เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 6
สมิงเดินมาตามทางเดินในป่า ห่างออกไปมีศรีไพรเดินตาม ทั้งคู่ดูเย็นชา ซึ่งกันและกัน โดยสมิงกลัวว่าหากใกล้ชิดกับศรีไพรมากๆ อาจใจอ่อน และต้านทานธรรมชาติของความเป็นผู้ชายไม่ได้ จึงทำตัวห่างเหิน เย็นชา ขณะที่ศรีไพรเธอรู้สึกอับอายที่สมิงปฏิเสธเธอ ใจหนึ่งก็อยากจะเอาชนะสมิง ขณะที่อีกใจก็ต้องวางฟอร์มไว้บ้าง เพราะเธอเป็นผู้หญิง
สมิงหยุดเดินแล้วหยิบน้ำในกระบอกขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็หันไปมองศรีไพรซึ่งทำฟอร์มเมินหน้าไปมองที่อื่น ไม่ยอมมองสมิง
“อ้ะ กินน้ำ”
สมิงส่งน้ำให้ศรีไพร ศรีไพรรับน้ำมา แล้วดื่ม
“ขอบคุณ”
“ทำไมเธออยากตามชั้นเข้ากรุงเทพฯ หรือว่า...”
“หรือว่าอะไร” ศรีไพรระแวง เกรงสมิงจะหาว่าเธอทำตัวหน้าด้าน อยากตามไปอยู่ใกล้ๆ ผู้ชาย เธอจึงรู้สึกหงุดหงิด “ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ยังไงชั้นก็ไม่หน้าด้านเป็นครั้งที่สองแน่”
“ชั้นยังไม่ได้ว่าอะไรเธอสักหน่อย”
“ถึงสมิงจะไม่พูด แต่สิ่งที่สมิงทำ มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว สมิงไม่ได้รัก ไม่ได้สนใจชั้น แล้วมันเรื่องอะไรที่คนอย่างชั้นจะต้องงมงายอยู่กับสมิงคนเดียว”
“คิดได้ยังงั้นก็ดี เพราะชั้นเองก็อยากจะขอโทษเธอเหมือนกัน”
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่ชั้นไม่สุภาพกับเธอ ไม่เป็นอย่างที่เธอต้องการ”
“เรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องขอโทษ ตรงไปตรงมาแบบนั้นดีแล้ว ชั้นจะได้ทำตัวถูก”
“เสียดายที่ชาตินี้ ชั้นคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว”
สมิงพูดจบก็หันกลับแล้วเดินต่อไป
แม้ปากศรีไพรจะปฏิเสธ แต่ใจกลับอยากรู้ว่าทำไมสมิงถึงรักใครอีกไม่ได้
สมิงเดินไปตามทางในป่าเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจบาดแผลที่โดนยิง ทำให้มีเลือดไหลซึมออกมา ศรีไพรซึ่งเดินตามหลังสังเกตเห็น
“เดี๋ยว”
“มีอะไร”
“แผล” ศรีไพรเดินเข้าไปหาแล้วหยิบผ้าพันแผลออกมาจากกระเป๋าแล้วฉีกออกเป็นริ้วๆ “นั่งก่อน ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลไม่งั้นแผลจะหายช้า”
สมิงนั่งลงตามที่ศรีไพรบอก ศรีไพรเริ่มเปลี่ยนผ้าพันแผล โดยศรีไพรไม่แม้แต่จะเงยหน้ามามองสมิง ขณะที่สมิงหันมามองศรีไพรแล้วยิ้ม
“ความจริงเธอนี่ ดูๆ ไปก็สวยดีเหมือนกันนะ”
“หยุดพูดเถอะสมิง”
“ทำไม”
“สมิงมีคนรักแล้ว ควรจะซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเอง”
“ใช่ สมิงมีคนที่สมิงรัก แต่เชื่อมั๊ยว่า ผู้หญิงคนนั้นเค้าไม่เคยรักสมิงเลย”
ศรีไพรชะงักเล็กน้อยไม่คิดว่าเรื่องที่เธอสงสัยจะเป็นแบบนี้
“สมิงก็คงรักผู้หญิงคนนั้นมากจนลืมที่จะนึกถึงตัวเอง”
“ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่สมิงไม่ได้คิดถึงศรีนวลเลย”
“ศรีนวล”
“ศรีนวลบ้านลานเท ที่สมิงต้องเข้ากรุงเทพฯครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะแก้แค้น”
“ผู้ชายคนนั้น ทำให้ศรีนวลต้องเจ็บใช่มั๊ย”
“ใช่ สมิงสาบานกับตัวเองว่าจะคอยปกป้องดูแลผู้หญิงที่สมิงรัก ใครก็ตามที่มันทำให้ศรีนวลต้องเสียน้ำตา สมิงจะฆ่ามัน”
ศรีไพรฟังแล้วรู้สึกสะเทือนใจ แต่ก็สกัดกั้นความรู้สึกเอาไว้จนกระทั่งทำแผลเสร็จ
“เสร็จแล้ว”
“งั้นก็เดินทางต่อ”
“สมิง ศรีไพรว่าเรื่องนี้ ศรีไพรไม่ควรจะเข้าไปก้าวก่าย เพราะเป็นเรื่องที่สมิงต้องจัดการเพียงคนเดียว ถ้าศรีไพรรู้มาก่อนก็จะไม่ตามมากวนใจสมิงแบบนี้ ขอโทษที”
“ศรีไพรจะไม่ไปด้วยใช่มั๊ย”
“อืม” ศรีไพรพยักหน้า
“งั้นฝากบอกทุกคนว่า อีกสองสามวันสมิงจะกลับไปผาช่องลม ไม่ต้องเป็นห่วง”
สมิงลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ทิ้งศรีไพรยืนน้ำตาคลอ ศรีไพรรู้สึกปวดร้าวที่ได้รับรู้ถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของสมิงที่มีต่อศรีนวล เธอทั้งอิจฉา ทั้งศรัทธาและรู้สึกสงสารตัวเองที่ชาตินี้คงไม่มีโอกาสแทรกเข้าไปในหัวใจของสมิงได้แน่นอน
บริเวณทางเข้าผาช่องลม มเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้น บันลือ ดำ แดงและสมุน พากันเดินมาหยุด มเหศักดิ์มองไปรอบๆ ทบทวนความทรงจำ
“ต้องเป็นแถวนี้แน่นอน ทางเข้าผาช่องลมต้องอยู่แถวนี้”
“งั้นพวกเอ็ง กระจายกันออกไป หาทางเข้าให้เจอ” เถ้าแก่ชิ้นสั่งลูกน้อง
ดำ แดงและลูกน้องพากันสำรวจหาทางเข้าผาช่องลม บันลือ เถ้าแก่ชิ้นเดินเข้ามาหามเหศักดิ์
“ในถ้ำมีสมบัติมากมาย อย่างที่มเหศักดิ์เล่าให้ฟัง ไม่น่าเชื่อ”
“เดี๋ยวแกจะได้เห็นกับตา หีบเพชรนิลจินดา หีบทอง หีบใส่เงินเป็นสิบๆ หีบ ในชีวิตการเป็นโจร ชั้นไม่เคยเห็นสมบัติที่มากมายขนาดนี้มาก่อน”
“อย่างงั้นเชียวเหรอวะ ฮ่ะๆ ถ้าสำเร็จ งานนี้พวกเรารวยทุกคนแน่นอน ฮ่ะๆ”
ดำและแดงพากันเดินเข้ามา
“ทำไมไม่เจอทางเข้าเลยพี่มเหศักดิ์”
“อะไรวะ”
มเหศักดิ์เดินสำรวจด้วยตัวเอง จนที่สุดก็มาหยุดที่ทางเข้าเดิมซึ่งบัดนี้ถูกหินมาปิดทับและกลบร่องรอยจนแทบสังเกตไม่ออก
“ทางเข้ามันต้องอยู่ตรงนี้แน่นอน”
ดำ แ ดง รีบเข้าไปสำรวจหาทางเข้า แต่ไม่สำเร็จ”
“มันมีหินมาปิดทับ เข้าไปไม่ได้เลย”
“พวกมันคงรู้ตัวเลยปิดเส้นทางไม่ให้เราเข้า”
“มันปิดได้ เราก็เปิดได้ ระเบิดมันเลย”
“ได้เลยเตี่ย เดี๋ยวชั้นจัดการเอง”
บันลือ ดำ แดงและพวก ช่วยกันวางฉนวนระเบิด เถ้าแก่ชิ้น มเหศักดิ์ ถอยออกไปยืนห่างออกไป และเมื่อวางระเบิดเสร็จทุกคนก็รีบถอยไปรวมตัวกับเถ้าแก่ชิ้น มเหศักดิ์
“เรียบร้อยแล้วเตี่ย”
“งั้นจะรออะไร เอาเลย”
บันลือหันไปให้สัญญาณ จากนั้นลูกน้องก็พากันจุดฉนวน แล้วเกิดระเบิดตูมใหญ่
เสือเฮี้ยน เหิม ขวดและลูกน้องซุ่มแอบมองพฤติกรรมของพวกเถ้าแก่ชิ้นอยู่
“มันระเบิดปากทางแล้ว เสือเฮี้ยนเอาไง”
“ระเบิดทำอะไรก้อนหินที่ปิดทางเข้าไม่ได้หรอก เชื่อข้าซิ รอให้พวกมันเดินกลับไปดูผลงานของมัน แล้วเอ็งกดระเบิดของเราได้เลย”
“ระเบิดเราพร้อมแล้ว”
เสือเฮี้ยน ขวด เหิมและพวก รอเวลาอย่างใจเย็น
เถ้าแก่ชิ้น มเหศักดิ์ บันลือ สั่งให้พวกลูกน้องเข้าไปดูผลงานการระเบิด
“พวกเอ็งเข้าไปดูซิ ทางเปิดหรือยัง”
พวกลูกน้องพากันวิ่งไปยังจุดที่ระเบิดเพื่อสำรวจเส้นทาง เถ้าแก่ชิ้น มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดง พากันเดินตาม แต่แล้วเมื่อทุกคนเข้าใกล้จุดระเบิด เสือเฮี้ยนก็สั่งให้ลูกน้องกดระเบิดทันที ระเบิดตูมใหญ่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้พวกลูกน้องเถ้าแก่ชิ้นตายคาที่ เถ้าแก่ชิ้น มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดง โดนแรงอัดกระเด็นออกไปคนละทิศทาง
เสือเฮี้ยนไม่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือ รีบสั่งให้ทุกคนออกไปลุยต่อ
“ฆ่ามันให้หมด”
เสือเฮี้ยน เหิม ขวดและพวก ออกไปสาดกระสุนใส่ฝ่ายตรงข้าม ที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุน
เถ้าแก่ชิ้น มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดง และลูกน้องบางคนที่รอดจากการระเบิดพากันหนีจ้าละหวั่นเนื่องจากตั้งตัวไม่ติด ทุกคนหายเข้าป่าไป
มเหศักดิ์หนีมาหลบที่มุมหนึ่ง แล้วเห็นเถ้าแก่ชิ้นวิ่งหนีตามมาจึงรีบฉุดให้เถ้าแก่ชิ้นเข้ามาซ่อนตัวด้วย
“ทางนี้”
เสือเฮี้ยน และลูกน้องวิ่งไล่หลังมา แต่มองไม่เห็นมเหศักดิ์และเถ้าแก่ชิ้น
“มันต้องหลบอยู่แถวนี้แน่นอน ยิงปูพรมไปเลย”
เสือเฮี้ยนและลูกน้องพากันสาดกระสุนปูพรมไปทั่วไม่ยั้ง มเหศักดิ์และเถ้าแก่ชิ้นรีบก้มหัวหลบกระสุนที่ฉิวเฉียดไปมาอย่างน่าหวาดเสียว
เสือเฮี้ยนให้สัญญาณหยุดยิงแล้วเดินสำรวจพื้นที่ เมื่อไม่เห็นอะไรจึงพาลูกน้องไปทางอื่น มเหศักดิ์พยุงเถ้าแก่ชิ้นให้ออกจากที่ซ่อน
“เร็วเถ้าแก่ วันนี้ไม่ใช่วันของเรา”
“แล้วลูกอั๊วะล่ะ”
“หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เถ้าแก่เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ไปเร็ว”
มเหศักดิ์รีบดึงเถ้าแก่ชิ้นให้หนีไปกับตน
บันลือ ดำ แดงและลูกน้องบางคน พากันวิ่งหนีตาย โดยมีเหิม ขวดและลูกน้องวิ่งตามมาแล้วไล่ยิง บันลือ ดำ แดงและลูกน้อง พากันพุ่งเข้าไปหลบข้างทางแล้วชักปืนยิงต่อสู้ ทำให้ขวด เหิมและพวกชะงัก แล้วจากนั้นก็เปิดฉากยิงต่อสู้กัน
บันลือเห็นว่าถ้ายังขืนสู้ต่อไปคงจะเสร็จแน่ จึงเริ่มถอยหนีออกไปเงียบๆ ดำและแดง หันไปเห็น
“พี่บันลือ”
บันลือจุ๊ปาก ให้ดำและแดงเงียบ
“ถ้าไม่อยากตายหมู่ ก็ตัวใครตัวมัน”
“แล้วไอ้พวกนี้ล่ะ”
“ช่างมันซิวะ”
บันลือหนีเตลิดเข้าป่าไป ดำและแดงรีบตาม ทิ้งลูกน้องให้สู้ไป แล้วที่สุดลูกน้องก็โดนยิงตายหมด
ที่ลานบ้านกำนันธง ดาวกับบุญเหลือกำลังซ้อมมวยกันอยู่ ห่างออกไประพีและจ่าสมหมายเดินเข้ามาเมียงมอง จ่าสมหมายรีบรายงานสิ่งที่ตัวเองรู้มาให้ระพีฟัง
“ดาว ประกาศว่าจะไปต่อยมวยหาเงินมาใช้หนี้ ตอนนี้ก็เลยเร่งซ้อมมือ รอวันชก”
“น่ารักนะ” ระพีพึมพำ จ่าสมหมายสะดุ้ง
“อะไรนะเฮีย”
“เปล่าไม่ได้ว่าอะไร แค่ชื่นชมคนแถวนี้ว่าเป็นลูกหนี้ที่ดี”
พูดจบ ระพีก็เดินเข้าไปหาดาวและบุญเหลือ จ่าสมหมายมองระพีแล้วแอบยิ้มเนื่องจากรู้ทันว่าระพีกำลังตกหลุมรักดาว ดาวเห็นระพีเดินเข้ามาก็ชะงัก หันมามอง
“มาทำไม”
“ก็แค่มาดูว่าแถวนี้มีใครหนีหนี้หรือเปล่า”
“อ้าว...เห็นพวกเราเป็นคนขี้โกงหรือไง”
“ใช่ ชั้นจะหนีไปทำไม ที่นี่บ้านชั้น แม่ชั้น ตาชั้นก็อยู่ที่นี่”
“ไม่หนีก็ดีแล้ว ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย”
“เมื่อคืนนอนไม่หลับกระสับกระส่าย ผุดลุกผุดนั่ง” จ่าสมหมายบอก
“กลัวหนี้จะศูนย์” ระพีบอก
ดาวชกเปรี้ยง ระพียอมให้ชก เพราะไม่คาดว่าหมัดดาวจะหนัก แต่เมื่อโดนเข้าไปก็ถึงกับตาเหล่
“โอ้ว...โดนเต็มๆ”
“ฮ่ะๆ ขออีกสักหมัดเหอะ หมั่นไส้มานานแล้ว”
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
กำนันธงเดินออกมามอง แล้วตะโกนห้ามก่อนที่ดาวจะยำหมัดใส่ระพี
“เฮ้ย อะไรกันวะ”
“ไม่มีอะไรจ้ะตา แบบว่าซ้อมมวยกัน”
“ใช่จ้ะ พอดีนายระพีมาช่วยซ้อมมวยให้น่ะตา ไม่มีอะไร”
“ต่อยแบบนั้นมันยังไม่ถูก เอ็งต้องคว่ำหมัดอีกนิดซิวะ เอาสันหมัดกระแทกเต็มๆ”
กำนันธงมันมือ เริ่มสอนเคล็ดแม่ไม้มวยไทยให้ดาว ดาวได้โอกาสเลยจัดเต็มใส่ระพี
“แบบนี้เหรอจ้ะตา”
ดาวจัดเต็ม ใช้ระพีเป็นเป้า ระพีตั้งตัวไม่ติดเลยโดนแม่ไม้มวยไทยซะน่วม ดาวสะใจ
จ่าสมหมายพยุงระพี ซึ่งอยู่ในสภาพสะบักสบอมมานั่ง ดาว บุญเหลือเดินตามมา กำนันธงยืนยิ้มส่ายหน้า ขณะที่ศรีนวลออกมาเห็นก็ตกใจ
“ตายแล้ว นี่จะฆ่ากันหรือไงดาว ทำไมไปทำคุณระพีแกแบบนี้”
“อ้าว...ก็ดาวซ้อมมวยนี่”
“คุณระพีแกมาช่วยดาวมันซ้อมมวยน่ะ ใช่มั๊ยคุณระพี” บุญเหลือมองหน้าระพีเหมือนบังคับ
“เอ้อ...ครับๆ อู๊ย”
“หน้าตายับเยินไปหมด มะ เดี๋ยวแม่ทำแผลให้”
ศรีนวลเดินไปหยิบยาทำแผลมา ดาวหมั่นไส้ ไม่อยากให้แม่ทำ
“แม่ หยุดเลยนะ ไม่ต้องทำแผล”
“เอ๊ะ ดาวนี่ มาห้ามแม่ทำไม”
“เอ้อ...ก็ดาว เอ้อ...”
