หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 20 จบบริบูรณ์
ทักษอรตกใจสุดขีด ก็ไม่รู้จะเอายังไงดี กลัวคนอื่นรู้ว่าสมรู้ร่วมคิดกับเปลี่ยน มองไปเห็นผ้าพันคอตัวเอง วางอยู่บนเตียงแล้วก็เก็ตทันที
ด้านพีทวิ่งกลับเข้าบ้าน ตรงมาในห้องนอนคว้าปืนในลิ้นชัก รีบวิ่งออกมา พุ่งไปที่บ้านทักษอร พีทถีบประตูห้องทักษอร เปิดประตูผางออกมา พีทเล็งปืนออกไป
“หยุดนะ”
พีทวิ่งไปที่ระเบียง มองไป ไม่เห็นเปลี่ยนแล้ว ด้วยเปลี่ยนอาศัยความมืดและชำนาญทางวิ่งหนีไป
“พี่พีท ช่วยอรด้วยค่ะ”
พีทหันไป เห็นทักษอรโดนมัดมือด้วยผ้าพันคอ โดยไม่รู้ว่าหล่อนเอามัดตัวเอง ทักษอรร้องไห้ตกใจดราม่าเต็มที่เพื่อดึงความสนใจจากพีท
“ช่วยอรด้วยค่ะ อรกลัว ไอ้เปลี่นมันบุกเข้ามา ฮือๆ”
พีทลังเลนิดๆ แต่ต้องรีบแก้มัดทักษอร
“มันบอกว่า มันจะจับอรไปด้วยอีกคนน่ะค่ะ”
ธาริศ และชู วิ่งเข้ามา เพิ่งรู้เรื่อง
“นายชูบอกว่า เห็นไอ้เปลี่ยนวิ่งไปทางสวนครับ” ธาริศบอก
พีทรีบวิ่งออกไปทันที
“พี่ธาริศช่วยอรด้วยค่ะ มันจะจับอรไป”
ทักษอรโผเข้ากอดธาริศทันที ซบหน้าร้องไห้ฟูมฟายเสียขวัญ
ครู่ต่อมาทุกคนมาร่วมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่บ้านพีท ประทินกับชูเข้ามารายงาน ท่าทางประทินดูเหนื่อยๆ
“ผมวิ่งตามไอ้เปลี่ยนไปในสวน แต่มันก็หนีไปได้....ตอนนี้ผมให้คนงานช่วยกันกระจายค้นทั่วรีสอร์ตแล้วครับ”
“ผมไปค้นทางเรือนคนงาน ก็ไม่มีใครเห็นครับ” ชูบอก
“มันคงอาศัยความมืด กับความคุ้นเคยที่นี่ถึงหลบไปได้อย่างง่ายดาย” พีทพูดแล้วหันมาทางประทิน “งั้นต่อไปก็กำชับทุกคนนะ ให้คอยดูแลระมัดระวังกันด้วย”
ประทินรับ “ครับ” แข็งขัน
“มันใจกล้ามากนะครับ จับคนไปไม่พอ ยังเข้ามาถึงที่นี่อีก...”
“แต่มันน่าสงสัย” ทิพปภามอง “ว่าทำไมมันต้องเข้าไปในห้องคุณทักษอรด้วย”
ทุกคนมองทักษอรที่เปลี่ยนชุดใหม่ให้รัดกุมแล้ว เป็นตาเดียว
“ถามได้...มันก็จะจับชั้นไปเรียกค่าไถ่อีกคนสิ” ทักษอรรีบเข้าไปอ้อนธาริศกลบเกลื่อน “โชคดีที่พี่พีทเข้ามาเสียก่อนไม่งั้นอรต้องแย่แน่ๆ เลย”
เตอร์พูดลอยๆ “แหม เสียดายจริงๆ”
ทักษอรหันควับไปมองเตอร์ อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ผมคิดว่าระยะนี้ทุกคนควรรวมตัวกันไว้ และเพื่อความปลอดภัย ผมอยากให้คุณทิพกับคุณเตอร์พักที่นี่ชั่วคราวจนกว่าเรื่องจะเรียบร้อย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ชั้นกลับไปอยู่ที่บ้านดีกว่า” ทิพปภาปฏิเสธ
ธาริศเป็นห่วงจริงๆ รีบบอก “ขนาดที่นี่มีคนอยู่เยอะแยะมันยังกล้ามา แล้วที่บ้านคุณตอนนี้ก็ไม่มีใครเลย อันตรายเปล่าๆ นะครับ
เตอร์รีบรับความหวังดี “อุ๊ย จริงด้วยฮ่ะพี่ทิพ เตอร์เห็นด้วย”
ทิพปภาเลยจำต้องพยักหน้ารับ “ขอบใจคุณสองคนมากที่มีน้ำใจ”
ทักษอรตาขวางแอบหมั่นไส้ แล้วก็ทำเป็นตกใจ “อุ๊ย มีอีกอย่างหนึ่งนะคะ ที่อรยังไม่ได้บอกทุกคน...” ทักษอรหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา “ไอ้เปลี่ยนมันทิ้งกระดาษแผ่นนี้ไว้ในห้องอรค่ะ”
พีทหยิบมาอ่าน เนื้อความกระดาษเขียนว่า “เอาเงิน 10 ล้าน มาที่อู่รถเก่าข้างวัดตอนบ่ายโมง ถ้าบอกตำรวจ ตัวประกันจะตายทันที” ทุกคนอึ้ง พีทกลุ้มหนัก เป็นห่วง 3 คน โดยเฉพาะแพท
วันต่อมาพีทกับธาริศ ขับรถเข้ามาจอดอู่ที่นัดหมาย ถือกระเป๋าเงินลงมา อย่างระมัดระวังตัว
“ไอ้เปลี่ยนฉันมาแล้ว” พีทตะโกนขณะมองรอบตัว “แกอยู่ที่ไหน”
เงียบไม่มีคำตอบ มีแต่เหมือนมีสายตาคนแอบมาจากมุมหนึ่ง
“เราเอาเงินที่แกต้องการมาให้แล้ว ปล่อยตัว อะตอม กับผู้หญิงเสียซิ” ธาริศตะโกนอีกคน
มีเสียงดังจากข้างหลัง พีทกับธาริศตกใจ หันไป เจอแมวกระโดดออกไป สองคนค่อยโล่งอก เสียงโทรศัทพ์พีทดัง
“ฮัลโหล ฉันมาถึงแล้ว แกจะเอาไง”
เปลี่ยนหลบอยู่อีกมุมฝั่งตรงข้าม
“เอากระเป๋าไปวางไว้ ที่รถข้างหน้า”
“ตัวประกันล่ะ ฉันยังไม่เห็นตัวประกันเลย” พีทเสียงเข้ม
เปลี่ยนหัวเราะหึๆ “แกมีสิทธิ์ต่อรองด้วยเหรอ ฉันบอกให้เอาเงินวางก็เอาเงินวางไว้ซิ แล้วเปิดกระเป๋าให้ชั้นดูด้วย”
ธาริศมองลุ้นว่าเปลี่ยนให้ทำอะไร พีทเดินเข้ากระเป๋าไปวางไว้ที่หน้ารถเก่าๆ คันหนึ่ง เปิดกระเป๋าออกให้ดูเงิน แล้วก็เดินกลับออกมา แอบมองหน้ากันกับธาริศแว่บหนึ่ง อย่างรู้กัน แล้วกลับมายืนอยู่ข้างธาริศ
เปลี่ยนแอบอยู่มุมหนึ่ง ยิ้มอย่างสะใจวางหูโทรศัพท์ หัวเราะชอบใจ
“ฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ”
ส่วนที่บ้านพีท ทิพปภานั่งไม่ติดเดินไปเดินมา เตอร์ยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์
“ลูกไม่เคยขออะไรเลยในชีวิต แม้กระทั่งให้ลูกกลายเป็นผู้หญิงจริงๆ แต่ครั้งนี้ลูกขอให้ท่านคุ้มครองยัยแพท ยัยรัญอะตอม คุณพีท คุณธาริศ ให้ปลอดภัยด้วยเถอะ”
“ทำไมคุณพีทไม่ส่งข่าวกลับมาเลยนะ” ทิพปภากังวลหนัก
ขณะที่ทักษอรนั่งมองเบื่อๆ ยิ้มเยาะ
“หวังว่าพี่พีทกับพี่ธาริศไปช่วยไม่ทัน...ไอ้โจรก็เลยฆ่าพวกนั้นหมดแล้ว”
ทิพปภากับเตอร์หันขวับ ไปมองทักษอรด้วยความโมโห ทักษอรทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
ประทินเปิดประตูเข้ามาพูดทันที
“ตำรวจส่งข่าวมาแล้วครับคุณพีทกับคุณธาริศไปถึงที่นัดหมายแล้ว แต่มันยังไม่พาตัวประกันออกมา ทางตำรวจก็เลยยังไม่กล้าทำอะไร”
ทักษอรชะงักทันทีเมื่อได้ยินคำว่าตำรวจ “อะไรนะ นี่พี่พีทบอกตำรวจงั้นเหรอ” ทุกคนมองทักษอรงงๆ “ไอ้เปลี่ยนมันห้ามไว้แล้วนี่นา...”
