นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 6
ค่ำนั้นในห้องทดลองบริษัทมาดามหลิว...โซเฟียกำลังฉีดยากล่อมประสาทให้ลุงโจ แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะเยาะในสภาพมึนเมา
“ไม่ได้ผลหรอกนังหนู ถึงฆ่าฉันให้ตาย ฉันก็ไม่บอกความลับพวกแก”
โซเฟียนิ่วหน้าไม่พอใจ ขณะที่มาดามหลิวเพิ่งเข้ามาในห้อง
“ได้ข้อมูลเพิ่มรึเปล่าโซเฟีย”
โซเฟียปลีกตัวมาบอกมาดามหลิวเบาๆ
“ท่าทางมันคงเริ่มดื้อยาแล้วค่ะ มาดาม”
ลุงโจหัวเราะ
“ฮ่าๆ จะล้วงตับฉันเหรอนังง่อย ก็ได้ ฉันจะบอกความจริงให้แกรู้ เข้ามาใกล้ๆสิ”
มาดามหลิวเคลื่อนไปใกล้
“มีอะไรก็ว่ามา”
“ความจริงก็คือ ในที่สุดพวกแกทุกคนจะต้องตายโหง โดยเฉพาะแกนังง่อย แกจะต้องระเบิดชิ้นๆ เหมือนกับลูกผัวของแก ตายอย่างน่าทุเรศ ตายอย่างน่าเวทนา ฮ่าๆ พรายพิฆาตจงเจริญ ฮ่าๆ”
โซเฟียเกือบจะเข้าไปซ้อมลุงโจ แต่มาดามหลิวชูมือห้ามไว้และปล่อยให้ลุงโจหัวเราะต่อไปอย่างบ้าคลั่ง
ชาญเดินมาตามทางเดิน พบมาดามหลิวที่กำลังสวนมากับโซเฟีย
“มาดาม”
“ว่าไงชาญ ได้ข่าวโทมัสรึยัง”
“ยังเลยครับมาดาม ดูเหมือนท่านนำชัยก็หายตัวไปด้วย”
“เช็กตำแหน่งได้รึเปล่า”
ชาญส่ายหน้า
“ไม่เจอครับ ที่เขาอยู่ท่าทางคงไม่มีสัญญาณโทรศัพท์”
มาดามหลิวอึ้งไปสักพัก
“หรือว่า...จะเกิดอะไรขึ้น”
ห้องลับใต้ดินในโรงงานผลิตยา...นักสู้มหากาฬนั่งกอดอกหลับตาในสภาพเหมือนกำลังพัก มากกว่าจะหลับจริงๆ ขณะที่ณัฐชาเดินไปเดินมาอย่างกระสับกระส่าย พลางเอามือลูบตัวไล่ความหนาว
“บรื๊อ เย็นอย่างกับห้องแช่แข็ง หลับเข้าไปได้ยังไงเนี่ย” เธอขยับมานั่งใกล้ๆเขา “นี่ไม่ได้อ่อยนะคุณ แต่ฉันหนาว”
“ผมรู้”
ณัฐชาพูดแก้เขิน
“เออ ตัวคุณอุ่นดีเนอะ ตอนแรกฉันนึกว่าจะเย็นเหมือนศพซะอีก”
“ผมเป็นคนนะคุณตำรวจ ไม่ใช่เอเลี่ยน”
“ฮึ...” เธอบุ้ยใบ้ไปที่แผลเขา “แต่ถ้าเป็นคนธรรมดา แผลคงไม่หายเร็วขนาดนี้”
“ทุกอย่างเป็นเพราะน้ำตามัจจุราช”
ณัฐชาเอะใจ
“น้ำตามัจจุราช…แปลว่าคุณก็เหมือนผีดิบพวกนั้น”
นักสู้มหากาฬฉุนเล็กๆ
“ผมไม่ได้เสพยาเหมือนพวกมัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ”
ณัฐชาแปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ เล่าให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ย...ไหนบอกว่าเราเป็นหุ้นส่วนกัน แล้วทำไมไม่ให้
ฉันรู้เรื่องของคุณบ้าง”
คำถามนั้นทำให้นักสู้มหากาฬนิ่งงันไป
ในห้องบัญชาการโรงงานผลิตยา...บอสนั่งเฝ้าจอมอนิเตอร์ดูนักสู้มหากาฬกับณัฐชาในที่คุมขัง ก่อนที่กรณ์จะเข้ามาเร่ง
“บอส ทำไมคุณยังไม่ฆ่ามัน”
“ฉันกำลังคิดว่า ร่างกายของนักสู้มหากาฬ อาจช่วยให้เราค้นคว้าถึงพลังของน้ำตามัจจุราชได้ง่ายขึ้น”
“มันเสี่ยงเกินไป มันเป็นศัตรูของเรา คุณต้องลงมือเดี๋ยวนี้”
นักสู้มหากาฬเล่าอดีตของเขา ให้ณัฐชารับรู้คร่าวๆ
“พรายพิฆาต พวกมันฆ่าผม ทำลายชีวิตคนที่ผมรัก”
“ใคร”
“เธอจากไปนานแล้ว…”
นักสู้มหากาฬเมินหน้าเหมือนบอกใบ้ว่าจะไม่พูดอะไรอีก แต่ท่าทีหม่นหมองของเขากลับทำให้ณัฐชารู้สึกถึงบางสิ่ง
“แปลว่า...ทั้งหมดนี่เพื่อเธอ งั้นเหรอ คุณฆ่าศัตรูไปมากมาย แถมต้องต่อสู้กับองค์กรวายร้าย ก็เพื่อผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ”
“เธอคือแสงสว่างสุดท้ายในชีวิตของผม คือสิ่งเดียวที่ฉุดรั้งความดีงามของผมเอาไว้”
“ถ้างั้นคุณก็ควรจะรู้เอาไว้ ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีความสุขแน่ ที่เห็นคุณกลายเป็นปีศาจแบบนี้”
นักสู้มหากาฬไม่พอใจ
“คุณไม่ใช่เธอ แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง”
“ฉันเป็นผู้หญิง และฉันเคยสูญเสียมาไม่น้อยกว่าคุณ…ทำไมฉันจะไม่รู้” ณัฐชาบอกหนักแน่น
บอสคำรามในคอเบาๆขณะใช้ความคิด แต่กรณ์ไม่เห็นด้วย เพราะกังวลที่นักสู้มหากาฬ หรือฤทธิ์ศัตรูคู่แค้นจะมีชีวิตรอดต่อไป และนั่นคือสาเหตุให้เขาตัดสินใจขัดคำสั่งบอส ด้วยการปราดไปกดปุ่มบางอย่างที่แผงควบคุม บอสตกใจ
“นี่แก”
“ผมขอโทษครับบอส แต่ว่าผม…”
บอสกระชากคอกรณ์ขึ้นมาจนขาลอยจากพื้น
“ไอ้โง่ ที่นี่ฉันคือหัวหน้าสาขา แกมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจแทนฉัน”
“ยกโทษให้ผมด้วยบอส ผมทำทุกอย่างก็เพื่อองค์กรของเรา”
บอสเหวี่ยงกรณ์กระเด็นไป
“ไสหัวไปให้พ้น แล้วจำไว้ถ้าแกทำแบบนั้นอีก…ฉันจะฆ่าแก”
กรณ์ลนลานเดินหนีออกมาตามทางเดินแคบๆ ในโรงงานผลิตยา ก่อนจะมองกลับไปด้วยความแค้น
“หัวหน้าสาขา หึ...ถ้าไม่มีพลังพิเศษ แกคิดเหรอว่าจะมีวันนี้”
กรณ์เต็มไปด้วยความแค้น
นักสู้มหากาฬชะงัก เมื่อได้กลิ่นอะไรบางอย่าง
“คุณได้กลิ่นอะไรรึเปล่า”
“กลิ่น…กลิ่นเหมือนน้ำยาเคมี”
นักสู้มหากาฬเงยหน้ามองไปและเห็นควันพวยพุ่งออกมาจากช่องระบายอากาศ ก็รีบเข้าไปดู
“แก๊สพิษ รีบกลั้นหายใจ”
ณัฐชาล้วงผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูก ขณะที่ควันยังคงพวยพุ่งไม่หยุด สักพักณัฐชาเริ่มมีอาการสำลักก่อนจะทรุดไปอย่างหมดแรง นักสู้มหากาฬเข้าไปดู
“ณัฐชา คุณเป็นยังไงบ้าง ณัฐชา”
ณัฐชาหมดสติไป นักสู้มหากาฬเริ่มมีอาการหายใจไม่ออกและทรุดหมดแรงไปอีกคน สักครู่หนึ่งช่องระบายอากาศก็ดูดควันพิษกลับเข้าไป ก่อนที่ประตูจะเปิดออก บอสเดินเข้ามาหานักสู้มหากาฬ
“นักสู้มหากาฬ ในที่สุดอวสานของแกก็มาถึงจนได้”
บอสตะปบปุ่มกลไกที่ข้อมือ…ดาบดีดผึงออกมา
“จงยอมสยบต่อพรายพิฆาต แล้วฉันจะให้ยาถอนพิษ”
ฤทธิ์มองด้วยความแค้น
“ไม่มีทาง”
นักสู้มหากาฬชักดาบคู่ของตัวเองออกมาจู่โจมบอสอย่างรวดเร็ว บอสผงะ
“นี่แก”
“น้ำตามัจจุราช มีอำนาจมากกว่าที่แกคิดสิท่า”
บอสคำรามก่อนจะหายตัวไปโผล่ข้างหลังนักสู้มหากาฬ แล้วเงื้อดาบขึ้นเตรียมแทง แต่คาดไม่ถึงว่านักสู้มหากาฬกลับชิงแทงสวนมาด้านหลังเหมือนรู้แกวอยู่ก่อน
“ห้องนี้แคบไปหน่อยบอส สำหรับไม้ตายของแก”
บอสคำรามด้วยความเจ็บแค้น ก่อนจะเหวี่ยงดาบสกัดนักสู้มหากาฬให้ถอยออกไป ก่อนที่มันจะหายตัวไปอีกครั้ง นักสู้มหากาฬรีบหันไปทางณัฐชาที่กำลังย่ำแย่เพราะแก๊สพิษ
นักสู้มหากาฬประคองณัฐชาวิ่งหนีมาตามทางเดิน เธอทรุดไปอย่างหมดเรี่ยวแรง
“ฉัน...ฉันหายใจไม่ออก ฉัน…”
“ณัฐชา อดทนไว้ เราต้องรีบไปจากที่นี่”
“คุณหนีไปก่อน ฉันไปไม่ไหว”
“ไม่มีทาง ผมไม่ยอมทิ้งคุณเด็ดขาด”
ณัฐชาสะลึมสะลือเต็มที นักสู้มหากาฬตัดสินใจอุ้มร่างณัฐชาหนีต่อไป
ในห้องโถงโรงงานผลิตยา...พื้นที่เกิดเหตุต่อสู้ถูกเคลียร์เรียบร้อย ศพถูกขนออกไปจนหมด เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่ไม่กี่นาย ตำรวจคนหนึ่งได้ยินเสียงวิ่งหันไปมอง
“เฮ้ย นั่นมันผู้หมวดณัฐชานี่หว่า”
“มากับใครน่ะ”
นักสู้มหากาฬกับณัฐชาพอเห็นตำรวจก็อุ่นใจ เขาบอกกับณัฐชาที่จวนหมดสติ
“ณัฐชา เราปลอดภัยแล้ว”
ไม่ทันขาดคำ บอสที่ซ่อนตัวอยู่บนขื่อก็โดดลงมาตรงหน้าตำรวจก่อนจะลงมือใช้ดาบฟันแทงทั้งคู่จนสิ้นใจไปในพริบตา
“แกทำให้ฉันผิดหวัง นักสู้มหากาฬ”
นักสู้มหากาฬค่อยๆวางณัฐชาลงในที่ปลอดภัยก่อนผละไปเผชิญหน้าบอส ณัฐชาพยายามรั้งห้ามแต่ก็ไม่มีแรง
“ฉันให้โอกาสแกมากกว่าศัตรูทุกคน ก็เพราะเห็นว่าเรามีอะไรที่คล้ายกัน นั่นก็คือพลังที่ชำระล้างโลกใบนี้ ถ้าแกยอมร่วมมือกับฉัน เราจะสร้างโลกใหม่ด้วยกัน โลกที่จะไม่มีสงครามเพราะเชื้อชาติ หรือศาสนาอีกต่อไป”
แทนคำตอบ นักสู้มหากาฬชักอาวุธออกมาควงอย่างเตรียมพร้อม
“เลิกฝันลมๆแล้งๆซะทีเถอะบอส มีคนบริสุทธิ์ต้องตายเพราะแกมามากพอแล้ว”
บอสคำราม
“แกมันโง่”
ฉับพลันนั้นนักสู้มหากาฬก็รีบเปิดฉากออกอาวุธใส่ก่อน แต่แล้วร่างของบอสก็หายไปต่อหน้า ณัฐชากำหมัดแน่น เพื่อรวบรวมเรี่ยวแรงพยุงตัวขึ้น และหันไปมองการต่อสู้ของบอสกับนักสู้มหากาฬอย่างลุ้นระทึก
บอสหายตัวโผล่ซ้ายขวาหน้าหลังนักสู้มหากาฬอย่างรวดเร็ว จนนักสู้มหากาฬรู้สึกเหมือนกำลังสู้กับบอสหลายๆคนที่จู่โจมเข้ามาพร้อมกัน แม้คมดาบของนักสู้มหากาฬจะว่องไว แต่ก็ถูกดาบของบอสแทงฟันเข้าไปหลายแผลด้วยกัน สุดท้ายนักสู้มหากาฬก็ถูกซัดจนเซไปพิงผนัง
“ถ้าไม่สวมเสื้อเกราะ ฉันว่าแกคงตายไปแล้ว อยากรู้จริงๆว่าแกจะกลายเป็นผีดิบเหมือนนักรบของฉันรึเปล่า”