ดาวพยายามนึกเหตุผลที่ไม่อยากให้ศรีนวลทำแผลให้ระพี แต่นึกไม่ออก บุญเหลือรีบช่วย
“ก็ดาวมันอยากจะทำให้เองน่ะแม่”
ดาวหันมาตาเขียวใส่บุญเหลือ แต่บุญเหลือส่งซิกว่าดาวทำเองจะได้แกล้งระพีได้อีกยก ดาวเลยเก็ท
“ใช่ๆ แม่ถอยไป ดาวทำให้เอง”
ดาวรับยาใส่แผลมา แล้วเริ่มทำแผลให้ระพี แบบแกล้งให้เจ็บมากกว่าเดิม ผู้ใหญ่ต้องเดินเข้ามา พร้อมปืน
“นั่นจะไปไหนผู้ใหญ่” กำนันธงถาม
“ชาวบ้านมาบอกว่าเมื่อเช้าเห็นรอยตีนเสือที่ชายป่า กลัวว่าควายจะโดนเสือกินน่ะกำนัน”
“โห...แถวนี้มีเสือด้วยเหรอครับ”
“แถวนี้น่ะไม่มี แต่ในป่าน่ะมี มันออกมาจับควายชาวบ้านกินทุกปีนั่นแหละ”
“พ่อ วันนี้คุณเดือน กับคุณเกียรติกล้าออกไปเที่ยวกัน”
“พวกคุณท่านไปกับลุงมหา ไม่มีอะไรต้องห่วง”
กำนันธงหันไปคว้าปืนบนผนังมา ศรีนวลเดินไปหยิบของเธอมาเช่นกัน ดาวกับบุญเหลือทำท่าจะตามไปแต่ศรีนวลห้ามไว้
“ดาวกับบุญเหลือไม่ต้องไป คอยเฝ้าบ้านไว้ดีกว่า เผื่อมันหลุดเข้ามาถึงนี่”
“จ้ะแม่”
กำนันธง ศรีนวล ผู้ใหญ่ต้องพากันเดินไป ระพีหันมามองหน้าดาว ใบหน้าระพีเต็มไปด้วยยาแดง ดูตลกๆ เนื่องจากดาวแกล้งเอายาแดงมาวาดหน้า
“ทำแผลเสร็จยัง” ระพีถาม
“ยัง”
ดาวทำแผลให้ระพีต่อ ได้ยินเสียงร้องจ๊ากๆ ของระพีดังมาเป็นระยะ
บริเวณลำธารในป่า เกียรติกล้า ขจรศักดิ์และเดือนกำลังนั่งเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน โดยเห็นลุงมหานั่งรออยู่ที่มุมหนึ่ง เดือนได้ยินเสียงบางอย่าง จึงยืนขึ้นมองไปรอบๆ แล้วหันมาบอกให้ทุกคนเงียบ
“เงียบหน่อยซิ เกียรติกล้า พี่เดือนได้ยินเสียงอะไรก็ไม่รู้”
“เสียงอะไร ไม่เห็นจะได้ยินเลย”
“เสียงเสือเหรอ ฮ่ะๆ มาก็ดีซิ จะได้ยิงทิ้งซะเลยฮ่ะๆ”
ลุงมหาก็ได้ยินเสียงคำราม จึงรีบลุกขึ้นถือปืนระแวดระวัง
“คุณหนูครับ รีบขึ้นมาเถอะครับ”
“ลุงมหาก็ได้ยินใช่มั๊ย”
“ครับ เรารีบกลับกันดีกว่า”
“รีบกลับทำไม จะกลัวทำไมกะอีแค่เสือ”
“เข้าป่าอย่าพูดอะไรแบบนี้ โบราณเค้าถือ”
“ฮ่ะๆ นายเชื่อด้วยเหรอ ฮ่ะๆ แต่ชั้นไม่เชื่อหรอกฮ่ะๆ”
ขาดคำ ก็ได้ยินเสียงคำรามของเสือดังขึ้น ขจรศักดิ์หน้าซีด รีบหลบไปแอบด้านหลังคนอื่น
“รีบกลับเร็ว” ลุงมหารีบนำทุกคนให้เดินไป แต่แล้วก็ได้ยินเสียงคำรามดังอยู่ข้างหน้า ทุกคนชะงัก “มันรอเราอยู่ในพุ่มไม้ข้างหน้า”
“ลุงมหา เดือนกลัว”
“มาทางนี้ครับ”
ลุงมหาพาทุกคนเดินไปอีกมุม แต่เสียงคำรามดังใกล้เข้ามา ทำให้ทุกคนชะงัก ลุงมหาตัดสินใจยิงปืนออกไป ตามพุ่มไม้ต่างๆ เพื่อให้เสือกลัว เมื่อเสียงดังจากทิศไหนก็ยิงสุ่มเข้าไป
“มะ ขอผมยิงเอง”
เกียรติกล้าแย่งปืนจากลุงมหามายิงบ้าง โดยเป็นการยิงมั่วโดยไม่คำนวณกระสุน
“อย่ายิงครับ พอแล้ว อย่ายิง”
ลุงมหาร้องห้ามแต่เกียรติกล้าไม่เชื่อ เมื่อเห็นพุ่มไม้ไหวนิดหน่อยก็ยิงใส่ไม่ยั้ง จนกระทั่งกระสุนหมด
“เอากระสุนใหม่มา”
“กระสุนหมดแล้ว” เสียงเสือคำรามอีกครั้ง ทุกคนตกใจ หวาดกลัว เข้ามาหลบด้านหลังลุงมหา “มันอยู่หลังพุ่มไม้ พวกเรารวมกลุ่มกันไว้ อย่าวิ่งเด็ดขาด”
เสียงคำรามดังใกล้เข้ามา แต่แล้ว จู่ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้นปังๆ กำนันธง ศรีนวลและผู้ใหญ่ต้อง และชาวบ้านอีก 2-3 คนปรากฏตัว
“ไม่ต้องกลัวค่ะคุณเดือน คุณเกียรติกล้า พวกเรามาแล้ว”
“ไม่มีใครเป็นอะไรใช่มั๊ย”
“ทุกคนปลอดภัยดี”
ผู้ใหญ่ต้องขอกระสุนปืนจากชาวบ้าน แล้วส่งให้ลุงมหา
“นี่ครับกระสุน เอาติดตัวไว้”
“ลุงมหา พาพวกคุณหนูกลับไปบ้านก่อน”
“แต่เดือนกลัว”
“ไม่ต้องกลัวค่ะ เดี๋ยวให้ชาวบ้านเดินไปส่ง”
“ไปกันหลายๆ คน เสือมันทำอะไรเราไม่ได้หรอกครับคุณหนู”
“ก็ได้ค่ะ แต่ศรีนวลไม่กลับด้วยกันเหรอคะ”
“ศรีนวลต้องออกตามล่าเสือให้พ้นหมู่บ้านไปก่อน ยังกลับไม่ได้ค่ะ”
“ไป ประเดี๋ยวมันจะหนีไปไกล”
กำนันธง ศรีนวล ผู้ใหญ่ต้องพากันเดินเข้าป่าไป ลุงมหาและชาวบ้าน พาเดือน เกียรติกล้าและขจรศักดิ์แยกไปอีกทาง
บันลือ ดำ แดง พากันเดินโซซัดโซเซมาตามทางในป่า แล้วสักครู่ทุกคนก็ได้ยินเสียงเสือคำราม
“เฮ้ย เสียง...”