ทักษอรตกใจ
ด้านเปลี่ยนหันไปบอกชิด
“เดี๋ยวเอ็งออกไปเอากระเป๋าเงินมา ไอ้ชิด”
ชิดลุกขึ้นหยิบปืนออกมาถือแล้วค่อยๆ เดินลัดเลาะไปตามรถที่จอดอยู่ เสียงโทรศัพท์เปลี่ยนดัง
“ฮัลโหล ว่าไง...คนสวย”
ทักษอรแอบมาโทรศัทพ์ตรงมุมหนึ่งในรีสอร์ท
“คุณพีทแจ้งตำรวจ รีบหนีไป”
เปลี่ยนตกใจ “อะไรนะ”
ชิดเดินออกไปตรงไปที่รถ
เปลี่ยนตะโกนก้อง “ไอ้ชิด...ระวัง! ตำรวจ!”
ขาดคำเปลี่ยนควักปืนออกมายิงออกไปทันทีตรงจุดที่พีทและธาริศยืนอยู่แถวๆ นั้น พีทและธาริศ รีบม้วนตัวหาที่หลบ
ตำรวจที่หลบอยู่ในรถสองคน ยิงตอบโต้ออกมา
“มันรู้ตัวแล้ว” พีทบอก
“พี่พีท....ระวัง”
ธาริศเตือนพีทให้หลบกระสุนที่ยิงเฉี่ยวไปมาที่ใกล้ๆ
ชิดวิ่งหลบยิงตอบโต้ กับตำรวจ พีทกับธาริศ ควักปืนขึ้นมายิงสู้เหมือนกัน จนชิดวิ่งหลบออกมาได้กับเปลี่ยน
เปลี่ยนตัดสินใจขับรถเก่า แหกฝ่าออกมา พีท ธาริศ กับตำรวจกระโดดหลบ ตำรวจรีบวอแจ้งสกัด พีทกระโดดขึ้นรถจะขับตามอย่างใจร้อน แต่ธาริศรีบชี้บอก
“มันยิงยางรถเราแบน”
“โธ่เว้ย มันรู้ตัวได้ยังไง” พีทโมโห
“พวกมันรู้ว่าเราแจ้งตำรวจแบบนี้ รัญ คุณแพท อะตอม จะเป็นอันตรายหรือเปล่าครับ พี่พีท”
พีทได้แต่ถอนหายใจ “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
สองคนหนักใจกันทั้งคู่
ตำรวจเดินกลับมาที่บ้านพีท ทุกคนกลัดกลุ้มร้อนใจ ทักษอรทำไม่รู้ไม่ชี้
เตอร์ถลามาหา “เป็นไงฮะ ดักสกัดรถพวกมันได้หรือเปล่า”
“เราพบคนร้ายจอดทิ้งไว้ข้างทาง คาดว่าคงเปลี่ยนรถอีกคันหนีไป” ตำรวจว่า
ธาริศเซ็ง ถอนหายใจ พีทหน้าหมองด้วยความเป็นห่วงตัวประกัน ทิพปภาน้ำตาคลอ
“รัญ...อะตอม...แพท..อย่าเป็นอะไรไปนะ”
เตอร์ประคองทิพปภาไว้ คอยให้กำลังใจ
“แต่ผมคิดว่าคนร้ายคงติดต่อกลับมาอีกแน่ เพราะมันยังไม่ได้เงินไป” ตำรวจบอก
“โอเคครับ ถ้าพวกมันติดต่อมา ผมจะรีบแจ้งสารวัตรนะครับ”
“ดีครับ...เราจะได้วางแผนจับกุมอีกครั้ง ส่วนตอนนี้ผมจะส่งกำลังตำรวจมาดูแลที่รีสอร์ตเพิ่ม”
“ไม่ต้องดีกว่าครับ ผมมีคนของผม เดี๋ยวแขกที่มาจะตกใจเปล่าๆ ขอบคุณสารวัตรมาก”
“ใช่ครับ ตอนนี้ทางเราวางเวรยามไว้หนาแน่นแล้ว” ประทินบอก
“งั้นถ้ามีอะไรคืบหน้าก็รีบส่งข่าว ผมนะครับ”
สารวัตรออกไป ประทินไปส่ง
ทิพปภาร้องไห้ “ป่านนี้พวกมันคงโกรธมาก โธ่ แล้วทุกคนจะเป็นยังไงกันเนี่ย”
“ก็อรบอกแล้วว่ามันไม่ให้แจ้งตำรวจ พี่พีทกับพี่ธาริศก็ยังดื้อ แล้วเป็นไงเงินแค่10 ล้านให้มันไปก็จบแล้ว”
“พวกนั้นเป็นผู้ร้ายเรียกค่าไถ่ทำผิดกฎหมายนะอร จะปล่อยให้มันลอยนวลไปเฉยๆ ได้ไง”
ประทินเข้ามาอีกรอบหน้าตากังวลใจมาก
“คุณพีทครับมีคนฝากของไว้ที่รีเซฟชั่นข้างหน้าครับ”
พีทเปิดออก อย่างระมัดระวัง แล้วต้องอึ้ง ทุกคนมองอย่างอยากรู้ พีทเปิดให้ทุกคนดูปรากฏว่าเป็นมือปลอม แต่เปื้อดเลือดเต็มไปหมด เตอร์ตกใจ ร้องไห้โฮ
ทิพปภางง “มือปลอม...มันส่งมาทำไม”
พีทค่อยๆหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่ใส่ในกล่อง
“เอ๊ะ ก็น่าจะเป็นมือ...คุณแพท หรือไม่ก็รัญธิดาละมั่งค่ะ... อี๋ย์”
“คราวนี้เป็นมือปลอม แต่คราวหน้าจะต้องเป็นมือของผู้หญิงหรือเด็กแน่ๆ ถ้ามึงยังกล้าเล่นตุกติกกับกูอีก จำไว้”
ทุกคนอึ้งอีก หวั่นกลัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนที่โกดังในเหมืองร้าง เปลี่ยนหงุดหงิดกับชิด
“นี่ถ้าเราไหวตัวไม่ทัน คงโดนตำรวจจับแล้ว เจ็บใจจริงๆ”
“ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว แกก็ต้องโดนตำรวจจับแน่ๆ” แพทบอกอย่างสะใจ
เปลี่ยนเดินมาจิกหัวแพทให้เงยหน้า แพทนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ แต่ไม่ร้อง
เปลี่ยนพูดเสียงเหี้ยม “แต่ก็คงไม่ก่อนที่กูได้ฆ่าพวกมึงแน่ๆ นังปากดี...”
รัญธิดามองอะตอมที่สะลึมสะลือนอนพาดตัก ท่าทางเหมือนเป็นไข้หนักอยู่
“ฉันขอร้องล่ะนะ ปล่อยอะตอมไปเถอะนะ อะตอมกำลังเป็นไข้...นึกว่าสงสารเด็กเถอะ”
เปลี่ยนมองอะตอมอย่างพิจารณา อะตอมหน้าซีด นอนซึมถูกมัดมือน่าสงสาร
“นะจ๊ะ...ชั้นขอร้อง...”
