สาปพระเพ็ง ตอนที่ 6
ปันแสงเดินไปเดินมาอยู่ในตำหนักเจ้านาง สีหน้าว้าวุ่นใจเรื่องกองทัพของนรสิงห์
"กองทัพนรสิงห์จะยังไม่บุกศรีพิสยาวันนี้"
"ตามธรรมเนียมศึก ... ยัง" อินยาบอก
"แต่ปรันมาไม่ยอมยกศรีพิสยาให้นรสิงห์แน่ๆ ยังไงก็ต้องรบ พวกเราจะถูกฆ่ากันหมด"
"เราสองคนจะไม่ตายหรอก ปันแสง ติสสาจะกลับมาปกป้องเรา"
"ติสสาเป็นทหารของปรันมา ไม่ใช่ของเรา"
"นับตั้งแต่เมื่อคืน ติสสากลายเป็นทาสของข้าแล้ว"
"ถ้าเป็นทาส ทำไมถึงไม่ยอมอยู่ที่นี่ เจ้านางปล่อยให้มันออกไปกับปรันมาได้ยังไง"
อินยาเชิดหน้า หันไปสั่ง
"อุตลา ไปเตรียมเสลี่ยง"
"เวลาอย่างนี้ เจ้านางไม่ควรออกไปนอกเขตวัง"
"ข้าต้องไป เพราะข้าต้องมั่นใจว่า ติสสาจะเป็นทาสของข้าคนเดียว"
แววตาเจ้านางอินยาเต็มไปด้วยแผนการที่จะครอบครองติสสาไว้ให้เหนือกว่าทุกคน
บริเวณเขตติดต่อดินแดน ติสสาและทหารศรีพิสยาฝ่ายหนึ่ง อีกด้านคือ สีหสาและนักรบปุระอมร ทั้ง 2 ฝ่ายต่างมองการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นของมารุตกับไพลิน ปรันมามองสีหน้านิ่ง แววตามีความกังวลเพราะครั้งแรก เมฆาก็แพ้ให้กับวาเรไปแล้ว ต่างจากนรสิงห์ที่ยิ้มมั่นใจกับชัยชนะ
มารุตกับไพลินก้าวมากลางลานต่อสู้ ไพลินพุ่งเข้ามาก่อน มารุตยกดาบสูงต้านกลับไป การต่อสู้ด้วยดาบของไพลินแข็งแกร่งอย่างชาย มารุตนั้นคล่องแคล่วว่องไว ทั้งติสสาและสีหสาต่างมองฝีมือการรบของลูกน้องฝ่ายตนอย่างใจจดใจจ่อ
ด้านหนึ่งในวิหารศรีพิสยา มรันมาที่นั่งอย่างเงียบสงบ น้ำตายังไหลริน แววตาอ่อนล้า เศร้าสร้อย
เธอหลบหนีทุกคน มาซ่อนตัวอยู่ด้วยความเจ็บปวดเรื่องติสสากับเจ้านางอินยาอยู่เพียงลำพัง
ลานต่อสู้ ติสสากับสีหสามองลุ้น ไพลินฝีมือดาบสูสีกับมารุตมากจนผลัดกันล้ม ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ มารุตอาศัยความไว หลบดาบไพลินแล้วถีบเข้าลำตัว จนไพลินกระดอนไป มารุตรีบตามเข้ามาซ้ำ ไพลินยกดาบจะแทง แต่มารุตหลบไว คว้าร่างไพลินบิดล็อคไว้ ติสสาคลี่ยิ้ม มองมั่นใจว่ามารุตกำลังได้เปรียบ
ทางขึ้นเขตพระราชฐาน เจ้านางอินยาเดินมาขึ้นเสลี่ยง ข้าหลวงปิดม่าน ทหารวังยกเสลี่ยงขึ้น ขบวนเสลี่ยงของเจ้านางอินยาเคลื่อนออกไป
ติสสาที่มองการต่อสู้ มารุตกำลังบิดแขนไพลินจะให้ยอมแพ้ แต่ไพลินพลิ้วหลบ บิดกลับเป็นบิดแขนมารุตไว้ได้แทน มารุตถีบไพลินออกห่าง สองคนตั้งหลักแล้วพุ่งเข้าฟาดดาบใส่กันอย่างรวดเร็ว รุนแรง
สายตาทุกคนมองลุ้นการต่อสู้อย่างน่าตื่นเต้น
มารุตฟาดดาบเหมือนจะฟันลงตรงๆ ไพลินอาศัยช่องว่างแทงเข้าไป แต่มารุตพลิ้วหลบแล้วกระแทกดาบเข้ากลางหลัง ไพลินล้ม มารุตเหยียบมือไพลินที่จับดาบทันที จ่อดาบลงกลางหลัง ไพลินหมดทางสู้ ทหารศรีพิสยาเฮ
สีหสาสีหน้าเจ็บใจ มารุตผลักไพลินออก ไพลินเดินก้มหน้ากลับมายืนด้านหลังไกลจากสีหสาที่แววตาเกรี้ยวกราด
ปรันมาและนรสิงห์ต่างยิ้ม ไม่ได้แสดงความผิดหวังอะไรออกมา
"ทหารชั้นรองๆ จะสนุกเท่ากับดูฝีมือแม่ทัพของเราได้ยังไง จริงมั้ย" นรสิงห์ว่า
ติสสาส่งธนูให้เมฆาไปถือไว้ ติสสากับสีหสาที่ก้าวออกมาพร้อมๆกัน ต่างคนต่างจ้องกันไม่ยอมละสายตาจากคู่แค้น จนมาหยุดที่กลางลานต่อสู้
ติสสาดึงดาบยาวในฝักข้างเอวออกมาเร็วๆพอกับที่สีหสาดึงดาบคู่ขึ้นไว้ในมือ ทั้งคู่พร้อมที่จะห้ำหั่นกันทันที
เสลี่ยงของเจ้านางอินยาที่ถูกแบกวางลงหน้าถ้ำ เจ้านางก้าวลงอย่างร้อนใจเดินเร็วเข้าไปในถ้ำ ทุกคนหมอบรอ
ติสสากับสีหสาต่างยกดาบโผพุ่งเข้าฟาดกันทันที สีหสาฟันดาบคู่เข้าหาด้วยความแรงและเร็ว
ติสสาเองโต้กลับไปอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน ปรันมากับนรสิงห์ต่างมองแม่ทัพคู่ใจของตน
"แม่ทัพศรีพิสยานี่แข็งแกร่ง น่าชื่นชม"
"แม่ทัพหญิงของท่านก็ดูห้าวหาญ ฝีมือไม่เป็นรองใคร"
สีหสาฟาดดาบลงมา ติสสายันไว้ ทั้งคู่ประจันหน้าในระยะประชิด
"ครั้งนี้ดาบข้าจะดื่มเลือดเจ้าเหมือนที่กลางตลาดศรีพิสยา"
" ข้าจำได้...ธนูข้าก็ทำให้เจ้าหนีหัวซุกหัวซุนมาแล้ว"
สีหสาร้องคำรามดัง โผเข้าฟัน แต่ติสสาเอี้ยวตัวหลบและสวนกลับอย่างเร็ว
ในถ้ำ อินยามองแม่เฒ่า เอ่ยถามอย่างร้อนใจ
"คำสั่งเจ้าปรันมายังมีอำนาจเหนือติสสา"
"บุญญาธิการของกษัตริย์ ย่อมทรงพลังเสมอ"
อินยาเข้าใกล้ เสียงที่เอ่ยขอเต็มไปด้วยความปรารถนาสูงสุด
"ก็ทำให้ทรงพลังน้อยลงสิ ข้าไม่ต้องการให้ติสสาได้ยินเสียงใคร ไม่ต้องการให้ติสสาเชื่อฟังใคร เสียงเดียวที่จะได้ยินแล้วควบคุมติสสาได้คือเสียงของข้า เจ้านางอินยาเพียงผู้เดียว"
ทั้งคู่เหงื่อโทรมร่างด้วยการต่อสู้ แต่ไม่มีใครยอมแพ้ ปรันมากับนรสิงห์สีหน้าเคร่งเครียดเมื่อเห็นว่าแม่ทัพทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีฝีมือทัดเทียมกัน ติสสาพุ่งเข้าใส่สีหสา กดดาบลงเต็มแรง สีหสาทานไว้แต่ติสสากดลงอีก จนเข่าข้างหนึ่งของสีหสาย่อยันติดพื้น
แววตานรสิงห์เริ่มกังวล เกรงว่าสีหสาอาจจะทานแรงติสสาไม่ไหว ปรันมายิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าติสสากำลังได้เปรียบ
ฝ่ายมรันมามองไปยอดวิหาร อ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง
"ถึงพี่ชายจะไม่มีน้องน้อยคนนี้อยู่ในหัวใจอีกแล้ว ชั่วชีวิตน้องน้อยก็จะมีไว้ เพื่อรักพี่ชายเพียงคนเดียว"
น้ำตาไหลหยดลงมาอาบแก้มมรันมา ใบหน้าสวยดูเศร้าหม่นหมอง
เจ้านางอินยามองตรงไปที่แม่เฒ่า
"สิ่งเดียวที่จะช่วยเจ้านางให้ครอบครองทั้งกายใจติสสา"
อินยามองด้วยแววตาพร้อมที่จะทำทุกอย่าง
"จงใช้เลือดล้างน้ำตา"
แม่เฒ่าส่งกริชเล่มใหญ่ให้อินยา อินยาดึงกริชออกจากฝัก เงาอันคมกริบนั้นสะท้อนแสงเทียนดูวาววับน่ากลัว
ติสสากดดาบลงไปหวังจะให้สีหสาหมดแรง ล้มแล้วจึงจะฟัน ทุกคนมองลุ้นติสสาที่กำลังจะมีชัยชนะ
อินยามองกริชแล้วยกขึ้นแทงลงเหนือต้นขาขาวนวล เลือดเจ้านางอินยาไหลซึมออกมา แววตาเจ้านางแน่วแน่ ไม่เกรงกลัวความเจ็บปวด
"ติสสาต้องเป็นของข้า ติสสาต้องเป็นของข้า"
เลือดเจ้านางอินยาไหลลงมาตามกริช
เจ้านางอินยายกกริชขึ้น เพื่อให้หยดเลือดจากกริชไหลลงในน้ำมนต์อาคมสีดำที่มีภาพติสสากำลังต่อสู้
พลัน ... ติสสาเฮือกขึ้นเหมือนโดนทิ่มแทงตรงหัวใจ สีหสาได้จังหวะ ถีบติสสากระเด็น ฝ่ายมรันมาก็เฮือกขึ้นเช่นกัน มือแตะลงที่หัวใจ เจ็บปวดเหมือนถูกแทงจากกริชของเจ้านางอินยาด้วย
เจ้านางอินยามองเลือดกำลังหยดลงไปในภาพติสสากลางสนามรบ
"ติสสาต้องเป็นของข้า ติสสาต้องเป็นของเจ้านางอินยาคนเดียว"
ติสสาเฮือกหายใจเหมือนสำลักอากาศเพราะมนต์ดำที่กำลังพุ่งเข้าควบคุมจิต สีหสาพุ่งเข้าหา ติสสาหันไปแต่ช้ากว่า แม่ทัพสาวพุ่งเข้าเสียบดาบลงที่ชายโครง ปรันมาตะลึง นรสิงห์ยิ้ม สีหสากดดาบลงไป ติสสามองจ้อง สีหสายิ้มเย้ย
"ฝีมือแค่นี้ ยังกล้าคิดจะปกป้องศรีพิสยาจากกองทัพของข้า"
สีหสากดดาบแรงลงไปแล้วชักออก เลือดติสสาพุ่งกระฉูดออกมาจากแผลลึก สีหสาชูดาบคู่สองมือ เสียงทหารปุระอมรโห่ร้อง
นรสิงห์ยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดกับภาพแห่งชัยชนะต่อหน้าศัตรูอย่างปรันมา
ร่างติสสาล้มลงกลางลาน ท่ามกลางความตกตะลึงของปรันมาและทหารศรีพิสยาทุกคน
ในวิหารหลวงศรีพิสยา มรันมาที่ทรุดตัวลงด้วยความเจ็บเหมือนกับที่ติสสาโดนแทง ด้วยอำนาจมนตร์ดำ
"พี่ชาย" มรันมารำพึงออกมา
มรันมาใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใจนึกเป็นห่วงติสสา
บริเวณเขตติดต่อดินแดน ติสสาล้มอยู่กับพื้น เอาดาบค้ำร่าง ลุกขึ้นมา สีหสาฟันซ้ำเข้ากลางหลัง ติสสาถึงกับเซ เลือดกระฉูดจากแผลยาวกลางหลัง มารุต เมฆา ทหารศรีพิสยาสีหน้าขึ้งเครียด อยากจะพุ่งเข้าไปช่วยแม่ทัพ สีหสาแววตากระหายเลือด กำดาบแน่น พุ่งจะเข้าไปแทงซ้ำ
ปรันมาหน้าเครียด เกร็ง นรสิงห์สะบัดกริชใส่ดาบสีหสาอย่างแรงจนดาบแทบกระเด็น มือสีหสาชาวาบ
"สีหสา"
นรสิงห์เอ่ยด้วยเสียงเรียบเรื่อยแต่แฝงความหยามหยันไว้ในหางเสียง
"นี่แค่การซ้อม... สีหสา อย่าให้กองทัพศรีพิสยาต้องขาดแม่ทัพคนเก่ง"
ปรันมามองหน้านรสิงห์ที่ยิ้มให้ แต่เป็นยิ้มที่ปรันมาเห็นแล้วยิ่งเสียหน้า สีหสายิ้มหยันใส่แม่ทัพ ติสสากัดฟันยันตัวยืนขึ้น เลือดไหลโกรกจากแผลที่ถูกแทง
"รับรองว่าคราวหน้าดาบข้าจะตัดที่คอ เจ้าจะได้ไม่ต้องมีหัวไว้แบกความอับอาย"
สีหสาหัวเราะเพียงนิดเดียว แต่ติสสาแทบกระอัก
"ข้าขอสู้ต่อ"
ติสสาพยายามฝืนความเจ็บยกดาบขึ้น ท่ามกลางสายตาของทุกคน ปรันมาเอ่ยขึ้น
"การเจรจาจบแล้ว"
ปรันมาแววตาขึ้งเครียด นรสิงห์ลุกขึ้นยืน ปรันมาลุกตาม สองคนหันมาเผชิญหน้ากัน
สีหสาเก็บกริชบนพื้น เดินกลับมาคุกเข่าส่งกริชคืนให้นรสิงห์
"เรามั่นใจว่าอีกไม่นาน เจ้าและ จันทเทวี น้องสาวคนสวย จะได้ต้อนรับเราและกองทัพถึงในวังหลวงแห่งศรีพิสยา"
"ศรีพิสยาจะต้อนรับท่านแค่หน้ากำแพงเมืองเท่านั้น"
นรสิงห์หัวเราะในลำคอ เสียดแทงใจปรันมา
"กระทั่งแม่ทัพเก่งกล้าแห่งศรีพิสยา ยังแพ้ให้แก่นักรบปุระอมร ทบทวนให้ดีปรันมา ถ้าไม่นอบน้อมยอมเป็นแคว้นหนึ่งในอาณาจักรของข้า ... จุดจบครั้งหน้าคือเลือดชาวศรีพิสยาทั้งหมดที่จะนองแผ่นดิน"
นรสิงห์เน้นทุกคำท่ามกลางสีหน้าเย้ยหยันและทะนงใจอำนาจของสีหสาและนักรบทุกคน ตรงข้ามกับปรันมาที่ต้องอดกลั้น ติสสาแววตาเจ็บแค้นตัวเองที่พ่ายแพ้และถูกหยามเหยียดต่อหน้าศัตรู
เลือดเจ้านางอินยาที่ยังติดปลายมีด เจ้านางวางมีดลง มองแม่เฒ่า
"ติสสาเป็นทาสของข้าคนเดียวแล้วใช่มั้ย แม่เฒ่า"
"ใช่ เจ้านาง...แต่ระวังหน่อย"
"ระวังอะไร"
"ติสสาเป็นคนสำคัญ ทุกคนจะมาแย่งคืนไป"
อินยายิ้มบอก
"ข้ารู้ ...เพราะคนที่จะมาคุกเข่าลงตรงหน้าข้า ต้องเป็นคนที่สำคัญที่สุดเท่านั้น"
อินยาวางเหรียญทองลงตรงหน้าแม่เฒ่า 4-5 เหรียญ แม่เฒ่ารีบเก็บและหยิบห่อผง 2 ห่อส่งให้อินยา ห่อแรกเป็นผ้าหุ้มสีทอง
"ผงทองบริสุทธิ์กำกับด้วยมนต์มายา เพื่อความงามที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงของท่าน"
อินยารับห่อสีทองมา แม่เฒ่าส่งอีกห่อที่เป็นสีดำ
"ส่วนห่อนี้"
อินยายิ้มมองห่อสีดำ เข้าใจทันที
"สำหรับติสสา ที่ต้องเป็นทาสของข้าตลอดชีวิต"
เมฆา มารุตพยุงติสสาที่ได้รับบาดแผลที่ชายโครงขวาและกลางหลังเข้ามายังบริเวณทางเดินเข้าเขตพระราชฐานชั้นใน ปรันมาเดินนำอย่างเร็ว ด้านหลังเป็นเหล่าทหารองครักษ์
"เจ้าปรันมา ข้า..."
