xs
xsm
sm
md
lg

เสือสมิง ตอนที่ 20

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสือสมิง ตอนที่ 20

วันใหม่...พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าในป่า จ่าชิตก้มลงกราบพระธุดงค์ พะอู นั่งข้างๆหน้าอิ่มเอิบมองจ่าชิตแล้วยิ้ม

ห่างออกไปแม่หมอนอนพักรักษาตัวอยู่
“เราจะช่วยกินรีได้ยังไงดีครับหลวงพ่อ”
พะอูทำท่าทางบอกว่าเขาจะไปช่วย
“ลูกจะไปช่วยกินรีเองน่ะหรือ...อย่าเลยมันอันตรายมาก พ่อไม่อยากให้ลูกกลับไปเป็นอย่างเก่าอีก”
จ่าชิตพูดด้วยความเป็นห่วง แม่หมอกังวลใจ
“ท่านบรรพบุรุษจับกินรีไปเพื่ออะไรกันแน่”
“อำนาจ และความเป็นอมตะ สามารถทำให้คนเราทำอะไรก็ได้แม้แต่...”
พระธุดงค์จะบอกว่าแม้แต่ลูกของตัวเองแต่ไม่พูดออกมา ประเดิมถามอย่างหนักใจ
“แล้วเราจะช่วยกินรีได้ยังไง”
แม่หมอบอกอย่างมุ่
มั่น
“ข้าจะไปเอง”
จ่าชิตห้ามไว้
“ไม่ต้องหรอก ท่าทางแม่หมอคงไม่ไหวแน่ เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ดูซิว่ามันจะแน่แค่ไหน”
พระธุดงค์ไม่พูดอะไร ในใจตัดสินใจบางอย่าง

ระรินขับรถมาจอดที่ปางไม้ เสี่ยรงค์เดินมาพอดี
“วันนี้ขับรถเองเลยหรือ”
“ค่ะ”
“แล้วคนขับที่ลูกขอให้พ่อส่งมาให้ใหม่ไปไหนเสียล่ะ”
ระรินกังวลเล็กน้อย
“ไม่รู้สิพ่อ เมื่อวานใช้ไปทำธุระจนป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย ระรินเลยขับรถมาดูที่นี่”
“เอ...ไม่เห็นมันมานี่”
ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะคุยต่อศักดาก็ขับรถเข้ามาจอด เสี่ยรงค์หันไปถาม
“มีอะไรหรือผู้กอง มาแต่เช้าเชียว”
“มีคนพบศพคนขับรถของเสี่ยตายอยู่ในป่า”
เสี่ยรงค์กับระรินตกใจ
“เป็นอะไรตาย”
“เห็นว่าถูกเสือขย้ำซะเละเลย”
ระรินเอะใจ
“ตายคนเดียวหรือ”
“ครับ...เอ๊ะ มีใครไปกับนายคนนี้ด้วยหรือ”
ระรินกลบเกลื่อนในใจแค้นที่กินรีรอดตาย
“ปะ...เปล่าค่ะ...”
ระรินคิดถึงกินรีอย่างหงุดหงิด

พะอูนั่งสมาธินิ่ง สักพักร่างของพะอูกลายเป็นร่างที่หน้าตาปกติ ดูหล่อเหลา จ่าชิตมองอย่างตื่นเต้น
“ลูกพ่อ...ตั้งใจนะลูก ลูกกำลังจะพ้นจากเวรกรรมแล้ว”
พะอูยังนั่งนิ่งสีหน้าอิ่มเอิบ พระธุดงค์เดินเข้ามาแล้วบอก
“ยินดีด้วยนะโยม พะอูกำลังจะเป็นปกติแล้ว”
จ่าชิตก้มกราบพระธุดงค์ ก่อนจะหันไปบอกพะอู
“พ่อไปก่อนนะ”
จ่าชิต ประเดิม แก้ว และหินเดินแยกไป

จงใจยังคงถูกขังอยู่กับสมรักษ์และเสือใจในห้องคุมขัง ทุกคนถูกใส่กุญแจมือไพร่หลัง เบิ้มเดินนำระรินเข้ามา
ระรินเดินวนเวียนมองหน้าจงใจอยู่ครู่หนึ่ง
“ดูยังไงไม่น่าจะเป็นน้องสาวของฉันได้เลย”
สมรักษ์ปกป้องจงใจ
“แต่มันก็เป็นไปแล้ว”
“ยังไงฉันก็ไม่เชื่ออยู่ดี”
เสือใจนั่งนิ่งแววตาระวัง จงใจตอบโต้
“นึกหรือว่าฉันอยากจะเป็นลูกของเสี่ยรงค์ คนระยำแบบนี้ไม่เหมาะสมเป็นพ่อของฉันหรอก”
จงใจเริ่มมีอารมณ์ ระรินโกรธ
“ปากดีนักหรือ...สงสัยจะต้องสอนมรรยาทเสียหน่อยแล้ว...เบิ้ม...”
ระรินสั่งให้เบิ้มเอาตัวจงใจออกมา เบิ้มลากจงใจออกมา
“ถ้าอยากอยู่ถึงวันพระหน้าล่ะก็อย่าแตะต้องลูกสาวฉัน” เสือใจแววตากร้าวและเอาจริง
เบิ่มชะงักด้วยความกลัว ระรินยิ้มหยัน
“แหม...ตกลงแกเป็นลูกสาวใครกันแน่...เบิ้มไปเอาตัวออกมา ถ้ามันฮึดฮัดยิงไอ้หมวดนี่ก่อนเลย”
เบิ้มย่ามใจแล้วจ่อปืนเข้าไปที่สมรักษ์ สายตามองเสือใจอย่างระวัง
“ออกมา” ระรินสั่งเสียงเข้ม
ระรินตรงเข้าลากจงใจออกมาเองแล้วตบจงใจไปสองสามฉาด
“นี่แน่ เป็นไง ปากดีนัก”
สมรักษ์ตกใจ
“อย่า...อย่าทำอะไรจงใจเลยครับคุณระริน”
เสี่ยรงค์เข้ามาพอดี
“หยุดนะ...ทำอะไรน่ะระริน”
“ก็จะสั่งสอนนังไพร่นี่ให้รู้จักมรรยาทบ้างสิพ่อ”
“นั่นมันน้องสาวแกนะ”
“ก็มันอยากมาด่าพ่อทำไมล่ะ”
ระรินจะตบต่อแต่เสี่ยรงค์ดึงมือเอาไว้
“พอได้แล้วน่า...”
ระรินไม่พูดอะไรแววตาแค้นและสะใจแล้วเดินจากไปอย่างฉุนเฉียว เสี่ยรงค์เข้าไปดูจงใจ สายตามองที่เสือใจอย่างระวัง
“เป็นยังไงบ้างลูก”
จงใจถ่มน้ำลายที่ปนเลือดลงบนพื้นแล้วเดินไปที่หน้าห้องขัง
“ถุย...แกไม่ใช่พ่อฉัน”
เสี่ยรงค์หน้าสลดเล็กน้อยแล้วพยักหน้าให้เบิ้มเปิดประตูให้จงใจเข้าไปในห้องขัง เสี่ยรงค์เดินออกไปข้างนอกพร้อมเบิ้ม เสือใจไม่พูดอะไรเพราะกลัวจงใจเสียใจว่าไม่ใช่ลูกตน

