xs
xsm
sm
md
lg

นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 20

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางฟ้ามาเฟีย ตอนที่ 20

รามเดินเข้าบ้านแล้วชะงักกึก เมื่อเห็นโรสกับเย็นนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับทรงวาด เย็นโบกมือทักทาย

“เฮ้ยไอ้ราม...เอ้ยน้องราม มาๆมากินข้าวด้วยกัน”
รามแซว
“นี่ย้ายสำมะโนครัว มาอยู่ที่นี่กันหมดเลยเหรอครับ”
ทรงวาดบอกราม
“เปล่าหรอกจ๊ะ หนูโรสเค้ามาเยี่ยมแม่ เพราะว่าหนูเมขอให้เขามา”
รามนึกว่าเจอเมขลาแล้ว รีบถาม
“คุณโรสเจอกับเมเหรอครับ แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน”
“อุ้ย ยังไม่เจอค่ะ เมมันสั่งฉันไว้ก่อนจะหายตัวไป จากวันนั้นถึงวันนี้มันก็ไม่เคยโผล่มาหาอีก มือถือมันก็ติดต่อไม่ได้เลย”
รามไม่เชื่อโรส มองเย็นที่กินไม่หยุด
“พี่เย็นอิ่มแล้วใช่มั้ย”
“เห็นหรือเปล่าว่ายังกินอยู่”
รามหมั่นไส้ดึงคอเสื้อเย็นลากออกไปเลย
“อิ่มแล้วก็ออกไปเดินเล่นกันหน่อย”
เย็นร้องโวยวาย
“เฮ้ยๆ ขัดคอคนกำลังกินบาปนะโว้ย”
เมื่อได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง รามซักไซ้เย็น
“เมพูดอะไรบ้างตอนไปหาเมียพี่ที่อพาร์ทเมนท์ เมียพี่เขาเล่าให้ฟังบ้างหรือเปล่า”
“โห พูดเยอะ เดี๋ยวขอนึกก่อน”
เย็นนึกไปถึงวันที่เมขลาไปหาโรส และเขาแอบฟังอยู่...
“ฉันตัดสินใจเลิกกับคุณรามแล้ว”
โรสร้องลั่น
“แกบ้าหรือแกโง่ฮึนังเม ทุกอย่างก็ลงตัวหมดแล้ว แกจะเลิกกับเขาทำไม นี่ฉันสืบมาหมดแล้วนะ ตระกูลนี้ไม่ใช่แค่รวยเฉยๆ แต่รวยโคตรๆ แกอยู่กับเขาสบายไปทั้งชาติ”
“ฉันไม่ได้บ้าเงิน”
“แต่แกจะได้เป็นถึงคุณนายตำรวจ ใครๆก็จะเรียกแกว่าคุณนายเมขลา”
“ฉันไม่ได้บ้ายศถาบรรดาศักดิ์”
เมขลาหิ้วกระเป๋าจะไป โรสรีบถาม...
“ถามจริงเหอะเม แกไม่ได้รักคุณรามเหรอไง”


รามฟังที่เย็นเล่าแล้วรีบถาม...
“เมตอบว่ายังไงพี่เย็น เขาบอกว่ารักผมหรือเปล่า”
“คุณเมไม่ได้ตอบ แต่ส่ายหน้าแทน”
รามจ๋อยอึ้งไปเลย แต่กลัวเสียหน้า รีบพูดทำเป็นไม่แคร์
“ก็ดี ผมจะได้เลิกตามหา มีเมียแล้ววุ่นก็อย่ามีดีกว่า”
“ทีเอ็งทำกับเขาไว้มาก พอโดนเขาทำให้หน่อยทำเป็นโวย เอ๊ะ แต่เมียไม่อยู่สักพักก็ดีนะโว้ย เอ็งจะได้แอบไปหาสาวๆกับข้าได้”
เสียงโรสดังขึ้น
“ไอ้เย็น แกคิดนอกใจฉันเหรอ”
เย็นตกใจหันมา เห็นโรสเงื้อมือ
“วันนี้ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”
โรสตบ เย็นก้มหลบ มือโรสเลยโดนหน้ารามเต็มๆ รามยืนอึ้ง โรสช็อค

ในห้องทำงานภาคภูมิ...โรสตกใจร้องลั่น...
“อะไรนะแค่ตบไปทีเดียว โดนข้อหาทำร้ายร่างกาย”
ภาคภูมิพยักหน้ารับ
“โดยเฉพาะเจ้าทุกข์คือตำรวจ ตามกฎหมายถือเป็นคดีอาญาร้ายแรง มีโทษหนักถึงขั้นติดคุก”
โรสกับเย็นพากันตะลุง
“ติดคุก”
เย็นปรี่ไปหารามที่ยืนเต๊ะท่าอยู่
“ไอ้ราม เอ็งไม่ใจดำไปหน่อยเหรอวะ น้องโรสเป็นเมียข้า เขาไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ”
รามชี้ที่หน้าตัวเอง ยังเห็นว่ามีรอยแดง
“ดูหน้าผม เมียพี่ทำให้ผมต้องได้รับความอับอาย ต่อสาธารณะชน ใครเขาพากันหัวเราะ นึกว่าผู้กองรามสูร นายตำรวจดีเด่นและหน้าตาดีที่สุดโดนเมียตบ มันขายหน้ามั้ยพี่”
“ใครๆก็รู้ว่าเมียเอ็งหนีไป แล้วจะตบเอ็งได้ไง”
รามเถียงไม่ได้ ตัดบท
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ต้องว่ากันที่หลักฐาน ผู้กองดำเนินการไปได้เลย ผมขอตัวไปทำงานต่อแล้วกัน”
รามขยิบตาให้ภาคภูมิแบบรู้กัน แล้วออกไป
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ ผู้กองช่วยพูดให้หน่อยสิคะ”
โรสพยายามอ้อนวอน
“พักนี้ที่ผู้กองรามหงุดหงิดง่าย ก็น่าจะรู้ใช่มั้ยครับเพราะอะไร ถ้าอยากให้ผู้กองรามอารมณ์ดีไม่เอาเรื่องคุณ คุณก็ต้องตามคุณเมกลับมาให้ได้”
โรสมองหน้ากับเย็นหน้าแหย พากันเดินกลับ
“โอ๊ยกลุ้ม ฉันจะไปตามหายัยเมได้ที่ไหนเนี่ย”
โรสเดินไปด้วยความโมโห เย็นวิ่งตาม
“รอพี่ด้วยสิจ๊ะน้องโรส พี่เย็นผิดไปแล้ว”

ภาคภูมิไปหารามที่ห้องทำงาน เมื่อโรสกับเย็นกลับไป
“ทำแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอผู้กอง”
“ผมมั่นใจว่าโรส ต้องรู้ว่าเมอยู่ไหนแต่ปิดบังไว้ ถ้าเอาคุกมาขู่เดี๋ยวก็ต้องยอมเปิดปากเอง”
“แล้วข่าวนี้ละครับ”
ภาคภูมิชี้รูปบนนสพ.ที่กางอยู่บนโต๊ะราม เป็นภาพที่กอดกับธิดาในร้านอาหาร
“ทางหนึ่งผู้กองก็ตามหาเมีย อีกทางก็กอดผู้หญิงอีกคน ตกลงผู้กองจะเอายังไง”
“ผมก็เพิ่งอ่านเจอเมื่อกี้ ผมกับคุณเทเรซ่าไม่มีอะไรกัน”
ภาคภูมิมองหน้าราม เพราะรูปมันฟ้อง
“จริงๆ ผมก็แค่ปลอบเขา เพราะวันนั้นเขามีเรื่องไม่สบายใจ ถึงผมจะไม่ใช่สามีที่ดีนัก แต่ผมไม่มีทางนอกใจเมียอย่างแน่นอน”
ภาคภูมิยิ้ม
“ที่ผมถาม เพราะจะได้ช่วยผู้กองได้อย่างสบายใจ”
รามตบบ่าภาคภูมิ
“แล้วผมจะตอบแทนผู้กอง ด้วยการหาเมียสวยๆให้ผู้กองสักคนก็แล้วกันนะ”
ภาคภูมิจะอ้าปากบอกไม่ต้อง แต่ยงยุทธเข้ามาขัดเสียก่อน
“ท่านเรียกพบครับ”
ทั้งคู่จึงเดินตามยงยุทธิไปพบก้องภพที่รออยู่
“ผมอยากรู้ความคืบหน้า คดีของนายเรืองฤทธิ์” ก้องภพถาม
“จะมีการพิจารณาคดีในชั้นศาล นัดแรกพรุ่งนี้เช้า ครับ” ภาคภูมิตอบ
“อย่าปล่อยให้หลุดได้นะ”
“ครับท่าน”
สีหน้ารามไม่ค่อยดี ก้องภพเห็น
“ฉันลืมไปว่าผู้ต้องขังกับนาย....”
“ผมไม่เป็นไรครับ ถึงจะเป็นอาผม แต่ยาเสพติดเป็นมะเร็ง ร้ายบ่อนทำลายประเทศ ในฐานะตำรวจผมต้องทำตามหน้าที่”
รามสายตาแข็งกร้าวขึ้น
“นี่แหละชีวิตจริงของตำรวจ” ก้องภพบอกเสียงเข้ม

