xs
xsm
sm
md
lg

แก้วกลางดง ตอนที่ 19-20

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แก้วกลางดง ตอนที่ 19

วันใหม่...เมียวดีนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ในโรงพยาบาล เธอตื่นขึ้นมา งงๆ มองไปรอบๆห้อง เห็นฟ้าลั่นกำลังแอบกินข้าวของเธออยู่

“ไอ้หมาลั่น”
ฟ้าลั่นหันมาข้าวยังเต็มปากรีบกลืน
“ข้าไม่ได้ขโมยของเอ็งกินนะโว้ย มันวางไว้เฉยๆ เดี๋ยวจะเสียข้าเลยช่วยกินแทน”
วงศ์เข้าห้องมาพอดี
“ตื่นแล้วเหรอคะ คุณเหมียว”
เมียวดีพยายามจะลุกขึ้น แต่ติดสายน้ำเกลือ วงศ์รีบห้าม
“อุ๊ย...อย่าเพิ่งลุกค่ะ”
“เราต้องรีบไปเดินแบบ ให้เมียพ่อนาย”
“โอ๊ย...เขาจบไปตั้งนานแล้วอีเมียว เมียพ่อนายเขาไม่โกรธเอ็งหรอก”
“จบไปตั้งนานแล้ว ก็เราจำได้ว่าเราอยู่ในงานไม่ใช่เหรอ เรา...เจอกระเป๋า ใบหนึ่งมีคนทิ้งไว้ แล้ว...”
เมียวดีเอามือจับหัวที่โดนตี รู้สึกเจ็บ ฟ้าลั่นถอนใจ
“อีเมียวเอ๊ย นี่เอ็งจำได้แค่นั้นจริงๆเหรอว่ะ นั้นนะมันยังไม่ได้ครึ่ง...”
วงศ์ปรามฟ้าลั่น
“ฟ้าลั่น! พอแล้ว”
“มีเรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้นเล่าให้เราฟัง” เมียวดีหันไปหาฟ้าลั่น “ไอ้หมาลั่นเอ็งบอกข้ามา”
“คุณเหมียวต้องรู้แน่ค่ะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ คุณเหมียวเพิ่งจะฟื้น พักผ่อนก่อนนะคะ เชื่อแม่วงศ์เถอะนะคะ”
วงศ์รีบตัดบทประคองให้นอนลง เมียวดีมองหน้าฟ้าลั่น ที่หลบตาอยู่ ฟ้าลั่นแยกไปห้องเล็ก เมียวดีแกล้งนอนลงปกติ ก่อนจะเรียกวงศ์
“ป้า เราอยากกินข้าวต้ม ป้าไปซื้อข้าวต้มให้เราหน่อยได้มั้ย”

ฟ้าลั่นแอบดูทีวีเห็น โฆษณาของ AIS ฟ้าลั่นดูอย่างตั้งใจ วงศ์เดินเข้ามาสะกิด
“อะไรเหรอป้า...แป๊ปนึงๆ ขอดูก่อน ว่ามาเลยฉันแยกประสาทได้”
“เดี๋ยวฉันจะซื้อข้าวต้มให้คุณเหมียว เอ็งห้ามเล่าเรื่องใดๆให้คุณเหมียวฟังเด็ดขาดนะ”
ฟ้าลั่นตาดูโฆษณาปากก็คุยไป
“ ถึงฉันไม่เล่า ในหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ก็ต้องมีข่าวอยู่ดีแหล่ะป้า”
วงศ์คิดตาม
“เออจริงแหะ...งั้นรีโมทโทรทัศน์ แล้วก็หนังสือพิมพ์ เอาไปเก็บให้หมด อย่าให้คุณเหมียวเห็นนะ”
“โอ๊ย...แล้วทำไมต้องปิดอีเมียวมันด้วย ซักวันมันก็ต้องรู้อยู่ดีว่าหมวดอั๋นตายเพราะมัน”
วงศ์สั่งเสียงเฉียบทันที
“ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลย แรงๆด้วย”
ฟ้าลั่นตบปากตัวเองไป
“อู้ย...มันเจ็บนา คุณแม่บ้าน”
“ก็จะได้จำทีหลังอย่าพูดพล่อยๆอีก เรายังไม่รู้ความจริง ว่าอะไรเป็นอะไรซักหน่อย ทำตามที่บอกแล้วกัน”
วงศ์เดินออกไป ฟ้าลั่นงงๆ

ฟ้าลั่นอารมณ์ดีเปิดประตู เข้ามา แต่ปรากฏว่าเมียวดี ไม่อยู่ที่เตียงแล้ว
“อ้าวไปไหนว่ะ หรือว่ามันจะไปเยี่ยว เอ๊ะ...ไม่ได้ซิ น้องเชอรี่บอกให้พูดว่าไปเก็บดอกไม้อิ อิ พูดแล้วจั๊กกะจี้ปากว่ะ”
“งั้นให้ข้าเกาให้มั้ย”
“ดี แต่ใช้มือนะ ไม่ใช่ตีน เจ้ย! อีเมียว”
ฟ้าลั่นหันมา เจอเมียวดียืนอยู่หลังประตู จับมือฟ้าลั่นบิด
“เอ็งกับป้าวงศ์ ปิดข้าเรื่องอะไร ไอ้หมาลั่น”
ฟ้าลั่นเจ็บหน้าเหยเก
“ข้าบอกไม่ได้ ข้ารับปากคุณแม่บ้านไว้”
“ข้าถามเอ็งอีกครั้ง เอ็งจะบอกไม่บอก”
“ข้าเป็นคนรักษาสัญญาเหมือนกันนะโว้ย ไม่บอกหรอก”
เมียวดีผลักฟ้าลั่นลงไป
“เอ็งบังคับให้ข้าทำแบบนี้เองนะ”
เมียวดีดึงเข็มน้ำเกลือออก แล้วก็นั่งทับบนฟ้าลั่น ยกมือขึ้นมาสองข้าง ฟ้าลั่นร้องลั่น
“โอ๊ย อีเมียว อย่านะ อย่าทำข้าเลย ข้าขอร้อง”
“งั้นเอ็งก็พูดมาซิ”
ฟ้าลั่นยังส่ายหน้า เมียวดีจี้สะเอว ฟ้าลั่นบ้าจี้ดิ้นพลาดๆ
“ฮะ ๆ ๆ ๆ โอ๊ย...ไม่ไหวแล้ว อีเมียว ข้ายอมแล้ว”
“คนอื่นๆ หายไปไหนกัน ทำไมข้าไม่เห็นใครเลย แม้แต่หมวดอั๋น ไปไหน!”
“เาไปวัดกัน !”
“ไปทำไม!”
ฟ้าลั่นหน้าเสียที่เผลอพูดออกมา

รองอธิบดีพ่อของอั๋น ยืนอยู่ข้างๆแม่ที่ใส่ชุดดำ ยืนรับแขกอยู่ด้านหน้างาน ทรงเผ่ามาร่วมงานพร้อม ทนง กับบัวคลี่ อัญชิสา และรำพา
“เสียใจด้วยนะครับท่านรอง” ทนงบอกรองอธิบดี
ในขณะบัวคลี่กอดแม่อั๋นแสดงความเสียใจ
“คิดไม่ถึงจริง ๆ นะคะว่าหัวหงอกกลับต้องมาเผาหัวดำเสียแล้ว โธ่”
สาทิศเดินเข้ามาพร้อมลูกน้องถือพวงหรีดมาด้วย
“นั้นซิครับ ยิ่งคนหนุ่มๆ อนาคตไกลอย่างผู้กองอั๋น ยิ่งน่าเสียดาย”
รองอธิบดี มองสาทิศอย่างแปลกใจ
“คุณคือ...”
รำพารีบบอก
“คุณสาทิศค่ะ นักธุรกิจใจบุญ ใจกว้าง ที่ร่วมบริจาคงานการกุศลที่ผ่านมาค่ะท่าน คุณพี่ผู้หญิง”
รองอธิบดี กับแม่อั๋น พยักหน้ารับ รำพายิ้มแย้มแนะนำต่อ
“แล้วก็เป็นเพื่อนกับลูกหวานด้วยค่ะ”
อัญชิสา ได้แต่ยิ้มรับแบบไม่ค่อยสนิทนัก ดึงให้แม่หยุดพูด รำพาหันไปหาทรงเผ่า
“แล้วก็คุณเผ่าด้วยใช่มั้ยคะ”
ทรงเผ่าทักทายสาทิศนิ่งๆ
“ไม่คิดว่าคุณสาทิศจะแวะมา”
“ ถึงผมกับหมวดอั๋น จะไม่ได้สนิทกันมาก แต่ผมก็ชอบในอัธยาศัยของหมวดมาก...คนดีๆมักจะอายุสั้น อย่างไม่น่าเชื่อ...เอ๊ะแล้วนี่ผลการตายจริงอย่างที่ข่าวลงไปหรือเปล่าครับ”
รองอธิบดีถอนใจ
“ผมยังไม่อยากสรุปอะไร ก็คงต้องรอทางตำรวจอีกที”
รำพาสอดขึ้น
“โอ๊ย ไม่ต้องรออะไรแล้วล่ะคะ ท่าน มันก็เห็นชัดแล้วว่าหมวดอั๋น เสียชีวิตเพราะอะไร”
ทนงมองรำพาแล้วปราม
“คุณรำพา ผมว่าให้เป็นเรื่องของทางท่านรอง กับ คุณหญิงดีกว่ามั้ยครับ”
รำพาได้แต่ค้อน เมื่อถูกทนงปราบ หันไปอีกทาง
“ต๊าย ๆๆๆๆ ลูกหวานขา นี่คุณแม่ตาฝาดหรือเปล่าค่ะ”
“อะไรคะ คุณแม่”
รำพาชี้ให้ดู เป็นเมียวดีก้าวเข้ามาในศาลา อย่างงงๆ ไม่อยากเชื่อ อัญชิสามองอย่างไม่พอใจ
“นี่ กล้ามาเหยียบ งานนี้ ได้ยังไง!”

