รักปาฏิหาริย์ ตอนที่ 19
พงษ์เทพเดินตามหาณิชมนไปทั่วบ้านแต่หาตัวณิชมนไม่เจอ
“ไปไหนของเค้านะ”
พงษ์เทพเดินออกมาที่รถต้องชะงักเมื่อเห็นท้ายรถเปิดอยู่ เขารีบเข้าไปเปิดท้ายรถดูพบว่ากระเป๋าเป้ของณิชมนหายไปแล้ว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ! คุณณิชหายไปไหน !!”
พงษ์เทพตกใจมองไปรอบๆ อย่างงุนงง
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รถบุรธัชแล่นไปตามถนนอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขานิ่งเฉยจับอารมณ์ไม่ได้ว่ามาร้ายหรือมาดี ณิชมนมองบุรธัชอย่างกลัวใจแต่ยังทำตัวเป็นผู้ร้ายปากแข็งอยู่
“นี่คุณ..คุณจะจับฉันส่งตำรวจเรื่องอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย”
“ยังบอกว่าไม่ได้ทำอะไรผิดอีกเหรอ”
“คุณก็บอกมาซิว่า ฉันทำอะไรผิด จะกล่าวหาอะไร ก็ให้มันมีหลักฐานหน่อย ถ้าคุณปล่อยฉันไปตอนนี้ ฉันจะยอมไม่เอาเรื่องคุณ”
บุรธัชเบรกรถเอี๊ยดจนณิชมนหัวแทบทิ่มคอนโซลรถ
“อยากได้หลักฐานเหรอ ได้ !”
บุรธัชคว้ารูปถ่ายประนอมส่งให้ณิชมน ณิชมนดูรูปอย่างมึนงงยังตามไม่ทัน
“นี่รูปใครคะ”
“รูปประนอม บุญเสริมตัวจริงน่ะซิ รูปใบเดียวอาจจะยังไม่พอ แล้วนี่พอจะเป็นหลักฐานจับเธอเข้าคุกได้หรือยัง !”
บุรธัชส่งสำเนาบัตรประชาชนของประนอมให้ณิชมนดู ณิชมนนิ่งอึ้งพูดแก้ตัวไม่ออก
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชาภัทรกำลังเดินไปที่จอดรถแต่ต้องชะงัก พงษ์เทพเดินพุ่งตรงเข้าหาณิชาภัทรอย่างร้อนใจ
“พวกคุณทำอะไรคุณนอม !”
“คุณพูดอะไรของคุณคะ คุณพงษ์เทพ”
“คุณนอมหายตัวไป ต้องเป็นฝีมือของพวกคุณแน่”
“ผู้หญิงคนนั้นหายตัวไปเกี่ยวอะไรกับณิชาด้วย”
“ถ้าไม่ใช่คุณก็ต้องเป็นคุณชายธัช คุณบอกเรื่องคุณนอมกับคุณชายธัชไปแล้วใช่มั้ย ต้องเป็นเค้าแน่ที่จับตัวคุณนอมไป”
“ธัชไม่ทำอะไรบ้าๆแบบนั้นหรอกค่ะ”
“แล้วตอนนี้คุณชายธัชอยู่ที่ไหน”
ณิชาภัทรนิ่งอึ้งไป
“ว่าไงล่ะครับ คุณณิชา”
“ธัชไปตามหาประนอม ธัชแค่ต้องการรู้ความจริงเท่านั้นว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ต้องการอะไร ธัชไม่ทำอะไรผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ”
“คุณแน่ใจหรือครับ คุณณิชา”
ณิชาภัทรเริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รถบุรธัชแล่นเข้ามาจอดเติมน้ำมัน ณิชมนหันมามองบุรธัชอย่างไม่วางใจ
“นี่คุณจะออกนอกเมืองนี่ คุณจะพาฉันไปไหน”
“ถ้าเธอยังไม่ยอมบอกฉันว่า เธอเป็นใคร ฉันก็จะขับรถไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ ว่าไง จะบอกความจริงกับฉันได้หรือยัง”
“ฉันไม่มีอะไรจะบอกกับคุณ”
“งั้นก็ดี เราจะได้อยู่ด้วยกันไปนานๆ อย่าแค่วันสองวัน ต่อให้นานเป็นเดือน ฉันก็รอได้ ฉันมีเวลาให้เธอทั้งชีวิตเลย”
“คุณอย่ามาแกล้งขู่ฉันเลย คุณทำไม่ได้หรอก ยังไงคุณก็ต้องกลับไปดูแลไร่ของคุณ แล้วยังธุรกิจร้อยล้านพันล้านของคุณอีกล่ะ”
“ก็คอยดูไปว่า ฉันจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า”
ณิชมนมองบุรธัชอย่างขัดใจ ขยับจะเปิดประตูรถออกไป
“จะไปไหน”
“เราจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนานไม่ใช่เหรอ ขอฉันไปซื้อของใช้ส่วนตัวหน่อยไม่ต้องกลัวฉันหนีหรอก ยังไงฉันก็หนีคุณไปไหนไม่พ้นแน่”
ณิชมนรีบเปิดประตูรถออกไป บุรธัชมองตามอย่างไม่วางใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนเดินเข้ามาในมินิมาร์ทพลางมองไปที่บุรธัชที่ยืนอยู่ข้างรถซึ่งกำลังมองมา เธอทำเป็นหยิบโน่นหยิบนี่ไปพลางคิดหาทางออก
“ต้องโทรให้คุณพงษ์เทพมาช่วย...” ณิชมนพูดกับตัวเอง
ณิชมนชะเง้อมองหาโทรศัพท์สาธารณะทางนอกร้านแต่หาไม่เจอ หันไปมองบุรธัชอีกทีก็ไม่เห็นเขาแล้ว เธอยิ้มดีใจที่ได้โอกาสจึงหันมองหาคนในร้าน
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินคุยมือถือเสร็จแล้วกดปิด ณิชมนรีบปราดไปหาเธอ
“ขอโทษนะคะ ขอยืมมือถือหน่อยได้มั้ยคะ พอดีมือถือฉันแบตหมดน่ะค่ะนะคะ ขอยืมใช้แป๊บเดียวค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นมองณิชมนอย่างไม่ไว้ใจแล้วรีบถอยหนีไปดื้อๆ
“คุณคะ ฉันจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์จริงๆนะคะ คุณจะคิดค่าโทรก็ได้ เท่าไหร่ฉันก็ยินดีจ่ายให้”
จู่ๆ มีมือถือยื่นมาตรงหน้าณิชมน เธอชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นเห็นว่าเป็นบุรธัชกำลังยื่นมือถือมาให้
“ฉันให้ยืม ไม่คิดเงินด้วย จะโทรหาใครก็โทรได้เลย ตามสบาย” บุรธัชบอก
“ฉันไม่โทรแล้ว”
“เธอคิดจะโทรหาใคร นายพงษ์เทพงั้นเหรอ ตอนนี้ไม่มีใครจะช่วยเธอได้หรอก นอกจากตัวเธอเอง เธอบอกความจริงเมื่อไหร่ เธอก็จะได้รับอิสระเมื่อนั้น”
บุรธัชเดินออกไป ณิชมนมองตามอย่างหงุดหงิดโมโห
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชาภัทรกำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่
“ถ้าธัชกลับมาเมื่อไหร่ให้โทรหาณิชาทันทีเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ ลุงอาจ”
ณิชาภัทรกดปิดมือถือหันมามองพงษ์เทพที่รู้อยู่แล้วว่าจะได้คำตอบอะไร
