นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 20
ฤทธิ์ได้ยินเสียงกระจกแตกก็เงยหน้ามองไปเห็นสมุนพรายพิฆาต ถีบกระจกตู้ดับเพลิงเพื่อหยิบขวานด้ามยาวออกมาส่งให้สมุนอีกคนรับไป
“นักสู้มหากาฬ…เตรียมตัวขึ้นเขียงได้แล้ว”
ฤทธิ์มองหน้ามันอย่างใจเย็น เลื่อนมีดที่ซ่อนไว้จากด้านหลังมาไว้ข้างตัว สมุนพรายพิฆาตควงขวานสองสามที ก่อนจะเดินรี่มาหาฤทธิ์ที่ค่อยๆยืนขึ้น โดยที่แขนข้างหนึ่งยังมีโซ่ล่ามอยู่ สภาพของเขาโงนเงนเล็กน้อยตามประสาคนป่วย มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ยังนิ่งเย็นอยู่อย่างมีสมาธิ สายตาของเขามองพวกสมุนพรายพิฆาตว่ามีทั้งหมดกี่คนและยืนอยู่ตรงไหนกันบ้าง
“ย๊าก”
ฤทธิ์รอจนได้จังหวะที่สมุนพรายพิฆาตเงื้อขวาน ก็เบี่ยงตัวหลบแล้วกระชากสายโซ่ขึ้นรับ ขวานตัดโซ่ที่ล่ามเขาไว้จนขาด ฤทธิ์จ้วงแทงชายโครงสมุนพรายพิฆาต จนมิดด้าม สมุนพรายพิฆาตอีกคนทำท่าจะเข้ามาช่วยเพื่อน ฤทธิ์ตวัดสายโซ่ที่ยังคาข้อมืออยู่ให้พันรอบมือจนเหมือนนวมเหล็ก ก่อนจะเหวี่ยงหมัดชกสมุนพรายพิฆาตคนที่รี่เข้ามาจนล้มหงายไป ฤทธิ์หมุนตัวกลับไปคว้าขวานที่ปักอยู่คาผนัง แล้วเหวี่ยงไป สมุนพรายพิฆาตอีกคนที่กำลังวิ่งมาช่วยเพื่อนโดนขวานซัดจนกระเด็น พลังขวานแรงพอๆกับกระสุนปืน
“เฮ้ย”
ฤทธิ์กับสมุนพรายพิฆาตจ้องหน้ากัน ฤทธิ์มองเหี้ยมๆ แล้วยกนิ้วขึ้นชี้หน้า
“ต่อไป ตามึง”
สมุนพรายพิฆาตที่ซุ่มอยู่ตามจุดต่างๆ โดนสามสาวยิงจนดับทีละคนสองคน บางคนร่วงมาจากจุดซุ่มบนที่สูง
“เคลียร์”
ณัฐชาลดปืนลง
“เราทำสำเร็จ”
“รีบไปช่วยคุณโทมัสกันเถอะ”
กระสุนนัดหนึ่งปลิวมาเจาะบ่าด้านหลังของไอริณ
“ไอริณ”
ลิซ่าหันไปเห็นสมุนพรายพิฆาตคนหนึ่งยังตายไม่สนิท และกำลังจะยิงซ้ำใส่พวกเธอ ลิซ่าจึงยิงหัวปิดฉากมันจนล้มไปทันที
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
ลิซ่าเสริม
“บ้ากามอีกต่างหาก”
บารอนหัวเราะร่า
“ฮ่าๆ แหมเสียดาย นี่ถ้าได้ลอง รับรองไม่บ่นแบบนี้หรอกน้องลิซ่า”
ฤทธิ์เรียก
“ลิซ่า”
ลิซ่าเงยหน้าไปเห็นฤทธิ์กำลังบอกกับเธอ
“เราต้องฆ่ามันด้วยไวรัส”
ลิซ่าพยักหน้าแล้วรีบไปที่กระเป๋าซึ่งหล่นอยู่แล้วหยิบเอาธนูกับลูกศรไวรัสที่ฤทธิ์เคยใช้ฆ่ากรณ์ออกมา ระหว่างนั้นเองตาเธอก็เหลือบไปเห็นเข็มทิศที่หล่นอยู่และพบว่าเข็มทิศกำลังหมุนไปช้าๆไปรอบๆ อย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนจะไปหยุดลงที่ทางหนึ่ง ลิซ่าเงยหน้าไปเห็นไอริณ
“ไอริณระวัง”
บารอนหายตัวมาโผล่ด้านหลังไอริณ แต่ไอริณหันมาพอดีก็กรีดร้องก่อนจะยิงใส่มันจนผงะแล้วหายตัวไป ส่วนไอริณก็ถอยหลังจนเสียหลักล้มไม่เป็นท่า ณัฐชาเรียก
“ไอริณ มาทางนี้”
ไอริณตั้งหลักได้ก็รีบวิ่งล้มลุกคลุกคลานไปหาณัฐชาทันที ขณะที่ลิซ่าโยนธนูกับลูกศรให้ฤทธิ์
“คุณโทมัส”
ฤทธิ์รับธนูกับลูกศรมาก็ขึ้นสายประทับเล็งอย่างเตรียมพร้อม ลิซ่าเห็นว่าเข็มทิศมีการหมุนอีก ทำให้เธอเริ่มนึกอะไรขึ้นได้
“ปืนไฟฟ้า...แม่เหล็ก”
ฤทธิ์ รีบเล็งปืนหันซ้ายหันขวาอย่างคอยระวัง ขณะที่ ณัฐชาเข้าไปประคองไอริณที่เพิ่งมาถึง ลิซ่าเห็นเข็มทิศหยุดกึก
“ผู้กอง ข้างหลังคุณ”
ฤทธิ์กับณัฐชาไอริณหันปืนไปข้างหลังแต่ไม่เห็นมีใคร
“ไม่มี”
จังหวะนั้นเองที่ฤทธิ์เอะใจเมื่อเห็นเงาดำจากข้างบน จึงทิ้งตัวลงนอนแล้วยิงธนูสวนขึ้นไป บารอนพลิกตัวหลบลูกธนูไปปักตรงหน้าพวกฤทธิ์ ทุกคนต่างตกตะลึงถอยออกห่าง
“แก”
บารอนยกปืนไฟฟ้ากราดยิงใส่ฤทธิ์กับณัฐชา และไอริณจนกระเด็นไป ลิซ่ารีบกระหน่ำยิงใส่หลังของมันหลายนัด บารอนหันมายิงปืนไฟฟ้าตอบโต้จนลิซ่ากระเด็นไปอีกคน แต่แล้วพลังงานก็หมดซะก่อน ฤทธิ์รีบแข็งใจยิงธนูซ้ำใส่อีกดอกจากด้านหลัง แต่บารอนได้ยินเสียงจึงหันมาคว้าถูกธนูเอาไว้