เสือทศนั่งเหม่อลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะเรื่องของจงใจ เสือเรืองเดินเข้ามาตบไหล่แล้วนั่งลงข้างๆ เสือชินเข้ามาอีกข้างหนึ่ง
“เป็นไงพี่ คิดอะไรอยู่” เสือเรืองถาม
เสือชินถอนใจ
“จะอะไรล่ะ...ก็คงไม่พ้นน้องจงใจน่ะสิ”
เสือเรืองนึกได้
“เออ...นั่นสิพี่...ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจงใจจะเป็นลูกสาวเสี่ยรงค์ อย่างนี้พี่รวบหัวรวบหางซะพี่ก็เท่ากับเป็นลูกเขยเสี่ยรงค์ คราวนี้ยิ่งกว่าเสือติดปีกอีก”
เสือทศยังคงคิดอยู่
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิวะ...อย่าว่าแต่หน้าข้าเลย กลิ่นข้าน้องจงใจยังไม่อยากได้กลิ่นเลย”
เสือเรืองอึ้งไป
“เขาเกลียดพี่ขนาดนั้นเลยหรือ”
“ถ้าข้าเป็นต้นเหตุให้น้องจงใจบ้านแตก พ่อเสือถูกจับเอ็งจะเกลียดข้าไหมล่ะ”
เสือทศลุกขึ้นไปอย่างเซ็งในใจยังคงครุ่นคิด เสี่ยรงค์เดินเข้ามาหา
“เสือทศ...ฉันขอคุยด้วยหน่อย”
เสือทศสงสัย มองไปทางลูกน้องแล้วเดินตามเสี่ยรงค์ไป

จ่าชิต ประเดิม และหิน เดินมาตามป่ากำลังจะกลับบ้าน
“ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าจ่าจะมีลูก และก็ไม่น่าเชื่ออีกว่าลูกจ่าจะเป็น...”
จ่าชิตหันขวับมามองประเดิม
“เสือสมิง”
หินรีบตัดบท
“น้าประเดิมจะไปอะไรนักหนา หลวงพ่อท่านบอกว่าอีกไม่นานพะอูก็หายแล้ว แต่ตอนนี้น่ะลุงจ่าควรทำอะไรซะที ฉันน่ะเป็นห่วงพี่จงใจกับลุงเสือจะแย่อยู่แล้ว”
แก้วเห็นด้วย
“นั่นสิ เรารีบไปช่วยพวกนั้นกันดีกว่า”
จ่าชิตเดินเข้ามามองหินอย่างเอ็นดู
“คิดจะทำงานใหญ่เอ็งจะมุทะลุไม่ได้นะไอ้หนู”
ประเดิมหนักใจ
“แล้วเราจะเอายังไงกันดีล่ะ ศึกมันหลายด้านเหลือเกิน”
จ่าชิตมองหน้าประเดิม
“นายต้องกลับไปดูแลหมอตามปกติ แล้วคอยส่งข่าวให้ฉันรู้”
ประเดิมตอบรับทันที
“ได้อยู่แล้วจ่า...”
จ่าชิตตบไหล่ประเดิม
“ขอบใจมาก ทำไมเอ็งไม่เป็นตำรวจวะ”
ประเดิมทำท่าล้อเลียนตะเบ้ทำความเคารพ

เสือทศแทบไม่เชื่อหูที่ได้ยินเสี่ยรงค์เล่าเรื่องสมบัติบาเยงโบให้ฟัง
“สมบัติหรือ”
“ใช่...สมบัติอันล้ำค่ากว่า 800 ปีของจอมกษัตริย์บาเยงโบ”
เสือทศไม่ค่อยเชื่อและไม่ค่อยไว้ใจเสี่ยรงค์
“เสี่ยรู้ได้ยังไง”
“เรื่องนี้มันเป็นตำนานมานานแล้ว”
“เสี่ยนี่มีน้ำใจจริงๆ...อุตส่าห์เอาเรื่องนี้มาบอกฉัน แทนที่จะอุบเอาไว้คนเดียว”
เสี่ยรงค์บอกความจริง
“บอกตรงๆนะว่าฉันต้องการทหารรับจ้างเดินทางไปด้วย ฉันรู้ว่าเสือทศกว้างขวางแถวฝั่งโน้น เลยต้องการหุ้นส่วน”
เสือทศยิ้มเป็นต่อ
“เราจะแบ่งกันยังไง”
“นายกับฉันคนละครึ่ง ส่วนอองไชยเอาดาบไป”
“ตกลง”
เสี่ยรงค์ยิ้มพอใจ
“ดี...”
เสือทศได้คืบจะเอาศอก
“แต่...ฉันขออีกอย่างหนึ่งนอกจากส่วนแบ่ง”
“อะไร”
“จงใจ”
เสือทศยิ้มอย่างเป็นต่อ เสี่ยรงค์หนักใจ เขาไม่อยากให้ลูกสาวได้สามีอย่างเสือทศแต่เก็บไว้ในใจ

ภราดรนั่งคิดถึงกินรีอยู่ในสวนหย่อม
“กินรี เธอหายไปไหนนะ”
ประเดิมเข้ามาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“นั่งทำอะไรอยู่หรือครับหมอ”
ภราดรสะดุ้ง ประเดิมท่าทางร้อนรนนิดๆ
“หมอรู้เรื่องกินรีหรือยังครับ”
“กินรี...หรือ กินรีเป็นอะไร”
“กินรีถูกจับตัวไป”
“ถูกจับตัวไปหรือ แล้วแจ้งตำรวจหรือยัง”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง จ่าชิตกำลังดำเนินการอยู่ครับ”
“แล้วหมวดสมรักษ์ล่ะ...”
ประเดิมหน้าเสียไม่รู้จะบอกยังไง ภราดรสงสัยว่าสมรักษ์ไปไหน

เสือสมิง ตอนที่ 20 (ต่อ)

กินรีพยายามขอร้องงะดินเดที่ขังเธอไว้
“ปล่อยฉันไปเถอะ ท่านบรรพบุรุษ”
“เรียกข้าว่างะดินเด...ชะเวมะรัต ข้าคงปล่อยเจ้าไปไม่ได้หรอก จนกว่าน้องของเจ้าจะมาหาข้า”
งะดินเดบริกรรมคาถาอยู่บนแท่น กินรีมองอย่างหวาดหวั่น