“หาตัวคุณชายธัชไม่เจอใช่มั้ยล่ะครับ”
“ลุงอาจบอกว่า ธัชไปทำธุระที่อื่นสองสามวัน แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน”
“คุณชายธัชต้องจับตัวคุณนอมไปแน่ๆ” พงษ์เทพกล่าว
“ทำไมคุณไม่คิดบ้างล่ะว่า คุณนอมของคุณน่ะอาจจะหนีไปเองเพราะกลัวความผิดก็ได้”
“คุณนอมจะหนีไปได้ยังไง ตั๋วเครื่องบินยังอยู่ที่ผม เออ..คือ..ยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าคุณนอมจะหนีไป ถ้าผมไม่ได้ข่าวอะไรจากคุณนอมล่ะก็ ผมจะไปแจ้งตำรวจ”
“คุณจะไปแจ้งตำรวจว่าไง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ชื่ออะไร นามสกุลอะไรคุณก็ยังไม่รู้เลย ดีไม่ดีเค้าได้ถูกจับฐานหลอกลวงต้มตุ๋น ตอนนี้เราช่วยกันตามหาสองคนนั้นเงียบๆดีกว่า อย่าทำให้เรื่องมันอื้อฉาวไปเลยค่ะ ผู้หญิงของคุณไม่มีอะไรต้องเสียหาย แต่ธัชยังมีชื่อเสียงที่จะต้องรักษา”
พงษ์เทพนิ่งจำยอมต้องทำตามที่ณิชาภัทรบอก
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ที่โรงเรียนเวียงดอย พิมพ์นฤมลเก็บกวาดทำความสะอาดครัวอยู่ รวิภาสเดินเข้ามา พิมพ์นฤมลทำเมินไม่เห็นยังก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
“ทำไมไม่ไปกินข้าว” รวิภาสถาม
“ยังทำงานไม่เสร็จ”
“ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวค่อยมาทำต่อก็ได้ เมื่อเที่ยงก็ไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ ไปๆ ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวก็ได้เป็นลมไปหรอก”
“นมลไม่กินจนกว่านมลจะทำงานเสร็จ นมลไม่อยากให้ใครมาว่าได้ว่า นมลไม่รู้จักรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง”
“อย่าทำอย่างนี้ได้มั้ยนมล หัดมีเหตุผลหน่อยซิ แค่นมลดึงดันมาออกค่ายทั้งๆที่ถูกตัดชื่อออกไปแล้ว คนก็จับจ้องมากพอแล้ว ถ้าพี่ยอมให้นมลลากลับบ้านได้อีก คนก็ยิ่งคิดว่า นมลเป็นแฟนหัวหน้าชมรมก็เลยมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น รู้มั้ยว่า นมลทำให้พี่ลำบากใจแค่ไหน”
“ถ้าพี่ภาสลำบากใจนักล่ะก็ เราเลิกกันดีมั้ยคะ”
“นมล !”
“เราเลิกกันซะ บางทีอาจจะทำให้ชีวิตเราสองคนง่ายขึ้นก็ได้”
“ถ้านมลยังใช้อารมณ์อย่างนี้ เราก็อย่าเพิ่งคุยกันเลย ไปคิดดูใหม่ ถ้าไม่มีพี่แล้วชีวิตนมลดีขึ้นจริงๆล่ะก็ พี่ก็จะไม่ยื้อนมลไว้หรอก”
รวิภาสเดินออกไปอย่างเริ่มมีอารมณ์โกรธขึ้นมา พิมพ์นฤมลเริ่มรู้สึกผิดที่ประชดแรงไป
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รถบุรธัชแล่นมาตามถนนเปลี่ยว บุรธัชขับรถไปเรื่อยๆพลางมองณิชมนไปตลอดทาง
“ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้งนะ บอกฉันมาว่าเธอเป็นใคร ทำไมถึงต้องปลอมตัวเป็นแม่บ้านประนอม”
ณิชมนหันหน้าหนีบุรธัช เธอพิงกระจกรถนิ่งเงียบไม่โต้ตอบใดๆ
“เธอคิดว่า เธอจะปิดปากเงียบไปได้นานแค่ไหน ฉันสืบเรื่องเธอได้ไม่ยากหรอก แต่ฉันอยากรู้ความจริงจากปากเธอเอง”
บุรธัชรู้สึกว่าณิชมนนิ่งเงียบไป หันไปมองอีกทีเขาก็ต้องยิ้มเมื่อเห็นณิชมนนอนหลับไปแล้ว บุรธัชจอดรถไปที่ข้างทางแล้วเปิดประตูรถออกไป ณิชมนลืมตาตื่นขึ้นทันทีขยับจะเปิดประตูหนีต้องหยุดชะงัก บุรธัชเปิดประตูกลับเข้ามาในรถ ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้มองณิชมน ณิชมนกลั้นหายใจหลับตานิ่งทำเหมือนหลับแต่หน้าตาของเธอกลับขยุกขยิก
“แกล้งหลับหรือเปล่า อย่างนี้ต้องพิสูจน์”
บุรธัชก้มหน้าไปใกล้หน้าณิชมนห่างกันไม่กี่นิ้ว ณิชมนลืมตาโพลงขึ้นทันทีผลักบุรธัชออกไป
“คุณจะทำอะไรน่ะ”
บุรธัชโยนผ้าห่มผืนเล็กๆคลุมหัวณิชมนไป
“ไม่ได้ทำอะไร แค่จะห่มผ้าให้ หนาวไม่ใช่เหรอ”
ณิชมนเอาผ้าห่มตัวแล้วขยับตัวไปชิดประตูรถอย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่แตะต้องสิบแปดมงกุฎอย่างเธอให้เสียมือหรอก”
“จำคำพูดของตัวเองไว้ให้ดีก็แล้วกัน !”
ณิชมนคลุมผ้าห่มหันหลังนอนทำไม่สนใจบุรธัชอีก
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รถบุรธัชแล่นเข้ามาจอดที่บ้านริมทะเล บุรธัชลงจากรถหันไปมองณิชมนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในรถ เขาเดินไปเปิดประตูรถ ณิชมนสะดุ้งตื่นทันทีและรีบลงจากรถ มองไปรอบๆ เห็นบ้านริมทะเลอยู่หลังเดียวบนชายหาดเปลี่ยวบุรธัชเปิดท้ายรถคว้ากระเป๋าเป้ออกมา เขาเห็นณิชมนมองหาทางหนีทีไล่อยู่
“ไม่ต้องคิดหาทางหนีหรอก จากนี่ไปเป็นสิบๆกิโลกว่าจะถึงถนนใหญ่แล้วถ้าจะคิดหาคนช่วย ก็อย่าได้หวังเลย แถวนี้มีบ้านหลังนี้หลังเดียว”
“ฉันจะไม่หนีคุณอีกต่อไปแล้ว ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า คุณจะกักตัวฉันไปได้นานแค่ไหน ดูซิว่า ใครจะมีความอดทนมากกว่ากัน”
“ฉันจะต้องทำให้เธอพูดความจริงได้แน่”
“คุณคิดว่า คุณจะเอาชนะสิบแปดมงกุฎอย่างฉันได้งั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”
บุรธัชโยนกระเป๋าเป้ให้ณิชมน
“แล้วเราก็จะได้รู้กัน”
“ดีเหมือนกันนะ ฉันไม่ได้เที่ยวทะเลมานานมากแล้ว ฉันจะคิดว่า ฉันได้มาพักร้อนก็แล้วกัน แต่ฉันคงจะมีความสุขกว่านี้ ถ้าไม่ได้มากับคุณ !”
