นางมารตอนที่ 19
อาทิตย์กำลังยืนรออยู่หน้าห้องตรวจ สักพักเนตรอัปสรก็ออกมาบอก
“โชคดีกระสุนแค่ถากไปค่ะ ตอนนี้คุณหมอกำลังทำแผลอยู่เสร็จแล้วก็กลับบ้านได้คะ”
อาทิตย์ได้ยินก็เบาใจ ถึงเขาจะไม่ได้ดีกับเชตะวันแต่ก็ไม่อยากให้ลูกชายของเขาเป็นอะไรไปเหมือนกัน
“ขอบใจเธอมากนะ”
“ว่าแต่ทำไมคุณพายัพไม่มาด้วยนะคะ”
“ไอ้ยัพมันโกรธมากที่มีคนร้ายกล้ามาบุกถึงบ้านเราแบบนี้ ตอนนี้มันกำลังไล่ตามสืบอยู่ว่าเป็นพวกไหน”
“แล้วทำไมคุณอาทิตย์ ไม่แจ้งตำรวจละคะ”
อาทิตย์อึกอัก เพราะไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจกลัวสาวมาถึงเรื่องการค้ายาของตน
“ตำรวจมันวุ่นวายน่ะ เรื่องนี้เดี๋ยวพวกฉันจัดการเอง เธอเข้าไปดูไอ้เชตมันดีกว่า เผื่อมันฟื้นมาแล้วไม่เห็นใครมันจะโวยวายอาละวาดได้”
“คะ”
เนตรอัปสรสงสัยเหมือนกันคนบ้านนี้แปลกๆ ต้องมีอะไรที่มากกว่านี้แน่ๆ ยิ่งเธอสงสัยอาทิตย์ก็จ้องมองเธอมากขึ้น เนตรอัปสรจึงตัดสินใจกลับเข้าไปดูเชตะวัน อาทิตย์คิดสงสัยพวกไหนกันที่มันคิดทำร้ายเชตะวัน
“ใครกันนะ ที่จ้องจองล้างจองผลาญไอ้เชตไม่เลิก”
อาทิตย์คุ่นคิด
พายัพเดินวุ่นวายด้วยความโมโหกดโทรศัพท์หาพงษ์ด้วยความร้อนใจ แต่พงษ์ไม่รับสาย...รถมอเตอร์ไซค์พงษ์ตกถนนมือถือของเขาตกอยู่ข้างทางเครื่องแตกพังเสียหาย พงษ์เนื้อตัวถลอกปอกเปิกหัวแตกนอนสลบอยู่ข้างทางใกล้คูน้ำ ผีเฟื่องกำลังลากขาเขาลงไปในคูน้ำหวังให้จมน้ำตาย
“มึงคิดจะฆ่าผัวกู มึงต้องตาย”
ผีเฟื่องลากพงษ์ลงไปในคูน้ำจนสำเร็จ พงษ์เริ่มจมน้ำที่ละน้อยจนนัยน์ตาเหลือกลานจะขาดใจแล้วทันใดนั้นชาวบ้านก็วิ่งเข้ามาเห็นร่างของพงษ์จมน้ำอยู่ แต่ไม่มีใครเห็นเฟื่อง ชาวบ้านตะโกนลั่น
“เฮ้ย...ช่วยกันหน่อยเร็ว”
ชาวบ้าน รีบวิ่งลงไปช่วยกันดึงร่างพงษ์ขึ้นจากคูน้ำได้สำเร็จ ผีเฟื่องเจ็บใจที่ไม่สามารถฆ่าพงษ์ได้สำเร็จ
เชตะวันนอนอยู่บนเตียงโดยทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีเนตรอัปสรนั่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆ สักพักเชตะวันก็เริ่มได้สติ ปรือตาขึ้นมองเห็นหน้าเนตรอัปสรมองหน้าเขาอยู่ เนตรอัปสรเห็นเชตะวันได้สติแล้วก็ยิ้มดีใจ
“คุณฟื้นแล้ว โชคดีจริงๆที่กระสุนแค่ถากไปเท่านั้น ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ หมอทำแผลให้คุณเรียบร้อยแล้วคะ สักพักคุณก็กลับบ้านได้ หรือคุณจะนอนที่โรงพยาบาลก็ได้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอก ถ้าคุณว่าไม่เป็นไรมาก ผมก็เชื่อคุณ...ผมอยากกลับบ้านมากกว่า”
เชตะวันลุกขึ้นนั่ง มองเนตรอัปสรอย่างซึ้งใจ
“แล้วผมก็ต้องขอบคุณคุณมาก...ในสิ่งที่คุณทำ”
“ก็มันเป็นหน้าที่ของฉันนี่คะ ฉันเป็นพยาบาลส่วนตัวของคุณ ฉันก็ต้องดูแลคุณ”
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องที่คุณดูแลผมในฐานะพยาบาล แต่ผมหมายถึงเรื่องที่คุณไม่ทิ้งผม แล้วยังมีสติพอที่จะช่วยผมให้รอดตายได้อย่างหวุดหวิดด้วย ถ้าตอนนั้นคุณไม่กดแตรรถ ไอ้มือปืนนั่นมันคงยิงผมซ้ำแน่”
เนตรอัปสรถอนใจ
“ฉันว่าเรื่องนี้คุณควรไปแจ้งตำรวจ”
เชตะวันหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“ไม่จำเป็น”
“นี่บ้านคุณเป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย พ่อคุณก็บอกว่าไม่ต้องไปแจ้งตำรวจ”
เชตะวันยิ่งฟังยิ่งโมโห
“พ่อคุณกับคุณ ไม่กลัวว่าคนร้ายมันอาจจะย้อนกลับมาฆ่าคุณอีกเหรอไงเนี่ย”
“ผมไม่กลัว แต่คนที่คิดจะฆ่าผมให้ตายสิ มันควรจะกลัว เพราะผมไม่ยอมให้เขาทำผมฝ่ายเดียวแน่”
“คุณพูดอย่างกับว่าคุณรู้ว่าใครเป็นคนทำอย่างนั้นแหละ”
เชตะวันไม่ตอบหน้าตาโกรธขึ้ง เขารู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือใคร
พายัพอยู่ในห้องนอน พยายามกดโทรศัพท์หาพงษ์อยู่ แต่ก็ยังติดต่อไม่ได้สักที พายัพหงุดหงิด
“ไอ้พงษ์นะไอ้พงษ์ ทำงานไม่สำเร็จ แล้วเลยปิดโทรศัพท์หนีกูเลยเหรอ เดี๋ยวเถอะมึง”
พายัพเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ พอเงยหน้าขึ้น เขาก็ต้องตกตะลึงสุดขีดเมื่อเห็นผีเฟื่องยืนมองอยู่อย่างโกรธแค้น
“ไอ้พัน ชาติที่แล้วมึงก็ชั่ว มาชาตินี้มึงก็เลวไม่ผิดเดิม มึงคิดร้ายกับผัวกู มึงต้องตาย”
ผีเฟื่องพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว พายัพไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวกระเด็นไปติดผนังดังโครม ข้าวของแถวนั้นหล่นลงใส่หัว
“โอ๊ย”
ข้าวของที่หล่นลงพื้นมีดโกนรวมอยู่ในนั้นด้วย ผีเฟื่อง จ้องตา พายัพถูกมนต์สะกดของผีเฟื่องให้เบิกตามอง แล้วผีเฟื่องก็หันไปจ้องที่มีดโกนบนพื้นทันใดนั้น มือของพายัพก็ถูกผีเฟื่องสะกดบังคับให้จับมีดโกนอันนั้นขึ้นมา
พายัพรู้แล้วว่าผีเฟื่องกำลังจะบังคับให้เขาทำอะไรกับตัวเอง เขาเลยพยายามจะใช้มืออีกข้างห้ามตัวเองที่กำลังหยิบมีดโกนขึ้นมา แต่ก็ต้านแรงสะกดของผีเฟื่องไม่ไหว มือข้างนั้นของพายัพจึงตวัดมีดโกนเข้าที่ซอกคอตัวเอง พายัพนัยน์ตาเหลือกลาน
“อย่า...”
พายัพยังพยายามจะรั้งมือตัวเองข้างที่จับมีดโกนนั้นอย่างสุดความสามารถ
“ไม่”
พายัพออกแรงดันมือข้างที่จับมีดโกนนั้นออกไปจนสุดแรง จนมีดโกนกระเด็นหลุดมือไปจนได้ในที่สุด เขาก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะทำงานในห้อง กระชากเปิดลิ้นชักโต๊ะแล้วคว้านหาตลับพระองค์เล็กๆ ที่ซุกอยู่ก้นลิ้นชักเอาขึ้นมาชูร่อนไปรอบๆตัวประมาณว่าผีเฟื่องเห็นพระในมือเขาก็ต้องกลัว ผีเฟื่องพอเห็นพระในมือพายัพที่ส่องแสงวาววาบขึ้น ก็รีบเอามือขึ้นป้องหน้ากรีดร้องแล้วหายตัวไปทันที พอผีเฟื่องหายตัวไปแล้ว พายัพก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงอยู่ตรงนั้นเอง
เนตรอัปสรประคองเชตะวันเข้าห้องมาพาไปที่เตียงดูแลให้เขานอนให้เรียบร้อย
“นอนซะนะคะ คุณควรพักให้เยอะๆค่ะ”
“แล้วคุณล่ะ”
“ฉันเป็นพยาบาลประจำตัวคุณนะคะ ฉันมีหน้าที่ดูแลคุณเวลาคุณหลับ แล้วฉันจะไปไหนได้”
เชตะวันมองเนตรอัปสรอย่างซาบซึ้ง
“ผมขอบคุณคุณอีกทีนะ...กับสิ่งที่คุณทำให้กับผมในวันนี้”
เนตรอัปสรพยักหน้ารับแล้วเอาเครื่องช่วยหายใจครอบใส่หน้าของเขา เชตะวันค่อยๆมองหน้าหญิงสาวอยู่นานจนหลับไป เนตรอัปสรมองเชตะวันที่หลับไปด้วยความอ่อนเพลียแล้วก็ถอนใจ
“คุณทำเวรทำกรรมอะไรกับใครมาน๊า...ถึงได้มีแต่เรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับคุณไม่หยุดไม่หย่อนอย่างนี้”
เนตรอัปสรมองเชตะวันอย่างรู้สึกสงสารจับใจ
เช้าวันใหม่...เชตะวันค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น แล้วรีบเหลียวหาเนตรอัปสรที่ที่นอนเฝ้า แต่ก็ไม่เห็นแล้ว เขารีบลุกขึ้นทันที...เชตะวันเดินตามหาเนตรอัปสรไปทั่วบ้าน แต่ไม่พบ เจออนงค์ที่ทำงานบ้านอยู่
“คุณเนตรอยู่ไหน”
“คุณพยาบาลออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ เธอให้ฝากบอกคุณเชตด้วยว่า...เธอขอไปธุระเดี๋ยวเดียว แล้วจะรีบกลับมาค่ะ”
“ธุระอะไรของเขานะ ออกไปแต่เช้า”
เชตะวันถอนใจเซ็ง
เชตะวันเดินกลับเข้ามาในบ้าน อาทิตย์เดินลงมาจากชั้นบนพอดี
“แผลเป็นยังไงบ้าง”
“พ่อสนใจด้วยเหรอ”
“เอ๊ะ...ไอ้นี่ ฉันอุตส่าห์ถามดีๆ ดันมาย้อนให้โมโหอีกโว๊ย”
“พ่อคงผิดหวังที่ผมไม่ตาย”
“ไอ้เชต ฉันเป็นพ่อแกนะโว๊ย ทำไมฉันถึงจะอยากให้แกตาย”
“ผมเกือบลืมไปแล้วนะครับว่าผมยังมีพ่อกับขาด้วย”
อาทิตย์โมโหเดือดตบหน้าเชตะวันผั๊วะ ตบแล้วก็รู้สึกเสียใจ เชตะวันยกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่ถูกพ่อตบ แล้วหัวเราะเสียงขื่น
“ขอบคุณที่ทำให้ผมเห็นว่า...พ่อยังมีอารมณ์กับผมอยู่ ไม่ได้เห็นผมเป็นหมาตัวหนึ่งในบ้านเท่านั้น ขอบคุณครับพ่อ”
อาทิตย์อารมณ์เสียใจกับเชตะวันสุดๆ ร้องฮึ่ยแล้วเดินปังๆออกไปเลย เชตะวันมองตาม
แล้วสีหน้าที่หยิ่งยโสที่เขาทำใส่พ่อเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นเศร้าเสียใจน้ำตาซึม เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจึงไม่รักเขาเลย
ในสถานปฏิบัติธรรม...เนตรอัปสรกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าคุณสรวง
“แม่สรวงบอกหนูหน่อยเถอะค่ะ...ชาติที่แล้วคุณเชตเธอไปทำเวร ทำกรรมอะไรกับใครไว้คะ ถึงได้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดไม่หย่อนอย่างนี้”
“เรื่องบางเรื่อง...แม้แม่จะรู้ หากมิใช่เรื่องของตัวแม่เองแม่ก็พูดไม่ได้ หาไม่จะประสบเคราะห์กรรมร้ายแรง แต่ถ้าเจ้าอยากรู้จริงๆ เจ้าก็สามารถจะรู้ได้...”
