ขุนเดช ตอนที่ 20
ที่ลานสนามบ้านกำนันบุญ กำนันบุญยืนตั้งท่าเชิงมวยโดยมีไอ้นะไอ้เนและลูกน้องล้อมรอบ เพื่อเตรียมพร้อมฝึกฝีมือกับกำนัน
“ให้พวกเราบุกเข้าไปพร้อมกันแบบนี้จะดีเหรอจ๊ะพ่อกำนัน”
“นั่นสิ พ่อกำนันเพิ่งฟื้นจากแผลถูกไอ้วีรบุรุษบาปฟันมา ถ้าเกิดพวกเราพลั้งมือไปโดนจะทำให้พ่อกำนันยิ่งแย่นะ”
“หมอบอกข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” กำนันบุญบอกพร้อมชูมือขวาให้ดู “ส่วนนี่ก็แค่แผลที่โดนนังทิพย์มันกัดแค่นั้น ถ้าพวกเอ็งไม่เข้ามา ข้าจะเอาปืนยิงขาพวกเอ็งให้ลากเหมือนหมาขาเป๋...เข้ามา”
ไอ้นะไอ้เนมองหน้ากันแล้วตัดสินใจลุยเข้าใส่กำนันบุญพร้อมกัน...ย๊ากกกกก
กำนันบุญใช้เชิงมวยต่อสู้กับลูกน้องตัวเอง พวกมันรุมกันเล่นงานพร้อมกันแต่กำนันบุญก็รับมือได้ แต่มีจังหวะนึงที่ประมาทถูกไอ้นะชกเข้าที่ท้อง กำนันบุญเซไปทางลูกน้องที่เข้ามาช่วยประคอง ไอ้นะหน้าเสีย
“พ่อกำนัน…ชั้นขอโทษ”
กำนันบุญสะบัดตัวออกจากลูกน้อง
“ข้าไม่เป็นไรเว้ย ดี…หนักๆ แบบเมื่อกี้นั่นแหละดีแล้ว ข้าต้องพร้อมที่สุด เพราะถ้าข้าเจอไอ้วีรบุรุษบาปอีก ครั้งหน้าจะเป็นการตัดหัวมัน…เข้ามา”
ระหว่างนั้นทิพย์เดินเข้ามาตามหารำพันในบ้านและเดินเข้ามาที่ห้องพระของกำนันบุญ
“แม่จ๋า…แม่อยู่ไหน…แม่”
ทิพย์เรียกหาอยู่ครู่ก็ตกใจเมื่อเจองูเจ้าตัวใหญ่ยักษ์ชูคอแผ่แม่เบี้ยจ้องเขม็งมาที่ทิพย์ทำเอาทิพย์ตกใจตัวแข็ง
ส่วนที่ลานหน้าบ้านไอ้นะไอ้เนบุกเข้าใส่กำนันบุญหนักหน่วงกว่าเดิม คราวนี้กำนันบุญบ้าระห่ำใช้เชิงมวยสุดยอดเล่นงานพวกมัน ไอ้เนโดนไปคนแรกกระเด็นไปสลบเหมือด ไอ้นะอึ้งเหวอ
“ถ้าเอ็งไม่อยากโดนแบบมัน เอ็งต้องงัดฝีมือเอ็งออกมาให้หมด”
“งั้นชั้นไม่เกรงใจแล้วนะจ๊ะพ่อกำนัน”
ไอ้นะปรี่เข้าไปลุย แต่ก็ถูกกำนันบุญตอบโต้สวนกลับหลายหมัดไล่ตั้งแต่หน้า ลำตัว จนเตะตัดขาล้ม เลือดกบ ปาก กำนันบุญจะตัดสินด้วยหมัดหนักๆ สุดท้าย ง้างกลางอากาศแต่อยู่ๆ ก็ชะงัก เพราะแขนข้างขวามีอาการบาง อย่างผิดปกติ
ภายในบ้านขณะนั้นทิพย์ร้องห่มร้องไห้เสียงดังเพราะอาการตกใจกลัว รำพันรีบเข้ามาดูลูก
“ทิพย์...เป็นอะไรลูก...ร้องไห้ทำไม”
“แม่จ๋า...หนูกลัว...ฮือๆๆๆ”
“กลัวอะไรทิพย์”
“งูจ้ะแม่....งูตัวใหญ่...มันขู่ทิพย์...ทิพย์กลัว...ฮือๆๆๆๆ”
“งู...งูที่ไหน”
“นั่นจ้ะแม่”
รำพันดูตามที่ทิพย์บอกแต่ไม่เห็นอะไร
“ไม่มีนี่ทิพย์...แม่ว่าทิพย์ตาฝาดไปมากกว่า...มา...ขวัญเอ้ย ขวัญมานะลูก”
ด้านนอกกำนันบุญถอยออกจากไอ้นะแล้วร้องเจ็บเพราะปวดแขนตรงบริเวณที่มีผ้าพันแผลรอยกัดของทิพย์
“พ่อกำนัน เป็นอะไร” ไอ้เนถามอย่างตกใจ
“เจ็บ...ข้าเจ็บ”
“แผลที่ถูกฟันมาเหรอ”
“เปล่า...แผลที่ถูกนังทิพย์กัด...โอ๊ยยย...ปวดแสบปวดร้อนเหลือเกิน”
“เฮ้ย...ช่วยกันพาพ่อกำนันเข้าบ้านเร็ว”
พวกลูกน้องรีบพยุงกำนันบุญกลับเข้าบ้าน
รำพันรีบเข้ามาดูกำนันบุญเมื่อรู้เรื่อง
“พี่กำนัน เป็นยังไงบ้างจ้ะพี่”
“แผลที่นังทิพย์มันกัดข้า ทำเอาข้าปวดแสบปวดร้อนไปหมด”
“ขอชั้นดูหน่อยนะจ๊ะพี่” รำพันช่วยแกะผ้าพันแผลออกจนหมดแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นรอยแผลที่แขนกำนัน
“พี่กำนัน!...แผล...แผลพี่”
กำนันบุญรีบมองแผลที่แขนตัวเองและถึงกับอึ้งตกใจด้วยเพราะแผลกัดเล็กๆ ของทิพย์กลายเป็นแผลกินบริเวณกว้างขึ้นและมีลักษณะคลายเกล็ดงูเรียงตัว
“ทำ…ทำไมแผลพ่อกำนันเป็นแบบนี้ล่ะ…ดู…ดูเหมือน”
กำนันบุญเอามืออีกข้างแกะสเก็ดแผลออกมา ลักษณะสะเก็ดแผลเป็นแผ่นกลมๆ บางๆ
“เหมือนเกล็ดงูเลยพ่อกำนัน”
กำนันบุญหน้าเสีย
“พวกเอ็งออกไปให้หมด”
“แต่…”
“ข้าสั่งให้ออกไปให้หมด…ไปสิเว้ย”
กำนันบุญอาละวาดโวยวาย ไอ้นะต้องรีบพารำพันออกไปก่อนจะโดนลูกหลงจากกำนันบุญ กำนันบุญหันมามองแผลตัวเองที่เหมือนลายเกล็ดงูแล้วหน้าเครียด
“โธ่เว้ย!”
อีกด้านหนึ่งที่โกดังร้างมีการชกมวยเถื่อน พวกนักพนันส่งเสียงเชียร์กันสนั่น แจ็คก้าวเข้ามายืนกลางวงแล้วชี้ให้คู่ชกสองคนเข้ามาสู้กับมันพร้อมๆ กัน พวกนักมวยเฮลั่น คู่นักชกเลยเข้าไปรุมแจ็คพร้อมกัน แลกหมัดกันมันส์สุดๆ แต่ทั้งคู่ก็ทำอะไรแจ็คไม่ได้ ซ้ำยังโดนเล่นงานอย่างหนัก
คนหนึ่งโดนแจ็คจับตัวลอยทุ่มจนกระอักเลือด ส่วนอีกคนเล่นเครื่องทุ่นแรงคว้าไม้คมแฝกมาฟาดจนไม้หักคามือ แต่แจ็คไม่สะทกสะท้าน หันมาใช้มือเดียวบีบคอจนตัวลอยจนมันหน้าเขียวหน้าแดงจะขาดใจตาย ระหว่างนั้นเสียงปืนดังขึ้น…ปัง ! ทุกคนหันไปเห็นยงยุทธเข้ามาพร้อมกับจ่าแท่น
“ตำรวจ”
พวกนักพนันแตกตื่นวิ่งหนีกันอลหม่าน แต่แจ็คกลับยิ้มชอบใจจ้องยงยุทธแขม็ง
“จ่าไปตามจับพวกนักพนันพวกนั้นเถอะ”
“แล้วไอ้แจ็คล่ะครับ หมวดจะรับมือมันคนเดียวไหวเหรอ ขนาดวีรบุรุษบาปยัง…”
“จ่า...นี่เป็นเรื่องของผมกับมัน ทำตามที่ผมสั่ง”
จ่าแท่นมีสีหน้าเป็นห่วงแต่ก็ต้องทำตามสั่ง
“ระวังตัวด้วยนะครับหมวด”
จ่าแท่นออกไปทิ้งยงยุทธเผชิญหน้ากับแจ็คตามลำพัง
“วันนี้ชั้นจะลากคอแกเข้าตะรางให้ได้”
นิ้วยงยุทธแตะไกปืน แต่แจ็คหันไปปัดถังน้ำใกล้ๆ ใส่ ยงยุทธเลยต้องผงะหลบ หันมาอีกทีไอ้แจ็คมันหนีออกไป แล้ว ยงยุทธรีบไล่ตาม
ยงยุทธตามแจ็คเข้ามาแต่เงียบเชียบ กวาดปืนไปมาอย่างระวังแต่แจ็คโผล่เข้ามาปัดปืนกระเด็นไป แล้วศอกเข้าหน้ายงยุทธจนผงะถอยเสียหลักเลือดไหลออกจากจมูกแต่ไม่เป็นอะไรมาก ยงยุทธเช็ดเลือดแล้วจ้องแจ็คเขม็งก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วตั้งท่าเชิงมวย แจ็คยิ้มชอบใจหักนิ้วบิดคอแล้วบุกเข้าสู้กัน
ทั้งคู่ใช้หมัดต่อหมัดแลกกันสุดฤทธิ์ ไม่มีใครยอมใคร ยกแรกยงยุทธเป็นฝ่ายถูกแจ็คเล่นงาน รับพายุหมัดจนสู้ไม่ได้โดนเล่นงานจนจุกแล้วถูกจับทุ่มกระเด็นใส่กองไม้แล้วเงียบไป แจ็คหัวเราะชอบใจคิดว่ายงยุทธสิ้นฤทธิ์อยู่ในกองไม้
ที่หน้าโกดังจ่าแท่นจับพวกนักพนันสองสามคนใส่กุญแจมือ
“วันๆ ดีแต่เล่นพนันไม่ทำมาหากิน ไม่รู้จักกลัวบาปกลัวกรรมมั่งเหอะ”
จ่าแท่นบ่นไปได้ครู่ ประดับพร้อมลูกน้องสองสามคนก็พากันเข้ามา
“ทำหน้าที่ผู้รักษากฏหมายได้ดีมากนะครับจ่า”
“ไอ้ประดับ”
“ตำแหน่งหน้าที่ผมมีนะครับจ่า เพราะฉะนั้นช่วยให้เกียรติกันหน่อย”
“ไม่ต้องมาเบ่งใส่หรอกเว้ย ถ้าคิดจะมาใช้อำนาจของแกห้ามหมวดไม่ให้ลากคอไอ้แจ็คเข้าคุกล่ะก็…ฝันไปเถอะ วันนี้มันเสร็จหมวดแน่”
“หึๆๆๆ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วจ่า”
ประดับยิ้มร้ายก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน จ่าแท่นสงสัยจะตามแต่โดนลูกน้องกันไว้ไม่ให้ยุ่ง
ขณะนั้นแจ็คเตรียมจะเดินออกจากโกดังเพราะเห็นยงยุทธสิ้นฤทธิ์อยู่ในกองไม้ แต่ไปได้แค่ไม่กี่ก้าวยงยุทธก็ลุกพรวดขึ้นมา แจ็คหันมามองแล้วปรบมือให้
“เก่งมาก! แต่ยังไม่พอ”
แจ็คตั้งท่าเชิงมวยรอรับการต่อสู้กับยงยุทธอีกครั้ง คราวนี้ยงยุทธหันมาใช้เครื่องทุ่นแรงเป็นท่อนไม้สองท่อนบุกเข้าไปลุยใส่แจ็คไม่ยั้ง และสามารถเล่นงานแจ็คจนพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แจ็คโดนท่อนไม้ฟาดเข้าไป จนทรุดเลือดกบปากบ้าง เลยงัดไม้ตายออกมาใช้
“หมัด...สั่ง...ตาย”
แจ็คพร้อมใช้หมัดสั่งตาย ยงยุทธก็ตั้งท่าพร้อมใช้ไม้ตายตัวเองปะทะเหมือนกัน
“หมัด...ฟ้า...ฟาด” สองคนกำลังพุ่งเข้าหากัน แต่ระหว่างนั้นประดับยิงปืนขึ้นฟ้า...เปรี้ยง “ไอ้ประดับ”
ประดับยิ้มร้ายดูมีเล่ห์เหลี่ยมบางอย่าง
เมื่อกลับมาที่โรงพักยงยุทธนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงานกับจ่าแท่น
“ว่าไงนะครับหมวด...ไอ้แจ็คน่ะเหรอครับ ถูกทางราชการส่งมาให้ตามล่าวีรบุรุษบาป”
“ใช่จ่า…ผู้ใหญ่ยืนยันมาแล้ว”
“เป็นไปได้ยังไงครับ ไอ้แจ็คมันมีหมายจับ มันต่างหากที่ต้องถูกเราลากคอเข้าคุก”
“เรื่องหมายจับของไอ้แจ็ค ไอ้ประดับมันเล่นเส้นสายเคลียร์กับทางผู้ใหญ่ มีข้อแลกเปลี่ยนลดโทษของไอ้แจ็คลงสองในสามเพื่อให้มันมาช่วยราชการตามล่าวีรบุรุษบาป”
“เพราะวีรบุรุษบาปเคยเกือบถูกมันฆ่าใช่มั้ยครับหมวด” ยงยุทธพยักหน้ารับ “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเล่นกันแบบนี้ ถ้าอิทธิพลมันล้นฟ้า ทั้งที่กฏหมายเขียนด้วยมือ แต่พวกมันกล้าเอาส่วนอื่นลบ ผมว่าเราเลิกเป็นตำรวจกันดีกว่า”
ประดับเดินเข้ามา
“ก็เอาสิจ่า จะรอช้าอยู่ทำไม พรรคพวกผมยังมีอีกมากที่อยากมาทำหน้าที่แทนจ่า ผมจะได้พาเข้ามาทำงาน โรงพักที่นี่จะได้มีการเปลี่ยนแปลงบ้าง”
“เฮ้ย…นี่มันโรงพักไม่ใช่ซ่องโจร แล้วนี่ก็เครื่องแบบตำรวจไม่ใช่เครื่องแบบโจร”
“พอได้แล้วจ่า มันอยากจะใช้เส้นสายบีบบังคับเรายังไงก็ปล่อยให้มันทำไป แต่อย่างเดียวที่มันเอาไปจากเราไม่ได้ก็คือศักดิ์ศรี”
ยงยุทธพูดไปก็ขยับเข้าเผชิญหน้าประดับจ้องตากันเขม็ง
“งั้นแกคงต้องพิสูจน์ฝีมือแข่งกับไอ้แจ็คหน่อยแล้วยงยุทธ ถ้าแกลากคอวีรบุรุษบาปมาพร้อมกับดาบดำของมันไม่ได้” ประดับใช้นิ้วจิ้มไปที่อกยกยุทธเน้นๆ หนักๆ “ศักดิ์ศรีแกไม่เหลือแน่”
ประดับกับยงยุทธจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่อง
คืนนั้นขณะอยู่ที่บ้านพักยงยุทธชกกระสอบทรายอย่างบ้าคลั่งเพราะความเจ็บใจ ดาราเข้ามาอย่างเป็นห่วง
“จริงเหรอยงยุทธ” ยงยุทธไม่ตอบกระหน่ำชกกระสอบทรายอย่างหนักหน่วง “จ่าแท่นเล่าให้ชั้นฟังหมดแล้ว…เธอจะปล่อยให้พวกของประดับตามล่าวีรบุรุษบาป จริงๆ เหรอ…ยงยุทธ”
ยงยุทธกัดฟันอย่างเจ็บใจปล่อยหมัดชกใส่กระสอบทรายเต็มแรง