ณิชมนเดินเข้าไปในบ้าน บุรธัชมองตามยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนเดินมาตามชายหาดที่เวิ้งว้างทอดยาวไปไกล เธอเดินลากขากลับมาที่บ้านริมทะเลพลางมองไปรอบๆเห็นแต่ทะเลและชายหาดร้างผู้คน
“แล้วเราจะหนีไปได้ไงล่ะเนี่ย”
บุรธัชเดินเข้ามาหาณิชมน
“ไง เดินไปไกลถึงไหนล่ะ ไม่สำเร็จใช่มั้ยล่ะ ฉันบอกแล้ว เธอหนีไปไหนไม่ได้หรอก เธอพร้อมจะสารภาพความจริงหรือยัง”
“ฉันไม่มีอะไรจะต้องสารภาพ ที่ฉันต้องสวมรอยเป็นแม่บ้านประนอมเพราะฉันต้องการงานทำเท่านั้น ฉันเข้ามาในชีวิตคุณอย่างไม่ได้ตั้งใจและฉันไม่เคยคิดร้ายกับคุณหรือใครๆเลย”
“ฉันไม่เชื่อว่า เธอปลอมตัวเป็นแม่บ้านประนอมแค่เพื่อหางานทำ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ไม่งั้นเธอก็ต้องบอกได้ซิว่า เธอเป็นใคร ชื่ออะไร”
“คุณรู้จักฉันไปก็เท่านั้นแหละ ฉันโกหกคุณว่าเป็นแม่บ้านประนอม แต่เรื่องอื่น ฉันไม่ได้โกหกคุณ ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนนึง ไม่มีความสำคัญอะไร เป็นคนที่ไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว ไม่มีอะไรเลยในชีวิต”
“ทำไมเธอถึงไม่ไว้ใจฉัน อย่างน้อยก็ให้ฉันได้รู้จักชื่อเธอ”
“คุณล่ะไว้ใจฉันได้มั้ยคะ ไม่ต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร มาจากไหน คุณรู้จักฉันที่เป็นฉันในวันนี้ก็พอ รู้จักฉันในชื่อประนอม..ผู้หญิงที่คุณเคยบอกว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ แค่นี้ก็พอได้มั้ยคะ คุณชายธัช..”
บุรธัชมองณิชมนนิ่งคิดไป
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พิมพ์นฤมล มีนและกลุ่มนักศึกษาช่วยกันทาสีห้องเรียนอยู่ มีนมองพิมพ์นฤมลทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย
“พักบ้างอะไรบ้างนะ นมล เมื่อคืนก็นอนไม่หลับทั้งคืนไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ไหวก็ไปพักก่อน ไป” มีนบอก
“คนอื่นทำได้ ฉันก็ต้องทำได้ ฉันไม่อยากมีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น”
“สิทธิพิเศษอะไรของแก ใครว่าอะไรแกงั้นเหรอ ไปฟ้องพี่ภาสเลย แก เดี๋ยวพี่ภาสเคลียร์ให้เอง มีปัญหาอะไร บอกมา ฉันไปบอกพี่ภาสให้”
“ไม่ต้อง มีปัญหาอะไร ฉันแก้เองได้ ฉันจะต้องยืนด้วยขาตัวเองซักทีฉันจะไม่พึ่งพี่ภาสอีกต่อไปแล้ว”
พิมพ์นฤมลคว้ากระป๋องสีเดินออกไป
“นั่นแกจะทำอะไร เฮ้ย พี่กันต์บอกว่า ให้ช่วยทาสีตรงนี้ก็พอ ตรงนั้นไม่ต้อง เดี๋ยวพวกพี่ๆผู้ชายจะทาเอง”
พิมพ์นฤมลไม่ฟังปีนบันไดขึ้นไปทาสีต่อ
“อย่าหาเรื่องใส่ตัวน่า นมล”
พิมพ์นฤมลทาสีไปเริ่มเวียนหัวยืนเอนไปเอียงมาแปรงทาสีหลุดร่วงหล่นจากมือ
“นมล !” มีนตะโกน
พิมพ์นฤมลหน้ามืดเป็นลมตัวอ่อนยวบตกพรวดลงจากบันได
รวิภาสเข้ามาคว้าตัวพิมพ์นฤมลไว้ได้ทัน
“นมล !”
รวิภาสประคองพิมพ์นฤมลที่หมดสติไปแล้ว
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักปาฏิหาริย์ ตอนที่ 19(ต่อ)
พิมพ์นฤมลนอนยังไม่ได้สติอยู่บนที่นอน มีนคอยจ่อยาดมให้ที่จมูกพลางนวดเฟ้นเนื้อตัวไปด้วย พิมพ์นฤมลค่อยๆ รู้สึกตัวลืมตาขึ้น
“นมล..เป็นไงบ้าง” มีนถาม
“ปวดหัว..”
“สมน้ำหน้าจริงๆ ทำอะไรให้รู้จักกำลังตัวเองบ้าง ไม่นอนไม่กิน เอาแต่ทำงานๆ ผลก็เลยออกมาเป็นอย่างนี้แหละ วันนี้แกต้องนอนพักให้เยอะห้ามทำอะไรเด็ดขาด”
พิมพ์นฤมลขยับตัวจะลุกขึ้น รวิภาสถือจานข้าวเดินเข้ามา
“จะไปไหน” รวิภาสถาม
“จะไปทำงานต่อ”
“พี่ภาสช่วยจัดการทีเถอะ มีนไม่ไหวแล้วล่ะ”
มีนเดินออกไป รวิภาสวางจานข้าวลง
“กินข้าวซะ กินเสร็จแล้วก็ไปเก็บกระเป๋า เดี๋ยวจะให้คนไปส่งที่บ้าน”
“อะไรนะ พี่ภาส พี่ภาสไล่นมลกลับบ้านเหรอ”
“ไม่ได้ไล่ เธออยากกลับบ้านอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ กลับไปได้เลย เธอไม่มีใจช่วยงานจริงๆ คิดถึงแต่ตัวเองไม่คิดถึงงานส่วนร่วม อยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
“พี่ภาส !”
รวิภาสเดินออกไป พิมพ์นฤมลโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชกับณิชมนเดินดูบรรยากาศตลาดในเมือง ณิชมนมองไปรอบๆตัวอย่างแปลกตาไปหมด เธอแวะซื้อของข้างทางไปเรื่อยชิมทุกอย่างที่แม่ค้าพ่อค้าส่งให้ บุรธัชต้องเข้ามาลากตัวณิชมนออกไป
“นี่เราไม่ได้มาเที่ยวนะ อยากซื้ออะไรก็รีบๆ...”