มะค่าเอาอาหารเพลมาถวายพระธุดงค์และเอามาให้พะอูด้วย มะค่าแปลกใจที่พบแม่หมอที่นอนพักอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
“ยาย...ยายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เรื่องมันยาวมะค่าเอ๊ย...ขอบใจเอ็งมากนะที่คอยส่งน้ำส่งท่าให้”
“ไม่เป็นไรหรอกยาย ฉันชอบทำบุญอยู่แล้ว อีกอย่าฉันสงสารพะอูมัน ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะหายเสียที”
สิ้นเสียงมะค่าพะอูเกิดคุ้มคลั่งขึ้น พะอูนั่งสมาธิอยู่ก็เห็นกินรีถูกคุมขัง เพราะงะดินเดนำนิมิตนี้มาในญาณของเขา
“มาช่วยพี่สาวเจ้าสิ...ชะเวโบ”
“พะอู...ช่วยพี่ด้วย”
ภาพไฟบรรลัยกัลป์ลุกวูบจนพะอูสะดุ้ง มะค่าวิ่งไปหาและประคอง
“พะอู...พะอู...”
พระธุดงค์เดินเข้ามาแล้วท่องคาถาบางอย่าง จนพะอูสงบลง
“ตั้งสติเอาไว้...อย่าไปหลงกับภาพลวงตา พี่สาวเจ้ายังไม่เป็นอะไรหรอก”
พะอูหายใจหอบ รู้สึกเป็นห่วงกินรีเป็นอย่างมาก

เสี่ยรงค์ อองไชย และศักดา นั่งคุยกันที่ปางไม้ บริเวณที่ผลิตเฮโรอีน เขามองความเสียหายของร่องรอยการเผาอย่างเสียดาย
“มีแต่เรื่องจริงๆ ผมฝากผู้กองจัดการเรื่องศพลูกน้องผมด้วยแล้วกัน...แหม...ดูสิเห็นแล้วมันเจ็บใจไอ้ใจกับหมวดบ้านั่นจริงๆ...เงินทั้งนั้น...อยากจะลากมันออกมายิงทิ้งจริง เล่นเอาผมแทบหมดตัว”
“ใจเย็นเสี่ย....เราต้องใช้มัน”
อองไชยมองหน้าศักดาเชิงถาม ศักดาอธิบาย
“หมวดสมรักษ์เชี่ยวชาญภูมิประเทศแถบนั้นมากที่สุด เขาเป็นตชด.ลาดตะเวนอยู่หลายปี”
เสี่ยรงค์ไม่ไว้ใจ
“แล้วมันจะไม่ออกฤทธิ์อีกหรือ”
“ไม่หรอก ตราบใดที่เรายังมีคนรักของมัน”
เสี่ยรงค์กังวล
“จงใจ...นี่เราต้องพาจงใจไปด้วยหรือ มันจะไม่ยุ่งยากหรือ”
อองไชยขัดขึ้น
“ถ้ามันจำเป็นก็ต้องยอม”
“แล้วเสือใจล่ะ” ศักดาถาม
“ศาลตัดสินให้ประหารชีวิตไม่ใช่หรือ...จริงไหมท่านพราน”
เสี่ยรงค์พูดเป็นนัยๆ ทุกคนรับรู้ได้ว่าให้อองไชยฆ่าเสือใจเสีย

ระรินคุยกับภราดรอยู่ในห้อง ภราดรถามอย่างแปลกใจ
“พ่อคุณจับหมวดสมรักษ์ไปทำไม”
ระรินหันขวับมองอย่างไม่พอใจ
“ก็มันเป็นพวกเสือใจนี่ มันกับเสือใจยกพวกมาถล่มปางไม้ของพ่อ จนราบคาบไปหมด ดีนะที่จับมันกับเสือใจและก็ลูกสาวมันไว้ได้”
“ถึงยังไงก็ต้องให้กฎหมายจัดการนะ เราทำแบบนี้มัน...”
ระรินสวนทันที
“พ่อต้องใช้หมวดสมรักษ์ช่วยนำทาง ไปเอาสมบัติกับดาบที่สุสานกษัตริย์ บาๆเยงๆ
อะไรนั่นแหละ แล้วก็จะเดินทางพรุ่งนี้แล้วด้วย”
“อะไรนะ นี่พ่อคุณจะเดินทางพรุ่งนี้เลยหรือ”
“ทำไมคะ หรือว่าหมอไม่อยากไปกับระริน”
“เอ่อ...อยากสิ”
ภราดรถึงคำพูดของบาเยงโบที่เคยบอกกับเขา
“เจ้าต้องไปที่สุสานของข้า เพื่อจัดการคำสาป และสิ่งที่ค้างคามากว่า 800 ปี เมื่อนั้นเจ้าก็จะได้ครองรักชั่วนิรันดร”
ภราดรสงสัย
“มันอยู่ที่ไหน แล้วผมจะไปยังไง”
“เจ้าต้องนำชะเวมะรัตมาหาข้า นอกนั้นเจ้าพรานนั่นมันจะบอกเจ้าเอง”

ระรินบอกเมื่อเห็นภราดรเงียบไป
“งั้นหมอก็ไปเตรียมตัวได้แล้ว ถือว่าเราไปพักร้อนก็แล้วกัน ดีกว่าอยู่แถวนี้เดี๋ยวหมอจะใจอ่อนกับนังกินรีมัน...”
ภราดรสงสัย
“อ้าว...คุณไม่รู้หรือว่ากินรีถูกจับตัวไป”
“อะไรนะ...หมอรู้ได้ยังไง”
ระรินทั้งแปลกใจ ทั้งดีใจ
“เห็นประเดิมมาบอก แต่คงไม่เป็นไรหรอกเพราะตำรวจกำลังติดตามช่วยเหลืออยู่”
ระรินอมยิ้ม
“ก็ดีแล้วนี่ ตำรวจเขาคงทำงานกันได้ เตรียมตัวไปล่าสมบัติกันดีกว่า”
ภราดรกอดระรินเพื่อให้เธอไว้ใจ แม้ว่าจะแอบเอือมๆประเดิมแอบฟังอยู่
“สมบัติกับดาบอะไรวะ...”

เย็นนั้น...เสี่ยรงค์บอกสมรักษ์ เสือใจ และจงใจที่หน้าห้องขัง โดยมีลูกน้องและอองไชยอยู่ด้วย
“ฉันไม่ได้บ้า มันเป็นเรื่องจริง สมบัติกับดาบมันมีอยู่จริง”
สมรักษ์ไม่สนใจ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย”
เสือใจจ้องหน้า
“แกนี่มันบ้าเข้าเส้นจริงๆ”
“เพราะแกต้องไปกับเราด้วย” เสี่ยรงค์บอกเสียงเข้ม
สมรักษ์หันมาถามเสียงเข้ม
“ทำไมฉันต้องไปกับเสี่ยด้วย”
“เพราะถ้าแกไม่ไปฉันก็จะไม่รับรองความปลอดภัยของจงใจ”
จงใจเลือดขึ้นหน้า
“แกจะทำอะไรฉัน”
“เปล่า พ่อไม่ทำอะไรลูกหรอก แต่ถ้าเป็นเสือทศล่ะก็...ไม่แน่นะ...เพราะเสือทศเขาก็
ชอบพอลูกอยู่ไม่ใช่หรือ”
เสือใจฉุน
“ไอ้รงค์”
สมรักษ์เข้าใจความหมายจึงยอม
“ได้...ฉันตกลง”

“ก็เท่านี้...”