บริเวณออกกำลังกาย ในเรือนจำ เสียงกดกริ่งแจ้งเหตุร้ายดังสนั่น ผู้คุมสองคนวิ่งเร็วๆตรงไปบริเวณพื้นที่ออกกำลังกายของนักโทษ
เรืองฤทธิ์แกล้งปวดหัว ดิ้นพลาดๆ
“โอ๊ยย ปวด ปวด”
นักโทษรุมดู ผู้คุมวิ่งแหวกเข้ามา ขณะที่กำลังจะจับตัวเรืองฤทธิ์ ที่นอนดิ้นกลิ้งเกลือกกับพื้น เรืองอาละวาดปัดมือ
“ช่วยด้วย ปวดจนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว โอ๊ยยยย”
ผู้คุมตกใจรีบหันบอกเพื่อน
“เรียกรถพยาบาลเร็ว!”
ผู้คุมอีกคนวิ่งไป ขณะที่เรืองฤทธิ์ยังร้องไม่หยุด

รถพยาบาลที่วิ่งเปิดไซเลน เข้าในในซอยเพื่อจะเข้าไปที่เรือนจำ คนขับมองเห็นว่ามีเก้าอี้วางตั้งขวางทางอยู่ จึงชะลอความเร็วลง จู่ๆเสียงดังปุ้งเพราะโดนปาก้อนหินใส่อย่างแรง กระจกรถแตกละเอียด ก้อนหินเข้าหน้าคนขับ รถพุ่งไปชนข้างทาง เจ้าหน้าที่รพ.ที่นั่งข้างคนขับสลบ ลูกน้องเหลียงเดินออกมาดูรถ แล้วหันไปยกสัญญาณมือ รถพยาบาลอีกคัน วิ่งออกมาจากที่จอดซุ่มไว้ ขับไปทางเรือนจำ
รถพยาบาลวิ่งเข้าไปจอด ผู้คุมหามเรืองฤทธิ์ซึ่งนิ่งไปแล้วออกมา เหลียงปลอมตัวในชุดบุรุษพยาบาลลงมาช่วยหาม
เรืองฤทธิ์ถูกพาขึ้นรถเรียบร้อย ผู้คุมหนึ่งคนขึ้นไปท้ายรถพร้อมกับเหลียง แล้วรถแล่นออกไป
เหลียงมองผู้คุมซึ่งนั่งเกือบติดประตู เหลียงนั่งข้างผู้คุม
“พี่เป็นผู้คุมนักโทษมานานแล้วเหรอ” เหลียงถาม
“สิบกว่าปีแล้ว” ผู้คุมตอบ
“ถ้างั้นก็น่าจะพักผ่อนได้แล้ว”
ผู้คุมหันมามอง เหลียงยิงปืนใส่ท้องสองนัด
เปรี้ยงๆ!!
ด้านนอกรถ ประตูท้ายรถเปิดออก ผู้คุมถูกถีบตกจากรถ กลิ้งไปตามท้องถนนเปลี่ยว เรืองฤทธิ์ลืมตา ลุกขึ้นนั่ง
“เราจะไปไหนกัน”


หน้าศาล...รามกับภาคภูมิลงจากรถ เดินเข้าไปด้านในด้วยกัน
“ผู้กองแน่ใจนะครับว่า พร้อมจะเผชิญหน้ากับจำเลย ถ้าผู้กองจะเปลี่ยนใจ ผมก็ยินดีเข้าไปคนเดียว”
“ผมเป็นมืออาชีพพอ”
“แต่มืออาชีพก็ต้องมีหัวใจไม่ใช่เหรอครับ”
รามอึ้ง ทันใดเสียงตำรวจดังขึ้น
“ผู้กองครับ”
ทั้งสองหันกลับมา
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว นายเรืองฤทธิ์ถูกปล้นตัวไปแล้วครับ”
รามกับภาคภูมิหันมามองหน้ากันตกใจทั้งคู่

ประตูเซฟเฮ้าส์เปิด เรืองฤทธิ์เปลี่ยนจากชุดนักโทษเป็นชุดธรรมดา เรืองฤทธิ์ก้าวเข้าไปในห้อง มองหาเฮียจาง
“เฮียจางล่ะ”
เหลียงเดินตามมา
“เฮียอยู่ที่ฮ่องกง”
“อ้าว งั้นก็พาฉันไปหาเฮียเลยซิ อยู่ที่นี่มันยังไม่ปลอดภัยพอ”
“คุณได้ไปแน่ แต่เฮียอยากรู้ว่าใครบ้าง ที่เกี่ยวข้องกับการทำลายล้างแก๊งพ่อเลี้ยง”
“นี่เฮียอยากแก้แค้นให้พ่อเลี้ยงหรือ”
“คุณตอบแค่ที่ผมถามก็พอ ว่าไง มีใครบ้าง”
เรืองเห็นจางอยากรู้มาก เริ่มเจ้าเล่ห์ใส่
“แต่ชื่อคนเป็นสิบ แลกกับอิสรภาพแค่ประเดี๋ยวประด๋าว ดูมันไม่ค่อยยุติธรรมเลยนะ”
“บอกสิ่งที่คุณต้องการมา”
เรืองเหลือบมองเหลียง เหลียงเฉยๆ
“ผมต้องการออกนอกประเทศ พร้อมกับเงินก้อนหนึ่ง”
เหลียงหยิบกระดาษพร้อมปากกาให้เรืองเขียนรายชื่อ
“เขียนรายชื่อมา แล้วผมจะจัดการให้”
เรืองแววตาอาฆาต พึมพำ
“ไอ้ราม”

รามนั่งรถไปกับภาคภูมิ เขาพยายามคิดว่าเป็นพวกไหน
“ผู้กองพอจะเดาได้ไหมว่าเป็นฝีมือพวกไหน” ภาคภูมิถาม
“ถ้าจักรยังอยู่ ผมก็จะสงสัยว่าเป็นฝีมือมัน แต่นี่ผมเดาไม่ถูกจริงๆ”
“เป็นไปได้ไหมว่าเป็นสมุนหรือไม่ก็เพื่อนเก่าๆ ของพ่อเลี้ยง”
รามจะตอบ แต่เสียงมือถือดัง รามมองเบอร์
“ท่านโทรมา”
ภาคภูมิ รีบพยักหน้าให้รับสาย เมื่อรามรับสาย ก้องภพพูดทันที...
“มีข่าวดีกับข่าวร้ายให้นายเลือก นายอยากฟังอันไหนก่อน”
“ข่าวดีครับ”
“ผู้คุมที่โดนยิงพ้นขีดอันตรายแล้ว และ เขาจำทะเบียนรถพยาบาลคันนั้นได้”
“แล้วข่าวร้ายล่ะครับ”
ก้องภพยืนอยู่กับยงยุทธ ที่กำลังเช็คภาพจากกล้อง CCTV ตามสี่แยกทั่วกรุงเทพอยู่
“วันนี้พวกนายคงต้องเหนื่อยหน่อย เพราะดาบเพิ่งเจอรถคันนั้นเมื่อกี้นี้เอง ทีนี้ก็เป็นหน้าที่พวกนายที่ต้องไล่กวดตามให้ทัน แล้วทางฉันจะประสานงานกับตำรวจทางหลวงให้อีกที”
ยงยุทธจับภาพนิ่งของรถพยาบาล ที่กำลังวิ่งออกไปมอเตอร์เวย์

รถพยาบาล แล่นไปตามเส้นทางศรีราชา เข้าไปในไร่สัปรด ผ่านชาวไร่ที่เพิ่งเลิกงานจากไร่ เดินกลับบ้านสวนกับรถพยาบาล รถเลี้ยวเข้าไปในไร่ที่รกร้าง เปลี่ยวมาก ชาวไร่มองรถพยาบาลอย่างแปลกใจว่าเข้ามาทำไม แต่ก็เดินไปต่อ เหลียงขับรถเข้าไปจอดในไร่
เรืองฤทธิ์ลงรถมองรอบๆไม่พอใจ
“นี่มันไร่สับปะรด ทำไมต้องรอที่นี่ ก็ให้เอาเงินไปให้ฉันที่ท่าเรือเลยไม่ได้เหรอ”
เหลียงยิ้มเย็นชา
“ไม่ต้องห่วงผมจะส่งไปให้ทีหลัง”
เรืองฤทธิ์ผงะ มองไม่ไว้ใจ
“แกหมายความว่าอะไร”
“ก็ให้คุณไปรอในนรกก่อนไง”
“นี่พวกแกหลอกใช้ฉันหรือ”
“รู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว”
เหลียงหยิบปืนขึ้นจะยิงแสกหน้า เรืองฤทธิ์รีบกระโดดพุ่งไปที่หลังรถเข็นดินคันเล็ก ในรถมีโคลนที่เพิ่งขุดอยู่แฉะๆเต็มรถ ทำให้กระสุนจากเหลียงพลาด เหลียงยิ้มร้าย
“แกคิดหรือว่ารถนั่นมันจะกันกระสุนได้”
เรืองฤทธิ์ที่ซ่อนอยู่หลังรถกลัวตาย คิดหาทางหนี เขาเห็นเท้าเหลียงขยับเข้าใกล้ จึงกลั้นใจผลักรถออก เหลียงกำลังจะเล็งปืนไป แต่รถเข็นดินพุ่งมาหา จึงต้องกระโดดม้วนตัวหลบ เรืองฤทธิ์รีบวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงเข้าไปในไร่