ติสสาแววตาละอาย
"ฝีมือเจ้าเคยเก่งกล้ามากกว่านี้นะ ติสสา วันนี้เจ้าเป็นอะไร"
"ข้าสมควรถูกลงโทษ"
"ในสนามประลอง เจ้าแพ้ แต่ในสนามรบ จำไว้ว่าความพ่ายแพ้คือดาบที่ตัดคอเจ้าและชาวศรีพิสยาอีกนับไม่ถ้วน ตอนนี้ศรีพิสยายังต้องการแม่ทัพเพื่อเตรียมต่อสู้กับกองทัพของนรสิงห์ ถ้าสำนึกผิดก็จงรีบรักษาตัว แล้วมาหาข้าเพื่อเตรียมการรบ"
ปรันมาเดินผ่านซุ้มประตูขึ้นสู่เขตพระราชฐานทันที
ติสสาสีหน้าสลด เมฆาหันไปทางมารุต
"ข้าจะไปตามหมอหลวง มารุต เจ้าพาแม่ทัพไปที่เรือนก่อน"
เมฆาเดินเร็วออกไป ติสสาสีหน้าเจ็บปวดจากบาดแผล มารุตเดินไปกับติสสา
ในถ้ำ เจ้านางอินยาโรยผงจากห่อสีทองลูบไล้ใบหน้า เนื้อตัว แม่เฒ่าหลับตาพึมพำเพิ่มมนต์กำกับ
อินยาแววตาเปี่ยมด้วยความปรารถนา
"ความงามอันเป็นอมตะจะร้อยรัดหัวใจเจ้า เจ้าจะต้องหลงใหลความงามหนึ่งเดียวเหนือศรีพิสยา ...มาหาข้า ติสสา ข้ารอเจ้าอยู่"
ติสสาสะดุ้งขึ้นทั้งตัว เพราะเสียงเรียกจากเจ้านางอินยา
"เจ้านาง...เจ้านางอินยา"
มารุตมองหน้า ติสสาพร่ำเพ้อออกมา
"ข้าจะไปหาเจ้านางอินยา"
"จะไปได้ยังไง ท่านต้องทำแผลก่อน"
"ข้าไม่เป็นอะไร ข้าจะไปหาเจ้านางอินยา"
ติสสากลับสู่ความลุ่มหลง ผลักมารุตพ้นทาง ฝืนเจ็บเดินไป มารุตเห็นท่าไม่ดี ตะโกนเรียก
"เมฆา เมฆา กลับมาช่วยกันก่อน"
มารุตวิ่งไปขวางทาง
"ท่านไปหาเจ้านางอินยาไม่ได้"
เมฆาที่วิ่งกลับมายืนข้างมารุต แล้วบอก
"ท่านต้องกลับเรือน"
ทางด้านบน มรันมาเดินเร็วมาเห็นติสสา
"ข้าไม่กลับ เรือนไหน ข้าไม่ไป ข้าต้องไปหาเจ้านางอินยาเดี๋ยวนี้ เจ้านางอินยารอข้าอยู่"
มรันมาได้ยินก็ตกใจ
"พี่ชาย"
ติสสาจะเดินออกไป เมฆา มารุตขวางไว้เต็มที่
"ท่านไปหาเจ้านางอินยาไม่ได้ เมฆาดึงแม่ทัพไว้" มารุตบอก
สองคนช่วยกันดึงยื้อติสสา มรันมามองเหตุการณ์ตรงหน้า ทั้งเจ็บ แต่ติสสากลับมีเรี่ยวแรงมากมายมหาศาล ยกเท้าถีบเข้ากลางอกมารุตจนกระเด็นไป เมฆารีบดึงไว้ เจอเตะคว่ำไปอีกคน มรันมายืนตะลึง
ติสสาไม่สนใจลูกน้อง กัดฟันผ่านเข้าไปสู่เขตพระราชฐานอย่างเร็ว ปากเพ้อเรียกแต่ชื่อ
"เจ้านาง...เจ้านางอินยา ที่รักของข้า"
มรันมาวิ่งมาขวางไว้
"พี่ชาย"
ติสสาจ้องหน้ามรันมา
"น้องน้อยไม่ให้พี่ชายไปหาเจ้านางอินยา"
"ใครก็ห้ามไม่ได้ ถ้าข้าจะไปหาเจ้านางที่รักของข้า"
มรันมาตะลึง
"เจ้านางอินยา... ที่รักของพี่ชาย"
"ใช่ คนเดียวที่ข้าอยากเห็นหน้า อยากใกล้ชิดคือเจ้านางอินยา ถอยไป เสียเวลา"
มรันมาไม่ยอมดึงไว้สุดแรง ติสสาเหวี่ยงแรง จนมรันมาล้มลง มารุต เมฆาต่างตกใจ
"แม่ทัพ"
"มรันมา"
ติสสาแค่ปรายตามองมรันมานิดเดียว แล้วเดินเร็วออกไป มารุตช่วยดึงมรันมาลุกขึ้น
"พี่ชาย ทำไมพี่ชายถึงลืมน้องน้อยไปจากหัวใจ"
มรันมาสีหน้าไม่ยอมแพ้ เดินเร็วตามติสสาไปทันที เมฆากับมารุตแปลกใจที่ติสสาเปลี่ยนไป
ในท้องพระโรงศรีพิสยา ปรันมาเดินเร็วเข้ามา จันทเทวีที่รออยู่รีบเข้าไปหาพี่ชายด้วยความเป็นห่วง
"น้องได้ยินว่า ติสสาบาดเจ็บ"
"เราต้องรบกับนรสิงห์ แม่ทัพก็ยังมาแพ้ เจ็บหนัก"
"น้องว่าติสสาแปลกไป"
ปรันมาหันมองน้องสาวที่มีสีหน้าสงสัย
"ตั้งแต่ที่ไปตำหนักเจ้านางอินยา ทั้งๆที่ก็รู้ว่าเจ้านางอินยาคือคนทำร้ายพี่หญิงมรันมา"
"เป็นไปได้มั้ยว่าติสสากำลังสืบเรื่องสนมอเลยาให้พี่ ถึงต้องไปที่ตำหนักเจ้านางอินยา"
"ถ้าแม่ทัพติสสาจะใช้วิธีนั้น เค้าควรจะบอกพี่หรือมรันมาก่อน แต่ที่น้องรู้จากพวกข้าหลวงพูดกันว่าติสสาหายไปอยู่ที่ตำหนักกับเจ้านางทั้งคืน"
ปรันมาฟังอย่างไม่สบายใจ
อินยาที่ยืนอยู่หน้ากระจก ประตูห้องนอนเปิด อินยายิ้ม รู้ว่าใครกำลังมาหา ติสสาเลือดไหลโทรมร่างผ่านประตูเข้ามา
"เจ้านางอินยา"
ติสสาหมดแรง ทรุดลงที่พื้นตรงแทบเท้า เจ้านางอินยาประคองร่างไว้อย่างนุ่มนวล
"เจ็บมากมั้ย ติสสา"
"แค่เห็นหน้าเจ้านาง...ความเจ็บของข้าก็หายไปหมด"
อินยายิ้มลูบไล้ที่ใบหน้าติสสา
"มีแต่คนคิดจะใช้ประโยชน์จากเจ้า ดูสิ ปรันมาปล่อยให้เจ้าเจ็บหนักถึงขนาดนี้ ... ไม่ต้องกลัวนะติสสา ตำหนักของข้าจะเป็นที่พักพิงที่ดีที่สุดให้เจ้า"
อินยามองทอดสายตาด้วยความลุ่มหลง
"ร่างกายและหัวใจของเจ้า ปล่อยให้ข้าเป็นคนดูแล"
อินยายิ้มหวานหยดย้อยจนติสสาแทบคลั่ง ติสสากำลังจะเข้าประกองกอดอินยา แต่มรันมาพุ่งตามเข้ามาดึงติสสาไว้
"พี่ชาย"
ติสสาชะงัก แววตาวูบไหว
"พี่ชาย"
อินยาเลื่อนมือไปแตะต้นแขนติสาเบาๆ ผงมนต์ดำที่ซึมลงไปในเนื้อติสสา แววตาติสสาเปลี่ยนทันทีเจ้านางเรียกเสียงหวาน
"ติสสา"
ติสสาสะบัดดึงข้อมือออกอย่างแรง มรันมาไม่ยอมยังยื้อไว้
"พี่ชาย พี่ชายกลับเรือนไปกับน้องน้อยนะจ๊ะ"
ติสสาผลักมรันมาออกห่างกระเด็นไกล
"อย่ามายุ่งกับข้า"
มรันมาตะลึง ตรงข้ามกับอินยาที่สีหน้ายินดี
"พี่ชาย...น้องน้อยเป็นห่วงพี่ชาย กลับไปให้น้องน้อยทำแผลให้เถอะนะ"
ติสสาก้าวไปยืนข้างเจ้านางอินยา
"ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น หัวใจข้าอยู่ที่ไหน ร่างกายข้าก็ต้องอยู่ที่นั่น"
"ได้ยินมั้ย มรันมา หัวใจติสสาอยู่ที่นี่ ร่างกายที่น่าหลงใหลก็ต้องอยู่ที่นี่"
"พี่ชาย พี่ชายลืมน้องน้อย.... ลืมคำสัญญาของเราแล้วหรือจ๊ะ"
"ข้าไม่เคยสัญญากับผู้หญิงอย่างเจ้า"
มรันมาตะลึง
"พี่ชาย"
"อย่าทำเป็นหูทวนลม โง่งม ยื้อแย่งในสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้าเลย มรันมา... หรือต้องให้ติสสาสั่งทหารมาลากเจ้าออกไป ถึงจะเชื่อว่าติสสาไม่มีเยื่อใยกับเจ้า"
"ข้าไม่เชื่อว่า พี่ชายจะลืมข้า พี่ชายไม่มีวันละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีงามตลอดชีวิตพี่ชาย มาแปดเปื้อนมนต์เสน่ห์เล่ห์กลโสมม"
ติสสาตบหน้ามรันมาฉาดใหญ่
"หุบปาก"
มรันมาเซไปด้วยแรงตบ แววตาชอกช้ำ น้ำตาไหลพราก
"ได้ยินหรือไม่ นางทาสไพร่คนนี้มันด่าว่าข้า มันหาว่าข้าใช้มารยาหลอกล่อเจ้าให้หลงผิด มันหาว่าข้าเป็นหญิงชั่ว ไม่สมควรที่เจ้าจะมาอยู่กับข้า"
หัวใจติสสาถูกจุดด้วยไฟโกรธที่อินยาปั่นหู ติสสาพุ่งเข้าไปผลักมรันมาอย่างแรง
"ไปให้พ้นเจ้านางอินยา ไสหัวออกไป"
มรันมาจ้องหน้าพูดสวนขึ้น
"พี่ชายจะทำอะไรน้องน้อย"
ติสสามองจ้องมรันมาที่ไม่หลบตา เจ้านางรอฟังคำตอบของติสสาอยู่
"มันคนไหนกล้ามารบกวนใจเจ้านางอินยา ... ข้าจะฟันคอมันให้ขาดตรงนี้"
มรันมาตะลึง อินยายิ้มสะใจทันที ติสสาผลักอีก
"ไป"
มรันมาเซ น้ำตาคลอ
"พี่ชาย"
"พิรี้พิไร มารยาสาไถยนัก"
อินยาพุ่งเข้าไปตบมรันมาจนหน้าสะบัด
"ไปให้พ้นๆ หน้าได้แล้ว"
มรันมากุมแก้ม แววตาเจ็บปวด
"พี่ชายช่วยน้องน้อยด้วย"
"ได้ ข้าจะช่วยตบซ้ำอีกทีสำหรับความหน้าหนา ทนอยู่ รกหูรกตา อยากจะโดนอีกใช่มั้ย ยังไม่ไปอีก ...ไป"
มรันมาตะลึง อินยาเดินเข้าไปซบลงในอก ติสสากอดไว้ มรันมาสุดจะทนกับภาพความแนบชิด วิ่งออกไปทันที อินยามองตามด้วยความสะใจ
ปันแสงยืนมองมรันมา ด้วยแววตาและรอยยิ้มสะใจเพราะรู้ว่า เจ้านางอินยาคงจะลงมือกระหน่ำทำร้ายจิตใจมาแล้ว
เจ้านางอินยาประคองติสสาลงมาซบในอก
"จำไว้นะ ติสสา ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนอบอุ่นและจริงใจกับเจ้า เท่ากับที่ตรงนี้"
อินยากระชับอ้อมกอดให้ติสสาแนบกับหัวใจ แม่ทัพหนุ่มซุกลงไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
"ในชีวิตเจ้า มีเพียงหญิงเดียวที่รักและหวังดี ไม่เคยปรารถนาสิ่งตอบแทนใดใด"
"หญิงเดียวที่แสนดีกับข้า คือท่าน เจ้านางอินยา"
มนตร์ดำทำให้ติสสาลุ่มหลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เจ้านางอินยาทยิ้มอย่างมีชัยชนะ
มรันมาทรุดลงร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียใจที่ติสสาเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน
"น้องน้อยไม่ใช่หัวใจของพี่ชายอีกแล้ว หัวใจพี่ชายมีแต่เจ้านางอินยา"
เสียงสะอื้นผิดหวังในรักของมรันมาดังขึ้น ฟังแล้วยิ่งน่าสงสาร มารุตกับเมฆาเดินเข้ามาหาด้วยความร้อนใจ
"มรันมา ทำไมไม่เอาตัวแม่ทัพออกมาจากตำหนักเจ้านางอินยา"
สองคนเห็นมรันมาน้ำตานองหน้า
"ถ้าพี่ชายเต็มใจอยู่ที่นั่น ข้าก็รั้งพี่ชายออกมาไม่ได้"
"ต้องเป็นเจ้านะ มรันมา เจ้าเป็นผู้หญิงคนเดียวที่แม่ทัพรัก"
"ไม่ใช่หรอก มารุต...ไม่ใช่ข้า"
"ทำไมจะไม่ใช่ หรือเจ้าไม่รักท่านติสสาแล้ว ถึงปล่อยให้ท่านติสสาไปอยู่ตำหนักเจ้านางอินยา" เมฆาว่า
มรันมาสีหน้าเจ็บปวดกับคำถาม
"เจ้าคิดว่าข้าน่ะเหรอ ที่หมดรัก"
"มรันมา... ถ้าเจ้ายังรักก็ต้องรีบพาท่านติสสากลับมา" มารุตบอก
"ความรักที่ข้ามีให้พี่ชายไม่เคยเปลี่ยนแปลง พวกเจ้าต่างหากที่ต้องไปถามพี่ชายว่า หญิงใดกันแน่ที่พี่ชายต้องการให้อยู่เคียงข้างตอนนี้"
มรันมาถามด้วยเสียงและแววตาน้อยใจ
ในห้องนอน ติสสานอนอยู่บนเตียง เจ้านางอินยาซับเลือดที่เลอะอก ติสสามองเจ้านางด้วยสายตาสะลึมสะลือ
"เจ้านางเมตตาข้าเหลือเกิน"
อินยาบีบมือตอบติสสาเลื่อนมือมากุมมืออินยา แล้วสลบไป เจ้านางหันไปถามข้าหลวงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"ทำไมหมอยังไม่มาถึง"
อ่านต่อหน้าที่ 2
สาปพระเพ็ง ตอนที่ 6 (ต่อ)
ปันแสงมองหมอที่รีบเดินตามข้าหลวงผ่านเข้าไปด้านในตำหนัก อสุนียืนอยู่ด้านหลัง
"แม่ทัพศรีพิสยาพ่ายแพ้แม่ทัพของนรสิงห์"
ปันแสงแววตาเครียดกับอนาคตขึ้นมาทันที
"ศรีพิสยาจะเหลือรอดไปได้ยังไง"
ในเรือนติสสา มรันมานั่งสีหน้าไม่ดี จันทเทวีกับนันทวดีมองหน้ากัน
"เราต้องเอาตัวติสสาออกมาจากตำหนักเจ้านางอินยาให้ได้" จันทเทวีบอก
"ข้าทำแล้ว แต่พี่ชายเต็มใจจะอยู่ที่นั่น"
"แม่ไม่เชื่อว่า ลูกชายแม่จะเปลี่ยนใจไปจากเจ้า มรันมา"นันทวดีบอก
"ข้าเห็นกับตา แม่นันทวดี พี่ชายกอดอยู่กับเจ้านาง พี่ชายไล่ข้าออกมา ไม่ให้ไปรบกวนความสุข"
"ติสสาคนนี้ไม่เหมือนติสสาที่พวกเรารู้จัก"
"ข้าก็รู้สึกเหมือนเจ้านางจันทเทวี ติสสาไม่ใช่คนที่จะหลงไปกับความยั่วยวนสวยงามของเจ้านางอินยาง่ายๆ"
นันทวดีสีหน้าเห็นด้วย มรันมานิ่งคิด
กาหลงวิ่งเหลียวซ้ายแลขวาเข้ามาเรียก
"มรันมา"
ทุกคนมองกาหลง มรันมาลุกเข้าไปหา
"กาหลง มาทำไมค่ำมืดป่านนี้"
"เจ้านางเอาหมอมารักษาท่านแม่ทัพ แต่ถ้ารักษาไม่ดี ท่านแม่ทัพจะเจ็บหนักกว่าเดิม รีบไปเอาตัวคนรักของเจ้าออกมาเถอะ"
"ไปเถอะ มรันมา พาติสสาออกมาที่นี่"
นันทวดีแววตาขอร้อง มรันมาฟังแล้วลุกขึ้นทันทีด้วยความเป็นห่วงติสสา นันทวดีกับจันทเทวียิ้ม
"พาติสสากลับมาให้ได้นะ พี่หญิง"
มรันมาลุกขึ้นเดินเร็วออกไปกับกาหลง จันทเทวีกับนันทวดีเอาใจช่วย
ทางขึ้นเขตพระราชฐาน ตามทางเป็นคบไฟจุดเป็นระยะ มรันมาเดินเร็วมากับกาหลง มีทหารยืนเวรยามตามจุดตลอดทางขึ้นยาว มรันมาเอ่ยถามกาหลงด้วยความสงสัย
"กาหลง... ข้าถามอะไรอย่างนึง"
กาหลงมอง มรันมาถามต่อ
"พี่ชายไปตำหนักเจ้านางอินยาบ่อยๆใช่มั้ย"
"ข้าก็เพิ่งเห็นนะ หลังจากคืนนั้น ..."