เนตรอัปสรแปลกใจ
“ยังไงคะคุณแม่...”
เนตรอัปสรอยู่ในท่านั่งสมาธิ โดยมีคุณสรวงคอยให้คำแนะนำอยู่ใกล้ๆ
“การทำสมาธิ จะทำจิตให้นิ่ง และหากจิตของเจ้านิ่งจนถึงระดับหนึ่ง เจ้าก็จะสามารถเห็นนิมิตได้ แต่ในการทำสมาธิครั้งแรกอย่างนี้ เจ้าอาจจะยังทำจิตให้นิ่งได้ยาก แต่แม่จะช่วย...”
คุณสรวงลงนั่งทำสมาธิตรงหน้าเนตรอัปสร ทั้งคู่หลับตา เนตรอัปสรฟังเสียงคุณสรวงนำทางการทำสมาธิ
“เจ้าจงกำหนดจิตให้อยู่ที่ลมหายใจ พุท...เข้า โธ...ออก พุท...เข้า...โธ...ออก...”
เนตรอัปสรวูบเข้าสู่อดีต ภาพนวลอยู่กับชุน ในอดีตชาติแว่บเข้ามาแล้วก็วูบออกอย่างรวดเร็ว...เนตรอัปสรลืมตาขึ้นตื่นตะลึง
“เนตรกับเขา...เคยเกิดร่วมชาติกันมาก่อน...จริงๆด้วยค่ะ แม่สรวง”
คุณสรวงพยักหน้า
“ใช่ ไม่เพียงแต่เจ้ากับเขาเท่านั้น...ที่เคยเกิดร่วมชาติกันมา แต่ยังมีคนอื่นอีก...”
เนตรอัปสรสงสัย
“คนอื่น...ใครกันคะแม่สรวง”
คุณสรวงไม่ตอบ
พายัพในสภาพย่ำแย่จากการโดนผีหลอกเมื่อคืน กำลังโทรศัพท์คุยกับพงษ์อยู่
“ไอ้พงษ์ เมื่อคืนมึงหายหัวไปไหนมา”
พงษ์นอนอยู่ในห้องพัก มีผ้าพันแผลตามตัวหลายแห่งกำลังพูดโทรศัพท์กับพายัพ
“ก็นังพยาบาลคนนั้นมันแสบนักกดแตรซะลั่น จนคนวิ่งมาดู ผมจึงจำเป็นต้องหนีถ้าไม่หนีก็มีหวังถูกจับ แต่ที่แย่ไปกว่านั่นอยู่ดีๆผมหนีมาได้แล้วเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้รถดันตกคูน้ำข้างทาง ผมจมน้ำเกือบตาย ดีที่ชาวบ้านแถวนั้นมาช่วยไว้ทันครับนาย”
“เออ...แกซวย ฉันก็ซวย เมื่อคืนฉันถูกผีหลอกอีกแล้ว”
พงษ์ชะงัก
“ผี...แต่หมอผี มันจับผีใส่ขวดไปแล้วนี่ครับนาย”
“กูก็ไม่รู้ แต่กูกำลังสงสัยว่า...ไอ้เชตมันเลี้ยงผีไว้คุ้มครองมัน แล้วที่มึงทำอะไรมันไม่ได้ก็อาจจะเป็นเพราะผีตัวนี้ช่วยมันอยู่ก็ได้ ไอ้พงษ์ มึงไปตามไอ้หมอผีคนเก่าคนนั้นมาที กูมีงานด่วนให้มันทำ ส่วนมึง...ไปกบดานอยู่ที่รีสอร์ต รอคำสั่งของกูต่อไป”
พายัพสั่งอย่างเครียดๆ
เนตรอัปสรเดินกลับเข้ามาในบ้านอย่างเหม่อลอย ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งได้รู้มาจากการนั่งสมาธิกับคุณสรวง
“แม่พูดไม่ได้ แต่แม่บอกได้...หลายคนในชีวิตหนูตอนนี้มีกรรมผูกพันกันมาตั้งแต่ชาติก่อน”
“งั้นถ้าหนูนั่งสมาธิ...หนูก็อาจจะเห็นนิมิตจากอดีตได้อีก ใช่มั๊ยคะ”
“ได้ ถ้าสมาธิดีพอ จิตนิ่งพอ”
“งั้นหนูจะนั่งสมาธิต่อค่ะ”
คุณสรวงจับมือเนตรอัปสรเป็นเชิงห้าม
“ตอนนี้ไม่ได้แล้ว หนูไม่ควรหักโหม ต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่เช่นนั้นหากเกิดอาการจิตอ่อนล้า อาจทำให้มีสิ่งไม่ดีเข้าแทรกจิตวิญญาณหนูได้ แล้วหนูจะเป็นอันตราย กลับบ้านเถอะ พักผ่อนให้เพียงพอ แล้วค่อยเริ่มนั่งสมาธิใหม่อีกครั้ง...”
“ค่ะคุณแม่...”
เนตรอัปสรคิดถึงเรื่องที่คุณสรวงบอกจนเดินชนกับเชตะวัน เขาคว้าตัวเธอไว้
“เดินเหม่อจริงคุณ ไปไหนมา”
“ไปนั่งสมาธิ”
เชตะวันแปลกใจ
“หือ...นั่งสมาธิ คุณนี่...มีอะไรให้ผมประหลาดใจอยู่เรื่อยเลยนะ ไปนั่งทำไม”
“ฉันอยากรู้...อะไรบางอย่าง”
เชตะวันจ้องหน้า
“เกี่ยวกับผม”
เนตรอัปสรพยักหน้า เชตะวันขำอย่างไม่เข้าใจอะไร
“อยากรู้เกี่ยวกับผม งั้นถามผมตรงๆก็ได้นี่”
“ไม่ได้ ตัวคุณเองก็ไม่รู้”
“เรื่องของตัวผม ทำไมผมจะไม่รู้”
“แล้วคุณรู้เหรอว่าทำไมชาตินี้คุณถึงเกิดมาแล้วเป็นโรคประหลาดอย่างนี้”
“ก็คนมันก็เป็นกันได้ คนมันจะเป็นให้ทำยังไงล่ะคุณ”
“ไม่ใช่ มันเป็นเพราะกรรมที่คุณทำในชาติที่แล้วต่างหาก และฉันจะต้องหาทางรู้ให้ได้ว่า...ฉัน...หรือคุณจะต้องทำยังไง คุณถึงจะหลุดพ้นจากกรรมนี้ได้”
เชตะวันมองเนตรอัปสรนิ่ง
“คุณเป็นห่วงผมเหรอ”
เนตรอัปสรนิ่ง ไม่ตอบ แต่เชตะวันยิ้มดีใจ เขารู้แล้วว่าเธอห่วงเขา ขณะเดียวกันนั้นที่มุมห้อง ผีเฟื่องยืนมองทั้งสองอยู่
“แต่กรรมระหว่างเรา...ไม่มีวันหลุดพ้นกันไปได้หรอก อีนวล ตราบใดที่ข้ายังไม่ได้ตัวชุนไป”
ผีเฟื่องตาวาววาบ
พายัพเรียกบวรมาสั่งงาน
“เดี๋ยวคืนนี้...ตอนดึกๆจะมีคนมาหาฉัน ช่วยรอเปิดประตูรับเขาด้วย แล้วอย่าให้ใครเห็นแขกคนนี้ของฉันนะ”
บวรส่งภาษาใบ้ถามใครหรือครับคุณพายัพ
“แกไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่า ถ้าเขามาแล้ว ก็พาเขาไปพบฉันที่ห้อง แล้วแกจะไปไหนก็ไป ไม่ต้องอยู่รอส่งแขก ฉันเสร็จธุระกับเขาแล้ว ฉันจะส่งเอง เข้าใจไหม”
บวรพยักหน้ารับ ในใจสงสัยว่าพายัพนัดใครมาหาดึกๆ
ค่ำนั้น...เนตรอัปสรดูแผลที่ซอกคอให้เชตะวันอีกครั้ง แล้วปิดพลาสเตอร์ใหม่ให้อย่างเรียบร้อย
“แผลแห้งเร็วดีเกินคาดค่ะ”
“ก็ผมมีพยาบาลดีน่ะ”
เชตะวันพูดพลางมองเนตรอัปสรตาเป็นประกาย เนตรอัปสรเห็นแววตาของเขาแล้วก็หน้าเก้อๆขยับตัวถอยห่างออกไป
“คุณแน่ใจเหรอคะว่า...จะไม่แจ้งความเรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายเชียวนะคุณ คุณน่ะ...เฉียดตายมานิดเดียวเองนะ”
เชตะวันยักไหล่อย่างไม่แคร์
“เฉียด แต่ก็ไม่ตายนี่ ผมไม่กลัวตายหรอกนะ บางที...ตายๆซะก็ดี จะได้พ้นทุกข์พ้นทรมานจากไอ้โรคบ้าๆที่เป็นอยู่นี่เสียที”
“คุณคิดอย่างงี้ไม่ได้นะ คุณรู้มั๊ยว่า...กว่าเราจะได้เกิดมาเป็นคน เป็นตัวเป็นตนอย่างเราในวันนี้ได้ มันยากนะ และในฐานะที่ฉันเรียนมาทางการช่วยชีวิตคน ฉันก็จะช่วยให้คุณมีชีวิตให้ยืนยาวที่สุด”
ผีเฟื่องที่ยืนอยู่มุมห้อง ตะโกนขึ้นมาทันที
“ไม่”
แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน ผีเฟื่องยิ่งคั่งแค้นใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“นอนเถอะคุณ พักผ่อนให้เยอะๆ แล้วคุณจะได้มีเรี่ยวแรงอาละวาดได้อีกนานๆไง”
เชตะวันทำท่าจะเถียง แต่เนตรอัปสรรีบเอาเครื่องช่วยหายใจครอบลงบนหน้าของเขาเสียก่อน แล้วทำตาดุ เป็นเชิงบังคับให้เขานอนแต่โดยดี เชตะวันยอมลงนอนแต่โดยดี เนตรอัปสรดูจนเขานอนเรียบร้อยแล้วก็เดินไปนอนที่นอนของตัวเองบ้าง
เธอปิดไฟ โดยมีผีเฟื่องยืนอยู่ที่ปลายเท้าแต่ห่างๆ
นางมารตอนที่ 19 (ต่อ)
ผีเฟื่องจ้องมองเนตรอัปสรอย่างเกลียดชัง
“ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ชุนมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไปอีกนานหรอก ข้าจะเอาชุนไปอยู่กับข้า ได้ยินมั๊ยอีนวล ข้าจะเอาชุนไปอยู่กับข้าให้ได้”
แล้วทันใดนั้นผีเฟื่องก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เธอหันขวับไปมองที่หน้าบ้านทันที แล้วก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
บวรเดินนำหมอผีเข้ามาในบ้าน ตามทางมืดๆไม่เปิดไฟ หมอผีกวาดตามองไปรอบๆบ้าน รับรู้ได้ว่าในบ้านนี้มีวิญญาณร้ายอยู่ แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรผิดปกติ หมอผีเดินตามบวรขึ้นตึกไป ผีเฟื่องตามหมอผีขึ้นไปบนตึกด้วย
บวรพาหมอผีมาหาพายัพในห้อง
“แกไปได้แล้วบวร แล้วไม่ต้องให้ใครขึ้นมายุ่มย่ามบนตึกนี่อีก ไป”
บวรสงสัยแต่ต้องเดินออกไป แต่ไม่วายเหลียวมองดูหมอผีอีกครั้งอย่างสงสัยว่าเขาคือใครกัน พายัพถึงได้ให้เข้ามาในบ้านอย่างลับๆ ล่อๆ อย่างนี้ พอบวรเดินออกไป พายัพก็รีบพูดเข้าเรื่องทันที
“อาจารย์ ไหนอาจารย์ว่า...อาจารย์จัดการเก็บอีผีร้ายที่รีสอร์ตนั่นลงขวดไปแล้วไง ทำไมมันถึงตามมาทำร้ายผมถึงที่บ้านที่กรุงเทพนี่ได้อีกล่ะ”
“มันไม่ใช่ผีตัวเดียวกัน”
พายัพหน้าตื่น
“ฮ้า อะไรนะทำไมผีมันเยอะจังล่ะ แล้วทำไมมันถึงมุ่งร้ายเล่นงานผมจนเกือบตายยังงี้ละอาจารย์”
“มันอาฆาตเอ็ง เอ็งพลั้งเผลออีกเมื่อไหร่ มันก็จะเล่นงานเอ็งอีก”
“ก็เพราะยังงี้ไง ผมถึงได้ให้ไอ้พงษ์มันโทรตามตัวอาจารย์มาอย่างด่วนเลย อาจารย์ทำยังไงก็ได้นะที่จะกำจัดอีผีบ้านี่ไปให้พ้นๆผม”
หมอผีพยักหน้า พายัพยิ้มดีใจ ทันใดนั้นเสียงมือถือพายัพดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมากดรับ
“ว่าไงไอ้พงษ์”
พงษ์อยู่ที่บ้านพักพายัพในรีสอร์ต...