“อย่าบอกนะว่าเสือ”
เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนตกใจ
“ตัวใครตัวมัน”
“รอด้วย”
บันลือวิ่งหนีไปทางหนึ่ง ดำและแดงรีบวิ่งตามด้วยความหวาดกลัว
ขณะนั้นโย่งกำลังคุมชาวบ้านให้แบกกระสอบใส่เสบียงอาหาร ของแห้งมากองไว้ที่ชายป่าแห่งหนึ่ง เพื่อรอให้คนจากผาช่องลมมารับของแล้วลำเลียงเข้าป่าไปอีกทอด ชาวบ้านที่ช่วยขนของมีท่าทีหวาดๆ รีบขนรีบทิ้งกระสอบ ทำให้โย่งหงุดหงิด
“เบาๆ ของพังหมด พวกเอ็งกลัวอะไรกัน”
“เสือจ้ะ วันนี้มีคนเห็นเสือ”
“มันไม่มาแถวนี้หรอก เอ้า เอาค่าจ้างไป” โย่งจ่ายเงินค่าจ้างพวกชาวบ้าน แล้วจากนั้นชาวบ้านก็พากันรีบกลับไป โย่งมองไปรอบๆ แล้วก็รู้สึกวังเวง “เอ๊ะ เราอยู่คนเดียวนี่หว่า” โย่งได้ยินเสียงเดินมาจากในป่าก็เริ่มหวาด และแล้วก็เห็น บันลือ ดำ แดง วิ่งโซซัดโซเซเข้ามา “เฮ้ย ไอ้บันลือ”
“ไอ้โย่ง เอ็งมาทำอะไรที่นี่”
ทุกคนเหนื่อยหอบ ดำและแดง มองเห็นกองเสบียงก็เข้าไปดู
“นี่มันเสบียงอาหารทั้งนั้นเลยนี่”
“กำลังหิวเลย ของดีๆ ทั้งนั้น”
แดงหยิบอาหารมาเปิด แบ่งให้บันลือและดำ โย่งโวยวายไม่ยอม
“อย่า ของข้า”
“หุบปาก”
บันลือถีบโย่งเซถลาล้มลงกับพื้น ศรีไพรเดินเข้ามาพอดี
“พี่โย่ง”
“ศรีไพร ช่วยด้วย”
บันลือ ดำ แดงชะงัก เมื่อเห็นศรีไพร เพราะยังไม่รู้จักกัน
“ช่วยด้วย พวกมันขโมยของกิน ดูซิ เสียหายหมด”
“บ๊ะ วันนี้เจอทั้งเสือ เจอทั้งสาว อยู่แต่ในป่ามาหลายวัน เจอขาวๆ แบบนี้แล้วมันหวิวๆ ว่ะ ไอ้ดำ ไอ้แดง”
“งั้นก็จัดการเลยซิพี่ สยิวกิ้ววว”
ศรีไพรหมั่นไส้ชักมีดสั้นปาออกไป ดำรีบหลบวูบ มีดเฉียดบันลือไปไม่ถึงคืบ
“น้องเล่นมีด งั้นพี่ขอเล่นปืนนะจ้ะ”
บันลือชักปืนออกมายิงเปรี้ยงๆ ใส่ศรีไพรและโย่ง ทั้งคู่รีบหลบหลังต้นไม้ แต่แล้วก็มีเสียงปืนดังมาจากอีกมุมหนึ่ง พร้อมเสียงตะโกนของกำนันธง
“เฮ้ย...หยุด” กำนันธง ศรีนวล ผู้ใหญ่ต้องพากันเดินเข้ามา “มีเรื่องอะไรกัน”
“ก็ไม่มีอะไรนี่ แค่ลองปืน ไปพวกเรา กลับ”
บันลือ ดำ แดงรีบชิ่ง ไม่กล้าหือกับคนจริงอย่างกำนันธง ศรีไพรและโย่งออกมาจากที่ซ่อน ศรีนวลหันไปเห็น
“ไม่เป็นอะไรกันใช่มั๊ย”
“จ้ะ ไม่เป็นอะไร”
“นี่ไม่รู้หรือไงว่าวันนี้เสือมันลงมา”
“เมื่อกี้ชั้นเห็นมันวิ่งไปทางลำธารโน่นแน่”
“พวกเธอสองคน เข้าไปหลบในหมู่บ้าน รอให้ปลอดเสือก่อนค่อยออกมา” ศรีนวลบอกโย่งกับศรีไพร
“จ้ะๆ พี่ศรีนวล”
ศรีไพรได้ยินโย่งเรียกศรีนวลก็ชะงักมอง กำนันธง ศรีนวลและผู้ใหญ่ต้องพากันเดินเข้าป่าไป
“ผู้หญิงคนนั้นคือศรีนวลเหรอ”
“ใช่จ้ะ พี่ศรีนวล คนสวยแห่งลานเท”
ศรีไพรมองตามร่างของศรีนวลที่กำลังเดินจากไป
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 6 (ต่อ)
วันต่อมาที่บ้านท่านผู้ว่าทรงยศ บัวกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน สักครู่ก็ได้ยินเสียงคนกดกริ่ง เธอจึงเดินไปที่ประตู แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงก็ไม่พบใคร
“ใครมากอดกริ่งเล่นเนี่ยะ” บัวมองไม่เห็นใครจึงเดินกลับแต่แล้วสายตาก็เห็นซองจดหมายเหน็บอยู่ที่ประตูรั้วมุมหนึ่ง “จดหมาย...อ๋อ ของคุณเลอสรร แต่เอ๊ะ ไม่ติดแสตมป์ แล้วมาส่งได้ไง ประหลาดจริงๆ”
บัวหยิบจดหมายแล้วเดินเข้าบ้านไป
บัวเดินถือจดหมายเข้ามา แล้วมาเจอกับสร้อยเพชรที่กำลังเดินลงบันไดมา
“นังบัว”
“ขา”
“นั่นจดหมายใคร”
“ของคุณเลอสรรค่ะ แปล๊ก แปลกนะคะ แสตมป์ก็ไม่ติด เห็นมาเหน็บอยู่ที่ข้างประตู”
“เอามานี่”
“แต่ว่า เป็นของคุณเลอสรร”
“เอามานี่” สร้อยเพชรเสียงเข้ม
บัวส่งจดหมายให้ สร้อยเพชรเปิดจดหมายออกดู ข้อความในจดหมายเป็นลายมือของสมิงที่เขียนถึงเลอสรรว่า
“เลอสรรเพื่อนทรยศ ศรีนวลคือดวงใจของสมิง ถึงศรีนวลจะมอบกายและใจให้เอ็งไปหมดแล้ว แต่สมิงก็ยังรักและภักดีต่อศรีนวลตราบจนวันตาย ใครทำศรีนวลเจ็บ สมิงจะไม่มีวันลืม หากเอ็งยังมีความเป็นลูกผู้ชาย ไปเจอกันที่ตึกร้าง ที่เดิม”
จากสมิง
สร้อยเพชรอ่านจดหมายแล้วรู้สึกตกใจ
“ตายแล้ว”
“มีอะไรเหรอคะ”
“แกอย่าบอกคุณเลอสรรนะเรื่องนี้”
เลอสรรเดินลงมาพอดี
“มีความลับอะไร”
สร้อยเพชรรีบซ่อนจดหมาย แต่เลอสรรสังเกตเห็น
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
“แล้วนั่นจดหมายอะไร”
“ไม่มีอะไรค่ะ” เลอสรรเดินเข้ามาคว้าจดหมายไปอ่าน “คุณอย่าไปสนใจเลยนะคะ มันก็แค่จดหมายบ้าๆ ไม่มี
อะไรจริงจังหรอกค่ะ”
เลอสรรใคร่ครวญเนื้อความในจดหมาย ขณะที่สร้อยเพชรรู้สึกวิตก
เลอสรรเดินมาหน้าบ้านเพื่อขึ้นรถไปทำงาน โดยมีพลขับคอยเปิดประตูให้ สร้อยเพชรวิ่งตามออกมา
“คุณคะ ตกลงคุณจะว่าไงคะ เรื่องในจดหมายน่ะ”
“ผมเป็นนายตำรวจ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ยังไงก็คงจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ ไม่ได้”
“แสดงว่าคุณจะไปตามที่มันนัด”
“ใช่”
“แต่มันจะฆ่าคุณนะคะ ยังไงคุณก็ไปไม่ได้ จะเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือได้ยังไง”
“ผมเป็นคนไม่กลัวตายซะด้วย”
เลอสรรเดินขึ้นรถ จากนั้นพลขับก็ขับรถออกไป สร้อยเพชรร้อนรนเป็นห่วงจึงรีบนำเรื่องนี้ไปบอกกับท่านผู้ว่าทรงยศ
“จะทำยังไงกันดีคะคุณพ่อ สร้อยเพชรห้ามแล้ว คุณเลอสรรก็ไม่เชื่อ ยังยืนยันที่จะไปพบกับมันให้ได้”
“เธอรีบเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านผู้จัดการเจ้านายของเลอสรร ขอให้ท่านส่งกำลังตำรวจไปปิดล้อมแล้วจับมันซะก็สิ้นเรื่อง”
“จริงด้วยซิ แม่สร้อยเพชรสนิทกับเมียท่านอธิบดีนี่ เรื่องนี้คงจัดการไม่ยากใช่มั๊ย” คุณนายศรีสอางค์บอก
“ค่ะคุณแม่”
สร้อยเพชรรีบเดินออกไป
รถของเลอสรรแล่นมาตามถนนใกล้บ้านร้าง โดยที่กลางถนนเห็นชายคนหนึ่งนอนอยู่ท่าทางเหมือนโดนรถชน เลอสรรมองเห็นจึงสั่งให้พลขับจอด
“จอดๆ มีคนนอนอยู่”
“ท่าทางเหมือนจะโดนรถชนนะครับ”
“ลงไปดูกันหน่อย”
เลอสรรและพลขับ พากันเดินไปหาชายที่นอนอยู่
“คุณๆ”
ชายที่นอนอยู่อาศัยจังหวะที่เลอสรรเผลอชักปืนออกมาจ่อ จากนั้นก็เปิดหน้าให้เห็นว่าเขาคือสมิงนั่นเอง
“หวังว่าคงจำกันได้นะเลอสรร”
พลขับตกใจรีบชักปืนมา สมิงเตะปืนของพลขับหล่นพื้น เลอสรรบิดตัวให้หลุดจากวิถีกระสุน แล้วเตะปืนสมิงหลุดมือไป เลอสรรชักปืนออกมา
“ยิงซิ ทุกอย่างจะได้จบกันเสียที”
“ชั้นคงปล่อยให้แกตายง่ายๆ ไม่ได้จนกว่าจะรู้ว่าแกต้องการอะไร”
สมิงค่อยๆ ลุกขึ้น เลอสรรหยิบกุญแจมือโยนให้พลขับ
“ใส่กุญแจมือ”
พลขับรับกุญแจมือจากเลอสรร แล้วเดินเข้าหาสมิงเพื่อใส่กุญแจมือ แต่แล้วสมิงอาศัยความว่องไวจับตัวพลขับเป็นตัวประกัน แล้วล้วงปืนจากเอวพลขับมาจ่อหลัง ทำให้เลอสรรไม่กล้ายิง
สมิงค่อยๆ ถอยหลัง เอาพลขับเป็นตัวประกัน จากนั้นก็เข้าไปในตึกร้าง เลอสรรค่อยๆ ตามไป
สมิงจี้พลขับเข้ามาในตึกร้าง พอได้จังหวะ สมิงผลักพลขับเซไปหาเลอสรร เลอสรรยิงสมิง สมิงยิงสู้แล้วหลบเข้าที่กำบัง ที่มุมหนึ่งหน้าตึก ชายจรจัดที่ชื่อว่าเข่ง แอบมองเหตุการณ์จากช่องลับซึ่งเข่งใช้เป็นที่ซ่อนตัว เข่งมองสมิงอย่างชื่นชม เนื่องจากเข่งเป็นคนร้ายจึงเกลียดตำรวจ
สมิงหลบหลีกไปมาตามซอกมุมต่างๆ เลอสรรเป็นผู้ตามล่า
“แกต้องการอะไร สมิง”
“ความยุติธรรม”
“ความยุติธรรม ฉันทำผิดอะไร”
สมิงแค้นที่เลอสรรยังไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิด
“20 ปี ที่ทอดทิ้งศรีนวล แกทำให้ศรีนวลเจ็บช้ำน้ำใจ ไอ้คนตระบัดสัตย์”
“ศรีนวลคงใช้แกมาใช่มั้ย”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับศรีนวล”
“แกรู้รึเปล่าว่ะว่าฉันถูกศรีนวลทำเสน่ห์”
สมิงเหลืออด กระหน่ำยิงใส่เลอสรร เลอสรรรีบหลบ จากนั้นสมิงก็กลายเป็นผู้ตามล่าเลอสรรบ้าง
“ทำเสน่ห์ พูดบ้าๆ ผู้หญิงอย่างศรีนวลไม่มีวันทำ เรื่องชั่วร้ายแบบนั้นเด็ดขาด” เลอสรรอึ้ง “แกเหยียบย่ำหัวใจศรีนวลจนแหลกสลาย” สมิงโผล่เข้ามาดักหน้าเลอสรร “วางปืน”
เลอสรรเตะปืนสมิงหลุดมือไป สมิงสวนกลับทำให้ปืนของเลอสรรหลุดมือเช่นกัน ทั้งคู่สู้กันแบบหมัดต่อหมัด
“ใครทำศรีนวลเจ็บ สมิงก็เจ็บด้วย”
“แกคงเป็นอีกคนที่โดนเสน่ห์ของศรีนวล”
เลอสรรและสมิงต่อยกัน ระหว่างนั้นไซเรนตำรวจก็ดังขึ้นใกล้ตึกร้าง ด้านนอกมีตำรวจปิดล้อมพื้นที่ สมิงโกรธ คิดว่าเลอสรรตลบหลังบอกตำรวจให้มาจัดการตน
“แกหักหลังฉัน แกคงกลัวตายซิท่า”
“มอบตัวซะเถอสมิง ยังไงแกไม่รอดแน่”
“คนอย่างสมิงไม่เคยกลัวตาย”
สมิงใช้พละกำลังครั้งสุดท้ายต้านเลอสรรจนเสียหลักล้มลง สมิงรีบไปหยิบปืนจะยิง แต่ก่อนที่สมิงจะยิง หน่วยจู่โจมของตำรวจก็โผล่เข้ามายิงใส่สมิง สมิงหลบหายไป หน่วยจู่โจมรีบเข้าไปช่วยเลอสรร
“ท่านรองๆ ไม่เป็นไรนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่เป็นอะไร”
เลอสรรรวิ่งนำตำรวจตามสมิงไป
สมิงวิ่งหลบมาที่มุมตึก ตำรวจวิ่งโผล่มาสกัด สมิงยิงใส่แล้วรีบหลบ เลอสรรและตำรวจวิ่งมาซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่ง
“กระจายกำลังปิดล้อมทางเข้าออกทุกจุด ผมต้องการจับเป็น เข้าใจไหม”
“ครับผม”
ตำรวจหันไปสั่งการ จากนั้นตำรวจก็พากันกระจายกำลังปิดล้อมตามจุดต่างๆ เลอสรรหันไปยิบโทรโข่งจากตำรวจคนหนึ่งมาพูดเกลี้ยกล่อมสมิง
“สมิง มอบตัวซะ ขณะนี้ตำรวจได้ปิดทางเข้าออกแล้วทุกจุด ยังไงแกก็หนีไปไหนไม่รอดแน่”
สมิงโผล่ออกมายิงใส่เลอสรร กระสุนถูกข้างฝากระจุยกระจาย
“ท่านรองครับ หน่วยจู่โจม พร้อมปฏิบัติการณ์แล้วครับ”
“ลงมือได้เลย”
เลอสรรนำกำลังตำรวจบุกตะลุยเข้าไป ขณะที่สมิงยิงสกัด
สมิงยิงโต้กับพวกตำรวจ แล้วจากนั้นก็หาทางวิ่งหลบไปมา เนื่องจากขณะนี้ตำรวจได้บุกเข้ามาพร้อมๆ กันทุกทิศทุกทาง หน่วยจู่โจมของตำรวจโผล่ออกมาจากด้านบนและยิงสู้กัน สมิงเห็นท่าว่าขืนอยู่ต่อไปอาจโดนจับได้จึงรีบโดดหนีไปยังมุมหนึ่ง
เลอสรรนำกำลังตำรวจบุกเข้ามา สมิงหนีรอดไปได้หวุดหวิด เลอสรรรีบตามสมิงไป
สมิงโดดลงมาจากตัวตึกแล้วหาทางหนีออกไป แต่ทุกด้านเต็มไปด้วยตำรวจซึ่งปิดล้อมพื้นที่อยู่ทุกทิศทุกทาง เลอสรรนำกำลังตำรวจบุกตามเข้ามา สมิงหลบตำรวจเข้ามุมห้อง