“ไม่ได้ผลหรอกโทมัส แกฆ่ากรณ์ยังไงฉันรู้วิธีหมดแล้ว”
บารอนปาลูกธนูทิ้ง ฤทธิ์รีบคว้าลูกธนูดอกใหม่มาประทับเล็ง แต่บารอนรีบหายตัวมาตรงหน้าแล้วกระชากคันธนูไปจากมือของฤทธิ์ก่อนจะจับร่างฤทธิ์ทุ่มกระเด็นไปไกลจนเกือบถึงตรงที่ลิซ่าหลบมุมอยู่
“โทมัส”
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าของวันใหม่...ลิซ่าขับรถอย่างเคร่งเครียด ไอริณที่นั่งข้างๆหันมาดูด้านหลังเป็นระยะ ณัฐชากำลังดูอาการฤทธิ์ที่นอนหนุนตักเธออยู่ แววตาของฤทธิ์ยามนี้ไม่มีประกายของนักสู้เหลืออีกแล้ว
“โทมัส คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ คุณสำเร็จแล้ว แค่กลับไปให้ถึงบลูฟินิกซ์ ลิซ่าจะรักษาคุณเอง”
ไอริณเหลือบมองลิซ่าอย่างไม่มั่นใจ ลิซ่าเองก็หนักใจเช่นกันแต่ไม่กล้าพูดออกมา
“ช่างมันเถอะณัฐชา ทุกอย่างมันจบแล้ว ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่พวกพรายพิฆาตที่เหลือก็ต้องกลับมาอีก”
ณัฐชาน้ำตาไหลพราก
“คุณจะตายแบบนี้ไม่ได้นะโทมัส คุณคือนักสู้มหากาฬไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณตายแล้วใครจะปกป้องทุกสิ่งทุกอย่าง ไหนคุณเคยบอกว่าจะเปลี่ยนโลกใบนี้เพื่อให้พ้นจากพรายพิฆาต คุณสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ผมคงอยู่ไม่ถึงวันนั้น วันที่โลกนี้จะมีแต่สันติ วันที่พรายพิฆาตจะไม่มีข้ออ้างในการทำลายล้างอีกต่อไป ผมขอโทษด้วยนะณัฐชาผมมาสุดทางแล้ว”
ณัฐชาร้องไห้สะอื้น ลิซ่าตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“คุณโทมัสฉันจะแช่แข็งศพของคุณเอาไว้ เพื่อรอจนกว่าจะมีทางรักษาไวรัสพรายพิฆาต คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“ผมรู้ลิซ่า รู้ว่าคุณจะต้องทำเพื่อผม คุณยังจำเรื่องพินัยกรรมได้รึเปล่า”
ลิซ่าอึ้ง
“นี่คุณทำจริงๆเหรอ”
“ที่หัวเตียงผม มันอยู่ในนั้น ผมฝากด้วย”
“ได้...ฉันจะจัดการให้”
ไอริณหันมามองฤทธิ์อย่างใจเสียที่เห็นเขากำลังจะตาย
“ไอริณ”
ไอริญสะอื้น
“ฉันไม่อยากเชื่อเลย ว่าคุณจะไปแบบนี้จริงๆ ฉันคิดว่าคุณจะเป็นอมตะ จะอยู่ปกป้องทุกคนตลอดไป”
“ไม่มีใครเป็นแบบนั้นหรอกไอริณ ตั้งแต่เริ่มต้นมาจนถึงตอนนี้ ผมเห็นความสูญเสียมามากพอแล้ว พอที่จะเชื่อว่า…ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า”
ณัฐชาร้องไห้สะอื้น ฤทธิ์เอื้อมมือมากุมมือเธอเอาไว้
“จำที่ผมเคยพูดได้รึเปล่า ที่ผมเคยบอกคุณ ไม่ว่าใครก็เป็นนักสู้มหากาฬได้ทั้งนั้น”
ณัฐชา พยักหน้า
“ขอแค่มีศรัทธา กับความกล้า”
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
วันต่อมา...ณัฐชาใส่หมวกแก๊ปแต่งชุดลุยๆ หิ้วเป้สัมภาระเดินมาดูที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ก่อนจะล้วงกุญแจที่พกมาจากกระเป๋า แล้วไขประตูเข้าไป...ณัฐชายืนมองสำรวจในบ้าน แล้วถอดหมวกออก และมองกลับออกไป พอเห็นบรรยากาศริมน้ำก็เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
ณัฐชานึกถึงในอดีตเมื่อครั้งที่เธอมาค้างอยู่กับฤทธิ์ เขาตื่นขึ้นมาและเห็นเธอกำลังนอนตะแคงจ้องหน้าเขาอยู่ พลางเอื้อมมือลูบไล้ใบหน้าและเส้นผมของเขาอย่างอ่อนโยน
“คุณตื่นแล้วเหรอ...ยังเช้าอยู่เลย”
“เมื่อคืนฉันฝันเห็นคุณด้วยนะ”
“ฝันดีเหรอ”
ณัฐชายิ้ม เล่าเรื่องในฝัน
“ฉันเห็นบ้านริมน้ำหลังนึง มันสวยงามมาก แต่ตัวฉันกลับยืนร้องไห้อยู่ที่นั่นคนเดียว แล้วจู่ๆ...”