“โธ่เว้ย”
ยงยุทธเจ็บใจขบกรามจนขึ้นสัน หัวพิงกระสอบทรายอย่างอึดอัดเต็มทน
“ไม่ใช่จ่าคนเดียวหรอกที่ทนอิทธิพลไม่ได้จนอยากถอดเครื่องแบบทิ้งแล้วหันไปตั้งศาลเตี้ยสู้กับพวกมัน...ผมก็อยากทำอย่างนั้นเหมือนกันนะดารา”
ดาราสงสารยงยุทธเลยเข้าไปจับมือเขาแล้วดึงมากอดปลอบใจ
“แต่เธอจะไม่ทำใช่มั้ย” ยงยุทธนิ่งไม่ตอบ “ใช่มั้ยยงยุทธ...สัญญากับชั้นสิว่าเธอจะไม่ทำ”
ยงยุทธตัดสินใจผละจากดาราแล้วหันไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเหงื่อ
“ผมขอตัวนะดารา…ผมอยากอยู่คนเดียว”
ยงยุทธเดินเข้าบ้านไปโดยไม่พูดอะไรอีก ดาราได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง
ดารารีบมาหาขุนเดชที่กระท่อม ดาราเรียกหาขุนเดชหลายครั้ง
“ขุนเดช…ขุนเดช…เธออยู่ไหนน่ะขุนเดช”
คำปันเดินเข้ามา
“ขุนเดชไม่อยู่ที่นี่หรอกค่ะอาจารย์”
“แล้วขุนเดชไปไหนเหรอคะน้าคำปัน” คำปันมองหน้าดาราแล้วถอนใจอย่างหนักใจ “มีอะไรเหรอคะน้า”
ดาราถามอย่างสงสัย
ดารารีบมาตามหาขุนเดชที่ถ้ำศิลา
“ขุนเดช…ขุนเดช”
ดาราเรียกหาขุนเดชพร้อมกับนึกถึงคำพูดของคำปัน
“น้าเห็นถึงความกลัวที่อยู่ในสายตาของขุนเดช แต่ทั้งน้าทั้งหลวงพ่อก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจให้ขุนเดชเลิกได้”
“ขุนเดช...เธออยู่ไหน....ขุนเดช”
“น้ากลัวเหลือเกินค่ะอาจารย์...ถ้าขุนเดชคิดแต่จะสู้กับพวกมันด้วยไฟแห่งความโกรธแค้น เราอาจจะไม่ได้ขุนเดชคนเดิมกลับมาอีก”
ดาราตามหาขุนเดชจนเหนื่อยและไม่พบว่าขุนเดชอยู่ที่ถ้ำศิลาแม้แต่วี่แววใดๆ ก็ไม่มี
“ขุนเดช…เธออยู่ไหน”
ระหว่างนั้นขุนเดชอยู่ที่สุสานร้าง ขุนเดชนั่งสมาธิอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันวังเวงน่ากลัว หมอกควันเข้าปกคลุมจางๆ ครู่หนึ่งขุนเดชลืมตาขึ้นแล้วหยิบดาบดำที่วางอยู่ตรงหน้ามาชักออกจากฝัก
เสียงเท้าคนเดินเข้ามาขุนเดชหันไปเห็นเป็นแจ็คยืนยิ้มร้ายในมือมีดาบพร้อมสู้ ขุนเดชจิกหน้าเอาเรื่องควงดาบ ดำเข้าไปสู้กับแจ็คอย่างบ้าเลือด ฟาดฟันใส่ไม่ยั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วขุนเดชฟันดาบอยู่คนเดียวอย่างบ้าคลั่ง
ขุนเดชปะทะดาบกับแจ็คแต่ก็สู้ไม่ได้โดนแจ็คตวัดดาบดำในมือกระเด็นไปปักพื้น ขุนเดชชะงัก แจ็คปักดาบลงพื้นแล้วใช้ท่าไม้ตาย
“หมัด...สั่งตาย”
แจ็คชกใส่ทีเดียวขุนเดชกระเด็นกระอักเลือดอย่างเจ็บปวดก่อนที่แจ็คจะหายตัวไป ขุนเดชลุกขึ้นยืนแววตาดุดันร้องตะโกนลั่น
“คนบาปอย่างพวกแกจะต้องตาย…ตายให้หมดไปจากแผ่นดิน” ขุนเดชหันไปคว้าดาบดำขึ้นมาจากพื้นแล้วไล่ฟาดฟันไปทั่วอย่างคุ้มคลั่ง “ตาย…ตาย…ตาย”
ส่วนที่บ้านกำนันบุญ กำนันบุญนอนอยู่บนเตียงกับรำพัน ใครบางคนเดินผ่านข้างเตียงกำนันบุญรู้สึกตัวรีบลุกขึ้นมา คว้าปืนบนหัวเตียงแล้วส่อง
“ใครวะ”
ในห้องเงียบเชียบไม่มีใครอยู่จนกำนันบุญแปลกใจหันไปเรียกรำพัน
“รำพัน…รำพัน”
กำนันบุญเรียกเท่าไหร่รำพันก็ไม่มีวี่แววว่าจะรู้สึกตัว ระหว่างนั้นใครบางคนก็เดินวูบโฉบผ่านหลังกำนันบุญไป กำนันบุญหันขวับ
“เฮ้ย! ใครวะ”
กำนันบุญไม่เห็นใครอีก แต่เห็นประตูห้องเปิดค้างเอาไว้ทั้งๆ ที่เมื่อกี้นี้ประตูยังปิดอยู่ กำนันบุญมีสีหน้าเอาเรื่อง
กำนันบุญรีบเดินออกมาที่ระเบียงได้ยินเสียงดนตรีไทยแว่วๆ ก่อนจะเห็นทิพย์กำลังร่ายรำแต่ตาลอยๆ
“นังทิพย์…นี่เอ็งเองเหรอ…ดึกๆ ดื่นใครปล่อยให้เอ็งออกมาจากเรือน” ทิพย์ยังร่ายรำตาลอยไม่ได้ยินที่กำนันบุญถาม “นังทิพย์! ไอ้ลูกปัญญาอ่อนเอ้ย...เอ็งกำลังหาเรื่องแกล้งข้าใช่มั้ย” กำนันบุญฉุนเฉียวเข้าไปผลักทิพย์จนล้มแล้วชี้หน้าเอาเรื่อง “ข้าจะไม่เลี้ยงเอ็งไว้ที่นี่อีกแล้ว เอ็งต้องไปอยู่โรงพยาบาล แล้วชาตินี้เอ็งกับข้าไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีก”
ทิพย์มีสีหน้าตกใจแล้วชี้ไปที่ข้างหลังกำนัน
“กลัวแล้ว...กลัวแล้ว...ฮือๆๆๆ”
ทิพย์ร้องไห้วิ่งหนีออกไป กำนันบุญแปลกใจว่าทิพย์กลัวอะไรเลยหันหลังไปดูแล้วก็ต้องตกใจแทบผงะเพราะที่ เห็นยืนอยู่ข้างหลังคือตัวกำนันบุญเอง แต่ดวงตาเป็นดวงตาแบบงูและเนื้อตัวก็เป็นลายเกล็ดงูทั้งตัว เมื่อแสยะยิ้มออกมาก็มีเขี้ยวยาวแบบงูด้วย
“ไม่...ไม่จริง...ไม่จริง”
กำนันบุญยกปืนยิงใส่ตัวเองไม่หยุด...ปังๆๆๆๆๆๆ
กำนันบุญรู้สึกตัวตื่นขึ้นบนเตียงเหงื่อแตกพลั่ก
“ไม่”
รำพันตกใจตื่น
“พี่กำนัน...พี่กำนันเป็นอะไร” กำนันบุญรีบลุกไปดูหน้าตัวเองที่กระจกเห็นยังเป็นปกติดี รำพันยิ่งสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นเหรอจ๊ะพี่ หรือว่าพี่ฝันร้าย”
“ออกไป”
“พี่จะให้ชั้นออกไปไหน”
“กลับไปห้องของเอ็ง เดี๋ยวนี้เลย”
“แต่นี่มันดึกแล้วนะจ๊ะพี่”
กำนันบุญไม่สนใจเข้าไปคว้าแขนรำพันแล้วไสส่งไปที่ประตู
“กลับไปห้องเอ็งแล้วรีบจัดการเก็บข้าวของนังทิพย์ พรุ่งนี้ข้าจะเอามันไปส่งโรงพยาบาล”
“พี่กำนัน ไหนบอกว่าจะไม่ส่งลูกไปแล้วไง”
กำนันบุญไล่แล้วปิดประตูใส่
“ไสหัวไป”
รำพันทุบประตูร้องห่มร้องไห้เรียก
“พี่กำนัน...พี่กำนัน “
กำนันบุญหน้าเหี้ยมไม่ฟังเสียงร้องของรำพันแล้วมองไปที่แขนตัวเองที่พันผ้าพันแผลเอาไว้
วันต่อมายงยุทธมาถามหาขุนเดชที่แคมป์โบราณคดี
“ขุนเดชไม่ได้บอกอาจารย์ไว้เลยเหรอครับ”
“ครับหมวด...ผมไปตามที่บ้านแล้วก็ไม่เจอ” อาจารย์ประทีปบอก
“ไปช่วยงานบูรณะโบราณสถานที่อื่นรึเปล่าครับ”
“ไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะปกติถ้าขุนเดชไปทำงานที่ไหนมักจะบอกผมไว้ตลอด บางทีขุนเดชอาจจะมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องไปจัดการ”
ยงยุทธหันมาสีหน้าครุ่นคิด ระหว่างนั้นดาราแอบฟังอยู่ไม่ไกล
“แล้วหมวดมีธุระอะไรกับขุนเดชเหรอครับ”
“หมวดกำลังพยายามตามหาเบาะแสของวีรบุรุษบาปอยู่ครับ ใครพอจะให้เบาะแสได้เรา ต้องสอบทุกคน เพราะเราอยากเจอตัวหมอนั่นก่อนที่พวกของนายประดับจะเจอ” จ่าแท่นบอก
“เอาเป็นว่าถ้าอาจารย์ได้ข่าวคราวของขุนเดชก็ช่วยแจ้งผมด้วยนะครับ”
“ครับ”
ยงยุทธกับจ่าแท่นขอตัวออกไป อาจารย์ประทีปมองส่งยงยุทธได้ครู่จึงหันไปเห็นดารา
“อ้าว...อาจารย์ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“สักครู่แล้วค่ะอาจารย์”
“แล้วงานที่วัดพระพายหลวงเรียบร้อยดีมั้ย”
“เรียบร้อยดีค่ะอาจารย์”
ดาราตอบอาจารย์ประทีป แต่สายตาแอบกังวลเป็นห่วงขุนเดช
ที่สุสานร้าง ดาบดำของวีรบุรุษบาปปักอยู่ที่พื้น ส่วนขุนเดชนอนแผ่หมดสภาพอยู่ที่โคนต้นไม้ ใบหน้าดูโทรมมาก ระหว่างนั้นเท้าของกำนันบุญก้าวเข้ามามองขุนเดชอย่างสมเพช
“เพลงดาบเดือนดับของเอ็งมันมีดีแค่นี้เองเหรอวะไอ้ขุนเดช”
“ไอ้...ไอ้กำนันบุญ”
“หึๆๆ...” กำนันบุญเข้าไปกระชากคอเสื้อขุนเดชขึ้นมา “นี่น่ะเหรอวีรบุรุษบาปที่เล่นงานไอ้สัมฤทธิ์ ลูกชายข้า ถ้าฝีมือเอ็งมีแค่นี้ เอ็งก็อย่าหวังเลยว่าจะหยุดพวกข้าได้” กำนันบุญเหวี่ยงขุนเดชกระเด็นไปหลายตลบแล้วชักดาบออกมาท้าทาย “ใช้ดาบดำของเอ็งมาสู้กับข้า...เข้ามา”
ขุนเดชเจ็บใจหันไปดึงดาบดำขึ้นจากพื้นแล้วปรี่เข้าไปไล่ฟันกำนันบุญอย่างบ้าคลั่ง
“ไอ้พวกคนบาปอย่างพวกแกต้องตาย...ตาย...ตาย...ตาย”
ขุนเดชไล่ฟันไม่ยั้งแต่กลับสู้กำนันบุญไม่ได้ถูกกำนันบุญสั่งสอนด้วยเชิงดาบ ตวัดดาบดำหลุดจากมือกระเด็นไป ดาบดำปักพื้นเหมือนเดิม แถมยังถูกกำนันบุญกระโดดถีบจนกระเด็นกลิ้ง
“อย่างเอ็งมันไม่ใช่เพชรฆาตหรอกไอ้ขุนเดช เอ็งมันยังโหดเหี้ยมไม่พอ...พวกที่เอ็งฆ่า มันไปมีแต่พวกกระจอก ข้าต่างหากที่คือเพชรฆาต...มาตัดสินไอ้วีรบุรุษบาป”
กำนันบุญวิ่งเข้าใส่พร้อมกับใช้ดาบแทงใส่...ฉึก ขุนเดชสะดุ้งเฮือกแล้วทรุด เสียงกำนันบุญหัวเราะดังลั่นก่อนจะเดินหายไป ขุนเดชฟุบหน้าลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
“ข้า...ข้าคือเพชรฆาต...ข้าคือทหารพระร่วง ข้าต้องตัดสินคนบาป พวกแกต้องตาย”
ตาขุนเดชปรือจนค่อยๆ ปิดลงแล้วแน่นิ่งไป
ยงยุทธกลับมาที่โรงพักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“น่าแปลกนะครับหมวด เราสืบหาทั้งวันแล้ว แต่ไม่มีเบาะแสของไอ้วีรบุรุษบาปเลย เหมือนอยู่ๆ มันก็หายตัวไปซะอย่างนั้น หรือว่า...” จ่าแท่นทำหน้าตกใจ “เราจะช้ากว่าพวกมัน ไอ้หมอนั่นอาจจะถูกไอ้แจ็คจัดการไปแล้ว”
“ไม่หรอกจ่า ถ้าพวกมันได้ตัววีรบุรุษบาปแล้ว..ป่านนี้มันคงเอามาคุยโวโอ้อวด ฉลองกันสามวัดเจ็ดวันไม่เลิก”
ยงยุทธพูดไปแล้วหันมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“มีอะไรเหรอครับหมวด ดูหมวดกำลังหนักใจ”
“ไอ้ประดับมันบอกว่าอยากได้ตัววีรบุรุษบาปพร้อมกับดาบดำของมัน เพราะฉะนั้นมันคงไม่อยากให้เราเจอตัวก่อน...ผมก็เลยห่วง”
“ห่วงอะไรครับ”
“ห่วงว่ามันจะใช้แผนสกปรกน่ะสิจ่า”
จ่าแท่นสงสัย
กำนันบุญเดินมาที่ระเบียง
“รำพัน...รำพัน” กำนันบุญเรียกหารำพันอยู่ครู่ก็หันไปเห็นไอ้นะไอ้เนที่เข้ามา “ไอ้นะ…เอ็งเตรียมรถไปโรงพยาบาลบ้า ส่วนเอ็งไอ้เน ไปพาตัวนังทิพย์กับเมียข้ามา”
สมุนสองคนรับคำแต่ยังไม่ทันจะออกไปประดับกับแจ็คและเบิ้มก็เข้ามา
“นี่กำนันยังไม่เลิกวุ่นวายกับเรื่องลูกสาวปัญญาอ่อนของกำนันอีกเหรอ”
“คุณประดับ”
“ชั้นบอกแล้วไง งานใหญ่กำลังรอเราอยู่ อย่าเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“ไม่ใช่เรื่องไม่เป็นเรื่องนะครับคุณประดับ พ่อกำนันต้องกำจัดนังทิพย์เพราะว่า...”