แพทบอกอย่างหนักแน่น มุ่งมั่น “แกจะฆ่าชั้นเลยก็ได้นะนายเปลี่ยน...เพื่อแลกกับชีวิตของอะตอม”
“น้าแพท”
เปลี่ยนยิ้มชั่วที่มุมปาก “รักกันดีเหลือเกิน แต่ไม่ต้องห่วงเธอได้ตายสมใจแน่...” แล้วหันไปหาแพท “ฉันจะส่งศพเธอไปให้เป็นของขวัญไอ้พีท โทษฐานที่มันทำชีวิตชั้นพังพินาศ ส่วนศพแก” เปลี่ยนหมายถึงรัญธิดา “กับไอ้เด็กนี่ ชั้นจะให้เป็นของขวัญแด่คุณอร คนสวย ฮะๆๆๆๆ”
แพทกับรัญธิดา ได้ยินชื่อทักษอรหลุดออกมา คิดไม่ถึง ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างตกใจ
ด้านทิพปภาเดินกลับไป กลับมาในห้องอย่างวิตกกังวล ครุ่นคิด เตอร์นั่งสวดมนต์ไหว้พระอยู่
“มันน่าสงสัยจริงๆนะเตอร์”
เตอร์เงยหน้าขึ้นมอง “พี่ทิพสงสัยอะไรฮะ”
“ก็เรื่องวันนี้น่ะสิ...พวกโจรมันรู้เรื่องตำรวจได้ยังไง คุณพีทสั่งให้ปิดเป็นความลับ มีแต่เรา 2-3 คนเท่านั้นที่รู้..หรือว่า..จะมีหนอนบ่อนไส้ในพวกเรา”
เตอร์คิดตามออกจะเห็นด้วย
“ก็จริงนะฮะ...แต่ใครจะทำแบบนั้น ในเมื่อเราทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็เป็นคนที่รักและห่วง ยายแพท รัญ แล้วก็อะตอมทั้งนั้น มีแต่ยายแม่มดทักษอรคนเดียวที่ เกลียดพวกเรา แต่ถ้ากล้าทำแบบนั้น ก็ใจร้ายเกินไปหน่อยแล้ว”
ทิพปถาชะงักหันมองหน้าเตอร์ รู้สึกเอะใจ แต่ตัดสินใจปกปิดไว้
แล้วถอนหายใจ “พี่อาจคิดมากไปเองก็ได้...แต่ยังไง ก็ขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมขึ้นอีกเลย...ไอ้เปลี่ยนมันนัดมอบเงินอีกทีพรุ่งนี้...แต่คราวนี้ คุณพีท คุณธาริศ เดิมพันเอาชีวิตตัวเองเข้าเสี่ยงโดย ไม่ให้ตำรวจเข้ามายุ่ง หวังว่าพวกมันคงยอมปล่อยครอบครัวของพี่ออกมาตามสัญญา”
เตอร์จับมือทิพปภาบีบไว้ ให้กำลังใจกันและกัน ทั้งๆ ที่ก็หวั่นใจอยู่
รถธาริศแล่นเข้ามาจอดสนิทหน้ากระท่อมร้างกลางเขาลูกหนึ่ง พีทกับธาริศมองหน้ากัน
“คราวนี้เราจะไม่พลาดอีก เราต้องช่วย ทุกคนกลับไปให้ได้”
ธาริศหยิบปืนจากหน้ารถส่งให้พีทคนละกระบอก ทั้งคู่หน้าตามุ่งมั่น ขณะเก็บปืนเข้าซ่อนในตัว
“ถึงจะต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง ผมก็ยินดี”
พีทตบหลังธาริศเบาๆ
“เราจะต้องไม่เป็นอะไรธาริศ..และเราจะต้องช่วยชีวิตคนที่เรารักออกมาให้ได้”
“ครับ....เพื่อคนที่เรารัก...”
ทั้งคู่จับมือกัน สองคนเดินไปที่กระท่อม พร้อมกระเป๋าใส่เงิน
ส่วนที่ด้านในกระท่อมกลางเขา สองคนเปิดประตูก้าวไปข้างใน อย่างระมัดระวังพร้อมกระเป๋าเงิน เจอปืนจ่อหัวทันที เป็นชิด กับคนร้ายลูกน้องเปลี่ยนอีกคน
“ยกมือขึ้น”
สองคนยกมือแต่โดยดีเพื่อแสดงความบริสุทธิใจ ธาริศวางกระเป๋าเงินไว้ข้างตัว
“ไม่มีอาวุธ ไม่มีตำรวจ” พีทบอก
“แล้วก็เงินเพิ่มเป็นสองเท่าอย่างที่พวกแกต้องการ” ธาริศเสริม
ชิดพยักหน้า ลูกน้องเปิดกระเป๋าใส่เงินดู ชิดมองอย่างพอใจ
ฝ่ายทิพปภาแอบเข้ามาห้องทักษอร เพื่อค้นหาห้องหลักฐาน มองไปรอบตัว เสียงเตอร์ดังขึ้นอีก
“ใครจะทำแบบนั้นละค่ะ เราทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็เป็นคนที่รักและห่วง ยายแพท รัญ แล้วก็อะตอมทั้งนั้น มีแต่ยายแม่มดทักษอรคนเดียวที่ เกลียดพวกเรา”
ประตูห้องถูกหมุนเข้ามา ทิพปภาตกใจมือไม้สั่นรีบหาที่ซ่อน ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปหลบใต้เตียง
ทิพปภาเห็นเท้าทักษอรเดินเข้ามา พร้อมกับคุยโทรศัทพ์
“ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ แค่ได้ยินพี่ธาริศ ร่ำร้องถึงนังรัญฉันก็แทบอยากจะไปฉีกเนื้อมันออกเป็นชิ้น ๆ เสียเอง”
ทิพปภาได้ยินถึงกับตกใจปิดปากตัวเอง
ลูกน้องเปลี่ยนอีกคนเฝ้าตัวประกันอยู่ ท่าทีเซ็งๆ แพทกระเถิบเข้ามาใกล้รัญธิดา ด้านอะตอมที่ดูอาการหนัก
แพทกระซิบ “อะตอม...อะตอมครับ”
“ตัวร้อนขึ้นอีกค่ะน้าแพท” รัญธิดาจะร้องไห้สงสารอะตอมมาก “เราจะทำยังไงกันดีคะ”
แพทมองอะตอมที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่บนตักรัญธิดา อย่างสงสารแพทกระซิบบอก
“ไม่ต้องกลัวนะครับ แม่แพทจะพาอะตอม กับพี่รัญหนีไปให้ได้”
แพทครุ่นคิดแล้วมองลูกน้องเปลี่ยนที่ดูจะไม่สนใจ สาวๆ นัก แพทเบี่ยงตัวหันมือให้รัญธิดาอย่างเนียนๆ
“รัญ ...เอามือมา”
รัญธิดางง “คะ”
“เราสองคนมาแก้มัดให้กัน ตอนลูกน้องมันเผลอนี่แหละ”
รัญธิดาเข้าใจทันที ทั้งคู่ค่อยๆ หันหลังชนกัน ทำเป็นเหมือนพิงกันเพื่อหลับ แต่มือยุกยิก แก้มัดให้กันและกันอย่างรีบเร่ง
อะตอมไอโขลกๆ ขึ้นมา เมื่อทั้งคู่แก้มัดกันใกล้เสร็จ ลูกน้องหันมามอง เชือกปมสุดท้ายแก้เสร็จพอดี แต่ทั้งคู่ก็ยังจับเชือกอยู่เหมือนยังถูกมัด
แพทอ้อนวอน “นี่พี่ ขอน้ำให้ลูกฉันหน่อยเถอะ”
รัญธิดาผสมโรง “ใช่ คิดว่าสงสารเด็กเถอะนะจ๊ะ ขอน้ำให้เด็กกินหน่อยเถอะยังไง เราหนีไปไม่ได้หรอก”
อะตอมไออีก ท่าทีน่าสงสารมาก
คนร้ายอดใจอ่อนไม่ได้ เดินถือขวดน้ำเข้ามา นั่งลงใกล้ๆ แล้วพิจารณาจับหน้าผากอะตอม
“ไข้สูงอยู่นะเนี่ย...อ่ะ...กินซะไอ้หนู”
คนร้ายประคองอะตอมให้ลุกขึ้น ป้อนน้ำ โดยระหว่างนั้นแพทมองรอบตัวเห็นมีเศษไม้ ค่อยๆ เอื้อมมือไปเอามาซ่อนไว้ด้านหลัง
แพทกับรัญธิดามองหน้ากัน ให้จังหวะ แพทเอาท่อนไม้หวดใส่หัวคนร้ายเต็มแรง คนร้ายคว่ำไปหมดสติทันที รัญธิดาลนลานรีบแก้มัดอะตอม
“อะตอมๆ”
อะตอมค่อยๆ ลืมตามาดู “พี่รัญ”
“เราไปกันเถอะ..เร็ว”
รัญธิดาอุ้มอะตอมขึ้น แล้วรีบร้อนตามแพทออกจากตรงนั้นไป
คนร้ายค่อยๆ ได้สติ โงหัวขึ้น เลือดแดงเต็มท้ายทอย มันมองหาตัวประกัน เมื่อรู้ว่าหนีไปแล้วก็ควักปืนยิงเป็น สัญญาณ
เปลี่ยนวิ่งเข้ามาอีกทาง พร้อมทั้งโทรศัทพ์ที่ยังคุยค้างกับทักษอรอยู่
“เกิดอะไรขึ้น” เปลี่ยนมองหาตัวประกันสามคน
ลูกน้องลุกยืนโซเซ
“นังผู้หญิงมันพาเด็กหนีไปแล้วครับพี่”
เปลี่ยนตกใจ วิ่งตามไปทันที ลูกน้องวิ่งตามไปด้วย
ทักษอรได้ยินเสียงเปลี่ยนคุยกับลูกน้อง ก็ตกใจ
“อะไรนะ แกปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้นะ...”