เมียวดีเดินไปยืนที่หน้ารูปอั๋น
“หมวด...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ”
อัญชิสา แถเข้ามาทันที ทุกคนตามมา
“ก็เพราะเธอไง ยายตัวดี ทุกคนต้องถามเธอมากกว่าว่าทำไมถึงยังกล้ามาที่นี่อีก”
อัญชิสา เข้ามาดึงไหล่เมียวดีให้หันมา ทรงเผ่ารีบเข้ามาจับอัญชิสา ไว้
“คุณหวาน อย่า...”
“หวานพยายามจะเงียบๆ นะคะ แต่...เมียวดีทำเกินไป หวานทนไม่ไหวแล้วจริงๆ สงสารคุณอาผู้ชาย และคุณอาผู้หญิงท่าน”
เมียวดีงงๆ
“เราอยากไหว้ศพหมวดเท่านั้น...นาย คุณหวานพูดเรื่องอะไร เราไม่รู้เรื่อง แล้วทำไมทุกคนถึงมองเราด้วยสายตาแบบนั้น”
“เธอสมควรบอกทุกคนมากกว่า ว่าเธอกับคุณอั๋นทำอะไรกัน ถึงได้พากันฆ่าตัวตายแบบนี้”
เมียวดียิ่งงงหนักเข้าไปอีก
“ฆ่าตัวตาย...เราไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นนะ”
“มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ เพราะคุณอั๋นก็ตายเสียแล้ว แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้นจะผูกข้อมือติดกันไว้ทำไม บอกมาซิๆ ต่อหน้าทุกคน บอกมาเลย ทุกคนจะได้หายสงสัย”
เมียวดีหันไปมองรอบ ๆ เห็นสายตาคนของคนที่มางานศพจ้องมองเป็นตาเดียว สารวัตรเข้ามาพร้อมตำรวจติดตามอีกคน แหวกคนเข้ามาทำความเคารพรองอธิบดี
“ขออนุญาตครับ เราพบหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตายของหมวดอั๋น อยากให้คุณเมียวดีไปให้การเพิ่มเติมด้วยครับ”
รองอธิบดี ชะงักสงสัย
“หลักฐานอะไร”

ตำรวจกำลังนั่งหน้าโน้ตบุ๊คของอั๋นที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของอั๋น
“สารวัตรครับ เจอไฟล์ส่วนตัวของหมวดแล้วครับ แต่ดูเหมือนหมวดจะใส่รหัสเข้าไว้”
สารวัตรเข้ามาดู
“พยายามถอดรหัสผ่านให้ได้ซิ”
ตำรวจพยายามเข้ารหัสอยู่หน้าจอ สารวัตรลุ้น
“ได้แล้วครับ”
สารวัตรเข้ามาอ่านจากหน้าจอ ที่พิมพ์ทิ้งเอาไว้ ทันที
“20 มีนาคม...ตัดสินใจแล้ว ว่ายังไงเสีย วันนี้ก็จะคุยกับเมียวดีให้รู้เรื่องถ้าชาตินี้เราสองคนรักกันไม่ได้ ก็ขอตายด้วยกัน...”
เมียวดีถึงกับเซ ทรงเผ่าจับไว้
“เรา...เรา...เราไม่รู้ เรื่องนะ นาย”
อัญชิสา รีบโวยวายทันที
“หลักฐานชัดขนาดนี้ ยังปฏิเสธอีก เธอคือต้นเหตุที่ทำให้คุณอั๋นตาย”
“ไม่จริง เราไม่ได้ทำ หมวดอั๋นไม่ได้พูดอะไรกับเราเลย เราไม่ได้เจอหมวดอั๋นด้วยซ้ำ”
อัญชิสาด่า
“โกหก ที่สุด”
รำพาเสริม
“ทำหน้าซื่อ ตาใสต้องเรียกว่าโกหกตัวแม่ถึงจะถูกค่ะ”
แม่อั๋นหันไปหาทนงกับบัวคลี่
“คุณทนง คุณบัวคลี่ค่ะ ดิฉันขอเถอะคะ ดิฉันยังไม่อยากเห็นหน้าแม่หนูคนนี้อีก”
รำพาสอดทันควัน
“นั่นซิคะ ถึงไม่ให้เกียรติ คนตาย แต่ก็น่าจะนึกถึงจิตใจคนเป็นแม่บ้างนะคะ เป็นดิฉัน ดิฉันจะไม่ยอมให้ผู้หญิงกาลกิณีแบบนี้เหยียบเข้ามาในงานได้เลยค่ะ”
บัวคลี่มองรำพาปรามๆ
“คุณรำพา พอเถอะค่ะ อย่าให้สถานการณ์แย่ไปกว่านี้เลย”
รำพาไม่หยุด

“ดิฉันพูดเรื่องจริงนะคะ คุณบัวคลี่”

สาทิศถือโอกาส ทีทุกคนกำลังวุ่นวาย แกล้งปัดรูปอั๋นให้ตกลงมา รำพาร้องลั่น

“ว๊าย เห็นมั้ยคะ คุณอั๋นคงเห็นด้วยกับที่ดิฉันพูด จริงมั้ยคะ คุณพี่ผู้หญิง”
แม่อั๋นไม่ตอบ แต่เป็นลมไปเลย รองอธิบดี ไว้รับทัน ทุกคนวุ่นวาย ทรงเผ่ารีบตัดบท
“ผม พาเมียวดีกลับก่อนนะครับพ่อ”
“ก็ดี” ทนงหันไปหาสารวัตร “คุณสารวัตรครับ ผมจะพายายเหมียวไปให้การวันหลังเถอะนะครับ”
เมียวดีพยายามอธิบาย
“แต่เราไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะพ่อนาย”
“ไปเถอะ น่าเมียวดี!”
ทรงเผ่ารีบฉุดเมียวดีออกไป ทุกคนยังวุ่นวายกันใหญ่ สาทิศแอบยิ้มอย่างสะใจกับเหตุการณ์ทั้งหมด

เย็นนั้นทรงเผ่าพาเมียวดีมาที่ริมน้ำในสวนสาธารณะ เมียวดียืนชะโงกดูเงาตัวเองในน้ำ คิดถึงอั๋นตอนไปพายเรือกัน ตอนซื้อเสื้อ น้ำตาหญิงสาวหยดลงในน้ำ เมียวดีรีบเช็ดน้ำตาเรียกความเข้มแข็ง ทรงเผ่าซึ่งไปซื้อน้ำมาให้ เห็นเมียวดีชะโงกดูน้ำอยู่ ตกใจรีบทิ้งน้ำ วิ่งเข้ามา
“อย่า!”
ทรงเผ่าตรงเข้าไปรวบกอดเมียวดีจากด้านหลัง
“เฮ้ย...ปล่อยเราซินาย ปล่อย”
เมียวดีดิ้น ทรงเผ่ายิ่งรัดไว้ใหญ่
“อย่าคิดสั้นแบบนั้นนะเมียวดี”
เมียวดีที่ตั้งท่าจะเอาศอกถองทรงเผ่าชะงัก
“นายคิดว่า เราจะฆ่าตัวตายงั้นเหรอ”
“ฉันรู้ว่าเธอเสียใจ แต่ไม่คิดว่าเธอรักจะอั๋นมากขนาดนี้ ถ้าวิญญาณอั๋นรู้คงดีใจ แต่ฉัน...ยอมไม่ได้หรอก ฉันยอมให้เธอทำแบบนั้นไม่ได้”
ทรงเผ่ายิ่งซบหน้ากอดแน่น เมียวดีนิ่งชะงักไปเหมือนกัน
“ทำไม...”
“ฉัน...”
ทรงเผ่าอึ้งไป ไม่กล้าพูดความรู้สึกตัวเอง เมียวดีหันหน้ากลับมาเผชิญหน้า ทรงเผ่ายอมปล่อยมือ
“นายกลัวเราจะไม่ไปให้ปากคำตำรวจเหรอ”
ทรงเผ่าเปลี่ยนใจ
“ใช่...ก็...ฉัน...ช่วยเธอขึ้นมาได้แล้ว ฉันไม่ยอมให้เธอตายต่อหน้าอีกหรอก”
เมียวดีชะงักอึ้ง
“นายเป็นคนช่วยเรางั้นเหรอ...”
ทรงเผ่าพยักหน้า
“แล้วนายรู้ได้ยังไง ว่าเรากับหมวดอยู่ที่ไหน”

ทรงเผ่านึกถึงอดีต วันนั้นเขาขับรถไป พยายามโทรหาอั๋นแต่เป็นสัญญาณฝากข้อความ
“เจ้าอั๋น รับสายซิวะ ฉันโทรหาแกเป็นครั้งที่ร้อยแล้วนะ ตกลงแกอยู่กับเมียวดีหรือเปล่า”
ทรงเผ่าตัดสินใจหักรถจอดข้างทาง
“มันต้องมีวิธีซิ ที่จะรู้ว่า ตอนนี้เจ้าอั๋นอยู่ไหน!”
ทรงเผ่าหงุดหงิด ก่อนจะนึกขึ้นได้เอาโทรศัพท์ขึ้นมา กดหน้าจอเข้าโปรแกรม หาพิกัดโทรศัพท์ของอั๋น หน้าจอโทรศัพท์ ขึ้นเป็นแผนที่ แสดงจุดสัญญาณว่าอั๋นอยู่ตรงไหนวาบ ๆ


ทรงเผ่าเล่าอย่างเศร้าๆ
“ตอนนั้น ฉันเลยตัดสินใจลองเสี่ยงหาพิกัดโทรศัพท์ของอั๋นเพราะโทรศัพท์น่าจะอยู่กับเจ้าของ...แล้วก็เจอจริงๆ แต่...ฉันก็ช่วยได้ แค่เธอคนเดียว ส่วนอั๋น...”
ทรงเผ่าพูดไม่ออกได้แต่เบือนหน้าหนีระงับอารมณ์เสียใจ เมียวดีฮึดเข้มแข็งขึ้นมา
“เราจะไม่ฆ่าตัวตายหรอกนาย ไม่ต้องห่วง ถ้าเรายังไม่รู้ความจริงเราก็ยังตายไม่ได้”
“แปลว่าเธอยืนยัน ว่าเธอไม่ได้เจออั๋น แล้วเธอหายไปไหนตอนที่ต้องเดินแฟชั่น”
“เราติดอยู่ในห้องเก็บของ...พอเราปีนออกมา กำลังจะไปที่งานก็เห็นกระเป๋าวางอยู่กำลังหยิบขึ้นมาดู แล้วเราก็ไม่รู้อะไรอีก”
“เธอไม่เห็นว่ากระเป๋านั้นมีอะไร”
เมียวดีส่ายหน้า
“แล้วก็ไม่เห็นว่าใครที่ทำให้เธอสลบ”
“ใช่”
“ซึ่งนั้นคือเธอยังไม่ได้เจออั๋นเลย”
“ถูก...”
ทรงเผ่าเริ่มสับสน
“แต่ฉันเป็นคนเจอเธอกับอั๋นอยู่ด้วยกัน แล้วก็เป็นคนแกะเชือกเธอสองคนด้วยตัวเอง...นี่มันอะไรกัน”
“เราก็ไม่รู้ เหมือนกัน...ตกลงนายเชื่อเราหรือเปล่า หรือว่า นายคิดเหมือนคนอื่นๆ เหมือนคุณหวาน ที่คิดว่าเราทำให้หมวดตายใช่มั้ย ตอบเราซิ”
เมียวดีมองหน้าทรงเผ่า มองตานิ่งกันไปทั้งสองคนก่อนที่ชายหนุ่มจะหลบตา
“ฉันจะเชื่อหรือไม่เธอไม่ต้องสนใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญถ้าเธอยังอธิบายเรื่องทั้งหมดให้กระจ่างกว่านี้ไม่ได้”
เมียวดีมือตกหมดแรง

วันใหม่...เมียวดีนั่งอยู่ใต้ต้นไม้เหม่อลอย คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ฟ้าลั่นเอาก้อนดินเล็กซัดโดนหลัง เมียวดีค่อย ๆ หันไปดู
“อะไรว่ะ ไอ้หมาลั่น”
ฟ้าลั่นเล่นหน้าเล่นตาหลอก
“ก็เอ็งบอกเองนี่หว่า ใครอยู่ข้างบนเป็นลิงเป็นค่างใครอยู่ข้างล่างขว้างได้ขว้างเอา แฮ่...แน่จริงก็ตามจับข้าให้ทันซิว่ะ”
พูดเสร็จก็วิ่งหนี แล้วก็หันไปดู ไม่เห็นเมียวดีตามมา ฟ้าลั่นหน้าเหวอ
“อ้าว อีเมียว ทำไมไม่ไล่เตะตูดข้าว่ะ มาซิ...เอ็งไม่แน่จริงกลัวตามข้าไม่ทันใช่มั้ยล่ะ”
“เอ็งจะไปเล่นที่ไหนก็ไปให้ไกลๆ เลย ไอ้หมาลั่น”
“เหอะ เจ้าข้าเอ๊ย...มาดูมา อีเมียวมันขี้แพ้ ไม่กล้าไล่ยิกข้าแล้ว”
เมียวดีนั่งเฉยไปต่อปากต่อคำด้วยเหมือนเดิม ฟ้าลั่นเกาหัว เดินกลับมานั่งข้างๆ ได้แต่ตบไหล่ อย่างสงสารเพื่อน
“อีเมียวเอ๋ย”

ทรงเผ่ายืนมองดูอยู่ด้านหลัง ตัดสินใจจะทำอะไรซักอย่าง

อ่านต่อหน้า 2 เวลา 17.00 น.