"คืนไหน"
มรันมาหยุดฟัง
"คืนที่เจ้านางสั่งให้ทุกคนออกไปนอกตำหนัก ตอนเจ้านอนป่วยอยู่เรือนท่านแม่ทัพนอกวัง"
มรันมานิ่งคิด กาหลงจับมือเตือน
"แม่ทัพติสสารักเจ้าเท่าชีวิต ใครๆก็รู้ มรันมา...ของๆเรา ถึงมันจะเป็นของๆเรา แต่ถ้าเจ้าไม่จับไว้ให้แน่น ปล่อยให้หลุดมือบ่อยๆ... สักวันมันจะไม่กลับมาหาเรา"
มรันมาฟังแล้วรีบดึงกาหลงวิ่งเข้าไปด้านใน
ในห้องนอนเจ้านางอินยา ติสสาที่ทำแผลเสร็จแล้ว นอนหลับอยู่บนเตียง อินยานั่งมองอยู่ใกล้
หมอก้มหัวคำนับก่อนเดินตามข้าหลวงออกไป อินยาเอื้อมมือไปลูบไล้แผงอกกว้างของติสสา
"เจ้าคือทาสของข้า ติสสา ... ทาสทั้งร่างกาย หัวใจ และวิญญาณ"
มรันมาที่กาหลงพาหลบมาถึงตำหนักด้านใน
"เข้าไปสิ"
"ขอบใจมากนะ กาหลง รีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวอุตลาถามหา เจ้าจะเดือดร้อน"
"โชคดีนะ เอาคนรักของเจ้ากลับไปให้ได้"
กาหลงยิ้มให้กำลังใจ มรันมายิ้มตอบให้เพื่อน กาหลงรีบหลบออกไป
มรันมาเดินหลบมาจากตรงนั้น เข้าสู่ด้านในได้แค่สองสามก้าวมีมือมาดึงไว้
"นึกแล้วว่าต้องอดไม่ได้ที่จะมาดูใจคนรักที่นอนเจ็บ"
มรันมาหันขวับไปมอง
"เจ้าปันแสง"
"ข้าไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี ระหว่างความพยายาม กับความดื้อด้านของเจ้า"
"ท่านจะเรียกอะไร มันก็หมายความเหมือนกัน คือข้าเป็นห่วงพี่ชาย"
"ห่วงไปแล้วติสสามันสนใจไยดีกับความรู้สึกของเจ้าบ้างหรือเปล่า"
มรันมาหน้านิ่งลง ปันแสงยิ่งได้โอกาส
"ดูจากสภาพเจ้า ข้าว่า ไม่เลย"
"ความห่วงใยของข้ามาจากความจริงใจ ไม่หวังอะไรตอบแทน"
"เพ้อเจ้อ น่าสมเพช มานี่ อยากเห็นนักใช่มั้ย ข้าจะพาไปดูความจริงว่า คนรักของเจ้ามีความสุขมากแค่ไหนในตำหนักนี้"
ปันแสงกระชากมือมรันมาออกไปจากตรงนั้นทันที
ภายในห้อง อินยาเฝ้าซับเหงื่อติสสาจากพิษไข้ เขาลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นหน้าเจ้านาง ก็เอามือมาวางบนหน้าอกข้างซ้าย
ด้านนอกประตู ปันแสงแง้มประตูให้มรันมามองเห็นด้านใน
"ชื่นใจข้าเหลือเกิน ตื่นมาก็เห็นแววตาห่วงใยของเจ้านางที่มีให้ข้าคนเดียว"
"ไม่ใช่แค่ความห่วงใย หากข้าให้เจ้าได้ทั้งชีวิตและวิญญาณ"
ติสสาขยับตัวดึงอินยามากอดไว้แล้วกระซิบข้างหู
"ข้าอยากมีแรงมากกว่านี้ จะได้กอดเจ้านางให้สมกับความรัก ทั้งวันทั้งคืน"
"ศรีพิสยากำลังจะมีศึก เจ้าต้องออกไปทำหน้าที่แม่ทัพ จะนอนมองข้าทั้งวันทั้งคืนได้ยังไง"
"ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องเจ้านางและเจ้าปันแสงด้วยชีวิตของข้า"
ประตูห้องเปิดออก ปันแสงผลักมรันมาเข้ามาเห็นภาพอินยาที่ยิ่งเบียดลงในอกติสสา พลางส่งสายตาที่เหนือกว่าไปเยาะเย้ย
"เอามันเข้ามาทำไม เจ้าปันแสง"
ปันแสงหันไปยิ้มกับมรันมา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนเข้าอกเข้าใจ
"ข้าเวทนามัน ดูสิ มรันมา จะต้องให้ข้าอธิบายอีกมั้ยว่าติสสากำลังมีความสุขท่วมท้นล้นทะลักแค่ไหน"
"พี่ชาย"
ติสสาตวาดกลับมาทันที
"หยุดเรียกข้าว่าพี่ชายสักที"
อินยาแกล้งผละออกจากอกติสสาลงมายืน ติสสาลุกตามมายืนข้างๆ
"ที่นี่ไม่มีพี่ชายเจ้า มีแต่ข้า ติสสา แม่ทัพผู้มอบหัวใจไว้แทบเท้าเจ้านางอินยาแต่เพียงผู้เดียว"
ติสสาดึงเจ้านางมาจูบลงที่หน้าผากอย่างทะนุถนอม ภาพนั้นทำให้มรันมาน้ำตาทะลักทะลายออกมาด้วยหัวใจเจ็บช้ำ ปันแสงมองแล้วเอ่ยขึ้น
"กลับเถอะ มรันมา อย่าทำร้ายจิตใจเจ้าเองไปมากกว่านี้เลย เจ้าก็เห็นแล้ว ติสสาไม่เหลือใจไว้ให้ใครอีกแล้ว นอกจากเจ้านางอินยา"
มรันมาไม่สนใจคำพูดของปันแสง เดินเข้าไปหาติสสา
"พี่ชายเคยสัญญาว่าจะไม่ทำให้น้องน้อยเสียใจ แต่วันนี้พี่ชายกำลังทำร้ายหัวใจน้องน้อย"
"ผู้ชายก็ปากพล่อยอย่างนี้ทุกคน เวลาที่อยากได้ผู้หญิงไว้บำเรอความใคร่.... เชื่ออะไรกับสัญญาลมๆแล้งๆ" ติสสาพูดพลางหัวเราะในลำคออย่างสมเพช
มรันมาน้ำตาร่วง ตรงข้ามกับปันแสงและอินยาที่ยิ้มเย้ย ปันแสงทอดเสียงนุ่ม จงใจกรีดลึกลงไปในหัวใจที่กำลังเจ็บช้ำของมรันมา
"ในหัวใจติสสาไม่เคยจำเรื่องของเจ้าเลย สิ่งเดียวที่ติสสาจดจำคือความสุขมากมายที่เจ้านางอินยามอบให้"
มรันมาน้ำตานองหน้า ติสสาแววตาเฉยชา
"เจ็บใช่มั้ย มรันมา เจ็บที่รักถูกทอดทิ้ง ทรยศ เจ็บที่ไม่ใช่คนสำคัญ"
"พี่ชาย" มรันมาเรียกเสียงสะอื้น
"เอามันออกไปเถอะ เจ้าปันแสง... ข้ายังไม่อยากฆ่าผู้หญิง ต่อหน้าเจ้านางที่ข้ารัก"
มรันมาไร้เรี่ยวแรงจะยืนต่อไปได้ ปันแสงเข้ามาประคองไว้
"ได้ยินแล้วใช่มั้ย มรันมา ... หัวใจรักที่เจ้ามอบให้ มันถูกเหยียบย่ำทำลายไม่มีค่า เพราะหญิงที่อยู่ในใจติสสา คือเจ้านางอินยา ไม่มีเงาของเจ้าอยู่ตรงไหนในใจติสสา ไม่มี... ไม่มีอีกเลย"
อินยาคลี่ยิ้มอย่างผู้มีชัยเยาะเย้ยมรันมา ติสสาที่มองมรันมาอย่างสมเพช มรันมามองติสสาด้วยความผิดหวังท่วมท้น ติสสากระชากเจ้านางอินยามาจูบอย่างหลงใหล ดุดัน
มรันมาแทบยืนทรงตัวต่อไปไม่ไหว
ในวิหารปุระอมร เวลากลางคืน องค์นรสิงห์สีหบดีรอคอยคำตอบจากสุเลวิน
"ความรักที่พลาดหวัง ความรักที่ต้องแย่งชิงจะทำให้ความสามัคคีแตกสลาย นี่คือเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะเข้าครอบครองแผ่นดินศรีพิสยา"
นรสิงห์ยิ้ม ตรงข้ามกับสีหสา
"ไม่ต้องให้เจ้าทำนาย ทุกคนก็รู้ ดาบของข้าเพิ่งทำให้ติสสาเจ็บหนัก แคว้นเล็กๆที่ขาดแม่ทัพ ยังไงก็ต้องแพ้เรา"
"ถ้าทำได้อย่างที่พูดจริงๆ คราวที่แล้ว บุกถึงกลางตลาดศรีพิสยา ท่านคงไม่บาดเจ็บกลับมาเพราะฝีมือติสสา"
"ปากชั่ว ข้าไม่ได้แพ้ติสสา"
สีหสาโมโหดึงดาบออกมาจ่อ สุเลวินยืนเฉย นรสิงห์หัวเราะขึ้น สีหสาหันไปมอง
"ชักดาบออกจากฝัก แล้วต้องถึงเลือด ถึงชีวิต ถึงฆ่านะ สีหสา"
"ขอแค่ท่านอนุญาตให้ข้าลงโทษปากที่มันชอบดูถูกคน"
"เจ้าจะฆ่าสุเลวินก็ได้"
สีหสายิ้ม สุเลวินหน้านิ่งลง
"แต่จงหาคนที่มีญาณทิพย์ นิมิตรวิเศษเสมอเหมือนสุเลวินมาให้ข้าด้วย"
สุเลวินสีหน้าผ่อนคลายลง ต่างจากสีหสาที่หน้าเครียดทันที
"ข้าพร้อมจะตายแล้ว สีหสา"
สีหสายิ้มมองสุเลวิน น้ำเสียงกวนโมโห
"ดาบเจ้าคงคมพอที่จะบั่นคอข้าขาดลงไปในทีเดียว อย่าให้เหมือนที่แทงติสสา แทงแล้วแทงอีก แต่ติสสาก็ยังไม่ตาย"
น้ำเสียงสุเลวินราบเรียบ แต่เหมือนยิ่งเยาะให้สีหสาโมโห นรสิงห์ชอบใจ สนุกที่จะได้เห็นสองคนปะทะคารมกัน
"อ๊ะ ปากโหรคมกริบซะยิ่งกว่าดาบแม่ทัพของข้า วาเร อย่างนี้มันต้องห้ำหั่นเชือดเฉือนกันให้ถึงแก่นกระดูก"
สีหสาตาลุกวาวกราดเกรี้ยว เงื้อดาบขึ้นสูงแล้วฟันลงไปอย่างแรง เสียงดังก้องสะเทือน เสาหินข้างตัวสุเลวินถูกฟันจนกะเทาะแตกกราวลงมากว่าครึ่งด้วยแรงมหาศาลของสีหสา
นักรบทุกคนกังวลกับบรรยากาศเครียด ยกเว้นเพียงนรสิงห์ที่มีรอยยิ้มบนในหน้า แววตาพินิจ ลึกซึ้ง
ในห้องนอนเจ้านางอินยา ติสสากระชับอ้อมกอดเจ้านางไว้แน่น
"จะต้องให้ข้าด่าว่าอีกแค่ไหน เจ้าถึงจะยอมไปให้พ้นหน้า ไม่มารบกวนข้ากับเจ้านางอินยาอีก นางทาสมรันมา"
"ไม่ต้องด่าว่าน้องน้อยหรอกพี่ชาย น้องน้อยรู้แล้ว"
"รู้แล้วก็ไปซะ ทำไมต้องให้ข้าไล่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
"พอเถอะ ติสสา สงสารเค้า ข้าเข้าใจหัวอกของลูกผู้หญิงด้วยกันนะ ยามรัก ยามหลง"
"ไร้ยางอาย เจ้านางจะสงสารทำไม เห็นหรือยัง มรันมา... เจ้านางเมตตาเจ้าขนาดนี้ ยังจะอยู่ให้เกะกะสายตาเจ้านางอีก"
มรันมาสะอื้นโฮกับความเกลียดชังที่ติสสาพูดและแสดงออก ปันแสงโอบประคองร่างมรันมาไว้ ทอดเสียงเหมือนเต็มไปด้วยความเห็นใจ
"ยืนขึ้นเถอะ มรันมา ยืนขึ้น"
ปันแสงดึงมรันมาที่ไร้แรงต้านทานมาพิงในอก
"มองภาพนี้ให้เต็มตา มรันมา... มองแล้วจดจำมันไว้ สอนหัวใจพ่ายแพ้ของเจ้า"
ปันแสงดึงตัวมรันมาเผชิญหน้าภาพรักเบื้องหน้า
"ความรักที่วางแทบเท้า มันไร้ค่า เทียบไม่ได้เลยความรักความเสน่หาที่ติสสามอบให้เจ้านางอินยา ผู้หญิงที่ครอบครองติสสาทั้งชีวิตทั้งหัวใจ ... คือเจ้านางอินยา คนเดียว"
"ปล่อยข้า ปล่อย"
มรันมาแทบยืนไม่ไหว ปันแสงดึงร่างมรันมาที่ช้ำไปทั้งใจพ้นไปจากห้อง อินยาในอกติสสายิ้มอย่างผู้มีชัยชนะเด็ดขาด ติสสาไม่เหลือความรักความห่วงใยมรันมาในแววตาอีกเลย
สวนตำหนักเจ้านางอินยา ปันแสงเหวี่ยงมรันมาที่น้ำตานองหน้าลงทรุดกองกับพื้น
"กลับไปซะ มรันมา กลับไปอยู่กับความเสียใจ ความเจ็บปวด"
ปันแสงแววตากระด้าง รอยยิ้มเยาะผุดขึ้นในหน้า
"ลิ้มรสความผิดหวัง ขมขื่นไปชั่วชีวิต"
ปันแสงมองมรันมาด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
"ไม่ต้องรอคอยเวลาแก้แค้น เพราะชีวิตทาสไพร่อย่างเจ้า มันไม่มีค่าอะไร ถึงเจ้าจะตายไปสักคน ทั้งศรีพิสยาก็ไม่มีใครไยดี"
ปันแสงเดินออกไป ทิ้งมรันมาไว้กับความโศกเศร้าอาดูร
ในวิหารปุระอมร นรสิงห์มองสุเลวินกับสีหสาที่อยู่กันคนละด้าน
"ชัยชนะเหนือศรีพิสยาจะไม่ได้มาจากดาบของท่าน สีหสา แต่มันมาจากดาบภายในที่ศรีพิสยาทิ่มแทงกันเอง" สุเลวินบอก