แต่ไม่ได้ยินสัญญาณแล้ว ด้วยเปลี่ยนตัดสาย
“บ้า ที่สุด”
ทักษอรร้อนใจพยายามโทร.อีก แต่ไม่มีคนรับ
“พวกมันจะหนีไปไม่ได้ ชั้นไม่ยอม”
ทักษอรคำรามคว้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งผลุนผลันออกไป ทิพปภารีบคลานออกมา
“นึกแล้ว...ว่าต้องเป็นฝีมือแก”
ทิพปภารีบตามทักษอรออกไปทันที
ทักษอรเร่งฝีเท้าเดินเร็วๆ หน้าตาเอาเรื่อง ทิพปภาสะกดรอยเดินตามมาตลอด
ทิพปภารีบเดินตาม แต่พอเลี้ยวตามมาแต่ปรากฏว่าทักษอรหายไปแล้ว
“หายไปไหนแล้ว”
“ฉันอยู่นี่ นังขี้คุก”
ทิพปภาหันไปเห็นทักษอรจะเอากระถางทุ่ม แต่ทิพปภาแข็งแรงกว่าปัดไปได้ และปัดทักษอรล้มลงไป
ทิพปภาจิกหัวอรขึ้นมา
“แกนี่เอง ที่เป็นคนสั่งจับลูกหลานฉันไป ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัวก็บอกมาเอาพวกเค้าไปไว้ไหน”
“อย่านะ อย่า ฉันยอมแล้วอย่าทำอะไรฉันเลย ก็ได้ฉันจะบอก”
“ก็บอกมาสิ ก่อนที่ชั้นจะฆ่าแก”
ทักษอรถือจังหวะที่ทิพปภาไม่ทันระวังตัว ล้วงกระเป๋าเอาเอาที่ช็อตไฟฟ้า ช็อตใส่จนทิพปภาสลบไป ทักษอรยิ้มอย่างโหดเหี้ยม ลุกขึ้นมองทิพปภาที่นอนหมดสติอยู่
“ไม่มีใครเอาชนะคนอย่างชั้นได้หรอก จำเอาไว้...”
ทักษอรเดินหน้าเหี้ยมออกไป
ด้านชิดตรวจดูเงิน มีคนร้ายอีกคนคุมเชิง ดูพีท กับธาริศอยู่ ชิดปิดประเป๋า
“เงินครบ ดีมาก”
“แกได้เงินแล้วงั้นก็ส่งผู้หญิง กับเด็กมาซิ” ธาริศบอก
“ได้... ตอนนี้เค้ารอพวกแกอยู่ข้างนอก...ออกไปหาเค้าสิ”
ธาริศกับพีทมองหน้ากัน ดีใจ แต่ยังไม่เชื่อนัก ค่อยๆหันหลังเดินจะออกจากกระท่อม
โดยไม่ทันตั้งตัว ชิดยิงปืนใส่พีท ยิงบริเวณช่วงตัว หลายนัดมาก ในขณะที่อีกคนก็ยิงธาริศ ทั้งสองคนล้มคว่ำหน้าลงไปทันที แล้วทำเป็นตาย
“เฮ้ยไป”
ชิดกับลูกน้องก้าวข้าม ธาริศ กับพีทออกไป พีทกับธาริศที่นอนแน่นิ่ง เหมือนตาย
ฟากแพทพาอะตอมที่รัญธิดาอุ้มอยู่วิ่งหนี พวกเปลี่ยน กับลูกน้องไล่ตาม วิ่งมา ปรากฏว่ารัญธิดาดันล้ม
“รัญ..ส่งอะตอมมา”
แพทอุ้มอะตอมขึ้น
“แม่แพทครับ...ตอมเจ็บ”
“ไม่เป็นไรนะลูก..เราจะต้องหนีไปให้ได้”
เสียงเปลี่ยนดังขึ้น “คงจะไม่สำเร็จหรอก นังตัวแสบ”
แพทเงยหน้าขึ้น เห็นเปลี่ยนกับลูกน้องเดินใกล้เข้ามา มือเล็งปืนมาที่แพทและรัญธิดา ทั้งสองคนหน้าซีด
พีทกับธาริศที่นอนที่นอนนิ่งกับพื้น ในที่สุดพีทลืมตามองธาริศ ธาริศลุกขึ้น
“โอ๊ย...ย”
พีทลุกขึ้นนั่งด้วย
“นายโอเคนะ”
ธาริศปลดกระดุมเสื้อ ดึงเสื้อเกราะออกมา
“โชคดีที่พี่พีทเดาทางมันออก ให้ใส่เสื้อเกราะเอาไว้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้...”
“เราคงจะตายก่อนจะได้ช่วยคนที่เรารัก...” พีทยิ้ม “รีบไปกันเถอะ ก่อนจะตามพวกมันไปไม่ทัน”
ทั้งคู่ลุกขึ้น เจ็บหลังนิดหน่อยเพราะแรงกระแทกของกระสุน แต่ก็รีบวิ่งออกไป
ชิดจอดรถ ลงไปทางเหมือง เห็นรถพีทตามเข้ามาจอด พีทกับธาริศ ค่อยๆ ลงจากรถย่องตามไปอย่างระวัง
รัญธิดากับแพท โดนผลักเข้ามากองกับพื้น อะตอมร้องไห้จ้า กอดแพทไว้
“แม่แพท...พี่รัญ...”