“ไอ้นะ”
กำนันบุญหันไปจ้องหน้าไอ้นะเขม็งด้วยแววตาสั่งไม่ให้ปากมาก ไอ้นะรีบก้มหน้าหลบไม่พูดอะไร
“กำนันมีปัญหาอะไร”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก เพราะผมมีงานใหญ่ต้องรับผิดชอบเลยไม่อยากให้นังลูกปัญญาอ่อนของผมมาอยู่เกะกะขวางหูขวางตาก็แค่นั้น”
“ถ้าเรื่องแค่นั้นให้ไอ้พวกคนงานของกำนันจัดการก็ได้ วันนี้ชั้นมีงานสำคัญที่ต้องให้ลูกน้องกำนันช่วยจัดการ”
“งานอะไรครับ”
“ล่อไอ้วีรบุรุษบาปให้ออกมา ไอ้แจ็คจะได้เล่นงานมันแล้วเอาดาบดำของมันมาทำพิธีสัตตะโลหะบุรุษ”
“ดาบดำของไอ้วีรบุรุษบาป หมายความว่า...”
ประดับยิ้มร้ายๆ
“ใช่…ดาบดำของไอ้วีรบุรุษบาปคือโลหะศักดิ์สิทธิ์ชิ้นสุดท้ายที่จะทำให้ชั้นได้เป็นสัตตะโลหะบุรุษ”
กำนันบุญฟังแล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นสนใจ
กำนันบุญเข้ามาในห้องทำงานกับไอ้นะไอ้เนตามลำพัง
“เมื่อกี้นี้ชั้นขอโทษด้วยจ้ะพ่อกำนัน”
กำนันบุญหันขวับมากระชากคอเสื้อไอ้นะแล้วตะคอกใส่
“หุบปากเอ็งไว้เลยนะ อย่าได้สะเออะพูดเรื่องของข้าให้ไอ้ประดับรู้”
“จ้ะ...จ้ะ...ชั้นจะรูดซิบปากให้เงียบเลย”
กำนันบุญผลักไอ้นะไปทางไอ้เนแล้วหันมาสีหน้าครุ่นคิด
“ดาบดำของไอ้วีรบุรุษบาปคือใบเบิกทางที่จะทำให้ข้าได้เป็นสัตตะโลหะบุรุษ” กำนันบุญยกแขนข้างที่พันแผลเกล็ดงูขึ้นมามอง “ทางเดียวที่ข้าจะพ้นจากแรงอาฆาตของไอ้งูเจ้าตัวนั้น คือข้าต้องเป็นสัตตะโลหะบุรุษให้ได้”
“ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะพ่อกำนัน..พวกชั้นรู้ว่าต้องทำยังไง”
“ดี...แต่ตอนนี้เราต้องทำตามที่ไอ้ประดับมันสั่งไปก่อน อย่าเพิ่งให้มันสงสัย”
ไอ้นะไอ้เนรับคำพร้อมกัน กำนันบุญยกแขนขึ้นมาดูแผลเกล็ดงู
อ่านต่อหน้าที่ 2
ขุนเดช ตอนที่ 20 (ต่อ)
ดาราเดินกอดอกสีหน้าครุ่นคิดออกมาจากแคมป์มีอาจารย์ประทีปเดินตามมาคุย
“ดิชั้นเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะอาจารย์ว่าขุนเดชหายตัวไปไหน”
“เอ...งั้นก็น่าเป็นห่วงนะ ปกติขุนเดชไม่เคยหายไปโดยไม่บอกใครเลย”
“คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ ขุนเดชอาจมีธุระส่วนตัวต้องไปจัดการอย่างที่อาจารย์ว่า”
ระหว่างนั้นดำรงประคองพาคนงานเข้ามาท่าทางมีเรื่องเกิดขึ้นเพราะทั้งคู่สะบักสะบอมถูกทำร้ายมา
“อาจารย์ครับ...มีปัญหาแล้วครับ”
“มีอะไรเหรออาจารย์ดำรง”
ดำรงกับคนงานมองหน้ากันสีหน้ายังไม่หายตกใจ
ก่อนหน้านี้ที่บริเวณโบราณสถานดำรงกับคนงานกำลังทำงานบูรณะพระพุทธรูปอยู่ ระหว่างนั้นเสียงปืนดังขึ้น ไอ้นะกับไอ้เนพาลูกน้องกำนันบุญโพกผ้าปิดหน้าบุกเข้ามา
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็หลบไปให้หมด”
ดำรงรีบกันคนงานถอยออกมา แต่มีคนงานคนหนึ่งไม่ยอมถือจอบจะเข้าไปเล่นงาน ไอ้นะหันมาเลยจัดการเล่นงานจนหมอบ
“พวกข้าสั่งแล้วไง...ถ้าพวกเอ็งไม่ฟัง ก็ต้องสั่งสอนกันหน่อย” ไอ้นะพยักหน้าให้ไอ้เนกับพวกลูกน้องเข้าไปซ้อมดำรงกับพวกคนงาน ส่วนมันเดินเข้าไปที่พระพุทธรูปอย่างสะใจ “งามจริงๆ งามไม่มีที่ติ...เฮ้ย...เอาเศียรพระองค์นี้”
ลูกน้องเข้าไปจัดการช่วยกันใช้เลื่อยตัดเศียรพระ ดำรงร้องห้าม
“อย่า...อย่า”
แต่พวกมันไม่ฟังซ้ำยังช่วยกันซ้อมดำรง ก่อนจะเห็นเศียรพระร่วงจากองค์แล้วกลิ้งไปตามพื้น
อาจารย์ประทีปกับดาราฟังเรื่องราวจากดำรงแล้วตกใจ
“เลว...เลวที่สุด...ชั้นจะไม่ยอมให้พวกมันขโมยสมบัติของชาติไปเด็ดขาด”
ดาราหันไปคว้าปืนบนโต๊ะแล้วหุนหันรีบออกไป
“อาจารย์ดารา...คุณพาพวกเราไปอนามัย แล้วรีบแจ้งเรื่องนี้ให้หมวดยงยุทธทราบ ผมจะไปกับอาจารย์ดาราเอง”
“ครับอาจารย์”
อาจารย์ประทีปรีบตามดาราไปทันที
ขุนเดชคอตกหมดสติอยู่ที่สุสานร้าง ส่วนดาบดำปักอยู่ที่พื้นห่างจากตัวไปไม่กี่ก้าว เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาขุนเดชจึงพบตัวเองถูกจับมัดติดกับต้นไม้ ขุนเดชพยายามสะบัดตัวแต่เชือกที่มัดแน่นมาก ระหว่างนั้นประดับก้าวเข้ามา
“เป็นไงไอ้ขุนเดช...เห็นสภาพแกตอนนี้แล้ว หึๆๆ มันช่างน่าสมเพทซะจริง ฮ่าๆๆๆ”
ขุนเดชมีสีหน้าเจ็บใจและแค้นมาก
“ไอ้ประดับ...ไอ้สารเลว...ที่ๆ แกควรจะอยู่มีที่เดียวคือในนรก”
ขุนเดชพยายามออกแรงดิ้นให้หลุดจากเชือก แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนเชือกยิ่งรัดแน่น
“อย่าพยายามเลยดีกว่า ถ้าชั้นเป็นแก ชั้นจะเปลี่ยนจากด่ามาเป็นร้องอ้อนวอนขอชีวิต”
“ชั้นไม่มีวันขอชีวิตจากคนเลวอย่างแก...ดาบดำของชั้นจะตัดคอคนบาปอย่างแก”
“หึๆๆ...ดาบดำของแกน่ะเหรอ” ประดับยิ้มร้ายแล้วเดินไปหยิบดาบดำของขุนเดชมากวัดแกว่งไปมาแล้วชี้ไปที่หน้าขุนเดช “ดาบดำของแกเล่มนี้ชั้นชอบว่ะ ถึงมันจะเคยใช้จัดการคนของชั้นไปแล้วหลายคน แต่ก็ถือว่ามันเป็นอาวุธที่จับแล้วทำให้ชั้นรู้สึกว่า...ชั้นคือเพชรฆาต”
“ดาบดำอาบไปด้วยเลือดของคนเลว และมันก็รอที่จะลิ้มรสเลือดของแก”
ประดับชักสีหน้าไม่พอใจ
“เลือดชั้นเหรอ...ไม่หรอก...เลือดแกต่างหากไอ้ขุนเดช”
ประดับใช้คมดาบดำกรีดเข้าไปที่หน้าขุนเดชช้าๆ ทำให้ขุนเดชร้องเจ็บปวดทรมานดังลั่น....อ๊ากกกกกกกกประดับหัวเราะสะใจ
“ฮ่าๆๆๆ”
ขุนเดชนั่งสมาธิอยู่คนเดียวท่ามกลางหลุมศพในสุสานร้างดาบดำปักอยู่ข้างตัว ทั้งหมดที่เห็นเมื่อครู่คือมโนภาพที่ขุนเดชสร้างขึ้นจากความโกรธแค้นระหว่างการฝึกเพลงดาบเดือนดับ กรามขุนเดชขบแน่น ปากก็พึมพัมวนไปวนมาทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่
“ไอ้คนบาป...พวกเอ็งต้องตาย...ตาย...ตาย...ตาย”
ขุนเดชเลือดไหลออกมาเต็มหน้าแต่นั่นไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้ขุนเดชแม้แต่น้อยกลับทำให้ยิ่งแค้นหนักกว่าเดิม ขุนเดชจึงจ้องประดับแขม็ง
“เป็นไงไอ้ขุนเดช...แกเที่ยวใช้ดาบดำของแกเล่นงานคนอื่น พอถึงเวลาโดนเข้ากับตัวเองแล้วมันเจ็บแสบดีมั้ย ฮ่าๆๆๆ”
“ชั้นไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ต่อให้แกเอาดาบดำเสียบทะลุหัวใจของชั้น ความเจ็บปวดจะไม่ทำให้ชั้นร้องขอชีวิตจากแกแน่นอน”
“ปากเก่งไปเถอะไอ้ขุนเดช...ถ้าชั้นอยากเห็นแกเจ็บปวด ชั้นมีวิธีทำที่มากกว่านั้น”
ประดับยิ้มร้าย ขุนเดชสงสัยได้ครู่แจ็คก็เข้ามาพร้อมกับจับบัวทองมาด้วย
“พี่ขุนเดช”
“ปล่อยบัวทอง...ชั้นบอกให้ปล่อยบัวทอง”
ขุนเดชนั่งสมาธิแต่อยู่ในภวังค์ของความโกรธแค้นแสนสาหัส ปากพึมพัมไม่หยุด
“ข้าขุนเดช...ข้าคือเพชรฆาต...ข้าต้องประหารคนบาป...ตาย...ตาย...ตาย...ตาย”
ขุนเดชพยายามดิ้นจากเชือกที่มัด ประดับพยักหน้าให้แจ็คพาบัวทองเข้ามาให้ประดับ
“พี่ขุนเดช...ช่วยชั้นด้วย”
“บัวทอง...ปล่อยบัวทองไป...แล้วมาตัดสินกับชั้น”
“แกกับชั้นต้องได้เจอกันแน่ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ชั้นอยากให้แกรู้จักรสชาติของความเจ็บปวดบ้าง”
ประดับปักดาบดำไว้ที่พื้นแล้วจับตัวบัวทองมาปลุกปล้ำซุกไซร้ซอกคอ
“อย่านะ...ปล่อยชั้น...ปล่อย”
ขุนเดชแทบคลั่ง
“หยุด...อย่าทำบัวทอง...ไอ้สารเลว...ชั้นบอกให้หยุด..หยุด...หยุด”
บัวทองสะบัดตัวจากประดับแล้วตบหน้าประดับทันที ประดับยิ้มร้ายอย่างสะใจ
“ดูให้ดีนะไอ้ขุนเดช แกไม่ใช่เพชรฆาตคอยตามล่าพวกชั้นหรอก แต่แกคือเหยื่อของพวกชั้นมากกว่า”
ประดับพูดไปก็ชักปืนออกมาแล้วเล็งไปที่บัวทอง ขุนเดชอึ้ง บัวทองผงะ
“พี่ขุนเดช…ช่วย…ช่วยชั้นด้วย”
“บัวทอง…อย่านะไอ้ประดับ…ห้ามทำอะไรบัวทอง…อย่า…อย่า”
ประดับยิ้มร้ายนิ้วแตะไกแล้ว…เปรี้ยง กระสุนเจาะร่างบัวทองล้มลง ไอ้แจ็คเข้าไปช่วยแก้มัดเชือกให้ขุนเดช ขุนเดชวิ่งไปหาบัวทองประคองร่างเอาไว้
“บัวทอง…บัวทอง”
“พี่…พี่ขุนเดช”
“บัวทองต้องไม่เป็นอะไรนะ อยู่กับพี่นะบัวทอง”
“ชั้น…ชั้น…ชั้นรักพี่นะ…พี่ขุนเดช”
บัวทองยกมือขึ้นมาลูบหน้าขุนเดชก่อนจะมือตกแน่นิ่งตายในอ้อมกอดขุนเดช
“บัวทอง…บัวทอง…บัวทอง”