แก้วกลางดง ตอนที่ 19

ทรงเผ่าไปหาทะนง กับบัวคลี่บอกสิ่งที่คิดให้ฟัง

“จะขออนุญาต พาเมียวดีไปพักผ่อนงั้นเหรอ” บัวคลี่ตกใจ
“ก็ไม่เชิงครับ คือ ผมคิดว่าช่วงนี้เมียวดีแกโดนบีบคั้นจากหลายๆ ฝ่ายมากเรื่องอั๋น ถึงตำรวจจะยังไม่สรุปผลออกมา แต่ดูเหมือนทุกคนก็ตัดสินไปแล้วว่าแกทำให้อั๋นตาย ผมเลยอยากให้แกไปอยู่ที่อื่นซักพัก”
“พ่อก็สังเกตเห็นว่าเจ้าเหมียวมันดูหงอยๆไปเหมือนกัน” ทนงตัดสินใจ “งั้นก็เอาซิ”
“ขอบคุณครับพ่อ มีอีกอย่าง ผมอยากให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าเพิ่งบอกใคร”
ทนงแปลกใจ
“มีอะไรหรือเปล่า เจ้าเผ่า”
“ไว้ให้เรื่องทุกอย่าง ชัดเจนกว่านี้แล้วผมจะอธิบายให้คุณพ่อ กับคุณน้าฟัง”
บัวคลี่แย้งขึ้น
“แต่คุณเผ่าค่ะ แล้วคุณเผ่าจะบอกคุณหวานยังไงล่ะคะ น้านะเห็นใจเมียวดีนะคะ แต่น้าว่า...คุณเผ่า ก็ต้องคิดถึงคุณหวานด้วย ยังไงคุณหวานก็คือคู่หมั้นคุณเผ่านะคะ”
ทรงเผ่าอึ้งไป


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อัญชิสา กดรับสาย
“คุณเผ่าจะไปถ่ายรูปที่ ต่างจังหวัดซักสองสามวันงั้นเหรอค่ะ...ได้ค่ะหวานอยู่ได้ โอ๊ย...ไม่ต้องรีบกลับก็ได้นะคะ...เอ่อ คือ หวานหมายถึง หวานอยากให้ทำงานให้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงอะไรน่ะค่ะ...ค่ะ แล้วเจอกัน”
อัญชิสา ปิดโทรศัพท์ก่อนจะแอบดีใจ
“สามวัน โอ้สวรรค์ชัดๆ ฉันจะเล่นของให้ชุ่มปอดไปเลย”
อัญชิสาดีใจ อารมณ์ดี ถือกระเป๋าใบเล็กๆเดินมาถึงรถที่จอดไว้เคาะกระจก
“ฮัลโหล...หวานมาแล้วค่ะ”
อัญชิสา เพ่งมองเข้าไปไม่เห็นมีคนอยู่
“ไปไหน”
หญิงสาวยืนรออยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เริ่มไม่ไหว เดินออกมาพร้อมมองหาไปด้วย เด็กสองคนวิ่งแข่งกันมาพร้อมถือไอติมแท่งในมือ มาชนเธอพอดี
“อ๊าย”
“ขอโทษ ป้า”
อัญชิสาโมโห
“ป้า งั้นเหรอ! พ่อแม่สั่งสอนกันบ้างมั้ยเนี่ย”
แต่พอเธอหันไปอีกทีเด็กวิ่งหนีไปแล้ว อัญชิสา แทบกรี๊ดเพราะกระโปรงเปื้อนไอติม


อัญชิสา เดินมาจะมาล้างกระโปรงที่ห้องน้ำในสวนสาธารณะแต่ต้องชะงักเมื่อมองไปที่พุ่มไม้ข้างห้องน้ำ เห็นสาทิศ เดินผ่านไปแว่บๆ
“อยู่นี่เอง”
อัญชิสา รีบเดินตาม สาทิศแอบมาเจอส่วยที่ใส่หมวกปิดหน้า
“แกทำดีมาก เรื่องหลักฐานในห้องไอ้หมวดหน้าโง่”
อัญชิสา เข้ามาแอบฟังอยู่ตกใจ
“สบายอยู่แล้วนาย ไม่มีอะไรยาก”
“ตอนนี้ดูเหมือนตำรวจ ยิ่งเชื่อว่ามันสองคนรักกันดูดดื่มจนกระโดดน้ำฆ่าตัวตายเอง หึหึ น้ำเน่า จริง ๆ”
“แต่นังเด็กคนป่านั้นมันดวงแข็งจริงๆ ไม่ยอมตายซักที นายจะเอาไง”
“งั้นก็กำจัดมันเสีย แต่ทำให้เนียนที่สุดก็แล้วกัน”
“เอาแบบไหนดีล่ะนาย ผ่าท้องมันแล้วยัดของลงดีไปมั้ยนาย เรายังไม่เคยส่งของวิธีนี้เลยนะ ฮะๆๆ”
สองคนหัวเราะขำกัน อัญชิสายิ่งฟังยิ่งตกใจ จนทนไม่ไหวทำกระเป๋าหล่น สาทิศกับส่วยได้ยิน รีบหันไปดู ส่วยไหวตัวทัน รีบเข้าไปจับไว้ ลากมา
“ปล่อยฉันนะ”
“โอ้ ที่รักนี่เอง ผมบอกให้เจอที่รถ แล้วแส่มาทำไม”
“แก...แกนั้นเองที่เป็นคนฆ่าหมวดอั๋น ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะบอกตำรวจ”
สาทิศยิ้มหยัน
“ก็เอาซิ ฉันจะได้บอกตำรวจ ว่าเธอก็มีส่วนเหมือนกัน ไอ้กระเป๋าที่เธอหิ้วมาให้ฉัน แล้วก็ที่หิ้วไปคืนวันนั้น รู้มั้ยว่ามันมีอะไรอยู่”
อัญชิสาอึ้งไปอย่างเริ่มเข้าใจ...
“แกหลอกใช้ฉัน ให้ส่งของให้แก ไอ้เลว คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเลวได้ขนาดนี้”
สาทิศต่อยท้องหวานทันที
“คำก็เลว สองคำก็เลว ฉันปล่อยเธอมานานแล้ว เห็นทีต้องจัดระเบียบกันซักหน่อยแล้วมั่ง”
สาทิศให้สัญญาณส่วยพาอัญชิสา เข้าไปที่ห้องน้ำ
“อย่านะ อย่าทำอะไรฉันเลย”

ไม่นานนัก...อัญชิสา ค่อยๆ เกาะ กำแพงซมซานออกมาจากห้องน้ำ เลือดกลบปาก สาทิศตามมาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือไปด้วยทำความสะอาดมือที่เปื้อนเลือด
“จำไว้นะ อย่าพูดมากอีก ถ้าไม่อยากตาย”
สาทิศเดินออกไปอย่างไม่แยแส อัญชิสา น้ำตาไหลพรากทั้งเจ็บตัว และเจ็บใจ

ค่ำคืนนั้น...รำพามาเคาะประตูห้องอัญชิสา
“ลูกหวานขา เปิดประตูให้แม่หน่อยค่ะ เร็วค่ะ”
อัญชิสา นอนซม ยังมีรอยช้ำที่หน้า พยายามเอาหมอนปิด แต่เสียงเคาะประตูยังคงดังอยู่
“ลูกหวานขา เมื่อกี้แม่แอบเห็น คุณเผ่าขับรถออกไปไหนก็ไม่รู้ค่ะ”
“คุณแม่ก็ไปถามดูซิคะ ว่าเขาไปไหน”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวแม่ไปถามก่อน แต่เอ๊ะ ลูกหวานขาเขาออกกันไปแล้วนี่คะจะไปถามยังไง” รำพาเคาะประตูต่อ “นี่หนูจะไม่สนใจจริง ๆ เหรอ”
อัญชิสา หงุดหงิดยอมเปิดประตู
“คุณเผ่าเขาบอกหนูแล้วค่ะ ว่าจะไปทำงานต่างจังหวัด”
“แต่...แม่เห็นเหมือนมีใครนั่งอยู่ในรถด้วยนะ แต่แม่มองไม่ชัดเพราะกระจกมันสะท้อน เสียดายจริง”
“ไม่มีหรอกค่ะ แม่คงตาฝาดไปเอง”
“งั้นเหรอ แต่ก็คงใช่นะ เพราะแม่ไม่ได้ใส่แว่น ฮะ ๆๆ เอ๊ะ...ลูกหวานนั้นหน้าหนูไปโดนอะไรมาจ๊ะ” รำพาดูที่แขน “ที่แขนก็เป็นรอยจ้ำๆ เหมือนโดน...ใครทำร้าย ตายจริงหรือว่า...คุณเผ่าซ้อมหนู”
“คุณแม่! ใครจะกล้าอย่างนั้นคะ หนูหกล้มนะคะ หนูปวดหัวจังขอนอนต่อหน่อยนะคะ”
อัญชิสารีบถือโอกาสตอนรำพายังงงๆ ปิดประตูทันที แล้วตรงไปที่หน้ากระจกดูรอยช้ำที่ตัวเอง แล้วก็ยังรู้สึกกลัว จนต้องกอดตัวเอง อัญชิสา รีบเปิดลิ้นชักค้นเอาซองใส่ยาไอซ์เล็กๆ ที่แอบไว้ออกมา เทใส่ช้อนสเตนเลสเตรียมเสพยา มือไม้สั่นด้วยความกลัว

วงศ์ พาเมียวดีดูบ้านเล็ก ๆใกล้ๆชายทะเล
“ที่นี่นะเหรอ เซฟ อ๋อ...เซฟเฮาส์ที่นายว่า”
ทรงเผ่าเดินเข้ามา
“ใช่ฉันอยากให้เธออยู่ที่นี่ซักสอง สามวัน ทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอะไรทั้งนั้น แม่วงศ์จะอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
เมียวดีหันไปดูบ้าน วงศ์กระซิบถามทันที
“คุณเผ่าคะ ไอ้คำว่าเซฟเฮาส์นี่มันไว้ใช้เวลาเอาคนดีๆ ไว้หลบคนร้ายไม่ใช่เหรอค่ะ ป้าเคยฟังในข่าว”
ทรงเผ่ารีบเหลียวดูเมียวดีว่าได้ยินหรือเปล่า เห็นเธอไม่ได้สนใจ มัวมองบ้านอยู่ ก็โล่งอกแต่จริง ๆ เมียวดีแอบเงี่ยหูฟังอยู่
“เอ่อ...ผมก็เรียกไปงั้นเองแหละครับ ก็เราพาเมียวดีมาหลบภัยจากปากคนเพราะงั้นเราก็เรียกเชฟเฮาส์ได้เหมือนกัน”
“อ๋อ...จริงด้วยค่ะ งั้นก็โล่งอก คิดว่ามีคนร้ายที่ไหนมาคอยตามคุณเหมียวเสียอีก...งั้น ป้าเอากระเป๋าไปเก็บก่อนนะคะ”
วงศ์เดินอกไป ทรงเผ่าเดินเข้ามาหาเมียวดี หญิงสาวทำเป็นไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม
“เป็นไงชอบมั้ยเมียวดี”
เมียวดีจุ๊ปาก
“ชู่ว์”
ทรงเผ่าตกใจ
“มีอะไร”
“อย่าดังนาย เราได้ยินเสียงบางอย่าง มาจากทางโน้น”
เมียวดีรีบวิ่งออกไป ทรงเผ่ายิ่งตกใจ

“เมียวดี เดี๋ยว!”