“เก่งนักนะมึง ทำกูเหนื่อย”
เปลี่ยนดึงแพทขึ้นมา แล้วยกมือจะตบ
อะตอมร้องลั่น “อย่า”
เสียงทักษอรร้องขึ้น “หยุด”
ทักษอรเดินเข้ามา แพทกับรัญธิดาเห็นก็ตกใจ
“คุณอร”
แพทกับรัญธิดามองทักษอรอย่างระวังว่าจะมาไม้ไหน ทักษอรมองแพทกับรัญอย่างเย็นชา มองอะตอมที่ร้องไห้อยู่ แล้วหันไปสบตากับเปลี่ยน
“ฉันจัดการเอง...จับมันไว้”
ลูกน้องจับแพทกับรัญธิดา ทักษอรเดินเข้าไปตบหน้าแพทฉาดใหญ่
“นี่สำหรับ ความแส่ของแกที่ชอบจับหลานสาวใส่พานถวายผู้ชาย” แล้วก็หันมาหารัญธิดา ตบเต็มแรง เช่นกัน “แล้วก็สำหรับพี่ธาริศ บอกแล้วไงเค้าเป็นของฉัน”
“คุณเองใช่มั้ย ที่เป็นตัวการจับพวกเรามา” แพทโกรธจัด
“ถ้าไม่มีนังรัญ ไม่มีไอ้เด็กนั่น.. พี่ธาริศเค้าก็ไม่มีวันที่จะทิ้งชั้นไป” ทักษอรคำราม
“คุณทำอย่างนี้กับอะตอมได้ยังไง ใจร้ายเกินไปแล้ว” รัญธิดาโกรธมาก
“แล้วแก นังรัญธิดา แกดีกว่าฉันตรงไหน ใจแตก ชิงสุกก่อนห่าม จนลูกออกมาแล้วก็เที่ยวไปยกให้คนอื่น โกหกลูกว่าตัวเองเป็นแค่พี่สาว..แกไม่ใจร้ายกับเด็กเลยนะ น่าหัวเราะ”
อะตอมมองทุกอย่าง งงๆ ไม่เข้าใจ แล้วมองหน้ารัญธิดาเป็นเชิงถาม รัญธิดากอดอะตอมไว้
“ถูก ฉันเป็นทุกอย่าง อย่างที่คุณพูดมา นั่นก็เพราะ..ชั้นไม่พร้อมที่จะดูแลอะตอม...ชั้นไม่กล้าบอกเค้าว่า เค้าคือลูกชายของชั้น เพราะชั้นกลัวว่าเค้าจะโกรธและเกลียดชั้นที่ทิ้งเค้าไป ให้คนอื่นเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ แต่ตอนนี้ฉันพร้อมแล้วที่จะใช้ความรักของฉัน ทำให้ครอบครัวของฉันกลับมาเต็มเหมือนเดิม”
รัญธิดากอดกระชับอะตอมแน่นขึ้นอีก
“พร้อมเหรอ...แกพร้อมก็เพราะอยากจะลากพี่ธาริศกลับเข้าไปในชีวิตของแกล่ะซิ น่าขำ..แกต้องการให้สามีของชั้นไปเป็นพ่อของลูกชายแก ...ทั้งๆ ที่เค้าเป็นผัวของชั้น ได้ยินมั้ย พี่ธาริศเป็นของชั้นคนเดียวเท่านั้น”
รัญธิดาสวนออกมา “และเค้าก็คงจะยังเป็นสามีของคุณอยู่ ถ้าคุณไม่ใจร้ายกับเค้าอย่างที่ผ่านมา”
ทักษอรตบอีกฉาดเข้าที่หน้ารัญธิดา
“ยังจะมาพูดดีอีก เพราะแกคนเดียว ทุกอย่างมันถึงได้เป็นแบบนี้”
รัญธิดาบอกอย่างแน่วแน่ หนักแน่น “ชั้นไม่เคยคิดจะดึงพี่ธาริศกลับมาเลย ถ้าคุณหนักแน่นกับความรักของคุณจริงๆ ชั้นก็เป็นเพียงคนนอนของครอบครัวคุณ พี่ธาริศเค้าคงทำแค่คิดถึงชั้นอยู่ห่างๆ เท่านั้น ถ้าคุณไม่ใช่เป็นคนผลักเค้าเข้ามาหาชั้น”
ทักษอรได้ยินความจริงถึงรับไม่ได้ ร้องกรี๊ด “หยุดนะหยุดพูดเดี๋ยวนี้”
ทักษอรเข้าไปขย้ำบีบคอรัญธิดา
แพทตกใจมาก “อย่านะ คุณอร พอแล้ว”
รัญธิดาแย่ลงทุกที อะตอมที่ยืนอยู่ วิ่งเข้าไปทุบๆ ๆทักษอรเพื่อช่วยรัญธิดา
“นังแม่มดใจร้ายปล่อยพี่รัญนะ ปล่อยๆๆๆ”
ทักษอรเลยหันมาผลักอะตอมออกไปเต็มแรง ร่างเด็กน้อยแทบปลิวไป หัวกระแทกก้อนหิน สลบไป
แพทตะลึง
“อะตอม!!”
แพทเหลียวขวับไปดูอะตอม ทักษอรมองตาม เลยต้องปล่อยรัญธิดาโดยไม่รู้ตัว รัญธิดาหอบหายใจ แต่ก็รีบคลานไปดูอะตอม
“อะตอม...อะตอมเป็นอะไรไปลูก”
อะตอมยังนอนนิ่ง แพทกับรัญธิดาร้องไห้ พยายามเรียกอะตอม
ทักษอรเดินไปหาเปลี่ยน
“ฉันเบื่อเรื่องนี้เต็มที่แล้ว มันควรจะจบไปได้แล้ว..ชั้นขออย่างเดียว...” มองรัญธิดาเขม็ง “ฉันขอยิงนังนี่ด้วยตัวฉันเอง ส่วนนังคนนั้น” ทักษอรหมายถึงแพท “แกจะไปทำอะไรมันก็ทำ”
เปลี่ยนค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างชอบใจ มองแพทอย่างสาแก่ใจ แล้วส่งปืนอีกกระบอกให้ทักษอร ก่อนจะดึงแพทออกมาจากในถ้ำ แพทพยายามขืนตัวร้องเรียกทั้งรัญธิดาแล้วก็อะตอม ใจจะขาด
เปลี่ยนตบแพทด้วยมือที่ถือปืน แพทหมดสติ เปลี่ยนอุ้มแพทออกไป รัญธิดาร้องไห้เรียกแพทตลอด ทักษอรมองรัญธิดากับอะตอมอย่างประสงค์ร้าย
ฟากชิด กับลูกน้อง ตามกันมา มีธาริศ กับพีทตามมาห่าง ๆ ชิดรู้สึกเหมือนคนตามมาข้างหลัง หันไปมอง พีทกับธาริศแยกกันหลบหลังต้นไม้
ส่วนเปลี่ยนเอาตัวแพทที่สลบมานอนบนหิน แพทเริ่มได้สติค่อยๆ ลืมตา เปลี่ยนแสยะยิ้มให้
“สวยๆ ขาวๆแบบนี้ ถ้าตายไปง่ายๆ ก็คงจะน่าเสียดาย”
แพทพยามถดตัวถอยหนี เปลี่ยนเอื้อมมือมาจะลูบแก้ม แพทปัดมือ เปลี่ยนหัวเราะ
“หวงตัวจริงนะคนสวย”
เปลี่ยนกอดหมับก้มหน้าจะจูบ แต่แพทเอามือดันหน้าเปลี่ยนไว้ ดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต
ชิดหันไปอีกที จะเดินต่อ แต่ธาริศเหยีบบกิ่งไม้หักเป๊าะ ชิดหันมายิงสวนไปทันที ทำให้ธาริศกับพีทต้องยิงโต้ตอบ เปลี่ยนก้มลงกำลังจะจูบแพทได้ยิน จึงชะงัก
“เสียงไม่ได้มาจากในถ้ำนี่หว่า”
เปลี่ยนมองออกไปทางนอกถ้ำ
แพทกัดฟันรวบรวมเรี่ยวแรงถีบเปลี่ยนจนเสียหลัก แล้วโซเซวิ่งออกมา เปลี่ยนโมโหวิ่งตามไป
ธาริศกับพีทยิงโต้ตอบกับชิดและลูกน้อง ชิดพยายามจะเอากระเป๋าเงินหนีนำไป
“ตามไป...เดี๋ยวชั้นจะยิงป้องกันไว้ให้”
ธาริศพยักหน้า แล้วพยายามลัดเลาะตามชิดไป
พีทยิงซัดกับลูกน้องเปลี่ยน ก่อนที่ลูกปืนจะหมด พีทต้องคอยวิ่งหลบบ้าง ก่อนจะใช้ไหวพริบ หลบอยู่ในพุ่มไม้ใช้ไม้ซัดหัวคนร้ายจนปืนหล่น มาสู้กันด้วยมือเปล่า จนในที่สุดพีทก็กำจัดคนร้าย แล้ววิ่งต่อไป
ฟากชิดกับธาริศ ยิงกันนัว ชิดหนีเข้าไปในถ้ำ ธาริศตามเข้าไป
ทางฟากเตอร์ ร้อนใจเรื่องทิพปภาอยู่กับประทิน ที่บ้านพีทในรีสอร์ต
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ พี่ทิพถึงได้หายไป”
“คุณอรก็หายปอีกคน ยามด้านหน้าบอกว่า เห็นคุณอรขับรถออกไปข้างนอก เร็วยังกับพายุ”
เตอร์ฉงน “นางจะไปไหน ไหนว่าไม่สบายอยู่ไง คุณประทินเตอร์ใจไม่ดีเลยฮ่ะ”
ชูประคองทิพปภา เข้ามาเตอร์ปราดเดียวเข้าไปถึง
“พี่ทิพ...เกิดอะไรขึ้น”
“ผมเจอคุณทิพนอนหมดสติอยู่ในสวนด้านซาฟารีครับ” ชูรายงาน
“ตายแล้ว พี่ทิพ เกิดอะไรขึ้นใครทำพี่แบบนี้”
“อร...ทักษอร มันเป็นมันเป็นตัวการของเรื่องทั้งหมดนี้”
เตอร์กับประทินตกใจ คาดไม่ถึง
ส่วนทักษอรเล็งปืนมาทางรัญธิดา อะตอมยังนอนหมดสติตรงพื้น
“ไม่นะคะ คุณอร อย่าทำผิดอีกเลยนะคะ วางปืนลงเถอะ แล้วปล่อยฉันไป”
“ถ้าฉันปล่อยแกไปนะเหรอ แกก็ไปฟ้องพี่ธาริศ ให้เค้าเกลียดฉันนะซิ แต่ถ้าแกตาย ลูกแกตาย ฉันกับพี่ธาริศเราก็จะได้เริ่มต้นกันใหม่ เราจะต้องมีลูกด้วยกัน เป็นครอบครัวที่อบอุ่นที่สุด”
ทักษอรขยับเดินเข้าใกล้รัญธิดามากขึ้นเรื่อยๆ ทีละก้าว ๆ โดยรัญธิดาค่อยๆ ถดตัวถอยหนี
ส่วนที่พื้นด้านหน้า อะตอมได้สติค่อยๆ ลืมตาลุกขึ้นนั่ง ชิดวิ่งนำเข้ามา เรียกหาเปลี่ยน
“พี่เปลี่ยน” ชิดชะงัก
ทักษอรหันมามองอย่างตกใจ ธาริศวิ่งตามมาด้วย ทักษอรยิ่งตกใจ
“พี่ธาริศ!”