เสือใจมองเสี่ยรงค์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“สำหรับแกไอ้ใจ คงต้องอยู่ที่นี่อยู่ในหลุมตลอดไป...ท่านพราน”
เสี่ยงรงค์พยักหน้าให้อองไชยเข้าไปเอาตัวเสือใจออกไป
“พ่อ...” จงใจตกใจ
จงใจกับสมรักษ์มองตามแค้นๆ เสี่ยรงค์ยิ้มอย่างมีชัย

เดือนเก็บข้าวของกำลังจะเลิกงาน ภราดร เดินผ่านมากับระริน
“พรุ่งนี้ฉันจะออกพื้นที่นะ” ภราดรสั่ง
เดือนหันมาถาม
“ไปแถวไหนคะ”
ระรินตัดบท
“ไม่ต้องรู้หรอกน่า คิดว่าน่าจะไปหลายวัน”
เดือนงงๆ
“แล้วฉันต้องไปด้วยหรือเปล่า”
“ไม่ต้องหรอก เดือนอยู่ที่นี่แหละ”
ประเดิมโผล่เข้ามาท่าทางทะเล้น
“ส่วนผมต้องไปด้วยอยู่แล้วใช่ไหม”
ระรินสกัดทันที
“ไม่ต้อง แกอยู่นี่แหละ”
“อ้าวผมไม่ไปแล้วใครจะดูแลคุณหมอล่ะครับ หาข้าวหาน้ำ ที่หลับที่นอนที่ถ่าย...”
ภราดรรำคาญ
“เอ๊ะ..บอกว่าไม่ต้องไปก็ไม่ต้องไปสิ...จะขัดคำสั่งหรือไง”
ภราดรหน้าตาเอาจริงพอพูดจบก็เดินออกไปกับระริน ประเดิมมองตามจ๋อยๆเกาศีรษะพร้อมบ่นในความไม่เข้าใจ
“อะไรของเขาวะ”

จ่าชิตเก็บข้าวของเตรียมเอาไปให้พะอู มีทั้งอาหารแห้งที่เตรียมเอาไว้ เสื้อผ้าชุดใหม่ หินนั่งมองอย่างอิจฉา
“พะอูมันโชคดีนะที่มีพ่ออย่างลุงจ่า”
“ข้าก็โชคดีที่มีลูกแบบพะอูมัน”
หินหน้าเหย
“ทั้งๆที่หน้าตามันเป็นอย่างนั้นน่ะหรือ”
“มันอยู่ที่ใจโว้ย จะชั่วจะเลวมันก็ลูกเรา แค่ข้าได้อยู่กับพะอูมันก็มีความสุขที่สุดแล้ว”
หินหน้าสลดแล้วตัดพ้อชีวิต
“นั่นสินะ ใครๆก็อยากอยู่กับครอบครัวกันทั้งนั้น แต่ฉันมันไม่เหลือแล้ว”
แก้วหน้าเศร้า
“ใช่ชุมเสือก็มาโดนทลาย บ้านช่องถูกเผา”
หินตาแดงๆ จ่าชิตรู้สึกเห็นใจแล้วมาตบไหล่ปลอบใจ
“ตอนนี้ฉันก็เหลือแต่พี่จงใจกับลุงเสือ แค่นั้น...แต่ก็ดันมาเป็นแบบนี้อีก”
“ข้าสัญญาว่าจะช่วยพี่จงใจกับลุงเสือของเอ็งมาให้ได้ ไม่ต้องกลัว”
จ่าชิตโอบไหล่หินอย่างให้กำลังใจ ประเดิมมาถึงพอดี
“เป็นไงบ้างประเดิม” จ่าชิตหันไปถาม
“ได้เรื่องแล้วจ่า”
ทุกคนหันไปฟังอย่างสนใจ

พะอูเดินจงกลมอยู่บริเวณต้นไม้ใหญ่ห่างจากกลดไปพอสมควร มะค่าเตรียมอาหารให้แม่หมอ พระธุดงค์ยังคงนั่งสมาธิอย่างสงบนิ่ง พะอูแม้ว่าจะดูสงบนิ่งแต่ในใจว้าวุ่น ภาพในมโนจิตของพะอูเห็นว่ากินรีร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยพี่ด้วยพะอู...ช่วยด้วย”
พะอูหลับตาเหงื่อกาฬเต็มใบหน้า

เสือใจถูกมัดตรึงไว้ที่หลักประหารเหมือนนักโทษกำลังจะถูกตัดคอ อองไชย และลูกน้องสองคนยืนเฝ้าอยู่
อองไชยย่ามใจในมือมีดาบเล่มสวยเขากวัดแกว่งดาบไปมา
“อีกไม่กี่นาที่เจ้าก็จะกลับไปพบกับอาจารย์แล้ว มีอะไรจะสั่งเสียไหม”
เสือใจหน้านิ่ง
“คงไม่ แต่อยากจะถามแกว่ามีอะไรจะกล่าวขอขมาอาจารย์หรือเปล่า”
อองไชยยิ้มเหี้ยม
“ไม่มี...แต่กำลังจะใช้วิชาที่อาจารย์สอนข้ามาบั่นหัวเจ้า...วิญญาณจะได้สงบสุข”
อองไชยยกดาบขึ้นท่องอาคมสักพักดาบเรืองแสงวูบหนึ่งเป็นอันเสร็จพิธี อองไชยกวัดแกว่งดาบแล้วบอกกับเสือใจ
“อโหสิกรรมให้ข้าด้วย”
เสือใจหลับตายอมรับชะตากรรม อองไชยรำไหว้ครูไปรอบๆ ทันใดนั้นมีเสียงเสือดังก้องมาจากป่า อองไชยสะดุดและชะงักแววตากร้าว เขารีบสั่งลูกน้อง
“เจ้าไปกับข้า ส่วนเจ้าเฝ้ามันไว้”
อองไชยพาลูกน้องไปคนหนึ่ง ทิ้งให้อีกคนหนึ่ง เฝ้าเสือใจเอาไว้ เสือใจลืมคิดหาแผนการหนี

ประเดิมขับรถมากับจ่าชิต หินนั่งด้านหลัง ประเดิมเล่าเรื่องให้ฟังมาตามทาง
“ไอ้เสี่ยนี่มันบ้าสมบัติจริงๆ บ้ามาตั้งแต่หนุ่ม” จ่าชิตถอนใจ
“เราก็ช่วยหมวดสมรักษ์กับเสือใจง่ายขึ้นน่ะสิ”
จ่าชิตมั่นใจ
“ยาก...ฉันเดาว่ามันต้องเอาหมวดไปด้วย หมวดชำนาญพื้นที่แถวนั้น”
“อ้าว...แล้วจะทำยังไงดีล่ะ”
“ประเดิมไปกับเขาด้วยไม่ใช่หรือ เสี่ยงตายอีกสักครั้งจะเป็นไร”

ประเดิมพยักหน้าอย่างเข้าใจความหมาย

อ่านต่อเวลา 17.00น.

