ้าคุณติณณ์เจอกบแล้วได้คุยกันก่อน บัวคงเสียใจมากที่ไม่ได้บอกเรื่องแต่งงานกับคุณติณณ์ด้วยตัวเอง"
ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างหนักใจ
กษิดิฐรีบขับรถด้วยความเป็นห่วง จีพีเอส เนวิเกเตอร์ที่หน้ารถกษิดิฐบอกระยะทางว่าโรงพยาบาลที่กษิดิฐจะไปนั้น มีระยะทางอีกไม่ไกล
ในโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลกำลังเข็นรถที่มีร่างนลินนอนนิ่งไปทางห้องพักฟื้น เพื่อนทั้ง 3 คนเดินตามแล้วมองหน้ากันว่าจะเอายังไงดี
ในห้องพักฟื้น บุรุษพยาบาลกำลังช่วยกันยกร่างของนลินที่หลับอยู่จากรถเข็น ไปนอนบนเตียง นลินทำหน้าเจ็บที่แขนเพราะผลจากการโดนย้ายไปนอนบนเตียง แต่นลินยังหลับตาอยู่เพราะฤทธิ์ยา เธอครางเบาๆ
"โอ้ย"
ติณณ์ขยับอย่างเผลอตัวจะเข้าไปหานลินอย่างเป็นห่วงจนเพื่อน 3 คนรู้สึกได้ ติณณ์ชะงัก แล้วพยายามนิ่งไว้เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่มีอย่างล้นอก
เสียงมือถือของมัญจาดัง เธอเห็นชื่อคนที่โทรมาแล้วชะงัก มัญจารีบดึงแขนดารินทร์ให้ออกไปนอกห้องด้วยกัน
มัญจาลากดารินทร์ออกมาจากห้องพักฟื้นของนลิน เสียงโทรศัพท์ของกษิดิฐยังดังในมือถือของมัญจาอยู่
"กบโทรมา เอายังไงดีล่ะพี่รินทร์"
ดารินทร์คว้ามือถือของมัญจามากดสายของกษิดิฐทิ้ง
"แค่เนี้ย..จบ"
เสียงมือถือของดารินทร์ดัง เธอหยิบมือถือมาดู เป็นสายกษิดิฐโทร.เข้า
"คุณกบโทรมา เอายังไงดีล่ะมิ้นท์"
มัญจาเซ็งที่ดารินทร์พูดเหมือนตัวเอง เธอคว้ามือถือของดารินทร์มากดสายทิ้งเลียนแบบดารินทร์
"ก็พี่เพิ่งบอกเอง แค่เนี้ย..จบ"
กษิดิฐ โทร.เข้ามือถือมัญจาอีก
"ท่าทางจะไม่จบอย่างที่คิด" ดารินทร์บอก
"แล้วเอายังไงดี"
ดารินทร์คิดบางอย่างได้ แล้วกดมือถือโทรหาปภพ
ภายในรถ กษิดิฐใช้บลูทูธคุยมือถือกับปภพ
"คุณลองหาดีๆ อีกครั้งนะคุณภพ ผมเป็นคนวางแบบแปลนของคุณวินัยบนโต๊ะเองกับมือ แล้วมันจะหายไปได้ยังไง"
ปภพคุยมือถือกับกษิดิฐพร้อมกับหยิบแบบแปลนบนโต๊ะของกษิดิฐมาซ่อน ในแฟ้มงานของตัวเอง
"หาไม่เจอครับ คุณกบกลับมาออฟฟิศก่อนเถอะ เมื่อกี้ผมคุยกับรินทร์แล้วว่า คุณบัวไม่เป็นอะไร"
กษิดิฐคุยมือถือด้วยสีหน้าเครียด เพราะห่วงงานและห่วงนลินด้วย
"ผมอยากไปดูบัวก่อน คุณวินัยก็นัดดูแบบพรุ่งนี้อยู่แล้ว"
ปภพชะงัก แล้วพยายามหาทางดึงกษิดิฐกลับมาออฟฟิศตามคำสั่งของดารินทร์
"คุณวินัยเปลี่ยนเป็นนัดวันนี้แล้วครับ กำลังจะมาถึงแล้วด้วย คุณกบรีบมานะครับ"
ปภพรีบกดวางสาย โดยไม่รอให้กษิดิฐโต้ตอบอะไรอีก เอ็ดดี้โผล่หน้ามาจากทางด้านหลังปภพ
"คุณวินัยไม่ได้เปลี่ยนวันนัดไม่ใช่เหรอพี่"
ปภพทำหน้านิ่งไม่ตอบอะไรเอ็ดดี้
ที่ชั้นล็อบบี้ มัญจากำลังกดเครื่องดื่มจากตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติ
"ขอน้ำตาลละลายความเครียดหน่อยเถอะ"
"บอกว่าไม่ต้องเครียด แผนพี่ได้ผลชัวร์ ก็พี่ภพบอกเองว่าคุณวินัยเป็นลูกค้ารายใหญ่ คุณกบต้องรีบไปเคลียร์งานก่อนมาหาบัว"
มัญจามองไปทางมุมหนึ่งของโรงพยาบาลแล้วชะงัก มัญจาหันไปกดเครื่องดื่มมายื่นให้ดารินทร์
"พี่ควรดื่มน้ำตาลด้วย เพราะพี่กำลังจะเครียดเหมือนมิ้นท์"
มัญจาจับหน้าดารินทร์หันไปทางมุมหนึ่งของโรงพยาบาล เห็นกษิดิฐเดินอย่างรีบร้อนไปทางเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
สองคนรีบเดินมาที่หน้าห้องพักฟื้นของนลินด้วยความร้อนรน