เมียวดีวิ่งหนีออกมาที่ชายหาด

“โอ้โห้ นี่เหรอทะเล เสียงทะเลเป็นแบบนี้เอง เพราะดีนะ”
ทรงเผ่าหน้าเหวอ
“นี่เธอวิ่งมาดูทะเลเหรอ”
เมียวดีพยักหน้า
“เราไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน สวยจังเลยนะนาย ไม่คิดเลย ว่ามันจะกว้างขนาดนี้ วู้...เสียดายไอ้หมาลั่นไม่ได้มาด้วย มันก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน”
“ไว้คราวหน้า ค่อยมากันอีกก็ได้”
“จริงนะนาย”
ทรงเผ่าพยักหน้า
“ทะเลมันลึกแค่ไหนอ่ะนาย เท่าภูเขาได้มั้ย”
“เอ ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันเคยอ่านนะ ว่าบางแห่ง มีภูเขาอยู่ใต้ทะเล”
เมียวดีตื่นเต้น
“โห ขนาดนั้นเลยเหรอ...แล้ว ถ้าเราไปตรงขอบฟ้าโน้น มันจะสุดขอบทะเลหรือยัง”
“เอ...ต้องลองดู”
พูดจบทรงเผ่าก็แกล้งลากเมียวดีลงทะเล
“เฮ้ย...นาย จะทำอะไร”
ทรงเผ่าแกล้งโยนเมียวดี
“กลัวอะไร เธอก็ว่ายน้ำเป็นไม่ใช่เหรอ มันก็เหมือนว่ายน้ำในแม่น้ำ ในคลองนั้นแหละ”
เมียวดีว่ายใหญ่ ตะเกียกตะกายอย่างตกใจน้ำไม่ได้ไปลึก แต่ด้วยความตกใจ น้ำทะเลเข้าปาก
เมียวดีถึงกับสำลักเพราะไม่ได้เตรียมใจว่าน้ำทะเลเค็ม ทรงเผ่ายืนอยู่ในน้ำ เห็นว่าน้ำแค่ระดับเข่าก็ขำ
“ฮะ ๆ ๆ ๆ ไง น้ำทะเลเค็มดีมั้ย”
แต่พอสักพักเมียวดีสำลักจริงๆ แล้วก็เซกับแรงซัดของคลื่นเสียหลัก เหมือนจะจม
“อย่ามาแกล้งหน่อยฉันเลย ลุกขึ้นได้แล้ว”
เมียวดี เหมือนจะจมน้ำ ทรงเผ่าตกใจ รีบวิ่งมาจับ
“เมียวดี!”
เมียวดีได้จังหวะ ยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วก็กระโดดขึ้นทั้งตัวกดไหล่ทรงเผ่าให้เซเสียหลักบ้าง
“ทีนี้ก็ตาเราบ้างล่ะนะนาย”
“เฮ้ย! นี่หลอกฉันเหรอ ในป่าฉันอาจจะแพ้เธอ แต่ทะเลรู้มั้ยว่าถิ่นใคร”
สองคนวิ่งไล่จับกันสนุกสนาน เสียงหัวเราะดังไปทั่ว

เย็นนั้น ทรงเผ่ากับเมียวดีนั่งดูทะเลตอนพระอาทิตย์ตก เมียวดีสูดหายใจเข้าเต็มปอด
“ถึงที่นี่จะไม่มีต้นไม้ใหญ่ๆให้เรากอด เหมือนในป่าบ้านเรา แต่เรารู้สึกหายใจโล่งสบายเหมือนกับอยู่ในป่าเลย”
“ฉันดีใจนะ ที่คิดถูกพาเธอมา ตั้งแต่เกิดเรื่องฉันยังไม่เห็นเธอสดใสเหมือนวันนี้เลย”
เมียวดีค่อยๆ หุบยิ้ม กลับไปมองทะเลอีกครั้ง
“ธรรมชาติมันยิ่งใหญ่จังนะ เรายิ่งรู้สึกว่าคนเราตัวเล็กนิดเดียวเอง แต่ทำไมคนบางคนถึงชอบ
คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ จนสามารถชี้เป็นชี้ตายให้คนอื่นได้”
ทรงเผ่าอึ้ง
“เมียวดี!”
“เรารู้สึกตัวแล้ว ตอนที่เราถูกโยนลงน้ำพร้อมหมวดอั๋น”
ทรงเผ่าอึ้งไปนิด แต่พยายามไม่แสดงอาการ เพราะเป็นห่วงเมียวดี เลยไม่อยากให้เธอเข้ามายุ่ง
“มีคนจับเรากับหมวดโยนลงไป แสดงว่ามีคนคิดจะฆ่าเรากับหมวดอั๋นแล้วก็สร้างเรื่องขึ้นมา ว่าเราสองคนฆ่าตัวตาย มันไม่ใช่เรื่อง จริงนะนาย...”
ทรงเผ่ารีบหลบตา เปลี่ยนเรื่องขัดขึ้นมา
“ฉันบอกแล้วไง ว่ายังไม่อยากให้เธอคิดเรื่องนี้อีก มันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ”
“ถึงมันไม่ใช่หน้าที่ของเรา แต่มันทำให้เราได้ชื่อว่าเป็นคนทำให้หมวดตาย ซึ่งเราก็รู้อยู่ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงแม้แต่นิดเดียว แล้วนายจะสั่งให้เราหยุดคิด หยุดพูดเรื่องนี้ได้ยังไง หึ ดูซิ แม้แต่นายก็ยังไม่ยอมเชื่อเรา”
“ฉันไม่อยากเถียงกับเธอหรอกนะ แต่หลักฐานที่มีอยู่ในมือตำรวจตอนนี้มันชี้ชัดไปแบบนั้น แม้แต่ตัวเธอก็ไม่สามารถบอกเหตุการณ์ทั้งหมดได้ไม่ใช่เหรอ แล้วจะให้ทุกคนมาเชื่อเธอได้ยังไง”
“ยังไงเราก็ยังยืนยัน...ว่าหมวดโดนฆ่าตายนะนาย ไม่ได้ฆ่าตัวตาย เราจะยอมให้เรื่องนี้เป็นไปตามที่คนเลวมันต้องการไม่ได้หรอก คนเลวมันก็ต้องโดนรับโทษซิ จะให้คนดีๆ อย่างหมวดตายฟรีงั้นเหรอ”
ทรงเผ่าถอนหายใจ
“ถ้าที่เธอพูดเป็นเรื่องจริง ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่เขาจะสอบสวนเอง ความจริงก็ต้องเป็นความจริงวันยังค่ำ ไม่มีใครลบไปได้ เมียวดี...ถือว่าฉันขอร้อง อย่ายุ่งกับเรื่องนี้ได้มั้ย”
เมียวดีได้แต่ถอนหายใจ หันหน้ากลับไปมองทะเลเหมือนเดิม เหมือนเป็นการยอมรับแต่ไม่รับปาก ทรงเผ่าค่อยยิ้มออกมาได้บ้าง

ค่ำนั้น ทรงเผ่าอุ้มเมียวดีที่หลับมาวางบนเตียง วงศ์ช่วยห่มผ้าให้
“หมดฤทธิ์แล้วเหรอคะ”
“ใช่ครับ...เพิ่งจะเคยมาทะเลครั้งแรก เลยตื่นเต้นมาก ไม่ยอมกลับมานอนที่บ้านนั่งหลับอยู่ที่ชายหาดนั้นแหละ”
“โธ่...นี่ขนาดขาดลูกคู่อย่างฟ้าลั่นนะคะ ถ้ามากันทั้งสองคนคงได้กินนอนอยู่หน้าชายหาดแน่ ๆ”
“นั้นซิ”
ทรงเผ่ายิ้มมองเมียวดีอย่างเอ็นดู

วงศ์เดินมาส่งทรงเผ่าที่รถ
“ขับรถกลับ ค่ำๆ มืดๆ มันจะดีเหรอคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมรับรองจะไม่ขับรถเร็วเกินกำหนดเด็ดขาด”
“แต่แหม นี่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้วนะคะ ค่อยออกตอนเช้าทีเดียวก็ได้”
ทรงเผ่าน้ำเสียงจริงจังจนวงศ์รู้สึกได้
“ผมมีธุระสำคัญบางอย่างที่ต้องทำนะครับ...” ทรงเผ่าพยายามทำตลก “แต่เดี๋ยวอีกสองวันผมจะมารับแม่วงศ์กับเมียวดีกลับกรุงเทพ ไม่ปล่อยเกาะสองคนให้กินข้าวลิงแน่นอน”
“ถ้าไม่สงสารคนแก่ก็ตามใจเถอะค่ะ”
วงศ์ค้อนให้เล่นๆ ทรงเผ่าหัวเราะเข้ามากอดหลวมๆ
“ดิฉันจะไม่ถามหรอกนะคะ ว่าธุระอะไรแต่ขอให้คุณเผ่าระวังตัวมากๆ นะคะเวลาจะทำอะไร แม่วงศ์ขอเท่านี้แหละค่ะ”
“ได้ครับ”
ทรงเผ่ากอดวงศ์อีกครั้ง ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป

เช้าวันใหม่...พระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเล วงศ์เข้ามาในห้อง
“คุณเหมียวขา อาหารเช้าเรียบร้อยแล้วค่ะ”
เมียวดีไม่ตอบวงศ์เดินไปที่เตียงเข้าไปปลุก
“ลุกขึ้น อาบน้ำ แปรงฟันได้แล้ว...”
วงศ์ชักเอะใจกับสัมผัสที่ไม่เหมือนคน เธอเปิดผ้าห่มออกดูก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหมอนข้างวางแทน

ทรงเผ่าขับรถมาจอดที่ท่าเรือ ลงจากรถมองซ้ายมองขวาอย่างระวังไม่เห็นใครก็เดินออกไป กระโปรงหลังรถค่อย ๆ เปิด เมียวดีออกมาจากกระโปรงหลังรถ ตามทรงเผ่าไปห่าง ๆ
เมียวดีตามมาเห็นทรงเผ่ายืนคุยกับชายคนหนึ่งโดยที่เธอยังไม่เห็นหน้าว่าเป็นใคร
“จากคำยืนยันเพิ่มเติมที่ผมได้มา เมียวดียืนยันว่าตัวเองถูกผลักตกน้ำพร้อมอั๋น เพราะฉะนั้นอั๋นไม่ได้ฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน”
สารวัตรหน้าเครียด
“เหมือนอย่างที่เราคิดไว้ไม่ผิด มันต้องเป็นการจัดฉาก แต่มันจะทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“เป็นไปได้มั้ยครับ ว่าอั๋นเกิดไปรู้เห็นอะไรบ้างอย่างถึงถูกฆ่าปิดปาก”
“และน่าเป็นจังหวะเดียว และคนร้ายกลุ่มเดียวกันกับที่เมียวดี ถึงถูกมัดรวมกัน”
เมียวดีเพ่งมองอยู่ห่างๆ
“นายคุยกับใคร”
หญิงสาวพยายามชะเง้อเพื่อมองให้ชัดๆ แต่ปรากฏว่ากลับไปเตะ กระป๋องแถวนั้น
“นั้นใคร ออกมาไม่งั้นฉันยิง”
สารวัตรชักปืน เมียวดีจำต้องออกมา สองคนเห็นว่าเป็นเมียวดีก็ตกใจ เมียวดีมองสารวัตรอย่างแปลกใจ
“สารวัตรเหรอ!”
“คุณเมียวดี”
ทรงเผ่าถอนใจเซ็งๆ
“นี่เธอตามฉันมาเหรอ!”