บอสเงื้อดาบ จังหวะนั้นเองที่เสียงปืนดังขึ้น ณัฐชากระหน่ำยิงใส่บอสหลายนัดจนหมด แต่บอสหันมาใช้ดาบปัดกระสุนได้จนหมด นักสู้มหากาฬร้องห้าม
“ณัฐชา…อย่า”
“นังตัวแสบ รนหาที่ตาย”
บอสเดินเข้าหาณัฐชา นักสู้มหากาฬรีบเข้าไปขวาง บอสหันมาคำรามแล้วต่อสู้กับนักสู้มหากาฬ ณัฐชาบรรจุกระสุนชุดใหม่แล้วเงยหน้าขึ้นก่อนจะตกตะลึง เมื่อพบว่าบอสคนหนึ่งกำลังสู้กับนักสู้มหากาฬ ขณะที่อีกคนกำลังเดินตรงมาหาเธอ บอสแยกเป็นสองร่าง
“พวกมันมีสองคน”
นักสู้มหากาฬตะโกนบอก
“ไม่...มันแค่ย้ายมวลสารสลับกัน”
ณัฐชาเริ่มสังเกตว่าร่างทั้งสองของบอสมีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือร่างของมันอาการกะพริบเหมือนสัญญาณภาพที่ขาดๆหายๆ บอสเงื้อดาบมุ่งหาณัฐชา
“ฉันเคลื่อนไหวเร็วกว่ากระสุน เร็วกว่าสายตาของมนุษย์”
ณัฐชาแข็งใจกระหน่ำยิงใส่บอสที่หายตัววูบวาบอยู่ เห็นกระสุนพลาดเป้าไปถูกสปริงเกอร์จนแตก น้ำพุ่งกระจายลงมาจากหลายๆจุดพร้อมกัน นักสู้มหากาฬซึ่งกำลังสู้กับบอสในอีกร่างหนึ่ง เริ่มมองเห็นโอกาสบางอย่างจากน้ำที่กำลังเจิ่งนองท่วมพื้น เขากดปุ่มสปริงยิงใบดาบไปพันขื่อก่อนจะดึงตัวเองขึ้นไปยืนข้างบนก่อนจะชี้ไป
“ณัฐชา ปีนขึ้นไปบนนั้น ไป”
ณัฐชามองไปที่ลังสินค้าแล้วรีบปีนโซซัดโซเซขึ้นไปอย่างอ่อนแรง แก๊สพิษทำให้เธอหน้าซีด และหายใจไม่ออก ขณะที่บอสเดินตามเธอมาอย่างใจเย็น ขณะเดียวกันบอสอีกร่างหนึ่งก็กระโจนตามนักสู้มหากาฬขึ้นมา นักสู้มหากาฬสะบัดใบมีดควงใส่มันใบมีดที่โยงล่ามด้วยเส้นเอ็นสังเคราะห์เหวี่ยงตวัดไปมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจสกัดบอสได้ ที่สุดนักสู้มหากาฬก็ต้องกดปุ่มที่ด้ามดาบเพื่อดึงใบดาบกลับคืนที่
บอสขึ้นมายืนเผชิญหน้ากับนักสู้มหากาฬอย่างสง่างาม ทั้งสองฝ่ายต่างตั้งกระบวนท่าเตรียมพร้อมที่จะเข่นฆ่ากัน...ณัฐชาพยายามปีนหนีไปบนลังสินค้า บอสอีกร่างผลักลังไม้ให้ล้มจนณัฐชาหวิดร่วงลงมาเธอหวีดร้องเสียงหลงก่อนจะหันไปยิงปืนใส่มัน แต่กระสุนพุ่งผ่านร่างของมันไปราวกับภูตผีวิญญาณ...นักสู้มหากาฬยังเผชิญหน้ากับบอสอีกร่างหนึ่ง ซึ่งกะพริบวูบๆวาบๆเหมือนสัญญาณโทรทัศน์ที่ส่งมาไม่สม่ำเสมอ
“ชีวิตแกจะเป็นแค่เศษเสี้ยวในตำนาน ของพรายพิฆาต”
“นั่นแกต่างหาก”
นักสู้มหากาฬไม่ตอบแต่พุ่งเข้าจู่โจมบอส ทั้งสองฝ่ายใช้ความเร็วที่เหนือมนุษย์เข้าต่อกรกัน สุดท้ายนักสู้มหากาฬก็ถูกแทงเข้าที่ท้อง บอสยิ้มหยัน
“โอ๊ะโอ้ววว เกราะเคฟล่ามีปัญหาเหรอพวก”
นักสู้มหากาฬแข็งใจแสยะยิ้ม
“แกน่าจะเอะใจบ้างนะ ตอนที่ฉันให้ณัฐชาปีนหนีแก”
บอสเอะใจขณะที่นักสู้มหากาฬหันไปกระชากท่อสายไฟที่ระโยงระยางอยู่ตรงผนังจนขาด และทำท่าจะทิ่มใส่ บอสผงะ รีบกระโดดหนีลงไปข้างล่าง ขณะที่นักสู้มหากาฬปาสายไฟตามลงไป บอสหันมาและหลบได้ทัน แต่ทว่า…สายไฟร่วงกระทบลงพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ ซึ่งบอสยืนอยู่ นักสู้มหากาฬตะโกนบอกณัฐชา
“ณัฐชาระวัง”
บอสอีกร่างที่กำลังจะเงื้อดาบแทงใส่ณัฐชาหายตัวไป ขณะที่บอสซึ่งต่อกรกับนักสู้มหากาฬโดนไฟช็อตจนเนื้อตัวสั่น ควันขึ้นขโมง ณัฐชานั่งตะลึงเช่นเดียวกับนักสู้มหากาฬที่มองอยู่จากข้างบนแผงควบคุมระบบไฟลัดวงจรจนระเบิดที่สุดกระแสไฟก็ถูกตัดไปโดยปริยาย พร้อมกับร่างของบอสที่ล้มตึงลงไปกับพื้น
กรณ์ยืนซุ่มหลบอยู่หน้าโรงงานผลิตยา เห็นนักสู้มหากาฬประคองณัฐชามาที่รถมอเตอร์ไซด์ซึ่งจอดซุ่มอยู่ข้างโรงงาน ก่อนจะหนีไปด้วยกันโดยให้ณัฐชานั่งอยู่ด้านหน้า กรณ์มองไปในโรงงานและแค่นยิ้มอย่างสะใจ
“ช่วยไม่ได้นะบอส ผมเตือนคุณแล้ว”
ในห้องสมุดบริษัทมาดามหลิว ชาญนำโทรศัพท์มามอบให้มาดามหลิวโดยเปิดระบบลำโพง
“คุณโทมัสติดต่อมาแล้วครับมาดาม แต่ดูเหมือนเขาจะมีปัญหาบางอย่าง”
มาดามหลิวรับสาย
“โทมัส เกิดอะไรขึ้น”
นักสู้มหากาฬกำลังขี่มอเตอร์ไซค์โดยประคองณัฐชาอยู่ในอ้อมแขนและคุยผ่านอุปกรณ์สื่อสารที่ข้อมือ
“ผู้หมวดณัฐชาถูกแก๊สพิษบางอย่าง อาการสาหัส”
มาดามหลิวตกใจ
“เธอเป็นยังไงบ้าง”
“หายใจไม่ออก จวนหมดสติแล้ว”
“คงเป็นแก๊สซาริน คุณต้องหา Atropine Sulfate ให้เธอ”
“ผมจะพาเธอไปที่โรงพยาบาล”
ชาญรีบบอก
“ไม่ทันหรอกครับคุณโทมัส ผมว่าเอาแบบนี้ดีกว่า ที่นั่นมีโรงงานสาขาของบลูฟินิกซ์ ผมจะให้เขาเอายาไปดักรอคุณข้างหน้า”
“ใช้เวลาแค่ไหน”
“ไม่เกิน 10 นาที”
มาดามหลิวตะโกนเตือน
“อย่าให้ณัฐชาหลับนะโทมัส ระบบหัวใจของเธอจะล้มเหลว”
นักสู้มหากาฬวางสาย
“อดทนไว้คุณตำรวจ คุณได้ยินรึเปล่า ผมไม่ยอมให้คุณตายแบบนี้”
ณัฐชาตาปรือ…ปากซีด…ใกล้จะหมดสติเต็มที เธอมองเห็นทุกอย่างรอบตัวเหมือนสีน้ำที่ถูกฝนชะจนเละเลือนไม่เป็นภาพอีกต่อไป เหลือแต่สีกับสีที่ปนเปกันมั่วไปหมด นักสู้มหากาฬเร่งเครื่องเสียงกระหึ่ม…เหมือนจะแข่งกับเสียงคำรามของมัจจุราช
รถบรรทุกของบริษัทบลูฟินิกซ์ แล่นมาตามท้องถนนมุ่งหน้าตรงไปหานักสู้มหากาฬ ตู้คอนเทรนเนอร์ท้ายรถมีอุปกรณ์การแพทย์พร้อม เจ้าหน้าที่นำ Atropine Sulfate ที่บรรจุในเข็มเตรียมพร้อม...นักสู้มหากาฬที่กำลังขี่มอเตอร์ไซค์ทะยานไปตามท้องถนนอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงลมตีวูบๆสีหน้านักสู้มหากาฬเต็มไปด้วยความร้อนใจ ขณะที่ณัฐชาตาปรือ…ใกล้จบชีวิตเต็มที
“ณัฐชา แข็งใจเอาไว้ อย่าหลับนะ”
เขาไม่ได้ยินเสียงตอบจากเธอ
“ถามผมสิณัฐชา ถามอะไรผมก็ได้ ผมจะบอกความจริงคุณทุกอย่าง”
ณัฐชาทำท่าเหมือนจะพูด แต่กลับคอพับหลับไปเฉยๆ
“ณัฐชา”
นักสู้มหากาฬขับรถพุ่งทะยานมาตามทางลัดทางหนึ่งแล้วจอดพรืดที่ท้ายรถบรรทุก คนขับรถรีบมาเปิดประตูด้านหลังให้ นักสู้มหากาฬรีบอุ้มณัฐชาขึ้นไปวางบนเตียงทันที เจ้าหน้าที่ซึ่งรออยู่รีบตรวจสอบม่านตาของเธอนิดหนึ่ง ก่อนจะหันไปคว้าเข็มมาถือไว้และมองไปมาอย่างลังเล
“พิษซึมเข้ากระแสเลือดแล้วครับ เราต้องฉีดยาที่หัวใจของเธอ แต่ว่า…”
เจ้าหน้าที่ไม่มั่นใจ
“ผมเอง”
นักสู้มหากาฬกระชากอกเสื้อณัฐชาออก แล้วยกเข็มฉีดยาเงื้อขึ้นเล็งไปที่ตำแหน่งหัวใจ ณัฐชากำลังรอความตาย ไม่สามารถลังเลได้อีกแล้ว นักสู้มหากาฬปักเข็มลงไปกลางหัวใจณัฐชาทันที
ในออฟฟิศกองปราบ...สิงหาเอ็ดตะโรใส่ไมตรีกับปรีดา
“อะไรกัน นี่ผู้หมวดณัฐชายังไม่ติดต่อมาอีกเหรอ”
“ติดต่อไม่ได้เลยครับสารวัตร” ไมตรีเสียอ่อย
“ผู้หมวดอาจโดนคนร้ายจับตัวไปก็ได้นะครับ” ปรีดาบอกอย่างกังวล
สิงหาไม่เห็นด้วย
“ไม่มีทาง ตำรวจแห่ไปตั้งหลายคน จะถูกจับคนเดียวได้ยังไง ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่”
“เงื่อนงำแบบไหนเหรอครับ” ไมตรีถามอย่าสงสัย
“ก็ผู้หมวดของคุณเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องบุกโรงงานนั่นไม่ใช่เหรอ คดีนี้คว้าน้ำเหลว แถมตำรวจยังตายเป็นเบือ หรือว่า…เธอจะเป็นพวกเดียวกับพรายพิฆาต”
ไมตรีกับปรีดาต่างอึ้งไป ก่อนที่โทรศัพท์มือถือของปรีดาจะดึงขึ้นเพราะมีคนส่งข้อความเข้ามา ปรีดาอ่าน
“เจอตัวผู้หมวดแล้วครับสารวัตร”
ร่างของณัฐชากำลังนอนหมดสติอยู่บนเตียงคนไข้ ขณะที่บุรุษพยาบาลสองนายสวมผ้าปิดปากกำลังเข็นเตียงเข้าไปในห้องโดยมีหมอและพยาบาลเดินตามมา ขณะเดียวกันสิงหากับปรีดาก็เพิ่งมาถึงพอดี
“ทางนั้นครับสารวัตร” ปรีดาชี้ไป
สิงหาเข้าไปหาหมอ
“ขอโทษครับหมอ” เขาชูบัตร “ผมเป็นตำรวจ ไม่ทราบว่าคนไข้อาการเป็นยังไงบ้างครับ”
“เธอได้รับสารพิษบางอย่างครับ แต่ว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีคนให้ยาแก้พิษก่อนจะมาถึงที่นี่”
“แล้วใครพาเธอมาส่งครับ”
หมอหันไปมองพยาบาลเป็นเชิงถาม
“เอ...ไม่เห็นนะครับคุณตำรวจ แต่มีคนโทรแจ้งเราว่าเธอนอนหมดสติอยู่ที่หน้าแผนกฉุกเฉิน”
สิงหากับปรีดานิ่วหน้าด้วยความสงสัย
ในห้อง...บุรุษพยาบาลสองคนช่วยกันย้ายร่างของณัฐชาจากเตียงเข็นไปนอนบนเตียงประจำห้อง เมื่อเสร็จธุระแล้วคนหนึ่งก็ปลีกตัวออกไป ขณะที่อีกคนยังรีรออยู่…เขาถอดผ้าปิดปากออกทำให้เห็นว่าเป็นฤทธิ์ปลอมตัวมานั่นเอง
“เสียใจด้วยนะผู้หมวด ที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน แต่ผมรับรองว่างานนี้ ผมต้องเอาคืนให้คุณแน่”