“ทางนี้ เร็ว”
สมิงหันไปมองเข่งโผล่ออกมาจากทางลับ
“แกเป็นใคร”
“เป็นใครไม่สำคัญ ตามฉันมาแล้วแกจะรอด”
เข่งรีบมุดเข้าไป สมิงลังเลสักครู่แล้วก็ตัดสินใจมุดตามเข่งเข้าไป เลอสรรและตำรวจพากันบุกเข้ามาแต่ไม่มีใครเห็นสมิงแม้เงา
“กระจายกำลัง หาให้ทั่ว มันต้องอยู่แถวนี้แน่นอน”
เลอสรรและตำรวจอื่นๆ พากันกระจายกำลังเพื่อค้นหาสมิง เข่งพาสมิงลงมาจนถึงท่อระบายน้ำ
เลอสรรเดินมายืนอยู่ที่มุมหนึ่งครุ่นคิดหาจุดที่สมิงจะซ่อนตัวได้ ตำรวจพากันเข้ามาหาเลอสรรเพื่อรายงานความคืบหน้าในการค้นหา
“ค้นหาทุกพื้นที่แล้วครับท่านรอง ไม่มีร่องรอยเลย”
“เป็นไปไม่ได้ ก็เราปิดล้อมทุกพื้นที่มันหนีไม่ได้แน่”
“ใช่ครับ ตำรวจที่อยู่ด้านนอกก็รายงานว่าไม่หลุดออกมาแน่นอน”
“ทุกคนปูพรมค้นหาอีกที”
“ครับ”
ตำรวจค้นหาสมิงตามซอกมุมต่างๆ ขณะที่เข่งพาสมิงลงมาตามท่อจนเจอน้ำ
“แกจะพาฉันไปไหน”
“นี่เป็นทางออกทางเดียว”
“ไหนล่ะ ทางออก”
“เราต้องดำน้ำออกไปตามท่อ”
“แกแน่ใจนะ”
“มันเป็นทางรอดทางเดียว แต่ต้องเสี่ยงหน่อย” สมิงนิ่ง “อย่าบอกนะว่าว่ายน้ำไม่เป็น”
“แกนำไปเลย”
เข่งนำสมิงดำน้ำลงไป สมิงดำตาม
ใต้น้ำเข่งพาสมิงดำมาตามท่อ จนมาถึงลูกกรงเหล็กมีรอยลูกกรงเหล็กถูกดึงงอออก พอตัวลอดไปได้ เข่งพาสมิงรอดออกไปจนไปโผล่ที่แม่น้ำ
สมิงและเข่ง โผล่ขึ้นจากน้ำ แล้วพากันว่ายน้ำเข้าฝั่ง
“มันเป็นเส้นทางลับน่ะนายที่ฉันใช้หนีตำรวจรับรองไม่มีใครรู้เด็ดขาด”
“ขอบใจที่ช่วย ว่าแต่แกเป็นใคร”
“ชั้นชื่อเข่ง”
“ทำมาหากินอะไร”
“คนอย่างฉันจะทำอะไรได้ ขโมยเขากินไปวันๆ ทำสารพัดเพื่ออยู่รอด”
“แล้วทำไมถึงมาช่วยฉัน”
“ไอ้เรามันอาชีพเดียวกัน ยังไงมันก็ต้องช่วยกันซินาย”
“ยังไงก็ขอบใจแกนะเข่ง”
สมิงหาทางจะไปต่อ แต่เข่งรีบไปขวางไว้
“เดี๋ยวซิ”
“มีอะไร ถ้าจะเอาเงินน่ะ ไม่มี”
“เข่งไม่เอาเงิน แต่ขอไปด้วย”
“ไปไม่ได้หรอก”
“แต่ชั้นเบื่อกรุงเทพฯจะตายอยู่แล้ว ฉันขอไปด้วยคนนะนาย”
ตำรวจตามมาแต่ไกล
“ตำรวจคงรู้ทางลับของแกแล้ว”
“เอายังไงดีนาย ตำรวจยุบยับไปหมด”
เลอสรรและตำรวจจำนวนหนึ่ง มาซุ่มดักรออยู่ที่ท่าเรือ
“มันต้องหนีมาทางน้ำแน่นอน”
เข่งและสมิงซุ่มมองกำลังตำรวจบริเวณท่าเรือ
“เอายังไงนาย ตำรวจยุบยั่บไปหมด”
สมิงมองไปทางแม่น้ำ แล้วคิดหาวิธี จากนั้นก็วิ่งลัดเลาะไป เข่งวิ่งตาม
ที่ท่าเรือ เลอสรรพร้อมกำลังตำรวจ
“มันต้องดำมาโผล่แถวนี้แน่” เลอสรรบอกอย่างมั่นใจ
สมิงหย่อนตัวลงน้ำโดยกำบังไปกับข้างเรือที่จอดเทียบตลิ่งอยู่ เข่งลงน้ำตาม สมิงมองไปที่กอสวะซึ่งลอยไปมากลางน้ำแล้วหันมาบอกเข่ง
“ตามฉันมา”
สมิงกับเข่งดำน้ำมาโผล่ข้างกอสวะ ใช้กอสวะเป็นที่กำบัง ลอยผ่านกำลังตำรวจไป
เลอสรรและตำรวจ กำลังยืนสังเกตการณ์ไปยังเรือโดยสารที่แล่นเข้ามาจอด โดยมีสายสืบปะปนไปอยู่ในกลุ่มผู้โดยสาร คอยเดินตรวจดูผู้โดยสารที่มี่ท่าทางผิดปกติ แต่ก็ยังไม่พบวี่แววของสมิง ตำรวจสองนายเข้ามารายงาน
“ยังไม่พบอะไรผิดปกติเลยครับผู้การ”
“แล้วจุดอื่นๆ ล่ะ”
“ไม่มีวี่แววเลยครับ”
“เราปิดล้อมพื้นที่ไว้หมดทุกด้าน ทางหนีก็มีแค่ทางเดียวคือแม่น้ำ” เลอสรรหันไปมองเรือโดยสารที่กำลังแล่นออกสู่กลางแม่น้ำ “ถ้าไม่ไปทางเรือ มันก็ต้อง...” เลอสรรมองไปยังกอสวะที่กำลังลอยอยู่กลางน้ำ แล้วพบว่ากอสวะกำลังลอยทวนน้ำขึ้นไป “เอาเรือออกเร็ว”
“ไปไหนครับผู้การ”
ตำรวจคนอื่นๆ มองไปยังกอสวะ แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจและตามความคิดของเลอสรรไม่ทัน
เรือเร็วสองลำแล่นออกจากท่าโดยเรือลำแรกมีเลอสรรและตำรวจใกล้ชิด อีกลำเป็นของตำรวจติดตามจำนวนหนึ่ง เรือทั้งสองแล่นตรงไปยังกอสวะที่กำลังลอยทวนน้ำอยู่
“ไปที่กอสวะ สังเกตมั๊ย กอสวะลอยทวนน้ำ” เลอสรรบอก
“จริงด้วยครับ”
“เอาเรือวิ่งตีวง ดูห่างๆ มันต้องอยู่ที่กอสวะแน่”
เลอสรรบอกอย่างมั่นใจ เรือของเลอสรร วิ่งตีวงห่างๆ รอบกอสวะ ขณะที่เรืออีกลำจอดลอยลำห่างออกไปที่กอสวะ เข่งแอบซุ่มอยู่ในกอสวะ โผล่ขึ้นมาหายใจทำให้เลอสรร และตำรวจคนอื่นๆ มองเห็น
“เฮ้ย หยุด”
“อย่ายิงๆ”
เรือของเลอสรรแล่นตรงไปยังเข่ง
“นั่นไม่ใช่สมิง”
“ชูมือขึ้น แล้วออกมา”
เข่งชูมือขึ้นให้ทุกคนตายใจ
“อย่ายิง นะ อย่างยิงๆ”
ขณะที่ทุกคนกำลังสนใจเข่ง สมิงโผล่ออกมาข้างเรืออีกลำ สมิงปีนขึ้นมาบิดคอตำรวจบนเรือแล้วแย่งปืน สมิงต่อสู้กับตำรวจที่เหลือ เลอสรรและตำรวจบนเรืออีกลำหันมาเห็น
“มันอยู่นั่นครับผู้การ”
ตำรวจยิงไปที่สมิง แต่กระสุนปืนไปโดนตำรวจที่สู้กับสมิง ตำรวจที่ถูกยิงตกน้ำไป สมิงยิงตอบโต้มา
ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังยิงต่อสู้กัน เข่งแอบไปด้านหลังเรือของเลอสรร จากนั้นก็ถอดชิ้นส่วนบางส่วนของเครื่องยนต์ท้ายเรือ จากนั้นก็รีบดำน้ำไปหาสมิง เข่งว่ายน้ำมาหาสมิงแล้วปีนขึ้น
“ขับเรือเป็นมั๊ย” สมิงถามเข่ง
“สบาย”
เข่งรีบขับเรือออกไป สมิงคอยยิงสกัด เลอสรรรีบบอกให้ตำรวจขับเรือตามไป
เรือของเลอสรรขับไล่เรือของสมิงมากลางแม่น้ำ สมิงหันไปยิงสกัดเป็นระยะ ขณะที่เลอสรรและพวกก็ตามไล่มาติดๆ เรือของเลอสรรเร่งเครื่องยนต์ใกล้เข้ามา สมิงรีบหันไปหาเข่ง
“เร่งเครื่องเร็ว มันมาแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงนาย รออีกเดี๋ยวพวกมันเจอดีแน่”
เข่งเร่งเครื่องยนต์ สมิงและเลอสรรยิงตอบโต้กัน เรือของเลอสรรตีคู่ขึ้นมาใกล้ แต่แล้วจู่ๆ เครื่องก็ดับ ทำให้เรือของสมิงทิ้งห่างออกไป
“ฮ่ะๆ นั่นไง ฮ่ะๆ”
“เอ็งทำอะไร”
เข่งชูอะไหล่จากเรือของเลอสรรให้สมิงดู สมิงยิ้มพอใจในความฉลาดของเข่ง
เรือของเลอสรรถูกทิ้งห่างอยู่กลางแม่น้ำ เลอสรรหัวเสียที่เครื่องยนต์ดับ ขณะที่ตำรวจลูกน้องรีบช่วยกันดูเครื่องยนต์
“เรือเป็นอะไร”
“ไม่รู้ครับผู้การ จู่ๆ เครื่องก็ดับ”
“ให้มันได้ยังงี้ซิ”
เลอสรรมองไปยังเรือสมิง เห็นสมิงโบกมือลาเยาะเย้ย เลอสรรเจ็บใจ
สมิงเดินนำเข่งเข้ามาที่ผาช่องลมโดยมีเสือเฮี้ยน ขวด เหิม โย่งและลูกน้องของสมิงให้การต้อนรับ ทุกสายตามองมาที่เข่งอย่างสนใจเนื่องจากเข่งเป็นสมาชิกใหม่ สมิงจึงแนะนำเข่งให้ทุกคนรู้จัก
“คนนี้ชื่อเข่ง มันช่วยสมิงไว้ ไม่งั้นคงไม่รอดมาถึงที่นี่”
“เรื่องเล็กน้อยสมิง เรื่องแค่นี้ไอ้เข่งช่วยได้ ไม่มีปัญหา”
“เฮ้ย ไอ้เข่ง เอ็งทำมาหากินอะไรวะ”
“นั่งกินนอนกิน นึกอยากจะกินวันไหนก็ออกไปหา ไม่นึกอยากก็นอนเล่นไป”
“แถวบ้านเรียกลักเล็กขโมยน้อยหรือหัวขโมยหรือเปล่า”
“นั่นแหละๆ ฟังดูคุ้นๆ ฮ่ะๆ”
ศรีไพรให้คนงานแบกหมูป่าย่างมาวางต่อหน้าทุกคน
“มาแล้วหมูป่ารมควัน ได้มาเมื่อเช้านี้เอง”
“วันนี้กินของหรูซะด้วยนะศรีไพร”
“ถ้าศรีไพรอยู่ไหน ที่นั่นไม่มีอดแน่นอน”
“มาเอาไปแบ่งกัน แบ่งๆกันไป”
เสือเฮี้ยนเฉือนหมูป่าแบ่งให้ทุกคน แล้วจากนั้นก็รินเหล้าฉลองกันอย่างมีความสุข
สมิงและคนอื่นๆ กำลังเมามายกันตามประสาคนในชุมโจร ศรีไพรเดินมาดูแลความเรียบร้อยแล้วจัดการเก็บกวาดขยะต่างๆ สายตาของเข่งซึ่งกำลังเมาได้ที่มองมาทางศรีไพรอย่างหื่นกระหาย และเมื่อศรีไพรเดินหอบขยะออกไป เข่งก็รีบเดินตามทันที
ศรีไพรกำลังเอาขยะมาจัดการเผาแล้วสักครู่เข่งก็เดินมาหยุดยืนมองด้านหลัง ศรีไพรหันไปมอง
“มาทำอะไรแถวนี้ ไอ้เข่ง”
“ก็มาดูคนสวยน่ะซิ”
“ขอบใจที่ชม เห็นแล้วก็ไปซะ ชั้นจะทำงาน”
“ไม่นึกเลยนะว่า ในป่าในเขาแบบนี้ จะผู้หญิงสวยๆ อย่างเอ็งอยู่ด้วย”
เข่งเดินมาหาศรีไพรแล้วจับแขนมาลูบไล้ ลวนลาม ศรีไพรนิ่ง สะกดอารมณ์
“ปล่อย ชั้นไม่อยากมีเรื่อง”
“ข้ารู้ว่าเอ็งมันก็มีเลือดมีเนื้อ มาสนุกกับข้าดีกว่าศรีไพร”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นได้เห็นดีกัน”
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย มาเป็นเมียข้าดีกว่า”
เข่งลวนลามหนักขึ้น ทำให้ศรีไพรเหลืออดจับเข่งบิดมือแล้วถีบจนเซล้มลงไป
“นี่ชั้นเห็นว่าแกเคยช่วยสมิงเอาไว้นะ ไม่งั้นเอ็งตาย”
“หนอย...นึกว่ากลัวเหรอ นังศรีไพร”
เข่งกระโจนเข้ามาสู้กับศรีไพร ทั้งคู่ต่างก็ไม่ยอมซึ่งกันและกัน แต่แล้วด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า ศรีไพรล้มเข่งลงได้อีกครั้ง ศรีไพรชักมีดออกมาแล้วเงื้อมมือจะแทง
สมิง ขวด เหิมและลูกน้องผ่านมาเห็น สมิงรีบร้องห้ามไว้
“หยุดนะศรีไพร” ศรีไพรชะงักหันมามองสมิง “ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรกัน สมิงขอได้มั๊ย”
“ได้”
ศรีไพรเก็บมีด ปล่อยเข่งเป็นอิสระ เข่งรีบหนีมาหาสมิง
“ครั้งนี้ศรีไพรเห็นแก่สมิง และถือว่ามันเป็นคนใหม่ยังไม่รู้ธรรมเนียมชุมโจรของเรา”
“ถ้าจะอยู่ที่นี่ เอ็งต้องทำตัวให้ถูกไอ้เข่ง ถึงใครจะหาว่าเราเป็นโจร แต่เราต้องไม่เอานิสัยโจรมาใช้ จำเอาไว้”
สมิงบอก เข่งหน้าเสีย รู้สึกขายหน้า ขณะที่ลูกน้องคนอื่นๆ พากันใช้สายตาตำหนิ
เสือเฮี้ยนกำลังปูที่นอนอยู่แถวหน้าถ้ำสมบัติ โดยเห็นลูกน้องคนอื่นๆ นอนกันระเกะระกะ บางคนก็ยังนั่งคุยกัน สักครู่เข่งก็เดินเข้ามาหา
“เสือเฮี้ยน ชั้นขอนอนด้วยได้มั๊ย”
“เลือกเอา อยากจะนอนตรงไหนก็นอน”
เข่งมองไปรอบๆ ถ้ำ สังเกตเห็นหีบสมบัติอยู่ในเงาตะครุ่มๆ แต่ไม่แน่ใจ
“นี่มันถ้ำอะไรกันเนี่ยะ หีบอะไรเยอะไปหมด”
“อยากรู้ก็ไปดูใกล้ๆ ซิวะ”
เข่งเดินไปที่หีบแล้วเปิดออกดู เห็นทองคำแท่งส่องแสงเรืองรองเป็นประกายสีทอง เข่งตื่นตาตื่นใจ ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“โห...นี่มันทองคำนี่ ทำไมมันมากมายแบบนี้”
“ถ้ำแห่งนี้ มีไว้เก็บทรัพย์สมบัติ เป็นของส่วนรวม แต่ใครจะหยิบไป ต้องขออนุญาตเสียก่อน”
“ขออนุญาตใครจ้ะ สมิงหรือว่าเสือเฮี้ยน”
“ไม่ใช่ เอ็งต้องขออนุญาตไอ้นี่”
เสือเฮี้ยนชูปืนขึ้นมา เข่งรีบวางทองลงแล้วถอยห่างออกมา
“จ้ะๆ ชั้นไม่ยุ่งจ้ะ นอนดีกว่า”
เข่งรีบเดินไปหามุมนอน เข่งนอนลืมตาครุ่นคิดด้วยความโลภ อยากได้ทองมาเป็นของตัวเอง
อ่านต่อเวลา 17.00น.