รถรามแล่นมาด้วยความเร็วสูง บนถนนแถวศรีราชา รามเพิ่งปิดมือถือ
“ดาบว่ายังไงผู้กอง” ภาคภูมิถาม
“ครั้งสุดท้าย ที่กล้องของทางหลวงจับภาพได้ บอกว่ามันมาทางนี้”
“ถนนสายนี้ทั้งยาวทั้งทางแยกเยอะ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ามันไปทางไหน”ภาคภูมิหงุดหงิด
รามเห็นด้วย ก่อนตาเหลือก ชี้ไปที่ถนนข้างหน้า
“ผู้กองระวัง”
รามเห็นคนตัดผ่านหน้า ภาคภูมิตาเหลือก รีบเบรคแทบไม่ทัน รถเกือบชนชาวไร่ รามกับภาคภูมิวิ่งลงไปดู ประคองให้ลุกขึ้น
“ลุง เป็นอะไรหรือเปล่า”
ชาวไร่ส่ายหน้า ภาคภูมิกับรามโล่งใจ
“งั้นเรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวมืดขึ้นมาจะยิ่งหาพวกมันได้ยาก”
รามเห็นด้วย ก่อนชะงัก หันไปถาม
“เดี๋ยวครับลุง ลุงเห็นรถพยาบาลสีขาว วิ่งผ่านมาทางนี้บ้างไหมครับ”
ชาวไร่พยักหน้ารับ

ช่วงค่ำ...เหลียงขึ้นไกปืนพร้อมจะออกไปล่าเรืองฤทธิ์ ก่อนชะงัก เพราะเห็นแกลลอนน้ำมันก๊าดที่ไว้เติมแทร็กเตอร์ เหลียงยิ้มอย่างมีแผน ขณะที่เรืองฤทธิ์ที่หนีจนเหนื่อยหอบ หลบอยู่หลังต้นไม้
เรืองฤทธิ์แอบมองไม่เห็นเหลียงตามมาก็โล่งใจ นั่งพักหลับตา แล้วได้กลิ่น ทำจมูกฟุตฟิต
“กลิ่นอะไรไหม้วะ”
เรืองฤทธิ์ผุดลุกขึ้น เห็นรอบๆตัวมีแต่ควัน เปลวไฟสูงขึ้นลามเลียอยู่ห่างๆ เขาพยายามมองหาทางหนี ขณะเดียวกัน เหลียงปิดไฟแช็กอย่างสะใจ ก่อนเดินไปที่รถ ถอดเสื้อที่สกปรกออก เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่อยู่ท้ายรถอย่างใจเย็น แล้วมองทางไร่
เหลียงเว้นพื้นที่เอาไว้ ที่ไม่ได้ราดน้ำมันและจุดไฟประมาณ สองเมตร เป็นทางให้เรืองฤทธิ์ออกมา เหลียงเปลี่ยนชุดเสร็จ หยิบปืนมาขึ้นกระสุนรออย่างใจเย็น

รถของรามแล่นผ่านหน้าไร่ไป แล้วหยุดแบบนึกได้ ถอยปื้ดกลับมา ทั้งสองคนมองเข้าไปในไร่ เห็นทางเข้าไร่ มืดมาก และเปลี่ยวมาก
“ที่นี่แน่หรือผู้กอง” ภาคภูมิกดกระจกลง มองเข้าไป “มันมืดมากเลยนะ ไม่เห็นแสงไฟสักดวง”
“ก็ลุงคนเมื่อกี้ เขาบอกว่าเขาเห็นรถพยาบาล เลี้ยวเข้าไปในไร่สับปะรดนี่ก่อนเจอเราได้สักสองกิโล มันก็น่าจะเป็นที่นี่นะ”

ภาคภูมิพยักหน้าเห็นด้วย

อ่านต่อหน้า 2





นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 20 (ต่อ)

เรืองฤทธิ์วิ่งหาทางหนี พอเจอตรงที่เหลียงเว้นว่างไว้ไม่มีเปลวไฟ เขาดีใจจะถลาออกไปแต่แล้วก็ชะงักเมื่อเสียงปืนดังขึ้นเพราะเหลียงแกล้งยิงใส่ เรืองฤทธิ์มองไปตามเสียงปืนเห็นเหลียงแสยะยิ้ม

“ตอนนี้แกมีทางเลือกสองทาง...ยอมตายอยู่ในนั้น หรือออกมากินลูกตะกั่วนี่”
เรืองฤทธิ์มองอย่างแค้นๆ
“ไอ้ชาติชั่ว ฉันไปทำอะไรให้แกฮึ แกถึงได้ทำกับฉันแบบนี้”
“แกรู้จักคำว่าฆ่าตัดตอนมั้ย”
เหลียงรัวปืนเข้าไปในดงต้นสับปะรด...เสียงปืนทำให้รามหันขวับไปหาภาคภูมิ
“ผู้กองได้ยินเหมือนผมไหม”
ภาคภูมิพยักหน้า รามรีบบอก
“งั้นรีบเข้าไปเร็ว ผมว่าเรามาไม่ผิดที่แล้ว”
ภาคภูมิเลี้ยวรถควับ ตะบึงเข้าไปในไร่

เรืองฤทธิ์แอบอยู่ รอดจากโดนยิงอย่างหวุดหวิด เขามองผ่านกอสับปะรดออกไปเห็นเหลียงโยนแม็กกาซีนปืนทิ้งก็โล่งอก...เหลียงแสยะยิ้ม
“เป็นอันว่าแกเลือกทางแรกนะ ได้ฉันจะจัดให้เอง”
เรืองฤทธิ์อึ้ง แอบมองไปเห็นเหลียงคว้าแกลลอนน้ำมันขึ้นมาแล้วสาดใส่เขาเต็มๆ เรืองฤทธิ์ร้องลั่น
“เฮ้ย! อย่านะ แกอย่าทำอะไรบ้าๆ นะโว้ย”
เหลียงไม่ตอบ แต่จุดไฟแช็กขึ้น หน้าตาเหี้ยม...ทันใดนั้น ภาคภูมิขับรถเข้ามา เหลียงได้ยินเสียงรถหันไปมอง รามกับภาคภูมิเปิดประตูลงมา รามยกปืนขึ้นเล็ง
“หยุดนะ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
เหลียงชะงักคาดไม่ถึง เรืองฤทธิ์อ้าปากค้างก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ
“ราม!”
ภาคภูมิเล็งปืนมาที่เหลียง
“วางอาวุธในมือลง แล้วยกมือขึ้นช้าๆ”
เรืองฤทธิ์ลุ้นๆ ขณะที่เหลียงคิดๆ เขามองไฟแช็กในมือแล้วครุ่นคิดก่อนจะกลั้นใจก้มลง พวกรามคิดว่าเหลียงยอมแพ้ วางอาวุธ แต่เหลียงรีบจุดไฟแช็กปาเข้าไปที่ในไร่ ไฟแช็กไปโดนเรืองฤทธิ์
เรืองฤทธิ์ร้องลั่น รีบปัดออกแต่ไม่ทัน ไฟลุกพรึบเต็มตัว
“อ๊ากส์ !”
รามอึ้งคาดไม่ถึง เหลียงฉวยโอกาสนี้ คว้าแกลลอนน้ำมันปาไปที่ภาคภูมิ ที่ก้มหลบยิงใส่ แต่เหลียงกระโดดหลบวิ่งหนีไปที่รถ รามยิงตาม แต่ไม่โดน เลยจะวิ่งตามเหลียง เสียงเรืองฤทธิ์ตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย...ราม ช่วยอาด้วย”
รามชะงัก มองไป เห็นไฟลุกโชติมากโดยตัวเรืองฤทธิ์ติดไฟอยู่ รามใจหาย...เหลียงถอยรถหนีอย่างไว รามตัดสินใจ
“ผู้กองรีบตามมันก่อนไป ผมจะอยู่ทางนี้เอง”
ภาคภูมิรีบบึ่งรถออกไป รามกระโดดฝ่าไฟเข้าไป ถอดแจ๊กเก็ตฟาดตัวเรืองฤทธิ์แล้วประคอง
“วิ่งออกไปเร็วที่สุด”
ทั้งสองวิ่งฝ่าไฟออกมาจนได้