ณัฐชานึกถึงภาพในฝัน เธออยู่ในชุดลำลองสบายๆกำลังยืนชมวิวอยู่ด้วยความเศร้า ก่อนจะร้องไห้ออกมา ฤทธิ์มาที่บริเวณบ้านและยิ้มให้ ณัฐชาตะลึงมองหน้าเขาก่อนจะยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“คุณก็มา...เดินมาหาฉัน”
“ผมพูดอะไรกับคุณรึเปล่า”
“ไม่...แต่เรายิ้มให้กัน...อย่างมีความสุข”
ณัฐชายิ้มให้ฤทธิ์ทั้งน้ำตา ก่อนจะโผไปกอดเขาเอาไว้ ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัศดง
ปัจจุบัน...ณัฐชายิ้มให้ความหลังเศร้าๆ...เธอทำอาหารเมนูเดิมเหมือนสมัยที่เคยทำกินกับฤทธ์ เธอจัดอาหารใส่จาน แล้วเดินถือออกไป
ณัฐชาเพิ่งทานอาหารหมดไปไม่นานนั่งจิบไวน์ พลางดูไฟล์คลิปวีดิโอพินัยกรรมของฤทธิ์อยู่เพียงลำพัง
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำถูกรึเปล่าที่ซื้อบ้านหลังนั้นให้คุณ แต่ผมคิดว่ามันคงดีกว่า ถ้าคุณจะตื่นมาอย่างมีความหวังทุกเช้า ว่าผมจะกลับมา...ทั้งๆที่...มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น”
ณัฐชาพยักหน้า
“ฉันก็ว่างั้น”
ฤทธิ์ฝืนยิ้ม
“แต่ผมว่าถึงผมไม่ทำแบบนี้ คุณก็รอผมกลับไปอยู่ดี จริงมั้ย”
ที่ณัฐชากดปุ่ม pause
“ใครจะรอ คิดว่าตัวเองหล่อนักหรือไง ฉันจะบอกให้นะ อีกสักเดือนฉันก็จะหาแฟนใหม่ นี่แค่ไว้ทุกข์ให้นายตามมารยาทต่างหาก ชิ”
สายตาณัฐชามองภาพของฤทธิ์บนหน้าจอ…ดูเหมือนเขายังมีชีวิต เธอเอานิ้วลูบที่ภาพนั้นเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงตั้งสติ
ณัฐชาออกจากบ้านมาเดินชมทิวทัศน์ยามค่ำ รับอากาศบริสุทธิ์แก้เครียด ทันใดนั้นเสียงใจทิพย์ดังขึ้น
“อย่าบอกนะว่าเธอยังมีความหวัง”
ณัฐชาหันไปเห็นพรายพิฆาตในร่างใจทิพย์ก็แปลกใจ
“พรายพิฆาต”
“ฉันรู้ว่ามันยากที่จะทำใจ แต่ใช่ว่าทุกเรื่องมันจะจบแบบแฮบปี้เอ็นดิ้งเหมือนกันหมด มันมีบางเรื่องที่แตกต่างเสมอ”
“นี่มาปลอบฉันเหรอ”
“ก็อยากเห็นกับตาว่าณัฐชาคนเก่งจะมีสภาพยังไงบ้าง”
ณัฐชาสับสน
“รู้มั้ยว่าฉันอยากฆ่าเธอมากแค่ไหน ถ้าเธอจะช่วยโทมัส เธอก็ทำได้ แต่เธอไม่ทำ เธอปล่อยให้เขาตาย”
“โทมัสเป็นศัตรูของฉัน เธออย่าลืมสิ หน้าที่สำคัญกว่าความผูกพันเสมอ”
“แต่เขาเป็นคนดีเธอก็รู้ เขาไม่สมควรตายแบบนี้”
“สงบสติไว้ณัฐชา ถ้าเธอคิดว่าฤทธิ์ ราวี มีค่ากับเธอขนาดนั้น เธอก็ควรสานต่ออุดมการณ์ต่อจากเขา เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้น เพื่อให้พ้นจากการทำลายล้าง...นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากบอกกับเธอ”
พรายพิฆาตในร่างใจทิพย์หายตัวไป ณัฐชารีบมองหา
“พรายพิฆาต อย่าเพิ่งไป กลับมาก่อน พรายพิฆาต ฉันรู้ว่า เธอชุบชีวิตให้โทมัสได้ เธอต้องช่วยเขานะ ฉันขอร้อง พรายพิฆาต เธอได้ยินฉันรึเปล่า ฉันขอร้อง ฉันขอร้อง”
ไม่มีวี่แววของพรายพิฆาตอีกต่อไป ณัฐชาได้แต่สะเทือนใจ
วันต่อมา ณัฐชานอนตาลอยอยู่บนเตียง หลังจากที่หลับๆตื่นๆมาทั้งคืน เธอทอดสายตามองดูวิวนอกหน้าต่าง ด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์แว่วมา
มอเตอร์ไซด์คันหนึ่งกำลังแล่นมา ขณะที่ณัฐชารีบวิ่งออกมาจากบ้านแล้วมองไปยังต้นเสียง ก่อนจะเห็นคนขับมอเตอร์ไซด์มาลิบๆ
“โทมัส”
ปรากฏว่าคนที่ขับรถผ่านไปเป็นชาวบ้านรายหนึ่งที่กำลังขนอุปกรณ์จับปลาไปทำมาหากินตามปกติ ณัฐชาได้แต่หน้าเจื่อนเมื่อพบว่าตนเข้าใจผิด
“โธ่เอ๊ยณัฐชา ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังคงเป็นบ้าเข้าสักวัน”
ณัฐชาครุ่นคิดแล้วมองบ้านอย่างลังเลที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปดีหรือไม่
พนักงานบลูฟินิกซ์ ตระเตรียมเข้าทำงาน พรายพิฆาตในร่างใจทิพย์เดินเข้ามาในล็อบบี้อย่างใจเย็น...หมอคนหนึ่งถือแท็ปเล็ตวิ่งกระหืดกระหอบตามลิซ่ามาตามทางเดิน
“คุณลิซ่า รอเดี๋ยวครับคุณลิซ่า”
“มีอะไรเหรอคะคุณหมอ”
“ตัวอย่างเลือดของคุณโทมัสที่เราเก็บมา มีบางอย่างผิดปกติครับ”