“หมอผีไปถึงบ้านนายเรียบร้อยมั๊ยครับ”
“เรียบร้อย นี่กำลังเตรียมพิธีอยู่ ทางโน้นเป็นยังไงบ้าง”
“ตำรวจมันยังส่งคนมาด้อมๆ มองๆ ในรีสอร์ตเราอยู่เลยครับนาย มันกัดเราไม่ปล่อยจริงๆ แล้วขืนยังเป็นยังงี้อยู่ เราคงมีปัญหาในการส่ง สินค้า ล็อตต่อไปแน่ๆเลยครับ”
พายัพหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“เอาไว้ให้ฉันเสร็จธุระเรื่องไอ้ผีบ้านี่ก่อน แล้วฉันจะหาทางจัดการเรื่องทางโน้นเอง”
“เอ้อ...นายครับ คุณสิทธิ์มาถึงที่นี่เรียบร้อยแล้วครับนาย”
“เออ ฝากดูแลด้วยละกัน เพราะต่อไปมันจะเป็นคนของเราแล้ว”
“ได้ครับนาย”
ผู้ช่วยหมอผีเอายันต์ติดเหนือหน้าต่างประตูทางเข้าออกทุกทางไว้แล้ว เหลือไว้แค่หน้าต่างบานเดียวที่เปิดไว้และไม่ติดยันต์ หมอผี ผู้ช่วย และพายัพนั่งหันหน้าไปทางหน้าต่างที่เปิดค้างไว้นั้น หมอผีเริ่มสวดบริกรรมคาถา ครู่เดียวไฟในห้องก็เริ่มติดๆ ดับๆ แล้วในที่สุดก็ดับไปเลย คงเหลือแสงสว่างจากเทียนที่จุดอยู่ตรงหน้าหมอผีเท่านั้น ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูน่ากลัวมากขึ้น หมอผีเริ่มพิธี
“วิญญาณใดที่สถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จงมาปรากฏตัวตรงหน้ากู...บัดเดี๋ยวนี้”
ไม่มีใครปรากฏตัวตามสั่ง แต่ในห้องที่ปิดทึบนั้นมีลมพัดหมุนอย่างรุนแรงผิดปกติ จนเทียนที่จุดไว้ก็ดับลง พายัพเขยิบไปนั่งติดกับผู้ช่วยหมอผีโดยไม่รู้ตัว หมอผีเอาแส้อาคมขึ้นมาฟาดลงบนพื้นตรงหน้าอย่างแรง
“กูสั่งให้มา มึงต้องมา”
ทันใดนั้น ข้าวของในห้องพายัพก็เริ่มล้มลงเหมือนโดนมือคนปัดให้ตก จากตรงมุมโน้นบ้าง มุมนี้บ้าง หมอผีฟาดแส้อาคมแรงขึ้น
“จงมาเดี๋ยวนี้”
และแล้วผีเฟื่องก็พุ่งตัวเข้ามาทางหน้าต่างบานที่เปิดไว้ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้หมอผี
“มึงเรียกกูมาทำไม”
พายัพถอยกรูดไปจนชิดผนังด้วยความกลัว ขณะที่ผู้ช่วยเอาขวดแก้วแบบเดียวกับที่เคยเก็บวิญญาณผีเดือนไปแล้วมาส่งให้หมอผีอย่างรู้งาน หมอผีรับขวดมาแล้วเอาครอบลงบนหัวผีเฟื่อง ผู้ช่วยรีบเข้าไปช่วยกดขวดแก้วลงบนหัวผีเฟื่องอีกแรง ขวดแก้วอาคมเริ่มดูดวิญญาณผีเฟื่องเข้าขวด แต่ผีเฟื่องไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ดิ้นสู้อย่างแรงจนข้าวของในพิธีกระจาย รวมทั้งย่ามของหมอผีด้วย ขวดแก้วที่ใส่วิญญาณเดือนกลิ้งหลุดออกมาจากย่าม ผีเฟื่องยังดิ้นสู้อยู่ หมอผีกับผู้ช่วยก็กดขวดแก้วที่หัวผีเฟื่องไม่ยอมปล่อย ผีเฟื่องดิ้นตูมๆ พายัพโดดหนีด้วยความกลัวเท้าของเขาเหยียบลงบนขวดแก้วที่ใส่วิญญาณผีเดือนไว้จนแตก ทันใดนั้นวิญญาณผีเดือนก็พุ่งออกมาจากขวดแก้วที่แตก พายัพตกใจสุดขีด
“เฮ้ย”
ผีเดือนหันไปมองที่หมอผีกับผู้ช่วย เห็นขวดแก้วกำลังดูดวิญญาณผีเฟื่องจะเข้าขวดได้แล้วก็ตกใจ
“คุณหนู”
ผีเดือนก็รวบรวมกำลัง พุ่งเข้ากระแทกหมอผีกับผู้ช่วยสุดแรงทั้งสองล้มระเนระนาดไป ขวดแก้วที่จะใส่ผีเฟื่องหลุดจากมือหมอผีตกแตกกระจาย ผีเดือนเห็นเป็นจังหวะดี คว้ามือผีเฟื่องแล้วฉุดให้พุ่งออกนอกหน้าต่างบานที่เปิดค้างไว้นั้นด้วยกัน ทันทีที่ผีเฟื่องและผีเดือนหลุดออกนอกห้องไปแล้ว ไฟในห้องก็สว่างพรึ่บขึ้นทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิมเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น พายัพงง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นอาจารย์”
“มันหนีไปได้ ทั้งสองตัว”
“สองตัว หมายความว่าไงอาจารย์”
“ก็ตัวที่อยู่ในบ้านนี้ กับตัวที่จับมาจากที่รีสอร์ตน่ะสิ มันหนีไปได้ทั้งสองตัว”
พายัพเซ็ง
“โธ่โว๊ย งั้นก็รีบตามไปจับมันสิอาจารย์”
“คืนนี้คงไม่ได้แล้ว มันหนีไปไหนก็ไม่รู้”
“อ้าว...อาจารย์ พูดง่ายๆยังงี้เลยเหรอ”
“ก็เอ็งอยากทำขวดอาคมข้าแตกทำไมล่ะ มันก็เลยออกมาช่วยกันน่ะสิ ความผิดของเอ็งนั่นแหละ”
“งั้นอาจารย์ก็ทำอะไรสักอย่างสิ ไม่งั้นมันต้องย้อนกลับมาหักคอผมแน่ ตัวเดียวยังสู้มันไม่ได้เลย นี่มันรวมตัวกันสองตัว ผมตายแน่อาจารย์”
“ไม่ตายหรอก ถ้าเอ็งเอาพระมาห้อยไว้ อย่าให้พระหลุดจากตัวเป็นอันขาด ผีมันทำอะไรเอ็งไม่ได้หรอก ถ้าเอ็งมีพระติดตัวอยู่ แล้วยังไงๆ ข้าก็จะต้องจับอีผีทั้งสองตัวนั่นให้ได้ มันหนีข้าไม่พ้นหรอก”
หมอผีสีหน้ามุ่งมั่นมาก ในขณะที่พายัพสีหน้าสุดเซ็ง
ผีเฟื่องมองผีเดือนที่ก้มกราบ ผีเฟื่องกอดด้วยความดีใจที่ได้พบกันอีก จากร่างผีทั้งสองก็กลายเป็นร่างคนปกติในอดีต
“เดือน...เอ็งมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“บ่าวถูกพวกไอ้พันมันให้หมอผีจับบ่าวใส่หม้อถ่วงน้ำไว้สองร้อยกว่าปี จนกระทั่งบ่าวหลุดออกมาได้ แต่ก็มาถูกไอ้หมอผีคนนี้มันมาจับไว้ได้อีกเจ้าค่ะคุณหนู”
“ถ้าเช่นนั้น...ตอนนี้เอ็งเป็นอิสระแล้ว ก็จงไปสู่ภพภูมิที่สมควรเสียโดยเร็วเถิด”
“ไม่เจ้าค่ะ บ่าวจะไม่ไปไหน บ่าวจะต้องเอาวิญญาณไอ้คนชั่วที่มันทำให้บ่าวต้องตายไปด้วยพร้อมกัน ทั้งไอ้พัน ไอ้เพียรแล้วก็ไอ้สิงห์เจ้าค่ะ” เดือนมองเฟื่องอย่างแปลกใจ “แล้วคุณหนูเล่าเจ้าคะ ทำไมคุณหนูถึงยังไม่ไปสู่ภพภูมิที่ควรล่ะเจ้าคะ”
“ข้าก็ยังไปไหนไม่ได้เหมือนกันละนังเดือน จนกว่า...ชุนจะไปพร้อมกันกับข้าด้วย”
เดือนอึ้ง
“คุณหนู”
เฟื่องกับเดือนกอดกันร้องไห้
เช้าวันใหม่เชตะวันลืมตาตื่นขึ้น เขาเหลียวไปมองยังที่นอนเนตรอัปสรทันทีเห็นที่นอนถูกจัดเก็บเข้าที่เรียบร้อยแล้ว เชตะวันขมวดคิ้วแล้วรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที
เนตรอัปสรมาใส่บาตรกับอนงค์และบวรก่อนพระรูปสุดท้ายจะมา เชตะวันก็เดินเข้ามาหา เนตรอัปสรพอเห็นเชตะวันก็ยิ้ม
“ตื่นแล้วหรือคะคุณเชต งั้นก็มาใส่บาตรด้วยกันสิคะ”
เชตะวันทำหน้าลังเล ไม่ค่อยสนใจเรื่องทำบุญ แต่เนตรอัปสรวิ่งเข้าไปดึงแขนเขาให้เข้ามาร่วมวงใส่บาตรด้วยกัน เชตะวันจำใจใส่บาตรให้กับพระรูปสุดท้ายพอดี เนตรอัปสร บวรและอนงค์ยิ้มพอใจ
เนตรอัปสรพาเชตะวันมากรวดน้ำหลังใส่บาตร เธอส่งถ้วยน้ำให้
“กรวดน้ำค่ะคุณเชต”
เชตะวันทำตามที่เธอบอกทุกอย่าง แล้วเธอก็บอกให้เขาพูดตาม เขาก็พูดตามเธอเป็นอย่างดี
“ข้าพเจ้า...ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้ทำในวันนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าในสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยล่วงเกินมา ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ขอให้เลิกแล้วต่อกันด้วยเถิด...”
เชตะวันกรวดน้ำลงที่โคนต้นไม้ใหญ่อย่างตั้งใจ ผีเฟื่องยืนอยู่ด้านหลังของเขายกมือขึ้นปิดหู ไม่อยากฟัง
“ไม่...ข้าไม่รับ” แล้วผีเฟื่องก็หันไปจ้องหน้าเนตรอัปสรอย่างแค้นเคือง “อีนวล...มึงเสือกนัก คิดจะให้ชุนขับไสไล่ส่งข้างั้นรึ”
เนตรอัปสรพูดนำเชตะวัน
เนตรอัปสรพูดนำเชตะวัน
“ขอให้เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีด้วยเถิด...สาธุ...”