"อย่ามาอวดอ้างญาณวิเศษเอาความดีความชอบ สุเลวิน เจ้าก็ได้แต่นั่งทำนายอยู่ตรงนี้ ข้ากับนักรบของข้าต่างหากที่ยอมพลีชีวิตเพื่อองค์นรสิงห์"
"ต่อให้สู้รบอีกร้อยครั้ง ท่านก็แค่ม้าศึกที่ถูกบังตา เห็นแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ตาที่บอดสนิทของข้ายังเห็นได้ลึกซึ้งกว่าตาที่เปิดอยู่ของท่าน"
"งั้นข้าจะควักลูกตาที่บอดสนิทของเจ้า ออกมาใส่กับทหารเลวของข้า"
สีหสายกมือเหมือนจะพุ่งเข้าไปควักตาสุเลวินออกมา
นรสิงห์ยิ้มๆ เอ่ยขึ้น
"ลูกตาสองข้างนั่นมันก็ไร้ประโยชน์อยู่แล้ว ถึงควักออกมา สุเลวินก็คงไม่เสียดายเท่าไหร่นะ สีหสา เห็นทีว่าเจ้าคงจะเหนื่อยเปล่า"
"ท่านปกป้องมัน"
"ข้าจะไม่ปกป้องใครที่ไร้ประโยชน์กับข้า"
นรสิงห์กวาดตามองทุกคน
" และข้าก็จะไม่ไว้ชีวิตใคร ที่ขัดขวางความยิ่งใหญ่ของข้าเหมือนกัน"
"องค์จะยิ่งใหญ่เป็นราชันย์ หากบุกศรีพิสยาในเวลานี้" สุเลวินบอก
"ดี... ในเวลาที่ข้ารอคอย กระหายจะเอาเลือดปรันมามาล้างเท้า พวกเจ้ากลับมากัดกัน
ต่อหน้าข้าเหมือนสัตว์เดรัจฉาน"
สีหสากับสุเลวินเงียบ นรสิงห์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
"แต่เจ้ายังมีประโยชน์กับข้าทั้งคู่ ลมหายใจเลยยังอยู่กับเจ้าทั้งสองคน"
ทั้งคู่รอฟังคำสั่ง
"เตรียมนักรบของเราทั้งหมด ข้าอนุญาตให้ศรีพิสยามันรื่นเริง มีความสุขกันมานานพอแล้ว"
ในเรือนติสสา มรันมานั่งซบท่อนแขนร้องไห้ แววตาเศร้าซึม นันทวดีเข้ามามองอย่างสงสาร ทนต่อไปไม่ได้
"แม่เอง แม่เป็นแม่ ติสสาจะไม่ฟังแม่ก็ให้มันรู้ไป แม่จะไปเอาตัวติสสามาจากตำหนักเจ้านางอินยา"
"อย่าไปเลย แม่นันทวดี ถึงเราบังคับเอาตัวพี่ชายมาได้ แต่หัวใจพี่ชายก็จะดิ้นรน กลับไปหาเจ้านางอินยาอีก"
นันทวดีฮึดอัด กาหลงเดินเข้ามา นันทวดีเห็นก็ถาม
"ลูกชายข้าเป็นยังไงบ้าง"
"ท่านแม่ทัพไม่ออกมาจากห้องเจ้านางอินยาเลย"
กาหลงตอบตรงๆ มรันมาฟังแล้วยิ่งช้ำ นันทวดีมองมรันมาอย่างสงสารแล้วเดินออกไป กาหลงมาใกล้
"ถ้าเจ้าอยากไปหาท่านแม่ทัพอีก"
"จะให้ข้าไปทำไม กาหลง ในเมื่อตอนนี้น้องน้อยคือคนที่พี่ชายรังเกียจที่สุด"
มรันมาสะอื้นเบาๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาด้วยความเสียใจ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปท่ามกลางสายตาสงสารของนันทวดีกับกาหลง
ในห้องนอน เจ้านางค่อยๆดึงมือติสสาที่หลับสนิทออก แล้วลงจากเตียงมายืนมอง อินยาหันไปหยิบห่อผงมนตร์ดำทั้งห่อโรยที่ร่างของติสสา ผงนั้นซึมเข้าไปทั้งร่างติสสาที่นอนไม่รู้สึกตัว
ปันแสงหันไปมองเจ้านางอินยาที่เดินเข้ามาใกล้
" แผนของลูกสำเร็จแนบเนียนที่สุด เก่งเหลือเกินลูกแม่ นังมรันมามันแทบจะควักหัวใจของมันออกมาเขวี้ยงทิ้ง"
"มรันมา มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไปแล้ว เจ้านาง"
อินยามองปันแสงที่สีหน้ามีความกังวล
"เจ้ากังวลเรื่องอะไร"
"ตอนนี้ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ กองทัพนรสิงห์จะบุกศรีพิสยา"
"ติสสาจะปกป้องเราสองคน"
"ลำพังติสสาคนเดียวจะสู้กองทัพทมิฬของนรสิงห์ได้ยังไง ข้าคิดว่าเราควรจะหนี ให้ติสสาคุ้มกันเราออกไปก่อน ปรันมาอยากสู้ ก็ให้มันสู้ไป"
"แต่เจ้าควรได้นั่งบัลลังก์ศรีพิสยา"
"บัลลังก์นั้นจะมีแต่ซากศพทันทีที่นรสิงห์เหยียบเข้าเมือง"
"ไม่... แม่ยอมไม่ได้ ในแผ่นดินนี้ ใครจะใหญ่เหนือลูกของแม่ไม่ได้"
"ข้าอยากเป็นกษัตริย์ที่ยังมีลมหายใจอยู่กับร่าง"
"เราจะมีลมหายใจ จะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่าไอ้ปรันมา"
อินยามองลูกแววตาให้ความเชื่อมั่น
"ปันแสง ลูกต้องได้เป็นเจ้าศรีพิสยาองค์ต่อไป"
ปันแสงเมินหน้าหนี ขัดใจกับคำพูดของแม่ อินยาแววตาคิดออก
"มีคนๆนึงที่ช่วยเราได้"
ปันแสงมองเจ้านางอินยาด้วยสายตาอยากรู้
เช้าวันใหม่ บริเวณทางเดินทอดยาวขึ้นสู่เขตพระราชฐาน ด้านล่าง ขบวนทหารของเมืองสีมินเข้ามาหยุด เจ้าแสงมินลงจากเสลี่ยง มองไปที่ทางขึ้น เจ้านางอินยาและเจ้าปันแสงก้าวออกมา อสุนีและทหารองครักษ์ยืนเรียงราย
แสงมิน เจ้าเมืองญาติผู้พี่ของเจ้านางอินยาเดินขึ้นมา มีเหล่าทหารตามมาด้านหลัง แสงมินมาหยุดลงตรงหน้าเจ้านาง อินยายิ้ม ย่อตัวถวายความเคารพ
"ขอบคุณเจ้าแสงมินที่มาตามคำเชิญของข้า"
แสงมินยิ้มตอบด้วยแววตาแพรวพราว
"ถึงเราจะเป็นเพียงญาติห่างๆ แต่ข้าก็ไม่เคยลืมใบหน้าอันงดงามของเจ้านางอินยา ยังคิดว่ามาถึงศรีพิสยาช้าไปด้วยซ้ำ"
แสงมินมองรอยยิ้มยั่วยวนของเจ้านางอินยา แล้วหันไปทางปันแสง
"ปันแสง สง่างามสมเป็นชาติบุรุษคู่ควรกับการครองบัลลังก์"
ปันแสงยิ้มต้อนรับเจ้าแสงมิน
"แต่ก็ยังไม่เป็นที่รัก เป็นที่สรรเสริญไปทุกแคว้นเช่นท่าน เจ้าแสงมิน เชิญท่านไปพักเหนื่อยจากการเดินทางในตำหนักของเราก่อน"
แสงมินยิ้มกว้างอย่างพอใจกับคำเชื้อเชิญอย่างมีนัยของปันแสง
ในตำหนักเจ้านางอินยาแสงมินอยู่ท่ามกลางนางข้าหลวงสาวสวย 4 คน ที่บีบนวดแขนและขาอยู่
ปันแสงนั่งยิ้มมองอยู่ตรงข้าม
"ตำหนักเจ้านางอินยานี่ช่างสรรหาความเพลิดเพลินมาต้อนรับแขก"
"นี่แค่ความสำราญเล็กๆน้อย ยังมีที่ข้ากับเจ้านางจัดเตรียมไว้ให้ท่านมีความสุข"
แสงมินมองรอยยิ้มปันแสง แล้วมองข้าหลวงสาวที่เอาใจแล้วยิ้ม
"สงสัยธุระที่เจ้านางอินยาเชิญข้ามาปรึกษา ต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก"
ปันแสงเอื้อมไปรินเหล้าลงในแก้วเจียระไนสีสวยของแสงมิน เพื่อให้เกียรติ แล้วส่งให้
"อย่าเพิ่งคุยเรื่องอื่นเลย ข้าอยากให้ท่านพอใจกับการต้อนรับของเรา"
เจ้าแสงมินรับแก้วมาจิบ แววตาพราวไปด้วยความสุขเยี่ยงชายที่ได้เพลิดเพลินไปกับสุราและนารี
ปันแสงยิ้มนัยน์ตาลึกซึ้งไปด้วยแผนการ
เวลากลางวัน มรันมากำลังนั่งสวดมนต์อยู่ที่หน้าวิหารหลวงศรีพิสยา สายตามองจับจ้องไปยังเบื้องบนเหมือนกำลังอ้อนวอนต่อเทพผู้คุ้มครองศรีพิสยา
"ตำหนักเจ้านางอินยาคงมอบแต่ความสุขให้ จนพี่ชายไม่อยากออกมาพบใครอีก"
แววตามรันมาหม่นหมองด้วยความทุกข์
"ข้าขอให้พี่ชายหายจากบาดแผล ขอให้พี่ชายปลอดภัยเวลาที่ต้องต่อสู้กับกองทัพนรสิงห์ ขอให้คุณความดีทั้งหมดในศรีพิสยาปกป้องคุ้มครองพี่ชายของน้องน้อย"
มรันมาหลับตาลงทำสมาธิสวดมนต์ แต่ไม่อาจทำสมาธิได้ ลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าหมองเต็มที
เจ้านางอินยาเดินเข้ามาในห้องที่แสงมินกำลังอยู่กับข้าหลวงสาวทั้ง 4 ปันแสงคอยรินสุราลงในแก้วเจียระไนสีสวย
"คุยธุระกันสักทีดีมั้ยเจ้านาง ก่อนที่ข้าจะสำลักความสุขตายอยู่ที่นี่"
เจ้าแสงมินหัวเราะครื้นเครงหอมแก้มข้าหลวงซ้ายขวา ท่าทางไม่ได้อยากจะคุยธุระอย่างที่พูดแต่อย่างใด
"ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้ากับปันแสงก็จะดีใจมาก เรื่องธุระไว้ทีหลังเถอะ เจ้าแสงมิน ตอนนี้ข้าอยากพาท่านไปที่ๆหนึ่ง"
"ที่ไหนกัน"
"วิหารหลวงศรีพิสยา"
แสงมินสีหน้าไม่สนใจ
"วิหารหลวงศรีพิสยา เอาไว้ค่อยแวะตอนข้าจะกลับดีกว่า"
"ศรีพิสยาได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยงามไปทุกหนทุกแห่ง โดยเฉพาะที่วิหารหลวง"
เจ้าแสงมินหันไปหยอกล้อกับข้าหลวงสาวทันที ปันแสงมองเจ้านางอินยาที่ยิ้มอย่างใจเย็น
"และที่วิหารหลวงก็มีความงามอย่างหนึ่งที่ท่านจะต้องตาต้องใจ"
เจ้าแสงมินได้ยินก็หันกลับมามองเจ้านางอินยาสายตาคมปลาบ รู้ความนัยว่า หมายถึงสตรี
"เจ้านางบอกว่า ... ต้องตาต้องใจ"
"น้องนางคนนึงของเจ้าปรันมาชอบไปสวดมนต์ที่วิหารหลวง"
แสงมินลุกขึ้นดันข้าหลวงที่คลอเคลียออกไปทันที
"น้องนางเจ้าปรันมา เจ้าจันทเทวีน่ะหรือ"
"ทุกแคว้นอาจจะเคยได้ยินว่าเจ้านางจันทเทวีงามดั่งดวงจันทร์ผุดผ่อง แต่ศรีพิสยายังมีนางน้องอีกคนที่ถูกเก็บซ่อนไว้จากสายตาชาย"
"ได้ยินเจ้านางเล่าอย่างนี้ ไปกันเลยดีมั้ย"
อินยากับแสงมินยิ้มให้กันอย่างคนที่รู้ความนัยว่า หมายถึงมรันมา
ในวิหารหลวงศรีพิสยา มรันมาก้มลงกราบด้วยท่าทางงดงาม อ่อนช้อย เจ้าแสงมินลงมานั่งใกล้
มรันมาตกใจ เจ้าแสงมินตะลึงลานในความงามในระยะใกล้
"ท่านเป็นใคร ขึ้นมาถึงวิหารหลวงนี้ได้ยังไง"
"ไม่ต้องตกใจไปหรอกน้องนางมรันมา"
"ท่านรู้จักข้า"
"ข้าย่อมรู้จักสตรีผู้ควรค่าแก่การสนิทสนม ข้าเจ้าแสงมินแห่งเมืองสีมิน"
แสงมินส่งยิ้มให้ อีกด้านหนึ่ง อินยา ปันแสงยืนมองอยู่ มีอสุนีเป็นองครักษ์อยู่เบื้องหลัง
"เจ้านางจะยกมรันมาให้เจ้าแสงมิน"
อินยาหันมายิ้มอย่างเยือกเย็น มองปันแสงด้วยแววตาสั่งสอน
"อย่าเสียดายมัน ข้าอยากส่งมันไปให้พ้นๆหน้า"
"ข้าไม่เคยเสียดายทาสหญิงคนเดียว แต่ได้ยินว่าเจ้าแสงมินมีเจ้านางฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวาอยู่แล้ว แผนกำจัดศัตรูของเจ้านางอาจจะไม่สำเร็จง่ายๆ"
"มรันมาไม่มีวันได้เป็นเจ้านาง ข้ายกมันให้เป็นของเล่นเจ้าแสงมินก็เท่านั้น"