ดวงหน้าของณัฐชายามหลับดูงดงาม ฤทธิ์อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของเธอ ความรู้สึกอบอุ่นบางอย่างเกิดขึ้นในหัวใจอันเยือกเย็นของเขา แต่เจ้าของกลับรีบระงับความรู้สึกนั้นแล้วเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
ฤทธิ์ในชุดบุรุษพยาบาลเดินมา ในใจก็คิดถึงเรื่องราวระหว่างเขากับณัฐชาในช่วงทีผ่านมา และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเริ่มรู้สึกดีๆกับผู้หญิงคนนี้ เท้าของเขาหยุดก้าวยืนเหม่อ ตกอยู่ในภวังค์ความรู้สึกอันสับสนของตน
“อย่าห่วงเลยใจทิพย์ ผมจะไม่ยอมให้ใครมาแทนที่คุณเป็นอันขาด”
ฤทธิ์สะกดกลั้นความรู้สึกนั้นแล้วเดินหนีไป
กรณ์เข้ามาในโรงงาน และพบเห็นร่องรอยของการต่อสู้กับพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ
“บอสนี่ผมเอง คุณอยู่ที่ไหน”
เสียงคำรามด้วยความอ่อนล้าแว่วมาจากทางหนึ่ง กรณ์เดินมาเจอบอสที่นั่งหลบมุมกุมแผลอยู่อย่างอ่อนแรง
“นั่นคุณบาดเจ็บเหรอบอส”
“ไอ้นักสู้มหากาฬ มันจะต้องชดใช้”
กรณ์แค่นยิ้มเยาะบอสด้วยความสมน้ำหน้า
ในเมมเบอร์คลับ...นำชัยถูกมัดอยู่กับเก้าอี้ในสภาพหมดสติ ขณะที่ยักษ์ซึ่งคอมีเฝือกอ่อนดามอยู่เพราะอุบัติเหตุก่อนหน้านี้ กำลังฉีดยาสลบให้
“ฤทธิ์มากนักนะไอ้แก่ คราวนี้ล่ะได้หลับยาวแน่”
ระหว่างนั้นเองโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ยักษ์รีบรับสาย
“ฮัลโหล…ว่าไงครับหัวหน้า...เอมี่จะลงมือเมื่อไหร่”
เอมี่กับวัฒน์ซุ่มอยู่บนรถที่ถนนฝั่งตรงข้ามกับบริษัทมาดามหลิว วัฒน์อ่านป้ายชื่อบริษัท
“บลูฟินิกซ์”
เอมี่มองไปบนตัวตึก
“ชั้นบนเป็นเพนท์เฮ้าส์ของมาดามหลิว ถ้าเดาไม่ผิด ลุงโจคงถูกขังอยู่บนนั้น”
“เช็กระบบรักษาความปลอดภัยรึยัง”
“เวรยามแน่นหนา ประตูนิรภัยควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ คนนอกหมดสิทธิ์เข้าไปเด็ดขาด”
วัฒน์กวาดตามองอย่างใช้ความคิด
“อีกเดี๋ยวยักษ์จะมาสมทบกับพวกเรา...เธอคิดแผนออกรึยัง” เอมี่ถาม
“ยัง”
เอมี่ยิ้ม
“แต่ฉันคิดออก...”
วัฒน์นิ่วหน้า หันมามองเอมี่อย่างสงสัยว่ามีแผนอะไร
หน้าบริษัท...ร.ป.ภ.คนหนึ่งกำลังจดบันทึกอยู่ในป้อมยาม แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อวัฒน์ปรากฏตัววิ่งมาชนป้อมอย่างบ้าคลั่ง ในสภาพที่ถูกมัดมือไพล่หลังและมีเทปปิดปากเอาไว้ ร.ป.ภ.ตกใจ
“เฮ้ยอะไรวะ”
วัฒน์พยายามส่งเสียงขอความช่วยเหลืออย่างหวาดกลัวสุดขีด
“เฮ้ย อะใครกันวะเนี่ย”
ร.ป.ภ.ยังไม่ทันเข้าใจ เอมี่ก็ขับรถปราดมาและชักปืนยิงใส่วัฒน์จนเลือดสาดล้มไป เอมี่ตะโกนลั่น
“พรายพิฆาตจงเจริญ”
เอมี่ขับรถหนีไป
ในห้องสมุดมาดามหลิว...ชาญกำลังรายงานมาดามหลิวและโซเฟีย
“ดูเหมือนผู้ชายคนที่บาดเจ็บ จะเป็นศัตรูของพรายพิฆาตครับมาดาม”
“เขาหนีมาหาเราถึงนี่ แสดงว่าต้องรู้เบาะแสอะไรบางอย่าง” มาดามหลิวหันไปหาโซเฟีย “โซเฟีย จัดการทีนะ”
“ค่ะมาดาม”
เอมี่ขับรถมาจอดและหิ้วกระเป๋าปืนลงจากรถ แล้วเดินไปหายักษ์ที่นั่งรออยู่บนรถตู้ขนสินค้าเก่าๆอีกคัน ยักษ์บ่นทันทีเมื่อพบหน้า
“คนเพิ่งเจ็บตัวมาแท้ๆ ยังอุตส่าห์เรียกมาใช้งาน ใจดำไปหน่อยมั้งเจ๊”
“อย่าบ่น รีบออกรถ”
ยักษ์เบ้หน้า หยิบแว่นดำมาสวม ก่อนจะออกรถไปตามคำสั่ง
ลุงโจนอนหมดสติอยู่ที่เตียงใดเตียงหนึ่ง ขณะที่โซเฟียกำลังลงมือตรวจตรวจชีพจรของวัฒน์โดยเทียบกับนาฬิกาข้อมือ เธอนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจก่อนจะคว้ากรรไกรมาตัดเสื้อของเขาออก ก่อนจะเริ่มสำรวจตามจุดต่างๆ โซเฟียรำพึงด้วยความงง
“ไม่มีบาดแผล แล้วเลือดพวกนี้มาจากไหนกัน”
แต่แล้วโซเฟียก็พลิกเจอเอฟเฟ็คกระสุนเทียมกับถุงเลือดปลอม ฉับพลันนั้นวัฒน์ก็ลืมตาโพลงขึ้นก่อนจะตะปบคอของโซเฟียอย่างรวดเร็ว
ยักษ์ขับรถตู้มาจอดตรงป้อมยาม ร.ป.ภ.เข้าไปถาม
“ติดต่อใครครับ”
ยักษ์ที่สวมแว่นดำยื่นบิล
“ส่งของ”
ร.ป.ภ.สอคนคุยกันอย่างสงสัย เอมี่ซึ่งนั่งซุ่มอยู่ในบริเวณบรรทุกสินค้าของรถตู้ ชักปืนสั้นออกมาอย่างรอลุ้น
ยักษ์กับเอมี่ขับรถมาจอดที่บริเวณประตูทางเข้า เห็นยักษ์คว้าปืนออกมาเตรียมพร้อม ขณะที่เอมี่นั่งจ้องไปที่ประตูอย่างใจเย็น ยักษ์ถามขึ้น
“ไอ้วัฒน์จะทำสำเร็จรึเปล่า”
“เดี๋ยวก็รู้”
วัฒน์ใช้ท่อนแขนล็อกคอโซเฟียเอาไว้เพื่อให้ขาดใจ แต่โซเฟียก็แก้ล็อกได้ก่อนจะเปิดฉากชกต่อยใส่วัฒน์อย่างรวดเร็ว ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างสูสี
“ฝีมือไม่เลวสาวน้อย แต่แค่นี้สู้ฉันไม่ได้หรอก”
วัฒน์พยายามคว้ามีดผ่าตัดมาเล่นงานเธอแต่โซเฟียก็เตะทิ้งไปได้ ก่อนจะเข้าชกต่อยวัฒน์ซ้ำจนล้มไป
“แกเสร็จฉันแน่ ไอ้สาวกพรายพิฆาต”
โซเฟียจะเข้าไปซ้ำแต่ด้วยความประมาทเธอกลับถูกวัฒน์คว้าตัวไว้ได้และใช้หัวโขกใส่อย่างแรง
“นังบ้า เก่งนักใช่มั้ย”
วัฒน์ชกใส่โซเฟียจนหน้าหัน
“ผู้หญิงที่ชอบคิดว่าตัวเองเก่งกว่าผู้ชาย ฉันสะอิดสะเอียนที่สุด”
โซเฟียพยายามตอบโต้ แต่คราวนี้เธอกลับถูกวัฒน์ล็อกแขนไว้ได้
“ฉันจะสอนให้เอง ว่าผู้หญิงที่ดีต้องทำตัวยังไง”
โซเฟียเห็นว่าสู้วัฒน์ไม่ได้แน่ พอเหลือบเห็นปุ่มสัญญาณฉุกเฉินก็ตัดสินใจกดทันที วัฒน์ได้ยินเสียงสัญญาณก็แค้น
“นังบ้า”
วัฒน์คว้าตัวโซเฟียทุ่มใส่เฟอร์นิเจอร์อย่างแรงจนเธอหมดสติไป วัฒน์โผล่มาที่คอมพิวเตอร์ของโซเฟียแล้วลงมือป้อนข้อมูลคำสั่งเปิดประตูทางเข้าออกทุกทาง
ชาญกำลังรีบเร่งนำกำลังยามมุ่งหน้าไปที่ห้องทดลอง แต่แล้วทันใดนั้นประตูนิรภัยตามทางเดินหรือตามห้องต่างๆก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ หัวหน้ายามตกใจ
“อะไรกันครับเนี่ย มีคนแฮ็กระบบของเราเหรอครับ”
“ไม่ใช่” ชาญคิดขึ้นได้ “มันสั่งการจากในนี้”
ชาญรีบวิ่ง พวกยามรีบวิ่งตามไป
ประตูนิรภัยเปิดออก ยักษ์กับเอมี่ถือปืนวิ่งเข้ามาในอาคารของมาดามหลิว ยามสองคนกำลังโผล่มาดูที่ประตูทางเข้าเพราะได้ยินเสียงผิดปกติ เอมี่กระหน่ำยิงใส่ยาม โดยไม่ต้องหยุดวิ่งแม้แต่น้อย
โซเฟียนอนหมดสติกองอยู่กับพื้น ขณะที่วัฒน์เข็นรถเข็นมาที่ข้างเตียงลุงโจแล้วแก้มัดให้อีกฝ่าย
“ลุงโจตื่น ได้เวลากลับบ้านแล้ว”
ลุงโจสะดุ้งตื่นเหมือนคนฝันร้าย
“ฮือ...ฉันไม่บอก ฉันไม่บอกพวกแก”
“ลุงโจนี่ผมเอง”
ลุงโจได้สติ
“ไอ้วัฒน์ นี่พวกแกมาช่วยฉันเหรอ”
วัฒน์พยักหน้าแล้วประคองลุงโจขึ้นไปนั่งบนรถเข็น ขณะที่โซเฟียซึ่งนอนสลบอยู่เริ่มได้สติ และมองตามอย่างสะลึมสะลือ
ชาญกับทีม ร.ป.ภ.เพิ่งรีบรุดมาถึงห้องทดลองและเห็นวัฒน์กำลังเข็นรถพาลุงโจหนี
“มันจะหนีไปแล้ว”
วัฒน์รีบเข็นรถเร็วขึ้น ขณะที่ชาญชักปืน
“หยุด ไม่งั้นยิง”
ลุงโจหน้าเสีย ขณะที่วัฒน์เหลือบเห็นอะไรบางอย่างเบื้องหน้า วัฒน์กระชากรถเข็นหลบเข้าข้างทาง เผยให้เห็นยักษ์กับเอมี่ที่ประทับปืนรออยู่ ชาญเตือนพวกยาม
“ระวัง”
ชาญพลิกตัวหลบไปได้ฉิวเฉียด ขณะที่เอมี่และยักษ์สาดกระสุนใส่พวก ร.ป.ภ.จนตายเกลื่อน เอมี่ชักปืนพกสำรองโยนให้วัฒน์รับไป
“ไปก่อน ทางนี้ฉันจัดการเอง”
วัฒน์ยิงเปิดทาง ก่อนรีบเข็นรถพาลุงโจหนีไป ชาญรีบโผล่ออกไปยิงสกัดและถูกเอมี่กับยักษ์ยิงตอบโต้ สถานการณ์ค่อนข้างชุลมุน สองฝ่ายผลัดกันรุกรับ ชาญถูกยิงจนต้องหลบเข้าที่กำบัง โซเฟียโผล่มาเห็นพอดี
“ชาญ”
“โซเฟีย อย่าเข้ามา”
โซเฟียคว้าปืนของชาญที่หล่นอยู่ขึ้นมากระหน่ำยิงใส่เอมี่กับยักษ์ ชาญเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าช่วยยิงคุ้มกันและฉุดตัวเธอ
“โซเฟีย หลบไปซะ”
“ไม่ ฉันจะช่วยคุณ”
เอมี่ฉวดโอกาสนั้นยิงโซเฟียจนล้ม ชาญตกใจ
“โซเฟีย”
โซเฟียขบกรามด้วยความเจ็บปวด ขณะที่เอมี่หันไปบุ้ยใบ้กับยักษ์
“ถอย”
เอมี่กับยักษ์ยิงใส่พวกยามที่เหลือ เพื่อเปิดทางก่อนจะหลบหนีไป
วัฒน์เพิ่งประคองลุงโจขึ้นรถตู้ พวกยามวิ่งมาสกัด
“เฮ้ย...จะไปไหน”
วัฒน์ตัดสินใจชักปืนยิงยามตาย เอมี่กับยักษ์จะตามมา
“ยักษ์ ออกรถ”
รถตู้แล่นไปจากอาคารจอดรถอย่างรวดเร็ว
กรณ์เข้ามารายงานบอสที่กำลังนั่งพักฟื้นอยู่ห้องบัญชาการโรงงานผลิตยา
“เรียบร้อยครับบอส ตอนนี้เราได้ตัวลุงโจมาแล้ว แถมยังถล่มบริษัทของมาดามหลิวซะยับเยิน”
บอสแค้นจัด
