xs
xsm
sm
md
lg

อาญารัก ตอนที่ 20

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อาญารัก ตอนที่ 20

ขุนภักดีมองทั้งสองเมียอย่างแปลกใจ ก่อนจะจูงมือมานั่งเคียงกันสามคน ท่านขุนนั่งตรงกลาง

“เอาละคนดีของพี่ทั้งสองใจเย็นๆ ค่อยๆ มานั่งพูดจากันนับแต่นี้ต่อไป บ้านหลังนี้จะไม่มีขุ่นเคือง มีแต่จะหันหน้าเข้าหากัน ยึดหลักให้อภัย ให้ความเมตตา ให้ความรักต่อกัน”
“สืบเนื่องมาแต่ที่เรียมกับพี่เทพได้ยินเนียนกับนายโพล้งแม่แพรคุยกัน เมื่อหัวค่ำ ในเรื่องสุดท้าย คือเรื่องลูกของเนียน” เรียมเอ่ยขึ้น
“นี่แหละที่พี่ฟังไม่ทันจบ จึงบังคับให้พวกมันมาเปิดปาก”
เรียม สบตาเนียน สองคนพยักหน้าให้กัน เรียมสารภาพเรื่องคลอดลูกแต่ลูกตายหลังคลอดไม่นาน
ขุนภักดีฟังแล้วตกใจ
“โธ่ นี่ลูกของเราตาย โธ่เรียม ทำไมไม่บอกพี่สักคำ”
“เรียมไม่กล้าเอ่ยเรื่องลูกของเรียมตาย ตอนนั้นพี่ขุนคาดโทษเรียมเอาไว้น่ะคะ”
“นี่พี่ทำอะไรลงไป ทำให้ทุกคนกลัวอย่างไร้เหตุผล”
“เรียมกลัวพี่เทพตัดขาดเรียม เรียมก็เลย ..เนียนเล่าต่อสิจ้ะ”
เนียนเล่าเรื่องที่ตนคลอดลูกเป็นฝาแฝด คราวนี้ท่านขุน ตกตะลึงไปอีกครั้ง
“ลูกของเนียนเป็นฝาแฝด”
“ค่ะ คือหนูติ๋วกับหนูอี๊ดค่ะ” เรียมบอก
“นี่แปลว่า หนูติ๋ว หนูอี๊ด..เป็นลูกของพี่กับเนียนทั้งสองคน”
“ค่ะ หนูอี๊ดเป็นพี่ หนูติ๋วเป็นน้อง ตอนนั้นเนียนรู้ว่าเรียมใจแทบขาดที่ลูกตาย นายเอกกับยายอ่อน จึงออกอุบายตบตาพี่เทพด้วยการไปขอลูกเนียนมาให้เรียม แล้วปดพี่เทพว่าเป็นลูกของเราสองคน”
“โธ่เอ๊ย นี่พี่ใช้อำนาจบาดใหญ่ ใส่ทุกคน จนกลายเป็นทำร้ายทุกคนให้เดือดร้อนกันไปทั่วโดยเฉพาะเนียน”
“เรียม ผิดมากจริงๆค่ะ เรียมก่อปัญหามายี่สิบกว่าปี”
ท่านขุนดึงสองคนเอาหัวมาซบบ่าสองข้างโอบกอดไว้
“พี่เข้าใจหมดแล้ว ทั้งสองคนไม่ต้องเสียใจ พี่ขอบใจทั้งเนียนและเรียม ที่พยายามทำทุกอย่างให้พี่สบายใจ ผิดเพราะรักและหวังดีไม่ใช่เรื่องเสียหายให้กันได้ แต่ทำผิดเพราะริษยาอาฆาตนี่สิ พี่ไม่ให้อภัยดอก”
เรียมกะเนียนบอกพร้อมเพรียง “ขอบคุณมากค่ะ”
“เราจะร่วมมือช่วยกันแก้ปัญหาครอบครัวของเราทำให้ทุกคนรักใคร่สามัคคีปรองดองกัน พี่ดีใจที่วันนี้ ทุกอย่างกระจ่างแจ้งหมดแล้ว เนียนพี่จะถือว่าแดงน้อยคือลูกบุญธรรมของพี่ ส่วนเทิดศักดิ์ พี่ก็ถือว่าเขาคือลูกของพี่เช่นเดิม”
ท่านขุนยิ้มมีความสุข เนียนและเรียม ต่างมีความสุขไปด้วยกัน สามคนเข้าใจกันอย่างดี

สนแอบมองสามคนที่หน้าต่าง คับแค้นระคนอิจฉา สนน้ำตาไหลพราก
“อีเนียน อีเรียม พี่ขุน กอดพวกมันสองคน สีหน้าแววตารักใคร่พวกมันมากมาย แล้วกูเล่า กูเป็นดังเช่นนกไร้ขนคนไร้เพื่อน หมาหัวเน่าหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีใครเหลียวแล ไม่มีใครใยดี อีสนเลย โธ่..อีสน ทำไมชีวิตกูต้องกลายเป็นเศษธุลีให้พวกมึงเหยียบย่ำเช่นนี้”