เมียวดียิ้มรับแหยๆ

ติดตามอ่านตอนที่ 20 พรุ่งนี้

แก้วกลางดง ตอนที่ 20

ทรงเผ่ากระชากเมียวดีเข้ามานั่งในรถอย่างโมโห

“อยู่ในรถ แล้วก็ห้ามออกไปไหนอีก”
“โธ่...นี่จะโมโหทำไมเนี่ย ถ้าไม่ตามมาจะรู้เหรอว่านาย ว่านายแอบนัดกับสารวัตรไว้ ไหนว่าไม่เชื่อที่เราพูดไง สารวัตรก็เหมือนกัน เอาหลักฐานไปต่อว่าเราถึงในงานศพ”เมียวดีโวย
“ขอโทษจริงๆ ครับ แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนั้น เพื่อไม่ให้คนร้ายตัวจริงไหวตัว เพราะเราไม่รู้ว่าจริง ๆ ตอนนี้มันเป็นใคร มันอาจจะสวมรอยอยู่ใกล้ตัวพวกเราก็ได้” สารวัตรบอก
ทรงเผ่าอย่างเหนื่อยใจ
“ฉันอุตส่าห์กันเธอออกจากเรื่องนี้แล้วเชียว”
“ว่าแล้ว จู่ๆ ก็เอาเรากับป้าวงศ์มาไว้ที่ทะเล ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่เลยนาย”
“ฉันต้องทำ เพราะรู้มั้ยว่าถ้าทุกอย่างมันเป็นอย่างที่เธอพูด สิ่งที่คนร้ายมันจะทำต่อไป หลังจากรู้ว่าเธอไม่ตายคืออะไร”
“จัดการเรา”
สารวัตรพยักหน้า
“ถูกต้องแล้ว”
“เราเก่งใช่มั้ยล่ะ เห็นหรือยัง”
ทรงเผ่าดุ
“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ นี่มันเรื่องความเป็นความตาย สารวัตรกับฉันต้องการจับคนร้ายให้เร็วที่สุด เข้าใจมั้ย”
“จะจับมันก็ง่ายนิดเดียว ก็ใช้เราเป็นเหยื่อล่อซิ”
“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด”
“ทำไมจะไม่ได้”
“ก็เพราะฉันเป็นห่วงเธอไง...” แล้วก็คิดได้ “คือ ฉันรับปากกับตาจั่นว่า จะดูแลเธอฉันจะเอาเธอมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้ไม่ได้”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ ฟังนะ นี่คือคำสั่ง ฉันขอห้ามเธอยุ่งเรื่องนี้”
สารวัตรน้ำเสียงจริงจัง
“ผมเห็นด้วยกับคุณทรงเผ่าครับ เราจะไม่ใช่วิธีนี้มันอันตรายเกินไป”
ทรงเผ่าหันหน้ามามองกำชับเมียวดีอีกครั้ง ประมาณว่าเห็นมั้ย เมียวดีเซ็ง

วันใหม่...เชอรี่เดินกินขนมมาตามทาง ฟ้าลั่นถือตะกร้ากับข้าววิ่งตามหลังมา หยุดแถวหน้าร้านที่มีป้ายโฆษณาของ AIS ตั้งอยู่
“น้องเชอรี่ รอพี่ฟ้าก่อนสิ”
“อะไรอีกล่ะ พี่ฟ้า”
“ก็น้องเชอรี่บอกว่า ถ้าพี่ฟ้ามาช่วยถือของ น้องเชอรี่จะ ออกเดดกับพี่ฟ้า”
“อะไรนะ”
ฟ้าลั่นทำท่าใบ้ ไปกุ๊กกิ๊กกัน
“ออกเดดไง ออกเดด”
เชอรี่ฟาดผัวะ ฟ้าลั่นแทบกระเด็น
“บ้า เดดน่ะ ตาย แล้ว เขาเรียกว่า ออกเดทต่างหาก”
“อ้าว”
เชอรี่ส่ายหน้า
“เฮ้อ พี่ฟ้านี่ไม่รู้จักอัพเดทความเป็นคนเมืองกับเขาบ้างเลยนะไปๆ ถอยไปเลย เชอรี่จะไปขัดผิวนวดหน้า เตรียมประกวดร้องเพลง”
แอ๊ดที่กำลังหันหลังอ่านป้ายโฆษณาของ AIS อยู่หันมองเชอรี่ อย่างมาดหมาย...ฟ้าลั่นขยับมาขวางเชอรี่ไม่ให้ไปอีก
“จะประกวดร้องเพลง ก็ไปซ้อมร้องเพลงสิน้องเชอรี่ นวดหน้าแล้วเสียงดีเหรอ”
“โอ้ย...พี่ฟ้า นักร้องเสียงควายออกลูก มันออกอัลบั้มกันถมเถเดี๋ยวนี้จะเป็นนักร้องน่ะ มันต้องหน้าเด้งไว้ก่อน เข้าใจป่ะ”
แอ๊ดตบมือชอบใจ เดินเข้ามาหา เชอรี่
“ถูกต้องเลยครับ น้อง น้องวิเคราะห์วงการเพลงบ้านเราได้ถึงกึ๋นจริงๆนะเนี้ย”
เชอรี่ กับ ฟ้าลั่นมองงงๆ เชอรี่ถามอย่างสงสัย
“น้าเป็นใคร”
แอ๊ดสะดุ้ง
“เฮ้ย พี่ก็พอน้อง...”
เชอรี่ไม่พอใจ
“เออ นั่นแหละ มายุ่งอะไรด้วยนี่”
แอ๊ดหัวเราะในลำคอ
“หึหึ น้องคงไม่รู้หรอกว่าน้องกำลังพูดกับคนที่แจ้งเกิดนักร้องดังๆมาทั้งวงการเห็นมั้ย นี่อะไร”
แอ๊ดชูมือขึ้น ฟ้าลั่นโพล่งออกมา
“อุ้งตีนหมี”
แอ๊ดยัวะจะเตะ ฟ้าลั่นวิ่งไปหลบหลังเชอรี่
“เดี๋ยวพี่ใจเย็น ค่อยๆคุยกันซิ เรื่องอะไรกันน่ะ”
“อุ้งตีนป๊าแกสิ” แอ๊ดชูมือขึ้นอีกครั้ง “นี่เว้ย มืออาชีพ ฉันปั้นดินให้เป็นดาวมานักต่อนักแล้วนะโว้ย”
แอ๊ดหยิบ นามบัตรออกไป ยื่นให้เชอรี่
“นี่นามบัตรฉัน เอาไปดูซะ”
เชอรี่รับมาอ่านแล้ว ตาโตขึ้นดีใจ
“แอ๊ด อาสลวย ฮึ...นี่อย่าบอกนะว่าพี่คือ พี่แอ๊ด อาร์สลวย โปรดิวเซอร์ชื่อดังของ อาสลวยจริงๆ นะ”
แอ๊ดยืดทันที
“หึหึ ตัวจริง เสียงจริง...”
เชอรี่กรี๊ด เข้าไป จับแขนแอ๊ดเขย่าดีใจ
“อ๊าย พี่แอ๊ดๆๆ”
ฟ้าลั่นไม่ชอบใจ
“น้องเชอรี่ อย่าไปยุ่งกับมัน”
เชอรี่ผลักฟ้าลั่น
“พี่ฟ้าอย่ายุ่งดีกว่า”
ฟ้าลั่นอึ้ง เชอรี่หันไปฉอเลาะกับแอ๊ดต่อ
“พี่แอ๊ด ปั้นหนูด้วยนะคะ หนูอยากเป็นนักร้อง”
แอ๊ดมองหุ่นเชอรี่ตาวาวอย่างพวกเฒ่าหัวงู
“หุ่นอย่างน้อง พี่ปั้นแน่”
เชอรี่ตื่นเต้น
“จริงๆ นะคะ พี่...พี่เอาหนูเข้าค่ายอาสลวยด้วยนะคะ พี่ให้หนูทำอะไรหนูยอมทุกอย่างเลยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น หนูก็ต้องไปเทสเสียงก่อน” แอ๊ดหยิบมือถือออกมา “อะ หนูเบอร์อะไร เดี๋ยวพี่จะโทรมานัดอีกที”
เชอรี่ดีใจมาก
“สุดยอด...เชอรี่จะได้เป็นนักร้องแล้ว”
เชอรี่กระโดดดีใจ ฟ้าลั่นยืนมองอย่างไม่ค่อยไว้ใจ

โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป

ที่กองถ่ายแฟชั่น...อัญชิสากำลังโพสท่าถ่ายรูปอยู่ กับตากล้อง และ ผู้ช่วย เธอเหลือบตาไปมองเห็นเด็กเสิร์ฟน้ำวาง ถาดน้ำลง แล้วลงมือ ค้นกระเป๋าสะพายของเธอ แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมายัดใส่กระเป๋าของตัวเอง อัญชิสาตาลุก รีบพุ่งเข้าไปที่เด็กเสิร์ฟน้ำ