“ยังไม่พอ แค่นั้นยังไม่สาสมกับความแค้นของฉัน ไอ้นักสู้มหากาฬมันต้องได้รับบทเรียนมากกว่านี้”
“บอสมีแผนยังไง”
“ณัฐชา เพื่อนหญิงของมัน คนที่ประสานงานให้มันกับตำรวจ ฉันจะใช้นังนั่นเป็นเบี้ยสำหรับเกมนี้”
สิงหาเข้ามาในห้องพักฟื้น โยนซองเอกสารใส่ณัฐชาอย่างเกรี้ยวกราด
“มีคนโอนเงินเป็นล้านเข้าบัญชีคุณเมื่อตอนบ่าย บอกผมหน่อยซิผู้หมวด ว่ามันเป็นค่าจ้างของใคร”
ณัฐชาดูเอกสารในซอง
“สารวัตร เรื่องนี้ฉันไม่ทราบจริงๆค่ะ”
“งั้นเหรอ ผมช่วยหาคำตอบให้ดีมั้ย ระหว่างนักสู้มหากาฬกับพรายพิฆาต ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ว่าจ้างคุณ ให้พาคนของเราไปตายที่โรงงานนรกนั่น”
“ฉันไปจับกุมยาเสพติด เรื่องนี้ผู้กองราเมศ ผู้กำกับเมธาก็รับทราบ”
“แล้วไหนล่ะยาเสพติดของคุณ ไหนละหลักฐาน”
ปรีดาขัดขึ้น
“สารวัตรครับ ผมว่าเรื่องนี้อาจเป็นการเข้าใจผิดก็ได้นะครับ”
สิงหาเสียดสี
“ฮึ...เดี๋ยวก็รู้ แต่ในระหว่างนี้ ผมขอสั่งให้คุมตัวผู้หมวดณัฐชาไว้ที่นี่ ห้ามเธอไปไหนเด็ดขาด”
ณัฐชาอึ้ง
“สารวัตร”
ค่ำนั้น ชาญกำลังเฝ้าดูเจ้าหน้าที่พยาบาลกำลังลำเลียงคนเจ็บออกไปด้านนอก ฤทธิ์เดินสวนเข้ามาด้วยท่าทีตื่นตระหนก
“ชาญ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“พรายพิฆาตส่งคนมาช่วยลุงโจ ท่าทางมันคงรู้แล้วว่าเราคืออริของพวกมัน”
“แล้วมาดามปลอดภัยรึเปล่า”
“มาดามแค่ตกใจนิดหน่อย แต่ว่าโซเฟีย…”
ฤทธิ์ใจหาย พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
โซเฟียนอนอยู่โดยมีเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์ติดตั้งระโยงรยางค์รอบๆ มาดามหลิวนั่งกุมมือโซเฟียอยู่ด้วยความเป็นห่วง ขณะที่ฤทธิ์เข้ามาดู
“มาดาม”
“โซเฟีย เป็นเหมือนลูกสาวของฉัน คนที่ทำร้ายเธอพวกมันจะต้องชดใช้”
“ตอนนี้พวกมันคงรู้แล้วว่าผมเป็นใคร อีกไม่นานมันคงต้องเปิดศึกกับเราแน่”
มาดามหลิวพยักหน้าอย่างเข้าใจ ระหว่างนั้นชาญก็เข้ามาตาม
“มาดามครับ มีพวกตำรวจมารออยู่ข้างล่าง”
ในห้องโถงบริษัทมาดามหลิว...ไมตรีกำลังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้สิงหาฟัง
“คนร้ายที่บุกมาปล่อยไวรัสบางอย่างลงในคอมพิวเตอร์ครับ ระบบบันทึกภาพก็เลยไม่ทำงาน”
“ถ้างั้นมันคงไม่ใช่โจรกระจอกแน่ แถมเหตุการณ์ยังเกิดไล่เลี่ยกับการบุกถล่มโรงงานของพรายพิฆาต ซึ่งถ้าผมเดาไม่ผิด มาดามหลิวจะต้องมีส่วนเกี่ยวพันกับพวกมัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
ทันใดนั้นเสียงมาดามหลิวดังขึ้น
“กล่าวหาผู้เสียหายแบบนี้ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอคะสารวัตร”
สิงหากับไมตรี ปรีดามองไปเห็นมาดามหลิว ฤทธิ์ ชาญเพิ่งมาถึงพร้อมกัน
“มาดามหลิว การตั้งข้อสันนิษฐานเป็นหน้าที่ของเรา”
ชาญสวน
“บริษัทของเราไม่เคยยุ่งกับงานผิดกฎหมาย”
สิงหาเลิกคิ้ว
“เหรอ...ถ้างั้นคุณช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ย ว่าพรายพิฆาตมันจะบุกมาที่นี่ทำไม ถ้าคุณไม่เคยขัดแย้งกับพวกมัน”
มาดามหลิวหน้านิ่ง
“ฉันไม่ทราบค่ะ”
สิงหาเท้าแขนบนรถเข็นมาดามหลิว
“มาดาม ผมขอแนะนำว่า ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือจากตำรวจล่ะก็ อย่างแรกที่คุณต้องทำ
ก็คือ พูดความจริง”
ชาญกันสิงหาออกไป
“ขอโทษนะสารวัตร ช่วยรักษามารยาทหน่อย มาดามไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย และที่สำคัญพวกเราไม่ได้เรียกให้คุณมาที่นี่”
“เฮอะ นั่นยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เกิดเหตุขนาดนี้แต่พวกคุณไม่ยอมแจ้งความ ตกลงพวกคุณซ่อนอะไรอยู่กันแน่”
ฤทธิ์แทรกขึ้น
“ผมว่าคุณมีอคติกับพวกเรานะคุณตำรวจ”
สิงหาหันมาประจัญหน้ากับฤทธิ์ ไมตรีรีบแนะนำ
“เอ่อนี่คุณโทมัสครับ เขาเป็นหลานของมาดาม”
“ผมรู้ ผมเคยเห็นเขาในข่าวบันเทิง...โทมัส หนุ่มไฮโซเจ้าสำราญ ผมจะบอกให้นะคุณ หน้าอ่อนๆอย่างคุณไม่รู้เรื่องงานของตำรวจหรอก ดังนั้นอย่าสอดจะดีกว่า”
ฤทธิ์มองสิงหาอย่างไม่พอใจนัก
สิงหาเนื้อตัวมอมแมมเดินกลับออกมาพร้อมไมตรี เขาบ่นพลางเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเนื้อตัว
“คนพวกนี้ไม่ยอมร่วมมือกับตำรวจ แสดงว่าพวกเขาต้องปิดบังอะไรอยู่แน่ ผมต้องการหมายค้น”ไมตรีแปลกใจ
“จะค้นทำไมล่ะครับสารวัตร มาดามหลิวเขาเป็นผู้เสียหายนะครับไม่ใช่คนร้าย”
“นี่ผมไม่สน ผมรู้แต่ว่าพวกเขาน่าสงสัย และผมต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไร”
กรณ์ป้อนคำสั่งลบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ทั้งหมดทิ้ง ก่อนจะรื้อค้นเอกสารต่างๆที่โต๊ะทำงานมาใส่เครื่องทำลายเอกสารเพื่อลบเบาะแสการติดต่อระหว่างนำชัยกับพรายพิฆาต ระหว่างนั้นเองที่ไอริณถือปืนมาโผล่ข้างหลังของเขา
“แกทำอะไรของแก”
กรณ์ไม่สนใจมอง
“บอสมีคำสั่งให้ทำลายหลักฐานทุกอย่างที่โยงใยระหว่างพ่อของคุณกับพรายพิฆาต” กรณ์หันมาแล้วชะงักเมื่อเห็นปืนในมือหญิงสาว “โว้ว...นั่นปืนจริง หรือว่าปืนของกองถ่ายครับคุณหนู”
ไอริณง้างนก
“พ่อฉันอยู่ที่ไหน”
“จุ๊ๆ เอาจริงแฮะวันนี้”
“ฉันถามว่าพ่อฉันอยู่ที่ไหน”
พริบตานั้นกรณ์ก็ปลดปืนไปจากมือของไอริณอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตบหน้าเธอฉาดใหญ่
“ถ้าอยากให้พ่อของคุณปลอดภัย คุณก็ควรจะหุบปากเอาไว้”
“พ่อฉันเป็นถึงนักการเมืองใหญ่ อีกไม่นาน ตำรวจกับนักข่าวต้องสงสัยแน่”
“เรื่องนั้นเราจัดการได้ คุณอยู่เฉยๆก็ละกัน...ถ้าเรื่องแดงขึ้นมาเมื่อไหร่ อย่าว่าแต่พ่อคุณเลย ทุกคนในบ้านหลังนี้ต้องตายกันหมดแน่”
ไอริณมองกรณ์อย่างหวาดกลัว
บอสงรออยู่กับกรณ์ ขณะที่เอมี่ ยักษ์ วัฒน์ พาลุงโจมารายงานตัว
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน สหาย” บอสยิ้มแย้มต้อนรับ
“พรายพิฆาตจงเจริญ” ลุงโจยิ้มให้
“หวังว่าแกคงไม่ได้บอกความลับพวกมัน”
“ไม่เลยบอส ผมปิดปากสนิท พวกมันไม่มีทางรู้อะไรจากผมแน่”
“ก็ดี เพราะถ้ามีความลับรั่วไหลออกไปเมื่อไหร่ แกจะต้องรับผิดชอบ...ด้วยชีวิต”
ลุงโจหน้าเจื่อน ขณะที่บอสกุมแผล และแสดงความอ่อนล้าออกมาเขาคำรามในคอ..
“ฮืม”
เอมี่หันมาถาม
“บอส อาการของคุณเป็นยังไงบ้าง”
“ค่อยยังชั่วแล้ว ฉันผิดเองที่ประเมินนักสู้มหากาฬต่ำเกินไป”
“ฝีมือของมันร้ายกาจมาก ผมว่าเราควรหานักฆ่าฝีมือดีมาจัดการกับมัน” ยักษ์ออกความเห็น
วัฒน์แย้ง
“พวกเราก็เป็นนักฆ่า ทำไมต้องหาคนอื่น”
“มันไม่ใช่คนธรรมดา แกไม่เข้าใจหรอก”
เอมี่พูดขึ้น
“ฉันเห็นด้วยกับยักษ์ เราต้องหาใครสักคนมาจัดการกับมัน”
บอสขัดขึ้น
“ไม่จำเป็น ฉันจะสร้างคนๆนั้นขึ้นมา ด้วยน้ำตามัจจุราช”
ปรีดาเข็นรถเข็นพาณัฐชามาดูสภาพของมาวิน ที่นอนแน่นิ่งตาลอยค้างอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้น
“นี่ล่ะครับผู้หมวด สภาพของไอ้มาวิน หมอบอกว่ามันถูกยิงซะจนกระดูกสันหลังแตก แถมสมองยังกระเทือนตอนรถคว่ำ งานนี้มีหวังได้เป็นเจ้าชายนิทราตลอดชีวิต”
“สรุปว่าเราคว้าน้ำเหลว ถึงจับตัวมันได้ก็เปล่าประโยชน์”
“แหม มองในแง่ดีบ้างสิครับ อย่างน้อยๆเราก็ได้เห็นว่าบาปบุญมีจริง คนทำเลวอย่างไอ้มาวิน มันไม่มีทางได้ดีหรอกครับหมวด”
ทันใดนั้นเสียงราเมศดังขึ้น
“ผู้หมวด”
ณัฐชากับปรีดาหันไปและพบว่าคนที่มาคือราเมศ
“ผู้กอง”
“ผมเพิ่งได้ข่าวของคุณ คุณไม่เป็นไรนะ”
ณัฐชาส่ายหน้ายิ้มๆ รู้สึกดีใจที่ราเมศมาเยี่ยม
ราเมศนั่งปรับทุกข์กับณัฐชาอยู่ในห้อพักฟื้นของเธอ
“ผมขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ช่วยคุณ ในเวลาที่คุณเดือดร้อน”
“ผู้กองหายไปไหนมาคะ”
“ผู้กำกับเมธาเล่นงานผมเรื่องภารกิจของพวกเรา ผมก็เลย…ผมละอายใจเหลือเกินณัฐชา ละอายจนไม่กล้าโผล่มาให้คุณเห็นหน้า”
“ช่างมันเถอะค่ะผู้กอง ฉันเข้าใจความรู้สึกของผู้กองค่ะ”
ราเมศกุมบ่าณัฐชา
“คุณดีกับผมเสมอ ณัฐชา ถ้าเรื่องนี้ผ่านไปเมื่อไหร่ ผมสัญญาว่า ผมจะตอบแทนคุณให้ได้”
“ตอบแทนแบบไหนเหรอคะ”
ราเมศมองณัฐชาอย่างมีความหมาย ก่อนจะกุมมือเธออย่างแนบแน่น ณัฐชาตกใจ
“ผู้กอง”
“ผมน่าจะเห็นค่าของคุณให้เร็วกว่านี้ คุณว่ามั้ย...”