สนคับแค้นใจใหญ่หลวง ตีอกชกหัวตัวเอง ทึ้งผม สะอื้นไห้อยู่เพียงลำพัง

ฟากทั้งสามคนมานั่งปรึกษากันเรื่องลูกๆ บนเรือนใหญ่

“พรุ่งนี้ พี่จะบอกแดงน้อยให้เขารู้ตัว จะพาเขามากราบแทบเท้าเนียน”
“เอ้อ..รวดเร็วไปไหมคะ”
“ถึงเวลาแล้ว รึเนียนจะให้เขาไปรู้เอาตอนโอนขายที่ดินให้ลูกชายยายอ่อนให้ขายหน้าไปถึงแดงน้อยว่าแม่ปิดบังไม่ให้รู้ว่าเป็นลูก”
“เอ้อ ค่ะ กราบขอบพระคุณพี่ขุนมากค่ะ”
“แล้วเรื่องหนูติ๋ว หนูอี๊ด เล่าคะ”
“พี่จะบอกแกเอง หนูติ๋วแกพูดง่ายแต่คนที่พูดยากอวยเข็ญก็หนูอี๊ดนี่แหละ”
“แกคงยอมรับไม่ได้ว่าเนียนเป็นแม่แก เนียนว่า ปล่อยไปเลยตามเลยเถิดค่ะ พี่ขุน รู้กันแค่เราสามคนน่ะพอแล้ว”
ท่านขุนกะเรียมบอกพร้อมกัน “ไม่พอ และไม่ได้”
“ปล่อยไม่ได้อีกต่อไป นี่ก็เพราะเราทำผิดมายี่สิบกว่าปี เราจะทำผิดต่อไปไม่ได้”
“คนเราต้องยอมรับชาติกำเนิดของตนเอง ยอมรับพ่อแม่พี่น้องของตนเองคนที่ทำไม่ได้ ก็เป็นได้แค่อมนุษย์เท่านั้น พี่อาจจะสงบใจไม่ได้ดีเท่าเรียม เรื่องหนูอี๊ด มอบให้เรียมจัดการเถิดนะ”
“ค่ะ เนียนไม่ต้องเสียสละเรื่องหนูอี๊ดอีกต่อไปแล้ว พอกันที หนูอี๊ด แกต้องได้รับบทเรียน และรู้จักความเจ็บปวดเสียใจ ควรใช้เหตุและผล”
“แกคงเสียใจและผิดหวังมาก”
“แกควรดีใจที่มีแม่สุดประเสริฐเป็นยอดแม่อย่างเนียน”
ท่านขุนพูดไม่ทันขาดคำ ทานตะวันก็ออกมาจากห้อง
“คุณพ่อคุณแม่ขาจะเช้าแล้ว ไม่ยอมหลับยอมนอนลุกมานั่งคุยอะไรกันอยู่หรือคะ อ้อ นั่น มากับเขาด้วยรึ มาทำไมไม่ทราบ รึจะมาขออะไรคุณแม่ ไปให้ลูกแกอีก”
“คุณหนูอี๊ด” เนียนตกใจ
“บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่า อย่ามามองหน้า ไม่ชอบรำคาญ”
“หนูอี๊ด” ท่านขุนเสียงเข้ม
“อย่าว่าอย่าพูดแม้แต่ทำท่าทางไม่พอใจเขาอีกต่อไปนะหนูอี๊ด”
“หนูจะทำ หนูไม่กลัวดอก ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนูไม่อยากให้มันมาเหยียบเรือนนี้ด้วยซ้ำ กลับไปนะ กลับไปแล้วอย่ามาเหยียบอีก”
เนียนลุกโดยดี แต่ขุนภักดีลุกแล้วดึงร่างเนียนไว้แถมกอดประคอง
“นี่คือคุณนายเนียน ภักดีภูบาล เมียคนที่สามของขุนภักดีภูบาลใครจะมาดูแคลนจิกหัวด่าไม่ได้”
“คุณพ่อโดนเสน่ห์ยาแฝดของมัน”
“หยุดมารยาททราม ใส่ผู้หญิงคนนี้ได้ไหม ยัยอี๊ด”
“พี่ขุนคะ” เนียนพยายามห้าม
“ใครอนุญาตให้เรียกพ่อชั้นว่าพี่ขุน”
“พ่อเอง” ขุนภักดีบอก
“ทำไม ทำไม ในเมื่อนี่ก็แค่อดีตเมียที่คบชู้”
ท่านขุนบันดาลโทสะยกมือจะตบหน้าอี๊ด
“อย่านะคะ”
เนียนปราดมาบังลูกสาวไว้ เรียมเข้ามาดึงมือท่านขุนไว้ แต่แล้วทานตะวันกลับผลักเนียนจนล้มลงไป
“อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวชั้น ชั้นรังเกียจ ขยะแขยง”
“คุณหนูเจ้าขา” เนียนสะท้อนใจ
“ไปนะ” ทานตะวันตะเพิดไล่
“หยุดเดี๋ยวนี้”

เรียมตวาดเสียงดังมาก

เช่นเดียวกับขุนภักดีสุดทนแล้ว ปราดเข้าไปเขย่าตัวทานตะวันอย่างแรง จนร่างแบบบางโยกไปโยกมา

“แกนั่นแหละ น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง ก้มลงกราบแทบเท้า ผู้หญิงคนนี้เดี๋ยวนี้ แล้วกล่าวคำว่าขอโทษ”
“ไม่ ๆๆ คุณพ่อ นอกจากจะโดนเสน่ห์ยังเสียสติด้วยหรือคะ”
“แกนั่นแหละที่เสียสติพูดจากับพ่อไม่มีมารยาทหยาบคาย ราวกับไร้การอบรม ฟังนะผู้หญิงที่แกดูถูกเหยียดหยามมาตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่คนนี้คือ…”
เนียนตกใจรีบห้ามไว้ “อย่านะคะ พี่ขุน”
“พูดมาเลยค่ะ คุณพ่อว่ามันคือใคร” ทานตะวันท้าทาย
“ไม่นะคะ” เนียนส่ายหน้า
ขุนภักดีไม่ฟังแล้ว เป็นตายยังไงก็ต้องบอกให้ลูกรู้สำนึก
“เขาคือแม่บังเกิดเกล้าที่เอาแกใส่ไว้ในท้องถึงเก้าเดือน”
ทานตะวันตะลึงงัน
“ไม่จริง ๆ โกหก ๆ คุณแม่ คุณพ่อโกหกหนู”
เรียมพูดเสริม “นี่คือความจริง แม่ไม่ใช่แม่ของหนู แต่แม่เนียนคือแม่ของหนู”
เนียนได้แต่ร้องไห้มองหน้าทานตะวัน ที่หน้าซีดขาว เหมือนโดนฟ้าผ่า
“แอร๊ยยย... มันไม่ใช่แม่ของหนู แกไม่ใช่แม่ของชั้น”
ท่านขุนตวาดลั่น “อีเด็กอกตัญญู อีลูกทรพี”
“พอแล้วค่ะ พี่ขุนพอแล้วค่ะ คุณหนูอี๊ดขา แม่ เอ้อ ชั้น ขอโทษ” เนียนมองหน้าทานตะวัน
สุดจะทนแล้วทานตะวันด่าทิ้งทวนแล้ววิ่งหนีเข้าห้องไป
“อย่ามาเอ่ยคำว่าแม่กับชั้น ชั้นไม่มีแม่เป็นลูกชาวนา”
เนียนผวาตาม เรียมกับท่านขุนประคองเนียนไว้
“พี่จะตามไปเฆี่ยนมันให้หลังลาย” ท่านขุนฮึ่มฮ่ำจะเอาเรื่องลูกสาวแสบ
ท่านขุนกระชากแส้ม้ามาแล้ว เนียนก้มลงกราบเท้าขุนภักดีกอดขาดึงไว้ส่ายหน้าน้ำตานอง
“ฆ่าเนียนให้ตายดีกว่าไปเฆี่ยนคุณหนูค่ะ เกิดมาไม่เคยขอสิ่งใดจากพี่ขุนแต่ครั้งนี้ ขอสักครั้งเถิดค่ะ”
“นะคะ พี่เทพไม่ใช้ความรุนแรงนะคะ”
เรียมเกลี้ยกล่อม พลางดึงแส้ม้ามาจากมือท่านขุน

ด้านทานตะวันตกใจ เสียใจช๊อค กับสิ่งที่รับรู้ ร้องไห้โฮๆๆๆๆ แต่ได้ยินเนียนพูดทุกคำ
“ไม่จริง ไม่จริง ชั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ชั้นจะต้องอับอายมากมายแค่ไหน ทำไมต้องมีแม่เป็นชาวนา ฮือๆๆๆ คุณพ่อ คุณแม่ใจร้าย”
ทานตะวันรับไม่ได้ ร้องไห้ทุบพื้นทุบผนังไปตามเรื่องตามราว อาละวาดไปเรื่อยๆ

ฝ่ายสองคนช่วยกันปลอบใจเนียน
“พี่ต้องบังคับเด็กดื้อคนนั้นให้มันมากราบแทบเท้าเนียนให้ได้เด็กอะไร ต่อให้ไม่ใช่แม่ แต่เขาเคยให้ชีวิตรอดพ้นจากฟ้าผ่าตายยังไม่ระลึกถึงพระคุณ นังเด็กอมนุษย์”
“พี่ขุนขา ไหนว่าจะไม่โกรธเคืองกันแล้วคะ” เนียนบอก
“มันก็น่าโกรธเคืองอยู่นะเนียน” เรียมฉุนไม่หาย
“ให้เวลาแกสักระยะนะคะ แกคงตกใจ ยังไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัว”