สองคนชะงัก
“อร...รัญ...”
ธาริศมองปืนในมือทักษอร ซึ่งหน้าซีดตกใจรีบลดปืนลง
“พี่มาที่นี่ได้ยังไง”
ก่อนที่อะไรจะเป็นอะไร อะตอมเห็นธาริศดีใจสุดขีดลุกขึ้นยืน
“อาธาริศครับ ช่วยด้วย...”
อะตอมจะวิ่งไปหาธาริศ ชิดคว้าตัวเอาไว้
“วางปืนลงไม่งั้นไอ้เด็กนี่ตายแน่ๆ”
ทุกคนเว้นทักษอรตกใจมาก
แพทวิ่งหนีอย่างกระปลกกระเปลี้ย อ่อนแรงลงมาเรื่อยๆ เปลี่ยนวิ่งตามมา แพทโดนกิ่งไม้เกี่ยวชายเสื้อขาด ก่อนจะลื่นไถล กลิ้งตกลงมาตามทางลาดชัน เปลี่ยนลื่นไถลตามมาแต่ไม่ได้ล้ม แสยะยิ้ม
“ทีแรกชั้นก็ว่าจะเมตตาเธอบ้าง...แต่ตอนนี้ชั้นเปลี่ยนใจแล้ว”
เปลี่ยนหยิบปืนออกมาเล็งไปที่แพท
แพทหลับตา พร้อมยอมตายแล้ว ที่ด้านหลังพีทกระโดดถีบเข้าใส่เปลี่ยนเต็มแรง เปลี่ยนเซถลาปืนกระเด็นหล่นจากมือ
แพทตะลึง “คุณพีท”
“ตายยากจริงนะไอ้พีท.. .ดีจะได้จัดการพร้อมกันทั้งสองคน”
“ถ้าฉันตาย ก็ไม่มีใครจัดการคนเลว อย่างแกน่ะซิ”
เปลี่ยนจะคว้าปืนที่พื้น พีทเตะทิ้งให้กระเด็นไปไกล
สองคนวิ่งเข้าหากัน ร้องลั่น “อ๊ากกก” ไม่รู้ใครเป็นใคร
พีทกะเปลี่ยนผลัดกันรุกผลัดกันรับ สะบักสะบอมด้วยกันทั้งคู่ จนเปลี่ยนควักมีดสั้นมาแทงพีทเฉี่ยวไปหนึ่งแผล ก่อนที่จะสู้กันต่อ
ในที่สุดพีทก็เป็นฝ่ายเสียหลัก ตกเป็นฝ่ายตั้งรับ เปลี่ยนจ้วงมีดแทง พีทใช้มือรับเลือดไหลเป็นทาง แต่พีทฮึดเป็นครั้งสุดท้าย ผลักมือกลับ แทงเปลี่ยนเข้าที่หน้าอกเต็มๆ เปลี่ยนหงายหลัง ลงไปนอน ขาดใจตายคาที่ ในสภาพลืมตาโพลง
พีทถึงกับทรุด แพทรีบตะเกียกตะกายเข้ามาหา สองคนโผกอดกันแน่น ด้วยความเป็นห่วงกันและกันสุดชีวิต
“คุณแพท คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
แพทส่ายหน้า “คุณล่ะคะ”
“ผมไม่เป็นอะไร...ดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นหน้าคุณ”
ทั้งคู่กอดกันแน่นอย่างห่วงใยกันและกัน
ส่วนเหตุการณ์ในโกดัง อะตอมกลัวจนร้องไห้
“อาธาริศครับ ...อาธาริศ”
ธาริศวางปืนลงกับพื้น “อย่านะ อย่าทำอะไรลูกชั้น”
“อะตอม” รัญธิดาร้องไห้
ทักษอรจี๊ด “ลูก เรียกกันได้เต็มปากเต็มคำเหลือเกิน แล้วเมียที่อยู่ตรงนี้ละ พี่เคยเป็นห่วงบ้างมั้ย” ทักษอรฮึดขึ้นมา “ยิงเลย ยิงได้เด็กบ้านั้นเลย พ่อกับแม่มันจะได้ขาดใจตายอยู่ตรงนี้แหละ”
“อร! พูดอะไรออกมา นี่คืออรที่พี่รู้จักจริงๆ เหรอ ทำไมใจร้ายแบบนี้”
“ที่อรเป็นแบบนี้ก็เพราะพี่ไง พี่บังคับให้อรต้องใจร้าย ให้อรเป็นบ้าอยู่แบบนี้ ในเมื่ออรไม่มีความสุข ทุกคนก็ต้องไม่มีความสุข ตกนรกไปด้วยกันนี่แหละ”
ธาริศส่ายหน้ามองอร อย่างสิ้นหวัง อรยิ่งเจ็บปวด
“อร...พี่เสียใจ...ที่เคยเห็นอรเป็นเด็กดี ที่น่าสงสารตลอดมา...แต่ตอนนี้...พี่ไม่เหลือความรู้สึกดีๆไว้ให้อรอีกเลย”
ทักษอรโยนปืนทิ้งทันที ถลาไปเขย่าแขนธาริศ
“ไม่จริง พี่รักอร จำไว้ว่าพี่ต้องรักอรซิเราเป็นผัวเมียกันนะ” ทักษอรสั่งชิดเสียงกร้าว “ฉันสั่งให้ยิงไง ลืมไปแล้วเหรอ ว่าฉันเป็นคนจ่ายเงินให้พวกแก ช้าอยู่ทำไม”
ชิดยิ้มเหี้ยม “คำสั่งนายจ้าง สำคัญเสมอ” มันค่อยๆยกปืนขึ้น
“ไม่” ธาริศตะโกนก้อง
เสียงปืนดังปัง ชิดล้มลงตาย ปราฎว่ารัญธิดาหยิบปืนที่ทักษอรทิ้งเอาไว้ และเป็นคนเหนี่ยวไกยิงเอง ด้วยมือที่สั่นเทากลั้นใจยิงทั้งน้ำตาด้วยความกลัว อะตอมวิ่งไปหารัญธิดา กอดไว้แน่น แล้วร้องไห้ อย่างเด็กที่ตกใจกลัวสุดขีด ธาริศสะบัดแขนทักษอรแล้ววิ่งไปกอดทั้งสองไว้
“ปลอดภัยแล้วอะตอม ลูกปลอดภัยแล้ว”
“อะตอม อะตอมลูกแม่”
ทั้งคู่ผลัดกันกอดหอมอะตอม แล้วธาริศกอดรัญธิดาไว้ด้วย ทุกคนดีใจที่รอดชีวิตมา
ทักษอรมองภาพตรงหน้าด้วยความคั่งแค้น น้ำตาไหลพรากยอมรับอย่างหมดใจ ว่าเรื่องของตัวเองมันเป็นไปไม่ได้ ค่อยๆ ทรุดลงนั่งกับพื้น ตามองไปเห็นปืนที่ธาริศทิ้งไว้ ตอนชิดบอกให้ทิ้งปืน ทักษอรค่อยๆหยิบปืนขึ้นมาช้าๆ แล้วเล็งไปที่ธาริศกับรัญธิดา กิริยาดูขาดสติมาก ๆ
“พี่ธาริศ...หยุดนะคะ...พอที”