ณัฐชาพูดไม่ออกทั้งเขินทั้งสับสน
ตำรวจนั่งอ่านหนังสือพิมพ์นั่งเฝ้ายามอยู่ที่หน้าห้องมาวิน ก่อนจะเหลือบเห็นณัฐชาเดินทื่อมา
“ผู้หมวด มาทำอะไรแถวนี้ครับ”
ณัฐชายิ้มก่อนจะตะปบกลไกที่ข้อมือ ใบมีดดีดผึงออกมา…คมวับ ณัฐชาแทงตำรวจจนตายคาที่ มาวินยังนอนแน่นิ่งบนเตียง ขณะที่ณัฐชาโผล่เข้ามาดู
“ว่าไงสหาย แกคงไม่สบายใจล่ะสิท่า ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานแกก็จะหายเป็นปกติ เพราะว่าฉันเอายาวิเศษมาให้แก”
ณัฐชาหยิบเข็มฉีดยาที่พกไว้ขึ้นมามันเป็นของเหลวสีม่วง…
“น้ำตามัจจุราช ฮ่าๆ”
ณัฐชาเปลี่ยนกลายเป็นบอส มาวินที่ขยับร่างกายไม่ได้ ได้แต่กลอกตามองด้วยความตื่นกลัว
วันต่อมา...ชาญนำดอกไม้ดอกเล็กๆใส่แก้วน้ำไปวางไว้ที่หัวเตียงของโซเฟียด้วยความเป็นห่วง ก่อนบอกกับฤทธิ์
“เธอช่วยชีวิตผมเอาไว้ ถ้าผมไม่ประมาทแต่แรก เธอคงไม่เป็นแบบนี้”
“ผมต่างหากที่ประมาท ผมน่าจะรีบกลับมาให้เร็วกว่านี้ แทนที่จะปล่อยให้เกิดเรื่อง”
“ตอนนี้พวกมันคงรู้แล้วว่าเราเป็นใคร เหมือนกับที่เรารู้ว่าพวกมันมีใครบ้าง”
ฤทธิ์เอะใจ
“คุณกังวลอะไรอยู่รึเปล่า”
“ไม่ใช่แค่มาดามหลิว หรือตัวคุณที่จะไม่ปลอดภัย แต่ทุกคนที่คุณรู้จักกำลังตกอยู่ในอันตราย”
ฤทธิ์เริ่มเป็นห่วงใครบางคนขึ้นมา
ยามไปตามชาญมาพบกับไอริณ ที่ยืนรออยู่ในห้องโถงบริษัทมาดามหลิว หญิงสาวสภาพซึมเศร้า และสวมแว่นดำอำพรางโฉมหน้า
“คุณไอริณ”
ไอริณถอดแว่นดำ
“ฉันอยากพบคุณโทมัส ฉันมีเรื่องจะขอให้เขาช่วย”
ชาญมองแววตาของไอริณก็พอรู้ว่าเธอเดือดร้อนอยู่จริงๆ
ในห้องสมุดบริษัทมาดามหลิว ไอริณร้องไห้วิงวอนกับฤทธิ์
“โทมัส คุณต้องช่วยฉันนะ บอดี้การ์ดของพ่อฉัน ความจริงแล้วเขาเป็นพรายพิฆาต พ่อของฉันถูกพวกมันจับตัวไป”
“แล้วพวกมันทำร้ายคุณรึเปล่า”
ไอริณส่ายหน้า
“มันข่มขู่ฉันให้ทำตามที่มันสั่ง ฉันบอกใครไม่ได้ ฉันไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ”
“ทำไมคุณไม่บอกเรื่องนี้กับณัฐชา”
“ณัฐชาถูกคุมตัวอยู่ คุณไม่รู้เหรอ”
ฤทธิ์อึ้งไปก่อนจะตั้งสติ
“ผมเข้าใจแล้ว คุณไม่ต้องห่วงนะไอริณ ผมจะหาทางช่วยพ่อของคุณเอง”
ไอริณกอดฤทธิ์ไว้เหมือนเด็กหาที่พึ่ง ขณะที่ฤทธิ์เริ่มสังหรณ์ใจว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น
พยาบาลถือถาดยามาที่ห้องมาวิน แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเลือดไหลที่พื้นเป็นทาง เมื่อมองไปเห็นศพตำรวจที่ถูกแทงตายเธอก็ตกใจจนถาดพลัดหลุดมือ
ปรีดาวิ่งโร่มาหาณัฐชาที่กำลังนั่งอ่านหนังสือบนเตียง
“ผู้หมวด ยุ่งแล้วครับเมื่อคืนไอ้มาวินถูกฆ่า”
“อะไรนะ แล้วเป็นฝีมือของใคร”
“นั่นล่ะครับปัญหาใหญ่ ภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด ผมเห็นคนร้ายมันหน้าตาเหมือนผู้หมวดเป๊ะเลยครับ”
ณัฐชาตะลึง
ในศูนย์ควบคุมความปลอดภัยในโรงพยาบาล...สิงหาดูภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดและเห็นคนที่ฆ่าตำรวจหน้าห้อง
“หยุดก่อน ขยายภาพตรงนี้”
ภาพถูกขยายเห็นว่าคนที่แทงตำรวจเวร ก็คือณัฐชา
ตำรวจที่ไปค้นห้องของณัฐชาเสร็จ มารายงานสิงหา
“ไม่พบตัวผู้หมวดณัฐชาครับสารวัตร หมู่ปรีดาก็หายตัวไปเหมือนกัน”
“สั่งคนปิดทางเข้าออก ห้ามคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในบริเวณนี้เด็ดขาด”
“แต่คนของเรามีไม่พอนะครับ”
“ก็ให้พวกยามมาช่วยสิโว้ย”
ปรีดากับณัฐชาซุ่มหลบผู้คนที่สัญจรไปมาตามทางเดิน
“หนีแบบนี้จะดีเหรอหมู่ ฉันไม่ใช่คนร้ายซะหน่อย”
“เชื่อผมเถอะครับผู้หมวด ถอยไปตั้งหลักก่อน จะเอายังไงค่อยว่ากันทีหลัง ขืนอยู่ตรงนี้มีหวังติดคุกสถานเดียวครับ”
“แล้วเราจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง”
ปรีดากวาดตามองไปมาก่อนจะได้ความคิด
ณัฐชาแต่งชุดพยาบาลสวมหน้ากากอนามัย เข็นเตียงขนศพมาตามทางเดิน ยามเห็นเข้าก็รีบร้องทัก
“จะไปไหนครับ”
“ห้องดับจิตค่ะ คนไข้เพิ่งเสียชีวิต”
“เอาเอกสารมาด้วยรึเปล่า”
“โอ้ยด่วนค่ะ ไม่มีเอกสารคือว่าคนไข้ป่วยเป็นโรคติดต่อร้ายแรงต้องพาไปเก็บไว้ในที่กักกันเชื้อโรค”
ยามนิ่วหน้าด้วยความสงสัยก่อนจะเลิกผ้าคลุม เห็นหมู่ปรีดานอนหน้าบิดหน้าเบี้ยว ยามตกใจ
“เย้ย...เป็นอะไรตายครับเนี่ย”
“ไข้หวัดสองพันเก้าค่ะ แบบว่าเป็นมากแล้วก็ไอไม่หยุด ไอจนหัวใจล้มเหลว ขาดใจตายเลยค่ะ”
ยามลังเล ณัฐชาแกล้งไอ
“แค่กๆ ถ้าคุณไม่เชื่อ…แค่กๆจะให้ฉันพิสูจน์ก็ได้นะคะ ฉันจะกลับไปเอาเอกสารก่อน...แค่กๆ”
“เอ่อไม่ต้องแล้วครับ คุณเอาศพไปก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยเอาเอกสารมาทีหลังก็ได้ เชิญครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ แค่กๆ”
ณัฐชาเอาผ้าคลุมศพตามเดิมแล้วรีบเข็นหนีไป ยามมองตามอย่างขนลุกขนพอง
ปรีดาย่องมาดูต้นทางก่อนจะโบกมือเรียกณัฐชา
“เรียบร้อยครับหมวด ทางสะดวก” ปรีดาหยิบถุงใต้เตียงออกมา “นี่เสื้อผม ผู้หมวดเอาไปใช้ก่อนนะครับ”
“ขอบใจมากนะหมู่ ถ้าฉันเคลียร์ตัวเองได้เมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาเลี้ยงข้าวหมู่นะ”
“โชคดีนะครับผู้หมวด”
ณัฐชาปลีกตัวจากไป ปรีดามองตามจนลับตาก็โล่งใจ
“เรียบร้อย แบบนี้ไอ้สารวัตรหน้าโง่ไม่มีทางจับผู้หมวดทันแน่” ปรีดาหันกลับมาแล้วสะดุ้งโหยง “เย้ย”
สิงหายืนอยู่กับตำรวจ
“ว่าใครโง่นะหมู่”
ทางเข้าโรงพยาบาลมีคนสัญจรไปมาพลุกพล่าน ฤทธิ์กำลังขับรถเข้าไปแต่แล้วก็เห็นณัฐชาสวมเสื้อแจ็คเก็ตของหมู่ปรีดาทับชุดคนไข้ กำลังเดินก้มหน้าก้มตาหนีออกไปข้างนอก ฤทธิ์จำได้
ณัฐชากำลังมองหารถ พอดีมีมอเตอร์ไซด์ของตำรวจสายตรวจแล่นผ่านมา เธอรีบหันหน้าเดินหนีทันที ตำรวจสายตรวจสังเกตเห็นณัฐชาอยู่ลิบๆก็สะกิดเพื่อนให้ขับเข้าไปใกล้ๆ ณัฐชารู้ตัวรีบเดินหนี แต่ทำท่าจะหนีไม่ท้น ทว่าจู่ๆรถของฤทธิ์ก็แล่นปราดมาจอดเทียบๆข้างเธอ ตำรวจสายตรวจเลยต้องจอดดูเหตุการณ์ ฤทธิ์เปิดประตู
“ผู้หมวด”
“คุณ”
“อย่าหันไปนะ ตำรวจกำลังมองคุณอยู่”
ณัฐชาทำอะไรไม่ถูก ฤทธิ์รีบลงจากรถเดินมามองหน้าเธอ
“กอดผม”
ณัฐชาชะงัก
“หา”
“กอดสิ แบบว่าเป็นแฟนกันแล้วผมมาง้อคุณไง”
ณัฐชาไม่กล้ากอด ฤทธิ์ตัดสินใจกระชากเธอมากอดเสียเอง
“เฮ้ยๆ”
“ที่รัก ผมผิดไปแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”
ณัฐชาไม่กล้าหัน
“ไปรึยัง”
สายตรวจขับรถจากไป ฤทธิ์นึกอยากแกล้งณัฐชาขึ้นมา
“ยังไม่ไป สงสัยคุณเล่นไม่สมบทบาท”
“กอดจนแทบเป็นผัวเป็นเมียกันอยู่แล้ว ยังไม่สมอีกเหรอ”
“หอมแก้มผมด้วยสิ”
ณัฐชาอึ้ง
“เร็วๆ สายตรวจมองอยู่ เร็ว”
ณัฐชาเอาปากชนแก้มฤทธิ์อย่างเสียมิได้
“นี่หอมหรือขวิดเนี่ย”
“ไปรึยัง”
“อีกข้างนึงสิ”
ณัฐชาเอาปากชนแก้มฤทธิ์อีกข้าง
“ไปรึยัง”
ฤทธิ์จับบ่า
“ไปตั้งนานแล้ว”
ณัฐชาหันไปดูและพบว่าไม่มีรถสายตรวจแล้วก็แค้นๆ
“นายโทมัส”
ฤทธิ์ขับรถพาณัฐชาหนี
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันเกิดเรื่อง”
“บังเอิญน่ะผู้หมวด ผมได้ข่าวว่าตำรวจคุมตัวคุณเอาไว้ก็เลยกะจะมาเยี่ยม คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเกิดเรื่องซะก่อน”
“ต้องเป็นฝีมือของพรายพิฆาตแน่นอน มันทำแบบนี้ทำไมนะฆ่าฉันยังง่ายซะกว่า”
“สงสัยมันคงเสียดายความสวยของคุณล่ะมั้ง”
ณัฐชาค้อน
“คุณนี่ก็ หน้าสิ่วหน้าขวานยังพูดเล่นอยู่ได้”
“เอาล่ะๆ ผมไม่พูดแล้ว ตกลงคุณจะไปไหน ผมจะไปส่ง”
“ฉันต้องกลับไปเก็บของ ตอนนี้พวกสารวัตรสิงหาอาจจะยังไม่ไหวตัวก็ได้”
ในห้องประชุมกองปราบ...ผู้กำกับเมธาพยายามไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างสิงหากับปรีดาและไมตรี
“เอาน่าสารวัตร ผู้หมวดณัฐชาเป็นคนดี ซื่อตรงต่อหน้าที่มาโดยตลอด เรื่องนี้ผมยืนยันได้”