ท่านขุนกับเรียมค่อยอารมณ์เย็นลง เริ่มฟังคำขอร้องของเนียน

ส่วนทานตะวันนั่งร้องไห้อยู่หลังประตู ได้ยินเสียงเนียนพูดกับท่านขุนและเรียมทุกคำ

“เนียนทนได้ค่ะ แกไม่ยอมรับว่าเนียนเป็นแม่ก็ช่างแกเถิด ขอเพียงแกรับรู้ ว่าแกเคยอยู่ในท้องของเนียน ก็พอแล้ว เนียนขอเพียงได้ชื่นชมมองลูกอยู่ เช่นนี้ตลอดไปจนตายเนียนก็ทนได้ค่ะ แกไม่ใช่เด็กร้ายกาจอะไร เพียงแค่อาจโดนตามใจมากเกินไป เนียนเองก็มีส่วน เพราะรักแกมากมายจนไม่เคยโต้แย้งสิ่งใดกับแก ทั้งที่รู้ว่าแกทำไม่ถูก พูดไม่ถูก”
เสียงท่านขุนดังตามมา “แต่มันเป็นลูก มันต้องเคารพแม่ของมัน พี่ต้องบังคับมันให้ได้”
“ไม่ได้ดอกค่ะ พี่ขุน เรื่องของความรักความเคารพ ถ้าไม่ได้เกิดจากความรู้สึกของตัวแกเอง เนียนก็ไม้ต้องการดอกค่ะ อย่าไปบังคับให้แกมารักมาดีมาเคารพเนียนเลยค่ะ”
ทานตะวันสงบลง ค่อยรู้สึกดีขึ้นบ้าง ร้องไห้เบาลง แล้วเงี่ยหูฟังต่อ

เนียนเห็นเรียมตั้งท่าจะพูด จึงยกมือขอร้องเรียม แต่เรียมไม่ฟัง
“ใช่ว่าเรื่องฟ้าผ่าคือครั้งแรกที่เนียนช่วยเด็กคนนั้น ยังมีเรื่องที่โดนไอ้แช่มปล้ำ คนที่ไปปกป้องไว้ได้ก็ล้วนเป็นเนียน”
คำพูดนั้นกระแทกเข้าหน้าทานตะวันเต็มๆ จากนั้นภาพโจรคลุมหน้ามาต่อยตีและปลุกปล้ำ กระทั่งเนียนมาช่วยจนโดนตบตีเองผุดขึ้นมาในมโนนึก
ทานตะวันป้ายน้ำตาป้อยๆ ใจอ่อนยวบลงมาอีกนิดหนึ่ง
ส่วนเรียมพูดพร่ำระบายต่อ “เพราะพี่แท้ๆที่สร้างความทุกข์ให้เนียนมายี่สิบกว่าปีมาจนบัดนี้ เพราะความกตัญญูรู้คุณของเนียน เพราะความรักลูกของเนียน เนียนรู้ว่า ลูกอยู่กับเนียน ในช่วงนั้นลูกคงไม่สุขสบายเหมือนกลายเป็นลูกของพี่”
“เนียนขอเพียงเฝ้าดูแกอยู่ห่างๆ ในความทุกข์นั้น มันเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่ได้ทำเพื่อลูก ที่ได้เห็นหนูอี๊ดมีชีวิตสวยงาม ไปเรียนเมืองนอก มีร้านเสริมสวย ถ้าเนียนไม่ยกแกให้คุณพี่เรียม มีรึแกจะมีวันนี้ได้ เนียนสิคะ ต้องขอบพระคุณ คุณพี่เรียม”

ทานตะวันนิ่งฟังคำพูดของเนียน จิตใจเริ่มหวั่นไหวไขว้เขวมาทางใจอ่อน
“แต่วันนี้ของชั้นกำลังสูญสลาย ลงไปในพริบตา เพราะความจริงที่โหดร้าย ถูกเปิดเผย” ทานตะวันครวญคร่ำ
เสียงท่านขุนดังเข้ามา “เป็นลูกชาวนา แต่เป็นคนดี ดีกว่าเป็นลูกขุนภักดีแต่เป็นคนเลว”
“คุณพ่อด่าเราเลว คุณพ่อชมเด็กติ๋วว่าดี”
ตามด้วยเสียงเรียม “เนียนคือแม่ที่อดทนเหลือเกิน คำน้อยไม่เคยปริปากบ่นหรือไม่พอใจหนูอี๊ดทั้งด่าว่า ใส่ร้ายดูถูกเหยียดหยามสารพัด”
และเสียงเนียน “เนียนเป็นแม่นี่คะ แม่ไม่มีวันโกรธแค้นชิงชังลูก ต้องอภัยให้ลูก โดยไม่มีข้อแม้”
ทานตะวันสะท้อนใจ “ผู้หญิงคนนี้อดทนเรามากมายถึงเพียงนี้ เชียวหรือ”
“เด็กคนนั้นมันจะรู้สึกบ้างไหมว่า นี่คือความรักอันยิ่งใหญ่ของผู้เป็นแม่” เสียงท่านขุนดังเข้ามาอีก
ต่อด้วยเสียงเรียม “สักวันที่เขาได้ลิ้มรสความเป็นแม่ เขาจะค่อยๆ เรียนรู้เองแหละค่ะฝาแฝดกับหนูติ๋วแท้ๆ แต่นิสัยต่างกันเหลือเกิน”
“ฝาแฝด เราเป็นฝาแฝดกับเด็กติ๋ว โอย มิน่ามันถึงเกิดวันเดียวกับเรา หน้าตาเหมือนเรา นี่ นี่มันบ้าอะไรกัน เราต้องกลายเป็นฝาแฝดกับศัตรู”
ทานตะวันมีท่าทีอ่อนลงอีกอย่างเห็นได้ชัด
ท่านขุน เรียม และเนียนกำลังพูดคุยกันต่อ
“ให้เวลาผ่านไปสักพัก หนูอี๊ดแกคงสบายใจขึ้น อย่าไปบีบคั้นให้แกทำในสิ่งที่แกกำลังเจ็บปวดเลยนะคะ” เนียนขอร้อง
“ลงท้ายก็ยอมแพ้คนอื่นทุกทีสิน่า” เรียมอดต่อว่าไม่ได้
“นี่ถ้าเปลี่ยนจากเนียนเป็นสน หนูอี๊ดเห็นทีจะโดนหาประโยชน์จากเรียมจนย่ำแย่”
“เนียนกลับเรือนก่อนนะคะ เนียนจะไปดูแลอาหารของคุณท่านนี่เช้ามืดแล้ว”
เนียนลากลับ
เสียงเนียนเงียบไป ท่านขุนกับเรียมพลอยเงียบตามไปด้วย
“เราต้องกลายเป็นพี่น้องกับเด็กติ๋ว คุณแม่รู้มาตลอด ถึงได้ทำดีกับมันจะหันหน้าไปหาใครดี อียัยสนบ้าก็เหมือนดังคนเสียสติ มันไม่ยอมลงให้เราอีกต่อไปแล้ว โอย ไม่มีเพื่อน ไม่มีแม้แต่ลูกน้อง”

ทานตะวันรำพึงรำพันนั่งน้ำตาไหลรินอยู่เงียบๆ ไม่ส่งเสียงร้องไห้ดังๆ แล้ว

อ่านต่อหน้า 2

อาญารัก ตอนที่ 20 (ต่อ)