เสือสมิง ตอนที่ 20 (ต่อ)

เสือใจยังคงถูกมัดอยู่ที่หลักประหาร ลูกน้องยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง มองไปรอบๆ แต่ไม่มีวี่แววที่อองไชยจะกลับมา ขณะเดียวกันนั้นภราดรเดินเข้าไปหา ลูกน้องถามอย่างนอบน้อม
“อ้าว...มาได้ยังไงครับ”
ภราดรใช้ท่อนไม้ที่ซ่อนไว้ข้างหลังตีลูกน้องสลบไป เสือใจมองหน้าภราดรด้วยความแปลกใจและยินดี ภราดรรีบเอามีดตัดเชือกให้
“ขอบใจมาก ทางนี้ผมจัดการเอง”
ภราดรรีบจากไป เสือใจมองลูกน้องอย่างแค้นใจ

มะค่ากับแม่หมอเตรียมอาหารเสร็จ แม่หมอสั่งมะค่า
“ไปตามพะอูมันมากินข้าวไป”
“จ้ะ...”
มะค่าลุกขึ้นไปมองไปทางที่พะอูอยู่ เห็นแต่ลูกประคำวางไว้ จึงรีบเอามาให้แม่หมอ พระธุดงค์ได้ยินเสียงจึงเดินมาดู แล้วเครียด
“พะอู”
พระธุดงค์ถอนใจ
“เวรกรรมจริงๆ”
ประเดิม จ่าชิต หินและแก้ว เดินเข้ามา จ่าชิตมองหาพะอู
“พะอูล่ะ”
พระธุดงค์มองขึ้นไปบนเขาอย่างเครียดๆ

ในป่ายามใกล้ค่ำ...พะอูวิ่งไปในป่าอย่างรวดเร็ว แล้วกลายร่างเป็นเสือสมิงร้องก้องกังวานไปทั้งป่า...น้ำเต้าที่ขังหัวใจเสือสมิงทั้ง 10 เกิดเรืองแสงขึ้น งะดินเดพอใจ
“มาแล้วหรือ...ชะเวโบ...ดีมากเรื่องทั้งหมดกำลังจะจบลงแล้ว”
กินรีร้องขอ
“อย่าทำอะไรพะอูเลยนะ ท่านงะดินเด...ฉันขอร้อง”
งะดินเดหน้าเกรี้ยวกราด
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ ชะเวมะรัต ถ้ามิใช่เจ้าเห็นสามีเจ้าดีกว่าข้า เรื่องทั้งหมดมันก็จะไม่เกิด แต่ถึงยังไงเจ้าก็เป็นลูกข้า เมื่อข้าได้สิ่งที่ข้าต้องการแล้ว เจ้าจะเป็นอิสระ”
ใบหน้างะดินเดเหี้ยมเกรียม

อองไชยกับลูกน้องวิ่งตามเสียงเสือมาแล้วมาหยุดที่กลางป่า เขามองไปรอบๆ เห็นว่าจะค่ำแล้ว
“นาย ใกล้ค่ำแล้วกลับไปจัดการเสือใจก่อนเถอะ นายรอฟังข่าวอยู่”
ลูกน้องบอก อองไชยพยักหน้าเห็นด้วยเขายั
เสียดายไม่หาย
“มันหายไปไหนเร็วจัง...ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เสือนรก...”

เสือสมิงวิ่งมาตามป่าแล้วมาหยุดที่ลานกว้างหน้าถ้ำ คำรามก้อง...งะดินเดใช้กายทิพย์ออกมา
“มาแล้วหรือชะเวโบ”
งะดินเดใช้อาคมเสกกินรีออกมาหน้าถ้ำ แต่ยังคงใช้ลูกกรงไฟล้อมเอาไว้ กินรีรีบบอก
“กลับไป พะอู...กลับไป ไม่ต้องห่วงพี่”
เสือสมิงคำรามไม่กลัว น้ำเต้าในถ้ำเรืองแสงแล้วมีร่างของเสือสมิงทั้งสิบ พุ่งออกมาแล้วล้อมรอบเสือสมิงพะอู
งะดินเดพอใจแล้วสั่ง
“ถึงเวลาแล้วที่นักรบทั้งหมดต้องมารวมที่ข้า เพื่อการแก้แค้นอันยิ่งใหญ่”
งะดินเดบริกรรมคาถาในถ้ำสั่งให้เสือสมิงทั้งสิบจัดการพะอู
“รวมหัวใจมาให้ข้า...”
เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยง ลมกรรโชก เสือสมิงทั้งสิบตัวรุมเข้าต่อสู้กับพะอู

จ่าชิต ประเดิมแก้ว และหิน รีบเดินทางขึ้นมาที่บนเขา จ่าชิตหน้าเครียด
“อย่าเป็นอะไรนะลูก”

แม่หมอนั่งหน้าสลด มะค่าเกาะแม่หมออย่างเป็นห่วงพะอู
“พะอูจะเป็นอะไรไหมยาย”
แม่หมอไม่มีคำตอบได้แต่ส่ายหน้าอย่างหมดหวัง พระธุดงค์ยังคงนั่งสมาธิบริกรรมคาถาอยู่ จังหวะหนึ่งพระธุดงค์ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง แล้วลืมตาขึ้น
“คงถึงเวลาแล้ว...”

อองไชยกับลูกน้องกลับมาที่ลานประหารเสือใจพบว่าลูกน้องคนที่สั่งให้เฝ้าถูกมัดแทนที่เสือใจ และถูกปาดคอสิ้นลมอยู่ตรงนั้น อองไชยแค้นมาก
“ไอ้ใจ...”

หน้าถ้ำงะมืดลงแล้ว เสือสมิงทั้งสิบตัวยังคงรุมต่อสู้กับเสือสมิงพะอูกันอย่างดุเดือด กินรีดูอยู่อย่างสงสารพะอู
“พะอู”
งะดินเดส่งเสียงออกมา
“เสียสละเถอะชะเวโบ...เจ้าควรจะเสียสละซะ”
เสือสมิงยังคงวนเวียนต่อสู้กัน จ่าชิต ประเดิม แก้วและหินเข้ามาพบเหตุการณ์ ทั้งหมดตกใจ กินรีเรียกจ่าชิต
“จ่า...”
“กินรี...”
ประเดิมหันมาถามอย่างกังวล
“ทำยังไงดีล่ะจ่า”
จ่าชิตตัดสินใจยิงปืนเข้าใส่กลุ่มเสือทั้ง 10 ตัว เสือทั้ง 10 หยุดแล้วจ้องมาที่พวกจ่าชิต ประเดิมหน้าซีด
“เอาแล้วไงจ่า...”
“เข้ามาสิวะ”
หินไม่กลัวเตรียมหยิบน้ำเต้าใบเล็กที่อองไชยให้ขึ้นมา ทันใดนั้นพระธุดงค์ปรากฏกายขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เสือทั้งหมดจ้องไปที่พระธุดงค์ เสือพะอูบาดเจ็บอย่างหนัก แล้วกลายร่างเป็นพะอู กินรีตกใจ
“พะอู...พะอู...”
งะดินเดส่งกายทิพย์ออกมาจากถ้ำแล้วประจันหน้าพระธุดงค์
“คิดว่าปรากฏกายแล้วจะช่วยอะไรได้หรือ...”
งะดินเดหัวเราะ พระธุดงค์บอกทุกคน

“ทุกคนหลบไปก่อน”