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 6 (ต่อ)
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านกำนันธง เกียรติกล้ากำลังนั่งเล่นปืนและข้างๆ มีกระเป๋าใส่ประทัดสำหรับจุดเล่นวางไว้ ขจรศักดิ์เดินเข้ามาเกียรติกล้า
“เร็วเกียรติกล้า ไปแต่งตัวเร็ว”
“จะรีบไปไหน ยังเช้าอยู่เลย”
“วันนี้มีมวย”
“มวยอะไร”
“ก็มวยรอบชิง นังดาวมันจะขึ้นชกด้วย”
“เรื่องของมันซิ ไม่เห็นจะเกี่ยว”
“เกี่ยวซิ พลาดไม่ได้ งานนี้ถ้าชนะ ได้เงินเป็นแสนแน่”
“ได้ยังไง”
“นายก็เอาเงินที่เก็บค่าเช่าที่ไปเล่นข้างคู่ต่อสู้ของนังดาวซิวะ ยังไงก็ได้แน่ เพราะได้ข่าวว่าคนที่จะมาต่อยกับนังดาว ล้มแชมป์มาแล้วตั้งหลายคน”
“แต่ว่า...”
“อย่าคิดมาก ยังไงก็ได้แน่ ไม่พลาดหรอกน่า”
“งั้นไปแต่งตัวก่อน”
เกียรติกล้าเดินเข้าห้องไป ขจรศักดิ์หยิบปืนกับประทัดมาเล่นต่อ
เกียรติกล้าแต่งตัวเสร็จแล้วกำลังหวีผมอยู่หน้ากระจก จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าซึ่งซ่อนเงินเอาไว้ เกียรติกล้าหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าปึกใหญ่
ประตูห้องเปิดออก ลุงมหายกโอวัลตินร้อน ปาท่องโก๋มาให้ ลุงมหาชะงักเมื่อเห็นเกียรติกล้าหยิบเงินออกมาจากตู้
“นั่นคุณหนูจะเอาเงินไปไหนครับ”
“ทำไม มีปัญหาอะไร”
“ก็เงินนั่นมันเงินค่าเช่าที่ ถ้ากลับไปกรุงเทพฯ จะต้องส่งคืนให้คุณปู่ท่านให้ครบทุกบาททุกสตางค์นะครับ”
“เงินปู่ชั้น มันก็เหมือนเงินชั้น คนอื่นไม่เกี่ยว”
“ครับ แล้ว เอ้อ...นี่ครับ ผมเตรียมปาท่องโก๋ กับเครื่องดื่มตอนเช้าให้แล้วครับ”
“ลุงมหากินเถอะ ฉันไปละ”
เกียรติกล้าเดินออกจากห้องไป ลุงมหารู้สึกหนักใจ
ที่ลานหน้าบ้าน ดาว บุญเหลือเดินมาหาศรีนวลซึ่งกำลังยืนให้อาหารไก่ ศรีนวลหันมาเห็น
“อ้อ...มากันแล้ว กินอะไรกันมาหรือยัง”
“กินมาแล้วจ้ะ”
“รับรองไม่มีของแสลงแน่นอนจ้ะแม่ วันนี้นักมวยของเราเครื่องฟิตเต็มที่”
“งานนี้ดาวต้องชนะ คว้าเงินรางวัลมาให้ได้หนี้สินจะได้หมดกันซักที”
“ถ้างั้นก็ไปกันได้แล้ว”
เดือนเดินลงจากบ้านเข้ามาหา
“จะไปไหนกันคะ แม่ศรีนวล”
“ไปโรงมวยค่ะ วันนี้ดาวต้องขึ้นชกแล้ว”
“งั้นเดือนขอไปด้วยนะคะ”
“แต่คุณเดือนไม่ค่อยชอบที่นั่นไม่ใช่เหรอคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไปกันหลายๆ คน เดือนไปได้”
“แล้วน้องชายคุณเดือนกับเพื่อนล่ะคะ”
“ทิ้งไว้ที่บ้านนั่นแหละค่ะ สงสัยจะนอนยังไม่ตื่น”
ทุกคนพากันเดินออกไป เกียรติกล้าเดินออกมายืนมองตามตาขวาง ขจรศักดิ์ตามออกมาสมทบ
“นายเป็นอะไรเกียรติกล้า”
“ก็ดูพี่เดือนซิ หนอย...ทิ้งเรา ไม่ชวนสักคำ “
เกียรติกล้าไม่ค่อยพอใจ
ส่วนที่บ้านผู้ใหญ่ต้อง ระพีเดินออกมาจากห้อง แล้วหันไปตะโกนเรียกจ่าสมหมาย ซึ่งยังงัวเงียเนื่องจากเพิ่งตื่นนอน
“เร็วๆ ประเดี๋ยวไม่ทัน”
“รีบจังเลยนะเฮีย ยังเช้าอยู่เลย”
ผู้ใหญ่ต้องซึ่งกำลังผ่าฟืนอยู่ที่มุมหนึ่ง ตะโกนถาม
“จะไปไหนกัน”
“ผมจะไปเชียร์มวยกัน”
“มวยที่ไหน”
“ก็ที่โรงมวยซิผู้ใหญ่ ไปด้วยกันมั้ยผู้ใหญ่”
“ไม่ดีกว่า วันนี้นัดกำนันเอาไว้ว่าจะไปช่วยงานหลวงพ่อที่วัด”
“งั้นพวกเราไปก่อนนะ”
ระพีและจ่าสมหมายพากันเดินออกไป
บันลือ ดำ ยืนซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่งแถวบ้านผู้ใหญ่ต้อง สักครู่ก็เห็นแดงวิ่งเข้ามา
“ไอ้ระพีมันออกจากบ้านไปแล้วพี่บันลือ”
“แล้วพวกตำรวจพร้อมหรือเปล่าไอ้ดำ”
“พร้อมจ้ะ แอบซุ่มอยู่ด้านโน้นแน่ะ”
“งั้นเอ็งไปคอยชี้เป้า จะได้จับไม่ผิดตัว” บันลือหันไปสั่งดำ
“ได้เลยพี่”
ดำรีบวิ่งออกไป
“ไอ้สองตัวนี่บังอาจนัก ต้องสั่งสอนซะให้เข็ด”
บันลือและแดงพากันย่องออกไปเพื่อซุ่มดูเหตุการณ์
ระพีและจ่าสมหมายพากันเดินมาตามทางเดิน แล้วสักครู่ตำรวจกลุ่มหนึ่งก็โผล่ออกมาจากข้างทาง ขวางทางเอาไว้
“ชื่ออะไรน่ะเรา” ตำรวจถามระพีกับจ่าสมหมาย
“ระพี”
“สมหมายครับผม”
“ค้นตัวซิ” ตำรวจสั่งลูกน้อง ตำรวจเข้ามาค้นตัวระพี และจ่าสมหมาย
“นี่มันอะไรกันครับ จู่ๆ มาค้นตัวกันแบบนี้ มันไม่ถูกนะ ไหนบอกมาซิว่าผมทำอะไรผิดหรือมีพฤติกรรมอะไรไม่ดี” ระพีถาม
“อย่ามาหัวหมอ”
“แต่ตำรวจก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับประชาชน”
“พูดมาก ไปคุยกันที่โรงพัก” ตำรวจพยายามจับระพีและสมหมายใส่กุญแจมือ แต่ทั้งคู่ดิ้นไม่ยอมง่ายๆ “ต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงานรึ”
“เปล่า เพียงแต่ผมไม่อยากทำพวกเดียวกัน”
“หนอย แอบอ้างว่าเป็นตำรวจ ไปเลย ไปโรงพัก”
ระพีจำยอมเนื่องจากไม่อยากให้เกิดเรื่อง ขณะที่จ่าสมหมายสะบัดหลุดแล้ววิ่งหนีไป
“หนีได้หนีไป ไม่เป็นไร ปล่อยมันไปก่อน” ตำรวจส่งตัวระพีให้ลูกน้องที่เหลือ “เอาไอ้นี่ไปขังไว้ที่โรงพักก่อน”
ระพีถูกตำรวจพาตัวเดินออกไป สักครู่บันลือ ดำและแดงก็เข้ามาหาตำรวจ
“หนีไปได้คนนึง”
“ไอ้ที่หนีไปมันแค่ลูกกระจ๊อก จับไอ้ระพีคนเดียวก็พอ”
“แล้วจะให้เล่นงานใครต่อ”
“ตามมา”
บันลือ ดำ แดงเดินนำตำรวจ ไป จ่าสมหมายโผล่มาแอบมอง
“เรื่องมันเป็นอย่างงี้นี่เอง”
จ่าสมหมายแอบมอง
ภายในโรงมวยเถื่อน บนเวทีมีมวยคู่หนึ่งกำลังชกกันอย่างดุเดือดท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนๆ ศรีนวลเดินนำ ดาว บุญเหลือ เดือน เข้ามาด้านใน โดยมีเสี่ยเฮงเจ้าของโรงมวยเข้ามาดูแลต้อนรับ
“สวัสดีค่ะเสี่ยเฮง”
“สวัสดี ศรีนวล มาได้เวลาพอดี เดี๋ยวถ้าคู่นี้จบก็ถึงคิวหนูดาวแล้ว”
“ดาวต้องเจอกับใครคะ”
“นักมวยจากสุพรรณ ชื่อไอ้ช้างตกมัน”
“โห...นี่กะจะฆ่ากันเลยเหรอไง”
“ทำไมเหรอคะ นักมวยคนนี้เก่งมากเลยเหรอบุญเหลือ”
“ไอ้ช้างตกมันเนี่ยะ มันเคยโค่นแชมป์มวยจากกรุงเทพฯมาแล้วทุกเวที ใครๆ ก็กลัวมันทั้งนั้น”
“ถ้างั้นเสี่ยช่วยสลับให้ดาวสู้กับคนอื่นไม่ได้เหรอคะ” เดือนหันไปถามเสี่ยเฮง
“แต่ถ้าอยากได้รางวัล 5 หมื่น ก็ต้องเอาชนะไอ้ช้างตกมันให้ได้”
“คุณเดือนไม่ต้องกลัว สู้กันบนเวทียังไงก็ไม่ถึงตาย ดาวต้องชนะเอาเงินรางวัลมาให้ได้” ดาวบอก
“แต่ถ้าเห็นว่าไม่ไหว แม่จะโยนผ้ายอมแพ้ ดาวห้ามโกรธแม่นะ” ศรีนวลบอก
“จ้ะ ดาวจะไม่โกรธ”
“ถ้างั้นก็ไปเตรียมตัวกันได้แล้ว ตามมา”
เสี่ยเฮงเดินนำทุกคนออกไป เกียรติกล้าและขจรศักดิ์เดินเข้ามา
“วันนี้น่าสนุก ดูซิคนเยอะไปหมด”
“นายเอาเงินมาเยอะหรือเปล่า”
“ก็พอควร นายมีอะไร”
“โน่น ทางโน้นน่าสนใจไปดูซิ”
ขจรศักดิ์เดินพาเกียรติกล้าไปยังมุมหนึ่งซึ่งกำลังมีคนเล่นพนัน น้ำเต้าปูปลากันอยู่
บนเวทีมวย มวยคู่แรกตัดสินแพ้ชนะกันเรียบร้อย สักครู่ก็เห็นเสี่ยเฮงเดินขึ้นมาประกาศรายการชกคู่ต่อไป
“เอาละครับ คราวนี้ก็มาถึงคู่สำคัญของวันนี้ชิงรางวัลเงินสด 5 หมื่นบาท ระหว่างไอ้ช้างตกมัน มวยจอมโหดจากสุพรรณบุรี”
ไอ้ช้างตกมัน นักมวยร่างยักษ์จอมโหดเดินขึ้นมาบนเวทีท่ามกลางเสียงตบมือเชียร์กันดังลั่น ท่าทางไอ้ช้างดูน่าเกรงขาม รูปร่างหน้าตาของมันเหมือนยักษ์ปักหลั่น น่าเกลียดน่ากลัว
“และนักมวยที่จะมาเป็นคู่ชกของไอ้ช้างตกมันในวันนี้ ได้แก่ ดาว แห่งบ้านลานเท”
ดาวเดินขึ้นเวทีมา ท่ามกลางเสียงฮือฮา เนื่องจากชาวบ้านไม่คาดคิดว่านักมวยหญิงจะมาเป็นคู่ชกของไอ้ช้างตกมัน ไอ้ช้างเองก็ดูจะหงุดหงิดไม่พอใจ คิดว่ากำลังโดนหยามที่เอาผู้หญิงมาชกด้วย
“นี่มันอะไรกันเสี่ย ทำไมเอาผู้หญิงมาชก”
“ใจเย็นๆ ถึงดาวมันจะเป็นผู้หญิง แต่ฝีมือไม่มีใครกินมันลงง่ายๆ แน่”
“แต่มันดูถูกฝีมือข้ามากเกินไป ข้าไม่ชก”
ไอ้ช้างตกมันทำท่าจะเดินลงเวทีไป แต่ดาวพูดเสียงดังเพื่อรั้งเอาไว้
“แสดงว่าแกกลัวผู้หญิง” ไอ้ช้างตกมันหันมามองดาว “นี่นะเหรอ แชมป์มวยชื่อดัง ที่แท้ก็ไม่เท่าไหร่”
“หนอย...ปากดีนัก”
ไอ้ช้างตกมันเดินเข้ามา แต่ไม่ทันจะทำอะไร ดาวก็ชกเปรี้ยงเข้าใส่หน้า ไอ้ช้างตกมันถึงกับเซถลา
“เป็นไง แน่จริงเข้ามาซิ”
ไอ้ช้างตกมันเลือดขึ้นหน้า เดินเข้าหาดาว แล้วจากนั้นก็เปิดฉากการต่อสู้ที่ดุเดือด ทำให้ดาวต้องถอยหลบปัดป้องเอาตัวรอดเพราะสู้แรงผู้ชายไม่ไหว แต่เมื่อใดที่มีจังหวะเผลอ ดาวก็สามารถเอาคืนได้อย่างน่าเกรงขาม
กลุ่มคนดูมวยต่างสงเสียงเชียร์กันอย่างเมามัน เกียรติกล้ากับขจรศักดิ์เดินมายังเจ้ามือรับแทงพนัน
“ว่าไงน้อง เล่นหรือเปล่า”
“แทงข้างช้างตกมัน”
“เท่าไหร่”
“หมดไปเลย” ขจรศักดิ์บอก
“ก็ได้ แทงหมดเลย”
เกียรติกล้าควักเงินออกมาวางปึกใหญ่ ทำให้เจ้ามืออึ้ง ไม่คาดว่าเกียรติกล้าจะมีเงินมากขนาดนี้
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจซิ ถ้าชั้นชนะ หาเงินมาจ่ายให้ได้ก็แล้วกัน”