เทวัญเอาผ้าห่ม คลุมให้เมขลาที่หลับฟุบที่เคาน์เตอร์ของร้าน เพราะช่วยแต่งร้านจนเหนื่อยแล้วหมดแรงหลับไป แต่เมขลาปัดผ้าออก ละเมอร้องขึ้น
“ไม่นะ...ไม่...ราม...อย่าเข้าไป ไม่!”
เทวัญอึ้ง ได้ยินเมขลาห่วงรามมาก เขาเสียใจแต่ฝืนทน เขย่าเมขลาเบาๆ
“คุณเมๆ...ตื่นเถอะครับ คุณเม”
เมขลาสะดุ้งมองรอบๆ
“นี่ฉันเผลอหลับไปหรือคะ”
เทวัญพยักหน้า
“ฝันร้ายหรือครับ”
เมขลาพยักหน้า แต่ไม่ยอมเล่า เทวัญเจ็บปวดใจ แต่ยังปลอบเธอ
“คุณทำใจให้สบายเถอะ โบราณบอกฝันร้ายจะกลายเป็นดี”
เมขลาหน้าตาเป็นกังวล
“ฉันก็หวังอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ หวังว่าคงไม่มีใครเป็นอะไร”
ต่างคนต่างพูดไม่ออก เมขลามองผ้าห่มในมือใจลอย

รามนำเรืองฤทธิ์ส่งโรงพยาบาลตำรวจ เขาออกมาจากห้องไอซียูด้วยสภาพที่เยินมาก ทรงวาดเข้ามาหา
“ฤทธิ์เป็นยังไงบ้าง”
“อาฤทธิ์ถูกไฟคลอก แผลลึกมากตอนนี้หมอห้ามเยี่ยม เพราะกลัวติดเชื้อครับ เป็นตายเท่ากัน”
ทรงวาดเซไป รามรีบประคอง
“แม่กลับบ้านก่อนมั้ยครับผมจะไปส่ง”
ทรงวาดส่ายหน้า
“ขอแม่อยู่เถอะ ฤทธิ์เค้าไม่มีญาติที่ไหน นอกจาก...”
ทรงวาดชะงักพูดไม่ออก รามมองแม่อย่างเข้าใจ
“งั้นผมจะอยู่เป็นเพื่อนแม่”
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะ เพราะแม่อยากให้ราม ช่วยไปบอกให้แม่แจ่มเอาหนังสือที่ห้องพระมาให้แม่ที”
รามพยักหน้า ทันใดนั้น โทรศัพท์รามดังขึ่น เขาเดินเลี่ยงไปรับสาย
“มีข่าวเมียผมแล้วเหรอดาบยุทธ”

วันต่อมา...ร้านกาแฟของเทวัญ เปิดเป็นวันแรก เทวัญกระฉับกระเฉง เดินไปเปิดร้าน เขียนเมนูกาแฟและราคาบนบอร์ดไม้หน้าร้าน เมขลายืนแจกใบปลิวให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาหน้าร้านอย่างกระตือรือร้น
เวลาผ่านไปจนเย็น ใบปลิวลดราคาในมือเทวัญยังเหลือเป็นปึกๆ เมขลากับเทวัญนั่งเซ็งๆอยู่นอกร้าน ทันใดนั้น สายตาของทั้งคู่เห็นจิ๊กโก๋สองคน มาหยุดหน้าร้าน เมขลากับเทวัญแอบสบตากันดีใจ ตื่นเต้น เมขลารีบลุกขึ้น
“สวัสดี...เอ่อ สวัสดีค่ะ”
เมขลาพูดตะกุกตะกักนิดหน่อย เมื่อเห็นเป็นจิ๊กโก๋ หน้าตากวนๆยืนมองอยู่ เทวัญไม่สบายใจ แต่ฝืนยิ้มต้อนรับ
“พวกคุณจะรับอะไรดีครับ”
“เคยมีใครบอกพวกแกหรือเปล่า ว่าคิดจะอยู่ที่นี่มันต้องจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชากันหน่อย”
“พวกคุณอยากได้เท่าไหร่ล่ะ”
เมขลากระตุกแขนเทวัญ
“คุณเทวัญ!”
“ไม่จ่ายก็ไม่เป็นไรนะ แต่บางทีพวกอั๊วอาจเผลอทำของพังแบบนี้”
จิ๊กโก๋ผลักบอร์ดไม้ ที่เขียนเมนูกาแฟกับราคาล้มครืน
“หรืออั๊วอาจเผลอชนเก้าอี้ กับโต๊ะร้านลื้ออย่างนี้”
จิ๊กโก๋อีกคน ถีบโต๊ะเก้าอี้ลมอย่างกวนๆ เมขลาโกรธจี๊ดยอมไม่ได้
“พวกฉันไม่ใช่แค่ไม่จ่าย แต่ยังจะแจ้งตำรวจจับพวกแกอีกด้วย”
จิ๊กโก๋หัวเราะ
“ฮ่าๆ ตำรวจทั้งอำเภอนี่ เป็นเพื่อนอั๊ว กล้าหือก็ลองดู”
จิ๊กโก๋จ้องเมขลาเขม็ง เมขลาจ้องตอบแบบไม่กลัว...จิ๊กโก๋ทั้งสองพุ่งเข้าไปในร้านทุ่มโต๊ะเก้าอี้ทิ้งปัดข้าวของตกกระจาย เมขลาทนไม่ไหววิ่งเข้าไปแย่งของจาก จิ๊กโก๋
“หยุดนะ”
จิ๊กโก๋จับมือเมขลาไว้จะตบ เทวัญพุ่งเข้าไปชก
“อย่ายุ่งกับเธอ”
จิ๊กโก๋เซไปชนโต๊ะ มองเทวัญแค้นๆ
“ลื้ออยากมีเรื่องใช่มั้ย”
จิ๊กโก๋พุ่งเข้าจะชกเทวัญ เมขลาที่ดูอยู่กลั้นใจ หยิบถ้วยกาแฟใบใหญ่หนา ตบฉาดใส่หน้าจิ๊กโก๋หน้ายู่ตามแก้ว ล้มลงไปชนโต๊ะล้มระเนระนาด
“อ๋อย”
จิ๊กโก๋อีกคนชักมีดออกมา
“ชอบแบบรุนแรงใช่มั้ยน้องสาว ได้เลย”
จิ๊กโก๋พุ่งเข้าไปจะเล่นงาน เทวัญผลักเมขลาออกไป รับมือกับจิ๊กโก๋ เขาหลบไปหลบมา แต่พลาดโดนจิ๊กโก๋แทงแบบเฉี่ยวๆได้แผลเล็กๆ แต่เทวัญไม่ห่วงตัวเองลุยสู้ทั้งที่เจ็บ เมขลายืนมองหน้าซีดไม่รู้จะเอายังไง หันซ้ายหันขวาหาอาวุธ จะเข้าไปช่วย แต่มีแต่ของที่ใช้งานไม่ได้เช่นช้อนกาแฟ
“เอาไงดีเนี่ย”
เมขลาหันไปมองเห็นเทวัญกำลังจะโดนแทง
“คุณเทวัญ ระวัง”
เทวัญถีบ จิ๊กโก๋เสียหลัก เซมาทางเมขลา เธอตกใจ คว้าถาดสแตนเลสเสริฟ์กาแฟตบหน้าจิ๊กโก๋
หน้าหัน มีดกระเด็นหลุดมือไปปักที่พุงของเพื่อนมันจนสะดุ้งเฮือกร้องลั่น
“จ๊ากส์”
จิ๊กโก๋เดินโซเซไปประคองเพื่อนแล้วชี้หน้าเมขลา
“ฝากไว้ก่อนเถอะนังตัวแสบ”
สองจิ๊กโก๋เดินโซเซออกไป เมขลาโล่งอก ก่อนจะตกใจตาค้าง เมื่อเห็นเทวัญได้รับบาดเจ็บเลือดไหลที่แขนนิดๆ
“คุณเทวัญ!”