“เข้าไปดูร้านนั้นกันดีกว่าค่ะ” ณิชมลไม่ได้ฟัง
ณิชมนเผลอตัวลากบุรธัชเข้าร้านข้างทางไป เธอหยิบหมวกมาลองใส่ดูแล้วหันไปหยิบหมวกใส่ให้บุรธัช
“นี่เธอ..ลืมแล้วหรือไงว่า ตอนนี้เธออยู่ในฐานะอะไร” บุรธัชดุ
“ฉันจำได้น่า ฉันเป็นนักโทษของคุณอยู่ คุณก็ลืมๆซักวันไม่ได้เหรอ พรุ่งนี้คุณค่อยสอบสวนฉันใหม่แล้วกันนะ คุณรู้มั้ยว่า ตั้งแต่ฉันกลับมา ฉันยังไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนเลย”
“กลับมา? เธอกลับมาจากไหน”
ณิชมนทำเป็นไม่ได้ยินรีบถอดหมวกออก
“เราไปดูร้านอื่นกันดีกว่า เราจะต้องซื้อของอีกตั้งเยอะแยะ เราจะต้องอยู่กันตั้งเดือนไม่ใช่เหรอคะ ไปค่ะ เราต้องทำเวลาแล้วล่ะ”
ณิชมนรีบชิ่งเดินออกไป บุรธัชมองอย่างสงสัยตะหงิดๆ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชกับณิชมนหอบถุงของเต็มสองมือเดินเข้ามา
“คุณจำผิดหรือเปล่า เราจอดรถไว้ทางด้านโน้นไม่ใช่เหรอคะ”
“ฉันจำไม่ผิดหรอก เราจอดไว้แถวนี้แหละ อยู่นั่นไง”
บุรธัชกับณิชมนเดินตรงไปที่รถ บุรธัชเปิดท้ายรถ เขากับณิชมนช่วยกันเก็บถุงข้าวของใส่ท้ายรถ บุรธัชปิดท้ายรถ โจรสองคนเข้ามาประกบตัวบุรธัชกับณิชมนไว้ใช้มีดจี้
“เอากุญแจรถมา” โจรสั่ง
บุรธัชหันไปมองณิชมนอย่างเป็นห่วง
“บอกให้เอากุญแจรถมาไงล่ะ !”
“ก็เอาไปซิ”
บุรธัชโยนกุญแจออกไปไกล
“ไอ้นี่ วอนซะแล้ว”
โจนเงื้อมมือจะเอามีดกระซวกบุรธัชแต่บุรธัชระวังอยู่แล้วหลบทันชกสวนออกไป โจนไม่ทันตั้งตัวเซไป ณิชมนสะบัดตัวหลุดจากโจรคนที่สองได้จะไปช่วยบุรธัช แต่โจรตามจับตัวณิชมนไว้ได้
“ไม่ได้รถ เอาผู้หญิงแทนแล้วกัน พี่” โจรคนหนึ่งบอก
โจรอีกคนลากณิชมนออกไป ณิชมนดิ้นรนไม่ยอมง่ายๆทั้งถีบทั้งเตะไป
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย !”
บุรธัชจะเข้าไปช่วยณิชมน โจรเข้ามาดึงตัวไว้ชกเปรี้ยงไป บุรธัชจัดการพัลวันกับโจรจนหมอบไปณิชมนดิ้นรนยกศอกกระแทกใส่โจรอีกคน เต็มแรงช่วยถ่วงเวลาไปได้ บุรธัชตามมาช่วยณิชมนกระชากตัวโจรออกมาแล้วชกเปรี้ยงเข้าให้โจรสวนกลับชกบุรธัชเข้าเต็มแรง โจรอีกคนลุกขึ้นมารุมยำบุรธัช
ณิชมนยืนมองบุรธัชต่อสู้กับโจรทั้งสองคน,รู้สึกเหมือนเป็นภาพเก่าๆย้อนกลับมา เสียงนกหวีดตำรวจดังลั่น
“ตำรวจมาโว้ย” โจรตะโกน
โจรวิ่งหนีไปทันที โจรอีกคนละล้าละลังแล้วเผ่นตามไป ยามในตลาดวิ่งเป่านกหวีดดังลั่นเพิ่งโผล่ออกมาบุรธัชรีบเข้ามาหาณิชมนดึงตัวเข้ามากอดด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย ไม่ต้องกลัวนะ พวกมันไปแล้ว” บุรธัชปลอบ
ณิชมนยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของบุรธัชรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
เมื่อกลับมาที่บ้านริมทะเล ณิชมนค่อยๆทายาที่หน้าบุรธัชอย่างเบามือ
“แสบหน่อยนะคะ”
ณิชมนหันไปหยิบสำลีมาแต้มยาใหม่ บุรธัชขยับหน้าเข้าไปใกล้ณิชมนอีก ณิชมนหันกลับมาต้องชะงักแทบไม่ทัน หน้าแทบชนกับหน้าบุรธัช
“นี่คุณ !”
“เธอจะได้ทายาได้ถนัดๆ ไงล่ะ”
“ขยับออกไปค่ะ ไม่งั้นฉันไม่ทายาให้แล้วนะ”
บุรธัชยอมขยับออกมาเพียงนิดเดียว เขามองณิชมนนิ่ง
บุรธัชนึกถึงตอนที่ดึงณิชมนเข้ามากอด เขารู้สึกคุ้นๆ กับความรู้สึกเหมือนเคยได้กอดณิชมนมาก่อน
“เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ประนอม”
ณิชมนเงยหน้ามองบุรธัชนิ่งคิดมีความรู้สึกแปลกๆที่อธิบายไม่ถูก
“ไม่..ไม่เคยค่ะ ฉันเจอคุณครั้งแรกก็ตอนที่คุณเกือบจะขับรถชนฉันไงไม่มีทางที่เราจะเคยเจอกันมาก่อนหรอกค่ะ” ณิชมนยิ้ม “คุณเรียกฉันว่า ประนอม..”
เธอจะเป็นใคร ชื่ออะไร ไม่สำคัญอะไรสำหรับฉันแล้ว สำหรับฉัน ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าฉันนี่ ชื่อประนอม ผู้หญิงที่ฉันตามหามาทั้งชีวิต ถ้าเธอมีอดีตที่อยากลืม ก็ลืมมันซะ แล้วมาเริ่มต้นชีวิตใหม่
“คุณชายธัช...”
“มาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับฉันนะ ประนอม”
ณิชมนยังคิดอะไรไม่ออกตอบไม่ทัน ทายาให้บุรธัชต่อไปมือแตะที่แก้มบุรธัช
“คุณตัวร้อนๆ นะคะ ไม่สบายหรือเปล่า”
บุรธัชดึงมือณิชมนมาจับไว้อย่างไม่สนใจอะไรอื่นอีก
“กลับไปกับฉันนะ ประนอม รับปากฉันซิว่า เธอจะกลับไปกับฉัน แล้วจะไม่หนีไปไหนอีก”
“ขอเวลาฉันคิดดูก่อนได้มั้ยคะ”
บุรธัชมองณิชมนเริ่มมีความหวังบ้างแล้ว
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พิมพ์นฤมลถือกระเป๋าเดินทางเดินมาหยุดรอที่รถ นักศึกษาหญิง 2 คนเดินขนถังสีเดินมาอีกด้านของรถไม่ทันเห็นพิมพ์นฤมล ทั้งสองจึงเมาท์เรื่องเธออย่างสนุกปาก
“แกเชื่อฉัน ยังไงๆ พี่ภาสก็ไม่กล้าไล่นมลออกจากชมรมหรอก” นักศึกษาคนแรกกล่าว
“แต่เป็นฉัน โดนไล่กลับบ้านอย่างนี้ ฉันลาออกดีกว่า”
“ฉันปวดหัวแทนพี่ภาสจริงๆ ได้แฟนเรื่องเยอะอย่างนี้ ไม่ให้มาออกค่ายก็ดึงดันจะมา พอรู้งานเป็นงานเข้าหน่อย ก็เรียกร้องโน่นนี่ หรือว่าเป็นแฟนหัวหน้าชมรมแล้วนึกจะทำอะไรก็ได้ งั้นเหรอวะ”
“พี่ภาสคงไม่รู้จะทำยังไงกับแฟนจริงๆ ก็เลยต้องให้กลับบ้านไปจะได้หมดปัญหาเนอะ”
นักศึกษาหญิง 2 คนเดินไป พิมพ์นฤมลยืนนิ่งเริ่มเข้าใจที่รวิภาสเคยพูดไว้ รวิภาสเดินเข้ามาพอดี
“ไปกันได้แล้ว ไป”
รวิภาสจะดึงกระเป๋าเดินทางจากพิมพ์นฤมล พิมพ์นฤมลยื้อดึงกระเป๋าไว้ไม่ให้รวิภาสไปง่ายๆ
“นมลไม่กลับค่ะ พี่ภาส”
“นมล !”