“เรื่องนั้นหายห่วง เงินน่ะมีแน่นอน”
“คอยดู วันนี้รวยเละแน่ ของมันชนะเห็นๆ”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์หันไปเชียร์มวยต่อ
บนเวทีมวย ดาวและไอ้ช้างตกมันกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ดาวสู้แรงไม่ไหวถึงกับโดนต่อยจนทรุดลงไป ไอ้ช้างตกมันจะเข้ามาลุยต่อ แต่ระฆังหมดยกเสียก่อน ดาวเดินโซเซเข้าไปที่มุมของตัวเอง ศรีนวล บุญเหลือ เดือนรีบเข้ามาให้น้ำ พัดวี
“ยังไหวใช่มั้ยดาว ไม่เป็นอะไรนะ”
“จ้ะแม่ ดาวไม่เป็นอะไรมากหรอก”
“ทำไมฟอร์มตกไปเนี่ยะ ดาว”
“โธ่! ตัวมันใหญ่ แรงมันเหนือกว่ามาก”
“งั้นเปลี่ยนแผน อย่าคลุกวงใน เข้าชกแล้วฉากมาซ้ายบ้าง ขวาบ้าง อย่าให้มันจับทางถูก”
“แม่มองออกมั้ยว่าจุดอ่อนมันอยู่ไหน”
“แม่เห็นมันจับท้ายทอยบ่อยๆ บางทีมันอาจจะมีแผลช้ำในแถวนั้น”
“จระเข้ฟาดหางเหมาะๆ ไปซักที แล้วซ้ำด้วยฤาษีบดยาที่ท้ายทอยน่าจะเอาอยู่”
“จะลองดู”
“ดาว สู้ๆ นะ”
“อืม”
เสียงระฆังดังขึ้น ดาวเดินออกจากมุมไปเผชิญหน้ากับไอ้ช้างตกมันอีกครั้ง การต่อสู้เริ่มขึ้น ดาวโดนต้อนไปมา แต่ก็สามารถฉากหนีได้ในครั้งแรกๆ แต่หลังจากนั้นไม่นานไอ้ช้างตกมันก็จับทางถูก ขณะที่ดาวเข้าชกแล้วถอยหนี ไอ้ช้างตกมันสวนหมัดออกไปโดนปลายคางดาวอย่างจัง ดาวล้มลงไป และเมื่อลุกขึ้นมาไอ้ช้างตกมันก็รีบเข้ามาเผด็จศึก ชกซ้ำอีกครั้งทำให้ดาวล้มทั้งยืน ศรีนวล รู้สึกเป็นห่วงหยิบผ้าออกมา จะโยน แต่บุญเหลือขอไว้
“แม่ ใจเย็น”
“พอแล้วลูก แม่สงสารดาว แม่ทนไม่ไหวแล้ว”
“ให้โอกาสดาวมันอีกครั้งเถอะแม่”
ดาวนอนอยู่บนเวทีฟังกรรมการนับจนเกือบถึง 8 ดาวก็พยุงตัวขึ้นมายืนได้สำเร็จ ไอ้ช้างตกมันเริ่มประมาท คิดว่าดาวเป็นหมูจึงไม่ยอมจัดการโดยเร็ว ทำให้ดาวได้โอกาสในทีเผลอ หมุนตัวจระเข้าฟาดหางเข้าให้ที่ท้ายทอย ทำให้ไอ้ช้างตกมันทรุดตัวลง จากนั้นดาวก็โดดขึ้นกลางอากาศแล้วใช้ศอกในท่าฤาษีบดยาซ้ำลงไป
ไอ้ช้างตกมันถึงกับลงไปกองบนเวที กรรมการเริ่มนับ แต่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้ทัน ทำให้ดาวเอาชนะได้ในที่สุด กรรมการเข้ามาชูมือ ดาวดีใจ ศรีนวล บุญเหลือ เดือน กระโดดไชโยดีใจ
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ ยืนมองชัยชนะของดาวอย่างสุดเซ็ง ขณะที่คนดูพากันตบมือเฮ ส่งเสียงเชียร์ดาวกันอย่างอื้ออึง ศรีนวล บุญเหลือ เดือนวิ่งมาชูมือให้ดาว
“นี่มันชนะได้ยังไง ปัดโธ่”
“ไอ้ช้างตกมันไม่ได้ความเลย”
“เงินหมดแล้ว ทำไงดี”
“บ้านนายรวยจะตาย กลัวอะไร”
“แต่เงินที่ชั้นแทงไปเมื่อกี้ มันเงินค่าเช่าที่ของคุณปู่ กลับไปกรุงเทพฯคราวนี้ชั้นโดนเล่นงานแน่”
เกียรติกล้ายืนเซ็งกลุ้มใจเสียดายเงิน ขณะที่บนเวทีเสี่ยเฮงเดินขึ้นมาหาดาว พร้อมเงินปึกใหญ่
“เอาละ คราวนี้ก็จะมาถึงช่วงเวลาของการมอบรางวัลให้กับผู้ชนะแล้ว รางวัลเงินสด 5 หมื่นบาท สำหรับนักมวยผู้ชนะ ดาว บ้านลานเท”
เสี่ยเฮงมอบเงินรางวัลให้ดาวท่ามกลางเสียงเชียร์ของทุกคน ขจรศักดิ์เข้ามากระซิบข้างหูเกียรติกล้า
“ดูซิ นังดาวมันได้เงินไปตั้ง5หมื่น”
“หมั่นไส้จริงๆ”
ทุกคนเฮ ดีใจ ร่วมยินดีกับดาว ศรีนวล
บันลือ ดำ แดงเดินนำตำรวจจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาที่หน้าโรงมวย
“พวกนี้มันเล่นพนัน ผิดกฎหมาย ช่วยจัดการให้ผมทีโดยเฉพาะพวกนังศรีนวลกับลูกๆ ของมัน”
“ได้เลยคุณบันลือ เดี๋ยวผมจัดการให้”
บันลือ ดำ แดงแยกตัวออกไป ปล่อยให้ตำรวจเดินเข้าไปในโรงมวย เมื่อตำรวจเดินเข้ามาในโรงมวยทำให้ทุกคนชะงัก
“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกคนอยู่ในความสงบ อย่าหนีเราปิดล้อมไว้หมดแล้ว ขอเชิญทุกคนไปที่โรงพัก”
ชาวบ้านเริ่มตกใจ พากันวิ่งหนีกันชุลมุนวุ่นวาย เสี่ยเฮงรีบพาศรีนวล ดาว บุญเหลือ เดือนไปยังทางหนี ซึ่งอยู่ในห้องทำงาน
เจ้ามือพนันรีบหอบเงินใส่กระเป๋าแล้ววิ่งหนี ทำให้โพยแทงพนันร่วงลงใกล้ๆ เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ ขจรศักดิ์รีบเก็บขึ้นมา
“หนีเร็ว”
“เดี๋ยวซิ”
ขจรศักดิ์รีบเก็บโพยพนันขึ้นมา แล้วบุ้ยใบ้ไปทาง เดือน ศรีนวล บุญเหลือ ซึ่งกำลังตามเสี่ยเฮงไป ขจรศักดิ์ ย่องไปด้านหลังทุกคน แล้วแอบยัดโพยไปที่กระเป๋าของบุญเหลือก่อนที่จะเข้าในห้องทำงาน โดยไม่มีใครทันสังเกตเห็นขจรศักดิ์
เกียรติกล้ารีบเข้ามาหาขจรศักดิ์ แล้วพากันหลบตำรวจอยู่ที่มุมหนึ่ง
เสี่ยเฮงเดินนำทุกคนเข้ามาในห้องทำงานแล้วให้ลูกน้องปิดประตู
“อั๊วะไม่เข้าใจเลย ใบอนุญาตก็ขอแล้ว ทำไมตำรวจมาทำแบบนี้ได้ยังไง”
“มาหลบในห้องแบบนี้ ประเดี๋ยวตำรวจก็คงเข้ามา”
“ไม่ต้องกลัว ห้องนี้มีประตูลับ อั๊วะจะพาหนีออกไปเอง”
“แต่เราไม่ควรหนี เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด ดาวว่าเสี่ยต้องเอาใบอนุญาตไปแสดง ไม่งั้นชาวบ้านที่โดนจับจะเดือดร้อน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นเสียงตำรวจนั่นเอง
“เปิดประตู นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดประตู”
เสี่ยเฮง พยักหน้าให้ลูกน้องเปิดประตู ให้ตำรวจเข้ามา
“ขอเชิญเสี่ย ไปที่โรงพักด้วยครับ”
“ไปทำอะไร ที่นี่จัดมวยถูกกฎหมาย นี่ไงใบอนุญาต”
“ไปคุยกันที่โรงพักดีกว่าครับ รวมทั้งพวกคุณด้วยทุกคน” ตำรวจพูดกับศรีนวล
“แต่พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ ชั้นพาลูกมาชกมวย”
“ผมกับคุณเดือนก็มาเป็นพี่เลี้ยง ไม่มีอะไรผิดกฎหมายแน่นอน”
“แต่มีคนแจ้งความว่าคุณเป็นเจ้ามือแทงพนัน” ตำรวจพูดกับบุญเหลือ
“คงเข้าใจกันผิดแล้วค่ะ พี่บุญเหลือเป็นพี่เลี้ยงอยู่ข้างเวที จะไปรับแทงพนันได้ยังไง”
“ถ้างั้นผมขอค้นตัวพวกคุณทุกคน”
“แต่พวกชั้นเป็นผู้หญิง จะมาค้นตัวกันได้ยังไง”
“ไม่เป็นไรดาว พวกเราบริสุทธิ์ใจ เชิญค่ะ”
ตำรวจพากันเข้าค้นตัวทุกคน ตำรวจอีกคนเจอโพยแทงพนันในกระเป๋าของบุญเหลือจึงส่งให้ตำรวจ
“นี่ไง โพยแทงพนัน”
“นี่มันมาอยู่ในกระเป๋าผมได้ยังไง”
“ต้องมีใครแกล้งแน่ๆ”
“คุณตำรวจคะ แค่มีโพยแทงพนันใบเดียว จะมากล่าวหาว่าพวกเราเป็นเจ้ามือแทงพนันได้ยังไง แล้วโพยนี่ ใครอาจจะยัดใส่กระเป๋าตอนที่พวกเราเผลอก็ได้”
ตำรวจค้นเจอเงิน 5 หมื่นในตัวของดาว จึงส่งให้ตำรวจ
“หมวดครับ”
“นี่ไง เงินมากมายขนาดนี้ มันเป็นเงินพนันแน่นอน”
“นั่นมันเงินรางวัลชกมวย อั๊วะเป็นพยานได้”
“ใช่ จู่ๆ ก็มากล่าวหาพวกเรา พยานหลักฐานอะไรก็ไม่มี”
“ก่อนที่จะกล่าวหากัน เดือนอยากให้ตำรวจลองไปสอบสวนพวกนักพนันกันก่อน ว่าพวกเราเป็นเจ้ามือจริงหรือเปล่า ไม่งั้นมันจะเป็นการกล่าวหาผิดตัวนะคะ”
“เรื่องพยานหลักฐานน่ะ ผมมีแน่นอน”
ตำรวจพยักหน้าให้ลูกน้องไปพาตัว เกียรติกล้าและขจรศักดิ์เข้ามา”
“นี่ไงไหนบอกหน่อยซิ ว่าพวกเธอเล่นพนันกับใคร”
“สองคนนั้นครับ”
เกียรติกล้าชี้มาที่บุญเหลือและดาว
“เกียรติกล้า”
เดือนตกใจแทบไม่เชื่อสิ่งที่เธอได้ยิน
ห้องสอบสวนบนโรงพัก ตำรวจและลูกน้องสอบสวนปากคำเกียรติกล้าและขจรศักดิ์ โดยห่างออกไปศรีนวล และเดือน นั่งฟังอยู่ เดือนตัดสินใจเดินเข้ามาเกียรติกล้า
“นี่มันอะไรกัน เธอกำลังทำอะไรอยู่เกียรติกล้า”
“อย่ามายุ่งนะพี่เดือน”
“ใช่ครับ ผมกำลังสอบปากคำผู้เสียหาย กรุณาถอยออกไปก่อน”
“แต่ว่าเค้าเป็นน้องชายชั้น และเค้ากำลังโกหก คุณตำรวจต้องปล่อยดาวกับคุณบุญเหลือ ออกจากห้องขังนะคะ”
“พี่เดือนนั่นแหละ เห็นคนอื่นดีกว่าน้องตัวเอง”
“ถ้าแกยังใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ก็ไม่สมควรจะเป็นน้องชั้น”
“เอาละครับ เลิกเถียงกันได้แล้ว ยังไงผมก็จะให้ความยุติธรรมกับทุกคนแน่นอน ไม่ต้องห่วง เชิญคุณไปนั่งได้แล้ว”
เดือนลังเลไม่แน่ใจว่าควรจะกลับไปนั่งที่ดีหรือไม่ ศรีนวลเดินเข้ามาหา
“ไปนั่งที่เถอะค่ะ ยังไงความจริงก็เป็นสิ่งไม่ตาย”
“แล้วดาวกับบุญเหลือละค่ะ แม่ศรีนวลจะให้ตำรวจจับใส่ห้องขังอย่างงี้ไม่ได้นะคะ”
ศรีนวลถึงกับเครียด
ภายในห้องขัง ระพีซึ่งนอนหลับอยู่ ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เห็นดาวและบุญเหลือถูกตำรวจพาตัวมายังห้องขัง
“เข้าไป”
ดาวและบุญเหลือเดินเข้าในห้องขัง ระพีขยี้ตามอง นึกว่าฝันไป
“เฮ้ย...มาได้ไง”
“อ้าว คุณระพี มานอนอยู่นี่ได้ไง” บุญเหลือถามอย่างแปลกใจ
“สงสัยคงจะไปลักเล็กขโมยน้อย หรือไม่ก็ไปปล้นคนอื่น”
“พูดดีๆ หน่อยแม่คุณ เราน่ะดีตายละ”
“ชั้นไม่ดียังไง”
“ถ้าดีแล้วมาอยู่นี่ได้ไง ไหนว่ามาซิ ข้อหาอะไร”
ดาวหน้าหงิก ไม่ตอบ บุญเหลือเลยตอบแทน
“เล่นพนัน เป็นเจ้ามือ”
ระพีหัวเราะก๊าก ดาวเหลืออด
“หนอย...”