ประดับกับแจ็คหัวเราะสะใจใส่ขุนเดชแล้วพากันเดินหายตัวไป ทิ้งขุนเดชที่กอดบัวทองเอาไว้น้ำตาไหลอาบแก้มตะโกนร้องลั่นกึกก้อง
“บัวทอง”
ขุนเดชลืมตาโพล่ง ตาแข็งกร้าวดุดันเพราะตื่นจากภวังค์ ขุนเดชหันไปดึงดาบดำขึ้นจากพื้นใบหน้าดุดันเหี้ยมเกรียม ผิดไปจากขุนเดชคนเดิม
“ข้าคือเพชรฆาต…ข้ามีหน้าที่ลงทัณฑ์คนบาป…พวกมันต้องตาย…ตาย! ฮ่าๆๆๆๆ”
ขุนเดชส่งเสียงหัวเราะเหมือนคนขาดสติ กลายเป็นเพชรฆาตที่โหดเหี้ยมไร้ความปราณี
ที่บ้านคำปัน ยงยุทธคุยอยู่กับบัวทองเรื่องวีรบุรุษบาป
“บัวทองไม่ทราบค่ะหมวด”
“บัวทอง…ชั้นมาขอให้เธอช่วยคราวนี้ เพราะชั้นต้องการเจอตัวไอ้หมอนั่นก่อนที่พวกมันจะเจอนะ”
“บัวทองทราบค่ะ หมู่นี้บัวทองก็สังหรณ์ใจไม่ดี คิดว่าเวลาแตกหักของเขากับพวกมันคงต้องใกล้เข้ามา”
“นี่แหละบัวทอง…เวลาที่พวกมันกับไอ้หมอนั่นจะต้องแตกหักมาถึงแล้ว ถ้าชั้นไม่ขัดขวางพวกมัน วีรบุรุษบาปไม่รอดเงื้อมมือไอ้แจ็คเหมือนคราวที่แล้วแน่”
“หมวด...หมวดจะปล่อยให้วีรบุรุษบาปตายไม่ได้นะคะ” บัวทองบอกอย่างตกใจ
“งั้นเธอต้องช่วยชั้นตามหามัน”
“แต่บัวทองไม่รู้จริงๆ ค่ะว่าจะตามหาเขาได้ยังไง
สีหน้ายืนยันของบัวทองทำให้ยงยุทธเชื่อว่าบัวทองไม่รู้จริงๆ ยงยุทธหันมาหน้าเครียด ระหว่างนั้นจ่าแท่นเข้ามา
“หมวดครับ…หมวด..รีบไปกันเถอะครับ”
“เจอตัวมันแล้วเหรอจ่า”
“เปล่าครับ ผมยังไม่ได้เบาะแสของไอ้วีรบุรุษบาป แต่ไอ้เรื่องที่หมวดสังหรณ์ใจไว้น่ะสิครับ”
“จ่า…พวกมันใช้วิธีนั้นเหรอ”
“ครับ แถมตอนนี้อาจารย์ดารายังตามไปด้วย จะวุ่นกันไปใหญ่แล้วนะครับ”
“ดารา”
ดารากับอาจารย์ประทีปถือปืนเข้ามาที่โบราณสถานี เห็นพวกคนร้ายมีผ้าปิดหน้าปิดตากำลังช่วยกันทยอยขนวัตถุโบราณขึ้นรถจี๊ป
“ระวังนะครับอาจารย์…ผมเองดีกว่า” ประทีปดันดาราไปหลบอยู่ข้างหลัง แล้วชะโงกหน้าดูพวกมัน “พวกมันมีกันไม่น้อยเลย ลำพังเราสองคนคงทำอะไรไม่ได้”
“แต่จะปล่อยให้พวกมันเอาสมบัติของชาติไปไม่ได้นะคะ”
“แต่มันเสี่ยงเกินไป รอให้หมวดยงยุทธมาดีกว่า”
ดาราหันมาหน้าเครียด ระหว่างนั้นพวกมันขนของขึ้นรถเสร็จและพร้อมจะไป
“ไม่ทันแล้วค่ะอาจารย์…ถ้าปล่อยพวกมันไปเราไม่ได้ของคืนแน่”
ดาราหุนหันออกจากที่หลบวิ่งเข้าไป อาจารย์ประทีปตกใจ
“อาจารย์”
ดาราถือปืนวิ่งออกมาขวางทางรถจี๊ปที่พวกไอ้นะไอ้เนกำลังจะขับออกไปจนพวกมันเบรคตัวโก่ง
“ลงจากรถมาให้หมด…แล้วไปให้พ้น…ไป”
ดารายกปืนขู่ พวกไอ้นะไอ้เนลงจากรถแล้วหันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะเยาะเพราะเห็นเป็นผู้หญิงคนเดียว
เปรี้ยง! ดารายิงใส่ลูกน้องคนหนึ่งจนมันได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ร้องโอดโอย
“ชั้นเอาจริงนะ ถ้าพวกแกยังไม่ไสหัวไปให้พ้น อีกนัดนึงแสกกลางหน้าแน่”
ไอ้นะไอ้เนเจ็บใจที่เห็นดาราขู่เอาจริง ไอ้นะเลยทำเป็นยอมชูมือขึ้น
“พวกเรายอมแล้ว”
ไอ้นะแกล้งทำเพื่อให้ดาราตายใจแต่แอบหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องที่ขับรถจี๊ปบีบแตรรถเสียงดัง…ปี้ดดดด
ดาราตกใจหันปากกระบอกปืนไปที่รถ ไอ้นะเลยปรี่เข้าไปจัดการแย่งปืนจากมือดารามาอย่างง่ายดาย
“ขี้ตกใจแบบนี้ คิดจะมาเล่นงานพวกเราเหรอ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”
“ปล่อยชั้นนะ…ปล่อย”
ดาราพยายามดิ้นและสู้แต่สุดท้ายก็ถูกไอ้นะชกเข้าที่ท้องทีเดียว ดาราทรุดหมดสติ ไอ้นะจึงช้อนตัวอุ้มพาไป ที่รถจี๊ป ระหว่างนั้นอาจารย์ประทีปตามเข้ามาช่วย
“ปล่อยอาจารย์ดาราเดี๋ยวนี้”
“วุ่นวายจริงๆ เลยเว้ย” ไอ้นะบอกอย่างหงุดหงิด
“เดี๋ยวข้าจัดการฆ่าไอ้แก่นี่เอง”
“ไม่ต้องถึงกับฆ่ามันหรอกเว้ย หน้าที่ของเราคือล่อไอ้วีรบรุษบาปให้ออกมา สั่งสอนแค่เบาะๆ ให้มันเปิดปากบอกวีรบุรุษบาปได้ก็พอ”
ไอ้เนพยักหน้ารับแล้วปล่อยให้ไอ้นะพาดาราขึ้นรถจี๊ปพาไปด้วยกัน
“อาจารย์…อาจารย์ดารา”
อาจารย์ประทีปจะเข้าไปช่วยดารา ไอ้เนจึงเข้ามาขวางทางเอามือจับปืนในมือประทีปแล้วหน้าเหี้ยมใส่
“อวดเก่งนักใช่มั้ยไอ้แก่ เดี๋ยวจะช่วยสอนให้รู้ว่าเก่งๆ น่ะเขาทำกันยังไง”
อาจารย์ประทีปหน้าเสีย
เวลาผ่านไป...พระพุทธรูปในโบราณสถานถูกตัดเศียรไปแล้วเหลือแต่องค์พระไร้เศียรเรียงรายเป็นภาพน่าเวทนาและหดหู่ อาจารย์ประทีปที่ถูกซ้อมทำร้ายจนสะบักสะบอมเดินผ่านพระพุทธรูปไร้เศียรจนล้มลงเพราะไปต่อไม่ไหว เท้าของวีรบุรุษบาปก้าวเข้ามายืนใกล้ๆ อาจารย์ประทีป
“วี…วีรบุรุษบาป…ช่วย…ช่วยอาจารย์ดาราด้วย”
วีรบุรุษบาปยืนหน้านิ่งแต่แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจนดูน่ากลัวและมองอาจารย์ประทีปที่บาดเจ็บอย่างไม่สนใจใยดี
“ข้าคือเพชรฆาต...โทษของคนบาปคือความตาย…พวกมันต้องตายทุกคน...หึๆๆๆ”
วีรบุรุบาปหัวเราะลงคออย่างโหดเหี้ยมเหมือนกำลังสะใจที่จะได้ฆ่าคน เท้าของเขาก้าวผ่านอาจารย์ประทีปแล้วมุ่งหน้าตามพวกนั้นไป อาจารย์ประทีปมองตามอย่างแปลกใจ
“วีรบุรุษบาป”
บริเวณป่าไม่ไกลจากโบราณสถาน ไอ้เนกับลูกน้องอีกสองคนเดินเข้ามาพวกมันดึงผ้าคาดหน้าออก
“ข้ายังไม่รู้สึกหายคันไม้คันมือเลยว่ะ”
“กระทืบไอ้แก่นั่นมันจะหายคันมือได้ยังไงล่ะพี่เน”
“ความจริงข้าอยากจะฆ่ามันด้วยซ้ำ วันนี้รู้สึกหางตามันกระตุกยังไงก็ไม่รู้ ถ้าได้เห็นคนตายต่อหน้าอาจช่วยให้หายกระตุกได้”
“แต่ชั้นว่า…เราไปหาอย่างอื่นทำให้ดีกว่ามั้ยพี่ ชั้นรู้นะว่าเมื่อกี้นี้พี่แอบเอาพระเครื่องที่ขุดเจอออกมาด้วย”
“เอ็งนี่มันสอดรู้จริงๆ…เออเว้ย” ไอ้เนหยิบพระเครื่องที่ซุกเอาไว้ออกมา “พระเครื่องโบราณ ราคางามแบบนี้ คืนนี้เมาปลิ้นแน่ ฮ่าๆๆ”
ไอ้เนกับพวกลูกน้องกำนันบุญหัวเราะเสียงดังแล้วจะพากันออกไป แต่ระหว่างนั้นวีรบุรุษบาปก้าวเข้ามาแววตาขึงขัง
“ข้าคือเพชรฆาต…โทษของคนบาปคือความตาย”
“พี่เน…ไอ้วีรบุรุษบาป”
“โผล่มาแล้วเหรอวะ รวดเร็วทันใจดีจริงๆ”
“เอาไงดีพี่ ลำพังพวกเรารับมือมันไม่ไหวหรอก ล่อมันไปให้ไอ้แจ็คจัดการตามแผนเถอะ”
“ข้าจะล่อมันไปเอง พวกเอ็งรับมือมันไปก่อนแล้วกัน”
ไอ้เนผลักลูกน้องสองคนเข้าไปหาวีรบุรุษบาปส่วนตัวเองรีบถอยหลังวิ่งหนีทันที
“พี่เน”
วีรบุรุษบาปชักดาบดำออกจากฝักแล้วควงดาบเสียงดาบแหวกอากาศดูจริงจัง
“เอาไงดีวะ…ลุยเลยแล้วกัน”
ลูกน้องสองคนวิ่งเข้าใส่หมายเล่นงาน แต่มันไม่ทันสู้ก็ถูกวีรบุรุษบาปตวัดดาบปาดคอเลือดพุ่งกระฉูดตายคาที่
“ข้าคือเพชรฆาต…โทษของคนบาปคือความตาย…หึๆๆๆๆ”
อ่านต่อหน้าที่ 3
ขุนเดช ตอนที่ 20 (ต่อ)
ชาวบ้านไปพบอาจารย์ประทีปที่โบราณสถานจึงให้การช่วยเหลือและประคองพาออกมา ระหว่างนั้นยงยุทธกับจ่าแท่นมาถึงพอดี
“อาจารย์ประทีป”
“หมวด…หมวดครับ”
“เป็นยังไงบ้างครับอาจารย์”
“ผมยังไหวครับ โชคดีชาวบ้านมาเจอเลยช่วยไว้ แต่อาจารย์ดาราถูกพวกโจรจับตัวไป”
“พวกมันพาดาราไปทางไหนครับ”
“ผมเห็นพวกมันมุ่งหน้าไปบนเขา”
“ไม่ต้องห่วงนะอาจารย์ผมจะจัดการพวกมันเอง”
ยงยุทธจะตามไปแต่อาจารย์ประทีปจับมือไว้...หมับ
“เดี๋ยวครับหมวด…วีรบุรุษบาปตามพวกมันไปแล้ว”
“ไอ้หมอนั่นโผล่มาแล้วเหรอครับ”
อาจารย์ประทีปพยักหน้ารับ
“นั่นไง เป็นไปตามแผนของพวกมันจริงๆ ด้วยครับหมวด” จ่าแท่นบอก
“หมวดควรระวังตัวด้วยนะครับเพราะวีรบุรุษบาปที่ผมเจอคราวนี้…ดูเขา…”
“มันทำไมเหรอครับอาจารย์”
อาจารย์ประทีปมองยงยุทธอย่างหนักใจ
ระหว่างนั้นไอ้เนวิ่งหนีเข้ามาในป่า แต่ระหว่างทางกลับเจอวีรบุรุษบาปโผล่มาขวางทางพร้อมกับดาบดำในมือที่มีเลือดหยดเป็นทางเพราะปาดคอพวกลูกน้องกำนันบุญมาแล้ว
“ข้าคือเพชรฆาต…โทษของคนบาปคือความตาย…หึๆๆๆ”
“ข้าไม่ตายด้วยมือเอ็งหรอกเว้ย”
ไอ้เนยิงปืนใส่เปรี้ยงๆๆๆๆ แต่วีรบุรุษบาปกระโจนหลบ ไอ้เนวิ่งไล่ตามยิงๆๆๆๆๆ จนวีรบุรุษบาปหายตัวไป
ไอ้เนกำปืนแน่นระวังตัวระหว่างนั้นเสียงหัวเราะของวีรบุรุษบาปดังก้องไปทั่ว…ฮ่าๆๆๆๆ ทำให้ไอ้เนเริ่มกลัว
“ไอ้เวรเอ้ย…ข้าไม่กลัวแกหรอก”