หมอเปิดภาพบนแท็ปแล็ต ลิซ่าอ่าน
“มีไวรัสสองสายพันธุ์”
“ไวรัสตัวแรกทำลายเซลส์กลายพันธุ์ แต่ตัวที่สองมันทำลายไวรัสตัวแรก”
ลิซ่างงๆ
“มันมาได้ยังไง”
“ผมไม่ทราบครับ แต่คนที่สร้างไวรัสตัวที่สองขึ้นมา ต้องรู้เรื่อง ไวรัสตัวแรกเป็นอย่างดี มันถึงได้ทำลายล้างกันเองได้ขนาดนี้”
บารอนหายตัวไปเล่นงานสามสาว ฤทธิ์หายตัวมาขวางหน้าเช่นกัน ก่อนจะคว้าตัวบารอนเหวี่ยงออกไปชนถังน้ำมันจนล้ม น้ำมันในถังไหลนองพื้น บารอนเหลือบเห็นเข้าก็คว้าถังน้ำมันทุ่มไปดักหน้าสามสาว
“พวกแกต้องอยู่ที่นี่”
บารอนกระชากสายไฟที่ผนังใกล้ตัวมาปาใส่พื้นจนเกิดประกายไฟ ทำให้เปลวไฟลามไปทั่วโกดัง และขวางทางเข้าออกตรงประตูเอาไว้ ณัฐชาตะโกนเรียก
“โทมัส”
ฤทธิ์หันไปสบตากับณัฐชา แววตานั้นสิ้นหวังแล้ว เขารวบรวมความกล้า
“ลิซ่า”
ลิซ่าดูนาฬิกาข้อมือ
“ห้าสิบวินาที”
บารอนหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆ เหลือไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ แกคิดว่าแกจะทำอะไรฉันได้อีก นักสู้มหากาฬ”
ฤทธิ์คำรามก่อนจะวิ่งเข้าหาบารอนอีกและรัวหมัดชกต่อยอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ได้สู้เหมือนมนุษย์ที่มีพลังพิเศษ แต่สู้อย่างคนๆหนึ่งที่จะปกป้องคนรัก แต่เขากลับถูกบารอนล็อคตัวแล้วทุ่มไปกับพื้น บารอนลงมือซ้อมฤทธิ์อย่างหนักหน่วง ทั้งจับหัวโขก ทั้งทุ่ม ทั้งเหวี่ยงฟาด จนผนังแตกออกมา ฤทธิ์คว้าเศษกระจกจะแทงบารอน แต่ก็ถูกมันจับมือเหวี่ยงให้ทุบผนังจนกระจกแตก เลือดสีแดงไหลท่วมมือ บารอนต่อยฤทธิ์อีกครั้งเพื่อปิดฉาก ฤทธิ์กระเด็นไปนอนแผ่หมดสภาพ นาฬิกาลิซ่าบอกว่าเวลาสามนาทีได้สิ้นสุดลง
“เวลาหมดแล้ว”
ณัฐชาและไอริณตะลึง ฤทธิ์นอนหมดแรง ขณะที่ไวรัสในร่างกายของเขาก็เริ่มกลายพันธุ์กระจายไปทั่วร่าง ฤทธิ์ชาจนไม่มีแรงแม้แต่จะแสดงอาการเจ็บปวด เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตาย บารอนยิ้มสะใจ
“วัคซีนไม่ได้ผลสิท่า ถ้าทายไม่ผิดตอนนี้ไวรัสคงเพิ่มประมาณเป็นสามเท่า และกระจายไปทั่วระบบประสาทของแก”
ฤทธิ์แข็งใจลุกขึ้นโงนเงน เลือดที่มือไหลโกรกหยดติ๋งๆนองพื้น บารอนกลายร่างกลับเป็นอัศวิน
“ฮ่าๆ ยังคิดจะสู้อีกเหรอโทมัส เวลาของแกหมดแล้ว”
“แกก็เหมือนกัน”
ฤทธิ์ขยับเบี่ยงตัวเหมือนเงื้อหมัด แต่แท้จริงเขากลับสะบัดเลือดที่ฝ่ามือออกไป เลือดนั้นสาดเข้าตาเข้าปากของอัศวินเต็มๆ
“แก”
“ไวรัสสามเท่าอยู่ในเลือดของฉัน”
อัศวินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขณะที่ไวรัสแพร่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว
“ไม่…ไม่ใช่แบบนี้ มันต้องไม่เป็นแบบนี้”
อัศวินโผเข้าบีบคอฤทธิ์ด้วยความแค้น
“ไอ้โง่ แกทำลายทุกอย่าง แกมันคือตัวหายนะ”
“แกต่างหาก…บารอน”
ฤทธิ์แผดร้องก่อนจะทุ่มร่างอัศวินลงไปในกองเพลิง อัศวินร้องโหยหวนทุรนทุราย พยายามหายร่างวูบวาบหลายครั้งแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ที่สุดก็ทรุดลงมอดไหม้ในกองเพลิงต่อหน้าต่อตาฤทธิ์ ณัฐชา ไอริณ และลิซ่า ขณะที่ฤทธิ์ก็ค่อยๆทรุดลงหมดแรงไปกับพื้น ณัฐชาตกใจ
“โทมัส”
ไอริณ เข้าไปเขย่าตัวเรียก
“โทมัส คุณเป็นยังไงบ้าง”
ณัฐชา เขย่าตัวพยายามบอกเขา
“โทมัส แข็งใจไว้ก่อนนะ”
ลิซ่าจับชีพจร
“เราต้องรีบพาเขาไปที่ห้องแลป”
เปลวไฟลามเลียไปถึงถังน้ำมันใบอื่นๆ
ณัฐชา ไอริณ ลิซ่าช่วยกันพาฤทธิ์ขึ้นรถก่อนที่ลิซ่าจะเป็นคนขับออกไป โดยมีไอริณนั่งข้างๆ ส่วนฤทธิ์นอนหนุนตักณัฐชาอยู่ที่เบาะหลัง เมื่อรถแล่นออกไปไม่นาน โกดังร้างก็ระเบิดตูม
พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าของวันใหม่...ลิซ่าขับรถอย่างเคร่งเครียด ไอริณที่นั่งข้างๆหันมาดูด้านหลังเป็นระยะ ณัฐชากำลังดูอาการฤทธิ์ที่นอนหนุนตักเธออยู่ แววตาของฤทธิ์ยามนี้ไม่มีประกายของนักสู้เหลืออีกแล้ว