“ทำอะไร”
เด็กเสิร์ฟน้ำหันมาตกใจ
“ขโมยของฉันเหรอ”
อัญชิสายกมือขึ้นตบทันที เด็กเซถลาออกไปกองกับพื้น ทุกคนมองด้วยความตกใจ อัญชิสาเข้าไปกระชากตัวเด็กขึ้นมาเขย่าอย่าง โมโหมาก
“ต่อหน้าต่อตายังกล้าเหรอ ไอ้หัวขโมย”
“คุณหวาน ผมเปล่า ผมไม่ได้ทำ”
“โกหก”
อัญชิสายกมือจะตบ ช่างภาพกับผู้ช่วยรีบเข้ามาห้ามดึงไว้
“อย่าหวาน”
“นี่พี่ใหญ่ จะเข้าข้างมันหรือคะ”
“เปล่าๆ แต่หวานเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า น้องมันขโมยอะไรที่ไหน”
“หวานเห็นกับตานะคะ ไอ้เด็กคนนี้มันขโมยกระเป๋าสตางค์หวานไปค่ะ ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ดูหลักฐานในตัวมันได้เลยค่ะ”
อัญชิสาเข้าไปดึงกระเป๋าเด็กออกมาเปิดดู แล้วอึ้ง เพราะในนั้นไม่ได้มีอะไร
“ฮึ...เป็นไปไม่ได้”
อัญชิสาจัดการเทข้าวของในกระเป๋าออก กองเกลื่อนพื้น แต่ก็ไม่มีกระเป๋าสตางค์ของเธออยู่เลย ช่างภาพมองเซ็งๆ
“หวาน พี่ว่า หวานพอเถอะ ไม่มีใครเป็นขโมยหรอกนะ”
“ไม่จริง หวานไม่เชื่อ ถ้ามันไม่ได้ขโมย แล้วไหนล่ะ กระเป๋าหวาน”
ผู้ช่วยชี้ไปที่กระเป๋าที่วางอยู่อีกที่หนึ่ง
“กระเป๋าคุณหวานวางอยู่นี่ไงค่ะ ไม่มีใครมาแตะเลยด้วย”
อัญชิสาพุ่งไปที่กระเป๋าดึงขึ้นมาค้น แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมามองอึ้งหน้าแตก เธอเห็นภาพหลอนเพราะเสี้ยนยา
“เอ๊ะ”
ผู้ช่วยหันไปถามเสียงแข็ง
“กระเป๋าอยู่ครบนะคะ คุณหวาน”
ช่างภาพมองอัญชิสาอย่างแปลกใจ
“เห็นมั้ย พี่บอกแล้ว ไม่มีใครขโมยของหวานไปหรอก หวานหิวข้าวหรือเปล่า เลยตาลาย”
ทุกคนส่ายหน้า ขำๆ อัญชิสาเสียหน้า รีบบอกกับทุกคน แล้วเดินหนีออกไปเลย
“ขอโทษนะคะ หวานเวียนหัว หวานไม่ถ่ายแล้ว”
ช่างภาพกับผู้ช่วยหน้าเหวอไป ช่างภาพพยายามเรียก
“หวาน เดี๋ยว...ยังถ่ายไม่เสร็จเลยนะ”
อัญชิสาวิ่งออกมาหลบที่มุมหนึ่ง เกิดอาการเสี้ยนยาขึ้นมา เธอยกมือขึ้นเกาแขนตัวเอง หน้าตาอึดอัดทุรนทุราย แล้วล้วงกระเป๋าลงไป หยิบหลอดยาขึ้นมาดูแล้วเธอก็ต้องหงุดหงิดที่เห็นว่า ยาหมด ไม่มีเหลือแล้ว
“ทุเรศ หมดอีกแล้ว”

เมียวดีวางช่อดอกไม้ลงตรงหน้าที่เก็บกระดูกของอั๋นยกมือไหว้ แล้ว มองดูด้วยความเสียใจ เธอนึกถึงอดีตเมื่อครั้งที่ไปซื้อเสื้อด้วยกันในห้าง
“เธอ ชอบหมีพูห์ด้วยเหรอ”
เมียวดีสงสัย
“หมีพูห์”
อั๋นชี้ให้ดู
“นี่ไงครับ ตัวนี้ชื่อหมีพูห์ แล้วนี่ก็ พิกเลต เป็นหมูนะทั้งสองตัวนี้เป็นเพื่อนรักกัน”
เมียวดีมองอย่างไม่เข้าใจ
“ตอนอยู่ในป่าเรายังไม่เคยเจอ หมูกับหมีเป็นเพื่อนกันได้”
“ความรักไม่มีพรมแดน ไม่มีเผ่าพันธุ์ ถ้ามีหัวใจที่บริสุทธิ์ให้กันไม่ว่าจะแตกต่างกันแค่ไหน เราก็รักกันได้”
เมื่อคิดถึงอดีต เมียวดีน้ำตาไหล ออกมา
“หมวดก้านยาว...ถึงหมวดกับเราจะอยู่กันคนละภพแล้ว แต่เราอยากจะบอกให้หมวดรู้ไว้นะว่า หมวดเป็นเพื่อนที่เรารักมากที่สุด...การตายของหมวดต้องไม่สูญเปล่า เราต้องจับคนฆ่าหมวดให้ได้”
สาทิศถือผ้าเช็ดหน้ายื่นเข้ามาตรงหน้าเมียวดี
“เช็ดน้ำตาเถอะ”
เมียวดีหันกลับไป ปะทะกับหน้าสาทิศ เพราะเขานั่งซ้อนๆ อยู่ข้างหลัง เมียวดีผงะ ตกใจ จะหงายหลังล้ม สาทิศยกมือขึ้นโอบดึงเข้ามากับตัว กลายเป็นเขากอดเธอไว้กับอก สาทิศมองเมียวดีอย่างพึงพอใจ
เมียวดีตวาดเสียเข้ม
“ปล่อย!”
“ฉันมีศีลธรรมพอ ไม่คิดจะปล้ำหนูในวัดหรอก”
สาทิศยื่นหน้ามาใกล้อีก เมียวดีผลักอย่างแรง แล้วหยิบมีดสั้นที่พกติดตัวออกมา หมุนตัวอย่างคล่องแคล่วเอามีดสั้นไปจ่อคอหอยของสาทิศทันที
“ป่าสอนไม่ให้ไว้ใจอะไรง่ายๆ บอกมาเดี๋ยวนี้ คุณมาทำอะไรที่นี่...”
เมียวดีจ้องเข้มไม่กลัวเกรง
“เมียวดี ไม่เอาน่า...”
เมียวดีตะคอก จี้มีดอีก
“จะบอกหรือไม่บอก”
“บอกแล้ว ฉันมาไหว้หมวดอั๋นไง”
เมียวดีไม่อยากเชื่อ
“อะไรนะ”
“ฉันพูดจริงๆ ฉันเสียใจจริงๆ ที่ตำรวจดีๆ อย่างหมวดอั๋นต้องมาตายแบบนี้...เฮ้อ” สาทิศทำเป็นถอนหายใจประมาณว่าคิดไม่ถึง “หนู ปล่อยฉันได้หรือยังล่ะ”
สาทิศตีหน้าซื่อ เมียวดีมองอ่อนลง

เมียวดีเดินดุ่มๆ โดยมีสาทิศเดินตามมาข้างหลัง
“หนูเมียวดี เดี๋ยวก่อน”
เมียวดีเดินต่อไม่สนใจ สาทิศเร่งฝีเท้า แซงหน้าขึ้นไปขวาง เมียวดีจำต้องชะงัก
“ท่าทางหนูเมียวดีไม่ค่อยชอบหน้าฉันเลยนะ”
“เราปล่อยคุณแล้ว ไม่น่าจะมีเรื่องต้องพูดกันอีก”
เมียวดีขยับจะไป สาทิศขยับขวางอีก
“ฉันถามจริงเถอะ ฉันไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจเหรอ ถึงได้ทำมึนตึงกับฉันแบบนี้”
เมียวดีมองหน้า
“โอเค...เรื่องที่ผ่านมาเราอาจ มีเรื่องเข้าใจผิดกันบ้าง แต่มันก็นิดหน่อยเองความจริงแล้ว ฉันเอ็นดูหนูมากนะ”
“เราไม่เคยเกลียดใคร ยกเว้นคนที่ทำผิดกฎหมาย คุณทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือเปล่าล่ะ”
สาทิศชะงัก อึ้ง แล้วทำหน้าซื่อยิ้มเนียนๆ
“ฉันไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมาย ธุรกิจทุกอย่างของฉันตรวจสอบได้ทั้งนั้น”
“ถ้าแน่ใจอย่างนั้นก็ดี...หมวดจะได้ดีใจว่า คนที่มาเคารพเขาเป็นคนดีจริง ไม่ใช่ดีแต่เปลือก”
สาทิศอึ้งพยายามยิ้มข่มความรู้สึก เมียวดีทำเดินออกไปหน่อยแล้วหันกลับมาพูดด้วย
“ใครจะพูดยังไงก็ช่าง แต่เราขอบอกว่า เราไม่เชื่อว่าหมวดอั๋นจะฆ่าตัวตายและเราจะไม่ปล่อยให้ไอ้ฆาตกรที่ฆ่าหมวดอั๋นลอยนวลเด็ดขาด”
สาทิศแบบมือประมาณว่าแล้วแต่เธอ
“อ้อ...ถ้าจะให้ดี คุณก็ช่วยอธิษฐานขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้ตำรวจพบหลักฐานที่สาวไปถึงคนที่บงการฆ่าหมวดอั๋นด้วยก็แล้วกัน”
เมียวดีมองเอาเรื่อง แล้วหันเดินออกไปเลย สาทิศมองตามเมียวดีไปอย่างแค้นพยาบาท กำมือแน่นระงับโกรธ
“ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ ฉันก็ไม่ปล่อยให้แกเป็นหนามทิ่มแทงเหมือนกัน”

อัญชิสาขับรถไปบนถนนอย่างกระวนกระวาย ใส่บลูทูธ พยายามติดต่อกับสาทิศ
“รับสายสิ สาทิศ ฉันจะตายอยู่แล้วนะ”
จอมือถือ ขึ้นชื่อสาทิศ ตามที่เธอกดออก แต่ไม่มีการรับสาย อัญชิสาหงุดหงิด ดึงสายบูลทูธออกแล้วสบถ
“ไอ้บ้า ทำไมไม่รับสายนะ”
อัญชิสาดึงสายบูลทูธออก แล้วเกิดอาการตัวสั่น มือไม้อ่อน อย่างคนอยากยาขับรถเป๋ไปเกือบเฉี่ยวรถข้างๆ เธอร้องกรี๊ดตกใจ แล้วหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางหอบหายใจอย่างตื่นตระหนก อัญชิสามองไปที่กระจกรถแล้วเห็นภาพหลอนอีก เป็นภาพตำรวจมาชะโงกหน้าส่องดู
“คุณๆ”

อัญชิสาตกใจร้องลั่น “อ๊าย”

อ่านต่อหน้า 4 ตอนที่ 20 พรุ่งนี้

แก้วกลางดง ตอนที่ 20 (ต่อ)

เมียวดียืนรอรถโดยสารอยู่ที่ป้าย หันไปมองเห็นรถอัญชิสามาจอดอยู่ สักครู่อัญชิสาก็เปิดประตูรถออกมา ท่าทางหวาดกลัว โดยที่ไม่ได้มีตำรวจอยู่ ณ ที่นั้นเลย