“แต่เรามีหลักฐานนะครับว่าเป็นเธอเป็นคนฆ่านายมาวิน กับตำรวจที่เข้าเวรอารักขา”
ปรีดาแย้ง
“อาจจะเป็นคนหน้าเหมือน หรือเป็นภาพตัดต่อก็ได้นี่ครับสารวัตร”
“นี่ยังไม่สำนึกอีกเหรอหมู่ ตกลงหมู่อยากมีปัญหาใช่มั้ย”
ไมตรีห้ามศึก
“เอ่อ ใจเย็นๆ ก่อนเถอะครับสารวัตร ผมเองก็คิดเหมือนหมู่ปรีดาครับเจอแบบนี้เข้าไป ถ้าเป็นผม ผมก็ต้องช่วยหมวดณัฐชาเหมือนกัน”
สิงหาหันไปหาเมธา
“เห็นมั้ยครับท่าน ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ผมคงสืบคดีไม่ไหวแน่”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงสารวัตร”
“ผมต้องการผู้ช่วยที่ไว้ใจได้ครับ ส่วนทีมของผู้กองราเมศ ต่อไปนี้ให้คอยฟังคำสั่งอย่างเดียวเท่านั้น ห้ามกระทำการใดๆโดยพลการเด็ดขาด”
ไมตรีกับปรีดาเดินปรับทุกข์มาด้วยกัน
“สรุปว่าพวกเราถูกดองใช่มั้ยจ่า”
“ดองที่ไหน เขาบอกให้คอยฟังคำสั่ง ห้ามทำอะไรเอง ก็เหมือนกับกระบือไงหมู่ ไม่มีงานก็รออยู่ในคอก พอฝนตกเมื่อไหร่เดี๋ยวเขาก็เรียกไปไถนา เป็นไงผมเปรียบเทียบแบบนี้ หมู่สบายใจขึ้นรึยัง”
“ผมว่าแย่กว่าเดิมอีกจ่า” ปรีดานั่งลงถอนใจ “เฮ้อ ผู้กองก็โดนปลด ผู้หมวดก็มีคดีติดตัวเหลือแต่เราสองคนจะอยู่ยังไงไหว”
“ถ้างั้นก็มีทางเดียวที่เราจะรอดพ้นวิกฤตินี้ไปได้”
“ทำยังไงเหรอหมู่”
“แอบสืบคดีนี้อย่างลับๆ ถ้าเราจับคนร้ายได้เมื่อไหร่ ก็พิสูจน์ได้ว่า ผู้หมวดณัฐชาเป็นผู้บริสุทธิ์เมื่อนั้น”
ปรีดาหน้าตื่น
“จับคนร้าย...พรายพิฆาตเนี่ยนะ”
ศพของมาวินถูกดึงออกมาจากช่องเก็บ ยักษ์ และกรณ์ ตรวจดูสภาพม่านตาและชีพจรของศพอย่างผิดหวัง ยักษ์พึมพำ
“ไม่น่าเชื่อว่ามันจะตายง่ายๆแบบนี้”
“มันได้รับน้ำตามัจจุราชมากเกินไป บอสคงต้องการให้มันมีพลังเทียบเท่ากับนักสู้มหากาฬ แต่ว่าไม่สำเร็จ”
“ถ้างั้นเราควรทำยังไง ต้องเอาศพมันกลับไปด้วยรึเปล่า”
“ไม่จำเป็น ไอ้มาวินไม่มีประโยชน์กับเราแล้ว”
ยักษ์กับกรณ์ออกไปจากห้องดับจิตโดยไม่ได้เก็บศพของมาวิน ไม่มีใครสังเกตเลยว่าขณะนั้นนิ้วของมาวินเริ่มขยับขึ้นมาอีกครั้ง
ฤทธิ์ขับรถมาส่งณัฐชาที่ริมถนนละแวกคอนโด
“เดี๋ยวฉันเดินเข้าไปเอง เราแยกกันตรงนี้”
“แล้วคุณจะหนียังไง”
“ฉันดูแลตัวเองได้น่ะ ขอบใจนะที่มาส่ง”
ณัฐชาลงจากรถ แต่ฤทธิ์กลับคว้ามือไว้ เธอหันมาสบตาเขา
“ผมจะรอ คุณรีบกลับมานะ”
คำพูดของฤทธิ์ดูมีความหมายชอบกล ณัฐชาอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้า
ณัฐชาลงจากรถแล้วอดหันไปมองฤทธิ์ไม่ได้
“ทำไมต้องพูดซึ้งด้วยเนี่ย ขนลุกหมดเลย ตาบ้า”
ณัฐชาเดินหนีไป ฤทธิ์ชะเง้อมองตามด้วยความเป็นห่วง
ณัฐชาสวมเสื้อของปรีดาโผล่หน้ามาดูต้นทาง พอเห็นว่าปลอดคนก็รีบย่องมาหยิบกุญแจสำรองไขเข้าห้องพักไปทันที...ณัฐชาเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมอาวุธ จัดกระเป๋าสัมภาระเพื่อเตรียมออกเดินทาง แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงไซเรนดังขึ้น...ณัฐชาโผล่หน้าไปดูที่ระเบียง เห็นสิงหาเพิ่งลงจากรถมาพร้อมตำรวจจำนวนหนึ่ง และเผอิญเหลือบเห็นณัฐชาเข้าพอดี
“ผู้หมวดณัฐชาอยู่บนนั้น รีบตามไป”
ณัฐชาเซ็ง
“ว่าแล้วเชียว ไม่น่ากลับมาเลย”
ณัฐชารีบวิ่งไปที่หน้าลิฟต์และเห็นลิฟต์กำลังขึ้นมา ครั้นมองไปที่บันไดหนีไฟก็เห็นตำรวจกำลังวิ่งขึ้นมาเช่นกัน เธอหงุดหงิด
“บ้าจริง”
ณัฐชาตัดสินใจหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าอย่างจนแต้ม เธอจัดการหาอะไรมาล็อกหรือค้ำประตูเอาไว้
“ซวยแล้วฉัน จะไปทางไหนดีเนี่ย”
ณัฐชาหนีมาดูที่ท่อระบาที่ทอดลงสู่ตรอกเบื้องล่างด้านหลังอาคาร
“บรื๊อ สูงเป็นบ้า เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”
ณัฐชาปีนออกไปด้านนอกอาคาร โดยไม่รู้เลยว่าขณะนั้นเอมี่กำลังเฝ้ามองเธออยู่จากดาดฟ้าของอาคารที่อยู่ใกล้ๆกัน โดยอาศัยกล้องเล็งจากปืนไรเฟิ่ล เอมี่คุยโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ
“แน่ใจเหรอบอส ว่านักสู้มหากาฬจะโผล่มา”
“ฉันแน่ใจ ฉันเห็นตอนที่มันสู้เพื่อปกป้องตำรวจหญิงคนนี้ มันสู้ แบบยอมแลกชีวิต แสดงว่ามันกับณัฐชาต้องผูกพันกันเป็นพิเศษ”
สิงหากับพวกตำรวจวิ่งมาที่ประตูและพบว่าถูกล็อกจากด้านนอก
“ณัฐชา ผู้หมวดเปิดประตูเดี๋ยวนี้...ณัฐชา”
ไม่มีเสียงตอบ สิงหาสั่งการ
“พังเข้าไป”
ตำรวจช่วยกันพังประตูดาดฟ้าเข้าไป...ณัฐชามัวพะวงกับตำรวจที่กำลังบุกเข้ามา จนปีนพลาดและหวิดร่วงลงพื้น นักสู้มหากาฬยิงใบมีดไปพันกับเสาเอาไว้ ก่อนจะโหนตัวลงมาคว้าเอวเธอไว้
“ระวังหน่อยผู้หมวด”
“นี่คุณอีกแล้วเหรอ คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“มือปราบสาวกลายเป็นฆาตกร ข่าวดังขนาดนี้ใครจะไม่รู้”
เอมี่ยังคงรายงานบอสเป็นระยะ
“ตามแผน ตอนนี้นักสู้มหากาฬโผล่ออกมาแล้ว จะให้ฉันทำยังไงต่อไป”
เอมี่มองเห็นทั้งนักสู้มหากาฬ และณัฐชาอยู่ในวิถีปืนของเธอ
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 6 (ต่อ)
บนดาดฟ้าคอนโดณัฐชา...สิงหากับบรรดาตำรวจพังประตูเข้ามา
“แยกกันค้นหา เร็ว”
ตำรวจกระจายกำลังกันค้นหาณัฐชา กระทั่งเห็นเธอโรยตัวลงจากตึกไปกับนักสู้มหากาฬ ตำรวจตะโกนบอก
“ทางนี้ครับสารวัตร”
สิงหาเข้ามาดู
“นักสู้มหากาฬ”
ณัฐชาตกใจบอกกับนักสู้มหากาฬ
“เขาเห็นเราแล้ว”
สิงหายกปืนเล็ง
“มอบตัวซะผู้หมวด ไม่งั้นผมยิง”
ณัฐชาชักปืนเล็งตอบตามสัญชาติญาณ แต่นักสู้มหากาฬรีบคว้ามือเธอไว้
“ถ้าคุณเปิดฉากเมื่อไหร่ เราโดนถล่มแน่”
เอมี่เตือนบอสเพื่อขอคำสั่ง
“บอส ฉันขอทราบเป้าหมาย”
บอสสั่งการ
“ยิงตำรวจ”
เอมี่ชะงัก
“อะไรนะ”
“ยิงสารวัตรสิงหา”
เอมี่ได้สติก็เล็งปืนกระหน่ำยิงใส่พวกสิงหากับบรรดาตำรวจทันที สิงหาหลบจ้าละหวั่น
“เฮ้ย...ผู้หมวดนี่คุณเอาจริงเหรอ”
“ฉันเปล่า…”
ณัฐชาพูดไม่ทันขาดคำ เอมี่ก็ยิงใส่ตำรวจอีกชุดใหญ่ สิงหาโมโห
“ผู้หมวด ผมไม่เกรงใจแล้วนะ”
ณัฐชาตะลึงหันไปถามนักสู้มหากาฬ
“คุณพาใครมาด้วยรึเปล่า”
นักสู้มหากาฬเอะใจมองไปเห็นเอมี่เล็งปืนอยู่
“เอมี่”
เอมี่ยังกระหน่ำยิงใส่ตำรวจอีกชุด เสียงบอสห้ามดังมา
“พอได้แล้ว เตรียมถอนกำลัง”
“ฉันจะเก็บนักสู้มหากาฬ”
“ไม่...ปืนฆ่ามันไม่ได้ ให้ตำรวจจัดการกับมัน”
เอมี่ลดปืนลงและหันมาเปิดกระเป๋าอย่างว่องไวเพื่อเตรียมถอนกำลัง ขณะที่สิงหาพอเห็นเสียงปืนเงียบไปก็รีบสั่งการ
“ทุกคนฟังให้ดี คนร้ายขัดขืนการจับกุม ยิงได้เลย”
สิงหาโผล่จากที่กำบังออกไปยิงใส่ณัฐชาเป็นคนแรก ตำรวจที่เหลือมองหน้ากันอย่างลังเลสักพักที่จะต้องฆ่าพวกเดียวกัน ก่อนจะโผล่ตามออกไปยิงสมทบกับสารวัตรสิงหา ณัฐชากรี๊ดลั่นเมื่อมีกระสุนแฉลบผ่านไป นักสู้มหากาฬพลิกตัวหลบ
“เกาะไว้”
นักสู้มหากาฬตัดสินใจโหนตัวหนีห่ากระสุน ทะลุหน้าต่างบานหนึ่งเข้าไป
นักสู้มหากาฬกับณัฐชา ทะลุกระจกหน้าต่างเข้ามาในห้องรับแขก
“รีบไปหามาดามหลิว เธอจะช่วยคุณ”
“แล้วคุณล่ะ”
“ผมจะล่อพวกตำรวจให้เอง...ไป”
นักสู้มหากาฬพาณัฐชาออกไปจากห้อง หญิงสาวเจ้าของห้องที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟามองตามทั้งคู่ไปอย่างงุนงง
สิงหากับบรรดาตำรวจ วิ่งลงมาทางบันไดหนีไฟ
“ขอกำลังเสริมด่วน ผู้หมวดณัฐชาขัดขืนการจับกุม เธอกับนักสู้มหากาฬทำร้ายเจ้าหน้าที่” สิงหาสั่งการทางวิทยุ
นักสู้มหากาฬพาณัฐชาหนีมาถึงบริเวณหนึ่ง เห็นตำรวจสองสามนายวิ่งมาเจอเข้า เขารีบบอกเธอ
“หนีไป”
ณัฐชารีบปลีกตัวไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชักปืนออกมา นักสู้มหากาฬยิงใบดาบกลของเขาไปพันกับถังดับเพลิงแล้วเหวี่ยงมันฟาดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจจนปืนหลุดมือ ขณะเดียวกันสิงหาก็พากำลังวิ่งมาเมื่อได้ยินเสียง สิงหายกปืนเล็ง