ผีเฟื่องปิดหูส่ายหน้าปฏิเสธไม่รับบุญที่เชตะวันกำลังทำอยู่
“ไม่...ข้าไม่ไป” ผีเฟื่องตะโกนก้อง “ข้า-ไม่-ไป”
ผีเฟื่องหายตัวไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องเลย
เชตะวันกับเนตรอัปสรเดินกลับเข้าบ้านมา เชตะวันยิ้มแย้ม
“นานๆทำบุญที สบายใจดีเหมือนกันแฮะ”
“คุณใส่บาตรครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่เหรอ”
เชตะวันพยายามคิด
“จำไม่ได้”
“คุณนี่...คนบาปดีแท้ กิน เที่ยว ไปวันๆ งานการก็ไม่รู้จักทำ”
“ใครว่าไม่ทำ วันนี้ผมจะทำงาน”
“คุณจะไปทำงานเหรอ”
“ไม่...ทำที่บ้านนี่แหละ เดี๋ยวนี้เครื่องมือสื่อสารมีไม่รู้กี่ชนิด ไม่ต้องออกจากบ้านก็ทำงานได้ เป็นไง ผมเป็นคนดียัง ส่วนคุณ...คุณอยากทำอะไรก็ไปทำเถอะ ผมให้เวลาส่วนตัวคุณ”
เนตรอัปสรพยักหน้ารับ
เนตรอัปสรนั่งเหม่อคิดอะไรบางอย่างอยู่มุมหนึ่งในบ้านเชตะวัน เธอนึกถึงตอนที่นั่งสมาธิจนมองเห็นอดีตชาติของนวลกับชุน เนตรอัปสรมุ่งมั่น
“ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่า...มันเกิดอะไรขึ้นในอดีตชาติและคุณกับฉันมีกรรมผูกพันอะไรกับใคร”
เนตรอัปสรเริ่มนั่งสมาธิอย่างตั้งใจ เชตะวันเดินมาแอบมองอยู่ไกลๆ เขาเห็นเธอกำลังนั่งสมาธิอยู่ก็ส่ายหน้า ขำๆ
“ยายพยาบาลจอมเพี้ยน...”
เชตะวันเดินออกไป
เนตรอัปสร นั่งสมาธิจนเห็นภาพ ชุนกับนวลนอนคว่ำอยู่ที่พื้น ทั้งสองพยายามลุกคลานมาหากันแม้ร่างอ่อนแรง ทั้งคู่มานอนข้างๆกัน
“อดทนไว้นะชุน อดทนไว้”
“เจ้าอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะนวล ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”
“ขอบใจที่ยอมทำเพื่อข้า”
นวลใกล้หมดลม กลั้นใจพูดคำอธิษฐานสุดท้าย...เนตรอัปสรที่นั่งสมาธิอยู่ เริ่มตัวสั่น มีอารมณ์และจิตใจร่วมไปกับตัวตนของเธอเองในอดีต
“ถ้าชาติหน้าหรือชาติใดมีจริง ขอให้เราได้เจอกัน ขอให้ข้าได้รักเจ้าเช่นนี้อีก...”
เนตรอัปสรน้ำตาไหลพรากทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ในสมาธิ
“และขอให้เจ้าได้...หันมารักข้าบ้างสักครั้ง”
ขาดคำนวลก็สิ้นลม ชุนตกใจ
“นวล”
เนตรอัปสรฟุบหน้าลงแล้วสลบไปเลย
เชตะวันกำลังนั่งทำงานงานอยู่คนเดียวเงียบๆ สักครู่แซลลี่ก็วิ่งเข้ามาหา เห็นเชตะวันยังมีพลาสเตอร์ปิดแผลอยู่ที่ต้นคอ ก็เข้าไปดูอย่างเป็นห่วง
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกคะเชต ทำไมแซลลี่มาพบคุณทีไร คุณต้องมีเรื่องเจ็บเนื้อเจ็บตัวทุกทีเลย” แซลลี่เหลียวหาเนตรอัปสร “แล้วนังพยาบาลคนเก่งของคุณละคะ ทำไมไม่คอยอยู่ดูแลคุณล่ะ”
“ผมกำลังทำงาน ก็เลยสั่งให้เขาพักอยู่ตอนนี้”
แซลลี่เบ้ปาก
“ดีจังเลยนะคะ เป็นพยาบาลส่วนตัวของคุณ ได้มีเวลาอยู่ใกล้ชิดกับคุณตลอดเวลาแบบนี้ไม่กลัวจะใจอ่อนชอบพยาบาลตัวเองเข้าสักวันเหรอคะ”
เชตะวันจากก้มหน้าทำงาน เงยหน้าขึ้นมามอง
“คุณเคยเห็นผมชอบใครจริงเหรอ”
แซลลี่หัวเราะดีใจ
“จริงด้วย คนอย่างเชตไม่เคยชอบใครจริงอยู่แล้ว ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปใช่ไหมคะ”
“ใช่ นั่นมันที่ผ่านมา แต่คนนี้ไม่แน่ผมอาจจะชอบจริง”
แซลลี่หุบยิ้มหน้าเจื่อนทันที
“ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรกับผม ซึ่งคุณก็คงไม่มีนั่นแหละ เชิญคุณกลับไปได้แล้วแซลลี่ ผมจะรีบทำงาน”
แซลลี่มองเชตะวันตาคว่ำอย่างโมโห ที่เขาไม่ใยดีเธอเลยแล้วแซลลี่ก็เดินปังๆกลับไป พอจะเดินหลุดไป เชตะวันก็ถอนใจอย่างเบื่อหน่าย
แซลลี่เดินปึงปังออกมาจากห้องเชตะวันเดินผ่านหน้าผีเฟื่องไปโดยไม่รู้ตัว ผีเฟื่องมองตามแซลลี่ไปอย่างแค้นเคือง
“อีสร้อย...มึงก็อีกคน...ที่ชอบมายุ่งกับผัวกู”
ผีเฟื่องพุ่งร่างตามแซลลี่ไปติดๆ แล้วพอแซลลี่เดินไปถึงหัวบันได ผีเฟื่องก็ยกเท้าขึ้นถีบ
แซลลี่เต็มแรง จนหน้าคว่ำ แซลลี่ร้องกรี๊ดขณะที่ถลาตกบันไดไป พายัพพุ่งเข้ามาคว้าตัวแซลลี่เอาไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะล้มฟาดไป แซลลี่ตื่นตกใจสุดขีด
“มีใคร...ถีบ...แซลลี่...ก็ไม่รู้ค่ะ พี่ยัพ”
แซลลี่หันกลับไปมองบนบันได แต่ก็ไม่เห็นใคร พายัพมองตามกลัวว่าจะเป็นผีเหมือนกัน
“พี่ไม่เห็นใครเลยนะ แล้วเจ็บตรงไหนหรือป่าว”
“เจ็บกายไม่เจ็บเท่าเจ็บที่ใจนะสิคะพี่พายัพ”
แซลลี่หน้าหงิกขึ้นมาทันที พายัพมองหน้าหงิกงอของแซลลี่ก็เดาเรื่องได้
“ทะเลาะกับนายเชตมาอีกล่ะสิ”
แซลลี่เบ้ปากอย่างสุดเซ็ง
“เชตเปลี่ยนไปมากเลยค่ะพี่ยัพ ท่าทางจะหลงนังพยาบาลคนใหม่นั่นมาก”
“ก็น่าจะหลงอยู่หรอก เพราะพยาบาลคนนี้ ไม่เหมือนคนไหน”
แซลลี่ชะงักจ้องหน้าพายัพอย่างสงสัย
“อย่าบอกนะคะว่า...พี่ยัพเองก็หลงเสน่ห์แม่นั่นเหมือนกัน”
พายัพเงียบ แซลลี่ยิ้ม
“ทำหน้าอย่างงี้...แน่แล้ว ฮึ แม่นั่นมันมีอะไรดีนักนะคะ ผู้ชายถึงได้หลงมันกันหัวปักหัวปำทั้งพี่ทั้งน้องอย่างนี้” แล้วเธอนึกอะไรได้ “พี่ยัพอยากได้แม่นั่นมั๊ยคะ”
“ถามทำไม”
“ถ้าพี่ยัพอยากได้มัน แซลลี่มีวิธีค่ะ”
พายัพทำหน้าสนใจ แซลลี่ยิ้มร้าย
“ถ้าเรามาร่วมมือกัน พี่ยัพก็จะได้ตัวนังพยาบาลนั่นไป แซลลี่ก็จะได้เชตกลับคืนมา เราก็วิน-วินด้วยกันทั้งสองฝ่ายเลยเป็นไงคะ...สนใจจะร่วมมือกับแซลลี่ไม๊ละคะพี่ยัพ”
แซลลี่มองหน้าพายัพคาดคั้นเอาคำตอบ พายัพแววตาสนใจยิ่ง
“แล้วแซลลี่มีแผนยังไง”
แซลลี่ยิ้ม
“ไม่ยากค่ะ แค่พี่ยัพช่วยแยกเชตกับนังพยาบาลคนนั้นให้ห่างกันชั่วคราวก่อน...แล้วแซลลี่ก็จะวางยานังพยาบาลนั่น แล้วก็เชิญพี่ยัพสนุกกับมันตามสบาย...แล้วแซลลี่ก็จะยอมรับผิดกับเชต...ว่าแซลลี่เป็นคนวางยานังพยาบาลนั่นเอง เพราะหึงหวงเชต...ส่วนพี่ยัพ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว...พี่ยัพก็มีหน้าที่แค่แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ขอรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้นซะ แค่นี้...พี่ยัพก็จะได้นังพยาบาลนั่นไปครอบครองสมใจ ส่วนแซลลี่ก็จะได้เชตกลับคืนมา เป็นไงคะ แผนของแซลลี่ พี่ยัพจะเล่นด้วยมั๊ยล่ะคะ”
พายัพไม่ตอบ แต่ยิ้มเป็นเชิงตกลง แซลลี่ยิ้มตอบ แล้วยื่นมือให้จับ พายัพยื่นมือออกไปจับมือแซลลี่
สองคนจับมือกันเป็นเชิงทำสัญญาที่จะทำแผนร้ายร่วมกัน
โปรดอ่านต่อตอนที่ 20
นางมาร ตอนที่ 20
วันใหม่...เนตรอัปสรกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสวน สักครู่พายัพก็เดินกุมหัวเข้ามาหน้าไม่ดี เนตรอัปสรเห็นก็ทัก
“เป็นอะไรคะคุณพายัพ ไม่สบายรึเปล่า”
“ปวดหัวครับ ปวดหัวมาก รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด”
“แล้วคุณพายัพทานยารึยังคะ”
“เมื่อคืนทานไปหลายเม็ดแล้วครับ แต่ไม่ดีขึ้นเลย แต่เช้านี้ยังไม่ได้กินครับ”
“ขอโทษนะคะ” เนตรอัปสรเอามือลองอังที่หน้าผากพายัพ “ตัวก็ไม่ร้อนนะคะ”
พายัพแก้ตัว
“แต่ผมปวดหัวจริงๆนะครับ ไม่เคยปวดอย่างนี้เลย...”
เชตะวันนั่งทำงานอยู่อย่างคร่ำเคร่งแล้วมือถือของเขาก็ดังขึ้น เชตะวันกดรับ
“ว่าไงนะคุณสา...” เซตะวันถอนใจเซ็ง “คุณลืมได้ยังไง โอเคๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้...”
เชตะวันมองหาเนตรอัปสรไม่เห็น ก็เดินออกไปหา เขาเดินมองหาไปทั่วพร้อมตะโกนเรียก
เนตรอัปสรยังดูอาการพายัพอยู่ ได้ยินเสียงเชตะวันร้องเรียกเธอ
“คุณเนตร...”
เนตรอัปสรหันไปมองทางเสียงเชตะวัน แล้วก็หันกลับมาบอกพายัพ
“คุณเชตตามล่ะ เดี๋ยวฉันมานะคะ”
พายัพพยักหน้า แต่พอเนตรอัปสรจะวิ่งไป เขาก็แกล้งร้องโอ๊ย คล้ายเจ็บปวดมาก เนตรอัปสรตกใจ
“คุณพายัพ”
“ไปเถอะครับ ถ้าช้า เดี๋ยวนายเชตเขาจะโมโห คุณจะซวย แล้วก็อย่าให้เขารู้เลยนะครับว่าคุณอยู่กับผมตรงนี้ นายเชตเขาหวงคุณ ถ้าเขารู้ว่าคุณอยู่กับผม มีหวัง...มีเรื่องกันอีก”
“ค่ะ...ค่ะ”
เสียงเซตะวันยังคงดัง
“คุณเนตร...”