สองคนเรียม กับท่านขุน มาแอบที่หน้าประตูห้องเงี่ยหูฟังเสียงทานตะวันในห้อง

เรียมกระซิบบอก “เสียงสะอื้นเงียบไปแล้วค่ะ”
“เด็กนั่นมาแอบฟังเราพูดกัน ดีละ คำพูดน่าสงสารของเนียนจะเสียดแทงไปในความรู้สึก ของเด็กคนนี้บ้างสักนิดไหม” ขุนภักดีกระซิบเช่นกัน
“อย่างน้อยแกก็มีเลือดของเนียน เลือดของคนอ่อนโยนจิตใจดีงามแต่มันอาจซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ สักวันมันก็คงค่อยๆ ผุดขึ้นมาให้ปรากฎสักวัน
ท่านขุนโอบเรียม พยักหน้าให้กลับเข้าห้อง

ค่อนรุ่ง ด้านสนนั่งหลับสัปหงกอยู่คนเดียวในห้อง รอบกายมีทั้งสายสิญจน์ ยันต์เครื่องลางของขลังประดามี วางรายรอบตัว มีเสียงลมพัดอื้ออึงเสียงร้องครวญครางเจ็บปวด
สนลืมตา เห็นเป็นช้อยเดินนำหน้าขบวนผี มือถือมีด มียายอ่อนตามติดถือพาย ส่วนผีตนอื่นๆ ถืออาวุธมาคนละอย่าง
“อีสน อีคนใจสัตว์ มึงไม่ใช่คน นี่ไงผลงานสะสมศัตรูของมึง พวกกูมากันทั้งหมด เพื่อมาทวงชีวิตมึง พวกเรา ลงทัณฑ์ อีสนคนชั่ว” ช้อยคำราม พร้อมกันนั้นผีทุกตัวต่างปรี่มาทุบตีดึงสน บ้างทิ่มแทง ตบตี สนวี้ดว้ายกรีดร้องลั่นระงม

รุ่งเช้าทองจันทร์เดินนำหน้า มีเนื้อทองเนียนเดินตามหลัง กบกะแมวตามมาอีกที ถือข้าวของใส่บาตรมาด้วย จังหวะนั้นเสียงสนหวีดร้องดังมาก ทองจันทร์หยุดเหลียวมองไปทางเรือนสน
“แม่สนเลี้ยงเปรตเอาไว้รึนั่น”
“ไม่ใช่เสียงเปรตดอกเจ้าค่ะ” กบว่า
แมวบอก “เสียงคุณนายสนเจ้าค่ะ”
“ผีเปรตเข้าสิงแม่สนรึ จึงได้ร้องราวกับเปรต”
“คุณนายสนร้องแบบนี้บ่อยๆ แล้วเจ้าค่ะ พวกเราได้ยินจนชินแล้วเจ้าค่ะ” กบว่าอีก
“ผีเปรตไร้เพื่อนคงโดนสิงเอาสินะ น่าสมเพชแท้ๆ” ทองจันทร์ส่ายหัว
“พระพายเรือมาแล้วค่ะ คุณ เอ้อ...” เนียนบอก เรียกหญิงชรา แม่สามีอย่างเก้อเขิน
ทองจันทร์ต่อคำให้เอง “คุณแม่ จำเอาไว้ว่าชั้นคือคุณแม่ แล้วตัวแกน่ะ คุณนายเนียน ลูกแกก็คุณหนู...”
เนียนรีบตัดบท กลัวทองจันทร์จะหลุดปาก “คุณแม่คะ พระท่านจอดเรือแล้วค่ะ”
เนื้อทองฟังแล้วงงๆ แต่ก็รีบกุลีกุจอไปกับเนียน พาทองจันทร์ไปใส่บาตร กบกะแมวแอบซุบซิบกัน
“น้ำมาปลากินมด”
“ตอนนี้...น้ำลดมดกินปลา”
ทองจันทร์ได้ยิน “พวกเอ็งหมายถึงใครรึ”

กบกะแมวประสานเสียง “เปรตเจ้าค่ะ”

เวลานั้นสนนั่งตัวสั่นงันงก พนมมือแต้ กลัวจับจิต

“กลัวแล้ว กลัวแล้ว ไปนรกเสียเถิด อย่าได้กลับมาผุดมาเกิดอีกเลย”
เทิดศักดิ์เปิดประตูห้องเข้ามา มองสภาพแม่ เห็นผมเผ้ายุ่งเหยิงไปทั้งตัวก็อุทานอย่างตกใจ
“อะไรกันนี่ คุณแม่เอาของพวกนี้มาไว้รอบเตียงนอนทำไม”
เทิดศักดิ์เดินเข้าไปใกล้ พยายามเรียกเบาที่สุด กลัวสนตกใจ
“คุณแม่ครับ”
สนหวีดร้องขึ้นมาจนได้ หลุดปากชื่อผีที่ตนฆ่าออกมาทั้งโขยง
“ไปนะ อีช้อย อีอ่อน ไอ้ถม ไอ้สาย ไอ้เสริม ไอ้...”
“คุณแม่ครับ ผมเองเทิดศักดิ์”
สนสะดุ้งแล้วลืมตาโพลงมองมา ดีใจโผกอดลูกชายแน่น
“เทิดศักดิ์ทำไมไม่กลับมาบ้าน ลูกหายไปไหนมาทั้งคืน”
“ผมกลับมาไม่ได้ดอกครับ ผมต้องไปจัดการเรื่องศพยายอ่อน นี่ผมก็กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วต้องรีบไปอีก ตายกันบ่อยมากล้วนแล้วแต่ เกี่ยวพันกับบ้านเราทั้งนั้น ถ้าผมสืบเรื่องให้กระจ่างจับตัวคนร้ายไม่ได้ ผมจะไม่ได้รับความเชื่อถือจากนายของผม”
สนหู่ผึ่ง สติฟื้น ถามหยั่งเชิง “เอ้อ แล้ว แล้ว เขาสงสัยใครรึ”
“กำลังหาหลักฐานเพิ่มครับ ต้องสอบปากคำคนที่พบเห็นยายอ่อน ยัยช้อยก่อนตายให้หมด ว่าไปหาใคร พบใครพูดอะไร”
คำพูดดังกล่าวกระแทกเข้าที่หน้าสน เหตุการณ์ที่ทองจันทร์บอกสนว่าช้อยไปเปรยว่าเทิดศักดิ์อาจไม่ใช่ลูกท่านขุน
ผุดขึ้นมาหลอนหลอกสนถึงกับหน้าซีด เทิดศักดิ์เห็นโอบแม่ปลอบ
“คุณแม่อย่ากังวลไปเลยครับ ผมไปก่อนนะครับ”
เทิดศักดิ์เดินออกไป สนมองตาม เดินไปที่หน้าต่างแล้วสนก็เห็นบางอย่าง

ในสายตาสนที่มองมา เห็นทองจันทร์เดินนำหน้ามี เนียน เนื้อทอง กบและแมวเดินตามกันเป็นทิวแถว ดูทุกคนมีความสุขสดชื่นมาก
สนเจาะจงจ้องมองที่ทองจันทร์เต็มๆ ด้วยสายตาอาฆาตแค้น
“ครั้งสุดท้าย และคนสุดท้าย แล้วกูจะวางมือสักที”
สนบอกตัวเองพร้อมกับยิ้มอย่างน่ากลัว ดูโหดร้ายปนบ้าดีเดือด

ฟากเรียมมาเคาะเรียกลูกสาว
“หนูอี๊ด ออกมาทานข้าวกันสิลูก ฝีมือแม่เนียนนะลูก”
เสียงทานตะวันดังแหวดออกมา
“หนูไม่กิน หนูไม่หิว”
“ถ้าเช่นนั้นก็ตามใจหนูเถิดลูก แม่จะตั้งสำรับไว้ หน้าห้องนี่แหละ”
เรียมยิ้มกับตัวเอง
“จะทนหิวอยู่ได้ถึงกี่โมงกี่ยามก็ตามใจ”
เรียมเดินออกไปไม่ลืมวางสำรับไว้หน้าห้อง