วีรบุรุษบาปโผล่มาข้างหลัง ไอ้เนหันขวับเลยโดนจับบิดมือปัดปืนกระเด็น ไอ้เนใช้เชิงมวยสู้กับวีรบุรุษบาป สาดใส่ไม่ยั้งแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกสอนเชิงมวยกลับอย่างหนักหน่วงกว่า
ไอ้เนกระเด็นเลือดกบปาก พอเช็ดเสร็จก็วิ่งเข้าใส่อีกครั้ง คราวนี้วีรบุรุษบาปชักดาบดำออกจากฝักแล้วฟันฉับ
แขนข้างหนึ่งของไอ้แนกระเด็นตกพื้น ไอ้เนร้องเสียงดังลั่น ดิ้นพราดๆ ครวญครางทรมานมาก
อาจารย์ประทีปบอกยงยุทธเรื่องวีรบุรุษบาป
“ผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่เขาไม่เหมือนคนเดิมที่ผมเคยเจอ ครั้งนี้เขาดูน่ากลัว พร้อมที่จะฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า…และเขาอาจจะทำร้ายหมวดด้วย”
ยงยุทธฟังอาจารย์ประทีปแล้วหันมามองหน้าจ่าแท่นอย่างแปลกใจ
“เอาไงดีครับหมวด”
“ไม่ต้องถามเลยจ่า มันจะบ้า จะคลั่งยังไงผมก็ต้องได้ตัวมัน”
ยงยุทธรีบผละจากประทีปแล้วเดินไปอย่างเอาจริง จ่าแท่นหันไปบอกชาวบ้าน
“พาอาจารย์ไป…หมวดครับ…รอผมด้วย”
ในป่ามือของไอ้เนที่ถูกตัดขาดนิ้วยังขยับเพราะเส้นประสาทยังไม่ตาย ส่วนไอ้เนซวนเซพยายามเดินหนีแต่ กระเสือกกระสนเต็มที่
“ช่วย...ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยข้าที” วีรบุรุษบาปเดินตามหน้าตาเหี้ยมเกรียมเอาเรื่อง ไอ้เนไปจนมุมที่ต้นไม้หันมาอ้อนวอนขอชีวิต “ข้า…ข้าผิดไปแล้ว…ไว้ชีวิตข้าเถอะ ยกโทษให้ข้าด้วย...ข้าจะไม่ทำบาปอีก” วีรบุรุษบาปไม่สนใจควงดาบ ไอ้เนยิ่งกลัวจนตัวสั่น “อย่า...อย่าฆ่าชั้น…ชั้นผิดไปแล้ว…อย่า”
ฉับ! วีรบุรุษบาปลงดาบจัดการใช้ดาบดำปาดคอไอ้เนทีเดียวเลือดพุ่งล้มตัวนอนอกระตุก ตาเบิกค้าง หายใจ เป็นเฮือกๆ ก่อนจะแน่นิ่งไปอย่างน่าสมเพช
“ข้าคือเพชรฆาต...โทษของคนบาปคือความตาย...ฮ่าๆๆๆๆๆ”
วีรบุรุษบาปหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะเดินจากไป
อีกด้านหนึ่งของป่า ดาราหมดสติยังไม่รู้สึกตัวนอนอยู่บนรถจี๊ปที่ไอ้นะขับเข้ามาในป่าโดยมีประดับกับแจ็ครออยู่
“นั่นแกเอาตัวอาจารย์ดารามาทำไม”
“ผมจำเป็นต้องเอาตัวมาด้วย เพราะมันโผล่มาเกะกะแผนของคุณ”
“ปล่อยไว้ที่นี่จะเกะกะไอ้แจ็คเปล่าๆ ชั้นจะเอาตัวไปเอง ส่วนพวกแกเสร็จงานเรียบร้อยแล้วก็กลับไปได้ ปล่อยให้ไอ้แจ็ครอจัดการวีรบุรุษบาป”
“ผมจะอยู่ช่วยไอ้แจ็ค”
“ไอ้แจ็คจัดการมันคนเดียวก็พอแล้ว”
“แต่กำนันกำชับไว้ว่าเราไม่ควรประมาทพวกมัน อีกอย่างไอ้หมวดยงยุทธก็คงรู้เรื่องนี้แล้ว แจ็คคงรับมือพร้อมกันสองคนไม่ไหว”
ประดับนิ่งคิดไปครู่
“งั้นแกอยู่ที่นี่กับไอ้แจ็ค”
ประดับสั่งแล้วเดินไปขึ้นรถจี๊ปพาดาราที่หมดสติไปด้วยกัน ส่วนไอ้นะหันไปมองแจ็คด้วยสีหน้าคิดร้าย
ยงยุทธกับจ่าแท่นเข้ามาตามหาวีรบุรุษบาปในป่า แต่จ่าแท่นถึงกับผงะด้วยความตกใจเมื่อเห็นท่อนแขนของไอ้เนที่ถูกตัดอยู่ที่พื้น
“เฮ้ย!...มะ...มะ...หมวดครับ ทางนี้ครับ” ยงยุทธตามเข้ามาดูแล้วตกใจไปด้วย “ถ้า...ถ้าแขนอยู่นี่...แล้วตัว...ตัวก็คง”
“นั่นไงจ่า”
ยงยุทธชี้ให้จ่าแท่นดูไอ้เนที่ถูกจับแขวนคอห้อยโต่งเต่งอยู่บนต้นไม้สภาพศพน่ากลัวสยดสยอง
“เย้ย...นั่นมันไอ้เนลูกน้องกำนันบุญนี่ครับนี่มันถูกฆ่าแบบไม่มีคำว่าปราณีเลยนะครับ”
จ่าแท่นพูดไปก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง ยงยุทธยกปืนเล็งไปที่เชือกซึ่งมัดไอ้เนห้อยเอาไว้บนต้นไม้...เปรี้ยง
ยงยุทธยิงทีเดียวเชือกขาดแม่นสุดๆ ศพไอ้เนตกลงมาที่พื้น ยงยุทธจึงเข้าไปยืนมองอย่างเจ็บใจ
“ฝีมือไอ้วีรบุรุษบาปแน่ อย่างที่อาจารย์ประทีปเตือน ครั้งนี้มันโหดเหี้ยมไม่เหมือนเดิม”
“ถ้ามันเอาจริงขนาดนั้น ผมว่าเราอย่าไปยุ่งกับพวกมันเลยดีกว่า รอให้มันจัดการลากคอวีรบุรุษบาปมาแล้วเราค่อยเข้าไปสอบสวนมันอีกที”
“มันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นน่ะสิจ่า ที่มันส่งไอ้แจ็คมามันไม่ได้ต้องการตัววีรบุรุษบาปจริงๆ หรอก แต่มันต้องการให้ตายต่างหาก จ่าจัดการทางนี้ไป ผมจะตามพวกมันเอง”
ยงยุทธบอกแล้วรีบเดินออกไป
“หมวดครับ...หมวด”
จ่าแท่นมองตามยงยุทธอย่างเป็นห่วงแล้วหันไปมองศพไอ้เนแล้วตกใจสะดุ้งปนสยองไม่หาย
แจ็คยืนบิดคอดังกร่อบก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัวด้วยลางสังหรณ์ว่าวีรบุรุษบาปกำลังมา
“มันมาแล้วเหรอ”
ไอ้นะถาม แจ็คหันมากระชากคอเสื้อไอ้นะ
“แกไปได้แล้ว...อย่ามาเกะกะ”
“แต่ถ้าหมวดยงยุทธโผล่มา ชั้นอยู่ช่วยแกได้นะไอ้แจ็ค”
“แกก็อย่าให้มันโผล่มาสิ...ไป...ที่นี่เป็นลานประหารของไอ้วีรบุรุษบาป...ไป”
แจ็คเหวี่ยงไอ้นะกระเด็นแล้วหันมาหักนิ้วเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับวีรบุรุษบาป ระหว่างนั้นวีรบุรุษบาปเดินเข้ามาแววตาจ้องแขม็งไปที่ไอ้แจ็ค
“ข้าคือเพชรฆาต...โทษของคนบาปคือความตาย....ฮ่าๆๆๆ”
วีรบุรุษบาปชักดาบดำออกมาจากฝัก แจ็คพร้อมสู้เตรียมดาบไว้แล้วเหมือนกัน ไอ้นะถอยมองห่างๆ แล้วยิ้มร้ายๆ
“สู้กันให้ตายไปข้างนั่นแหละ ข้าไปจัดการไอ้หมวดยงยุทธ เสร็จแล้วจะกลับมาจัดการคนสุดท้ายที่เหลือ ดาบดำจะต้องเป็นของพ่อกำนันเท่านั้น”
ไอ้นะหัวเราะสะใจแล้วถอยออกไปให้ไอ้แจ็คสู้กับวีรบุรุษบาป แจ็คกับวีรบุรุษบาปพุ่งเข้าหากันแล้วปะทะกันด้วยดาบ จ้องหน้าโถมแรงใส่กันอย่างดุดัน
ยงยุทธตามเข้ามาแต่ระหว่างทางถูกไอ้นะดักซุ่มยิง…เปรี้ยง กระสุนเฉียดไป ยงยุทธหาที่หลบแล้วยิงตอบโต้
ไอ้นะหลบกระสุนยงยุทธแล้วหันมาใช้ระเบิดมือ ดึงสลักแล้วโยนใส่ ยงยุทธเห็นท่าไม่ดีรีบกระโดดหลบ...บึ้ม ควันคละคลุ้ง ยงยุทธหวุดหวิดโดนระเบิดเละ แต่ก็มึนๆ ลุกขึ้นมา ไอ้นะตามเข้ามาเอาปืนจ่อหลัง
“แกเสร็จชั้นแล้วไอ้หมวดยงยุทธ”
ไอ้นะจะยิง แต่ยงยุทธพลิกตัวหันหลังมาใช้มือเปล่าปัดมือแล้วถีบไอ้นะกระเด็นก่อนจะตั้งท่าเชิงมวยพร้อม
อีกด้านหนึ่งวีรบุรุบาปกับไอ้แจ็คปะทะกันด้วยเชิงดาบฟาดฟันกันอย่างหนักหน่วง ฝีมือของวีรบุรุษบาปจริงจังดุดันกว่าเดิมจนสามารถเล่นงานฟันไอ้แจ็คจนได้แผล ไอ้แจ็คผงะถอยมาตั้งหลักแล้วบุกเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้พลิกกลับมาที่ไอ้แจ็คเป็นฝ่ายได้เปรียบบ้าง ไล่ฟันจนดาบของวีรบุรุษบาปกระเด็นไปปักพื้นและรุกจนวีรบุรุษบาปถอยมันเลยพุ่งดาบใส่…ฉึก
ดาบของไอ้แจ็คเฉี่ยวหน้าวีรบุรุษบาปนิดเดียวแล้วไปปักที่ต้นไม้ข้างหลัง จังหวะนี้ทั้งคู่เลยหันมาตั้งท่าเชิงมวย พร้อมสู้กันอีกยก
ขณะนั้นยงยุทธซัดเชิงมวยกับไอ้นะแลกหมัดกันไปมา ยงยุทธเล่นงานไอ้นะจนอยู่หมัดด้วยเชิงมวย จนไอ้นะ เป็นฝ่ายโดนถลุงแล้วรีบยกมือยอม
“ยอมแล้ว…โอ้ย…”
ยงยุทธหยิบกุญแจมือจะเข้าไปจับ แต่ไอ้นะแอบชักสนับมีดออกจากเอวแล้วสวนกลับไป ยงยุทธโดนสนับมีด บาดที่แขนได้เลือด ไอ้นะหัวเราะสะใจ
“ปล่อยให้หน้าที่จัดการกับไอ้วีรบุรุษบาปเป็นของคนอื่นไปเถอะหมวดยงยุทธ”
ยงยุทธเจ็บใจตั้งท่าพร้อมสู้อีกยกแล้วลุยเข้าแลกหมัดกับไอ้นะที่จู่โจมด้วยสนับมือ จนยงยุทธสู้ลำบากแต่สุดท้ายก็สามารถจับมือไอ้นะมาบิดแล้วจัดการกับสนับมือมันไปได้ แล้วจบการต่อสู้ด้วยไม้ตาย...หมัดฟ้าฟาด
ไอ้นะทรุดกระอักเลือดเจ็บจุก ยงยุทธเข้าไปกระชากคอไอ้นะขึ้นมา
“วีรบุรุษบาปจะตายไม่ได้ มันต้องได้รับโทษตามกฏหมายเท่านั้น”
ยงยุทธกระแทกหน้าไอ้นะกับพื้นจนมันแน่นิ่ง จากนั้นยงยุทธจึงไปต่อ
แจ็คกับวีรบุรุษบาปยังต่อสู้กันด้วยเชิงมวยแลกหมัดกันไปมา พลัดกันเป็นฝ่ายรุกคนละทีสองที แต่เชิงมวยของวีรบุรุษบาปหนักหน่วงขึ้นกว่าเดิมเลยรับมือไอ้แจ็คได้หลายหมัดซ้ำยังเริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทั้งหมัด เข่า ศอก ระดมเล่นงานจนไอ้แจ็คเป็นฝ่ายได้เลือด
“ฝีมือดีขึ้นเยอะ แต่เมื่อกี้ชั้นยังไม่เอาจริง”
แจ็คปั้นหน้าโหดถอดเสื้อออกเห็นกล้ามเป็นมัดๆ แล้วตั้งท่าเชิงมวยที่หนักหน่วงกว่าเดิมรุกเข้าใส่ วีรบุรุษบาปโดนครั้งนี้ไม่สามารถต้านแรงมันได้รับทั้งหมัดเข่าศอกกลับบ้างจนซวนเซ แจ็คเลยงัดไม้ตายมาปิดบัญชี