ดาวเข้าไปชกระพี ตำรวจที่อยู่หน้าห้องหันมาเห็น
“อยากจะโดนข้อหาทะเลาะวิวาทอีกซักข้อหามั้ย”
ดาวชะงัก ขณะที่ระพีเหล่อตามอง
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 6 (ต่อ)
ศรีนวลและเดือนยืนปรึกษากันอยู่ที่หน้าโรงพัก
“แม่ศรีนวลอย่ากังวลไปนะคะ ประเดี๋ยวเดือนจะโทรไปบอกคุณพ่อให้ช่วย”
“อย่าลำบากเลยค่ะ”
“แต่พ่อของเดือนเป็นนายตำรวจนะคะ คุณพ่อช่วยได้แน่นอน”
“ค่ะ ศรีนวลทราบดีว่าพ่อของคุณเดือนเป็นนายตำรวจ แต่พวกเรามันคนบ้านนอกคอกนา คงไม่ไปรบกวนท่านหรอกค่ะ”
จ่าสมหมายเดินขึ้นมาบนโรงพัก แล้วหันไปเห็นศรีนวลกับเดือนซึ่งยืนคุยกันอยู่แถวนั้น
“คุณสมหมาย”
“สวัสดีครับ คุณศรีนวล คุณเดือน”
“มาที่นี่ทำไมคะ”
“คุณศรีนวลโดนพวกมันเล่นงานเข้าแล้วใช่มั๊ยครับ “
“คุณหมายถึงใคร”
“นั่นไงครับ”
จ่าสมหมายชี้ไปที่มุมหนึ่งของโรงพัก เห็นบันลือกำลังยืนคุยกับตำรวจอย่างสนิทสนม ดำและแดง ยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ เจ้านาย
“ไอ้บันลือ”
“เพื่อนผมก็โดนเหมือนกัน เข้าไปนอนเล่นในซังเตหลายชั่วโมงแล้ว ไม่รู้เป็นไงบ้าง”
“เราจะช่วยพวกเค้ายังไงกันดีคะ เดือนสงสารดาวกับพี่บุญเหลือจังเลย”
“ใจเย็นๆครับ ผมพอจะมีเส้นสายอยู่บ้าง ประเดี๋ยวจัดการให้”
บันลือ ดำ แดงเดินมากับตำรวจ
“ว่าไงจ้ะ ศรีนวล เดี๋ยวนี้ไม่ทำมากินกันแล้วเหรอ เห็นได้ข่าวว่าเปลี่ยนอาชีพไปเป็นเจ้ามือแทงพนัน ฮ่ะๆ”
“ปากเสีย”
“ปากเสีย แต่จูบหวานนะจ้ะ รองพิสูจน์ดูก็ได้”
บันลือ ดำ แดงพากันเดินออกไป ศรีนวลหงุดหงิด ตำรวจเดินกลับเข้าโรงพัก จ่าสมหมายรีบประกบ
“หมวดครับๆ”
“มีอะไร”
จ่าสมหมายเดินคุยกับตำรวจเข้าไปในโรงพัก สักครู่ศรีนวลและเดือนจึงเดินตามไป
ตำรวจกำลังคุยโทรศัพท์ ปลายสายเป็นนายตำรวจใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่จ่าสมหมายขอความช่วยเหลือ จ่าสมหมายนั่งอยู่ใกล้ๆ ตำรวจ ขณะที่ศรีนวลและเดือน ยืนมองอยู่ห่างออกไป
“ครับๆ ได้ครับท่าน ประเดี๋ยวผมจัดการให้ครับ ครับๆ” ตำรวจวางโทรศัพท์ แล้วหันมาหาจ่าสมหมาย “ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะสั่งลูกน้องให้ปล่อยตัวเดี๋ยวนี้”
“ขอบคุณมากครับหมวด”
ตำรวจลุกจากโต๊ะเพื่อไปสั่งงาน จ่าสมหมายเข้ามาหาศรีนวล และเดือน
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมบอกให้ตำรวจปล่อยตัวคุณดาว และบุญเหลือกับเฮียระพีของผมแล้วครับ”
“คุณสมหมายทำได้ไงคะ ทำไมตำรวจถึงปล่อยตัวง่ายๆ แบบนี้”
“หรือว่าคุณสมหมายเป็นตำรวจคะ คุณพ่อเดือนก็เป็นตำรวจเหมือนกัน”
“เปล่าครับ ผมไม่ใช่ตำรวจ แค่พอจะมีเส้นสายอยู่บ้าง รีบไปหาพวกข้างในกันเถอะครับ”
จ่าสมหมายเดินนำศรีนวลและเดือนไปยังห้องขัง
ที่ห้องขัง ตำรวจเดินมาบอกตำรวจลูกน้องบางอย่าง แล้วสักครู่ตำรวจลูกน้องก็มาเปิดห้องขัง
“เชิญคุณระพี แล้วก็เธอ 2 คนออกมาได้แล้ว”
ดาวและบุญเหลืองงๆ ที่จู่ๆ ก็โดนปล่อยตัว ระพีหันมามอง
“เอ้า...เค้าปล่อยก็รีบออกไปซิ หรือว่าติดใจอยากอยู่ต่อ”
ดาวและบุญเหลือรีบเดินตามระพีออกไป ตำรวจหยิบเงิน 5 หมื่นส่งให้ดาว
“นี่ครับ เงินของคุณ”
ดาวรับเงินมางงๆ ไม่คิดว่าจะได้คืนจากตำรวจ
“เค้าให้ก็รับซิ”
“ยังอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์”
“ขอบคุณค่ะ”
ดาวหันมาหาระพี ส่งเงินให้
“ถือว่าเราหมดหนี้หมดสินกันแล้วนะ”
“แล้วดอกเบี้ยล่ะ”
“เอาซะดอกนึงไหม” ดาวเงื้อหมัด
“พอแล้วดาว หมดเรื่องหมดราวซะที”
ศรีนวลเดือน สมหมาย มารอรับ ดาวกับบุญเหลือ เข้าไปกอดศรีนวล
“ไม่เป็นไรนะดาว บุญเหลือ กลับบ้านเถอะ”
“ต้องไปรดน้ำมนต์เจ็ดวัดเลยเนี้ย”
“แม่ช่วยดาวกับพี่บุญเหลือก็พอ ไม่เห็นต้องไปช่วยตานี่เลย”
ดาวเข้าใจว่า ศรีนวลเป็นคนช่วยให้เธอกับบุญเหลือออกมาจากห้องขัง และระพีเป็นตัวแถม
“ออกมาปุ๊บก็ปากดีเลยนะยัยสามสลึง” ระพีต่อว่า
“อย่ามาว่าชั้นนะ อยากจะเข้าไปนอนในห้องขังอีกไหม เดี๋ยวบอกให้แม่เลิกช่วยซะเลย”
“เข้าใจผิดกันใหญ่แล้ว ความจริงน่ะ แม่ไม่ได้ทำอะไรเลย อาศัยว่าคุณสมหมายเค้าวิ่งเต้นช่วยคุณระพี แล้วพ่วงพวกเราเข้าไปด้วยน่ะ”
“เส้นใหญ่ครับเส้นใหญ่”
“ไง ถึงเธอจะใช้เงินชั้นแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นหนี้บุญคุณชั้นอยู่”
ดาวเบ้ปากแล้วรีบพาศรีนวล บุญเหลือและเดือน เดินหนีออกไป ระพีมองตาม ตำรวจรีบเข้ามาหาระพี
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ไม่ทราบจริงๆ ว่า...”
ระพีรีบจุ๊ปาก
“อย่าพูดไป ตอนนี้ผมเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ได้ครับ”
“ครั้งนี้ไม่เป็นไรแต่ครั้งต่อไป ผมอยากให้หมวดมีวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฏร์มากกว่านี้ ตำรวจต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่ไปรับใช้ไอ้พวกนักเลง”
“ครับผม”
ระพีและจ่าสมหมายรีบพากันเดินออกไป ตำรวจจ๋อยๆ รู้สึกผิด
บันลือ ดำ แดง กำลังยืนคุยอยู่กับตำรวจ ท่าทางของบันลือดูหงุดหงิดไม่พอใจ
“ทำไมหมวดถึงปล่อยมันไปง่ายๆ”
“มีผู้ใหญ่ขอให้ปล่อยครับคุณบันลือ”
“ผู้ใหญ่ที่ไหน”
“นายตำรวจในกรุงเทพฯ ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาของผม”
“แล้วมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง”
“คุณบันลือคงยังไม่รู้ว่าผู้ชายที่ชื่อระพีน่ะ จริงๆ แล้วเป็นตำรวจสายสืบ”
“สายสืบ”
บันลือ ดำ แดงพากันเดินออกจากห้องไป
บันลือ ดำและแดง เดินคุยกันออกมา
“ไม่น่าเชื่อว่าไอ้ระพีจะเป็นสายสืบ”
“ถ้ามันเป็นสายสืบ แล้วมันมาสืบเรื่องอะไรในลานเทล่ะลูกพี่”
“มันต้องเป็นพวกเดียวกับนังศรีนวล นังดาวแน่ อย่างงี้เอามันไว้ไม่ได้”
บันลือคิดวางแผนหาทางเล่นงานระพี
ศรีนวลพาดาว เดือน บุญเหลือ ระพี จ่าสมหมาย เดินมาที่ลานบ้าน กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและลุงมหารีบเข้ามาถามด้วยความห่วงใย
“อ้าว ศรีนวล เมื่อกี้เถ้าแก่เฮงมาส่งข่าว บอกพ่อให้ไปช่วยพวกเอ็งที่โรงพัก”
“นี่พวกเรากำลังจะตามไปประกันตัวกันอยู่พอดี”
“พอดีคุณสมหมายเค้าช่วยเอาไว้ เรื่องก็เลยจบ”
“เส้นใหญ่ครับ เส้นใหญ่”
“ขอบใจนะพ่อสมหมาย”
“แล้วคุณหนูเดือนเป็นยังไงบ้างครับ มีใครรังแกอะไรหรือเปล่า”
“ชั้นสบายดีจ้ะลุงมหา ไม่ต้องห่วง สงสารแต่ดาวกับพี่บุญเหลือนอนในห้องขังซะหลายชั่วโมงเชียว”
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะคุณเดือน”
“แหม...รู้งี้ปล่อยให้นอนอีกสักสองสามคืนก็จะดี” ระพีบอก
“เดี๋ยวเหอะ”
“เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เหตุบังเอิญนะพ่อ แต่มีพวกไอ้บันลืออยู่เบื้องหลัง” ศรีนวลบอก
“ผมถูกจู่โจมเป็นคนแรก แล้วจากนั้นก็ดาวกับบุญเหลือ”
“มันเล่นไม่เลิก ไอ้พวกนี้”
ดาวชูหมัดข่มขู่ แต่ระพีทำหน้าทะเล้นไม่กลัว
“แต่เรื่องนี้ เกียรติกล้าน้องชายของเดือนก็มีส่วนผิดด้วย ยังไงเดือนต้องกราบขอโทษทุกคน ที่ทำให้เดือดร้อนนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเดือน เรื่องมันแล้วไปแล้ว”
“หมดเคราะห์แล้ว ไปเข้าบ้าน เดี๋ยวลุงจะทำน้ำมนต์ล้างซวยให้”
ทุกคนพากันเดินเข้าบ้าน
เกียรติกล้า ขจรศักดิ์กำลังเดินมาเพื่อเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเดือนซึ่งยืนรออยู่ก็เข้ามาขวางเอาไว้
“แกยังมีหน้ากลับมาที่นี่ได้ยังไง”
“ทำไมจะกลับไม่ได้ ที่ดินที่นี่ทั้งหมดเป็นของคุณปู่”
“แกมาอาศัยบ้านเค้า และเค้าดูแลต้อนรับอย่างดี แล้วทำไมต้องมาใส่ร้ายพวกเค้าแบบนี้”
“ก็หมั่นไส้ไง เข้าใจมั้ยว่าหมั่นไส้”
“คอยดูเถอะ ชั้นจะฟ้องคุณพ่อ รวมทั้งเรื่องที่แกขโมยเงินไปด้วย”
เกียรติกล้าตกใจที่เดือนรู้เรื่องเงิน
“ชั้นเปล่านะ ไม่ได้เอาไป”
“แต่ลุงมหาเห็นว่าแกเป็นคนเอาไป บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าแกเอาเงินไปทำอะไร”
“เอ้อ...”