เมขลาทำแผลให้ เทวัญซึมๆไป เมขลามองๆ
“คุณเทวัญ เจ็บมากหรือคะ ไปโรงพยาบาลดีไหม”
“ไม่ต้องหรอกครับ”
“แต่สีหน้าคุณไม่ดีเลย”
เทวัญถอนใจ ยอมรับตรงๆ
“ผมแค่รู้สึกแย่ ที่ทำให้คุณพลอยลำบากไปด้วย”
“อย่าคิดแบบนั้นสิคะ เหลือบริ้นไรสังคมพวกนี้มีอยู่ทั่วไปหมด เดี๋ยวเราไปแจ้งตำรวจเสีย พวกมันก็ไม่กล้ามารังควาญเราแล้ว”
“แต่พวกมันรู้จักตำรวจแถวนี้”
“ฉันว่าพวกมันอ้างมั่วซั่วมากกว่า ตำรวจที่ฉันรู้จักมีแต่ตำรวจที่ดี ตำรวจที่เสี่ยงตายเพื่อชาติ ยอมสละได้แม้แต่ครอบครัวของตัวเอง”
เมจลาหมายถึงราม เทวัญจะแย้งก็พูดไม่ออก รู้ว่าเมขลายังคิดถึงราม เทวัญแปลบที่หัวใจ

ธิดากำลังจ่ายเงินค่าของที่ซื้อ เธอเปิดกระเป๋าเงิน เห็นเหลือเงินไม่ถึงร้อย
“เมื่อกี้บอกห้าร้อยหกสิบเอ็ดใช่มั้ย”
คนขายพยักหน้า
“งั้นรอเดี๋ยว ฉันไปกดเงินก่อน”
ธิดาออกจากร้านมาที่ตู้เอทีเอ็ม กดเช็คยอดเห็นยอดเงินในบัญชีเหลือไม่ถึงสองร้อย ธิดาหงุดหงิด
“บ้าจัง ทำไงดีนะ”
ธิดาเดินกลับไปที่ห้อง เทกระเป๋าหาเศษเงิน แต่ได้มาแค่เศษเงินกับแบงก์ยี่สิบไม่กี่ใบ
“ทุเรศชะมัด” ธิดาถอนใจมองกระเป๋าในมือ “ไม่น่าเชื่อเลยว่าตอนนี้ ฉันมีเงินรวมกันน้อยกว่าราคากระเป๋าใบนี้ซะอีก...เฮ้อ”
ธิดานอนลงบนกองกระเป๋า หยิบกระเป๋าขึ้นมอง
“ถ้าฉันเอาแกไปขายในเว็บได้ก็ดีสิ คงรวยอื้อเลย” เธอนึกได้ผุดลุกขึ้น “จริงด้วย”
ธิดาเปิดตู้หยิบกระเป๋าแบรนเนมออกมานับสิบใบ มีกระเป๋าเอกสารใบหนึ่งหล่นลงมาจากตู้ เธอหยิบขึ้นดู
“เอ๊ะ! กระเป๋าพี่เทพนี่ มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”
ธิดาหยิบกระเป๋าเทวัญขึ้นมา มองเห็นจดหมายของเทวัญร่วงลงมา เธอนิ่วหน้า หยิบขึ้นมาเปิดดู
“นี่มันลายมือพี่เทพ...”
ธิดาอ่านจดหมาย
“พี่ทิ้งเงินในบัญชีไว้ให้น้องแล้ว น่าจะพอใช้ไปได้สักระยะ แล้วพี่จะโอนเงินมาให้เรื่อยๆ ไม่ต้องห่วงพี่นะ วันที่ความฝันของพี่เป็นรูปเป็นร่าง พี่จะรีบมารับน้องไปอยู่ด้วยกัน”
ธิดาอึ้ง คิดๆ
“ความฝันของพี่เทพงั้นหรือ...ความฝันอะไรของเขานะ”
ธิดาพยายามนึกว่าอะไรคือความฝันของพี่ชาย

รามกำลังจะยกกระเป๋าใส่ท้ายรถ รุจขับรถเข้ามาหา บีบแตรเรียก รามหันไป รุจลงจากรถ
“นี่ครับ ตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ ที่คุณบอกให้ผมหาให้ด่วนที่สุด”
“ขอบคุณครับ”
“ผู้กองแน่ใจเหรอครับว่ายัยเพื่อนตัวแสบของผม อยู่ที่นั่นแน่ๆ”
“ไม่แน่ใจเลยครับ แต่มีคนเห็นคนที่คล้ายคุณเม ขึ้นรถทัวร์ไปลงปลายทางที่จังหวัดเชียงใหม่ ผมไปก่อนนะครับ”
รามเดินไป รุจรีบวิ่งไปดักที่ประตู รามมองอย่างแปลกใจ
“เผื่อคุณรามจะยังไม่รู้ ผมรู้จักทุกอำเภอ คุ้นกับถนนทุกสายในจังหวัดเชียงใหม่ แล้ววันนี้ผมก็ว่างด้วย”
รุจทำตาไร้เดียงสา รามยิ้มๆ
“ยินดีมากเลยครับ”
รุจดีใจ
“แต่ไม่ดีกว่า...ผมชอบเดินทางคนเดียว”
รามขึ้นรถจะปิดประตู เสียงมือถือดังเข้ามา รุจเซ็งที่แห้วจากราม รีบหันมามอง แอบฟังอย่างใกล้ชิด
“ฮัลโหล”
ธิดากำลังคุยมือถือกับราม ถือจดหมายจากเทวัญแน่นอย่างตื่นเต้น
“นี่ฉันเอง จำได้มั้ยว่านายเคยขอให้ฉันนึกว่าพี่เทพน่าจะไปที่ไหน”
รามตื่นเต้น
“ที่ไหน”
“ฉันจะบอก แต่มีข้อแม้อยู่ข้อหนึ่ง นายจะโอเคไหม”
“คุณจะขอดาว ขอเดือนอะไรก็ได้ทั้งนั้น ผมยอมให้ทุกอย่าง เอ่อ...เว้นอย่างเดียวเรื่องแต่งงานกับผม...ว่าไง พี่ชายคุณอยู่ที่ไหน”
ธิดาเงียบ แอบน้อยใจ

เช้าวันใหม่...ทรงวาดใส่เสื้อปลอดเชื้อนั่งอ่านธรรมะอยู่ข้างเตียง เรืองฤทธิ์ที่อยู่ในสภาพพันผ้าเป็นมัมมี่ทั้งตัวเหลือแต่ลูกตา
“วันคืนมีแต่จะล่วงเลยไป ผู้คนมีแต่จะแก่ เจ็บและตาย...จะเอาสมบัติไปทำอะไร ทรัพย์สมบัติและความสุขทั้งหลายก็เอาชนะความตายไม่ได้”
เรืองฤทธิ์ค่อยๆปรือตาฟื้นขึ้น ทรงวาดเห็นก็ตื่นเต้นดีใจ
“ฤทธิ์...ฤทธิ์ฟื้นแล้วเหรอจ๊ะ พี่จะไปตามหมอเดี๋ยวนี้”
เรืองฤทธิ์ส่งเสียงอู้อี้ ดังลอดริมฝีปากอย่างยากเย็น
“ราม”
ทรงวาดชะงัก ก้มฟังใกล้
“รามไปตามหนูเม ทำไมหรือ ฤทธิ์อยากเจอรามเหรอ”
“มี คน คิด ฆ...ฆ่า ราม” เรืองฤทธิ์เค้นเสียงบอก
ทรงวาดตกใจ

เฮียจางนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในเงามืด
“ดี...เมื่อได้รายชื่อมาแล้วก็จัดการเก็บอย่าให้เหลือ โดยเฉพาะไอ้ผู้กองรามสูร และคนใกล้ชิดที่มัน
รักทั้งหมด พวกมันต้องชดใช้ที่ทำให้ธุรกิจฉันพังย่อยยับ”
เหลียงกดตัดสาย แล้วแบมือ ลูกน้องวางรูปรามในชุดตำรวจให้ เหลียงร่อนรูปรามออกไปแล้วชักปืนยิงๆๆๆ รูปกระจุยกระจาย

ประตูห้องเรืองฤทธิ์เปิดออก ก้องภพกับภาคภูมิเดินออกมาจากห้อง ทรงวาดผวาเข้าไปหา
“ฤทธิ์บอกท่าน เรื่องคนร้ายที่จะฆ่ารามหรือเปล่าคะ”
“บอกแล้วครับ คุณวาดไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพวกผมจัดการเอง ตอนนี้คุณวาดรีบเข้าไปดูนายเรืองฤทธิ์ก่อนดีกว่า”
ทรงวาดตกใจ
“ฤทธิ์ทำไมหรือคะ”
ก้องภพอึกอักไม่กล้าตอบ ทรงวาดสังหรณ์ใจรีบผลุนผลันเข้าไป ภาคภูมิกับก้องภพมองหน้ากันเครียดๆ
ทรงวาดเข้าไปหาเรืองฤทธิ์
“ฤทธิ์...”
เรืองฤทธิ์พูดไม่ออก ทรงวาดบีบมือ
“ฤทธิ์มีอะไรจะพูดกับพี่หรือ”
เรืองฤทธิ์พยายามยกมือจะไหว้ แต่ไหว้ไม่ได้ ทรงวาดน้ำตาไหล
“ไม่เป็นไร ไม่ไหวก็อย่าฝืน พี่เข้าใจแล้ว พี่อโหสิให้ฤทธิ์ทั้งหมด”
เสียงสัญญาณเครื่องวัดคลื่นหัวใจดังปี๊ด ทรงวาดตกใจหันไปมองที่จอ สัญญาณเป็นเส้นตรง
ทรงวาดหันกลับมา เรืองสิ้นใจอย่างสงบ
“ฤทธิ์ !”
ก้องภพกับภาคภูมิ มองอยู่ที่ประตูเห็นทรงวาดกอดเรืองฤทธิ์ที่เพิ่งสิ้นลม สองคนอึ้ง พูดไม่ออก