เนตรอัปสรตัดสินใจ
“รอฉันแป๊บเดียวค่ะ เดี๋ยวฉันมา”
พอเนตรอัปสรวิ่งไป พายัพก็แอบยิ้ม แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด ท่าทางไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย
“เดินตามแผนต่อได้เลยแซลลี่”
รถแซลลี่จอดอยู่ข้างทาง เธอกำลังพูดโทรศัพท์กับพายัพ
“พี่พายัพแน่ใจได้ยังไงคะว่านังพยาบาลนั่น...มันจะตกหลุมพรางเรา”
“พี่มั่นใจแซลลี่ เพราะคุณเนตรเป็นคนขี้สงสาร แล้วก็เป็นห่วงคนอื่น เมื่อเขารู้ว่าพี่ไม่สบาย เขาไม่กล้าทิ้งพี่ออกจากบ้านไปกับไอ้เชตหรอก เชื่อพี่สิ เดินตามแผนเราต่อได้เลยแซลลี่”
พูดจบพายัพก็กดตัดสาย แล้วยิ้มอย่างมั่นใจว่าแผนจะสำเร็จ
เนตรอัปสรวิ่งเข้ามาหาเชตะวัน
“มีอะไรรึคะคุณเชต”
“คุณสา...เลขาผมโทรมาบอกว่ามีเอกสารด่วนจะต้องเซ็น แต่ถ้าให้มอเตอร์ไซค์เอามาส่งให้เซ็นที่นี่ แล้วเอากลับไปที่โรงแรม มันจะช้าเกินไป ผมก็เลยต้องออกไปเซ็นเอกสารที่โรงแรมเลยไป...คุณไปกับผม”
“เอ่อ...ฉันไม่ไปได้มั้ยคะ”
“ทำไม”
“เอ่อ...คือฉันกำลังทำขนมอยู่ในครัวติดพันอยู่น่ะ แล้วคุณก็จะรีบไป รีบกลับไม่ใช่เหรอ แล้ววันนี้ก็ดูคุณสบายดี ไม่ได้เป็นอะไร คุณออกไปคนเดียวก็แล้วกันนะคะ ฉันไปด้วย ก็จะเกะกะคุณเปล่าๆ ขอฉันอยู่บ้านละกัน นะคะ”
เชตะวันนิ่งคิดไปนิดหนึ่ง
“ก็ได้ๆ แต่...คุณห้ามออกไปไหน เพราะผมรีบไปรีบกลับ เข้าใจไหม”
“เข้าใจคะคุณเชต ขอบคุณนะคะ”
เชตะวันถอนใจเดินออกไปเลย เนตรอัปสรยิ้มดีใจแล้วรีบวิ่งกลับไปหาพายัพทันที
พายัพพอได้ยินเสียงเนตรอัปสรวิ่งกลับมา ก็รีบกุมหัวทำท่าปวดหัวต่อทันที
“คุณพายัพคะ ฉันว่า...ฉันพาคุณไปนอนพักก่อนดีกว่า แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ฉันจะโทรตามหมอก้องเพื่อนฉัน ให้มาดูอาการคุณอีกทีนะคะ ไปค่ะ ไป”
เนตรอัปสรประคองพายัพไป พายัพยอมให้ประคองไปแต่โดยดี เธอพาเขามาที่ห้อง
“นอนพักก่อนนะคะ ฉันจะไปเอาแก้ปวดมาให้คุณ”
เนตรอัปสรเดินออกไป พายัพยิ้มร้ายแล้วรีบกดโทรศัพท์โทรออกทันที
“คุณสาเหรอ นายเชตมันออกไปที่โรงแรมแล้วนะ คุณทำดีมาก เดี๋ยวบ่ายนี้ผมจะโอนเงินอีกครึ่งที่เหลือให้นะ แล้วถ้าเกิดนายเชตมันจับได้แล้วไล่คุณออก ผมจะหางานใหม่ให้คุณเอง คุณไม่ต้องกลัว...”
อนงค์ทำงานกันอยู่ในครัว แซลลี่เดินถือถุงของเข้ามาทำเป็นแกล้งถามอนงค์
“เชตอยู่ห้องไหนเหรออนงค์”
“อ้าว คุณแซลลี่ คุณเชตไม่อยู่หรอกค่ะ เพิ่งออกไปเมื่อกี๊นี้เอง คุณแซลลี่ไม่ได้สวนกับคุณเชตหรอกหรือคะ”
“ไม่นี่ โธ่...ฉันก็นึกว่าเขาอยู่ อุตส่าห์ซื้อกระเพาะปลามาฝาก เอ้า...แล้วมีใครอยู่บ้างล่ะเนี่ย”
“คุณพายัพ กับคุณพยาบาลอยู่ค่ะ”
“เออๆ งั้นแกเอากระเพาะปลาเนี่ยใส่ถ้วยเอาไปให้พี่พายัพกับแม่พยาบาลคนนั้นที ฉันจะได้ไม่เสียเที่ยวอุตส่าห์ซื้อมาเปล่าๆ กำลังร้อนๆเลย”
“ค่ะๆ”
อนงค์รับถุงของมาแล้วเอาใส่ถ้วย แซลลี่มองแล้วยิ้มอย่างพอใจ แล้วเดินขึ้นบ้านไป
เนตรอัปสรจัดยาให้พายัพ
“นี่ยาทานหลังอาหารรึเปล่าครับ แต่ว่าผมยังไม่ได้กินอะไรเลยเช้านี้”
“อ้าว...งั้นเดี๋ยวฉันออกไปหาอะไรมาให้กินนะคะ”
เนตรออกไปจากห้อง พายัพมองตามแล้วยิ้มๆ เป็นไปตามแผน
อนงค์เดินถือถาดใส่ชามกระเพาะปลามา เนตรอัปสรเดินมาพอดี
“นั่นอนงค์จะเอาอะไรไปให้ใครจ๊ะ”
“กระเพาะปลาค่ะ จะเอาไปให้คุณยัพ กับคุณพยาบาลอยู่พอดีเลยค่ะ”
“ดีเลย งั้นฉันเอาไปให้คุณยัพเอง ขอบใจนะจ๊ะ”
เนตรอัปสรรับถาดอาหารไปแล้วรีบเดินเอากลับไปที่ห้องพายัพ
เนตรอัปสรเดินถือถาดเข้ามาให้พายัพ
“โชคดีเลยค่ะคุณพายัพ อนงค์กำลังจะเอากระเพาะปลามาให้พอดีเลย ...ทานซะนะคะ แล้วจะได้ทานยา”
“งั้นคุณเนตรมาทานพร้อมกันกับผมเลยได้ไหมครับ จะได้ทานเป็นเพื่อนกัน นะครับ”
เนตรอัปสรพยักหน้ารับ ทั้งคู่เริ่มกิน พายัพมองเนตรอัปสรอย่างรอเวลา
แซลลี่เดินไปมาอย่างกระวนกระวาย สลับกับดูนาฬิกา บวรผ่านมาเห็นพอดี มองอย่างสงสัยว่าทำไมแซลลี่มายืนคอยอะไร ดูมีพิรุธ
ด้านพายัพมองเนตรอัปสรไม่วางตา
“อ้าว ทานสิคะคุณพายัพ เดี๋ยวจะได้ทานยา เอ๊ะ ไม่ปวดหัวแล้วหรือคะ”
“ค่อยยังชั่วแล้วครับ”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรจะต้องกินยาค่ะ เดี๋ยวกำเริบขึ้นมาอีกจะแย่นะคะ”
พายัพพยักหน้า แกล้งทำเป็นกิน แล้วจู่ๆเนตรอัปสรก็มีทีท่ามึนงงขึ้นมามองอะไรก็เบลอๆ หมุนๆ ไปหมด
“คุณเนตรเป็นอะไรไปครับ”
“ไม่ทราบสิคะ อยู่ๆ ฉันก็เวียนหัวขึ้นมากะทันหัน...อือ”
สายตาของเนตรอัปสรมองรอบตัวหมุนเร็วๆขึ้น เธอพยายามสะบัดหน้าเรียกสติ แต่แล้วก็ฝืนไม่ไหว ในที่สุดก็หมดสติไป พายัพรีบคว้าตัวเอาไว้ก่อนที่จะล้มตกเก้าอี้ไป พายัพประคองเนตรอัปสรไว้แล้วยิ้มสมใจ
อนงค์ยังทำงานอยู่ในครัว บวรเดินเข้ามา บวรส่งภาษาใบ้ว่า...วันนี้คุณแซลลี่ เธอท่าทางแปลกๆ
“คุณแซลลี่นะเหรอ แปลกยังไงน้า”
บวรส่งภาษาใบ้ตอบว่าบอกไม่ถูก เห็นแกเดินกลับไปกลับมา ท่าทางกระวนกระวายชอบกล เหมือนกำลังรออะไรอยู่ อนงค์พยักหน้า
“อ๋อ เธอคงรอคุณเชตไงล่ะน้า แต่เอ๊ะ...แกก็รู้นี่ว่าคุณเชตไม่อยู่ เอ๊ะ หรือว่าแกจะเอาอะไร งั้นเดี๋ยวฉันไปดูแกก่อนดีกว่านะน้า แกอยากได้อะไรจะได้หาถวายให้ทันใจ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนแกเหวี่ยงเอาอีก”
อนงค์ออกไป แต่บวรยังรู้สึกกังวลใจอยู่
อนงค์เดินมาหาแซลลี่ แล้วหยุดดูอยู่ห่างๆ เห็นแซลลี่ท่าทางกระวนกระวาย มองดูนาฬิกาอยู่สักพัก ก็เลิกกระวนกระวาย เปลี่ยนเป็นยิ้ม แล้วเดินไป อนงค์สงสัย แอบเดินตามไป โดยแซลลี่ไม่รู้ตัว
พายัพอุ้มร่างไร้สติของเนตรอัปสรมาที่เตียง แล้วยิ้มพอใจสักครู่แซลลี่ก็เดินเข้ามา พอแซลลี่เห็นพายัพอยู่บนเตียงกับเนตรอัปสรแล้วก็ยิ้ม อนงค์แอบตามมาหลบดูเหตุการณ์อยู่ที่มุมบ้าน แซลลี่พึงพอใจมาก
“สำเร็จตามแผน ขอให้พี่ยัพสนุกกับนังพยาบาล คนสวยนี่ให้เต็มที่แล้วกันนะคะ”
อนงค์ ได้ยินที่แซลลี่พูดก็ตาโตด้วยความตกใจ
แซลลี่เดินออกไป เปิดโอกาสให้พายัพได้สนุกกับเนตรอัปสร
อนงค์รีบหลบ แซลลี่ก็เดินผ่านไปโดยไม่เห็น แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องพายัพ แอบแง้มประตูดูในห้อง เห็นพายัพนั่งคร่อมร่างไร้สติของเนตรอัปสรอยู่ ก็รีบเอามืออุดปากตัวเองไว้ไม่ให้ร้องอุทานออกมาเสียงดัง แล้วก็รีบหลบออกมานั่งคิด
“ทำไมคุณพายัพกับคุณแซลลี่ ทำยังงี้ แล้วนี่...อีนงค์ควรจะทำยังไงดี ทำยังไงดี ทำยังไงดี...”