“โทมัส คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ คุณสำเร็จแล้ว แค่กลับไปให้ถึงบลูฟินิกซ์ ลิซ่าจะรักษาคุณเอง”
ไอริณเหลือบมองลิซ่าอย่างไม่มั่นใจ ลิซ่าเองก็หนักใจเช่นกันแต่ไม่กล้าพูดออกมา
“ช่างมันเถอะณัฐชา ทุกอย่างมันจบแล้ว ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่พวกพรายพิฆาตที่เหลือก็ต้องกลับมาอีก”
ณัฐชาน้ำตาไหลพราก
“คุณจะตายแบบนี้ไม่ได้นะโทมัส คุณคือนักสู้มหากาฬไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณตายแล้วใครจะปกป้องทุกสิ่งทุกอย่าง ไหนคุณเคยบอกว่าจะเปลี่ยนโลกใบนี้เพื่อให้พ้นจากพรายพิฆาต คุณสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ผมคงอยู่ไม่ถึงวันนั้น วันที่โลกนี้จะมีแต่สันติ วันที่พรายพิฆาตจะไม่มีข้ออ้างในการทำลายล้างอีกต่อไป ผมขอโทษด้วยนะณัฐชาผมมาสุดทางแล้ว”
ณัฐชาร้องไห้สะอื้น ลิซ่าตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“คุณโทมัสฉันจะแช่แข็งศพของคุณเอาไว้ เพื่อรอจนกว่าจะมีทางรักษาไวรัสพรายพิฆาต คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“ผมรู้ลิซ่า รู้ว่าคุณจะต้องทำเพื่อผม คุณยังจำเรื่องพินัยกรรมได้รึเปล่า”
ลิซ่าอึ้ง
“นี่คุณทำจริงๆเหรอ”
“ที่หัวเตียงผม มันอยู่ในนั้น ผมฝากด้วย”
“ได้...ฉันจะจัดการให้”
ไอริณหันมามองฤทธิ์อย่างใจเสียที่เห็นเขากำลังจะตาย
“ไอริณ”
ไอริญสะอื้น
“ฉันไม่อยากเชื่อเลย ว่าคุณจะไปแบบนี้จริงๆ ฉันคิดว่าคุณจะเป็นอมตะ จะอยู่ปกป้องทุกคนตลอดไป”
“ไม่มีใครเป็นแบบนั้นหรอกไอริณ ตั้งแต่เริ่มต้นมาจนถึงตอนนี้ ผมเห็นความสูญเสียมามากพอแล้ว พอที่จะเชื่อว่า…ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า”
ณัฐชาร้องไห้สะอื้น ฤทธิ์เอื้อมมือมากุมมือเธอเอาไว้
“จำที่ผมเคยพูดได้รึเปล่า ที่ผมเคยบอกคุณ ไม่ว่าใครก็เป็นนักสู้มหากาฬได้ทั้งนั้น”
ณัฐชา พยักหน้า
“ขอแค่มีศรัทธา กับความกล้า”
ฤทธิ์ยิ้ม
“ผมเห็นเด็กหนุ่มมากมายที่มาแทนที่ผม พวกเขาไม่ได้มีพลังพิเศษ ไม่ได้เป็นอมตะ แต่พวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้กับความชั่วร้าย” เขาบีบมือเธอ “คุณไม่ต้องกลัวนะณัฐชา ไม่ต้องกลัว”
ณัฐชาพยักหน้าทั้งน้ำตา ฤทธิ์ยิ้มให้เธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหลับตาลงสิ้นใจอย่างสงบ
“โทมัส...โทมัส...โทมัส”
ไอริณร้องไห้ตาม ขณะที่ลิซ่าพยายามกัดฟันเพื่อกลั้นน้ำตา ณัฐชากอดศพของฤทธิ์แล้วเรียกชื่อเขาด้วยความอาลัยอาวรณ์ น้ำตาของณัฐชาหยดลงบนใบหน้าของฤทธิ์
เตียงคนไข้ถูกเข็นมาตามทางเดิน ลิซ่ากับทีมแพทย์พาร่างของฤทธิ์ไปยังห้องแล็ป หมอหันมาถาม
“หัวใจเขาหยุดเต้นนานรึยัง”
“ยี่สิบนาที เราทำ cpr แล้วแต่เขาไม่ฟื้น”
“ขาดอ๊อกซิเจนนานขนาดนั้น เซลส์สมองของเขาอาจมีปัญหาก็ได้”
“ฉันไม่สน รีบแช่แข็งเขา เดี๋ยวนี้เลย”
ลิซ่ากับทีมแพทย์พาร่างของฤทธิ์หายลับไป ไอริณยืนร้องไห้มองตามร่างของฤทธิ์ไป ขณะที่ณัฐชานั่งเหม่อลอยอยู่ที่ม้านั่ง สภาพเหมือนคนไร้วิญญาณ
ในห้องแลปบลูฟินิกซ์...ทีมแพทย์เตรียมการทุกอย่างวุ่นวาย ขณะที่ลิซ่ากำลังเฝ้ามองดูร่างไร้วิญญาณของฤทธิ์อย่างสลดใจ สักครู่ก็เห็นมีละอองควันถูกปล่อยพวยพุ่งออกมา ชั่วพริบตาร่างของฤทธิ์ก็หายไปในม่านควัน
ค่ำคืนนั้น อาคารบลูฟินิกซ์ตั้งตระหง่าน…อย่างเงียบเหงากลางใจเมือง ณัฐชาหลังจากทำแผลแล้วก็เดินขึ้นมาบนดาดฟ้า แล้วคิดถึงความหลังระหว่างเธอกับฤทธิ์
“คำว่าการต่อสู้ อาจเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับใครบางคน โดยเฉพาะผู้หญิง ทั้งๆที่ความจริง คนเราต้องต่อสู้กับอะไรบางอย่างเสมอ...ต่อสู้เพื่อความอยู่รอด เพื่อความฝัน เพื่ออนาคตที่ดีกว่า แน่นอนว่าต้องมีคนแพ้ และคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่ว่าผลจะออกมายังไง...”