วันต่อมา...ภาคภูมกับก้องภพไปส่งทรงวาดที่บ้าน ภพยืนรออยู่สักครู่ ภาคภูมิก็เดินออกมาจากบ้าน
“คุณวาดเป็นยังไงบ้าง”
“ก็คงต้องทำใจสักพักน่ะครับ ถึงนายเรืองฤทธิ์จะทำเวรทำกรรมกับท่านมามาก แต่ก็เห็นกันมานาน ไม่ใช่จะตัดใจกันได้ง่ายๆ”
ก้องภพพยักหน้า เห็นด้วย
“แล้วผู้กองคิดยังไงกับที่นายเรืองฤทธิ์บอก”
“ผมว่าคนใกล้ตายคงไม่โกหก และเมื่อกี้ดาบเพิ่งหารูปไอ้คนที่มันช่วยนายเรืองฤทธิ์ออกจากคุกให้ผมได้ มันชื่อไอ้เหลียง เป็นสมุนมือขวาของเสี่ยจางจริงๆ และเท่าที่ผมรู้มา เสี่ยจางมันเหี้ยมโหดมาก”
ก้องภพ เครียดลงทันที
“ถ้าอย่างนั้น ฝากผู้กองด้วยนะ ช่วยหาตัวรามกับหนูเมให้เร็วที่สุด ผมไม่อยากเห็นคุณวาดต้องเสียใจไปมากกว่านี้”
ภาคภูมิพยักหน้า เครียดๆอย่างเป็นห่วงราม

รามจอดรถรอธิดาที่หน้าร้านโชห่วย ธิดาเดินออกมาจากร้าน รามเปิดประตูไปเดินหา
“ว่าไงคุณ เขาบอกมั้ยว่าเราจะไปที่ที่พี่ชายคุณซื้อไว้ได้ยังไง”
ธิดายื่นกระดาษให้
“ลุงแกเขียนแผนที่ให้แล้ว”
รามรีบรับไปดู จากนั้นก็พากันไปตามแผนที่ที่ได้มา ไม่นานนัก รามกับธิดามาถึงหน้าร้านกาแฟของเทวัญพบว่าที่หน้าร้านแขวนป้ายว่าปิด ในร้านมีโต๊ะเก้าอี้ระเนระนาด ธิดาตกใจ
“ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ พี่เทพ” ธิดาตะโกนเรียก “พี่เทพ...อยู่หรือเปล่า พี่เทพ”
ธิดาวิ่งหา เจ้าของร้านชำใกล้ๆ โผล่หน้ามาดู
“พวกคุณมาหาผัวเมียคู่นั้นเหรอ”
“ผัว-เมีย!”

รามอึ้ง ธิดาอ้าปากค้าง ร้องออกมาพร้อมกัน

อ่านต่อหน้า 3





นางฟ้ามาเฟีย ตอนที่ 19 (ต่อ)

ธิดากับราม เดินเข้าไปคุยกับจขร ซึ่งเป็นเจ้าของร้านชำข้างๆ ร้านกาแฟของเทวัญ

“ก็ถ้าพวกคุณมาหา ผู้ชายผิวขาวๆ ตาโตๆ ส่วนผู้หญิงตัวสูงๆ ผิวขาว ผมยาวๆ ที่เพิ่งย้ายมาจากกรุงเทพก็ไม่ผิดหรอก พวกเขาเป็นเจ้าของร้านกาแฟเปิดใหม่ข้างๆ ร้านผมนี่นะ”
รามปวดใจ ธิดามองร้านอย่างสงสัย
“ร้านเปิดใหม่...แล้วทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลุง”
“อูย...ก็เพราะสองคนนั่นไม่ยอมจ่ายค่าส่วยคุ้มครองน่ะสิ พวกมันถึงได้เล่นงานเอาแบบนี้”
ธิดาอึ้ง รามเป็นห่วงเมขลามาก
“แล้วนี่พวกเขาไปไหนแล้วล่ะครับ”
จขรจะตอบ แต่ชะงัก รีบส่ายหน้าแล้วเดินเข้าร้านไปเลย
“อ้าว...ลุงๆ เดี๋ยวก่อนสิ ตอบพวกหนูก่อนสิ ลุงๆ”
ธิดาไปหน้าร้านชำพยายามจะเดินตาม รามจับแขนธิดาไว้
“พอเถอะคุณ ถามไป ลุงแกก็ไม่พูดหรอก”
“ทำไมล่ะ ก็ตะกี้แกยังเล่าจ๋อยๆ อยู่เลย”
รามไม่ตอบ พยักหน้าไปที่ร้านเทวัญ ธิดามองตามเห็น จิ๊กโก๋ยกพวกมา 3-4 คน ขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดหน้าร้านกาแฟอย่างหาเรื่อง
“ต้องเป็นไอ้นักเลงพวกนั้นแน่ๆ”
ธิดาจะออกไปเพราะแค้นแทนพี่ชาย รามจับแขนไว้แน่น
“รอผมอยู่ตรงนี้แหละดีแล้ว”
ธิดาลังเล
“แต่”
รามมองหน้าเครียด ธิดายอมเงียบ รามคิดๆ มองไปรอบๆ ร้าน เห็นลูกบอลเด็กเล่นที่วางขายในร้าน

เสียงแตรรถมอเตอร์ไซด์ดังระงมอย่างกวนประสาท รามเดินเข้ามา
“พวกแกใช่มั้ยที่มาก่อกวนร้านกาแฟร้านนี้”
จิ๊กโก๋มองรามอย่างยียวน
“ถ้าใช่แล้วมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
รามยิ้ม
“ผมไม่กล้าหรอกพี่ แต่ขาผมสิมันอยากเตะปากคน”
รามเตะก้านคอจิ๊กโก๋คนหนึ่งกลิ้งตกรถไป
“จัดการมันสิโว้ย”
พวกจิ๊กโก๋บิดรถมอเตอร์ไซด์อยู่รอบๆ ตัว รามมือเปล่าสู้กับสิงห์มอเตอร์ไซด์ มอเตอร์ไซค์ของจิ๊กโก๋คนหนึ่งพุ่งเข้ามา รามหลบฉาก กลิ้งไป ปาลูกบอลในมืออัดใส่หน้ามันทำให้ล้มตกรถ รถปัดไปโดนอีกสองคัน ล้มลง เหลือแค่จิ๊กโก๋อีกคนกับรามที่ประจันหน้ากัน
จิ๊กโก๋เร่งเครื่องใส่ รามกระโดดหลบ และคว้ารถมอเตอร์ไซด์ขึ้นมาได้คันหนึ่งขึ้นคล่อม ขี่หลอกล่อ ก่อนที่รามจัดการหลอกล่อให้รถของจิ๊กโก๋พุ่งตกน้ำไป พวกลูกน้องเห็นแล้วตกใจ รีบเบียดเข้าหากัน รามจอดรถทิ้ง โดดลงหน้าขมึงทึง
“ถ้าพวกแกกลับมาที่นี่อีก ได้เจอหนักกว่านี้แน่”
จิ๊กโก๋กลัวรีบพากันหนีไป ธิดาวิ่งเข้ามา ชูนิ้วโป้งให้
“สมแล้วที่เคยร่วมแก๊งมาเฟียมาก่อน”
จขรมองรามอย่างชื่นชม
“นั่นสิ เกิดมาผมยังไม่เคยเห็น ไอ้เวรตะไลพวกนั้นวิ่งหางจุกตูดไปแบบนี้เลย”
รามขรึมลง ไม่ใยดีกับคำชม
“ทีนี้ลุงพอจะบอกพวกเราได้หรือยัง ว่าเจ้าของร้านกาแฟนี่หายไปไหน”