พายัพ ค่อยๆปลดเสื้อเนตรอัปสรด้วยใจระทึก ด้านหลังพายัพ ผีเฟื่องกับผีเดือนยืนมองอยู่ ผีเดือนมองอย่างไม่พอใจ
“ไอ้พัน...มักมากในกามตั้งแต่ชาติที่แล้ว มาจนชาตินี้ หาได้เป็นคนดีขึ้นมาไม่ มีโอกาสเมื่อใด เป็นต้องคิดทำบัดสีกับผู้หญิงทุกคราวไปสิน่า คุณหนู...เราควรจะทำกับมันอย่างไรดีเจ้าคะ”
“ไม่ทำ หาใช่เรื่องของเราไม่ และหากนังนวลมันตกเป็นของไอ้พันเสีย ชุนของข้าก็คงจะเลิกใส่ใจมัน แล้วกลับมาหาข้าในที่สุด ฮ่า ฮ่าฮ่า”
พูดจบผีเฟื่องก็หายตัวไป ผีเดือนยังยืนอึ้งอยู่พักหนึ่ง
“แต่ข้าไม่อยากให้แม่หญิงใดต้องมีราคีเพราะไอ้คนชั่วอย่างมัน”
ผีเดือนสิงร่างเนตรอักสรไม่ได้เพราะใส่พระ จึงเป่าลมมนตร์ใส่ไป เนตรอัปสรเริ่มได้สติขึ้นมาทันที แล้วพบว่าพายัพกำลังนั่งคร่อมอยู่บนตัวเธอ เนตรอัปสรกรีดร้อง
“นี่คุณยัพจะทำอะไรคะ”
เนตรอัปสรผลักไสพายัพออกไปสุดแรง พายัพตกใจที่เนตรอัปสรได้สติเร็วกว่าที่คิด
“เฮ้ย...ฟื้นได้ไงวะ”
พายัพพยายามจะยึดข้อมือเนตรอัปสรทั้ง 2 ข้างเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหนีได้ แต่เธอสู้ยิบตา พายัพเลยชกท้องดังอั้ก เนตรอัปสรตัวงอร้องไม่ออกสักแอะ พายัพเห็นเธอหมดเรี่ยวแรงต่อสู้ก็ยิ้มร้ายแล้วเริ่มซุกไซร้อีกครั้ง เนตรอัปสรส่ายหน้าไม่ยอมแต่ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืน อนงค์ซึ่งแอบมองดูอยู่เห็นท่าว่าเนตรอัปสรแย่แน่แล้ว พยายามคิดหาทางช่วยในที่สุดอนงค์ก็แกล้งตะโกนขึ้นมาดังๆ
“ทางนี้เลยค่ะคุณเชต คุณพยาบาลอยู่ทางนี้ค่ะ”
พายัพชะงักเมื่อได้ยินเสียงอนงค์ตะโกนอย่างนั้น เนตรอัปสรฉวยจังหวะที่เขาเผลอ รวบรวมกำลังสุดท้ายผลักเขาออกไปสุดแรง แล้วตะกายลงจากเตียงวิ่งออกจากห้องไป แต่แล้วก็ล้มลงที่หน้าห้องอีก อนงค์รีบฉุดแขนเนตรอัปสรให้ลุกขึ้นแล้วพากันวิ่งออกไป พายัพขยับจะวิ่งไล่ตามแต่ผีเดือนหันขวับไปจ้องที่ประตูห้อง ประตูห้องปิดปัง กระแทกใส่หน้าพายัพเต็มแรงถึงกับล้มหงายไปและลุกขึ้นจะเปิดประตู แต่เปิดยังไงก็เปิดไม่ออก พายัพได้แต่ปึงปังโวยวายตะโกนเรียกเนตรอัปสร
อนงค์วิ่งจูงเนตรอัปสรกลับมาที่ห้องปิดประตูห้องลงกลอนอย่างแน่นหนา เนตรอัปสรทรุดลงนั่งกอดเข่าตัวสั่นด้วยความตกใจกลัว
“คุณพยาบาลปลอดภัยแล้วคะ ไม่ต้องกลัวนะคะ”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมคุณพายัพ ทำแบบนี้กับฉัน”
“นงค์ก็ไม่คิดนะคะ ว่าคนสุขุม ดูดีอย่างคุณพายัพจะทำเรื่องชั่วๆแบบนี้กับคุณพยาบาลได้ ใจดีๆนะคะ เราอยู่ในนี้กันก่อน รอคุณเชตกลับมา คุณเชตกลับมาเมื่อไหร่ คุณพายัพตายแน่คะ”
เนตรอัปสรได้แต่พยักหน้ารับ และยังคงอยู่ในอาการหวาดกลัวอยู่
แซลลี่ในชุดว่ายน้ำ แช่ตัวอยู่ในน้ำอย่างสบายอารมณ์ มั่นใจมากว่าแผนที่วางไว้จะสำเร็จลุล่วงด้วยดีทุกประการ ผีเดือนมายืนดูแซลลี่อยู่ด้วยสีหน้าชิงชัง
“ชาติที่แล้ว เอ็งก็เป็นหญิงตอหลดตอแหล เกิดมาใหม่ในชาตินี้เอ็งก็หาได้ดีขึ้นไม่ เอ็งอยากให้ร้ายคนอื่นดีนัก ดีละ ข้าจะให้เอ็งได้รับบทเรียน”
จังหวะนั้น แซลลี่ซึ่งกำลังดำผุดดำว่ายน้ำเล่นอยู่ในสระ พอโผล่หน้าขึ้นมาจากน้ำอีกที ผีเดือนก็พุ่งเข้าสิงแซลลี่ โดยที่ไม่ทันตั้งตัว แล้วแซลลี่ก็เดินขึ้นจากสระ ใส่เสื้อคลุม แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านทั้งๆที่ตัวยังเปียกๆ
แซลลี่เดินมาทั้งตัวเปียกๆ จังหวะนั้นพายัพเปิดประตูออกมาได้พอดี พายัพชะงักสายตาของเขาไม่ได้เห็นเป็นแซลลี่แต่เห็นเป็นเนตรอัปสร พายัพแปลกใจว่าทำไมเนตรอัปสรถึงได้ย้อนกลับมาหาเขา
“คุณเนตร”
เนตรอัปสรยิ้มพราย จ้องตาพายัพอย่างท้าทายเย้ายวน พายัพมองหน้าคลางแคลงใจ
“นี่มันอะไรกัน”
เนตรอัปสรไม่ตอบ หนำซ้ำยังเดินล้ำเข้าไปในห้องเขาด้วย พายัพก็ถอยกลับเข้าไปในห้อง เนตรอัปสรปิดประตูห้อง พายัพมองแซลลี่ที่ตอนนี้เป็นเนตรอัปสรอย่างประหลาดใจสุดๆ เนตรอัปสรเดินเข้ามาประชิดตัวจมูกแทบจะชนกับจมูก พายัพเลยเข้าใจว่าที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็เพราะเป็นลีลาของเธอ เขาหัวเราะ
“ฮ่า ฮ่า ผมไม่นึกเลยนะว่า...ผู้หญิงท่าทางติ๋มๆอย่างคุณเนตรนี่ ขี้เล่นอย่างร้ายกาจจริงๆ รู้ไหม เมื่อกี้คุณร้องเสียผมตกอกตกใจหมดเลย”
พายัพจ้องตาเนตรอัปสร
“ความจริง...คุณก็อยากจะสนุกกับผมเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
เนตรอัปสรไม่ตอบ แต่พยักหน้าแล้วยิ้ม เท่านั้นเอง...พายัพก็รวบตัวแล้วตะโบมจูบไปทั่ว ร่างเนตรอัปสรเปลี่ยนเป็นผีเดือนที่หัวเราะคิกคักชอบใจ พายัพดึงทึ้งเสื้อคลุมออกจากตัวผีเดือน เขายิ่งย่ามใจตะโบมจูบไซ้อย่างเมามัน ผีเฟื่องยืนมองดูการกระทำของพายัพอยู่มุมห้องด้วยสีหน้าสมเพชอย่างที่สุด
อนงค์ยังนั่งกอดเนตรอัปสรปลอบใจอยู่ สักครู่อนงค์ก็เงี่ยหูฟัง
“คุณเชตกลับมาแล้ว คุณพยาบาลคอยอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ”
อนงค์วิ่งออกไป เนตรอัปสรยังนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่อย่างขวัญเสียไม่หาย...เชตะวันเดินกลับเข้าบ้านมา มีบวรเดินตามมาดูแล อนงค์วิ่งเข้ามาจากอีกด้าน
“คุณเชตคะ คุณเชต เกิดเรื่องใหญ่ละคะ”
“เกิดเรื่องใหญ่อะไรอนงค์”
“คุณพยาบาลคะ คุณพยาบาล”
“เกิดอะไรขึ้นกับเนตร คุณเนตรเป็นอะไร”
“คุณพายัพจะปล้ำคุณพยาบาลแต่นงค์ช่วยไว้ได้ทัน ตอนนี้คุณพยาบาลหลบซ่อนตัวอยู่ที่ห้องเธอแล้วคะ”
บวรได้ยินก็ตกใจด้วย ส่วนเชตะวันโกรธมากพร้อมเป็นห่วงเนตรอัปสรจึงรีบวิ่งออกไปหาทันที
เชตะวันวิ่งมาที่ห้องเนตรอัปสร อนงค์กับบวรตามมาด้วย พอเขาเปิดประตูเข้ามาเห็นเนตรอัปสรนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่อย่างคนขวัญเสียก็รีบเข้าไปหาทันที
“คุณเนตร”
เนตรอัปสรพอเห็นเชตะวันมาก็ร้องไห้โฮออกมาทันที เขารีบคว้าตัวเธอมากอดเอาไว้เพื่อปลอบใจ แต่สีหน้าแค้นจัด
“ผมจะไม่ยอมให้ ไอ้หน้าไหนมันทำยังงี้กับคุณ” เซตะวันหันไปพูดกับอนงค์ “อนงค์ ดูคุณเนตรไว้นะ”
เซตะวันเดินพรวดออกไปอนงค์ตะโกนถามตามหลังไป
“แล้วนั่นคุณเชตจะไปไหนคะ”
เชตะวันไม่ยอมเสียเวลาตอบ วิ่งออกไปแล้ว บวรรีบวิ่งตามไปทิ้งให้อนงค์ดูแลเนตรอัปสร
เชตะวันถีบประตูห้องพายัพปึงปังเข้ามา บวรตามเข้ามาด้วยทันเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง พายัพที่กำลังกอดจูบอยู่กับแซลลี่ตกใจหันขวับไปมอง ผีเดือนที่สิงร่างแซลลี่อยู่รีบออกจากร่างทันที แซลลี่งงไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง สายตาของเชตะวันเห็นพายัพกำลังอยู่กับแซลลี่บนเตียงด้วยกัน ไม่พูดพล่ามทำเพลงพุ่งเข้าไปกระชากคอพายัพแล้วชกเปรี้ยงล้มหงายหลังไปเลย เชตะวันยังไม่หนำใจ โดดตามไปชกซ้ำๆอีกหลายครั้ง จนพายัพแน่นิ่งไป แซลลี่ได้แต่ร้องวี๊ดว๊ายด้วยความตกใจ
“นี่มันอะไรกันคะเนี่ย”
เชตะวันชี้หน้าแซลลี่
“แซลลี่ ผมไม่นึกเลยนะว่าคุณจะทำเรื่องสกปรกขนาดนี้ได้ คุณกับพี่ยัพร่วมกันมอมยาคุณเนตร หวังจะปู้ยี่ปู้ยำเธอ แล้วพอไม่สำเร็จ ก็หันมาเล่นกันเอง ทุเรศที่สุด”
แซลลี่หน้าตื่น
“เชต...แซลลี่ไม่รู้เรื่องเลยนะคะ”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว คุณออกไปจากบ้านนี้ได้แล้ว แล้วก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก นับจากวันนี้ คุณกับผม เราขาดกัน”
แซลลี่ตะลึง
“เชต”
เชตะวันตะโกนลั่น
“ออกไป”
แซลลี่ลนลานคว้าเสื้อผ้ามาใส่ แล้วรีบออกไป เชตะวันหันไปมองพายัพ ที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้นห้อง ปากคอแตกยับเยิน ยังโกรธไม่หาย
“ฮึ่ย”
เซตะวันเดินกลับไปห้องเนตรอัปสร ผีเฟื่องกับผีเดือนยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ด้วย ผีเดือนมีสีหน้าสะใจแล้วหายร่างไป เหลือแต่ผีเฟื่องที่มีสีหน้าไม่สบายใจ เมื่อเห็นเชตะวันกล้ามีเรื่องรุนแรงกับพายัพเพราะเนตรอัปสร ผีเฟื่องตามเชตะวันไป ส่วนบวรเข้าไปดูอาการพายัพ
เชตะวันเดินกลับมาที่ห้องเนตรอัปสรเห็นเธอยังท่าทางเสียขวัญอยู่มาก อนงค์ถอยเปิดทางให้ เชตะวันรีบเข้าไปคุกเข่าแล้วจับมือเธอไว้ พูดเสียงอ่อนโยน
“ผมไม่น่าทิ้งคุณไว้ที่บ้านเลย ผมไม่คิดว่าพี่ยัพจะคิดชั่วได้ขนาดนี้ ผมขอโทษนะ”
“ฉัน...อยากกลับบ้าน...”