“หมัด…สั่ง…ตาย”
แจ็คตั้งท่าหมัดสั่งตายเตรียมเล่นงานวีรบุรุษบาปแต่ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น...เปรี้ยง
“พอได้แล้วไอ้แจ็ค...ชั้นจะจัดการวีรบุรุษบาปเอง...แกไม่ต้องยุ่งแล้ว” แจ็คจ้องยงยุทธเขม็งอย่างไม่พอใจ
“ถอยไป...ชั้นสั่งให้ถอย”
แจ็คลดหมัดสั่งตายลง ระหว่างนั้นวีรบุรุษบาปหันไปดึงดาบดำขึ้นจากพื้นไม่สนใจยงยุทธคิดแต่จะฆ่าแจ็ค
“ฟ้า…ดิน...เป็นพยาน...ดาบเดือนดับ”
วีรบุรุษบาปถือดาบดำวิ่งเข้าใส่หมายจะจัดการแจ็ค แต่ถูกไอ้แจ็คยกมือขึ้นรับดาบด้วยมือเปล่าใช้แรงต้านกัน
“วีรบุรุษบาป…หยุด!…ชั้นสั่งให้หยุด”
ทั้งวีรบุรุษบาปและแจ็คไม่มีใครฟังใคร แจ็คออกแรงต้านกลับบิดมือแล้วถีบวีรบุรุษบาปจนกระเด็น จากนั้นก็พุ่งดาบดำใส่ คมดาบดำปาดหน้าวีรบุรุษบาปทำให้ผ้าขาวม้าที่ปิดหน้าอยู่ถูกตัดขาดเผยโฉมหน้าที่แท้จริง
“ไอ้ขุนเดช”
ยงยุทธอุทานออกมาอย่างตกใจ วีรบุรุษบาปถูกเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริง แต่แววตาของขุนเดชกลับนิ่งเฉย
“ข้าคือเพชรฆาต โทษของคนบาปคือความตาย ฮ่าๆๆๆๆ”
ยงยุทธอึ้งไปกับท่าทีของขุนเดชที่ดูเสียสติจนควบคุมตัวเองไม่ได้
ดารารู้สึกตัวตื่นขึ้นบนที่นอนในบ้านของกำนันบุญ
“รู้สึกตัวแล้วเหรอครับอาจารย์ดารา”
ดาราตกใจที่เห็นประดับ
“ประดับ! นี่...นี่ชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“คนของผมช่วยชีวิตคุณไว้ ผมก็เลยพามาพักที่นี่”
“แกไม่ต้องมาตีหน้าซื่อโกหกหน่อยเลย ชั้นรู้จักแกดี แกอยู่เบื้องหลัง แกใช้ให้คนของกำนันไปตัดเศียรพระเพื่อล่อให้วีรบุรุษบาปออกมา”
ประดับยิ้มร้ายๆ
“หึๆๆๆ เก่งมากดารา…แต่ลำพังเธอคนเดียวหยุดอะไรไม่ได้หรอก”
“ชั้นจะไม่ยอมให้เขาถูกแกฆ่าแน่”
ดาราจะออกไปจากห้องแต่ถูกประดับขวางเอาไว้
“อย่าดีกว่า ชั้นเตือนเอาไว้ก่อน ถ้าเธออยู่เฉยๆ เธอจะไม่เจ็บตัว”
“ชั้นไม่กลัว”
ดาราผลักประดับเลยถูกมันกระชากตัวมาตบหน้าทีเดียวล้มลงไปบนเตียง
“วันนี้ชั้นกำลังอารมณ์ดีเพราะอีกไม่นานชั้นจะได้ทุกสิ่งที่ชั้นต้องการ แต่ถ้าเธอทำให้ชั้นอารมณ์เสีย เธอต้องชดใช้ให้ชั้นมากจนกว่าจะพอใจ จากนั้นชั้นถึงจะยอมให้เธอตาย”
ดาราหน้าเสียมองแววตาที่ประดับมองเธออย่างหื่นกระหายแล้วกลัว
ประดับเดินออกมาที่ลานระเบียง กำนันบุญตามเข้ามาพยายามทักท้วง
“ผมว่าคุณไม่ควรเอาตัวอาจารย์ดารามาไว้ที่นี่”
“ชั้นรู้น่ากำนัน แต่อีกเดี๋ยวทั้งวีรบุรุษบาปทั้งไอ้หมวดยงยุทธก็จะโดนไอ้แจ็คจัดการแล้ว ถึงตอนนั้นชั้นอยากเห็นหน้าเธอว่าจะเสียใจมากขนาดไหน เพราะชั้นรอเวลาทรมานเธอ มานานมากพอแล้วกำนัน”
รำพันแอบฟังอยู่ด้วยสีหน้าเป็นห่วงอาจารย์ดารา
“ก็ขอให้ไอ้แจ็คทำงานครั้งนี้ให้สำเร็จเถอะ คนของผมเพิ่งมาบอกว่าไอ้เนลูกน้องผมโดนวีรบุรุษบาปฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม”
“ไอ้แจ็คมันไม่เหมือนลูกน้องสั่วๆ ของกำนัน…กำนันก็รู้ไม่ใช่เหรอ…หึๆๆๆ”
ประดับหัวเราะแล้วเดินออกไป กำนันบุญมองตามจิกหน้าคิดไม่ซื่อใส่
ยงยุทธยังยืนอึ้งเมื่อพบว่าเพื่อนรักของเขาคือวีรบุรุษบาป
“ขุนเดช…วีรบุรุษบาปคือแก” ขุนเดชไม่สนใจยงยุทธเพราะเวลานี้จิตใจมีแต่ความต้องการเข่นฆ่าคนบาปหันไปดึงดาบดำมุ่งหน้าหวังฆ่าแจ็ค “ขุนเดช…หยุด…ชั้นบอกให้แกหยุด”
ขุนเดชไม่มีสติ ไม่ฟัง ไล่ฟันแจ็คที่ฉากหลบแล้วพลาดล้มลง ขุนเดชเงื้อดาบดำเตรียมฆ่า
“ข้าคือเพชรฆาต…โทษของคนบาปคือความตาย”
ขุนเดชเงื้อดาบดำจะลงทัณฑ์แต่ทันใดนั้นยงยุทธเอาตัวเข้ามาขวางไว้ระหว่างขุนเดชกับแจ็ค
“หยุดฆ่าคนเถอะขุนเดช”
ดาบดำจ่ออยู่ที่คอยงยุทธ ขุนเดชนิ่งตาแข็ง
“ข้าคือเพชรฆาต…โทษของคนบาปคือความตาย”
ขุนเดชผลักยงยุทธออกไปไม่ให้ขวางทาง แล้วจะฟันแจ็ค แต่ไอ้นะโผล่เข้ามาช่วย…เปรี้ยง
ขุนเดชหันไปใช้ดาบดำฟันปัดกระสุนที่ไอ้นะยิงใส่ แจ็คเลยฉวยโอกาสหนีเอาตัวรอดไปพร้อมกับไอ้นะ ขุนเดชมองตามพวกมันตาเขม็งแข็งกร้าวและจะตามไปแต่ยงยุทธตัดสินใจใช้ปืนทุบที่ต้นคอขุนเดชแรงๆ ทีเดียว ขุนเดชทรุดสลบหมดสติไป ยงยุทธมองขุนเดชอย่างหนักใจ
ที่บ้านกำนันบุญ ดาราถูกขังอยู่ในห้องพยายามจะเปิดประตูแต่มันถูกล็อคจากข้างนอก ดาราถอยมานั่งพยายามคิดหาทางออกแต่ไม่มีทางเลย ระหว่างนั้นได้ยินเสียงประตูกำลังจะเปิดเข้ามาเลยหันไปคว้าแจกันคิดจะใช้สู้ แต่เป็นรำพันที่เปิดประตูเข้ามา
“ชั้นเองค่ะอาจารย์ดารา”
“รำพัน…ช่วยพาชั้นออกไปจากที่นี่ที”
“ชู่ว์…เบาๆ ค่ะอาจารย์ เดี๋ยวคนของนายประดับมาได้ยิน ชั้นมาช่วยอาจารย์ ไม่ต้องห่วงนะคะ ตามชั้นมา”
รำพันรีบจับมือดาราพาออกไปจากห้อง
รำพันพาดาราออกมาแล้วเรียกหาทิพย์
“ทิพย์...ทิพย์...แม่มาแล้วลูก”
ทิพย์ออกมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าท่าทางหลบๆ ซ่อนๆ
“แม่จ๋า”
“ไม่ต้องกลัวนะทิพย์ เดี๋ยวเราก็จะได้ไปจากที่นี่แล้วลูก”
“ไปจากที่นี่…หมายความว่ายังไงเหรอจ๊ะรำพัน” ดาราถามอย่างสงสัย
“ชั้นกับลูกทนอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วค่ะอาจารย์ ตั้งแต่สัมฤทธิ์ถูกวีรบุรุษบาปฆ่าตายชั้นก็พยายามห้ามและขอให้พี่กำนันหยุดทำบาป แต่นอกจากเขาจะไม่ฟังแล้ว เขายังทำร้ายชั้น ทำร้ายลูก ถ้าชั้นอยู่ที่นี่ต่อไปชั้นกับลูกคงไม่รอดแน่”
รำพันเล่าไปก็กอดทิพย์แล้วร้องไห้เสียใจ
“แล้วเธอกับลูกจะไปอยู่ที่ไหนกัน”
“ที่ไหนก็ได้ค่ะ ที่เราสองคนแม่ลูกจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีก”
“ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ…ชั้นจะหาที่อยู่ให้เธอเอง กำนันบุญจะตามรังควาญเธอสองคนแม่ลูกไม่ได้อีก”
ดาราบอก รำพันรู้สึกดีใจ ระหว่างนั้นทั้งหมดได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา รำพันรีบพาดารากับทิพย์เข้าไปหลบหลังต้นไม้
“มีคนมาทางนี้ค่ะอาจารย์”
แจ็คกับไอ้นะกลับเข้ามา แต่ไอ้นะบ่นแจ็ค
“โธ่เว้ย...แกมันก็เก่งแต่ปากนั่นแหละไอ้แจ็ค นี่ถ้าข้าไม่เข้าไปช่วย เอ็งมีหวังโดนไอ้วีรบรุษบาปฆ่าตายไปแล้ว”
แจ็คไม่พอใจกระชากคอไอ้นะ
“ถ้าแกจัดการไอ้ตำรวจนั่นได้ ชั้นฆ่ามันไปแล้ว”
แจ็คเหวี่ยงไอ้นะกระเด็นไปทางพวกดาราที่ซ่อนตัวอยู่ พวกดารารีบเอามือปิดปากแล้วห่อตัวหลบกลัวถูกเห็น
แจ็คชี้หน้าคาดโทษไอ้นะแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ไอ้นะลุกขึ้นปัดตัวอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินตามแจ็คไป ดารากับรำพันค่อยๆ ออกมารู้สึกโล่งอกอย่างรอดตัว
“รีบไปจากที่นี่ก่อนเถอะค่ะ พวกมันกลับมาแล้ว อีกเดี๋ยวมันคงรู้ว่าชั้นพาอาจารย์หนี”
ดาราพยักหน้ารับแล้วรีบออกไปพร้อมกับรำพันและทิพย์
ประดับไม่พอใจเมื่อรู้ว่าแจ็คกับไอ้นะจัดการกับวีรบุรุษบาปไม่ได้
“ว่าไงนะ พวกแกจัดการมันไม่ได้เหรอ”
“เกือบได้…ถ้าไอ้ยงยุทธไม่โผล่มา”
แจ็คบอก ประดับหันไปเอาเรื่องกระชากคอไอ้นะ
“งั้นแกก็ทำงานพลาด”
ประดับตบหน้าไอ้นะจนกระเด็นแล้วชักปืนออกมา กำนันบุญต้องเข้าไปปราม
“สั่งสอนคนของผมแค่พอให้มันสำนึกก็พอแล้วคุณประดับ เท่าที่ฟังมันเล่ามา…ครั้งนี้ ไอ้วีรบุรุษบาปมันคงเตรียมรับมือมาดี ไอ้แจ็คเลยจัดการมันไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่คิด”
“แต่ถ้าชั้นไม่ได้ดาบดำของมันมาแล้วชั้นจะเป็นสัตตะโลหะบุรุษได้ยังไง”
“เรื่องดาบดำนั่น…ผมว่าเราไม่จำเป็นต้องตามล่าวีรบุรุษบาปแล้วครับ”
“แกหมายความว่ายังไง”
“เพราะว่าโฉมหน้าที่แท้จริงของมันถูกเปิดเผยแล้วน่ะสิครับ”
“โฉมหน้าที่แท้จริง ? ของไอ้วีรบุรุษบาปน่ะเหรอ”
“ครับคุณประดับ พ่อกำนัน”
กำนันบุญและประดับมองไอ้นะอย่างอยากรู้
ในป่ายงยุทธยืนหน้าเครียดมองขุนเดชที่ยังหมดสติอยู่ ส่วนดาบดำของวีรบุรุษบาปอยู่ในมือยงยุทธ
“มันคือแก…ไอ้ฆาตกรที่ชั้นตามล่ามาตลอดมันคือคนที่ชั้นเรียกว่าเพื่อนรัก…โธ่เว้ย! นี่ชั้นต้องทำยังไงกับแกวะ...ไอ้ขุนเดช!”