ทานตะวันนั่งตาขวางมองไปทางประตูห้อง บ่นบ้าอย่างถือดีตามเคย
“คุณแม่คุณพ่อกำลังบีบให้เราจนแต้ม ไม่มีเสียละที่จะยอมจำนน”

ทุกคนรวมตัวกันอยู่ตรงที่ฝังศพลูกของเรียม บริเวณนั้นมีดงดอกไม้ขึ้นหนาแน่นเหนือเนินดิน เห็นทุกคนยืนรายล้อมกันอยู่ ขุนภักดียืนนิ่ง มีทองจันทร์ เนียน และเรียมน้ำตาคลอ เอกยืนถือธูปกำใหญ่จุดแล้วอยู่ด้านหลังทุกคน
“นี่ถ้าไม่พากันบอกความจริงให้แม่รู้สักครู่นี้ ดีไม่ดีแม่ตายก่อนรู้ความจริง แม่คงไม่ไปผุดไปเกิดดอกนะ”
“คุณแม่อย่าพูดเรื่องนี้สิครับ พูดกับยายหนูสิครับ แกอาจกำลังมองดูเราจากสวรรค์อยู่นะครับ”
ทองจันทร์หันไปรับธูป ทุกคนรับธูปจากเอก
“หลานย่า ขอให้หนูกลับมาเกิดใหม่ เป็นลูก เอ ลูกใครดีล่ะ เอาเป็นว่าลูกใครก็ได้ ที่เกี่ยวดองเป็นญาติของเรา ยกเว้นแม่สนนะหลานนะ ย่าเสียใจ ที่ไม่ทันได้พบหน้าหลาน ตอนที่มีชีวิตอยู่”
“ยายหนูของพ่อ พ่อรักหนูนะ แม้ว่ายังไม่ทันพบหน้ากัน แต่พอก็รอพบหน้าหนูอยู่เก้าเดือน เกิดชาติหน้าฉันท์ใด มาเป็นลูกพ่อและได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพ่อไปจนตายจาก นะลูกนะ”
“หนูจ๋า แม่มาเยี่ยม หนูได้ยินแม่ไหม ถึงจะห่างไกลถึงบนสวรรค์ แต่หนูก็คงรับรู้ว่า วันนี้ทุกคนพากันมาแสดงความรักความคิดถึงหนูนะลูก”
เนียนเอ่ยขึ้น
“กลับมาพบกันใหม่ อยู่ด้วยกันให้เนียนได้ดูแลรับใช้นะคะคุณหนู”

ทุกคนปักธูปแล้ว เหนือดงดอกไม้หย่อมเวลานั้น มีควันธูปลอยอ้อยอิ่งขึ้นด้านบนท้องฟ้า

เวลาผ่านไปอีก แดงน้อยมาพบขุนภักดีในห้องทำงาน
“เรื่องยายอ่อน มีความคืบหน้าถึงไหนแล้ว”
แดงน้อยมีทีท่าอึดอัดมากที่จะเอ่ยถึง
“เอ้อ สำนวนอยู่ที่เทิดศักดิ์กับท่านผู้กำกับครับ”
“พ่อก็ถามไปตามฐานะที่ต้องรับรู้ แต่ที่ให้มาพบวันนี้ เป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดของชีวิตแดงน้อย”
“หรือครับ” แดงน้อยมีท่าทีตื่นเต้น
“แดงน้อยบอกพ่อให้กระจ่างเรื่อง หนูติ๋ว บัดนี้พ่อกระจ่างทั้งหมดแล้ว ว่าหนูติ๋วคือลูกของพ่อ ถึงคราวที่พ่อจะตอบแทนแดงน้อยบ้าง”
“ไม่ต้องดอกขอรับคุณพ่อ”
“ต้องสิ รึแดงน้อยไม่อยากรู้ว่าใครคือแม่ของแดงน้อย”
“คุณพ่อ ผมอยากรู้ที่สุดในโลกครับ”
“ไม่แปลกใจ ไม่เอะใจบ้างรึ ว่าทำไม เนียนจึงโอนที่นาให้แดงน้อยตั้งแต่แดงน้อยอายุสี่ขวบ ไม่แปลกใจบ้างรึ ที่เขารักใคร่แดงน้อยมากมาย”
“คุณพ่อ นี่ นี่”
“นี่แหละคนนี้แหละ”
แดงน้อยตะลึงน้ำตาซึม

เย็นนั้น เรียมยิ้มย่องมองสำรับอาหารที่หมดเกลี้ยงไปแล้ว
“จะพยศต่อไปอีกสักมื้อไหม ยัยหนูเอ๊ย”
ท่านขุนเดินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับทองจันทร์
“พี่พาคุณแม่มาดูเด็กพยศ นั่งครับคุณแม่ นั่ง นั่ง”
เรียมกุลีกุจอประคองพาทองจันทร์มานั่ง ทองจันทร์มองแต่ละคนแล้วยิ้มให้กันพยักเพยิด
“เอ พ่อเทพกับเรียมดูมีนัยกันอย่างไรพิกลนะ จู่ๆ ก็อยากพาแม่มาเรือนนี้ แม่กำลังดูเนียนร้อยพวงมาลัยเพลินๆทีเดียว เลยต้องทิ้งเนียนเขาไว้ลำพัง”
“ทิ้งไว้ลำพังน่ะดีแล้วค่ะ คุณแม่” เรียมบอก
“เดี๋ยวมันก็โดนใครบุกขึ้นมาฆ่าเอาดอก”
สองคนยิ้มสบตากันอีก เรียมกระซิบบอกเบาๆ ทองจันทร์ร้องท่าทีตื่นเต้น
“ไฮ้”
แล้วทองจันทร์ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มดีใจ

ด้านเนียนกำลังนั่งร้อยมาลัย แดงน้อยเดินมาคุกเข่าคลานมาแต่ไกล ในมือถือพานพวงมาลัยมาด้วย เนียนมองมาตกใจ
“นายอำเภอ”
แดงน้อยคลานมาก้มลงตรงหน้าเนียน กราบแทบเท้า
“ผมมากราบเท้าแม่เนียน”
เนียนตะลึง มือสั่น มาลัยตกจากมือ
“นายอำเภอ”
“ผมดีใจที่สุดในชีวิต ที่ได้เป็นลูกของแม่เนียน ผมมีความสุขเหลือเกินในที่สุดความฝันความหวังของผมก็กลายเป็นความจริง” แดงน้อยบอกเสียงเครือๆ
ตลอดเวลา เนียนน้ำตาไหลพรากด้วยความตื้นตันใจ เนียนมือสั่นไปหมด ยื่นสองมือมาแตะบ่าแดงน้อยประคองขึ้นมา
“ลูกแดงน้อยของแม่ แม่ ๆ แม่มีความสุข จนสุดที่จะเอ่ยออกมาได้ ลูกรักทูนหัวของแม่”
สองแม่ลูกโผกอดกัน แดงน้อยน้ำตาซึม เนียนน้ำตาไหล
“ทูนหัวของลูก ต่อไปนี้ ลูกจะดูแล จะทดแทนพระคุณไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
“แม่ขอโทษที่ปิดบังความจริง แม่เสียใจที่ไม่ได้ดูแลลูก อภัยให้แม่นะทูนหัวของแม่”
“แต่ลูกรู้ด้วยสำนึกว่าแม่ห่วงใย รักใคร่ติดตามเรื่องราวของลูกเสมอมา”