พระธุดงค์เสกคาถาทำให้กินรีเป็นอิสระ กินรีรีบเข้ามาประคองพะอู งะดินเดแค้นแล้วใช้พลังอาคาซัดมาที่พระธุดงค์ พระธุดงค์ต้านไว้ได้ งะดินเดเรียกเสือทั้งสิบ มาอยู่ข้างหลังเขาแล้วเรียกพลังครั้งสุดท้าย งะดินเดรวบรวมพลัง พระธุดงค์ไม่หวั่น...งะดินเดรวมพลังปล่อยใส่พระธุดงค์จนกระเด็นไป จ่าชิตร้องเสียงหลงด้วยความเป็นห่วง

“หลวงพ่อ”
ประเดิม จ่าชิต แก้ว และหินวิ่งเข้าไปหาพระธุดงค์เพื่อประคอง พระธุดงค์ตั้งสติได้แล้วลุกขึ้น
“อาตมาไม่เป็นไร หลีกไปให้หมด”
ทุกคนทำตามที่พระธุดงค์บอก พลันร่างของพระธุดงค์ก็กลับกลายเป็นงะดินเดในร่างความดี ทุกคนตกตะลึง กินรีหน้าตื่น
“หลวงพ่อ”
จ่าชิตอึ้งๆ
“เป็นไปได้ยังไง”
ประเดิมกับหินเขยิบเข้ามาใกล้จ่าชิตด้วยความกลัว แม่หมอกับมะค่าเดินมาแล้วมองอยู่ห่างๆ
“ท่าน...”
งะดินเดหัวเราะก้องด้วยความสะใจ
“ในที่สุดความชั่วของข้า ก็ชนะความดีของเจ้า”
ทันใดนั้น ไฟที่ขวางงะดินเดที่หน้าถ้ำดับลง งะดินก้าวออกมาได้
“ในที่สุดเจ้าก็ไม่สามารถรักษาศีลได้ ข้าเป็นอิสระแล้ว ข้าเป็นอิสระแล้ว...”
งะดินเดแข็งแรงขึ้น เสือทั้งสิบตัว วนเวียนอยู่รอบร่างของเขา งะดินเดมองไปที่พะอู
“ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องเสียสละแล้ว ชะเวโบ”
กินรีกอดร่างอันสะบักสะบอมของพะอูแล้วขอร้อง
“อย่า...อย่าทำพะอูเลย”
งะดินเดในร่างดีตวาด
“หยุด...ข้าไม่มีวันให้เจ้าทำอย่างนั้นเด็ดขาด ข้าละซึ่งเพศบรรพชิตแล้ว วันนี้ข้าคงต้องกำจัดเจ้าให้สิ้นซาก”
งะดินเดยิ้มหยัน
“เอาสิ...คิดว่าจะทำอะไรข้าได้ก็เข้ามา”
งะดินเดในร่างดีกับร่างชั่วเข้าโรมรันกัน เป็นร่างของดำกับขาวต่อสู้กันในอากาศ แม่หมอมองดูเครียดๆ
“ขอให้ทุกอย่างจบสิ้นในวันนี้ด้วยเถิด”
งะดินเดทั้งสองยังคงต่อสู้กัน ไม่นานนัก งะดินเดในร่างดีก็พลาดท่าร่วงลงมากระอักเลือด ทุกคนวิ่งเข้าไปประคอง แม่หมอเป็นห่วงมาก
“ท่าน...ท่านเป็นยังไงบ้าง”
งะดินเดในร่างดีท่าทางไม่รอด งะดินเดในร่างชั่วหัวเราะอย่างสะใจแล้วหันไปมองพะอู
“คราวนี้ถึงเวลาที่เจ้าต้องมอบหัวใจให้พ่อแล้ว ชะเวโบ”
งะดินเดใช้อาคมดึงเอาหัวใจของพะอูออกมา ร่างของพะอูกลายเป็นเสือหมายจะขย้ำงะดินเด แต่ก็ได้แค่กระโดดมาได้ครึ่งทางหัวใจก็หลุดออกจากร่างมาอยู่ที่มืองะดินเดทันที พะอูกลายเป็นคนแล้วกำลังจะสิ้นลม จ่าชิตแทบช็อค รีบวิ่งเข้าไปประคอง แต่สายไปแล้ว
“พะอู...พะอู”
พะอูยังเหลือลมหายใจสุดท้ายแล้วมองจ่าชิต พยายามออกเสียง
“พ่อ...”
“โธ่...ลูกพ่อ...ทำใจดีๆนะ พ่อจะพาลูกไปหาหมอ”
จ่าชิตร้องไห้ออกมา พะอูก็น้ำตาคลอ กินรีทรุดลงไปข้างๆ
“โธ่พะอู ไม่น่าเลย”
จ่าชิตมองหน้างะดินเดตาขวาง ทันใดนั้นร่างพะอูก็สิ้นลม แล้วร่างของพะอูก็กลายเป็นร่างที่ไม่มีร่องรอยหน้าเกลียดเหลืออยู่เลย ทุกคนตกใจ จ่าชิตร้องไห้แล้วตวาดงะดินเด
“แก...แกเป็นพ่อประสาอะไร ลูกในไส้แท้ๆยังฆ่าได้...ทำไม...ทำไม...”
งะดินเดหัวเราะเยาะ
“แปลกใจล่ะสิ...ข้าเลือกมันตั้งแต่ยังแบเบาะแล้ว ข้าจงใจให้เจ้ามาเจอคะยี ข้าต้องการให้ชะเวมะรัตดูแลมัน...”
จ่าชิตแค้นจัด
“แก...ไอ้สารเลว ตายซะเถอะ”
จ่าชิตยิงปืนใส่งะดินเดจนหมดแม็คแต่งะดินเดก็ไม่เป็นอะไร งะดินเดรวบรวมหัวใจทั้งหมดเข้าร่างตัวเอง...ทันใดนั้นงะดินเดกลับกลายร่างเป็นเหมือนเมื่อ 800 ปีที่แล้วท่าทางมีสง่าราศี ทุกคนแปลกใจ
“ข้าไม่สนใจพวกแมงเม่าอย่างเจ้าหรอก รอให้ข้าสังหารบาเยงโบก่อน แล้วเมื่อนั้นข้าก็จะสร้างอาณาจักรของข้าให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง...”
งะดินเดหัวเราะแล้วสลายไปในอากาศ งะดินเดร่างดีกับทุกคนต่างนิ่งไปด้วยความเสียใจ

อองไชยนั่งดูแผ่นไม้ที่เป็นแผนที่ เสี่ยรงค์เข้ามาหา
“เห็นคนของฉันบอกว่า...”
“ไอ้ไจมันหนีไป...”
เสี่ยรงค์หน้านิ่งไม่ได้โกรธเท่าไหร่
“เฮ้อ...ไอ้นี่มันมี 9 ชีวิตหรือไงนะ...ช่างเถอะท่านพราน เราไม่มีเวลาแล้ว พรุ่งนี้เราก็ออกเดินทางแต่เช้า ถ้ามันคิดจะตามไปก็เท่ากับไปหาที่ตาย แล้วนี่ท่านพอรู้ปริศนาหรือยัง”
อองไชยเอาแผ่นไม้มาต่อกันแล้วอ่านปริศนาที่เขียนเอาไว้
“ด้วยรักแห่งข้าอันเป็นนิรันดร์ ต่อชะเวมะรัต ข้าของสาบานที่จะติดตามเจ้าไปทุกชาติ ตราบใดที่ศพของข้ายังคงอยู่อย่างสงบนิ่ง...แต่เมื่อแสงแห่งอัญมณีเฉิดฉาย ดุจเลือดปักษา เมื่อนั่นสุสานข้าจะเปิดและทุกอย่างจะกลายเป็นนิรันดร์...ชั่วฟ้าดินสลาย”
อองไชยเงยหน้าขึ้นพยายามตีความ
“มันหมายความว่าอะไร"
เสียงวีดและแสงสว่างดั่งดาวตกผ่านไป อองไชยรีบเงยดูและเห็นว่าท้องฟ้าแปลกไป
“ทำไมมันดูอาเพศแบบนี้ หรือว่ามันครอบครองหัวใจเสือตัวที่ 11 แล้ว”
อองไชยเครียดๆ คิดถึงดาบบาเยงโบขึ้นมา