“อย่า...อย่ามาจับฉันนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
เมียวดีมองงงๆ
“คุณหวานพูดกับใครน่ะ”
อัญชิสากลัวมากขึ้น ร้องกรี๊ดๆ เมียวดีเป็นห่วงรีบวิ่งเข้าไปหา
“คุณหวาน!”
อัญชิสาหวาดกลัวเมียวดี จะวิ่งหนี
“อย่าเข้ามานะ”
มอร์เตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นมาตามทาง อัญชิสาทำท่าจะวิ่งไปตัดหน้า เมียวดีรีบพุ่งเข้าไป ดึงตัวหลบ แล้วล้มลงไปด้วยกัน อัญชิสาร้องกรี๊ดเสียงหลง มอร์เตอร์ไซค์ขับออกไปเลย เมียวดีรีบลุกขึ้นมาดูอัญชิสายังร้องกรี๊ดๆอยู่ อย่างสติแตก คุมตัวเองไม่ได้
“คุณหวาน”
“ปล่อยฉัน แกเป็นใคร”
เมียวดีอึ้ง
“นี่คุณเป็นอะไรของคุณ จำเราไม่ได้จริงๆเหรอ”
อัญชิสาผลักเมียวดีอย่างหวาดกลัว จะลุกไป เมียวดีรีบคว้าตัวไว้
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ หยุดเดี๋ยวนี้นะ คุณหวาน”
อัญชิสาดิ้นแล้วโวยวาย
“ปล่อยฉันซิ บอกให้ปล่อย...อ๊าย”
อัญชิสากรี๊ดลั่น แล้วหมดสติไปเลย เมียวดีรีบประคองตัวไว้
“คุณหวาน”

เมียวดีจับอัญชิสานอนกับเบาะรถ กดขยับให้นอนได้ แล้วเอากระดาษพัดๆ ให้
“เป็นอย่างนี้ได้ยังไง ยาหม่อง ยาดมอะไร มีบ้างไหมเนี้ย”
เมียวดีรื้อๆค้นๆ ที่คอนโซล แล้วเหลือบตาไปมองเห็น หลอดยาไอซ์ที่ตกอยู่ที่พื้นรถ เมียวดีหยิบขึ้นมาดูอย่างแปลกใจ
“อะไร”
เมียวดี เปิดฝาออก ดมๆดู แล้วก็ต้องตกใจ
“ยานรก”
อัญชิสางัวเงียๆ รู้สึกตัวขึ้น
“ยา ขอยา...”
เมียวดีหันขวับไปมองด้วยความอึ้ง ไม่นึกว่าอัญชิสาจะติดยา
“คุณหวาน!”
อัญชิสางัวเงียๆ
“ยามันหายไปไหนหมด...เอายามาให้ฉัน”
อัญชิสาหันหน้ามาทางเมียวดีพอดี จากที่งัวเงียอยู่ กลับสะดุ้งตกใจ
“เมียวดี!”
“ยานี่ใช่มั้ย ที่ทำให้คุณเห็นภาพหลอน”
“มันเรื่องของฉัน เธอมายุ่งอะไรด้วย เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเธอ”
“ใช่...ไม่เกี่ยวกับเราแม้แต่นิดเดียว ถ้าคุณไม่ใช่คนรักของนาย”
อัญชิสาอึ้ง เมียวดีมองหน้า
“นายรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
อัญชิสาอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง
“ไม่ได้นะ ใครก็บอกไม่ได้”
เมียวดีเขวี้ยงหลอดยาไปใส่แล้วเดินลิ่ววิ่งออกไปเลย อัญชิสาตื่นตระหนกขึ้นมากลัวโดนเปิดโปง
“เมียวดีเธอจะไปไหน หยุดนะ”
อัญชิสารีบวิ่งตามออกไป

อัญชิสาวิ่งตามเมียวดี ร้องเรียกไปด้วย
“เมียวดี เดี๋ยวก่อน”
เมียวดีวิ่งขึ้นรถโดยสารไปเลย
“เมียวดี อย่าพึ่งไป ฟังฉันก่อน เมียวดี”
อัญชิสาตามไม่ทัน หัวเสียไม่รู้จะทำไง รู้สึกกังวล
“บ้าจริง”

ฟ้าลั่นเพิ่งอาบน้ำใส่เสื้อปะแป้งหน้าขาวเข้ามาในครัวเห็นเชอรี่เอานามบัตรของแอ๊ดออกมาชื่นชม
“ความฝันของเชอรี่ กำลังจะเป็นจริงแล้ว จุ๊บๆ” เชอรี่จูบนามบัตร “เชอรี่จะได้เป็นนักร้องแล้ว”
ฟ้าลั่นที่นั่งเด็ดผักอยู่ เหลือบมองอย่างไม่สบอารมณ์ วงศ์เดินเข้ามา
“ไหนละ เชอรี่ หมูที่ให้หั่นนะเสร็จหรือยัง ฉันจะใช้วันนี้นะ...มัวแต่ฝันกลางวันอยู่นั่น”
“เชอรี่ไม่ได้ฝันนะคะ คุณแม่บ้าน นี่เห็นมั้ย นามบัตรของพี่แอ๊ด อาสลวย เขาจะนัดให้เชอรี่ไปเทสเสียงด้วยล่ะ”
“แค่ให้ไปเทสเสียง ยังไม่ได้บอกว่า รับเป็นนักร้องเสียหน่อย”
เชอรี่ไม่พอใจ
“คุณแม่บ้าน! พูดอย่างนี้ได้ไง”
“ฉันว่าฉันพูดไม่ผิดก็แล้วกัน” วงศ์หันมาทางฟ้าลั่น “จริงมั้ย ฟ้าลั่น”
“จริง”
เชอรี่โวย
“อะไรเนี้ย พี่ฟ้า มาทรยศเชอรี่ได้ไง...เดี๋ยวนี้เราไม่ใช่พวกเดียวกันแล้วเหรอ”
“พี่น่ะ อยู่ข้างเชอรี่เสมอนะ แต่พี่ว่าไอ้หมอนั่นมันไม่น่าไว้ใจเลย มันอาจจะหลอกน้องเชอรี่ก็ได้นะ”
“หุบปากไปเลยนะ พี่ฟ้า...ถ้าไม่สนับสนุนเชอรี่ ก็เงียบๆไปเลยดีกว่า”
เชอรี่ค้อนใส่แล้วผลักที่อกของฟ้าลั่นเดินหนีออกไปเลย
“โอ๊ะๆ...ทำไมทำกับพี่ฟ้าลั่นแบบนี้ล่ะน้องเชอรี่” ฟ้าลั่นปัดที่อกเสื้อ “เสื้อพี่ฟ้าเปื้อนหมดเลยดูสิ”
วงศ์มองตามเชอรี่ไปส่ายหน้า
“เชอรี่ เอ๊ย...ไม่รู้จักดูเงาตัวเองเล้ย...” วงศ์ส่ายหน้าแล้วหันมาทางฟ้าลั่น “ฟ้าลั่น เธอไม่ต้องไปสนใจหรอกนะ ปล่อยให้เพ้อเจ้อไปคนเดียวนั่นแหละ เดี๋ยวก็หยุดไปเอง”
ฟ้าลั่นมองตามเชอรี่ไปซึมๆ

ฟ้าลั่นเดินออกมามุมหนึ่ง แบบซึมๆ ไม่ค่อยสบายใจแล้วเกือบชนกับเมียวดีที่เดินแบบเหม่อๆ ครุ่นคิด เข้ามาเหมือนกัน ทั้งสองตกใจร้องขึ้นพร้อมกัน
“โอ้ย”
“เฮ้ย ไอ้หมาลั่น ทำไมเอ็งถึงได้เดินใจลอยอย่างนี้”
“เอ็งก็เหมือนกันแหละ...มัวแต่คิดอะไรอยู่คิ้วผูกเป็นเงื่อนตายแล้ว”
“เฮ้อ...ข้าไม่รู้จะพูดยังไงดี ไอ้หมาลั่น ข้าไม่นึกว่ามันจะเป็นแบบนี้”
ฟ้าลั่นงงๆ
“อะไรของเอ็ง อีเมียว”
เมียวดีคิดๆ ตัดสินใจ
“ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าต้องบอกความจริงกับนาย นายควรจะต้องรู้เรื่องนี้”
เมียวดีรีบผลุนผลันออกไปเลย เกือบชนฟ้าลั่นล้มไปอีก
“เฮ้ยๆ ความจริงอะไรวะ ทำยังกับเรื่องคอขาดบาดตาย”
ฟ้าลั่นวิ่งตามเมียวดีไปด้วย

“เดี๋ยวก่อนอีเมียว รอข้าด้วย”

รำพา บัวคลี่ ทะนง ทรงเผ่า กำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขก รำพาท่าทางร้อนใจ