สองแม่ลูกโอบกอดกันราวกับกลัวว่าจะพรากจากกันอีก

อ่านต่อหน้า 3

อาญารัก ตอนที่ 20 (ต่อ)

ทานตะวันยังคงนั่งคิดไม่ตกต่อไป

“เราจะเอ่ยปากเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่ออกมาได้อย่างไร ทำไม่ได้เราทำไม่ได้”
“ลูกที่อับอายแม่ตัวเอง นี่มันน่าเอาขี้เถ้ายัดปากตั้งแต่ตอนที่เพิ่งเกิดมา ลูกแบบนี้มันไม่น่ามีแม่แสนดี อย่างเนียนดอก มันน่าให้ไปมีแม่เป็นนางคนใจร้าย ใจดำอำมหิต แม่จะไปบอกเนียนมันว่าให้ตัดใจเสีย คิดเสียว่า ไม่เคยมีลูกคนนี้”
ว่าแล้วทองจันทร์ก็ขยิบตาให้เป็นนัยกับท่านขุนและเรียม
“คุณแม่ครับ พูดมันง่ายแต่ทำมันยากนะครับ เนียนเขารักลูกมากมายถึงขั้นเอาตัวไปบังฟ้าผ่าก็ทำมาแล้ว” ขุนภักดีทำทีเป็นทักท้วง
“แม่นึกออกแล้ว เราช่วยกันผลักไสให้มันไปเป็นลูกแม่สน” ทองจันทร์ว่าซะเสียงดัง
จากนั้นสามคนต่างก็ยิ้มๆ ให้กัน

คำพูดของผู้เป็นย่ากระแทกหน้าอี๊ด
“จริงสิ ผู้หญิงคนนั้นช่วยชีวิตเรา เมื่อไม่นานมานี้เอง”
เหคุการณ์ตอนคืนฟ้าผ่า เนียนกระชากเนื้อทองแล้วกระโดดคร่อมตัวเอาไว้ปกป้องสุดชีวิตผุดขึ้นมา
“เขายอมตายเพื่อเรา”
ทานตะวันรำพึง
พร้อมๆ กันนั้นภาพเหตการณ์ที่สนด่าทอใส่ทานตะวัน ล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดที่แรงๆ ก็ผุดขึ้นตามมาติดๆ
ทานตะวันใคร่ครวญครุ่นคิด
“แต่แม่สน ทั้งที่เราเรียกว่าแม่ แต่ไม่เคยแสดงความป็นแม่กับเราสักครั้ง”
เสียงเรียมดังเข้ามาอีก “สนมีแต่ยุแหย่ให้หนูอี๊ดเกลียดชังเนียน เพราะตัวเองเกลียดเนียน”
ตามมาด้วยเสียงท่านขุน “สนเอาหนูอี๊ดเป็นเครื่องมือทำลายเนียนมาตลอด ลูกเราก็ช่างโง่เง่า ไม่เคารพยังไม่พอ ร่วมมือกับคนอื่นทำร้ายแม่ตัวเอง นรกแท้ๆ”
ทองจันทร์เสริมต่อ “จะมาถือยศถือเกียรติอะไรกันหนักหนา คำนำหน้าว่าขุนว่าหลวงก็แค่หัวโขน ต้นตระกูลชาวนากันทั้งนั้น แม่นี่แหละ ลูกชาวสวนชาวนา แต่พี่จมื่นพ่อของพ่อเทพ ก็ดั้นด้นไปกราบไหว้ขอแม่มาจากพ่อแม่ของแม่ ถ้าเช่นนั้นสักวัน ยัยอี๊ดมันรู้เข้า มันมิเลิกยอมรับว่าแม่คือย่าของมันรึ”
ขุนภักดีฮึ่มฮ่ำทำเป็นโกรธ “ลามปามมาถึงผม เพราะผมก็เป็นหลานชาวนา ช่างน่าขำ”
ถึงตอนนี้ทานตะวันเอามือปิดหูไม่อยากรับรู้อีกแล้ว
เสียงเรียมดังเข้ามาอีก “ต้นตระกูลเรียมก็เป็นเจ๊กจีน หอบเสื่อผืนหมอนใบล่องทะเลมา ปู่เรียมเป็นจับกังแบกข้าวสารที่ท่าเรือ ส่งคุณพ่อเรียนจนได้ดิบได้ดีในวงราชการ เรียมน่ะหลานจับกังแบกข้าวสารแท้ๆ ที่นาเท่ากระแบะมือก็ไม่มี แต่เนียนนี่สิยังมีตั้งสิบไร่”
ทานตะวันลุกพรวดขึ้นเปิดประตูห้องออกไปทันที

สามคนที่นั่งสลอนอยู่ในโถง เห็นทานตะวันเดินออกมาหน้าตาอิดโรย
“หนูอี๊ด”
“เลิกกระแหนะ กระแหนทำร้ายจิตใจหนูกันสักทีได้ไหมคะคุณย่าคุณพ่อ คุณแม่ หนูรู้ตัวว่าหนูเป็นเด็กเลวร้ายเอาแต่ใจตัวเองดูถูกคนอื่น หนูเคยตัวมานานมาก ทำไมไม่ให้โอกาสให้เวลา ให้หนูเกิดความเต็มใจที่จะยอมรับอะไรๆ เองสักพัก เหมือนอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นเขาบอกกับคุณพ่อคุณแม่เล่าคะ” ทานตะวันบอก
สามคนมองหน้ากัน ทองจันทร์พยักหน้าปลงๆ
“พ่อเทพ แม่เรียม เด็กเคยตัวมานานอย่างนี้ ออกมาแสดงให้เห็นดังที่เขาพูดมาได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าดีโขแล้ว”
“จำไว้นะหนูอี๊ด ไม่มีใครหวังดี ไม่มีใครเสียสละให้หนูเท่าแม่ที่แท้จริงอีกแล้ว” เรียมสำทับ
“แม้แต่คุณแม่หรือคะ” ทานตะวันย้อนถาม
“อาจจะใช่ เพราะแม่มีความสุขสบาย แต่ถ้าแม่เป็นอย่างแม่เนียนแม่คงทำไม่ได้ดีเท่ากับเขาดอก แม่ดีใจที่ลูกออกมาพูดเช่นนี้” เรียมบอก
“พ่อก็ดีใจ เราจะไม่บังคับจิตใจลูก เราจะปล่อยให้เป็นไปตามการตัดสินใจของลูก”
“จำไว้นะหนูอี๊ด ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังรอคอยความหวังลมๆ แล้งๆ จากลูกสาวของตนเองว่าจะยอมรับว่าเขาเป็นแม่ไหม แม่จะกลับเรือนเสียทีพ่อเทพ แม่เรียม” ทองจันทร์จ้องหน้าหลานสาว
เรียมพาทองจันทร์เดินลงเรือนไป ท่านขุนเดินมาโอบกอดลูกสาว ซึ่งยังคาใจบางประการอยู่
“แล้วผู้ชายคนที่มาพบกับเขาที่แม่สนบอกว่าเป็นชู้ของเขาเล่าคะ”
“ลุงของหนู พี่ชายแท้ๆ ของเขาต่างหาก แม่สนหาความเขา และพ่อก็หูเบามานานมากจนเกือบจะสายเกินไปแล้ว”

ทานตะวันพยักหน้าเงียบๆ ครุ่นคิดไปเรื่อยๆ อีก ท่านขุนยิ้มพึงพอใจ

ฟากแดงน้อยนอนหนุนตักแม่สีหน้าแช่มชื่น เนียนเอาขนมป้อนใส่ปาก สองคนแม่ลูกดูมีความสุขกันมากๆ