ร่างของงะดินเดฝ่ายดีกำลังจะสลายไป เขาเตือนแม่หมอ
“พวกเจ้าต้องหยุดมันให้ได้”
จ่าชิตเข้ามาถาม

เสือสมิง ตอนที่ 20 (ต่อ)

“เราต้องทำยังไงท่านบรรพบุรุษ”
“ดาบ...มีเพียงดาบในสุสานบาเยงโบเท่านั้นที่จะจัดการกับมันได้ มันเป็นสิ่งเดียวที่หยุดความแค้นที่สั่งสมมากว่า 800 ปีได้...”
ประเดิมนึกถึงคำพูดของภราดร
“สุสาน...ดาบ”
ทั้งหมดมองหน้ากัน กินรีมองพะอูอย่างเศร้าใจ และร้องไห้
“ไปดีเถอะนะ พะอู...” แม่หมอบอกเศร้าๆ
จ่าชิตเศร้าและกอดศพลูกเอาไว้ เขาคร่ำครวญปิ่มว่าจะขาดใจ
“เราคงทำบุญด้วยกันมาแค่นี้ลูกพ่อ ชาติหน้าเราต้องมาเป็นพ่อลูกกันอีกนะพ่อสัญญาว่าพ่อจะดูแลลูกอย่างดี จะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้อีก”
ทุกคนเศร้าและอ้างว้าง ร่างงะดินเดร่างดีสลายไป ทุกคนมองตามตระหนก
“ที่แท้ความแค้นมันคืออะไรกันแน่...” แม่หมอครุ่นคิด

ในอดีต เมื่อ 800 ปีที่แล้ว...พระราชวังยามค่ำคืนเป็นวันเพ็ญ งะดินเด ชะเวโบ และเหล่าทหารเสือสมิงอยู่หน้าวัง
“คนของเราพร้อมหรือไม่” งะดินเด ถามทหารคนหนึ่ง
“รอเพียงสัญญาณเท่านั้นขอรับ”
งะดินเดพยักหน้าด้วยความพอใจ แล้วพยักหน้าสั่ง ทหารจุดพลุขึ้นบนฟ้า ทหารองครักษ์หลายนายเดินยามตามปกติ ทหารคนหนึ่งมองไปที่พลุแล้วเลี่ยงไป ทหารองครักษ์ที่เป็นคนของงะดินเดลอบมาเปิดประตูออกแล้วทำความเคารพ งะดินเดสั่งแววตากร้าว
“บุก...ฆ่าให้หมดอย่าให้เหลือ”
ทหารต่างๆพร้อมทั้งพวกเสือสมิงและชะเวโบ ต่างบุกเข้าไปตามแผนที่งะดินเดวางเอาไว้

เสือสมิงต่างบุกเข้าไปฆ่าบรรดาทหารที่รักษาการณ์อยู่ แต่มีเพียงทหารไม่กี่นายเท่านั้น ทำให้พวกเสือสมิงต่างสงสัย ชะเวโบบุกเข้าไปในห้องอิระวดีแต่ไม่พบใคร งะดินเดบุกไปห้องบาเยงโบแต่ไม่พบใคร มีแต่ทหารที่บาเยงโบวางหลอกเอาไว้สี่ห้าคน งะดินเดสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น...ไปไหนกันหมด”
ทหารของงะดินเดพยายามบุกไปห้องต่างๆทุกห้องว่างเปล่า ทุกคนต่างมารวมกันที่ลานฝึกอาวุธของพวกราชองครักษ์ ชะเวโบรายงาน
“หาได้มีใครอยู่เลยท่านพ่อ”
“เหตุใดจึงเป็นเยี่ยงนี้”
งะดินเดทั้งแค้นทั้งสงสัย
“หรือว่า พวกมันรู้ตัว”
สิ้นเสียงชะเวโบ รอบๆกลุ่มของงะดินเดก็มีไฟจากคบนับร้อยสว่างขึ้น บาเยงโบตะโกนเข้ามา
“ใช่...ข้ารู้มานานแล้วว่าพวกเจ้าคิดคดกบฏต่อราชบัลลังก์ และจะรอถอนรากถอนคนในวันนี้”
งะดินเดแววตากร้าวแล้วตัดสินใจสู้
“ดี...วันนี้จะได้รู้ไปเลยว่าใครจะคู่ควรกับราชบัลลังก์นี้”
“เจ้าคิดว่าบารมีเจ้าพอหรืองะดินเด...ทหารสังหารมันให้สิ้นทุกตัวคน”
บาเยงโบชักดาบนำทัพเข้ามาโรมรันกับกองทัพเสือสมิงของงะดินเด ทหารที่เป็นระดับหัวหน้าราชองค์รักษ์ต่างมีเวทมนต์และอาวุธที่สามารถต่อสู้กับเสือสมิงที่เป็นลูกน้องได้ ทหารทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด บาเยงโบมองดูทหารต่อสู้อย่างมีเชิง เช่นเดียวกันกับงะดินเดที่ยืนสั่งการ
ทหารทั้งสองฝ่ายต่างล้มตายลงไปคงเหลือแต่ทหารเอกกับพวกเสือสมิง ชะเวโบยืนหน้านำทัพ สักครู่บาเยงโบตัดสินใจลงมาต่อสู้ เขาใช้ดาบอาญาสิทธิ์กวัดแกว่งเข้ามาต่อสู้กับเสือสมิงทั้งสิบ งะดินเดเห็นว่า เสือสมิงท่าทางจะพ่ายแพ้ จึงเสกมนต์เพิ่มอาคมเข้าไปให้เสือทั้งสิบรวมกันเป็นตัวเดียว เสือตัวนั้นท่าทางดุดันและเกรี้ยวกราด บุกเข้าหาบาเยงโบ การต่อสู้ผ่านไปสักระยะ เสือตัวนั้นก็พ่ายแล้วหนีไป งะดินเดหน้าตระหนกตัดสินใจบุกเข้าไปสู้กับบาเยงโบ พวกทหารต่างเข้าไปรุมสู้กับชะเวโบ เวลาผ่านไป งะดินเดพลาดท่าต่อดาบของบาเยงโบ แล้วตัดสินใจหนีโดยทิ้งชะเวโบเอาไว้อย่างเห็นแก่ตัว
“ท่านพ่อ...ช่วยข้าด้วย...ท่านพ่อ...”
งะดินเดหายไปในความมืด ทหารจะตามไปบาเยงโบสั่ง
“ไม่ต้อง...ตามไปจะเป็นภัย เอาตัวชะเวโบไปคุมขังเสีย”
ทหารทำตามนำชะเวโบออกไป บาเยงโบมองไปทางที่งะดินเดหนีไปอย่างโกรธจัด