“นมลไม่ได้ดื้ออยากเอาชนะพี่ภาสนะคะ นมลรู้แล้วว่า นมลทำผิดไป นมลอยากแก้ตัวใหม่ค่ะ ให้โอกาสนมลอีกครั้งนะคะ พี่ภาส”
“ไม่ต้องแก้ตัวอะไรหรอก งานที่นี่ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว นมลกลับไปหาประนอมเถอะ เราจะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย”
“นมลกลับไปอย่างนี้ไม่ได้ ทุกคนจะมองพี่ภาสยังไง ที่คุมนมลไม่ได้จนต้องไล่กลับบ้านไป นมลขออยู่ทำงานต่อจนจบโครงการนะคะ นมลจะตั้งใจทำงานอย่างเดียว ไม่ดื้ออีกแล้ว งานออกค่ายครั้งนี้จะต้องสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเหมือนงานทุกครั้งของพี่ภาส นะคะ พี่ภาส ให้นมลอยู่ต่อนะ”
รวิภาสมองพิมพ์นฤมลแล้วนิ่งคิด
“ก็ได้ พี่ให้นมลอยู่ต่อก็ได้ แต่ถ้าทำตามที่พูดไม่ได้ล่ะก็ พี่ลงโทษหนักแน่”
รวิภาสบีบจมูกพิมพ์นฤมลอย่างหมั่นเขี้ยว
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ยามค่ำ ณ บ้านริมทะเล บุรธัชนอนหลับอยู่บนเตียง ณิชมนเดินย่องเข้ามาชะโงกหน้าดู บุรธัชยังหลับนิ่งเงียบ ณิชมนค่อยๆ ยื่นมือไปแตะหน้าผาก
“ตัวร้อนจังเลย สงสัยจะเป็นไข้”
ณิชมนคอยช่วยเช็ดตัวให้บุรธัช และประคองตัวเขาขึ้นมาป้อนยาให้
“ยาแก้ไข้ค่ะ”
บุรธัชส่ายหน้าจะล้มลงนอนท่าเดียว
“แข็งใจกินยาหน่อยนะคะ ไม่งั้นไม่หาย”
บุรธัชฝืนใจกลืนยาไป ณิชมนป้อนน้ำตาม บุรธัชทิ้งตัวลงนอนแล้วขดตัวด้วยความหนาวเย็น
“ประนอม..ฉันหนาว..”
ณิชมนขยับผ้าห่มจนห่มตัวบุรธัชมิด บุรธัชยังกอดอกด้วยความหนาว ณิชมนหันรีหันขวางมองหาผ้าห่มเพิ่มแล้วผละไปค้นผ้าพันคอในกระเป๋าเป้ เธอพันผ้าพันคอให้บุรธัชอย่างเบามือ ณิชมนจะถอยออกไป บุรธัชจับมือณิชมนไว้
“อย่าไป..ประนอม..อย่าไป..”
“ฉันจะไม่หนีไปไหนค่ะ คุณชายธัช”
ณิชมนนั่งอยู่ที่เตียงแล้วจับมือบุรธัชไว้ เธอมองบุรธัชที่มีผ้าพันของตัวเองพันอยู่โดยเกิดความรู้สึกคุ้นตาขึ้นมาอีกครั้ง
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ที่ซิดนีย์ ณิชมนวิ่งหนีเข้ามาในซอยทึบหลังตึกการค้าท่ามกลางหมอกควันที่หนาทึบ มาเฟียจีนวิ่งไล่ตามมา บุรธัชท่ามกลางหมอกควันเข้ามาช่วยณิชมนจนรอดพ้นจากมาเฟียจีน เขาดึงณิชมนเข้ามากอดไว้ก่อนจะปล่อยมือ บุรธัชเดินออกไปพร้อมๆ กับผ้าพันคอที่หลุดปลิวออกมา ณิชมนคว้าผ้าพันคอไว้ได้วิ่งตามบุรธัชไปรู้สึกเหมือนระยะทางไกลแสนไกล
ณิชมนวิ่งเท่าไหร่ก็คว้าตัวบุรธัชไม่ได้
“อย่าเพิ่งไป อย่าเพิ่งไป คุณเป็นใครคะ ! คุณเป็นใคร”
บุรธัชหยุดเดินหันกลับมา หมอกควันค่อยจางลงจนเกือบจะเห็นหน้าบุรธัชชัดๆ ทันใดนั้นเอง ณิชมนลืมตาโพลงขึ้นอย่างตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าบุรธัช แต่แล้วทุกอย่างก็มืดมิดไป
ณิชมนสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นจากฝัน ลูบหน้าตัวเองรู้สึกเหมือนได้กลับไปเจอเหตุการณ์ที่ซิดนีย์อีกครั้ง เธอรู้สึกว่ามันไม่เหมือนความฝันเลย
“ฝันเรื่องเดิมอีกแล้ว...”
ณิชมนนึกได้หันมามองบุรธัชที่ยังนอนหลับสนิทอยู่ เธอเอามือแตะหน้าผากของบุรธัช
“ค่อยยังชั่วหน่อย ตัวไม่ร้อนแล้ว”
บุรธัชขยับตัวตื่นขึ้น ณิชมนขยับจะถอยออกไป บุรธัชคว้ามือยึดไว้ไม่ให้ณิชมนไป
“จะไปไหน”
“ไปทำอาหารเช้าค่ะ คุณตื่นก็ดีแล้ว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะคะกินข้าวเช้าแล้วจะได้กินยา”
“เธอก็เช็ดตัวให้ฉันหน่อยไม่ได้เหรอ เมื่อคืนยังเช็ดตัวให้ฉันได้เลย”
“คุณหายดีแล้วนี่คะ”
“ยังไม่หาย ยังปวดหัวอยู่เลย ลุกไปอาบน้ำเองไม่ไหวหรอก”
“ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องอาบค่ะ ทนเหม็นได้ก็ตามใจ แต่ช่วยอยู่ห่างๆ ฉันไว้ก็แล้วกัน”
ณิชมนดึงมือบุรธัชออกแล้วรีบเดินออกไป บุรธัชลุกขึ้นสร่างไข้อาการดีขึ้นอย่างมาก
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนตักข้าวต้มใส่ชาม บุรธัชเดินเข้ามากอดณิชมนที่ด้านหลัง
“ขอบคุณนะที่ช่วยดูแลฉันเมื่อคืน”
“คุณชายธัช ! นี่คุณขอบคุณคนอื่นด้วยวิธีนี้เสมอเหรอ”
“ถ้าไม่ให้ขอบคุณอย่างนี้ เธอจะรู้เหรอว่า ฉันรู้สึกขอบคุณเธอจริงๆ ..หรือจะให้ขอบคุณด้วยวิธีอื่น”
บุรธัชจับตัวณิชมนหันมาเผชิญหน้า เขาดึงณิชมนเข้ามาใกล้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แกล้งจะจูบขอบคุณ ณิชมนผลักบุรธัชออกไป
“รู้อย่างนี้เมื่อคืนปล่อยให้หนาวตายก็ดีหรอก”
“รู้มั้ยว่า เมื่อคืนฉันฝันถึงเธอด้วย”
ณิชมนชะงักกึกมองบุรธัชที่ยังคล้องผ้าพันคอไว้อยู่
“คุณฝันว่าอะไร”
“ฝันว่าได้ช่วยเธอจากพวกโจรน่ะซิ สงสัยเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แต่แปลก..ในฝันเหมือนเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นที่นี่ เกิดขึ้นที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ฉันรู้สึกคุ้นมาก เหมือนที่ที่ฉันเคยไปมาก่อน”
ณิชมนมองบุรธัชเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจ
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ที่คุณช่วยฉันจากพวกโจรพวกนั้น เคยเกิดขึ้นกับคุณมาก่อนหรือเปล่าคะ”
บุรธัชมองณิชมนอย่างแปลกใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ที่บ้านสุธาสิน ณิชาภัทรเดินไปเดินมาพลางกดโทรศัพท์มือถือปิดอย่างร้อนใจ