“ไม่นะ ผมไม่ให้คุณกลับ”
“แต่ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”
“แต่ผมไม่ยอมให้คุณกลับ คุณต้องอยู่กับผม นะ ผมขอร้อง”
เซตะวันเห็นเนตรอัปสรยังน้ำตาคลออยู่ก็ตัดสินใจ
“เอาเถอะ ถ้าคุณไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากเห็นหน้าพี่ยัพ ผมจัดการเอง”
“คุณจะทำอะไร”
เชตะวันไม่ตอบ แต่ตาวาว ผีเฟื่องซึ่งตามมาดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ด้วยเจ็บปวด
เมื่อเห็นเชตะวันแสดงอาการรักใคร่อาทรเนตรอัปสรอย่างออกนอกหน้า
นางมารตอนที่ 20 (ต่อ)
อาทิตย์รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว ออกอาการฉุนเฉียว
“กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว แกถึงกับชกต่อยไอ้ยัพมันจนหน้าตาแหกยังงี้เลยเหรอวะไอ้เชต แกนี่...เห็นผู้หญิงดีกว่าพี่น้องได้ยังไงวะ”
“ถ้ามีพี่คิดชั่ว ทำชั่วอย่างงี้ อย่ามีซะดีกว่า”
พายัพโกรธ
“ไอ้เชต”
เชตะวันจ้องหน้า
“จะทำไม”
เชตะวันกับพายัพจ้องหน้ากันอย่างแค้นเคืองกันสุดๆ อาทิตย์จ้องหน้าเซตะวัน
“แล้วแกจะเอายังไง”
“พี่ยัพจะต้องไปขอโทษคุณเนตรอัปสร”
พายัพโวยวาย
“มากไปละ”
“น้อยไปด้วยซ้ำ กับสิ่งที่พี่ทำกับเขา นี่ถ้าอนงค์ไม่แกล้งตะโกน พี่ก็คงปู้ยี่ปู้ยำคุณเนตรไปแล้ว ความจริง ผมน่าจะให้คุณเนตรแจ้งความซะด้วยซ้ำไป”
“พอๆเถอะไอ้เชต ยังไงๆไอ้ยัพมันก็พี่ชายแท้ๆของแกนะโว๊ย แกอยากเห็นพี่แกติดคุกรึไง”
“ถ้าพี่ยัพไม่อยากติดคุก ก็ต้องไปขอโทษคุณเนตรเขาซะ”
พายัพนิ่ง ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เชตะวันอดรนทนไม่ไหวเข้าไปจิกคอเสื้อพายัพแล้วลากออกไป พายัพโวยวายเสียงดังลั่น อาทิตย์ตกใจ
“เฮ้ย... ไอ้เชต แกจะทำอะไรพี่แก”
เชตะวันไม่ตอบ ลากคอพายัพออกไปแล้ว อาทิตย์รีบตามไป
เนตรอัปสรนั่งเศร้าซึมอยู่ โดยมีอนงค์กับบวรคอยดูแล เชตะวันลากคอพายัพเข้ามาแล้วเหวี่ยงไปหาเนตรอัปสร
“ขอโทษคุณเนตรเดี๋ยวนี้”
พายัพเม้มปากแน่น แค้นใจเชตะวันสุดๆ แต่พอเห็นเชตะวันจ้องมาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเขาก็จำยอมพูดขอโทษเนตรอัปสรเสียงอ่อยๆ
“ผม...ผมขอโทษ”
เนตรอัปสรมองเมินไป ไม่มองหน้าพายัพเลย อาทิตย์หงุดหงิดไม่ชอบใจ
“ไอ้ยัพมันขอโทษแล้ว จบเรื่องกันได้แล้วใช่ไหม”
“ผมจะพาคุณเนตรไปจากที่นี่”
เนตรอัปสรมองเชตะวันอย่างงงๆ
“ผมจะพาคุณเนตรไปพักผ่อนจิตใจที่รีสอร์ตของเรา ระหว่างนี้ พี่ยัพก็ทำงานที่โรงแรมแทนผมไปก่อนก็แล้วกัน ส่วนผมจะไปทำงานที่โน่นแทนให้”
พายัพตกใจห่วงเรื่องส่งยา
“ไม่ได้นะ”
เชตะวันสวน
“ทำไมจะไม่ได้ จะที่นี่ หรือที่โน่น มันก็กิจการของครอบครัวเราเหมือนๆกัน ก็แค่สลับที่ทำงานกัน จะเป็นไรไป”
พายัพอึ้งไป แล้วเหลือบสบตากับอาทิตย์ที่มีสีหน้ากังวลพอๆกัน
ในห้องทำงานอาทิตย์ที่บ้าน พายัพกังวลอย่างหนัก
“ผมไม่อยากให้ไอ้เชตมันไปที่รีสอร์ตนะพ่อ เดี๋ยวมันไปซ่อกแซ่กดูโน่นดูนี่ แล้วเดี๋ยวมันเกิดไปเจอสินค้าของเราเข้า มันจะยุ่งกันใหญ่นะพ่อนะ”
“แต่มันกำลังเป็นหมาบ้า ขืนไปขวางมัน มันอาละวาดหนักเข้าเราจะยิ่งเดือดร้อนกว่านี้นะ เอาเถอะ มันคงไปอยู่ที่นั่นอย่างมากก็อาทิตย์เดียวละมัง คนเป็นโรคประหลาดอย่างมัน อยู่ไกลหมอได้ที่ไหน เดี๋ยวมันก็ต้องแจ้นกลับมา เชื่อพ่อเถอะ”
“แต่อาทิตย์เดียว ก็อาจทำให้ธุรกิจของเราบรรลัยได้นะพ่อ”
อาทิตย์ชักหงุดหงิด
“เอ้า แล้วแกจะเอายังไงล่ะ”
“ขอผมคิดก่อน แต่ผมจะให้ไอ้เชตมันอยู่ที่นั่นนานไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด”
พายัพชิงชังเชตะวันอย่างที่สุด
พายัพเดินครุ่นคิดเรื่องเชตะวันมาเห็นอนงค์เดินถือกระเป๋าเสื้อผ้า กับตะกร้าใส่เสื้อผ้าใช้แล้วเดินออกมาจากห้องเชตะวัน อนงค์เห็นพายัพก็กลัวไม่ค่อยกล้าสบตาด้วยเพราะรู้ว่าตัวเองทำให้พายัพแผนแตก
“ไอ้เชตเก็บกระเป๋าเสร็จแล้วเหรอ แล้วนั่นอะไร”
“เสื้อผ้าใส่แล้วค่ะคุณยัพ นงค์เลยมาเก็บไปเลย จะได้ไม่ต้องมาเก็บตอนเช้าอีก นงค์ไม่ค่อยอยากเข้าห้องคุณเชต เวลาคุณเชต ไม่อยู่น่ะค่ะ”
พายัพมองผ้าในตะกร้า เห็นเสื้อเปื้อนเลือด ตัวที่เชตะวันใส่ตอนที่ถูกพงษ์ยิงเมื่อวันก่อน
“เสื้อนั่น ยังจะเอาไปซักอีกเหรอ”
“อ๋อ...ตัวนี้ คุณเชตให้เอาไปทิ้งค่ะ”
พายัพครุ่นคิด แล้วโบกมือไล่อนงค์ไป อนงค์เดินไปอย่างกลัวๆ พายัพเรียกไว้อีก
“อนงค์”
อนงค์ตกใจค่อยๆหันมา พายัพเดินมาช้าๆเข้ามาเหมือนจะทำอะไร อนงค์กลัวตัวสั่น
“ต่อไปอย่ายุ่งเรื่องของเจ้านายอีก เข้าใจไหม”
“คะ คะ ค่ะ”
อนงค์รีบออกไปเลย พายัพมองตามเสื้อเปื้อนเลือดตัวนั้นไป
ในหอพัก...ปารมี ทิพย์ หมอก้องกำลังรุมกันพูดผ่านสปีคเกอร์โฟนกับเนตรอัปสรอยู่
“อะไรนะ”
ปารมีหน้าตื่น
“นะโมจะไปอยู่ที่รีสอร์ตกับคุณเชต”
ทิพย์อึ้งๆ
“ไม่มีกำหนดกลับ”
หมอก้องหน้าเสีย
“หมอไม่ยอมให้นะโมไป”
เนตรอัปสรคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่งในบ้าน
“จะทำยังไงได้ล่ะปาน ทิพย์ หมอ ในเมื่อคนไข้ของฉันจะต้อง ไปทำงานที่โน่น ฉันก็ต้องไปกับเขาน่ะสิ”
หมอก้องพยามแย้ง
“คุณเชตเขาคิดยังไงถึงอยากไปทำงานที่รีสอร์ต ทั้งๆที่เขาก็รู้ดีว่า...โรคที่เขาเป็นอยู่ เขาไม่ควรอยู่ห่างหมอ”
“เออ...”
เนตรอัปสรไม่กล้าบอกเรื่องโดนพายัพปล้ำ
“เนตรก็ไม่ทราบค่ะหมอ เรื่องธุรกิจครอบครัวของเขามั้งคะ เอาเป็นว่าเนตรมีหน้าที่ดูแลเขา เขาอยู่ที่ไหน เนตรก็ต้องไปอยู่ที่นั่นกับเขาด้วย”
“แล้วจะไปเมื่อไหร่ล่ะนะโม” ปารมีถาม
“เก็บกระเป๋าเสร็จก็จะไปเลยล่ะ”
ทิพย์อึ้งไป
“หา”
หมอก้องโวยวาย
“คุณเชตบ้าไปแล้ว”
เนตรอัปสรตัดบท
“เอาเถอะค่ะ ยังไงเนตรก็ต้องไปกับเขา แค่นี้ก่อนนะทุกคน ฉันต้องไปจัดกระเป๋าแล้ว แต่ฉันสัญญาว่า...ฉันจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ทุกคนไม่ต้องห่วงนะ สวัสดีจ้ะ”
เนตรอัปสรกดตัดสายไปเลย ทั้งสามต่างพากันถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม โดยเฉพาะหมอก้องที่กลุ้มใจเป็นที่สุด
เย็นนั้น เชตะวันกับเนตรอัปสรขึ้นรถโดยมีบวรมายืนส่ง พอเชตะวันจะขึ้นรถ อนงค์ก็วิ่งถือห่อของ
ห่อหนึ่งวิ่งเข้ามาให้
“คุณเชตคะ คุณพายัพฝากเอกสารงานไปให้คุณพงษ์ที่รีสอร์ตด้วยค่ะ”
เชตะวันไม่รับ เพราะไม่อยากทำอะไรให้พายัพ เนตรอัปสรจึงจำเป็นรับเอาไว้ให้เอง อนงค์ยิ้มดีใจแล้วเชตะวันก็ขึ้นขับรถออกไปกับเนตรอัปสร โดยมีผีเฟื่องนั่งบนหลังคารถไปด้วยไม่นั่งในรถ เพราะเนตรอัปสรมีสร้อยพระ...พายัพและอาทิตย์ยืนอยู่บนระเบียงบ้าน มองดูเชตะวันขับรถออกไป พายัพเหมือนจะยิ้มในหน้าคล้ายพอใจอะไรบางอย่าง ด้านหลังของเขาผีเดือนยืนอยู่ข้างๆนั่นเองแต่เขาไม่รู้เรื่องเลย...
พายัพเดินกลับเข้ามาในห้อง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“ไอ้พงษ์ ไอ้เชตมันกำลังเดินทางไปที่รีสอร์ต ฝากแกบอกไอ้สิทธิ์ด้วย ถ้าไม่จำเป็น อย่าให้ไอ้เชตรู้ว่ามันกบดานอยู่ที่นั่น แล้วฉันมีงานสำคัญชิ้นนึงจะให้แกทำ...”
พงษ์ ยืนฟังพายัพสั่งงานอย่างตั้งใจตลอดเวลาที่พายัพพูด
“ครับนาย...”
พงษ์วางหูแล้วก็เดินกลับไปกินเหล้ากับสิทธิ์ ท่าทางถูกคอกันเป็นอย่างยิ่ง
“พี่ยัพโทรมาเหรอ”
“ครับ คุณสิทธิ์”
“แล้วพี่ยัพจะมาที่นี่เมื่อไหร่อ้ะ”
“คุณยัพคงจะไม่ได้มาอีกสักพักละครับ แต่คนที่กำลังจะมาคืนนี้...คือคุณเชต...”
สิทธิ์หน้าเครียดทันที ไม่อยากให้รู้ว่ามาอยู่ที่นี่
ปารมี หมอก้อง ทิพย์ ยังนั่งหน้าเครียดเรื่องเนตรอัปสรอยู่ในห้องพัก แล้วจู่ๆหมอก้องก็ลุกพรวดพราดขึ้น
“ผมจะไปที่รีสอร์ตนั่นด้วย”
ปารมีอึ้งๆ
“หมอจะไปในฐานะอะไรหรือคะ”
หมอก้องเงียบ ปารมีตัดสินใจถาม
“ปานขอถามตรงๆ แล้วก็ขอให้หมอตอบตรงๆ สักเรื่องได้มั้ยคะ หมอชอบนะโมใช่มั้ยคะ”
“ไม่...”