วันใหม่...กองคาราวาน ของเสี่ยรงค์กำลังเดินทางไปขุมทรัพย์ อองไชยนำหน้าคู่กับสมรักษ์ที่ชำนาญเส้นทางดี
“เราจะเดินลัดเลาะไปตามเชิงเขาและจะพักที่ลำธารแห่งนี้” สมรักษ์อธิบาย
ระรินที่เดินอยู่กับภราดรเริ่มเหนื่อย
“หมอคะ ขอน้ำหน่อยซิคะ”
“นี่ครับ” ภราดรส่งน้ำให้
ระรินดื่มน้ำแล้วส่งคืนให้
“ขอบคุณนะคะ หมอน่ารักที่สุดเลย”

ระรินเดินทางต่ออย่างสดชื่นขึ้น

จ่าชิตเดินนำ ประเดิม กินรี มะค่า และหินแต่งตัวทะมัดทะแมง มีอาวุธตามความถนัดแบบพื้นบ้านทั้งหมด เดินทางมาตามป่าไล่หลังพวกเสี่ยรงค์มาห่างพอสมควร ประเดิมบ่นๆ
“เชอะ...หมอนะหมอ...ไม่ยอมให้ไปด้วย นึกหรือว่าไอ้ประเดิมจะยอม”
กินรีสงสัย
“เราจะตามพวกนั้นเจอหรือจ่า”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เราต้องเจอพวกเสี่ยรงค์อย่างแน่นอน”
จ่าชิตมั่นใจ

อองไชยทำสัญญาณให้ทุกคนหยุดเดิน เสี่ยรงค์สงสัย
“มีอะไรหรือท่านพราน”
“ตำรวจคนนี้บอกว่า เรากำลังจะข้ามเขตชายแดน ผ่านลำธารข้างหน้าไปจะเป็นหมู่บ้านของกองกำลังอิสระ”
เสี่ยรงค์หันไปหาเสือทศ
“เอาไงเสือทศ”
“ถ้าจำเป็นก็ต้องแลก”
สมรักษ์โต้ทันที
“เราจะผ่านไปโดยที่ไม่เสียเลือดเนื้อ เพราะมันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง เราไม่รู้ว่าพวกเขามีกำลังเท่าไหร่”
เสี่ยรงค์กับศักดาเห็นด้วย
“เราจะต่อรอง” ศักดาออกความเห็น
เสี่ยรงค์เห็นด้วย
“เราจะใช้วิธีของหมวด”
เสือทศรู้สึกเซ็งที่สมรักษ์ดูเหนือกว่า

จ่าชิตเดินตามรอยมากับหินแล้วมั่นใจ
“พวกเขามาทางนี้ แสดงว่ามันจะต้องผ่านกองกำลังกลุ่มน้อย”
ประเดิมหันมาถาม
“แล้วเราจะผ่านไปยังไง”
“ตามดูไปก่อน”
กินรีเป็นห่วง
“เราน่ะไม่เท่าไหร่ แต่พวกนั้นน่ะสิจะผ่านไปยังไง ฉันชักเป็นห่วงหมอแล้วสิ”
แก้วปลอบ
“พวกนั้นต้องเอาตัวรอดได้น่าพี่...เชื่อฉันสิ”
หินเสริม
“ใช่ พวกนั้นมีแต่คนเก่งๆทั้งนั้น โดยเฉพาะไอ้ทศ ที่เก่ง...แต่ปาก”
แก้วกับหินหัวเราะเบาๆในความแค้น แววตาชิงชัง จ่าชิตตัดบท
“ไปกันเถอะ”
ทั้งหมดลอบลัดเลาะเดินทางไป

กองคาราวานของเสี่ยรงค์มานั่งพักผ่อนที่ลำธาร ระรินนั่งแอบอิงภราดร แล้วบ่น
“ร้อนเป็นบ้าเลย รู้งี้อยู่บ้านดีกว่า”
“ใจเย็นๆน่าคุณระริน ที่นี่ก็ร่มรื่นดีนะ ถ้าไม่สบาย ผมไปตักน้ำเย็นๆมาให้เช็ดหน้านะครับ”
ระรินยิ้มรับ
“ดีเหมือนกันค่ะ”
ภราดรแยกออกไป

อองไชยกับสมรักษ์กำลังดูแผนที่โดยมีเสี่ยงรงค์ กับศักดาอยู่ด้วย
“จะต้องใช้เวลากี่วันท่านพราน...หมวด” เสี่ยรงค์หันมาถามสมรักษ์
“4-5 วัน”
อองไชยหน้าเครียด
“ต้องเร็วกว่านั้น ข้าต้องการให้ไปถึงในวันขึ้น 15 ค่ำ นั่นหมายความว่าอีกสามวันข้าต้องถึงที่นั่น”
สมรักษ์ถอนใจ
“งั้นคงต้องไปบอกพวกผู้หญิงแล้วล่ะ”
สมรักษ์พูดจบก็เดินไปที่ลำธาร ศักดารีบถาม
“จะไปไหนหมวด”
สมรักษ์รำคราญ
"ผมจะไปล้างหน้าล้างตัวบ้างไม่ได้หรือไง”
ศักดารับรู้แล้วพยักหน้าให้ไปได้...เสือทศสั่งลูกน้องทั้งหมดให้เตรียมตัว
“พวกเอ็งเตรียมอาวุธให้พร้อม ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เราต้องรอดก่อน”
เสือเรืองรับคำ
“ได้พี่”
เสือทศเดินแยกไป

สมรักษ์กำลังตักน้ำเห็นภราดรเดินมาจึงเดินไปตักน้ำใกล้ๆ
“หมอ...”
“มีอะไรหรือหมวด”
สมรักษ์มองตาภราดรแล้วรู้สึกว่าเขาดูปกติดี
“เปล่า...ไม่มีอะไร”
สมรักษ์ไม่เห็นวี่แววว่าภราดรจะร้ายตรงไหม เสือทศเดินมาถึงถามทันที
“พวกแกคุยอะไรกัน”
สมรักษ์แก้ไขสถานการณ์
“เปล่านี่...ก็แค่ทักกันธรรมดา...ผมไปล่ะหมอ เดี๋ยวเสี่ยรงค์จะรอ”
สมรักษ์อ้างเสี่ยรงค์ เสือทศไม่กล้า เสือทศเข้ามาประจันหน้ากับสมรักษ์ท่าทางแสดงความเป็นต่อ
“แกอย่าคิดนะว่า แกจะได้จงใจไป เสร็จงานนี้เมื่อไหร่เสี่ยรงค์จะยกจงใจให้ฉันทันที”

เสือทศจากไป สมรักษ์มองตามแววตาเข้มไม่กลัว ภราดรมองทั้งสองคนครุ่นคิด

จบตอนที่ 20
กำลังโหลดความคิดเห็น