"แต่เราจะได้เจ้าแสงมินมาช่วยทวงบัลลังก์คืนจากปรันมา ถึงตอนนั้น ข้าจะมีหญิงงามเป็นร้อยมาอยู่แทบเท้า เพราะฉะนั้นถ้านางทาสมรันมามันจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ข้าก็สมควรจะต้องช่วยส่งมันไปทำหน้าที่บำเรอความสุขเพื่อบัลลังก์ของข้า"
สองคนที่ยิ้มร้ายให้กันแล้วเดินออกไป
มรันมาที่กำลังจะลุกขึ้น เจ้าแสงมินรีบกระเถิบหันหน้ามาหาทันที ส่งสายตาออดอ้อน
"ถ้าไม่รบกวน อยากให้น้องนางช่วยเล่าเรื่องพิธีบูชาเพ็งให้ฟังสักนิด เล่าลือว่า สวยงามเกินกว่าที่ใครจะนึกฝัน"
"ข้าไม่ใช่น้องนาง"
"ชอบให้ข้าเรียกว่ายังไง ก็บอกเถอะ มรันมา ข้าจะตามใจเจ้าทุกอย่าง"
มรันมามองแสงมินที่ส่งสายตาทอดหวานเอาใจ
อ่านต่อหน้าที่ 3
สาปพระเพ็ง ตอนที่ 6 (ต่อ)
ทางขึ้นเขตพระราชฐานชั้นใน ทั้งสองคนกำลังเดินลงมา ด้านหลังมีอสุนีกับทหารองครักษ์ตามหลัง
"รีบหาวิธีให้เร่งเจ้าแสงมิน เอาตัวมรันมาไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด" อินยาว่า
"เจ้านางจะได้นอนกอดเกยกับแม่ทัพหนุ่มอย่างสุขสม ไร้กังวล"
"แม่มันแย่งเจ้าศรีพิสยาไป ลูกมันก็ต้องชดใช้คนรักให้ข้า"
"ตอนนี้หัวใจที่แตกละเอียดของมรันมาคงต้องการชายคนใหม่มาเยียวยา"
อินยามอง ปันแสงยิ้มมั่นใจ
"เชี่ยวชาญเรื่องเอาใจผู้หญิงอย่างเจ้าแสงมิน คงต้อนลูกกวางน้อยสู่กรงเล็บได้ไม่ยาก"
ทั้งสองคนที่ยิ้มให้กัน เดินลงจากวิหารหลวงไปด้วยความมั่นใจ
ในวิหารหลวงศรีพิสยา มรันมาเดินอยู่รอบวิหาร เจ้าแสงมินเดินตามไม่ห่าง
"ท่านควรจะเห็นพิธีบูชาพระเพ็งด้วยตาของท่านเองว่าสวยงามแค่ไหน"
"ข้าถือว่าเจ้าชวนข้าให้อยู่ที่ศรีพิสยาต่อ ซึ่งข้าก็จะไม่ปฏิเสธ"
"เจ้าแสงมิน ท่านยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ข้าจะชวนให้ท่านอยู่ในฐานะแขก เจ้าปรันมาต่างหากที่จะเป็นคนเชิญให้ท่านอยู่ที่นี่"
"น่ารักจริงๆ ข้าชอบผู้หญิงที่อ่อนหวานอย่างเจ้า"
มรันมาสีหน้าอึดอัด ไม่ชอบใจกับคำชมและสายตาทอดหวานของแสงมิน
ในตำหนักเจ้านางอินยา ติสสายืนกระวนกระวาย เจ้านางอินยาเดินมากับปันแสง ติสสาพุ่งเข้าไปหาเจ้านางทันที
"ข้าตื่นมาไม่เห็นเจ้านาง"
"ข้าออกไปไหว้พระที่วิหารหลวง"
"ทำไมไม่รอข้า"
"ข้าอยากให้เจ้าพักผ่อนบ้าง ... ติสสา"
อินยาวางมือลงบนอกติสสา ที่กุมมือเจ้านางไว้เหมือนกลัวจะหลุดหาย ปันแสงมอง
"กุมมือเจ้านางไว้ให้ดีนะ ติสสา อย่าให้ใคร โดยเฉพาะทัพของนรสิงห์มาพรากเจ้านางไปจากเจ้าได้เป็นอันขาด"
"ไม่ต้องห่วง เจ้าปันแสง...เมื่อใดที่นรสิงห์บุกศรีพิสยา ข้าจะเอาชีวิตปกป้องท่านกับเจ้านางอินยา"
ติสสาแววตามุ่งมั่นแรงกล้า อินยากับปันแสงยิ้มสมใจที่จะมีแม่ทัพติสสาคอยปกป้องคุ้มครองความปลอดภัย
ทางเดินรอบวิหารหลวงมรันมาเดินลงมาจากวิหาร แสงมินเดินตาม มรันมาเร่งเดินหนี
"มรันมา หยุดคุยกันก่อน"
"ไม่ได้ ข้ามีงานต้องทำ"
"ทำงาน มีงานอะไรที่น้องนางต้องทำ"
มรันมาหันมามอง
"เจ้าแสงมิน ท่านคงไม่รู้ว่าข้าเป็นทาส"
"ทาส"
"ใช่... ข้าเป็นเพียงทาส ไม่ใช่น้องนางอย่างที่ท่านเข้าใจผิด"
มรันมาหันหลังเดินเลี้ยวจากไปอย่างเร็ว แสงมินมองตามด้วยรอยยิ้มกระหายในตัวมรันมา
"เหมือนที่เจ้านางอินยาบอกไว้ น้องนางที่ซ่อนตัว ปิดบังฐานะ อ่อนหวาน บริสุทธิ์เหนือกว่าผู้หญิงทุกคนในศรีพิสยา"
ปรันมามองเมฆากับมารุตที่ยืนตรงหน้า สองคนสีหน้าร้อนใจ
"เจ้าแสงมินมาเป็นแขกของตำหนักเจ้านางอินยา มีเจ้าปันแสงดูแลต้อนรับ" เมฆาบอก"แม่ทัพติสสาก็ยังไม่ออกมาจากตำหนักเจ้านางอินยาเลย" มารุตว่า
ปรันมาสีหน้าใช้ความคิด
"ตำหนักเจ้านางอินยามีแขกพิเศษถึง 2 คน คนหนึ่งกษัตริย์ต่างแคว้น คนหนึ่งนักรบของข้า เจ้านางอินยากับปันแสงคงไม่ได้คุยเรื่องธรรมดาๆ กับคนสำคัญ 2 คนนั่นแน่ๆ"
"แม่ทัพเองก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน" เมฆาว่า
"ข้ามั่นใจว่าเจ้านางอินยากำลังทำเรื่องไม่ดี" มารุตบอก
"เสน่ห์ที่เคลือบพิษร้ายอาจจะกำลังทำลายศรีพิสยา เมฆา มารุตจับตาที่ตำหนักเจ้านางอินยาไว้"
เมฆา มารุตก้มหัวรับคำแล้วรีบเดินออกไป ปรันมาสีหน้ามีกังวล
ในท้องพระโรงปุระอมรสุเลวินมองเห็นลึกลงในนิมิตรเห็นความวุ่นวายของศรีพิสยา
"ความหวาดระแวง แก่งแย่งภายใน และมิตรที่ไร้ความจริงใจ เป็นเหมือนแร้งกาที่กำลังช่วยฉีกทึ้งซากศพเช่นศรีพิสยาให้ขาดออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ"
นรสิงห์ที่ได้ยินก็ยิ่งพอใจ
"ดีจริง ข้าชอบเหยียบศพเน่าให้นุ่มเท้า ข้าชอบกลิ่นคาวเลือด"
สีหสา วาเร ไพลินเดินเร็วเข้ามา
"องค์นรสิงห์ ... ข้ามีเรื่องด่วน"
นรสิงห์มองสีหสา
"การข่าวของเรารายงานว่า มินโลกำลังซ่องสุมกำลังเพื่อยึดเมืองคืนจากเรา"
"ข้าเป็นคนเอาชีวิตเจ้าเมืองมินโลกับลูกเมียมัน ส่งไปนรกหมดทุกคนแล้ว"
"มีเชื้อสายเจ้ามินโลหลายคนที่หนีไปได้ พวกมันกำลังเจรจาซื้ออาวุธจากต่างแคว้น"
"มินโลเป็นแค่แคว้นเล็กติดชายแดน มีความสำคัญเพียงน้อยนิด" สุเลวินบอก
สีหสาหันไปจ้องสุเลวินที่เดินมายืนเทียบ
"ครอบครองศรีพิสยาเมื่อไหร่ พลังอำนาจขององค์นรสิงห์จะแผ่กำจายไปทั้งดินแดน"
"แต่มินโลมันกำลังท้าทายเรา"
"ยิ่งท้าทาย ข้ายิ่งกระหายเลือด ถ้ามันคิดว่าข้าจะปล่อยให้คนแค่หยิบมือ มายึดเมืองกลับไปได้ง่ายๆ ข้าจะยื่นความตายให้มันทุกคนไม่ให้เหลือแม้แต่เศษวิญญาณ"
"ข้ากับนักรบทั้งหมดพร้อมแล้ว"
"เสียดาย น่าเสียดายที่เราจะเสียโอกาสดีที่สุดในการบุกศรีพิสยา"
สุเลวินท้วงขึ้นด้วยความกังวล
ในหอขวัญเมือง ปรันมายืนอยู่หน้าเมืองมาสที่กำลังมองลงไปในฌาณ
"ศรีพิสยาต้องการตัวแม่ทัพติสสา เราต้องเอาตัวติสสาออกมาจากตำหนักเจ้านางอินยาเดี๋ยวนี้...เมืองมาส"
"สิ่งชั่วร้ายกำลังครอบงำติสสา"
"สิ่งชั่วร้ายอยู่ที่ไหน จงบอกเรา"
ปรันมาสีหน้าอยากรู้เต็มที
ในตำหนักเจ้านางอินยาปันแสงกำลังสั่งอสุนี
"รีบไปพาตัวแม่เฒ่ามาที่นี่ ข้าต้องเอาตัวมันไว้ในที่ปลอดภัย"
อสุนีก้มหัวรับคำสั่งแล้วรีบพุ่งออกไปอย่างเร็ว
ปรันมามองเมืองมาสกับนักบวชที่กำลังล้อมวงตั้งจิตภาวนาอย่างแรงกล้า ปรันมาอดทนรอ
ครู่เดียว... แสงขาวเรืองขึ้นเป็น 2 สาย คือ ผีขวัญและผีเมืองที่คุ้มครองอุปถัมภ์เมืองศรีพิสยา ปรันมามองยินดี แสงขาวทั้ง 2 เส้นพุ่งออกไปจากหอขวัญเมืองอย่างเร็ว ปรันมายิ้ม ดีใจที่อำนาจแห่งผีขวัญและผีเมืองกำลังจะช่วยทำลายสิ่งชั่วร้าย
ในถ้ำ แม่เฒ่าที่กำลังหลับตานั่งบริกรรมคาถา รู้ด้วยญาณว่ากำลังจะมีภัย จึงหันไปเอื้อมหยิบมีดอาคมที่วางข้างตัว แต่แสงแห่งผีขวัญ ผีเมืองพุ่งเข้ามาเร็ว แม่เฒ่าตกตะลึง รีบคว้ามีดกำไว้ ผีขวัญและผีเมืองเลี้ยวลดอ้อมรอบตัว อีกฝ่ายรีบกวัดแกว่งมีดต่อสู้
แม่เฒ่าจ้วงแทงไปที่ผีขวัญ ผีเมืองพุ่งมาจากด้านหลังทะลุร่างแม่เฒ่า ผีขวัญตามมารัดร่างแม่เฒ่า
เครื่องบริกรรมที่แม่เฒ่าใช้ทำอาคม ปะทุขึ้น แตกกระจาย
ในห้องนอนเจ้านางอินยา ติสสาที่นอนหลับพักฟื้นอยู่บนเตียง ร่างกระตุก สะดุ้งเฮือกจากมนตร์ดำที่ถูกทำลาย
ในถ้ำ ผีขวัญ ผีเมืองที่รัดร่างแม่เฒ่าที่กรีดเสียงร้องยาว พลังแห่งคุณธรรมของผีขวัญผีเมืองทำลายมนตร์อาคม จนตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่างหมดสติล้มลง ผีขวัญ ผีเมืองพุ่งออกไปจากถ้ำ
ฝ่ายติสสาปวดร้าว เหมือนถูกฉีกร่างแหลกออกเป็นชิ้นๆ จากอาคมมนตร์ดำที่เสื่อมลง
"ปวด... ทำไมปวดอย่างนี้"
ติสสาครางไม่ได้ศัพท์ ทั้งร่างบิดเร่า
ในถ้ำ อสุนีวิ่งเร็วเข้ามา แบกร่างแม่เฒ่าขึ้น เมฆา มารุตพุ่งตามเข้ามา อสุนีหันไปทันที
"ออกไป พวกแกไม่เกี่ยว"
"เกี่ยวสิวะ ถ้านังแม่เฒ่านั่นมันมีส่วนทำให้แม่ทัพติสสาไม่มีสติ" เมฆาบอก
"ปล่อยแม่เฒ่านั่นให้เรา" มารุตบอก
"ใครก็สั่งข้าไม่ได้นอกจากเจ้าปันแสง"
เมฆา มารุต พุ่งเข้าไปฟัน อสุนีตั้งรับทันที
การต่อสู้ดวลดาบของอสุนีกับดาบเมฆา มารุตต่างมีฝีมือทัดเทียมกัน เมฆา มารุตผลัดกันเข้าบุก แต่อสุนีก็รับการปะทะได้รวดเร็ว
เมฆา มารุตแยกกัน เมฆาถีบเข้ากลางตัว อสุนีล้ม มารุตตามเข้ามาฟัน อสุนีตวัด ม้วนตัวหนีดาบมารุตที่ฟันลงมา
เมฆารีบเข้าไปกระชากร่างแม่เฒ่าไว้ก่อน อสุนีเห็นแม่เฒ่าที่ถูกคุมตัวแล้ว มารุตตามมาฟันซ้ำ แต่อสุนีโดดเตะสูงกลางอากาศ มารุตล้มกลิ้ง อสุนีฉวยจังหวะ รีบวิ่งหนีออกไป
มารุตลุกขึ้นเห็นว่าไม่ทันแล้ว หันไป มองเครื่องบริกรรมของแม่เฒ่าแล้วตรงเข้าไปฟัน
ข้าวของรูปปั้นที่เหลือแตกกระจายทันที
ติสสาสะดุ้งขึ้นแรง ความปวดแล่นไปทั้งร่าง ก่อนกัดฟันพยายามเดินไปที่ประตู"น้องน้อย"
ติสสามีสติรำลึกถึง
"น้องน้อย...พี่ชายจะไปหาน้องน้อย"
ขาดคำติสสาทรุดลง ปวดทั้งตัวเหมือนร่างถูกฟันยับ ความปวดแล่นมาบีบขมับ ติสสาดิ้นพราด ทุรนทุราย หอบหายใจแรง
"น้องน้อย...น้องน้อยของพี่ชาย"
ในเรือนติสสา มรันมากำลังนั่งร้อยสร้อยลูกปัดสีสวยสดใส มีจันทเทวีและข้าหลวงนั่งอยู่ด้วย
นันทวดีช่วยเลือกลูกปัดส่งให้ มรันมายื่นมือไปรับ ในความคิด มรันมาได้ยินเสียงติสสาที่กำลังเจ็บปวดเรียกหา
"น้องน้อย น้องน้อยช่วยพี่ชายด้วย"
มรันมาตกใจ ปล่อยลูกปัดในมือหล่นพื้น
"พี่ชาย..."