ยงยุทธคืนดาบดำเข้าฝักแล้วเอากุญแจมือออกมามองอย่างตัดสินใจยากลำบาก
ประดับและกำนันบุญรู้ความจริงจากไอ้นะ
“ว่าไงนะ…ไอ้วีรบุรุษบาปมันคือไอ้ขุนเดช”
“จ้ะพ่อกำนัน”
กำนันบุญจิกหน้าเจ็บใจโกรธแค้น
“ไอ้ขุนเดช…ที่แท้ก็เป็นแก…มันคิดจะเดินตามรอยพ่อมัน งั้นมันก็ต้องหัวกุดเหมือนพ่อมัน”
“แต่ชั้นดีใจนะกำนันที่ตัวตนที่แท้จริงของวีรบุรุษบาปคือขุนเดช…เพราะมันทำให้ชั้นไม่ต้องเสียเวลาจัดการกับศัตรูที่ฝากความแค้นไว้กับชั้น”
“แต่ผมว่าจะทำอะไรก็ต้องรีบลงมือตอนนี้ เพราะไอ้หมวดยงยุทธมันได้ตัวขุนเดชไปแล้ว”
“พวกมันเป็นเพื่อนสนิทกันมา ต่อให้ไอ้หมวดยงยุทธเคยประกาศว่าจะตามล่าวีรบุรุษบาปมารับโทษ แต่เราจะไว้ใจไม่ได้เด็ดขาด”
ประดับมีสีหน้าครุ่นคิด
“งั้นชั้นคงต้องใช้อาจารย์ดาราให้เป็นประโยชน์”
ประดับเข้ามาในห้องที่ขังดาราไว้แต่ไม่เจอตัว
“มันหายไปไหน…” ประดับหันไปกระชากคอเสื้อเบิ้มมาถาม “แกไม่ได้เฝ้ามันไว้เหรอ”
“เปล่าครับนาย…ที่นี่มีแต่พวกเราผมเลย…”
“โธ่เว้ย” ประดับผลักเบิ้มจนเซ แล้วหันมาที่กำนันบุญอย่างไม่พอใจ “คนของเราเดินกันให้เต็มบ้าน มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะหนีออกไปได้ ถ้าไม่มีคนช่วย”
“ที่นี่เป็นบ้านผม ใครมันจะเข้ามาช่วยได้”
“ไม่ใช่คนนอก…แต่เป็นคนในไงกำนัน”
กำนันบุญมองประดับแล้วคิดตามอย่างสงสัย ระหว่างนั้นไอ้นะรีบเข้ามา
“พ่อกำนัน…พ่อกำนัน…มีคนเจอเมียพ่อกำนันพาลูกกับอาจารย์ดาราหนีออกไปจ้ะ”
“ว่าไงนะ…นังรำพันน่ะเหรอ”
“กำนัน ชั้นไม่ชอบให้ลูกเมียกำนันมาหยามหน้าชั้นแบบนี้ หวังว่ากำนันจะจัดการให้เด็ดขาด แต่ถ้าทำไม่ได้…” ประดับมองไปที่เบิ้ม “คนของชั้นจะจัดการให้”
“ผมจัดการเองได้”
กำนันบุญตอบประดับไปแล้วหันมาหน้าตาเอาเรื่อง
“นังรำพัน”
รำพันพาดารากับทิพย์หนีมาตามทางในสวน
“ทางนี้ค่ะอาจารย์ ตอนนี้พวกมันคงรู้แล้วว่าชั้นพาอาจารย์หนีออกมา เราต้องรีบกว่านี้”
ทั้งสามเร่งฝีเท้ารีบพากันหนี แต่ระหว่างนั้นรำพันเกิดสะดุดล้ม
“รำพัน” ดาราจะช่วยประคอง
“ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์”
รำพันจะลุกขึ้นแต่ข้อเท้าเจ็บแปล๊บขึ้นมา...โอ๊ย
“รำพัน เป็นอะไร”
“ข้อเท้าชั้นคงจะพลิกค่ะอาจารย์”
“ไหน…ขอชั้นดูหน่อย” ดาราช่วยดูข้อเท้าให้รำพัน แต่แค่แตะเบาๆ รำพันก็ร้องเจ็บ ระหว่างนั้นเสียงพวกลูกน้องกำนันบุญดังแว่วเข้ามา “แย่แล้ว…พวกมันตามมากันแล้ว อดทนหน่อยนะรำพัน”
ดารารีบเข้าไปช่วยพยุงปีกรำพันให้เดินกะเผลกไปด้วยกัน
กำนันบุญพร้อมไอ้นะและลูกน้องพากันเข้ามาในสวนตามหาลูกเมียและดารา
“หาพวกมันให้เจอ…อย่าให้มันหนีไปได้”
“จ้ะพ่อกำนัน…เฮ้ย…พวกเอ็งไปทางโน้น ส่วนข้ากับพ่อกำนันจะไปทางนี้”
ลูกน้องแยกย้ายกันออกไป กำนันบุญหันมาหน้าตาขึงขังดุดันก่อนจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แผลเกล็ดงู
“โอ๊ย…ปวด…ปวดเหลือเกิน”
“พ่อกำนัน! ถ้าไม่ไหวกลับไปพักที่บ้านเถอะ เดี๋ยวชั้นจัดการให้เอง”
“ไม่...เพราะนังทิพย์ มันทำให้ข้าต้องเป็นแบบนี้ พวกมันสองคนแม่ลูกต้องรับผิดชอบ”
กำนันบุญพูดไปด้วยสายตาอาฆาตปนความเจ็บปวดแผลที่แขน
อ่านต่อหน้าที่ 4
ขุนเดช ตอนที่ 20 (ต่อ)
ดาราพยุงรำพันพาหนีมาตามทาง แต่รำพันเจ็บขามากจนเดินไหว
“โอ๊ย…ชั้นเจ็บจังเลยค่ะอาจารย์”
“อดทนหน่อยนะ ถ้าพวกมันตามเราเจอ เธอกับลูกจะไม่มีโอกาสหนีจากกำนันได้อีก”
“แม่จ๋า…ชั้นกลัว…ชั้นกลัวพ่อ…ฮือๆๆๆ”
ทิพย์เอาแต่ร้องไห้น่าเวทนา จนรำพันอดร้องไห้สงสารลูกไม่ได้
“ทิพย์…แม่จะไม่ยอมให้ลูกต้องโดนพ่อทำร้ายอีก”
ดาราเห็นรำพันกอดลูกร้องห่มร้องไห้จนน่าสงสารจึงตัดสินใจ
“รำพัน ถ้าไปด้วยกันเราคงหนีไม่รอด ชั้นจะถ่วงเวลาพวกมันให้ เธอกับลูกรีบหนีไปเถอะ”
“อาจารย์…ไม่ค่ะ…สภาพชั้นตอนนี้คงพาลูกหนีไปไหนไม่ได้ไกล อาจารย์นั่นแหละที่ต้องพาทิพย์หนีไป”
“แต่ลูกควรจะต้องอยู่กับแม่นะรำพัน”
รำพันจับมือดารามาบีบแน่น
“ชั้นขอร้องค่ะอาจารย์ กำนันไม่เคยยอมรับความจริงว่ากรรม อาฆาตที่กำลังไล่ตามเขามาจากกรรมที่เขาทำ เขาเอาแต่โทษว่าเป็นเพราะทิพย์ ชั้นจะปล่อยให้ทิพย์ถูกพ่อตัวเองฆ่าไม่ได้นะคะ อาจารย์พาทิพย์หนีไปให้ได้”
“แต่ว่า...”
“เห็นแก่ชั้นนะคะอาจารย์ รีบพาทิพย์หนีไป แล้วชั้นจะถ่วงเวลาพวกมันให้เอง”
“แม่จ๋า...แม่...ฮือๆๆๆ”
“ทิพย์...ฟังแม่นะ...หนูต้องไปกับอาจารย์ดารา แม่ไม่ได้ทิ้งหนู อีกเดี๋ยวเราก็จะได้เจอกัน”
“แม่”
ทิพย์เข้าไปกอดรำพันแล้วร้องไห้ไม่หยุด ระหว่างนั้นเสียงพวกลูกน้องกำนันบุญใกล้เข้ามา
“อาจารย์ รีบพาทิพย์ไปเถอะค่ะ ชั้นขอร้อง”
“ทิพย์...ไปเถอะ...เดี๋ยวแม่เขาจะตามไปเจอเรา”
ดาราพยายามดึงทิพย์จากอ้อมกอดของรำพันจำเป็นต้องแกะมือเพราะเวลามีไม่มาก
“ไปกับอาจารย์นะลูก แล้วแม่จะตามหนูไป...ไปนะ”
ดาราพาทิพย์ออกไปเสียงเรียกแม่ของทิพย์ดังไม่หยุด รำพันน้ำตานองหน้า
“ทิพย์...ฮือๆๆๆ”
รำพันปาดน้ำตาหลังจากดาราพาทิพย์ออกไปจากนั้นจึงพยุงตัวเองหนีออกไปอีกทาง จนพวกลูกน้องกำนันบุญพากันเข้ามาเห็นรำพันหนีไปก็รีบตาม
“เฮ้ย...ไปทางนั้นเร็ว”
รำพันพยายามหนีทั้งๆ ที่ข้อเท้าเจ็บจนแทบจะเดินไม่ไหว ระหว่างนั้นลูกน้องกำนันบุญไล่ตามมาทันดัก
“จะหนีไปไหน”
รำพันถอยหลังจะหนีไปอีกทางแต่ก็เจอกำนันบุญกับไอ้นะที่ตามเข้ามา
“คิดว่าแกจะหนีไปจากชั้นได้ง่ายๆ เหรอนังรำพัน”
กำนันบุญตบหน้ารำพันจนล้ม พวกลูกน้องต้องช่วยพยุงขึ้นมา
“แล้วนังทิพย์กับอาจารย์ดาราล่ะ”
“พวกเราตามมาแต่ไม่เจอครับ”
กำนันบุญจิกหน้ามองรำพันแล้วตบหน้าอีกฉาด
“พวกเอ็งโดนมันหลอกแล้ว อาจารย์ดาราพานังทิพย์หนีไปแล้ว ไปตามมาให้ได้”
ไอ้นะพาลูกน้องออกไปเหลือกำนันบุญกับรำพันตามลำพัง
“พี่กำนัน…ปล่อยลูกไปเถอะ…ชั้นขอร้องล่ะ”
กำนันบุญชูแขนให้ดู
“เอ็งเห็นนี่ใช่มั้ย ที่ข้าต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะมัน แล้วเอ็งคิดว่าข้าจะยอมปล่อยมันไปเหรอ”
“ทิพย์ไม่ได้ทำพี่นะ…กรรมที่พี่เคยทำไว้มันกำลังตามอาฆาตพี่ต่างหาก”
“กรรมหน้าไหนมันก็ตามเล่นงานข้าไม่ได้หรอก”
กำนันบุญเอามือบีบปากรำพันให้หยุดพูด หน้าตากำนันบุญเอาเรื่องมาก
ขณะนั้นดาราพาทิพย์หนีมาตามทาง
“ทิพย์จะหาแม่...หาแม่…ฮือๆๆๆ”
“ทิพย์ เราต้องไปจากที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวแม่เขาจะตามไปเจอกับเรา”
“ไม่…ทิพย์จะหาแม่ ทิพย์จะอยู่กับแม่”
ทิพย์สะบัดมือจากดาราแล้วรีบวิ่งย้อนกลับไป
“ทิพย์…ทิพย์…อย่ากลับไป” ดารารีบวิ่งตามแต่ไปสะดุดล้ม พอลุกขึ้นมาก็มองหาทิพย์ไม่เจอ “ทิพย์…ทิพย์…อยู่ไหน...กลับมา…กลับมาเถอะทิพย์”
ดาราลุกขึ้นมาแล้วรีบตามหาทิพย์ต่อ
กำนันบุญบีบปากรำพันจ้องหน้าเอาเรื่อง
“ชั้นเลี้ยงแกมาอย่างดีตลอด แต่แกกลับคิดหักหลังชั้น วันนี้ชั้นไม่เอาแกไว้แน่”
“พี่น่ะเหรอเลี้ยงชั้นอย่างดี พี่ทุบตีชั้น ทรมานชั้น แล้วยังย่ำยีหัวใจชั้น ชั้นมันตายไปทั้งเป็นตั้งแต่วันที่ชั้นเลือกพี่เป็นสามีแล้ว”
“นังรำพัน” กำนันบุญเหวี่ยงรำพันไปที่พื้นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว รำพันพยายามคลานหนีแต่ก็เจอกำนันบุญเหยียบเท้าเอาไว้ “เอ็งจะไปไหน…ชีวิตเอ็งเป็นของข้า เพราะฉะนั้นข้าคนเดียวเท่านั้นที่จะกำหนดให้เอ็งจะอยู่หรือจะตาย”
“พี่กำนัน…ชั้นเจ็บ…โอ้ยยยย”
กำนันบุญออกแรงที่เท้าบดขยี้ลงไปที่ขาของรำพันอย่างโหดเหี้ยมไม่สนใจเสียงร้องเจ็บปวดของรำพัน ทันใด
นั้นเสียงทิพย์ก็ดังแทรกเข้ามา
“ปล่อยแม่นะ”
“ทิพย์...กลับมาทำไม หนีไปสิลูก”
“นังเด็กบ้า! ดี...วันนี้แหละที่เอ็งสองคนแม่ลูกจะไม่อยู่เกะกะขวางหูขวางตาข้าอีก”
กำนันบุญจะเข้าไปจัดการกับทิพย์แต่รำพันรีบกอดขารั้งเอาไว้
“อย่านะพี่...นั่นลูกนะ”
“ปล่อยข้า...นังบ้านั่นมันไม่ใช่ลูกข้า มันเกิดมาเพื่อจองล้างจองผลาญข้า มันต้องตายสถานเดียว”
“ไม่...ชั้นไม่ยอมให้พี่ฆ่าลูก...ปล่อยลูกไปเถอะ”
รำพันกอดขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย กำนันบุญพยายามสะบัดรำพันเลยกัดเข้าที่ขากำนันบุญแรงๆ ทันที
กำนันบุญร้องลั่นแล้วจิกผมรำพันขึ้นมาผลักกระเด็น จากนั้นก็ชักปืนออกมาเล็ง
“พวกเอ็งแม่ลูก อย่าอยู่เลย” กำนันบุญจะลั่นไกแต่มือที่จับปืนกลับแสดงอาการปวดแสบปวดร้อนทรมานขึ้นมา “โอ๊ย...เจ็บ...ปวดเหลือเกิน...โอ้ยยยยย”
กำนันบุญล้มลงดิ้นพราดๆ ด้วยความเจ็บปวดทรมาน รำพันรีบกระเสือกกระสนเข้าไปหาลูก
“รีบไปเถอะลูก...ไปเร็ว”
รำพันเดินกะเผลกพาทิพย์ออกไปทิ้งกำนันบุญที่นอนดิ้นทุรนทุรายจนต้องกระชากผ้าพันแผลที่แขนออก
แผลที่แขนกำนันบุญเริ่มแผ่ขยายเห็นชัดว่าเป็นรูปเกล็ดงู เสียงร้องครวญครางเจ็บปวดทำให้กำนันบุญเงยหน้าขึ้น...ตึง !