“นักสู้มหากาฬ”
นักสู้มหากาฬรีบกระโจนหนี สิงหากับตำรวจรีบสาดกระสุนตามอย่างไม่ยั้งมือแต่พอโผล่ไปดูนักสู้มหากาฬก็หายไปแล้ว
ณัฐชาวิ่งกระหืดกระหอบมาที่รถของฤทธิ์ซึ่งจอดอยู่ แต่กลับพบว่าเจ้าตัวไม่อยู่บนรถ
“โทมัส คุณโทมัส คุณอยู่แถวนี้รึเปล่าปัทโธ่ หายไปไหนอีกวะเนี่ย”
ฤทธิ์โผล่มาทางด้านหลัง
“ผู้หมวด”
ณัฐชาสะดุ้ง
“เฮ้ย โผล่มาซะใกล้ ตกใจหมด...นี่ คุณหายไปไหนมา”
“ตะกี๊ผมได้ยินเสียงปืน ก็เลย…”
ณัฐชาตัดบท
“เอาล่ะช่างเถอะ คุณรีบพาฉันหนีไปก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกันทีหลัง”
ชาญตักซุปป้อนให้โซเฟียที่กำลังนอนพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ โซเฟียมองชาญอย่างประทับใจ
“นอกจากมาดามหลิวแล้ว ก็มีแต่คุณที่ดีกับฉัน”
“คนสวยใครๆก็อยากดูแลทั้งนั้น เธอไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นเองต่างหาก”
“แต่ฉันไม่อยากได้คนอื่นนี่”
“พูดแบบนี้ แสดงว่าแอบปิ๊งใครอยู่สิท่า”
โซเฟียไม่ทันได้ตอบ เสียงโทรศัพท์มือถือของชาญก็ดังขึ้น เขากดรับสาย
“ว่าไงครับคุณโทมัส มีอะไรให้ผมรับใช้” ชาญชะงัก “ผู้หมวดณัฐชาเหรอครับ”
ฤทธิ์กับณัฐชาออกมาจากลิฟต์ พบมาดามหลิวกับชาญยืนรออยู่
“มาดาม” ณัฐชาทักทาย
มาดามหลิวยิ้มให้
“ยินดีต้อนรับค่ะผู้หมวด” มาดามหลิวมองฤทธิ์ขรึมๆ “โทมัส เรามีเรื่องต้องพูดกัน”
ฤทธิ์เหลือบไปสบตากับชาญๆมองตอบด้วยสีหน้าหนักใจ
ในห้องทดลองบริษัทมาดามหลิว...มาดามหลิวทะเลาะกับฤทธิ์อย่างรุนแรง ต่างฝ่ายต่างระเบิดอารมณ์
“เธอช่วยพวกเราต่อกรกับพรายพิฆาต และตอนนี้เธอกำลังเดือดร้อน คุณจะให้ผมทิ้งเธอได้ยังไง”
“แน่ใจเหรอว่านั่นคือเหตุผลของเธอโทมัส ฉันจะบอกให้นะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น แผนที่ผ่านมาเละไม่เป็นท่า ก็เพราะคนของเธอเป็นสายให้พรายพิฆาต”
“แต่เธอไม่ใช่สายของพวกมัน”
“อ๋อ...แน่ล่ะ เธอไม่ใช่...อย่างเดียวที่เธอใช่ก็คือ เพื่อนของใจทิพย์”
“เลิกพูดเรื่องนี้ซะที”
“กี่ครั้งแล้วที่เราต้องเสียเวลาไปกับผู้หญิงคนนี้ อย่างคราวก่อนตอนที่พรายพิฆาตบุกมาที่นี่ เธอมัวอยู่ที่ไหนเหรอโทมัส...อยู่กับณัฐชา...ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกแผนการของเธอทำไมต้องเกี่ยวเนื่องกับ
หล่อน”
“ผมเชื่อใจเธอ”
“ไม่...เธอชอบแม่นั่นต่างหาก หล่อนทำให้เธอหายคิดถึงใจทิพย์ เธอก็เลยอยากได้มาแทนที่ ฉันผิดเองที่เลือกเธอมาร่วมงาน ใจของเธอหมกมุ่นแต่เรื่องคนรักที่ตายจากไป”
“แล้วคุณล่ะ คุณดีกว่าผมตรงไหน คุณก็คิดแต่เรื่องแก้แค้น คิดถึงสามีกับลูกของคุณ จนลืมไปแล้วว่าชีวิตคนเป็นๆ สำคัญกว่า”
ชาญหน้าเสีย…เพราะไม่เคยมีใครออกปากต่อว่ามาดามหลิวขนาดนี้ มาดามหลิวหน้าเหี้ยม
“นิ้วไหนร้าย ฉันพร้อมจะตัดทิ้งเสมอ ถ้าณัฐชาก่อปัญหาเมื่อไหร่ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนละกัน”
“ถ้าคุณแตะต้องเธอ เราขาดกันแน่”
ชาญปราม
“มาดาม คุณโทมัส ผมว่าเราพอแค่นี้เถอะครับ”
ฤทธิ์กับมาดามหลิวมองหน้ากันอย่างโกรธแค้น จนชาญรู้สึกไม่สบายใจ
ราเมศ ไมตรี ปรีดาโต้แย้งกับสิงหาที่กำลังชงกาแฟ
“ผมตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว วิถีกระสุน ไม่ได้มาจากผู้หมวดณัฐชา แต่เป็นคนร้ายอีกคนที่อยู่บนอาคารฝั่งตรงข้าม”
สิงหาไม่สน
“แล้วไง คนร้ายอาจเป็นพวกเดียวกับนักสู้มหากาฬก็ได้”
“สารวัตร เชื่อพวกผมเถอะครับ งานนี้ผู้หมวดณัฐชาต้องถูกใส่ร้ายแน่” ปรีดาบอกน้ำเสียงมั่นใจ
ไมตรีไม่เชื่อว่าณัฐชาจะทำเรื่องร้ายๆได้
“จริงด้วยครับสารวัตร อยู่ดีๆ ผู้หมวดณัฐชาคงไม่ไปฆ่าไอ้มาวินแบบนั้นหรอกครับ มันเป็นไปไม่ได้”
สิงหาไม่พอใจ
“แต่ภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันว่าผู้หมวดณัฐชาคือฆาตกรแล้วไหนจะเรื่องเงินในบัญชีของเธออีก ถ้าพวกคุณอยากช่วยเธอล่ะก็ ผมขอแนะนำว่าให้ช่วยจับเธอดีกว่า” สิงหามองราเมศ “ไม่อย่างนั้น เธออาจโดนวิสามัญก็ได้”
ราเมศนิ่วหน้าด้วยความรู้สึกเหมือนถูกท้าทาย
ราเมศ ไมตรี ปรีดากลับมาตั้งหลักที่ห้องทำงาน
“ไม่มีเหตุผลเลยนะครับผู้กอง ถ้าพรายพิฆาตจ้างผู้หมวดณัฐชาให้ฆ่าปิดปากไอ้มาวิน แล้วเธอจะหนีไปกับนักสู้มหากาฬได้ยังไง”
ราเมศคิดๆ
“หรือว่านักสู้มหากาฬเป็นคนจ่ายเงินให้เธอ”
ปรีดาขัดขึ้น
“ไม่มีทางหรอกครับ นักสู้มหากาฬเป็นมือสังหาร ทำไมต้องจ้างคนอื่นมาทำงานให้”
ไมตรีเห็นด้วย
“นั่นสิครับ ผมว่าเหตุการณ์มันดูแปลกๆยังไงชอบกล ระดับผู้หมวด ณัฐชาถ้าจะก่อเหตุทั้งที มันไม่น่าโจ่งครึ่มขนาดนี้เลยนะครับ”
ราเมศครุ่นคิด
“บางทีสารวัตรสิงหาอาจจะพูดถูก เราต้องรีบจับเธอ”
ปรีดาชะงัก
“ผู้กองกลัวผู้หมวดจะถูกวิสามัญเหรอครับ”
“ผมกลัวว่าคนร้ายตัวจริงจะฆ่าปิดปากเธอต่างหาก”
ณัฐชาอยู่ในห้องรับรองของบริษัทมาดามหลิว...ยามเอาอาหารมาเสิร์ฟให้ ก่อนที่มาดามหลิวจะเอ่ยขึ้น
“ที่นี่เป็นเขตหวงห้ามสำหรับคนนอก ถ้าต้องการอะไร กรุณาใช้โทรศัพท์ ฉันไม่อยากเห็นใครมาเดินเพ่นพ่าน”
“ขอบคุณนะคะมาดาม”
“โทมัสต่างหากที่เธอต้องขอบคุณ”
มาดามหลิวปลีกตัวไปพร้อมยาม ณัฐชาแอบแง้มประตูมองตาม
“เข้มงวดยิ่งกว่าค่ายทหารซะอีก หรือว่าที่นี่จะซ่อนอะไรเอาไว้”
ณัฐชาครุ่นคิด
บนดาดฟ้าบริษัทมาดามหลิว ฤทธิ์ยืนปรับทุกข์กับชาญที่ถือกล้องรูปเล่นอยู่
“คุณว่าผมผิดรึเปล่า เรื่องที่ทะเลาะกับมาดาม”
“มาดามเป็นคนมีเหตุผล เธอเป็นห่วงว่าแผนการจะมีปัญหาเพราะผู้หมวดณัฐชา”
“เธออยากแก้แค้น ผมก็เหมือนกัน แต่เธอควรจะแคร์ชีวิตคนอื่นบ้าง”
“ผมก็ไม่ได้อยากจะเข้าข้างเธอหรอกนะคุณโทมัส แต่คุณรู้สึกบ้างเหรอว่าตัวคุณห่วงใยณัฐชาเป็นพิเศษ”
ฤทธิ์อึ้ง ขำๆ
“นี่...แม้แต่คุณก็คิดว่าผมชอบเธองั้นเหรอ”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะหลอกตัวเองรึเปล่า แต่ผมว่าลึกๆแล้วคุณต้องการเธอ”
ฤทธิ์นิ่งงันไป
ในห้องนอนมาดามหลิว รูปถ่ายของครอบครัวตั้งอยู่ มาดามหลิวจิบไวน์ ก่อนจะเอื้อมมือมาที่รูปถ่ายของลูกสาว
“ไม่ต้องห่วงนะลูก แม่จะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางแผนการของแม่เด็ดขาด พรายพิฆาตจะต้องพบกับความหายนะและใครก็ตามที่สร้างปัญหา แม่จะฆ่ามัน”
ในห้องทดลองบริษัทมาดามหลิว เจ้าหน้าที่เพิ่งหอบแฟ้มเอกสารออกไปจากห้องแล็บ ณัฐชาฉวยโอกาสนั้นพุ่งเข้าไปในห้องก่อนที่ประตูจะปิด หญิงสาวตื่นตะลึงกับห้องทดลองของบริษัทมาดามหลิวที่เต็มไปด้วยเครื่องมือทันสมัย
“ว้าว...อย่างกับหนังอวกาศ นี่ห้องทดลองส่วนตัวเหรอเนี่ย”
ณัฐชาเดินสำรวจไปรอบๆเพื่อดูว่ามาดามหลิวค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องอะไร ก่อนจะเจอคอมพิวเตอร์ที่วางอยู่ในห้อง เธอลองเลื่อนเม้าส์ดูและพบว่ามันล็อกรหัสผ่านเอาไว้ ณัฐชาดัดนิ้วกร๊อบๆ
“ฮึ...คิดเหรอว่าแค่จะขวางทางฉันได้”
ณัฐชาลงมือเจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์ทันที
โซเฟียที่นอนพักฟื้นอยู่ ระหว่างนั้นถือมือถือของเธอก็มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น โซเฟียคว้าโทรศัพท์มากดดูภาพที่ส่งมาจากกล้องวงจรปิดและเห็นณัฐชากำลังเข้าไปในห้องทดลอง
“ผู้หมวดณัฐชา”
ณัฐชาเจาะเข้าระบบของคอมพิวเตอร์ได้ เธอเปิดดูข้อมูลที่อยู่ข้างใน
“กลุ่มทดสอบยูนิตที่ห้า ลดค่าการกลายพันธุ์ที่เกิดจาก ไดออกซีน” หญิสาวคิดๆ “ไดออกซีน สารตั้งต้นของน้ำตามัจจุราช มาดามหลิวจะค้นคว้าเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร”
ณัฐชาลองเปิดดูข้อมูลในแฟ้มถัดไปก่อนจะชะงัก เมื่อพบว่ามันเป็นภาพร่างในการออกแบบเสื้อเกราะและอาวุธของนักสู้มหากาฬ
“เฮ้ย...นี่มัน…”