จันทเทวี นันทวดีกับข้าหลวงทุกคนหันมองมรันมา
"ข้าเหมือนได้ยินเสียงพี่ชายร้องเรียก"
ติสสาพยายามทรงตัวขึ้น เดินไปที่ประตู
"น้องน้อย"
ติสสาโงนเงน สีหน้าเจ็บปวดมากขึ้น
ด้านหน้าถ้ำ มารุตก้าวออกมา ทางด้านหลังเมฆาลากแม่เฒ่าที่ถูกมัดมือด้วยเชือกเส้นใหญ่ออกมาด้วย แม่เฒ่าเจ็บปวดจากพลังของผีขวัญผีเมืองจนต้องหยุดเดินอย่างคนไร้เรี่ยวแรง เมฆาดึงแม่เฒ่าให้เดินเร็วขึ้น
"เร็วๆ"
หน้าถ้ำ อสุนีโผล่ออกมากับทหารของปันแสง 6 คน มารุตชักดาบออกมาเตรียมพร้อมทันที
"อย่าให้มันชิงตัวแม่เฒ่าไปได้"
แม่เฒ่าเห็นโอกาส ตะโกนบอกอสุนีกับพวก
"ช่วยข้าด้วย"
แม่เฒ่าดิ้นทันที เมฆากระชากเชือกยื้อไว้ ก่อนยกด้ามดาบตีเสยเข้าคางแม่เฒ่า อสุนีกับพวกมองจ้องเห็นแม่เฒ่าสลบเหมือดลงไปกองอยู่กับพื้นทันที
ในห้องนอนเจ้านางอินยา ติสสาล้มทรุดกับพื้น แล้วเหมือนมีแรงกลับฟื้นคืนสติ แววตารู้ตัว มองไปรอบๆ
"ตำหนักเจ้านางอินยา ข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
ด้านหน้าถ้ำ แม่เฒ่ายังสลบอยู่กับพื้น เมฆา มารุตเตรียมพร้อม อสุนีกับทหารปันแสงพุ่งเข้ามา เมฆากับมารุตก็ทานไว้ด้วยฝีมือทัดเทียม เมฆาถีบทหารกระเด็นไปสอง มารุตฟันทหารล้มไปคนหนึ่ง
อสุนีพุ่งเข้ามากับทหารอีกคน ทั้งหมดต่างตะลุยกันอย่างดุเดือด
เจ้านางอินยากำลังเดินขึ้นเขตพระราชฐานด้วยสีหน้าร้อนใจ ปันแสงกับเจ้าแสงมินเดินตามมาใกล้
"จะชิงตัวแม่เฒ่าสำเร็จใช่มั้ย ปันแสง ข้าไม่ต้องการให้สองสิ่งนี้ถูกพรากไปจากข้า ความเป็นอมตะ ... แล้วก็ติสสา"
ปันแสงยิ้มอย่างให้ความเชื่อมั่น
"ฝีมืออสุนีไว้ใจได้ เราได้ตัวแม่เฒ่าแน่ๆ ถ้าจะห่วง ก็มีแค่ติสสาของแม่ที่อาจจะถูกปรันมามันฉวยโอกาสดึงตัวกลับไป ยิ่งถ้าปล่อยมันไว้คนเดียว"
อินยาฟังแล้วร้อนใจเดินเร็วนำไปก่อน ข้าหลวงและทหารตามเจ้านางอินยาไป
แสงมินหันกลับมาถามปันแสง
"แล้วมรันมา"
"มรันมาก็ต้องเป็นของท่าน ไม่ต้องกังวลไปหรอก เจ้าแสงมิน ทุกอย่างที่ข้ากับเจ้านางทำอยู่ ก็เพื่อเร่งให้มรันมาโผเข้าสู่อ้อมอกของท่าน รับรองว่าการรอคอยของท่านมันต้องคุ้มค่าที่สุด"
แสงมินยิ้มชอบใจ
"สำหรับมรันมา ข้ายอมแลกกับความช่วยเหลือทุกอย่าง ข้าสัญญาเลยนะ ปันแสง เจ้าต้องการอะไร ข้าให้ได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งกองทัพของข้าที่จะจัดการกระชากปรันมาให้ร่วงลงมา แล้วส่งท่านก้าวขึ้นไปสู่บัลลังก์ศรีพิสยา"
ปันแสงแววตาเป็นประกาย เมื่อได้ยินแสงมินสัญญาจะช่วยให้ได้บัลลังก์
"แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ข้าตอบแทนกัลยาณมิตรด้วยสิ่งที่ดีที่สุดอย่างมรันมาได้ยังไง"
แสงมินยิ้มกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความกระหายอยากจะครอบครองมรันมา
มรันมาสีหน้ากระวนกระวายใจคิดเรื่องติสสา แม้จะพยายามหยิบลูกปัดมาร้อย กลบเกลื่อนความกังวล จันทเทวีพูดขึ้น
"พี่หญิงคงทุกข์ใจมากนัก น้องว่ารีบกลับไปหาแม่ทัพติสสาเถอะ"
มรันมาสีหน้าลังเลใจ
"ข้าอาจจะ..คิดไปเอง"
"แม่ไม่เชื่อว่าเจ้าคิดไปเอง"
มรันมามองนันทวดีที่เอ่ยอย่างนุ่มนวล
"สองหัวใจที่ผูกพันกัน ยามคนใดคนหนึ่งทุกข์ ความผูกพันก็จะเรียกหาหัวใจอีกดวง"
มรันมาหน้าเศร้าลง
"หัวใจข้าผูกพันกับพี่ชาย ... แต่หัวใจพี่ชายผูกไว้กับลมหายใจเจ้านางอินยาไปแล้วจ้ะแม่ ข้าไม่ควรไปรบกวนความสุขของพี่ชายอีก"
มรันมากลั้นน้ำตา พูดเสียงเศร้าก้มหน้าหยิบลูกปัดมาร้อยต่อ จันทเทวีกับนันทวดีไม่รู้จะกระตุ้นเตือนอย่างไรได้อีก
ติสสากำลังจะผลักประตูออกไป แต่เจ้านางเปิดประตูเดินเข้ามาเสียก่อน อินยาก็รีบเข้าไปโอบกอด
"ติสสา"
ติสสาจิตใจแข็งขืน เกร็งไปทั้งร่าง เมื่อถูกสัมผัสจากเจ้านางอินยา
"ไม่เจ้านาง... อย่าเข้ามาใกล้ข้า"
อินยาชักสีหน้า แววตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธทันทีที่ได้ยินคำปฏิเสธจากติสสา
เมฆาคว่ำทหารปันแสงไปได้ 2 คน มารุตกำลังสู้กับทหารที่เหลืออีก 2 คน อสุนีตะลุยเข้ามาฟันลงที่กลางหลังจนมารุตทรุดลง เมฆารีบเข้ามาช่วย แต่อสุนีใช้จังหวะหลอกให้เมฆาฟันทหารอีกคนก่อน แล้วค่อยเข้าทางด้านหลังแทงดาบเข้าชายโครง เมฆาถึงกับหงาย
แม่เฒ่าเริ่มได้สติขึ้นมา เห็นเมฆากับมารุตกำลังเสียเปรียบ ทหาร 2 คนเข้าถีบมารุตกับเมฆาจนกลิ้งกระเด็นไป อสุนีพุ่งมากระชากร่างแม่เฒ่าขึ้น
มารุตเห็นแล้วรีบลุก แต่ทหารอีกคนเข้ามาดักหน้า มารุตกัดฟันทนความเจ็บถีบทหารคว่ำ แล้วกระชากดาบทหารเข้าแทงกลางอก ทหารยังล็อกคอไม่ยอมให้มารุตตามไป
อสุนีพาแม่เฒ่าวิ่งออกจากตรงนั้น มารุตแทงดาบทะลุหลัง ทหารทรุด
อีกด้านทหารที่เหลือกำลังจะแทงซ้ำเมฆา มารุตหันไปเห็นก็กระชากดาบออกจากร่างทหารที่ตายแล้ว เข้ามาฟันทหารอีกคน ล้มลงขาดใจตายแล้วพยุงเมฆาขึ้น
อสุนีที่ชิงตัวแม่เฒ่าหนีไปแล้ว มารุต เมฆามองตามด้วยความเจ็บใจ
ติสสาพยายามดิ้นรน หนีออกจากอ้อมกอดเจ้านางอินยา
"น้องน้อย...ข้าจะไปหาน้องน้อย"
อินยารั้งไว้สุดแรง
"เจ้าไปหาใครไม่ได้นอกจากข้า"
ติสสาขัดขืน เจ้านางอินยาสู้แรงไม่ไหว กระเด็นถอยห่างออกไป
"ใครอยู่ข้างนอก เข้ามาเดี๋ยวนี้"
กาหลง อุตลาพรวดเข้ามา ติสสากำลังจะออกไป
"จับไว้ "
กาหลงกับอุตลาดึงแขนติสสาคนละด้านทันที แต่ติสาแรงมากกว่า เหวี่ยงทั้ง 2 คนกระเด็นปลิว
อุตลากระแทกผนัง จุก ตัวงอ กาหลงกระเด็นไปไกลกว่า พอลุกได้ ก็เห็นติสสาอาละวาดก็รีบวิ่งหลบออกไปก่อน
"ติสสา"
อินยาเรียก แต่ติสสาไม่สนใจ พุ่งออกพ้นประตู อินยาวิ่งตามไปทันที
ในหอขวัญเมืองปรันมามองสภาพเมฆา มารุตที่เลือดโทรมร่าง กลับมารายงานเรื่องแม่เฒ่าถูกอสุนีชิงตัวไปแล้ว ปรันมาสีหน้าไม่พอใจ เอ่ยสั่งเสียงเฉียบขาด
"เอาทหารตามมา เราจะไปค้นตำหนักเจ้านางอินยา"
ปรันมาก้าวพรวดๆ เมฆา มารุตฝืนเจ็บ แต่รีบตามออกไปอย่างเร็ว
ติสสาที่พยายามจะออกจากตำหนัก
"น้องน้อย"
อินยาวิ่งตามหลังมาอย่างเร็ว ตะโกนสั่ง
"จับไว้"
ทหารพรวดเข้ามาจับ ติสสาขัดขืน ทหารเข้ายื้อไว้ 4 คน อินยามองอย่างกังวล ด้านหลังอุตลาวิ่งตามมาอย่างเร็วเช่นกัน
"ปล่อยข้า... ปล่อย ข้าจะไปหาน้องน้อย"
ติสสาทั้งเตะต่อย ทหารทั้ง 4 คนลงไปกองกับพื้น อินยาสีหน้าตระหนก อุตลามองอยู่ห่าง ไม่กล้าเข้าไป
"ติสสา อย่าไป"
ติสสาหันมามองเจ้านางอินยา ตาวาววับ
"เจ้ามอบชีวิตกับวิญญาณให้ข้าแล้ว"
"ไม่จริง ชีวิตนี้ข้ามีไว้เพื่อกษัตริย์ปรันมา วิญญาณข้าพลีเพื่อแผ่นดิน หัวใจข้าเป็นของมรันมาคนเดียว"
อินยาผงะกับแววตาติสสาที่กลับเป็นคนเดิม
ที่เรือนติสสา มรันมากำลังร้อยสร้อยลูกปัด ส่งให้จันทเทวี กาหลงวิ่งเข้ามา ทุกคนหันไปมอง
กาหลงย่อตัวตรงหน้าจันทเทวี แล้วหันไปทางมรันมา
"ท่านแม่ทัพอาละวาดหนัก จะฝ่าออกมาหาเจ้าให้ได้"
จันเทวีกับนันทวดียิ้มดีใจ มรันมาที่นึกไม่ถึง
"พี่ชาย"
ติสสาที่ปัดเจ้านางอินยาพ้นทาง จะเดินออกไป เจ้าปรันมาก้าวเข้ามา เมฆา มารุตและทหารตามหลัง พออินยาเห็นปรันมาก็ระงับอาการ ยืนเชิดหน้า ไม่มีท่าทางหวาดหวั่นแสดงให้เห็น
"ตำหนักข้าไม่ใช่สนามรบ ทำไมต้องพาทหารมามากมาย"
"ขออภัยเจ้านางที่เรามารบกวน เพียงแต่เป็นห่วง อยากจะมาเยี่ยมเยียนแม่ทัพของเราที่บาดเจ็บ"
ปรันมามองติสสา
"เห็นว่ามารักษาที่ตำหนักนี้ เป็นยังไงบ้าง ติสสา หมอของเจ้านางอินยาเก่งกว่าหมอหลวงของข้ามากเลยหรือ"
เสียงของเจ้าปรันมาเป็นเสมือนพลังบารมีที่ไปหนุนช่วยกระชากสติทัพอีกแรงจนพ้นจากมนตร์ดำโดยสิ้นเชิง สายตาติสสาเห็นแววและประกายแห่งจงรักภักดีเหมือนก่อน
"เจ้าปรันมา"
"เห็นว่าไม่ได้กลับไปที่เรือนของเจ้าเลย ที่นี่มีสิ่งใดดึงจิตใจเจ้าไว้หรือเปล่า ติสสา"
ติสสาเสียงหนักแน่น
"ไม่มี"
"ดี... งั้นก็กลับไปพร้อมเรา"
อินยายืนหน้าเชิด รู้สึกว่ากำลังจะพ่ายแพ้ ปรันมาหันมาทางอินยาเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น
"เวลานี้ พวกนรสิงห์กระหายอยากครอบครองศรีพิสยา ข้าเป็นห่วงไพร่ฟ้าของข้า โดยเฉพาะเชื้อพระวงศ์ทุกคน ขออนุญาตท่านด้วย เจ้านางอินยา ขอให้คนของข้าตรวจดูรอบๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับตำหนักนี้"
"ข้ามีทหารดูแลอยู่แล้ว"
"ด้วยความเป็นเจ้าเหนือชีวิตแห่งศรีพิสยา ข้าต้องดูแลทุกชีวิต ถึงไม่อาจวางใจปล่อยให้ความปลอดภัยของทุกตำหนักหละหลวม ... เมฆา มารุต"
สิ้นเสียงปรันมาสั่ง เมฆา มารุตนำทหารเข้าไปทันที ไม่รอให้อินยาทักท้วงอะไรขึ้นได้อีก ปรันมายิ้มอย่างผู้มีอำนาจเด็ดขาดที่สุดในศรีพิสยา
เมฆา มารุตแยกดูตามห้องต่างๆ ทหารวังตามหลังมา
"หาให้ทั่ว เอาตัวแม่เฒ่าออกมาให้ได้ มันต้องถูกซ่อนเอาไว้ในนี้แน่" เมฆาบอก
ทหารรีบกระจายแยกตามห้องด้านใน จนมาถึงห้องหนึ่ง ปิดประตูสนิท เมฆา มารุตสบตากัน
"แม่เฒ่ามันต้องถูกเก็บไว้ที่นี่"
ทหารวังเตรียมพร้อมอยู่ด้านหลัง เมฆา มารุตผลักประตูห้องเข้าไป
เมฆา มารุตเดินออกมา ปรันมามองแล้วชะงัก เจ้าแสงมินที่เดินตามออกมา
"เจ้าแสงมิน ท่านมาศรีพิสยาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ข้ามาเป็นแขกของเจ้านางอินยา กำลังอยากจะพบท่านอยู่เลย เจ้าปรันมา"
" ศรีพิสยายินดีมาก ที่ได้ต้อนรับท่าน"
ปรันมากับแสงมินยิ้มให้กันตามมารยาท ปรันมามองอินยาด้วยแววตานิ่ง ท่าทางสงบ แต่มีรอยยิ้มหยามหยันผุดขึ้นที่มุมปาก
ภายในวิหารร้างที่ปรักหักพัง ปันแสงยืนอยู่ แม่เฒ่านอนสลบไสลไม่ได้สติจากการหลบหนี อสุนีส่งถังน้ำให้ ปันแสงสาดน้ำโครม แม่เฒ่าสำลักน้ำพรวด ยันตัวขึ้น ไอจนตัวโยน
"เฮ้ย...อย่าสลบนาน เดี๋ยวข้ารำคาญขึ้นมา แกจะได้นอนตายไปเลยนังแม่เฒ่า"
แม่เฒ่าที่เปียกไปทั้งร่าง ตกใจกลัวลนลาน
"ไว้ชีวิตข้าด้วย เจ้าปันแสง สงสารข้าด้วย"
"แก่กะโหลกกะลา จะหายใจไปทำไมนานๆ ข้าสงสารแต่คนที่มีประโยชน์กับข้ามากกว่า"
ปันแสงพูดพลางชี้หน้า แม่เฒ่ายิ่งหวาดกลัว
"ทำให้ติสสามันกลับมาอยู่ในมนตร์ของแกเดี๋ยวนี้"
ปันแสงสั่งด้วยแววตากร้าว เสียงเฉียบขาด
ในท้องพระโรงศรีพิสยาปรันมาก้าวเข้ามามอง มารุตสีหน้าผิดหวัง
"เสียดาย ไม่เจอตัวแม่เฒ่า" มารุตบอก
ปรันมามองติสสาที่ยืนอยู่
"ติสสา... รู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าเจ้าทำอะไรลงไปบ้าง"
"ข้า ..."