“ธัชยังไม่ยอมเปิดมือถือเลยล่ะค่ะ คุณย่า”
นวลแขจิบกาแฟอย่างใจเย็น
“นั่งลงก่อน ณิชา”
ณิชาภัทรนั่งลงข้างนวลแขอย่างไม่เต็มใจจะกดโทรหาบุรธัชอีก นวลแขดึงโทรศัพท์มือถือจากณิชาภัทรมา
“ไม่ต้องโทรแล้ว ถ้าคุณชายกลับมาเมื่อไหร่ ลุงอาจก็โทรมาบอกเองแหละ ร้อนใจไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้น แล้วนี่คุณชายไปไหน ทำไมเราถึงได้นั่งไม่ติดอย่างนี้”
“ธัชไปไหนไม่สำคัญหรอกค่ะ แต่ตอนนี้อยู่ที่ว่าธัชไปกับใครมากกว่า”
“เราหมายถึงใคร นี่คิดว่า คุณชายหายไปกับประนอมอีกเหรอ ย่าก็บอกเรากี่ครั้งกี่หนแล้วว่า เรากับคุณชายน่ะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้วนะ เรามีสิทธิ์ดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น”
“แต่คราวนี้ณิชาอยู่เฉยๆไม่ได้หรอกค่ะ คุณย่าคะ ประนอมเป็นพวกสิบแปดมงกุฎค่ะ เค้าเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ๆก็สวมรอยมาเป็นแม่บ้านประนอม พอความลับแตกก็หายตัวไปพร้อมกับธัชไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับธัชหรือเปล่า”
“คุณชายคงไม่เป็นอะไรหรอก ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวจะทำอะไรคุณชายได้ แล้วนี่คุณชายรู้ความจริงทุกอย่างแน่เหรอ”
“แน่ซิคะ ธัชเห็นหลักฐานทุกอย่างหมดแล้ว แล้วก็ยังบังคับไม่ให้ณิชาบอกเรื่องนี้กับใคร ไม่รู้ว่า ธัชจะปกป้องผู้หญิงคนนี้ไปถึงไหน”
“ผู้ชายที่ปกป้องผู้หญิงของตัวเอง จะมีความหมายอะไรอื่นไปได้ล่ะนอกจากว่า คุณชายรักผู้หญิงคนนี้เข้าแล้วจริงๆ”
ณิชาภัทรนิ่งอึ้งไป
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชมองผ้าพันคอในมือ คำถามของณิชมนทำให้บุรธัชนึกถึงเรื่องที่เกิดที่ซิดนีย์ขึ้นมา บุรธัชนึกถึงตอนที่พัลวันโรมรันอยู่กับมาเฟียจีนสองคน เสียงหวอตำรวจดังขึ้น มาเฟียจีนผละหนีออกไป บุรธัชหันไปมองหาผู้หญิงที่ได้ช่วยไว้เขาเกือบจะมองเห็นว่าเป็นใครแต่มีชายร่างยักษ์ลากตัวเธอไปเสียก่อน บุรธัชมองผ้าพันคออย่างคุ้นตา ณิชมนเดินมาหยุดมองบุรธัช
“คุณยังไม่ตอบคำถามของฉันเลย”
“เธอจะถามทำไม”
“ฉัน..ฉันก็สงสัยน่ะซิ ท่าทางคุณไม่น่าจะไปชกต่อยกับใครได้ แต่เรื่องเมื่อวานคุณไม่สู้ก็ไม่ได้ ไม่งั้นก็ต้องถูกปล้นรถไป คนอย่างคุณนี่ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คงไม่หาเรื่องใส่ตัว ไม่ชอบทำตัวเป็นฮีโร่อะไรแบบนั้น”
“เธอกำลังจะบอกว่า ฉันเป็นผู้ชายแหย ไม่เอาไหน ไม่น่าจะสู้ใครได้ถ้าฉันบอกว่า ฉันเคยช่วยชีวิตผู้หญิงคนนึงไว้ เธอจะเชื่อฉันมั้ยล่ะ”
“ยังไงหรือคะ”
“เรื่องเกิดขึ้นที่ซิดนีย์”
“ที่ซิดนีย์…”
“ฉันบังเอิญไปเจอผู้ชายสองคนกำลังรุมฉุดผู้หญิงคนนึง ก็เลยเข้าไปช่วย พอไอ้ผู้ชายจีนสองคนนั้นวิ่งหนีกระเจิงไป ผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว ฉันก็เลยไม่รู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร น่าแปลกนะ..”
ณิชมนมองบุรธัชนิ่งอึ้งเพราะพูดไม่ออก เธอแน่ใจว่าบุรธัชคือผู้ชายที่ช่วยเธอไว้ที่ซิดนีย์ บุรธัชมองผ้าพันคอของตัวเอง
“ฉันเคยมีผ้าพันคอเหมือนผืนนี้เลย ฉันน่าจะทำหล่นไว้ตอนที่ช่วยผู้หญิงคนนั้น ไม่น่าใช่หรอก ผ้าพันคอของฉันจะมาอยู่ที่เธอได้ไง”
“ฉันไม่อยากเชื่อเลย ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ”
บุรธัชมองณิชมนอย่างแปลกใจ
อ่านต่อหน้าที่ 3
รักปาฏิหาริย์ ตอนที่ 19(ต่อ)
รวิภาสกับกลุ่มนักศึกษาชายเก็บงานทาสีเป็นครั้งสุดท้าย รวิภาสหันมามองพิมพ์นฤมลกับกลุ่มนักศึกษาเก็บกวาดขยะอย่างขันแข็ง เขาโบกมือให้กำลังใจ พิมพ์นฤมลโบกมือกลับแล้วกลับไปทำงานต่อ มีนขนถุงขยะมาเต็มสองมือพิมพ์นฤมลรีบวิ่งไปช่วยอย่างเต็มใจ
รวิภาสมองพิมพ์นฤมลอย่างพอใจหายห่วง
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนใช้กิ่งไม้เขียนชื่อ “ณิชมน” ตัวโตๆ บนพื้นทราย
“ณิชมน..ณิชมน ชุติมันต์..หรือว่าฉันควรจะเป็นประนอมตลอดไป”
ณิชมนยืนมองปล่อยให้คลื่นซัดจนชื่อณิชมนค่อยๆเลือนหายไป บุรธัชเดินมาถึงตัวณิชมนไมได้สนใจว่าณิชมนเขียนอะไรไว้บนพื้นทราย
“ไปไหนไม่บอกกันอีกแล้วนะ” บุรธัชพูด
บุรธัชดึงตัวณิชมนเดินกลับไปบ้านพัก
“ทีหลังจะไปไหนต้องบอกฉันก่อน อย่างนี้ดีกว่า ทีหลังจะไปไหนต้องมีฉันไปด้วย เข้าใจมั้ย ประนอม”
ณิชมนมองบุรธัชยิ้มยอมให้ลากตัวไปด้วยอย่างไม่เกี่ยงงอน บุรธัชหันมามองณิชมนอย่างแปลกใจ
“เป็นอะไรไป”
“ฉันชอบเวลาที่คุณเรียกชื่อฉัน ฉันเริ่มจะชอบชื่อประนอมแล้วล่ะค่ะ”
“มีอะไรหรือเปล่า ฉันรู้สึกว่า มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป”
“คุณคิดว่า อะไรทำให้เราได้มาพบกันอีกครั้ง”
“ก็เพราะฉันไง ถ้าฉันไม่ตามหาเธอ เราก็คงไม่ได้พบกันอีก”
“ฉันหมายถึงก่อนหน้านั้น คุณไม่คิดบ้างหรือไงคะว่า เราอาจจะเคยเดินสวนทางกันที่ไหนซักแห่ง แล้วเราก็ได้มาเจอกันอีก”
ณิชมนมีความสุขเต็มเปี่ยมเหมือนชีวิตเติมเต็มที่ได้เจอผู้ชายที่ช่วยเหลือเธออีกครั้งและเป็นบุรธัช
“งั้นก็แสดงว่า ชีวิตเธอกำหนดมาให้ต้องพบกับฉัน งั้นเธอก็ห้ามหนีฉันไปไหนอีกนะ ประนอม”
“คุณชายธัช...”