"เราควรขวางกบ แล้วไล่คุณติณณ์ หรือขวางคุณติณณ์แล้วไล่กบ ก่อนดีล่ะพี่รินทร์"
ดารินทร์เครียด
"พี่ว่านะ ยังไงคุณติณณ์ก็ต้องรู้เรื่องบัวกับคุณกบอยู่แล้ว เราบอกคุณติณณ์เลยเถอะ"
"หา"
มัญจาชะงัก
ในห้องพักฟื้น นลินยังคงหลับอยู่บนเตียง สารัชยืนเกาะขอบเตียงพูดจาคร่ำครวญ ติณณ์ยืนอยู่ด้านหลังสารัช โดยมองนลินด้วยสายตาที่เป็นห่วงและรู้สึกผิด
" โถ..คุณบัว เมื่อเช้ายังคุยกันอยู่ดีๆ ตอนนี้ต้องมานอนที่โรงพยาบาลซะแล้ว ชีวิตคนเรานี่ไม่แน่ไม่นอนจริงๆ"
ติณณ์ชะงักเพราะรู้สึกใจหายเหมือนกันที่กลับมาทำงานเมืองไทยวันแรก หวังว่าจะได้มา เจอรอยยิ้มสดใสของนลิน แต่กลับทำให้นลินเจ็บแบบนี้
"ใครๆ ก็ว่าผมเพ้อเจ้อที่เอาแต่บอกชอบคุณบัว ทั้งๆที่คุณบัวไม่ชอบ แต่เพราะผมรู้สัจธรรมข้อนี้ ผมถึงบอกตอนที่ยังมีโอกาส ก่อนจะสายเกินไป"
ติณณ์ชะงักกับคำพูดของสารัชกับคำว่า “สายเกินไป”
ดารินทร์เปิดประตูพรวดเข้ามา มัญจาเดินตามเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน
"คุณติณณ์คะ เรากลับบริษัทกันเถอะค่ะ"
ติณณ์มองดารินทร์อย่างอึ้งงง
"เอ่อ... แต่คุณบัว"
"เดี๋ยวมิ้นท์อยู่เฝ้าบัวเองค่ะ คุณติณณ์กลับไปทำงานต่อเถอะค่ะ มิ้นท์ขอร้อง"
ติณณ์มองท่าทางของทั้งคู่ดูร้อนรนเหมือนมีเรื่องบางอย่าง
"มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ"
ดารินทร์มองหน้ามัญจา แล้วสูดหายใจ มองหน้าติณณ์เหมือนคิดตัดสินใจจะพูดอะไรบางอย่าง
"ไหนๆก็ไหนแล้ว รินทร์ขอพูดตรงๆเลยแล้วกันนะคะ"
มัญจาตกใจ พยายามพูดห้าม
"พี่รินทร์"
"ที่รินทร์อยากให้คุณติณณ์รีบกลับเพราะว่า...."
กษิดิฐกดลิฟต์อย่างรีบร้อนเพื่อขึ้นไปเยี่ยมนลินที่ห้องพักฟื้น ขณะที่ดารินทร์เดินอย่างรีบร้อนนำติณณ์ สารัชมาที่ลิฟต์ ดารินทร์มองตัวเลขที่ลิฟต์กำลังขึ้นจากชั้นล็อบบี้ ตัวเลขเลื่อนชั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กษิดิฐยืนอยู่ในลิฟต์ร่วมกับญาติคนไข้อื่นๆ มองตัวเลขที่เลื่อนชั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ
ในห้องพักฟื้น นลินยังหลับอยู่ มัญจามองนลินแล้วพึมพำภาวนา
"ฉันช่วยเธอเต็มที่แล้วนะบัว ที่เหลือ...มันเป็นเรื่องของโชคชะตา"
ตัวเลขบอกว่า ลิฟต์มาถึงชั้นที่นลินพักฟื้น ประตูลิฟต์เปิดออก ดารินทร์มองไปที่ประตูลิฟท์อย่างลุ้นๆว่า จะเจอกษิดิฐไหม ในลิฟต์มีแต่ญาติคนอื่นกำลังทยอยออกจากลิฟต์ ดารินทร์โล่งอก
กษิดิฐลุกขึ้นจากการเก็บของในลิฟต์ โผล่หน้าขึ้นมา ดารินทร์ตะลึงงัน เมื่อเห็นกษิดิฐยืนอยู่ในลิฟต์
ดารินทร์ตกใจ
ติณณ์อยู่หน้าประตูลิฟต์ กษิดิฐอยู่ในลิฟต์ ดารินทร์มองทั้งคู่สลับกันไปมาด้วยความตกใจ สารัชจะทักทายกษิดิฐ ดารินทร์รีบปิดปากสารัชแล้วจับเพื่อนรุ่นน้องให้ก้มหน้า เดินหลบอยู่ข้างหลังติณณ์ เพื่อไม่ให้กษิดิฐเห็น และไม่ให้ติณณ์เห็นความผิดปกติของเธอและสารัช
กษิดิฐมองไปข้างหน้าเพื่อหาห้องที่นลินพักฟื้นเพราะใจนั้นเป็นห่วงนลินจนไม่สนใจจะมองใคร ติณณ์กับกษิดิฐเดินสวนกัน ต่างคนต่างไม่ได้มองกัน ดารินทร์รีบลากสารัชแฝงรวมไปกับกลุ่มญาติคนไข้เข้าไปในลิฟต์เพื่อไม่ให้กษิดิฐเห็น
กษิดิฐเดินออกไปติณณ์เดินเข้าลิฟต์ ก้มหน้าก้มตาอยู่กับห้วงความคิดของตัวเอง คำว่า “สายเกินไป” ที่สารัชพูดยังก้องอยู่ในหัว ดารินทร์รีบกดปิดประตูลิฟต์ทันที