รัญธิดาเงยหน้าขึ้นเห็น ทักษอรค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
รัญธิดาตกใจ “ไม่นะ คุณอร อย่าทำแบบนี้”
“อร อย่านะ วางปืนลงเถอะ”
รัญธิดาลุกขึ้น เอาตัวบังธาริศและอะตอมไว้
“เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะฉันยิงฉันเถอะค่ะ แต่ขอร้องให้ปล่อยพี่ธาริศ กับอะตอมไป”
ธาริศยอมไม่ได้ “ไม่ รัญ” ลุกขึ้นดึงรัญธิดาไปหลบ แล้วมองจ้องทักษอร “ยิงพี่เถอะอร ถ้ามันจะทำให้อรหายโกรธ หายแค้น พี่ขอโทษที่ทำร้ายจิตใจอรทุกอย่าง”
“หลบไปเถอะค่ะพี่ธาริศ ความจริง รัญควรตายตั้งนานแล้ว ถ้าพี่ไม่ช่วยรัญไว้ที่สถานีรถไฟเมื่อ 6 ปี ชีวิตรัญไม่มีอะไรต้องเสียดายอีก การที่รัญได้พบพี่...ได้มีลูกน่ารักอย่างอะตอม เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตรัญแล้ว”
“รักกันมากใช่มั้ย ตายแทนกันได้เลยเหรอ ฮะๆๆๆ ความรักแบบนี้มันมีจริงๆ เหรอ ชั้นไม่เชื่อหรอก”
“อร ถ้าอรรักใครสักคนมากพอ อรจะรู้ว่าอรยินดีเสียสละทุกอย่างให้เค้าได้ แม้แต่ชีวิต” ธาริศหันไปมองรัญธิดา แล้วก็มองเลยไปยังอะตอม
รัญธิดาซึ้ง ออกมาเคียงข้างธาริศ
“ยิงเราสองคนเถอะค่ะ เรื่องทุกอย่างจะได้จบแต่ฉันขออย่างเดียว อย่าทำร้ายลูกฉันเลย ฉันขอละคะ คุณอร”
ทักษอรลดปืนลง ทั้งน้ำตา เพราะรู้ดีว่าตัวเองเข้าไม่ถึงความรู้สึกนี้ “เสียสละได้แม้แต่ชีวิตอย่างงั้นเหรอไร้สาระสิ้นดี” พลางเช็ดน้ำตา “ตายได้เพื่อคนที่เรารักอย่างนั้นเหรอ”
ทักษอรค่อยๆ ยกปืนขึ้นอีกครั้ง ธาริศผลักอะตอมให้ถอยห่างออกไป
รัญธิดากอดธาริศเอาไว้ ธาริศกอดตอบอย่างพร้อมจะตายด้วยกัน
ทักษอรบาดใจเหลือแสน น้ำตาไหลพราก มองคนทั้งคู่ที่ดูรักกันสุดขีด อะตอมร้องไห้วิ่งไปกอดธาริศกับรัญไว้
“ไม่เอา...อย่าตาย ตอมไม่ให้ใครตายทั้งนั้น แล้วตอมจะอยู่กับใคร”
ธาริศก้มลงมองอะตอม แล้วทรุดลงกอด
“อะตอมลูกพ่อ ถอยออกไป พ่อรักลูกนะครับ”
“แม่ก็รักลูกนะอะตอม แม่ขอโทษที่แม่ไม่กล้าบอกลูกว่า แม่รักลูกสักแค่ไหน”
“พ่อครับ แม่ครับ อย่าตายนะครับ อย่าตาย...”
ทั้งสามคนกอดกันกลม ทักษอรน้ำตาไหลพรากๆ มองปืนในมือ แล้วค่อยๆ ยกขึ้นเหนี่ยวไกปัง ทุกคนหันมามองเห็นทักษอรล้มลงทั้งยืน
“อร!”
ธาริศวิ่งไปหา
“อร...ทำไมถึงทำแบบนี้”
“อรรักพี่ธาริศมากนะคะ อรยอมตายได้ เพื่อ....พี่...ธาริศ”
พูดจบทักษอรก็สิ้นลม ธาริศกอดทักษอรไว้
ทักษอรนอนตายในอ้อมกอดธาริศ สภาพน่าสงสาร รัญธิดากอดอะตอมไว้ไม่ให้มองภาพน่าอนาถนั้น
1 ปี ผ่านไป
เช้าวันนี้ ธาริศเอาดอกไม้มาวางที่หลุมศพทักษอร
“พี่เอาดอกลิลลี่ที่อรชอบมาให้จ้ะ”
รัญธิดากับอะตอมยืนอยู่ข้างหลัง รัญธิดายิ้มให้อะตอมแล้วทั้งคู่เดินเข้าไป อะตอมวางดอกกุหลาบดอกหนึ่งไว้หน้าหลุม แล้วยกมือไหว้
“แม่รัญ บอกว่า อาอรคิดว่าไม่มีใครรัก ก็เลยทำแบบนั้นลงไป แต่จริงๆ ทุกคน ก็รักอาอรนะครับ แล้วอะตอมไม่โกรธอาอรด้วยครับ พ่อธาริศบอกว่าจะพาพวกเรามาเยี่ยมอาอรทุกปี อาอรจะได้ไม่เหงา”
ธาริศกับรัญธิดายิ้มให้กันที่อะตอมเป็นเด็กคิดดี
รัญธิดาเข้ามาไหว้ เป็นคนสุดท้าย
“หลับให้สบายนะคะ คุณอร พวกเราทุกคนอโหสิให้คุณ”
ทิพปภาเดินเข้ามา
“เอ๊า พ่อแม่ลูกสามคน มีใครสนใจอยากรีบกลับทานข้าวแช่ ฝีมือยายบ้างมั้ย”
อะตอมรีบยกมือ “อยากฮะ อะตอมชอบกินข้าวแช่ป้า...”
ทิพปภามองหน้า ล้อๆ
“ฮั่นแน่...”
อะตอมเปลี่ยนคำ “เอ๊ย...ยายทิพ ม๊ากก....ที่สุดในโลกเลยฮะ”
“ขอพ่อกินด้วยได้มั้ยครับ”
“งั้นวิ่งแข่งกันมั้ยใคร ถึงรถก่อนคนนั้นได้กินคนแรก”
“ได้เลย 1…2…”
ธาริศยังไม่ทันนับ 3 อะตอมวิ่งจู๊ดไป ธาริศ หัวเราะเสียงดัง ก่อนวิ่งตามไปคว้าตัวอะตอมขี่คอ วิ่งไปด้วยกัน ทิพปภากับรัญธิดามองภาพเบื้องหน้าแล้วหันมายิ้มให้กัน
“รัญนี่โง่จริงๆ หลงกลัวตั้งนาน ว่าอะตอมแกจะโกรธถ้ารู้เรื่องทั้งหมด ที่รัญไม่ยอมรับแกเป็นลูก ที่ไหนได้ แกเข้าใจทุกอย่าง แถมดีใจเสียอีก คนอย่างรัญ ไม่น่าจะโชคดีมีความสุขแบบนี้เลย...”