ณัฐชาหลับตาลงสูดลมหายใจลึกเพื่อรวบรวมพลังใจที่เข้มแข็ง และเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง
“แพ้หรือชนะ อยู่หรือตาย สิ่งสำคัญที่สุดของการต่อสู้ ก็คือศักดิ์ศรีต่างหาก
คุณจะไม่รู้สึกว่าแพ้ ถ้าคุณสู้เพื่อความดีงามและเช่นกัน ศัตรูของคุณจะไม่มีวันชนะ หากเขายืนอยู่บนความชั่วร้าย นั่นคือบทสรุปที่ฉันเรียนรู้จากความตายของนักสู้คนนึง...ฤทธิ์ ราวี”
ณัฐชายืนหยัดอยู่ท่ามกลางลมหนาวและความมืดเพียงลำพัง
ลิซ่าเข้ามาในห้องนอนของฤทธิ์ ก่อนจะเปิดดูลิ้นชักที่หัวเตียงและเห็นกล้องวีดิโอเล็กวางอยู่ในลิ้นชัก ลิซ่าลองกดปุ่มเพลย์ภาพและเห็นเป็นภาพของฤทธิ์ซึ่งถ่ายไว้ในห้องเดียวกันนี้
“สวัสดีลิซ่า ผมเดาว่าตอนที่คุณเปิดดูคลิปนี่เมื่อไหร่ ก็แปลว่า ผมคงจากคุณไปแล้ว,,,ก็อย่างที่ผมเคยบอก สักวันความตายมันต้องมาถึงโลกนี้ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า”
ลิซ่ายิ้มแล้วร้องไห้ออกมา ขณะที่วีดิโอก็ยังเล่นต่อไป
“ผมรู้ว่าการจากลามันเป็นเรื่องเศร้า แต่เชื่อผมเถอะลิซ่า ไม่มีใครหายไปหรอก แม้แต่พรายพิฆาตก็ยังพูดเลยว่าทุกอย่างในโลกนี้เป็นแค่พลังงาน มันแค่เปลี่ยนรูปร่างไปเท่านั้นเอง...ผมไม่ใช่นักปรัชญา ผมไม่รู้เรื่องนรกสวรรค์หรือพระเจ้าสักเท่าไหร่ แต่ผมรู้อย่างนึงว่า ถ้าเราเป็นแค่พลังงานจริงๆ เราก็คงหมุนเวียนตายเกิดมาบนโลกนี้มานับครั้งไม่ถ้วน อาจเคยเป็นเพื่อน เป็นศัตรู หรือแม้แต่เคยเป็นคนๆเดียวกัน...ที่ผมอยากบอกคุณ และอยากให้คุณบอกต่อกับทุกคนก็คือ ผมยังอยู่ ผมไม่ได้ไปไหน เพียงแต่ผมเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง...ฟังดูโอเคขึ้นรึเปล่า เอาล่ะทีนี้ก็มาว่าเรื่องพินัยกรรม เริ่มจากส่วนของบริษัท…”
ลิซ่าไม่ได้ดูไม่ได้ฟัง แต่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงอย่างหนัก
ณัฐชากับลิซ่าในชุดดำมายืนส่งไอริณขึ้นรถเพื่อกลับต่างประเทศ โดยมีพนักงานของบลูฟินิกซ์เป็นคนขับ ไอริณบ่นเศร้าๆกับณัฐชา
“ดวงจริงๆเลยฉัน พอมาถึงก็ได้เรื่องเลย”
“ไม่ถ่ายโฆษณาแล้วเหรอ”
“ช่วงนี้คงยิ้มไม่ออกแล้วล่ะ”
ณัฐชาพยักหน้าเข้าใจ ไอริณหันมาทางลิซ่า
“คุณคิดว่าจะคุณโทมัสจะกลับมาเมื่อไหร่คะ”
“อย่างน้อยก็จนกว่าเราจะพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จ”
“แปลว่าคงอีกนาน”
ลิซ่ายิ้มรับเศร้าๆ
“ดูแลตัวเองด้วยนะคะคุณลิซ่า” ไอริณหันไปหาณัฐชา “เธอด้วยนะณัฐชา”
“แล้วเจอกัน…ไอริณ”
ไอริณยิ้มรับก่อนจะปลีกตัวไปขึ้นรถ รถแล่นจากไป ทั้งลิซ่าและณัฐชามองตามอย่างใจหาย
“เมื่อวานฉันดูพินัยกรรมของคุณโทมัสแล้ว คุณอยากดูรึเปล่า”
ณัฐชาอึ้ง
“แต่เขายังไม่ตายนะ”
“เขาเคยสั่งฉันว่าถ้ามีเหตุอันควรให้ดูได้เลย”
ณัฐชาอึ้งไป
วันต่อมา...ณัฐชาใส่หมวกแก๊ปแต่งชุดลุยๆ หิ้วเป้สัมภาระเดินมาดูที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ก่อนจะล้วงกุญแจที่พกมาจากกระเป๋า แล้วไขประตูเข้าไป...ณัฐชายืนมองสำรวจในบ้าน แล้วถอดหมวกออก และมองกลับออกไป พอเห็นบรรยากาศริมน้ำก็เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
ณัฐชานึกถึงในอดีตเมื่อครั้งที่เธอมาค้างอยู่กับฤทธิ์ เขาตื่นขึ้นมาและเห็นเธอกำลังนอนตะแคงจ้องหน้าเขาอยู่ พลางเอื้อมมือลูบไล้ใบหน้าและเส้นผมของเขาอย่างอ่อนโยน
“คุณตื่นแล้วเหรอ...ยังเช้าอยู่เลย”
“เมื่อคืนฉันฝันเห็นคุณด้วยนะ”
“ฝันดีเหรอ”
ณัฐชายิ้ม เล่าเรื่องในฝัน
“ฉันเห็นบ้านริมน้ำหลังนึง มันสวยงามมาก แต่ตัวฉันกลับยืนร้องไห้อยู่ที่นั่นคนเดียว แล้วจู่ๆ...”