ใบหน้าของกำนันบุญมีแต่รอยเกล็ดงู ส่วนดวงตาก็เปลี่ยนเป็นดวงตาอย่างงู มีเขี้ยวโง้งออกมาอย่างงูด้วย
ดารามาตามหาทิพย์
“ทิพย์…ทิพย์”
ระหว่างนั้นรำพันเดินกะเผลกพาทิพย์เข้ามา
“อาจารย์คะ ทางนี้ค่ะ”
“รำพัน…ทิพย์”
“รีบไปจากที่นี่เถอะค่ะอาจารย์”
“แล้วกำนันบุญล่ะ”
“พี่กำนันกำลังเจอกรรมอาฆาตอยู่ค่ะ”
“กรรมอาฆาต”
ดาราไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็รีบพารำพันกับทิพย์หนีออกไป
ไอ้นะพร้อมกับลูกน้องพากันเดินตามหาทิพย์กับดาราแต่ไม่เจอ
“หาให้ทั่ว ถ้าเอาตัวกลับไปให้พ่อกำนันไม่ได้ พวกเอ็งโดนพ่อกำนันเล่นงานถึงตายแน่”
ระหว่างนั้นลูกน้องคนหนึ่งรีบสะกิดไอ้นะ
“ลูกพี่…นั่นใช่พ่อกำนันรึเปล่า”
ไอ้นะมองตามที่ลูกน้องชี้เห็นกำนันบุญยืนหันหลังให้ท่าทางก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จา
“จะใครซะอีก ก็พ่อกำนันน่ะสิวะ…สงสัยจะเอาเรื่องพวกเราแน่”
“แล้วเราเอาไงดีล่ะ ป่านนี้มันหนีหายไปไหนก็ไม่รู้”
“เอ็งเข้าไปบอกพ่อกำนันว่าเราหาแล้วแต่หาไม่เจอ”
“อ้าว...แล้วทำไมพี่ไม่บอกเอง”
“ไม่ต้องเถียง...ไป”
ไอ้นะผลักลูกน้องเข้าไปหากำนันบุญ
“พ่อกำนันจ๊ะ…คือ…คือว่า…พวกชั้น”
ลูกน้องยังไม่ทันพูดอะไรกำนันบุญหันหน้ามาเป็นใบหน้าของงูอาฆาตที่สิงร่างกำนันบุญเข้าไปแล้ว กำนันบุญงับเข้าที่คอลูกน้องตัวเองจนมันดิ้นพราดๆ ส่วนคนอื่นพากันตกใจร้องเสียงหลง
“พ่อกำนัน”
ลูกน้องคนที่โดนกำนันบุญงับคอตายคาที่เลือดสาดเต็มคอนอนชักกระตุกน่าสยดสยอง กำนันบุญหันมาจ้องจะเล่นงานคนอื่น พวกมันเลยชักปืนออกมาเตรียมยิง แต่ไอ้นะรีบห้าม
“อย่า…นั่นพ่อกำนันนะเว้ย”
“ใช่ที่ไหนล่ะพี่”
“พ่อกำนันแค่ถูกงูเจ้ามันสิง ต้องพากลับไป”
“แล้วจะทำยังไง”
ไอ้นะผลักลูกน้องเข้าไปให้กำนันบุญจับงับคออีกคน แล้วใช้จังหวะนั้นเข้าไปใช้ด้ามปืนทุบคอกำนันบุญจนสลบ
จ่าแท่นนั่งรถจี๊ปมาตามถนนพร้อมกับตำรวจอีกหนึ่งนาย ระหว่างนั้นเห็นดาราพยุงรำพันและทิพย์ออกมาจากป่าข้างทาง
“นั่นใคร…เฮ้ย…อาจารย์ดารานี่หว่า…จอดรถเร็วหมู่” หมู่รีบจอดรถเข้าข้างทาง จ่าแท่นรีบลงไปดู “อาจารย์…นี่อาจารย์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ ผมกำลังจะไปตามหาอยู่พอดี”
“เรื่องมันยาวค่ะจ่า เดี๋ยวชั้นจะเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้เราต้องรีบพารำพันไปรักษาตัวแล้วหาที่ปลอดภัยให้อยู่ก่อน”
“ครับอาจารย์…เอ้าหมู่…มาช่วยกันหน่อยเร็ว”
หมู่กับจ่าแท่นช่วยกันประคองรำพันขึ้นรถ ดาราดึงทิพย์มากอดแล้วปลอบใจ
“ไม่ต้องกลัวพ่อทำร้ายอีกต่อไปแล้วนะ ทิพย์กับแม่ปลอดภัยแล้ว”
ทิพย์หันมายิ้มกับดาราอย่างใสซื่อด้วยความดีใจ
ขุนเดชนอนหมดสติอยู่ที่พื้นในลักษณะมือไขว้หลัง แต่แล้วจู่ๆ ขุนเดชก็ลืมตาโพล่งขึ้นมา
“รู้สึกตัวแล้วไอ้ขุนเดช”
ขุนเดชหันไปตามเสียงเห็นยงยุทธยืนใช้ปืนจ่อมาที่ตน
“ยงยุทธ”
ขุนเดชขยับจะลุกแต่พบว่าตัวเองถูกจับใส่กุญแจมือไพล่หลังเอาไว้
“อยู่เฉยๆ ดีกว่าไอ้ขุนเดช…ถ้าแกคิดจะสู้ชั้นล่ะก็ ชั้นเล่นงานแกหนักแน่”
“แกรู้ความจริงแล้วเหรอ” ขุนเดชถามอย่างสงสัยจนยงยุทธแปลกใจ
“นี่แกจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ แกฆ่าลูกน้องกำนันอย่างโหดเหี้ยม แล้วพยายามฆ่าไอ้แจ็ค รวมทั้งเกือบจะฆ่าชั้นด้วย”
ขุนเดชนิ่งไปครู่แล้วมองดาบดำที่ยงยุทธเอาไปวางห่างจากตัวจึงพอเข้าใจ
“งั้นก็แปลว่า…ดาบดำเกือบจะช่วยให้ชั้นได้ทำหน้าที่เพชรฆาตลงทัณฑ์พวกคนบาปสำเร็จ ถ้าแกไม่เข้ามาขวางทางชั้นซะก่อน”
“นี่แกยังกล้าพูดแบบนี้ได้หน้าตายอีกเหรอไอ้ขุนเดช แกไม่ใช่ไอ้วีรบุรุษบาป แต่แกคือฆาตกร”
“ใช่...ชั้นคือไอ้ฆาตกรที่แกตามล่าอยู่ แต่ในเมื่อแกจับชั้นได้แล้ว ทำไมไม่พาชั้นไปโรงพัก แกจับชั้นใส่กุญแจมือมาไว้ที่นี่ทำไม” ยงยุทธนิ่งมือยังกำปืนส่องไปที่ขุนเดช “เพราะชั้นคือเพื่อนแก แกเลยไม่กล้าจับชั้น”
“หุบปาก” ขุนเดชไม่หยุดยันตัวลุกขึ้นทั้งๆ ที่มือโดนจับใส่กุญแจมือ “ชั้นบอกให้แกอย่าขยับ ถ้าแกไม่ฟังชั้นจะลงมือ”
“ถ้าคนที่แกตามล่ามาตลอดอยู่ตรงหน้าแกแล้ว แต่แกยังไม่ยอมลงมือก็แสดงว่าแกมันใจอ่อนเกินกว่าจะมารักษากฏหมายแล้วยงยุทธ”
ขุนเดชไม่สนใจยงยุทธจะเดินเข้าไปหาดาบดำ ยงยุทธตัดสินใจเข้าไปใช้ปืนกระแทกหลังจนขุนเดชล้มทั้งยืนแล้ว กระหน่ำเตะขุนเดชที่ใช้มือสู้ไม่ได้อย่างไม่ยั้ง
“ไอ้สารเลว…ชั้นไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแกได้มากว่าคำว่าเลวได้อีกแล้ว…แกมันไม่ ใช่เพื่อนชั้น...ไม่ใช่เพื่อน...ไม่ใช่เพื่อน...ไม่ใช่เพื่อน...ไม่ใช่เพื่อน”
ยงยุทธกระหน่ำเตะขุนเดชไม่เลี้ยงอย่างเจ็บปวด น้ำตาคลอเบ้ารวดร้าวจนต้องระบายออกมา ในขณะที่ขุนเดชไม่ตอบโต้อะไรได้แต่นอนตัวงอให้ยงยุทธเตะอัดไม่เลี้ยง
ที่บ้านกำนันบุญ ไอ้นะพยุงพากำนันบุญเข้ามาในห้องพระสภาพของกำนันบุญดูอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
“เป็นยังไงบ้างจ้ะพ่อกำนัน”
“ขอบใจเอ็งมาก”
“จ้ะ ชั้นไม่รู้จะทำยังไงถึงจะช่วยพ่อกำนันได้ นึกแต่ว่าถ้าพากลับมาที่นี่ เครื่องรางของขลังของพ่อกำนันอาจจะช่วยไล่ไอ้งูอาฆาตนั่นออกไปได้”
กำนันบุญพยักหน้ารับแล้วพยายามรวบรวมกำลังนั่งสมาธิ
“เอ็งคิดถูกแล้ว ที่นี่ช่วยทำให้อาคมของข้ารับมือกับกรรมอาฆาตของมันได้ แต่ก็แค่ชั่วคราวเพราะถ้าข้าไม่ได้เป็นสัตตะโลหะบุรุษ ข้าคงไม่มีวันหนีกรรมอาฆาตพ้น”
“งั้นชั้นว่าคงอีกไม่นานแล้วล่ะ ตอนนี้คุณประดับรู้แล้วว่าไอ้ขุนเดชคือวีรบุรุษบาป งานนี้เขาต้องใช้อิทธิพลบีบให้หมวดยงยุทธเอาดาบดำมาจากมันได้แน่”
“ดี…ส่วนเรื่องของข้า ห้ามให้ไอ้ประดับรู้เด็ดขาด...เข้าใจมั้ย”
“จ้ะพ่อกำนัน ไว้ใจชั้นได้อยู่แล้ว”
กำนันบุญหันมาหน้าตาดีขึ้นก่อนจะค่อยๆ หลับตาทำสมาธิใช้อาคมสยบกรรมอาฆาต
บนโรงพักบัวทองกับจ่าแท่นเข้ามาเห็นดาราก็รีบเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง
“อาจารย์คะ บัวทองเป็นห่วงอาจารย์จังเลย”
“ชั้นไม่เป็นไรแล้วล่ะบัวทอง ว่าแต่จ่าจัดการเรื่องรำพันกับทิพย์ให้ได้รึเปล่า”
“เรียบร้อยแล้วครับอาจารย์ รำพันทำแผลเสร็จแล้วไม่มีอะไรต้องห่วง”
“ลุงจ่าเขาช่วยหาที่ปลอดภัยให้อยู่ด้วยนะคะอาจารย์ รับรองว่ากำนันจะตามสองแม่ลูกไม่เจออีกตลอดชีวิต”
“ได้ยินแบบนี้แล้วค่อยโล่งอก ถ้าไม่ได้รำพันช่วยเอาไว้ ชั้นคงออกมาไม่ได้”
“อาจารย์คะ แล้วตอนที่พวกมันจับอาจารย์ไป อาจารย์ได้ยินพวกมันพูดถึงวีรบุรุษบาปรึเปล่า”
“นั่นสิครับ…ผมเองก็จำเป็นต้องแยกกับหมวด แต่พอกลับไปที่นั่นก็ไม่เจอใครเลย ไม่รู้ว่าหมวดจะเป็นตายร้ายดียังไง”
ดารามองจ่าแท่นแล้วนิ่งไปนึกถึงคำพูดของไอ้นะกับแจ็คที่ได้ยินมา
“ชั้นได้ยินพวกมันคุยกัน พวกมันยังจัดการกับวีรบุรุษบาปและยงยุทธไม่ได้”
บัวทองกับจ่าแท่นฟังแล้วดีใจ
“ค่อยยังชั่วหน่อย ไอ้ผมก็เห็นหมวดไม่ติดต่อมาเลยเป็นห่วง”
ระหว่างนั้นหมู่เข้ามาเรียกจ่าแท่น
“จ่าครับ…จ่า”
“ว่าไงหมู่”
“นายประดับมาที่นี่ครับ”
จ่าแท่น ดาราและบัวทองหันมามองหน้ากันอย่างแปลกใจว่าประดับมาทำไม
ขุนเดชนอนจุกตัวงอเลือดกบปากสภาพยับเยินเพราะโดนยงยุทธซัดไม่เลี้ยง ส่วนยงยุทธหยุดเตะขุนเดชแล้วน้ำตาไหลอาบด้วยความเจ็บปวด ขุนเดชพยายามยันตัวลุกนั่งคุกเข่าแล้วถุยเลือดที่กบปาก
“สะ…สะใจแกรึยังไอ้ยงยุทธ ถ้ายังไม่พออยากจะกระทืบชั้นซ้ำอีกก็ได้นะ เพราะยังไงตอนนี้ชั้นก็คือนักโทษ ชั้นจะไม่อาฆาตแค้นแกเพราะวีรบุรุษบาปทำให้แกเสียหน้ามาไม่ รู้กี่ครั้งแล้ว”
ยงยุทธโมโหเข้าไปกระชากคอเสื้อขุนเดชขึ้นมา
“หุบปากแกไปได้แล้ว ที่ชั้นอัดแกไปเมื่อกี้ เพราะแกทำลายความเป็นเพื่อนที่ชั้นมีให้แกมาตลอด”
“ความเป็นเพื่อนเหรอ…หึๆๆ”
“แกหัวเราะอะไร”
“แกยังคิดว่าเรายังมีความเป็นเพื่อนกันอยู่อีกเหรอ สำหรับชั้นมันหมดไปตั้งแต่วันที่ตัดสินใจถวายตัวเป็นทหารพระร่วงแล้ว”
“นี่หมายความว่า...แก…แก”
“ใช่…ชั้นคือคนบาปที่ยืนอยู่ในโลกของคนเลว ส่วนแกคือผู้รักษากฏหมายที่ยืนอยู่ในโลกของคนดี ระหว่างแกกับชั้นเราอยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้”
ยงยุทธนิ่งไปคำพูดของขุนเดชเหมือนเป็นการตัดสิ้นความเป็นเพื่อน นั่นเลยเป็นจังหวะให้ขุนเดชตัดสินใจใช้หัว โขกหน้าและพุ่งตัวกระแทกยงยุทธอย่างแรงจนล้ม ก่อนที่ขุนเดชจะวิ่งไปคว้าดาบดำทั้งๆ ที่มือยังถูกจับใส่กุญแจ มือไขว้หลัง ยงยุทธลุกขึ้นมาได้อย่างมึนๆ แต่ไม่เจอขุนเดชแล้ว
“ไอ้ขุนเดช”
จบตอนที่ 20
ติดตามอ่านขุนเดช ตอนต่อไปพรุ่งนี้