“ผมอยากมีตักของแม่เอาไว้นอนหนุนมานานแล้ว วันนี้ผมสมใจสักที”
“แม่ก็อยากให้ลูกมานอนตรงนี้ที่ตักของแม่มานานมากเช่นกัน”
“เทิดศักดิ์รู้ เขาคงดีใจกับผมมาก ผมจะไปบอกเขาเป็นคนแรก”
“คุณเทิดศักดิ์ คงกำลังเหนื่อยมาก น่าสงสารแท้ๆ”
เนียนพูดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“ทำไมแม่เนียนต้องเศร้ามากเมื่อพูดถึงเทิดศักดิ์ครับ”
“เขาเป็นคนดีเหลือเกิน ดีจนแม่ไม่อยากเห็นเขาต้องมาทุกข์ร้อนใจ” เนียนบอก
“แม่เนียนหวังดีห่วงใยใครๆ ไปเสียทุกคน เอ้อ แม่เนียนครับ น้องติ๋วทราบเรื่องของผมหรือยังครับ”
“ยังเลยลูกรัก น้องยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาเป็นลูกพี่ขุน พี่ขุนกำลังหาโอกาสจะบอกน้องอยู่ แต่ติดขัดตรงที่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นทุกวัน แม่เองก็ต้องบอกน้องเรื่องของลูก”
“น้องคงดีใจมากนะครับ แม่เนียน” แดงน้อยยิ้มชื่น
“จ้ะ คงดีใจมาก”
จังหวะนี้ทองจันทร์เดินเข้ามาพร้อมกับเรียม
“อ้าวนั่นอะไรกัน ใครมานอนหนุนตักกันป้อนขนมให้กันกิน ไม่กลัวว่าใครเขาจะอิจฉาเลยรึ แดงน้อยอายุยี่สิบกว่า ไม่ใช่สองขวบกว่านา” ทองจันทร์เย้า
เนียนกับแดงน้อยตกใจนิดหนึ่ง
“คุณท่าน เอ้อ คุณแม่ คุณพี่เรียม เอ้อ…”
“ดีใจด้วยนะแดงน้อย แม่เนียนของแดงน้อยน่ะ ทั้งดีทั้งน่ารักและเก่งสารพัด”
ทองจันทร์เหน็บ “ไม่เก่งเรื่องเดียว ไม่ยอมสู้คน เก่งที่สุดคือร้องไห้ มันน่าส่งไปเป็นนางเอกยี่เกนัก ที่ผ่านมาก็ยิ้มไม่เป็น แต่นับจากนี้ คงยิ้มจนพร่ำเพรื่อ จริงไหมเนียน”
เนียนยอมรับ “เอ้อ ค่ะ”
“ย่าดีใจมาก นี่ก็รอแม่ตัวร้ายให้เขาใช้เวลาไตร่ตรองเติมสติ แล้วเราจะฉลองกันอีกครั้ง”
“คุณย่าหมายถึงหนูอี๊ดน่ะจ้ะ” เรียมอธิบาย
ทุกคนยิ้มย่องเบิกบาน และสบายใจ

หลายวันต่อมาที่แหล่งกบดานของเสือหนัก
เวลานั้นหนักได้รับรายงานจากเสน่ห์ เรื่องเนียน เรื่องสน หนักโกรธมาก
“จริงรึนั่น อีสนมันใส่ร้ายน้องกูอีกแล้วรึ มันต้องได้รับโทษสาสมกับสิ่งที่มันกระทำต่อน้องกู”
“พวกชาวบ้านเขาลือกันว่า โชคดีที่ท่านขุนประกันตัวเนียนออกมาแล้วนัยว่ามีพยานปากเอกยืนยันว่าเนียนอยู่กับเขา ตอนที่นางช้อยโดนฆ่าตาย”
“เนียนยังโชคดี ที่ท่านขุนนั่นเกิดกลับใจมาช่วยเนียน หาไม่ เนียนคงตายคาคุกหรือก็โดนประหาร อีสนมึงตายแน่”
“ยิ่งกว่านั้นอีก ชาวบ้านเขาเล่าลือว่า แถวท่าน้ำบ้านท่านขุน เฮี้ยนมาก มีคนโดนฆ่าตายไม่เว้นแต่ละวัน ล้วนเกี่ยวข้องกับบ้านท่านขุนทั้งสิ้น”
“อีสนมันยังลอยนวล” หนักคำราม
“รายสุดท้าย เมื่อวานนี้ชื่อยายอ่อน พยานอีกรายของเนียน เคยเป็นหมอตำแยทำคลอดลูกท่านขุน”
คราวนี้หนักลุกพรวด
“กูกบดานต่อไปไม่ได้แล้ว กูจะเข้าเมืองสุพรรณ”
เสน่ห์ตกใจ ร้องห้าม “อันตรายมากนะลูกพี่ หมวดเทิดศักดิ์ นายอำเภอแดงน้อย ข้าหลวงล้วนหมายหัวพี่ไว้ทั้งสิ้น พวกเขาจะรวมกันจับตายลูกพี่”
“ชีวิตกูวันนี้แม้ยังมีลมหายใจ ก็หยั่งกับตายทั้งเป็น มึงจงดูตัวอย่างกู ทำเลว แม้เก่งกล้าแค่ไหนสุดท้ายก็ตายอย่างหมา กูขอทำดีครั้งสุดท้ายตายเป็นตายเพื่อปกป้องน้องกู หลานกู” พูดถึงตรงนี้หนักถอนใจพึมพำคนเดียว “และลูกกู”
“ชั้นไปด้วย จะไปเปิดโปงอีสน”
“แยกย้ายกันไป มึงไปของมึง กูไปของกู อย่าให้ใครรู้ว่ากูอยู่กับมึง มึงจะได้ใช้ชีวิตของมึงต่อไป เหมือนผู้คนปกติ เลิกหลบซ่อน”
เสน่ห์อิดออด “แต่ชั้น...อยากตอบแทนพี่”
“กูให้ใครไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน ทำตามที่กูบอก”

หนักฉวยปืน หยิบหมวกหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยน นัยน์ตาแข็งกร้าว

สองหนุ่มปรึกษาหารือกันอยู่บนโรงพัก

“นายแช่มมันรู้มาจากญาติผู้ต้องหาที่มาเยี่ยม ว่าบ้านกันมีการฆ่ากันตาย คนที่ตายมียัยช้อยแม่มันรวมอยู่ด้วย มันร้องไห้โฮๆ มาทั้งคืน ตอนนี้มันก็ยังร้องอยู่”
“ได้ยินสารวัตรพูดว่ามันขอให้ปากคำ ที่เป็นประโยชน์ มันรู้ว่าใครฆ่าแม่มัน แกจะเอาอย่างไรกับนายแช่ม จะฟังมันหรือไม่นำพา”
เทิดศักดิ์มองหน้าแดงน้อยครุ่นคิด
“เราควรฟังมันแล้วนำเอาคำพูดมันมาไตร่ตรอง เพียงแต่ว่า กันกลัว…”
“กลัวอะไรรึ”
“ความจริงอันโหดร้าย” เทิดศักดิ์หน้าเศร้า
“แล้วแต่แกเถิด กันคือเพื่อนตายของแก ถ้าแกไม่อยากพูดกับมันก็จบกันไป”
“แล้วแกจะไม่ประณามว่ากันเห็นแก่ตัวดอกรึ”
“กันเคารพการตัดสินใจของแก เราสองคนเป็นมากกว่าเพื่อนแท้ของกันและกัน”
แดงน้อยตบบ่าเพื่อน เทิดศักดิ์ดูลำบากใจมาก นึกภาพตอนเห็นสนมีสายสิญจน์ มีเครื่องรางของขลัง รอบที่นอน
เทิดศักดิ์ตัดสินใจเด็ดขาด
“เกิดมาเป็นข้าแผ่นดิน ต้องเสียสละ ต้องแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานให้เด็ดขาด หาไม่จะกลายเป็นเนรคุณแผ่นดิน ผิดคำสาบานที่เคยให้ไว้ว่าจะไม่รับอามิสสินจ้าง ไม่เห็นแก่พวกพ้อง แม้ว่าพวกพ้องคนนั้นจะเป็น เอ้อ..ใครก็ตามที่สำคัญต่อชีวิตเรา”
“พอเถิด กันรู้แล้วว่าแกตัดสินให้นายแช่มมาพบเพื่อสอบปากคำ”
เทิดศักดิ์พยักหน้าน้ำตาคลอๆ