ณัฐชานึกถึงภาพในฝัน เธออยู่ในชุดลำลองสบายๆกำลังยืนชมวิวอยู่ด้วยความเศร้า ก่อนจะร้องไห้ออกมา ฤทธิ์มาที่บริเวณบ้านและยิ้มให้ ณัฐชาตะลึงมองหน้าเขาก่อนจะยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“คุณก็มา...เดินมาหาฉัน”
“ผมพูดอะไรกับคุณรึเปล่า”
“ไม่...แต่เรายิ้มให้กัน...อย่างมีความสุข”
ณัฐชายิ้มให้ฤทธิ์ทั้งน้ำตา ก่อนจะโผไปกอดเขาเอาไว้ ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัศดง
ปัจจุบัน...ณัฐชายิ้มให้ความหลังเศร้าๆ...เธอทำอาหารเมนูเดิมเหมือนสมัยที่เคยทำกินกับฤทธ์ เธอจัดอาหารใส่จาน แล้วเดินถือออกไป
ณัฐชาเพิ่งทานอาหารหมดไปไม่นานนั่งจิบไวน์ พลางดูไฟล์คลิปวีดิโอพินัยกรรมของฤทธิ์อยู่เพียงลำพัง
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำถูกรึเปล่าที่ซื้อบ้านหลังนั้นให้คุณ แต่ผมคิดว่ามันคงดีกว่า ถ้าคุณจะตื่นมาอย่างมีความหวังทุกเช้า ว่าผมจะกลับมา...ทั้งๆที่...มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น”
ณัฐชาพยักหน้า
“ฉันก็ว่างั้น”
ฤทธิ์ฝืนยิ้ม
“แต่ผมว่าถึงผมไม่ทำแบบนี้ คุณก็รอผมกลับไปอยู่ดี จริงมั้ย”
ที่ณัฐชากดปุ่ม pause
“ใครจะรอ คิดว่าตัวเองหล่อนักหรือไง ฉันจะบอกให้นะ อีกสักเดือนฉันก็จะหาแฟนใหม่ นี่แค่ไว้ทุกข์ให้นายตามมารยาทต่างหาก ชิ”
สายตาณัฐชามองภาพของฤทธิ์บนหน้าจอ…ดูเหมือนเขายังมีชีวิต เธอเอานิ้วลูบที่ภาพนั้นเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงตั้งสติ
ณัฐชาออกจากบ้านมาเดินชมทิวทัศน์ยามค่ำ รับอากาศบริสุทธิ์แก้เครียด ทันใดนั้นเสียงใจทิพย์ดังขึ้น
“อย่าบอกนะว่าเธอยังมีความหวัง”
ณัฐชาหันไปเห็นพรายพิฆาตในร่างใจทิพย์ก็แปลกใจ
“พรายพิฆาต”
“ฉันรู้ว่ามันยากที่จะทำใจ แต่ใช่ว่าทุกเรื่องมันจะจบแบบแฮบปี้เอ็นดิ้งเหมือนกันหมด มันมีบางเรื่องที่แตกต่างเสมอ”
“นี่มาปลอบฉันเหรอ”
“ก็อยากเห็นกับตาว่าณัฐชาคนเก่งจะมีสภาพยังไงบ้าง”
ณัฐชาสับสน
“รู้มั้ยว่าฉันอยากฆ่าเธอมากแค่ไหน ถ้าเธอจะช่วยโทมัส เธอก็ทำได้ แต่เธอไม่ทำ เธอปล่อยให้เขาตาย”
“โทมัสเป็นศัตรูของฉัน เธออย่าลืมสิ หน้าที่สำคัญกว่าความผูกพันเสมอ”
“แต่เขาเป็นคนดีเธอก็รู้ เขาไม่สมควรตายแบบนี้”
“สงบสติไว้ณัฐชา ถ้าเธอคิดว่าฤทธิ์ ราวี มีค่ากับเธอขนาดนั้น เธอก็ควรสานต่ออุดมการณ์ต่อจากเขา เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้น เพื่อให้พ้นจากการทำลายล้าง...นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากบอกกับเธอ”
พรายพิฆาตในร่างใจทิพย์หายตัวไป ณัฐชารีบมองหา
“พรายพิฆาต อย่าเพิ่งไป กลับมาก่อน พรายพิฆาต ฉันรู้ว่า เธอชุบชีวิตให้โทมัสได้ เธอต้องช่วยเขานะ ฉันขอร้อง พรายพิฆาต เธอได้ยินฉันรึเปล่า ฉันขอร้อง ฉันขอร้อง”
ไม่มีวี่แววของพรายพิฆาตอีกต่อไป ณัฐชาได้แต่สะเทือนใจ
วันต่อมา ณัฐชานอนตาลอยอยู่บนเตียง หลังจากที่หลับๆตื่นๆมาทั้งคืน เธอทอดสายตามองดูวิวนอกหน้าต่าง ด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์แว่วมา
มอเตอร์ไซด์คันหนึ่งกำลังแล่นมา ขณะที่ณัฐชารีบวิ่งออกมาจากบ้านแล้วมองไปยังต้นเสียง ก่อนจะเห็นคนขับมอเตอร์ไซด์มาลิบๆ
“โทมัส”
ปรากฏว่าคนที่ขับรถผ่านไปเป็นชาวบ้านรายหนึ่งที่กำลังขนอุปกรณ์จับปลาไปทำมาหากินตามปกติ ณัฐชาได้แต่หน้าเจื่อนเมื่อพบว่าตนเข้าใจผิด
“โธ่เอ๊ยณัฐชา ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังคงเป็นบ้าเข้าสักวัน”
ณัฐชาครุ่นคิดแล้วมองบ้านอย่างลังเลที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปดีหรือไม่
พนักงานบลูฟินิกซ์ ตระเตรียมเข้าทำงาน พรายพิฆาตในร่างใจทิพย์เดินเข้ามาในล็อบบี้อย่างใจเย็น...หมอคนหนึ่งถือแท็ปเล็ตวิ่งกระหืดกระหอบตามลิซ่ามาตามทางเดิน