รถกระบะเก่าๆมือสองของเทวัญขับเข้ามาจอดข้างๆ โรงพัก เทวัญจะลงรถ เมขลาหน้าเครียดๆหันไป
“คุณเทวัญคะ”
เทวัญชะงักหันมาเชิงถาม
“เวลาแจ้งความนี่ ถ้าเป็นเจ้าทุกข์ ต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนด้วยหรือเปล่าคะ”
เทวัญพยักหน้า
“แล้วถ้าเป็นพยานล่ะคะ”
“ก็คงต้องใช้เหมือนกัน คุณถามทำไมเหรอ”
เมขลาอึกอัก พูดไม่ออก เทวัญคิดๆ
“กลัวว่ารามจะตามสืบเจอ...ใช่มั้ย”
เมขลาพยักหน้าไม่ยอมสบตา
“แต่คนเราจะใช้ชีวิต อยู่กับการหนีตลอดไปไม่ได้คุณก็รู้”
เมขลาครุ่นคิด เงียบไป เทวัญรอคำตอบ ทันใดนั้นรถรามบึ่งเข้ามาเร็วมากแล้วจอดใกล้ๆทางเข้าโรงพักห่างจากรถเทวัญมาก เลยไม่เห็นกัน
รามเดินเข้าไปในโรงพักตรงไปหาร้อยเวร ไม่สนใจต่อคิวอะไรทั้งสิ้น ธิดาตามไป หมวดมองรามไม่ชอบใจ
“ถ้าจะแจ้งความก็ไปหยิบบัตรคิวก่อนสิคุณ”
“ผมขอถามหมวดนิดเดียวแหละว่า วันนี้มีเจ้าของร้านกาแฟผู้ชายกับผู้หญิงมาแจ้งความ เรื่องโดนเรียกค่าคุ้มครองกับหมวดบ้างไหม”
“ไม่มีนะ คุณถามทำไม”
รามไม่ตอบหันไปมองชาวบ้านที่มารอแจ้งความ ไม่เห็นมีเมขลากับเทวัญ แต่รามไม่ยอมแพ้
“เม...เม...เม ผมรู้นะ คุณอยู่ที่นี่ใช่ไหม ออกมาเถอะเม คุณอยากให้ผมทำอะไรก็บอกมาสิ ผมเดาใจผู้หญิงไม่ถูกหรอกนะ”
รามเดินตะโกนเรียกหาเมขลาอย่างไม่อาย คนมองตรึม หมวดรีบลุกเข้าไปกั้น กลัวรามเพ่นพ่านมากกว่านี้
“คุณทำอะไรน่ะ นี่มันสถานที่ราชการนะ”
รามไม่สน
“ถอยไป เมๆ คุณอยู่ที่ไหน ออกมาเถอะ”
ธิดาพยายามห้าม แต่รามไม่ฟัง
“ราม นายไม่อายคน แต่ฉันอายนะ ฉันว่าเมคงไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก เราไปกันเถอะน่า”
หมวดกับตำรวจบนโรงพักทนไม่ได้ ควักปืน เล็งมาที่ราม ธิดาหวีดร้องเบาๆ ตกใจ
“ผมบอกให้หยุด แล้วชูมือขึ้นเหนือศีรษะ”
รามชะงัก รู้สึกตัว ทันใดนั้นเสียงภาคภูมิดังขึ้น
“ใจเย็นหมวด ไม่ต้องใช้อาวุธหรอก นี่คนกันเองทั้งนั้น”
ภาคภูมิเดินเข้ามาชูบัตรตำรวจ ตำรวจบนโรงพักชะงักไป

รามขอโทษหมวดอย่างอายๆ แกมเครียดราม
“ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พวกคุณวุ่นวาย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ตอนแม่อีหนูของผมหายออกไปจากบ้าน ผมก็แทบไม่เป็นอันทำอะไรเหมือนกัน”
ภาคภูมิยิ้ม
“งั้นเป็นอันว่า หมวดช่วยบอกลูกน้องให้พวกผมด้วยก็แล้วกันว่า ถ้าเจอผู้ชายกับผู้หญิงคู่นี้ ช่วยเฝ้าอย่าให้คลาดสายตาแล้วติดต่อกลับมาที่เบอร์ของผมกับผู้กองรามด่วน”
“ได้ครับ สองคนนี้นะครับ”
หมวดหยิบรูปเทวัญกับเมขลาไปดู
“แต่ภรรยาผู้กองกับพี่ชายนี่ หน้าตาไม่เหมือนกันเลยนะครับ”
ภาคภูมิกับธิดามองรามอย่างเห็นใจ รามเบือนหน้าไปไม่ตอบ มองไปที่ด้านนอกโรงพักเห็นรถเทวัญที่จอดอยู่
เทวัญนั่งรอฟังเมขลาจะเอายังไง ในที่สุดเมขลาก็ตัดสินใจมองสบตาเทวัญ
“ฉันเข้าใจว่าเราไม่มีทางใช้ชีวิตอยู่กับการวิ่งหนีได้ แต่ฉันอยากขอเวลาสักพัก ให้ตัวเองเข้มแข็งกว่านี้ ถึงตอนนั้นจะต้องเจอหน้าเขาอีก ฉันก็คงไม่รู้สึกอะไรแล้ว”
เทวัญถอนใจ รู้ว่าเมขลายังไม่ลืมรามง่ายๆ เมขลามองหน้าเขาอย่างเกรงใจ
“ขอโทษนะคะ ฉันเป็นคนชวนคุณมาโรงพักแท้ๆ แต่พอมาถึงกลับทำไม่ได้เสียเอง”
“ผมเข้าใจ เรื่องบางเรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิดหรือพูดหรอกครับ ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับใจ ยิ่งต้องใช้เวลา”
เทวัญออกรถไป พวกรามลงบันไดมา ไม่ทันมอง ทั้งสามพากันเดินไปที่รถ รามนึกได้
“ผู้กองยังไม่ได้บอกผมเลย ว่าผู้กองมาตามผมถึงที่นี่ทำไม”
“อาของผู้กองเสียแล้ว”
รามอึ้งเสียใจ ก่อนฉุกคิดได้
“ความจริงผู้กองโทรศัพท์บอกผมก็ได้นี่ มีอะไรมากกว่านี้ใช่มั้ย”
“ก่อนนายเรืองฤทธิ์ตาย ได้บอกความลับกับพวกเราเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องคนที่มาช่วยแหกคุกพาอาฤทธิ์หนี” รามถามอย่างเดาออก
ภาคภูมิพยักหน้า ก่อนหันไปจ้องตาราม
“ใช่ แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พวกมันต้องการฆ่าพวกเราทุกคน รวมทั้ง คุณเม กับคุณเทวัญด้วย”
ธิดาขาอ่อน รามต้องพยุง
“มันเป็นใคร ทำแบบนั้นทำไม”
“ผู้กองรีบตามผมกลับไปเดี๋ยวนี้ ก็จะรู้เอง”
“แต่ฉันไม่กลับ ฉันจะตามหาพี่เทพให้เจอก่อน” ธิดายืนยัน
“ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป...นี่เป็นคำสั่งของหัวหน้า” ภาคภูมิเหล่ธิดา “ใครกล้าขัดขืน ให้ผมจับกุมได้เลย”
ธิดาเหม็นขี้หน้าภาคภูมิ รามหันไปบอกธิดา
“ไปเถอะ อย่าทำให้ผู้กองภาคภูมิลำบากใจเลย”
รามไปที่รถ ภาคภูมิเปิดประตูรถ มองหน้าเชิงบังคับให้ธิดาเข้าไป ธิดามองแค้นๆ ยอมขึ้นรถไป

เทวัญขับรถมาจอดหน้าร้านกาแฟ เมขลาลงรถ มองสภาพร้านแล้วเซ็ง เทวัญเข้าใจ
“คุณเข้าไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะจัดการเก็บกวาดข้างนอกก่อน”
“งั้นเดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนชุดแล้วจะมาช่วยนะคะ”
เทวัญพยักหน้า เมขลาไขกุญแจเข้าร้าน เทวัญมองรอบๆ อย่างเซ็ง ก้มลงเก็บของ เห็นเท้าจขรมาหยุดยืนตรงหน้า เทวัญเกร็ง คิดว่าไอ้สองคนนั่นมาอีกแล้วก่อนเงยหน้าขึ้นแล้วโล่งอก
“ลุงนั่นเอง มีอะไรหรือครับ”
“ตอนคุณไม่อยู่ มีผู้ชายกับผู้หญิงมาหาคุณกับเมียด้วยนะ”
“ผู้ชายกับผู้หญิง”
“ครับ ผู้หญิงก็ตัวสูงๆ ขาวๆ หน้าตา...เออ คล้ายคุณนี่ล่ะ ส่วนผู้ชายตัดผมสั้นๆ ผิวคล้ำๆ เหมือนตำรวจเลย เตะต่อยเก่งสุดๆ ทำเอาไอ้พวกที่มาเรื่องคุณเมื่อวานเผ่นแน่บแทบไม่ทันเลยล่ะ”
เทวัญนึกถึงรามขึ้นมา
“แล้วพวกเขาพูดอะไรบ้างครับ”
“ก็เห็นว่ามาตามหาคุณกับเมียนี่ล่ะ ผมเลยบอกว่าพวกคุณน่าจะไปโรงพัก แล้วนี่ได้เจอกันหรือเปล่า”
“ไม่นี่ครับ...สงสัย คงผิดคนแล้วล่ะ เขาคงไม่ได้มาหาผมกับแฟนหรอก”
“ผิดคนหรอกเหรอ เฮ้อ...ผมก็นึกว่าสองคนนั่นมาตามหาพวกคุณซะอีก”
ขจรเดินออกไป เมขลาเปลี่ยนชุด เดินออกมาพร้อมไม้กวาด
“ลุงเขามีอะไรหรือเปล่าคะ”
เทวัญฝืนยิ้มก่อนจะโกหก
“แกจะมาช่วยทำความสะอาดน่ะ แต่ผมเกรงใจ เลยบอกไม่ต้อง”
เมขลาพยักหน้า หันไปกวาดหน้าร้าน เทวัญแอบมองรู้สึกผิด...เมขลาทำความสะอาด เห็นหนังสืออ่านเล่นของตัวที่หล่นอยู่ก็เก็บขึ้นมาทำให้รูปรามกอดกับธิดาที่ฉีกจากหนังสือพิมพ์เก็บไว้ร่วงลงมา เมขลามองรูปแล้วซึม ก่อนชะงัก เห็นเทวัญยืนมองอยู่
“คุณเทวัญ”
เทวัญไม่พูดอะไร แต่ดึงภาพไปดู เห็นเป็นธิดากอดกับราม เทวัญอึ้งไป
“รูปที่ทำร้ายจิตใจแบบนี้ คุณเก็บไว้ทำไมกัน”
“ฉันตั้งใจซ่อนไว้ไม่อยากให้คุณเห็น”
เทวัญมองหน้าเมขลาไม่เข้าใจ เมขลาถอนใจ
“ฉันกับคุณรามยังไม่ได้หย่าขาดกัน แล้วจู่ๆ มีรูปคุณเทเรซ่ากับคุณรามหลุดออกมาแบบนี้ ถ้าคุณเห็นเข้าจะไม่สบายใจ”
เทวัญเงียบไปที่พบว่าเมขลา ห่วงความรู้สึกของเขามากกว่าจะห่วงตัวเอง
“ผมคิดว่าคุณเก็บไว้ เพราะคิดถึงรามเสียอีก”
เมขลาเจอคำพูดตรงๆ เจ็บจี้ดแต่ฝืนไว้
“ฉันจะไปคิดถึงคนใจร้ายแบบนั้นทำไมกัน ฉันอยากลืมเขาจะแย่อยู่แล้ว คุณก็รู้ กลับไปกรุงเทพ เมื่อไหร่ ฉันจะนัดเขามาหย่าทันที คุณเทเรซ่ากับเขาจะได้มีความสุขกันเสียที”
เทวัญมองหน้าเมขลา
“ทำไมคุณต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้ด้วย คุณไม่เจ็บบ้างหรือไง ที่ทำตัวเป็นแม่พระ ยกคนที่คุณรักให้คนอื่นแบบนี้”
เมขลากลั้นไม่อยู่สะอื้นฮักออกมา
“เจ็บสิ ฉันเจ็บมาก เจ็บเหมือนจะตายอยู่แล้ว แต่ฉันมีทางเลือกด้วยเหรอ”
“มีสิ คุณมีทางเลือก และผมจะช่วยคุณเอง...ผมจะพาคุณกลับไปหาราม”
เทวัญฉุดแขนเมขลาพาเดินไปทางหน้าร้าน เมขลาปาดน้ำตาตกใจ เทวัญมุ่งมั่นมาก