ฝ่ายทานตะวันแอบมานั่งอยู่แถวริมน้ำข้างเรือนสน ตระหนักเรื่องราวที่ผ่านมา
“ใครๆ เขาก็ถือว่า คนที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือแม่ คือพ่อคือลูก แล้วเราล่ะ ตอนนี้คนที่เราอยากให้เห็นเราสำคัญไม่มีสักคน” ทานตะวันพึมพำ
เนียนมาแอบมองทานตะวัน แต่แอบอยู่ในมุมที่มิดชิดมาก
“แม่อย่างไรเล่าลูก แม่เห็นลูกสำคัญกว่าชีวิตของแม่เสียอีก”
เนียนแอบมองลูกใจจดใจจ่อ จังหวะนี้เองสนก้าวออกมาจากที่หนึ่ง อยู่ด้านหลังทานตะวัน
“อีเด็กอี๊ด แกเป็นดวงตาดวงใจของพี่ขุนกับอีเรียมและอีเนียน นับวันแกจะสำคัญกับคนพวกนั้นมากกว่าลูกของข้า สักวันถ้าพวกมันรู้ความจริง มันจะเย้ยหยันลูกข้า ข้าทนไม่ได้ ในเมื่อลูกข้าพินาศแกก็ต้องพินาศไปด้วย ดีละแกว่ายน้ำไม่แข็ง”
สนบอกตัวเองในใจ ขณะหยุดมองทานตะวัน คิดแล้วคิดอีก ในขณะที่อีกมุมของเนียนแอบมองรอดูสนนิ่ง

ส่วนที่โรงพัก แช่มให้ปากคำเสร็จแล้ว กำลังยกมือไหว้สองคน นัยน์ตาของแช่มแดงก่ำ โดนใส่กุญแจมือไว้แล้วยกมือท่วมหัว
“ไอ้แช่มขอสาบานว่าสิ่งที่บอกนายอำเภอกับคุณเทิดศักดิ์คือความจริง ผมขอโทษที่ต้องพูดความจริง แต่มันก็คือความจริง จะให้ประกันตัวผมได้หรือยัง”
“รอให้ท่านผู้กำกับ ท่านข้าหลวงท่านตัดสินใจ แต่มิได้หมายความว่าแกพ้นผิด ผิดของแก ยังคงต้องได้รับโทษ ซึ่งอาจจะน้อยลงถ้าแกพูดความจริง” แดงน้อยว่า
“ไปได้แล้ว” เทิดศักดิ์บอก
แช่มถูกนำตัวออกไป เทิดศักดิ์น้ำตาซึม แดงน้อยตบบ่าเพื่อน
“พิจารณาไตร่ตรองปากคำของมันให้ถ้วนถี่ก่อน มันอาจมดเท็จเพื่อเอาตัวรอด”
“มันพูดจริงหลายอย่าง เอาเถิด สิ่งใดจะต้องเกิดก็ให้มันเกิด สิ่งใดจะต้องเป็นไปก็ต้องเป็นเช่นนั้น กฎหมายคือกฎหมาย”
แดงน้อยมองเพื่อนอย่างเห็นใจมาก

ขณะที่ทานตะวันนั่งน้ำตาซึมอยู่นั้น สนยื่นมือมาแตะจากด้านหลัง เนียนซึ่งแอบมองอยู่นิ่ง และระวังตัวเต็มที่ ทานตะวันสะดุ้งตกใจหันมามองเห็นเป็นสนก็ไม่พอใจ
“ไปให้พ้น” ทานตะวันไม่เรียกสนว่าแม่อีกต่อไปแล้ว
“อย่าเพิ่งไล่สิคะ ฟังแม่สนก่อน แม่สนมาขอโทษ แม่สนผิดไปแล้ว แม่สนฟุ้งซ่านมาก เพราะเกิดเหตุร้ายในบ้านเราบ่อยๆ ยกโทษให้แม่สนนะคะ ที่แม่สนบังอาจพูดจาไม่ดีกับหนูอี๊ด”
“แล้วทำไมถึงเพิ่งมาคิดได้เอาตอนนี้”
สนแอบทำหน้าไม่พอใจ แต่พอหันไปหาก็ยิ้มหวานให้
“แหม จะให้แม่สนก้มลงกราบหรือคะ ถึงจะหายโกรธ มองหน้าก็รู้แล้วว่าหนูอี๊ดมีเรื่องขุ่นเคืองใจ มีอะไรบอกแม่สน แม่สนพร้อมให้คำแนะนำปรึกษาค่ะ”
อี๊ดมองหน้าสนอย่างชั่งใจ
“ไม่อยากได้คำปรึกษาจากใครทั้งนั้น ไปเสีย ชั้นอยากอยู่คนเดียว”
“อยู่คนเดียว เดี๋ยวคนร้ายมันบุกมาฆ่าเอาตายนะคะ” สนขู่
ทานตะวันเริ่มตกใจ กระเถิบมาใกล้สน
“ว๊าย อย่าพูดสิ ชั้นกลัว เอ้อ ถามจริงๆ เกลียดม.. เอ้อ ยัยเนียนมากใช่ไหม”
“วุ๊ย แม่สนก็เกลียดมันมากพอๆกับที่คุณหนูเกลียดนั่นแหละค่ะ
“ยัยเนียนทำอะไรก็ผิด หายใจก็ยังผิด ใช่ไหม” ทานตะวันถาม
“ใช่ค่ะ มันไม่ผิด เราก็ต้องบอกว่ามันผิดค่ะ”
“ผิดจนอยากฆ่าให้ตายใช่ไหม”
“หนูอี๊ดอยากไหมเล่าคะ”
“ถ้าชั้นอยาก...”
เนียนที่แอบมองอยู่สะท้อนใจจนน้ำตาไหลริน
“ลูกรัก หนูอยากให้แม่ตาย”
“ก็ให้มันตายไปสิคะ” สนว่า
“ทำอย่างไรรึ”
“ไปนั่งเรือเล่นกัน แล้วแม่สนจะแจงแผนการให้ฟังค่ะ”
เนียนฟังแล้วตกใจ พึมพำเบาๆ “ไม่นะคะ ไม่นะลูก อย่าไปกับเขา”
ทานตะวันทำหน้ายิ้มๆ
“ตกลง ชั้นจะไป”
สนยิ้มดีใจ แต่เนียนตกใจมาก

“หนูอี๊ดลูกแม่”

อ่านต่อตอนที่ 21
กำลังโหลดความคิดเห็น