“คุณลิซ่า รอเดี๋ยวครับคุณลิซ่า”
“มีอะไรเหรอคะคุณหมอ”
“ตัวอย่างเลือดของคุณโทมัสที่เราเก็บมา มีบางอย่างผิดปกติครับ”
หมอเปิดภาพบนแท็ปแล็ต ลิซ่าอ่าน
“มีไวรัสสองสายพันธุ์”
“ไวรัสตัวแรกทำลายเซลส์กลายพันธุ์ แต่ตัวที่สองมันทำลายไวรัสตัวแรก”
ลิซ่างงๆ
“มันมาได้ยังไง”
“ผมไม่ทราบครับ แต่คนที่สร้างไวรัสตัวที่สองขึ้นมา ต้องรู้เรื่อง ไวรัสตัวแรกเป็นอย่างดี มันถึงได้ทำลายล้างกันเองได้ขนาดนี้”
ลิซ่าเริ่มครุ่นคิดด้วยความเอะใจบางอย่าง เธอนึกถึงตอนที่อยู่ในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ใจทิพย์ยิ้มกริ่ม ก่อนจะเลื่อนแก้วไวน์ของเธอมาตรงหน้าณัฐชา
“ดื่มซะ”
“ทำไมฉันต้องดื่ม”
“เพราะถ้าไม่ดื่ม เธอจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต” ใจทิพย์จ้องหน้า “ฉันช่วยเธอได้แค่นี้ณัฐชา”
ใจทิพย์ลุกขึ้นเดินจากไปอย่างใจเย็น ณัฐชาเหลือบมองแก้วไวน์ ไอริณรีบห้าม
“อย่าดื่มนะณัฐชา ในแก้วอาจมียาพิษก็ได้”
“แต่ฉันเห็นเขาดื่ม”
ลิซ่าขัดขึ้น
“ไร้สาระณัฐชา เขาก็แค่หลอกเธอเท่านั้นเอง”
ณัฐชามองที่แก้วไวน์อย่างครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจดื่มไวน์จนหมด...ลิซ่านึกถึงตอนที่พาฤทธิ์ขึ้นรถกลับมาที่บริษัทถนน ฤทธิ์นอนหนุนตักณัฐชายิ้มให้ณัฐชาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหลับตาลงสิ้นใจอย่างสงบ
“โทมัส...โทมัส...โทมัส”
ไอริณร้องไห้ตาม ขณะที่ลิซ่าพยายามกัดฟันเพื่อกลั้นน้ำตา ณัฐชากอดศพของฤทธิ์แล้วเรียกชื่อเขาด้วยความอาลัยอาวรณ์ น้ำตาของณัฐชาหยดลงบนใบหน้าของฤทธิ์ น้ำตาของณัฐชามีพลังบางอย่าง
ขณะที่ลิซ่ากำลังครุ่นอยู่นั้น หัวหน้า ร.ป.ภ.ก็เข้ามาตาม
“คุณลิซ่าครับ พรายพิฆาตบุกมาที่นี่ครับ”
ลิซ่าตกใจเมื่อได้ฟังอย่างนั้น
ยามสองคนกระเด็นไปเพราะพลังพรายพิฆาตในร่างใจทิพย์ เธอแสยะยิ้มมองพวกยามอย่างเย้ยหยันก่อนจะมองไปในห้องแลป...พรายพิฆาตในร่างใจทิพย์เดินเข้ามาในห้องแลปตรงมาที่ร่างของฤทธิ์ที่อยู่ในสภาพแช่แข็ง มีม่านควันไนโตรเจนโอบล้อมตลอดเวลา
“ถึงเวลาต้องไปกันแล้วนักสู้มหากาฬ”
พรายพิฆาตในร่างใจทิพย์ใช้พลังซัดกระจกจนแตก ทันใดนั้น ลิซ่านำหมอกับหัวหน้า ร.ป.ภ.เข้ามาในห้อง
“พรายพิฆาต คุณทำอะไรกับโทมัส”
พรายพิฆาตในร่างใจทิพย์หันมามองอย่างเหี้ยมเกรียม ลิซ่ามองตะลึง
ณัฐชาขนสัมภาระออกมาจากบ้าน พร้อมแม่กุญแจ
“ขอโทษนะโทมัส แต่ฉันไม่อยากหลอกตัวเอง ฉันต้องไปจากที่นี่”
ณัฐชาหันไป แล้วชะงัก…เมื่อเห็นฤทธิ์ ราวีกำลังยืนอยู่
ภาพในความฝันของณัฐชาแว่บเข้ามา
“แล้วจู่ๆคุณก็มา เดินมาหาฉัน”
“ผมพูดอะไรกับคุณรึเปล่า”
“ไม่...แต่เรายิ้มให้กัน...อย่างมีความสุข”
ณัฐชายิ้มให้ฤทธิ์ทั้งน้ำตา ก่อนจะโผไปกอดเขาเอาไว้ ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัศดง...
ฤทธิ์เดินเข้ามาหาณัฐชาและหยุดมองเธอ ณัฐชาทิ้งสัมภาระและโผเข้ากอดเขาไว้ทันที เธอไม่พูดอะไรนอกจากร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ร้องไห้ครวญครางเหมือนเพิ่งหลุดพ้นจากขุมนรกอันเย็นยะเยือก ฤทธิ์ยิ้มรับและกอดเธอไว้…ไม่มีคำพูด แต่ในใจนั้นไม่เคยคิดฝันว่าจะได้กลับมา พรายพิฆาตในร่างใจทิพย์มองคนทั้งคู่และยิ้ม ก่อนจะค่อยๆเลือนร่างหายไป ณัฐชาสะอื้น
“ฉัน…ฉัน… ฉันนึกว่าคุณ...”
“ผมรู้ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้…ผมอยู่นี่แล้วณัฐชา เราอยู่ที่บ้านในฝันของเราไม่มีการต่อสู้ ไม่มีอีกแล้ว มันผ่านไปแล้วณัฐชา”
ณัฐชากอดฤทธิ์เอาไว้ ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัศดง
จบบริบูรณ์