เกียรติกล้าอ้ำอึ้ง หันไปมองขจรศักดิ์
“ขจรศักดิ์ เธอรู้ใช่มั้ยว่าเกียรติกล้าเอาเงินไปทำอะไร”
“เอาไปเล่นมวย โดนกินหมดแล้วพี่เดือน”
“นึกอยู่แล้ว คอยดูนะเกียรติกล้า กลับไปกรุงเทพฯคราวนี้ คุณพ่อเอาแกตายแน่”
เดือนเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งเกียรติกล้าและขจรศักดิ์อยู่ที่เดิม เกียรติกล้าดูหงุดหงิด ไม่พอใจ
“โธ่...เว้ย จะทำไงกันละทีนี้”
ขจรศักดิ์หันไปมามองที่ลานบ้านเห็นผู้ใหญ่ต้อง จ่าสมหมาย กำลังจัดเตรียมทำพิธีอาบน้ำมนต์กลางแจ้ง
“ดูนั่นซิ”
“มันทำอะไรกัน”
“เรามาหาเรื่องแกล้งคนกันดีกว่า ชั้นมีไอ้นี่”
ขจรศักดิ์หยิบปืนออกมาโชว์ ขณะที่เกียรติกล้าเปิดกระเป๋าใส่ประทัดออกมา
“ส่วนชั้นมีไอ้นี่”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ซุบซิบวางแผนกัน
ระพี ดาว บุญเหลือนั่งอยู่บนเก้าอี้ ข้างๆ กันเห็นลุงมหากำลังทำน้ำมนต์ต่อหน้าพระพุทธรูป จากนั้นกำนันธง ศรีนวล เดือน ผู้ใหญ่ต้อง จ่าสมหมายรับขันน้ำมนต์มาอาบให้ระพี ดาว บุญเหลือ
“ที่ผ่านมาถือว่าเป็นการใช้หนี้กรรมที่เคยก่อเอาไว้ไม่ว่าจะชาติไหนก็ตาม ขอให้น้ำมนต์นี้ล้างทุกข์ โศก โรค ภัย ต่อไปขอให้พวกเอ็งจงมีแต่ความสุขสมหวังทุกประการ”
“อำนาจพุทธคุณชนะได้ทุกสิ่ง ขอน้ำมนต์นี้จงชำระล้างสิ่งไม่ดีในตัวลูกๆ ให้หมดไปด้วยเทอญ”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังอาบน้ำมนต์กันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงปืนก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงดังรัวของประทัด ศรีนวล กำนันธง ระพี ดาว บุญเหลือ เดือน ผู้ใหญ่ต้องต่างลุกขึ้นด้วยความตกใจ
“เสียงปืน”
“แล้วก็เสียงประทัด”
“รีบเข้าไปในบ้านกันก่อนเถอะพ่อ”
ทุกคนพากันวิ่งเข้าที่กำบัง แต่ดาวลุกขึ้นโดยไม่ทันมองจึงชนเข้ากับระพี ดาวและระพีเซล้มลงไป ร่างของดาวอยู่ในอ้อมแขนของระพี ริมฝีปากสัมผัสกันและกัน
ทั้งคู่มองตากันด้วยอารมณ์หวั่นไหว เมื่อได้สติดาวก็รีบลุกขึ้น แต่ขาแพลงทำให้เดินไม่สะดวก ระพีรีบเข้ามาพยุงแล้วพาวิ่งเข้าไปหลบในบ้าน
กำนันธง ศรีนวลมองสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง ดาวและระพีด้วยความรู้สึกเป็นห่วง เกรงจะเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนกรณีเลอสรรกับศรีนวล
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ หัวเราะคิกคักสะใจ ที่แกล้งทำให้ทุกคนตกใจพากันวิ่งหลบเข้าไปในบ้านได้สำเร็จ
“ฮ่ะๆ ตลกจริงๆ ฮ่ะๆ”
“ฮ่ะๆ นึกว่าจะแน่ ฮ่ะๆ”
“สะใจจริงๆ ฮ่ะๆ”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์กำลังจะหลบ แต่ก็พบกำนันธง ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้องมายืนดักไว้ ทุกคนถือปืนเตรียมพร้อม เกียรติกล้ากับขจรศักดิ์หน้าซีด
“ที่แท้ก็เป็นพวกคุณนี่เอง”
“ทำไมเล่นแบบนี้ละครับ รู้มั้ยว่าคุณหนูอาจตายได้นะ” ลุงมหาโชว์ปืนให้ดู
“ผมเกือบจะยิงสวนเข้ามาแล้ว ถ้ากำนันธงไม่ห้ามไว้ คงไม่รอด”
“ก็แค่ล้อเล่น”
“ล้อเล่นแบบนี้ไม่ได้นะบ้านนอกอย่างลานเท ไม่มีใครเอาปืนมาล้อเล่น”
“รู้แล้วน่า”
เกียรติกล้า ขจรศักดิ์หันหลังกลับแล้วรีบเดินหนีไป
“เด็กพวกนี้สนุกกันมากเกินเหตุ”
“ลานเท ไม่เหมาะกับพวกเค้า”
ลุงมหา กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง รู้สึกอ่อนใจในการกระทำของจอมเกเรทั้งสอง ที่มุมหนึ่งจ่าสมหมายยืนมองเหตุการณ์อยู่
ดาวนั่งเหยียดขาให้ศรีนวลประคบข้อเท้าที่แพลง บุญเหลือช่วยทำแผลให้เดือนที่ฟกช้ำเล็กน้อยจากการวิ่งชน
จ่าสมหมายรีบเข้ามาส่งข่าว
“ได้เรื่องแล้วครับ”
“ได้เรื่องยังไงพี่สมหมาย”
“เป็นฝีมือคุณเกียรติกล้า กับเจ้าขจรศักดิ์”
“สองคนนี่อีกแล้ว ก่อแต่เรื่องเดือดร้อน”
ระพีเข้ามาดูข้อเท้าของดาว ขณะที่ดาวแอบเขิน เนื่องจากยังจดจำรอยสัมผัสริมฝีปากเมื่อครู่ได้
“ขอผมดูหน่อยนะครับ”
“คุณเป็นหมอด้วยเหรอคะ”
“ไม่ใช่หรอกครับ”
ระพีจับเท้าของดาวเพื่อตรวจอาการ
“ข้อเท้ายังไม่แพลงหรอก แค่เส้นพลิกนิดหน่อย เดี๋ยวผมจับเส้นให้”
“เดี๋ยวๆ ไหนบอกไม่ใช่หมอ แล้วมาจับเส้นชั้นได้ยังไง”
“ถึงไม่ใช่หมอ แต่ก็พอมีความรู้บ้าง”
พูดจบ ระพีก็จับข้อเท้าของดาวดึงแรงๆ ดาวร้องโอยเสียงดัง
“เบาๆ หน่อยซิ”
“เข้าที่แล้ว ตอนนี้อย่าเพิ่งให้เดินนะครับ เอายาเย็นๆ พอกให้กล้ามเนื้อคลายตัวก็จะหายเร็วครับ” ระพีบอกศรีนวล
“คุณระพีไปเรียนมาจากไหนคะ”
“รุ่นพี่สอนน่ะครับ จำๆ เค้ามาอีกที”
ระพียักคิ้วให้ดาว แต่ดาวหน้าหงิกใส่
“เฮีย สงสัยคุณดาวจะเหม็นขี้หน้าเฮียแล้ว เรากลับกันเหอะ”
“ครับ ถ้างั้นผมลานะครับ”
ระพี จ่าสมหมายเดินออกไป ดาวหันไปมองตามจนลับตา ศรีนวลสังเกตเห็นความรู้สึกระหว่างระพีและดาว
ดาวเดินมานั่งเหม่อที่ระเบียงบ้าน ด้วยความคิดถึงระพี ดาวนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ระพีและดาวหกล้ม แล้วริมปีปากสัมผัสกัน ดาวรู้สึกเขินอาย เอามือขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากอย่างแผ่วเบา หน้าแดง ห่างออกไปศรีนวลยืนมองกิริยาท่าทีของดาวอยู่เงียบๆ สักครู่ก็เห็นกำนันธงเดินออกมายืนข้างๆ
“ท่าทางของไอ้ดาว มันเหมือนผู้หญิงที่กำลังมีความรัก”
“จ้ะพ่อ ชั้นก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน”
“ใคร”
“น่าจะเป็นคุณระพี”
“อย่าให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย เอาความเจ็บช้ำในอดีตของเอ็งมาเตือนสติให้ดาวมันระวังตัวเอาไว้บ้าง”
“จ้ะพ่อ ชั้นก็จะไม่ยอมให้ดาวมันเผลอตัวเผลอใจเหมือนที่ชั้นเป็น”
ศรีนวลทำท่าเหมือนจะไปข้างนอก
“นั่นเอ็งจะไปไหน”
“คุณระพีได้เงินใช้หนี้ไปแล้ว ชั้นคงต้องเจรจาขอให้เค้าออกจากหมู่บ้านเราให้เร็วที่สุด”
กำนันธงหันไปคว้าปืนที่อยู่บนข้างฝาลงมา
“งั้นพ่อจะไปด้วย พร้อมกับปืน”
“แค่พูดดีๆ เค้าก็น่าจะเข้าใจนะพ่อ ไม่น่าต้องถึงขนาดใช้ปืน”
“นั่นมันเรื่องของข้า”
กำนันธงกับศรีนวล พากันเดินเลี่ยงแอบลงบันได ไม่ให้ดาวรู้ตัว
ที่บ้านผู้ใหญ่ต้อง ระพีกำลังนั่งเหม่ออยู่คนเดียวเช่นกัน ในมือของระพีมีสมุดบันทึก เป็นสมุดที่ใช้เขียนแผนที่หมู่บ้าน ข้อมูลการสืบสวน แต่วันนี้ระพีเปิดหน้าหนึ่งของสมุด สเก็ตช์รูปของดาว ใส่นวมชกมวย แบบน่ารักๆ
บันลือ ดำ แดงใส่ไอ้โม่งพลางหน้ามาแอบซุ่มดูความเคลื่อนไหวอยู่นอกบ้านห่างออกไป บันลือยกปืนประทับบ่า เล็งเป้าวิถีไปยังร่างของระพีอย่างใจเย็น แต่แล้วขณะที่กำลังจะลั่นไกออกไป จ่าสมหมายก็เดินออกมาดึงสมุดโน้ตของระพีเพื่อยั่วเย้า
“เฮีย มานั่งทำอะไรตรงนี้ ไหนเขียนรูปอะไรอยู่”
“อย่ายุ่งซี กำลังเพลินๆ”
บันลือหงุดหงิดเล็กน้อย ที่เป้าหมายเคลื่อนที่ไปมาจึงเริ่มเล็งปืนใหม่ เมื่อได้จังหวะก็ลั่นกระสุนออกไป แต่เป็นจังหวะที่ระพีกับสมหมายกำลังหยอกล้อกัน ทำให้กระสุนไปถูกฝาบ้านกระจุย ระพีและสมหมายได้สติ รีบโดดหลบ ผู้ใหญ่ต้องได้ยินเสียงปืนเลยวิ่งถือปืนออกมา
“ใครยิงปืน”
บันลือยิงซ้ำไปที่ระพี แต่ระพีหลบได้ ผู้ใหญ่ต้องจึงยิงสวนไปยังที่มาของกระสุน สองฝ่ายยิงตอบโต้กันสักพัก ฝ่ายของบันลือก็ล่าถอยหายไป
กำนันธงและศรีนวล กำลังเดินอยู่เมื่อได้ยินเสียงปืนก็รีบซุ่มมองเหตุการณ์ สักครู่ก็เห็นบันลือ ดำ แดง ซึ่งพันผ้าตาเป็นไอ้โม่งวิ่งผ่านมา กำนันธงยกปืนเล็งแล้วส่งเสียง
“เฮ้ย หยุด ไม่งั้นข้ายิง”
บันลือ ดำ แดง ช่วยกันยิงตอบโต้ อย่างไม่กลัวเกรง สักครู่บันลือก็เริ่มถอย ขณะที่กำนันธง ศรีนวลไล่ตามไม่ลดละ
เสียงปืนดังแว่วมาถึงบ้านกำนันธง ทำให้ดาวสะดุ้งลุกขึ้นยืนมองหาที่มา บุญเหลือและเดือนพากันวิ่งมาสมทบ
“เสียงมาจากไหน”
“ทางบ้านผู้ใหญ่ต้อง”
“หรือว่าจะเป็นน้องชายคุณเดือนกับเพื่อนยิงปืนเล่น”
“เกียรติกล้ากับขจรศักดิ์ นอนหลับอยู่ในห้อง”
“รีบไปดูกันเถอะเร็ว”
“คุณเดือนอยู่ที่บ้านนะครับ อันตราย”
“ค่ะ”
ดาวและบุญเหลือคว้าปืนแล้ววิ่งออกไป เดือนมองตามด้วยความห่วงใย
กำนันธง ศรีนวล กำลังซุ่มยิงตอบโต้กับบันลือ ดำ แดง แล้วสักครู่ ผู้ใหญ่ต้อง ระพี จ่าสมหมายก็เข้ามาสมทบ
บันลือเห็นท่าไม่ดีเริ่มล่าถอย หนี แล้วหายเข้าป่าไป ระพีและคนอื่นๆ จะตามไป แต่โดนกำนันธงห้ามไว้
“ไม่ต้องตาม”
“แต่พวกมันกำลังจนมุมแล้วนะกำนัน”
“ในป่าอาจมีพวกมันซุ่มรออยู่ อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า”
“ไม่มีใครเป็นอะไรใช่มั้ยคะ”
“ครับ พวกเรา ไม่มีใครเป็นอะไร”
ดาว และบุญเหลือวิ่งเข้ามา
“แม่ เกิดอะไรขึ้นจ้ะ”
“มีคนมาลอบยิงเฮียแกที่บ้านน่ะครับ” จ่าสมหมายบอก
“ลอบยิงคุณระพี ใครกัน”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ พวกมันพรางหน้าใส่ไอ้โม่ง”
“คุณไปมีเรื่องขัดแย้งกับใครหรือเปล่า”
“ไม่มีแน่นอนครับ ผมไม่เคยทะเลาะกับใคร”
“เอาละ ตอนนี้หมดเรื่องแล้ว แยกย้ายกันกลับได้แล้ว”
“แต่ว่า...”
ดาวยังเป็นห่วงระพี จึงยังไม่อยากกลับ กำนันธงพยักหน้าให้ศรีนวลจัดการแยกดาวออกไป ศรีนวลจึงออกคำสั่งให้ดาวทำตาม
“ดาว ไปกับแม่”
ศรีนวลพาดาวเดินออกไป
“คุณระพี ผมขอคุยด้วยซักหน่อย”
ระพีรู้สึกแปลกใจ ที่จู่ๆ กำนันธงก็ขอคุย
กำนันธงพาระพีเดินมาคุยกันที่มุมหนึ่ง
“กำนันธง มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”
“ตอนนี้ดาวมันก็ใช้หนี้คุณครบถ้วนแล้วใช่มั้ย”
“ใช่ครับ”
“งั้นคุณก็ได้ทุนที่จะไปทำมาหากินต่อแล้ว คิดว่าจะไปเมื่อไหร่”
“คือผมยังไม่ได้คิด”
“แต่ผมขอแนะนำให้คุณไปซะวันพรุ่งนี้เลย”
ท่าทีของกำนันธงเคร่งขรึมจนระพีค่อนข้างแปลกใจ
“ทำไมครับ เกี่ยวกับที่ผมโดนลอบยิงเมื่อกี้หรือเปล่าครับ”
“ก็มีส่วน คุณโดนปองร้ายแบบนี้แสดงว่าคุณมีศัตรู ถ้าอยู่ต่อไปผมเกรงจะไม่ปลอดภัย”
“เรื่องนี้ผมไม่กลัวครับ กำนันไม่ต้องห่วง”
“แต่ยังไงผมก็อยากให้คุณไปซะ”
“ผมทำอะไรผิดหรือครับ หรือว่าเกี่ยวกับดาว”
“ใช่ ดาวมันขอร้องให้ผมมาไล่ให้คุณไปจากที่นี่ซะ มันบอกว่ามันไม่ชอบขี้หน้าคนอย่างคุณ”
ผู้ใหญ่ต้องซึ่งยืนฟังอยู่ด้วยรู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกับระพี
“ดาวพูดแบบนั้นเหรอครับ”
“ผมจะไม่พูดซ้ำอีก ทุกอย่างที่คุณได้ยินมันชัดอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ ถ้ายังไงพรุ่งนี้ช่วยไปส่งคุณระพีกับเพื่อนหน่อยนะ”
“ได้กำนัน”
กำนันธงเดินออกไป ทิ้งความงงงวยให้กับผู้ใหญ่ต้อง ขณะที่ระพีนิ่งอึ้งรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนคนอกหัก
จบตอนที่ 6
อ่านต่อตอนที่ 7 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.