“อย่าโทษตัวเองเลยลูก ความจำเป็นมันทำให้คนเรา ต้องเอาตัวรอด อะตอมเป็นเด็กฉลาด และได้รับความรักความอบอุ่นเต็มที่จากยายแพท แกถึงไม่เคยรู้สึกขาดอะไร เมื่อมีคนรักแกเพิ่มแกก็ดีใจเท่านั้นเอง สำหรับเด็ก”
“ใช่ค่ะ บางทีถ้าผู้ใหญ่เราคิดน้อยๆ แบบเด็กๆ บางก็คงไม่เกิดเรื่อวุ่นๆ หรอกนะคะ”
“ถึงยายแพทไม่ใช่แม่ที่แท้จริง เป็นสาวโสด และไม่เคยมีลูกด้วยซ้ำตอนเลี้ยงอะตอม แต่กลับมีสัญชาติญาณความเป็นแม่ มากกว่าแม่ๆ อย่างเราเสียอีกนะลูกนะ”
รัญธิดายิ้มรับ ทิพปภากอดลูกสาวอีกครั้งด้วยความเข้าใจ
ด้านชูกับฝนกำลังขายขนมจีบกันอยู่ ฝนเขินเด็ดใบไม้ไปตามเรื่อง
“เอ่อ...พี่ฝน เราสองคนก็ดูใจกันมานานแล้วนะ ชูขอพูดตรงๆ แล้วกันนะ ชูคิดว่า มันสมควรแก่เวลาแล้วที่...ที่...”
ฝนขัดจังหวะ “เดี๋ยวๆ ขอเวลาทำใจก่อนนะ อีกอย่าง...” ควักตลับแป้งออกมาดูหน้าตัวเอง “เอาล่ะสวยพร้อม ตกลงๆๆ ฉันตกลง สินสอดไม่ต้อง ฉันมีพร้อมแล้ว”
“เฮ้ย นี่ผมยังไม่ได้ขอ ให้ผมขอก่อนซิ แล้วที่บอกว่ามันสมควรแก่เวลานี่คือเวลา ที่พี่ควรย้อมผมได้แล้ว ผมเริ่มขาวแล้ว”
“ไอ้บ้า ไอ้บ้าชู”
ฝนไล่ตีชูไป
ที่สนามสวยๆ พีทอุ้มเด็กอ่อนคนละมืออย่างมีความสุข ครอบครัวธาริศ เดินเข้ามาสมทบ
“ว่าไงจ๊ะ พ่อเรือพ่วง เลี้ยงลูกง่วนอยู่เชียวนะ”
“สวัสดีครับพี่ทิพ”
ทิพเข้ามาช่วยอุ้มหลาน
“ไม่ใช่พ่วงลำเดียวเลยครับ คราวนี้พ่วงสองลำเลยล่ะ” ธาริศเย้า
ทุกคนหัวเราะอย่างมีความสุข
“แล้วนี่ น้าแพทไปไหนละค่ะ รัญจะมาชวนไปกินข้าวแช่ที่บ้าน”
พีทหน้าจ๋อย เศร้าทันที
“คุณแพทเค้า...”
เตอร์วิ่งหน้าตาตื่นโลกแตกเข้ามา
“แย่แล้วค่ะ คุณพีท ทุกคน...ก็ ยายแพทนะซิฮะ เอาจริง เตอร์ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง”
พีทตกใจฝากลูกไว้กับรัญธิดา
“ฝากลูกก่อนนะครับทุกคน เดี๋ยวผมมา...” แล้ววิ่งตื๊อออกไปทันที
แพทเดินลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ หน้าตาบึ้งตึงมาถึงเนินในสนามหญ้าของรีสอร์ทสวยๆ พีทรีบวิ่งเข้ามาดักด้านหน้า
“คุณจะไปไหน” แล้วพีทมาดึงกระเป๋าไว้
“ปล่อยฉัน ฉันบอกคุณแล้วไง ว่าฉันจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปมันถึงเวลาแล้ว ที่ฉันควรจะทำตามความฝันในวัยสาวของฉันเสียที...ฉันจะไปออกเดินทางรอบโลก”
“เพ้อเจ้อไปหรือเปล่าคุณ”
“นี่คุณว่าฉันเหรอ” แพทโมโห จัดแจงถอดแหวนที่แม่นายให้ “เอาแหวนของคุณคืนไป”
“เฮ้ย นี่ไม่ใช่แหวนผม แหวนของแม่ แม่เป็นคนให้คุณ เพราะงั้น ผมไม่รับคืนหรอก”
“ใช่ซิ ก็ทุกอย่างที่คุณทำ ก็เพื่อแม่นาย ทั้งนั้น แหวนวงนี้เราใส่กันก็ต่อหน้าแม่นาย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วคุณ...คุณ...คุณไม่เคยบอกว่ารักฉันเลยสักครั้งเดียว”
พีทอึ้งไปนิดแล้วก็หัวเราะก๊าก
“ฮะ ๆ ๆ คุณนี่ตลกจริง ตกลงที่งอนผม จะแบ็คแพครอบโลกก็เพราะผมไม่ได้บอกรักคุณงั้นเหรอ” แพทยิ่งโมโหที่โดนจับได้ “ลูกสองแล้วนะ ยังจะไปไหนอีกเหรอ”
“ใช่ซิ ฉันมันบ้า ฉันมาเพ้อเจ้อ งั้นก็ปล่อยฉันไปตามทางของฉันซิ ปล่อยๆ”
แพทเดินหนีงอนสุดขีด พีทกอดแพทไว้จากด้านหลัง แล้วบอกรักด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยธรรมดา
“ผมรักคุณ”
แพทอึ้งแล้วก็เริ่มเขิน
“บ้า มาพูดอะไรกันตรงนี้”
พีททำไม่รู้ไม่ชี้ “อ้าวก็คุณอยากได้ยินไม่ใช่เหรอ ผมรักคุณ” กอดแล้วตะโกน “ผมรักแพท ผมรักเมียของผม ได้ยินมั้ย เจ้าข้าเอ๊ย...ผมรักคุณแพท”
แพทปิดปากพีท “พอแล้วคะ...พอแล้ว”
ปรากฏว่ามีเสียง “ฮิ้ว....” ดังแซวขึ้นมา โดยดังมาจากรถกอลฟ์ที่บรรทุก ธาริศ รัญธิดา ทิพปภา เตอร์ และอะตอม ส่วนฝนกับชูอุ้มลูกสองคนของพีทกะแพทตามมา แพทหันไปเห็นยิ่งเขิน แต่แล้วก็แพทก็เริ่มผะอืดผะอม เหมือนจะอ้วก
“เป็นอะไรคุณ” พีทมองหน้าแพท เห็นแพทยิ้มแหยๆ “หา! อีกแล้วเหรอ นี่กี่เดือนแล้ว”
“สาม” แพทบอก
“ทะเลาะกันแบบนี้ ลูกหัวปีท้ายปีแบบที่โบราณท่านว่าไว้เปี๊ยบ” ทิพปภาบอก
อะตอมสงสัย “แปลว่าอะไรครับ ยายทิพ”
“ก็แปลว่า อะตอมจะมีน้องเพิ่มอีกคนแล้วไง”
อะตอมร้อง “เย้” วิ่งเข้าไปกอดแพทกับพีทอย่างดีใจ พีทอุ้มอะตอมเอาไว้ ทั้งหมดเข้ามาแสดงความยินดีกับสองคน ธาริศกอดรัญธิดาแล้วกระซิบบอกเสียงหวานซึ้ง
“งั้น...คู่เราก็ต้องเร่งเครื่องให้ทันพี่พีทกับคุณแพทแล้วนะ”
ยามนั้นเห็นแต่บรรยากาศแสนสดใส อบอวลไปด้วยความรัก และความสุข คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
จบบริบูรณ์
โปรดติดตามอ่าน "ปีกมาร" เร็วๆ นี้