ณัฐชาเริ่มเอะใจบางอย่าง พอดีโซเฟียผลักประตูเข้ามาเสียก่อนกุมแผลบาดที่เจ็บอยู่ ณัฐชารีบปิดภาพที่คอมพิวเตอร์ทันที
“ผู้หมวด คุณเข้ามาในนี้ทำไม”
“อ๋อ...พอดีฉันเบื่อๆน่ะ ก็เลยว่าจะหาเกมเล่นซะหน่อย”
“ห้องแล็บนี่เข้าออกได้เฉพาะพนักงาน กรุณากลับไปที่ห้องของคุณ...เดี๋ยวนี้”
ณัฐชาฝืนยิ้ม แล้วกลับไปที่ห้อง ใจยังนึกถึงสิ่งที่เห็น
“ทำไมในคอมพิวเตอร์ ถึงมีภาพร่างชุดเกราะของนักสู้มหากาฬหรือว่า…นักสู้มหากาฬจะอยู่ที่นี่”
นำชัยถูกขังอยู่ในเมมเบอร์คลับ ยักษ์พาบอสเข้ามา
“ไอ้ทรยศ...แกต้องตาย” บอสกระชากคอนำชัยอย่างโมโห
“เอาเลยบอส ฆ่าผมเลย แต่ขอเตือนไว้ก่อนถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผมหรือว่าลูกสาวผมล่ะก็ สายของผมจะส่งหลักฐานให้ตำรวจทันที”
“หลักฐานอะไรของแกวะไอ้เฒ่า” ยักษ์ถามเสียงเข้ม
“การฟอกเงินของพรายพิฆาตทั้งหมด คุณให้ผมเป็นคนจัดการลองคิดดูสิ ถ้าตำรวจได้ข้อมูลนี้ไปเมื่อไหร่ จะมีใครบ้างที่เดือดร้อน สาวกของพรายพิฆาตทั้งหมดที่โอนเงินให้คุณจะต้องเข้าตะราง”
บอสคว้าคอ
“กล้าดียังไงมาขู่ฉัน”
“ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ถ้ากูตาย มึงก็อย่าอยู่เลย”
ยักษ์อึ้งเมื่อเห็นนำชัยเอาจริง
บอสกับยักษ์เดินมาตามทางเดินหน้าห้องขังนำชัย
“เอายังไงดีครับบอส ไอ้แก่นำชัยท่าทางเอาจริงซะด้วย” ยักษ์ถามอย่างหวั่นใจ
“ใช้ไม้นวมกับมันไปก่อน ไว้เจอหลักฐานเมื่อไหร่ ค่อยจัดการกับมัน” บอสบอกเครียดๆ
หน้ากองปราบ...ราเมศเดินมาส่งไอริณที่รถ ซึ่งสุชาติยืนรออยู่
“ไม่ต้องห่วงนะคะผู้กอง ถ้าณัฐชาติดต่อมาเมื่อไหร่ ฉันจะบอกเขาให้รีบมอบตัว”
“ขอบคุณมากครับคุณไอริณ” ราเมศนึกขึ้นได้ “เออแล้วนี่ ท่านนำชัยยังไม่กลับมาอีกเหรอครับ”ไอริณชะงัก
“กลับมา”
“ก็เห็นคุณสุชาติบอกว่าท่านทำธุระที่ต่างประเทศ”
ไอริณเหลือบมองมาที่สุชาติ ออกอาการอึกอักไม่แน่ใจว่าตนพูดอะไรผิดไปหรือไม่ เธอปรับตาม
“อ๋อค่ะ ท่านไปหาเพื่อน อีกไม่นานคงกลับ”
ราเมศพยักหน้า แต่ลึกๆแล้วดูออกว่าไอริณกับสุชาติมีพิรุธ
สุชาติเปิดประตูให้ไอริณขึ้นรถ ก่อนจะตามมานั่งที่คนขับ
“ท่าทางเราคงปิดข่าวได้อีกไม่นาน ตอนนี้ใครๆก็ถามหาท่านนำชัยกันให้วุ่นไปหมด บอกผมมาเถอะครับคุณไอริณ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“คุณสุชาติ คุณทำงานกับคุณพ่อมานานรึยัง”
“เกือบสิบปีแล้วครับ”
“แล้วถ้าฉันบอกว่าท่านติดต่อกับพรายพิฆาตล่ะ คุณจะว่ายังไง”
สุชาติอึ้งไป
“ผมนึกอยู่แล้วเชียวว่ามันต้องเป็นแบบนี้...นี่แปลว่าท่านมีปัญหากับพวกมันใช่รึเปล่าครับ”
ไอริณพยักหน้า
“ฉันบอกเรื่องนี้กับตำรวจไม่ได้ แต่ฉันวางแผนไว้แล้วว่าจะช่วยท่านยังไง”
สุชาติขับรถพาไอริณจากไป ไมตรีกับปรีดาที่ซุ่มอยู่บนรถอีกคัน
“อ้าว นั่งเหม่อคิดถึงญาติผู้ใหญ่อยู่เหรอหมู่ ก็ขับตามไปสิ” ไมตรีหันมาดุปรีดา
“มันจะดีเหรอจ่า คุณไอริณเป็นเพื่อนผู้หมวดนะ ถ้าเกิดผู้หมวดรู้เข้า...”
“โธ่ ผู้กองก็บอกแล้วไง ถ้าอยากช่วยผู้หมวดก็ต้องจับผู้หมวดให้ได้ไป...ออกรถ”
ปรีดาออกรถตามสุชาติไปห่างๆ
ค่ำนั้น...ไอริณกำลังหารือกับณัฐชา และฤทธิ์อยู่ในห้องสมุดบริษัทมาดามหลิว
“ฉันมั่นใจว่าพ่อของฉันยังมีชีวิตอยู่ แล้วที่สำคัญท่านคงต้องรู้ความลับอะไรบางอย่างของพวกมัน ฉันถึงได้อยู่รอดปลอดภัยแบบนี้”
ณัฐชาหันมาหาฤทธิ์
“เราต้องสืบให้ได้ ว่าพวกมันซ่อนคุณลุงไว้ที่ไหน จากนั้นก็ค่อยประสานงานกับตำรวจ”
ฤทธิ์ขัดขึ้น
“ถึงขั้นนี้คุณยังเชื่อใจตำรวจอีกเหรอผู้หมวด”
ณัฐชาชะงัก
“หมายความว่าไง”
“ก็ตอนที่บุกถล่มโรงงานคราวก่อนคุณก็เห็นแล้วนี่ พวกมันจะวางกับดักล่วงหน้าได้ยังไง ถ้าไม่มีสายข่าว...”
ณัฐชาชักสงสัย
“นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“หนังสือพิมพ์ลงข่าวโครมๆ ทำไมผมจะไม่รู้ แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ ตอนนี้คุณเป็นผู้ต้องหาหนีคดี คุณคิดว่าจะมีตำรวจหน้าไหนเชื่อคุณ”
ไอริณเห็นด้วยกับฤทธิ์
“ฉันว่าคุณโทมัสพูดถูกนะณัฐชา เรื่องนี้เราต้องจัดการกันเอง”
“ก็ได้ ฉันลงมือเอง”
“ผมไปด้วย”
“เกี่ยวอะไรกับนาย”
“ก็ผมรับปากคุณไอริณเอาไว้ว่าจะช่วย ลูกผู้ชายอย่างผมพูดแล้วไม่คืนคำนะคุณ”
ณัฐชาย่นหน้ารำคาญ ขณะที่ไอริณยิ้มด้วยความปลื้มในน้ำใจของเขา
ณัฐชามาส่งไอริณที่ลิฟต์
“ก็ตอนเธอไม่อยู่ฉันไม่รู้จะพึ่งใครนี่ ผู้กองราเมศก็หายหน้าไป”
“เธอก็เลยต้องพึ่งนายโทมัส”
“แน่นอน ฉันเชื่อใจเขา”
“ท่าทางเธอคงชอบเขามาก”
“เธอสงสัยอะไร”
“ก็จะได้รู้ว่าผู้กองราเมศตกรอบแน่นอนแล้ว”
ไอริณยิ้ม
“ผู้กองราเมศเขาเหมาะกับเธอนะ เชื่อฉันสิ”
ณัฐชายิ้มรับกร่อยๆ ในใจเธอตอนนี้ไม่ได้มีผู้กองราเมศอีกแล้ว
สุชาตินั่งรอไอริณอยู่บนรถที่จอดหน้าบริษัท มองดูนาฬิกาข้อมืออย่างกระวนกระวาย ขณะเดียวกันไมตรีปรีดาก็ซุ่มอยู่มุมหนึ่งของถนน
“คุณไอริณ มาที่บริษัทมาดามหลิว มาทำไม” ไมตรีพึมพำ
“นั่นสิจ่า หรือว่าผู้หมวดจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
ไมตรีพยักหน้าแล้วคันจมูก
“ฮืม ฮัดๆ...”
ปรีดาตกใจรีบห้าม
“เฮ้ยๆ อย่าจามจ่า เดี๋ยวเป้าหมายรู้ตัว อย่าจาม”
ปรีดาอุดปากไมตรีให้กลั้นจาม ไมตรีเลยตดออกมาเสียงดังยาวมาก สุชาติเหลียวมาดู ไมตรีหน้าตื่น
“ตายแล้วหมู่ เป้าหมายเห็นเราแล้วทำไงดี”
“ทำตัวปกติไว้จ่า อย่ามีพิรุธ”
ไมตรีตื่นเต้น
“ทำไงล่ะหมู่...ทำไง”
ปรีดาคว้าคอไมตรีจะมาจูบปาก”
ไมตรีดันออก
“เฮ้ยๆ ไอ้หมู่ จะทำอะไร”
ปรีดาดึงเข้า
“ก็แบบในหนังไงจ่า จูบกัน เป้าหมายจะได้ไม่สงสัย”
“จะบ้าเหรอหมู่ ไม่เอา อย่า…อย่า…”
ปรีดากับไมตรีกอดปล้ำกันไป สุชาติส่ายหน้าแล้วหันหนีไปด้วยความขยะแขยง
ห้องดับจิตเงียบสงัด จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นโครมคราม จนยามต้องรีบรุดมาดู
“เสียงอะไรวะ”
ยามกวาดสายตามองหา ขณะที่เสียงโครมครามนั้นหยุดชะงักลง ยามพบว่าตู้เก็บศพตู้หนึ่งมีรอยบุบเหมือนถูกกระทุ้งจากข้างในจึงลองเปิดออกมาดู มาวินที่นอนอยู่ข้างในลืมตาขึ้นก่อนจะตะปบคอยามเอาไว้อย่างรวดเร็ว มาวินคำรามราวกับอสูรร้าย ขณะที่ยามแผดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
วันต่อมา...ราเมศรายงานเรื่องให้สิงหาทราบ
“มีพยานเห็นมาวินหนีออกไปจากโรงพยาบาล แต่สภาพร่างกายของเขาดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่”
สิงหาอึ้งๆ
“ไม่น่าเป็นไปได้ ผมเห็นศพมันกับตา คนตายไปแล้วจะคืนชีพขึ้นมาได้ยังไง”
“ไม่ยากหรอกครับสารวัตร ถ้ามีพรายพิฆาตอยู่เบื้องหลัง”
สิงหานิ่วหน้าด้วยความหนักใจ
เอมี่ ลุงโจ และวัฒน์ ปรึกากันเรื่องมาวิน
“ไอ้มาวินมันฟื้นแล้ว บอสมีคำสั่งให้นายกับวัฒน์ไปลากคอมันกลับมาที่นี่”
ลุงโจถอนใจ
“มันฟื้นเพราะน้ำตามัจจุราช แล้วฉันจะจัดการมันได้ยังไง”
“เรื่องนั้น บอสมีวิธี”
เอมี่ยื่นกระบองไฟฟ้าให้ วัฒน์ลองเปิดสวิทซ์ดู
“แปดหมื่นโวลต์ สำหรับไอ้มาวินโดยเฉพาะ” เอมี่บอก
อาการบาดเจ็บของโซเฟียดีขึ้น แต่ยังไม่ปกติเท่าไหร่นัก รายงานเรื่องณัฐชาให้มาดามหลิวฟัง
“หมวดณัฐชาแอบเปิดดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ฉันตรวจสอบการใช้งานแล้วคิดว่า เธอคงเห็นแฟ้มการค้นคว้าเกี่ยวกับน้ำตามัจจุราช กับภาพร่างชุดเกราะของคุณโทมัสบางส่วน”
“ก็ยังสรุปไม่ได้ว่าเธอจะรู้แผนการทั้งหมดของพวกเรา”
“แต่เธอกำลังสงสัยและตำรวจอย่างเธอคงตามสืบไม่เลิกแน่ ที่สำคัญคืออาจมีตำรวจคนอื่นสนใจเรื่องนี้”
มาดามหลิวนิ่งไป ก่อนจะตัดสินใจ
“โซเฟีย อาการของเธอเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันพร้อมเสมอค่ะมาดาม”
มาดามหลิวพยักหน้า
“ฉันมีภารกิจสำคัญจะมอบหมายให้เธอ…จัดการ”
มาดามหลิวบอกด้วยใบหน้าอันเหี้ยมเกรียม
โปรดติดตามตอนที่ 7