ปารมีเริ่มยิ้มออก
“ไม่ใช่แค่ชอบ แต่หมอคิดจะจริงจังกับนะโมเขาเลยละ”
ปารมีก็อึ้งไปเลย ทิพย์ย้อนถามบ้างอย่างอดรนทนไม่ไหวแล้ว
ปารมีก็อึ้งไปเลย ทิพย์ย้อนถามบ้างอย่างอดรนทนไม่ไหวแล้ว
“แล้วหมอคิดว่ายายนะโมรักหมอรึเปล่าล่ะคะ แต่ทิพย์ว่าไม่นะ”
หมอก้องเป็นฝ่ายอึ้งไปบ้าง ทิพย์พูดต่อ
“ถ้ายายนะโมไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบหมอ ทำไม..หมอไม่ลองหันมามองคนที่เขารัก เขาชอบหมอบ้างละคะ”
หมอก้องอึ้ง ในขณะที่ปารมีตะลึงที่ทิพย์พูดชงซะขนาดนั้น พยายามทำท่าห้ามไม่ให้ทิพย์พูดอะไรอีก ทิพย์กระซิบ
“ก็พูดไปแล้ว”
“แต่หมอจะทำให้นะโมรักและชอบหมอให้ได้ คอยดูก็ละกัน”
พูดจบหมอก้องเดินออกไป ทิพย์กับปารมีอยู่ในอาการอึ้งๆกันไป ปารมีเศร้า ทิพย์เข้าไปปลอบ
“ใจเย็นๆนะปาน สักวันหมอจะต้องเปลี่ยนใจรักคนที่เขารักหมอดีกว่า ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์นะ”
“ฉันจะรอวันที่หมอมองเห็นฉันบ้าง ว่ามีปารมีคนนี้เฝ้ารักหมออยู่ แต่กว่าจะถึงวันนั้น หมออาจจะได้รักกับนะโมไปแล้วก็ได้ แล้วฉันก็จะเป็นฝ่ายออกไปเอง”
ทิพย์เห็นใจปารมีแต่ก็ได้แต่ช่วยปลอบใจและเข้าใจเพื่อน ปารมีเศร้าปนความหวังว่าสักวันหมอจะหันมารักตน
ค่ำนั้นเชตะวันขับรถมาตาม ถนนต่างจังหวัด เนตรอัปสรนั่งข้างๆวางห่อของที่พายัพฝากไปให้พงษ์ที่รีสอร์ตไว้บนตัก
“ถามหน่อยเถอะคะ ทำไมคุณไม่ออกมาตอนเช้าคะ ขับรถออกต่างจังหวัดตอนกลางคืน มันอันตรายรู้ไหมคะ”
“อันตรายผมไม่กลัว ชีวิตผมเฉียดความตายอยู่ทุกวัน ก็เพราะไอ้โรคบ้าที่ผมเป็นอยู่ แต่ผมทนเห็นหน้าพี่ยัพต่อไปไม่ได้แม้แต่นาทีเดียวน่ะสิ โดยเฉพาะสิ่งที่เขาทำกับคุณ”
เนตรอัปสรหันไปมองเขาอย่างซึ้งใจ รู้สึกได้ว่าเขาห่วงเธอจริงๆ
“ฉันขอถามหน่อยนะคะ ทำไมคุณถึงเกลียดพี่ชายตัวเอง”
“ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาก็เกลียดผม พ่อผมก็เหมือนกัน ชาติที่แล้วเราอาจจะเคยเป็นศัตรูกันก็ได้ แต่ชาตินี้ดันจับพลัดจับผลู เกิดเป็นพ่อลูกเป็นพี่น้องกันซะงั้น ก็ถ้าผมเลือกเกิดได้ ผมก็คงไม่เลือกเกิดเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับพวกเขาหรอก”
เนตรอัปสรรู้ว่าเชตะวันเริ่มเครียด ก็เลยหยุดถามและเธอค่อยๆเอามือเธอกุมมือเขา แสดงถึงความรู้สึกเข้าใจอย่างที่สุด เชตะวันค่อยๆหันมามองเนตรอัปสรเขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่เชตะวันคนเดิมที่แข้งกร้าว แต่เป็นยิ้มที่นุ่มนวลอบอุ่นของทั้งสองคน...รถเชตะวันแล่นไปในความมืด บนถนนต่างจังหวัดโดยมีผีเฟื่องนั่งอยู่บนหลังคารถตลอดเวลา
ดาลัดกับพงษ์มายืนคอยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเชตะวันขับรถพาเนตรอัปสรเข้ามาในรีสอร์ต ดาลัดเหลียวหน้าเหลียวหลัง เอามือคลำต้นคอ
“ลมอะไรเย็นๆ”
ดาลัดชักกลัวผีขึ้นมา พงษ์หัวเราะ
“คุณดา ใส่พระซะขนาดนั้น ผีที่ไหนก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้คุณดาหรอกครับ”
ดาลัดค้อนพงษ์ แล้วรีบวิ่งเข้าไปรับเชตะวัน
“อู๊ย...ร้อยวันพันปี คุณเชตไม่เคยมาที่นี่เลย แต่บทจะมา ก็มาเอากลางดึกกลางดื่นเลยนะคะ”
“ผมมันคนนิสัยไม่ดีน่ะครับคุณดาลัด ชอบทำตามใจตัวเอง”
“แหม...ดิฉันก็ไม่ได้จะว่ายังงั้น”
ดาลัดมองเนตรอัปสรอย่างสนใจ
“นี่คุณเนตรอัปสร พยาบาลส่วนตัวของผม เขาจะพักกับผมด้วย”
“ค่ะๆ ก็คือนอนด้วยกัน เอ๊ย นอนพักด้วย ดิฉันจัดบ้านพักไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญค่ะ”
ดาลัดเชิญเชตะวันและเนตรอัปสรให้เข้าในบ้านพัก เนตรอัปสรนึกได้เอาห่อของส่งให้พงษ์
“คุณพายัพฝากงานมาให้คุณพงษ์ค่ะ”
พงษ์รับห่อของไป
“ขอบคุณครับ”
เชตะวันกับเนตรอัปสรก็เดินเข้าไปในบ้าน ดาลัดตามไป พลางแอบบ่นพึมพำกับตัวเอง
“รู้ทันหรอกน่าว่าคุณเชตจะเอาผู้หญิงมากก แต่ทำเป็นมาอ้างว่าเป็นพยาบาลส่วนตัว หึ...สวยอย่างงี้เหรอ จะเป็นพยาบาล จ้างก็ไม่เชื่อหรอก”
ดาลัดเดินตามเชตะวันกับเนตรอัปสรเข้าไปในบ้าน พงษ์มองตามอยู่สักครู่ก็โทรหาพายัพ
“ได้ของ เรียบร้อยแล้วครับคุณยัพ”
“จัดการตามที่ฉันสั่งให้เรียบร้อยนะพงษ์”
พายัพกดวางสาย แล้วยิ้มสะใจในอะไรบางอย่าง อาทิตย์มองอย่างสงสัย
“แกจะให้ไอ้พงษ์มันทำอะไร”
“ในเมื่อไอ้เชตมันทำผมเจ็บ มันก็สมควรจะต้องได้รับบทเรียนบ้างสิครับพ่อ”
พายัพยิ้มร้ายในขณะที่อาทิตย์ไม่สบายใจ อย่างไรเชตะวันก็คือลูกคนหนึ่ง แต่อาทิตย์ก็ไม่คิดจะห้ามอะไรพายัพเพราะเขาไม่ได้รักเชตะวันเท่าพายัพ
พงษ์เปิดห่อของออกอย่างระมัดระวัง เห็นเป็นเสื้อเปื้อนเลือดของเชตะวันที่อนงค์บอกว่าจะเอาไปทิ้ง สิทธิ์เดินมาดู
“เสื้อใครวะพงษ์ เปื้อนเลือดด้วย”
“เสื้อคุณเชตครับ”
“แล้วแกเอามาทำไมเนี่ย...”
พงษ์ยิ้มร้าย
“จริงๆแล้วคุณสิทธิ์ก็ไม่ได้ชอบคุณเชตใช่มั้ยล่ะครับ ผมดูออกครับ คุณเชตชอบใช้อำนาจทำตัวเหนือคุณสิทธิ์ตลอดเวลา”
“ฮึ ไอ้เชตดูถูกฉันด้วย ทำยังกับฉันเป็นเพื่อนที่ต้องคอยรับใช้มัน”
“คุณสิทธิ์อยากแก้แค้นคุณเชตไหมละครับ งั้นคืนนี้ เราออกไปทำอะไรเล่นสนุกๆกัน
เชตะวันกับเนตรอัปสร เตรียมจะนอนแล้ว
“คุณเข้านอนได้แล้ว วันนี้คุณเจอแต่เรื่องร้ายๆ แล้วก็เดินทางมาเหนื่อยมากแล้ว คุณนอนหลับให้สบายเถอะคืนนี้ ที่นี่ปลอดภัยสำหรับคุณ”
เนตรอัปสรขำ
“แต่ฉันเป็นพยาบาลส่วนตัวของคุณนะคะ ฉันควรเป็นฝ่ายดูแลคุณต่างหาก”
“ไม่...คืนนี้ ผมจะดูแลคุณเอง”
เซตะวันมองเนตรอัปสรตาเป็นประกาย เนตรอัปสรเขินรีบเมินหน้าหนีแล้วรีบลงนอน เชตะวันยิ้มแล้วปิดไฟลงนอนบ้าง ผีเฟื่องยืนมองจ้องแค้นทั้งคู่อยู่เงียบๆที่มุมห้อง
พงษ์ขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่เปิดไฟหน้าเข้าไปในป่าโดยมีสิทธิ์ซ้อนท้ายอยู่
“เรากำลังจะไปไหนกัน”
“เดี๋ยวคุณสิทธิ์ก็รู้ครับ”
พงษ์กดโทรศัพท์โทรออกสั่งงานใครบางคน
“ลงมือได้”
เชตะวันกำลังนอนหลับอยู่คนละเตียงกับเนตรอัปสร สักครู่ก็มีเศษหินปามาถูกที่หน้าต่างข้างเตียง เชตะวันผุดลุกขึ้นทันที มองไปนอกหน้าต่าง เห็นเงาคนตะคุ่มๆ เขาตัดสินใจออกไปดู
เชตะวันเดินออกมาจากบ้านพัก เห็นเงาคนวิ่งหนีไปทางด้านหลังบ้าน
“ใครน่ะ”
แต่คนนั้นก็วิ่งหนีหายไปในเงามืดแถวป่าไปแล้ว เชตะวันสงสัยมากตัดสินใจวิ่งตามไปดู เขาวิ่งมาตรงที่เห็นคน กวาดตามอง แต่ก็ไม่เห็นใครแต่พอจะหันกลับก็ถูกชาติลูกน้องคนหนึ่งของพายัพจู่โจมเข้าทางข้างหลัง เอาเครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตเข้าที่ท้ายทอย เชตะวันกระตุกเฮือกไปทั้งร่างแล้วล้มลงทันที ชาติก้มลงลากร่างไร้สติของเชตะวันไปมาซ่อนในป่า แต่พอเงยหน้าขึ้นก็พบผีเฟื่องพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาแดงวาบน่ากลัวโกรธเกรี้ยวสุดๆ
“มึงทำอะไรผัวกู”
ชาติตกใจสุดขีด
“เว๊ย...ผี”
ชาติลนลานวิ่งหนี ผีเฟื่องพุ่งตาม แล้วเอื้อมมือไปจับคอชาติเอาไว้ได้ ขาชาติค่อยๆลอยขึ้นจากพื้นทั้งสองข้างกวัดแกว่งไปมา ผีเฟื่องยกร่างชาติขึ้นสูง
“มึงริอ่านทำร้ายผัวกู มึงต้องตาย”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังก้องขึ้น
“หยุด”
ผีเฟื่องหันไปมองเห็นหลวงปู่มายืนอยู่
“หยุดทำร้ายคนเสียทีเถิดโยมเฟื่อง บาปกรรมที่โยมก่อ จะเป็นตัวถ่วงทำให้โยมไม่ได้ไปผุดไปเกิดตามภพภูมิที่ควรเสียที”
“หลวงปู่เป็นใคร อย่ามายุ่งเรื่องของข้า ข้าจะไม่ไปไหนจนกว่าชุนจะไปกับข้าด้วย และไอ้อีหน้าไหนมันบังอาจทำร้ายผัวข้า มันต้องตาย”
พูดจบเฟื่องก็เหวี่ยงร่างชาติไปที่ต้นไม้ใหญ่สุดแรง หลวงปู่หันขวับไปมองร่างของหลวงปู่ก็ไปปรากฏอีกร่างเป็นร่างนิมิตที่ต้นไม้ใหญ่รับร่างของชาติไว้ไม่ให้กระแทก ชาติล้มลงโดยไม่บาดเจ็บอะไร พอชาติลุกขึ้นได้ก็วิ่งร้องโวยวายเสียงดังเตลิดออกไปเลย ผีเฟื่องจะตาม แต่หลวงปู่ก็มาดักหน้าไว้
“อย่าทำ...”
ผีเฟื่องไม่ฟังจะพุ่งผ่านร่างนิมิตของหลวงปู่ไปแต่แล้วร่างหลวงปู่ก็สว่างวาบขึ้น ผีเฟื่องสะดุ้งสุดตัวแล้วก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนจะหายวูบไป...
เชตะวันนอนไม่ได้สติอยู่ตามลำพังในป่า แทบไม่หายใจเลย
โปรดอ่านต่อตอนที่ 21