"เจ้าทำลายความรัก ความรู้สึกดีๆของคนรอบข้างไปมากแค่ไหน รู้บ้างมั้ย"
ติสสาได้ยินแล้วยิ่งพูดไม่ออก
"ทำไมถึงไปอยู่ที่ตำหนักเจ้านางอินยา"
"ข้า...ข้าจำอะไรไม่ได้เลย"
"เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ ตราบใดที่เรายังไม่ได้ตัวแม่เฒ่า"
ปรันมาสีหน้ากังวลใจ เมฆา มารุตสีหน้าไม่สบายใจ รู้สึกผิดที่ทำให้แม่เฒ่าถูกชิงตัวไปได้
ติสสามองไปที่ปรันมา อยากรู้เรื่องราวทั้งหมด
ปันแสงมองจ้องแม่เฒ่า ตวาดสั่งเสียงดังก้อง
"ทำให้ติสสามันไม่มีวันหลุดจากมนตร์ของแก"
"ข้าทำไม่ได้แล้ว เจ้าปันแสง อำนาจของผีขวัญเมืองทำลายมนต์มายาที่ข้าทำกับติสสาลงไปหมดแล้ว"
"บ๊ะ ทำไม่ได้ ก็สมควรตาย ... อสุนี"
อสุนีควงดาบก้าวเท้าเข้าหา แม่เฒ่าคลานถอยกรูด
"แล้วข้าจะต้องทำยังไง"
"วะ...ก็ทำใหม่สิ ทำเดี๋ยวนี้ ต้องทำให้ได้"
"ข้าทำไม่ได้จริงๆ ถ้าทำอีก อำนาจผีขวัญผีเมืองจะทำลายวิชาทั้งหมดของข้า"
ปันแสงกระชากหัวแม่เฒ่าขึ้นมาอย่างแรง แม่เฒ่าจะร้อง แต่พอเจอสายตาจ้องเขม็งของปันแสงก็ร้องไม่ออก
"นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการได้ยินจากปากเน่าๆของแก ข้าไม่ต้องการข้ออ้าง ไอ้ติสสามันจะต้องไม่หลุดออกไปจากใต้ฝ่าเท้าของข้า มันจะต้องไม่ใช่แม่ทัพของปรันมาอีกต่อไป มันจะต้องรับใช้ปกป้องข้าและแม่จนกว่าชีวิตจะหาไม่ แกเข้าใจซึ้งถึงความต้องการของข้ามั้ย"
ปันแสงผลักเหวี่ยงแม่เฒ่าลงไป ปันแสงชักดาบออกมา แม่เฒ่ากลัวลนลาน ถอยหนี อสุนีกระชากตัวแม่เฒ่าไว้ ปันแสงจ่อดาบมาใกล้ แม่เฒ่ารีบยกมือขอชีวิต
"เจ้าปันแสง อย่าทำข้า อย่าฆ่าข้า"
อ่านต่อหน้าที่ 4
สาปพระเพ็ง ตอนที่ 6 (ต่อ)
เจ้าแสงมินเดินไปมาอย่างวุ่นวายใจ อินยามองอยู่ด้านหลัง
"ไหนว่าพวกท่านควบคุมได้ทุกอย่าง แน่ใจนะว่าข้าจะได้ตัวมรันมา"
"ใจเย็นอีกนิดเถอะ เจ้าแสงมิน ถ้าข้า...เจ้านางอินยา รับปากว่าจะมอบสิ่งใดให้ใคร เชื่อเถอะว่าสิ่งนั้นต้องสำคัญและเลอค่ามากที่สุด สำหรับการเป็นของกำนัล"
น้ำเสียงมีความหมายของอินยาทำให้แสงมินตาเป็นประกายขึ้นอีก
"ข้าอยากรู้ว่าเมื่อไหร่ เจ้านาง เมื่อไหร่ที่ข้าจะได้เป็นเจ้าของมรันมา"
"รออีกนิดเดียวเท่านั้น"
อินยาเดินมาใกล้ เกลี้ยกล่อมด้วยเสียงอ่อนหวาน
"ปันแสงกำลังพาพรหมจรรย์บริสุทธิ์ของสาวเจ้ามาให้ท่านเชยชม"
เวลาเย็นใกล้ค่ำ ปันแสงจ่อดาบไปที่แม่เฒ่าซึ่งกลัวจนแทบจะสิ้นแรงอยู่แล้ว
"ทำลายหัวใจมัน"
แม่เฒ่าระล่ำระลัก
"แต่...ผีขวัญ ...ผีเมือง"
"จะได้ทาสรับใช้เป็นผีแก่ๆอีกตัว มึงอยากตายนักใช่มั้ย ฟังกูให้ดี ทำให้ติสสามันเสียใจ จนไม่อยากมีลมหายใจต่อ ถ้ากูทำลายชีวิตมันไม่ได้ กูก็จะบีบหัวใจมันให้แหลกคามือ"
แม่เฒ่ามองหวาดกลัวปันแสงที่คลี่ยิ้มร้ายกาจ
"ใช้อาคมของมึงทำให้มรันมาหลงรักเจ้าแสงมิน ติสสามันต้องอยากตายที่หญิงคนรักทอดกายยอมเป็นของเล่นให้ผู้ชายคนอื่น"
ปันแสงยิ้มร้าย หวังทำลายหัวใจติสสาและชีวิตมรันมาให้ย่อยยับไปทั้งคู่
มรันมาก้าวเข้ามายืนมองเหม่อที่บริเวณน้ำตกแสงจันทร์ แล้วคิดถึงภาพที่เคยใกล้ชิดติสสา แต่ก็ต้องน้ำตาคลอ แววตาเศร้าทุกข์ระทมกับภาพบาดตาของติสสากับเจ้านางอินยา
ในวิหาร ท่ามกลางซากปรักหักพัง แสงเทียนวับแวม เจ้าปันแสงยืนมองแม่เฒ่าพึมพำมนตร์อาคม ร่างสั่นเทิ้ม เสียงมนตร์โบราณดังล่องลอยขึ้น ฟังดูวังเวง หลอกหลอน
มรันมาปาดน้ำตาเดินไปจากตรงนั้น เสียงมนตร์โบราณลอยเข้ามา
"เสียงอะไร"
มรันมามองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย
นันทวดีอยู่หน้าบ้านมองเห็น ติสสาวิ่งเร็วเข้ามา
"แม่"
ติสสาพุ่งเข้ากอดแม่
"ติสสา"
ติสสากอดแม่แน่น นันทวดีชื่นใจ ติสสามองไปด้านในเรือน
"น้องน้อย .. น้องน้อยอยู่ด้านในใช่มั้ย"
นันทวดีหมั่นไส้
"จำน้องน้อยได้แล้วหรือไง นึกว่าจะเรียกหาแต่ชื่อเจ้านางอินยา"
"โธ่ ... แม่ ข้าไม่รู้ตัวจริงๆ ข้าจำอะไรไม่ได้เลย"
"เจ้าทำร้ายหัวใจมรันมามากนะ ติสสา มากจนไม่น่าให้อภัย"
"งั้นข้ายิ่งต้องไปขอให้น้องน้อยยกโทษให้"
ติสสาจะเข้าไป นันทวดีเรียกไว้
"มรันมาไม่ได้อยู่ที่นี่"
"บอกข้าเถอะ แม่ น้องน้อยอยู่ที่ไหน ข้าอยากจะกอดน้องน้อยให้หายคิดถึง"
ติสสาแววตาร้อนรน เต็มไปด้วยความคิดถึง
มรันมาได้ยินเสียงมนตร์โบราณพึมพำลอยมาในสายลม เสียงมนตราดังขึ้น ดังขึ้น เหมือนรบกวนอยู่ข้างหู เธอไปมองรอบๆ
"ใคร ใครทำอะไรอยู่แถวนี้"
ปันแสงจ้องแม่เฒ่าที่กำลังพึมพำมนตร์จนวิญญาณร้ายก่อตัวเป็นเงาดำ ลอยขึ้นกลางอากาศ
แม่เฒ่าพึมพำมนต์เสียงดังขึ้นดังขึ้น ปันแสงยิ้มมองวิญญาณชั่วร้าย
ติสสาเดินมายังทางเดินเขตพระราชฐานชั้นใน เมฆากับมารุตเดินมาจากอีกด้าน ติสสารีบเข้าไปหา
"เห็นน้องน้อยมั้ย"
"ไม่เห็นเลย ท่านแม่ทัพ" มารุตบอก
ติสสาจะเดินไป เมฆารีบขวางไว้
"เจ้าปรันมาสั่งให้ตามท่านไปหอขวัญเมืองตอนนี้"
ติสสามองเมฆา มารุต แววตาผิดหวังวูบหนึ่งที่จะไม่ได้ตามหามรันมา
ในหอขวัญเมืองติสสานั่งลงตรงหน้า ปรันมา เมืองมาสและนักบวช
"เราจะสวดมนต์ให้ผีขวัญ ผีเมืองคุ้มครองจิตของเจ้า ขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปจากร่าง จากวิญญาณให้หมดสิ้น"
"ท่านจะเจ็บปวดไปทั้งร่างนะ แม่ทัพติสสา เพราะมนตร์ชั่ว สิ่งสกปรกที่หลงเหลืออยู่ในตัวท่านจะต่อต้านอำนาจศักดิ์สิทธิ์" เมืองมาสบอก
"ข้าทนได้"
ติสสาแววตาแน่วแน่ ปรันมา เมืองมาสกับนักบวชหลับตาลง เริ่มสวด
เสียงคำสวดโบราณฟังดูไพเพราะเหมือนบทเพลงดังล่องลอย
ตรงข้ามกับเสียงสวดมนตร์ดำที่ฟังดูน่าสะพรึงกลัว แม่เฒ่าท่องมนตร์ท่อนสุดท้าย เปลวเทียนไหววูบแรงแต่ยังไม่ดับ สะท้อนบนใบหน้าปันแสงที่แววตาจ้องเขม็งเต็มไปด้วยความปรารถนา วิญญาณร้ายก่อตัวสูงขึ้น สีดำชัดเจน ปันแสงมองวิญญาณร้ายที่กำลังมีพลังแรงกล้าด้วยความยินดี
แม่เฒ่าสวดจนจบสั่นไปทั้งร่าง ก่อนสลบพับไปกับพื้น เงาดำพุ่งออกไปจากตรงนั้นทันที ปันแสงมองเงาดำที่พุ่งออกไปด้วยรอยยิ้มสมใจ
รันมาที่ได้ยินเสียงสวดมนตร์โบราณเงียบไป
"เสียงหายไปแล้ว"
เสียงหวีดวิวดังขึ้น มรันมาได้ยินเสียงเสียงกรีดร้องแหวกอากาศมา จนเธอต้องอุดหูทันที
วิญญาณดำจากแม่เฒ่าพุ่งเข้ามาด้านหลังเธอพร้อมเสียงหวีดร้องดังแสบแก้วหู
ในหอขวัญเมือง ติสสานั่งอยู่ตรงกลาง สีหน้าเจ็บปวด เหงื่อไหลออกมาเต็มใบหน้า ปรันมายังคงตั้งมั่น สีหน้าสงบ สวดมนต์ด้วยเสียงดังกังวาน ร่างของเขาสั่น หลับตารวบรวมสมาธิ ต่อสู้กับความเจ็บปวด
เสียงหวีดร้องของวิญญาณวนอยู่รอบตัวมรันมา เธอปิดหู มองไปเห็นรอบๆ บริเวณที่กำลังมืด อากาศเย็นลง ใบไม้พัดแรง เธอหนาวจนห่อไหล่ นึกหวาดหวั่น
"พี่ชายW
มรันมาหันกลับมา วิญญาณดำพุ่งเข้าร่างเธอจนเฮือกขึ้นทั้งร่าง เจ็บปวดเหมือนถูกบีบรัดไปทุกส่วน ก่อนจะค่อยๆทรุดลง สติที่กำลังจะเลือนหาย
ติสสาสั่นเกร็งไปทั้งร่าง เสียงสวดของปรันมา เมืองมาสกับนักบวชยังดัง ติสสาหายใจแรง
วิหารร้าง เวลากลางคืน เทียนทุกดวงดับวูบลง ปันแสงปรายตามองร่างแม่เฒ่าที่สลบอยู่กับพื้นแล้วหันหลังให้ อสุนีหลบทางให้ปันแสงเดินออกมา
ด้านนอก ฟ้ามืดดำสนิท ปันแสงยิ้มอยู่ในเงามืด
"วันนี้ไม่มีแสงแห่งพระเพ็งมาช่วยปกป้องใครทั้งนั้น แสดงว่าพระเพ็งก็เปิดทางให้ความปรารถนาของข้า ... สำเร็จลงอีกครั้ง"
ปันแสงมองฟ้ามืดสนิท มั่นใจว่าแม่เฒ่าจะทำให้มรันมาหลงรักแสงมินได้
มรันมาที่สลบอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้น แววตาและสติตกอยู่ในภวังค์ที่ถูกควบคุมด้วยมนตร์ดำ ทั้งร่างเต็มไปด้วยความรู้สึกปั่นป่วน เธอปล่อยให้ผ้าคลุมไหล่เลื่อนหลุดลงไปกองลงที่พื้น ปล่อยไหล่เปลือยอาบไล้แสงรำไร ขับผิวนวลผ่อง แล้วคลี่ยิ้มอย่างเย้ายวน แววตามีความปรารถนาเร่าร้อน สะบัดผมสยาย เยื้องกายเดิน หายลับเข้าไปในม่านน้ำตกสีแดงฉานราวสีเลือด
บริเวณเขตพระราชฐาน แสงคบเพลิงทาบลงบนใบหน้าเจ้านางอินยาเป็นเงาน่ากลัว ปันแสงเดินกลับเข้ามา มีอสุนีตามคุ้มกันด้านหลัง อินยาถามขึ้นด้วยความร้อนใจ
"สำเร็จแล้วใช่มั้ย มนตร์ของแม่เฒ่าจะทำให้ติสสากลับมาหาข้า"
"ไม่ต้องห่วง เจ้านาง เมื่อไหร่ที่มรันมาเป็นของเจ้าแสงมิน ติสสามันต้องซมซาน กลับมาหาเจ้านาง"
แสงมินเดินลงบันไดมาจากด้านบน ปันแสงรีบเข้าไปหา
"ว่ายังไง ปันแสง ข้านึกว่าเจ้าจะพามรันมากลับมาด้วย"
"ใจเย็นๆก่อน เจ้าแสงมิน"
"ใจเย็น รอคอย ข้าเกลียดคำพวกนี้ ชีวิตข้าไม่ต้องการเสียเวลากับการรออย่างไร้ประโยชน์ ไร้สิ่งตอบแทน"
"แต่สิ่งที่ข้ากำลังจะพาท่านไปพบ มันคุ้มกับเวลาทั้งหมดที่ท่านรอ"
แสงมินมองปันแสงด้วยสายตาวาววับทันที
บริเวณน้ำตกที่แดงฉานดั่งสายเลือด สาดแสงสีทับทิมกระจายไปทั้งเวิ้งถ้ำ ปันแสงพาแสงมินก้าวเข้ามา แสงมินมองไป
"นี่เจ้าพาข้ามาดูน้ำตก"
น้ำเสียงแสงมินไม่พอใจ ปันแสงยิ้มใจเย็น แววตาเต็มไปด้วยแผนการ
"รับรองว่าน้ำตกตรงหน้าจะอยู่ในความทรงจำของท่าน ทั้งยามหลับยามตื่น"
มรันมาเยื้องย่างออกมาจากด้านในของน้ำตก ร่างนั้นงดงามพร่างพรายกลางละอองน้ำ แสงมินตะลึงงัน ปันแสงเห็นสายตาปรารถนาของแสงมินแล้วยิ้มสมใจ
มรันมายื่นมือไปรับละอองน้ำแล้วเลื่อนไล้ไปตามลำคอ ไหล่ และผิวกายช้าๆ แสงมินจ้องภาพความงามนั้นจนตาไม่กะพริบ มรันมาเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบาเต็มไปด้วยความรัญจวนใจ
"เจ้าแสงมิน"
มรันมาค่อยๆ หันมาประสานสายตากับเจ้าแสงมิน แย้มยิ้มสวยเพียงนิดก็สะกดหัวใจเจ้าแสงมินไว้ได้ทั้งหมด
แดดอ่อนๆยามเช้า ดั่งเป็นแสงสว่างแห่งทุกชีวิต ที่วิหารศรีพิสยา ติสสาอยู่ท่ามกลางปรันมา เมืองมาสและนักบวชที่สวดภาวนาตลอดทั้งคืน ทุกคนลืมตามองติสสา ด้านนอก เมฆา มารุตทยืนเฝ้าเป็นองครักษ์ ติสสาค่อยๆลืมตาขึ้น ยิ้มสีหน้าผ่องใส หลุดพ้นจากอำนาจชั่วร้ายของมนต์มายาอย่างสิ้นเชิง
เจ้าปรันมาเดินนำลงจากวิหารหลวง ติสสาเดินตามมา
"หลังจากวันนี้ไป จิตของเจ้าที่ผ่านเรื่องร้ายแรงและได้รับการชำระล้างความมัวหมองไปหมดแล้ว จะดั่งเป็นจิตที่บริสุทธิ์ แข็งแกร่งและกลับมาเป็นเกราะกำบังแก่ศรีพิสยา"
"ข้าจะฟังเพียงคำสั่งของท่าน เจ้าปรันมา ข้าขอสละทั้งชีวิตเพื่อปกป้องท่าน"
ปรันมายิ้มให้ติสสาที่แววตาจงรักภักดีเหมือนเดิม
"ขอบใจในความภักดีของแม่ทัพติสสา"
"ข้าอยากรู้เหลือเกิน ว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับข้าบ้าง"
ติสสาแววตากระหายอยากรู้ความจริง