บุรธัชดึงณิชมนเข้ามากอด
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บ้านริมทะเลในตอนค่ำ ณิชมนเดินมาที่ระเบียงหน้าบ้านยืนมองดาวบนท้องฟ้า เธอได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากหน้าบ้าน ณิชมนขยับเดินออกไปดู ไฟเย็นที่ถูกปักเป็นทิวแถวบนพื้นทรายสว่างไสววูบวาบเป็นประกาย บุรธัชถือไฟเย็นเดินยิ้มเข้ามาอย่างภูมิใจในผลงาน
“ชอบมั้ย ประนอม ฉัน”
“สวยจังเลยค่ะ”
“ฉันยังมีของให้เธออีกนะ”
บุรธัชหยิบสร้อยของณิชมนออกมาให้ดู
“คุณชายธัช ! สร้อยของฉันอยู่กับคุณมาตลอด แต่คุณก็แกล้งไม่ยอมคืนฉัน คุณนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ”
ณิชมนเอื้อมมือจะฉกสร้อยคืน บุรธัชหลบได้ทัน
“ฉันใส่ให้เอง”
บุรธัชจับตัวณิชมนให้อยู่เฉยๆแล้วสวมสร้อยให้ เขารวบตัวณิชมนเข้ามากอดไว้
“ฉันไม่อยากจะไปจากที่นี่เลย” บุรธัชกล่าว
“เราอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้หรอกค่ะ ที่สุดเราก็ต้องแยกย้ายจากกันไป”
“เธอต้องกลับไปกับฉันนะ ประนอม”
ณิชมนเบี่ยงตัวออกจากบุรธัช
“คุณก็รู้ว่า มันเป็นไปไม่ได้ อีกไม่นานทุกคนก็ต้องรู้ความจริงว่า ฉันไม่ใช่แม่บ้านประนอม แล้วคุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันจะไม่ให้ต้องมาเสียชื่อเพราะปกป้องสิบแปดมงกุฎอย่างฉันหรอกค่ะ”
บุรธัชมองณิชมน เขาได้รับคำปฏิเสธจากณิชมนเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“ถ้าเธอไม่กลับไปกับฉัน ฉันก็จะไม่บังคับเธอล่ะ เธออยากจะไปไหนไปกับใคร หรือจะไปกับนายพงษ์เทพ ฉันก็จะไม่ห้ามเธออีกแล้ว”
“คุณชายธัชคะ...”
“ฉันขอถามเธอข้อเดียว พงษ์เทพรู้ความจริงแล้วใช่มั้ยว่า เธอไม่ใช่แม่บ้านประนอม”
“ค่ะ คุณพงษ์เทพรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว”
“ฉันก็นึกอยู่แล้ว ถ้าเธอมีปัญหาอะไร เธอคงนึกถึงพงษ์เทพคนแรก ฉันไม่ได้มีความหมายอะไรกับเธอเลยใช่มั้ย ฉันโง่เองที่พยายามยัดเยียดตัวเองเข้าไปในชีวิตของเธอ เธออยากไปที่นี่เมื่อไหร่ ก็เชิญตามสบาย แล้วไม่ต้องห่วง เธอไปครั้งนี้ ฉันจะไม่ไปตามหาเธออีก”
บุรธัชเดินออกไป ณิชมนมองตามอย่างรู้สึกผิด
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนเดินเข้าตามบุรธัชมาในห้องนอนอย่างร้อนใจ
“คุณชายธัชคะ คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ ที่ฉันต้องบอกความจริงกับคุณพงษ์เทพเพราะสถานการณ์บังคับ คุณพงษ์เทพเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน แต่เค้าไม่ได้มีความสำคัญต่อฉันเหมือนคุณ”
บุรธัชหันกลับมามองณิชมนทำหน้าไม่เชื่อ
“คุณไม่รู้หรอกว่า คุณมีความสำคัญต่อฉันแค่ไหน ฉันดีใจนะคะที่คุณตามหาฉันจนเจอ แล้วเราก็ได้มาอยู่ด้วยกันที่นี่ ฉันมีความสุขมาก..มากจนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันไป”
“แล้วเธอจะกลับไปกับฉันหรือเปล่า”
“ฉันกลับไปกับคุณก็ได้ แต่ฉันจะกลับไปเป็นแม่บ้านประนอมของคุณนะคะ ฉันรู้ว่า คุณอยากจะดูแลฉัน แต่คุณไม่รู้หรอกว่า พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น อาจจะมีบางอย่างทำให้คุณเปลี่ยนใจก็ได้”
“ฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากเธอแน่”
“เราเข้าใจกันแล้วนะคะ เราจะกลับกันพรุ่งนี้เลยหรือเปล่า ฉันจะได้ไปจัดกระเป๋า”
บุรธัชดึงณิชมนไม่ให้ไป เขามองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ณิชมนมองบุรธัชอย่างไม่ไว้ใจ
“คุณอย่าทำอะไรบ้าๆนะ”
ณิชมนพูดไม่ทันขาดคำบุรธัชดึงณิชมนให้ล้มลงนอนบนเตียงด้วยกัน
“เธอยอมกลับไปเป็นแม่บ้านของฉันแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ฉันจะไปเป็นแม่บ้านทำงานบ้านให้คุณ ไม่ใช่แม่บ้านอย่างที่คุณคิด คุณชายธัช !”
บุรธัชกอดณิชมนไว้ไม่ให้ดิ้นหนีไปไหนได้
“เธอบอกเองว่า เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น เราอาจจะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้อีกก็ได้ ฉันขออยู่กับเธอใกล้ๆอย่างนี้แค่คืนนี้คืนเดียวได้มั้ย ประนอม..”