“ดิฉันต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ ที่ดิฉันมีเรื่องมารบกวนทุกคน”
บัวคลี่แปลกใจ
“พูดอะไรอย่างนั้นคะ คุณรำพา อีกหน่อยเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
รำพาอึกอัก
“เออ...แต่คือว่า ดิฉันลำบากใจจริงๆค่ะ”
ทรงเผ่าสงสัยในท่าทางของรำพา
“คุณน้ามีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
เมียวดีเดินเข้ามาหาทรงเผ่า กำลังจะเรียกแต่ชะงักไว้
“นาย...”
เมียวดีหยุดแอบฟัง อยู่มุมหนึ่ง ฟ้าลั่นวิ่งตามเข้ามาด้วย เมียวดียกมือจุ๊ปากไม่ให้ฟ้าลั่นพูด
“เออ...น้าว่าเราต้องเลื่อนงานหมั้นให้มันเร็วขึ้นมาแล้วนะคะ แล้วถ้าเป็นงานแต่งกับงานหมั้นอยู่ในวันเดียวกันได้เลยยิ่งดี”
เมียวดีอึ้ง ทรงเผ่า ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ ทำไมต้องเร่งรีบอย่างนั้น”
ทนงก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“นั่นสิ...เดี๋ยวจัดการอะไรไม่เรียบร้อย จะขายหน้ากันเปล่าๆนะ คุณรำพา”
“เรามีเงินซะอย่าง ยังไงก็จัดการทันอยู่แล้วค่ะ คุณพี่...แต่ขอให้มีงานแต่งในสามเดือนนี้ก็แล้วกันนะคะ ยายหวานจะได้หมดเคราะห์หมดโศก ฮือๆๆ”
รำพาแกล้งบีบน้ำตา บัวคลี่ไม่สบายใจ
“คุณรำพา เป็นอะไรไปคะ ร้องไห้ทำไม”
“ดิฉันเอาดวงยายหวานไปให้ อาจารย์ที่รู้จักกันเขาดูดวงให้ อาจารย์ท่านบอกว่า...ยายหวานชะตาขาดค่ะ ฮือๆๆ”
บัวคลี่ตกใจ
“คุณพระช่วย”
รำพารีบตามแผน
“วิธีแก้เคล็ดมีอยู่อย่างเดียว ก็คือให้รีบจัดงานมงคลซะ ดวงของคู่ยายหวานจะได้ช่วยคุ้มครองยายหวานให้ปลอดภัย”
ทรงเผ่ากับทนงมองหน้ากัน แบบ ไร้สาระ แต่ยังไม่ทันว่าอะไร รำพาร้อนตัว
“นี่น้าไม่ได้งมงายเลยนะคะ คุณเผ่า แต่เมื่อโดนทักน้าไม่สบายใจจริงๆ หัวอกคนเป็นแม่ จะยอมให้ลูกสาวแสนสวยและดี เป็นอะไรได้ยังไง” รำพายกมือจะไหว้ “จะให้น้าไหว้ก็ยอมค่ะ...”
ทรงเผ่ารีบห้าม
“อย่าครับคุณน้า อย่าทำแบบนี้”
“งั้นคุณเผ่าต้องรีบแต่งกับยายหวานนะคะ นะคะ คุณเผ่ารับปากกับน้าสิคะ”
อัญชิสาเพิ่งกลับเข้ามา ลูบผมเผ้าให้เรียบร้อย ร้องเรียก
“คุณแม่!”
“ลูกหวาน”
อัญชิสารีบเดินเข้าไปหาทุกคน
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ คุณแม่มาวุ่นวายอะไรกับคุณเผ่าคะ”
ทรงเผ่าหันมาบอก
“ท่านไม่ได้วุ่นวายอะไร คือ...คุณน้าท่านกลัวว่าคุณจะมีเคราะห์ร้ายแล้วก็เลยจะให้เลื่อนการแต่งงานให้เร็วขึ้น”
อัญชิสามองหน้าแม่ สบตากันแล้วก็รู้ทาง อัญชิสาทำเป็นเอ็ดแม่
“เรื่องไร้สาระ งมงายแบบนี้ คุณแม่จะเอามาบีบให้แต่งงานไม่ได้นะคะ ทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับทางคุณเผ่าเลย หวานอายจริงๆเลยค่ะ” อัญชิสายกมือไหว้ทุกคน “ขอโทษคุณน้าบัวคลี่กับคุณพ่อด้วยนะคะ อย่าไปถือคุณแม่เลยนะคะ”
“ลูกหวานขา แม่จำเป็นต้องทำ เพราะแม่รักลูกมาก แม่คงทนไม่ได้ถ้าลูกเป็นอะไรไป”
“โถ...คุณแม่ของหวาน”
อัญชิสาเข้ากอดรำพาดราม่าสุดๆ บัวคลี่สงสารจับใจทันทีกับภาพที่เห็น
“อย่าว่าคุณแม่เลยจ๊ะหนูหวาน คุณแม่เขาเป็นห่วงหนูนะถึงได้เป็นแบบนี้” บัวคลี่หันหาทรงเผ่า “น้าว่า ยังไงก็ต้องแต่งกันอยู่แล้ว เลื่อนให้เร็วขึ้นอีกนิด มันก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง คุณเผ่า”
ทรงเผ่าอึ้ง บัวคลี่จับมืออัญชิสาอย่างเอ็นดู
“น้าบอกตรงๆนะ น้ากลัวหนูหวานจะเปลี่ยนใจ เดี๋ยวคุณเผ่าขึ้นคานพอดี”
ทนงเอือมๆ
“คุณนี่ เป็นเอามากนะ”
“แน่สิคะ แล้วถ้าเจ้าสาวคุณเผ่าไม่ใช่หนูหวาน ดิฉันก็จะไม่ยอมให้คุณเผ่าแต่งกับใครทั้งนั้น”
เมียวดีแอบยืนฟังอยู่แล้ว อึ้งไปเลย ทรงเผ่าหันมาเห็นเมียวดี กับฟ้าลั่น
“เมียวดี มาทำอะไรอยู่ตรงนั้น”
เมียวดีสะดุ้งนิดๆ อัญชิสามองหน้าเมียวดีกลัวจะบอกความจริง ทรงเผ่าแปลกใจ
“อ้าวว่าไง เธอมีอะไรก็ว่ามา”
อัญชิสา รีบบอก
“อย่าไปสนใจเลยค่ะ เมียวดีตอนนี้ฉันกับคุณเผ่าปรึกษากันเรื่องสำคัญในชีวิตของเราทั้งคู่ ไม่ว่างคุยกับเธอหรอก” อัญชิสาหันหาทุกคน “เราคุยเรื่องของเราต่อดีกว่านะคะ”
อัญชิสาดึงแขนทรงเผ่าจะให้หันกลับไป ฟ้าลั่นแทรกขึ้น
“เดี๋ยวนาย อีเมียวมันว่า มันมีเรื่องสำคัญจะบอกนาย”
อัญชิสาชะงักหันกลับมามองหน้าเมียวดี ขึ้งตาขึ้นมากลัวเมียวดีจะพูดความลับ ทรงเผ่าไม่เข้าใจ
“เรื่องสำคัญอะไร”
เมียวดีมองหน้าอัญชิสาจ้องตาวัดใจกัน ฟ้าลั่นยุ
“มีอะไรก็บอกนายไปสิวะ ข้าจะได้รู้ด้วย”
เมียวดีกลืนน้ำลาย มองหน้าบัวคลี่ ทนง ทรงเผ่าที่รอฟังอยู่ เธอครุ่นคิดจะเอาไงดี แล้วก็ ตัดสินใจไม่พูดเพราะกลัวว่าจะทำให้ทุกคนผิดหวัง ที่อัญชิสาไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนอยากให้เป็น
“ว่าไง เมียวดี” ทรงเผ่าถามย้ำ
เมียวดีตัดสินใจพูดขึ้น
“เราจะบอกนายว่า เรารู้แล้วว่าเมียพ่อนาย กับ พ่อนายเป็นคนที่รักและหวังดีกับนายที่สุด เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ควรทำให้ท่านทั้งสองคนเสียใจ”
ทรงเผ่างง อัญชิสาแอบโล่งอก ยิ้มออก เมียวดีรีบขอตัวออกไป
“เราไปช่วยงานป้าวงศ์ก่อนนะ”
เมียวดีรีบวิ่งออกไปเลย ฟ้าลั่นมองตามงงเหมือนกัน
“เฮ้ย...เอ็งพูดเรื่องอะไรของเอ็ง ว่ะอีเมยว งงนะ...”
อัญชิสารีบตัดบท
“เห็นมั้ยค่ะ ว่าไม่มีอะไร”
รำพารีบพูดต่อ
“งั้นเรามาคุยเรื่องงานแต่งกันต่อดีกว่านะคะ นี่ค่ะอาจารย์ท่านให้ฤกษ์มาแล้ว ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด”
อัญชิสาดึงทรงเผ่ากลับเข้าไปที่วง ทุกคนเริ่มคุยกันใหม่ ทรงเผ่ายังแอบมองตามเมียวดีออกไป ครุ่นคิดถึงคำพูดของเธอที่ดูแปลกๆ เหมือนมีความในใจ

ค่ำนั้น...อัญชิสาออกมาจากห้องน้ำ เพิ่งลงครีมบำรุงเสร็จ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเจอเมียวดียืนอยู่ในห้อง
“เธอเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง”
“ก็ประตูมันเปิดอยู่...คุณหวานใช้ยานรกนั้นมานานเท่าไหร่”
“ฉัน...ฉันก็แค่...ใช้มันเล่นๆ ไม่ได้ติด คือฉันต้องใช้มัน เพื่อ สร้างอารมณ์ในการทำงานให้สนุกสนาน ก็เท่านั้น สังคมที่ฉันอยู่มันจำเป็นนะ”
อัญชิสายังเล่นบทเชิดหยิ่ง เมียวดีมองหน้า
“วันนี้เราไม่บอกความจริงกับทุกคนเพราะ อยากให้โอกาสคุณหวานได้กลับตัว แต่ถ้าคุณหวานยืนยันแบบนี้ เราก็คงต้องบอกทุกคน”
อัญชิสาดึงแขนเมียวดีทันที
“อย่านะเมียวดี อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด...ก็ได้ ฉันยอมรับ ฉันติดมัน แต่เพราะอะไรเธอรู้มั้ย การเป็นผู้หญิงที่เฟอร์เฟค มันกดดันแค่นั้น ต้องสวย ต้องเก่ง ต้องดี ต้องทำทุกอย่างให้เหนือกว่าคนอื่น ฉันเหนื่อยนะเมียวดี แต่ฉันก็ต้องทำ และต้องทำมันให้ดีด้วย เพื่อคุณแม่ เพื่อวงศ์ตระกูล และที่สำคัญ เพื่อให้คุณเผ่าเค้าภาคภูมิใจในตัวผู้หญิงที่เค้ารัก” อัญชิสาน้ำตาไหลพราก “ฉันกลัว...กลัวมากด้วยกลัวจะทำให้ทุกคนผิดหวัง ฉันจึงใช้มัน แต่พอหมดฤทธิ์ยามันก็ทำให้ฉันต้องใช้อีก แล้วก็ใช้ ๆๆๆ มันเรื่อย ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบนี้หรอกนะ ฮือ ๆ”
อัญชิสาฟูมฟายเต็มที่น้ำตานองหน้า ไม่เหลือคราบผู้หญิงเย่อหยิ่ง เมียวดีอึ้ง ใจอ่อนทันทีกับเหตุผลและท่าทางของอัญชิสา เมียวดีมองอย่างสงสาร
“เลิกซะ แล้วก็ไปรักษาตัวให้หาย...แล้วเราจะไม่บอกเรื่องนี้กลับใคร”
“เธอพูดจริงเหรอ”
“คนอย่างเมียวดี ถ้าสัญญาแล้ว มันก็คือสัญญาไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณยอมทำ เราก็จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
“ฉันจะทำแน่นอน ฉันจะเลิกใช้ยานรกนี้ ฉันสัญญา...”
เมียวดีพยักหน้ารับ อัญชิสามองอย่างซึ้งใจ
“ขอบใจมากนะ เมียวดี ขอบใจเธอจริงๆ”
เมียวดีเดินออกไป ทิ้งอัญชิสาให้สงบสติอารมณ์อยู่ในห้อง

วันใหม่...อัญชิสาใส่แว่นตาดำ เคาะประตูห้องสาทิศรัวอย่างร้อนใจ สาทิศมาเปิด เธอรีบเข้าไปถอดแว่นโวยใส่ทันที
“คุณต้องช่วยฉันนะ สาทิศ ไม่งั้นฉันแย่แน่ ๆ นังเมียวดี มันจับได้ว่าฉันใช้ยา”
สาทิศชะงัก
“นังเด็กนั้นอีกแล้วเหรอ แล้วมันรู้หรือเปล่าว่าคุณเอายามาจากใคร”
“ยัง...ฉันไม่ได้บอก เพราะฉันเป็นห่วงคุณ แต่อีกไม่นาน มันจะต้องสืบจนมาถึงคุณ เรื่องทุกอย่างที่คุณทำไว้ มันจะต้องโดนนังเมียวดีเปิดเผย”
“มันจะเอาไง”
“มันจะให้ฉันเลิกยา ไม่งั้นมันขู่จะเปิดโปงฉันให้คุณเผ่ารู้ แต่ฉันรู้คนอย่างมันไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ มันคงรออะไรสักอย่าง...ฉันรู้แล้ว มันคงหวังจับคุณเผ่าเพราะตอนนี้คุณอั๋นก็ไม่อยู่แล้ว มันต้องเอาตำรวจมาจับฉัน ไม่นะ ฉันไม่อยากติดคุก โอ๊ย...ฉันจะทำยังดี”
อัญชิสาเริ่มโวยวายประสาทกิน สาทิศตะโกนใส่หน้า
“หยุดประสาแดกเสียที ฉันบอกให้หยุดไง”
สาทิศเงื้อมือจะตบ อัญชิสาเงียบกริบทันทีกลัวโดนตบ
“เรื่องนี้มันจะรออีกไม่ได้แล้ว ถ้านังนั้นมันอยากให้เธอเลิก เธอก็ไปเลิกซิ”
“อะไรนะ!”

อัญชิสางง สาทิศเคร่งขรึมอย่างมีแผน!

อ่านต่อตอนที่ 21
กำลังโหลดความคิดเห็น