"ใครมันทำให้ข้าละเว้นความจงรักภักดีต่อท่าน ใครมันทำให้ข้าลืมคำสัตย์สาบานว่า จะปกป้องท่านเหนือชีวิต ข้าจะไปตัดคอพวกมันทุกคน"
ปรันมาได้ยินดังนั้น ก็นึกเกรงว่า ความจริงอาจจะเป็นน้ำมันสาดลงบนไฟโกรธได้
"ข้าขอละ ติสสา ไม่ต้องนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาให้รบกวนจิตใจเจ้าอีก ไฟแค้นดับได้ด้วยการให้อภัย"
จันทเทวีเดินออกมาเห็นติสสาก็ปรายตาอย่างหมั่นไส้
"นี่ข้าตาฝาดรึเปล่าที่เห็นแม่ทัพติสสากลับมาห่วงใยศรีพิสยา มากกว่าตำหนักเจ้านางอินยา"
ปรันมาปราม
"จันทเทวี"
"ถ้าพี่หญิงรู้เรื่อง คงดีใจแทบแย่"
เจ้าปรันมายิ้มอย่างเข้าใจและเอ่ยอนุญาต
"ไปเถอะ... รีบไปหาหญิงที่เจ้ารัก"
ติสสายิ้ม คำนับแล้วรีบวิ่งออกไป จันทเทวีมองค้อน
"พี่น่าจะบอกแม่ทัพติสสาไป ว่าถูกเจ้านางอินยาทำมนตร์ชั่วช้าให้ลุ่มหลง"
"ควรแล้วหรือ จันทเทวี ที่จะให้พี่หันคมดาบของติสสาไปหาญาติของเรา"
"เจ้านางอินยาไม่เคยคิดว่าเราเป็นญาติ เจ้าปันแสงก็ไม่เคยมองเห็นเราเป็นพี่น้อง พ่อเดียวกัน"
"เวลานี้ศรีพิสยาต้องการความสามัคคีเพื่อต่อสู้กับองค์นรสิงห์ ถ้าแตกแยกกันเอง ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ศัตรูเข้ามาฆ่าพวกเราจนสูญสิ้น"
ปรันมามองไปไกล แววตาครุ่นคิด
"พี่ไม่ได้วางใจเรื่องเจ้านางอินยากับเจ้าปันแสง แต่เรายังจับตัวแม่เฒ่าที่จะพูดความจริงว่า ใครบงการเรื่องชั่วร้ายทุกอย่างไม่ได้ พี่จะไม่ตัดสินใจเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ด้วยความสงสัยเพียงอย่างเดียว"
"น้องอยากให้พี่หญิงแต่งงานกับแม่ทัพติสสาเร็วๆ ดูสิ ใครยังจะกล้ามาแยกคนที่รักกันมากขนาดนี้ได้อีก"
จันทเทวีเสียงแง่งอนอย่างเด็กสาวที่ต้องการเอาใจช่วยความรักของมรันมา
ติสสาวิ่งเร็วมาที่เรือน สีหน้ามั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะได้เจอมรันมา
"น้องน้อย น้องน้อย"
ประตูเปิดออก นันทวดีก้าวออกมา
"มรันมาออกไปแล้ว"
"น้องน้อยไปไหน"
มรันมาก้าวมายืนตรงหน้าตำหนักเจ้านางอินยา ชะเง้อมองไปด้านใน เสียงกาหลงดังเรียกขึ้น
"มรันมา เจ้ามาที่นี่ทำไม"
กาหลงรีบเข้ามาดึงแขนลากมรันมาออกไป
"ท่านแม่ทัพไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องเข้าไป"
มรันมาไม่สนใจกาหลง ยังคงชะเง้อมองไปด้านใน กาหลงรีบดันหลังเพื่อน
"ไปสิ ไปเร็ว รีบกลับไปเรือนท่านแม่ทัพ"
มรันมาสะบัดมือแรง ตวาดเสียงดังทันที
"ปล่อยนะ นังไพร่"
กาหลงตกใจ นึกไม่ถึงว่า มรันมาจะด่าตัวเอง
"มรันมา"
มรันมาไม่สนใจ วิ่งเข้าไปในด้านใน กาหลงสีหน้าไม่เข้าใจ รีบวิ่งตามทันที
"มรันมา"
มรันมาเข้ามาด้านในตำหนัก อินยากับปันแสงเดินออกมามอง อินยาจ้องมรันมาอย่างแทบจะให้ตายลงไปตรงหน้า ตรงข้ามกับปันแสงที่คลี่ยิ้ม เอ่ยถามนำทาง
"มาหาใคร มรันมา ที่นี่มีใครให้เจ้าต้องเจอ"
กาหลงแอบมาลอบมองอยู่
"เจ้าแสงมิน"
กาหลงสีหน้าตกใจ ปันแสงยิ้มทันที อินยาเอ่ยขึ้น
"นางทาสบังอาจเอ่ยถึงกษัตริย์จากแคว้นไกล"
"เจ้าแสงมินไม่เคยรังเกียจว่าข้าเป็นทาส"
"น่าสมเพช เจ้านี่เหมือนกาฝาก ใกล้ใครก็เกาะไว้สูบเลือดเนื้อประทังชีวิตต่ำชั้น ไหนล่ะ พี่ชายที่เจ้ารักนักหนา วันก่อนยังกอดแข้งกอดขาอ้อนวอนขอให้รัก พอวันนี้กลับเรียกหาผู้ชายอีกคน"
มรันมาไม่สนใจชื่อติสสาเลย กลับขอร้องเจ้านางด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
"ให้ข้าพบเจ้าแสงมินเถอะ เจ้านาง ข้าอยากพบเจ้าแสงมิน"
"ใครจะกล้าขัดขวางไม่ให้เราพบกันล่ะ มรันมา"
เจ้าแสงมินที่เดินออกมา มรันมายิ้มให้ เจ้าแสงมินเดินทอดสายตาแสดงความรัก ความปรารถนาชัดเจน
"ข้ารอคอยนาทีนี้มานานแล้ว"
"ข้าก็รอคอยมานาน...เหมือนท่าน เจ้าแสงมิน"
กาหลงตกใจเหมือนผีหลอก เมื่อเห็นมรันมายิ้มสดชื่นกับเจ้าแสงมิน ปันแสงยิ้มกับเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้าด้วยความพอใจที่สุด
ทางเดินในพระราชฐานติสสาเดินเร็วไปถาม เมฆา มารุตซึ่งอยู่อีกทาง
"เห็นมรันมาบ้างมั้ย"
เมฆายิ้มแซว
"นี่แสดงว่ากลับมาเป็นแม่ทัพคนเดิมแล้ว"
"บอกมาถ้าไม่อยากโดนกระทืบ"
มารุตยิ้มบอก
"ใช่แล้วล่ะ แม่ทัพติสสา ความโหดยังครบเครื่องเหมือนเดิม"
ติสสาทำท่าง้างเท้า เมฆา มารุตรีบถอย
"เราไม่เห็นมรันมาของท่าน"
ติสสาสีหน้าหงุดหงิด อีกด้านกาหลงวิ่งมา พอเห็นติสสาก็เรียกเสียงดัง
"ท่านแม่ทัพ"
กาหลงวิ่งมาหยุดตรงหน้าติสสา
"เกิดเรื่องใหญ่... มรันมา...มรันมา"
"น้องน้อยเป็นอะไร น้องน้อยอยู่ที่ไหน"
มรันมายิ้มให้เจ้าแสงมิน สองคนเดินเคียงกันในอุทยานดอกไม้
"ศรีพิสยามีแต่สิ่งรื่นรมย์อย่างนี้นี่เอง ใครๆถึงต้องการแคว้นเล็กๆที่เต็มไปด้วยความงดงามที่น่าสัมผัส"
"ศรีพิสยายินดีต้อนรับแขกเมืองทุกคน"
"ถ้าข้าไม่ได้มาอย่างแขกล่ะ มรันมา ถ้าข้ามาอย่างชายที่ปรารถนาคนรักที่อนาคตจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับศรีพิสยา"
"ศรีพิสยาก็ยิ่งเต็มใจต้อนรับดูแล"
"ไม่ ..ไม่ใช่ศรีพิสยา ข้าหมายถึงเจ้า เจ้าจะเต็มใจดูแลข้าด้วยจิตวิญญาณ ความรัก และเรือนร่างอันอบอุ่นของเจ้าหรือไม่"
แสงมินทอดสายตามองมรันมาอย่างลึกซึ้ง ทางด้านหลัง ปันแสงกับอินยาที่ยืนมองอยู่ เจ้าแสงมินกุมมือเธอขึ้นมา
"คนอย่างเจ้าแสงมิน ... ไม่มีความปรารถนาใดที่ไม่สมหวัง แล้วความปรารถนาของข้าตอนนี้ คือมีเจ้าเคียงข้าง"
มรันมาเขินอาย จนต้องหลบตา แสงมินยิ้มหวาน กุมมือมรันมาไว้ สองแม่ลูกดีใจที่เห็นมรันมาหลงใหลแสงมิน
ติสสาที่วิ่งเร็วขึ้นมาบนบันไดทอดยาว
เจ้าแสงมินยกมือมรันมาจรดจูบลงไปอย่างนุ่มนวล ติสสาวิ่งเข้ามาเห็นภาพตรงหน้า
"น้องน้อย"
ติสสามองจ้องภาพมรันมาที่ใกล้ชิดกับแสงมิน แล้วพุ่งเข้ามากระชากคนรักให้ออกห่างจากเจ้าแสงมิน มรันมามองติสสาด้วยแววตาว่างเปล่า ไม่มีความรักความผูกพันเหลืออยู่ในความทรงจำ
"น้องน้อย"
"ปล่อยข้านะ"
"ปล่อยมรันมา"
แสงมินพุ่งเข้าไป แต่เจอติสสาผลักอย่างแรง จนเซไป ปันแสง อินยาที่มองอยู่รีบออกมา
"ติสสา เหิมเกริมมากไปแล้ว นี่เจ้าแสงมิน กษัตริย์แห่งสีมิน"
ติสสาไม่สนใจปันแสง หันไปมองทางแสงมิน
"มันทำชั่วกับน้องน้อย"
"ไอ้ปากพล่อย ข้าไม่ได้ทำอะไร"
ติสสาเดินเข้าหามรันมา
"น้องน้อย"
"ถอยออกไป" มรันมาเสียงแข็ง
ติสสาอึ้งไม่เชื่อสายตา มรันมาเข้าไปประคองเจ้าแสงมิน
"น้องน้อย"
เจ้าแสงมินถือโอกาสกุมมือมรันมาไว้
"หยุดเรียกข้าว่าน้องน้อย ข้าไม่มีพี่ชาย"
ปันแสงยิ้ม ยิ่งทำให้ความโกรธติสสาพุ่งขึ้นถึงขั้นบ้าเลือด
"พวกมันรวมหัวกันทำอะไรน้องน้อย... บอกมา"
"นี่ต่อหน้ากษัตริย์ เจ้าทำกิริยาชั่วช้า เจ้าแสงมินให้โอกาสเจ้ามีลมหายใจก็บุญแค่ไหนแล้ว" ปันแสงบอก
"อย่าให้มีเรื่องมีราวอะไรกันเลย เจ้าปันแสง"แสงมินบอก
"ไปเถอะเจ้าแสงมิน เจ็บมากมั้ย ข้าจะดูแลท่านเอง"
ติสสาเห็นทั้งสองกุมมือกันก็แทบทนไม่ได้
"โว๊ย ... ปล่อยมือจากน้องน้อย"
ติสสากำลังจะพุ่งเข้าไป ปันแสงชักดาบออกมาขวางแล้วสั่งขึ้น
"อสุนี อารักขาเจ้าแสงมินกับมรันมาออกไป"
"รีบไปก่อน เจ้าแสงมิน"
เจ้าแสงมินรีบพามรันมาออกไป อสุนีระวังหลัง
"น้องน้อย"
มรันมาเดินเร็วออกไปกับเจ้าแสงมิน ปันแสงขยับขวางติสสา จ้องด้วยแววตาเยาะหยัน ติสสาชักดาบพุ่งเข้าหา ปันแสงต้านดาบติสสาไว้ได้ทันที ทั้งคู่ประดาบกันอย่างรวดเร็ว รุนแรง อินยายืนมองลุ้น
ติสสาโถมแรงเข้าใส่ปันแสง ความโกรธกราดเกรี้ยวจนปันแสงแทบรับไว้ไม่ได้
ทันใด อสุนีที่หวนกลับมา กระโจนเข้าใส่อีกด้าน เอาหอกตีดาบรุนแรงไม่ยั้ง จนติสสาพลาดท่า ปันแสงใช้ด้ามดาบทำร้ายจนติสสาจนทรุดลงพื้น อสุนีพุ่งเข้าเหยียบกลางหลัง เอาหอกจ่อคอติสสาไว้
อินยามองโล่งใจที่ปันแสง ติสสาไม่ได้ห้ำหั่นกันจนถึงตาย
"ถึงตามไป เจ้าก็ไม่ได้น้องน้อยกลับมาแล้ว" ปันแสงน้ำเสียงเย้ยหยัน
รันมาเดินเคียงข้างเจ้าแสงมิน มาหยุดลงที่น้ำตกแสงจันทร์
"ผู้ชายคนนั้น... คนรักของเจ้าหรือเปล่า"
"ไม่ใช่ ... ข้าไม่เคยมีคนรัก" มรันมาปฎิเสธทันที
ติสสาถูกหอกของอสุนีจ่อคอหอย ปันแสงยิ้มมองสะใจ เจ้านางอินยามองด้วยสายตาเวทนาแล้วเอ่ยขึ้น
"ได้ยินแล้วนี่ มรันมาไม่ใช่น้องน้อยของเจ้าอีกต่อไป ระหว่างเจ้า ..แม่ทัพ กับกษัตริย์อย่างเจ้าแสงมิน เจ้าคิดว่าผู้หญิงจะสนใจ ใครที่ทำให้ตัวเองสุขสบายได้มากกว่า เป็นเมียแม่ทัพ หรือว่าเป็นเจ้านาง"
"มรันมาไม่ใช่ผู้หญิงเห็นแก่เงินทองนอกกาย ข้ารักกับมรันมา ข้ารู้จักคนรักของข้าดี"
"เจ้ารู้จักมรันมา ข้าก็รู้จักมรันมา... ยิ่งวันนี้ ข้ายิ่งเห็นว่ามรันมาเลือกคนที่ดีที่สุดให้กับอนาคตตัวเองแล้ว น่าสงสารแม่ทัพที่ทุ่มเทใจหลงรักน้องน้อยเฝ้าทะนุถนอม แต่พอมีคนที่ดีกว่า มรันมาก็โยนทิ้งความรักที่เคยมี ง่ายเสียยิ่งกว่าโยนทิ้งเศษเสื้อผ้าเก่าๆ เชื่อข้าเถอะ ติสสา มรันมารักเจ้าแสงมิน ไม่ต้องให้ข้าบอกว่ารักแค่ไหน เจ้าก็เห็นเองกับตาแล้ว หรือว่า ต้องให้เห็นเจ้าแสงมินเชยชมมรันมาต่อหน้าเสียก่อน เจ้าจึงจะเชื่อว่า ไม่มีความรักของน้องน้อยสำหรับพี่ชายอยู่อีกแล้ว" " ปันแสงว่า
"ไม่จริง น้องน้อยรักพี่ชาย น้องน้อยรักพี่ชายคนเดียว"
"น่าสมเพช ไม่มีใครดึงเจ้าขึ้นมาจากปลักบ่อความโง่งมหลงตัวเองได้เลย"
ปันแสงกระชากติสสา เอ่ยน้ำเสียงยั่วยุ กระตุ้นความหึง
"ตอนนี้น้องน้อยของเจ้าคงกำลังพลอดรักหวานชื่นกับชายคนอื่น"
"ไม่จริง"
"นั่นสินะ จะจริงหรือไม่จริงก็ต้องเห็นด้วยตาตัวเอง"
ติสสาโกรธจัด อสุนียังจ่อหอกกลางหลังติสสาระวังภัยให้ปันแสง
"เจ้าก็คงทนดูไม่ไหวสินะ ถ้าเกิดเห็นมรันมาเต็มใจพักพิงลงในอ้อมอกเจ้าแสงมิน หรือว่าจะตามไปดูให้เห็นกับตา ถ้าเป็นข้า ข้าก็คงอยากไป..."
ปันแสงยิ้มหัวเราะในลำคอกระตุ้นความหึงของติสสาให้ยืนไม่ติด จนต้องเดินตามปันแสงไป อินยาสมใจที่ติสสาจะไปพบภาพบาดใจที่สุด
บริเวณน้ำตกแสงจันทร์มรันมาสบตาใกล้ชิดกับเจ้าแสงมิน
"แม่ทัพติสสาคงหลงรักเจ้ามาก"
"แต่ข้าไม่ได้รักเค้า"
"มรันมา ... ข้ายังไม่เคยได้ยินเจ้าบอกเลย ว่ารู้สึกยังไงกับข้า"
มรันมายิ้มมองเจ้าแสงมินด้วยสายตาลุ่มหลงจากมนตร์ดำ
"เจ้ากับข้า...ใจตรงกันหรือเปล่า"
เจ้าแสงมินทอดเสียงนุ่มเอ่ยถาม
"บอกข้าได้มั้ย มรันมา ข้ามอบความรักทั้งหมดให้เจ้าแล้ว เจ้าล่ะรู้สึกยังไงกับข้า"
แสงมินขยับมาจนใกล้ มรันมาไม่ตอบแต่กลับดึงมือแสงมินเดินนำลงไปในน้ำตก
จบตอนที่ 6