ณิชมนหยุดดิ้นรน ยอมอยู่ในอ้อมกอดของบุรธัช
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนนอนหลับอยู่บนเตียง ลืมตาตื่นขึ้นรีบหันไปมองข้างตัวแต่ไม่มีบุรธัชนอนอยู่ เธอลุกขึ้นนั่งมองหาบุรธัชแล้วชะโงกไปที่พื้นข้างเตียง บุรธัชนอนหลับอยู่พื้นข้างเตียง
ณิชมนมองบุรธัชแล้วยิ้มชื่นชมในความเป็นสุภาพบุรุษของเขา
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชเปิดท้ายรถเอากระเป๋าเป้ของณิชมนเก็บ ณิชมนเดินถือผ้าพันคอเข้ามาหาบุรธัช
“ฉันคืนให้คุณค่ะ..เออ..ฉันอยากให้คุณเก็บผ้าพันคอนี้ไว้ค่ะ”
“ไม่ดีกว่ามั้ง เดี๋ยวคนที่ให้เธอมาจะเสียใจ ใช่มั้ย มีคนให้เธอมาใช่มั้ย”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เจ้าของผ้าพันคอผืนนี้เป็นคนที่มีความสำคัญต่อฉันมาก ฉันก็เลยอยากให้คุณเก็บไว้”
“เจ้าของผ้าพันคอนี่เป็นใคร มีความสำคัญต่อเธอยังไง ที่สำคัญเค้าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“แล้วซักวันฉันจะบอกคุณค่ะว่า เค้าเป็นใคร”
“เธอต้องบอกฉันมาก่อนว่า ไอ้หมอนี่เป็นใคร”
“งั้นฉันจะเก็บผ้าผืนนี้ไว้ให้คุณก่อนแล้วกัน”
“นี่เป็นความลับอีกเรื่องที่เธอยังบอกฉันไม่ได้ใช่มั้ย”
“เราไปกันเลยดีมั้ยคะ เออ..ถ้าคุณไม่รีบร้อนไปไหน ฉันขอแวะไปที่ที่นึงก่อนได้มั้ยคะ คุณชาย”
บุรธัชมองณิชมนอยากรู้ว่าณิชมนจะไปไหนก่อน
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รวิภาสกับพิมพ์นฤมลยืนมองผลงานห้องเรียนกับห้องสมุดที่ได้รับการซ่อมแซมจนใหม่เอี่ยม
“นมลไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลยค่ะ นมลรู้สึกภูมิใจตัวเองที่สุดก็วันนี้แหละค่ะ ขนาดนมลมีส่วนเล็กๆเท่านั้น ยังรู้สึกเหมือนได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ การได้ทำอะไรให้คนอื่นนี่ มีความสุขอย่างนี้นี่เองนะคะ พี่ภาส”
รวิภาสมองพิมพ์นฤมลแล้วทำท่าสยอง
“นี่แสดงว่าจะมาอีกใช่มั้ย”
“แน่นอน นมลจะต้องมาออกค่ายอีกแน่ๆ”
“โชคดีไปที่ปีหน้าพี่เรียนจบแล้ว อยากรู้จริงๆ ใครจะเป็นคนโชคร้ายคนต่อไปที่จะต้องมาเป็นหัวหน้าชมรมฯ คอยดูแลลูกค่ายเจ้าปัญหาอย่างนมล”
“พี่ภาส ! ถ้านมลเป็นตัวปัญหานักล่ะก็ ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับนมลอีกแล้วตอนนี้นมลดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องการให้ใครดูแลหรอก”
พิมพ์นฤมลเดินงอนออกไป
“เฮ้ย พี่พูดเล่น !”
รวิภาสรีบตามนมลไป
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รถบุรธัชแล่นเข้ามาจอดที่โรงเรียนเวียงดอย บุรธัชกับณิชมนลงจากรถ ณิชมนรีบเดินดุ่มๆจะไปตามหาพิมพ์นฤมล บุรธัชดึงตัวณิชมนไว้ยังไม่ให้ไป
“เธอแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะบอกความจริงกับนมล”
“ฉันแน่ใจค่ะ คุณนมลดีกับฉันมาตลอด เธอไม่ได้เห็นฉันเป็นแค่แม่บ้านแต่เห็นฉันเป็นเพื่อนเป็นพี่ของเธอ เธอมีแต่ความจริงใจให้ฉัน ฉันคงจะโกหกเธอต่อไปไม่ได้อีกแล้วล่ะค่ะ”
“ถ้านมลรู้เรื่องเธอ เดี๋ยวทุกคนในบ้านสรณาลัยได้รู้แน่ เธอเตรียมตัวรับมือให้ดีเถอะ”
“ฉันคิดว่า ฉันพูดกับคุณนมลได้ค่ะ ฉันเป็นบอกคุณนมลเอง เธอน่าจะเข้าใจ แต่ถ้าเธอไปรู้จากปากคนอื่น ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เธอจะคิดยังไง ฉันก็เลยต้องรีบมาบอกเธอไงคะ คุณรออยู่ที่นี่ก็ได้นะคะ ฉันไปคนเดียวได้”
“ไม่ละ ฉันไปด้วย ฉันไม่ได้กลัวเธอหนีไปไหน แต่ไปด้วยกัน ฉันจะสบายใจกว่า ไปๆ ไปจัดการธุระให้เสร็จ แล้วกลับบ้านเรากัน”
บุรธัชจับมือณิชมนเดินออกไปด้วยกัน
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พิมพ์นฤมลเดินงอนหนีมา รวิภาสเดินตามาจนทันกอดคอเธอแล้วล็อคตัวไว้ไม่ให้ไปไหน
“รู้ใช่มั้ยว่าพูดเล่น”
“ไม่รู้”
“นี่ไม่ได้โกรธจริงๆ ใช่มั้ย ที่จริงพี่น่าจะโกรธนมลมากกว่านะ ทะเลาะกันทีไร ชอบบอกเลิกทุกที เห็นเรื่องของเราเป็นเรื่องเล่นๆหรือไง”
“นมลไม่ได้บอกเลิกซักหน่อย”
“แล้วเมื่อกี้อะไร บอกว่า ไม่ต้องการคนดูแลแล้ว เมื่อวานก็ท้าเลิก ชีวิตเราสองคนจะได้ง่ายขึ้น ถ้าคนรักกันจริงๆ ไม่พูดเรื่องเลิกออกจากปากง่ายๆอย่างนี้หรอกนะ”
“นมลขอโทษ นมลโมโหทีไร พูดก่อนคิดทุกที นมลจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว”
“เราสองคนกว่าจะเข้าใจกันรักกันต้องใช้เวลาแค่ไหน ถ้าปัญหาเล็กๆ ทำให้เราหมดรักกันง่ายๆ แล้วต่อไปไปเจอปัญหาที่หนักกว่านี้ เราสองคนจะเป็นยังไง นมลต้องอดทนหนักแน่นมากกว่านี้ รู้มั้ย”
“นมลรู้ค่ะ นมลจะไม่เอาแต่ใจ แล้วไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเข้ามา นมลก็จะอยู่ข้างๆ พี่ภาสอย่างนี้ ไม่หนีไปไหนเด็ดขาด ต่อให้พี่ภาสไล่นมลไปนมลก็ไม่ไป”
พิมพ์นฤมลกอดแขนรวิภาสไว้ รวิภาสดึงพิมพ์นฤมลเข้ามาใกล้
“พี่ไม่มีวันไล่นมลไปไหนเหมือนกัน”
รวิภาสหอมหน้าผากพิมพ์นฤมลอย่างอ่อนโยน
บุรธัชกับณิชมนเดินเข้ามาพอดี ทั้งสองชะงักนิ่งมองมา ณิชมนยืนนิ่งตกใจแต่ทำอะไรไม่ได้ พิมพ์นฤมลมองไปเห็นบุรธัช เธอถอยห่างออกมาจากรวิภาส
“คุณชายธัช !” พิมพ์นฤมลตกใจ
รวิภาสหันหลังไปมองเห็นบุรธัชมองมา
“พี่ธัช...”
บุรธัชมองมาที่รวิภาสกับพิมพ์นฤมลอย่างเยือกเย็นเริ่มจะเอาเรื่อง
จบตอนที่ 19
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.