เทวัญขับรถไปอย่างเร็ว เมขลาตกใจ จะเปิดประตูก็ไม่กล้า หันไปหาเขา
“หยุดรถนะ คุณเทวัญ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ได้ยินมั้ย”
“ทำไม ก็คุณคิดถึงเขาจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ขนาดรูปเขาบนหนังสือพิมพ์ คุณยังเก็บไว้ คุณเป็นห่วงเขาขนาดฝันถึง พอได้ยินใครว่าตำรวจคุณก็เอาแต่แก้ตัวแทน ทั้งหมดนี่ไม่ใช่ เพราะรามหรอกหรือ”
เมขลากลั้นน้ำตาไม่อยู่จำใจยอมรับ
“ใช่ ทั้งหมดเป็นเพราะเขา แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อ เขาไม่ได้รักฉันเหมือนที่ฉันรักเขา”
“ถ้าไม่รัก รามคงหย่ากับคุณไปเสียนานแล้ว”
เมขลาพูดไปร้องไห้ไป
“ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะเขาอยากตอบแทนบุญคุณต่างหาก เขาเห็นว่าฉันเสียสละแต่งงานกับเขาตามที่คุณแม่ขอร้อง เขาเลยต้องทนอยู่กับฉันต่อไป แต่ฉันไม่ต้องการ คุณเข้าใจมั้ย ฟังดูมันอาจงี่เง่าในสายตาผู้ชาย แต่สำหรับฉัน การสร้างครอบครัวมันต้องสร้างด้วยความรักของคนสองคนไม่ใช่แค่คนๆเดียว”
เทวัญทนเห็นน้ำตาเมขลาไม่ได้ ยอมจอดรถเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้
“ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็ถอยออกมายืนอยู่กับผม ผมจะไม่ขยับหนีไปจากคุณแม้แต่ก้าวเดียว”
เมขลาอึ้งมองหน้าเขา
“คุณเทวัญ”
เทวัญดึงเธอเข้ามากอด เมขลาอึ้งๆ ยังลังเล คิดไม่ตก แต่ไม่พูดออกมา

วันใหม่...บนจอมอมนิเตอร์เป็นภาพเฮียจางยืนอยู่ ก้องภพมองภาพแล้วอธิบาย
“นี่เป็นภาพจางเจิ้น หรือที่คนในวงการค้ายาเรียกว่าเฮียจาง มันเป็นเจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ของเอเชียที่ทางเรากับฮ่องกงกำลังจับตาดูอยู่ และคิดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับพ่อเลี้ยงปองธรรมด้วยแน่ๆ”
ก้องภพมองราม รามคิดๆ
“แต่ตอนที่พ่อเลี้ยง พาผมไปแนะนำกับคู่ค้ารายใหญ่ในเชียงใหม่ ไม่เคยเห็นหรือได้ยินชื่อมันเลย”
“บางทีมันอาจจะอยู่เบื้องหลังพ่อเลี้ยงปองธรรมก็ได้ เพราะไม่อย่างนั้น มันคงไม่กล้าออกมาชนกับตำรวจแบบนี้” ภาคภูมิออกความเห็น
รามพยักหน้าเห็นด้วย ก้องภพหันไปพยักหน้าให้ ยงยุทธเลื่อนสไลด์ เป็นรูปเหลียงปรากฏขึ้น
“ส่วนนี่คือไอ้เหลียง”
เสียงมือถือก้องภพดังขึ้น
“ดาบ บรรยายแทนผมไปก่อน เดี๋ยวผมมา” ก้องภพพูดมือถือแล้วเดินออกไป “จ้าที่รัก”
รามส่ายหน้า ยุงยุทธอธิบาย
“หัวหน้าขบวนการกลัวเมียนี่ยกให้หัวหน้าเลยนะครับ”
“พูดยังกับดาบไม่กลัวงั้นแหละ” ภาคภูมิแซว
ยงยุทธหันไปหาราม
“มันก็ต้องมีบ้าง จริงมั้ยครับผู้กอง”
รามดูหมองลงคิดถึงเมขลาขึ้นมาอีก ภาคภูมิกระแทกศอกใส่ยงยุทธเบาๆเตือนไม่ให้พูดถึงเมขลา รามพูดขรึมๆขึ้น
“ว่าต่อไปสิดาบ”

ก้องภพคุยโทรศัพท์มือถือกับตาล
“พอดีผมกำลังประชุมด่วนอยู่ ตาลมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
ตาลคุยมือถืออยู่ในซูเปอร์มาเก็ต เข็นรถที่ซื้อของไว้หลายอย่าง
“ตาลมีอะไรจะเล่าให้ฟัง แต่เดี๋ยวค่อยเล่าที่บ้านก็ได้”
“เรื่องอะไรล่ะ อย่าบอกนะ ว่าเจอคนมาตามจีบ...มันเป็นใคร อยู่ที่ไหน ผมจะไปสั่งสอนมัน”
ตาลดุกลับ
“สั่งกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าซ่าส์ คิดว่ายังเป็นหนุ่มๆอยู่หรือไง เอะอะก็ต่อยตี”
“ผมพูดเล่นก็ไม่ได้ งั้นผมฟังอย่างเดียวแล้วกัน ตาลเล่ามาสิจ๊ะ”
“มันแปลกมากเลยค่ะ จู่ๆก็มีคนมาทักฉันว่า...”

ก้องภพกดปุ่มตัดสายมือถือ แล้วเดินกลับเข้าห้องประชุมหน้าเครียดๆ รู้สึกแปลกๆ รามมองๆ
“คุณตาลเป็นอะไรหรือเปล่าครับท่าน”
“เปล่า แค่เจอคนมาทักว่าเป็นเมียฉันหรือเปล่า”
“ปกติ ท่านไม่ได้เปิดเผยเรื่องครอบครัวไม่ใช่หรือครับ” ภาคภมิถามอย่างสงสัย
“นั่นสิ ฉันเองก็เพิ่งกลับมาคืนดีกับตาล เมื่อไม่นานมานี่เองไม่น่าจะมีคนรู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ”
รามนึกขึ้นได้
“ท่านครับ ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกหมายหัว แล้วคุณตาลก็เป็นเมียท่าน”
ก้องภพนึกได้ หันไปมองรูปพวกจาง
“หรือว่าเป็นพวกมัน”
ก้องภพกดมือถือมือไม้สั่น
ตาลอยู่ที่ลานจอดรถ เสียงมือถือดังขึ้น ตาลจะรับสาย แต่โดนคนร้ายเอามีดจี้ทางด้านหลังเสียก่อน
ทำให้มือถือร่วงลงพื้น พร้อมข้าวของที่ซื้อหล่นกระจาย

ตาลพยายามดิ้นสู้สุดแรงเกิด แต่ฝืนไม่ไหวโดนคนจี้ลากตัวไป

อ่านต่อตอนที่ 21 พรุ่งนี้ พฤหัสที่ 29 ธ.ค. 2554




กำลังโหลดความคิดเห็น